The reds magazine 9

Page 1

1

September 2013 - The Reds


2

The Reds - September 2013


3

คงต้องลุ้นกันยาวๆ รวมถึงคงต้องลุ้นกันจนหยดสุดท้ายจริงๆ ส�ำหรับผลงานของทีม รักในฤดูกาลนี้ และนี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลแห่งความทรงจ�ำให้กับหลายๆ คน แม้ท้าย ที่สุด ลิเวอร์พูล ของพวกเราจะถึงฝั่งฝันหรือไม่ก็ตามที ยังคงเหลืออีกนัดก่อนฤดูกาลนี้จะสิ้นสุด ไม่ว่าอย่างไร จะแชมป์หรือไม่ เหล่า เดอะ คอป ทัง้ ผองก็สมควรฉลองกันอย่างเต็มที่ เรามีเทศกาลและมีบริบทแห่งการฉลองมากมายจริงๆ ส�ำหรับ ฤดูกาลที่แสนมหัศจรรย์และน่าตื่นเต้น ไม่ว่าจะเป็นการฉลองส�ำหรับฤดูกาลที่เราสามารถเอา ชนะทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งไปและกลับ, การฉลองส�ำหรับการมีอันดับสูงกว่า ยูไนเต็ด เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล, การฉลองส�ำหรับการกลับสู่ เส้นทางสายแชมป์เปี้ยน ลีค ที่ห่างหาย ไปนาน และการฉลองส�ำหรับการมีความสุขทั้งปี ส�ำหรับฤดูกาลหน้า ที่เราจะเห็น ยูไนเต็ด อด แข่ง UCL เรียกได้ว่า งานนี้ ทบต้นทบดอกกันในม้วนเดียวกันไปเลย ยังคงล่าช้ากว่าที่คิดออกไปเยอะ จากหลากหลายสาเหตุ แต่ทางทีมงานจะพยายามอย่าง ยิ่งที่จะเอากลับมาให้อยู่ในก�ำหนดการเดิม เวลาเดิมๆ ขณะเดียวกัน The Reds Magazine เอง ก็ดูเหมือนจะมีอีกหลายโครงการที่อาจผุดขึ้นมาในระยะเวลาอันใกล้ ทั้งหนังสือที่อาจผลิต ออกมาเป็นกระดาษ ส�ำหรับให้นักสะสมเก็บโดยเฉพาะให้เหล่าสมาชิกที่ต้องการในจ�ำนวน จ�ำกัด หรือ การจ�ำหน่ายเสื้อของ The Reds Magazine โดยรายได้บางส่วนจะน�ำไปร่วม ท�ำบุญ กับกลุ่มเดอะ คอป บางกลุ่ม และ อีก 2-3 โครงการ ก่อนโอกาสครบรอบ 1 ปี ก็นะ นี่ก็ 9 เดือนมาแล้ว ที่เรายืนอยู่และยังเดินไปด้วยกันอย่างไม่เคยเดียวดาย ชีวิตและเรื่องราวล้วนไม่มีอะไร แน่นอน การิน ธนะอมรทัต บรรณาธิการ September 2013 - The Reds


4

The Reds - September 2013


5

September 2013 - The Reds


6

T his is Anfield

The Reds - September 2013


7

September 2013 - The Reds


8

Liverpool ในฤดูกาลนี้ ไม่มีข้อลังเลใจเลยว่า มี นักเตะที่โดดเด่นและก้าวขึ้นมาสร้างผลงาน “ฮีโร่” ได้ “ถูกที่ถูกเวลา” กันหลายๆ คนในฤดูกาลนี้ แน่นอน หลายๆ คนต่างนึกไปถึง Luis Suarez, Daniel Sturridge และ Steven Gerrard ที่ได้รับเสียงปรบ มือกันทุกๆ สัปดาห์อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว The Reds - September 2013

ในขณะที่ Suarez น่าที่จะได้รับรางวัลใหญ่ตอน จบฤดูกาล ทั้งในและนอก Anfield แต่ก็ยังมีขุมก�ำลัง และฮีโร่อื่นๆ ที่เป็นกุญแจส�ำคัญให้ทีมทะยานฟ้าได้ ขนาดนี้ Jordan Henderson นัน้ เรียกได้วา่ ชนะใจแฟน บอลและนักวิจารณ์หลายๆ ส�ำนักได้หมด หลังจากที่


9

ก่อนหน้ า นี้ ห นึ่ งหรือสองฤดูกาลยัง เป็นแค่นักเตะที่ เรียกได้ว่า “แพะ” อยู่เลย ในขณะที่ Raheem Sterling ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเขานั้นมีศักยภาพเพียง พอที่จะเป็นนักเตะก�ำลังส�ำคัญของสโมสรและทีมชาติ ในอนาคตได้ แต่ ก็ ยั ง มี นั ก เตะอี ก มากมายหลายคนที่ ส ร้ า ง

ผลงานช่วยเหลือทีมได้ ใน “วันเทพไม่มาก” ซึ่งก็คือ Martin Skrtel ที่นอกจากจะเป็นที่พึ่งในแนวรับที่ ไว้ใจได้มากที่สุดแล้ว ณ ชั่วโมงนี้ แต่ก็ยังขึ้นมาท�ำ ประตูได้อย่างมากมาย กล่าวคือ ยิงได้มากกว่ากอง หน้าราคา 50 กว่าล้านปอนด์บางคนที่ย้ายออกไปด้วย ซ�้ำ ในขณะที่ Simon Mignolet ก็มีฤดูกาลแรกที่น่า September 2013 - The Reds


10

The Reds - September 2013


11

จดจ�ำเช่นกันในการยืนเฝ้าเสาให้กับ Liverpool บทความนี้ขอเลือกเขียนถึงนักเตะสามคน ที่ เป็นตัวจักรส�ำคัญให้กับฤดูกาลนี้ของหงส์แดง แต่ไม่ ค่อยได้รับเสียงชมเชยมากเท่าที่ควร มีหลายคนคาดหวังจาก Philippe Coutinho อย่างมาก หลังจากที่สร้างปรากฎการณ์ได้ทันทีทันใด หลังจากย้ายมาจาก Inter Milan ได้ไม่นาน แต่ เ ปิ ด ฤดู ก าลใหม่ ม าได้ ไ ม่ เ ท่ า ไหร่ ก็ เจ็ บ ซะ งั้น - ตัว Coutinho นั้นพอช่วงเปลี่ยนปี ก็กลายเป็น เหมือนตัวแห่งโชคชะตาของ Brendan Rodgers ดาวเตะชาว Brazilian รายนี้แม้จะยิงไปเพียง แค่ 5 ประตูเท่านั้น แต่ 5 ประตูทีว่า หากวิเคราะห์ อย่างถี่ถ้วนแล้ว เป็นประตูที่ส�ำคัญอย่างยิ่งยวดทั้งนั้น. Coutinho ยิงใส่ทมี คูแ่ ค้นร่วมเมืองอย่าง Everton และยิงทีมผู้แย่งชิงพื้นที่ Champions League อย่าง Tottenham สองประตูจากทีมแย่งแชมป์อย่าง Manchester City และอีกหนึ่งประตูที่ส�ำคัญมากๆ ก็คือ ประตูตีเสมอ ในเกมที่เฉือนชนะ Fulham 3-2 ประตูที่ 5 ของ Coutinho ที่น่าจะเป็นประตู ที่ส�ำคัญที่สุดของประวัติศาสตร์หงส์มากๆ เพราะคือ ประตูที่ ยิง Manchester City ได้ในนาทีที่ 78 ใน ขณะที่ทีมก�ำลังแย่โดนไล่ตีเสมอ 2-2 ประตูนี้ท�ำให้ลูก ทีมของ Rodgers ก้าวขึ้นมาเป็นต่อในการลุ้นแชมป์ ครั้งนี้ พูดง่ายๆ คือเป็นครั้งแรกในรอบ 24 ปี ที่พวก เขาได้ควบคุมชะตาในการลุ้นแชมป์ของตัวเอง โดยไม่ ต้องยืมจมูกทีมอื่นหายใจ มีสิ่งที่หนึ่งที่แฟนบอลและนักวิจารณ์อาจจะไม่ ทันสังเกตเห็นก็คือ พัฒนาการในการเล่นเกมรับของ ดาวเตะ Brazilian รายนี้ กองกลางจอมพลิ้วรายนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้ง ในเกมกับ Manchester City การไม่กลัวที่จะลุยกับ ใคร นั้นเป็นอย่างไร เราได้เห็นเขาบู๊กับ Yaya Toure แบบไม่กลัวเจ็บถึงสองครั้งสองครา ฤดูกาลนี้เขาดูเหมือนจะไม่สมบูรณ์แบบ และ นักเตะหมายเลข 10 รายนี้มักจะต้องเป็นผู้เสียสละ เมื่อ Rodgers เปลี่ยนแผนและรูปแบบการเล่น บาง ครั้งต้องเปลี่ยนออกเพื่อหลีกทางให้ Joe Allen หรือ Lucas September 2013 - The Reds


12

นอกเหนือจากสิง่ นี้ เราไม่สามารถมองข้ามบทบาท ที่ส�ำคัญอย่างยิ่งยวดของ Coutinho ที่ช่วยให้หงส์แดง ก้าวขึ้นไปสู่ต�ำแหน่งจ่าฝูงของ Barclays Premier League หากประตูเดียวจะท�ำให้ใครซักคนกลายเป็น ต�ำนานใน Anfield ได้, ประตูที่ Coutinho ยิงผ่านมือ Joe Hart เข้าไปลูกนั้น ก็อาจจะท�ำให้เขากลายเป็น The Reds - September 2013

ต�ำนานได้เช่นกัน ครับแล้วก็เช่นกัน หากไม่มี Simon Mignolet หงส์แ ดงอาจจะมาไม่ถึงการลุ้นแชมป์ใ นช่วงโค้ง สุดท้ายแบบนี้ ลูกเซฟจุดโทษก่อนหมดเวลา ของ Mignolet ที่ Jonathan Walters ยิงในวันเปิดฤดูกาล เหมือนเป็น


13

ตัวผลักดันให้การผจญภัยของนายประตูชาว Belgian กับหงส์แดงเริ่มขึ้นอย่างสวยงาม ในขณะที่หงส์แดงน�ำ Stoke City แค่ประตู เดียว แต่นายประตูคนนี้ช่วยเซฟ 3 แต้มให้กับทีมได้ที่ Anfield ชายผู้มาจาก Sunderland รายนี้เซฟลูกส�ำคัญ

ได้อย่างมากมายในสามเกมแรกของฤดูกาล (ชนะ 1-0 ทั้งสามเกม) การเซฟระดับโลก ด้วยการหยุดลูกยิงของ Christian Benteke ในเกมกับ Aston Villa ลูกยิง ของ Nani ในเกมกับ Manchester United ท�ำให้ หงส์แดงเริ่มต้นฤดูกาลด้วยการรักษา clean sheets ได้สามเกมรวด September 2013 - The Reds


14

The Reds - September 2013


15

ถึงแม้ว่าจะเทพมาตลอด แต่ก็มีความผิดพลาด ชัดเจนเช่นกัน เช่นความผิดพลาดเสียประตูให้กบั Samuel Eto’o และ Alvaro Negredo ในช่วงเทศกาลที่ท�ำ ให้ทีมแพ้ต่อ Chelsea และ Manchester City กระนั้นเขาก็ช่วยเซฟแต้มให้กับทีมมาหลายต่อ หลายเกมในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะเกมเดือนพฤศจิกายน ที่เสมอกับ Everton 3-3 ซึ่ง Mignolet เซฟแล้ว เซฟเล่า ปฏิเสธลูกยิงของ Romelu Lukaku อย่าง มากมาย กว่าจะได้ Daniel Sturridge มาช่วยตีเสมอ ให้ในช่วงท้ายเกม ไม่งั้นแพ้ขาดไปแล้ว การเล่นลูกเท้าของ Mignolet หลายต่อหลาย ครั้งสร้างความกังวล แต่ศักยภาพในการเซฟลูกยิงของ เขา ทั้งในและนอกเขตโทษ รวมไปถึงการเหินตัดลูก บอลเข้ากลางมาซุกไว้ในอกตัวเอง น่าจะเป็นที่เข้าใจได้ ว่าท�ำไม Rodgers ถึงเลือกอ๊อฟโหลด Pepe Reina แล้วใช้นายประตูชาว Belgian รายนี้แทน ถึงแม้ว่าฤดูกาลนี้หงส์แดงจะเสียประตูมากมาย แต่ก็คงไม่สามารถจะไปดิสเครดิตฝีมือของ Mignolet ได้ในฤดูกาลแรกของเขาที่นี่ ที่ Anfield ทีม Liverpool ดูเหมือนเป็นทีมที่รุกไว้ก่อน รับไว้ทีหลัง และ หากใครซักคนเป็นเหยื่อกับปรัชญาทางฟุตบอลแบบนี้ ก็คือนายประตูคนนี้แหล่ะ หากจบฤดูกาลนี้ แล้วเขาได้เหรียญชนะเลิศ Premier League มาคล้องคอ เสียแค่ไหนก็คงไม่ใช่ ปัญหาแล้วล่ะ Mignolet จะรู้สึกตัวเองเหมือนอยู่ บ้าน ที่เรียกว่า Anfield, และเล่นให้กับทีมที่ยิ่งใหญ่ ที่สุดทีมหนึ่ง ซึ่งเขาก็คือก�ำลังส�ำคัญนั่นเอง ฤดูกาล 2013/14 เริ่มต้นไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่ ส�ำหรับ Martin Skrtel เพราะต้องสูญเสียต�ำแหน่ง ของตัวเองให้กับ Kolo Toure และ Daniel Agger. แต่โอกาสก็มาเยือนเมือ่ Toure เกิดอาการบาดเจ็บ เร็วตั้งแต่ต้นฤดูกาล ท�ำให้ Skrtel ถูกเรียกมาประจ�ำ การ และปราการหลังชาว Slovakian ก็เริ่มต้นได้ดี ด้วยการเป็น man of the match ทันทีในเกมที่ ชนะ Manchester United 1-0 นับตั้งแต่วันนั้น back four ก็มีการเปลี่ยนแปลง มากมาย แต่ Skrtel หนึ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยน ถึงแม้ว่าเขา จะมีการท�ำเข้าประตูตัวเองช่วงแรกๆ แต่ดูแล้วไม่ใช่ September 2013 - The Reds


16

ความผิดของเขาเสียทีเดียว และในช่วง 10 นัดซ้อน ที่ชนะติดๆ กันมา เขาคือ “ต้าอ๋อง” ในแนวรับเลยที เดียว แม้ว่า back four จะโดนวิจารณ์อย่างมากมาย หลายต่อหลายครั้ง แต่ Skrtel ก็มาช่วยทีมท�ำประตู ได้อย่างมากมาย ไม่ต้อง งง ปราการหลังรายนี้โขกไป แล้ว 7 ลูกในฤดูกาลนี้ และที่เหมือนกับ Coutinho ก็ คือ การโขกท�ำประตูในเกมใหญ่ๆ สี่ประตูใน 7 ของ Skrtel เป็นการท�ำได้ต่อทีม ที่แย่งแชมป์ ปรการหลังรายนี้โขกไปสองใน 20 นาที ของเกมที่ถล่ม Arsenal ไป 5-1 และมาโขกได้ในเกม กับ Chelsea และ Manchester City ในความเป็นจริงก็คือ Skrtel ท�ำประตูทีมที่แย่ง แชมป์กับ Liverpool ได้มากกว่า Luis Suarez เสีย อีก ในช่วงที่ Liverpool ชนะติดๆ กัน เราได้เห็น ความเป็นผู้น�ำของ Skrtel ที่เป็นศักยภาพที่สมควรมี ในการลุ้นแชมป์โดยเฉพาะกับช่วงโค้งสุดท้ายแบบนี้ เขาได้ก้าวจากตัวเลือกรอง มาเป็นปราการหลัง มือหนึ่งของ Liverpool ไปแล้ว และเขาก็ทุ่มเทแบบ สุดลิ่มทิ่มประตูทุกๆ ครั้งที่สวมใส่ชุดหงส์แดงลงสนาม ในขณะที่ Toure, Agger, Glen Johnson, MamadouSakho, Jose Enrique และ Aly Cissokho ต่างได้ลงบ้างไม่ได้ลงบ้างเพราะฟอร์มที่แย่ หรือบาดเจ็บ ตัว Skrtel ได้เป็นตัวจริงมา 32 นัด ติดต่อกันแล้ว และดูแข็งแกร่งมากๆ ตั้งแต่ช่วงปีใหม่ เป็นต้นมา ปราการหลังชาว Slovakian, Gerrard และ Agger ต่างผ่านช่วงเวลาที่ดีและแย่ในถิ่น Anfield มาแล้วทั้งนั้น และมีหลายต่อหลายครั้งที่เขาเหมือน จะต้องหาทีมใหม่ เพราะมีการดึงเซ็นเตอร์ใหม่เข้า มามากมาย กระนั้น Skrtel ก็ยังยืนผงาดพร้อมฉก เหรียญชนะเลิศ Premier League มาคล้องคอตัว เองให้ได้ หลังจากที่ตลอด 6 ปี ครึ่ง เขาได้คล้อง ได้ สวมแค่เหรียญ Carling Cup เท่านั้น ในถิ่น Anfield, เหรียญชนะเลิศ Premier League เหรียญนี้หากทีม เราท�ำได้ มันคู่ควรกับเขาที่สุดมากยิ่งกว่าใครๆ ---------------------------------The Reds - September 2013


17

September 2013 - The Reds


18

T reatise

The Reds - September 2013


19

September 2013 - The Reds


20

ช่วงเวลาและโมเมนตัมทุกๆ อย่างเหมือนจะเข้า ทางสู่มุมของ the Kop, Steven Gerrard กระตุ้น เตือนทีม Liverpool ทั้งทีมให้จดจ�ำไว้อย่าได้ลืมว่า พวกเขายั ง คงมี ค วามรั บ ผิ ด ชอบที่ ส� ำ คั ญ อย่ า งใหญ่ หลวงในช่วงโค้งสุดท้ายที่ส�ำคัญอย่างยิ่งยวดในชีวิตนัก ฟุตบอล แบนเนอร์ที่แขนอยู่ด้านหลัง Simon Mignolet อันมีข้อความว่า “Make Us Dream.” น่าจะบ่ง บอกได้ทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่าง ความรู้สึกของ Gerrard ตอนที่ผู้ตัดสิน Mark Clattenburg เป่าหมดเวลากับชัยชนะ 3-2 ท�ำให้ ชายทุกผู้ทุกนามจาก Anfield เหลือเพียงอีกแค่สี่นัด เท่านั้นที่จะถึงบัลลังก์สูงสุดของวงการฟุตบอลอังกฤษ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา ทุกๆ อย่างมันรุมเร้า เราได้เห็น Gerrard ยกแขน ขึน้ มาปาดน�ำ้ ตา ท่ามกลางเพือ่ นร่วมทีมทีต่ า่ งห้อมล้อม เข้ามากอดก่ายเขา ใครเห็นภาพไม่ขนลุกก็คงจะไร้ความ รู้สึกกันไปแล้ว แล้วก็ก็เกิดวลี “สะท้านโลก” ขึ้นจากปากของ Gerrard ที่กู่ก้องตะโกนกระตุ้นเพื่อนทุกๆ คนว่า “มัน ผ่านไปแล้ว เราจะต้องไป Norwich. ท�ำแบบเดียว กันให้ได้ เราจะลุยไปด้วยกัน พวกนายได้ยินมั๊ย?” นีค่ อื ความรูส้ กึ ร่วมทีเ่ ล่นเอาขนลุกขนพองกันเลย ทีเดียว แถมเป็นการย�้ำให้ชัดเจนส�ำหรับชนชาว Liverpool, ส�ำหรับผู้จัดการทีมอย่าง Brendan Rodgers ว่ า กั ป ตั น ผู ้ นี้ ข าดเพี ย งแค่ เ หรี ย ญชนะเลิ ศ อี ก เพี ย ง เหรียญเดียวเท่านัน้ ก็จะสมบูรณ์แบบ และตอนนีเ้ ขายืน อยู่บน “ขอบของประวัติศาสตร์” แล้ว ปฎิกริ ยิ าของ Gerrard ครัง้ นีแ้ สดงให้เห็นชัดเจน ว่า ต�ำแหน่งแชมป์ลีคสูงสุดครั้งแรกในรอบ 24 ปี มี ความหมายส�ำหรับสโมสรและตัวเขามากมายแค่ไหน ในวันร�ำลึกครบรอบ 25 ปี โศกนาฏกรรม Hillsborough. ก่อนเกมนั้นเป็นชั่วโมงๆ ความรู้สึกต่อการร�ำลึก ครั้งนี้มันสุดแสนจะพิเศษและเต็มไปด้วยความรู้สึก ของส่วนรวม แฟนบอลทั้งหมดต่างแสดงความรู้สึกนี้ตั้งแต่ ก่อนเขี่ยลูก ก่อนเกมเริ่ม เป็นชั่วโมงๆ ต่างยืนไว้อาลัย The Reds - September 2013


21

September 2013 - The Reds


22

The Reds - September 2013


23

ที่หน้าประตู Shankly Gates ของ Anfield Road, ไว้อาลัยให้กับ 96 ชีวิตที่เสียชีวิตไปในรอบรองชนะ เลิศศึก FA Cup นัดที่เจอกับ Nottingham Forest เมื่อปี 1989 และเมื่อรถบัสของทีม Liverpool เดินทางมา ถึงสนาม มีแฟนบอลหลายพันคนยืนต้อนรับกันอย่าง มากมาย เรียกได้ว่า ตั้งแถวแห่งเกียรติยศกันเลยที เดียว นี่คือความรู้สึกที่ Rodgers ถึงกับเอ่ยปากแสดง ความรู้สึกออกมาว่า “เงินซื้อสิ่งนี้ไม่ได้” หลังจากต�ำนาน Manchester City นาย Mike Summerbee, Joe Corrigan และ Tony Book ได้ยื่นช่อดอกไม้เพื่อเป็นเกียรติให้กับวันร�ำลึกโศกนาฎ กรรมครั้งนี้ต่อ Kenny Dalglish และ Ian Rush ก็ได้มีการยืนไว้อาลัยกันก่อนเกม Liverpool นั้นต่อสู้เกมนี้ด้วยหัวใจ และท�ำลาย เกมรับของ City ด้วยประตูจาก Raheem Sterling และ Martin Skrtel, ลูกทีมของ Manuel Pellegrini ประสบปัญหามากขึน้ อีก ด้วยอาการบาดเจ็บของ Yaya Toure ดูแล้วทุกๆ อย่างเหมือนจะเข้าทางแล้ว แต่ City ก็แสดงให้เห็นถึงคาแรคเตอร์ที่สมราคาค่างวดของนัก เตะแพงแสนแพงมากมายที่มีอยู่ในทีม พวกเขากลับ มาอย่างแข็งแกร่งเหลือเกิน แข็งแกร่งจนไล่ตีเสมอได้ ส�ำเร็จ โมเมนตัม ขุมพลัง ทุกๆ อย่างเข้าทางทีมเยือน หมดแล้ว มันเป็นเรื่องของช่วงเวลาแห่งคุณภาพ หรือ ความผิดพลาด และเหมือนสคริปต์ที่สวรรค์ก�ำหนดไว้ Philippe Coutinho มายิงประตูชัยได้ในช่วงเวลา ที่บีบคั้นที่สุด และทีมก�ำลังแย่ที่สุด ประตูนี้ได้มาจาก ความผิดพลาดของกัปตันผู้แข็งแกร่งของ City มาโดย ตลอดอย่าง Vincent Kompany และนี่อาจจะเป็น ความผิดพลาดแห่งฤดูกาล ตอนนี้ทุกๆ อย่างมันท�ำให้อดคิดไม่ได้ว่า มัน คือช่วงเวลาที่ไร้เทียมทาน ไร้ใครจะมาหยุดยั้งได้แล้ว ส�ำหรับ Liverpool แต่ยังมีคนอีกคนนึงยังไม่เชื่อ และหวังที่จะหยุดให้ได้ นั่นก็คือ Jose Mourinho ในขณะเดียวกัน City เองก็ยังไม่ยอมแพ้ หวังฉกฉวย ทุกๆ ความผิดพลาดของทั้งสองทีมที่ขวางหน้าตัวเอง September 2013 - The Reds


24

ไว้ทุกขณะ ส�ำหรับ Liverpool นั้นใกล้ค�ำว่าแชมป์ที่สุดเท่า ที่ทีมพึงจะเอื้อมมือถึงแล้ว พวกเขามีใจ มีก�ำลังกาย มี ความกระหายทุกๆ อย่างที่จะสร้างประวัติศาสตร์ให้ ได้ กระนั้นแนวรับของพวกเขาก็ยังคงเป็น “จุดอ่อน” ส�ำคัญ เราได้เห็นมาหลายต่อหลายเกมแล้ว โดยเฉพาะ ในเกมกับ City ณ เกมนัดที่ผ่านมา Gerrard ได้ประกาศตั้งแต่ เกมก่อนหน้านั้นแล้วว่าจะต้องไปลุยกับ Norwich City แล้วท�ำให้ได้แบบเกมนี้ แน่นอนการขาดหาย ซึ่ง Jordan Henderson เป็นจุดหักเหครั้งส�ำคัญ เพราะโดนใบแดงและโดนแบนสามนัด จากการเข้า บอลรุนแรงต่อ Samir Nasri และยังไร้ Daniel Sturridge ที่บาดเจ็บ โอเคเริ่มเกมมาก็ยิงได้เร็ว ถึง 2 เม็ด แต่คงจะได้เห็นว่า แดนกลางที่ไร้ Henderson นั้นมี ผลแค่ไหน Allen และ Lucas นั้นไม่สามารถทดแทน ตรงส่วนส�ำคัญส่วนนี้ได้อย่างแท้จริง บอลที่สองถูกคู่ แข่งอย่าง Norwich กินเรียบวุธ ความกดดันที่ก่อ เกิดมหาศาลจนเกือบที่จะพลาดเอาแล้วในเกมนี้ ดีที่ เจ้าหนู Raheem ฮ๊อตได้ในช่วงเวลาที่ถูกที่ควรจริงๆ ท�ำให้เกมที่ Carrow Road จบไปด้วย 3 แต้มแบบ เต็มกลืน หืดขึ้นคอ สิ่งที่ขาดหายไปในเกมนี้ และอาจ จะเป็นอะไรที่ส�ำคัญมากๆ ซึ่งควรจะท�ำไปใส่ไว้ในเกม กับ Chelsea นัดหน้าให้ได้ก็คือ “อิทธิพลทางใจ แรง ปลุกเร้า แรงกระตุ้นของกัปตัน Gerrard ที่นัดนี้ หาย ไป” ...ลูกทีมเกร็งกันได้ในเกมที่กดดัน แต่ถ้ากัปตัน เกร็งจนลืมกระตุ้นไปด้วย มันอาจจะท�ำให้ทุกๆ อย่าง เนือยและกลายเป็นความหวาดหวั่น...ถึงเวลาที่กัปตัน จะต้อง “ท�ำอย่างที่ท�ำมาเสมอ คือ เป็น Inspiration ของนักเตะทุกๆคนในทีมจากนี้ไปจนนัดสุดท้าย....” กัปตัน Gerrard เสียน�้ำตาลูกผู้ชายออกมาด้วย ความปลื้มใจและสะเทือนอารมณ์ในเกมกับ Man City นั่นก็เพราะเขาเก็บอารมณ์ไว้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว “เขา รอคอยทีมแบบนี้ นักเตะชุดนี้ มาตลอดชีวิตของ เขา นักเตะทุกๆคนที่ต่างท�ำเพื่อ “กันและกัน” เพื่อ เกียรติยศของกันและกัน เพื่อกัปตัน.. เพื่อสโมสร เพื่อความยิ่งใหญ่และวันแห่งเกียรติยศที่รอคอยมา อย่างยาวนาน” อย่าลืมอารมณ์นี้กันครับทุกๆ คน.... The Reds - September 2013


25

September 2013 - The Reds


26

R ed Corner

The Reds - September 2013


27

September 2013 - The Reds


28

หากอ้างอิงจากเอกสารการเปลี่ยนชื่อสโมสรนั้น สโมสรลิเวอร์พูล ถูกจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 1892 ลิเวอร์พูล คือ สโมสรฟุตบอลอีกสโมสรหนึ่งที่ ถือได้ว่าประสบความส�ำเร็จมากที่สุด ทั้งในการคว้า แชมป์ลีกสูงสุดตอนยังใช้ชื่อว่า ดิวิชั่น 1 ถึง 18 สมัย และ ฟุตบอลยูโรเปี้ยนคัพหรือยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก 5 ครั้ง ยูฟ่าคัพ 3 ครั้ง ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 3 ครั้ง และ ฟุต บอลลีกคัพ ซึ่งเป็นการแข่งขันฟุตบอลภายในประเทศ อังกฤษ อีก 8 ครั้ง แต่หากนับจากการคว้าแชมป์ ลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษครั้งสุดท้ายเมื่อฤดูกาล 1989-1990 แล้วนั้นเป็นเวลาถึง 24 ปี ที่ ลิเวอร์พูล

The Reds - September 2013

ไม่เคยแตะถ้วยลีกสูงสุดอีกเลย ซึ่งตอนนี้ใช้ชื่อว่า พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ขณะหนังสือฉบับบนี้ออกคงเหลือ อีกประมาณ 2 นัด ก็จะรู้แล้วว่าลิเวอร์พูลที่ขณะนี้น�ำ เป็นจ่าฝูง หลังจากสามารถเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3 ต่อ 2 ประตู สโมสรร่วมบนเส้นทางลุ้นแชมป์ ไป แบบชนิดที่เรียกว่าสนุกเร้าใจ หวาดเสียว ตื่นเต้นกับ คนดูไม่น้อย --------------------------------จากที่กล่าวมาข้างต้นร่ายบรรยายโวหารมานั้น ไม่ได้เกี่ยวกับหัวข้อเรื่องที่ท่านผู้อ่านจะได้อ่านต่อไป นี้แต่ประการใด ส�ำหรับคอลัมน์นี้จะขอน�ำท่านเข้าสู่


29

เรื่องราวเกี่ยวกับ ตราสโมสรลิเวอร์พูล ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน ส�ำหรับเล่มนี้อาจจะไม่ได้ลึกซึ้งถึงลาย ละเอียดมากนัก แต่คิดว่าท่านก็คงได้รับความรู้เกี่ยว กับสัญลักษณ์สโมสรลิเวอร์พูลไม่มากก็น้อย.... “ตราสโมสรลิเวอร์พูลมีกี่แบบ?” เชื่อมั่นว่า มีหลายคนเคยตั้งค�ำถามนี้แน่นอน และเมื่อมีบาง ท่านมาเห็นก็จะท�ำการค้นหาให้ทันทีด้วยความอยาก รู้เช่นกัน หลายคนตอบ 7 หลายคนตอบ 8 อ้างอิง จาก Website เท่าที่หาได้ แต่จะมีใครรู้ว่าตราสโมสร ลิเวอร์พูลนั้นแบ่งออกได้ 2 แบบ ดังนี้ 1. ตราสัญลักษณ์ทางการค้า

2. ตราสัญลักษณ์บนอกเสื้อ ตราสัญลักษณ์ทางการค้ากับตราสัญลักษณ์ บนอกเสื้อแตกต่างกันอย่างไร? ตราสัญลักษณ์ทางการค้า คือ ตราสัญลักษณ์ ของสโมสรที่แสดงถึงความเป็นสโมสร ใช้เป็นลิขสิทธิ์ ในเอกสารต่างๆ เราจะเห็นตราสัญลักษณ์ทางการค้า ปรากฏอยู่บนบัตรเข้าชมแมตช์ต่างๆ ของ ลิเวอร์พูล มีการจดลิขสิทธิ์ไม่สามารถน�ำมาดัดแปลงหรือจัดท�ำ สินค้าของตัวเองหากไม่ได้รับการอนุญาตจากสโมสร ดังในรูป

September 2013 - The Reds


30

ส� ำ หรั บ ตราสั ญ ลั ก ษณ์ บ นอกเสื้ อ จะมี ห ลาย แบบมากกว่าตราสัญลักษณ์สโมสร อีกทั้งโลโก้ที่ใช้ แข่งในเวทียุโรปอย่างยูโรเปี้ยนคัพกับในลีกสูงสุดยังมี ความต่างกันอีกด้วย ตัวอย่างเช่น ตราสัญลักษณ์ใน ปัจจุบัน แต่มีการจดลิขสิทธิ์เพียงแบบเดียวคือแบบ

The Reds - September 2013

ที่ใช้ในปัจจุบัน แต่ในเงื่อนไขอนุโลมให้สามารถมีการ ดัดแปลงได้ตามสมควร สามารถน�ำมาดัดแปลงเป็น สินค้าที่เรียกว่าสินค้าจัดท�ำโดยแฟนบอลได้ แต่ห้าม เหมือนตราหรือโลโก้บนอกเสื้อ มิเช่นนั้นจะถือว่ามี ความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์


31

โดยตราสัญลักษณ์รูปบนอกเสื้อนั้นหลายคนรู้ดี ว่ามาจาก “นกลิเวอร์เบิร์ด” จริงๆ แล้วหากใครเคยติด ตามคดี จอร์จ ยิลเล็ตต์ และ ทอมมี่ ฮิกส์ นั้นจะพบว่า ยิลเล็ตต์ และ ฮิกส์ ต้องการ จดทะเบียนนกลิเวอร์เบิร์ด เป็นลิขสิทธิ์ของสโมสรแต่เพียงผู้เดียว แต่ทว่าคดีครั้งนี้ ทั้ง 2 แพ้คดี เนื่องจากศาลตัดสินว่า “นกลิเวอร์เบิร์ด” คือสัญลักษณ์ของ ชาวเมืองลิเวอร์พูล สัญลักษณ์เมือง

ทีไ่ ม่วา่ ผูใ้ ดก็ไม่สามารถน�ำไปครอบครองได้เพียงผูเ้ ดียว จากคดีในครั้งนั้นสโมสรลิเวอร์พูลจึงสมารถจดได้แต่ ลิขสิทธิ์นกลิเวอร์เบิร์ดแบบปัจจุบันที่เราเห็นกันนั่นเอง ส� ำ หรั บ ในนิ ต ยสารฉบั บ บนี้ จ ะขอกล่ า วถึ ง สัญลักษณ์ตราสโมสรที่ใช้ในด้านการค้าและปรากฏ อยู่บนเอกสารส�ำคัญตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันเท่านั้น มี ดังต่อไปนี้

1. สัญลักษณ์สโมสรลิเวอร์พูลช่วงแรกจนถึงช่วงยุค 30 : น�ำตราประจ�ำเมืองมาใช้เป็นสัญลักษณ์ September 2013 - The Reds


32

2. สัญลักษณ์สโมสรลิเวอร์พูลยุค 40 ถึงยุค 60 : โลโก้นี้มีการใช้ต่อมาจากโลโก้แรกจนถึงยุค 60 เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกับสัญลักษณ์ของสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่ออกแบบมาทีหลัง หากแต่ว่าต่างกันเพียงนกลิเวอร์เบิร์ด โดยมีการน�ำตราสัญลักษณ์นี้กลับมาใช้อีกครั้งเพียงแค่ในแมตช์รอบชิงชนะเลิศยูโรเปี้ยนคัพปี 1981

ภาพนี้คือสัญลักษณ์ที่น�ำกลับมาใช่ในรอบชิงชนะเลิศยูโรเปี้ยนคัพปี 1981 The Reds - September 2013


33

3. สัญลักษณ์สโมสรลิเวอร์พูลยุค 70 ถึงยุค 80 เรื่อยมาจนถึงปี 1992 : มีการเปลี่ยนแปลงนกลิเวอร์เบิร์ดบ้างตามแบบที่สโมสรคิด

สัญลักษณ์สโมสรในการแข่งขันรอบชิงชนะเสิศยูโรเปี้ยนคัพปี 1984 September 2013 - The Reds


34

สัญลักษณ์สโมสรที่ใช้ในปี 1987-1992

4. สัญลักษณ์สโมสรลิเวอร์พูลปี 1992 : เป็นตราสัญลักษณ์ครบรอบ 100 ปีนับตั้งแต่มีการก่อตั้งสโมสร มีการน�ำส่วนบนของประตูบิลล์ แชงคลีย์มาใช้ มีค�ำว่า You’ll never walk alone. เพลงและประโยคประจ�ำสโมสร ในรายละเอียดโลโก้นั้นมีการระบุชื่อสโมสร นกลิเวอร์เบิร์ด 100 ปี และระบุปี 1892-1922 The Reds - September 2013


35

5. สัญลักษณ์สโมสรลิเวอร์พูลปี 1993 ถึงปี 1999 : ดัดแปลงมาจากสัญลักษณ์พิเศษครบรอบ 100 ปีสโมสร ปี 1992 โดยมีการใส่ “อีเทอร์นอล เฟรม” ลงไปใน 2 ข้างของตราสโมสร เพื่อเป็นการร�ำลึกถึงเหตุการณ์โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ฮิลส์โบโร่ที่เกิดขึ้นในวันที่ 15 เมษายน 1989 เป็นเหตุให้แฟนบอลลิเวอร์พูลที่เข้าไปดูการแข่งขันในวันนั้นเสียชีวิต 96 ราย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสงสว่างไม่มีวันดับแสดงถึงว่าเราไม่มีวันลืม 96 ชีวิตที่จากไป

September 2013 - The Reds


36

6. สัญลักษณ์สโมสรลิเวอร์พูลปี 1999 ถึง ปัจจุบัน : ดัดแปลงมาจากสัญลักษณ์เดิมให้มีความโดดเด่นทันสมัย และเป็นสัญลักษณ์ทางการค้าขอสโมสรลิเวอร์พูลที่ใช้จนถึงปัจจุบัน สัญลักษณ์สโมสรลิเวอร์พูลไม่ว่าจะเปลี่ยนมา กี่ยุคกี่สมัย แต่สุดท้ายก็แสดงถึงความเป็นลิเวอร์พูล สโมสรทีมที่รักและพร้อมเดินคียงข้างกันไปท�ำให้ค�ำว่า You’ll never walk alone. มีความหมายไม่ใช่เป็น ประโยคธรรมดา ฉบับนี้ก็ขอจบความรู้เล็กๆ น้อยๆ The Reds - September 2013

เกี่ยวกับตราสัญลักษณ์สโมสรลิเวอร์พูลแต่เพียงเท่า นี้ ฉบับหน้าเราจะมาต่อกันในตราสโมสรบนอกเสื้อ ส�ำหรับนักอ่านรอติดตามกันได้ในฉบับถัดไป ซึ่งถึง ตอนนั้นนิตยสารออกแล้วเราอาจจะคว้าแชมป์แล้วก็ เป็นได้


37

September 2013 - The Reds


38

T he Academy

The Reds - September 2013


39

September 2013 - The Reds


40

ใกล้แล้วกับความจริง หลังต้องรอคอยมานาน กว่า 24 ปี ส�ำหรับแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษ และเป็นแชมป์แรกนับตั้งแต่เปลี่ยนจาก ดิวิชั่น 1 มา เป็นพรีเมียร์ลีก !! ที่เขาบอกกันว่า การได้แชมป์นั้นยากแต่การ ป้องกันแชมป์นั้นยากกว่า อาจจะไม่เสมอไป ซึ่งในส่วน ตัวผมคิดว่า การได้แชมป์แรกหลังจากรอมานาน น่า จะนับว่ายากพอๆ กับการป้องกันแชมป์นั้นแหละ อย่า ลืมว่า ถ้ามันมีครั้งแรก โอกาสที่จะมีครั้งที่สอง ต่อมา เรื่อยๆ ก็มีโอกาสสูง แต่ถ้าไม่มีครั้งแรกแล้วนั้น การที่ จะได้ครั้งที่สองมามันคงไม่มีโอกาส ... ในฤดูกาลนี้ ถ้าพูดกันเรื่องของผลงานในสนาม แล้ว เชื่อว่าคงปฏิเสธไม่ได้ว่า เราเดินทางมาไกลมาก แล้ว ผลงานการเล่นของทีม รวมถึงของนักเตะแต่ละ คนถือว่ายอดเยี่ยม และควรได้รับการยกย่อง แต่อีก สิ่งหนึ่งที่เราจะไม่กล่าวไม่ได้คือการที่เรามีทีมในชุด ปัจจุบันที่มีอายุน้อยอยู่ในอันดับต้นๆ ของลีก ซึ่งถ้า ผมจ�ำไม่ผิดค่าเฉลี่ยของอายุนักเตะในทีมลิเวอร์พูลนั้น จะอยู่ที่ 24 กว่าๆ ซึ่งมีอายุค่าเฉลี่ยที่น้อยกว่าทีมอย่าง เชลซี, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ... ซึ่งมันก็สามารถสะท้อนอะไรบางอย่างออกมาได้ จากการเข้ามาคุมทีมของ เบรนแดน ร๊อดเจอร์ ... ผลงานนักเตะดาวรุ่งของทีม หลายคนก็ท�ำผล งานกันได้อย่างยอดเยี่ยม และนั้นท�ำให้ ล่าสุดทาง FA ได้ประกาศรายชื่อนักเตะที่ได้รับคัดเลือกเข้าชิง ผู้เล่น ดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมฟุตบอล ... ซึ่งใน ส่วนของ ทีมลิเวอร์พูล ก็มีนักเตะดาวรุ่งของทีมได้รับ การเสนอชื่อเข้ามาถึง 2 คน ทั้ง ราฮีม สเตอร์ริ่ง และ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยว่าท�ำไมทั้ง 2 คนถึงมีรายชื่อชิงต�ำแหน่งในครั้งนี้ .... จากผลงานการท�ำประตูไปมากถึง 20 ประตู ของ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ มันก็เพียงพอแล้วที่เขาจะ มีชื่อเข้าชิงต�ำแหน่ง ขณะเดียวกัน ราฮีม สเตอร์ริ่ง จากผลงานการยิงประตูไปแล้ว 9 ประตูกับ 4 แอสซิส นั้นคือสถิติที่ยอดเยี่ยมส�ำหรับเขาอย่างมาก และถือ เป็น นิมิตรหมายที่ดีส�ำหรับ สโมสรลิเวอร์พูล ... ปัจจุบัน ราฮีม สเตอร์ริ่ง อายุยังไม่ 19 ปีเต็ม ซึ่งถ้าเทียบกับผู้เล่นคนอื่นๆ ที่อยู่ในระดับเดียวกัน The Reds - September 2013


41

September 2013 - The Reds


42

The Reds - September 2013


43

กับ สเตอร์ริ่ง แล้ว บางคนยังไม่สามารถที่จะก้าวขึ้น มาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ได้เลย ขณะที่บางคนถึงแม้ จะก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถ ยึดต�ำแหน่งตัวจริงหรือได้ลงเล่นอย่างสม�่ำเสมอ ขณะ ที่ ราฮีม สเตอร์ริ่ง ในฤดูกาลนี้ สามารถเป็นตัวหลัก ของทีม เป็นกุญแจส�ำคัญของทีมและถือว่าเป็นนักเตะ ความหวังของทีมได้เช่นกัน ... จุดเด่นของ ราฮีม สเตอร์ริ่ง ก่อนหน้านี้ หลาย คนก็คงจะเห็นในแบบเดียวกัน คือเป็นนักฟุตบอลที่มี ความเร็วในการเล่นฟุตบอล ซึ่งในฤดูกาลก่อนๆ ถือ เป็นปรากฏการณ์ที่ เดอะ ค๊อป ทั่วโลกมีความชอบใน ตัวเขา ... แต่สิ่งที่เขาขาดหายไปคือความแน่นอน การ ยิงประตู รวมไปถึงการผ่านบอล ... ปลายฤดูกาลที่แล้ว สเตอร์ริ่ง ยังเป็นนักเตะที่ ไม่ค่อยได้ลงเล่นมากนัก ถึงแม้จะมี เดอะ ค๊อป หลาย คนอยากให้โอกาส สเตอร์ริ่ง และก็ถึงกับมีข่าวใน ท�ำนองว่า มีหลายทีมจากลีก แชมป์เปี้ยนชิพ ต้องการ ที่จะดึงตัว สเตอร์ริ่ง ไปร่วมทีมทั้งในแบบ ยืมตัวและ ซื้อขายขาด .... แต่สุดท้าย ลิเวอร์พูล ก็ยืนยันว่า จะ ไม่ปล่อยตัว สเตอร์ริ่ง ออกจากทีม ถึงแม้โอกาสใน ลงสนามของเขานั้นจะมีไม่มาก จวบจนกระทั่ง ก่อน เริ่มฤดูกาล ข่าวลือการปล่อยตัวของเขาก็ยังพอมีมา ให้เห็นบ้าง แต่สุดท้ายสโมสรก็เลือกที่จะเก็บตัวเขาไว้ และ ในวันนี้ เขาก็ได้ตอบแทนสโมสร ด้วยการช่วยทีม ลุ้นแชมป์อยู่ในปัจจุบัน !! ด้วยความมุ่งมั่นของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง เขา ได้ก้าวข้ามในสิ่งที่เขาเป็นจุดอ่อนลงได้ ประตูที่เขา ท�ำได้ในฤดูกาลนี้ถึง 9 ประตู เป็นสิ่งที่ยืนยันว่า เขา พัฒนาการยิงประตูขึ้นมาในระดับนึง ซึ่งก็สมควรแก่ เหตุที่เขาจะได้รับความไว้วางใจจาก ผู้จัดการทีม .. และได้รับความไว้วางใจจาก เดอะ ค๊อป ทั่วโลก ขณะที่ ร๊อดเจอร์ เอง ก็ได้กล่าวชื่นชมลูกทีม คนนี้ว่า “สเตอร์ริ่ง คือนักเตะดาวรุ่งที่ยอดเยี่ยม ที่สุดในวงการฟุตบอลยุโรปเลยก็ว่าได้ และเหมาะ สมกับต�ำแหน่งดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสมาคมฟุตบอล อังกฤษ (Young PFA) ผมประทับใจในวุฒิภาวะ ของเขา เพราะเขาท�ำงานเพื่อทีมมาโดยตลอด” ... “ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมพยายาม September 2013 - The Reds


44

ให้เขาได้ลงเล่นในหลายๆ ต�ำแหน่งเพื่อพัฒนาฝีเท้า โดยเริ่มจากการเล่นตรงกลาง ก่อนขยับไปเล่น ซ้าย บ้าง ขวาบ้าง รวมถึงในแดนหน้า ซึ่งผมคิดว่า เขา คงคิดเรื่ องแผนการเล่น ของเขาไว้ในหัวอยู่ต ลอด เวลาที่เขาได้ลงเล่น” โดย ไมเคิล โอเว่น นักเตะรุ่นพี่ที่เคยผ่านการ เป็นนักเตะเยาวชนของทีมลิเวอร์พูล และก้าวขึ้นสู่ตัว จริงของทีมลิเวอร์พูล ได้พูดถึง สเตอร์ริ่ง ไว้อย่างน่า สนใจ “สเตอร์รงิ่ จะติดทีมชาติองั กฤษชุดไปลุยฟุตบอล โลกกลางปีนี้อย่างแน่นอน แต่จะติดในทีมตัวจริง หรือไม่นนั้ อีกเรือ่ ง ในทีมฟุตบอลทุกระดับ อาวุธความ เร็วถือว่ามีความส�ำคัญ ซึ่งทุกทีมต้องมี ความเร็วจะ เปิดทางในการเล่นได้มากขึ้น .... สเตอร์ริ่งพัฒนาตัว เองได้อย่างโดดเด่นมากในฤดูกาลนี้ เขาหาพื้นที่ใน การวิ่งได้ดีและถือเป็นกุญแจส�ำคัญที่ท�ำให้ลิเวอร์พูล ฤดูกาลนี้กลับมาลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัว” ... โดยโอเว่น ได้เลือก ราฮีม สเตอร์ริ่ง ให้ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ ตัวเอง โดยเป็นตัวเลือกแรกก่อน เอแด็น อาร์ซาร์ และ ดาวิด ซิลบา ซึ่งก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เขาประเมิน สเตอร์ริ่ง ไว้สูงขนาดไหน .. โอเว่นกล่าวหลังจากเข้า ร่วมแข่งขันในเกมระลึกถึง โศกนาฏกรรม 96 .. ด้วยผลงานของ สเตอร์ริ่ง เองในฤดูกาลนี้ ผม เชื่อว่าคงปฏิเสธไม่ได้ว่า เขานั้นคู่ควรอย่างมากกับนัก เตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (Young PFA) … ซึ่งรางวัลนี้ นักเตะคนล่าสุดของ สโมสรลิเวอร์พูลที่ได้รับคือ “สตีเฟ่น เจอร์ราด” ในปี 2000 – 2001 ... โดยในอดีตนักเตะที่เคยได้รับรางวัล นี้ของลิเวอร์พูล ทุกคนล้วนแล้วก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะ คนส�ำคัญของสโมสรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น “เอียน รัช” ที่เคยได้เป็นคนแรกของสโมสรในปี 1982 – 1983 และต่อมาก็เป็น “ร๊อบบี้ ฟาว์เลอร์” ที่ได้ติดต่อกัน 2 สมัยในปี 1994 – 95 และ 1995 – 96 ก่อนจะเป็น “ไมเคิ่ล โอเว่น” ที่ได้ในปี 1997 – 98 สิ่งส�ำคัญหลังจากนี้ สเตอร์ริ่ง อาจจะต้องเตรียม รับกับความกดดัน รวมถึง แท็คติคที่หลากหลายเพื่อ ปรับใช้ในการเล่น ซึ่งล�ำพังที่จะใช้ความเร็วเพียงอย่าง เดียวต่อไปเรื่อยๆ อาจจะไม่ดีแน่ๆ เพราะทุกทีมและ นักเตะหลายๆ คนที่ลงเล่นกับเขาก็จะปรับทิศทางการ The Reds - September 2013


45

September 2013 - The Reds


46

The Reds - September 2013


47

รับมือได้ ... ซึ่งอาจจะต้องดูการพัฒนาของ คริสเตียนโน โรนัลโด้ เป็นตัวอย่าง ที่มีการพัฒนาตัวเองได้ดีมาก และ ท�ำให้เขาก้าวขึ้นเป็นนักเตะในระดับโลก ... (ผู้เขียนเอง ไม่ได้ชอบ คริสเตียนโน โรนัลโด้ เลย แต่เห็นถึงการ พัฒนาของเขาซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดี) ... และสิ่งส�ำคัญกับการก้าวขึ้นมาของ สเตอร์ริ่ง เอง เชือ่ ว่าจะส่งผลดีกบั ในระดับเยาวชนของทีมไม่นอ้ ย เลย เพราะนั้นจะท�ำให้ สเตอร์ริ่ง อาจจะเป็น ไอดอล ของเยาวชนหลายๆ คน และแสดงให้เห็นว่า สโมสร ลิเวอร์พูล เองภายใต้การคุมทีมของ เบรนแดน ร๊อด เจอร์ ไม่ได้ปิดโอกาสของดาวรุ่งในระดับเยาวชน .. ซึ่ง นอกเหนือจาก สเตอร์ริ่ง เอง .... จอน ฟลานาแกน แบ็คของทีมก็ยังเป็น 1 ในนักเตะที่ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ได้อย่างยอดเยี่ยม และในบอลโลก 2014 ที่บราซิล กลางปีนี้ สื่อ หลายส�ำนักก็ได้ยกย่อง ราฮีม สเตอร์ริ่ง ว่าจะเป็น 1 ในนักเตะดาวรุ่งร่วมกับอีกหลายๆ คน ที่จะโชว์ฟอร์ม โดดเด่นและน่าติดตามในการแข่งขันครั้งนี้ เราคงต้อง ติดตามต่อไปว่า สเตอร์ริ่ง จะโดดเด่นมากน้อยแค่ไหน ในบอลโลกครั้งนี้ แต่เชื่อว่าแฟนๆ บอลทีมชาติอังกฤษ รวมถึง ลิเวอร์พูล คงอยากให้ สเตอริ่งได้สัมผัสเกม เยอะๆ คงต้องวัดใจ รอย ฮอดจ์สัน กันหล่ะว่า จะส่ง สเตอร์ริ่ง ลงเล่นมากน้อยแค่ไหน ?? ในรางวัล ดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสมาคมฟุตบอล ไม่ใช่ว่าผู้เขียนจะมองข้าม แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ไป นะครับ แต่ในเมื่อผู้ได้รับรางวัลนี้มันต้องมีเพียงแค่ 1 เดียว ผมจึงต้องเอียงๆ ไปทาง สเตอร์ริ่ง นิดหน่อย หวังว่า แฟนๆ สเตอร์ริดจ์ คงไม่ว่ากันนะครับ ^^ ส�ำหรับผลงานของทีมในชุด ต�่ำกว่า 21 ปี ... ลิเวอร์พูล ได้เล่นครบตามโปรแกรมทั้งหมด 21 นัด แล้ว อยู่ในอันดับที่ 2 ของตาราง ขณะที่อันดับ 1 ของ ตารางเป็น เชลซี ที่มีแต้มมากกว่า ลิเวอร์พูล 2 แต้ม .... ส่วนอันดับที่ 3 เป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อันดับที่ 4 ยังคงต้องลุ้นระหว่าง ฟูแล่ม ที่แข่งครบ ตามโปรแกรมแล้ว มี 35 คะแนน หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ยังคงเหลือโปแกรมอีก 1 นัด แต่มีแต้มตามหลัง ฟูแล่ม 3 คะแนน ------------------------------------September 2013 - The Reds


48

ซึ่ ง ตามกฎโดยที ม ที่ มี ค ะแนนมากที่ สุ ด อั น ดั บ ที่ 1 - 4 จะเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ โดยทีมอันดับที่ 1 จะพบกับทีมอันดับที่ 4 ส่วนทีมอันดับที่ 2 จะเจอกับ อันดับที่ 3 ซึ่งเท่ากับว่า ทีม ลิเวอร์พูล ชุด U21 จะ เปิด ศึกแดงเดือด กับทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ผู้ชนะของคู่นี้ก็จะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศต่อไป ส่วน The Reds - September 2013

ผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร จะน�ำมาเสนอในฉบับต่อ ไป ก่อนจบขอฝากผลงานของเจ้าหนูดาวรุ่ง U17 ที่ ไปโชว์ฟอร์มในรายการ AEGON Future Cup 2014 สักหน่อย โดยลิเวอร์พูลส่งชุด U17 ไปร่วมรายการ และก็สามารถผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้ โดยเจอกับ


49

ทีม อาแจ๊กซ์ อัสเตอร์ดัมส์ ซึ่งผลปรากฏว่า ลิเวอร์พูล U17 พ่ายให้กับทีม อาแจ๊กซ์ ไป 2 – 1 คว้าได้เพียง แค่ต�ำแหน่งรองแชมป์ของรายการ ... แต่ในต�ำแหน่งดาวซัลโวประจ�ำทัวร์นาเม้นท์ เป็นของ 2 นักเตะลิเวอร์พูล “เซยี่ โอโจ” และ “แฮรี่ วิลสัน” โดยยิงไปคนละ 4 ประตู โดยประตูของ “เซยี่

โอโจ” ดาวรุ่งชาวไนจีเรีย สวยๆ ทุกลูกเลย .... สุดท้ายหล่ะ กว่าจะได้มาเจอกันอีกที คงรู้ผล แล้วว่า ลิเวอร์พูลจะสามารถคว้าแชมป์ครั้งที่ 19 ได้ หรือไม่ แต่หลังจากนี้ไป พวกเรา เดอะค๊อป ต้องเอา ช่วยในทุกๆนัดที่เหลือ แล้วพบกันฉบับหน้าครับ .... Make Us Dream .... September 2013 - The Reds


50

C over Story

The Reds - September 2013


51

September 2013 - The Reds


52

The Reds - September 2013


53

September 2013 - The Reds


54

The Reds - September 2013


55

September 2013 - The Reds


56

The Reds - September 2013


57

นี่เป็นครั้งแรกที่ The Kop รวมใจเป็นหนึ่งยืน ปรบมือให้กับ Roberto Martinez โดยพร้อมเพรียง กัน และในวันดังกล่าวก็ได้มีภาพการจับมืออย่างเป็น มิตรกันระหว่างผู้จัดการทีม Everton FC รายนี้กับผู้ จัดการทีม Liverpool Fc อย่าง Brendan Rodgers ตรงนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามัคคีและ น�้ำใจที่มีต่อกันและกันของคนทั้งเมือง ในวันครบรอบ 25 ปี โศกนาฏกรรม Hillsborough สองสโมสร สองคู่แค้นบนทางคับแคบ รวมกัน เป็นหนึ่งในวันนั้น ธงสีฟ้าและแดงยืนโบกสะบัดด้วย ความมุ่งมั่นต่อสู้ร่วมกัน ต้านทานกระแสอันร้อนแรง นับตั้งแต่บ่ายแห่งความโศกเศร้าที่ Sheffield เมื่อวัน ที่ 15 กันยายนปี 1989 ผู้จัดการทีมทั้งสองต่างท�ำหน้าที่ของตัวเอง เป็น ตัวอย่างแห่งการร่วมกันให้เกียรติผู้เสียชีวิต ซึ่งถือได้ว่า เป็นอะไรทีเ่ หมาะสม และคูค่ วรมากๆ ส�ำหรับครอบครัว ของผู้เสียชีวิตทั้ง 96 คน รวมไปถึงบุคคลผู้รอดพ้นจาก หายนะในวันนั้นด้วย ---------------------------------Rodgers และ Martinez มีหลายต่อหลาย อย่างที่คล้ายกัน กล่าวคือต่างเป็นเป็นผู้จัดการทีมอายุ น้อย มีพรสวรรค์สูง เป็นทูตแห่งฟุตบอลที่ดี เป็นคนมี คลาส มีความมุ่งมั่น และความชัดเจนในแนวทาง ทั้งสอง ต่างไม่ใช่คนเมืองนี้โดยก�ำเนิด แต่ก็รับ เอาสปิริตและวิถีชีวิต จิตวิญญาณของคนเมืองนี้ไว้ใน หัวใจได้อย่างรวดเร็ว ความรู้สึกตรงนี้ทุกๆ คนคงเห็น พ้องต้องกัน Martinez ในวันนั้นลุกขึ้นจากเก้าอี้ของตน แล้ว ก้าวขึ้นไปพูดต่อหน้าแฟนบอลกว่า 26,000 และเมื่อ เขาได้รับการปรบมือให้ เขาก็อธิบายว่าตอนที่เกิด โศกนาฏกรรมครั้งนั้นขึ้น เขาอายุเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น ผู้จัดการทีมจากถิ่น Catalan รายนี้ได้ออกมา กล่าวโดยสุจริตใจว่า ตอนที่เขาได้รับทราบข่าวโศกนาฏ กรรมที่บ้านเกิดของเขาที่ Balaguer เขาอายุเพียงแค่ 15 เท่านั้น “ในฐานะที่เป็นคนที่มีครอบครัวเหมือนๆ กับ ทุกๆ คน เราแทบไม่อยากจะนึกเลยว่า ครอบครัว เหล่านี้จะต้องเจ็บปวดและทุกข์ทรมานขนาดไหนที่ September 2013 - The Reds


58

ต้องรับรู้ความจริงว่า คนที่พวกเขารัก จะไม่สามารถ กลับสู่บ้านอันแสนอบอุ่นของพวกเขาได้อีกต่อไป แล้ว หลังเกมฟุตบอลนัดนั้น” เขากล่าว “ท�ำไมใครซักคนจะต้องตาย ในขณะที่ก�ำลัง ดูเกมฟุตบอลที่พวกเขารัก? มันไม่ถูกต้องเลย มันไม่ แฟร์ สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ถูกต้องและไม่ยุติธรรมเลย” นักเตะ Everton และ Staff ต่างยืนไว้อาลัยเช่น เดียวกัน ผ่านทางจอ big Screen ที่ชักภาพมาจาก Goodison และ Martinez ก็ประกาศว่า “นักเตะ ของผมทุกๆ คนต้องการที่จะแสดงความเคารพและ ยืนภาวนาส่งจิตใจผ่านสนาม Stanley Park มาถึง Anfield” ผู้จัดการทีม The Blues ยกย่องความกล้าหาญ และความเข้มแข็งของครอบครัวผู้เสียชีวิตที่ไม่หยุดที่ จะต่อสู้เพื่อความถูกต้อง และความจริงในเรื่องนี้ “เป็นช่วงเวลาไม่นานมานี่เองที่ผมได้มีโอกาส ใช้ชีวิตในเมืองๆ นี้ของทุกๆ ท่าน” Martinez กล่าว “มันเป็นเวลากว่า 10 เดือนแล้วที่ผมได้รับ ความรัก ความอบอุ่น ความมีสปิริต ความเป็นมิตร จากคนที่เมืองนี้ ผมได้เห็นความมุ่งมั่น ความโหยหา ความตั้ ง ใจที่ จ ะต่ อ สู ้ เ พื่ อ ความถู ก ต้ อ งและความ ยุติธรรม สิ่งที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ประกอบอยู่ในกลุ่ม Hillsborough Family Support Group - ซึ่ง เป็นกลุ่มบุคคลที่ผมต้องขอก้มหัวให้ แนวทางที่พวก คุณต่อสู้เพื่อความยุติธรรมเป็นอะไรที่ผมต้องซูฮก จริงๆ” “ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา พวกคุณได้ต่อสู้กับ สิ่งที่ผิด กับค�ำโกหกต่างๆ นาๆ การใส่ความ การ ท�ำร้ายจิตใจด้วยความเท็จที่โยนความผิดมาให้กับ ทุกๆ คน และตลอด 25 ปี คุณก็ได้รับการยกย่องถึง หัวจิตหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ของพวกเขาคุณเช่นกันจาก ทุกๆ คนที่เกี่ยวกับฟุตบอลและนอกวงการฟุตบอล ผมคงไม่จ�ำเป็นที่จะต้องบอกคุณหรอกนะครับว่า สโมสร Everton ขอร่วมหัวจมท้ายกับพวกคุณ เพราะ คุณน่าจะรู้ดี สโมสร Everton จดจ�ำสิ่งนี้เสมอ ไม่มี วันลืมเลือน” ทางด้าน Rodgers เองก็ขึ้นพูดเช่นกันด้วยเสียง ที่สั่นเครือ เพราะบรรยากาศสร้างความรู้สึกร่วมให้กับ The Reds - September 2013


59

September 2013 - The Reds


60

The Reds - September 2013


61

เขาอย่างมาก ในฐานะผู้จัดการทีม Liverpool มัน คือบทบาทที่จะต้องท�ำซึ่งไม่เหมือนใครๆ น�้ำหนักแห่ง ความรับผิดชอบมันหนักหน่วงเต็มสองไหล่ของชาย ชื่อ Rodgers แต่เขาก็เลือกที่จะเก็บเกี่ยวทุกๆ อย่างๆ เต็มที่กับชีวิตของเขาที่ Anfield เขาได้กล่าวยกย่อง Martinez ด้วยค�ำพูดที่น่า ประทับใจ ซึ่งแสดงให้โลกรับรู้ว่า “เมืองนี้ สิ่งส�ำคัญ ที่สุดก็คือ ความสามัคคี” นักเตะทีมชุดใหญ่ทุกๆ คนของ Liverpool, ประธานสโมสรอย่าง Tom Werner, ผู้อ�ำนวยการ อย่าง Ian Ayre และต�ำนานทุกๆ คนของ The Kop legends ต่างนั่งฟังค�ำพูดของ Rodgers และตัวเขา เองก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก ที่ถูกร้องขอจาก Hillsborough Family Support Group ให้ขึ้นกล่าวค�ำ ไว้อาลัย ผู้จัดการทีมวัย 41 ปีรายนี้ที่น�ำทีม Liverpool เข้าใกล้แชมป์ที่สุดในรอบ 24 ปี และยังได้ลุ้นต่อไป ได้ อธิบายว่าแรงบันดาลใจของเขาไม่เคยจะลดน้อยลง เลยกับการท�ำงานทีน่ ี่ การเดินผ่านรูปปัน้ Bill Shankly ถ้วย European Cup ในทุกๆ วันที่มาท�ำงานที่ Melwood, การคุมทีมซ้อมบนทางเดินเดียวกับ St John, Yeats, Callaghan, Keegan, Toshack, Dalglish, Rush, Barnes.... แบบนี้ต่อให้เส้นทางยาวไกลแค่ ไหนเขาก็รู้สึกว่าเขานั้นสามารถเดินได้ตลอดไป กระนั้ น เขารู ้ สึ ก ว่ า ความยิ่ ง ใหญ่ แ ห่ ง ประวั ติ ศาสตร์ของสโมสรแห่งนี้จะมีมากแค่ไหน แต่ดูเบาบาง ลงไปเลย เมื่อเปรียบเทียบกับหัวใจอันยิ่งใหญ่ของ ครอบครัวผู้เสียชีวิตแห่ง Hillsborough และผู้รอดชี วิตทุกๆ คน “ไม่มีข้อลังเลใจเลยว่า แรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ ที่สุดของผมในการท�ำงานทุกๆ วันที่ Anfield ก็คือ เมื่อผมเดินทางมาที่นี่ และเห็นหลักอนุสาวรีย์ร�ำลึก ผู้เสียชีวิตทั้ง 96 คน” เขากล่าว “96 คนที่เป็นที่รัก เป็นที่คะนึงหา เสียชีวิตก่อน เวลาอันควรไปมาก ทุกๆ คนทีอ่ ยูข่ า้ งหลังพวกเขาต่อสู้ อย่างหนักมาตลอด และส�ำหรับผู้ที่รอดชีวิตทุกๆ คน พวกคุณคือแรงบันดาลใจของพวกเราทุกๆ คน” “เหล่าบรรดา พ่อๆ แม่ๆ พี่ชาย น้องสาว September 2013 - The Reds


62

ลูกชาย ลูกสาว เพื่อน และแฟนบอลที่ใกล้ชิดกัน พวกคุณต่างยืนหยัดต่อสู้มา 25 ปี ต่อสู้ร่วมกันเพื่อ เกียรติยศของ 96 ชีวิตที่เราทุกๆ คนสูญเสีย” “ความกล้าหาญ ความเข้มแข็ง ความยืนหยัด ความทุ่มเท และความรักที่มีให้กับผู้คนที่เราสูญเสีย นั่นคือแรงบันดาลใจที่ผมได้รับในทุกๆ วันที่ผมได้ มาท�ำงานเป็นผู้จัดการทีม Liverpool Football Club” “ครอบครัว และผู้รอดชีวิตมีความหมายกับ เราทุกๆ วัน และเป็นแรงกระตุ้นให้เราต่อสู้ในสนาม ฟุตบอล ขอบคุณแรงบันดาลใจที่พวกคุณมอบให้กับ เราทุกๆ คน” เสียงปรบมือดังกระหึ่มทั่วสนาม และความเงียบ ก็มาเยือนอีกครั้ง เมื่อ Rodgers ได้กล่าวถึง Kenny Dalglish ผู้จัดการทีม ที่เขาได้ก้าวขึ้นมารับหน้าที่แทน เมื่อ 22 เดือนก่อน “Liverpool Football Club และเมืองๆ นี้ ได้รับพรอันประเสริฐที่มีชายผู้ที่มีศักยภาพในการน�ำ ทางสโมสรในยุคแห่งความมืดมน” Rodgers กล่าว “ตัวเขานัน้ ไม่เคยเรียกร้อง หรือแสวงหาเครดิต ส่วนตัวใดๆ แต่ไม่มีข้อลังเลใจเลยส�ำหรับผมว่า หาก ไม่ได้รับความช่วยเหลือ หรือแรงสนับสนุนจากเขาใน ช่วงเวลานั้น ทุกๆ อย่างมันอาจจะแย่กว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ในตอนนี้ สิ่งดีงามเหล่านี้ต่างรับรู้ไปถึงครอบครัวผู้ เสียชีวิต และรอดชีวิตทุกๆ คน “ความเป็นผูน้ ำ� ความเป็นสุภาพบุรษุ และต่อสู้ ด้วยความกล้าของเขา ชายผู้ชื่อ Kenny ในเวลานั้น เป็นแรงบันดาลใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ยิ่งกว่าประตู ทุกประตูและถ้วยทุกถ้วยที่เราได้ถือครองเสียอีก ผม คิดว่าเขาคือตัวอย่างที่ดีที่สุดของเราทุกๆ คน” Martinez และ Rodgers ได้แสดงให้เห็นถึง ความเป็นสุภาพบุรุษ คนมีเกียรติ และมีน�้ำใจ เป็นการ ยืนยันให้เห็นอีกครั้งว่า “The families of the 96 do not walk alone” แม้ว่าโดยหน้าที่ทางฟุตบอล และสโมสรแล้ว พวกเขาจ�ำเป็นต้องเป็นศัตรูกัน แต่ใน เรือ่ งทีเ่ รียกว่า “มนุษยธรรม” พวกเขาต่างพร้อมทีจ่ ะให้ ก�ำลังใจกันและกันเพื่อ “ก้าวต่อไป” ด้วยกันในเรื่องนี้ --------------------------------The Reds - September 2013


63

September 2013 - The Reds


64

The Reds - September 2013


65

September 2013 - The Reds


66

T reatise

The Reds - September 2013


67

September 2013 - The Reds


68

ปี 2005 ลิเวอร์พูล เป็นแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีกสมัยที่ 5 จากการเอาชนะ เอซี มิลาน ด้วยการดวล จุดโทษ หลังจากที่ ตามอยู่ 0-3 ตั้งแต่ครึ่งแรก แล้วไล่ มาตีเสมอ 3-3 ซึ่งนัดนี้ ต้องชื่นชมกับสปิริตของนักเตะ ลิเวอร์พูลทุกคน โดยเฉพาะ เจอร์ราร์ด กัปตีนทีมที่ เป็นคนจุดประกายความหวังขึ้นมา ก่อนที่ วลาดิเมียร์ สมิเซอร์ และ ซาบี้ อลอนโซ่ จะช่วยกันท�ำอีกคนละลูก ภายในเวลาเพียง 15 นาที ท�ำให้กลับมาเสมอ และต่อ เวลาออกไป จนถึงขั้นเตะจุดโทษ แล้วฮีโร่ก็คือ เจอร์ซี่ ดูเด็ก ที่เซฟจุดโทษของ อันเดร เปียร์โล่ และ อังเดร The Reds - September 2013

เชฟเชนโก้ สร้างปาฏิหาริย์ที่ อิสตันบูล ได้ส�ำเร็จ จาก นั้นลิเวอร์พูลเอาชนะ ซีเอสเค มอสโคว์ คว้า แชมป์ ซูเปอร์คัพ มาครองอีกใบ แม้ว่าในปี 2006-2007 ยอดทีมจากลุ่มแม่น�้ำบางปะกง เอ้ย! แม่น�้ำเมอร์ซี่ย์จะ ได้เข้าชิงอีกครั้ง แต่ก็โดน มิลาน ถอนแค้นได้ส�ำเร็จ!! และนั่นคือฤดูกาลสุดท้ายที่สวยงามบนเวทียุโรปของ “ลิเวอร์พูล” แต่ ณ เวลานี้... ทุกวันเวลาแห่งความสุขและ ค�่ำคืนแห่ง UCL ก�ำลังจะกลับมา ไม่ทราบว่าใครเป็น เหมือนผมบ้าง “ทุกเช้าๆ ที่ตื่นมา ทุกวันนี้ได้กลิ่น UCL


69

หอมกรุ่นมาแต่ไกล และยังมีกลิ่นของแชมป์ลีกสูงสุด บางๆ ลอยมาเตะจมูกให้ได้พอสัมผัสได้.. มันนานแค่ ไหนแล้วนะทีเ่ ราไม่ได้สมั ผัสบรรยากาศของค�ำ่ คืน UCL ฤดูกาลสุดท้ายที่เราได้เล่นถ้วยใบนี้มันปีใดกัน???” 24 ปีมาแล้วนะครับที่ “ลิเวอร์พูล” ได้แชมป์ลีกสูงสุด ครัง้ สุดท้ายในฤดูกาล 1989-90 ซึง่ ครัง้ นัน้ เคนนี่ ดัลกริช พาทีมพาแชมป์ได้เป็นหนสุดท้ายก่อนที่ “ลิเวอร์พูล” จะต้องรอคอยแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศมาอย่าง ยาวนานมากว่า 24 ปีแล้ว !! แต่หาก “ลิเวอร์พูล” เก็บ ชัยชนะ 5 นัดสุดท้ายได้ต้องหมดพวกเขาก็จะยุติการรอ

คอยนี้ลงได้ ซึ่งผมก็ภาวนาให้เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน ! เพราะด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างที่ “ลิเวอร์พูล” ควรค่าแก่การเป็นแชมป์มันบ่งบอกว่าถึงเวลาแล้วที่ “ลิเวอร์พลู ” ต้องได้ !! ไม่วา่ จะเป็นเหตุผลของ เจอร์ราร์ด ที่ยังขาดเหรียญแชมป์ลีกสูงสุดแค่เหรียญเดียวเท่านั้น ในตู้โชว์ที่บ้าน รวมทั้งฟอร์มการเล่นในต�ำแหน่งใหม่ที่ “ร็อดเจอร์” บรรจงจัดการให้เหมาะสมกับศักยภาพของ กัปตันคนเก่งจึงน�ำมาซึ่งประตูและแอสซิสมากมาย ที่ กัปตันG ท�ำได้ในปีนี้ ซึ่งปัจจุบัน เจอร์ราร์ด ท�ำได้ 173 ประตู แซงหน้า เคนนี่ ดัลกริช ขึ้นไปรั้งอันดับ September 2013 - The Reds


70

6 ของดาวยิงตลอดกาลของสโมสรเรียบร้อยแล้ว แม้ จะพลาดการเป็นผู้เล่นคนแรกของพรีเมียร์ลีกที่ท�ำ แฮตทริกจากการยิงจุดโทษ แต่จากสถิติรับหน้าที่ยิง 11 จาก 12 จุดโทษของ “ลิเวอร์พูล” ในฤดูกาลนี้มี เพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ กัปตันลิเวอร์พูล ยิงพลาด แต่ ก็มิวายโดนแขวะจากแฟนบอลทีมกลางตารางบางทีม ว่า กรรมการเข้าข้างบ้าง!! ได้จุดโทษเยอะเกินไปบ้าง!! และอะไรต่อมิอะไรอีกมายที่เขาจะนึกกันขึ้นมาได้!! แต่ ขอโทษนะครับ..ถ้าผมจะบอก “ลิเวอร์พูล” ได้จุดโทษ จากการเล่นนอกบ้านมากกว่าการเล่นในบ้าน (ในบ้าน 3 นอกบ้าน 9) ถ้าจะกล่าวหาว่าซื้อกรรมการแล้วละก็ “ลิเวอร์พูล” ควรจะได้จุดโทษในแอนฟิลด์ 12 ลูกนะ ครับ ฮ่าๆๆ!! ดังนั้นนักเตะอย่าง เจอร์ราร์ด เหรียญ แชมป์ลีกเป็นอะไรที่เขาควรจะได้รับ... ความร้อนแรงของ SAS (Suarez & Sturridge) ที่ช่วยกันกระหน�่ำประตูอย่างต่อเนื่อง โดยยิงรวมกัน ไปแล้ว 50 ประตู Suarez 30, Sturridge 20 มาก กว่าประตูได้-เสีย ของทีมกลางตารางบางทีมด้วยซ�้ำ ไป!! และอย่าลืมนะครับว่า 30 ประตูในลีกของ ซัวเรส นั้นไม่ได้มาจากจุดโทษแม่แต่ลูกเดียว.. ยังเหลืออีก 5 เกมส์ให้ลงเล่นและยังมีเวลาให้ ซัวเรส ท�ำสถิติใหม่ๆ อีกมากมาย แต่ที่แน่ๆ รางวัลดาวซัลโวของลีกอังกฤษ คงไม่พ้นเงื้อมมือเขาอย่างแน่นอน นอกจากจะรั้งต�ำแหน่งดาวยิงแล้ว ซัวเรส ยัง พ่วงต�ำแหน่งจอมแอสซิสอีกด้วย เพราะ ณ ตอนที่ผม บรรจงกระแทกแป้นพิมพ์อยู่นั้น “คิงหลุยส์” จ่ายบอล ให้เพื่อนท�ำประตูไปแล้วทั้งสิ้น 11 ดอก น�ำเป็นอันดับ 1 โดยมี เจอร์ราร์ด ตามมาติดๆ เป็นอันดับ 3 ที่ 9 แอส ซิส ส่วนคนอื่นๆ เราไม่ขอพูดถึง.. เข้าใจตรงกันนะ !! และในปี 2014 “ลิเวอร์พูล” เป็นทีมเดียวที่ สามารถเก็บชัยชนะได้ถึง 9 นัด ท�ำได้ 32 ประตู หากสามารถเก็บชัยชนะอีก 5 นัดที่เหลือได้ ส�ำเร็จ “ลิเวอร์พูล” จะเป็นแชมป์ พร้อมทั้งการรอ คอยยาวนาว 24 ปีก็จะถึงคราวสิ้นสุด แต่ที่แน่ๆ ค�่ำคืน แห่ง UCL จะกลับมาเยือนแอนฟิลด์อีกคราในฤดูกาล หน้า พูดแล้วก็อยากให้เวลานั้นมาถึงเร็วๆ จัง คิดถึง “แชมเปี้ยนส์ลีก” เน๊อะ!! ..ว่ามั้ย?? -------------------------------The Reds - September 2013


71

September 2013 - The Reds


72

R ed Shadow

The Reds - September 2013


73

September 2013 - The Reds


74

The Reds - September 2013


75

ย้อนเวลาไปเมื่อ 12 เดือนก่อน จนถึงวันนี้ เราได้ เห็นการ “บ�ำบัดสภาพจิตใจ” อย่างอดทน จนสามารถ เปลีย่ นแปลงโชคชะตาและพฤติกรรมของ Luis Suarez จากคนที่ถูกรังเกียจที่สุดในสนามและในวงการ เป็น คนที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีเป็นที่ยอมรับที่สุดไปแล้วใน อังกฤษ Suarez นั้นต้องโทษแบนไป 10 นัดจากการไป กัด Ivanovic ในเกมที่ Liverpool เสมอกับ Chelsea 2-2 ที่ Anfield เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ดาวยิงชาว Uruguay รายนี้แม้ว่าจะได้รับการ สนับสนุนอย่างเป็นทางการจากแฟนบอลและสโมสร Liverpool แต่ก็รู้สึกชอกช�้ำใจกับ ความอยุติธรรมที่ก่อ เกิดกับเขาตลอดเวลา การโดนโห่ในงานแจกรางวัลนัก เตะแห่งปีเมื่อฤดูกาลก่อน ท�ำให้เขาสูญสิ้นความอดทน ทุกๆ อย่าง จนอยากจะย้ายออกไปให้รู้แล้วรู้รอดจาก ถิ่น Merseyside ตรงนี้ต้องยกเดริตส่วนหนึ่งให้กับเจ้าของทีม Liverpool นาย John W. Henry ที่ยังคงแข็งขืน ไม่ รับข้อเสนอที่สุดแสนจะกวนส้น.... ของ Arsenal ที่ ยื่นเงินมา 40,000,001 ปอนด์ ซึ่งเรียกได้ว่าน่าเกลียด มากๆ แม้ว่าค่าฉีกสัญญาจะอยู่ที่ 40 ล้านปอนด์ก็ตาม แต่การยื่นมาเพิ่มอีกแค่ 1 ปอนด์มันน่าเกลียดเอา มากๆ และการที่ Brendan Rodgers ได้แสดงความ รักและปรารถนาดีต่อ Suarez มาโดยตลอด และทุกๆ คนในทีมต่างก็พยายามท�ำให้ดาวยิงรายนี้ไม่รู้สึกเดียว ดาย ท�ำให้เขาอยู่ต่อและกอบกู้ชื่อเสียง ที่เสียไปแล้ว ของเขากลับคืนมาได้อย่างสวยงาม Suarez นั้นคู่ควรแล้วที่ได้รับรางวัล Liverpool นั้นได้พ่ายแพ้ต่อ Chelsea ไป 2-0 ก่อนงานจะเริ่มซึ่ง เรียกได้ว่า ท�ำให้งานกร่อยพอควรส�ำหรับเขา แต่นอก เหนือจากนี้แล้ว เกียรติยศแห่ง PFA นี่เป็นรางวัลให้ กับความยอดเยี่ยมของเขามาตลอดฤดูกาล และผลัก ดันให้เขาก้าวขึ้นไปอยู่ระดับเดียวกับ Lionel Messi และ Cristiano Ronaldo ตรงนี้ คุ ณ งามความดี ข องเขานั้ น ก็ ม าจากการ ที่เขานี่แหล่ะที่เป็นก�ำลังส�ำคัญในเกมรุกสุดยอดของ Liverpool จนน�ำพาให้ทีมก้าวขึ้นมาสู่การลุ้นแชมป์ อย่างเต็มตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 24 ปี September 2013 - The Reds


76

Suarez นั้นถูกเรียกเป็นหลายต่อหลายสิ่งมากๆ นับตั้งแต่เขาย้ายมา Anfield จาก Ajax ซึ่งเป็นการ ย้ายมาพร้อมกับ Andy Carroll ที่มีป้ายราคาสูงสุดๆ ที่ 35 ล้านปอนด์ เล่นเอาดาวยิงฟันเหยินรายนี้หมอง ไปเลยจากราคาที่ว่าในวันก่อนตลาดวาย กล่าวคือ 31 มกราคมปี 2011 – แต่ นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงตอนนี้ ไม่มีใคร “กล้า” เรียกเขาเป็น “อย่างอื่น” นอกจาก The Reds - September 2013

“world-class” อีกต่อไปแล้ว แต่ฤดูกาลนี้เป็นอะไรที่สุดๆ แล้วส�ำหรับดาวยิง วัย 27 ปี ที่เล่นได้อย่างเมามัน และยากต่อกรด้วยที่สุด ในโลกของฟุตบอลสมัยใหม่ พรสวรรค์และความเป็นผู้ ชนะในตัวเขา เป็นพลังส�ำคัญที่ลบเลือนเงาร้ายในอดีต เพื่อเจิดจรัสในวันนี้ ครับลองดูสิ่งที่เกิดขึ้นสิครับ มันเป็นอะไรที่สุดๆ


77

แค่ไหน เมื่อเขาโดนเตะล้มจนดิ้น ในเกมกับ Norwich City แต่พอเห็นทีมยังได้เล่นต่อและก�ำลังได้รับโอกาส เขาก็ลุกขึ้นวิ่งไปสมทบในเวลาห่างกันไม่ถึงเสี้ยววินาที จนหลายๆ ฝ่ายต่างมองว่า เอ๊ะส�ำออยหรือเปล่า ท�ำไม ลุกเร็วจัง แต่หากมองถึงความมุ่งมั่นต่อเกมของเขา ค�ำถามเหล่านี้ก็คงจะไม่มีน�้ำหนักใดๆ อีกต่อไปแล้ว ไม่มีใครปฎิเสธหรอกว่า Suarez ได้พยายาม

อย่างมากมายที่จะสะบัดเอาภาพลักษณ์ที่เลวร้ายของ เขาออกไปจากตัว และต้องการให้มีแต่ Headlines เกี่ ย วกั บ เฉพาะความสามารถทางฟุ ต บอลของเขา เท่านั้นในฤดูกาลนี้ เขานั้นได้ท�ำมันได้อย่างยอดเยี่ยม จนได้รับการน�ำไปเปรียบเทียบกับยอดต�ำนาน Kenny Dalglish ที่สวมเสื้อหมายเลขเดียวกัน คือ เบอร์ 7 -----------------------------September 2013 - The Reds


78

ฤดูกาลนี้สิ่งที่ทุกๆ ฝ่ายจดจ�ำได้เกี่ยวกับเขาก็ คือทักษะทางฟุตบอลที่เท้าของเขากับประตูมากมาย ที่ยิงให้เขากลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดของเวที Premier League โดดกดไปแล้ว 30 ประตู ทั้งๆ ที่ 6 นัดแรกไม่ ได้ลงเล่นเพราะติดโทษแบน มีนักเตะไม่กี่คนนักหรอกที่สร้างความหวาดกลัว ให้กับคู่แข่งอย่างมากมายเท่ากับเขา รวมไปถึงแฟน บอลทีมตรงข้ามด้วย เพราะ Suarez นั้นหากลงสนาม ไม่วินาทีใดวินาทีหนึ่งก็ฉาจจะฉกฉวยโอกาสท�ำลาย ล้างแนวรับคู่แข่งได้ Suarez นั้นได้รับเสียงปรบมือชื่นชมร่วมกับ Daniel Sturridge และ Raheem Sterling ที่ น�ำพาให้ Liverpool ก้าวขึ้นมาจากม้านอกสายตา เป็นทีมที่ลุ้นแชมป์ได้อย่างเต็มภาคภูมิกับ Manchester City และ Chelsea ตรงนี้ทุกๆ ฝ่ายต่างเห็นพ้องต้องกันว่า Suarez เล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งตัวเป้าและตัวรอง และ เป็นอาวุธร้ายส�ำคัญของกองทัพที่ชื่อว่า Liverpool เขานั้นก็คือตัวอันตรายของทีมชาติ Uruguay ที่เป็น คู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดทีมนึงของทีมชาติอังกฤษในศึก ฟุตบอลโลกครั้งที่จะถึงนี้ เสียงร�่ำร้อง เสียงถอนใจ เมื่อ 12 เดือนก่อน เมื่อ ครั้งที่ Suarez โดนลงโทษ และการที่สื่ออังกฤษไล่ ถล่มด้วยความสนุกปาก ประมาณว่า ได้เหยื่อรายใหม่ การตามล่าแม่มดก็เป็นเรื่องที่คิดว่า ถูกต้องเหมาะ สม แทบจะส่งเขาเก็บข้าวของออกจาก Anfield ณ ตอนนั้น Real Madrid ไม่ได้โทรมาขอซื้อ และ Liverpool เองก็ไม่อยากจะขายเขาให้กับคู่แข่งใน เวที Premier League อย่าง Arsenal เช่นกัน.. และแน่นอนแฟนบอล Liverpool ก็ยังคงเชียร์และ สนับสนุนเขาอย่างไม่คิดจะเปลี่ยนใจ ตรงนี้เป็นการ แสดงถึงศรัทธาและความเชื่อมั่น ในวันที่ Suarez เล่น ได้อย่างเป็นธรรมชาติ และไร้ซึ่งรอยราคี เขานั้นคือ “เทพ” ดีๆนี่เอง และตรงนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าจริง แน่นอนก็มีแฟนจ�ำนวนมากมายที่ไม่พอใจใน พฤติกรรมของเขา ไม่ว่าจะเรื่องงอแงอยากย้ายทีมหรือ เรื่องใดๆ ก็ตาม ตรงนี้ก็คงต้องให้เครดิต Brendan Rodgers ที่ช่วยประสานรอยร้าวระหว่าง Suarez The Reds - September 2013


79

September 2013 - The Reds


80

และ Liverpool Rodgers เป็นคนแก้ต่างข้อกล่าวหาต่างๆ นานา ที่เข้ามาประมาณว่า Suarez ไม่ให้เกียรติสโมสรอีก ต่อไปแล้ว และมุ่งหาแต่จะไปอยู่กับทีมอื่น อยากไป UCL จนถีบส่งทีมแล้ว ด้วยความอดทนและอย่างต่อ เนื่อง บาดแผลต่างๆ ได้รับการเยียวยาให้หายสนิท เมื่อเขากลับลงมาก็ยิงประตูช่วยทีมได้อีกครั้ง The Reds - September 2013

นับตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ การจับคู่ของเขากับ Sturridge กลายเป็นพลังท�ำลายล้างที่อันตรายที่สุด ในลีค และตัวเขากลายเป็นกองหน้า Liverpool คน แรกที่ยิงประตูได้มากกว่า 20 ประตูในฤดูกาลเดียวกัน เรียกได้ว่าถัดจาก Roger Hunt และ Ian St. John เมื่อ 50 ปี ที่แล้วกันเลยทีเดียวเชียว แน่นอนการคงอยู่ของ Suarez ในถิ่น Anfield


81

หลังจบฤดูกาลนี้ยังไงก็คงเป็นการได้ไปเล่น Champions League ในฤดูกาลหน้า และเป้าหมายตรง นี้ลุล่วงแล้ว นักเตะระดับนี้ต้องการเวทีที่เหมาะสม ส�ำหรับเขาให้ได้เปล่งประกาย เจ้าของทีม Liverpool และ Rodgers สมควร ได้รับเครดิตอย่างมากมาย ที่พวกเขาได้ช่วยกัน เปลี่ยนแปลงชะตากรรมของทีม แต่เครดิตที่สูงส่งยิ่ง

กว่านั้นต้องยกให้กับ Suarez และนี่ คื อ ลั ก ษณ์ แ ห่ ง ศั ก ยภาพและความ สามารถของนักเตะระดับโลก ที่แม้แต่คู่แข่งที่เกลียด เขายิ่งกว่าอะไรทั้งหมดก็ยังคงต้องยอมรับในฝีเท้า ของเขา และยอมโหวตให้เขาก้าวขึ้นมาเป็น นักเตะ ที่โดดเด่นและเก่งที่สุดใน Premier League ฤดูกาล นี้ September 2013 - The Reds


82

T he Match

The Reds - September 2013


83

September 2013 - The Reds


84

The Reds - September 2013


85

FT : Cardiff City 3-6 Liverpool หลังจากเมื่อวันที่ 16 ที่ผ่านมาละครฟอร์มยักษ์ “The Reds Machine ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตโอลด์แทรฟฟอร์ด” ได้เข้าฉายสร้างความปลาบปลื้มให้กับพี่น้องชาวหงส์แดงทั่ว จักรวาลมาแล้วนั้น ทุกคนจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคืนนี้ 3 แต้มอีกเป็นแน่แท้ เกมที่ 30 ของฤดูกาล 3 แต้มส�ำหรับชัยชนะเท่านั้นที่เครื่องจักรสีแดงต้องการ การจัดตัว ลงไปในวันนี้ เปลี่ยนเอา คูตี้ เป็นตัวจริง และ น้องริ่ง ไปนั่งเล่นคุ้กกี้รันนิ่งข้างสนามแทน ครึ่งแรกเกมเริ่มมา 9 นาที สาวก เดอะ ค๊อป แอบช๊อคที่โดนน�ำก่อน 1-0 แต่มันก็แค่นั้น แหล่ะ เครื่องจักรสีแดง ซะอย่าง มาตามตีเสมอได้จาก หลุยส์ ซัวเรส โดย จีเจ แอสซิสให้ หลัง จากนั้น คาร์ดิฟฟ์ ก็ยังเป็นฝ่ายเล่นได้ดีกว่าอยู่ดี เล่นอย่างกับ รอบชิงคาร์ลิ่งคัพ ปี 2010 นักเตะ คาร์ดิฟฟ์ สู้สุดใจมุ่งมั่นเอาชัยชนะ ว่าแล้ว แคมป์เบลล์ เลยจัดประตูขึ้นน�ำให้ คาร์ดิฟฟ์ อีกครั้ง ในนาทีที่ 25 ถึงตอนนี้ สาวกเครื่องจักรสีแดง เริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีอย่างแรง แต่วีรบุรุษผู้มาปลุกให้ เครื่องจักรสีแดง มีชีวิตชีวาอีกครั้งไม่ใช่ใครที่ไหน เค้าคือกองหลังจอมท�ำประตูฝ่ายตรงข้ามและ ประตูฝ่ายตนเองนามว่า มาร์ติน สเคอร์เทล พี่โหดใช้ความสามารถเฉพาะตัวจัดประตูตีเสมอ

September 2013 - The Reds


86

The Reds - September 2013


87

คาร์ดิฟฟ์ อีกครั้งเป็น 2-2 จบครึ่งแรกด้วยการเสมอกัน เอาวะ ครึ่งหลังขอหนังคนละม้วน ครึ่งหลังเริ่มขึ้น ลิเวอร์พูล เริ่มกลับมาครองเกมได้และเล่นเกมตัวเองได้มากขึ้น ด้วยการ แก้เกมอันชาญฉลาดของ เบรนแดน ร๊อดเจอร์ ลิเวอร์พูลมาขึ้นน�ำอีกครั้งจากบุรุษกองหลังคน เดิมพี่โหด สเคอร์เทล แอสซิสโดย คูตี้ หนุ่มน้อยที่มีแฟนสาวสวยเลิศ เปี๊ยก ร้องเย้ บอกเอาบัล ลงดอร์ไปเลยลวกเพ่ !!!! ถึงตอนนี้ยิ้มแฉ่งไม่กลัวอะไรทั้งนั้น คาร์ดิฟฟ์ เริ่มหมดฤทธิ์ เครื่องจักรสีแดง บุกตะลุยเอา ประตูที่ 4 และแล้วๆๆๆๆๆๆ หลุยส์ ซัวเรส ดาวซัลโว สูงสุดของพรีเมียร์ลีกก็ท�ำประตูที่ 27 อีก ครั้ง จากการแอสซิสของ เฮีย สเตอร์ริดจ์ สวยงามอลังการงานสร้าง ปลื้มปิติเป็นที่สุด เอาล่ะลุ้น กันว่ากองหลังหรือกองหน้าใครจะแฮทริค ลุ้นสุดติ่ง ผ่านมาอีก 15 นาที นาที่ 75 สาวกหงส์แดง ได้เฮกันดังๆ อีกครั้ง จาก สเตอร์ริดจ์ ของเรา ที่พี่แกยอมไม่ได้ขอมีส่วนร่วมมีชื่อในการท�ำประตูครั้งนี้จากการจ่ายของ หม่อมเหยิน เป็นแอส ซิสที่ 11 ของเค้าอีกด้วย รองเท้าทองค�ำจะไปไหนได้เล่นได้เยี่ยมยอดกระเทียมดองขนาดนี้ แต่ คาร์ดิฟฟ์ เจ้าบ้านขอเอาใจแฟนบอลหน่อยไหนๆ เสียเงินเข้ามาดูและจะได้ดูว่า ทีมข้า ก็ยิงลิเวอร์พูลได้ตั้ง 3 ลูกนะเฮ้ย นาทีที่ 88 จอร์ดอน มัชท์ ท�ำประตูที่ 3 ให้ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ได้ ส�ำเร็จ .... แต่ สาวกหงส์แดง ก็นะ ชิล ชิล ไงก็ 3 แต้มลุ้นแฮทริคให้กับนักเตะดีกว่า ว่าแล้วว่าที่ต�ำนานเบอร์ 7 คนต่อไปของ แอนด์ฟิลด์ (ถ้าไม่คิดสั้นหนีจาก แอนฟิลด์ ไป เหมือน ตอร์เรส ว่าที่ต�ำนานเบอร์ 9 ที่หลายคนหวัง) จัดแฮทริคให้กับ หงส์แดง ได้ส�ำเร็จเป็น ประตูที่ 6 นาทีที่ 90 แบบว่ายิงกันตาข่ายขาดกันเลยทีเดียวเกมนี้ ถามว่าคุ้มค่าตั๋วไหม คงเป็นคน ดูฝั่ง เดอะ ค๊อป ที่คุ้ม ส่วน คาร์ดิฟฟ์ ก็คุ้มนะได้ดู หลุยส์ ซัวเรส ท�ำลายสถิติ ร๊อบบี้ ฟาวเลอร์ ยิงลูกที่ 28 ในฤดูกาลได้ส�ำเร็จ แมทช์สุดมัน ยิงกันตาข่ายกระจุย ชนะ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 6-3 ท�ำให้ตอนนี้ หลุยส์ ซัวเรส กลายเป็นนักเตะที่ท�ำประตูที่ 28 น�ำดาวซัลโวสูงสุด เทียบเท่า ร๊อบบี้ ฟาวเลอร์ และรอท�ำลาย ในอีก 8 แมทช์ ข้างหน้า แน่นอนปีนี้รองเท้าทองค�ำได้แน่นอนส่วนนักเตะยอดเยี่ยมถ้าไม่โดนหมั่นไส้จากเพื่อนร่วม อาชีพเค้าได้แตะอยู่แล้วล่ะ (แอบลุ้นไปบัลลงดอร์ 2014 เลยนะนั่น) รวมไปถึงลุ้นให้ท�ำลายสถิติ อลัน เชียเรอร์ ด้วยเช่นกัน ท�ำไปแล้ว 8 แฮทริค ส�ำหรับฤดูกาลนี้ ท�ำไป 3 แฮทริค 11 แอสซิส เขาจะใช่ ต�ำนานเบอร์ 7 คนต่อไปต่อจาก คิง เคนนี่ หรือไม่ คงต้องรอดูกัน แต่ตอนนี้ ยอมรับแล้วว่า เค้าคือ คิง หลุยส์ คนที่ 2 ของ เครื่องจักรสีแดง ต่อจาก หลุยส์ การ์เซีย อาจเป็นเพราะ เปี๊ยก แวนซ์ เวฟร้อย ไปท�ำบุญเมื่อวานรึเปล่า เครื่องจักรสีแดง ถึงท�ำงาน ได้แรงดีเช่นนี้ 55555 ....เหลืออีก 8 นัด เส้นทางการลุ้นแชมป์ปีนี้ ถึงตอนนี้ก็มีแค่ เชลซี ลิเวอร์พูล แมนซิตี้ อาร์เซนอล เอ้ามาดูกันว่ากัปตันจะได้ชูถ้วยไหม ....แต่สัญชาตญาณ เปี๊ยกบางใหญ่ บอกไว้ว่า มีลางสังหรณ์ ลิเวอร์พูล จะได้ชูถ้วยแชมป์หลังจบแมตช์สุดท้ายกับ นิว คาสเซิล ไม่ได้ออกตัวแรง แต่เป็นการ “เชื่อมันและศรัทธา ปาฏิหาริย์จะบังเกิด You’ll never walk alone.” เปี๊ยกบางใหญ่ September 2013 - The Reds


88

T he Match

The Reds - September 2013


89

September 2013 - The Reds


90

FT : Liverpool 3-1 Sunderland วันนี้ เครื่องจักรสีแดง เดินหน้าเต็มสูบต้องพิฆาต แมวด�ำ เท่านั่นส�ำหรับการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก Match Of Day วันนี้ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านต้องรับการมาเยือนของ ทีมแมวด�ำ ซันเดอร์ แลนด์ โดยทุกคนทั้งกองเชียร์ นักเตะ ผู้จัดการทีม เจ้าของ ทุกฝ่ายต่างช่วยกันภาวนาขอให้ไม่ มีบีชบอลและ 3 แต้มเท่านั้นที่ต้องการ ครึ่งแรกในแมทช์นี้ ลิเวอร์พูล สามารถครองเกมการบุกได้เหนือกว่า แม้จะยังบุกแต่ไม่ได้ ประตูเสียทีมันก็เกิดความอึดอัดใจเล็กน้อย ว่าเมื่อไรจะยิงกัน ประตูก็โล่งใหญ่ขนาดนั้น เล่นไป เล่นมาเข้าสู่นาทีที่ 20 ก็แล้วรู้สึกได้ถึงความอึดอัดทุทรนทุรายเจาะไม่เข้าซักที ประตูๆๆๆๆๆๆๆ ประตูอยู่ไหน (อยู่ในสนามไง....) เมื่อไหร่ลูกแรกจะมานะ เอาวะ เชียร์สุดใจขาดดิ้น เข้าสู่ช่วงนาทีที่ 30 ก็ยังบุกอยู่ครองเกมได้เหนือกว่าแบบเห็นชัด... และแล้วนาทีที่ 39 สาวกลิเวอร์พูลก็ได้ยกภูเขาออกจากอกสักที อึดอัดมานาน ซานติอาโก้ เวร์คินี่ อยากให้ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ เลยท�ำฟาล์วซัวเรสระยะอันตรายหน้ากรอบเขตโทษซะเลย แน่นอนอาจารย์เกมนี้ไม่ รีรอเป่าเป็นฟรีคิก ลุ้นสิครับ เจอร์ราร์ด กัปตันไดนาโมเราวิ่งมาปั่นฟรีคิกแบบชนิดที่ว่าโอ้วววว จอร์จนี่มัน เจอร์ราร์ด ตอนหนุ่มๆ ชัดๆ อายุมากแต่เก๋านะพี่น้อง จัดการซัลโวประตูเจิมขึ้นน�ำ

The Reds - September 2013


91

September 2013 - The Reds


92

ในถิ่น แอนฟิลด์ เป็นขวัญตาให้กับกองเชียร์ทั้ง 2 ฝั่ง เยี่ยมยอดมาก การซัดฟรีคิกด้วยเท้าขวา ของ เฮียเจิด อย่างหล่อ ลูกบอลเป็นวิถีโค้งแบบในเรื่องนักเตะเสี้ยวลิ้มยี่ (ใครไม่เคยดูไปดูซะ มัน สุดยอด) วิถีโค้เสียบเข้า 3 เหลี่ยมสวยงามแบบชนิดที่ว่า วิโต้ มานโนเน่ ได้แต่ท�ำใจ จากนั้นก็จบ ครึ่งแรกไปด้วยสกอร์น�ำ 1-0 เริ่มต้นมาครึ่งหลังไม่ทันไร ผ่านไปแค่ 2 นาที กองเชียร์ฝ่ายเจ้าบ้านแน่นอนเป็นใครไปไม่ได้ กองเชียร์ The Kop ของเราสิครับ รวมทั้ง สาวกลิเวอร์พูล ทั่วจักราลก็ได้เฮกันดังๆ กู่ก้องบอก โลกให้รู้ว่า เครื่องจักรสีแดง กลับมาแรงพร้อมที่จะพิฆาตทีมเยือนทุกทีมแล้วนะครับพี่น้องงงงง เฮนโด้ กองกลางอนาคตไกล ไหลบอลเนียนตาให้เสอตริจปั่นด้วยซ้ายแฉลบ เวส บราวน์ อดีต 4 จตุรเทพกองหลังแห่ง ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้าไปตุงข่ายสีแดงแรงฤทธิ์ น�ำห่าง 2 ลูกยาทีที่ 48 งานนี้เล่นแบบนี้อาจมีครึ่งโหล.... แต่ด้วยความอัจฉริยะจอมวางแผนอย่าง ร๊อดเจอร์ส พอเห็นว่าน�ำห่างก็เลยสั่งให้ลูกทีมเบา เกมบู๊ระห�่ำ เลือดสาดกระจุยลงเพื่อเก็บแรงไว้กิน ไก่ต้ม ในแมตช์ต่อไป (ใช่เหรอ?) พอเริ่มเบา เกมลง ในเกมก็เริ่มเล่นแบบไม่บุกให้ลุ้นมากมีโอกาสก็ท�ำประตู และแล้วการผ่อนเกมก็ท�ำพิษอีก ครั้ง นาทีที่ 76 แมวด�ำ บอกเพื่อไข่แล้วไม่อยากกินขอยิงเป็นขวัญตาให้กองเชียร์ปลื้มใจว่าเค้าจะ ไม่ตกชั้น แมวด�ำ มีโอกาสได้เปิดเตะมุมทางฝั่งขวาโดย อดัม จอห์นสัน เปิดเข้ามา ไม่มีใครขึ้น ประกบเนื่องจากอาการขี้เกียจก�ำเริบ คี ซู ยอง นักเตะสัญชาติเอเชียได้โหม่งตุงตาข่ายแบบ มิโญ เลต์ บอก ฉันท�ำดีที่สุดแล้วพวกเอ็งไม่ขึ้นประกบกันฟระ จากลูกยิงไข่แตกของแมวด�ำท�ำให้นักเตะเริ่มฮึกเหิม ขอแค่เสมอเพื่อลุ้นหนีตกชั้นแบบเต็ม สูบ.....ช่วงท้ายเกม ซันเดอร์แลนด์ นักเตะใจสู้พลีชีพเพื่อการไม่ตกชั้น บุกแหลก แหกระห�่ำ เอาอีก แล้ว มันเยี่ยวเหนียวส�ำหรับกองเชียร์เหล่า เดอะ ค๊อป อีกแล้วไง ต้านมันไว้นะ ขอร้องได้โปรด พลีสส บอมบ์ไปเลย เห้ยกรอบเขตโทษประตูทีมเยือนไร้บทบาทมาก หายไปในกลีบเมฆเลย โอ้วว จอร์จจได้โปรด ยอมเถอะนะ แมวด�ำ จ๋า ถือว่าท�ำบุญให้ ลิเวอร์พูล ได้แชมป์แล้วจะขอให้ผลบุญ ส่งผลให้ ทีมน้องแมวด�ำ เมีย๊ วๆ ไม่ตกชัน้ โดยการไปหักคอ นกขมิน้ ให้นะ คิดดีดนี ะ ยิง่ สูย้ ง่ิ เหนือ่ ย แมวด�ำ ยังคงไม่ยอมแพ้เป็นเชิงเล่นเอาใจแฟนบอลทีมตัวเองแบบว่า ขอแบ่งแต้มเถอะนะ จนเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 3 นาที ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลิเวอร์พูล คว้า 3 แต้มแบบว่าลุ้นอีกแล้ว ครับ น�ำก่อนโดนตีไข่แตก คือ วิถีแห่งลิเวอร์พูล ไร้คลีนชีตแต่ขอ 3 แต้มเป็นพอตอนนี้ก็เริ่มไต่ เต้าขึ้นสู้ยอดดอยแม้จะยังไม่สุด แต่ทว่าตามหลัง เชลซี แค่แต้มเดียว แถมแข่งเท่ากันแล้วด้วย เอาล่ะสิ ยังอยู่บนเส้นทางการลุ้นแชมป์และอีกอย่างเราจะท�ำลายสถิติการที่ มูรินโญ่ คุมทีมไหน เมื่อผ่านช่วงปีใหม่ไปแล้วยังอยูอันดับ 1 ได้จะเป็นแชมป์ เราจะท�ำลายมันลงให้ดู แน่นอน ลิเวอร์พูล ท�ำได้ เปี๊ยก เชื่อแบบนั้น ถ้าได้แชมป์ เปี๊ยก จะโกนหัว (มั้ง) เอาล่ะ เตรียมตัวต้อนรับสภาวะโลกร้อนกันให้ดีแล้วกันงานนี้สัญชาตญาณบอกว่าเราจะได้ขึ้นจ่าฝูง ในเร็ววัน แมทช์ต่อไปเราต้องเปิดบ้าน แอนด์ฟิลด์ นรกของทีมเยือนต้อนรับ ไก่เดือยทอง ทีม สเปอร์ส แล้วมาลุ้นกันว่าแมตช์หน้าจ่าหรือหมู่เดี๋ยวรู้เลย Only Believe and Make us dream. สู้ต่อไปเครื่องจักรสีแดง เราพร้อมเดินเคียงข้างคุณไปตลอดการ คุณจะไม่มีวันเดียวดาย เปี๊ยกบางใหญ่  The Reds - September 2013


93

September 2013 - The Reds


94

T he Match

The Reds - September 2013


95

September 2013 - The Reds


96

The Reds - September 2013


97

Liverpool 4-0 Tottenham ไก่ย่างถูกเผา มันจะถูกไม้เสียบ กระต๊ากกกกก แมทช์นี้ต้องขอบอกว่าใครพลาดแล้วจะเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ก่อนเกม เปี๊ยก ได้ไหว้เจ้าด้วยไก่ ต้มเป็นที่เรียบร้อยพร้อมความหวังที่ว่าวันนี้เราจะไม่ใช่หมู่อีกต่อไปแต่เราจะขึ้นไปสู่ยศจ่าฝูง !!!! เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือ ปู่บิลล์อวตาร ของ ลิเวอร์พูล จัดทัพลุยยแบบเหนือชั้น ยุทธ ศาสตร์การวางหมากครั้งนี้เพื่ออยากให้เราชาว สาวกเครื่องจักรสีแดง ได้กินไก่ต้ม ไก่ย่าง ไก่ทอด ไก่กุ๊กๆ อย่างสมใจ เพื่อเราจะได้ทะยานขึ้นจ่าฝูงแบบสง่างาม ในครึ่งแรกคนในเฟสบุ๊ค เปี๊ยก ก็มัวแต่ถามหาลิงก์ดูบอลไม่เคยคิดจะดูเลยว่า ก็ทุกครั้งแจก อยู่ในสเตตัสถามหาเพื่อ??? ทักจนเครื่องค้างทั้งไอโฟน และ โน๊ตบุ๊ค เป็นไงล่ะ 2 นาที ลิเวอร์พูล น�ำแล้วยังไม่ได้ดูเลยโว้ยยยยยยย โมโหๆๆๆๆ ตดยังไม่ทันหายเหม็นด้วย ต้องมาดูไฮไลท์ เป็น จังหวะการท�ำเข้าประตูตัวเองของ กาบูล โดยเป็นเพียงการบุกครั้งแรกของ ลิเวอร์พูล เท่านั้นเอง มันไวมากเลย ซาร่า การท�ำประตูขึ้นน�ำครั้งนี้ จอร์จ ดูไม่ทันเลยจริงๆ ..... เครื่องจักรสีแดง โชว์ความเป็นนักบู๊เต็มสูบบุกแหลกแทบพับสนามบุกแบบ สเปอร์ส แทบ ไม่ได้มีลุ้นมีหวังอะไรเลย เครื่องจักรสีแดง แม้บุกแหลกแต่ประตูที่ 2 ก็ยังไม่มา... เข้าสู่ช่วงเวลา September 2013 - The Reds


98

The Reds - September 2013


99

นาทีที่ 50 ดอสั้น ส่งบอลพลาดถวายพานแอสซิสให้ ซัวเรส ชัดเจน มีเหรอที่ หม่อมเหยิน ของเรา จะพลาดในการท�ำประตูที่ 29 ของฤดูกาล เพื่อท�ำลายสถิติ ร๊อบบี้ ฟาวเลอร์ ขวัญใจมหาชนชาว หงส์แดง แน่นอน ซัวเรส ไม่ท�ำให้ผิดหวัง ดาวซัลโวปีนี้เจ้าของรองเท้าทองค�ำและว่าที่นักเตะ ยอดเยี่ยมแห่ง PFA จัดการประตูที่ 29 ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ ท�ำลายสถิติสโมสรของ ร๊อบบี้ ฟาวเลอร์ ที่ท�ำไว้ 28 ประตูเรียบร้อย ตอนนี้ก็ลุ้นท�ำลายสถิติ อลัน เชียร์เรอร์ อย่างเดียว แล้วสินะ 36 ลูก เหลืออีก 7 ลูกกับอีก 6 เกม นัดนี้ สเตอร์ริดจ์ แกอยากเต้นจริงๆ เลยมุ่งมั่นที่จะท�ำประตูมากไม่สนใจการส่งให้ใครทั้ง นั้นแต่ว่ามันท�ำไม่ได้น่ะสิ นาทีที่ 40 มิโญเลต์ ได้โชว์กับค้าแล้วล่ะ ลิเวอร์พูล เริ่มโดนกดดันจาก ทีมเยือน พอน�ำ 2-0 มันเหมือนเป็นแบบนี้ทุกเกมเลยวุ้ย น�ำ 2-0 ทีไรเริ่มจะผ่อนเกม โซลดาโด้ มี โอกาสได้ยิงแต่ มิโญเลต์ แน่นอน I believe I can fly. กระโดดบินปัดออกไปได้ด้วยท่าสวยงาม จังหวะสวนกลับ ลิเวอร์พลู เกือบได้ประตูแล้ว เปีย๊ ก ก็เตรียมเย้เรียบร้อนแต่เซฟชนคานเต็มๆ ปั๊ดโถ่เว้ย ไม่เป็นไรเอาใหม่ปรบมือหน่อย แปะ แปะ ..... จากนั้น พี่หลุยส์ ซัวเรส ของเครื่องจักร สีแดง ก็มีโอกาสลุ้นท�ำประตูอีกแต่ว่าไม่สามารถท�ำได้ จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล น�ำอยู่ 2 ลูก หลายคนเริ่มหวั่นใจ สเปอร์ส เล่นดูเชิงรึเปล่าเนี่ย คงไม่มั้งเอานะขอให้ครึ่งหลังหนังไม่คน ละมั้ง เพราะคนละม้วยบ่อยจนเบื่อล่ะ แน่นอนเปิดมาครึ่งหลังหนังไม่คนละม้วน นาทีที่ 54 เฮน โด้ มีโอกาสแต่ก็ได้เพียงแต่จะออกไปยิงประตู แต่เหมือนว่าโชคชะตาให้ข้ามคานออกไป....เฮนโด้ ของเรายืนโล่งแบบว่างานนี้แน่นอนต้องประตูที่ 3 แต่ว่า กลายเป็นยิงไปดาวอังคารเลยนะครับพี่ น้อง แหม่ท�ำไปได้ !!! จังหวะถัดมาประตูที่ 3 มาแล้วจ้า ฟลานาแกน เจ้าหนูที่บัดนี้อายุเข้าเลข 2 แล้ว จัดการ แอสซิสไหลบอลให้ คูตี้ ซัดไกลแบบ โจว ชิง สือ ในหนัง นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่ ตาขายแทบพัง น�ำห่าง 3 ลูก ไข่ไม่แตกในนาทีที่ 55 สบายใจทั้งกองเชียร์นอกสนามและในสนาม จากนั้นเกมก็ด�ำเนินต่อ ไปแบบ หงส์แดงแรงฤทธิ์ ไม่เสียชื่อ เครื่องจักรสีแดง และนรกของทีมเยือน มีโอกาสอีกหลาย ต่อหลายครั้งแต่ยังจบไม่ลง เข้สู่นาทีที่ 75 สาวๆ กรี๊ดกันใหญ่ ที่รู้เพราะ เปี๊ยก ก็กรี๊ดแบบว่า 4-0 อะนะโฮะๆ เฮนโด้ จัดให้ หลังจากลูกโด่งไปดาวอังคารเมื่อกี้พลาดน่าอับอายเลยแก้ตัว แหม่มันสะใจซะจริงๆ .... คิด ว่ามันจะจบง่ายๆ อย่างงั้นเรอะไหนๆ เราจะต้มไก่แล้วทั้งทีเราต้องเอาซักครึ่งโหล !!! ลิเวอร์พูล ยังคงบุกหนักช่วงท้ายเกม โชว์การบู๊เอาใจคนดูที่แบบว่าเริ่มขนเสื้อกันหนาว ผ้าพันคอผ้าห่มออกมาห่มกันแบบว่าคืนนี้หนาวจุงเบย ได้อยู่บนที่สูง โฮะๆ บู๊หนักท้ายเกมของ ลิเวอร์พูล นั้นท�ำให้แฟนบอลคึกคักแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ประตูเพิ่ม จบ เกม 4-0 สรุปว่าไก่โดนต้ม ทอด ย่าง เผา ไปเป็นที่เรียบร้อนทั้งไปเยือนและต้อนรับการมาเยือน 9-0 จัดกันแบบไม่ยั้ง กลับ บ้านแบบไก่ซีดเลย ว่าแต่น่าสงสารนะ หาทางกลับลอนดอนถูกปะเนี่ย .... คิดไปคิดว่าทีมจาก ลอนดอนมาเยือนถิ่น ลิเวอร์พูล นี่โดนเละเทะเลยเนอะ ทีมใหญ่ต่อไปที่จะโดนคงเป็น เชลซี สัญชาติญาณมันบอกแบบว่าก็นะ ทีมดวงมันจะได้เป็นแชมป์ เอ้ายังต้องเดินทางกันต่อไปแมตช์หน้าเราไปบุกถิ่นเวสแฮมผลเป็นอย่างไรติดตามต่อไป แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ใครถามลิเวอร์พูลเป็นไงบ้าง ตอบไปอย่างสะใจและมั่นใจเสียงดังฟังชัด จ่า ฝูงโว้ยยยยย!!! เปี๊ยกบางใหญ่ September 2013 - The Reds


100

T he Match

The Reds - September 2013


101

September 2013 - The Reds


102

FT : West Ham 1-2 Liverpool ลองเปลี่ยนแนวเขียนแนวนี้ดูบ้าง อ่านกันให้อิ่มหน�ำขอรับ.... สงครามการแย่งชิงบัลลังก์ครั้งนี้ ยังคงด�ำเนินต่อไป การท�ำศึกครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อแย่งชิงต�ำแหน่งกษัตริย์แห่ง ดาวซูเลอ ที่ยังคงว่างผู้ สืบทอดบัลลังก์หลังจากกษัตริย์คนก่อนหายสาบสูญ โดยบัลลังก์นี้ต้องการผู้ที่สามารถน�ำทัพในการท�ำ ศึกสงครามและได้รับชัยชนะในศึกสงครามมากที่สุดเท่านั้น ถึงจะคู่ควรกับต�ำแหน่ง กษัตริย์แห่งซูเลอ ดังนั้นมหากาพย์ครั้งนี้จึงยังคงไม่จบและยังด�ำเนินต่อไป หลังจากที่ มูรินโญ่ อับอายในการน�ำทีมไปปราชัยต่อทัพของเมือง คริสตัล พาเลซ เมืองอัน ได้รับฉายาว่า ปราสาทเรือนแก้ว หรือ พญาเหยี่ยว หลังจากส่งจดหมายไปทางนกพิราบสื่อสารขอ ความช่วยเหลือจาก เวนเกอร์ ผู้ครอง เมืองอาร์เซนอล ใน แคว้นลอนดอน เดียวกันนั้น กลับโดนตอบ ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือกลับมา อีกทั้ง แคว้นซันเดอร์แลนด์ ก็ไม่สามารถจัดการโค่นล้มประตู เพลสลีย์ เกท และ แชงคลีย์ เกท ให้ได้ตามความต้องการของตนอีก จึงสร้างความขุ่นเคืองใจรวมกับร้อนรุ่ม กลุ้มใจ โมโหเป็นอย่างมาก เดินวนไปเวียนมาอยู่นาน จึงเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาได้ ตนจึงรีบขึ้นไปเขียน สาส์นถึงเมือง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เมืองขึ้นของตน ตั้งอยู่ในถิ่น แคว้นลอนดอน เช่นเดียวกันให้ส่งทัพไป ตี แคว้นซันเดอร์แลนด์ ที่ไม่สามารถท�ำลาย เมืองหลวงแอนฟิลด์ ได้ตามที่ตนต้องการ จากนั้นส่งม้า เร็วไปยังเมืองร่วมแคว้นลอนดอนอย่าง ท๊อตแน่ม ฮอตสเปอร์ อันมี ไวท์ฮาร์ทเลน เป็นเมืองหลวง ซึ่ง ทิม เชอร์วูด เป็นผู้ปกครองเมืองอยู่ ณ เวลานี้ เนื่องจากเจ้าเมืองคนก่อน อังเดร วิลัช โบอาส ท�ำการ กบฏ โดยการล้มศึกพ่ายแพ้แทบสิ้นแผ่นดินให้กับทัพของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้ซึ่งบรรดาเหล่าโหร พยากรณ์ได้ท�ำนายทายทักว่านี่แหละว่าที่ กษัตริย์แห่งดาวซูเลอ คนต่อไป ใจความในจดหมายถึง ทิม เชอร์วดู กล่าวว่า “ข้ามูรนิ โญ่ เจ้าเมืองเชลซี เมืองร่วมแคว้นลอนดอน เดียวกับท่าน ข้าไม่เคยขอร้องให้ท่านช่วยข้าเลยซักครั้ง แต่ครั้งนี้ข้าไม่รู้เลยว่าจะหันไปเพิ่งใคร มัน มืด 8 ด้านไปหมด ข้าจึงอยากให้ท่านน�ำทัพไปตีเมืองหลวงแอนฟิลด์ให้แหลกเหลวไม่มีชิ้นดี เพื่อเป็น การกอบกูชอื่ เสียงบ้านเมืองของท่านทีเ่ คยต้องอับอายพ่ายแพ่ยอ่ ยยับให้กบั ทัพของเบรนแดน ร็อดเจอร์ ในครั้งโบอาส ยังคงด�ำรงต�ำแหน่งผู้ปกครองเมือง ถ้าท่านสามารถชนะในศึกครานี้ได้ส�ำเร็จ ไม่เพียง แต่จะเป็นการกอบกู้ชื่อเสียงของเมืองท่าน แต่ท่านจะยิ่งได้รับการเทิดทูนจากชาวเมือง เป็นวีรบุรุษ ผู้กอบกู้เมือง และหาท่านก�ำชัยชนะล้มป้อมปราการประตูเพลสลีย์เกท และ แชงคลีย์ เกทได้แล้ว ไซร้ ข้าจะช่วยเหลือท่านโดยการมอบแคว้นซันเดอร์แลนด์ที่ปราชัยต่อทัพเวสต์แฮม ให้เป็นเมือง ขึ้นของท่าน โดยข้าจะส่งจดหมายไปยังแคว้นซันเดอร์แลนด์ให้แกล้งท�ำเป็นน�ำทัพไปตีเมืองท่าน แต่ล้มศึกปราชัย และท่านก็จะได้ซันเดอร์แลนด์ไปครอบครอง เมืองอื่นจะได้มิสงสัย หากท่านตอบ ตกลงที่จะช่วยข้าท�ำศึกในครานี้ ขอให้ท่าน ประทับตราลงบนจดหมายฉบับบนี้เลย ม้าเร็วของข้า จะน�ำกลับมาบอกข้าเอง ข้าหวังว่าท่าน ทิม เชอร์วูด ผู้มีชื่อเลื่องลือตั้งแต่ได้ขึ้นรับต�ำแหน่งปกครอง เมืองจะช่วยเหลือข้าในครั้งนี้ และข้าจะซาบซึ้งในไมตรีน�้ำใจ บุญคุณของทั้งครั้งนี้ไม่มีวันลืม” เชอร์วูด อ่านจดหมายจบแล้วเกิดความหึกเหิมขึ้น หยิ่งผยองทะนงตน ตามค�ำสรรเสริญเยินยอ ของ มูรินโญ่ เร่งสั่งทหารจัดทัพไปตี แคว้นลิเวอร์พูล หมายท�ำลายเมืองหลวงอันเลื่องชื่อ และกอบ กู้ชื่อเสียงเมืองของตน และต้องการให้ชาวเมืองเคารพสรรเสริญตัวเองในความเป็นวีรบุรุษในครั้งนี้ แต่ทว่าด้วยความประมาท ที่ทะนงตนจนเกินไปนั้นแทนที่จะกุมชัยชนะ แต่กลับปราชัยต่อทัพของ ลิเวอร์พูล ซึ่ง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ได้สั่งจัดทัพอย่างรอบคอบ ฉลาดเฉลียวไร้ที่ติ ทัพของ เชอร์วูด ปราชัยย่อยยับอับอายขายหน้ากลับมายังเมืองของตนอีกครั้ง ยิ่งเป็นการตอกย�้ำท�ำลายชื่อเสียงเมือง ของตนลงไปแทนที่จะเป็นการกอบกู้ชื่อเสียง เมื่อกลับถึง เมืองเชอร์วูด ผู้ครองเมืองเก็บตัวเงียบ อยู่ แต่ภายในห้องส่วนตัวของตนเอง โดยสั่งให้ลูกน้องเขียนจดหมายส่งไปบอกมูรินโญ่โดยนกพิราบสื่อสาร เพียงแค่ว่า “ข้าไม่อยากจะโทษท่าน แต่ความพ่ายแพ้ย่อยยับครานี้ของข้า ท่านต้องรับผิดชอบให้ The Reds - September 2013


103

September 2013 - The Reds


104

The Reds - September 2013


105

ข้า” เมื่อ มูรินโญ่ ได้รับจดหมาย เปิดอ่านเรียบร้อยแล้ว ยิ่งท�ำให้เกิดโทสะ หงุดหงิด พร้อมความกลัว อยู่ในใจลึกๆ และรู้สึกยิ่งห่างไกลจากบัลลังก์นี้ไปทุกที มูรินโญ่ จึงเรียก แซม อัลลาไดซ์ เจ้าเมือง เวสต์ แฮม มาประชุมหารือ แซม อัลลาไดซ์ ยื่นข้อเสนอขออาสาเป็นผู้ท�ำลายชื่อเสียงโค่นล้มทัพของ เมือง หลวงแอนด์ฟิลด์ เอง แต่มีข้อแม้หากท�ำส�ำเร็จ มูรินโญ่ ต้องมอบเอกราชให้กับเมืองตน อัลลาไดซ์ จะส่งจดหมายท้าทายไปยังเมืองแอนฟิลด์ให้มาท�ำซึ่งใน ถิ่นอัพตัน ปาร์ค ของตน หากไม่มาถือว่าไร้ศักดิ์ศรี โดย เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ต้องมาลงนามสัญญาการท�ำศึกครั้งนี้รุ่งเช้าและ จัดทัพท�ำศึกกับเมืองตนในตอนเย็น ในใจ แซม อัลลาไดซ์ คิดว่าครั้งนี้ตนได้เปรียบและต้องเป็นฝ่ายก�ำ ชัยชนะแน่นอน และตนจะได้เป็นเอกราชเสียที อัลลาไดซ์ ได้เชิญ แอนโทนี่ เทเลอร์ ขุนนางชั้นสูงแห่ง ดาวซูเลอ พร้อมลูกสมุนอีก 2 คนของ แอนโทนี่ เทเลอร์ มาเป็นสักขีพยานในการลงนามท�ำศึกศักดิ์ศรี ตามค�ำท้าทายจากเจ้าเมือง เวสต์แฮม ในครั้งนี้ โดย อัลลาไดซ์ ได้ติดสินบนกับ เทเลอร์ ก่อนสงคราม จะเริ่ม โดยการนัดคุยกัน 2 คนเท่านั้นว่าว่า หาก เทเลอร์ มีวิธีที่จะช่วยให้ทัพของ ร็อดเจอร์ส ปราชัย ได้ ข้าจะส่งทองแท่งให้ท่าน 10 หีบใหญ่เป็นของก�ำนัล การนัดคุยลับครั้งนั้นลูกสมุนของ เทเลอร์ ที่ยืนแอบฟังอยู่ได้ยิน เกิดโลภอยากได้ทองขึ้นมา เพราะถ้านายตนได้ทองค�ำแท่งตนก็ตอ้ งได้สว่ นแบ่งด้วย จึงคิดแผนการร้ายช่วย อัลลาไดซ์ ให้ชนะสงคราม แต่ทว่า เทเลอร์ นายของตนกลับไม่สนใจในทองค�ำ สนใจแต่ความถูกต้อง และด้วยความที่ชอบใน การวางตัวของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส แล้วด้วยนั้น จึงอยากยกบัลลังก์นี้ ให้ ร็อดเจอร์ส เป็นผู้ครอบ ครอง เทเลอร์ ได้มอบอาวุธชิ้นส�ำคัญก่อนเกมให้กับ ร็อดเจอร์ส 2 อย่าง โดยไม่มีผู้ใดรู้ว่าอาวุธชิ้นนี้ ที่ ร็อดเจอร์ส ได้รับจะท�ำให้ ร็อดเจอร์ส ชนะในสงครามท้ารบครั้งนี้ (หมายถึงจุดโทษ 2 จุดโทษ) เท เลอร์ บอกกับ ร็อดเจอร์ส ว่า “ข้าจะมอบ 2 สิ่งนี้ให้เจ้าเนื่องจากข้าถูกชะตาเจ้า ข้าไม่รู้ว่ามันจะมี ประโยชน์เพียงใดในการท�ำศึกครั้งนี้ แต่ข้าหวังว่าหากเกิดเหตุฉุกเฉิน อาวุธ 2 ชิ้นนี้จะช่วยเจ้าให้ไม่ ปราชัยได้” ทีแรก ร็อดเจอร์ส จะไม่รับเนื่องจากคิดว่าถ้ารับมาแล้วดูไร้ศักดิ์ศรี แต่ เทเลอร์ บอกว่าให้ ร็อดเจอร์ส รับไปเถอะ ไม่ใช้ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าเป็นน�้ำใจจากข้าที่อยากมอบให้ ในศึกสงครามทัพ 2 ฝ่ายบุกโจมตีกันแบบไม่ท้อถอย สู้กันแบบพลีชีพ แม่ทัพจากแคว้นลิเวอร์พูล อย่าง เจอร์ราร์ด สู้สุดใจ ไม่กลัวตาย ทหารแต่ละฝั่งแววตาเต็มไปด้วยความต้องการชัยชนะ โดยทัพ จาก แคว้นลิเวอร์พูล สู้แบบไม่ประมาทและได้เปรียบเกือบก�ำชัยชนะได้แล้ว แต่ด้วยความช่วยเหลือ จากลูกสมุนของ แอนโทนี่ เทเลอร์ ที่ในใจเต็มไปด้วยความโลภ ได้ส่งมอบอาวุธล�้ำค่าอีกชิ้นให้กับทหาร ของทัพ เมืองเวสต์แฮม ทัพของ ลิเวอร์พูล ก�ำลังเริ่มถดถอย ร็อดเจอร์ส ครุ่นคิดว่าจะท�ำเช่นไร นึก อยู่พักหนึ่งจึงตัดสินใจใช้อาวุธที่ เทเลอร์ มอบให้ และสุดท้ายศึกครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ เบรนแดน ร็อด เจอร์ส บุรุษตามค�ำท�ำนายของโหรเมืองต่างๆ ท�ำนายว่าเค้านี้แหละว่าที่กษัตริย์คนต่อไปแห่งดาวซูเลอ ก็ก�ำชัยชนะได้อีกครั้ง ด้วยความฉลาดเฉลียว ของร็อดเจอร์ และความใจสู้ของนักรบผู้กล้า ความเด็ด เดี่ยวของแม่ทัพอย่างเจอร์ราร์ด ท�ำให้ได้รับชัยชนะนัดนี้ แม้จะยากและใช้เวลายาวนานแต่คุ้มค่า ใกล้ บัลลังก์ไปอีก 1 ก้าว.... ศึกท้ารบจบลงไป อัลลาไดซ์ ปราชัยจึงยังคงเป็นเมืองขึ้นของ เชลซี ต่อไป มูรินโญ่ ยังคงคิด แผนการต่อไป แต่ไม่เพียงแค่ มูรินโญ่ ศึกชัยชนะครั้งนี้รู้ไปถึงหูของ เปรเยกินี่ ที่เพิ่งได้รับชัยชนะหลัง จากน�ำทัพไปตีแคว้น เซาท์แฮมตัน เพื่อรวบรวมกองก�ำลังของตนให้แข็งแกร่งขึ้น เปรเยกินี่ ก็เริ่มคิด แผนการชั่วร้ายหมายชิงบัลลังก์ด้วยเช่นกัน สงครามครั้งนี้จะเป็นไงต่อไป หามีใครรู้ไม่ เบรนแดน ร็อด เจอร์ส บรรดาเหล่านักรบและ ชาวเมืองลิเวอร์พูล ยังคงเชื่อมั่นและศรัทธาว่า แคว้นของตนจะยิ่งใหญ่ ที่สุดใน ดาวซูเลอ หลังสิ้นสงครามชิงบัลลังก์นี้แน่นอน โปรดติดตามตอนต่อไป.... เปี๊ยกบางใหญ่ September 2013 - The Reds


106

T he Match

The Reds - September 2013


107

September 2013 - The Reds


108

FT : Liverpool 3-2 Manchester City ยุทธศาสตร์ยิ่งใหญ่ ความตั้งใจเด็ดเดี่ยว มื้อนี้เราจะเคี้ยวข้าว และทุบหม้อข้าว ตีแหกฝ่าวงล้อม ลุยเรือใบข้าศึก นึกถึงความเป็นใหญ่ ดีกว่าไปเป็นทาส (กลางตาราง) . . . นักรบคือนักรบ นักสู้แห่งแอนฟิลด์ ตีฝ่าทัพแมนยู ตายหรืออยู่ไม่สําคัญ คืนนี้อย่าหลับไหล แหกวงในวงล้อม อ้อมออกจากแมนยู ไปเข้าจมเรือใบ วันนี้ เปี๊ยกบางใหญ่ เป็นเกียรติอย่างยิ่งได้รับเชิญจาก พี่บูม ประธานชมรมลิเวอร์พูลไทย แลนด์แฟนคลับ ให้ไปร่วมงาน Red Party เล็กๆ ณ ร้านอาหารดงตาล ณ ร�ำเพย ใน สโมสรสนาม กอล์ฟกรมชลประทาน ปากเกร็ด นนทบุรี โดยเก็บค่าร่วมงานครั้งนี้แค่คนละ 100 บาท เด็กๆ เข้า งานฟรี กินฟรีไม่อั้น งานนี้ สาวกลิเวอร์พูล เลยพร้อมใจกันมาร่วมงานครั้งนี้เพื่อมาเชียร์กันโดยมิได้นัด หมาย ดูเหมือนเป็นงานเล็กๆ แต่ก็....มันสะเด่าไปเลยอีน้องงงงงงงงง เข้าเรื่องวันนี้ ลิเวอร์พูล ทัพว่าที่แชมป์ในอีกไม่กี่ก้าวพบศึกใหญ่เปิด แอนฟิลด์ ต้อนรับ เรือ ใบสีฟ้า “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” งานนี้คือศึกแห่งศักดิ์ศรีแทบจะตัดสินได้เลยว่าใครจะได้เป็นว่าที่แชมป์ พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ อีกทั้ง ลิเวอร์พูล เองอยากจะมอบชัยชนะนัดนี้แด่ 96 ชีวิต ที่สูญเสียไปใน เหตุการณ์ ฮิลส์โบโร่ เมื่อวันที่ 15 เมษายน 1989 ซึ่งคืออีก 2 วันถัดไปนับจากแมทนี้วันที่ ลิเวอร์พูล ลงเตะคือวันสงกรานต์ ที่ 13 เมษายน 2014 ซึ่งปีนี้เป็นการ ครบรอบ 25 ปี เหตุการณ์ฮิลส์โบโร่ ด้วย เช่นกัน ร็อดเจอร์ส และ เปรเยกินี่ มีใครยยอมใครที่ไหน ก็จัดทัพลงบู๊เต็มสูบ แน่นอน เปี๊ยก ก็จัดเต็ม สูบทั้งรอยสักบนหน้ากลางหน้าผากว่า เด็กหงส์ พร้อมกับกินไม่อั้นไปเด้!!! เริ่มเกมมา ลิเวอร์พูล บุกกดดันได้ดีกว่ามากเล่นแบบบู๊เต็มสูบ และแล้วสาวกหงส์แดงก็ได้เฮจน ได้ เฮกันดังๆ ดังลั่นทั้งร้านไม่ต้องอายใครเพราะ ณ วันนี้ที่นี่คือถิ่นของ สาวกลิเวอร์พูล 5555+ ….. น้องริ่ง เล่นดีวันดีคืนยิงประตูเจิมให้ทีมเจ้าบ้าน ถิ่นแอนฟิลด์ อย่าง เครื่องจักรสีแดง ออกน�ำไปก่อน 1-0 จากนั้นยิ่งเล่นยิ่งคึก ลิเวอร์พูล ครองเกมบุกกดดันได้ดีกว่า เรือใบ มากมาย กองเชียร์กินไปลุ้นไป และแล้วก็ได้เฮกันดังๆ สนั่นหวั่นไหว จับมือเพื่อนข้างๆ แชมป์ๆ นาทีที่ 26.38 ต้องมีวินาทีด้วย พี่บูม แอบมากระซิบไว้ตอบค�ำถามของรางวัลตอนพักครึ่ง ลูกประตูลูกที่ 2 จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากกอง หลังจอมท�ำประตูอย่าง มาร์ติน สคอร์เทล ที่ ณ ตอนนี้แกท�ำประตูไปถึง 7 ประตู มากกว่ากองหน้าทีม เพื่อนบ้านเมือง แมนเชสเตอร์ รวมกันอีกนะ อุ้ยยยยย! แหม่... โหม่งได้สะใจจริงๆ จากลูกเปิดเตะมุมแม่งโคตรเทพอ่ะ พี่โหด โหม่งถูกฝั่งจนได้ติดผังดาว ซัลโว 5 อันดับแรกประจ�ำฤดูกาลของทีมด้วยนะเออ ไม่ธรรมดาจริง ปรบมือ แปะ แปะ แปะ ..... หลัง จากนั้นก็ท�ำไรกันไม่ได้จบเกมแบบน�ำ 2-0 รูปเกมก็ไม่ได้เป็นรอง บู๊สะใจดี แน่นอน เปี๊ยก และเหล่า กองเชียร์ที่งานก็ต้องเริงร่าสิขอรับ ไม่ต้องถาม ทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันไม่ต�่ำกว่า 4 ประตู ช่วง พักครึ่ง 15 นาที ก็ไปท�ำหน้าที่พิธีกรแจกรางวัล ถามค�ำถามกับ พี่หมูต้อม นิชคุณ คูกิมิยะ (ถูกเปล่า ไม่รู้ชื่อยาวเป็นบ้าเลย) ทุกคนก็เดินตักอาหารในงานอิ่มน�้ำส�ำราญใจ ที่เมนูมีทั้ง ต้มย�ำเรือแตก ย�ำวุ้น The Reds - September 2013


109

September 2013 - The Reds


110

The Reds - September 2013


111

เส้นหอยทะเล ปีกไก่เดือยหัก ผัดผักกลางตาราง เป็นต้น หลังจากกิจกรรมแจกของเสร็จเรียบร้อยศึก ครึ่งหลังก็ก�ำลังเริ่มต้นขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิดว่า ครึ่งหลังไม่ต�่ำกว่า 4 ประตูจริงๆ และจะต้องลุ้นเยี่ยว เหนียวขนาดนี้ !!!!!! เริ่มครึ่งหลังมา แมนซิตี้ ดูจะบุกเอาๆ ลิเวอร์พูล เหมือนเริ่มผ่อนเกมไปหลังจากน�ำอยู่ 2 ลูก เปี๊ยก แอบแว๊บไปเข้าห้องน�้ำ พอออกมาเท่านั้นแหละ ท�ำไมเสียงเงียบๆ ไม่มีใครเจี๊ยวจ๊าวเหมือนตอน ต้นเกมเลย พอดูที่จอเห็นสกอร์เท่านั้นแหละน�้ำตาจะไหล ..... โอ้ววว จอร์จมันไล่มาแล้ว 1-0 จาก ซิลบา นาทีที่ 57 ไม่นะไม่ เรือใบ บู๊หนักมากตอนนี้ ทุกคนไม่กระพริบตาไม่พูดไม่คุยไม่กิน ลุ้นมากและแล้วถัดมา อีกแค่ 5 นาทีเท่านั้นแหล่ะ สิ่งที่ สาวกหงส์แดง ไม่อยากเกิดมันก็เกิดขึ้นแล้ว ละครดราม่า 2-2 จากการ ท�ำเข้าประตูตัวเองของ จีเจ โอ้ม่ายยยยยยยยยยย ตอนนี้กองเชียร์ที่ร้านร้องโหยหวนราวกับโดนโบย และจะขาดใจตาย เปี๊ยก ก็รู้สึกโดนกระซวกหัวใจ กระอักเลือด (เวอร์ไปปะ) ในใจคิดแต่ว่า “เชื่อมั่น และ ศรัทธาปาฏิหาริย์จะบังเกิด” พูดประโยคนี้ซ�้ำกันหลายรอบมากมาย เพราะอยากให้แมทช์นี้เรา ก�ำชัยชนะมอบเป็นของขวัญแด่พวกเรา ขึ้นปีใหม่ไทย และ 96 ชีวิตที่จากไปในเหตุการณ์ฮิลส์โบโร่ นาทีที่ 68 มาแล้วครับทาน กุน!!!!!! ลงมาแล้วเป็นการเปลี่ยนตัวคนสุดท้ายของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บัก กุน หน้ามุ่งมั่นลงมาด้วยความหวังจะยิงประตูย�้ำชัยชนะ ตอนนี้กองเชียร์เงียบมาก สายตา ทุกคนจับจ้องไปยังทีวี มีแต่เสียงโอ้ย อูย อย่านะ แม่เจ้า แบบลุ้นมากกกกกกก เยี่ยวเหนียวสุดๆ แบบว่าลุ้นโว้ยยยย เปี๊ยก คิดว่านิ่วถามหากันทั่วประเทศ แน่นอนคนที่เชียร์หรือจะฟังวิทยุอยู่ทุกที่ที่ เป็น แฟนหงส์ ลุ้นทั้งกองเชียร์กองแช่งลุ้นหัวใจจะวายไม่ต่างกัน เปี๊ยก ได้จับไมค์พากย์ก็จะร้องเพลง พระเจ้าตาก เพื่อปลุกเร้าให้นักเตะสุดหัวใจ เปี๊ยก อยากจะท�ำตาอ้อนวอน มาร์ค แคลตตันเบิร์ก กรรมการอันหล่อเหล่าที่สุดในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปิ๊ง ปิ๊ง ขอจุดโทษหน่อยสิ และแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สิ่งที่ สาวกหงส์แดง ไม่คาดฝันก็มาถึง เฮกัน โดยไม่ได้นัดหมายนาทีที่ 78 คูตินโญ่!!!!! ท�ำประตูออกน�ำเรือใบเป็น 3-2 แทบอยากจะร้องไห้ เฮกัน แบบวัดไม่ได้เลยว่ากี่เดซิเบล กอดคอกันแบบว่ากูได้แชมป์แล้วโว้ยยย อารมณ์มันแบบว่า อึดอัดตื้นตัน ไม่สามารถบรรยายได้ส�ำหรับการท�ำประตูของ คูตี้ จากนั้นก็ลุ้นแบบตั้งใจ นักเตะสู้ไม่ถอย นาทีที่ 90 เฮนโด้ พลีชีพเพื่อแชมป์ เข้าเสียบหนักแม้ไม่มีใครเจ็บ แต่ มาร์ค แคลตตันเบิร์ก จารย์แมทช์นี้ไม่ลังเล ควักใบแดงให้ เฮนโด้ ไปอาบน�้ำก่อนเพื่อน หลังจากนั้นป้ายทดเวลาก็ถูกชูขึ้นแม่เจ้าโว้ยยยยยยย ทด อะไรเยอะแยะ 5 นาทีที่แสนยาวนานรู้ไม่ว่าท�ำลาย ทรมานสุขภาพจิต สาวกเครื่องจักรสีแดง เหลือ เกิน จารย์กลับบ้านได้แล้ว เป่าเถอะ เป่าเลย พวกเราก็ต่างลุ้นให้ได้ยินเสียงนกหวีดปิดเกม และแล้ว ไม่นานนักความฝันของพวกเรา เดอะ ค๊อป ก็เป็นจริง กัปตันถึงกับหลั่งน�้ำตา นักเตะและกองเชียร์ดีใจ แบบว่าแชมป์แน่นอนแล้วววววว มันสุดยอดมาก เห็นกัปตันเจอร์ราดหลั่งน�้ำตาแล้วแทบอยากร้องไห้ ตาม เจอร์ราร์ด กล่าวทิ้งท้ายว่า “เราจะไปท�ำแบบนี้กับนอริชอีกครั้ง” หลังจากทุกคนพักเหนื่อยหายใจกันทั่วท้องพร้อมปลื้มปิติยินดีที่ แอนฟิลด์ ยังมีมนต์ขลัง นรก ของทีมเยือนโว้ยยยยยยแล้ว ณ กิจกรรม เปี๊ยก ก็ท�ำหน้าที่พิธีกรงานแจกของแจกรางวัล ทุกคนชื่นมื่น กับการจมเรือใบครั้งนี้ ต้องบอกเลยว่าขอบคุณสวรรค์ที่ท�ำให้สิ่งที่ เปี๊ยก ขอไว้เป็นจริง คือการออกไป เชียร์กับเหล่า สาวกหงส์แดง แบบจริงจังครั้งแรก ลิเวอร์พูล ของเราไม่แพ้นะครับท่าน แล้วก็เป็นการ ท�ำสถิติ จัดที่ ร้านดงตาล ณ ร�ำเพย มาในฤดูกาลนี้หงส์แดงยังไม่แพ้ใคร สุดยอดไหมล่ะ ต้องบอกเลย ว่ากิจกรรมสนุกมาก อิ่มท้องด้วย 55555 มีโอกาสก็จะไปอีกแน่นอน ขอบคุณ พี่บูม ประธานชมรม ลิเวอร์พูลไทยแลนด์แฟนคลับ มา ณ ที่นี้ด้วย ชัยชนะนัดนี้ของมอบแด่ 96 ชีวิตที่จากไป JUSTICE FOR THE 96 HILLSBOROUGH TRAGEDY 25TH ANNIVERSARY. YOU’LL NEVER WALK ALONE. เปี๊ยกบางใหญ่ September 2013 - The Reds


112

T he Match

The Reds - September 2013


113

September 2013 - The Reds


114

FT : Norwich 2-3 Liverpool นัดนี้พญาหงส์ต้องบุกไปยังถิ่นนกขมิ้น งานนี้อังเดร มารินเนอร์รับหน้าที่อันทรงเกียรติ เป็นอาจารย์เป่านกหวีดในเกมครั้งนี้ บ่องตงมันไม่ง่าย....! ครึ่งแรกสบายๆ ชิวๆ ราฮีม น้องริ่ง ของเราคาดว่าน่าจะได้ MOM ในเกมนี้ เปิดซิงพิฆาต นกขมิ้น ขึ้นน�ำก่อนนาทีที่ 4 จากนั้น ดาวซัลโวว่าที่นักเตะยอดเยี่ยมถ้าไม่โดนหมั่นไส้และผู้ครอง ต�ำแหน่งรองเท้าทองค�ำ จัดซัลโวลูกที่ 2 เป็นประตูที่ 30 ของฤดูกาล ท�ำลายสถิตินักเตะลิเวอร์พูล ทุกรายไปแล้วเรียบร้อย รอท�ำลายสถิติ อลัน เชียร์เรอร์ คนเดียวเท่านั้น อีก 3 ก้าว กับ 6 ลูก... เหมือนจะชิลๆ จบครึ่งแรกแบบสบายๆ จะไปตดท�ำธุระดื่มน�้ำปัสสาวะ กระพริบตา ถอน ขนรักแร้ สบายๆ ถึง นอริช จะสู้ตายท้ายครึ่งแรกก็เถอะ .... แต่พอครึ่งหลังเท่านั้นแหละ กระ พริบตาก็ไม่ได้ ขยับจากหน้าจอทีเป็นเรื่องเลย พลาดไม่ได้ซักช๊อท และแล้ว นาทีที่ 54 นกขมิ้น ไม่ยอมแพ้ ฮูเปอร์ จัดการซัลโวประตูตีไข่แตกไล่มา เป็น 1-2 ณ จุดนี้ สาวกเครื่องจักรสีแดง เริ่มมีอาการจุกเสียด นิ่วถามหา โอ้วววววว จอร์จจจจจจ นกขมิ้น ยอมแต่โดยดีเถอะ อย่าท�ำให้ แฟนหงส์ เป็นนิ่วมันบาปนะ ต้องผ่าตัด รักษายาก ฉี่ไม่ออก T^T

The Reds - September 2013


115

September 2013 - The Reds


116

ผ่านมาเกือบ 10 นาที นาทีที่ 62’ เจ้าหนูริ่ง ฟอร์มเด่นในเกมนี้มากมายมหาศาล จัดประตู ที่ 3 ให้ลิเวอร์พูล น�ำห่าง 1-3 เอ้า ค่อยโล่ง ใกล้จะเข้าสู่นาทีที่ 80 นกขมิ้น ฮึดสู้ไม่ยอมตายยยยย คารัง โรเบิร์ต สน็อดกราสส์ ที่ไม่ได้จุดธูปขอให้ยิงเล้ยยยยย มึงยิงทามมายยยยยยยยยยย อยาก จะร้องไห้ ถึงจะน�ำอยู่แต่หัวใจมันไม่แข็งแรงนะ อย่าท�ำให้เจ็บช�้ำกว่านี้เลย เปี๊ยก ขอร้องงงงงง เข้าสู่ 5 นาทีสุดท้ายที่แสนยาวนาน จารรรรรรย์เป่าเต๊อะ เล่น 85 นาทีพอ แพมเพิร์ด เปียก เต็มแล้ว หนักด้วย ไม่ไหวแล้ว ต้องการถังออกซิเจนด่วน ยาอม ยาหอม ยาดม เครื่องช่วยหาใจ เครื่อง ปั๊มหายใจ ตอนนี้มีอะไรช่วยบรรเทาอาการหอบหืด หายใจไม่ทั่วท้อง จุกแน่น หัวใจจะวาย เตรียม มาไว้ข้างๆ ได้เลย นกขมิ้น บุกหนักมาก หงส์แดง ท�ำอัลไล ร๊อดเจอร์ส บอก พอล่ะไม่บุกล่ะเก็บแรง ไว้ในลิ้นชัก ไว้เจอกับ เชลซี เลยส่งหลังลงมา 5 !!! คือแบบว่าไม่บุกแล้วจริงๆ หรอ??? ขนาดอัดแน่น 5 คน ป๋าจีเจ ยังท�ำเสียศูนย์เกือบโดนเสมอ ห้วยยยยยยย.... สาวกเครื่องจักรสีแดงเลยภาวนา งั้น จารย์ข้างสนามยกป้าย 1 นาทีพอนะไม่ไหวแล้ววว เดี๋ยวได้แห่กันไปโรงพยาบาลทั้งประเทศ!!! แม่เจ้า เลข 4 หรา อยู่บนป้ายทดเวลา จารย์!!!! ทดไรเยอะแยะรีบกลับบ้านไปหาลูกหา เมียเร้วววว ไม่ต้องทดเยอะ ปวดฉี่ นิ่วจะกินอยู่แล้วววววววว โอ้ยยยยยมันยาวนานมากกกกกกก แล้วไอ้ลูกที่ 4 ที่เกือบจะท�ำได้ หม่อมเหยิน แกก็ใจกว้างอยากจะปั้น เทพลู ผู้ยิ่งใหญ่ซะงั้น ไม่ ต้องปั้น ปั้นท�ำม๊ายยยยย ซัดเองตาข่ายพังไปแล้ว..... นักเตะหงส์ จังหวะนี้ก็ไม่คิดอะไร ลูกมาจัด หนัก บอมบ์อย่างเดียว บอมบ์ไปดาวอังคารเลยเพ่ !!!! และแล้วในที่สุด มารินเนอร์ ก็นึกอยาก กลับบ้านแล้วเป่าจบเกม หมดเวลา พญาหงส์ บุกมาเฉือนพิฆาต นกขมิ้น ตายคารัง 2-3 เราขอ มอบของขวัญนี้กลับไปให้ ซันเดอร์แลนด์ และ บอรินี่ ^^ ณ จุดนี้ รีบวิ่งไปฉี่ แล้วมาเขียนหลังเกมถามฟินไหม ฟินดิ (ที่ฟินเพราะอั้นมานาน ปล่อย ออกแล้วสบายกระเพาะปัสสาวะ 55555) เป็นอีกเกมที่เรียกว่า วิถีของ เครื่องจักรสีแดง ไม่ ชอบชนะแบบง่ายๆ ไม่เสียวพอทีมจะเป็นแชมป์ต้องหนทางขรุขระ แล้วเราจะได้ภูมิใจสุขี พูน สวัสดิ์ (หรอ?) .... ไม่เอานะแมทช์เจอ เชลซี ขอให้ แอนฟิลด์ เป็นนรกของทีมเยือน ถล่มแบบ อาร์เซนอล จิก ไก่ ตาแตก จม เรือใบ แต่ไม่ต้องเล่นแบบนิ่วถามหากองเชียร์ได้ป่ะ ย�ำหอยทะเล เปรี้ยวๆ สะใจแบบไม่ต้องพกยาดม นะ เปี๊ยก ขอร้อง ลูกทีมก็บ้าจี้ตามเฮียเจิดที่บอกว่าเราจะ ชนะนอริชแบบเกมเจอ แมนซิตี้ จะเป็นลม อีก 3 ก้าว แล้วเราจะได้เห็นกัปตันชูถ้วย ไม่กลัวอะไรทั้งนั้นโว้ยยยยยย สถิติตอนนี้ ลิเวอร์พูลยิงไปแล้วครึ่งแรก 58 ท�ำลายสถิติ แมนยู ที่ยิงไป 56 ประตู และ มากกว่า อาร์เซนอล เกือบ 20 ประตู เอ้าอีกนิดนะ ลิเวอร์พูล ขอประวัติศาสต์ ปู่บิลล์ แชงคลีย์ ซ�้ำรอย ฉลองแชมป์ รอบ 24 ปี แด่การครบรอบ 25 ปี เหตุการณ์ฮิลส์โบโร่ ที่มีผู้เสียชีวิต 96 คน และเราจะไปทวง ถ้วย UCL สมัยที่ 6 คืนในรอบ 10 ปี และเป็นที่น่าปลื้มปิติแก่ เปี๊ยกบางใหญ่ ที่ตามเชียร์ตั้งแต่ อายุ 13 จนบัดนี้ 23 ถ้าเราได้แชมป์ UCL จะอยู่ช่วงปี 2015 10 ปีที่รอคอย สถิติตัวเลขเป็นใจ ขนาดนี้ ต้องซื้อหวย เอ้ยคว้าแชมป์แล้วล่ะนะ เครื่องจักรสีแดง “เชื่อมั่นและศรัทธา ปาฏิหาริย์จะบังเกิด Only Believe and Make Us Dream” You’ll never walk alone. ขอข้อความเล็กๆ ถึงเฮียเจิด อย่าปั่นหัวลูกทีมไม่เอาแล้วเกมแบบแมนซิตี้ แบบนอริช กับ เชลซี และนัดต่อๆ ไป เปี๊ยกไม่เอาเด้อ สาธุ เปี๊ยกบางใหญ่ The Reds - September 2013


117

September 2013 - The Reds


118

T reatise

The Reds - September 2013


119

September 2013 - The Reds


120

The Reds - September 2013


121

Raheem Sterling น่าจะถือได้ว่าเป็นดาว รุ่งที่โดดเด่นที่สุดคนนึงของวงการฟุตบอลอังกฤษ ณ ชั่วโมงนี้ กระนั้นเขาก็ไม่ใช่เด็กที่ดูหลงระเริงในความ ส�ำเร็จแต่อย่างใด ยังคงท�ำงานอย่างเต็มที่ พูดง่ายๆ ว่า ตาแม้จะมองดูดาว แต่เท้าก็ยังคงติดดิน --------------------------------------หลายๆ คนอาจจะไม่ทันสังเกตุว่าดาวเตะวัย 19 ปี รายนี้หากถอดเสื้อออก แขนซ้ายของเขาจะเต็มไป ด้วยรอยสักตั้งแต่หัวไหล่ไปจนถึงข้อมือกันเลยทีเดียว เชียว บนจุดสูงสุดของรอยสักทั้งหมดที่แขนซ้ายของ เขา คือรูปและชื่อของลูกสาวของเขา Melody Rose -“นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับชีวิตของเขา” ลูกสาวของเขาถือก�ำเนิดขึ้นเมื่อปี 2012 หลังจากที่เขา กับแฟนสาวมีสัมพันธ์กันด้วยระยะเวลาสั้นๆ แต่นี่คือ ลูกคนเดียวของเขา ท่ามกลางข่าวลือไร้สาระมากมาย ว่าเขานั้นแอบมีลูกถึง 4 คน หากคุณค้นหาทาง Internet, คุณจะค้นพบข่าว ลือว่า ‘Raheem Sterling มีลูกสี่คน’ ตรงนี้เจ้าตัว Raheem เองกลับประชดออกสื่อว่า ใครบอกว่า 4 มี 8 ต่างหาก แต่นั่นยิ่งท�ำให้คนชอบเม้าท์ในโลกไซเบอร์ บ้าบอกันไปใหญ่ บางรายถึงขั้นเกลียดขี้หน้าเขา สื่อก็ คิดกับเขาในแง่ลบ แต่เอาจริงๆ เลย “เคยมีการยืนยัน ว่าเขาได้ท�ำเรื่องร้ายๆ จริงๆ อย่างที่ข่าวลือว่าหรือ ไม่ ?” สิ่งที่น่าจะท�ำให้เขามีชื่อเสียงในแง่ของการเป็น Bad Boy ก็คือคดีที่เขาต้องขึ้นศาลในข้อหาท�ำร้าย ร่างกาย ซึ่งตอนหลังได้รับการยกฟ้องเพราะผู้เสียหาย ไม่ยอมมาศาล และเมื่อกันยายนที่ผ่านมา เขาก็ถูกกล่าวหาว่า ท�ำร้ายร่างกายแฟนเก่าของตัวเอง แต่แล้วศาลก็ยกฟ้อง เช่นกันเพราะหลักฐานไม่พอ เขารูว้ า่ เขานัน้ “อาจจะท�ำ ความผิดพลาด” จนท�ำให้ตัวเองมีปัญหาในอดีต แต่ ประสบการณ์ร้ายๆ ในวันเยาว์ก็ช่วยเขาให้เติบโตเป็น ผู้ใหญ่เร็วขึ้น เมื่อย้อนกลับไปถึงรอยสักของเขา ในส่วนไบเซ็บ ด้านใน มีข้อความว่า “ขอบคุณคุณแม่ส�ำหรับ 9 เดือน ที่แม่อุ้มท้องผม ผ่านช่วงเวลาแห่งความยากล�ำบาก September 2013 - The Reds


122

และทุกข์ทรมาน” ครับ คุณแม่ของเขาชื่อ Nadine - ซึ่ง Raheem มักจะแซวว่าเป็น Jose Mourinho … Raheem นั้น มักจะพูดถึงคุณแม่ของเขาว่าเป็นส่วนส�ำคัญของชีวิต ของเขา แม่มักจะเป็นคนสั่งการ เป็นแม่ทัพว่างั้นเหอะ ซึ่งตัวเขาก็พยายามจะฟังแม่ เพราะส่วนใหญ่สิ่งที่แม่ พูดนั้นถูกต้อง คุณแม่ของเขามักจะคิดว่าเธอรู้เกี่ยว กับฟุตบอล มักจะวิจารณ์ฟอร์มการเล่นของลูกชาย ตัวเอง ประมาณว่า ช่วงนี้ฟอร์มแย่นะ บางทีก็โทษว่า ไม่รู้จักฟังแม่เลยเล่นแย่ลง เรียกว่า Mourinho ชัดๆ และตัวเธอเองก็คิดว่าเธอคือ Jose Mourinho ชอบ สั่งการ ชอบวิจารณ์ ชอบแน่ะแนวทางการเล่น แต่ตัว Raheem ก็ฟังแม่เสมอ คุณแม่ของ Raheem ย้ายออกจาก Maverley, Jamaica มาอยู่อังกฤษเมื่อตอนที่ Raheem นั้นอายุได้ 5 ขวบ เธอหางานท�ำได้ Sterling ถูกไล่ออกจากโรงเรียนสมัยประถม เพราะ มีปัญหาด้านพฤติกรรม ด้านนิสัย และต้องใช้ เวลาสามปีที่ โรงเรียนพิเศษอย่าง Vernon House special school, ซึ่งเขาถูกคุณครูคนนึงกล่าวว่า “หากว่านายยังคงท�ำตัวแบบที่นายท�ำอยู่ ตอนอายุ 17 นั้นนายอาจจะได้เล่นบอลให้ทีมชาติอังกฤษหรือ ไม่ก็ติดคุก ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง” เป็ น การท� ำ นายที่เรียกว่าสั่นสะเทือนพอควร เพราะแม้ว่าเขาจะเป็นเด็กมีปัญหา แต่ครูก็คงเห็นเช่น กันว่าเขาเป็นนักฟุตบอลที่มีพรสวรรค์คนหนึ่ง Sterling ไปสังกัดสโมสร QPR ในวัย 11 ปี และได้รับชื่อเล่นว่า ‘Raheem Park Rangers’ จาก เพื่อนฝูง จากที่มีหลายต่อหลายทีมให้ความสนใจในตัว เขา เขาเลือกที่จะมาอยู่กับ Liverpool ในวัยเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น กุนซือทีมชาติอังกฤษคนปัจจุบัน ปู่ Roy Hodgson ได้ให้โอกาส Sterling ลงสนามเป็นนัดแรกในทีม ชุดใหญ่ของ Liverpool ในวัยเพียงแค่ 15 ปี ซึ่งเป็น เกมอุ่นเครื่องกับ Borussia Monchengladbach เมื่อปี 2010, ก่อนที่ Kenny Dalglish จะให้โอกาส เขาลงเล่นในทุกชุดใหญ่อย่างเป็นทางการจริงๆก็คือ เกมกับ Wigan เมื่อเดือนมีนาคมปี 2012 ในวัย 17 ปี The Reds - September 2013


123

September 2013 - The Reds


124

The Reds - September 2013


125

ดาวเตะตัวเล็ก ร่างไม่สูง แค่ 5 ft 7 ถูกนักเตะ ที่อายุมากกว่าชนเซไปเซมา ก็ยังคงสู้ไม่ถอย เพียงแค่ ว่า ณ ปัจจุบันนี้เขานั้นร่างกายหนาขึ้น แกร่งขึ้น และ Hodgson ก็แสดงให้เห็นชัดเจนเช่นกันว่า Sterling นั้นอยู่ในห้วงความคิดของเขาอันว่าด้วยทีมที่จะใช้ใน ศึกฟุตบอลโลก “เขาได้ เ ห็ น ผมเล่ น และผมคิ ด ว่ า เขาชอบ แนวทางการเล่นของผม มันเป็นอะไรที่ดีจังที่มีเขา เป็นผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ” Sterling ได้เคยกล่าว ไว้ “เขามอบแรงจูงใจที่ดีต่อผมให้ท�ำผลงานให้ ดีขึ้น เขาโอบไหล่ผมเป็นก�ำลังใจให้ผมว่าผมนั้น สามารถท�ำได้ดีขึ้นกว่านี้” ในอีกด้านนึง Raheem Sterling ก็ได้กล่าวว่า ผู้จัดการทีม Liverpool นาย Brendan Rodgers เองก็ได้ช่วยเขาอย่างมากมายเช่นกันทั้งในและนอก สนาม ฟอร์มของ Sterling กับ Liverpool โดดเด่น สุดๆ นับตั้งแต่ Christmas เขายิงไป 8 ประตูแล้ว ในฤดูกาลนี้ และสร้างโอกาสอีกเพียบ เขานั้นยกให้ Brendan Rodgers มีอิทธิพลต่อผลงานทั้งหมดของ เขา. “เขาช่วยผมเยอะเลยครับ” Sterling กล่าว “ไม่ใช่แค่แนวทางการเล่นบอลของผมเท่านั้น แต่ หากว่าผมต้องการปรึกษาใครซักคนนอกสนาม เขา จะอยู่ตรงนั้นเพื่อผม ผมคงจะต้องยกเครดิตให้กับ เขาและขอบคุณเขาอย่างมาก” --------------------------------สถิติและตัวเลขต่างๆ ของ Raheem Sterling 50 - Premier League กับ Liverpool 8 - ประตู ใน Premier League 3 - ประตู ในทีมชาติอังกฤษชุด U-21 ในการลง สนาม 8 นัด 2 - จ�ำนวนนัดในทีมชาติชุดใหญ่ 17 - อายุของเขาในการติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้ง แรกนัดเจอกับ Sweden September 2013 - The Reds


126

คาดการณ์ไว้ท้ายเล่มที่แล้ว ว่า หากเราสามารถเอาชนะ เรือใบ สีฟ้า และ สิงโตน�้ำเงินคราม ได้ โอกาสเป็นแชมป์ น่าจะสูง กว่า 95 เปอร์เซนต์ แต่ในความเป็นจริง เราสามารถบด เรือใบสีฟ้า ได้เพียงทีม เดียว ขณะที่เราต้องพ่ายแพ้ต่อความเก๋าเกม ของ มูรินโญ่ พร้อมทั้ง เสีย หนึ่งแต้มที่มากมายคุณค่า แต่ถึงกระนั้น เราเองยังอยู่บนเส้นทางสายลุ้น แชมป์ อยู่ดี จะ แชมป์ หรือไม่ ถึงตรงนี้คงยังตอบไม่ได้ ทั้งสิ้นอาจต้องรอจนนัด สุดท้าย แต่นคี่ อื ฤดูกาลทีเ่ ราเกินเป้าหมายมาไกลเหลือเกิน จากเป้าหมาย แรก คือติด หนึ่งในสี่ เพื่อเดินทางกลับเข้าสู่สายเส้นทางยุโรป กลับก้าว ถล�ำมาไกลจน เบียดแชมป์ กันจนถึงวันนี้ นับว่าเรามาไกลจนน่าตะลึง คงต้องขอบคุณทุกผู้คนที่เกี่ยวข้องกับ สโมสรลิเวอร์พูล จริงๆ โดย เฉพาะ เหล่าขุนพลนักเตะ และ ผู้จัดการหนุ่ม คนเก่ง ใกล้จบฤดูกาลกันอีกแล้ว ปีแห่งความสุข ฤดูกาลทีน่ า่ หลงใหล ก�ำลัง จะผ่านไป ฉบับหน้าเราคงรู้ทุกบทสรุป ว่า ท้ายสุดเราดีพอไหม ส�ำหรับ ค�ำว่า แชมป์ แม้หากว่าเรายังไม่ดีพอ ผมยังเชื่อว่า เราเองก็พร้อมจะท้า ชิงต่อไปอีกหลายปี เพราะดูเหมือนว่าเราจะมาถูกทาง เช่นกัน ครับ The Reds Magazine ก็ยังพร้อมเดินร่วมทางต่อ ไป อาจเพราะพื้นฐานแห่งหัวใจศรัทธา บางความเชื่อ บนบางประโยค ที่ว่า “ก้าวไป ก้าวไป ด้วยความหวังในหัวใจคุณ และคุณจะไม่เดิน เดียวดาย” เพราะถึงวันนี้พวกเราเหล่าทีมงาน ไม่เคยเดียวดาย จริงๆ คงได้แต่เพียงกล่าวเกริ่น ว่า “แด่ อีกหนึ่งฤดูกาลในร่องรอย แห่งความทรงจ�ำ” การิน ธนะอมรทัต บรรณาธิการ The Reds - September 2013


127

หากคุณพลาด ติดตามลิ้งค์ทุกฉบับ ได้ที่

September 2013 - The Reds


128

The Reds - September 2013


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.