The Reds Magazinee Special Jan 2016

Page 1

1

September 2013 - The Reds


2

The Reds - September 2013


3

ห่างหายกันไปแสนนานกับ นิตยสารออนไลน์ ของเหล่า เดอะ คอป เล่มนี้ เป็นความ ตั้งใจของพวกเราทีมงาน The Reds Magazine ที่จะท�ำเป็นฉบับนี้ออกมาเป็นฉบับเฉพาะกิจ เพื่อให้เป็นของขวัญปีใหม่ ให้กับบรรดาแฟนๆ ของสโมสรลิเวอร์พูล และเหล่าแฟนเพจของเรา ซึ่งต้องถือว่าเป็นการเตรียมการ ‘ชั่ววูบ’ อีกครา บนความตั้งใจเดิมๆ เหมือนทีมงานชุดเก่าก่อน ในฐานะบรรณาธิการ เรายังใช้รูปแบบ เดิมๆ นั่นคือใครอยากเขียนอะไร ก็ เขียน ... อยากเล่า อยากถ่ายทอดเรื่องราวแง่มุมแบบไหน นักเขียนทุกท่านล้วนท�ำตามหัวใจ เพราะเรายังเชื่อว่าต่อให้เขียนเรื่องราวเดียวกัน แต่มุมมอง และการบอกเล่า ล้วนมิอาจลอกเลียน... ดังนั้นต่อให้เรื่องเดียวกัน ผู้คนเดียวกัน หากต่าง นักเขียน เรามักมีเรื่องราวแตกต่าง ซึ่งไม่ต่างอะไรกับความเป็นไปของนิตยสารเล่มนี้มากนัก ใน เมื่อนักเขียนหลายท่าน ล้วนมีมุมมองเกี่ยวกับ คลอปป์ มากมายหลายมุม ขณะเดียวกัน ในส่วนท้ายของนิตยสาร ถือเป็นการปัดฝุ่นโครงการเก่าของเรา ที่เราเคยคิด อยากท�ำนิตยสารฉบับพิเศษสักฉบับ เพื่อเป็นการอ�ำลากัปตัน อย่าง Steven Gerrard หลังจาก การรับใช้สโมสรมาอย่างยาวนานและต้องจากไปด้วยหัวใจที่แหลกราญ ซึ่งโครงการนั้นแม้มัน มิอาจเกิดขึ้นได้จริงเนื่องจากเหตุผลหลายประการ ... แต่ทางเรายังคิดว่ามันเป็นภารกิจที่มิอาจ หลบเลี่ยง และเมื่อสบโอกาส ที่ถึงแม้จะท�ำได้ไม่เต็มที่นัก แต่เราเชื่อว่า เราสามารถปลดเปลื้อง “พันธนาการ” ที่ติดอยู่ในหัวใจออกไปได้บ้าง ศรัทธาในทีมลิเวอร์พูลยังเหมือนเดิม ศรัทธาในความอยากท�ำนิตยสารยังคงไม่มอดไหม้ ‘ศรัทธา จะพาเราก้าวเดิน’ เซียวลี้ปวยตอ บรรณาธิการ September 2013 - The Reds


4

T reatise

The Reds - January September20162013


5

September January 2016 2013 - The Reds


6

The Reds - September 2013


7

แฟนบอลฝ่ายตรงข้ามอาจจะเหน็บแนมแกม ประชดได้ ว ่ า การแสดงความยิ น ดี จ ากที่ เ สมอกั บ West Bromwich Albion 2-2 ต่อหน้าแฟนบอล The Kop เป็นอะไรที่ “เกินกว่าเหตุ” ท�ำอย่างกับ ได้แชมป์ แต่กุนซือหงส์แดงอย่าง Jurgen Klopp ที่ เพิ่งมีปากเสียงกับกับ Tony Pulis ไปหมาดๆ รู้สึก ว่าประตูตีเสมอของ Divock Origi ในช่วงทดเจ็บอัน ยาวนานที่ Anfield สร้างโมเม้นท์ที่มีค่า และนั่นคือ ความหมายของประโยคที่ว่า “เราเตะฟุตบอลเพื่อ อะไร ?” -------------------------------------------Klopp นัน้ ไม่ปดิ บังความรูส้ กึ เลยโดยการยอมรับ ว่าเขานั้นต้องใช้เวลาปรับอารมณ์อย่างมากมายจริงๆ หลังจากที่ทีมของเขาเสมอกับทีมที่ท�ำการบ้านด้าน แท็คติกมาอย่างดีสุดๆ และสร้างปัญหาให้กับทีมเขา ตลอดเกม เขาปฎิเสธที่จะจับมือกับ Pulis ในช่วงนั้นก็ เพราะเขารู้สึกว่า “นี่มันไม่ใช่เกมกระชับมิตร” แถม อารมณ์ตอนนั้นมันไม่ใช่ ในทางกลับกัน Klopp เดินเข้าไปในสนามและ ไปดึงมือนักเตะทุกๆ คน เดินไปที่อัฒจรรย์ที่อุดมไป ด้วย The Kop แล้วยืนเรียงแถวแสดงท่าทางขอบคุณ แฟนบอลเหล่านั้น เขาอยากจะบอกว่าขอบคุณ และเป็นสิ่งที่เขามัก จะท�ำให้เห็นอยู่บ่อยๆ ที่ Borussia Dortmund อัน เป็นทีมเก่าของเขาและไม่เห็นเคยจะเป็นประเด็นว่า “เกินกว่าเหตุอะไรที่ไหนเลย” แต่พอมาที่อังกฤษ ทุกๆ อย่างเลยดูจะจับเป็นประเด็นได้หมด คือเขารู้สึกว่าคุณ ต้องการช่วงเวลาแบบนี้ โมเม้นท์แบบนี้ในบ้านตัวเอง ที่ทุกๆ คนจะมีความสุขได้ แล้วท�ำไมต้องเหนียม ? มัน อาจจะแค่แต้มๆ เดียว แต่ทุกๆ คนจะพูดถึงเกมนี้ไป จนถึงสัปดาห์ต่อไปหรือนานกว่านั้น และนั่นมันส�ำคัญ มากๆ ซึ่งก็อย่างที่บอก นี่แหละคือความรู้สึกว่า “เรา เล่นฟุตบอลไปเพื่ออะไร” แต้มๆ นี้คือแต้มที่ทีมต้องการมากๆ ในช่วงเวลา ที่จะจบเกมแล้วก�ำลังจะแพ้ ดังนั้นมันคือความรู้สึก เหมือนการได้สามแต้มไปด้วย มันเป็นช่วงเวลาแห่งการ September 2013 - The Reds


8

ระเบิดอารมณ์ ซึ่งการกระท�ำตรงนี้ท�ำให้อดีตนักเตะ ทีมชาติอังกฤษอย่าง Alan Shearer ที่นั่งบรรยาย เกมในขณะนั้นถึงกับออกมายอมรับว่า Klopp นั้น “หลักแหลมมาก” เขาได้กล่าวว่า “หากคุณยังจ�ำได้ ว่าเขาเคยบ่นน้อยใจว่าแฟนบอล Liverpool เดิน ออกจากสนามก่อนหมดเวลา ในเวลาที่พวกเขายัง ตามหลัง Crystal Palace เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน เขาแสดงท่าทีตรงนี้เพื่อที่จะเป็นการ ‘ดึงแฟนบอล’ ให้ อ ยู ่ กั บ ที ม ตลอดรอดฝั ่ ง กล่ า วคื อ หนุ น หลั ง ที ม จนกว่าจะสิ้นเสียงนกหวีด และวันนี้แฟนบอลได้ท�ำ แบบนี้วันนี้จริงๆ นี่คือการส่งสัญญานบางอย่างจาก เขาถึงแฟนบอลที่มีประสิทธิภาพมากๆ” กรณีขัดแย้งกับ Pulis Jurgen Klopp ฉลองลูกยิงตีเสมอของ Divock Origi ด้วยการหันไปแสดงความสาแก่ใจใส่หน้า Tony Pulis มันก็เป็นการแสดงให้เห็นชัดเจนที่ว่าเขามีอะไร อยู่ในใจ เขาดูโกรธกริ้วมากแค่ไหนกับแท็คติกการเล่น ของ Pulis ที่เน้นให้นักเตะท�ำลายเกมด้วยการท�ำ ฟาวล์แบบน่าเกลียดหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งตรงนี้ตัว Klopp เองก็ได้ออกมายอมรับว่าพวกเขามีการพูดจา สวนไปมาระหว่างเกมบ่อยครั้ง ดังนั้นบางครั้งมันอาจ จ�ำต้องใช้เวลาในการระงับอารมณ์กันนิดหน่อย การ โวยวายระหว่างทัง้ สองคนนีเ้ กิดขึน้ ในจังหวะทีก่ องกลาง West Bromwich Albion นาย Craig Gardner เข้าชาร์จ Dejan Lovren แบบน่าเกลียดมาก จน ท�ำให้ปราการหลัง Liverpool รายนี้ต้องถูกหามออก จากสนามไป ณ ตอนนั้น The Baggies ออกน�ำอยู่ 2-1 จากประตูของ Craig Dawson และ Jonas Olsson หลังจากที่ Jordan Henderson ยิงน�ำไป ก่อน การตีเสมอของ Origi ในช่วงที่เกมจะจบอยู่แล้ว ปลุกเร้า Klopp จนถึงจุดสูงสุด เมื่อถูกถามเกี่ยวกับ การเกาเหลากับ Pulis ตัวเขาก็ไม่อยากจะถกถึงเรื่องนี้ ซักเท่าไหร่ ขอพูดแต่เรื่องฟุตบอลอย่างเดียวก็แล้วกัน กระนั้นยังมิวายแถมอะไรให้นิดหน่อยตรงนี้ว่า ปกติ เขานั้นจะจับมือผู้จัดการทีมรายอื่น แต่วันนี้ไม่ เพราะ เกมนี้ไม่ใช่เกมกระชับมิตร มันคือเกมที่แพ้ไม่ได้ คู่แข่ง เล่นแต่โยนบอลยาว และเน้นแต่เซตพีซอย่างเดียว คือ The Reds - September 2013


9

September 2013 - The Reds


10

The Reds - September 2013


11

หวังจะฉกฉวยแต่แบบนี้อย่างเดียว โอเคคุณมีนโยบาย จะเก็บแต้มจากแท็คติกแบบนี้ไปตลอด คุณท�ำที่ไหน ก็ได้ แต่ไม่ใช่ทีนี่ ซึ่งงาน Pulis เองก็ไม่รอช้าออกมา พูดท�ำนองว่า ผู้จัดการหงส์แดงคนนี้เป็นคนที่มีสีสัน แต่ตัวเขาเองก็มีสีสันแบบนี้มาตลอดชีวิตอยู่แล้วในม้า นั่งส�ำรอง ดังนั้นการที่ใครอยากจะมาสร้างสีสันอะไร ตรงนี้ ก็ไม่มีปัญหาชินแล้ว มี เ สี ย งวิ พ ากษ์ วิ จ ารณ์ อ ย่ า งมากมายกั บ การ ไม่จับมือกับผู้จัดการทีมคู่แข่งหลังเกมแล้วเลือกที่จะ เดินไปจับมือกับนักเตะตัวเองเพื่อไปยืนหน้ากระดาน ขอบคุณแฟนบอล บ้างก็บอกเป็นสัญญานการสร้างส ปีริตที่ยอดเยี่ยม บ้างก็บอกว่าไร้มารยาท บ้างก็บอกว่า โอเวอร์เกินเหตุท�ำอย่างกับได้แชมป์ แต่ประเด็นก็คือ ในเมื่อ สมัย Dortmund เขาท�ำสิ่งนี้ได้โดยไม่มีใครมา ตอดเล็กตอดน้อย แล้วท�ำไมเขาจะท�ำที่ Liverpool ไม่ได้ มีกฎข้อไหนห้ามรึ ? หรือปัญหามันเป็นเรื่อง ของอคติและความหมั่นไส้ของคน ? ของผู้เสียผล ประโยชน์ระยะไกลที่ไม่เกี่ยวอะไรกับใครเขาเลยใน เกมนี้ อย่างเช่น แฟนบอลบางทีม???... Klopp ได้กล่าวถึงการขอบคุณนักเตะแบบนีข้ อง เขาว่า “มันเป็นบรรยากาศที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ผมย้าย มานี่ ผมรู้สึกสุขสมกับรรยากาศตรงนี้อย่างเต็มหัวใจ ไปจนถึงร่างกาย บางทีแฟนบอลอาจจะผิดหวังกับ ผลแต่พวกเขาไม่ได้ท�ำให้เรารู้สึกผิดหวังไปด้วย เรา ทุกๆ คนต่างอยู่ในเกมนี้กันหมดทั้งแฟนบอลและตัว นักเตะ” และนั่นคือสาเหตุว่าท�ำไมเขาถึงได้ดึงมือนัก เตะทุกๆคนไปยืนหน้ากระดานและขอบคุณแฟนบอล แน่นนอนนักเตะหลายๆ คน อาจจะงงๆ ดูเขินๆ เพราะ ไม่เคยท�ำอะไรแบบนี้กันมาก่อนซักเท่าไหร่ แต่พอตั้ง สติได้ ก็รีบไปรวมตัวกันกับผู้จัดการทีมคนนี้ โดยเป้า หมายก็คือสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับแฟนบอล ซึ่งตรงนี้เป็น อะไรที่เราไม่ได้เห็นมานานแล้วนับตั้งแต่ยุค 1989-90 บางที Klopp อาจจะมีเจตนาที่จะต้องการสร้าง ความสัมพันธ์ที่กลมเกลียวแบบเดียวกันนี้กับแฟนของ Liverpool แบบทีเ่ ขาเคยมีกนั และกันกับ Dortmund อากัปกิริยาที่ Anfield แสดงอาการตอบ สนองที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ หากเป็นนักดนตรี คุณคงจะ บอกได้ว่า เขาจับคอร์ดที่ถูกคีย์แล้ว September 2013 - The Reds


12

T reatise

The Reds - January September20162013


13

September January 2016 2013 - The Reds


14

ดาวรุ่งในทีม อคาเดมี่ หรือ ทีมU21 หลายคน ถูกปล่อยตัวให้ทีมในดับแชมป์เปี้ยนชิพ หรือ ลีกวัน ยืมตัวไป เมื่อช่วงต้นฤดูกาล ซึ่งนั้นเท่ากับว่า โอกาส ของนักเตะเหล่านั้นในทีม ลิเวอร์พูล ก็จะค่อยๆ หมด ไป หลายต่อหลายคน ถูกปล่อยตัวให้ทีมอื่นยืม ตัวไป สุดท้ายแล้ว จะมีน้อยรายมากที่จะกลับเข้ามา เป็นตัวหลัก ------------------------------------------เมื่อปัญหาอาการบาดเจ็บของนักเตะมาท�ำให้ ทีมของ เจอร์เก้น คล๊อปป์ มีปัญหาในการจัดการ ตัวผู้เล่น ท�ำให้พื้นที่ของ ดาวรุ่งจาก อคาเดมี่ หรือใน ระดับ U21 เปิดกว้างมากขึ้น ถึงแม้อาจจะไม่ใช่ในเกม ในพรีเมียร์ลีก แต่การได้สัมผัสเกมของดาวรุ่งหลายคน ในเกมบอลถ้วย มันก็ท�ำให้พวกเขามีโอกาสเก็บเกี่ยว ประสบการณ์อันน่าสนุกได้เช่นกัน .. เมื่อคิวการแข่งขันบอลถ้วยเอฟเอคัพรอบที่ 3 ที่ ลิเวอร์พูลบุกไปเยือนทีมในดับลีกทู มันเป็นช่วงจังหวะ ที่ นักเตะชุดใหญ่ภายในทีมเจ็บกันล้นทีม ท�ำให้บรรดา นักเตะดาวรุ่งหลายคน ได้มีโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริง ให้กับทีมชุดใหญ่ และ บางคนที่ได้ลงเล่นในเกมนี้ ก็ถือ เป็นเกมแรกกับทีมชุดใหญ่ที่เป็นทางการ .. ติอาโก้ อิลอรี่ ดาวรุ่งทีมชาติโปรตุเกส ที่ถูก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ซื้อเข้ามาตั้งแต่ในฤดูกาล 2013 และยั ง ไม่ เ คยได้ ล งเล่ น ให้ กั บ ที ม ชุ ด ใหญ่ อ ย่ า งเป็ น ทางการกับลิเวอร์พูลแม้แต่ครั้งเดียว ก็ได้รับโอกาสได้ ลงเล่ น อย่ า งเป็ น ทางการกั บ ลิ เวอร์ พู ล เป็ น ครั้ ง แรก (หลังจากตลอดทุกฤดูกาล ถูกปล่อยให้ทีมอื่นยืมตัว) ไรอันท์ เคนท์, โจ มาไกวร์, เควิน สจ๊วต, เชยี โอโจ้ ก็ได้รับโอกาสลงเล่นในเกมทางการครั้งแรกเช่น กันเดียวกับ อิลอรี่ .. The Reds - September 2013


15

September 2013 - The Reds


16

The Reds - September 2013


17

เป็นอะไรทีน่ า่ สนใจไม่นอ้ ย เมือ่ เจอร์เก้น คล๊อปป์ ออกมาพูดถึงนักเตะดาวรุ่งหลายคนที่ถูกปล่อยให้ทีม อื่นยืมตัวไป โดย คล๊อปได้กล่าวว่า “พวกบรรดาดาว รุ่งพรสวรรค์หลายคนนั้น ไม่ควรที่จะถูกปล่อยตัว ให้ทีมอื่นๆไปยืมเล่น พวกดาวรุ่งเหล่านั้น ควรจะได้ เล่นในชุด U21 ของสโมสร ซึ่งมันจะท�ำให้เราได้เห็น พัฒนาการอย่างใกล้ชิด และเมื่อมีโอกาส พวกเขา ก็จะได้รับโอกาสในทันที มันเป็นโอกาสส�ำคัญของ พวกเหล่าดาวรุ่ง โดยในซัมเมอร์หน้า คล๊อปจะเข้า รื้อระบบการยืมตัวผู้เล่นใหม่” ถ้าจะวิเคราะห์ถึงค�ำพูด ของ เจอร์เก้น คล๊อปป์ ก็พอจะมองว่า ตัวเขาเองนั้นก็ให้ความส�ำคัญกับ ทีม เยาวชนอยู่ไม่น้อย และถ้าดาวรุ่งพรสวรรค์ ยังอยู่ใน ทีม U21 เหล่านักเตะดาวรุ่งเหล่านั้น ก็จะได้ซึมซับ ระบบการเล่นของทีม ได้ซึมซับความเป็นทีมของ คล๊อป และพร้อมที่จะถูกดึงมาเล่นในเกมชุดใหญ่ได้ ทันที ... เมื่อมีโอกาสและจังหวะ จริงอยู่ว่า การจินตนาการวาดหวังโอกาสให้กับ เด็กๆ นั้น ถือเป็นสิ่งที่งดงาม ทุกอย่างมันก็มีทั้งในแง่ดี และ ไม่ดี ... การจะวาดหวังว่า ดาวรุ่งจะได้รับโอกาส จริงๆนั้น ถ้าเทียบเปอร์เซ็นต์ ผมก็คิดว่ามีไม่มาก และ ยิ่งในระบบทีมชุดใหญ่ ไม่มีปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บ ของตัวผู้เล่น โอกาสก็ยิ่งยากเป็นทวีคูณ .. ซึ่งตรงนี้เอง เจอร์เก้น คล๊อปป์ ก็ต้องบริหารให้ได้ เพราะถ้าจะเปิด โอกาสให้กับดาวรุ่งแบบเต็มที่ ก็ต้องเสี่ยงกับเป้าหมาย ของทีม ซึ่งความเสี่ยงนี้ เจอร์เก้น คล๊อปป์ จะแบกรับ มันไหวไหม เท่านั้นเอง ... ในช่ ว งเวลาที่ เ หลื อ ของฤดู ก าลนี้ เจอร์ เ ก้ น คล๊อปป์ อาจจะท�ำอะไรได้ไม่เต็มที่มากนักกับ ดาว รุ่ง และระบบของ อคาเดมี่ ซึ่งถ้าจะเริ่มอย่างจริงๆ ก็คงต้องรอในฤดูกาล 2016-17 ซึ่งน่าจะเข้ามาเริ่ม ปรับเปลี่ยนอย่างจริงจัง และคงจะได้เห็นแนวทางที่ ชัดเจนมากขึ้น และ นั้นก็จะเป็นการสงสัญญาณให้ ดาวรุ่งของทีม เตรียมพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่ความเข้ม ข้นอีกครั้ง ใครพร้อมก่อนก็ได้รับโอกาสก่อน ส่วน ใครไม่พร้อม ก็ต้องพัฒนา ปรับปรุงกันต่อไป ... ------------------------------------------September 2013 - The Reds


18

T reatise

The Reds - January September20162013


19

September January 2016 2013 - The Reds


20

ผมก็แค่คนธรรมดา จาก Black Forest, ผมคงจะไม่ฝัน ที่จะเปรียบเทียบตัวเอง กับเหล่าอัจฉริยชน ที่บริหารจัดการ สโมสรแห่งนี้ในอดีต มันไม่ใช่ตัวผมในการทำ�แบบนั้น Normal แปลแบบตรงตัวก็คือ “ธรรมดา” แต่ส�ำหรับ Jurgen Klopp แล้ว บ่งบอกได้ดีถึงอะไร บางอย่าง -------------------------------------------ลึกเข้าไปในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่งทางฝั่งอัฒจรรย์ Anfield’s Centenary Stand ห้องที่เต็มไปด้วย นักข่าวมากมายทีเ่ ตรียมพร้อมทีจ่ ะเก็บภาพต่างๆ ทีเ่ ต็ม ไปด้วยเสน่ห์ของกุนซือคนใหม่ของ Liverpool ทาง ด้านนอกของรั้วสนามยืนเต็มไปด้วยแฟนบอลที่ชะเง้อ มองหาพร้อมถามค�ำถามซ�้ำไปซ�้ำมาว่า เขาอยู่ไหน ? เขาก�ำลังท�ำอะไรอยู่ ? เขาพูดอะไร ? บ้างก็จูงมือลูก บ้างก็ชูผ้าพันคอและธงทิว นี่มันคล้ายกับรักแรกพบ กันเลยทีเดียว ราวๆ หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น Klopp ได้ก้าวเข้า มาในห้องดังกล่าวใส่เสื้อผ้าแบบสปอร์ตๆ สบายๆ นุ่ง ยีนส์ ยิ้มอย่างกว้างตามสไตล์ นี่คือจุดแรกเริ่มของ “การ เป็นคนของประชาชน” ส�ำหรับสื่ออังกฤษ เขาเริ่มต้น The Reds - September 2013


21

September 2013 - The Reds


22

The Reds - September 2013


23

มันเป็นเกียรติยศอย่างสูง เท่าที่ผมพอที่จะ จินตนาการออกมาได้ในวันนี้ การได้มาอยู่กับสโมสร ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แห่งหนึ่งของโลก สโมสรแห่งนี้ ไม่ใช่สโมสรที่ธรรมดา ปกติ แต่เป็นสโมสรสุดพิเศษ

ด้วยการขอโทษเรื่องส�ำเนียงอังกฤษของเขา ทุกๆ อย่าง ดูใกล้ชิดกันมากขึ้น เป็นกันเองมากขึ้น เหมือนละลาย พฤติกรรมไปในตัว เขาเริม่ ต้นทีจ่ ะพูดถึงชีวติ ในเส้นทาง สายฟุตบอลของเขา พูดถึงวัยเด็ก แท็คติกและนักเตะ เขาเล่าทุกๆ อย่างไปด้วยความรู้สึก “สัตย์ซื่อ” ไร้การ ประดิษฐถ้อยค�ำหรูๆ เหมือนที่กุนซือคนอื่นๆ อาจจะ เตรียมตัวมาเป็นสคริปต์ ตรงนีแ้ สดงให้เห็นถึงเสน่หแ์ ละ แรงดึงดูดอย่างมากในตัวเขาว่า “แตกต่าง” หลังจากที่ถูกถามมากเข้า เขาเริ่มที่จะท�ำตัวเป็น ผู้สื่อข่าวเองด้วยการตั้งค�ำถามนักข่าวเอง หยอกล้อกับ สื่ออังกฤษว่าเป็นสื่อที่ท�ำให้คนที่เป็นข่าวกลัว แต่ธีม ของงานเปิดตัวแถลงข่าวครั้งนี้เหมือนงานฟันแฟร์ สนุกสนานมากกว่าจะเป็นงานเปิดตัวเกี่ยวกับกุนซือ คนนี้ “ผมไม่ใช่อัจฉริยชน” เขากล่าว “ผมก็แค่คน ธรรมดาจาก Black Forest, ผมคงจะไม่ฝนั ทีจ่ ะเปรียบ เที ย บตั ว เองกั บ เหล่ า อั จ ฉริ ย ชนที่ บ ริ ห ารจั ด การ สโมสรแห่งนี้ในอดีตหรอกครับ มันไม่ใช่ตัวผมในการ ท�ำแบบนั้น” และแล้วก็มีถึงวลีเด็ดที่ Jurgen Klopp มอง ขาดถึงเรื่องไม่น�ำตัวเองไปเปรียบเทียบกับ Jose Mourinho ที่ให้นิยามตัวเองว่า ‘Special One’ หรือคน พิเศษในการเปิดตัวครัง้ แรกเขากล่าวว่า.“ผมไม่ตอ้ งการ ทีจ่ ะให้นยิ ามตัวเองครับ” Klopp กล่าว“ผมเป็นเพียง แค่คนธรรมดาเท่านั้น เป็นแค่ ‘normal one’” “มันเป็นเกียรติยศอย่างสูงเท่าที่ผมพอที่จะ จินตนาการออกมาได้ในวันนี้ การได้มาอยู่กับสโมสร ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สโมสรแห่งนี้ไม่ใช่ สโมสรทีธ่ รรมดา ปกติ แต่เป็นสโมสรสุดพิเศษ แน่นอน มันเหลือเชื่อมากๆ แต่ผมก็รับงานนี้ ผมต้องรับงาน นี้ ผมตื่นขึ้นเมื่อเช้านี้ และผมเป็นผู้จัดการทีมของ Liverpool FC แต่ผมนั้นได้มีการเตรียมตัวมาแล้ว ผมพร้อม” จะว่าไปแล้วเท้าคู่นี้ของกุนซือชาว German คน นี้แทบที่จะยังไม่ได้สัมผัสดินเลย เพราะเขาเดินทางมา โดยเครื่องบินเจ็ต และนักข่าวก็ยืนรอตรงทางสนามบิน กันแล้ว และลามมาถึงทางเข้าของโรงแรม Hope Street Hotel ในค�่ำคืนแรกที่เขามาถึงเขาใช้ทั้งหมด September 2013 - The Reds


24

ทีน่ ี่ กินข้าวเย็นกับสมาชิกระดับสูงของ Fenway Sports Club ข่าวเกี่ยวกับ Klopp กระจายเร็วมาก แค่ไม่ถึง วันที่เขามาถึง แฟนบอลนักข่าวจ�ำนวนมากมายต่างมา ออกันอยู่ด้านนอก ในบางช่วงก็มีคนหน้าคล้าย Klopp เดินไปมาทางบาร์ของโรงแรม และเดินออกมาข้างนอก ตรงจุดรอรถ ซึ่งงานนี้สร้างความคลั่งให้กับแฟนบอล เข้าไปอีก ตามหากันใหญ่เพราะอยากเป็นรายแรกๆ ที่ ได้ถ่ายเซลฟี่กับ Klopp Klopp นั้นที่เลือก Liverpool ก็เพราะเขา เข้าใจดีว่า ฟุตบอลที่นี่นั้นมีความหมายแค่ไหน คือใน เมืองๆ นี้เขานั้นเป็นอะไรที่มากกว่าผู้จัดการทีมเลยที เดียว เขาเป็นดั่งสัญลักษณ์แห่งความหวัง “จริงๆ แล้วมันคงจะดีกว่าถ้าจะโฟกัสกันตรง ฟุตบอลและไม่ต้องถ่ายรูปมาก” เขาได้กล่าวไว้ “ใน โรงแรมของผมนั้น ผมไม่สามารถเดินไปเดินมาได้ เลยเพราะมีกล้องซูมเข้ามาเต็มไปหมด หากว่าผม เดินไปด้านหนึ่งก็ได้ยินเสียงแชะแล้ว เดินไปอีกด้าน ก็ได้ยินเสียงเดียวกัน งานนี้คงต้องอยู่กับที่” การก้าวเข้ามาของ Klopp ส่งสัญญานความ เปลี่ยนแปลงให้กับ Liverpool ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ในสนาม แต่ที่แน่ๆ หลายสิ่งหลายอย่างไม่เหมือนเดิม ความโรแมนติกตรงนี้เหมือนจะใช้เวลาผลิบาน ความ คาดหวังจะเพิ่มเติมขึ้นมา และงานนี้สื่อหนังสือพิมพ์ คงมีเรื่องมากมายให้เล่าขานได้ตลอดเวลา ความท้าทายมันชัดเจน การน�ำ Liverpool กลับสู่ Champions League, คว้าถ้วยรางวัล และ คว้าแชมป์ลีคครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1990 ผู้จัดการที่ ยิ่งใหญ่ ที่เก่งกาจ ต่างมาแล้วไปกันตลอด 25 ปี แต่ ไม่มีใครสามารถน�ำทีมไปสู่เกียรติยศสูงสุดนี้ได้ ตอนนี้คงจะต้องดูกันแล้วว่า Klopp จะเป็นคน ที่แตกต่างหรือไม่ คือคนที่ท�ำส�ำเร็จหรือไม่ -------------------------------------------“เมื่อตอนที่ผมจาก Dortmund มา ประโยค สุดท้ายของผมก็คือ มันไม่ส�ำคัญหรอกว่าผู้คนคิด อย่างไรเมื่อคุณก้าวเข้ามา มันส�ำคัญยิ่งกว่าว่าพวก เขาคิดอย่างไรตอนคุณจากไป” เขากล่าว The Reds - September 2013


25

September 2013 - The Reds


26

T reatise

The Reds - January September20162013


27

September January 2016 2013 - The Reds


28

ก่อนเริ่มต้นบทความนี้ คงต้องขอไว้อาลัยให้กับ ‘อลัน ริคแมน’ ผู้สวมบทบาทเป็น ‘เซเวอร์รัส สเนป’ อาจารย์ประจ�ำบ้าน ‘สลิธีรีน’ ผู้สอน ‘วิชาปรุงยา’ และ ใฝ่ฝันอยากสอน ‘วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด’ ด้วย ความเศร้าโศก หลังจากที่ท่านได้เสียชีวิตลงในวัย 69 ด้วยโรคมะเร็ง หากใครเป็นสาวก หรือ ผู้คลั่งไคล้ ใน นวนิยาย แฟนตาซี อย่าง แฮร์รี่ พอตเตอร์ น่าจะจ�ำกันได้ ... ว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์ ดูเหมือนจะมีความสามารถเฉพาะและ เรียนรู้เร็วกับ เวทย์มนต์ ที่เสกโดยไม้กายสิทธิ์ อย่าง คาถาผู้พิทักษ์ ซึ่งหลายๆ ครั้งที่ผ่านอุปสรรค หรือยาม คับขัน พอตเตอร์ มักใช้คาถาเหล่านั้นได้ดี ... ขณะ เดียวกัน ภาพลักษณ์ เกี่ยวกับด้านปรุงยา ที่ต้องเรียน กับศาสตราจารย์สเนป นั้น .. พอตเตอร์ เข้าขั้นสาหัส ซึ่งแม้ในหนังสือหรือบทจากภาพยนตร์จะไม่บอกกล่าว แต่ดูเหมือนเราจะเข้าใจได้ ว่า ผลการสอบในเรื่องวิชา ปรุงยา ของ แฮร์รี่ คงไม่น่าออกมาได้ดีสักเท่าไหร่ .. ซึ่งเรื่องนี้ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ กลับดูโดดเด่นเป็น พิเศษ ในมุมมองต่างๆ ถึงแม้ พอตเตอร์ จะฝ่าฟัน อุปสรรคมาได้ด้วยคาถามากมายหลายชนิด แต่ทั้งหมด ดูเหมือนไม่ใช่ ‘พรสวรรค์’ .. หลายๆ คาถาและเวทย์ มนต์ อย่าง คาถาผู้พิทักษ์ เอง ... แฮร์รี่ พอตเตอร์ ก็ยัง ต้องใช้เวลาฝึกฝนอยู่นานสองนาน ... มีเพียงอย่างเดียว เท่านั้นที่ดูเหมือนเป็นพรสวรรค์ติดตัวมาตั้งแต่ก�ำเนิด โดยแท้ .. นั่นคือ “การขี่ไม้กวาด” ‘พรสวรรค์’ คือหนึ่งเรื่องราวที่เรามิอาจอธิบาย ถึงแม้มันจะมีอาการเหมือนคนเคยขี​ี่จักรยานแล้วเลิก ไป แต่เมื่อกลับมาขี่ มันก็ยังสามารถ แต่ ‘พรสวรรค์’ กลับเป็นอีกทาง เพราะแม้คุณจะไม่เคยท�ำ ไม่เคยเกี่ยว ข้อง แต่ คุณ ก็สามารถท�ำได้โดยไม่เคอะเขิน แถมท�ำได้ดี เหมือนคุน้ เคยอยูก่ บั มันมาทัง้ ชีวติ ..เช่นเดียวกับในชัว่ โมง การบินครั้งแรกใน ฮอกวอตส์ กับ มาดาม ฮูช การ ประชันฝีมอื ด้านการบินบนไม้กวาดกับ มัลฟอย เพือ่ แย่ง ชิง ลูกแก้วเตือนความจ�ำ ของ เนวิลล์ ลองบัตท่อม กลับท�ำให้ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เข้าตาของ ศาสตราจารย์ มักกอนนากัล อย่างจัง ท�ำให้ พอตเตอร์ ได้เป็น ซีก เกอร์ และเข้าสู่ทีม ควิดดิช ของ บ้านกริฟฟินดอร์ The Reds - September 2013


29

September 2013 - The Reds


30

หากเปลี่ยนโอกาสยิง 77 ครั้ง ในฤดูกาลนี้ เป็นลูกสร้างสรรค์โอกาส เป็นลูกส่งเนียนตาให้เพื่อน บางที ‘ลิเวอร์พูล’ อาจไปได้ไกลในตารางคะแนน

The Reds - September 2013


31

เกริ่นน�ำเรื่อง กันมาซะไกล .. ลองหันกลับมา มองทีมรักอย่าง ลิเวอร์พูล กันบ้าง ! กับนักเตะคนหนึ่ง เจ้าของสมญานาม “พ่อมดน้อยแห่งแอนฟิลด์” … ใช่ ครับ.. ไม่ใช่ใครที่ไหน ? คุณเดาถูกแล้ว เพราะนักเตะที่ ผมพูดถึง นั่นคือ ฟิลิปป์ คูตินโญ่ ... เด็กหนุ่มจากแดน บราซิล ที่หลายคนเทิดทูน หลังย้ายรังจาก San Siro มาสู่ แอนฟิลด์ ด้วย สนนราคา 8.5 ล้านปอนด์ ในเดือนมกราคม 2013 บวกกับการสร้างผลงานโดดเด่นกระจุยกระจาย กับ 3 ประตู 5 แอสซิสต์ ใน 13 เกม ฤดูกาลแรกนั้น ท�ำให้ เจ้าตัวถูกแซ่ซ้องสรรเสริญระงม หลายคนตั้งสมญา นามให้ ว่า พ่อมดน้อย ขณะที่อีกหลายคนหมายมั่นให้ เป็น ว่าที่จอมทัพคนใหม่แห่งแอนฟิลด์ และหลายคน บอกว่า นี่คือนักเตะที่มีความส�ำคัญมากกว่า ซัวเรส ซึ่งส่วนที่เจ้าตัวได้รับการชื่นชมเป็นพิเศษนั่นก็คือการ ส่งลูก Key Pass หรือ Killer Pass ซึ่งคอมลัมน์นิสต์ บางคนถึงกับบอกว่า เด็กบราซิลคนนี้มีสายตาประดุจ เหยี่ยว ที่สามารถส่งลูกได้เปรียบให้เพื่อนร่วมทีมได้ แม้จะมีช่อง เท่า “รูเข็ม” ฤดูกาลถัดมา ฤดูกาลแห่ง ‘รองแชมป์’ ว่าที่ พ่อมดน้อย ของใครต่อใคร ดูมีพัฒนาการและเปล่ง ประกายเจิดจ้าในหลายเรื่อง และถือเป็นฤดูกาลที่ดี ที่สุดฤดูกาลหนึ่งของเจ้าตัวในแง่ของสถิติและผลงาน มีลูก Key Pass เฉลี่ยมากกว่าทุกปี เปอร์เซ็นต์การ ส่งลูกแม่นย�ำกว่าทุกปี การเปลี่ยนโอกาสให้ทีมดีกว่า ทุกปี รวมไปถึงผลงาน 5 ประตู 7 แอสซิสต์ กับการ ลงเล่น 33 นัด กับคะแนน Opta 7.43 ถือเป็นการ จุดประกายอย่างรุนแรง ว่า แม้ ลิเวอร์พูล จะต้องเสีย ซัวเรส ไป แต่หากเรายังมี คูตินโญ่ อยู่ พ่อมดน้อย คนนี้นี่แหล่ะที่จะเปล่งประกายสูงสุด และเป็นแกน กลางคนส�ำคัญของทีมต่อไป ต่อไป และต่อๆ ไป แต่ทว่า.. ภาพที่เราเห็นและสถิติที่บ่งบอกมันหา ได้เป็นเช่นนั้นไม่ คูตินโญ่ ดูเหมือนจะมีแนวคิดใหม่ มี วิธีการเล่นแบบใหม่งอกเงยขึ้นมา ค่าเฉลี่ยทุกค่าในมุม ดีดีเริ่มถดถอย Key Pass น้อยลง เปอร์เซ็นต์การส่ง ลูกแม่นย�ำลดลง การเปลี่ยนโอกาสให้ทีมลดลง แอส ซิสต์น้อยลง ค่าเฉลี่ยโดยภาพรวมทั้งหมดลดลง และ สิ่งที่ดูเหมือน พ่อมดน้อย จะมุมานะขึ้นมาแทน คือ September 2013 - The Reds


32

การยิงประตู ภาพที่กองเชียร์และเหล่าแฟนบอลมักจะ เห็นจนชินตาคือการตัดจากริมเส้นด้านซ้ายเข้ามาแล้ว ส่องไกล โดยลูกลักษณะนี้ นักพากษ์เมืองไทยหลาย คนเรียกว่า นี่คือ ลูกเก่งของเจ้าตัว... เพียงแต่ มันคือ ลูกเก่งที่ไร้ประสิทธิภาพในฐานะของทีมอย่างสิ้นเชิง โดยฤดูกาลที่แล้ว พ่อมดน้อย ง้างเท้ายิงลูกเก่ง ถึง 103 ครั้ง แต่เปลี่ยนเป็นประตูได้แค่ 5 เม็ด นี่ขนาดลูก เก่งแล้วนะ ถ้าไม่ใช่ลูกเก่ง จะขนาดไหน ? ฤดูกาล 2015/16 นี้ก็เฉกเช่นกัน เป็นฤดูกาลที่ ดูเหมือน พ่อมดน้อย จะมุมานะหนักขึ้น จนราวกับว่า ทุ่มเทเป็นพิเศษให้กับการยิงประตู เพราะจากสถิติถึง ตอนนี้ ฟิลิปป์ คูตินโญ่ น�ำโด่งในการเป็นผู้ง้างเท้ายิง มากสุดของ พรีเมียร์ลีคฤดูกาลปัจจุบัน มีค่าเฉลี่ยการ ยิงต่อเกมน�ำหน้านักเตะพรีเมียร์ทุกคนจนแทบไม่เห็น ฝุ่น โดยปีนี้จาก 17 เกม พ่อมดน้อย ง้างเท้ายิงไปแล้ว ถึง 77 ครั้ง เฉลี่ย 4.5 ครั้งต่อเกม ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อ คุณมุมานะในด้านใดด้านหนึ่ง ประสิทธิภาพในด้าน อื่นๆ ย่อมลดลงเป็นธรรมดา เราจึงเห็น Key Pass น้อยลง การเปลี่ยนโอกาสให้ทีมลดลง และเราจึง เห็นโอกาสของทีมถูกท�ำลายลงเป็นเงาตามตัวจาก การยิงไกลที่ไม่มีประสิทธิภาพ ภาพแห่งความหวัง กลับกลายเป็นความสยดสยอง ว่า เมื่อไหร่กันนะ ที่ เจ้าตัวจะง้างเท้ายิง และท�ำให้ทีมต้องเสียโอกาสใน เกมรุกและต้องถอยกลับไปรับอีกครั้ง น่าฉงนหัวใจ..ที่การส่งลูกเพื่อสร้างสรรค์โอกาส การส่งลูกแบบ Killer Pass ถือเป็นเรื่องของ พรสวรรค์ หรือความสามารถเฉพาะที่จัดเจนของเด็กหนุ่มจาก บราซิล เป็นความสามารถที่เหล่ากองเชียร์ต่างคารวะ เป็นความสามารถที่คอลัมน์นิสต์หลายต่อหลายคน ล้วนให้การยอมรับ เปรียบไปก็เหมือน การขี่ไม้กวาด กายสิทธิ์ ของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่ไฉนคุณกลับละทิ้ง ไม้กวาด แล้วเลือกเดินเส้นทางสายใหม่ ในสายที่คุณ ไม่ถนัด และท�ำได้ไม่ดี อย่าง ‘วิชาปรุงยา’ อย่าท�ำลายเกมรุกของทีม อย่าท�ำลายความไหล ลื่นของการได้เปรียบ ด้วยการตะบี้ตะบัน หรือ ฝืนยิง ไกลเลย “เลิกสนใจ ‘วิชาปรุงยา’ ซะ แล้วกลับไปขี่ ไม้กวาดกายสิทธิ์เหมือนเดิม” -------------------------------------------The Reds - September 2013


33

September 2013 - The Reds


34

A rticle

The Reds - January September20162013


35

September January 2016 2013 - The Reds


36

หลังจากความพ่ายแพ้ต่อ วัตฟอร์ด คงท�ำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ รับรู้ถึงความจริงกับการด�ำรงอยู่ใน พรีเมียร์ลีก ตลอดระยะเวลาที่ใกล้จะสามเดือนแล้ว ในการเข้ามากุมบังเหียนลิเวอร์พูล ผู้จัดการทีมชาว เยอรมันตระหนักถึงความท้าทายที่เขาต้องพบเจอใน การเข้ามารับหน้าที่ต่อจากผู้ที่ออกไปจากทีมอย่าง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ในช่วงเดือนตุลาคม แต่จาก ความผิดพลาดที่แสดงออกมาอย่างมากมาย ในการไป เยือนถิ่นวิคาเรจ โร้ด ท�ำให้ทีมจาก เมอร์ซี่ไซด์ มอง เห็นถึงเรื่องส�ำคัญที่ต้องท�ำการปรับปรุงอย่างเร่งด่วน แม้จากรายงาน ของ Chris Bascombe (the Telegraph) ระบุว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ คงไม่ท�ำการ เสริมทีมในช่วงตลาดเดือนมกราคม ถึงอย่างไรก็ตาม ยังมีรายงานว่าหงส์แดงได้ทำ� การติดต่อกับ มาร์โก กรูซชิ ผู้เล่นในต�ำแหน่งกองกลางของ เรดสตาร์เบลเกรด และ โยเอล มาติป กองหลังของชาลเก้ 04 ผูบ้ ริหารของลิเวอร์พลู พร้อมทีจ่ ะให้งบประมาณ ในการจับจ่ายแก่ผู้จัดการทีมคนใหม่หากมีการร้องขอ มา แต่ คล็อปป์ ก็แสดงออกถึงเจตนาของเขาอย่าง ชัดเจนว่า เขาต้องการทีจ่ ะให้ผเู้ ล่นชุดปัจจุบนั ได้ทำ� การ พิสูจน์ตัวเองในฤดูกาลนี้ กับรอบรองชนะเลิศฟุตบอลลีกคัพที่ก�ำลังใกล้ เข้ามาถึงทุกขณะ นั่นจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการ ก้าวกระโดดไปข้างหน้ากับฐานะผู้จัดการทีมคนใหม่ที่ จะต้องพิจารณาถึงความต้องการระยะยาวในทีมของ เขา เรื่องนี้อาจจะสร้างความผิดหวังให้กับแฟนบอล ที่หวังว่าจะมองเห็นการเปลี่ยนแปลงแบบยกทีมใน ช่วงฤดูหนาว แต่ คล็อปป์ ก็เข้าใจดีถึงการใช้จ่ายงบ ประมาณอย่างประหยัด และให้ความส�ำคัญกับการ สร้างผู้เล่นที่มีพรสวรรค์ เพื่อเป็นส่วนส�ำคัญของความ ส�ำเร็จ ย้อนหลังไปในตอนที่เขายังคุม ทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ถือเป็นเรื่องยากมากที่จะมีการอนุมัติให้ ซื้อผู้เล่นที่ราคาสูง ผู้จัดการทีมวัย 48 ปี ก็เชื่อมั่นใน แนวทางที่เขาก�ำลังท�ำในตอนนี้ และคาดหวังว่าสิ่งที่ ก�ำลังเริม่ ต้น จะเป็นแนวทางทีด่ ที สี่ ดุ ส�ำหรับความส�ำเร็จ ของทีมในระยะยาว The Reds - September 2013


37

September 2013 - The Reds


38

The Reds - September 2013


39

แต่กระนั้น ฟิลิปป์ คูตินโญ ก็บอกกับ David Lynch เจ้าหน้าทีข่ องเว็บทางการของสโมสรในสัปดาห์ นี้ ว่า “ลิเวอร์พูลคือสโมสรที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแรง บันดาลใจในการคว้าถ้วยรางวัลมาครอบครอง” และ เสริมอีกว่า “พวกเราก�ำลังให้ความส�ำคัญกับการต่อสู้ เพื่อคว้าถ้วยรางวัลและผมคิดว่าพวกเรามีโอกาสที่ดี ในการแข่งขันทั้งหมดในปีนี้” ดังนั้น คล็อปป์ จะมีวิธีการอย่างไรบ้าง ในการ ปรับปรุงทีมของเขา โดยไม่ต้องใช้จ่ายอย่างสิ้นเปลือง ทั้งในเดือนมกราคมที่ก�ำลังจะมาถึง และในอนาคต ?? -----------------------------------การทำ�งานในสนามซ้อม ตั้งแต่ที่ คล็อปป์ มาถึง สโมสรลิเวอร์พูล เขา พิจารณาจากหลายมุมมองถึงวิธกี ารทีเ่ ขาจะเปลีย่ นแปลง ทีมของเขาอย่างไรกับการลงเล่นในสนาม ชื่อเสียงของ เขาที่โด่งดังในการเล่นฟุตบอลเกมรุก ตลอดระยะเวลา เจ็ดปีที่ท�ำให้ ดอร์ทมุนด์ กลับไปสู่แถวหน้าของวงการ ฟุตบอลเยอรมัน ด้วยระบบการเล่นที่ท�ำให้แฟนบอล ของทีมตื่นเต้น อย่าง “gegenpressing” ในฐานะของผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล คล็อปป์ เล็ง เห็ น ถึ ง สิ่ ง ที่ ต ้ อ งท� ำ การเปลี่ ย นแปลงในสนามซ้ อ ม อัลเบร์โต โมเรโน อธิบายให้เราทราบในช่วงต้นเดือน ธันวาคมว่า “การฝึกซ้อมของ คล็อปป์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับ วิธีการเล่นโดยส่วนใหญ่ ทั้งเรื่องที่ให้ผู้เล่นในทีมหา ต�ำแหน่งที่ดีที่สุดในสนาม และ ให้รู้ว่าเมื่อไรที่ควรจะ กดดันทีมฝั่งตรงข้าม” เขาบอกกับ Cadena Cope รายการวิทยุของสเปน “เขาไม่ได้เน้นในเรื่องของเกม การเล่น หรือ อะไรท�ำนองนั้นเท่าใดนัก ทั้งหมดคือ เรื่องของวิธีการเล่น มันคือสิ่งที่เขาชื่นชอบและเป็น สิ่งที่เราท�ำงานร่วมกัน” ถึงแม้ว่า โมเรโน จะให้ค�ำ จ�ำกัดความของการฝึกซ้อมแบบนี้ว่า “น่าเบื่อ” ก็ตาม กองหลังชาวสเปนก็ยังเน้นว่านั่นท�ำให้หงส์แดงพัฒนา ขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความ คุ้มค่าของวิธีการฝึกซ้อมแบบนี้ เขาพูดว่า “คล็อปป์ คือคนที่ท�ำให้พวกเราสร้างผลงานที่ดีได้ในสนาม” โมเรโน ไม่ใช่ผู้เล่นเพียงคนเดียวที่ออกมาพูดถึงวิธีการ September 2013 - The Reds


40

ฝึกซ้อมของ คล็อปป์ ตั้งแต่ที่เขามาถึง เดยัน ลอฟเรน เป็นอีกคนที่ออกมาให้สัมภาษณ์ กับ David Lynch เจ้าหน้าทีข่ องเว็บทางการของสโมสร ลิเวอร์พูล “เขามีความคิดที่แน่วแน่ และเราจะสังเกตได้ ถึงความแตกต่าง” “ผู้จัดการทีมแต่ละคน ก็จะมีแนวทางในการ ฝึกซ้อมที่แตกต่างกัน และความคิดของเขาก็คือสิ่ง ที่เขาต้องการให้พวกเราเล่นให้ได้แบบนั้น ผมเชื่อว่า พวกเรามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในฐานะของ ทีม” “เราท�ำงานกันอย่างหนักในการฝึกซ้อมแต่ใน ตอนนี้มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับทัศนคติ ผมคิดว่า อังกฤษ กับเยอรมัน มีมุมมองที่แตกต่างกัน มันเป็นเรื่องใหญ่ มากส�ำหรับการเปลี่ยนแปลง แต่ผมก็คิดว่าสถิติของ เขาและผลงานในสนามของพวกเรา ก็แสดงให้เห็น แล้วว่าเราท�ำงานกันได้ค่อนข้างดีกับ เจอร์เก้น” Bascombe เสริมด้วยว่า การฝึกซ้อมของ คล็อปป์ มีผลอย่างมากกับผลงานที่พัฒนาขึ้นบนสนามแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับระยะทางการวิ่งโดยรวมของ ลิเวอร์พูล นั่นเป็นสิ่งที่ คล็อปป์ ให้ความส�ำคัญเป็น อย่างมาก “สถิติการวิ่งของทีมลิเวอร์พูลที่มากกว่า 115 กิโลเมตร (71 ไมล์) ต่อเกม ถูกยกระดับขึ้นอย่าง น่าประทับใจ นับตั้งแต่ที่ คล็อปป์ เข้ามาคุมทีมใน ช่วงเดือนตุลาคม” เขาให้รายละเอียด “แต่ผู้จัดการ ทีมชาวเยอรมันคงตกใจอย่างมากเมื่อพบว่าสถิติลด ลงในนัดที่พ่ายให้กับวัตฟอร์ด 3-0 โดยผู้เล่นของ ลิเวอร์พูลมีสถิติการวิ่งโดยรวมอยู่ที่ 107.5 กิโลเมตร (67 ไมล์) เท่านั้น” ในตอนนี้ ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่วิ่งมากขึ้น เข้าสกัด บอลหนักขึ้น และโจมตีด้วยความีชีวิตชีวา มากกว่า ช่วงหลายเดือนก่อนหน้านี้ที่ ร็อดเจอร์ส ยังคุมทีมอยู่ แต่ Bascombe ก็ยังยืนยันว่า ในความพ่ายแพ้ต่อ วัต ฟอร์ด แสดงให้เห็นถึงเรื่องส�ำคัญ คือ การขาดความ สม�่ำเสมอของทีม มันอาจจะเกิดจากความอ่อนล้าของ ผู้เล่น และนี่คือบางสิ่งที่ คล็อปป์ จะสามารถรับมือ The Reds - September 2013


41

September 2013 - The Reds


42

The Reds - September 2013


43

กับมันได้เมื่อเรื่องเหล่านี้มาถึง เมื่ออาการบาดเจ็บของ ผู้เล่นคนส�ำคัญที่เป็นตัวหลักเกิดขึ้น การจัดการฝึกซ้อม ที่เหมาะสมกับผู้เล่นบางคน ทั้ง ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ และ มามาดู ซาโก้ ที่ถือเป็นกุญแจส�ำคัญของความ ส�ำเร็จในอนาคตภายใต้การคุมทีมของ คล็อปป์ มีเรื่อง ที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ คือ อาการบาดเจ็บของ กล้ามเนื้อที่อาจเชื่อมโยงมาจากการออกก�ำลังกายเกิน ความจ�ำเป็น อย่างไรก็ตาม การท�ำงานของกุนซือชาว เยอรมันเพิ่งจะเริ่มต้น และมันเป็นเหตุผลได้ว่า จาก ความพ่ายแพ้ที่ วิคาเรจ โร้ด มีสิ่งที่ต้องท�ำอย่างเร่ง ด่ ว นเกี่ ย วกั บ ทั ศ นคติ ข องผู ้ เ ล่ น มากกว่ า เรื่ อ งของ สภาวะทางร่างกาย -----------------------------------ทัศนคติของการเป็นผู้ชนะ จากการสัมภาษณ์ศูนย์หน้าและกัปตันทีมวัตฟ อร์ต ทรอย ดีนี่ย์ โดย สแตน คอลลีมอร์ แห่ง Talk sport หลังจากชัยชนะเมื่อวันอาทิตย์ที่มีต่อ ลิเวอร์พูล เขาพูดว่า “สิง่ ทีน่ า่ ประทับใจมากทีส่ ดุ เกีย่ วกับฟอร์มการ เล่นของพวกเราวันนี้ คือ เราไล่ต้อนพวกเขาอยู่ฝ่าย เดียว พวกเขาสู้กับเราไม่ได้เลย เราท�ำประตูได้ใน เวลาเพียงไม่กี่นาที ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ท�ำให้พวกเขาเริ่ม จะขวัญเสีย และหลังจากนัน้ เราก็จดั การได้ซะอยูห่ มัด มาร์ติน สเคอร์เทล ต้องออกจากสนามไป เขาคงคาด ไม่ถึง และมันจึงเป็นชัยชนะที่ยอดเยี่ยมของเรา” “พวกเราแสดงให้เห็นแล้วว่า พวกเราไม่กลัว ทีมไหน เราถูกมองข้ามจากทุกคนในช่วงเริม่ ต้นฤดูกาล เราถูกโจมตีจากหลายค�ำถาม เช่น ‘พวกเราจะท�ำ ประตูได้บา้ งหรือไม่’ ‘พวกเราดีพอส�ำหรับพรีเมียร์ลกี หรือไม่’ ‘พวกเราจะรอดจากการตกชั้นหรือไม่’ และ เราก็จดั การตอบค�ำถามพวกเขาแล้ว ด้วยผลงานเป็น สิบเท่า” จากสิ่งที่ ดีนี่ย์ บอก ลิเวอร์พูล ดูเหมือนว่าจะ ประเมิน วัตฟอร์ต ต�่ำเกินไป และพวกเขาก็ถูกลงโทษ จากแตนอาละวาดตัวนี้ ด้วยสองประตูจากสตาร์ของ ทีมอย่าง โอเดี้ยน อิกาโล่ และผู้เล่นอย่าง เอเตียน กาปู อัลเมน อับดี้ และ นาธาน อาเก้ ที่ดาหน้าบุก September 2013 - The Reds


44

ทะลวงหงส์แดงอย่างราบคาบ ลิเวอร์พูล ไม่ได้แสดงถึงความแข็งแกร่งออกมา เลยในเกมนั้น ด้วยผลงานที่น่าผิดหวังของบรรดาผู้เล่น ชุดใหญ่อย่าง สเคอร์เทล, ลูคัส เลว่า ซึ่งทั้งสองคน ผิดพลาดจนเป็นส่วนให้อิกาโล่ท�ำประตูแรกได้ ไม่เว้น แม้แต่ อดัม ลัลลานา และ คูตินโญ ที่ให้สัมภาษณ์กับ สโมสรผ่านเว็บทางการช่วงเดือนพฤศจิกายน ว่า “ถึง แม้ผมจะยังอายุน้อย แต่ในตอนนี้ผมรู้สึกราวกับเป็น ผู้เล่นตัวหลักของทีม” ความยากเย็นเริ่มเกิดขึ้น แม้ จะมีการกระตุ้นของ คล็อปป์ ที่แสดงออกอย่างมาก บริเวณข้างสนาม ลูกทีมของกุนซือชาวเยอรมันก็ยังถูก กดดันจากนักเตะของวัตฟอร์ดที่วันนี้ท�ำงานกันอย่าง หนัก นั่นคือเรื่องที่หากว่าเขาต้องการจะหลีกเลี่ยงมัน ในอนาคต คล็อปป์ จะต้องกระตุ้นทัศนคติของผู้เล่น ให้มีความต้องการที่จะเป็นผู้ชนะเกิดขึ้นให้ได้ที่สโมสร ลิเวอร์พูลแห่งนี้ ภายใต้การคุมทีมของ คล็อปป์ ลิเวอร์พูลมีฟอร์ม การเล่นที่พัฒนามากขึ้นในการเล่นเป็นทีมเยือน กับชัย ชนะที่สวยงาม ต่อ เชลซี แมนฯ ซิตี้ และ เซาท์แฮมป์ตัน แสดงถึงความดุดันในแนวรุกของกุนซือชาวเยอรมัน หากผูเ้ ล่นอยูใ่ นฟอร์มทีด่ แี ละพร้อมหน้ากัน ทัง้ คูตนิ โญ ลัลลานา และ โรเบอร์โต้ เฟอร์มิโน กับการย�ำใหญ่ แมนฯ ซิตี้ ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม แสดงให้เห็นว่า คล็อปป์ ได้รับแรงสนับสนุนจากผู้เล่นด้วยเกมรุกที่เยี่ยมยอด สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอีกครั้งกับการไล่ตีเสมอ เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน 2-2 ด้วยประตูที่ยิงจากระยะไกล ของ ดิว็อค โอริกี้ ท�ำให้ผู้ชมในสนามนั่งไม่ติด ร่วมด้วย แรงสนับสนุนจากแฟนบอลในแอนฟิลด์ ที่ในที่สุดก็ สามารถรับรู้ได้ถึงสิ่งที่ คล็อปป์ คาดหวัง ลูกทีมของเขา ได้รบั รางวัลจากความพยายาม นัน่ คือแรงสนับสนุนของ แฟนๆ จนสิน้ เสียงนกหวีด นีค่ อื สิง่ ทีล่ เิ วอร์พลู ต้องการ เป็นอย่างมากในตอนนี้ และดูเหมือนว่า คล็อปป์ จะ สามารถรวมใจของสโมสรแห่งนี้ให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ สัญลักษณ์ของความเชือ่ มัน่ ก�ำลังกลับคืนมา และ ระหว่างที่ความพ่ายแพ้ต่อ วัตฟอร์ด เกิดขึ้น บางทีนั่น อาจจะดูเหมือนเป็นการทรยศต่อแฟนบอลอยู่บ้าง แต่ ก็ถือว่าเป็นการก้าวอย่างช้าๆ และเป็นสิ่งที่ คล็อปป์ จะต้องด�ำเนินการต่อไป เพื่อให้แน่ใจได้ว่าลูกทีมของ The Reds - September 2013


45

September 2013 - The Reds


46

The Reds - September 2013


47

เขาจะสามารถพัฒนาทัศนคติของความต้องการที่จะ เป็นผู้ชนะ ความเชื่อ แรงสนับสนุนจากแฟนบอล นั่น คื อ สิ่ ง ที่ จ ะท� ำ ให้ พ วกเขาประสบความส� ำ เร็ จ และ รอดพ้นจากความยากล�ำบาก ในเวลานี้ได้ อย่างไรก็ตามส�ำหรับมาตรการระยะยาว บางที คล็อปป์ คงยังมีเรื่องที่จะต้องเพิ่มเติมให้กับลูกทีมของ เขา -----------------------------------ควานหาในตลาดการซื้อขายฟรี เป็นสิ่งที่พิสูจน์แล้วว่า ในช่วงเวลาที่เขาอยู่กับ สโมสรโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, คล็อปป์ คือผู้ที่ขึ้นชื่อ ในเรื่องของการท�ำการซื้อขายผู้เล่นอย่างชาญฉลาด ด้วยผู้เล่นอย่าง อิลคาย กุนโดกัน, นูริ ซาฮิน, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, ชินจิ คากาวะ, ลูคัสซ์ พิสซ์เซ็ค, แมตส์ ฮุมเมลส์, สเวน เบนเดอร์, เควิน โกรสครอยซ์, เนเวน ซูโบติช และ เฟลิเป้ ซานตานา ทั้งหมดย้าย มาร่วมทีมด้วยค่าตัวมูลค่าต�่ำกว่า 5 ล้านปอนด์ ผูเ้ ล่นแต่ละคน ล้วนมีบทบาทส�ำคัญในทีมภายใต้ การท�ำงานของ คล็อปป์ ร่วมกับนักเตะที่ย้ายมาด้วย มูลค่าฟรี อย่าง พิสซ์เซ็ค เป็นตัวอย่างที่ช่วยย�้ำเตือน ถึงเรื่องของผลก�ำไร กับการค้นหาผู้เล่นในตลาดการ ซื้อขายที่ก�ำลังจะหมดสัญญา รวมไปถึงนักเตะที่อยู่ใน สถานะค่าตัวฟรี สิ่งเหล่านี้ก�ำลังเริ่มต้นที่ ลิเวอร์พูล กับโปรเจ็ค ของ คล็อปป์ ในการคว้าตัว มาติป ที่ก�ำลังหมดสัญญา กับสโมสรชาลเก้ นี่จะเป็นตัวอย่างแรกส�ำหรับการซื้อ ขายอย่างชาญฉลาดของกุนซือชาวเยอรมัน มาติป ถือ เป็นกองหลังสารพัดประโยชน์วัย 24 ปี จะเข้ามาเสริม ความแข็งแกร่งให้กับทีมของ คล็อปป์ โดยไม่ต้องเสีย เงินในบัญชีธนาคารแม้แต่แดงเดียว หาก มาติป ย้ายมาร่วมทีมหงส์แดงในช่วงหน้า ร้อน จะถือเป็นหนึ่งความส�ำเร็จในการซื้อขาย และ คาดหมายว่าคงจะมีผู้เล่นรายอื่นๆ ย้ายตามเข้ามาหลัง จากนี้ ผู้เล่นมากประสบการณ์และความสามารถของ บาเลนเซีย อย่าง โซเฟียเน่ เฟกูลี่ หรือแม้แต่ เอแวร์ บาเนก้า และผู้รักษาประตูของ อินเตอร์ มิลาน ซามีร์ September 2013 - The Reds


48

ฮันดาโนวิซทีจ่ ะสามารถเข้ามายกระดับทีมของคล็อปป์ แม้แต่กองหลังของ มาร์กเซย นิโกลัส เอ็นคูลู ที่จะ สามารถเข้ามาเป็นคู่หูแนวรับในฝันของคล็อปป์ร่วม กับซาโก้ ผู้รักษาประตู ชาวฝรั่งเศส สตีฟ ม็องด็องด้า เพื่อนร่วมทีมของ เอ็นคูลู ประสบกับปัญหาฟอร์มการ เล่นตกลงในฤดูกาลนี้ แต่เขาก็ยังเป็นอีกหนึ่งรายชื่อที่ น่าสนใจส�ำหรับคล็อปป์ ระหว่างที่ต้องมาเพิ่งพากับ ผู้รักษาประตูทั้งสองคนอย่าง ซิมง มิโญเลต์ และ อดัม บอกดาน ที่ไม่สามารถรักษามาตรฐานการเล่นและ พึ่งพาในระยะยาวได้ มาร์คอส อลอนโซ เมนโดซา แบ๊คซ้ายของ ฟิออ เรนตินา ดูจะมีความเสีย่ งทีค่ ล้ายกัน แต่นกั เตะชาวสเปน สามารถทีจ่ ะเข้ามากดดัน โมเรโน เพือ่ ให้เกิดการแข่งขัน ในต�ำแหน่งแนวรับทางด้านข้าง ขณะที่การท�ำงานอีกด้าน คือการมองหาผู้เล่น เพื่ออนาคต อันดริยา ซิฟโควิช ปีกพรสวรรค์สูงของ ปาติซาน เบลเกรด ผู้มีฉายาว่า ‘เมสซี่เซอร์เบีย’ วัย 19 ปี ทอนนี่ วิลเฮน่า ผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล ยูโร เปียน โกลด์เดน บอย วัย 20 ปี แซม ไบแรม ดาวรุ่ง ของลีดส์ ยูไนเต็ด วัย 22 ปี และกองหลังของ ริเวอร์ เพลท วัย 22 ปี เอเดอร์ อัลวาเรซ บาลันต้า เหล่านี้ คือผู้เล่นดาวรุ่งที่พร้อมจะเป็นสตาร์ของฟุตบอลยุโรป และพวกเขาก�ำลังจะหมดสัญญากับสโมสรต้นสังกัด การย้ายเข้ามาร่วมทีมแบบค่าตัวฟรีของผู้เล่น ที่ก�ำลังจะแจ้งเกิดเหล่านี้ จะท�ำให้ คล็อปป์ สร้างทีม ของเขาได้ โ ดยปราศจากการใช้ จ ่ า ยเงิ น มู ล ค่ า สู ง ไป อย่างเปล่าประโยชน์ ตรงกันข้ามกับสมัยที่ ร็อดเจอร์ส ยังคุมทีม กับการใช้จ่ายเงินมูลค่าสูงอย่างผิดพลาดถึง 32.5 ล้านปอนด์ ในการคว้าตัว คริสเตียน เบนเตเก้ มาร่วมทีม บางทีผลงานจากนัดพ่าย วัตฟอร์ด อาจจะท�ำ ให้เกิดความหดหูใ่ จในถิน่ เมอร์ซไี ซด์ แต่ การปรับแต่ง ทีละเล็กละน้อยในทีม ของ คล็อปป์ ก�ำลังเริ่มต้นขึ้น และสิ่งดีส�ำหรับเรื่องนี้คือ มันเกิดขึ้นได้โดยสโมสรไม่ ต้องใช้จ่ายเงินไปอย่างไร้ค่าในตลาดการซื้อขาย -----------------------------------The Reds - September 2013


49

September 2013 - The Reds


50

T reatise

The Reds - January September20162013


51

September January 2016 2013 - The Reds


52

เย็นวันหนึ่งในขณะที่ผมก�ำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ ก็มีข้อความเด้งขึ้นมาในแชทของ face book ตึ๊ง! ตึ๊ง! “ขอโทษครับ ใช่คนที่เคยเขียนบทความลง The Reds Magazine หรือเปล่าเอ่ย” ผมก็ตอบกลับไป ว่า ใช่ครับ.. หลังจากนั้นก็คุยกันยาววววในสิ่งที่เรา ก�ำลังจะท�ำแม้ว่าหลังจากที่รับปากพี่เขาเอาไว้แล้วมัน จะเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้นกับผม แต่รับปากแล้วก็ต้อง ท�ำให้ดีที่สุดเท่าที่จะท�ำและขอกล่าวค�ำว่า “ขอบคุณ” ทีมงาน The Reds Magazine ที่ให้โอกาสผมได้มี พื้นที่ขีดๆ เขียนๆ อีกครั้ง ขอบคุณมากครับ ^_^ เกริ่นมาซะยาวคงได้เวลาเข้าเรื่องกันแล้ว ฮ่าๆ จริงๆ ในขณะที่ตบปากรับค�ำที่จะเขียนนั้นผมก็คิดไว้ คร่าวๆ บ้างว่าจะเขียนแบบไหนดี แต่พอได้คุยกับพี่ ทีมงานแล้วรู้สึกชอบในแนวทางที่เขาอยากน�ำเสนอก็ เลยคิดว่าถ้าเอามาย�ำรวมกันมันก็คงจะน่าสนุก เพราะ ว่าปลายทางที่เราจะเขียนถึงนั้นคือจุดหมายเดียวกัน ใช่แล้วครับนาทีนี้ต้องผู้ชายคนนี้ “Jurgen Klopp” หลายคนอาจจะเป็นเหมือนผมในวันที่ Klopp เข้า มารับต�ำแหน่งที่ Liverpool ในหัวใจมันเต็มไปด้วย ความหวังและเปี่ยมไปด้วยความสุขผสมกับความตื่น เต้น (ตกลงรู้สึกยังไงกันแน่มั่วไปหมด ฮ่าๆ) คล้าย กับตอนที่ต�ำนานมีชีวิต “Kenny Dalglish” กลับมา ที่ Liverpool ในฐานะผู้จัดการทีมอีกครั้ง!!! ถามว่า ท�ำไมน่ะเหรอ? ส�ำหรับผมแล้ว Liverpool ต้องการ ผู้จัดการทีมแบบ Klopp ที่เป็นคนที่มีความกล้าหาญ มีความเชี่ยวชาญในเชิงจิตวิทยา มีอะไรหลายๆ อย่าง ที่ Liverpool ตอนนี้ขาดหายไปและที่ส�ำคัญเขามี ทีมงานที่ยอดเยี่ยม หลังจากที่เข้ามารับงานได้ไม่นาน เขาก็ปลุก Liverpool รวมไปจนถึงแฟนบอลขึ้นมา จากภวั ง ค์ ด ้ ว ยรู ป แบบการเล่ น ที่ น ่ า สนใจและเป็ น เอกลักษณ์ แม้ว่านักเตะจะยังท�ำออกมาได้ไม่เต็มที่แต่ มันดูแล้ว “มีแนวทาง” ที่ชัดเจน (คล้ายๆ กับ ผจก. คนก่อนเหมือนกันนะ แต่ไว้เดี๋ยวค่อยพูดถึง ฮ่าๆ) Klopp เข้ามาเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่าง ที่นี่ รวมทั้งปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นใหม่จากเดิมที่ไร้ซึ่ง ชีวิตชีวา ดูๆ อยู่มีแอบหลับไปบ้างหรือบ้างทีก็หลับยาว The Reds - September 2013


53

September 2013 - The Reds


54

The Reds - September 2013


55

ไปเลย บางครั้งก็อยากจะทุบทีวี/คอมทิ้งมันซะตรงนั้น นักเตะเหมือนไม่มีแรงวิ่งและไม่ได้ซ้อมร่วมกันมา พอ โดนน�ำก็เตรียมตัวแพ้ได้เลยจากฝีมือของผจก.ทีมคน เก่าที่เรารู้จักกันดี... ครับเขานั่นแหล่ะที่คุณรู้ๆ แต่หลัง จากวันที่ Klopp เข้ามา นักเตะที่เคยเดินเล่นกันชิวๆ แบบจิบชาอังกฤษไปพลาง เล่นไปพลาง ก็กลับวิ่งกัน หน้าตาตื่นจนลมแทบจับเนื่องด้วยแทคติกที่มีชื่อเรียก แบบเท่ๆ เป็นภาษาเยอรมันว่า “Gegenpressing” ส่วนมันท�ำงานยังไงไปหาอ่านได้ใน Google ครับฮ่าๆ ระบบนี้ Klopp เคยใช้ตอนสมัยที่ยังคุม Dortmund และเอามาติดตั้งให้กับ Liverpool เรียบร้อย ถึงแม้ตอนนี้มันจะยังไม่สามารถท�ำงานได้ 100% ก็ เถอะ แต่มันท�ำให้แฟนบอลอย่างเราอยากสู้ไปพร้อม กันกับนักเตะในสนามมากกว่าอยากหลับ! (แต่ตอน นี้เริ่มโดน pressing เล่นงานเองบ้างแล้ว) แต่ถึง กระนั้นก็เถอะ ผู้มาใหม่อย่าง Klopp นั้นก�ำลังสร้าง ปรากฏการณ์ใหม่ๆ ให้กับพวกเราอยู่ ปรากฏการณ์ที่ เราได้เห็นแล้วในหลายๆ เกมไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการ เล่นใหม่ๆ หรือเรื่องที่กองเชียร์รีบออกจากสนามและ ก็ล่าสุดที่ (บางคน) มองว่ามันโอเวอร์มากไปที่ Klopp พาลูกทีมเดินไปขอบคุณแฟนบอลในเกมที่เสมอกับ West Bromwich Albion (ถ้าเป็นคนเก่าคงโดนด่า เละ) แต่ผมกลับไม่มองแบบนั้น ทุกๆ เกมที่ผ่านมา ผม มองว่า Klopp มีความ “อยากเป็นผู้ชนะ” เต็มเปี่ยม และมันก็ส่งผ่านนักเตะทั้งทีม เกมๆ นั้นมันอาจเป็นแค่ การไล่ตามตีเสมอแต่หากมองให้ลึกลงไปอีกหน่อยเรา จะเห็นว่ามันนานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้เห็นนักเตะของ พวกเรา “สู้ยิบตาขนาดนี้” บางครั้งผลการแข่งขันมัน อาจไม่เป็นใจแต่ต้องไม่ลืมว่าเขาเพิ่งมาและเพียงแค่ เราปล่อยให้มันเป็นเรื่องของเวลาไปก่อนก็พอ Klopp อาจไม่ใช่พระเจ้า “God” แต่ผมเชื่อนะว่าเขาก�ำลัง จะสร้างตัวเองให้เป็นพระเจ้า เป็นผู้บันดาลชัยชนะ ในแบบฉบับของตัวเอง เหมือนที่ครั้งหนึ่งเราเคยมี “God” อยู่ในทีม...ใช่ครั้บ Robbie Fowler เพียงแต่ ครั้งนี้เป็น Klopp ใครจะไปรู้บางทีเขาอาจกลายเป็น พระเจ้าคนที่สองของเราก็ได้... ไหนๆ พูดถึง “God” คนก่อนแล้ว เราลองมาร�ำลึกความหลังกันดูว่าท�ำไม September 2013 - The Reds


56

Robbie Fowler ถึงได้ฉายาว่า “God” เปิดลิ้นชัก นั่ง Time Machine ตามกันมาเลยครับบบบ! “God” แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “พระเจ้า” หลายคนอาจสงสัยว่าท�ำไม Robbie Fowler ถึงได้ ฉายาว่า “God” เอาสั้นๆ ง่ายเลยเลยละกันนะ “God” เป็นฉายาที่แฟนบอลตั้งเพื่อสดุดีในความสามารถของ Robbie Fowler ที่สามารถบันดาลชัยชนะ บันดาล ประตูให้เกิดขึ้นได้ในทุกรูปแบบ ในทุกระยะของการ ยิงประตู ราวกับพระผู้เป็นเจ้า แฟนๆ จึงขนานนามให้ ว่า “God” นั่นเอง ส่วน Klopp ที่ผมบอกว่าเขาก�ำลัง สร้างตัวเองให้เป็นพระเจ้า (แม้เขาจะบอกว่าเขาไม่ใช่) ก็เพราะว่าสิ่งที่เขาก�ำลังท�ำมันช่วยผลักดันให้แฟนบอล อย่างเรามีความหวังขึ้นมาบ้างที่จะได้เห็นทีมกลับมา เล่นฟุตบอลได้อย่างตื่นตาตื่นใจอีกครั้ง ไม่ใช่ง่วงและ ซังกะตายแบบผู้จัดการคนเก่า โอเค..มันก็จริง ที่ผลงานของทีมลิเวอร์พูลนั้นก็ ยังไม่ได้ดีเด่นอะไรมากนักถ้ามองจากสถิติและคะแนน ที่สามารถท�ำได้ เพียงแต่สิ่งที่ Klopp ใส่ลงไปในทีม ตอนนี้มันคือความเชื่อมั่น เชื่อว่าเราจะชนะหาใช่ความ ครางแครงใจ โดยเรื่องนี้ผมว่าได้ผลเพราะหลังจากที่ Klopp พูดเรื่องความเชื่อมั่นออกไปรวมทั้งเรียกร้อง ให้แฟนบอลอยู่จนจบเกมนั้นมันส่งผลไปในทางบวก เมื่อนักเตะพร้อมสู้แฟนบอลก็ต้องพร้อมเชียร์และอยู่ ด้วยกันจนสิ้นเสียงนกหวีดนี่คือสิ่งที่ Klopp ปรารถนา และอีกเรื่องที่พึ่งจะท�ำไปและก็มีเสียงนกเสียงกาออก มาว่า “เวอร์” เกินเหตุ แต่ส�ำหรับพวกเราแฟนบอล Liverpool นี่คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่และอบอุ่นมากๆ ที่เห็น นักเตะพร้อมใจกันเดินมาขอบคุณแฟนบอลในสนาม ส�ำหรับผมแล้ว Klopp คือคนที่ใช่ที่สุดส�ำหรับ Liverpool ทีมที่ต้องการเป็นนักสู้มากกว่านักทฤษฎี ทีมที่ดูแล้วมีความหวังแม้ว่าก�ำลังจะแพ้ ทีมที่เป็นอัน หนึ่งอันเดียวกันทั้งผู้เล่นและแฟนบอล หวังว่า Klopp จะสามารถสร้างผลงานดีๆ ให้กับทีมและกลายเป็น “God” คนที่สองของพวกเราในเร็ววัน... ------------------------------------------The Reds - September 2013


57

September 2013 - The Reds


58

T reatise

The Reds - January September20162013


59

September January 2016 2013 - The Reds


60

The Reds - September 2013


61

สามประสานแนวรุกของ Liverpool อย่าง Philippe Coutinho, Adam Lallana และ Roberto Firmino เป็นอะไรที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ ใน ประเด็ น ของการแย่ ง บอลกลั บ คื น เมื่ อ พวกเขาเสี ย บอลไป ถึงแม้ว่าลูกทีมของ Jurgen Klopp จะเก็บ ชัยชนะได้ในเกมวัน Boxing Day เหนือจ่าฝูง Premier League อย่าง Leicester City ไป 1-0 แต่ เมื่อพิจารณาถึงเกมนัดที่ว่า และเกมที่เห็นอะไรชัดเจ นมากๆ ในนัดที่แพ้ Watford 3-0 ก่อนหน้านั้น ทั้ง สามคนดังกล่าวท�ำหน้าที่ได้แย่มากๆ ในแง่ของการ “ป้องกัน” ------------------------------------------ดู Philippe Coutinho, Roberto Firmino และ Adam Lallana สิ ทั้งสามคนนั้นทักษะดี มากๆ ในแง่ของการไปกับบอล แต่เมื่อเสียบอล พวก เขาไม่รู้จักวิธีแย่งมันกลับคืนมา เกมกับ Watford นั้น บอลผ่านหน้าพวกเขาไปอย่างสบายมากๆ และ ทีมแตนอาละวาดก็เล่นระบบ 4-4-2 ได้บอลเร็วและ จ่ายไปในทิศทางที่ดี และวิ่งเข้าใส่หงส์แดง ปิดกั้นเกม ของลิเวอร์พูลไปแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ตรงนี้หงส์แดง ไม่สามารถที่จะรับมือได้ จุดอ่อนที่ชัดเจนของทีมใน ตอนนั้นก็คือ ทุกๆ คนต่างวิ่งกันพล่าน มั่วไปหมด ไม่มี ต�ำแหน่งที่ชัดเจนเลย September 2013 - The Reds


62

Coutinho นั้นแท็คเกิ้ลชนะคู่แข่งไป 17 ครั้ง ในเวที Premier League ฤดูกาลนี้ Klopp นั้นชอบที่จะให้นักเตะของตัวเองเล่น เพรสซิ่งสูงจากด้านหน้าอันเป็นส่วนหนึ่งของการเล่น ฟุตบอลแบบ high-intensity ซึ่งเขาถนัด แน่นอนผม นั้นไม่ได้มีอะไรที่เหนือกว่าเขา และหากเขามาอ่านเจอ การวิเคราะห์ที่ต�ำหนิสามประสานแดนหน้าอย่างนี้ คงจะไม่ปลื้มใจเป็นแน่ กระนั้นจุดที่ผมได้ชี้ไปให้เห็น ก็เป็นอะไรที่เราทุกๆ คน น่าจะเห็นได้ชัดเจนอย่าง ไม่มีข้อลังเลใจเช่นกันว่าหงส์แดงนั้นไม่สามารถสู้คู่แข่ง อย่าง Watford ในนัดนั้นไม่ได้เลย เพราะดูเหมือนว่า พวกเขาจะเร็วกว่าทีมลิเวอร์พูล ในทุกๆ การแย่งบอล ในวันนั้น แปลกที่ว่าทีมหงส์แดงทีมเดียวกันนี้เคยถล่ม Manchester City ถึง 4-1 ในช่วงการคุมทีมแรกๆ ของ Klopp โดย Liverpool ขโมยบอลได้จากลูก ทีมของ Manuel Pellegrini ได้ตลอดเกม โดยสาม ประสานเดียวกันนี้ท�ำการแย่งบอลและแท็คเกิ้ลชนะคู่ แข่งได้ตลอดเกม น�ำไปสู่การได้ประตูมากมาย Liverpool นั้นตัดบอลได้ 32 ครั้งในเกมที่ชนะ Manchester City. อะไรเล่าที่ท�ำให้สามประสาน เดียวกันนี้ วันนั้นเล่นดี วันนี้กลับแย่?? ปัญหามันอยู่ ตรงที่ใด? ชัยชนะเหนือจิ้งจอกจึงเหมือนกับการกลับ มาสู่ฟอร์มอีกครั้ง Liverpool สร้างสรรค์โอกาสท�ำประตูได้ถึง 227 ครั้งในฤดูกาลนี้ หากมองว่า Adam Lallana อาจจะเป็นจุด คลิ๊กที่ไม่ลงตัว ก็ขอน�ำเสนอว่าเขาเหมือนกับ “ม้า” เขาเป็นตัววิ่งน�ำ จับบอลได้นิ่งเนียนตา เล่นได้อย่าง ถึงตาถึงใจ เหมือนออกตัวเร็วน่าทึ่ง แต่พอช่วงตรง กลางกลับดูนิ่งเงียบไม่ไหวติง เฮ้ย..!! เขาเป็นนักบอล ครับ เขาคือนักบอล การเปรียบเทียบด้านบนเพียงแค่ แสดงให้เห็นภาพบางอย่าง คือเขาจะดูดีมากๆ เลย เมื่อ Liverpool ก�ำลังชนะ แต่เหมือนจะพึ่งพาอะไร ไม่ได้เลยเช่นกันเมื่อทีมก�ำลังเสมอหรือแพ้ ไม่สามารถ The Reds - September 2013


63

September 2013 - The Reds


64

The Reds - September 2013


65

สร้างสรรค์และเปลี่ยนเกมได้ ในช่วงเวลาที่ทีมโหยหา ผมลองได้ดูสถิติต่างๆ ย้อนหลังเกี่ยวกับเขา และ ทฤษฎีตรงนี้ของผมดูจะเป็นจริงมากขึ้น ไอ้เรื่องที่ว่า กองหน้าตัวท�ำเกมรายนี้จ ะดูดีมีช าติตระกูลโคตรๆ เมื่อทีมก�ำลังน�ำ หรือชนะ ผมพูดในสิ่งที่ดูได้เห็นจาก ตา เพราะผมดู Lallana เล่นทุกๆ สัปดาห์ สถิติต่างๆ บ่งบอกได้ดี ในฐานะ playmaker/ กองกลางตัวรุก เขายิงได้เพียงแค่ประตูเดียวเท่านั้นใน เวที Premier League ฤดูกาล 2015 คือนับตั้งแต่เขา ย้ายมา Liverpool เขายิงได้เพียงแค่ 8 จาก 67 เกม และฤดูกาลนี้เขาสร้างสรรค์โอกาสท�ำประตูได้ 0 และ ท�ำ assists ได้แค่ 2 เท่านั้นในฟุตบอลระดับสูง เมื่อ Liverpool ก�ำลังชนะ หรือเอาง่ายๆ แบบว่า ก�ำลังไล่ย�ำคู่แข่ง เขาจะแลดูเล่นได้สนุกน่าตื่นตาตื่นใจ Lallana จะกระชากลากเลือ้ ยเหมือนล่อให้แนวรับออก มารับมือกันหัวหมุน เขามีความสามารถและเทคนิค ในการครองบอลและไปทางแคบได้ดี แต่ปัญหาก็คือ “เขาบ้าเลี้ยง บ้าวิ่ง โดยไม่ได้ดูเพื่อนร่วมทีมเลย” เมื่อ Liverpool ยิงประตูได้เร็วในเกมกับเรือใบ สีฟ้า Manchester City ทุกๆ อย่างมันเลยดูดี เพราะ Lallana ก็กระชากลากเลื้อยดึงกองหลังให้ป่วนซึ่งเป็น ธรรมชาติของเขา ซึ่งท�ำเอาเหล่านักเตะของ City เหนื่อย แต่เอาเข้าจริง เขาไม่ได้จ่ายบอลอะไรที่เป็นชิ้น เป็นอันอะไรเท่าไหร่ นอกจากจี๊ดไปจี๊ดมา ดูแล้วเพลิน การจับบอลแรกของ Lallana ถือว่าเป็นอะไร ที่สมบูรณ์แบบ เรียกได้ว่าเป็นสัญญานที่ดีของนักเตะ พรสวรรค์ หากเขาเล่นฟุตซอลคงจะติดทีมชาติอังกฤษ ด้วย เขายอดเยี่ยมมากๆ ในสนามซ้อมเช่นกัน แต่ ทั้งหมดนั้นไม่มีประโยชน์ใดๆ เลยเมื่อ Liverpool ตก อยู่ในสถานการณ์ที่ยากล�ำบาก ก�ำลังไล่ล่าประตูน�ำ หรือต้องการลูกตีเสมอ นี่คือช่วงเวลาที่เราจ�ำเป็นต้องมีผู้เล่นที่กล้าเสี่ยง สร้างช่วงเวลาแห่งความมหัศจรรย์ ซึ่งพรสวรรค์และ ทักษะเหล่านี้เขามีพร้อม แต่กลายเป็นว่า เหมือนเขา ก้มหน้าก้มตาเล่นโชว์ลีลา แต่ไมได้มองหาใครเลย เขา ไม่ยิงซักเท่าไหร่ และไม่สามารถเปลี่ยนเกมให้ดีได้ แม้ว่าจะได้ท�ำงานกับ Klopp เมื่อพิจารณาสถิติต่อ เกมแล้ว ค่าเฉลี่ยการจ่ายบอลแบบ key pass ของ September 2013 - The Reds


66

เขาได้แค่ 1.3 เท่านั้น แน่นอนเราคงไม่คาดหวังจะเห็น สถิติเทียบเท่านักเตะระดับโลกอย่าง Mesut Ozil ที่ 4.2 แต่ Lallana ยิงประตูได้แย่กว่า และจ่ายบอลได้ แย่กว่า James Milner ที่ถูกผู้คนต�ำหนิว่าขาดการ สร้างสรรค์เกมที่ดีซะอีก ณ เวลาแบบนี้ Lallana ท�ำให้ผมนึกถึงนักเตะ ที่เกษียณตัวเองแล้วกลับมาเล่น Testimonial เพื่อ ให้ได้รับ Standing Ovation กล่าวคือเล่นเอาสวย เอามันเพื่อให้ได้เสียงเชียร์เสียงกรี๊ดเท่านั้น สวยแต่รูป จูบไม่หอม เขาเต้นไปรอบ หมุนตัวไปมา น่าตื่นตาตื่น ใจแต่ไร้ประสิทธิภาพใดๆ ต่อเกมทั้งสิ้น มันน่าเศร้า ตรงที่ว่าเขาอายุเพิ่งจะ 27 ปีเท่านั้น ถามว่านี่คือการสิ้นเปลืองพรสวรรค์ของตัวเอง หรือไม่ ณ ตอนนี้ดูเหมือนจะใช่ เพราะ Lallana นั้นได้ รับการสนับสนุนทุกๆ อย่างจาก Klopp เพราะเขาวิ่ง เขากดดัน เขากระชากลากเลื้อยอันเต็มไปด้วยเทคนิค แพรวพราว ซึ่งผมมองว่า Lallana ควรจะเลิกท�ำลาย จังหวะเกมรุกของทีมด้วยการพยายามโชว์ลากเลื้อย อะไรแบบที่เป็นอยู่ซักที และใช้ศักยภาพและความ สามารถของตนเองให้ตรงจุด เขาจับบอลแรกได้ดีแล้ว ขอให้รู้จักมองเกมโดยกว้างและมองหาเพื่อน ใช้สมอง ให้มากขึ้นกว่านี้ เขาโชคดีแค่ไหนแล้วที่ผู้จัดการทีมไม่ ได้ตัดสินใจเลิกเชื่อใจเขาจากจ�ำนวนความผิดพลาดที่ เขาได้ก่อจากความพยายามที่จะสร้างสรรค์อะไรด้วย ตัวเอง ตอนนี้คุณต้องพยายามสร้างสรรค์อะไรที่เป็น ชิ้นเป็นอันซักที คือไม่ใช่ว่าเขาท�ำอะไรแบบนี้ไม่ได้ ------------------------------------------เขามีศักยภาพเพียงพอที่จะท�ำได้เพราะเมื่อ ฤดูกาล 2013/14 เขายิงประตูได้จ�ำนวนเลขสองหลัก มาแล้วในสมัยที่เล่นให้กับ Southampton และ ได้รับการโหวตให้ติดทีม Premier League Team of the Year. เราอยากเห็นอะไรแบบนั้นที่ Liverpool บ้าง -------------------------------------------

The Reds - September 2013


67

September 2013 - The Reds


68

The Reds - September 2013


69

September 2013 - The Reds


70

เรื่องราว และ บทความในส่วนหลังนี้ ถือเป็นความตั้งใจ ของทีมงานที่จะท�ำเป็นส่วนพิเศษ เพื่อร�ำลึกถึงอดีตกัปตัน ทีมผู้ยิ่งยงของเรา นั่นคือ ‘สตีเว่น เจอร์ราร์ด’ ซึ่งทาง The Reds Magazine เคยมีโครงการที่จะจัดท�ำเล่มพิเศษ ตอน ‘สตีเว่น เจอร์ราร์ด’ อ�ำลาทีม แต่โครงการนั้นก็มีอันต้องพับไป เนื่องจากสาเหตุหลายประการ ซึ่งส่วนหนึ่งของความตั้งใจใน วันนั้นจึงมาปรากฏในวันนี้ แม้จะเป็นแค่เพียงส่วนเล็กๆ แต่ เชื่อเถอะ !! พวกเราคิดถึง “กัปตัน”

The Reds - September 2013


71

September 2013 - The Reds


72

The Reds - January September20162013


73

เมือ่ ผมคิดถึง ‘สตีเว่น เจอร์ราร์ด’ สิง่ หนึง่ ทีโ่ ต้แย้งไม่ได้เลยคือ ‘สตีเว่น’ มีสว่ นร่วมอย่างมหาศาลในการสร้างประวัตศิ าสตร์ของสโมสร ตัง้ แต่กา้ วแรกของ เขาบนสนามหญ้าภายใต้เสือ้ สีแดงเพลิง ผมชืน่ ชม ‘สตีเว่น’ ในด้านการเป็นมิดฟิลด์ทยี่ อดเยีย่ ม ผูซ้ งึ่ ทำ�ตัวเป็นแบบ อย่างทัง้ ในและนอกสนาม ทัง้ ด้วยความประพฤติของเขา การพูดคุยอย่างจริงใจ และความหลงใหลในลิเวอร์พลู ผมถือว่าผมโชคดีทไี่ ด้ทำ�งานกับเขาอย่างใกล้ชดิ ทุกๆ วัน เมือ่ ผมกลับไปยังแอนฟิลด์ในฐานะผูจ้ ดั การทีม มันน่าผิดหวังที่ผมไม่สามารถเลือกใช้งานเขาได้บ่อยเท่าที่ผมต้องการ เนือ่ งจากการบาดเจ็บของเขาในช่วงเวลานัน้ แต่ผมรูอ้ ย่างชัดแจ้งถึงสิง่ ที่ ‘สตีเว่น’ ทำ�เพือ่ สโมสรลิเวอร์พลู ในระหว่างทีผ ่ มเข้ารับตำ�แหน่ง โดยเฉพาะอย่างยิง่ ตอนที่ เขาพยายามทำ�ตัวให้สามารถพร้อมทีจ่ ะเป็นตัวเลือกได้

Kenny Dalglish

September January 2016 2013 - The Reds


74

T reatise

The Reds - January September20162013


75

September January 2016 2013 - The Reds


76

The Reds - September 2013


77

“ถึงแฟนบอลของผมทุกๆ คน ในการกล่าวค�ำ อ�ำลามันไม่ได้เป็นเรื่องที่ง่ายเลย” “สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล เป็นส่วนที่ยิ่งใหญ่ใน ชีวิตของผมนับตั้งแต่ผมอายุ 8 ขวบ และผมรู้ว่าผม ก�ำลังจะคิดถึงมันมากแค่ไหน” “มันเป็นช่วงเวลาทีส่ ะเทือนอารมณ์สำ� หรับครอบครัว ของผมและตัวผม กับเกมสุดท้ายในแอนฟิลด์ที่พบกับ คริสตัล พาเลช แล้วจากนั้นก็เป็นการลงสนามในเกม สุดท้ายของผมส�ำหรับเกมเยือนที่พบกับสโต๊ค ซิตี้” “แต่ผมกลับตกตะลึงด้วยการอ�ำลาที่ผมได้รับ จากเหล่าแฟนบอล และผมอยากจะขอบคุณทุกๆ คน มันเป็นความรู้สึกที่นอบน้อมอย่างมาก และมันจะเป็น บางสิ่งที่ผมจะเฝ้าทะนุถนอมมันไปตลอดชีวิตที่เหลือ อยู่ของผม” “มันเป็นสิทธิท่ีพิเศษอย่างแท้จริงที่ได้รับใช้ สโมสรฟุตบอลแห่งนี้มาเป็นเวลายาวนาน” “เมื่อตอนที่ผมยังเด็ก เตะบอลไปรอบๆ ถนน ไอออนไซด์ ใน เขตไฮย์ตัน ทั้งหมดที่ผมต้องการที่จะท�ำ คือลงเล่นให้กับสโมสรลิเวอร์พูล ผมฝันที่จะสวมเสื้อ ทีมนั้นสักครั้ง” “ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมได้เข้าใกล้ความส�ำเร็จ ที่สามารถท�ำให้ผมมองย้อนกลับไปถึงการลงสนาม 710 นัด ให้กับทีมชุดใหญ่ตลอดเวลา 17 ปี มันเป็น ความภาคภูมใิ จทีย่ งิ่ ใหญ่ ผมรักทุกๆ นาทีทไี่ ด้เล่นให้กบั แฟนบอลทีย่ อดเยีย่ มทีส่ ดุ ในโลกมันเป็นการผจญภัยทีแ่ สน มหัศจรรย์ มันมีช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ถึงขีดสุด และบาง ช่วงเวลาที่ตกต�่ำอย่างเลวร้าย แต่ตลอดเวลาพวกคุณ ได้มอบการสนับสนุนที่มหัศจรรย์ และผมจะไม่มีทาง ลืมเลือนมันเลย” “ช่วงเวลาในจุดสูงสุด ต่างเป็นช่วงเวลาที่หอม หวานยิ่งนัก เพราะว่าสิ่งเหล่านั้นคือความส�ำเร็จกับ สโมสรที่ผมโปรดปรานในวัยเด็ก เราแบ่งปันช่วงเวลาที่ พิเศษเหล่านั้นด้วยกัน” “แน่นอนว่าจุดสูงสุดของอาชีพของผม คือการ ได้ไปถึงอิสตันบูลเมื่อ 10 ปีที่แล้ว นั่นเป็นค�่ำคืนที่ ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตของผม เมื่อผมชูถ้วยยูโรเปี้ยน คัพ ไม่มีใครอีกแล้วที่จะภาคภูมิใจไปมากกว่าผมบน โลกนี้” “มันมีความหมายอย่างมากส�ำหรับผม ในการส่ง ถ้วยใบนัน้ ให้กบั คุณ แฟนบอลท�ำหน้าทีใ่ นส่วนทีย่ ง่ิ ใหญ่ September 2013 - The Reds


78

ในการช่วยเป็นแรงบันดาลใจสูก่ ารกลับมาเผชิญหน้ากับ เอซี มิลาน ผมไม่เคยลืมถึงสิ่งที่พวกเขาช่วยยกพวกเรา ขึ้นมาหลังผ่านช่วงเวลาแห่งฝันร้ายในครึ่งแรก” “ผู้คนต่างถามถึงผมบ่อยครั้ง เกี่ยวกับความ กดดันบนบ่าของผมในการผลักดันลิเวอร์พูล แต่ผมไม่ เคยเห็นสิ่งเหล่านั้นเป็นภาระ นั่นเป็นหน้าที่ความรับ ผิดชอบที่ยิงใหญ่ต่อตัวผม แต่ผมชอบมันเสมอ และ โอบกอดอย่างรักใคร่ มันเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ที่ได้เป็น กัปตันของสโมสรแห่งนี้มาเป็นเวลายาวนาน ผมได้ มอบสิ่งที่ดีที่สุดของผมเสมอ และพยายามท�ำตัวเป็น แบบอย่าง” “ผมรู้สึกโชคดีอย่างมากที่ได้เล่นเคียงข้างกับ นักเตะที่มหัศจรรย์ และส�ำหรับผู้จัดการทีม คนที่คอย ช่วยเหลือผมในทุกๆ การปรับปรุงและพัฒนา ผมภูมิใจ กับสิ่งที่ผมได้มอบกลับไป ความเสียสละ, ความอุทิศตน และความจงรักภักดีตลอดช่วงเวลาหลายปีนั้น แต่มาก กว่าสิ่งอื่นใดที่ผมรู้สึกโชคดีอย่างสุดขีด คือการได้มี โอกาสเล่นต่อหน้าเหล่าแฟนบอลมาเป็นเวลายาวนาน” “ลิเวอร์พูลคือบ้านของผม และผมรักเมืองนี้ แต่ผมเชื่อว่ามันคือช่วงเวลาที่เหมาะสมส�ำหรับการ เปิดเรื่องราวบทใหม่ ในฐานะที่ผมเตรียมตัวเพื่อย้าย ไปยังอเมริกา” “ผมต้องการรักษาการลงสนามเอาไว้ทกุ ๆสัปดาห์ ในช่วงไม่กี่ปีสุดท้ายในอาชีพของผม และผมรอคอยที่ จะเริ่มต้นความท้าทายใหม่ๆ กับ ลอส แองเจอลิส กา เล็กซี่ ในเมเจอร์ลีก ผมจะออกไปส�ำหรับช่วงเวลา 2 ปี ข้างหน้า แต่นี่ไม่ใช่จุดสิ้นสุดความสัมพันธ์ของผมกับ สโมสรลิเวอร์พูล ผมเป็นแฟนบอลลิเวอร์พูลมาตลอด ทั้งชีวิต และมันจะด�ำเนินต่อไป” “ผมหวังว่าจะได้รับโอกาสในการกลับมา และ รับใช้สโมสรอีกครั้งในวันหนึ่ง ผมรู้สึกว่าผมสามารถ ให้การช่วยเหลือในบางหน้าที่ในอนาคตข้างหน้า” “แต่วันนี้ ทั้งหมดคือการมองย้อนกลับไปข้าง หลัง และกล่าวขอบคุณต่อแฟนบอลส�ำหรับการ สนับสนุนที่ส�ำคัญ คุณได้มอบให้ผมมาเป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษ คุณได้ช่วยเหลือผมในการเติมเต็มความ ฝันซ�้ำแล้วซ�้ำเล่า และได้มอบความทรงจ�ำให้กับผม ผมจะไม่แลกเปลี่ยนมันไม่ว่ากับอะไรก็ตาม” “ขอบคุณ” “สตีเว่น เจอร์ราร์ด” The Reds - September 2013


79

September 2013 - The Reds


80

The Reds - January September20162013


81

ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ คือไอดอลคนแรกของผม เขามีฟอร์มทีร่ อ้ นแรง ยิงประตู ได้ทง้ั ซ้าย ขวาและกลาง เขาคือหนึง่ ในนักจบสกอร์ทดี่ ที สี่ ดุ ในโลก มันเป็นเรือ่ งเหลือเชือ่ สำ�หรับผม ทีต่ อ่ มาผมได้เป็นเพือ่ นร่วมทีมของเขา ตอนแรกผมก็หวัน่ ๆ แต่ ร็อบบี้ คือหนึง่ ในหลายๆ คนทีค่ อยช่วยเหลือผมอย่างมาก เขาคอยให้เกร็ดความรู้ แต่เหนือสิง่ ใดคือเขาทำ�ให้ผมรูว้ า่ ผมจะมีสว่ นร่วมเสมอ ไม่วา่ อะไรจะเกิดขึน้ เขาอยูข่ า้ งผมเสมอ และตอนนีผ ้ มก็เป็นเพือ่ นทีด่ กี บั เขา

Steven Gerrard September January 2016 2013 - The Reds


82

ผมได้รบั ปลอกแขนกัปตัน ต่อจาก ซามี่ ฮูเปีย มันจึงเป็นความพอใจของผม ที่จะได้ส่งมันคืนให้เขาในเกมที่เขาจะอำ�ลา ลิเวอร์พลู หลังจากรับใช้สโมสรมา 10 ปี ซามีป่ ระกาศว่าเขาจะย้ายไปยังเยอรมนี และ นีเ่ ป็นโอกาสทีเ่ ขาจะบอกลาแฟนบอล เขาลง สนามในช่วง 6 นาทีกอ่ นหมดเวลา ซึง่ ผม คิดว่าราฟาใจร้ายมาก ระหว่างเกมผมเอาแต่ มองไปข้างสนามและคิดว่า ‘เมือ่ ไรซามีจ่ ะ ลงมา ?’ เราไม่มลี นุ้ อะไรแล้วในการเจอกับ ท็อตแน่ม ผมคิดว่าเขาควรจะได้เล่นเป็นตัว จริงด้วยซ�ำ้

Steven Gerrard

The Reds - September 2013


83

September 2013 - The Reds


84

A rticle

The Reds - January September20162013


85

September January 2016 2013 - The Reds


86

The Reds - September 2013


87

ในชี วิ ต ผมไม่ เ คยหนี เรี ย น..ไม่ เ คยแม้ แ ต่ ค รั้ ง เดียว พ่อผมรับอะไรแบบนั้นไม่ได้แน่ ถ้าผมหนีเรียน แอบสูบบุหรี่ หรือไม่จ่ายเงินค่ารถ ผลของมันเนี่ย ผม ไม่อยากจะคิดถึงจริงๆ เวลามีการท�ำโทษกันในบ้าน พ่อจะตะโกนดุผมหรือไม่ก็บ้องหูผมซักครั้งแต่ก็ไม่เคย ท�ำอะไรรุนแรง พ่อไม่เคยตีผม พ่อมักจะแสดงว่าพ่อ โกรธด้วยวิธีอื่นๆ พ่อมีแววตาพิฆาตมารที่ท�ำให้ผมทั้ง กลัวและเสียใจ สิ่งเดียวที่คอยเตือนผมไม่ให้ท�ำอะไร แย่ๆ ก็คือผมไม่อยากท�ำลายความสัมพันธ์ของผมกับ พ่อ พ่อไม่จ�ำเป็นที่จะต้องลงโทษหรือขึ้นเสียงเพื่อจะ สอนผมและพี่ว่าอะไรถูกอะไรผิด พ่อไม่ต้องการมีลูกที่ หยาบคายหรือชอบก่อเรื่อง พ่อผมทนไม่ได้แน่ถ้าต้อง มีรถต�ำรวจมาจอดหน้าบ้านเพื่อแจ้งความผิดของผม หรือพี่ มีหลายคนเคยมาเคาะประตูบ้านเพื่อมาโวยว่า ผมหรือพี่ไปท�ำกระจกบ้านเขาแตก แต่เราไม่เคยต้องมี รถต�ำรวจมาที่บ้านมาก่อน ไม่เคยจริงๆ ------------------------------------------ผมเคยก่อเรื่องอยู่ครั้งหนึ่ง.. ครั้งเดียวเท่านั้น ผมขโมยของแล้วก็ถูกจับได้ ตอนนั้นผมและเพื่อนๆ ไป เดินโต๋เต๋อยู่ในเมือง ด้วยอายุ 11 ปีผมได้ท�ำเรื่องที่โง่ เขลาและผิดพลาดอย่างรุนแรงลงไป ตอนนั้นเรามีเงิน 5 ปอนด์เพื่อเดินทางกลับบ้านและซื้อขนมกินเล่นๆ ที่ ร้าน Maccies ไม่ก็ Wimpy บนถนน Lime Street แต่มีปัญหาอยู่หน่อยตรงที่ผมต้องซื้อเครื่องเขียนเพื่อ ท�ำการบ้าน ก็แค่กระดาษกราฟกับปากกาแท่งสอง แท่ง ของพื้นๆ ที่ต้องใช้ทุกวัน เราก็เลยวางแผนกันและ เลือกร้าน Woolies ส�ำหรับด�ำเนินการ เราเดินเข้า ร้านอย่างเงียบเชียบ พยายามไม่ให้เป็นที่สนใจ เดินไป ตามทางเดินหยิบปากกาใส่กระเป๋าและเอากระดาษ กราฟซ่อนในเสื้อโค้ท เราค่อยๆเดินไปที่ประตูทางออก ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แผนดูเหมือนจะไปได้สวย ‘เยี่ยมจริงๆ’ ผมรู้สึกได้เลยถึงเงินในกระเป๋าที่จะเอา ไปซื้อเบอร์เกอร์กับโค้กที่ Lime Street ‘ใจเย็น.. ใจเย็นเข้าไว้’ ผมเดินออกจากประตู ก้าวเข้าไปที่ทาง เดิน.... ก�ำลังจะเดินจากไป.... แต่แล้วเสียงตะโกนก็หยุดเราไว้.. “เฮ้ย!!” เสียง นั่นมาท�ำให้ผมตัวแข็งไปหมด “หยุดตรงนั้นแหละ” September 2013 - The Reds


88

‘ซวยแล้วมั้ยล่ะ’ รปภ.ของร้านเดินออกมาหน้าร้าน ผมขยับตัวไม่ได้เลย รปภ.เดินมากระชากคอเสื้อผม แล้วลากเข้าไปในร้าน โอย.. มันเป็นวันที่แย่ที่สุดใน ชีวิตของผมเลย “เอาแล้วไง” ผมคิด ทั้งสมองและ หัวใจผมเต้นรัว “จบกัน หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง เลิก คิดถึงลิเวอร์พูลได้ สโมสรต้องโกรธมากแน่ๆ พ่อต้อง ตัดพ่อตัดลูก โอ๊ย..ช่วยด้วย” ในห้องท�ำงานของรปภ.หน้าโหดนั่น รปภ.เอา เครื่องเขียนออกจากกระเป๋าเสื้อผม แล้วตะคอกใส่ผม “พวกเธออยู่โรงเรียนอะไรกัน บ้านอยู่ไหน เอาเบอร์ มาเดี๋ยวนี้” ผมตื่นเต้นมาก สมองท�ำงานอย่างหนัก “ที่บ้านผมไม่มีโทรศัพท์” ผมโกหกไปน�้ำขุ่นๆ รปภ. โกรธจนควันออกหู “งั้นบ้านอยู่ไหน เอาที่อยู่มา” ผมกลัว ผมไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยถึง Ironside พ่อ ผมต้องเป็นบ้าแน่ถ้าต้องมีรถต�ำรวจไปที่บ้าน ผมเลย บอกที่อยู่บ้านป้าคนนึงของผมไป เขาเขียนลงไปบน กระดาษ ตะคอกใส่พวกเราอีกรอบแล้วก็ถีบส่งพวกเรา ออกไปจากร้าน หัวผมหมุนไปหมด ผมวิง่ ไปยังถนน Lime Street ร้านเครื่องเขียนนั่นต้องโทรไปโรงเรียนโรงเรียนก็ต้อง บอกพ่อและทุกอย่างก็จะจบ ผมต้องโดนกักบริเวณ ไม่ได้เล่นฟุตบอลไปอีกนาน โอ้ย !! ผมลงจากรถไฟที่ สถานี Huyton แต่ผมไม่กล้ากลับบ้าน พ่อต้องฆ่าผม แน่ที่ไปขโมยของ ผมเลยวิ่งไปที่บ้านป้า Lynn แทน ป้าให้ผมเข้าไป บอกให้ผมนั่งลงและฟังผมอธิบายเรื่อง ที่เกิดขึ้น “ป้าไปดูพ่อหน่อยได้มั้ยครับ” ผมอ้อนวอน “ขอร้องล่ะครับ ไปดูให้หน่อยว่าพ่อโอเคมั้ย” ป้า Lynn ไปที่ Ironside และอธิบายเรื่องให้ พ่อฟัง แต่ก็สายไป พ่อรู้เรื่องทั้งหมดที่ผมไปขโมยของ แล้ว ข่าวแย่ๆมันไปเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่งซะอีก ร้านได้ ไปที่โรงเรียนและโรงเรียนก็โทรบอกพ่ออีกทีนึง และ พ่อก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พ่อมาที่บ้านป้าเพื่อลากผม กลับบ้านและท�ำโทษผมซะยกใหญ่ พ่อมองหน้าผม ด้วยสายตาที่ท�ำให้ผมไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกเลย “ลูกท�ำท�ำไม ?” พ่อเริ่มตั้งค�ำถาม “ท�ำไมต้องขโมย ของ? ท�ำไมไม่จ่ายเงิน? ถ้าไม่มีเงินท�ำไมไม่ขอพ่อ แม่? บอกพ่อมาว่าท�ำไม? บ้านนี้ไม่มีลูกเป็นขโมย หรอกนะ เดี๋ยวลูกจะต้องโดนโรงเรียนท�ำโทษอีกแน่ The Reds - September 2013


89

September 2013 - The Reds


90

The Reds - September 2013


91

โรงเรียนรู้เรื่องแล้วและอยากรู้ว่าท�ำไมเหตุการณ์ อย่างนี้ถึงเกิดขึ้น” ตอนที่นั่งรถไฟกลับมาจาก Lime Street ผมนั่ง ทบทวนค�ำพูดของพ่อแล้วก็บอกพ่อว่า “พ่อครับ ถ้า โรงเรียนถามผม ผมจะบอกว่าผมแค่ต้องการเครื่อง เขียนส�ำหรับท�ำการบ้าน ผมท�ำเพื่องาน ผมไม่ได้ ขโมยขนมซะหน่อย แต่เป็นกระดาษกราฟตะหาก” พ่อหันมามองผมและพูดว่า “พ่อไม่รู้เรื่องด้วย หรอกนะ” แล้วพ่อก็พูดเรื่องที่ผมกลัวที่สุดขึ้นมา “ถ้า ลิเวอร์พูลรู้เรื่องละก็ ลูกจะต้องเจอปัญหาใหญ่แน่ๆ สตีเว่น ลูกว่า Steve Heighway จะคิดยังไงกับลูก ลูกท�ำเรื่องยุ่งไปหมดแล้ว ลูกอาจจะโดนถีบส่งออก มาเลยก็ได้” ค�ำพูดของพ่อแทงใจผมอย่างจัง ผมรู้สึกแย่มาก ผมรักพ่อ ผมเกลียดการที่จะท�ำให้พ่อผิดหวัง และผมก็ รักลิเวอร์พูล แค่คิดว่าลิเวอร์พูลไม่ต้องการผมแล้วมันก็ ค�ำให้ผมตัวสั่นไปหมด ฟุตบอลเป็นสิ่งเดียวที่ผมใฝ่ฝัน แล้วท�ำไมผมต้องไปขโมยของด้วยนะ?? พระเจ้า..นี่ผม ท�ำอะไรลงไป การขโมยของมันเป็นเรื่องงี่เง่าสิ้นดี ผม ก็มีเงินแล้วต่อให้ผมไม่มี ผมก็ท�ำการบ้านได้โดนไม่ต้อง ขโมยของเค้ามา พ่อกับแม่บอกผมและพี่เสมอว่า “ลูก ไม่จ�ำเป็นต้องขโมย หากลูกต้องการอะไร แม้ว่าจะ ต้องตะเกียดตะกายพ่อกับแม่ก็จะต้องพยายามหามา ให้ได้” ผมมันโง่จริงๆ ที่ไปขโมยของแบบนั้นและต้อง นี้ผมก็ต้องรับผลของมัน ตอนที่พ่อดุผม แม่ก็ยืนอยู่ที่หน้าประตูด้วย แม่ ต้องการให้พ่อท�ำให้ผมเข้าใจว่าสิ่งที่ผมท�ำมันร้ายแรง แค่ไหน แต่แม่ก็ยังให้ท้ายผมและคอยดูว่าผมจะไม่ได้ รับการลงโทษที่รุนแรงจนเกินไป ผมกับพี่เป็นลูกรัก ของแม่ แม่ปกป้องพวกเราเสมอมา บางทีถ้าแม่บ่น พวกผม ผมยังตอกกลับเลยว่า “โธ่แม่ครับ..พอเถอะ” แล้วก็แม่จะมักจะยอมเลิกราพร้อมกับรอยยิ้มข�ำๆ บน ใบหน้า ผมรู้ว่าแม่รักผม แม้ว่าผมจะกลายเป็นฆาตกร ก็ตามที แม่ผมใจอ่อนกว่าพ่อเสมอ เรื่องที่ผมไปขโมย ของนี่ท�ำเอาพ่อโกรธจนเลือดขึ้นหน้าแต่แม่ก็ยั้งพ่อไว้ ไม่ให้พ่อตีผม เด็กหลายคนที่ท�ำความผิดมากๆ เช่น สูบบุหรี่หรือขโมยของอาจจะถูกพ่อเฆี่ยนด้วยเข็มขัด เอาได้ แต่บทลงโทษที่ผมได้รับจากการไปขโมยของ September 2013 - The Reds


92

นั้นก็แย่ไม่แพ้กัน พอเรากลับถึงบ้าน พ่อสั่งให้ผมขึ้น ห้องและกักบริเวณผม 3 คืน แต่ส�ำหรับผมมันนานยัง กะซัก 6 เดือนเลย ในทางตรงกันข้าม ผมไม่เคยได้รับความเห็นใจ จากพี่ผมเลย พี่ผมหัวเราะท้องแข็งที่ผมต้องโดนขังอยู่ ในห้องอย่างนั้น พี่ผมมาเคาะประตูห้องและกระซิบ กับผม “นี่สตีวี่ พี่ก�ำลังจะเข้าไปในเมือง คงสนุกน่า ดู ไปด้วยกันเถอะน่า” ขอบคุณนะ พี่ยิ่งท�ำให้ผมแย่ หนักเข้าไปอีก “คอมพิวเตอร์อยู่ข้างล่างแน่ะ อยาก เล่นเกมส์กันมั้ย??” พี่ก็รู้ว่าผมออกไปไม่ได้ มันก็เป็น แค่มุขที่พี่แซวผมแต่มันท�ำให้ผมแทบบ้าตาย ผมได้ยิน เสี ย งพี่ วิ่ ง ออกจากบ้ า นและจั ด ที ม แข่ ง ฟุ ต บอลหน้ า บ้าน พี่ตะโกนชวนทุกคนมาเล่นด้วยเสียงอันดัง มันทร มานจริงๆ ผมได้ยินเสียงเกมส์ฟุตบอลที่ก�ำลังด�ำเนิน ไป ฟังไปน�้ำตาผมก็แทบไหลไปกับเสียงแห่งความ สนุนสนานนั่น ผมหนีจากเสียงเหล่านี้ไม่ได้ ห้องผมอยู่ ด้านหน้าของบ้าน เพื่อนๆก็ตะโกนขึ้นมา “สตีวี่ สนุก จริงๆ น่าเสียดายที่นายไม่ได้เล่นนะ นายต้องชอบ แน่ๆ” จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะตามมา นี่นะเพื่อนผม นี่นะพี่ชายผม พวกนั้นรู้อยู่แก่ใจว่าผมต้องได้ยิน และ รู้ว่าค�ำพูดพวกนั้นท�ำร้ายผมแค่ไหน เมื่อเสียงตะโกน แหย่ผมเงียบไป ผมก็ค่อยๆแอบโผล่หน้าดูเค้าเล่นกัน ผ่านหน้าต่างด้วยความอิจฉา มันเป็นความผิดของผม เองและผมสมควรที่จะต้องมาอยู่ในห้องขังไร้อิสรภาพ แบบนี้ ปกติผมเป็นเด็กสุภาพนะยิ่งเทียบกับมาตรฐาน ของเพื่อนผมแล้วด้วย พวกนั้นชอบขโมยของตามร้าน ค้าหรือโรงรถ แอบหยิบขนมหรือเครื่องดื่มไปหน้าตา เฉยเวลาที่ผมอยู่ด้วย ผมไม่เคยท�ำอะไรแบบนั้นแต่ผม ก็อยู่ด้วยอยู่ดี ผมเห็นเพื่อนหยิบบุหรี่ออกมาสูบตอน พักที่โรงเรียน พ่นควันใส่หน้าคนอื่นไปทั่ว พวกนั้น ไม่เคยสนใคร ตอนนี้บางคนในกลุ่มก็หมดอนาคตไป แล้ว แต่ตอนนั้นผมชอบที่จะได้อยู่กับคนพวกนี้ ความ จริงผมเกือบหลงผิดไปหลายครั้งแล้วด้วยสิ่งยวนใจ มากมายนั่น แต่พ่อก็ช่วยให้ผมกลับมาเป็นคนเดิมทุก ครั้ง หากปราศจากการแนะน�ำของพ่อแล้ว ผมคง ไม่มีทางมีวันนี้ได้เลย The Reds - September 2013


93

September 2013 - The Reds


94

The Reds - September 2013


95

September January 2016 2013 - The Reds


96

The Reds - January September20162013


97

หน้าผมบ่งบอกทุกอย่าง เควิน แคมป์เบลล์ โดนผมเข้าปะทะเต็มแรงในเกม เมอร์ซไ่ี ซด์ ดาร์บี้ ที่ แอนฟิลด์ ผมสมควรได้รบั ใบแดงจากผูต้ ดั สินไมค์ ไรลีย์ เกม นัน้ เราแพ้ 1-0 ผมออกจากแอนฟิลด์อย่างเจือ่ นๆ ต่อมาผมได้มาทานอาหารข้างนอก แล้วทายซิวา่ ผมเจอใครในห้องน�ำ้ ของ ร้านอาหาร ? เควิน แคมป์เบลล์ ไง ผมไปหาเขาและขอโทษเป็นการส่วนตัว เพราะ แน่นอนผมไม่ได้เจอเขาทันทีหลังจบเกม เขาอาจจะทำ�ให้มนั เป็นเรือ่ งยากสำ�หรับผม แต่จริงๆ แล้วเขาเยีย่ มมาก และเราก็จบั มือกันด้วย

Steven Gerrard

September January 2016 2013 - The Reds


98

T reatise

The Reds - January September20162013


99

September January 2016 2013 - The Reds


100

ลีดส์ ยูไนเต็ด หากกล่าวถึงทีมนี้ แฟนบอลใน ยุค 90 คงจะไม่มีใครที่ไม่รู้จัก และเช่นเดียวกันหาก กล่าวถึง แฮร์รี่ คีเวลล์ คงจะไม่มีใครที่จะไม่รู้จัก ปีก ซ้ายที่มีทักษะแพรวพราวเปี่ยมไปด้วยเทคนิค และ ความอันตรายสูงสุดในยุคนั้น ความรู้สึกในตอนนั้นใคร กันเล่าที่จะมาหยุดความร้ายกาจของนักเตะผู้นี้ ใช่ครับ.. คนๆ นั้นกลับเป็นเด็กสร้างของสโมสร ลิเวอร์พูล เด็กโนเนมคนหนึ่ง ที่มากับผมสั้นกริบบวก กับใบหน้าใสแจ๋ว ซึ่งในวันนั้นเขาลงมาในฐานะตัว ส�ำรอง และลงมาเล่นในต�ำแหน่งแบ็คขวา ด้วยความ หวั ง ของที ม และความคาดหมายของผู ้ จั ด การที ม ที่ จ ะใช้ ค วามขยั น ของเจ้ า หนู โ นเนมผู ้ นี้ ห ยุ ด ความ คล่องแคล่วของ คีเวลล์ ให้ได้ ในขณะที่แฟนบอลก็ ยังหวาดหวั่นและไม่แน่ใจ แต่ทว่าเจ้าหนูคนนั้นกลับ ไม่ท�ำให้แฟนบอลผิดหวัง เขาลงมาและหยุดความ มหัศจรรย์ของ คีเวลล์ ด้วยลูกขยัน การเข้าบอลหนัก ถึงลูกถึงคน ตามประกบติดแบบไม่ท้อถอย จนท�ำให้ ปีกซ้ายล�ำดับต้นๆ ของยุโรปในเวลานั้น ถึงกับท�ำอะไร ไม่เป็น และหายสาบสูญไปจากเกม เด็กโนเนมคนนั้นมีชื่อว่า “สตีเว่น เจอร์ราร์ด” กัปตันผู้ภักดีของสโมสรลิเวอร์พูล ------------------------------------------หากกล่าวถึง “สตีเว่น เจอร์ราร์ด” เหตุการณ์ที่ ผมนึกถึงเป็นล�ำดับแรกก็คือนัดที่พบกับ ลีด ยูไนเต็ดส์ ถึงจะจ�ำปี พศ. รวมถึงเวลาได้ไม่แน่ชัดก็ตามที แต่สิ่งที่ ผมจ�ำได้และไม่เคยลืมเลือนเลย คือ ความยอดเยี่ยม ของเจอร์ราร์ดในวันนั้น “สตีเว่น เจอร์ราร์ด” เป็นดั่งสัญลักษณ์ของ สโมสรลิเวอร์พูล นับตั้งแต่ก้าวแรกที่เขาลงสู่สนาม ด้วยการเปลี่ยนตัวลงไปแทน เวการ์ด เฮกเก้ม ในนาที สุดท้ายนัดที่พบกับแบล็กเบิร์น และจากการที่ เขาเข้ า ร่ ว มที ม เยาวชนของ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ 9 ขวบ จึงไม่มีข้อกังขาถึงเลือดสีแดง เลือดของความเป็นหงส์แดงเข้มข้นที่ไหลเวียนอยู่ใน ตัวเขาตลอดเวลา The Reds - September 2013


101

September 2013 - The Reds


102

The Reds - September 2013


103

ถึงแม้นั่นจะถือว่าเป็นสัญลักษณ์อย่างไม่เป็น ทางการก็ตามที เพราะเขาเริ่มจะเจิดจรัสทอแสงแห่ง ความเป็นผูน้ ำ� ก็หลังจากทีแ่ บกรับหน้าทีส่ ำ� คัญในปี 2003 เมื่อ เจอร์ราร์ด ได้รับแต่งตั้งจาก เชราร์ อุลลิเยร์ ให้ ท�ำหน้าที่ กัปตันทีมลิเวอร์พูล แทน ซามี ฮูเปีย และ การเข้ามาของ ราฟา เบนิเตซ ที่มีส่วนช่วยให้ เจอร์ ราร์ด เล่นได้หลากหลายมากขึ้นในเกมบุก หลังจาก ที่ก่อนหน้านี้ เขาจะโดดเด่นในเกมรับเป็นหลัก และ มีทีเด็ดจากลูกยิงไกลเท่านั้น การขยับขึ้นไปเล่นเกม รุกมากขึ้นท�ำให้เจอร์ราร์ดมีพัฒนาในการจ่ายบอลที่ เปี่ยมประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก ซึ่งผลงานที่ หลายคนจ�ำติดตา คงเป็นการประสานงานร่วมกันของ เจที คอนเนคชั่น (เจอร์ราร์ด + ตอร์เรส นั่นเอง) หากพูดถึง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ผมเชื่อว่าหลาย คนของมีเหตุการณ์ที่ประทับใจแตกต่างกันไป หลาก หลายความทรงจ�ำที่แตกต่างกัน เพราะกัปตันของ สโมสรลิเวอร์พูลคนนี้ ได้สร้างสิ่งส�ำคัญ สิ่งล�้ำค่า สิ่ง ที่น่าชื่นชมไว้อย่างมากมายจนยากที่จะกล่าวออกมา ให้หมดไปในนิตยสารเล่มเดียว ดังนั้นผมจึงขอกล่าว ถึงหนึ่งในเหตุการณ์ที่ส่งผลให้มีการวิพากย์วิจารณ์กัน อย่างมากมายในปีที่แล้ว คือเหตุการณ์ที่ เจอร์ราร์ด “ลื่น” ในนัดที่ลิเวอร์พูลก�ำลังมีลุ้นแชมป์ แต่กลับต้อง พ่ายให้กับ เชลซี 2-0 คาถิ่นแอนฟิลด์ เหตุการณ์นั้นท�ำให้แฟนๆ หลายทีม น�ำไปล้อ เลียน และ กล่าวขวัญถึงจนถึงทุกวันนี้ ทั้งในไทยและ ต่างประเทศ และผมเชื่อว่ามีแฟนลิเวอร์พูลไม่มากก็ น้อยที่โทษเจอร์ราร์ดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น ว่าเป็นอีกหนึ่งสาเหตุส�ำคัญที่ท�ำให้ทีมต้องพลาดการ ลุ้นแชมป์ในช่วงโค้งสุดท้าย (ณ เวลานั้น) ใช่ครับ มันอาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุ แต่คงไม่ ส่งผลส�ำคัญขนาดนั้นเนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ส่งผล ต่อทีมในเวลานั้นเช่นกัน ย้อนไปถึงวันที่ เจอร์ราร์ด ลื่น วินาทีนั้น สเตตัสที่ ผมน�ำขึ้นเฟซบุคคือ “ถึงเวลาที่ลูกทีมทุกคนต้องช่วย กันพยุงเจอร์ราร์ดขึ้นมา ในยามที่กัปตันล้มลงไป” ใน ฤดูกาลนัน้ ต้องยอมรับกันว่าเจอร์ราร์ดเป็นทัง้ แรงกระตุน้ ของทีมในยามที่ทีมล�ำบาก และเป็นตัวจักรส�ำคัญเช่น September 2013 - The Reds


104

กันที่น�ำทีมและแบกรับทีมขึ้นมาจนถึงจุดลุ้นแชมป์ใน ตอนนั้น ซึ่งมีทั้งส่วนดี และ ส่วนเสีย ส่วนดีที่ชัดเจนคือ การที่ เจอร์ราร์ด เป็นเด็กปั้น และเป็นสัญลักษณ์ของลิเวอร์พูล จึงท�ำให้สิ่งนั้นช่วย สร้างแรงกระตุ้นให้คนรอบข้าง ทั้งนักเตะในสนาม และ แฟนบอลรอบสนาม (ทั้งในและนอกสนาม) อยู่เสมอ ซึ่ ง ท� ำ ให้ ที ม มั ก มี เ หตุ ก ารณ์ ม หั ศ จรรย์ เ กิ ด ขึ้ น ได้ อ ยู ่ เสมอๆ เรียกได้ว่าเป็นพลังแฝงแบบลับๆ ของทีมก็ ย่อมได้ แล้วส่วนเสียของทีมล่ะ การที่ ลิเวอร์พูล มีผู้น�ำ แบบชัดเจนมานานมาก และยิ่งมาชัดเจนแบบสุดๆ ใน ยุคของเจอร์ราร์ด ท�ำให้หลายสิ่งหลายอย่างต้องแบก รับไว้ที่กัปตันคนเดียว ท�ำให้หลายครั้งหากทีมต้อง ประสบกับปัญหาที่ตัวผู้น�ำทีม และลูกทีมยังไม่แกร่ง เพียงพอที่จะช่วยพยุงหรือแบกรับร่วมกันได้ ย่อม ท�ำให้ทีมเสียศูนย์ได้เช่นกัน จากเหตุการณ์นั้น ต้องยอมรับว่า ทีมเสียศูนย์ไป พอสมควร และอาจจะเป็นผลไม่มากก็น้อยที่ต่อเนื่อง มาจนถึงในฤดูกาลปัจจุบนั ทีเ่ พิง่ จบลงไป ทัง้ ความกดดัน ความผิดพลาด ความคาดหวัง และหลายๆ สิ่งท�ำให้ ฟอร์มของทีมลิเวอร์พูลในฤดูกาลถัดมาไม่เป็นอย่าง ทีใ่ ครหลายคนคาดหมายไว้ “ว่ามันต้องดีกว่าเดิม” สิ่งที่ผมจะพูดถึงก็คือ ไม่ว่าทีมจะประสบพบกับ เหตุการณ์ใดมา เจอร์ราร์ด ก็ล้วนมีความส�ำคัญต่อทุก เหตุการณ์ และไม่ว่าทีมจะประสบความส�ำเร็จหรือล้ม เหลว เจอร์ราร์ด ก็ไม่เคยที่จะทิ้งทีมไป ทั้งสุขและทุกข์ เขาก็อยู่กับเราเสมอ แต่นับจากนี้แม้กัปตันจะออกจากทีมเราไปแล้ว และเป็นที่ชัดเจนว่าอีกไม่นานกัปตันผู้ภักดีของสโมสร ลิเวอร์พูลจะกลับมา อาจไม่ใช่ในฐานะนักเตะ อาจไม่ใช่ ในฐานะผู้บริหาร อาจไม่ใช่ในฐานะทีมงานสต๊าฟโค้ช หรือ ผู้จัดการทีม อาจไม่ใช่ในฐานะส�ำคัญใดๆ เลยในสโมสร แต่ ฐานะของเจอร์ราร์ดที่ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็จะยังคง เหมือนเดิมในหัวใจของเดอะค็อปทุกคน นัน่ ก็คอื “กัปตันผูภ้ กั ดีของสโมสรลิเวอร์พลู กัปตันสตีวจี่ ี กัปตันสตีเว่น เจอร์ราร์ด” The Reds - September 2013


105

September 2013 - The Reds


106

The Reds - January September20162013


107

September January 2016 2013 - The Reds


108

A rticle

The Reds - January September20162013


109

September January 2016 2013 - The Reds


110

The Reds - September 2013


111

อิสตันบูล ค�ำนี้ท�ำให้ผมยิ้มได้ และดึงเอาความ ทรงจ�ำ ความรุ่งโรจน์ ความส�ำเร็จที่เหลือเชื่อให้กลับ มาอีกครั้ง ความกดดันในการคว้าแชมป์ที่ ลิเวอร์พูล นั้น มีสูงมาก ตั้งแต่นาทีที่คุณเซ็นสัญญากับสโมสร คุณ ตระหนักถึงประวัติศาสตร์ และเมื่อคุณได้เล่นในทีมชุด ใหญ่ความกดดันก็ยิ่งหนักมากขึ้น ดังนั้นการได้มาถึง ถ้วยแชมป์ที่ใหญ่ที่สุดโดยที่ไม่มีใครคาดคิดก็เป็นเรื่อง ที่หนักตามไปด้วย คืนก่อนรอบชิงชนะเลิศผมนอนไม่หลับเลย ผม ตื่นเต้นถึงเกมส์ใหญ่และรอบไฟนอล ผมกังวลจนหลับ ไม่ลง และแม้แต่ช่วงบ่ายของวันแข่งผมก็นอนไม่หลับ เหมือนกัน ทุกวันนี้ผมสามารถงีบ 40 รอบได้อย่าง สบายหลังการฝึกซ้อม แต่ผมกลับมีอะไรต้องท�ำกับ ลูกๆ ทั้งสามแม้ว่าผมจะพยายามหลับให้ได้ก็ตาม ! ผลก็คือ ผมหาวและรู้สึกอ่อนเพลียตอนที่เรา ก�ำลังเตรียมพร้อมก่อนแข่ง มันใช้เวลาเพียงครู่เดียว เท่านั้นที่อะดรีนาลีนกลับมาพลุ่งพล่าน และทุกคนก็ เป็นเหมือนกัน เราเผลอหลับไปทั้งทีมเมื่อเกมเริ่มขึ้น แทนที่เราจะเพลิดเพลินไปกับความฝันของเรา เรา กลับพบว่าเราตกอยู่ในฝันร้ายตั้งแต่ต้น ------------------------------------------เอซีมิลานเป็นทีมทีแ่ ข็งแกร่งไปด้วยนักเตะเก่งๆ แต่เราเองก็ทำ� ให้พวกเขาดูวเิ ศษยิง่ ขึน้ ไปอีก เราเทียบ พวกเขาไม่ได้เลย เปาโล มัลดินี่ ยิงประตูได้ในนาทีแรก กาก้าอยู่ ในแผงมิดฟิลด์ ทีมอิตาเลี่ยนได้ประตูที่สองและสาม จาก เฮอร์นัน เครปโป ผมอับอายมากตอนเดินออก จากสนามในครึ่งแรก เราถูกฉีกหน้าในคืนส�ำคัญของ เรา มันเหมือนเกมที่ผู้ใหญ่เล่นกับเด็ก มีคนมากมายพูดถึงการพูดคุยกับทีมของราฟา ในช่วงพักครึ่งที่ อตาเติร์ก สเตเดี้ยม แต่มันไม่ได้มีอะไร ลึกลับเลยจริงๆ เขาพูดเรื่องการเล่นด้วยความภาค ภูมิ เขาพูดถึงแฟนๆ ที่ยอมจ่ายเงินมาอิสตันบูลและ มาสเตเดี้ยมนี้ เขากระตุ้นให้เรายังมีความเชื่อมั่น ‘มา ลองพยายามและท�ำประตูต่อไป’ เขาพูด ‘แล้วเรา จะได้เห็นกัน’ หลังจากนั้นเขาพูดถึงการเปลี่ยนแปลง September 2013 - The Reds


112

แทคติก เขาเปลี่ยน สตีฟ ฟินแน่น ที่มีปัญหาบาดเจ็บ ออกและให้ ดิดี้ ฮามันน์ เข้ามาแทน ราฟา ต้องการดัน ผมขึ้นสูงอีกนิดด้วย โดยส่วนตัว ผมคิดว่าเกมมันจบแล้ว และผม ภาวนาว่า ‘ได้โปรดอย่าให้เราต้องเสียไปถึงห้าหรือ หก-ศูนย์เลย’ ผมคิด ผมอธิบายไม่ได้จริงๆ ว่าต่อมาเกิดอะไรขึ้น ท�ำไม เกมตรงหน้าเรามันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ใช่.. เรามีความสามัคคีและสปิริต แทคติกของราฟา ก็ได้ ผล แต่คุณควรถาม เอซี มิลาน ว่าท�ำไมจู่ๆ พวกเขาถึง เล่นได้แย่ขนาดนั้น ท�ำไมหกนาทีแรกของครึ่งหลังถึง เปิดกว้าง อ่อนแอ และดูเหน็ดเหนื่อย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า พวกเขาเปรียบได้กับราชสีห์ มันไม่เหมือนว่าเราก�ำลัง เล่นอยู่กับทีมเดิมเลย เราก็แตกต่างไปเช่นกัน ผมท�ำประตูได้ ลูกที่ผม โหม่งเข้าไปที่มุมสามเหลี่ยมผ่านดิด้าจากลูกครอสของ ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ นั้นเป็นลูกที่ส�ำคัญที่สุดในอาชีพค้า แข้งของผมอย่างไม่ต้องสงสัย มันท�ำให้เราตั้งหลักได้ และสิ่งที่ส�ำคัญคือท�ำให้เราเริ่มมีความหวัง จากห้องแต่งตัวช่วงพักครึ่งเวลา เราทุกคนได้ยิน เพลง ‘You’ll never walk alone’ ดังก้องอารีน่า เสียงจากสแตนด์ท�ำให้เชื่อมั่นมากขึ้น เราจะท�ำได้มั้ย ? เมื่อ วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์ ยิงประตูได้หลังจากนั้น มิลาน บารอส ถูกวิจารณ์บ่อยๆ เรื่องไม่ค่อยมี เซ้นส์รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสนาม แต่การจับบอลของ เขาระหว่างที่เราไล่ตีเสมอนั้นยอดเยี่ยมมาก ตอนที่ เราได้จุดโทษ ซาบี้ อลอนโซ่ เป็นคนขึ้นมารอที่จุดยิง และแม้ว่า ดิด้า จะเซฟได้ในตอนแรก เขาก็ยิงซ�้ำจนได้ ประตู มันสุดยอดเลย ทันทีที่สกอร์ไลน์ขึ้นเป็น 3-3 ผม คิดว่า ‘จุดโทษ มายิงจุดโทษตัดสินกันเลย’ เจมี่ คาร์ราเกอร์ รับงานหนักมากในแผงหลัง เขาขัดขวางมิลานหลายต่อหลายครั้งจนตะคริวขึ้นขา และจากนั้นก็ เจอร์ซี่ ดูเด็ค คุยกับเขาทุกวันนี้ เขาก็ยังไม่รู้เลยว่าเขาจัดการ เซฟลูกโหม่งที่น่าจะเป็นประตูจาก อังเดร เชฟเชนโก้ ได้ยังไง ใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อของ เชฟเชนโก้ หลัง จากนั้นเป็นอะไรที่ล�้ำค่ามาก The Reds - September 2013


113

September 2013 - The Reds


114

The Reds - September 2013


115

วินาทีนั้น มิลานน่าจะคิดแล้วว่านี่มันอาจจะ ไม่ใช่คนื ของพวกเขา และขาดความมัน่ ใจอย่างชัดเจน ในช่วงยิงจุดโทษ ดิดี้, วลาดี้ และ ฌิบริล ซิสเซ่ ยิงประตูให้เรา และแม้ว่าลูกของ รีเซ่ จะไม่เข้า แต่ตอนนั้น มิลาน จะ พลาดไม่ได้อีกแล้วจากลูกยิงระยะ 12 หลา เมื่อ เชฟเชนโก้ ก้าวเข้ามารับหน้าที่ยิงจุดโทษ มิลาน ต้องยิงให้เข้าเพื่อให้แน่ใจว่าผมจะเป็นคนต่อ ไปที่รับหน้าที่ยิงจุดโทษ นั่นคือสิ่งที่ผมคิด ผมก�ำลัง เตรียมตัวมากกว่าดูว่าเกิดอะไรขึ้น... ในสถานการณ์ กดดันอย่างนั้น สิ่งสุดท้ายที่ผมคิดคือ เชฟเชนโก้ จะ ยิงจุดโทษเข้าแน่ๆ ดังนั้นเมื่อ เจอร์ซี่ ถลาออกมาจากจุดเซฟ มัน เป็นชั่ววินาทีเดียวก่อนที่ผมจะรู้ว่าผมไม่ต้องยิงจุดโทษ แล้ว และเราคว้า แชมป์ ใน แชมป์เปี้ยนส์ ลีก เป็น สมัยที่ห้า เมื่อความจริงเข้าชนผม ผมพยายามวิ่งไล่ตาม คาร์รา วิ่งไปดีใจกับเพื่อนๆ และแฟนๆ ของเรา การเฉลิมฉลองมีไปจนถึงเช้าวันใหม่ ไม่มีเวลาให้ หลับนอน ทุกคนเอาแต่คุยถึงเรื่องที่เราเพิ่งท�ำได้ ความ โล่งอกและความเบาใจเป็นความรู้สึกของผม หลังจาก นั้ น ผมก็ รู ้ สึ ก เพลี ย และเหนื่ อ ยส� ำ หรั บ วั น ที่ ย าวนาน เพราะความกดดันที่ก่อตัวขึ้นในเกม แต่การมี ‘แชมป์ ในศึกแชมป์เปี้ยนส์ ลีก’ อยู่ในประวัติของผมสิ ไม่มี อะไรดีไปกว่านี้แล้ว ถ้วยแชมป์ที่เราได้วางโชว์อยู่ในฝ่ายต้อนรับ ของสนามซ้อม และผมก็เดินผ่านมันอยู่ทุกวัน เมื่อ ผมเห็นมัน หรือเมื่อผมได้ดูเกม แชมป์เปี้ยนส์ ลีก ที่ บ้าน ช่วงเวลาในแมตซ์นั้นกับ เอซี มิลาน ก็จะมาอยู่ ในใจเสมอ ผมไม่ได้หมกมุ่นกับมันเกินไปนะ ผมไม่มี วันลืมคืนนั้น แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกสดใหม่แล้ว ทุกวัน นี้ผมคิดว่าผมจะสามารถคว้าแชมป์อะไรได้อีกก่อน ที่ผมจะแขวนสตั๊ด ถ้วยใบไหนที่ผมสามารถชูมันได้ เหนือหัวก่อนที่วันนั้นจะมาถึง ------------------------------------------September 2013 - The Reds


116

ผมเคยทำ�ประตูได้ดกี ว่านี้ และยิงประตูทตี่ รึงตราตรึงใจมาก กว่านี้ แต่นเี่ ป็นการทำ�ประตูทสำี่ �คัญทีส่ ดุ ในอาชีพค้าแข้งของผม อย่างไม่ตอ้ งสงสัย มันทำ�ให้เรามีความเชือ่ มัน่ กลับมาอีกนิดนึง แต่ผมก็ยงั ไม่คดิ ว่ามันจะทำ�ให้เกิดการต่อสูแ้ บบถวายหัวกลับ มาในตอนหลัง ผมได้เช็คพืน้ ทีว่ งิ่ ก่อนเพราะลูกครอสแรกของยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ ถูกบล็อค จากนัน้ ผมก็เดิมพันด้วยการวิง่ เข้าสูก่ รอบเขต โทษอีกครัง้ มันเป็นประตูทนี่ า่ แปลกใจ เมือ่ คุณได้เห็นในรูป คือระยะ ช่องว่างทีผ ่ มอยูร่ ะหว่าง ยาป สตัม และ อเลสซานโดร เนสต้า ซึง่ เป็นกองหลังทีด่ ที สี่ ดุ ในโลกตอนนัน้ การได้โหม่งระหว่างพวกเขาในเกมสำ�คัญอย่างนี้เป็นสิ่ง พิเศษสำ�หรับผม ผมโหม่งโดยสัญชาตญาณและเน้นทิศทางมากกว่า ความแรง เพราะลูกครอสทีส่ ง่ มานัน้ ดีอยูแ่ ล้ว

Steven Gerrard

The Reds - January September20162013


117

September January 2016 2013 - The Reds


118

A rticle

The Reds - January September20162013


119

September January 2016 2013 - The Reds


120

เฟอร์นานโด้ ตอร์เรส ย้ายมาจากแอตเลติโก้ มาดริด ด้วยค่าตัว 20.5 ล้านปอนด์ ในช่วงซัมเมอร์ ปี 2007 ------------------------------------------ตอนแรก เจอร์ราร์ด คิดว่าดีล ตอร์เรส นี่ไม่ เวิร์ค คือไม่คิดว่า ตอร์เรส จะปรับตัวให้เข้ากับพรีเมียร์ ลีกได้ และคิดด้วยว่านี่มันเป็นดีลที่ผิดพลาดและแพง เกินเหตุ แต่บังเอิญตอนทั้งคู่เจอกันครั้งแรกในสนาม ซ้อม ด้วยทักษะ การเคลื่อนไหวของ ตอร์เรส ก็ท�ำให้ เจอร์ราร์ด คิดไปถึง ไมเคิล โอเว่น เจอร์ราร์ด คิดได้ในทันที ว่าเคยเข้าขาและชอบ เล่นกับ โอเว่น แค่ไหน ในวินาทีนั้น เจอร์ราร์ด บอก ว่า ความคิดอคติติดลบที่เขามีต่อตอร์เรสในตอนแรก นั่นช่างงี่เง่า ตอร์เรส พิสูจน์ตัวเองได้อย่างรวดเร็ว และท�ำ ให้ เจอร์ราร์ด คิดว่าคนนี้แหละเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม ที่สุดที่เคยเล่นด้วย ถึงขนาดสร้างความมั่นใจให้กัปตัน ว่าลงสนามครั้งใด อะไรๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น แค่มี ตอร์เรส อยู่ด้วยเท่านั้นเอง “ตอร์เรสเหมือนไมเคิล แต่ทรงพลังกว่า บาง ครั้งถ้าคุณเล่นบอลยากให้ ไมเคิล กองหลังฝ่ายตรง ข้ามจะเป็นงานหนักไปส�ำหรับเขาและอาจจะโดน แย่งบอลไปได้ แต่ถ้าเป็นตอร์เรส เขาจะเล่นบอลให้ สถานการณ์นั้นดูดีขึ้นมา นั่นแหละคือพลังและความ แข็งแกร่งของเขา เขาเป็นฝันร้ายของบรรดากอง หลังแต่เป็นฝันดีส�ำหรับผม ผมเคยนั่งข้างเขาในห้อง แต่งตัวเพราะล็อคของเราอยู่ข้างกัน - เบอร์ 8 และ เบอร์ 9 - และคุยกันเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ” “ผมคงไม่พูดว่าเราสนิทกันมาก ตอร์เรส ค่อน ข้างเป็นคนเงียบๆ แม้จะผิดถ้าเรียกเขาว่าพวกสันโดษ เขาเป็นกันเองกับนักเตะจากสเปนในทีมของเราอย่าง เปเป้, ซาบี้, อัลบาโร่ อาร์เบลัว และพวกอเมริกาใต้ อย่าง ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ...” The Reds - September 2013


121

September 2013 - The Reds


122

The Reds - September 2013


123

ต่อมา ตอร์เรส อยากย้ายครับพี่น้อง เจอร์ราร์ด บอก เห็นกันชัดๆ เลยว่าเขาไม่แฮปปี้ที่ ลิเวอร์พูล อีก แล้ว ตอนเขาย้ายออกในปี 2011 เป็นอะไรที่ท�ำให้ เจ อร์ราร์ด เจ็บปวด “นักเตะทุกคนมีสิทธิ์ท�ำอย่างที่พวกเขาต้องการ ในเส้นทางค้าแข้งของตัวเอง ผมไม่ได้เป็นเจ้าของเส้น ทางอาชีพของใคร และผมไม่สามารถตัดสินใจแทน พวกเขาได้ คุณท�ำได้แค่เสียใจกับตัวเองและแฟน ๆ ที่ เทิดทูนเขา คุณจะสงสัยว่าสโมสรจะไปในทิศทางไหน ถ้านักเตะที่ดีที่สุดต้องการย้ายออก ...” สรุปตอร์เรสหักอกเจอร์ราร์ด สะบัดตูดไปหา เชลซีพร้อมทิ้งค่าตัวไว้ให้ 50 ล้านปอนด์ (เอาไปซื้อ หลุยส์ ซัวเรส จากอาแจ๊กซ์มา 22 ล้านปอนด์) “ตอร์เรส มาหาผมก่อนวันซื้อขาย เขาพูดว่า เขาต้องการย้ายออกและสถานการณ์ของสโมสรเองก็ ไม่ดี ‘ฟังนะ’ ผมพูด ‘นายต้องเข้าใจว่านายเป็นท้อ ปเพลเยอร์และพวกเขาก็ไม่อยากปล่อยนายไป’ แต่ ค�ำพูดผมไม่ส�ำคัญเลย เขาขอร้องให้ผมช่วยไปพูดกับ ผู้จัดการทีม เคนนี่ ดัลกลิช แทนเขาได้หรือเปล่า นั่น ท�ำให้ผมตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากล�ำบาก เพราะผม ไม่อยากช่วย เฟอร์นานโด้ ผมไม่อยากบอกผู้จัดการ ทีมว่านักเตะคนเก่งของเราอยากย้ายออก ตอนนั้นผม อยากให้ดีลนี้ล้มเหลว ผมอยากให้ เชลซี เลิกสนใจเขา และอยากให้ความตั้งใจของตอร์เรสมอดไหม้ไป” “เฟอร์นานโด้ บอกกับ เคนนี่ ด้วยตัวเอง แต่ สโมสรยังไม่อ่อนข้อเขาจึงมาขอให้ผมช่วยพูดอีกครั้ง ผมไปบอกเคนนี่ว่าเขาไม่แฮปปี้แล้วและเดินออกมา ทันที นัน่ เป็นหน้าทีก่ ปั ตันทีไ่ ม่มใี ครเห็นและผมไม่อยาก เจอเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้ว คุณไม่ต้องการให้นักเตะ ที่ดีที่สุดมาหาคุณแล้วพูดว่า ‘ผมพอละ ผมอยากย้าย ไปสโมสรอื่น และผมต้องการย้ายไปหาหนึ่งในคู่แข่ง ตัวเป้งของคุณ’” “เมื่อ เฟอร์นานโด้ มาหาผมและพูดว่าเขา ต้องการย้ายออก มันเหมือนโดนมีดกรีดหัวใจ” ------------------------------------------September 2013 - The Reds


124

The Reds - January September20162013


125

September January 2016 2013 - The Reds


126

The Reds - September 2013


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.