เบิกฟ้า ฉบับที่ # 21

Page 1

free copy

ฉบับที่ 21 เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2557

ออกแบบปก : ชุติมา ประสานทรัพย์ www.facebook/petch chutima

ISSN 2350-9507

เมือ่ โลกไม่ใช่ใบเดิม Art Appreciation

แค่เปลีย่ นความคิด ชีวติ ก็เปลีย่ น DM Graduate

ให้ความรักน�ำทางเราไป Thinking Talking


02 Editor Talk

มูลนิธิ​ด�ำรง​ชัย​ธรรม ก่อ​ตั้ง​ขึ้น​เมื่อ​ปี พ.ศ. 2542 โดย​คุณ​ไพบูลย์ ด�ำรง​ชัย​ธรรม มูลนิธิ​ได้​มอบ​โอกาส​ทาง การ​ศึกษา​ให้​กับ​เยาวชน อีก​ทั้ง​ยัง​ส่ง​เสริม​ให้​เยาวชน​ได้​ ท�ำ​กิจกรรม​ต่างๆ เพื่อ​พัฒนา​ตนเอง​ตามศักยภาพ อาทิ กิจกรรม​โครงการ​สถานี​อาสา โครงการ​ยอ่ ​โลก​ทงั้ ​ใบ​ให้​เด็ก ​ไทย​ได้​รู้จัก และ​วารสาร​เบิก​ฟ้า บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา ปราโมช รัฐวินิจ (กรรมการและผู้อ�ำนวยการมูลนิธิ) ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ประธานกรรมการมูลนิธิ : ไพบูลย์ ด�ำรงชัยธรรม กรรมการและเลขานุการ : ฟ้าใหม่ ด�ำรงชัยธรรม กรรมการและเหรัญญิก : สุวิมล จึงโชติกะพิศิฐ กรรมการ : อรุณ วัชระสวัสดิ์ มานิจ โมฬีชาติ จิราภรณ์ วิญญรัตน์ ทอรุ้ง จรุงกิจอนันต์ สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา บุษบา ดาวเรือง ไชย ณ ศิลวันต์ ประภาวดี ธานีรนานนท์ ระฟ้า ด�ำรงชัยธรรม ที่ปรึกษาฝ่ายกิจกรรมมูลนิธิ : ไศล วาระวรรณ์

ในห้ อ งเรี ย น วิ ช าสั ม มนา ของนิ สิ ต ปรั ช ญาชั้ น ปี ที่ 4 มหาวิ ท ยาลั ย เกษตรศาสตร์ เมื่ อ หลายปี ก ่ อน อาจารย์ ส อน พวกเราด้วยวิธกี ารเปิดเวที ให้ได้โต้แย้งแสดงความเห็น ในหัวข้อ ที่มอบหมาย เท่าที่ยังพอจะจ�ำได้ เช่น เรื่อง การุณยฆาตในมิติ ของพุทธศาสนา พุทธจริยศาสตร์กับปัญหาโสเภณี การ พนันอย่างถูกกฏหมายในสังคมไทย แต่ละหัวข้อท้าทายความ คิดมาก เปิดสมองน้อยๆ สูโ่ ลกการคิดแบบใหญ่ๆ ของนิสติ ทุกคน แสดงความเห็นอย่างออกรส หาถูกหาผิด อาจารย์แนะน�ำให้ไป ค้นข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อการคุยในคาบถัดไป จ�ำได้ว่าเป็นการเรียน ที่สนุกจริงๆ ในชัว่ โมงสุดท้ายของวิชานี้ อาจารย์ไม่ได้กล่าวสรุปถูกผิด ในแต่ละหัวข้อ บอกแค่ว่าคนที่จะได้คะแนนเกรด A คือคนที่ ได้คิด ได้แสดงความเห็น ได้โต้แย้ง ได้ค้นคว้าข้อมูลที่ครอบคลุม ได้ยืนยันความคิดของตัวเอง ได้ชัดเจนในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ และ ส�ำคัญที่สุดคือได้แสดงออกถึงการเคารพความคิดความเชื่อของ เพื่อนในชั้นที่แตกต่างด้วยเช่นกัน บทสรุปจากห้องเรียนนี้เมื่อหลายปีก่อน น�ำมาใช้ได้อย่าง ทันสมัยในวันนี้

โชค​ดนี​ ะ​คะ

หัวหน้ากองบรรณาธิการ ณัฏฐา ทับทอง กองบรรณาธิการ ทีมงานมูลนิธิด�ำรงชัยธรรม

วารสารเบิกฟ้า ผลิตโดยมูลนิธิด�ำรงชัยธรรม ส�ำนักงาน เลขที่ 50 อาคารจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส ถนนสุขุมวิท 21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 โทรศัพท์ : 02-669-9611-7, 02-669-9711-8 โทรสาร : 02-669-9614 E-mail : damrongchaitham@damrongchaitham.com Website : www.damrongchaitham.com Facebook : www.facebook.com/DMfoundation.dm จัดพิมพ์โดย บริษัท วงตะวัน จ�ำกัด 555 ถนนประชาอุทิศ แขวง ดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ : 02-981-1333 โทรสาร : 02-981-1340

พี่​เจี๊ยบ (ณัฏฐา ทับทอง)

หัวหน้ากองบรรณาธิการ www.facebook.com/berkfaa Natha_tub@damrongchaitham.com


CONTENTS :

Art Appreciation

4

English for Fun

5

ก.เอ๋ย ก.ไก่

6

Hi! Japanese

7

Scitech

22

DM Graduate

8

Wow! Asean

23

กฏหมายน่ารู้ กับ ธ.ธนา

24

Math Unlimited

25

เมื่อโลกไม่ใช่ใบเดิม English for LOVE

อยากเป็นคนที่ถูกรัก ハッピーバレンタイン。(ฮับปี้บาเลนทาย)

แค่เปลี่ยนความคิดชีวิตก็เปลี่ยน จากเด็กเร่ร่อนสู่วิศวกรมืออาชีพ

Thinking Talking

12

Experience

14

ให้ความรักน�ำทางเราไป รักสุดใจในบาหลี

4 Digital Detox บ�ำบัดโรคติดเทคโนโลยี รักในม่านฝน ในสวนขวัญ

การใช้กราฟเส้นตรงหาค�ำตอบ ของระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร

8

12 Around Me!

26

A-R-T

16

Guidance

18

Life Coaching

20

เวทีคนเก่ง

30

Help for Health

21

มองชีวิตคิดดี

31

ศิลปะไทยๆ

คนยืนหน้าเตา

การเดินทางกลับสู่ข้างใน ระบบประกันสุขภาพของไทย

: GPS คืออะไร?

: การเตรียมพลเมืองรุ่นใหม่ ในวิกฤตการณ์ความขัดแย้ง หลงเสน่ห์ลิเก

ความมืดสีขาว

MY COLUMNIST : คอลัมน์นิสต์ รับเชิญพิเศษ : มองชีวิตคิดดี โดย ดร.ศิริวรรณ เกษมศานต์กิดาการ อาจารย์ภาควิชาปรัชญา คณะมนุษย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ • Life Coaching, Art Appreciation โดย ผศ.อรรถพล อนันตวรสกุล อาจารย์ประจ�ำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย • Guidance โดย รอยฝัน (คุณสุรวิทย์ อัสพันธุ์) • Thinking Talking โดย คุณเมธา มาสขาว คอลัมน์นิสต์ กลุ่มบัณฑิตทุนมูลนิธิด�ำรงชัยธรรม : English for Fun โดย จิรวัฒน์ มหาสาร บัณฑิตทุนรุ่นที่ 7 : เจ้าหน้าที่ประสานงานเอกสิทธิ์ทางการฑูต ณ สถานทูตอเมริกาประจ�ำประเทศไทย • ก.เอ๋ย ก.ไก่ โดย ยามเย็น (สนธยา สุขอิ่ม) บัณฑิตทุนรุ่น 6 : อาจารย์สาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี จ.ลพบุรี • Hi! Japanese โดย ครูหนาว (มานิต วงศ์มูล) บัณฑิตทุนรุ่นที่ 6 : ครูสอนภาษาญี่ปุ่น โรงเรียน อุตรดิตถ์ • Experience โดย กุ้งนาง (อนิจธิยา นิลบรรหาร) บัณฑิตทุนรุ่นที่ 4 : นักศึกษาปริญญาโท ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาภาษาศาสตร์ประยุกต์ ด้านการสอนภาษาอังกฤษมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี • A-R-T โดย MR.BOM (สุริยน แก้ววังสัน) บัณฑิตทุนรุ่นที่ 11 : นักออกแบบเฟอร์นิเจอร์ บริษัท เฟอร์นิเทค จ�ำกัด • Help for Health โดย ภญ.บุ ษ บงก์ ธรรมมาสถิ ต ย์ กุ ล บัณฑิตทุนรุ่นที่ 11 : เภสัชกรประจ�ำโรงพยาบาลต�ำรวจ • Scitech โดย Spocky (ปรัชญา มณีทักษิณ) นักเรียนทุนรุ่นที่ 9 : นักศึกษาชั้นปีที่4 คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี • Wow! Asean โดย สุวิมล จินะมูล บัณฑิตทุนรุ่นที่ 6 : ผู้สื่อข่าว TNN24 • กฏหมายน่ารู้ กับ ธ.ธนา โดย ร้อยตรีธนา ภัทรภาษิต บัณฑิตทุนรุ่นที่ 11 : นายทหารสารวัตรสืบสวนสอบสวน กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (นสวส.พล.ปตอ.) • Math Unlimited โดย อนุวัตร จิรวัฒนพาณิช บัณฑิตทุนรุ่นที่ 3 : อาจารย์ภาควิชาคณิตศาสตร์และสถิติ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต • Around Me! โดย นายพงษ์พัฒน์ สมณะคีรี บัณฑิตทุนรุ่นที่ 10 : ครูพิเศษ โรงเรียนโนนสังวิทยา จ.หนองบัวล�ำภู นายธีรนัย เล้าอรุณ บัณฑิตทุนรุ่นที่ 8 : Survey Engineer บริษัท NB Survey Global


04 Art Appreciation

‘กระแสซอมบี้’ ก�ำลังเฟื่องฟูสุดขีดทั้งในสื่อการ์ตูน ซีรีย์ และภาพยนตร์ ทั้ง ฝัง่ โลกตะวันตกและในเอเชียเอง ความน่าสนใจในตัวละครซอมบี้ คือ การอยูต่ รงกลาง ระหว่างความเป็นและความตาย สูญเสียและหมดสิ้นความเป็นมนุษย์ ขณะเดียวกัน ก็ยังไม่นับ ว่าเป็น ‘คนตาย’ ในแง่ที่มันยังลุกขึ้น เดินเหิน แพร่พันธุ์ได้ แถม ตายยากตายเย็น โลก ของซอมบี้ จึ ง เป็ น โลกที่ ซ ้ อ นทั บ กั บ มนุ ษ ย์ อย่ า งเราๆ ซึ่ ง เผลอเมื่อไหร่ก็อาจจะถูกกัด ติดเชื้อ จน กลายพั น ธุ ์ เป็นส่วนหนึ่งของพลพรรคซอมบี้ ได้ไม่ ยาก

Hideo Suzuki ใน I am Hero (ชื่อ ในภาษาไทย คือ ข้าคือฮีโร่) เป็นโอคาขุ ผู้พ่ายแพ้ต่อสังคมแห่งการแข่งขัน วัน แต่ละวันวุ่นอยู่กับการท�ำงานเป็นผู้ช่วย นักเขียนการ์ตูนหนุ่ม แถมตกกลางคืนยัง มั ก ฝั น ร้ า ย เห็ น ภาพหลอนแปลกๆ อยู ่ ประจ�ำ เช้าวันหนึง่ เขาตืน่ ขึน้ มาและพบว่า แฟนสาว ‘แปลกไป’ พยายามไล่กัดเขา และผู้คน ‘นอกห้อง’ ของเขา ได้พากัน ‘แปลกๆ’ ไปเสียทั้งหมด อาการแปลกๆ ที่ ว่าคือ เที่ยวไล่กัดผู้คน ดวงตาเหม่อลอย ไร้ความรู้สึก ไม่เจ็บปวด ถูกตีเท่าไหร่ก็ดู จะไม่ยอมตาย แถมผู้คนที่ถูกกัด ก็พากัน ‘แปลกๆ’ ตามๆ กันไปเสียอีก Kengo Hanazawa ผู้เขียนเรื่อง/ วาดเส้น สร้างบรรยากาศหม่นแปลกให้ กับเมืองใหญ่ในญี่ปุ่นที่ผู้คนตัวเล็กๆ ต่าง ก็พากันต้องดิ้นรนเอาตัวรอด และแปลก แยกต่อกัน การที่ตัวละครอย่าง Hideo เดินออกจากบ้านไปท�ำงาน เดินผ่าน ‘ผูค้ น แปลกๆ’ ที่มี ‘พฤติกรรมแปลกๆ’ อยู่ตั้งแต่ ต้นเรื่อง ทว่ากลับไม่รู้เลยว่า ‘สายพันธุ์ ซอมบี้’ ได้ค่อยๆ กัดกินผู้คนในสังคม แม้ กระทั่ ง เพื่ อ นร่ ว มอพาร์ ต เมนต์ เ ดี ย วกั น กว่าที่ Hideo จะรู้สึกสงสัยจริงจัง ก็เมื่อ เชื้อซอมบี้นั้นมาถึงตัวแฟนสาวของเขา เสียแล้ว ท่าทีตลกร้ายของการ์ตูนเสียดสี สังคมตัวใครตัวมัน ที่ผู้คนล้มเหลวในการ เชื่อมต่อและยึดโยงความสัมพันธ์

เราจะเปรียบเปรย ‘เชือ้ ซอมบี’้ ว่าหมายถึง สังคมยุคใหม่ ทีผ่ คู้ น เหินห่างหมางเมิน หมกมุน่ อยูก่ บั ตนเอง และท�ำงานเพียงเพือ่ เลีย้ งชีพ โดยแยแสผู้คนรอบข้างน้อยลงก็พอได้ Hideo ตัดสินใจลุยออกไปนอกห้องและได้พบว่าเมืองทัง้ เมืองเปลีย่ น หมดแล้ว ‘คนประหลาดๆ’ ได้ยึดครองไปเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงผู้คน จ�ำนวนน้อยนิดที่ยังรอดและหาทางหลบซ่อนตัวรอด Hideo ช่วยเด็กสาวที่ เพิ่งถูกกัดไว้ได้คนหนึ่ง ความแตกต่างก็คือ เธอยังไม่ได้ ‘เป็นอื่น’ อย่างเต็มที่ มีบางช่วงขณะทีส่ ำ� นึกในความเป็นคนยังคงมีอยู่ แต่บางช่วงทีค่ วบคุมตนเอง ไม่ได้ เธอก็จะมีเรี่ยวแรงมหาศาลและกราดเกรี้ยวกับทุกอย่าง เขาพาเธอ หลบหนีจนไปเจอชุมชนผู้เหลือรอดที่อาศัยอยู่บนชั้นดาดฟ้าของตึก Kengo Hanazawa เสียดสีสังคมมนุษย์อย่างแหลมคมอีกชั้นหนึ่ง ด้วยการน�ำเสนอสังคมเล็กๆ ของผูเ้ หลือรอดทีม่ กี ารควบคุมโดยผูท้ มี่ ี ‘หน้าไม้’ เป็นอาวุธ สุดท้ายมนุษย์กย็ งั คงกระหายอ�ำนาจและพยายามเอารัดเอาเปรียบ คนอืน่ อยูต่ ลอดเวลา ผูท้ เี่ ข้มแข็งและเอือ้ อาทรจะอยูร่ อดต่อไปได้นานเท่าไหร่ และเราจะยังคงเหลือศรัทธาในความเป็นมนุษย์ของผู้คนได้อีกนานแค่ไหน นั่นคือค�ำถามส�ำคัญยิ่งที่ชวนผู้อ่านทุกท่านใคร่ครวญ


English for Fun 05

ในเดือนแห่งความรัก การส่งข้อความสื่อรัก อาจจะดูธรรมดา หรือ อาจเขิ น อายกั น บ้ า งหากจะกล่ า วเป็ น ภาษาไทยที่ คุ ้ น เคยกั น อยู ่ ทุ ก วั น ข้อความภาษาอังกฤษจึงเป็นอีกตัวเลือกที่ใครหลายๆ คนเลือกใช้ การ เลือกใช้ค�ำ หรือประโยคโดยที่เราไม่รู้ความหมายก็อาจท�ำให้เกิดการเข้าใจ ผิดได้เช่นเดียวกัน วันนีเ้ ราจึงหยิบยกประโยคทีเ่ กีย่ วกับความรักทีน่ า่ สนใจ มาฝากกันครับ

English for โดย Jirawat

• I have a crush on you. "ฉันปิ๊งเธอเข้าแล้ว" ค�ำว่า crush ในประโยคนี้ เราใช้ในรูปของค�ำนามที่แปลว่า "แอบรัก" ไม่ใช่ค�ำกริยาที่แปลว่า "บีบอัด" • I'm falling for you. หรือ I have fallen in love with you. "ฉันตกหลุมรักเธอ เข้าแล้ว" ค�ำว่า fall ในที่นี้คือ "ตกหลุมรัก" ไม่ใช่ "ล้ม" หรือ "หล่น" • I am dating someone. หรือ I am seeing someone. "ฉันก�ำลังคบกับ คนคนหนึ่งอยู่" ค�ำว่า date ไม่ได้หมายความว่า "นัดหมาย" see ไม่ใช่การ "มองเห็น" แต่คือการคบหาดูใจ • I am crazy about you. "ฉันคลั่งไคล้เธอมาก" เป็นการบอกว่าฉันหลงใหลเธอ เอามากจริงๆ ถึงแม้จะมีค�ำว่า crazy แต่มีความหมายเชิงบวกครับ • You are the one. "เธอคือคนนั้น" หรือเธอคือคนที่ใช่ของฉัน เธอนี้แหละใช่เลย • I can't wait to see you again. ค�ำว่า can't wait ความหมายตรงตัวคือ "รอไม่ได้" แต่ประโยคนี้จะแปลรวมๆ ว่า "ฉันอยากเจอเธออีกครั้งเหลือเกิน" ประมาณว่าอดใจรอไม่ไหวแล้ว

เห็นไหมครับว่าความ หมายอาจไม่ได้แปลตรงตัว ในหลายๆ ประโยค การ ศึกษาเพิ่มเติมจะช่วยให้เรา เข้าใจมากยิ่งขึ้นและป้องกัน ความผิดพลาดในการส่งสาร ได้ อี ก ด้ ว ย ขอให้ ทุ ก คนมี ความสุ ข กั บ การสื่ อ รั ก และ อย่ า ลื ม หมั่ น ฝึ ก ฝนภาษา อังกฤษกันนะครับ


06 ก.เอ๋ย ก.ไก่

ใจ ฉันเคยถูกทิ้งเพียงล�ำพัง รักใครมาแล้วตั้งกี่ครั้ง ผิดหวังมากี่หน เมื่อรักคนที่เขาไม่ได้รักเราก็ช�้ำใจอย่างนี้ สุดท้ายต้องโดนเขามองผ่าน สุดท้ายไม่มีใครต้องการ ไม่รู้นานแค่ไหน จะได้ใจจากใครสักที แค่อยากเป็นคนที่ถูกรัก แค่อยากเป็นคนที่ถูกใครสักคนเข้าใจ ช่วยเติมชีวิตที่ว่างเปล่า ช่วยเอาความรักมาให้ มีใครบ้างไหมสักคน

คนทีถ่ กู รัก

อยากเป็น

โดย ยามเย็น

ขอร้ อ งเพลงรั ก คุ ้ น หู ใ ครหลายๆ คน ต้ อ นรั บ เทศกาลวันแห่งความรัก น้องๆ นักอ่านน่าจะคุ้นกับ เนื้อหาเพลงนี้ คงเคยกระโดดสุดตัวตามจังหวะเพลงกัน อย่างสนุกสนาน แต่ใครที่มีชีวิตรักตามเนื้อเพลงคงจะ สนุกทั้งน�้ำตา เพราะอยากมีใครมารักบ้าง ไม่ใช่แต่เฝ้า คอยมองแอบรักคนอื่นฝ่ายเดียว (ใครอยากเป็นคนที่ ถูกรัก ขอเสียงหน่อยครับ!) ก เอ๋ย ก ไก่ ขอเชื่อมโยงเพลงนี้เข้ากับเกร็ด ความรู้ภาษาไทยหน่อยนะครับ น้องๆ ทราบไหมครับว่า วลีเด็ดเพลง คนที่ถูกรัก ของ บอดี้สแลม ที่ว่า “แค่ อ ยากเป็ น คนที่ ถู ก รั ก แค่ อ ยากเป็ น คนที่ ถูกใครสักคนเข้าใจ”

จริงๆ แล้วไม่ใช่ลักษณะของส�ำนวนในภาษาไทย แต่ เ ป็ น ส� ำ นวนต่ า งประเทศที่ ไ ด้ รั บ อิ ท ธิ พ ลมา เพราะ โครงสร้างประโยคของภาษาไทยจะเป็น ประธาน+กริยา +กรรม และไม่จ�ำเป็นต้องใช้ค�ำว่า ถูก เพราะฉะนั้น ถ้าจะ ให้เป็นส�ำนวนภาษาของไทย จะใช้เป็น “แค่อยากมีคนมารัก แค่อยากมีใครสักคนเข้าใจ” ทุกครัง้ ทีร่ อ้ งหรือฟังเพลงนี้ หวังว่าจะช่วยย�ำ้ ให้ทกุ คน ใส่ใจเรื่องการใช้ส�ำนวนภาษาไทยนะครับ โดยเฉพาะไม่ใช้ ส�ำนวนภาษาต่างประเทศเวลาเขียนงานวิชาการ ขอให้ทกุ คนพบรัก มีคนมารักและเข้าใจเร็วๆ นีน้ ะครับ

ตัวอย่างประโยคที่ใช้ “ถูก” ส�ำนวนภาษาต่างประเทศ :

ส�ำนวนภาษาไทย :

“เพลงรักถูกร้องโดยนักร้องชื่อดัง”

“นักร้องชื่อดังร้องเพลงรัก”

“วันแห่งความรักถูกจัดขึ้นอย่างอลังการ”

“วันแห่งความรักจัดขึ้นอย่างอลังการ”

“ดอกกุหลาบสีแดงช่อนี้ถูกมอบให้คนรัก”

“ดอกกุหลาบสีแดงช่อนี้มอบให้คนรัก”

หมายเหตุ

กรณีที่ประโยคมีบริบทความ หมายเชิงทัศนคติลบ จ�ำเป็น ต้องใช้คำ� ว่า “ถูก” เพราะเป็น ส�ำนวนภาษาไทย ตัวอย่าง เช่น เขาถูกต�ำหนิเรือ่ งการแต่งกาย เขาถูกตีเมื่อเช้านี้


Hi! Japanese 07

วิ้ว........ วิ้ว ............บรรยากาศแห่งความรักมาถึงแล้ว วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 'วันวาเลนไทน์' หรือวันแห่งความรักเป็นวันที่ หนุม่ สาวทัว่ โลกใช้เป็นโอกาสในการบอกรักหรือมอบของขวัญแทนใจ ให้กันและกัน ในเทศกาลวาเลนไทน์ หนุ่มสาวคู่รักชาวไทยนิยมใช้ 'ดอกกุหลาบสีแดง' เป็นสัญลักษณ์แทนความรักมอบให้แก่กัน แต่ธรรมเนียมวันวาเลนไทน์ในประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างแตกต่าง จากประเทศอื่นๆ เป็นพิเศษ วันวาเลนไทน์ในประเทศญี่ปุ่นเป็นวันที่ ฝ่ายหญิงต้องมอบ 'ช็อกโกแลต' ให้กบั ฝ่ายชายเพือ่ เป็นสัญลักษณ์ แทนความรักของตน ธรรมเนียมของชาวญี่ปุ่นในการมอบช็อกโกแลต ให้กับชายคนรักในวันวาเลนไทน์นั้นเริ่มต้นมาตั้งแต่ราว 40 ปีก่อน โดย ฝ่ายหญิงจะมอบช็อกโกแลตแทนใจให้กับฝ่ายชายที่เป็นหวานใจตัวจริง เสียงจริงเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ต่อมาธรรมเนียมการมอบช็อกโกแลต แพร่หลายมากขึ้น วั น วาเลนไทน์ ภาษาญี่ ปุ ่ น จะออกเสี ย งว่ า バレンタイン (บาเลนทาย) เนือ่ งจากเสียงในภาษาญีป่ นุ่ จะไม่มเี สียง V แต่จะออกเสียง เป็นเสียง B แทนครับ เนื่องในโอกาสวันนี้วาเลนไทน์นี้ มาเรียนรู้ ค�ำบอกรักเป็นภาษาญี่ปุ่นกันดีกว่านะครับ 好きです。/ 好きだよ。 (ซุ คิ เ ดส หรื อ ซุคิดะโยะ) แปลว่า ฉันชอบเธอ (คนญี่ปุ่น นิยมใช้ ค�ำว่า "ชอบ" มากกว่าค�ำว่า "รัก")

เห็นไหมครับส�ำนวนค�ำพูดของคน ญี่ปุ่นท�ำเอาคนอ่านต้องอมยิ้มไปตามๆ กัน ส�ำหรับผู้ชายไม่ต้องน้อยใจไปนะครับ ว่าไม่มโี อกาสเอาของขวัญแทนใจมามอบ ให้ฝ่ายหญิง เพราะวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันของฝ่ายหญิงที่จะมอบให้แก่ ฝ่ายชาย และหลังจากนี้อีก 1 เดือน คือวันที่ 14 มีนาคม เรียกว่าวัน ไวท์ เดย์ ฝ่ายชายจะเป็นฝ่ายน�ำลูกกวาดมา มอบให้แก่หญิงอันเป็นที่รักบ้าง นี่คือ ธรรมเนียมของชาวญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้อง กับวันแห่งความรัก

(ฮับปี้บาเลนทาย)

。 ン イ タ ン レ バ ー ハッピ โดย ครูหนาว

愛しています。(อัยชิเตะอิมัส) ฉันรักเธอ ずっと友達でいようね。 (ซุท โต๊ ะ โทโมดาจิเ ดะ

ずっとあなたのそばにいるよ。 (ซุ ท โตะ

เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปนะ

อิโยเนะ)

อะนะตะโนะ

โซบะนิ อิรุโยะ) ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป 一 週 間に八 回 会いたい。 (อิ ช ชู คั ง นิ ฮั ค ไกไอไต้ เ ดส) อยากเจอเธอสัปดาห์ละ 8 ครั้ง あなたと一緒で私は幸せです。(อะนะตะโตะ อิชโชะเดะ วะตะชิวะชิอะวะเสะเดส) ฉันมีความสุขเวลาที่ได้อยู่กับเธอ いつも一緒にいてくれてありがとう。(อิทสึโมะ อิชโชะนิ อิเตะคุเรเตะอะริกาโต้) ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันเสมอ

ท้ายนี้ครูขอให้ทุกคนมีความสุขกับ วันแห่งความรักนะครับ ハッピーバレン タイン。 (ฮั บ ปี ้ บ าเลนทาย) สุ ข สั น ต์ วันวาเลน์ไทน์นะครับทุกคน


08 DM Graduate

แค่ เ ปลี ย ่ นความคิ ด จากเด็กเร่ร่อนสู่วิศวกรมืออาชีพ

ช่ ว งเวลาอาทิ ต ย์ โ พล้ เ พล้ ใ นตอนเย็ น ส�ำหรับบางคนอาจให้ความรู้สึกอบอุ่น สงบเย็น เข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน แต่ส�ำหรับบาง คนกลับเป็นบรรยากาศที่ท�ำให้หวนคิดถึงวันคืน อันรวดร้าว “เวลาที่พระอาทิตย์ตกส�ำหรับผมคือช่วง เวลาทีค่ วามกลัวก�ำลังจะเริม่ ต้นขึน้ เมือ่ แม่คล้อย หลังออกจากบ้านเพือ่ ไปท�ำงานทีร่ า้ นอาหาร พ่อ เลี้ ย งก็ จ ะเริ่ ม กิ น เหล้ า และเมื่ อ เมาได้ ที่ เริ่ ม หงุดหงิดโมโหอารมณ์ไม่ดี และผมคือเด็กโชคร้าย ที่ต้องคอยรองรับอารมณ์เหล่านั้น ผมถูกทุบตี เตะต่อย ท�ำร้ายร่างกาย ด่าทอ มีบาดแผลทั้ง

กายและใจ เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นซ�้ำแล้วซ�้ำเล่าจน ผมรู้สึกว่าไม่อยากอยู่ที่บ้านหลังนั้นอีกแล้ว และท้าย ที่สุดเมื่อทนไม่ไหวผมก็หนีออกมาจากบ้านหลังนั้นใน วัยเพียง 10 ปี ผมไปอยู่ตามสนามหลวง สะพานพุทธ ทีท่ เี่ ด็กเร่รอ่ นเขาไปอยูก่ นั ผมก�ำลังจะบอกว่านีค่ อื ชีวติ ที่ติดลบต�่ำกว่าศูนย์เสียอีก แต่ผมไม่เคยรู้สึกเสียใจ หรือมองย้อนกลับไปว่าท�ำไมชีวิตเราถึงเป็นแบบนี้ เพราะทุกวันนี้ที่เดินมาไกลได้ขนาดนี้ เป็นเพราะวันนั้น ที่หล่อหลอมความเป็นเราในวันนี้ ฉะนั้นทุกวันนี้เวลา เจอปัญหาอะไรในชีวติ เราจะบอกตัวเองเสมอว่าเราจะ ต้องผ่านไปให้ได้ เพราะที่แย่ ที่หนักที่สุดในชีวิตเรายัง ผ่านมาแล้ว”


09

ชีวิตก็เปลี่ยน นายนพดล โรจนปาล (พี่เหน่ง) อายุ 33 ปี บัณฑิตจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรม เครื่องกล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ บัณฑิตทุนรุ่นที่ 2 ของมูลนิธิด�ำรงชัยธรรม ปัจจุบัน ท�ำงานในต�ำแหน่ง ผูจ้ ดั การฝ่ายจัดซือ้ ให้กบั โครงการส�ำรวจและขุดเจาะ น�้ำมันในแอฟริกาเหนือของ บริษัท ปตท.ส�ำรวจและ ผลิตปิโตรเลียม จ�ำกัด สถานที่ท�ำงานคือประเทศ แอลจีเรีย เขาคือเด็กเร่ร่อนคนนั้น... “ผมต้องขอบคุณผู้คนในสังคมที่ได้ช่วยชีวิตผมไว้ ทีแ่ รกทีพ่ าผมกลับมาสูช่ วี ติ เด็กทีเ่ กือบปกติ นัน่ คือ มูลนิธิ สร้างสรรค์เด็กของครูหยุย วัลลภ ตั้งคณานุรักษ์ ครู ข้างถนนของมูลนิธิ พาผมออกมาจากค�ำว่าเร่รอ่ นได้มาอยู่ ที่มูลนิธิให้ที่อยู่ให้อาหารให้การดูแล ให้สังคมใหม่ๆ ที่แม้ จะไม่ดที สี่ ดุ แต่กท็ ำ� ให้ชวี ติ ในวัยรุน่ ของผมมีกรอบทีช่ ดั เจน ขึ้น ต่อมาเมื่ออยู่ชั้นม.6 ผมก็ได้รับการช่วยเหลือจาก สั ง คมอี ก ครั้ ง โดยมู ล นิ ธิ ด� ำ รงชั ย ธรรมให้ ทุ น การ ศึกษาต่อเนือ่ งจนจบปริญญาตรี โดยไม่ตอ้ งชดใช้ทนุ ต้องขอบคุณทั้ง 2 มูลนิธินี้เป็นอย่างสูง แม้จะมีมือเข้ามา ช่วยเหลือ แต่ช่วงเวลานั้นผมก็ยังคงเป็นเด็กที่ว้าเหว่มอง ว่าชีวิตตัวเองเป็นสีเทาๆ เรียน กลับบ้าน กินข้าว ช่วยงาน มูลนิธิ อ่านหนังสือ นอน ตอนนั้นคิดแค่ว่าอยากเรียนสูงๆ อยากเป็นผู้ใหญ่ อยากท�ำงานมีเงิน อยากผ่านชีวิตช่วงนี้ ไปเร็วๆ แต่สุดท้ายความจริงก็สอนผมว่าทุกอย่างมีช่วง เวลาของมัน หน้าที่ของเราคืออดทน ชีวิตไม่มีทางลัด ทุก คนต้องผ่านความทุกข์ยากความไม่เป็นอย่างทีต่ อ้ งการทัง้ นัน้ ความอดทนช่วยเราได้ครับ ผมจึงค่อยๆ ใช้ชวี ติ มาอย่าง เป็นระบบ” “ข้อจ�ำกัดอันมากมายของชีวิต ท�ำให้ผมชอบที่จะ คิด บางครั้งคิดแล้วเป็นทุกข์ เลยเปลี่ยนพลังงานมาท�ำ กิจกรรมมากๆ เพื่อจะได้ไม่ให้มีเวลาว่างในการคิดมาก เกินไปและการเป็นนักกิจกรรมนี่แหล่ะที่ช่วยสร้างเสริม

ผมไม่เคยรู้สึกเสียใจหรือมองย้อนกลับไป ว่าท�ำไมชีวิตเราถึงเป็นแบบนี้ เพราะ ทุกวันนี้ที่เดินมาไกลได้ขนาดนี้ เป็นเพราะ วันนั้นที่หล่อหลอมความเป็นเราในวันนี้ ฉะนั้นทุกวันนี้เวลาเจอปัญหาอะไรในชีวิต เราจะบอกตัวเองเสมอว่าเราจะต้อง ผ่านไปให้ได้ เพราะที่แย่ ที่หนักที่สุด ในชีวิตเรายังผ่านมาแล้ว

ชื่อ : นายนพดล โรจนปาล (พี่เหน่ง) บัณฑิตทุน : รุ่นที่ 2/2546 ของมูลนิธิด�ำรงชัยธรรม การศึกษา : คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ การท�ำงาน : ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อให้กับ โครงการส�ำรวจและขุดเจาะน�้ำมัน ในแอฟริกาเหนือบริษัท ปตท. ส�ำรวจและผลิตปิโตรเลียม จ�ำกัด


10

แต่สุดท้ายความจริงก็สอนผมว่าทุกอย่าง มีช่วงเวลาของมัน หน้าที่ของเราคืออดทน ชีวิตไม่มีทางลัด ทุกคนต้องผ่านความทุกข์ยาก ความไม่เป็นอย่างที่ต้องการทั้งนั้น ความอดทนช่วยเราได้ครับ

ประสบการณ์ชวี ติ ให้ผม งานค่ายอาสา สอนหนังสือ ท�ำเกษตร ท�ำอาหาร จัดกิจกรรม น�ำสันทนาการ เล่นกีฬา งานฝีมือ ร้องเพลง งานก่อสร้าง รับจ้างสอนพิเศษ ผมท�ำมา แล้วทั้งสิ้น โดยในตอนนั้นไม่ได้คิดว่าต้องได้อะไรตอบแทน แต่ประสบการณ์ที่เกิด ขึน้ ในทุกครัง้ ทีท่ ำ� กิจกรรมท�ำให้วนั นีผ้ มเป็นนักจัดการ เป็นนักวางแผน และทีส่ ำ� คัญ เป็นนักแก้ปัญหา ส�ำหรับผมปัญหาคือปัญญา” และนพดลก็ใช้ประสบการณ์ชวี ติ ในวัยเด็ก วัยรุน่ ทีอ่ าจจะไม่ได้สวยหรูนกั แต่ เต็มไปด้วยทักษะชีวิต พาตัวเองมาอยู่ในต�ำแหน่งหน้าที่การงานที่ได้รับการยอมรับ ในวันนี้ “ผมใช้ชวี ติ อยูต่ า่ งประเทศมาเกือบ 4 ปีแล้ว ผมรูส้ กึ ว่าชีวติ ผมเดินทางมาอยู่ ในช่วงจุดสมดุลจุดหนึ่ง หลังจากที่บากบั่นเดินทางมาไกล อดทนจนมีวันนี้ ผมเคย ตั้งความหวังว่าผมอยากเป็นนักท�ำงานมืออาชีพที่ได้ออกไปท�ำงานต่างประเทศ สือ่ สารกับคนต่างชาติ นัน่ คือฝัน วันนีผ้ มก็ทำ� มันได้ ผมรูส้ กึ ว่าส�ำหรับผมความฝันมัน เป็นแรงผลักดัน แรงบันดาลใจ ให้เราเดินไปข้างหน้าอย่างมีชีวิตชีวา ถ้าคุณไม่มีผัน คุณก็จะเหมือนคนทั่วๆ ไป มีชีวิตอยู่ในบ้านหรือในส�ำนักงานแบบเรื่อยๆ ไม่มีพลัง ด�ำเนินชีวิตในแบบที่เราเห็นได้ทั่วๆ ไป ในมนุษย์ท�ำงานตามท้องถนน ผมไม่ได้บอก ว่ามันไม่ดแี ต่ผมอยากให้ทกุ คนลองสร้างฝัน ฝันเล็กๆ ฝันใหญ่ๆ ฝันอะไรก็ได้ มันจะ ช่วยให้คณ ุ มีแรงพิเศษทีท่ �ำให้เราแตกต่างและน่าภาคภูมใิ จ อย่างผมทีเ่ ริม่ ต้นอยาก เก่งภาษาอังกฤษ ฝันทีอ่ ยากท�ำงานกับคนต่างชาติ สิง่ ทีผ่ มท�ำเพือ่ ตัวเองคือ ฝึกภาษา อังกฤษทุกวัน ผมเขียนค�ำศัพท์เต็มห้องนอนแปะมันทุกที่ที่คิดว่าตัวเองต้องเดินผ่าน ดูหนังก็ไม่อ่านซับไตเติ้ล ฝึกการฟัง ลองออกเสียง เข้าเว็บไซต์ยูทูปฟังภาษาอังกฤษ ทุกวัน แล้ววันหนึง่ ผมก็พฒ ั นาตัวเองมาอยูใ่ นจุดทีผ่ มพอใจ และมันท้าทายมากทีผ่ ม


11

จะไม่ยอมหยุด ผมก็ยังคงอ่านหนังสือ ภาษาอังกฤษ ฝึกภาษาอังกฤษของผมต่อ ผมมักจะปล่อยตัวเองไปกับความรู้สึก ผมรู้สึกว่า ไปเรือ่ ยๆ และเมือ่ วันหนึง่ ทีม่ ชี าวต่างชาติ เราควรมีความรู้สึกร่วมกับทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้น คนหนึ่งบอกว่า ไม่เชื่อว่าผมเป็นคนไทย กับตัวเอง จริงๆ นะเรื่องพวกนี้มันส�ำคัญ เพราะส�ำเนียงภาษาอังกฤษของผมดีมาก เพราะเราจะได้รู้คุณค่าของชีวิต เพราะทุกความรู้สึก คิดว่าผมเป็นคนฟิลิปินส์ ผมก็บอกว่า มันคือมนุษย์ มันคือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนควรได้สัมผัส ผมเป็นคนไทย นี่เป็นรางวัลเล็กๆ ที่ช่วย ให้ผมเชือ่ มัน่ ว่า ความพยายามของเรา และตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากจริงๆ ส่ย�ำ้งผลเสมอไม่ ช้าก็เร็ว” และผมก็อยากให้คนทุกคนมีความสุขความพอใจในชีวิต ตามแนวทางตามรูปแบบที่เขาท�ำได้ ผมว่า จากชีวิตติดลบ วันนี้เหน่งบอก นี่แหล่ะคือสิ่งส�ำคัญของการด�ำเนินชีวิต ว่าเขาค่อนข้างพอใจในชีวิตของตัวเอง มากพอสมควร มี พื้ น ที่ ข องตั ว เอง มี การงานให้ได้พิสูจน์ความสามารถ มีหลานๆ ให้ได้ดูแลมีเพื่อนฝูงที่ให้ความเข้าใจ ระหว่างกัน มีปญ ั หาไว้ให้แก้ไขฝึกฝน มีอปุ สรรคไว้ให้ขา้ มผ่าน มีคำ� ติเตียนเพือ่ ให้ได้ ปรับปรุง มีก�ำลังใจให้กับตัวเองที่จะเดินหน้าต่อ มีตัวเองให้ได้ทบทวนความรู้สึก ความต้องการ มีความทุกข์เพื่อให้รู้จักความสุข เท่านี้เองที่เขารู้สึกว่า มันคือชีวิต “ผมมักจะปล่อยตัวเองไปกับความรู้สึก ผมรู้สึกว่าเราควรมีความรู้สึกร่วมกับทุก ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวเอง จริงๆ นะเรื่องพวกนี้มันส�ำคัญ เพราะเราจะได้รู้คุณค่า ของชีวิต เพราะทุกความรู้สึกมันคือมนุษย์ มันคือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนควรได้สัมผัส และตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากจริงๆ และผมก็อยากให้คนทุกคนมี ความสุขความพอใจในชีวติ ตามแนวทางตามรูปแบบทีแ่ ต่ละคนท�ำได้ ผมว่านีแ่ หล่ะ คือสิ่งส�ำคัญของการด�ำเนินชีวิต” อ่านเรื่องราวบางช่วงบางตอนของชีวิตเขาแล้ว คุณเองก็ก้าวไปอยู่ใน จุดทีเ่ รียกว่าปลายทางแห่งความฝันได้เช่นกัน เพียงแค่คดิ แล้วลงมือท�ำ ชีวติ เราเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เขาพยายามบอกเราเช่นนั้น


12 Thinking Talking

เมื่อวันแห่งความรักมาถึง ซึง่ จริงๆ แล้วคนเราควรแสดงออก ถึงความรักทุกวัน ทุกเดือนและทุก เวลา เพราะความรักปรารถนาให้ โลกมีความสุข สงบและเมตตาต่อ กัน ดังที่ศาสดาทั้งหลายกล่าวถึง สันติภาพที่แท้จริง ผ่านทางความ รัก ความเมตตา ความดี ความงาม และความละอายเกรงกลัวต่อบาป

ให้ความรัก

น�ำทางเราไป โดย เมธา มาสขาว

ความรักไม่ได้มปี ระเภทเดียว และ ไม่มีมาตรวัดว่าความรักของใครจะมาก กว่ากัน ยิ่งไม่มีอะไรปิดกั้นความรู้สึกว่า รักดังกล่าว นอกจากวันเวลาและการ กระท�ำของผู้ซึ่งปลูกสร้างมันขึ้นเองใน จิตใจ ที่จะดูแลรักษาและท�ำลายมันลง ความรั ก มี ห ลายรู ป แบบ เป็ น ความรั ก ระหว่ า งพ่ อ แม่ พี่ น ้ อ งใน ครอบครัว เป็นความรักระหว่างชายหนุม่ หญิงสาวหรือคู่รัก เป็นความรักในเพื่อน มนุษย์ซึ่งดุจเป็นพี่น้องร่วมโลก กระทั่ง เป็นความรักในชนชั้นหรืออุดมการณ์ ต่างๆ ของชีวิต อย่าได้ถามแม่วา่ รักใครมากกว่า กันในจ�ำนวนลูกทั้งหมด เพราะความรัก นัน้ ไม่สามารถบอกได้วา่ รักมากเท่าๆ กัน หรือรักใครได้มากกว่ากัน เพราะแต่ละ คนนั้นมีความรักที่ถักทอขึ้นโดยที่ไม่มี ใครสามารถทดแทนกันได้ อย่าได้ถามคนรักว่ารักกันมาก น้อยเพียงใด เพราะมันเป็นเพียงการ นิ ย ามและปลอบใจในยามขาดหาย ความรักรู้สึกได้ด้วยการกระท�ำ มีความ ห่วงใยในแววตาและความคิดถึงยาม

จากลา จากความผูกพันทีส่ ร้างสายใยที่ มองไม่เห็นขึ้น แต่เหนียวแน่นยิ่งกว่าฤดู กาลใดๆ จะท�ำลายลง อย่าได้ถามถึงความรักในเพื่อน มนุ ษ ย์ ห รื อ อุ ด มการณ์ ใ ดๆ ว่ า ไร้ ค ่ า เพราะประวัตศิ าสตร์ทผี่ า่ นมาชีใ้ ห้เห็นว่า พวกเขายอมเสียสละแม้กระทั่งชีวิตเพื่อ มัน จริ ง ๆ แล้ ว ความรั ก ก็ สั ม พั น ธ์ กับเรื่องสิทธิมนุษยชน เป็นเรื่องสากล และไม่ ส ามารถถ่ า ยโอนแทนกั น ได้ เส้นทางของมนุษย์จึงเกิดมาพร้อมสิทธิ์ ในชีวิต และใช้ความรักน�ำทางเพื่อสร้าง สันติภาพบนโลก แต่ในแง่มุมของความรักยังคงมี ความหลากหลาย ในแง่ภาษาและความ หมายในสังคมต่างๆ ทีเ่ ติบโตขึน้ มาแตก ต่างกัน กระทั่งการแสดงออกต่อความ รู ้ สึกดั ง กล่ า ว มั น อาจไม่ ง ่ า ยเลยที่ จ ะ อธิบายความหมายของความรักได้ด้วย ตัวอักษรสั้นๆ บางคนนั้นถึงกับใช้เวลา ทั้งชีวิตเพื่อบอกเล่ามัน มหาตมะ คานธี กล่าวว่า “ที่ใด มีความรัก ที่นั่นมีชีวิต” เพื่อบอกว่าชีวิต

ผู้คนขับเคลื่อนด้วยความรัก มิกนอน แม็คลาฟลิน เปรียบเทียบว่า “ในวิชา เลขคณิ ต แห่ ง ความรั ก หนึ่ ง บวกหนึ่ ง เท่ากับทุกสิ่งทุกอย่างและสองลบหนึ่ง เท่ากับศูนย์” ซึ่งเป็นความน่าอัศจรรย์ ทางคณิตศาสตร์ ในการเปรียบเทียบที่ หลากหลาย กระทั่งในความหมายของ ชาวเขาเผ่าหนึ่ง ไม่มีศัพท์ค�ำว่า รัก มัน เป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ นักวิทยาศาสตร์บางคนออกมา ทดสอบการศึ ก ษาเกี่ ย วกั บ ระบบ ประสาทวิทยาและแสดงหลักฐานให้เห็น ว่า เวลาที่คนเรามีความรู้สึกรักใคร่นั้น จะมีสารเคมีบางตัวในสมอง เช่น เทสโทสเตอโลน (Testosterone) เอสโตรเจน (Oestrogen) โดฟามีน (Dopamine) สารเคมีตา่ งเหล่านีม้ กั จะเกิดขึน้ ในระยะ ทีค่ นเรารูส้ กึ ใกล้ชดิ กัน และเรียกว่า สาร เคมีกับความรัก วรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับความ รักในโลกเราจึงยังมีหลากหลายรูปแบบ เพือ่ แสดงแก่นสารของความรักในหลาย ลักษณะทางสังคม ความหมายของค�ำ ว่ารักในพจนานุกรมทั่วไปอาจให้ความ หมายว่า ชอบอย่างผูกพันพร้อมด้วย ชื่นชมยินดี ในวิกิพีเดียสารานุกรมเสรี บอกเราว่ า ความรั ก เป็ น ค� ำ ที่ มี ค วาม หมายเกี่ยวกับอารมณ์และความรู้สึก เกี่ยวกับการชอบ การผูกพันทางจิตใจ กับบางสิ่งบางอย่าง ค� ำว่ารักมีความ หมายในหลายแง่ มุ ม ซึ่ ง ทั้ ง ลึ ก ซึ้ ง และ กว้างขวาง ต่างคนต่างมีความรักต่อผูอ้ นื่


13 แตกต่างกัน ดังนัน้ จึงยากต่อการอธิบาย และให้ ค� ำ นิ ย ามค� ำ ว่ า รั ก แบบเฉพาะ เจาะจง รวมถึงความรักเป็นนามธรรมไม่ อาจมองเห็น ไม่อาจจับต้องและไม่อาจ วัดปริมาณได้ อย่ า งไรก็ ต าม ประวั ติ ศ าสตร์ ความรั ก ของมนุ ษ ยชาติ บ อกเราว่ า ความรักมีหลายระดับชั้นความสัมพันธ์ จึงเชื่อมโยงถึงผู้อื่นด้วย ความรักที่ยิ่ง ใหญ่งดงามนั้นไม่น่าจะใช่แค่เรื่องคน สองคนบนดวงดาว ไม่ใช่ความรักของ คนบนความเห็นแก่ตัวสองคนเท่านั้น แต่มันสมควรเชื่อมความรักเหล่านั้นต่อ สรรพสิง่ ทัง้ หลายด้วย เชือ่ มโยงความรัก ต่อเพือ่ นมนุษย์คนอืน่ ๆ เชือ่ มโยงความ รั ก ต่ อ สั ง คมที่ ด� ำ รงอยู ่ เชื่ อ มโยง ความรักต่อวิถีชีวิตที่ก้าวเดินเติบ โตบนเส้นทางแห่งอนาคตร่วมกัน ควรให้ความรักได้เติบโต อย่างสมดุลบนโลกของเรา เพราะ ไม่ว่าใครต่างก็รักใคร่อิสรภาพ โลก จึงต้องการความรักที่แบ่งปัน เอื้อเฟื้อ และไม่เบียดเบียนผู้อื่น หากความรัก ไม่ใช้เส้นทางแห่งสันติภาพแล้ว ก็ไม่รู้ ว่ า สั ง คมจะมี สิ ท ธิ ม นุ ษ ยชนเหลื อ อยู ่ หรือไม่ พระเจ้าชาห์ ชหาน ได้สร้าง ปราสาททั ช มาฮาลเพื่ อ เป็ น อนุ ส รณ์ แก่ความรักให้ภรรยาที่ตายจากไป และ เพื่ อ ฝั ง ร่ า งของเขาทั้ ง สองไว้ ด ้ ว ยกั น ในบั้นปลาย ดูเหมือนยิ่งใหญ่แต่ไม่รู้ว่า ปราสาทหินอ่อนสร้างขึน้ ด้วยการบังคับ เกณฑ์และกดขี่แรงงานมากมายเพียง ใด เข่นฆ่าผู้คนไปเท่าไหร่และพราก ความรั ก จากครอบครั ว อื่ น ใดไปสั ก กี่ มากน้อย เพชรแต่งงานที่เราสวมใส่ มา จาก Blood Diamond หรือสงครามฆ่า ล้างเผ่าพันธุ์กลางเมืองในแอฟริกาหรือ เปล่า เสื้อผ้าที่เราสวมแต่ง รองเท้าที่ เราใส่ มาจากแรงงานทาสใน โรงงาน นรก หรือไม่, มีเศษอาหารเหลือจาก งานแต่งงานมากมายในโลกใบนี้ แต่ ยั ง มี ผู ้ ค นไม่ มี อ าหารประทั ง ชี วิ ต อี ก จ�ำนวนมาก

เสนีย์ เสาวพงศ์ เขียนหนังสือ เรือ่ ง ความรักของวัลยา ให้นยิ ามความ รักที่ก้าวหน้าในนั้นว่า “นกมันอาจร้อง เพลงเมื่อใดก็ได้ เมื่อมันนึกอยากจะร้อง เมื่อมันอยู่กับคู่ของมัน โดยไม่ค�ำนึงถึง ความทุกข์ยากของนกอืน่ ๆ แต่คนเราจะ ท�ำเช่นนัน้ อย่างไรได้ เราจะร้องเพลงแห่ง ความส�ำราญได้อย่างไร ในเมือ่ ชีวติ ของ คนเราส่วนใหญ่ยังอยู่ในความทุกข์”

ส�ำหรับคนหนุ่ม สาวแล้ว ความรักดูเหมือนเป็นสิง่ บริสุทธ์งดงาม มันถูกปลูกสร้างขึ้นใน หัวใจและถักทอขึ้นจากความผูกพัน ใน ความคิดแบบพุทธนัน้ ทุกสิง่ ทีเ่ ราจับต้อง ได้ลว้ นไม่ยงั่ ยืนและผุพงั ไปตามกาล แต่ ความรักดูเหมือนเป็นสิง่ เดียวทีส่ ามารถ ยั่งยืนนิรันดร์ในกาลเวลา นอกจากความรักเกิดขึน้ ระหว่าง คนสองคนแล้ว เราได้ตงั้ ค�ำถามทบทวน กันหรือไม่วา่ ความรักของเรานัน้ สัมพันธ์ กับโลกและสังคมอย่างไร ในวันที่ความ เหงามาเยือนกระทั่งความรักร้างเลือน จากไป เหตุใดเราจึงเสียใจท�ำร้ายตัวเอง ท�ำร้ายคนรอบข้าง กระทั่งท�ำร้ายคนรัก ที่จากลา หรือความรักมีคุณค่าทดแทน แค่ความเกลียดชัง? หรือว่าความรัก

ความสัมพันธ์ของเราตั้งแต่เมื่อหยิบยื่น ให้กันแต่หนแรก เป็นเพียงมายา การ ครอบครอง ยึดติดและเห็นแก่ตัวมาโดย ตลอด เหตุ ใ ดก่ อ นหน้ า นั้ น มั น จึ ง เป็ น ความสุ ข หากเราโทษการพลั ด พราก ระทมทุกข์ เราก็ควรโทษความสุขที่ยาม แรกพบ เพราะหากว่าไม่ได้พบกันวันนัน้

คงไม่ มี วั น ได้ พ ลั ด พรากจากกั น วั น นี้ มิใช่หรือ หลายคนที่คบกันจนแก่ชรา จน ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพลัดพรากจากไปและ ยังรู้สึกว่ารักต่อกัน มันได้ให้ค�ำตอบว่า ความสมบูรณ์ของความรักมีขึ้นเมื่อถึง วันแห่งการจากลา นั่นคือความสมบูรณ์ สุดท้ายของความรักใช่หรือไม่และมัน ควรมีความหมายเช่นเดิม หากเราไม่เห็นแก่ตัวเกินไปนัก ความรักจักต้องเติมเต็มส่วนที่ขาดหาย ไม่เสียดายเมื่อยามเลิกรา ปรารถนาให้ คนทีเ่ รารักมีความสุข ปรารถนาให้สงั คม ที่เราอยู่มีความสุข เพราะความรักคือ การให้โดยปราศจากการหวังผลตอบ แทน เพราะความรักไม่ได้มาด้วยการ ร้องขอ ไม่ได้รกั ษาไว้ดว้ ยการครอบครอง ให้ชวี ติ ได้เดินทาง ให้ความรัก น�ำทางเราไป


14 Experience

ชาวบาหลีกับความรัก สวัสดีกมุ ภาพันธ์ เดือนแห่งความรักค่ะ เมือ่ ฉบับทีแ่ ล้วเราเล่า เรื่องความเชื่อในศาสนา วัฒนธรรม และประเพณีของชาวบาหลีที่ สะท้อนผ่านทางโบราณสถานต่างๆ ที่ทุกวันนี้กลายเป็นแหล่งท่อง เที่ยวยอดฮิตกันไปแล้ว เพื่อเข้ากับบรรยากาศเดือนแห่งความรัก ฉบับนี้ขอเล่าเรื่องความรักดีกว่าค่ะ

พลังแห่งความเชือ่ มัน่ ในศาสนามีอทิ ธิพลกับคนบาหลีไม่เว้น แม้ในเรื่องของความรัก ด้วยความที่สังคมของบาหลียังเป็นระบบ วรรณะ (พราหมณ์, กษัตริย,์ แพศย์ และศูทร) ท�ำให้ความรักระหว่าง วรรณะเป็นไปได้คอ่ นข้างยาก โดยเฉพาะหญิงสาวทีอ่ ยูใ่ นวรรณะสูง มักจะไม่รกั หรือแต่งงานกับวรรณะศูทร พูดถึงวรรณะแล้วท�ำให้ยอ้ น คิดถึงเมืองไทยนะคะ เมืองไทยค่อนข้างที่จะเสรีในการเลือกคู่ครอง จะรักใครก็ให้หัวใจน�ำทาง สาวไทยส่วนใหญ่ก่อนที่จะฝากชีวิตไว้ กับใครสักคนก็ต้องดูว่านิสัยพอจะไปด้วยกันได้ไหม ครอบครัวของ ทัง้ สองฝ่ายจะเข้ากันได้หรือเปล่า นอกนัน้ ก็เป็นองค์ประกอบอืน่ เช่น ดูเรื่องฐานะ อาชีพการงานความมั่นคงต่างๆ แต่ชาวบาหลีกลับ มองประเด็นเรื่องศาสนาเป็นหลัก ถ้าศาสนาเดียวกันก็ยิ้มร่าเริงไป

โดย กุ้งนาง


15

ถ้าคบกันถึงขั้นจะแต่งงานแล้วต่างฝ่ายต่างนับถือคนละ ศาสนาถื อ ว่ า เป็ น เรื่ อ งใหญ่ ที เ ดี ย ว เพราะกฎหมายของ อินโดนีเซียบอกว่าการแต่งงานจะสมบูรณ์โดยกฎหมายก็ ต่อเมื่อแต่งงานภายใต้ศาสนาใดศาสนาหนึ่งเท่านั้น นั่น หมายความว่า ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องเปลี่ยนศาสนาการ แต่งงานจึงจะเกิดขึน้ ได้ และก่อนทีจ่ ะจดทะเบียนสมรสกัน ได้ นั้ น ต้ อ งมี เ อกสารรั บ รองการแต่ ง งานภายใต้ ศ าสนา ประกอบด้วย ทางอ�ำเภอถึงจะอนุญาตให้จดทะเบียน ครา นี้ละเป็นบทพิสูจน์ความรักได้อย่างดีทีเดียว เพราะถ้ า หนุ ่ ม สาวคนไหนมาแต่ ง งานกั บ ชาวบาหลี ที่นับถือศาสนาฮินดู ตามหลักศาสนาแล้วจะมีฐานะเกิดใหม่ เป็ น คนอี ก คนหนึ่ ง ท� ำให้ ต ้ อ งเข้ า พิ ธี ก รรมทางศาสนาที่ นั บ ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งถึงช่วงอายุในปัจจุบันเพื่อให้เป็นชาวฮินดู เต็มตัว และถ้าไม่รักกันจริง ถึงกับขั้นท้อแท้เลยทีเดียว เพราะ ชีวติ ของการแต่งงานข้ามศาสนา ถ้าไม่อดทนให้มาก ไม่พยายาม เพื่อจะประคองชีวิตอยู่ด้วยกันจริงๆ มองเห็นพลังความเชื่อมั่น ในศาสนาเพียงผิวเผินก็อาจจะท�ำให้เกิดความไม่เข้าใจซึ่งกัน และกันได้

ดูเผินๆ เหมือนกว่าจะรัก กว่าจะ สร้างครอบครัวด้วยกันนัน้ ไม่ใช่เรือ่ งง่าย แต่ถ้ามองลึกลงไป ขอเพียงให้เชื่อมั่น ในความรักของกันและกัน ไม่ว่าจะมี อุปสรรคเพียงใด คนสองคนก็จะร่วมกัน ก้าวผ่านไปได้ เหมือนกับที่ชาวบาหลี รักและเชื่อมั่นในพลังอันศักดิ์สิทธิ์ของ เกาะนี้ ไม่ ว ่ า จะผ่ า นไปกี่ ยุ ค กี่ ส มั ย เทคโนโลยีใหม่ๆ จะก้าวเข้ามาในบาหลี มากมายเพียงใด ก็จะไม่เ คยเปลี่ยน ความรักของคนบาหลีที่มีต่อดินแดน สวรรค์แห่งนี้ไปได้เลย


16 A-R-T

เรื่องราวของศิลปะบทนี้จะชวนให้ทุกท่านไปสัมผัสถึง กลิ่นอายและความเสน่หาของศิลปะแบบไทยๆ ที่ไม่เหมือน ที่ไหนในโลก ที่ท�ำเอาถ้าใครได้เสพเป็นต้องอมยิ้มกันทุกคน

โดย MR.BOM

รู ป แบบหนึ่ ง ของศิ ล ปะของไทยที่ แ ตกต่ า ง ไปจากศิ ล ปะไทยที่ เ คยได้ เ ห็ น จากภาพวาดของ ศิลปินชื่อดัง หรือสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมตาม ภูมิประเทศทั่วทุกภาคของไทยเรา เป็นผลงานศิลปะ ของไทยที่เป็นแบบ “ไทยๆ” หรือจะเรียกอีกอย่างว่า แบบ “บ้านๆ” ก็ได้เช่นกัน ที่ต้องเติม “ๆ” ต่อท้าย ก็เพราะว่าเป็นงานศิลปะของไทยที่ไม่ได้เคร่งครัด ตามแบบแผนจนเกินไป ท�ำให้ “ไทยๆ” ดูมีเนื้อหา ที่เบาลงและเป็นกันเองมากกว่า “ไทย” งานศิลปะ ไทยๆ หรือบ้านๆ นี้ พบเห็นได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ จะเมืองเล็กเมืองใหญ่ ไฮโซหรือชายขอบก็มีเหมือน กัน ศิลปะแบบไทยๆ นีแ้ ตกต่างจากศิลปะไทยตรง ที่ไม่ได้เน้นในเรื่องความงามในแบบฉบับวิจิตรศิลป์ หรือหลักการทางศิลปะ หากแต่ใช้เพือ่ เป็นสัญลักษณ์ แทนตัวตนของแต่ละบุคคลอย่างชัดเจน เห็นทันที รู้เลยว่าเจ้าของงานศิลปะชิ้นนี้เป็นคนยังไง ต้องการ จะบอกอะไร มีความซับซ้อนในเนื้อหาน้อย เน้นที่ การสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา เข้าใจได้โดยเร็ว

โดยพื้นฐานแล้วศิลปะแบบไทยๆ นั้นเกิดจากลักษณะ ของความเป็นคนไทย มากกว่าลายกนกลายไทยตามฝาผนัง วั ด ซึ่ ง ศิ ล ปะไทยๆ มี อิ ท ธิ พ ลมาจากสั ง คมการด� ำ เนิ น ชี วิ ต ประจ�ำวันทั่วๆ ไป มีผู้คนหลากหลายลักษณะแต่โดยรวมแล้ว คนไทยเป็นคนที่รักสนุก ชอบความตลกขบขัน เอื้อเฟื้อแบ่งปัน เหมือนๆ กัน จึงท�ำให้แต่ละคนพยายามที่จะแสดงตัวตนของ ตัวเองออกมา งานศิลปะจึงถูกน�ำมาใช้เป็นเครื่องมือในการ สร้างเอกลักษณ์ให้แก่ตนเอง งานศิลปะเหล่านี้จึงมีทั้งงานที่ สร้างสรรค์ขึ้นเองและงานเชิงพาณิชย์ แต่ไม่ว่าจะเป็นผลงาน ที่ใครสร้างขึ้น ผู้ที่น�ำไปใช้ล้วนแต่ให้ความส�ำคัญกับประโยชน์ ของชิ้นงานมากกว่าผู้สร้างสรรค์นั้นๆ


17

ยกตั ว อย่ า งงานศิ ล ปะไทยๆ ที่ พบเห็นกันได้ทั่วไป เช่น รถสิบล้อแต่ง รถสิบล้อขนดินขนหินคันใหญ่น่าเกรง ขามหรืออาจจะน่ากลัวด้วยซ�้ำไป ถูก ตกแต่งด้วยลวดลายที่อ่อนช้อยและมี สีสันฉูดฉาดสะดุดตา ขัดแย้งกับภาพ ลักษณ์ของรถคันขนาดมหึมาเทอะทะ น่าอันตราย แสดงให้เห็นถึงศิลปะอัน อ่อนช้อยของไทยถูกน�ำมาเปลีย่ นบริบท ใหม่ กลายมาเป็นงานศิลปะทีว่ งิ่ แล่นอยู่ บนถนนพร้อมกับภาพลักษณ์ใหม่ทชี่ วน ตืน่ ตาให้จดจ�ำยิง่ กว่าความวิจติ รบรรจง สติ๊ ก เกอร์ ท ้ า ยรถยนต์ ท้ า ยรถ ไม่ใช่มแี ค่อกั ษรทีเ่ ป็นยีห่ อ้ ของรถแต่ละ คัน แต่ยังมีข้อความสติ๊กเกอร์ตัวอักษร สีสดใสๆ บิดๆ เบี้ยวๆ ติดอยู่ด้วย ซึ่ง ไม่ ใ ช่ ส ติ๊ ก เกอร์ ที่ ติ ด มาพร้ อ มตอนที่ ซือ้ รถอย่างแน่นอน เป็นข้อความทีเ่ ข้าใจ ได้ง่ายและมักจะเป็นส�ำนวนดัดแปลง หรื อ บทกลอนแปลกๆ หรื อ ข้ อ ความ อีกประเภทหนึ่งที่เรียกกันว่า “ค� ำ คม ท้ายสิบล้อ” ซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับ สติ๊กเกอร์ท้ายรถ บางครั้งเองสติ๊กเกอร์ ท้ายรถก็เป็นค�ำคมเหล่านี้ จะเน้นทีส่ สี นั สะดุดตาและความหมายทีก่ ระชับ ตลก ขบขัน ตามแบบฉบับไทยๆ ภาพยนตร์โฆษณาของคนไทย เป็นอีกหนึ่งผลงานศิลปะ ที่นอกจากจะ มีจดุ ประสงค์ทางการค้าแล้ว ภาพยนตร์ โฆษณาหลายชิ้ น ไม่ ไ ด้ มุ ่ ง เน้ น ภาพ ลั ก ษณ์ เ พี ย งอย่ า งเดี ย ว แต่ มี เ นื้ อ หา สาระที่น่าสนใจและให้ข้อคิดแก่ชีวิต มากกว่า ทั้งนี้เพราะโฆษณาเป็นสื่อที่มี ผู้รับหลากหลายและจ�ำนวนมาก การ ที่ ส ามารถส่ ง ผ่ า นแนวคิ ด ที่ ดี มี ค วาม สร้างสรรค์ผา่ นโฆษณาจึงเป็นวิธกี ารทีด่ ี

ขอขอบคุณภาพจาก Facebook 'สมาคมนิยมรถบรรทุกแต่งสวยแห่งประเทศไทย'

ขอขอบคุณภาพจาก Facebook 'Sticku Stickers'

และสะดวก องค์ประกอบและวิธีการเล่าเรื่องราวที่มาจากลักษณะชีวิตที่ แท้จริงของคนไทย ท�ำให้ผชู้ มรูส้ กึ ร่วมไปกับเนือ้ หาและเข้าใจความหมายได้ ง่าย มีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกอย่างรวดเร็ว สร้างทัศนคติที่เป็นบวกได้ อย่างฉับพลัน ไม่เพียงแต่คนไทยเท่านั้นที่รับรู้ได้ ต่างชาติเองก็ยังได้รับรู้ ถึงความเป็นไทยที่น่าชื่นชมได้ด้วยเช่นกัน งานศิลปะไทยๆ มีเอกลักษณ์เฉพาะที่บ่งบอกทั้งศิลปะและวิถี ความเป็นไทย ด้วยรูปลักษณ์ องค์ประกอบที่เห็นได้ ล้วนมีลักษณะ ของความอ่อนช้อยเช่นเดียวกับวิจิตรศิลป์ของไทย แต่แฝงไว้ด้วย แนวความคิดที่เป็นตัวตนและวิถีชีวิตจริงๆของคนไทย ที่ไม่ว่าจะยุค ไหน สมัยไหน หรือทีใ่ ด ก็ยงั คงความเป็นไทยไว้ได้ไม่มวี นั เลือนหายไป


18 Guidance

ก่อนอื่นเลยพี่รอยฝันต้องอธิบายก่อนว่า อิตะมาเอะ ที่เป็นชื่อตอนของครั้งที่แล้วนั้นเป็นการ เรียกชื่อผู้ที่ปั้นซูชิโดยเฉพาะ ดังนั้นเขาจึงยืนอยู่หน้า จาน (คนทีช่ อบกินซูชจิ ริงๆ จะชอบนัง่ ที่ เคาร์เตอร์แล้ว ให้อิตะมาเอะ ปั้นกันสดๆ หน้าจานของตัวเองเลย) แต่ เอาจริงๆ หากไม่ใช่พ่อครัวซูชิแล้ว พ่อครัวไม่ได้ยืนกัน หน้าจานเสิรฟ์ เท่าไรนัก ส่วนใหญ่จะยืนหน้าเตามากกว่า

คนหน้าเตา โดย รอยฝัน

ในครัวมีใครบ้าง

อย่างทีก่ ล่าวไปแล้วว่าจริงๆ แล้วพ่อครัวท�ำงานเป็น ทีม โดยเฉพาะพ่อครัวฝรั่ง จะมีหัวหน้าพ่อครัว Executive Chef เป็นคนใหญ่สุด มีหน้าที่คอยดูและจัดการอาหาร เมนูต่างๆ สั่งอาหารให้แต่ละแผนกท�ำงานอะไร และท�ำ ได้ถูกต้องหรือไม่ Executive Chef แทบจะไม่ต้องปรุงเอง ด้วยซ�้ำ อาจจะมีการชิมหรือแต่งรสนิดหน่อยก่อนเสิร์ฟ แต่เอาจริงๆ ย่างเนื้อสักชิ้นก็ไม่ได้ย่างด้วยซ�้ำ แต่ถ้าหาก สมาชิกในทีมท�ำอะไรไม่ดีก็ต้องลงไปสอน ไม่ก็ท�ำเอง ซึ่ง จะท�ำให้เขาเหนื่อยมาก ดังนั้น Executive Chef จึงต้อง เป็นครูด้วย โดยเขาจะมีผู้ช่วยหลัก เรียกว่า Sous Chef

เป็นคนช่วยเหลือให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะ Executive Chef อาจจะท�ำคนเดียวไม่ไหว แต่บางที่ Sous Chef ก็อาจจะได้รับมอบหมายให้ดูแลงานส�ำคัญ ซึ่งในครัวฝรั่ง อาจจะให้ Sous Chef ดูและการท�ำ ซอส ออกมา รองจาก 2 คนนี้แล้ว ก็จะเป็นหัวหน้าแผนกต่างๆ เช่น แผนกท�ำปลา แผนกท�ำผัก แผนกท�ำของหวาน แผนก ท�ำของอบ-ย่าง แผนกท�ำซุป แผนกท�ำซอส เป็นต้น ใน ร้านอาหารใหญ่ แผนกเหล่านี้ก็มักจะมีหัวหน้าทุกแผนก นอกจากนี้ก็จะมี เชฟหมุนเวียน เหมือนตัวส�ำรองส�ำหรับ เชฟทุกแผนก ผู้ช่วยกุ๊ก และกุ๊กฝึกหัด


19

การเป็นเชฟเป็นได้อย่างไร

ที่ พี่ ร อยฝั น เล่ า ให้ ฟ ั ง จะบอกว่ า จริ ง ๆ แล้ ว การ จะเป็นเชฟ ไม่มีทางอื่นนอกจากไปเป็นเชฟ โดยเริ่มจาก ต�ำแหน่งล่างสุดคือ เชฟฝึกหัด และพัฒนาฝีมอื จนไปเป็น Executive Chef โดยเป็นการฝึกฝีมือในงานที่เราท�ำเลย ซึ่งมันเป็นแบบนี้ทุกครัว ไม่ว่าจะเป็นครัวไทย จีน ญี่ปุ่น หรือฝรั่งก็ตาม ซึ่งในระหว่างการท�ำงาน น้องจะได้รับฝึก ทั้งทักษะการท�ำอาหาร การฝึกสร้างสรรค์อาหารใหม่ๆ การเรียนรู้วัฒนธรรมในห้องครัว รวมทั้งการจัดการสิ่ง ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมคุณภาพวัตถุดิบ การดูแล ก�ำกับการท�ำงาน ฯลฯ

ถ้าอยากเรียนเป็นเชฟเรียนที่ไหน

แต่ถ้าพี่รอยฝันบอกกันขนาดนี้แล้วแต่น้องๆ ทั้ ง หลายยั ง ยื น ยั น ว่ า จะเรี ย นท� ำ อาหาร ในระดั บ อุดมศึกษา พีก่ ค็ งต้องบอกความจริงว่า มันมีให้เรียนเยอะ แยะไปหมด แต่ถ้าน้องจะลองหาดูว่าที่ไหนบ้างที่มีเปิด ก็ หาค�ำส�ำคัญอยู่ 2 ค�ำ คือ คหกรรม กับ การโรงแรม เช่น ที่ วิทยาลัยดุสิตธานี อยู่ในหลักสูตรการบริหารธุรกิจ เข้าเรียนไม่ยาก แต่ว่าค่าเทอมสูง (การเข้าเรียนไม่ยากไม่ ได้แปลว่าไม่ดนี ะครับ) ถ้าจะแนะน�ำอีกทีก่ เ็ ป็น ที่ โรงเรียน การเรือน มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต (ชื่อดุสิต เหมือนกันเลย) แต่อนั นีเ้ ป็นของเอกชนอาจจะเข้ายากกว่า หน่อย แต่ค่าเล่าเรียนก็จะสูงกว่า ที่โรงเรียนการเรือนนี้ จะเป็นหลักสูตรศิลปศาสตร์บัณฑิต และวิทยาศาสตร์ บัณฑิต (ขึน้ กับหลักสูตรทีไ่ ปสมัคร) นอกเหนือจากนีแ้ ล้วยัง มีหลักสูตรคหกรรมในคณะศึกษาศาสตร์ (หรือครุศาสตร์) ด้วย เช่นหลักสูตร คหกรรมศาสตรศึกษา มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ แต่หลักสูตรคหกรรมศาสตรศึกษาก็ไม่ได้ เรียนแต่ท�ำอาหาร จริงๆ แล้วยังเรียนเรื่องเกี่ยวกับเสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย เศรษฐศาสตร์ด้วย นอกเหนือจาก 3 สถาบันนี้ แล้ว ยังมีทอี่ นื่ อีก อาทิ สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หลักสูตร คหกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราช มงคลธัญบุรี และมีอีกหลายสถาบันที่เปิดสอน

มีเรียนตั้งหลายแบบแล้วต่างกันอย่างไร

แม้วา่ จะมีการเรียนวิชาเกีย่ วกับการท�ำอาหารหลาย สาขา แต่จริงๆ แล้วแต่ละสาขาเรียนแตกต่างกัน อย่างเช่น คหกรรมศาสตรศึกษา ก็ตอ้ งเรียนไปเป็นครู ได้ใบประกอบ วิชาชีพครูด้วย จึงมีวิชาเกี่ยวกับการสอน ส่วนสาขาที่ได้ ปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิตก็มนั จะมีวชิ าด้านโภชนาการ มาด้วย ซึ่งแตกต่างจากหลักสูตรของวิทยาลัยดุสิตธานี ที่จะมีวิชาเกี่ยวกับการบริหารจัดการ (ก็เรียนบริหารนี่) ดังนั้นหากน้องๆ สนใจจะเรียนด้านการท�ำอาหารก็ต้อง ศึกษาหลักสูตรต่างๆ ด้วยว่านอกเหนือจากวิชาอาหารที่ น้องอยากเรียนแล้วน้องๆ จะได้เรียนอะไรเพิ่มเติม รวมถึง แต่ละที่ก็จะมีการฝึกปฏิบัติไม่เหมือนกันด้วย ก็ต้องลอง ศึกษาเป็นอย่างดี ตอนนีพ้ รี่ อยฝันก็หวังว่าเหล่าว่าทีพ่ อ่ ครัวหัวป่าหรือ แม่ครัวหัวกะทิทั้งหลายก็คงได้รู้จักการสาขาที่จะเรียน และรู้ว่าการเรียนวิชาเหล่านี้ เป็นอย่างนี้แล้ว และน้องๆ ก็คงมีแนวทางในการเลือกสาขาด้านอาหารที่เหมาะสม กับตนเองนะจ๊ะ และหวังว่าน้องๆ คงจะได้สนุกกับการ เรียนด้านอาหาร ส�ำหรับฉบับนี้พี่รอยฝันคงต้องขอตัวไป ชิมอาหาร ก่อนจ้า


20 Life Coaching ผมเป็นชาวพุทธห่างวัด รู้จักธรรมะเท่าที่ ความสนในบางช่วงของชีวิตพาไป และไม่ค่อย ได้เข้าร่วมในประเพณีพิธีกรรม และกิจกรรม อื่นๆ ของชาวพุทธสักเท่าไหร่ ขณะที่โลกการ อ่านท�ำให้ผมได้รจู้ กั วิถที แี่ ตกต่างหลากหลายใน การส�ำรวจ เรียนรู้ เพื่อสร้างสันติในใจ ผมจึง เลือกส�ำนักปฏิบัติที่ใช้แนวทางหลักของพุทธ ศาสนาแต่เปิดรับผู้เข้าร่วมได้จากหลากหลาย ความเชื่อ โดยไม่มีพิธีกรรมเป็นเครื่องกีดขวาง หลังจากสมัครเข้าร่วมล่วงหน้า ผมได้รับ จดหมายตอบรับพร้อมกับอรรถาธิบายถึงแนว ปฏิบัติตลอดสิบวันที่ต้องเตรียมตัวและเตรียม ใจไปล่วงหน้า อาทิ การงดบทสนทนา ไม่มีการ ใช้โทรศัพท์มอื ถือเพือ่ การสือ่ สาร งดกิจกรรมการ อ่านการเขียน ฯลฯ เพือ่ ปิดช่องทางการเชือ่ มต่อ กับโลกภายนอกทีจ่ ะมารบกวน และเปิดพืน้ ทีใ่ ห้ กับการเผชิญกับโลกภายในอย่างเต็มที่

การเดินทางกลับสูข่ า้ งใน โดย อรรถพล อนันตวรสกุล

ในฐานะคนเมืองทั่วไปที่ชีวิตประจ�ำวันอยู่กับ ความเร่งรีบ มีกจิ วัตรประจ�ำวันทีพ่ าเราพุง่ ทะยานไป ข้างหน้าจนถึงจุดหนึ่งเราก็อ่อนล้า และขาดแรง บันดาลใจในการท�ำงาน การท่องเที่ยวหรือพักผ่อน อาจช่วยพาเราหลบลี้จากภาวะที่คุ้นเคย แต่สุดท้าย เราก็ต้องกลับมาท�ำงาน กลับเข้าสู่วิถีที่เราคุ้นชิน และก็ได้แต่รอคอยโอกาสที่จะหลบไปพักผ่อน เป็น พักๆ ทว่า ข้างในของเรา กลับแทบไม่ได้พักเลย หลายเดือนก่อนหน้านี้ผมจึงเริ่มสนใจวิธีการที่เปิด โอกาสให้ตัวเองได้ส�ำรวจพื้นที่ภายใน จนช่วงปีใหม่ ที่ผ่านมาผมจึงมีโอกาสลางานยาวไปเรียนรู้วิธีการ “เดินทางเข้าสู่ข้างใน” มาเป็นเวลาสิบวัน

สิบวันเต็มแห่งการเดินทางเข้าสู่ภายใน งดบทสนทนา การสือ่ สาร การอ่าน การเขียน วัน ละ 12 ชม. ที่หลับตาและเดินทางเผชิญหน้ากับ อดีต ยื้อยุดสติให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน ไม่ฟุ้ง ลอยไปกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ผ่าตัดตัวตน ความยึดมั่นถือมั่น โลภะ และโทสะ ของตนเอง ด้วยการเฝ้าดูด้วยใจที่เป็นกลางอุเบกขา นอก เหนือจากเวลานอนหลับอีกวันละ 7 ชม. เรามี เวลามองออกไปข้างนอกได้วันละ 5 ชม. ได้ สัมผัสกับความเงียบสงัด และได้ท�ำความรู้จัก กับตัวเองอย่างเต็มที่ ภาพนี้ถ่ายหน้าที่พักในยามเย็นของวัน สุดท้ายของเข้าร่วมกิจกรรม ผมมองท้องฟ้า ทบทวนอะไรหลายอย่ า ง และรู ้ สึ ก ขอบคุ ณ ทุกเหตุปัจจัยของชีวิตที่น�ำพาผมมายังจุดนี้


Help for Health 21

ระบบประกันสุขภาพของไทย สวัสดีผู้อ่านทุกท่านในเดือนแห่ง ความรัก เดือนนี้เปลี่ยนแนวเรื่องสุขภาพ เชิ ง วิ ช าการ มาเป็ น มุ ม มองด้ า น สาธารณสุขเชิงมหภาคกันบ้าง ว่าด้วย เรื่องของระบบประกันสุขภาพของไทย เพราะไม่วา่ จะเป็นคนยากดีมจี น ก็หนีไม่พน้ “เกิด แก่ เจ็บ ตาย” เมื่อความเจ็บไข้ได้ ป่วยมาเยือนสิ่งหนึ่งที่หลายคนเป็นกังวล ก็คือค่ารักษาพยาบาล

เรือ่ งใกล้ตวั

เหตุใดจึงต้องมีระบบประกันสุขภาพ? คง เคยได้ยินกันบ้างว่า มีหลายคนที่ต้องสิ้นเนื้อประดา ตัวเพราะน�ำทรัพย์สมบัตทิ หี่ ามาตลอดชีวติ ไปใช้รกั ษา พยาบาลตัวเองจากโรคร้ายต่างๆ ความเจ็บป่วยและ ปัญหาสุขภาพเป็นความเสีย่ งชนิดหนึง่ ทีเ่ กิดขึน้ กับทุก คนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงเป็นที่มาให้เกิดระบบ ประกันสุขภาพ การประกันสุขภาพเป็นการน�ำความ เสี่ยงของแต่ละคนมารวมกันเป็นของกลุ่มใหญ่ แล้ว กระจายความเสีย่ งให้ทกุ คนมีสว่ นร่วมในการแบกรับ เฉลี่ยเท่าๆ กัน โดยหลักการแล้ว ผู้เป็นสมาชิกหรือ ผู้ประกันตนต้องจ่ายเบี้ยประกัน ให้กับองค์กรที่ท�ำ หน้ า ที่ รั บ ประกั น ซึ่ ง องค์ ก รนี้ จ ะจ่ า ยเงิ น ค่ า รั ก ษา พยาบาลให้กับสมาชิกที่ประสบความเสี่ยงนั้น ลด ภาระความเสี่ยงของค่าใช้จ่ายจ�ำนวนมากของ แต่ละคนให้อยู่อยู่ในระดับที่ไม่มาก ได้รับการ คุ้มครองเกินกว่าจ�ำนวนเงินที่จ่ายเบี้ยประกันไป เป็ น การเปลี่ ย นแปลงค่ า ใช้ จ ่ า ยจ� ำ นวนมากที่ ไ ม่ แน่นอนของแต่ละคน ไปสูค่ า่ ใช้จา่ ยจ�ำนวนน้อยๆ แต่ คงที่ หลั ก การดั ง กล่ า วจะเป็ น ไปได้ เ มื่ อ มี ส มาชิ ก จ�ำนวนมากพอที่จะเฉลี่ยความเสี่ยงได้อย่างกว้าง ขวาง ระบบประกันสุขภาพของประเทศไทย แบ่งเป็น 4 รูปแบบหลักๆ ดังนี้ 1. สวัสดิการข้าราชการ แหล่งเงินทุนมาจาก งบประมาณที่ได้จากภาษีอากร โดยกรมบัญชีกลาง สั ง กั ด กระทรวงการคลั ง เป็ น ผู ้ รั บ ผิ ด ชอบบริ ห าร จัดการ ครอบคลุมคนกลุ่มนี้ประมาณ 7 ล้านคน ข้อได้เปรียบของข้าราชการคือ เลือกใช้สถานพยาบาล ที่ เ ข้ า ร่ ว มโครงการได้ ทุ ก แห่ ง ทั่ ว ประเทศ และ ครอบครัวมีสิทธิดังกล่าวด้วย

โดย ภญ.บุษบงก์ ธรรมมาสถิตย์กุล

2. ประกันสังคม เป็นระบบของคนวัยท�ำงาน งบประมาณมาจาก การระดมเงินทุนจาก 3 ภาคส่วน (ไตรภาคี) คือ ลูกจ้างผูป้ ระกันตน นายจ้าง และรัฐบาล โดยผู้ประกันตนต้องร่วมจ่ายเงินร้อยละ 4.5 ของเงินเดือน นายจ้างร้อยละ 4.5 ส่วนรัฐบาลสมทบกองทุนร้อยละ 2.5 ผู้บริหารจัดการ กองทุนคือ ส�ำนักงานประกันสังคม สังกัดกระทรวงแรงงาน โดยระบบดัง กล่าวจ�ำกัดสิทธิเฉพาะตัวลูกจ้าง ไม่รวมครอบครัว และระยะเวลาการ คุ้มครองก็จ�ำกัดเฉพาะช่วงเวลาที่ยังไม่เกษียณจากงานเท่านั้น มีสมาชิก ประมาณ 10 ล้านคน ทั้งที่มีคนวัยแรงงานจ�ำนวนทั้งหมด 40 ล้านคน 3. ประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งเป็น ระบบประกันสุขภาพแบบฟรีที่จัดให้แก่ผู้สมควรได้รับการช่วยเหลือ เกื้อกูล 7 กลุ่ม ได้แก่ เด็ก นักเรียน ผู้สูงอายุ พระภิกษุ/ผู้น�ำศาสนา ทหาร ผ่านศึกษา ผู้พิการ รวมถึงผู้มีรายได้น้อย อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของ ส�ำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงสาธารณสุข มีสมาชิกมากที่สุดประมาณ 47 ล้านคน 4. การประกันกับบริษัทเอกชน มีสมาชิกอยู่เพียง 2 ล้านคน สิ ท ธิ ป ระโยชน์ แ ละความคุ ้ ม ครองแตกต่ า งกั น ไปตามกรมธรรม์ แ ละ ทุนประกันที่ซื้อ

โดยสรุปแล้ว ระบบประกันสุขภาพของไทยนัน้ ยัง เน้นเรือ่ งของการ สงเคราะห์เป็นหลัก แต่ขาดเรื่องการพัฒนาคุณภาพ ทั้งระบบประกัน สุขภาพถ้วนหน้าซึ่งครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ และระบบสวัสดิการ ข้าราชการ ล้วนต้องใช้งบประมาณจากภาษีของประชาชน เป็นการ สงเคราะห์ โ ดยไม่ มี ก ารร่ ว มจ่ า ย รั ฐ บาลผลั ก ภาระให้ ห น่ ว ยบริ ก าร สาธารณสุข ส่งผลกระทบเรื่องคุณภาพการให้บริการ บางทีประเทศไทย อาจมาตั้งรับที่ปลายทางคือการรักษาโรคมากเกินไป จนลืมใส่ใจกับการ สนับสนุนนโยบายด้านส่งเสริมและป้องกันโรค เห็นได้จากโรคไม่ตดิ ต่อ โรค เรือ้ รังจากพฤติกรรมทีไ่ ม่เหมาะสมทีเ่ พิม่ สูงขึน้ อย่างมาก หากย้อนกลับมา พัฒนาหน่วยบริการปฐมภูมิให้ดี เป็นที่พึ่งของชุมชน มีการท�ำงานเชิงรุก ด้านการส่งเสริมและป้องกันโรคอย่างจริงจัง คงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการ รักษาไปได้มากทีเดียวค่ะ


22 Scitech วั น นี้ ผ มมี ศั พ ท์ ใ หม่ ม าเสนอ Digital Detox ซึ่งหมายถึง ช่วงเวลา ที่ ง ดเว้ น จากอุ ป กรณ์ อิ เ ล็ ก ทรอนิ ค ส์ ทั้งหลาย เช่น Smartphone Tablet PC ฯลฯ นั่นเอง หากใครรู้ตัวว่าช่วงนี้ก�ำลัง เหนื่อยๆ เพลียๆ ไม่ค่อยมีสมาธิ จิตใจ ฟุง้ ซ่าน เพราะนัง่ เช็คโทรศัพท์ตลอดทัง้ วัน ลองท�ำตาม 5 ขึ้นตอนนี้ดูนะครับ

หลับ เหตุผลหนึ่งก็เพราะพวกเขาเหล่า นั้นใช้โทรศัพท์มือถือแทนนาฬิกาปลุก อย่ า งไรก็ ต าม การวางมื อ ถื อ ไว้ ใ กล้ ๆ หัวเตียงนั้นจะยิ่งเป็นการกระตุ้นให้คุณ รีบหยิบโทรศัพท์มาเช็คข่าวสารตั้งแต่ยัง ไม่หายงัวเงีย ซึ่งเป็นเรื่องไม่ดีต่อสุขภาพ เลย ยามเช้ า ควรจะเริ่ ม ต้ น ด้ ว ยความ สดชื่ น พร้ อ มกั บ รั บ ประทานมื้ อ เช้ า ที่

ดีขึ้น ส่งผลดีต่อระบบสุขภาพโดยรวม ทั้งหมด 4. ปิด Push notifications ทิ้งซะ การเปิ ด Push Notifications ทั้ ง หลายจะยิ่ ง กระตุ ้ น ให้ เ ราต้ อ งหยิ บ โทรศั พ ท์ ขึ้ นมาดู บ ่ อ ยๆ มากขึ้ น ซึ่ งจะ ขัดจังหวะในการท�ำกิจกรรมตลอดทั้งวัน

เข้าสูป่ ี 2014 แล้ว เทคโนโลยีใหม่ๆ หลายอย่างก�ำลังจะมาให้ผใู้ ช้อย่างเราได้สมั ผัส รวมถึง เทคโนโลยีปัจจุบันที่ต้องบอกว่า ตอนนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายไปแล้ว ไม่ว่าจะไปไหนมาไหน เราต้อง Check In ถ่ายภาพ ขึ้นสเตตัส แชทคุยกับเพื่อนๆ ส่ง Sticker Line รวมถึงสถานที่ต่างๆ ก็น�ำมาปรับใช้เป็นการตลาด ยิ่งท�ำให้ผู้ใช้งานอย่างเราสนุกสนานเพลิดเพลิน อย่างที่ทราบกันดี ล่ะครับ มีข้อดีก็มีข้อเสีย ผลที่ตามมานั้นอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นในทันที และมันสะสมจนรู้ตัวอีกทีก็อาจ จะสายไป....

Digitalบ�ำบัดDetox โรคติดเทคโนโลยี โดย Spocky

1. บอกกล่าวเพื่อนๆ ไว้ก่อนที่คุณ จะท�ำ Digital Detox หากวันหยุดวันไหนคุณอยากจะ ปิดมือถือหรืองดเล่น Internet ก็ควรที่ จะแจ้งให้เพือ่ นๆ ได้ทราบไว้กอ่ นล่วงหน้า จะท�ำให้ไม่ตอ้ งมานัง่ กระวนกระวายใจว่า ใครจะมีเรื่องส�ำคัญอะไรต้องติดต่อหรือ เปล่า นอกจากนี้ยังเป็นการขจัดข้ออ้างที่ คุณจะแอบเข้าไปเช็ค Social ต่างๆ หรือ อีเมลเพราะห่วงงานได้อีกด้วย 2. ลงทุนซื้อนาฬิกาปลุก จากผลส�ำรวจการใช้มือ ถื อของ ชาวอเมริกนั พบว่า 68% ของชาวอเมริกนั วางโทรศัพท์มือถือไว้ข้างตัวขณะนอน

แทนที่ จ ะเปิ ด Push Notifications ไว้ตลอด คุณควรจะปิดทิ้งให้หมดและ เลือกเวลาที่จะเข้ามาเช็คข้อความต่างๆ เหล่านั้นในภายหลังมากกว่า เพื่อที่จะ มี ป ระโยชน์ มากกว่ า จะเสี ย เวลากั บ จั ด การกั บ งานแต่ ล ะอย่ า งได้ อ ย่ า งมี โทรศัพท์จนไม่มเี วลาท�ำอย่างอืน่ (และไป ประสิทธิภาพ ท�ำงานสายในที่สุด!) 5. หาช่วงเวลาสงบในแต่ละวัน ก�ำหนดช่วงเวลาสงบ ซึ่ง คุณจะ 3. งดเล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ งดเว้นจากการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทุกชนิดขณะรับประทานอาหาร ช่ ว งเวลาการทานอาหารควร ทุกชนิด อาจจะเป็นเวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อ จะเป็ น ช่ ว งเวลาที่ ป ลอดจากอุ ป กรณ์ วัน หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้น คุณอาจจะ อิ เ ล็ ก ทรอนิ ก ส์ ทุ ก อย่ า งมากที่ สุ ด โดย ก�ำหนดไปเลยว่าใน 1 สัปดาห์จะมีอย่าง เฉพาะส�ำหรับพนักงานบริษัท เวลาพัก น้อย 1 วันที่คุณจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับอุปกรณ์ เทีย่ งถือเป็นเวลาทีด่ ใี นการพักผ่อนคลาย ไฮเทคทั้งหลายเลย เครียดจากการท�ำงานอย่างคร�่ำเคร่งมา ตลอดในช่วงเช้า การปล่อยให้สมองได้พกั หวังว่าขัน้ ตอนง่ายๆ เหล่านีจ้ ะ และดื่มด�่ำกับรสชาติอาหารตรงหน้านั้น เป็นแนวทางให้ทุกคน ลดอาการติด จะช่วยให้ระบบการย่อยอาหารท�ำงานได้ เทคโนโลยีได้นะครับ ^^


รัก ใน ม่านฝน โดย สุวิมล จินะมูล

Wow! Asean 23

สวัสดีเดือนแห่งความรักค่ะ

'รักในม่านฝน' หลายคนอาจคิดว่า คราว นี้มาแปลก มีความรัก มาชวนคุย ไม่ได้ชวนคุย เฉยๆ นะคะ ชวนอ่านด้วย เพราะ 'รักในม่านฝน' คือชื่อหนังสือ หนึ่งในชุดวรรณกรรมเพื่ออาเซียน นี้ คุณประภัสสร เสวิกุล รวบรวมข้อมูลและ ประสบการณ์จากการเดินทางมาสร้างนวนิยาย ซึ่งส่งเสริมมิตรภาพ ความรู้ และความเข้าใจ ระหว่างชาวไทยกับชาวเวียดนามคุณประภัสสร แสดงภาพประเทศเวียดนามในช่วงสงครามกอบ กูเ้ อกราชและชีวติ ทีเ่ ผชิญกับความทุกข์ยากของ ชาวเวี ย ดนามในช่ ว งดั ง กล่ า วจนถึ ง ความ เปลี่ ย นแปลงทางเศรษฐกิ จ ของประเทศใน ปัจจุบัน โดยบอกเล่าผ่านเรือ่ งราวความรักของคูร่ กั ชาวเวียดนามซึง่ ชะตาชีวติ ได้พลิกผันไปในวันฝน ตก ตัวเอกของเรือ่ งคือ เรน สาวไทย กับ บ๋าวอาน ไกด์ ห นุ ่ ม ชาวเวี ย ดนาม ทั้ ง สองเริ่ ม ต้ น ความ สั ม พนธ์ ร ะหว่ า งที่ บ๋ า วอาน พาเรนท่ อ งกรุ ง ฮานอย ตัวตน ความคิด และเรื่องราวของทั้งคู่ ถู ก ถ่ า ยทอดระหว่ า งการพู ด คุ ย แลกเปลี่ ย น มุมมองต่อกัน สะกิดให้ต่างคนต่างคิดย้อนถึง บางเหตุการณ์ โดยเฉพาะบ๋าวอานที่ได้ทบทวน เรื่องราวในครอบครัวตัวเอง และลุงดินห์ ที่เขา เกือบลืมเลือนไปแล้ว รักในม่านฝน คือนวนิยายเล่มที่ 2 ที่ คุณประภัสสร เขียนในชุดนี้ โดยมีแผนจะ เขียนทั้งหมด 10 เล่ม แต่ละเล่มไม่ต่อเนื่อง กันแต่มจี ดุ ร่วมคือเป็นเรือ่ งราวสะท้อนความ เข้าใจในอาเซียนค่ะ อ่อ ลืมบอก นวนิยาย เล่มนี้เป็นนวนิยายส�ำหรับผู้ใหญ่ หรือผู้ที่ มีอายุ 18 ปีขึ้นไปนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก nanmeebooks.com


24 กฏหมายน่ารู้ กับ ธ.ธนา

บรรยากาศความโรแมนติกของ ไม้ ชายหนุ่มเจ้าของร้านขายต้นไม้ (พ่วง ด้วยฐานะคนสวน) กับ เป็ดปุ๊ก หญิงสาวเพื่อนบ้านที่เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ ที่ชุ่มฉ�่ำ ไปด้วยความเขียวขจีของไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด และเมล็ดพันธุ์แห่งความรัก ที่ทั้งคู่ได้ปลูกไว้ในใจของกันและกัน จะเติบโตไปอย่างไร คงต้องไปร่วมลุ้นกันต่อไปในละครนะครับ ในเมื่อพระเอกของเรามีอาชีพเกี่ยวข้องกับพืชผล ต้นไม้ กฎหมายน่ารูข้ องเราฉบับนีจ้ งึ ขอน�ำเสนอเรือ่ ง พระ ราชบัญญัตคิ มุ้ ครองพันธุพ ์ ชื พ.ศ.๒๕๔๒ เพือ่ ผูอ้ า่ นทัง้ หลายจะได้ทราบว่าประเทศไทยของเรามีกฎหมายว่าด้วย เรื่อง “การส่งเสริมให้มีการปรับปรุงพันธุ์และพัฒนา พันธุพ ์ ชื เพือ่ ให้มพ ี นั ธุพ ์ ชื ใหม่เพิม่ เติมจากทีม่ อี ยูเ่ ดิม อันเป็นการส่งเสริมการพัฒนาทางด้านเกษตรกรรม โดยการส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจด้วยการให้สิทธิ และความคุ ้ ม ครองตามกฎหมาย ตลอดจนเพื่ อ เป็นการอนุรกั ษ์ และพัฒนาการใช้ประโยชน์พนั ธุพ ์ ชื พื้นเมืองเฉพาะถิ่น พันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไป และพันธุ์ พืชป่า เพือ่ ให้ชมุ ชนมีสว่ นร่วมในการดูแล บ�ำรุงรักษา และใช้ประโยชน์พันธุ์พืชอย่างยั่งยืน” โดยมีสาระและ โครงสร้างส�ำคัญ ดังนี้ คือ

ในสวนขวัญ โดย ธนา ภัทรภาษิต

1. พันธุ์พืชที่ได้รับการคุ้มครอง แบ่งออกเป็นสอง ประเภทใหญ่ๆ คือ 1.1 พันธุ์พืชใหม่ เป็นพันธุ์พืชที่มีการผสมหรือ ปรับปรุงพันธุ์ขึ้นใหม่ 1.2 พันธุ์พืชพื้นเมือง แบ่งออกเป็นสามประเภท คือ 1) พันธุ์พืชพื้นเมืองเฉพาะถิ่น 2) พันธุ์พืชพื้นเมือง 3) พันธุ์พืชป่า

2. กองทุนพันธุพ์ ชื เป็นกองทุนเพือ่ จัดตัง้ ขึน้ เพือ่ เป็นทุนใน การใช้จ่ายในการช่วยเหลือและอุดหนุนกิจการที่เกี่ยว กับการอนุรักษ์ การวิจัย และการพัฒนาพันธุ์พืชของ ชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3. คณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช ประกอบไปด้วยคณะ กรรมการรวมทั้งสิ้น ๒๒ คน หน้าที่ส�ำคัญ คือ เสนอให้ รัฐมนตรีเป็นผู้ก�ำหนดชนิดของพันธุ์พืชว่าพันธุ์พืชใด เป็นพันธุ์พืชใหม่ที่จะได้รับการคุ้มครอง และบริหาร กองทุนคุ้มครองพันธุ์พืช เป็นต้น

...มาร่วมกันอนุรักษ์และพัฒนาธรรมชาติให้ยั่งยืนสืบไปกันครับ


Math Unlimited กกก 25 

  กกก กกก 3กกก  กกก  กกกก Ax+By+C=Ox,yA,B,CABก 3กกกก กกก กกก โดยอ.อนุ ัตร จิรวัฒนพาณิช Ax+By+C=Ox,yA,B,CABก y=mx+c วก กกกก m(slope)cกy  y=mx+cก Ax+By+C=0 m    (slope)c      กy        ในบทความนี้ จะน�ำเสนอวิธีการสอนโดยการใช้กราฟเส้นตรง Ax+By+C=0 By=AxC หาค�ำตอบของระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร ซึง่ มี 3 ลักษณะ ได้แก่ 1Simultaneous(HerbertF.:Howtoteachmath) By=AxC  เส้นตรงสองเส้ นตัดกัน เส้นตรงสองเส้นขนานกัน และเส้นตรงสองเส้น

การใช้กราฟเส้นตรงหาค�ำตอบ

ของระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร 

y= A x C  ทับกันสนิทy=เนืA่อx งจากสู ตรทั่วไปของสมการเชิงเส้นสองตั วแปรคือก C ก  B B B B  y=5x+2เป็นค่ 1 Ax + By + C = O เมืC่อ x ,y เป็นตัวแปรและ A,B,C า c= C   m= A  c=   m= A  y=3x+2 2 B ไม่เท่ากับศูBนย์พร้อมกัน ดังนัน B B คงตัวโดย A และB ้ การพิจารณาค�ำตอบ 2.กก ก  y=mx+c  กy=mx+c ของระบบสมการเชิ ง เส้ น สองตั ว แปร จะต้ อ งจั ด รู ป ทั ว ่ ไปของสมการเชิ ง ก ก กก กกกก  กจารณาค� ก  เส้นสองตั แปรให้อยูใ่  นรูปกy( y = mx c ซึง่ เป็น มาตรฐานของสมการ กy( ดังนั้นc)กก การพิ ำตอบของระบบสมการเชิ งเส้ นสอง  รูป     (วm) c)+ก ก(m)     (  m)    กy(  c)  ก  เชิงเส้ นสองตั ่ m คือความชั ของเส้ 1.  วกแปรโดยที ก น  น ตรง กก (slope)   และ c ตัวแปรสามารถน�ำความรู้เกี่ยวกับความชันของเส้นตรง (ค่า m)  1.  ก      ก1 (m1. )  กด     ก คื อ      ก                   ก     ระยะเส้นตรงตัดแกน y ได้ดังนี้ และระยะเส้ นตรงตั แกนก y(ค่กาก c) ช่วยในการพิ จารณาค� ำตอบ 1

 2(m 2 ) (m)กy(c)กก  ก  กก 2.  ) ก  กyกก1(c ) กกก1 (m 1 ) ก กyกก1 (c2.1  (m)กy(c)กก1  กyกก2(c 2 ) กyกก2(c 2 ) กก2(m 2 ) ก 1 (m 1 ) ก  Y Y Y  กก  1 1 1  ก  ก2(m 2 )     Y  1    2     X X X    2 2     2 m1 ≠ m 2    m1 = m 2  c m 1 = Xm 2    c1 ≠ c 2  c1 = c 2      2Inconsistent(HerbertF.:Howtoteachmath) 3Equivalent(HerbertF.:Howtoteachmath) 1 ภาพที่ 1 Simultaneous ภาพที ่ 2 Inconsistent ≠ m m ภาพที ่ 3 Equivalent 1 2 กก (อ้างใน Herbert F. :How to teach math) ก  กto ก (อ้างใน Herbert F. :How to teach math)  (อ้างใน Herbert F. :How  teach math) c  2xy+4=0 1  x2y+4=01  2xy6=0 2 4x8y+16=02 1. เส้นตรงสองเส้นตัดกัน 2. 3.เส้น ตรงสองเส้ 3. เส้ นตรงสองเส้นซ้อนทับกันสนิท น กขนานกั นกกก  (m) กy(  คำ จากสมบัติของจุดและเส้นตรง เส้น กก จากนิ ยามเส้นตรงสองเส้ นทีc)กก ่อยู่บน  จะมี � ตอบร่1วมกันร่วมกันมากมาย  ยวกันขนานกันก็ตอ ตรงสองเส้นตัดกันที่จุดเดียวเท่านั้น ดังนั้น ก ระนาบเดี ่ เมือ่ เส้นตรงทัง้ จะพิจารณาได้จากจากค่าความชัน (ค่า m) 1.กก1 (m 1 ) กก เส้นตรงสองเส้นตัดกันนั้นจะมีค�ำตอบเพียง สองเส้ นไม่ตัดกัน ดังนั้นเส้นตรงสองเส้น และระยะเส้นตรงตัดแกน y (ค่า c) จาก ก2(m 2 )

จุดเดียว จะพิจารณาได้จากค่าความชัน (ค่า m) และไม่ต้องพิจารณาระยะเส้นตรงตัด แกน y (ค่า c) จากสมการเชิงเส้นสองตัวแปร ทั้งสองสมการโดยความชันของสมการเชิง เส้นสองตัวแปรสมการที่ 1 (m1) ไม่เท่ากับ ความชั น ของสมการเชิ ง เส้ น สองตั ว แปร สมการที่ 2 (m2)

ตัวอย่าง ระบบสมการที่มีค�ำตอบร่วมกัน เพียงจุดเดียว y = 5x + 2 ---------------------- 1 y = -3x + 2 ---------------------- 2

ขนานกันจะไม่มคี ำ� ตอบร่วมกัน จะพิจารณา ได้จากค่าความชัน (ค่า m)2 และระยะเส้น ตรงตัดแกน y (ค่า c) จากสมการเชิงเส้นสอง ตัวแปรทั้งสองสมการดังนี้ 1. ความชันของสมการเชิงเส้นสอง ตัวแปรสมการที่ 1 (m1) เท่ากับ ความชัน ของสมการเชิงเส้นสองตัวแปรสมการที่ 2 (m2) 2. ระยะเส้ น ตรงตั ด แกน y ของ สมการเชิงเส้นสองตัวแปรสมการที่ 1 (ค่า c1) ไม่เท่ากับระยะเส้นตรงตัดแกน y ของ สมการเชิงเส้นสองตัวแปรสมการที่ 2 (ค่า c2)

สมการเชิงเส้นสองตัวแปรทั้งสองสมการ ดังนี้ 1. ความชันของสมการเชิงเส้นสอง ตัวแปรสมการที่ 1 (m1) เท่ากับ ความชันของ สมการเชิงเส้นสองตัวแปรสมการที่ 2 (m2) 2. ระยะเส้ น ตรงตั ด แกน y ของ สมการเชิงเส้นสองตัวแปรสมการที่ 1 (ค่า c1) เท่ากับระยะเส้นตรงตัดแกน y ของ สมการเชิงเส้นสองตัวแปรสมการที่ 2 (ค่า c2)

ตัวอย่าง ระบบสมการที่ไม่มีค�ำตอบร่วมกัน 2x - y + 4 = 0 -------------------- 1 2x - y - 6 = 0 -------------------- 2

ตัวอย่าง ระบบสมการที่มีค�ำตอบร่วมกัน มากมาย x - 2y + 4 = 0 --------------- 1 4x - 8y + 16 = 0 --------------- 2

3


26 Around Me!

การเตรี ย มพลเมื อ งรุ น ่ ใหม่ ในวิกฤตการณ์ความขัดแย้ง โดย พ. พัฒนคีรี

ณ โรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดกลางแห่งหนึ่งใน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครูใส่เสื้อหลากสี ไม่ว่าจะแดง เหลือง หรือขาว ครูแต่ละสีต่างต้องการพื้นที่แสดงออก ถึงความคิดทางการเมืองของตน ครูสแี ดงมีอยูถ่ งึ ร้อยละ 70 ของโรงเรียน ยืนกรานรักษาระบบกฎกติกา เสียงข้าง มาก ขณะที่ครูสีเหลืองไม่เห็นด้วย เพราะอยากให้ปฏิรูป โครงสร้างและกฎกติกาที่บิดเบี้ยวให้น่าเชื่อถือเสียก่อน ส่วนครูสีขาวเลือกที่จะอดทนอดกลั้น ไม่ขออยู่ฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด และมุง่ ให้ทกุ ฝ่ายหันหน้าคุยกัน ร่วมกันหาทางออก ถ้าวันนีค้ รูทกุ สีเลือกอธิบายตามเหตุผลทีต่ นคิดว่าถูกต้อง ที่สุด และเลือกที่จะจูงใจให้นักเรียนเชื่อมั่นในอุดมการณ์ ของตน เด็กในโรงเรียนนี้จะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร เด็ก ที่จบจากโรงเรียนแห่งนี้จะเติบโตเป็นพลเมืองไทยและ พลเมืองโลกที่มีคุณลักษณะอย่างไร หลั ก การจั ด การศึ ก ษาของชาติ ใ นปั จ จุ บั น ตาม พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่ม เติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 ระบุไว้ว่า “การจัดการศึกษา ต้องยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้ และพัฒนาตนเองได้และถือว่าผู้เรียนมีความส�ำคัญ ที่สุด” กระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นส�ำคัญ คือการ จัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับการด�ำรงชีวิต เหมาะสมกับ ความสามารถและความสนใจของผู้เรียน เน้นให้ผู้เรียนมี ส่วนร่วมและลงมือปฏิบัติจริงทุกขั้นตอน จนเกิดการเรียน รู้ด้วยตนเอง และน�ำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�ำ วันได้ ดังนั้นครูจึงควรจัดกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย อาทิ การเรียนรู้แบบบูรณาการ การสร้างความรู้ด้วย ตนเอง การเรียนรู้จากประสบการณ์จริงหรือสถานการณ์ จ�ำลอง การวิจัย โครงงาน เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้หลักการ

หรือกระบวนการที่กล่าวมาไม่ใช่แค่ ตัวหนังสือในต�ำราหรือแค่ไว้ทอ่ งสอบ บรรจุครูเท่านั้น เมื่ อ โลกเปลี่ ย นผ่ า นสู ่ ยุ ค เทคโนโลยี ดิ จิ ทั ล ที่ ทั น สมั ย ครู จึ ง ควรปรับตัวให้รู้เท่าทันสิ่งใหม่ๆ และ พั ฒ นาตนเองอยู ่ เ สมอ ขณะที่ เยาวชนรุน่ ใหม่เติบโตมาในยุคข้อมูล ล้ น ทะลั ก ทุ ก คนเข้ า ถึ ง ข้ อ มู ล ข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว ครูจงึ มีหน้าที่


27

เตรียมพร้อมให้นักเรียนรู้เท่าทันสื่อและ เทคโนโลยี ดิ จิ ทั ล ที่ เ สมื อ นดาบสองคม กิจกรรมการเรียนรูท้ คี่ รูออกแบบจึงจ�ำเป็น ต้องเน้นทักษะคิดวิเคราะห์ขอ้ มูล แยกแยะ ข้อเท็จจริง และไม่ลืมส�ำนึกในความเป็น พลเมืองที่รับผิดชอบต่อสังคม เพราะทุก วันนี้คนส่วนใหญ่สร้างสื่อได้ด้วยตนเอง ผ่านสังคมออนไลน์ มีการแบ่งปันความรู้ ความเห็น หรือรูปภาพในโลกเสมือนจริง ที่รวดเร็ว ฉับไว

จนต้องยอมรับว่าบางครั้งก็ฉาบฉวย จึงท�ำให้ เกิดอคติ สร้างความเกลียดชัง สาปแช่ง ก่นด่าว่าร้าย กันเต็มหน้าจอไปหมด ส่งผลให้โลกความเป็นจริง คน อยูร่ ว่ มกันได้ยากล�ำบากขึน้ เรือ่ ยๆ แม้วา่ ความขัดแย้ง เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ความรุนแรงย่อมเป็นปัญหาที่ อาจตามมาโดยมิอาจประเมินค่าได้เสมอ ทุกวันนี้ครูหลายคนมักมีแนวทางที่ตนคิดว่า ใช่และถูกต้องที่สุด จนบางครั้งเป็นน�้ำเต็มแก้ว ไม่ ไยดีที่จะรับฟังใครทั้งสิ้น ทว่านักเรียนก็ไม่ควรจะ เป็นเพียงหนูทดลองที่วิ่งมาติดกับดักความคิดของ ครูคนใดคนหนึ่ง แต่ควรเป็นหนูตัวเล็กๆ ที่มีหัวใจยิ่ง ใหญ่ เป็นหนูนอ้ ยทีก่ ล้ากระโดดโลดเต้นทางความคิด จินตนาการตามธรรมชาติในบรรยากาศการเรียนรู้ที่ เป็นมิตรและปลอดภัย ครูจึงมีหน้าที่สร้างบรรยากาศ “ประชาธิ ป ไตย” ที่แท้จริงให้เกิดขึ้น เปิดโอกาส ให้นักเรียนมีส่วนร่วมทุกกระบวนการเรียนรู้อย่าง สร้างสรรค์ ฝึกให้คิดรอบด้าน และเน้นการอยู่ร่วมกัน ในสังคมที่แตกต่างหลากหลาย “ครู ” คื อ วิ ช าชี พ ที่ จ� ำ เป็ น ต้ อ งมี ไ ฟแห่ ง ความหวัง เป็นไฟที่พร้อมจะลุกโชนเพื่อจุดพลัง แห่งการเรียนรู้ให้แก่ศิษย์อย่างไม่มีวันมอดดับ ถึงเวลาแล้วจริงๆ ใช่หรือไม่ ที่ทุกคนต้องหันมาใส่ใจ เรื่องการศึกษาของเยาวชนไทยกันอย่างจริงจัง การ เตรียมพลเมืองรุ่นใหม่จึงมิใช่เป็นเพียงการผลักภาระ ให้ฝา่ ยใดฝ่ายหนึง่ รับผิดชอบ เพราะคงไม่อาจปฏิเสธ ได้วา่ “การศึกษา(ทีม่ คี ณ ุ ภาพ)” เป็นกุญแจดอกส�ำคัญ ที่จะไขปมปัญหาวิกฤตการณ์บ้านเมืองออกไปสู่ทาง ที่มั่นคงและยั่งยืน ดังนั้น แบบทดสอบวิชาชีพครูที่ ท้าทายยุคแห่งความขัดแย้ง โจทย์ส�ำคัญของการ เตรียมพลเมืองรุ่นใหม่ในวิกฤตการณ์เช่นนี้คือ ครูควรอบรมสั่งสอน หรือ นักเรียนควรเรียนรู้?


28 Around Me!

จีพีเอส

หลายต่อหลายคนคงคุ้นเคย หรือต้องเคยได้ยนิ กับค�ำว่า จีพเี อส ที่ จ ะมี อุ ป กรณ์ แ ละแผนที่ ที่ ใ ช้ ใ น การน�ำทางมาบ้างไม่มากก็นอ้ ย แต่ น้อยคนนักจะรู้ถึงที่มาและประโยชน์ ของจี พี เ อสที่ พ ลิ ก โฉมวงการ วิศวกรรมไปอย่างที่ไม่เคยมีมาก ก่อน และยังมีระบบที่บอกต�ำแหน่ง อื่นๆ อีกหลายระบบที่หลายคนอาจ จะใช้อยู่แบบไม่รู้ตัว

โดย ธีรนัย เล้าอรุณ

(GPS : Global Positioning System) คือระบบบอกต�ำแหน่งบนพืน้ ผิวโลก โดยอาศัยการค�ำนวณจากความถี่สัญญาณนาฬิกาที่ส่งมาจาก ดาวเทียมทีโ่ คจรอยูร่ อบโลกซึง่ ทราบต�ำแหน่ง ซึง่ หลายคนอาจสับสนกับค�ำ ว่า GPRS (General Packet Radio Service) ที่เป็นบริการส่งข้อมูลส� ำหรับ โทรศัพท์มือถือ โดยแนวคิดในการพัฒนาระบบจีพีเอส เริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1957โดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา เพื่อใช้ในวงการทหารและต่อมาได้ พัฒนาให้พลเรือนได้ใช้ด้วย แต่ยังคงสงวนสัญญาณบางส่วนที่ต้องเข้ารหัส ส�ำหรับทหารเท่านั้น โดยมีหลักการท�ำงานคือดาวเทียมโคจรรอบโลก ตามวง โคจรที่ก�ำหนด และจะส่งสัญญาณลงมายังเครื่องรับสัญญาญโดยเครื่องรับ สัญญาณจะแปลงค่าที่รับสัญญาณได้เพื่อประมวลผลต�ำแหน่งของเครื่องรับ


29

สัญญาณ โดยเครื่องรับต้องรับสัญญาณจากดาวเทียม อย่างน้อย 3 ดวง(ปัจจุบันมีจ�ำนวนดาวเทียมมากพอ ส�ำหรับทุกที่จะมีดาวเทียมบนฟ้าอย่างน้อย 4 ดวง) เพื่อ ประมวลผลต�ำแหน่งได้อย่างถูกต้องและแม่นย�ำ นอกจาก นี้ยังมีสถานีฐานในการปรับสัญญาณดาวเทียมเพื่อให้ถูก ต้องอยู่เสมออีกด้วย ต่อมามีหลายประเทศเริ่มพัฒนา ระบบของตนเองบ้างจึงมีการเรียกระบบทัง้ หมดว่า GNSS (Global Navigation Satellite System) ซึง่ ก็คอื ระบบบอก ต� ำ แหน่ ง บนพื้ น ผิ ว โลกของทุ ก ระบบเช่ น GPS ของ สหรัฐอเมริกา GLONASS ของรัสเซีย Galileo ของสหภาพ ยุโรป และ Compass ของจีน นอกจากนีย้ งั มีระบบท้องถิน่ ที่ใช้เฉพาะประเทศตัวเองเท่านั้นเช่น IRNSS ของอินเดีย DORIS ของฝรั่งเศส และ QZSS ของญี่ปุ่น

ปัจจุบันระบบ GPS/GNSS ได้เข้ามามีบทบาทในการบอกต�ำแหน่งและใช้ ในระบบน�ำทางอย่างแพร่หลายเช่น เครื่องบิน เรือ รถยนต์ อุปกรณ์พกพาหรือแม้ กระทัง่ ในโทรศัพท์มอื ถือ ซึง่ หลายคนอาจสังเกตว่า จะมีจดุ แสดงต�ำแหน่งและวงกลม เล็ ก บ้ า งใหญ่ บ ้ า งซึ่ ง จะเป็ น ตั ว บอกความแม่ น ย� ำ ของต� ำ แหน่ ง ณ เวลานั้ น ๆ หมายความว่า ต�ำแหน่งของเครื่องรับอาจจะอยู่บริเวณใดก็ได้ภายในวงกลมนั้นๆ โดยมีหลายปัจจัยทีท่ ำ� ให้คณ ุ ภาพสัญญาณไม่ดเี ช่น บริเวณทีม่ ตี กึ สูง ต้นไม้หนาแน่น สายไฟฟ้าแรงสูงเป็นต้น นอกจากนีแ้ ล้ว วงการวิศวกรรมเอง ได้เปลีย่ นวิธกี ารส�ำรวจ ไปอย่างสิ้นเชิงจากเดิมที่ต้องถ่ายค่าพิกัดเป็นระยะทางไกลๆ ซึ่งอาจจะไกลเป็น ร้อยกิโลเมตรเปลี่ยนมาเป็นตั้งเครื่องรับสัญญาณที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งท�ำได้ ง่าย รวดเร็วและแม่นย�ำสูง ทั้งยังประหยัดงบประมาณได้อย่างมาก โดยเราจะเห็น อุปกรณ์รับสัญญาณตามโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่มากขึ้น ปัจจุบนั การพัฒนาระบบบอกต�ำแหน่งบนโลกยังคงพัฒนาอย่างต่อเนือ่ ง มีดาวเทียมหลายสิบดวงที่โคจรรอบโลกเพื่อให้ผู้ใช้รับสัญญาณได้อย่าง ต่อเนือ่ งและมีคณ ุ ภาพมากขึน้ โดยปัจจุบนั มีดาวเทียมรวมกันของแต่ละระบบ กว่าร้อยดวง ซึ่งในอนาคตจะมีการพัฒนาเครื่องรับสัญญาณให้สามารถ รับสัญญาณของระบบต่างๆ ได้มากขึ้น แต่สิ่งที่ส�ำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือ คุณภาพ ของแผนที่ที่ผู้ใช้สัญญาณจีพีเอสน�ำทางที่ต้องพัฒนาและปรับปรุงอีกมาก เพื่อการน�ำทางที่ถูกต้อง


30 เวทีคนเก่ง

พลอย หรือ นางสาวจิราพร โตอ้น สาวน้อยหน้าตา น่ารัก เป็นวัยรุ่นที่อยู่ท่ามกลางกระแสสังคมวัฒนธรรมจากต่างประเทศ แต่ ก ลั บ หลงใหลเสน่ ห ์ ข องการ แสดงลิเกพื้นบ้าน จากความชื่น ชอบ ได้พัฒนาตนเองจนสามารถ แสดงลิเกได้ราวกับนักแสดงมือ อาชีพ “ตอนเด็ ก ๆ พลอยชอบ และ สนใจเรือ่ งการร้อง การร�ำ ของนาฏศิลป์ ไทยมากๆ ค่ะ เวลามีกิจกรรมอะไร ก็ตามในโรงเรียนที่เกี่ยวกับการแสดง ไทยๆ พลอยจะเข้ า ร่ ว มทุ ก ครั้ ง จน กระทัง่ ช่วง ม.ต้น ได้มโี อกาสร่วมแสดง ลิเก เรือ่ งกัณหา ชาลี นัน่ เป็นจุดเริม่ ต้น ที่ท�ำให้พลอยสนใจการแสดงพื้นบ้าน อย่างลิเกเพิ่มมากขึ้น”

รางวัลที่เคยได้รับ

• พ.ศ. 2552 : นักเรียนพระราชทาน • พ.ศ. 2552 : บุคคลต้นแบบจังหวัดชัยนาท • พ.ศ. 2554 : เยาวชนผู้ท�ำผลงานดีเด่น สู่ประเทศชาติ • พ.ศ. 2554 : เยาวชนดีเด่นของสภาสังคม สงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ • พ.ศ. 2556 : นักศึกษาผู้มีธรรมจริยธรรม ระดับมหาลัยทั่วประเทศ

เวทีคนเก่ง :

นางสาวจิราพร โตอ้น (พลอย) นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะครุศาสตร์สาขาภาษาไทย มหาวิทยาลัยราชภัฎนครสวรรค์ นักเรียนทุนรุ่นที่ 10/2557 มูลนิธิด�ำรงชัยธรรม

หลงเสน่ห์ลิเก

พลอยเล่าเพิ่มเติมว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอหันมาสนใจศิลปวัฒนธรรมไทย ในขณะที่เพื่อนๆ ชื่นชอบการเต้น Cover ศิลปินเกาหลี เพราะคิดว่าทุกคนมีความ คิด มีมุมมองที่ต่างกัน ซึ่งแต่ละการแสดงก็มีความสวยงาม เพลิดเพลิน แตกต่าง กันไป และไม่คิดว่าตัวเองเชย หรือล้าสมัยด้วย เพราะจริงๆ แล้วหากพูดถึงลิเก ทุกคนที่เป็นคนไทยไม่ว่าจะเพศไหน วัยไหน ก็รู้จักหมด “เมือ่ พลอยได้เข้ามาเรียนทีค่ รุศาสตร์ สาขาภาษาไทย ทีม่ หาวิทยาลัยราชภัฎ นครสวรรค์ นับว่าโชคดีมากๆ ค่ะ เพราะทีน่ มี่ ปี ระเพณีการแสดงลิเกในทุกๆ ปี พลอย ก็เข้าร่วมแสดงตั้งแต่ตอนปี 1 และคิดว่าจะเข้าร่วมในทุกๆ ปี ถือว่าเป็นการแสดง ลิเกอย่างจริงจังเลยค่ะ เพราะมีอาจารย์ผสู้ อน ได้เรียนรูท้ งั้ เรือ่ งการร�ำ การร้อง การ แสดง การแต่งบทลิเก และยังได้มโี อกาสแสดงให้คนจ�ำนวนมากได้รบั ชมด้วยค่ะ” นอกจากการแสดงลิเกในฐานะนักศึกษาแล้ว พลอยยังสามารถหารายได้ พิเศษจากการแสดงลิเกได้อกี ด้วย ทีส่ ำ� คัญได้รบั โอกาสให้แสดงในบทของนางเอก เรียกได้ว่าตอนนี้ในวงการการแสดงลิเกจังหวัดนครสวรรค์ และพิจิตร พลอยคือ นางเอกลิเกดาวรุ่งหน้าใหม่ที่หลายๆ คน จับตามอง “ปัจจุบันพลอยเล่นลิเกในบทของนางเอกค่ะ เล่นให้กับคณะของทาง มหาวิทยาลัย ชื่อคณะ พรพิฆเนศวรเพชรดาวรุ่ง เป็นการรวมตัวของนักศึกษา สาขาภาษาไทย ตอนนี้รับงานตามปกติค่ะ ใครสนใจก็สามารถติดต่อได้ นอกจาก นี้พลอยยังแสดงอยู่ที่คณะลิเกไพศาล เพียรศิลป์ด้วยค่ะ” ไม่ใช่แค่รายได้เสริมทีช่ ว่ ยแบ่งเบาภาระให้กบั ทางครอบครัวเท่านัน้ ทีพ่ ลอย ภูมใิ จ สิง่ ทีพ่ ลอยภูมใิ จเสมอจากการแสดงลิเก คือ ดีใจทีต่ นเองได้เป็นส่วนหนึง่ ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย เพราะหากการแสดงเหล่านี้ไม่มีคนสืบทอด สักวันหนึ่งเด็กๆ เยาวชนคนรุ่นใหม่คงไม่มีใครรู้จัก ‘ลิเก’ การแสดงที่เคยมอบ ความสุข และรอยยิ้มให้กับคนไทยทุกคน


มองชีวิตคิดดี 31

ความมืดสีขาว โดย ดร.ศิริวรรณ เกษมศานต์กิดาการ

สวัสดีค่ะหลานๆ ที่น่ารัก

เดือนนี้มีวันส�ำคัญทางศาสนา วันมาฆบ ูชา ช่วงนี้ ถ้าหลานๆ ชวนเพื่อนไปท�ำบุญ แล้วเพื่อนไม่ไป อย่าไปว่าเพื่อนนะคะ เดี๋ยวจะเป็นเช่นยายคนนี้ คุณยายแกท�ำบุญสร้างเสาศาลาให้วัด วันใดที่แกไปท�ำบุญที่วัด แกก็จะนั่งข้างเส าของแกเท่านั้น แต่ใครจะมานั่งข้างเสาของแกไม่ได้ แกว่ านี่มันเสาของกู พฤติกรรมที่ว่านี้ก็เหมือนคนดีบางจ�ำพว ก ก็พอจะรู้นะว่าเขาเป็นคนดี แต่ชอบเอาควา มดีของตนเองมาข่มให้คนอื่นได้อาย คนดีที่แท้จริงเค้าจะอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ อวดดีค่ะ ความดีนั้นเปรียบเหมือนความมืดสีขาว ความมืดนั้นย่อมเป็นสีด�ำ และมองเห็นยาก แต่ความมืดสีขาวนั้นมองเห็นได้มากกว่า ชัดกว่า จึงยึดได้ง่าย เพราะผู้อยู่ในความมืดสีขาวจะไม่รู้สึกว่า ตัวเองอยู่ในความมืด จึงมืดได้สนิท เมื่อไปยึดถือความดีซึ่งเป็นสิ่งบริสุทธิ์ จึงถูกความดีที่ตัวยึดท�ำให้ไม่เป็นสุข ศาสนาพุทธไม่ใช่ท�ำดีอย่างเดียวนะคะ ต้องละชั่ว ท�ำดี และท�ำจิตใจให้บริสุทธิ์ด ้วยนะคะ ถ้าเรายึดติดที่ความดีก็จะทุกข์เพราะยึด นี่แหละ จ�ำไว้ ขออวยพรให้หลานๆ เจริญในธรรมจ้า ป้า​เอง


“ไม่ใช่แค่ให้ โตได้ แต่อยากให้ โตดี”


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.