The reds magazine 7

Page 1

1

September 2013 - The Reds


2

A scout about a player on trial at Liverpool : “He has football in his blood!” Bill Shankly : “You may be right, but it hasn’t reached his legs yet.” แมวมอง กล่าวถึงนักเตะที่มาทดสอบที่ ลิเวอร์พูล ว่า “หมอนี่ มีฟุตบอลอยู่ ในสายเลือด” บิลล์ แชงค์ลีย์ : “ถูกของคุณ, เพียงแต่มันยังไม่ลงไปถึงขา”

The Reds - September 2013


3

ผ่านกันมาได้ด้วยกันอีกหนึ่งเดือน กับสถานการณ์ของทีมรักที่ดูแปลกๆ เล็กน้อย เพราะ เล่นเอางงงันกันไปกับผลที่ประหลาดล�้ำจนเข้าขั้นพิศวง การเสมอกับทีมเล็ก กับ การไล่ย�ำทีม ใหญ่ ยังดูเป็นเรื่องแปลกใจ ว่า แบบนี้มันใช่หรือ ??? แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทุกอย่างยังล้วนอยู่ในก�ำ มือตนเอง และยังท�ำให้สาวกมีความสุขกันถ้วนหน้า ถือเป็นความปลื้มปริ่มต่อเนื่อง แม้จะต้อง ตกรอบ FA Cup ไปแบบน่ากังขา โดยฝีมือกรรมการที่เป็นเสมือนไม้เบื่อไม้เมากับทีมเรา หลังแข่งไป 27 นัด กับ 56 แต้ม โดยตามหลังจ่าฝูงเพียง 4 แต้ม ทุกอย่างยังล้วนเป็นไป ได้ ทั้งเอื้อมอาจเอาแชมป์ หรือ หลุดจาก ท๊อปโฟร์ ตอนจบฤดูกาล ยังไม่มีอะไรการันตี 100 เปอร์เซนต์ หากเอาทฤษฎี 75 แต้ม คืออันดับ 4 เรายังต้องการอีก 19 แต้ม ใน 11 นัด ไม่มาก ไม่น้อยและดูไม่ยากเย็น แม้ฟอร์มช่วงหลังๆ จะดูแปลกๆ ไปก็ตามที เพราะเกมล่าสุด การเสีย ประตูระดับ 3 ลูก ให้ทีมคู่แข่ง มันไม่น่าใช่เรื่องดีนัก แม้ผลจะออกมาว่า เราชนะก็ตามที เรื่องน่าเศร้าส�ำหรับผม คือการไม่ได้เห็นการเสริมทัพอย่างที่มันควรเป็น ในเดือนมกราคม ที่ผ่านมา จนท�ำให้พาลคิดไปว่า หากหลุดจากอันดับ 4 ในปีนี้ เราเองจะกล่าวโทษผู้ใด แม้จะ หวังไว้ว่า เราเองไม่น่าจะพลาดจากอันดับที่มันควรก็ตามที ท�ำอย่างไรได้ เราก็แค่กองเชียร์ ที่พร้อมให้ก�ำลังใจทีมต่อไป การิน ธนะอมรทัต บรรณาธิการ

September 2013 - The Reds


4

The Reds - September 2013


5

September 2013 - The Reds


6

T he Legend

The Reds - September 2013


7

September 2013 - The Reds


68

The Reds - September 2013


79

Hateley เริ่มสร้างชื่อให้เป็นที่ประจักษ์จริงๆ ตอนสมัยค้าแข้งให้กับ Villa ที่ซึ่งเขาเล่นด้วยเป็นเวลา สามปี นับตั้งแต่ปี 1963 วันที่เขาเจิดจรัสสุดๆ ก็คือ สี่ประตูที่เขาท�ำได้ในครึ่งหลังเกมกับ Tottenham Hotspur เป็นเกมที่เขาช่วยให้ทีมที่ถูกไก่น�ำห่าง 5-1 กลับมาตีเสมอได้ที่ 5-5 จ�ำนวนประตูทั้งหมด 68 ประตู ที่เขาท�ำได้ในจ�ำนวนเกม 127 นัดช่วยให้ Villa อยู่ รอดปลอดภัยในลีคสูงสุด และนั่นท�ำให้เขาได้รับความ สนใจจาก Chelsea ณ ถิ่น Stamford Bridge ในเวลานั้น Peter Osgood เพิ่งขาหัก และผู้จัดการทีม Tommy Docherty ได้ยอมจ่ายเงินอันเป็นสถิติสโมสร 100,000 ปอนด์เพื่อขอซื้อ Hateley ไปร่วมทีมในปี 1966 ตัว Osgood ตอนนั้นโดดเด่นเป็นสง่ามากๆ ใน รูปแบบการเล่นของ Chelsea ในยุคนั้นที่เล่นบอล แบบ pass-and-move พอได้ Hateley มาจึงเป็น อะไรที่แตกต่างแปลกแยกไปจากเดิม ท�ำให้เขาไม่ค่อย จะประสบความส�ำเร็จเท่าไหร่ ในฤดูกาล 1966-67 เขา ยิงได้แค่หกประตูเท่านั้นในลีค กระนั้นเขาก็เป็นคนโขก ประตูชัยในเกมที่เจอกับ Leeds ในศึก FA Cup 1967 รอบรองชนะเลิศ ที่ท�ำให้ Chelsea ไปสู่ Wembley ได้ส�ำเร็จ เรียกว่ารอบชิงเป็นแบบ All-London final เพราะต้องเจอกับ Tottenham Hotspur แต่ในที่สุด ทีมก็ไม่สามารถสู้คู่หู Terry Venables และ Dave Mackay ได้ จึงท�ำให้ Chelsea แพ้ไป 2-1 และแล้ว Hateley ก็ต้องย้ายทีมอีกครั้ง และครั้ง นี้คือ Liverpool ด้วยค่าตัว 96,000 ปอนด์ ก่อนหน้า นั้นทีมแห่ง Merseyside ทีมนี้จบสี่ฤดูกาลในลีคสูงสุด โดยไม่ได้ถ้วยเลยซักใบ และ Hateley คิดว่า Bill Shankly น่าจะเป็นคนที่มาเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ได้ ในฤดูกาล 1967-68 เขาลงเล่นให้ทีมเพียงแค่นัดที่สาม เท่านั้นก็ท�ำ hat-trick ได้ในเกมที่เจอกับ Newcastle United และฤดูกาลนั้น Hateley กดไปทั้งหมด 27 ประตู ทัง้ ๆ ทีเ่ ขาไม่คอ่ ยจะเข้าระบบเท่าไหร่นะนัน่ เพราะ Liverpool เป็นทีมที่เล่นด้วยการจ่ายบนพื้นเป็นหลัก และต้องมาเปลี่ยนแปลงการจ่ายบอลสุดท้ายด้วยการ โยนบอลให้กับกองหน้าในทีมแทน มือขวาของ Shankly ซึ่งก็คือ Bob Paisley September 2013 - The Reds


10

เวลานั้นไม่ค่อยจะปลื้มกับระบบแบบนี้เท่าไหร่ และได้ ร้องขอ Shankly ให้ช่วยดรอป Hateley ซักหน่อย เถอะ แต่ดูเหมือนว่า Shankly จะแกล้งท�ำเป็นไม่ได้ ยิน จนเมือ่ Hateley เกิดประทะกับคูแ่ ข่งจนร่วงในสนาม Paisley รีบเรียกเปลสนามลงไปแบกเขามาแล้วเอาผ้า ก๊อตพันขาทั้งสองไว้ให้ติดกัน เมื่อ Shankly ได้ถาม ว่าอาการ Hateley หนักมากหรือถึงต้องเอาผ้าพันขา ทั้งสองขนาดนั้น แต่ Paisley ได้กล่าวว่า “เขาไม่เป็น อะไรหรอก ผมก็แค่พันขาเขาไว้เพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะ ได้ออกไปจากสนามชัวร์ๆ โดยที่คุณไม่เอาเขากลับ ไปลงสนามในเกมนั้นอีกแน่ๆ” Liverpool จบฤดูกาลนั้นโดยไม่มีถ้วยติดไม้ติด มืออีก และ Hateley ก็ย้ายไป Coventry City ด้วย ค่าตัว 80,000 ปอนด์ เขายิงได้แค่สี่ประตูเท่านั้นใน 17 นัดที่ลงเล่นและย้ายไป Birmingham City จริงๆ แล้วเขาเริ่มต้นอาชีพของเขากับ Notts County เมื่อปี 1958 ก่อนจะได้กลับคืนสู่สโมสรแรก ของเขาอีกครั้งตอนใกล้แขวนสตั๊ด เรียกได้ว่าหลังจาก ที่ย้ายจาก Birmingham City และเขาก็ยิงไปทั้งหมด 32 ใน 57 นัด ช่วยให้ County ได้เป็นแชมป์ใน Division 4 ในฤดูกาล 1970-71 แล้วเขาก็ไปเล่นระยะ สั้นๆ กับ Oldham Athletic ตอนอายุ 33 เขาก็ไป USA แล้วไปบาดเจ็บเข่าพังเอาหลังจากที่เล่นให้กับ Boston Minutemen ได้แค่สามนัด ในปี 1974 นั่น ที่เขาเลิกเล่น โดยมีสถิติลงเล่นใน ลีคไปทั้งหมด 434 นัดตลอด 16 ฤดูกาล ยิงไปทั้งหมด 211 ลูก ในการเล่นให้กับเจ็ดสโมสร ค่าตัวรวมกันที่ 400,000 ปอนด์ ซึง่ ถือได้วา่ เป็นสถิตคิ า่ ตัวนักเตะอังกฤษ ในยุคนัน้ เขามีการผจญภัยในเส้นทางสายอาชีพอืน่ หลัง เล่นบอล ก็คือการท�ำธุรกิจท่องเที่ยว แล้วก็เปลี่ยน ไปท�ำงานเกี่ยวกับเซลล์ขายเครื่องดื่ม ในช่วงยุคท้ายๆ เขาป่วยเป็น Alzheimer ซึ่งมักเป็นอาการที่เกิดขึ้นกับ นักฟุตบอลหลายคนที่พึ่งพาลูกโขกเป็นอาวุธหลักมา ตลอดชีวติ การค้าแข้ง Tony Hateley เกิดเมื่อวันที่ 13 มิถุนายนปี 1941 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2014 หรือ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานี่เอง ทางทีมงาน The Reds และชนชาวหงส์แดงจึงขอไว้อาลัยไว้ ณ ที่นี้ The Reds - September 2013


11

September 2013 - The Reds


12

T his is Anfield

The Reds - September 2013


13

September 2013 - The Reds


14

The Reds - September 2013


15

ด้วยเหตุที่ Walcott น่าจะพลาดบอลโลกชัวร์ๆ แล้ว และ Jermain Defoe ที่สาละวันเตี้ยลงๆ นัก เตะที่มากประสบการณ์ที่สุดเท่าที่ Hodgson จะ หาได้ก็คือ Wayne Rooney และเพื่อนรุ่นน้องทีม Manchester United อย่าง Danny Welbeck ที่ ง่ายๆ ไม่ ยากๆ ยิ่งไม่ ฮ่าๆ ทางเลือกอื่นที่มีให้เลือกก็คือดาวยิง Liverpool นาย Daniel Sturridge และดาวยิง Southampton อย่าง Rickie Lambert ทั้งสองคนที่กล่าวมานี่ยังถือ ได้ว่ามีประสบการณ์ในทีมชาติไม่เท่าไหร่แม้ว่าฟอร์ม จะแรงกว่าคู่แรกที่เอ่ยอ้างมาก็ตาม ข่าวดีก็คืออาจจะเลือกไปเน้นความแข็งแกร่ง ทางกองกลางได้มากขึ้น จากสัดส่วนกองหน้าที่หดน้อย ลง ที่ส�ำคัญคือสามารถหาปีกมาเสริมเพิ่มได้ ตรงนี้พวก ดาวรุ่งที่เริ่มสร้างสมประสบการณ์ก็เป็นอะไรที่น่าสน ใจมากๆ ส�ำหรับการเป็นหนึ่งในขุนพลที่จะได้ไปลุยศึก ฟุตบอลโลก ไม่ต้องไหว้ครูอะไรให้ยืดยาวเข้าประเด็น เลยละกัน สองดาวเตะ Liverpool อย่าง Jordan Henderson และ Raheem Sterling สามารถมอบ สิ่งนี้ให้กับทีมได้ มีห้าเหตุผลที่ว่าท�ำไมสองคนนี้ถึงได้ดี พอที่จะติดทีมของ Roy Hodgson เพื่อไปลุยศึกใหญ่ ที่ Brazil ในซัมเมอร์นี้ หากถามแฟนบอล Liverpool ว่าใครที่เล่าคือ นักเตะที่ดีที่สุดของทีมในฤดูกาลนี้นอกจาก Luis Suarez คนที่สมควรได้รับเสียงปรบมือให้อย่างแท้จริงก็ คือ Jordan Henderson ที่เป็นตัวหลักช่วยทีมของ Brendan Rodgers มาโดยตลอดมิได้ขาด เรื่องตลกก็คือเมื่อไม่นานมานี่เอง Henderson เคยถูกหยามหยันว่าเป็นการลงทุน 16 ล้านปอนด์ที่สูญ เปล่า เหมือนโยนทิ้งทะเล และ Rodgers ก็เกือบจะ ขายเขาให้กับ Fulham ไปแล้วเมื่อซัมเมอร์ปี 2012 แต่ Henderson ต่อสู้อย่างเต็มที่เพื่อพิสูจน์ให้โลกรู้ และตรงนี้ก็น่าประทับใจมากๆ ที่เขาท�ำให้เห็น ท�ำให้ เป็นที่ประจักษ์โดยทั่ว ไม่ใช่เพียงแค่ Henderson กอบกู้ความมั่นใจ ของตนกลับมาได้เท่านั้น สิ่งที่เขาเคยเด่นสมัย Sunderland มา ณ ตอนนี้เขาดียิ่งกว่านั้นอีกหลายเท่าตัว นอกเหนือไปจากความขยันที่เรียกได้ว่าเป็นต�ำนานได้ September 2013 - The Reds


16

แล้วคนนึง และการรักษาวินัยในการยืนต�ำแหน่งของ เขาก็สุดยอดมากๆ เขาเพิ่มสัญชาติญาณในเกมของเขา ลงไป เราได้เห็นการตอกส้น การเปิดบอลที่เยี่ยมยอด มากขึ้น และเป็นตัวจักรส�ำคัญอย่างแท้จริง สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับ Raheem Sterling เช่นกัน ดาวรุ่งที่กลับมาสู่ฟอร์มเก่งได้อีกครั้งหลังจาก ที่ฟอร์มหดหายไปดื้อๆ จนหลายๆ คนมองว่า “ทอง ที่ชุบมาใกล้จะลอก” ว่าไปนั่นเลย ณ ตอนนี้เขาเพิ่ม ความเป็นผู้ใหญ่ในเกมให้เห็น สามประตู และ สอง แอสซิสต์ ใน 9 นัด ที่เขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงถือได้ว่า เป็นอะไรที่น่าประทับใจมากๆ โดยเฉพาะกับนักเตะที่ อายุเพียงแค่ 19 ปีเท่านั้น ในทีมชาติอังกฤษยุคนี้ขาดนักเตะลักษณะแบบ นี้ อะไรเล่าที่จะเป็นการมอบรางวัลที่ดีกว่าการให้สอง คนนี้ไปบอลโลกด้วย? การพัฒนาของพวกเขาก็เป็น หลักฐานที่ชัดเจนอยู่แล้ว หากว่าทั้งคู่สามารถก้าวขึ้น มาเจิดจรัสอย่างต่อเนื่องในแง่ของฟอร์มการเล่น ไม่ นานนั ก การจบสกอร์ แ ละความกลมกล่ อ มคงจะมา พร้อมกันครบ ดังนั้นจึงไม่เห็นเหตุผลอะไรที่สองคนนี้ จะไม่สามารถสร้างปรากฎการณ์ใน Brazil ได้ ณ ตอนนี้กองกลางและปีกทีมชาติอังกฤษมีชื่อ เดิมๆ หน้าเดิมๆ อยู่แล้วอย่าง : Steven Gerrard (captain), Frank Lampard, Michael Carrick, James Milner, Ashley Young และคนอื่นๆ อย่าง Tom Cleverley, Jack Wilshere และแน่นอนที่สุด Adam Lallana และ Andros Townsend ซึ่งราย หลังๆ นี้คือหน้าใหม่ในฟุตบอลระดับนานาชาติเลย ปัญหาก็คือกองกลางตัวเลือกแรก อย่างที่เรา เห็นในศึก Euro 2012 ดูไม่ค่อยจะเข้ากันซักเท่าไหร่ ความเร็วและการยืนต�ำแหน่งไม่สอดคล้องกัน แน่นอน Gerrard, Lampard และ Carrick สามารถบัญชาการ การเล่นได้จากต�ำแหน่งที่ต�่ำกว่า และแน่นอนมีอยู่สอง คนที่เป็นที่รู้กันว่ามีศักยภาพในการดันเกมแล้วเข้าไป ท�ำประตูได้เอง แต่มันคือกองกลางที่หลุดออกจาก ต�ำแหน่งรับผิดชอบของตัวเองง่ายมาก และคนที่คอย มารองก็ไม่ประสานกันเป็นเนื้อเดียว เราได้เห็นสิ่งเหล่านี้หลายๆ ครั้งเวลาที่ทีมชาติ อังกฤษเจอคู่แข่งในระดับนานาชาติ Roy Hodgson The Reds - September 2013


17

September 2013 - The Reds


18

The Reds - September 2013


19

ควรที่จะเรียนรู้ที่จะออกจากกรอบแห่งระบบเดิมอย่าง 4-4-2 ที่เวลาเจอทีมที่มีกองกลางที่วิ่งเร็วและมีพลังขับ เคลื่อนง่ายๆ ก็จะงานเข้าทันที เราคงได้เห็นแล้วกับสิ่ง ที่เกิดขึ้นเวลาที่เจอกับ Italy, Uruguay และ Costa Rica รู้สึกไหมว่าตรงกลางเล่นล�ำบากขึ้นเยอะ แม้แต่ทางต�ำแหน่งปีก เราก็คงได้เห็นว่า James Milner ไม่ใช่นักเตะที่มีความว่องไวจี๊ดจ๊าดอะไร คือไม่ ได้ช่วยสร้างอะไรที่น่าลุ้นเท่าไหร่ให้กับ Hodgson ถึง แม้ว่าเขาจะขยันและสามารถเล่นได้สารพัดบทบาท ก็ตาม การได้นักเตะอย่าง Henderson และ Sterling เข้ามา ทีมชาติอังกฤษก็จะได้สองนักเตะที่มีความเร็ว และการยืนต�ำแหน่งที่แกร่ง สามารถเพรสซิ่งทีมคู่แข่ง ได้ ในขณะที่ Gerrard และ Lampard ถือได้ว่ามีจุด แข็งในการเล่น set-piece การมีนักเตะอายุน้อยและ มีพลังขับเคลื่อน รวมไปถึงมีความเร็ว จะท�ำให้สิงโต ค�ำรามสามารถก้าวไปข้างหน้าได้มากขึ้นกว่าปกติ แล้วศักยภาพในการเล่น counterattack ซึง่ ทีม ชาติอังกฤษน่าจะใช้ตรงนี้เป็นจุดแข็ง เพราะกองหน้า สองคนอย่าง Rooney และ Sturridge ต่างก็มีความ พลิ้วอยู่ การได้นักเตะอย่าง Henderson ช่วยเก็บบอล ตรงภาคพื้นให้ แล้วมีปีกความเร็วสูงอย่าง Sterling มาท�ำลายเกมรับ น่าจะเป็นสินทรัพย์ที่ทรงคุณค่าที่ Hodgson ควรจะมีไว้ เมือ่ มองไปทีภ่ าคส่วนทีเ่ รียกว่า “กองกลาง” ตรงนี้ ถือว่า “สมบูรณ์แบบ” กองกลางตัวรับมีหน้าทีต่ ดั เกม แต่กต็ อ้ งมีศกั ยภาพ ในการยิงประตูได้ด้วย ซึ่งตรงนี้ทีมมีอยู่แล้ว และกอง กลางตัวอื่นที่พร้อมจะดันเกมรุกก็มีความสามารถใน การวิ่งไล่กดดันคู่แข่งไปด้วยเวลาที่จะต้องเล่นเกมรับ ครับทั้ง Young และ Townsend แม้ว่าจะมี ความเร็วเป็นจุดแข็งมากๆ แต่ก็เป็นนักเตะที่ไม่ค่อยจะ ลงมาช่วยเกมรับซักเท่าไหร่ ความขยันไม่ปรากฏ ท�ำให้ ก่อเกิด “บ่อ” หรือช่องว่างขึ้นเวลาที่ต้องเป็นฝ่ายรับ โดยเฉพาะทางกราบ... Gerrard และ Lampard ได้ แสดงให้เห็นสัญญานว่าพวกเขาก็อายุมากขึ้นแล้วจะ ให้วิ่งเป็นม้าตลอดเวลาอย่างที่เคยท�ำได้ก็คงไม่ใช่แล้ว ละ จึงมีโอกาสที่ว่า จะมีช่องว่างให้กองกลางคู่แข่งบุก September 2013 - The Reds


20

เข้ามาได้ ตรงช่องว่างทีข่ าดไปนีแ่ หล่ะทีต่ อ้ งมีนกั เตะอย่าง Henderson และ Sterling อยู่เพื่อแสดงให้เห็นถึง ศักยภาพอันว่าด้วยเรื่องสภาพร่างกาย เทคนิคและการ เล่นเกมรับได้อย่างขยันขันแข็งไปด้วย นอกจากเกม รุก โดยเฉพาะ Henderson ที่เล่นมาหลายบทบาท มากๆ ในทีมที่ Brendan Rodgers สร้างมา ความ ยืดหยุ่นและความขยันของเขาเป็นที่ประจักษ์ว่าท�ำได้ แน่นอน ส่วน Sterling นั้นเราได้เห็นมาตลอดฤดูกาล นี้แล้วว่านอกจากเกมรุกที่ไวทายาท เขายังมีความขยัน ที่จะวิ่งลงมาช่วยเกมรับอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทั้งๆ ที่ตัวเล็กขนาดนั้น เมื่อมองไปที่เกมรุก โดยเฉพาะ Sterling นั้น ฤดูกาลนี้เรียกว่าฮ๊อตที่สุดแล้ว วิ่งตัดหลักแบ็คกระจุย กระจาย เป็นตัวรุกอย่างเต็มรูปแบบขนาดต้องท�ำฟาวล์ นั่นแหล่ะถึงจะหยุดเขาได้ และสามารถสร้างสมดุลให้ กับทีมได้ดีกว่า Milner ซัมเมอร์ปี 2012, Roy Hodgson เคยถูกค่อนแคะ ว่ารักชอบนักเตะ Liverpool เป็นพิเศษ เพราะใน 23 ขุนพลมีนักเตะหงส์แดงถึง 6 คน ซึ่ง Stewart Downing, Andy Carroll และ Jordan Henderson ที่ ติดไปนัน้ ในฤดูกาลนัน้ ค่อนข้างจะไม่เด่นไม่ดงั อะไรเลย แต่คราวนี้มันผิดกันไปคนละเรื่องแล้ว ถึงแม้ว่า Glen Johnson จะไม่ได้เล่นดีเด่นอะไรมากทางกราบ ขวาของ Liverpool แต่ก็น่าจะดีพอได้ตั๋วไป Brazil ส่วน Steven Gerrard และ Daniel Sturridge ก็ น่าจะได้ไปเพราะเป็นคนอังกฤษที่ยิงประตูได้มากที่สุด ในลีค เป็นความหวังของแท้ Henderson นั้นจับคู่กับ Gerrard ได้ดีและ เตะตามากๆ ในฤดูกาลนี้ ..Sterling ที่ประสานงาน กับ Johnson ทางกราบขวาก็ดูมีชีวิตชีวา เราอาจ จะเรียกได้ว่านี่คือ “Golden Generation” อีกครั้ง ของทีมชาติอังกฤษ หากเราได้เรียนรู้บางอยางเกี่ยวกับ Jordan Henderson และ Raheem Sterling ใน ฤดูกาลนี้ก็คือ ทั้งสองคนไม่เคยท�ำให้ผู้จัดการทีมต้อง ผิดหวัง ------------------------------------The Reds - September 2013


21

September 2013 - The Reds


22

The Reds - September 2013


23

September 2013 - The Reds


24

R ed Shadow

The Reds - September 2013


25

September 2013 - The Reds


26

และแล้ว Arsenal ก็ล้างตา Liverpool ได้ ส�ำเร็จหลังจากที่นัดที่ผ่านมาเพิ่งโดนถล่มเสียจนกลับ บ้านไม่ถูกไป 5-1 ที่ Anfield ...แน่นอนในศึก FA Cup นี้ แก๊งค์ปืนโต ต้องการที่จะเข้ารอบก่อนรอง ชนะเลิศให้ได้ และในที่สุดก็ท�ำได้ส�ำเร็จจากสองประตู ของ Alex Oxlade-Chamberlain และ Lukas Podolski The Reds - September 2013

ทีมเจ้าบ้านออกน�ำไปก่อน 2-0 ก่อนที่ Steven Gerrard จะยิงคืนมาให้หงส์แดงได้จากลูกที่จุดโทษ Liverpool นั้นสร้างสรรค์ฟอร์มการเล่นที่ แกร่งขึ้นตามล�ำดับทั้งๆที่โดยสริระแล้วบางกว่านักเตะ Arsenal พอควร... ในทางกลับกัน Daniel Sturridge เองก็ควรจะ ที่จะซัด hat-trick ได้ในเกมนี้เพราะมีโอกาสจะแจ้ง


27

หลายทีอยู่เหมือนกัน แต่กลับไม่คมเพียงพอ โดยรวมแล้วผมค่อนข้างทีจ่ ะพึงพอใจกับคาแรคเตอร์ ที่ นักเตะ Liverpool แสดงให้เห็นในเกมนี้ และได้ เห็นการต่อสู้อย่างสุดหัวจิตหัวใจแ้ม้ว่าจะโดนน�ำห่าง ถึงสองลูกก็ตาม.. กระนั้นสิ่งที่น่าผิดหวังที่สุดก็คงหนีไม่แพ้การ ตัดสินที่ “เข้าขั้นห่วย” อีกครั้งของ Howard Webb

หรือจะเรียกว่า “มฤตยูพิฆาตหงส์” ตัวจริงเสียงจริง ก็ได้ เพราะ Webb นั้นสร้างประเด็นการตัดสินอยู่ บ่อยครั้ง หรือเรียกว่าแทบจะทุกครั้งที่ตรงข้ามกับ Liverpool แต่ด้วยเกียรติภูมิหลายๆอย่างว่า Howard Webb เป็นผู้ตัดสินระดับบอลโลกเลยไม่ค่อยจะ ถูก “ต�ำหนิ” โดยสภาผู้ตัดสินแต่อย่างใด มันมีค�ำถามคาใจหลายๆ ครั้งว่าตกลง Howard September 2013 - The Reds


28

Webb มีปัญหาอะไรมากกว่า Liverpool หรือไม่ เกม นี้คงจะได้เห็น Raheem Sterling ตบะแตกใส่ ทั้งๆ ที่เด็กคนนี้แทบไม่เคยจะพูดจายอกย้อนหรือประท้วงผู้ ตัดสินเท่าไหร่ และแม้แต่ Steven Gerrard เองก็อด ที่จะตั้งค�ำถามต่อ Howard Webb ไม่ได้เช่นกัน Webb นั้นโดนนิสัยจากที่ผ่านๆ มาก็คือ ชอบ ที่จะ “เจิดจรัส” อยากเป็นตัวก�ำหนดเกม อยากโดด The Reds - September 2013

เด่นเหนือใครในสนาม คือได้รับความสนใจมากที่สุด เราจะได้เห็นการตัดสินหลายๆครั้งที่ออกแนว “ขวาง โลก” และหลายต่อหลายครั้งที่เขาตัดสิน “ผิดแบบ จะแจ้ง” มากๆ เวลาที่ที่ต้องลงตัดสินเกมที่ หงส์แดง ลงแข่ง ตลอดเกมกับ Arsenal นัน้ Webb เหมือนมี “ธง” ที่ต้องการที่จะแจกใบเหลืองให้กับผู้เล่น Liverpool


29

แทบทุกๆ คนที่ท�ำฟาวล์ ไม่สนว่าจังหวะนั้นรุนแรง หรือเบาบางแค่ไหน หรือมีเจตนาหรือไม่ ในทางกลับกันเราคงได้เห็นว่า Arsenal เหมือน ได้รับใบอนุญาตให้เข้าบอลแรงได้อย่างใจ เหมือน เอาใจเจ้าบ้านกันแบบสุดๆ ลดแลกแจกแถม แต่สิ่งที่ชนชาวหงส์รับไม่ได้สุดๆก็คือ Webb ไปปฎิเสธลูกจุดโทษที่ Luis Suarez โดน Oxlade-

Chamberlain ท�ำฟาวล์แบบจะๆ เป็นงูก็คงฉกเข้า ตาไปแล้วในเขตโทษ เพียงไม่กี่นาทีหลังจากที่ Liverpool ได้จุดโทษลูกแรก Webb นั้นปฎิเสธลูกจุดโทษของ Suarez มา แล้วในเกมที่เจอกับ Chelsea ซึ่งวันนั้นเป็น Samuel Eto’o ที่ท�ำฟาวล์ดาวยิงชาว Uruguay ในเขตโทษ และเกมเมื่อคืนก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ปฎิเสธจุดโทษทั้งๆ September 2013 - The Reds


30

The Reds - September 2013


31

ที่มันจะแจ้งมากๆ เรียกว่า “เข้าขั้นเสื่อม” อีกครั้ง ส�ำหรับ Webb ด้วยข้ออ้างสุดคลาสสิกว่า “ไม่เห็น การฟาวล์” แล้วผลตอบสนองหลังเกมนี้ ก็ยิ่งเป็นประเด็น อีกเมื่ออดีตผู้ตัดสินอย่าง Graham Poll หรือที่เราๆ ท่านๆต่างเรียกกันว่า Poll สามเหลือง เพราะเคย สร้างปรากฎการณ์แจกใบเหลืองสามใบในบอลโลกมา แล้วในเกมเดียว... ปกติ Graham Poll จะแทบไม่เคยโจมตีผู้ตัดสิน ด้วยกันเลย ถ้ามันไม่สุดๆ จริงๆ โดยส่วนใหญ่บาง ประเด็นเห็นว่าพลาดจะแจ้งก็ยังหาช่องทางมาแก้ตัว ให้ บางคนถึงกับเอ่ยปากชมเชย บลาๆ แต่วันนี้เจ้าตัว ถึงกับออกมาพูดว่า “Liverpool ตกรอบ FA Cup ก็ เพราะ “ความอ่อนหัด” ของ Webb อย่างแท้จริง เพราะ มันเป็นจุดโทษที่ชัดเจนมากๆ” คือแม้แต่ Graham Poll ที่เรียกว่าเอียงกระเท่เร่ เอาใจผู้ตัดสินกันเอง ตลอด ยังออกมาพูดแบบนี้ แถมยังเขียนไว้ในคอลัมน์ ของเขาทันทีหลังเกมว่า “Liverpool ถูกปฏิเสธจุด โทษที่ชัดเจนมากๆ ท�ำให้ไม่สามารถตีเสมอได้ และ ตรงนี้ Howard Webb ถือว่าพลาดมากๆ จนท�ำให้ พวกเขาต้องตกรอบไป” “Alex Oxlade-Chamberlain ท�ำฟาวล์ Luis Suarez ชัดเจนและ Webb ก็ยืนอยู่ใกล้เหตุการณ์ แบบสุดๆ ที่จะเห็นการท�ำฟาวล์ ตรงนี้จะอ้างว่า Suarez เล่นละครตบตาไม่ได้ เพราะ Webb ก็เคย ให้จุดโทษลักษณะแบบนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว ตรงนี้ ในความเห็นของผม Webb มีประสบการณ์และ ชั่วโมงบินขนาดนี้แล้ว เขาควรที่จะท�ำหน้าที่ได้ดี กว่านี้ ไม่ใช่ “อ่อนหัด” อย่างที่เห็นในเกมนี้ ตอนนี้ Liverpool ตกรอบ FA Cup ไปแล้วเพราะความผิด พลาดของเขาเต็มๆ” แฟนบอล Liverpool กาหัวผู้ตัดสินนามว่า Webb มานานแล้ว และมุ่งหวังอย่างชัดเจนหลังเกม เมื่อค�่ำคืนที่ผ่านมาว่า ผู้ตัดสินคนนี้จะไม่ต้องมาตัดสิน เกมอะไรที่หงส์เล่นอีกแล้วในฤดูกาลนี้ เราไม่สามารถต่อสู้กับคู่แข่งที่มี “ผู้เล่นถึง 12 คน” อีกต่อไปแล้ว September 2013 - The Reds


32

T he Match

The Reds - September 2013


33

September 2013 - The Reds


34

The Reds - September 2013


35

September 2013 - The Reds


36

The Reds - September 2013


37

FT : Liverpool 2-2 Aston Villa วันนี้มันเป็นอะไร ก็นั่งดูแล้วยังไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าเป็นยังไง ปล่อยเบนเทเก้ ยืนโล่งได้ไง แล้วบักซิสโซโก้ไปไหน จีเจหายไป ใครรู้บ้างหว่า ฟัด โร ด้า!!! ครึ่งแรก ตามตีไข่แตกได้จากการประสานงานอันแสนสุดสวย สเตอร์ริ่ง จ่าย บอลเข้ากลางให้ คูตี้ ไหลบอลต่อให้ เฮียหลุยส์ แทงบอลต่อให้ เฮนโด้ ไขว้เหนือชั้นส่งให้ สเตอร์ ริดจ์ ยิงสวนตัว กูซาน เข้าไปแบบสุดสวยเอาโล่ห์ไปเลย เอานะอีก 1 ลูกเองก็ตีเสมอได้ ชิวๆ ปะ วะ บักเฮนโด้ เล่นท่ายากด้วยนะแหม่ 5555 นั่งดูไปอึดอัดไปพอกล้องถ่ายไปที่อัฒจรรย์ ก็ถึงกับร้องอ๋อ หายสงสัยทันทีว่าท�ำไมเล่น เหมือนกินยาเบื่อมาขนาดนี้ ที่แท้จะเล่นเป็นนัยว่า ป๋าเฮนรี่ ดูสิ เราต้องการกองหลัง ปีก กลาง หน้า ครบสูตร อู้ววว... ก็ไม่จัดแถลงข่าวบอกกองเชียร์ตั้งแต่แรกท�ำเอาใจหายใจคว�่ำ คิดว่า เครื่องจักรสีแดงโดนวางยาซะแล้ว (ก็มั่วไป) อื้ม...สุดท้ายก็เสมอ จบ ไม่มีทดเวลาไม่มีต่อเวลาพิเศษ ครึ่งหลังมีการแก้เกม ซึ่งเกมในแดนกลางวันนี้เล่นได้ไม่เป็นสับปะรด แต่หลังจาก เทพลู ผู้ ยิ่งหญ่ายยยยลงมาเกมดีขึ้น ลูกจุดโทษเป็นสีสันของเกมโดยแท้ โจนาธาน มอสส์ ผู้ตัดสินเกมนี้ บอกว่าคนดูอยากเห็นสีสันของเกมเลยเป่าพร้อมท่าชี้จุดโทษท�ำเอาหล่อเหลาขึ้นมหาศาล กล้อง จับไปเห็นหน้า กูซาน แล้ว บ่งบอกได้เลยว่า อยากตะโกนให้ทุกคนได้รับรู้ กูแค่ตบพื้นหญ้า แต่ หม่อมเหยิน มันดีเกินจริงอะจารย์ จังหวะนั้นอันนี้ก็ไม่รู้สินะ จังหวะมันเร็วมากๆ เร็วกว่าแสง อีก เลยดูมิทัน (0.o) หลังจากตีเสมอได้จากจุดโทษก็ไม่มีใครท�ำประตูได้เพิ่มจบเกม แอสตัน วิลล่า มาแบ่ง แต้มจาก แอนฟิลด์ ไปได้ เปี๊ยก แอบเซ็งเล็กน้อยแต่ก็นะดีละที่โกงความตายได้หลังจากโดนน�ำ ตั้ง 2 ลูก ต้องขอบคุณ โจนาธาน มอสส์ อาจารย์ตัดสินเกมนี้อีกครั้ง ที่เด็ดขาดพอจะชี้จุดโทษ ให้ลิเวอร์พูล ซึ่งบอกเลยว่าหลายปีที่ผ่านมา โอกาสที่ หงส์แดง จะได้สีสันของเกมแบบนี้มีน้อย ยิ่งนัก 5555 เกมนี้ไม่ต้องบอกก็รู้คือแผนการร้ายของ บีร๊อด ที่ส่งสายตาดัง ปิ๊ง ปิ๊ง ปิ๊ง หา ป๋าเฮนรี่ อ้อนวอนด้วยตาแสนหวาน ปะป๋าหนูขอตังช้อปปิ้งหน่อยสิ ชัวร์แน่นอน ไม่ต้องสืบ ไม่ได้โม้ ขอ เงินไปจ่ายตลาดรอบสองนี้ชัวร์ไม่มั่วนิ่ม ก็นะแมทช์นี้ก็เลยลงเอยด้วยผลเสมอที่รูปเกมแสนอึดอัด ดูไปคิ้วก็แถบจะผูกเป็นโบว์ติด กันได้เลย คงต้องปรับปรุงกันอีกมากมาย เส้นทางสายลุ้นแชมป์นี้ยังมีโอกาสถ้าเก็บ 3 แต้มจาก ทีมกลางตารางได้ รักษาระดับมาตรฐานการเล่นกับทีมต่างๆ ได้ดี ไม่ว่าจะทีมใหญ่ทีมเล็ก ผล ออกมาแพ้ชนะไม่ส�ำคัญ แมทช์ต่อไปเล่นสะใจคนดูเป็นพอ เกมนี้ก็ไม่มีอะไรมากขอส่งท้ายด้วย...ไม่รู้มันเป็นอะไร ก็นั่งดูแล้วก็พอเข้าใจ แบ๊กซ้าย มันไม่มีใคร ซิสโซโก้เลยต้องลงมา จีเจอีกคนหนึ่งเพ่ หลุดต�ำแน่งทั้งคู่เลยน่ะ กระโดดฉีกแข้ง ฉีกขา ขอแบ๊กซ้ายขวาเพิ่มป๋าเฮนรี่ ~ เปี๊ยกบางใหญ่ September 2013 - The Reds


38

T he Match

The Reds - September 2013


39

September 2013 - The Reds


40

The Reds - September 2013


41

September 2013 - The Reds


42

FT : Liverpool 4-0 Everton ศึกเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์เมืองลิเวอร์พูล ใน ถิ่นแอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือนจาก เพื่อนร่วมเมืองคู่ปรับตลอดกาลอย่าง เอฟเวอร์ตัน ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก ก่อนเกมมีนักวิเคราะห์อัน เก่งกาจหลายคนออกมาวิเคราะห์ก่อนเกมว่า แมตช์นี้อาจได้แค่เสมอกัน หรือไม่ หงส์แดง ก็อาจ จะปีกหักคาบ้านก็เป็นได้ เพราะ ท๊อฟฟี่ ภายใต้การคุมทีมของ มาติเนซ กุนซือที่เคยมีข่าวจะมา เป็นผู้น�ำทัพ ลิเวอร์พูล ก�ำลังเข้าฝัก เกมนี้ต้องบอกเลยว่าผิดคาด ท�ำพวกนักวิเคราะห์แสนเก่งกาจทั้งหลายหน้าแตกเพล้ง แบบ หมอไม่รบั เย็บ ทัง้ ครึง่ แรกและครึง่ หลัง ลิเวอร์พลู โชว์ศกั ยภาพเล่นสนุกอยูฝ่ า่ ยเดียว แฟนบอลก็ยมิ้ หน้าบาน ส่วน แฟนเอฟเวอร์ตัน ก็นั่งหน้าเครียดเหมือนปวดอึอั้นมาหลายเดือนหลายปี 5555 ลิเวอร์พูล เล่นครึ่งแรกแบบเหนือชั้น มันเป๊ะมากมาย น�ำห่าง 3 ลูก เฮฮา เล่นเหมือน ซ้อมสนุกสนาน คนดูก็นั่งยิ้มไปสิ ครึ่งหลังก็ยังคงเล่นเกมของตัวเองได้ดี มาได้เพิ่มอีกลูกสุดสวย จาก หม่อมเหยิน ซัดเหลี่ยมเสาไกล น�ำห่าง 4 ลูก ลิเวอร์พูล มีโอกาสจะได้ประตูเพิ่มอีกหลาย ลูก ยิ่งลูกจุดโทษ (แหม่เดี๋ยวนี้ได้จุดโทษบ่อยนะฮร้า) น่าจะเป็น 5-0 แต่ทว่าไม่ใช่กัปตันเป็นคนยิง เปิดทางให้ เฮียริดจ์ ยิง เฮียริดจ์ ตื่นเต้นดีใจจัดเลยซัดข้ามคาน แฟนบอลหลายคนแทบอยากจะ กระโดดลงไปตบหัวซักที 2 ที แบบว่ายิงยังไงของเอ็งฟระ!! ประตูก็ออกจะกว้าง เป็นชัยชนะต้อนรับตรุษจีน อั่งเปาชั้นเลิศ แหม่ทีทีมใหญ่นี่ยิงถล่มกระจาย ทีมเล็กกลับ ท�ำได้แค่เสมอ ท�ำไมนะ เรื่องมันเศร้า แมตช์ต้องยกเครดิตรให้ ร๊อดเจอร์ และ นักเตะ ที่เล่นได้ ตามแบบแผนที่วางมา เป็นไงล่ะแมตช์นี้ กึ๋นมาติเนซ กับ ร๊อดเจอร์ ใครเจ๋งกว่ากัน ไม่อยากจะ คุย แต่ก็นะทีมมันเทพโฮะๆ แม้ตามเวลาประเทศไทยจะดึกแค่ไหนหลายคนก็อดหลับอนอนเพื่อดูทีมรัก ยิ่งเป็นแมตช์ ใหญ่ด้วย มันส์สะใจยิงถล่มคู่กัดตลอดกาลได้ตั้ง 4 ประตูอีก เป็นอะไรที่หลายคนไม่เสียใจที่อด หลับอดนอนรอดู เก็บได้อีก 3 แต้มแบบเล่นได้สะเด่าเร้าใจ ได้ใจกองเชียร์ไปเต็มร้อย เปี๊ยกเริ่มฝันถึงการ แซงเข้าวิน เจอร์ราร์ด ชูถ้วยแชมป์ มันจะไม่ได้เป็นเพียงแค่ฝันถ้าเก็บ 3 แต้มจากทีมเล็กๆ ได้ ลิเวอร์พูล ต้องเล่นกับทีมเล็กให้ได้เหมือนเล่นกับทีมใหญ่ แชมป์ไม่หนีหายไปไหนแน่นอน ฟันธง ขาดเลย ฉับ ฉับ ฉับ ก็ว่ากันไปตามประสาแฟนบอลที่หวังอยากได้แชมป์ ยังเหลืออีกหลายเกม สงครามยังไม่ จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร ดูกันแมตช์ต่อแมตช์ ส่วน ดาร์บี้แมตช์ เกมนี้ก็ถือว่าเป็นฝันร้ายของ เอฟ เวอร์ตัน แต่เป็นฝันดีของ ลิเวอร์พูล แล้วกัน Walk on, walk on with hope in your heart and you’ll never walk alone. เปี๊ยกบางใหญ่ The Reds - September 2013


43

September 2013 - The Reds


44

The Reds - September 2013


45

September 2013 - The Reds


46

T he Match

The Reds - September 2013


47

September 2013 - The Reds


48

The Reds - September 2013


49

September 2013 - The Reds


50

The Reds - September 2013


51

FT : West Brom 1-1 Liverpool ตลาดนักเตะช่วงเดือนมกราคมปิดตัวลงไปเรียบร้อย เป็นข่าวกับนักเตะเยอะแยะมากมาย ไม่รู้กี่หมื่นคน แต่สุดท้ายกินแห้วไม่ได้ใครซักคน งานนี้หลายคน F5 พังฟรี... เอานะไม่ได้ใครก็ ต้องใช้นักเตะที่มีอยู่นี่แหละท�ำไงได้ ลิเวอร์พูล ยอดทีมเครื่องจักรสีแดงงบประมาณจ�ำกัด เจ้าของ ทีมไม่ได้งก แต่คณะผู้เจรจาไร้น�้ำยาโดยแท้ ชื่ออะไรนะ เอียน อาร์ย มั้ง ช่างมันมาเข้าเกมบุกไป เยือน เวสต์ บรอม ดีกว่า จากที่กินแห้วปิดดีลไม่ได้ในตลาดรอบ 2 หลายคงก็หวังว่า เอาล่ะวะ ขอชัยชนะแมชต์นี้ แล้วกัน ตั้งหน้าตั้งตารอดูรอเชียร์หวังจะไปฆาตรกรรม เวสต์ บรอม ในบ้านอีกซักรอบ แต่ต่าง กับครั้งที่แล้วใน แอนฟิลด์ ตรงที่ ไม่มีกุนซืออย่าง สตีฟ คล้าก คุมทีมอีกต่อไป นัดนั้น สตีฟ คล้า ก เป็นกุนซือน�ำทัพ นัดนี้ คล้าก โดนสั่งลาพักผ่อนยาวแบบ เวสต์ บรอม บอกว่าไม่ต้องกลับไป ท�ำงานแล้วนะ อยากให้พักบ้างอะไรบ้าง =.,= ครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ท�ำเกมบุกได้ดีกว่า และขึ้นน�ำได้ก่อนจาก แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ซึ่งดู เหมือนจะล�้ำหน้า แต่ในเมื่อจารย์ตัดสินริมเส้นไม่ยกธง สาวกหงส์แดง ก็เฮกันดังๆ สิครับท่าน และยังคงพยายามบุกเอาประตูที่ 2 แต่ไม่ใช่ว่า เวสต์ บรอม จะไม่มีโอกาสได้ประตู เวสต์ บรอม ก็มีการท�ำเกมและมีจังหวะการได้ประตูเช่นกัน... ครึ่งหลัง เวสต์ บรอม มีการแก้เกม มีจังหวะลุ้นประตูมากขึ้น หงส์แดงก็มีโอกาสท�ำประตู ได้เช่นกันแต่ก็ยังไม่สามารถปิดสกอร์ได้ และแล้วในนาทีที่ 67 ก็เกิดเรื่องที่ สาวกหงส์แดง รับมิ ได้สุดๆ แสงแดดแยงตา ตูเร่ เป็นแน่แท้ คิดว่า อนิเชเบ้ ตัวส�ำรองที่เพิ่งถูกเปลี่ยนลงมาเป็นทีม เดียวกับตัวเองเลยจัดแอสซิสสุดสวยให้ไปซะเลย โอ้ววว อยากจะร้อง พระเจ้าจอร์จมันยอดมาก จบเกมเสมอทีมเล็กอีกแล้วได้แค่ 1 แต้ม มันควรที่จะเก็บได้ 3 แต้มสิ แต่ทว่า ได้แค่เกือบ เท่านั้น ชัยชนะห่างแค่เพียงเอื้อมมือ (แต่มันคือแสนไกล) ถ้าจะหาแพะแมชต์นี้คงจะเป็นเพราะ ดวงอาทิตย์อันกลมโต ที่แยงตา ตูเร่ ไม่ผิดแน่ อย่างที่กล่าวไป สงสัยคงต้องท�ำ สนามแอนฟิลด์ แบบในร่มแล้วล่ะ แดดมันส่องตานักเตะ ส่งบอลเข้าตาข่ายตัวเอง แอสซิสให้นักเตะทีมอื่น ผิด บ่อยเกินไปนะเออ เก็บได้เพียง 1 แต้มทีละเล็กทีละน้อยอีกครั้ง เกือบจะดีพอที่จะชนะเท่านั้นเอง ยังคงเป็น ปัญหา แม้จะน�ำก่อนแต่ก็กลับมาโดนตีเสมอจากจังหวะผิดพลาดของตัวเอง ถ้าอยากจะอยู่บน สายเส้นทางการลุ้นแชมป์ จังหวะผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ ต้องไม่เกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด แมตช์นี้ก็คงได้แต่ร้องเพลง เจ็บและชินไปเอง เสมอก็ดีกว่าแพ้สินะ อย่างน้อยก็ยังมีแต้มให้เก็บ สะสม เอานะไม่ว่าจะชนะหรือแพ้หรือเสมออีกกี่เกมเปี๊ยกบางใหญ่สุดสวย (เหรอ) และสาวก ลิเวอร์พูลทั่วจักรวาลยังคงพร้อมเดินเคียงข้างไปกับสโมสรเสมอ รักนะ จุ๊บๆ เปี๊ยกบางใหญ่ September 2013 - The Reds


52

T he Match

The Reds - September 2013


53

September 2013 - The Reds


54

The Reds - September 2013


55

September 2013 - The Reds


56

FT : Liverpool 5-1 Arsenal คุณไม่ได้เพิ่งดู ทีมบาซาร์ หรือ บาเยิร์น แต่คุณเพิ่งได้ดู ยอดทีมจากต่างด้าว เอ้ยดาวของ จริงมาจาก ดาวนาแม๊ก อย่าง ลิเวอร์พูล บอกแล้วเราจะไม่ออกตัวล้อฟรีก่อนเกม ... โดยสเตตัส ก่อนเกมของข้าน้อยมีใจความว่า “ปืนเน่าแน่ น้าเหี่ยวแต๋วแตกชัวร์ โดนถล่มแน่ ไม่รอดหรอก หงส์เทพ ส่ง U18 ลงเตะยังได้เลย อะโด่ว กระจอกมากอีน้อง” เห็นไหมไม่ออกตัวแรงเลยจริงๆ ทั้งครึ่งแรกและครึ่งหลังเป็นหนังม้วนเดียวกัน อาจเป็นเพราะบุญวาสนาที่ช่วยให้ลิเวอร์พูล ขึ้นน�ำเร็วเพียงแค่นาทีแรกเท่านั้น เริ่มเกมมาตดยังไม่ทันหายเหม็น พี่โหด สเคอร์เทล ก็ท�ำลูกให้ ไปอยู่ในตาข่าย “ถูกฝั่ง” ได้ซักที จากนั้นอีกเพียง 10 นาทีถัดมา แฟนเครื่องจักรสีแดง ทั่วโลก ก็ได้ยิ้มแป้นหน้าบานอีกครั้งเมื่อ พี่โหด แกยิงลูกที่ 2 ให้ ลิเวอร์พูล ได้แบบสะใจ จนอยากจะ ตะโกน สะเด่า ไปเลยอีน้อง ดังๆ ให้มนุษย์ต่างดาวบน ดาวเนปจูน ได้ยินกันเลยทีเดียว!!! ทีม เครื่องจักรสีแดง ต้องการประกาศให้ทีมคลังแสงรับรู้ว่า This is Anfield ผ่านมาอีก 6 นาที น้อง สเตอร์ริ่ง ก็จัดอีกเม็ด เป็นเม็ดตุงตาข่ายอีกลูกให้พี่น้อง สาวกหงส์แดง ได้ยิ้มแป้น เฮฮากันอีกที แต่เดี๋ยวก่อนมันยังไม่จบครับ ไหนๆ ก็ฟินกันไป 3 เม็ดแล้วต้องฟินให้สุดๆ ไปเลย ผ่านมาอีก 4 นาที เฮียริดจ์ บอกนัดนี้ผมอยากเต้นโชว์เลยจัดให้อีก 1 เม็ด จบครึ่งแรก ทีมจาก ลอนดอน โดนไป 4 เม็ดนะฮร้าบบบบ ครึ่งหลังก็แอบกลัวๆ ประวัติศาสตร์จะซ�้ำรอยเหมือนยุค เอลบอส ราฟา ยังคุมทีม ปี 2009 น�ำอยู่ดีดี เจอม้า อาชาวิน ยิงตีเสมอ 4-4 ในใจก็ได้แต่ภาวนาว่าจะไม่ซ�้ำรอยเดิม ครึ่งหลังเริ่มต้น อีกครั้ง เกมด�ำเนินไปแบบเดิม ปืนใหญ่ กลับมาลงสนามแบบไม่ได้มีการแก้เกมอะไรมากมาย เข้า สู่นาทีที่ 52 น้องริ่ง อยากให้กองเชียร์เฮฮากันอีกครั้ง ไหนๆ คนในสนามก็เสียเงินซื้อตั๋วเข้ามาดุ แล้วต้องโชว์เทพให้คุ้มค่าตั๋ว เลยจัดให้อีกประตู โอ้วววว เมพขิงๆ จากนั้น กัปตันไดนาโม สตีวี่ จี กลัว ปืน จะกินไข่กลับบ้านเลยจัดให้ ปืน ได้จุดโทษ อาร์เตตา ซัดจุดโทษ ได้ 1 ลูกปลอบใจกลับ ลอนดอน มันเป็นความฟิน ความสุขใจที่หลายคนไม่เคยคิดไม่เคยฝัน ทีมคลังแสง ระเบิดตู้ม!!! จาก ปืนใหญ่ กลายเป็น โกโก้ครั้นซ์ บร้าาาา ใช่ที่ไหนล่ะ 5555 ....จาก ปืนใหญ่ กลายเป็น หนังสติ๊ก เล็กๆ บ้านๆ เจ๊เหี่ยว หน้าอึดอัดเหมือนอึไม่ออก อยากร้องกรี๊ดดังๆ อยากจะฉีดโบท๊อก หรือจะ ดึงหน้า หมอบอกได้เลยว่า ณ จุดๆ นี้ มันคงไม่ตึงแล้วล่ะ เจ๊เวง ใครไม่ได้ดูเปิดมาเจอสกอร์ไม่ต้องตกใจมันเป็นเรื่องจริงไม่ใช่ความฝัน ทบต้นทบดอก ลิเวอร์พูล วันนี้ปรู๊ดปร๊าดเหมือน บีเอ็ม ไหลเลื่อนเหมือน เฟอรารี่ แรงเหมือน wave 100 !??? นี่พูดเลย.... ที่ส�ำคัญอั๊วทายถูกว่า พี่โหด สเคอร์เทล จะยิงเม็ดแรก รับของรางวัลจากร้าน Rainy Retroshop เต็มใจโฆษณาไม่หวังผลตอบแทน ไม่มีค่านายหน้า (ในใจขอเสื้อ 1 ตัวด้วยนะขอรับ) แหม่ เทพธิดาพญาเกรียน แม่นไม่ได้โม้ ตอนนี้ตารางคะแนนสนุกสนานกองเชียร์ลุ้นกันมันถึงตับ ไต ม้าม!!! ลิเวอร์พูลยังคงเดิน อยู่บนเส้นทางลุ้นแชมป์ที่ 2 ข้างทางเต็มไปด้วยก�ำลังใจจากเดอะค๊อปที่หน้าตาดีทุกคนจาก ทั่วทุกมุมทั่วโลก You’ll never walk alone. เปี๊ยกบางใหญ่  The Reds - September 2013


57

September 2013 - The Reds


58

T he Match

The Reds - September 2013


59

September 2013 - The Reds


60

The Reds - September 2013


61

September 2013 - The Reds


62

The Reds - September 2013


63

FT : Fulham 2-3 Liverpool เมืองหลวงทีมเก่งๆ มากมาย พี่เกือบจะช๊อคตายเพราะตูเร่แท้ๆ (เครดิต เพจเจนนี่หมีพิคเจอร์ มาสซาซ แอนด์ สปา) แหม่ ลิเวอร์พูล ผมไม่แพ้นะครับ !! ใครบอก หงส์แดง โกงความตายไม่เป็น ส�ำแดงให้ ดูแล้วนะขอรับ โกงความตายได้ซักที นี่สิที่อยากเห็น ก่อนเกมมีลางสังหรณ์เมื่อตอน วันลอย กระทง (ใช่เหรอ?) ว่าเฮียเจิดจะต้องยิงคืนนี้ชัวร์ป๊าบ .... และแล้วลางสังหรณ์ก็แม่นอีกแล้วนะ ครับ ท�ำไมนะไม่มีลางสังหรณ์เรื่องหวยกะเค้าบ้าง จะได้รวยๆ เอาเงินไปซื้อสโมสร =.= ส�ำหรับคืนนี้แม้รูปเกมจะไม่ปรู๊ดปร๊าดเหมือน คูโบต้า แต่สุดท้ายก็อึดถึกทนเยี่ยง อีแต๋น ช้าๆ แต่ถึงจุดหมาย ... (เปรียบเทียบได้เข้ากันดีจริง) กองหลังยังคงมีปัญหากับการป้องกันประตู เป็นสิ่งที่เป็นปัญหามานาน และก็แก้ไม่ได้ซักที ส�ำหรับ 2 ลูกที่เสียไปนั้น เราจะไม่เอ่ยถึงแพะเพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล ไม่อยากให้เสีย ชื่อเสียง ว่า ตูเร่ กับ สเคอร์เทล มีพลังงานบางอย่างบังตา แทบจะอยากมอบบัลลงดอร์ให้ ตูเร่ และ สเคอร์เทล ทั้งคู่เลยทีเดียว (อ้าวลืมว่าจะไม่เอ่ยชื่อ เอานะลืมๆ ไปซะนะ ข้ามไปอ่านย่อหน้า ถัดไปเลย) ครึ่งแรกเล่นแบบอึนๆ ครึ่งหลังหายอึนเลยเล่นได้ดีขึ้น แม้คนดูจะอึดอัดจุกเสียดบ้างบาง จังหวะที่ขาดๆ เกินๆ แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วย แฮปปี้เอนดิ้ง ต้องขอบคุณนักเตะที่สู้ฟัดเอาประตู คืนมาจนได้ และเริ่มมีความรู้สึกดีดีกับ ฟิล ดาวน์ ท�ำหน้าที่ได้ดีจริงๆ ท่าชี้จุดโทษแม้จะได้เห็น แต่ท�ำให้ เฮียฟิล ดาวน์ หล่อขึ้นเป็นกอง เอาผู้ตัดสินยอดเยี่ยมแห่งปีไปเลยครับท่าน แมทช์นี้ 3 แต้มแบบไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแดง 9,999 ดอกบ่งบอกความจริงที่ยิ่งใหญ่ บ่งบอกว่าใจฉัน ยังคงมั่น...เอ่อผิดประเด็น555 เอานะแต่ก็จบบริบูรณ์แบบไม่ต้องมี มหากาพย์ ดราม่า ไตรภาค นะเออ เกมคืนนี้คุ้มค่าแก่การรอคอยจริง มันส์เร้าใจ ใครไม่ได้ดูหาโหลดฟูลแมทช์ดูซะ รับรองไม่ ผิดหวังเป็นการโกงความตาย ได้ 3 แต้มแบบมันส์สุดติ่ง หนทางยังอีกยาวไกล เส้นทางสายลุ้น แชมป์สุดท้ายจะเป็นยังไงไม่ส�ำคัญ สาวกลิเวอร์พูล พร้อมอยู่ข้างสโมสรเสมอ ก็ใจมันรักไปแล้ว นี่เนอะ ท�ำไงได้ รักนะ หงส์แดง จุ๊บุ ไม่รู้จะเขียนไรต่อและ หลังเกมฉบับนี้เลยขอจบลงเอยเพียงเท่านี้ สู้ต่อไปจะออกไปเตะ ยูฟ่า !!! ขอให้เครื่องจักรสีแดงอย่าเป็นภูมิแพ้ตัวเองแล้วกัน แชะเอิงเอย เปี๊ยกบางใหญ่ September 2013 - The Reds


64

C over Story

The Reds - September 2013


65

September 2013 - The Reds


66

The Reds - September 2013


67

แว๊บแรกที่ผมเห็น ผมก็คิดว่าน่าจะเป็นจุดโทษ และเมื่อดูภาพรีเพลย์อีกครั้งหลายๆ รอบ ผมก็ยังคง ยืนยันว่ายังไงก็เป็นจุดโทษ แต่เมื่อเกมจบลงมันอาจจะเป็นความผิดของผม เองที่ดันไปเซิร์ช talkSPORT ทางโลกไซเบอร์ และ ได้ยินอดีตกองหน้าหงส์อย่าง Stan Collymore พ่น ค�ำวิจารณ์ในจังหว่ะดังกล่าวว่า Suarez ‘พุ่ง’ และ งานนี้ก็มีการถกเถียงถึงเรื่องนี้กันเกือบครึ่งวัน หนังสือพิมพ์กีฬาต่างๆก็ขึ้นหัวข้อข่าวเกี่ยวกับ จุดโทษดังกล่าวอย่างมากมาย ผมยังอดสงสัยไม่ได้ว่า มันจะมีการปะโคมข่าว อะไรขนาดนี้หรือไม่ หากว่ามันเป็นนักเตะคนอื่นที่ เข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์คล้ายๆกันนี้ ไม่ว่าจะเป็น Olivier Giroud หรือ Samuel Eto’o ไม่ ผมคิดว่า คงไม่มี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนักเตะอังกฤษเพราะรับรองว่า จะไม่มีพูดถึงเลยด้วยซ�้ำ จริงมั๊ย Young ? กูรูทางฟุตบอลส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะ Gary Lineker และ Alan Shearer ต่างพูดกันว่าจุดโทษดังกล่าวนั้น ถูกต้องแล้ว และแม้แต่อดีตผู้ตัดสินอย่าง Graham Poll อดีตนักเตะอย่าง Jamie Redknapp และ Martin Keown ต่างเห็นพ้องต้องกันว่ามันเป็นจุดโทษ ชัดเจน อาจจะมีคนต�ำหนิผมได้ว่า แหม่พูดมาตั้งเยอะ จริงๆ แล้วคนเขียนก็เชียร์หงส์ย่อมที่จะต้องเข้าข้างกัน อยู่แล้ว เอาเป็นว่าแม้ว่าผมจะถอดแว่นที่มีตรา หงส์ แดง บนเลนส์ออกไป แต่ผมก็ยังคงมองเห็นว่า มัน สมควรเป็นอย่างที่ผมบอกจริงๆ นักเตะในต�ำแหน่งอย่าง Guzan ไม่ควรที่จะพุ่ง ไปที่ขากองหน้าในขณะที่สนามตอนนั้นเปียก เพราะ มันเสี่ยงอย่างมากที่จะเกิดการปะทะขึ้น และแน่นอน ที่สุด ตอนนั้นกองหน้ารายนั้นกระชากบอลเข้าสู่มุมที่ ไม่นา่ จะยิงประตูได้งา่ ยๆ เพราะมุมค่อนข้างแคบพอควร คือแค่วิ่งมากางแขนกางขาบังมุมไว้ก็น่าจะพอ ที่ส�ำคัญ มีนักเตะ Villa ตั้งอีกหลายคนที่วิ่งมาคอยประคองและ คอฟเวอร์ให้อยู่ นักเตะอันมีความเร็วระดับ Suárez เมื่อหลุดไป ด้วยความเร็วระดับนั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะเป็นที่ ดึงดูดการท�ำฟาวล์อย่างมากมาย ไม่ใช่แค่เขานี่แหล่ะ September 2013 - The Reds


68

ทีเ่ ป็นตัวทีท่ ำ� ให้ได้จดุ โทษมากทีส่ ดุ ในPremierLeague แต่ในท�ำนองเดียวกันเขาก็คือคนที่ถูกท�ำฟาวล์ที่สุด เช่นกัน บ่อยครั้งที่เราเห็นผู้ตัดสินท�ำเอาหูไปนาเอาตา ไปไร่ เมื่อดาวยิงฟันเหยินรายนี้ถูกคู่แข่งไล่เตะเอาดื้อๆ เราคงจะจ�ำกันได้ดีเมื่อ Kevin Mirallas โดนแค่ใบ เหลืองเท่านั้นจากการเข้ายันแบบประสงค์ท�ำร้ายกัน จะๆ ซึ่งอาจจะท�ำให้ดาวยิงฟันเหยินรายนี้ขาหักได้ แล้วยังจังหว่ะที่ Samuel Eto’o ตั้งใจอัดเขาร่วงใน เขตโทษ แต่กลับถูกผู้ตัดสินมองว่า แกล้งตบตาเพื่อเอา จุดโทษซะงั้น สื่อก็ยังคงไม่เลิกที่จะโดดเข้าใส่ แง่มุมที่มืดด�ำ ของ Suarez แต่อย่างเดียวด้วยความมีอคติฝังหัวว่า “เขาเป็นไอ้ขี้พุ่ง” นี่ยังไม่รวมไปถึงนัดที่ผ่านมาในศึก FA Cup ที่ผู้ตัดสินบางคนท�ำเป็นไม่เห็นการท�ำฟาวล์ ใส่กองหน้าคนนี้แบบจะแจ้งสุดๆ แต่แสดงกิริยา “ประมาณว่าตัวเองสูงส่งและรู้ดีที่สุด ว่า คุณแกล้ง เล่นละครตบตา” ทั้งๆที่แท้จริงแล้วก็แค่ความ “อคติ” ส่วนตัวเท่านั้น และไม่อยากจะมีชื่อว่า “ถูกกองหน้า รายนี้หลอก” เพราะจะท�ำให้เสียสุนัขผู้ตัดสินระดับ “บอลโลก” ได้ ผมคงไม่ต้องเอ่ยชื่อนะว่าเขาคือใคร แต่มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่งกว่าเมื่อสื่อยังคงไม่ ยอมให้ Suarez หลุดพ้นจากอดีตของเขา และไม่ว่าจะ มีประเด็นจุดโทษอีกซักกี่ครั้ง ที่ดาวยิงชาว Uruguay รายนี้เข้าไปเกี่ยวข้องจะต้องมีการไล่ถล่มใส่กันยิ่งกว่า M79 เสียอีก เรียกว่าด่ากันยาวไปเป็นอาทิตย์ก็ดี แน่นอนไม่มีใครชอบการโกงหรือคนที่โกงหรอก ในโลกของฟุตบอล แต่สอื่ ก็ควรทีจ่ ะท�ำหน้าทีใ่ ห้เป็นกลาง จริงๆ ซักที “เลิกดัดจริต ปรี๊ดๆ ใส่คนที่ตัวเองเกลียด” โดยไม่สนใจว่าความเป็นจริงของสถานการณ์นั้นเป็น อย่างไรเสียที ควรจะหาความจริงไม่ใช่ว่าวิจารณ์น�ำ และป้อนค�ำถามแบบ “ล่อเป้า” อย่างที่ท�ำๆกันอยู่. ผมเองก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่า ที่สื่อเล่น ประเด็นแบบนี้ไม่เลิก ก็เพราะ “อกกลัดหนอง” ทึ้งผม ตัวเอง เมื่อได้เห็นว่าคนที่ตัวเองเกลียดเหลือเกิน กลับ ท�ำผลงานในฤดูกาลนี้ได้อย่างสุดไร้เทียมทาน และไม่มี ประเด็นข่าวฉาวใดๆ ให้เป็นเหยื่อในการละเลงน�้ำหมึก ลงสื่อได้อย่างเมามันอย่างที่คุณๆ เคยได้ท�ำมาตลอด The Reds - September 2013


69

September 2013 - The Reds


70

The Reds - September 2013


71

September 2013 - The Reds


72

A cademy News

The Reds - September 2013


73

September 2013 - The Reds


74

The Reds - September 2013


75

เหลือระยะเวลาอีกไม่มากแล้วส�ำหรับ การแข่งขัน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2013 – 14 .... ซึ่งส�ำหรับทีมชุด ใหญ่ของทีม ก็ก�ำลังพยายามท�ำผลงานอย่างเต็มที่ เพื่อกลับไปสู่เวทียุโรป หรือ อันดับท๊อปโฟร์ ซึ่งจะว่า ไปแล้ว โอกาสส�ำหรับลิเวอร์พูลยังคงเปิดกว้าง และ มีมากกว่าหลายๆ ทีม แต่โอกาสที่จะพลาดให้กับทีม ที่ตามหลังก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ไฮไลท์ของ เดือนคงอยู่ที่การเสริมทัพของตัวผู้เล่น เพื่อเพิ่มความ แข็งแกร่งให้กับสโมสรต่างๆ ไฮไลท์ส�ำคัญ ในช่วงตลาด นักเตะในเดือนที่ผ่านมา คง หนีไม่พ้น “ฆวน มาต้า” ที่ย้ายจาก ทีมเชลซี มา ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติของสโมสร ... ขณะเดียวกัน ทีม สโมสรลิเวอร์พูล ซึ่งคาดว่าน่าจะมีนักเตะเข้ามาเสริม ทีม 1-2 คน สุดท้ายก็ต้องพลาดไป ไม่มีนักเตะราย ใดเข้ามาเสริมทีมในช่วงตลาดเปิดที่ผ่านมา .. ซึ่งต้อง ยอมรับเลยว่า เป็นความล้มเหลว เพราะกับปัจจุบันที่ ทีมยังคงต้องลุ้นอย่างหนักกับการไล่ล่าต�ำแหน่ง และ สภาพทีมมีนักเตะบาดเจ็บเยอะ สภาพทีมค่อนข้างเล็ก แต่สุดท้ายก็ไม่มีนักเตะเข้าสู่ทีม หลังจากนี้ คงต้องลุ้น กันนัดต่อนัด ลุ้นไม่ให้มีนักเตะบาดเจ็บเพิ่ม และ นัก เตะที่มีอาการบาดเจ็บให้หายกลับมาอย่างเร่งด่วน .. แต่ถ้ามองให้อีกมุม มันก็อาจจะส่งผลดี ที่อาจจะท�ำให้ นักเตะดาวรุ่งของทีม มีโอกาสและพื้นที่ในการลงเล่น กับทีมชุดใหญ่มากขึ้น !! ส� ำ หรั บ ความเคลื่ อ นไหวของนั ก เตะดาวรุ ่ ง เยาวชน อคาเดมี่ ของ ลิเวอร์พูล ก็ถือว่ายังไม่มีอะไร ที่น่าจะเป็นประเด็นดังเท่าไหร่ เห็นจะมีข่าว แว่วๆ ว่า สโมสรลิเวอร์พูลได้ดึงตัว แบ็คซ้ายดาวรุ่ง “แจ๊ค โรบินสัน” กลับคืนจากการยืมตัวของทีม แบล็คพูล ซึ่งน่าจะเป็นการแบ็คอัพในต�ำแหน่งแบ็คซ้าย ขณะที่ Ryan McLaughlin ดาวรุ่งเยาวชนของทีมลิเวอร์พูล ที่ถูกยืมตัวไป ก็ได้รับการต่อสัญญาออกไปจนถึงช่วง จบฤดูกาลกับทีม Barnsley Michael Ngoo เป็นอีก 1 นักเตะกองหน้าของ ทีมเยาวชน ลิเวอร์พูล ที่เป็นดาวรุ่งพเนจร หลังจาก ที่ถูกทีม Yeovil Town ยืมตัวไปเล่นในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ไม่สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้จัดการทีม September 2013 - The Reds


76

Yeovil Town ได้ และล่าสุดก็ถูกปล่อยตัวออกมา และย้ายไปอยู่กับทีม Walsall ซึ่งอยู่ในระดับ ลีกวัน ซึ่งสัญญายืมตัวจะสิ้นสุดที่ปลายฤดูกาลนี้ โดย Dean Smith ผู้จัดการทีม Walsall ก็ได้กล่าวว่า “เขาเป็น คนที่มีความแข็งแกร่ง แข็งแรง และยังท�ำประตูได้ ซึ่งเขาจะเข้ามาช่วยทีมเราปรับปรุงในสิ่งที่ทีมเรามี อยู่ได้” ซึ่งล่าสุด Michael Ngoo ก็ช่วยทีมชุด U-21 เอาชนะเยาวชน อาร์เซน่อล ไป 4-2 ซึ่งตัวเขาเอง ท�ำได้ 2 ประตูในเกมนี้ .. เกมนี้ อาร์เซน่อล น�ำทีมโดย Oxlade-Chamberlain มิดฟิลด์ดาวโรจน์ทีมชาติอังกฤษ .. ขณะที่ ลิเวอร์พูลชุดในวันนี้ ไม่มีนักเตะในทีมชุดใหญ่ลงมา ช่วยทีม ซึ่งทั้งหมดในทีมล้วนแต่เป็นดาวรุ่งทั้งสิ้น .. โดยเกมในวันนี้ อาเซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีม อาร์ เซน่อล ได้มาร่วมดูการแข่งขันเกาะติดขอบสนามเลย ทีเดียว เริ่มเกมไปได้เพียง 4 นาที Ngoo ก็อาศัยความ ผิดพลาดของกองหลังอาร์เซน่อล ฉกบอลเลี้ยงเข้าไป ยิงอย่างสวยงาม จากนั้น อาร์เซน่อล ก็มาตามตีเสมอ ได้จาก Afobe ซึ่งจังหวะนี้เป็นความผิดพลาดของ Danny Ward ผู้รักษาประตูของทีม ลิเวอร์พูลที่ รับบอลพลาดจากการเปิดบอลของผู้เล่นอาร์เซน่อล ท�ำให้บอลหลุดไปถึง Afobe ยิงเข้าไปแบบง่ายๆ ... หลังจากนั้นอีกเพียง 4 นาที ลิเวอร์พูลก็ยิง ประตูขึ้นน�ำไป 2-1 ซึ่งก็เป็น Ngoo กองหน้าที่ย้ายไป ร่วมทีม Walsall แบบยืมตัว โหม่งประตูขึ้นน�ำอีกครั้ง จากการเปิดของ Kristoffer Peterson ทางด้านขวา ... ก่อนที่ Brad Smith จะมาบวกสกอร์เพิ่มเป็น 3-1 ก่อนหมดเวลาในครึ่งแรก .... หลังจากนั้นในครึ่งหลัง นาทีที่ 64 ลิเวอร์พูลก็มาได้ประตูหนีห่างเป็น 4-1 จาก การหลุดเข้าไปยิงของ Kristoffer Peterson ง่ายๆ และ อาร์เซน่อล ก็บุกหนัก และก็มาได้ประตูไล่มา เป็น 4-2 จาก Hayden Isaac แต่จบเกม อาร์เซน่อล ก็ไล่มาไม่ทัน แพ้ไป 4-2 ... โดยโปรแกรมนัดถัดไปของ ลิเวอร์พูลชุด U-21 จะลงพบกับทีม เชลซี ในคืนวัน วาเลนไทน์ ศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ ... ในส่วนผลการแข่งขันในทีมชุด U-18 ย้อนกลับ ไปเมื่อช่วงกลางเดือน มกราคม โดยมีคิวลงแข่งขัน ใน The Reds - September 2013


77

September 2013 - The Reds


78

The Reds - September 2013


79

ศึกเอฟเอ ยูธคัพ .. ซึ่งเป็นการแข่งขันใน รอบ 4 ซึ่ง เยาวชนทีม ลิเวอร์พูล พบกับ ทีมเยาวชนของทีม แอส ตัน วิลล่า ซึ่งเป็น ลิเวอร์พูล ที่เอาชนะ แอสตัน วิลล่า ไปได้ 3-1 ... ลิเวอร์พูล ยิงประตูขึ้นน�ำไปก่อน จาก Trickett-Smith ก่อนทีแ่ อสตัน วิลล่าจะมาตาม ตีเสมอได้ ในอีก 10 นาทีถัดมาจาก McKirdy... หลัง จากนั้นในครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล ก็ส่ง Harry Wilson ลง มาในครึ่งหลัง และก็เป็น Wilson ที่สวมบทฮีโร่ ซัดไป 2 ลูกท�ำให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แอสตัน วิลล่า ไป 3-1 ผ่านเข้าสู่ รอบที่ 5 ใน เอฟเอ ยูธ คัพได้เป็นผลส�ำเร็จ ซึ่งทีมลิเวอร์พูล จะไปพบกับ ทีมวัตฟอร์ดในรอบต่อ ไป .... สุดท้ายนี้ ก็ขอแสดงความยินดีกับ Joao Teixeira ที่ได้โอกาสลงประเดิมสนามในทีมชุดใหญ่ เป็น ครั้งแรกส�ำหรับทีมลิเวอร์พูล โดย ลงมาเล่นแทน Raheem Sterling ในนาทีที่ 81 และมีโอกาสที่จะลุ้น ท�ำประตูถึง 2 จังหวะ Joao Teixeira ย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูลตั้งแต่ ในปี 2012 ซึ่งก็เข้ามาร่วมทีมเยาวชนของ ลิเวอร์พูล และถือเป็นดาวรุ่งคนหนึ่งที่สามารถท�ำผลงานได้ดีใน ระดับเยาวชน .. แต่ตัวนักเตะเองก็ยังไม่สามารถก้าว ขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ได้ .. จนกระทั่งในช่วง เปิดฤดูกาล 2013-14 ... เขาก็ย้ายไปร่วมทีม Brentford ใน ระดับลีกวัน ตั้งแต่ 10 กันยายน 2013 จนกระทั่งถึง วันที่ 5 มกราคม 2014 ที่ผ่านมา .. ซึ่งลงเล่นให้กับ Brentford ไปเพียงแค่ 2 นัดเท่านั้น... แต่หลังจากที่ เขากลับมา เขาก็ท�ำผลงานได้อย่างดีในทีมส�ำรองของ ลิเวอร์พูล และนั้นก็จึงเป็นโอกาสที่ดี ที่ ร๊อดเจอร์ จะ ดึงเขาขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ ... และเชื่อว่าตัวของ Joao Teixeira เองก็หวังที่จะได้นับโอกาสนั้นอีกครั้ง ในโอกาสวันข้างหน้า ... ซึ่งคงต้องดูว่าดาวรุ่งคนนี้จะ ได้รับโอกาสอีกครั้งหรือไม่ ...... ?? สุดท้ายจริงๆ ผมขอร�่ำลากันด้วย วลีอมตะนะ ครับ จงเดินเถิดเดินไป เดินไปด้วยความหวังที่ฝั่งใจ แล้วเจ้าจะไม่มีวันที่จะเดินอย่างเดียวดาย ... ------------------------------September 2013 - The Reds


80

S pecial Report

The Reds - September 2013


81

September 2013 - The Reds


82

จากการเปิดตัวของ Joao Carlos Teixeira ในเกมนัดที่ผ่านมา ท�ำให้อดรู้สึกสงสัยไม่ได้ว่า แล้วจะ ยังไงต่อไปส�ำหรับ Luis Alberto ในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้, Brendan Rodgers ได้ให้ความเห็นว่าจะมอบบทบาทส�ำคัญๆ ในเวที Premier League ให้กับดาวรุ่งเกมรุกที่โดด เด่น เรียกได้ว่าเริ่มที่จะเจิดจรัส ในช่วงท้ายเกมของเกมที่เจอกับ Arsenal (นัด ที่ถล่มปืนยับ) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แฟนบอล Liverpool คงได้ตื่นตาตื่นใจกับการส่งปีกวัย 18 ปี อย่าง Jordon Ibe ที่ตอบสนองได้อย่างยอดเยี่ยม สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับ Joao Carlos Teixeira ซึ่งถือได้ว่าเป็นการส่งตัวลงสนามแบบเซอร์ไพรส พอควรในเกมที่เจอกับ Fulham, แล้วเขาก็เหมือน กับ Ibe ที่จ่ายบอลทะลุให้กับ Daniel Sturridge จน น�ำมาซึ่งจุดโทษอันเปนประตูชัย สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ Luis Alberto ล่ะ ท�ำไม เขาไม่ได้เป็นแม้แต่ตวั ส�ำรองในเกมทีเ่ จอกับ Fulham และ Arsenal หลั งจากที่ เขาย้ายมาตอนซัมเมอร์ด ้ว ยค่าตัว มิใช่เยอะ แต่ก็มิใช่น้อย มีหลายคนตั้งความหวังกับเขา พอควรในเรื่องการเล่นเกมรุก ตัวเขาเองก็ยอมรับว่า เขานั้นสามารถยืดหยุ่นเล่นได้หลายต�ำแหน่งในเกมรุก ตั้งแต่กองกลางยันปีก และหน้าต�่ำ ท�ำให้เขาไม่รู้สึกว่า ถูกโยกไปเล่นผิดต�ำแหน่งเวลาที่ไดรับโอกาสแต่อย่าง ใด สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแบบเดียวกันกับ Jordan Henderson ที่ต้องเล่นหลากหลายบทบาทมาตลอด ซึ่ง Rodgers ก็บอกอยู่ตลอดว่า ไม่ว่าจะใส่เขาลงตรง ไหน ก็จะได้ผลลัพท์ที่คงคุณภาพดุจเดิม ในแง่ของเกมรุกของ Liverpool ที่มีตัวเลือก ไม่เท่าไหร่ นอกเหนือไปจาก Luis Suarez, Daniel Sturridge และ Raheem Sterling ที่เป็นอะไรที่ แทบจะขาดตัวไปแล้ว มันน่าจะเมคเซนส์อยู่เหมือน กันว่าคนอย่าง Alberto น่าจะได้มีส่วนร่วมด้วยไม่ มากก็ไม่น่าจะน้อย ฤดูกาลทีแ่ ล้วตอนทีเ่ ขาไปเล่นให้กบั Barcelona ‘ชุด B’ นั้น Alberto กดไปทั้งหมด 11 ประตู และ The Reds - September 2013


83

September 2013 - The Reds


84

18 assists, โดยเล่นเป็นเหมือนกองหน้าไปเลย ถือแม้ว่าลีคจะไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนัก แต่ก็น่า จะพอฟัดพอเหวี่ยงกับ the Championship ซึ่งถือ ได้ว่าตัวเขาเองก็มีผลงานได้ไม่ขี้เหร่ Gerard Deulofeu นักเตะอีกคนนึงที่เก็บ The Reds - September 2013

ประสบการณ์จาก Barcelona ‘B’ มาโล่ดแล่นใน เวที Premier League – ในเคสนี้ส�ำหรับตัวเขากับ Everton –ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นนักเตะคุณภาพ และ โดดเด่นอย่างมากในฤดูกาลนี้. ตัวรุกที่ตรงประเด็นอย่าง Deulofeu กดไป


85

18 ประตู กับ 6 assists ใน 33 เกม ให้กับทีมแห่ง สเปนดังกล่าวเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ถือได้ว่าเยี่ยม เมื่อผู้จัดการทีม Everton อย่าง Roberto Martinez นั้นให้โอกาสปีกวัย 19 ปี จนเจิดจรัส แบบนี้ ท�ำให้หลายๆ คนต่างมองว่า Rodgers เองก็

มีเด็กชุดเดียวกันที่สามารถท�ำหน้าที่หรือมีบทบาทได้ คล้ายๆกันนี้เช่นกัน ในเกมที่ตกรอบ FA Cup ไปหมาดๆด้วยฝีเท้า ของ Arsenal นั้น ตัว Alberto เองไม่มีแม้ชื่อในที่นั่ง ส�ำรองเลยด้วยซ�้ำ September 2013 - The Reds


86

ที่น่าเศร้าใจยิ่งกว่าก็คือตัวรุกอื่นๆ อย่าง Victor Moses และ Iago Aspas ก็อยู่ แต่กลายเป็นว่า Teixeira กลับถูกเลือกให้มีที่นั่งแทน Alberto หากสิ่งที่แสดงออกมาให้เห็นคือหลักฐานชี้วัด มันก็ดูคล้ายกับว่า Luis Alberto หลุดโผไปแล้ว เมื่อมองถึงฟอร์มการเล่น การที่ไม่ค่อยได้รับ โอกาสซักเท่าไหร่จึงมีผลต่อฟอร์มไปด้วยกระนั้น หาก วิเคราะห์กันจริงๆ Alberto นั้นได้สร้างสรรค์โอกาส ให้ทีมได้ทุกๆ 48 นาทีของเกม Premier League ในขณะที่ Coutinho สร้างสรรค์โอกาสให้ทีมด้วยค่า เฉลี่ยที่ ทุกๆ 43 นาที แต่ เ มื่ อ เปรี ย บเที ย บกั บ จ� ำ นวนนาที ที่ ล งเล่ น แน่นอน Alberto น้อยกว่า Coutinho เยอะ กระนั้น ค่าเฉลี่ยกลับไม่ได้ทิ้งกันเท่าไหร่ นอกเหนือจากนัน้ Alberto มีเปอร์เซ็นต์การจ่าย บอลที่สมบูรณ์ถึง 85% ซึ่งเทียบเท่าได้กับ Steven Gerrard ตรงนี้ มันชัดเจนว่า Alberto ก็เป็นทางเลือกที่ พึ่งพาได้เมื่อถึงวาระเล่นเกมรุก ปัญหาคือการจับ Alberto ลงสนามจะท�ำให้แผนการเสียหรือไม่? มันเป็น ที่น่าคิดอยู่เพราะเท่าที่ผ่านตามา Rodgers เป็นคนที่ หากนักเตะคนไหนเล่นแล้วไม่ได้เป็นไปตามที่เขาชอบ เขาก็จะปัดทิ้งออกไปอย่างรวดเร็ว ฤดูกาลที่แล้วเราคง ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Oussama Assaidi ที่ได้ลงเล่น ในเวที Premier League แค่ 77 นาทีเท่านั้น แล้วก็ โดนขับไสไล่ส่งไปอยู่ที่อื่นซะงั้นเลย ในฤดูกาลนี้เราคงจะเห็นสิ่งที่คล้ายๆกันเกิดขึ้น กับ Aspas ซึ่งไม่ต่างจาก Alberto เลย ปัญหามันคืออะไร? มีการแซงชั่นการซื้อขาย ครั้งนี้หรือเปล่า ซึ่งไม่น่าจะใช่ หรือว่า Alberto ดูไม่ พยายามเวลาที่ซ้อม หรือด้วยเหตุผลกลใดที่เกี่ยวกับ สภาพจิตใจ? สิ่งที่เราพอจะท�ำได้ก็คือ ตัดสินจากฟอร์มการ เล่นล้วนๆ ซึ่งจากที่เล่ามา Alberto ก็ไม่ได้เล่นขี้เหร่ อะไร แล้วท�ำไมเขาจึงไม่คอ่ ยได้รบั โอกาสอย่างทีค่ วร จะเป็น? แล้วยังไงต่อกันดีล่ะส�ำหรับ Luis Alberto The Reds - September 2013


87

September 2013 - The Reds


88

T reatise

The Reds - September 2013


89

September 2013 - The Reds


90

The Reds - September 2013


91

มันไม่ใช่อาชญากรรมใดๆ ในการที่จะเป็นคน ที่มีความมั่นใจในตัวเอง ในความเป็นจริงก็คือ มัน เป็นสิ่งจ�ำเป็นด้วยซ�้ำ 29 ประตู ใน 36 เกม ถือได้ว่าเป็นสถิติที่น่า ประทับใจมากๆ ของดาวยิงคนนึง และนี่คือสถิติของ Daniel Sturridge นับตัง้ แต่ยา้ ยมาร่วมทีม Liverpool ตั้งแต่มกราคมปี 2013 ด้วยราคา 12 ล้านปอนด์ วัน นี้เมื่อราวหนึ่งปีมาแล้วนับตั้งแต่วันที่เขาย้ายมาในถิ่น Anfield หลายๆ คนยังคงตั้งค�ำถามอยู่ว่าเขานั้น มี พรสวรรค์จริงหรือเปล่า เก่งจริงหรือเปล่า หรือว่า แค่ทองชุบรอวันลอก ? บางคนยังคงตั้งค�ำถามเกี่ยว กับความสามารถของเขาว่าดีพอที่จะเป็นตัวหลักใน ทีมชาติอังกฤษชุดลุยบอลโลหรือไม่ ซึ่งเป็นอะไรที่ ผมสงสัยอยู่พอควรว่า นักเตะที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ ทักษะ ความสร้างสรรค์ และความคมกริบในการยิง ประตูแบบนี้ ท�ำไมเล่าถึงยังถูกตั้งค�ำถามจากแฟนบอล หรือแม้แต่สื่อต่างๆ ขนาดนี้ บางคนตั้งค�ำถามถึงความเสี่ยงด้วยวงเงินถึง 12 ล้านปอนด์ส�ำหรับนักเตะอย่าง Sturridge ที่ Brendan Rodgers กล้ากระท�ำ ครับอย่างงไป มีคนตั้ง ค� ำ ถามอย่ า งมากพอควรส� ำ หรั บ การซื้ อ ครั้ ง นี้ ข อง Rodgers อย่างมาก มีการแบ่งฝ่ายกันถกเถียงกันเลย เพราะชื่อเสียงที่ถูก “ยัดยา”ให้กับ Sturridge จาก สื่อต่างๆ ว่าเป็นนักเตะ “ขี้เลี้ยง” หรือแม่แต่ในสื่อ ไทยบางส�ำนักที่ขนาดตั้งสมญานามให้ว่า “โปรเลี้ยง” ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงนั้น เพราะเขาต้องเล่นต�ำแหน่ง ไหนกันถึงต้องท�ำให้เขาต้องเลี้ยงกระจุยกระจาย ผม ยังคงงงอยู่มิใช่น้อยว่านักเตะความสามารถระดับนี้ สร้างสรรค์ระดับนี้ มีคาแรคเตอร์ระดับนี้ บุคลิกภาพ ไม่ธรรมดาแบบนี้ ท�ำไมคนยังคงดูเบาความสามารถ ของเขาได้ขนาดนี้อยู่ เขานั้นแสดงศักยภาพมาให้ให้เห็นเสมอตั้งแต่ เล่นในทีมระดับเยาวชนของ Manchester City เขา นั้นแสดงให้เห็นถึงความเจิดจรัสเป็นความหวังของเด็ก รุ่นใหม่ กระนั้นเขาก็เป็นคนที่ค่อนข้างมั่นใจในตัวเอง ไม่ดูเบา ดูแคลนตัวเอง ต้องการค่าจ้างที่สมน�้ำสมเนื้อ จากฝีเท้าของเขา จนหลายๆ ฝ่ายมองว่าหลงตัวเอง เกินไปหรือเปล่า ตรงนี้เราเคยตั้งค�ำถามไหมว่า มัน September 2013 - The Reds


92

เป็นเพราะตัวเขาจริงๆ หรือเพราะเอเย่นต์ของเขาเห็น ว่าเขานั้นดีพอที่จะต้องได้รับค่าเหนื่อยที่เพิ่มขึ้น Mancheser City นั้นไม่ยอมจ่าย และ Sturridge ก็ต้องย้ายไปที่อื่นที่พร้อมที่จะให้ค่าเหนื่อยเขา ที่ หกหมื่นปอนด์ต่อสัปดาห์ Chelsea นั้นได้ก้าวเข้า มาเพื่อรับตัวเขาไว้ เพราะเฟ้นหานักเตะดาวรุ่งที่มี ศักยภาพมาทดแทนคนเก่าแก่ที่ศักยภาพก�ำลังจะตก แต่ด้วยความอดทนที่น้อยของเจ้าของทีมเช่นกัน ท�ำให้ เด็กๆ หลายๆ คนไปสูญเสียอนาคตที่นู่น เพราะเด็กๆ จ�ำเป็นต้องมีความมั่นคงและโอกาสในการเล่นอย่าง สม�่ำเสมอ หากว่าต้องการพัฒนาการที่ดีขึ้น ซึ่งตรงนี้ ตัว Sturridge ก็มีความเสี่ยงในอาชีพของเขาในการ ย้ายไป Stamford Bridge เพราะโอกาสโดนดองเค็ม มีอยู่มากเหลือเกิน การย้ายไปเล่น Bolton แบบยืมตัวในฤดูกาล 2010/11 ถือได้ว่าประสบความส�ำเร็จอย่างมาก เพราะ เขายิงได้ถึง 8 ประตู ใน 12 เกม ที่ลงเล่น นั่นเป็นการ แสดงให้เห็นถึงทักษะและศักยภาพในการเล่นของเขา รวมไปถึงความสร้างสรรค์และความมั่นใจที่เกินเด็กรุ่น เดียวกัน เขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวในถิ่น Bolton และได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขานั้นของจริง กระนั้นมัน ก็เป็นแค่เคสของ “ปลัดหนุ่มในหมู่บ้านเล็กๆ” เพราะ ทีมยังเป็นที่ที่เล็กนั่นเอง AndreVillas-Boasเห็นศักยภาพของSturridge และใช้เขาในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ของเขาที่ Chelsea Sturridge เติบโตอย่างเต็มทีเ่ มือ่ ได้รบั ความไว้เนือ้ เชือ่ ใจ จากกุนซือคนใหม่ กระนั้นในฐานะทีมแล้ว Chelsea นั้นมีปัญหา และ Villas-Boas ก็โดนหักขาเก้าอี้โกยก ลุ่ก้อนมหาอ�ำนาจในทีมทั้งๆ ที่รับงานมาได้เพียงแค่ เก้าเดือนเท่านั้น Sturridge เลยไม่ได้รับโอกาสเยี่ยง นั้นอีกต่อไปแล้วที่ Chelsea Sturridge นั้นมองไม่ เห็นโอกาสแบบนั้น ที่เขาอยากได้ที่ Chelsea ท�ำให้ เขารู้ดีว่าจ�ำเป็นแล้วล่ะที่จะต้องย้ายออกไป เพราะมัน เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไป เป็นส่วนส�ำคัญในโครงการของ Rodgers หลายๆ ฝ่ายคงได้เห็นถึงเทคนิคและทักษะของ Sturridge กันแล้วกระนัน้ ก็ยงั มีหลายต่อหลายคนทีย่ งั The Reds - September 2013


93

September 2013 - The Reds


94

คงสงสัยในเรื่องการตัดสินใจของเขา ความเห็นแก่ตัว และคาแรคเตอร์ที่ออกแนว หยิ่งผยอง ของเขาแล้ว ยิ่งเขาได้รับค่าเหนื่อยมากโข ตามที่เรียกร้องไว้ และ ความมั่นใจในตัวเองสุดๆ ยิ่งท�ำให้แฟนบอลรู้สึกว่า เขาผยอง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของสื่อไทยและนอกที่มอง เห็นคนที่ถ่อมตัวไม่เป็นอย่างเขา เป็นศัตรู เป็นอะไรที่ The Reds - September 2013

น่าหมั่นไส้ได้ง่าย กระนั้นมันยุติธรรมกับเขาแล้วเหรอ หลังจากที่ย้ายมานี่ ที่ Anfield มาแล้วหนึ่งปี ก็ยังถูก คนมองแบบนี้กันอยู่ Sturridge นั้นยิ่งท�ำให้คนหมั่นไส้มากขึ้นไปอีก เมื่อยิงประตูได้ แทนที่จะดีใจอย่างชาวบ้านชาวช่อง เขา กลับเลือกท�ำหน้าหยิ่งๆ เป็นเสือยิ้มยาก แล้วเต้น


95

เซิ้งกระติ๊บ แบบน่าตบกะบาลแยกเข้าให้อีก โอเคมัน เป็นท่าที่ออกแนวข�ำๆ แต่ก็น่าจะรู้กันอยู่แล้วนะว่า คนเวลาหมั่นไส้ ท�ำอะไรข�ำๆ ก็เป็นประเด็นไปหมด ไม่ เชื่อถามนายกได้ ห้าๆๆ การฉลองการยิงประตูด้วยการเต้นแบบนี้ยังคง ท�ำอย่างต่อเนื่อง และเป็นอะไรที่เพลินมากๆ ส�ำหรับ

คนที่พร้อมจะด่า เล่นเป็นประเด็นอยู่ตลอดช่วงแรกๆ ของเขาที่ถิ่นหงส์ ว่ามันเป็นเชิงผยองพองขน แต่มันก็ ชัดเจนเช่นกันว่า Sturridge มิค่อยจะน�ำพา มิค่อยจะ แคร์กับการถูกแขว่ะซักเท่าไหร่ เขาแคร์แค่เรื่องการได้ ลงเล่นและยิงประตูเท่านั้น และตรงนี้มันชัดเจนว่า เขา ท�ำให้พวกที่ดูแคลนเขาไว้ ได้หน้าแตก หน้าแหก อก September 2013 - The Reds


96

กลัดหนองกันหมด เพราะฟอร์มที่ดีอย่างต่อเนื่อง การเซ็นสัญญาคว้า Sturridge และ Coutinho เข้ามาช่วยผลักดันโครงการของ Rodgers ให้ก้าวหน้า ไปสู่ระดับที่สูงกว่า ทั้งสองหน่อช่วยเพิ่มเติมศักยภาพ ทักษะ การเคลื่อนไหวของเกม ในแบบที่ Rodgers เฝ้ามองหามาตลอด Sturridge และ Suarez ดูไปดูมาก็ยิ่งเหมือน มองตาก็รู้ใจ มีการเข้าขากันอย่างมากในการเล่น ฟุตบอล ในช่วงสองสามเกมแรกๆ ที่ไม่มี Suarez ท�ำให้ Sturridge ต้องแบกรับการท�ำประตูให้กับทีม แต่เพียงผู้เดียว กลายเป็นว่า Sturridge กดไปห้า ประตูและ Liverpool ชนะถึงสามในสี่เกม เมื่อ Suarez กลับมา Sturridge ก็ประสาน งานได้ดีและเยี่ยมยอดในเกมที่เจอกับ Sunderland ซึ่ง Sturridge ยิงประตูได้แล้วยังช่วยปั้นให้ Suarez ทั้งสองประตู นับตั้งแต่ Suarez กลับมาทั้งคู่ได้ท�ำลายแนวรับ ของทุกทีมในลีค ทัง้ คูต่ า่ งมีความฉลาดเฉลียวและทักษะ ในเชิงฟุตบอล และนั่นคือสิ่งที่ Rodgers ต้องการ Sturridge นั้นยิงไปแล้ว 16 ประตูแล้วใน ฤดูกาลนี้ หากรวมทุกถ้วยนับตั้งแต่ย้ายทีมมาก็กดไป แล้ว 29 ประตู กระนั้นก็ยังคงมีคนตั้งค�ำถามต่อความ สามารถของเขา แบบนี้เขายังต้องท�ำอะไรอีกเล่า? ว่ากันด้วยแรงจูงใจ โอเคสรุปแล้วมันไม่ใช่เพราะพรสวรรค์ของเขา ที่เป็นปัญหา แต่มันเป็นเรื่องลักษณะนิสัยและแคแร็ก เตอร์ที่หลายๆ คนไม่ชอบ ตรงนี้น่าคิด อย่างแรกเลย คุณอาจจะพูดได้ว่า ลักษณะนิสัยของเขาออกแนว ผยอง ไม่ถ่อมตัว และนั่นคือสาเหตุที่ว่าท�ำไมคนถึง ไม่ชอบ Sturridge เอาจริงๆ นะ ผมว่ามันไม่ค่อยจะ ถูกต้องซักเท่าไหร่ เขาเป็นคนมีความมั่นใจ เขาเล่น ด้วยความเชื่อมั่น และสนุกกับการแสดงออกถึงทุกๆ อย่างในการเล่นฟุตบอล แล้วตรงนี้มันเป็นปัญหาได้ อย่างไร? หรือว่ามันเป็นประเด็นของการแสดงท่าดีใจที่ ดูไม่เหมาะสม? ถามจริงเหอะ ใครแคร์บ้าง? เขาไม่ได้ ท�ำท่าเย้ยหยันใคร ไม่ได้พูดถึงคู่แข่งหรือเหน็บเพื่อน The Reds - September 2013


97

September 2013 - The Reds


98

The Reds - September 2013


99

ร่วมทีมด้วยซ�้ำ ในความเป็นจริง Sturridge ดูเป็นคน เก็บเนื้อเก็บตัวไม่ค่อยจะเป็นข่าวด้วยซ�้ำตั้งแต่ย้ายมา กระนั้นผูคนก็ยังไม่ชอบเขาอยู่ดี หากว่าคนเหล่านั้นเห็นลักษณะนิสัยแบบนี้ของ เขาเป็นปัญหา นั่นก็เพราบางคนอาจจะไม่เข้าใจถึง สิ่งที่จ�ำเป็นต้องมีในการเล่นฟุตบอลให้ประสบความ ส�ำเร็จ ครับผมพูดให้ชัดอีกครั้ง ความส�ำเร็จนั้นมาจาก ความมั่นใจที่ก่อเกิด เหล่าทวยเทพในทุกวงการต่างมีความเชื่อมั่น ตรงนี้ทั้งนั้น นั่นคือสิ่งที่ท�ำให้พวกเขาเป็นอะไรที่พิเศษ กว่าคนอื่น ครับตรงนี้แหล่ะที่เป็นปัญหาส�ำหรับแฟน บอลและสื่อโดยรวม ใครดีใครเด่น ใครแอ็คมากไปก็ จะพาลเกลียดกันหมด หากว่าไร้ซึ่งความมั่นใจในตัว เอง ถามจริงเหอะว่า Sturridge จะมาได้ไกลขนาด นี้หรือ? ถามจริงว่าเขาจะเป็นมืออาชีพได้มั๊ยหากว่า ไม่มีสิ่งนี้? บางคนบอกว่ามั่นใจเกิดกว่าเหตุไปหรือ เปล่า แต่เอาจริงๆ นะ ของแบบนี้จ�ำเป็นต้องมี คือ ผมจะแฮปปี้มากหากนักเตะทีมชาติไทยซักคนจะออก แอ็คอาร์ต มั่นใจมากๆ แต่เก่งจริง ยิงคม มันจะท�ำให้ ทีมชาติก้าวหน้า ไม่ใช่พวกแอ็คมาแต่ฝีเท้าไม่แอ็คเท่า ท่าทาง ผมเห็นหลายคนเป็นแบบนี้นะในทีมชาติไทย แต่คนแบบนี้แหล่ะที่จะท�ำให้ทีมชาติอังกฤษก้าวหน้า ได้ แต่สิงที่ปรากฏก็คือ มีหลายต่อหลายคนที่ต้องการ ที่จะถล่มหรือคอยเล่นงานเขา มันเกิดอะไรขึ้นกับโลก ใบนี้แล้วละนั่น ? แต่จะว่าไปมันก็ไม่น่าแปลกใจซักเท่าไหร่กระมัง เพราะสิ่งเหล่านี้เคยเกิดขึ้นกับนักเตะอย่าง Zlatan, Cristiano Ronaldo และ Luis Suarez มาแล้ว ทั้งนั้น ประมาณว่ามีลักษณะนิสัยไม่ค่อยจะดี นักเตะ ระดับโลกมักจะนิสัยแบบนี้ เป็น ‘bad guys’ แต่ตรงนี้ ผมไม่ค่อยจะเห็นด้วยนัก เพราะมันไม่ใช่อาชญากรรม ซักหน่อยกับการเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง เพราะในความเป็นจริง มันเป็นสิ่งจ�ำเป็นด้วยซ�้ำ เราควรจะต้องยอมรับว่าแข้งเทพเหล่านี้ไม่ได้ มีสันดานที่แย่ แต่พวกนี้มีระเบิดพลังออกกมาด้วย แรงจูงใจที่โดดเด่นกว่าใคร พวกเขาเติมไฟลงไปใน เกม มีความปรารถนา มีตัญหาที่จะเป็นที่สุดของ ที่สุด และสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผิดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? September 2013 - The Reds


100

“ในเกมกี ฬ าแบบนี้ คุ ณ จะเป็ น คนใจดี ไ ม่ ไ ด้ หรอก หากว่าใครซักคนเข้าใจถึงสิ่งเหล่านี้ดี ก็คือ Patrick Vieira เขาคือนักเตะที่ทุ่มเทเต็มร้อยใน ทุกๆ สถานการณ์ และตรงนี้ช่วยสร้างพลังให้กับทีม โดยรวม มีนักฟุตบอลไม่กี่คนนักหรอกที่เป็นแบบนี้” คนเราต้องมีความคิดฝังในหัวเสมอว่า คุณคือ ผู้ชนะ ไม่ใช่ผู้แพ้ และหากว่าตรงนี้จะถูกเรียกว่าเป็น ความจองหอง ความผยองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว ความคิดแบบนี้แหล่ะทีจะท�ำให้คุณเป็นผู้ชนะได้ คงจะ ต้องปรับแนวความคิดกันใหม่แล้วกระมัง. คุณน่าจะได้เห็นถึงความแตกต่างของ Luis Suarez จากสมัยที่เล่นให้กับ Ajax โอเคบางทีคุณ อาจจะไม่ชอบการกระท�ำของเขาหลายๆ อย่าง แต่คุณ คงได้เห็นการสร้างสรรค์ของเขา การคิดข้ามช็อตของ เขาอยู่ตลอดเวลา จะท�ำอย่างไรให้เขาฉกฉวยความ ได้เปรียบในสถานการณ์ทุกสถานการณ์ได้มากที่สุด จะต้องดึงเสื้อกองหลังเพื่อให้ตัวเองได้เปรียบหรือไม่ ความนึกคิดของเขายุ่งเหยิงและวางแผนอยู่ตลอดเวลา เรียกได้ว่าเป็นคนที่ครีเอตจริงๆ จริงๆ ตรงนี้เป็นสิ่งที่ ควรจะสอนให้เด็กๆ ได้คิด โอเคมันมีพฤติกรรมไม่ดีที่ ไม่ควรลอกเลียนแบบ แต่สิ่งเหล่านี้มันท�ำให้เด็กๆ ได้ มีความคิดสร้างสรรค์ การคิดเยอะ คิดหลายๆ แง่มุม โดยไร้ซึ่งกรอบทางความคิด มันท�ำให้คนพัฒนาได้ เรา สามารถท�ำให้เด็กพิเศษ โดดเด่นได้ เพราะออกนอก กรอบนี่แหล่ะ อย่าเปรียบเทียบ Sturridge กับนักเตะเจ้าปัญหา อื่นๆ ที่เห็นได้ในวงการฟุตบอลอังกฤษ คนบางคนขี้ เหล้า บางคนซั่มเมียเพื่อน บางคนซั่มเมียน้อง เขาก็แค่ เอาบอลมาให้ตูดิ เดี๋ยวตูสร้างสรรค์เอง แล้วแบบนี้มัน น่าหมั่นไส้ตรงไหน? ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อใครด้วยซ�้ำ ผิดจริยธรรมก็ไม่มี Sturridge ไม่เคยถูกจับจากการ ออกไปเมาปลิ้นที่ไหน ไม่เคยถูกจับเพราะไม่กระทืบ ใคร ก็ไม่ต่างจาก Suarez ด้วยซ�้ำ ทั้งคู่ต่างสร้าง ประเด็นในสนามเท่านั้น แต่นอกสนามกลับเป็นอะไร ที่เงียบจนน่าเบื่อด้วยซ�้ำ ชีวิตในสนามคือเวทีส�ำหรับ พวกเขาที่จะเจิดจรัสเท่านั้น กระนั้นผู้คนกลับไม่ชอบ อะไรแบบนี้ กลับไปยกย่องพวกที่ท�ำผิดศีลธรรมนอก สนามซะงั้นเลย มนุษย์เรานี่ก็แปลกจริงๆ The Reds - September 2013


101

September 2013 - The Reds


102

หนทางข้างหน้าอีกไม่ไกลเลย เพียงอีกแค่ 11 นัด หรือประมาณ 2 เดือนครึง่ เท่านัน้ บทสรุปแห่งฤดูกาล จะประกาศตัวตน เกมหน้ากับการเยือน Southampton ต่อด้วยการเปิดบ้านรับ Sunderland และต่อด้วยการไปเทีย่ ว สวรรค์ทมี เยือน ของทีมกลาง ตาราง อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังเป็นเรือ่ งน่าสนใจ และหากเกมนัน้ ปิดกล่องด้วยการชนะปิศาจ นัน่ อาจหมายถึงโอกาศทีท่ มี ปิศาจจะกลับมา แซงเราในฤดูกาลนี้ แทบจะไม่เหลืออีกแล้ว ก่อนเกมนัน้ สงครามน�ำ้ ลาย สงครามประสาท กับ วาจาเผ็ดร้อน น่าจะเดือดพล่านตามอุณหภูมิ แม้เป้าหมายจะอยูแ่ ค่ตดิ 1 ใน 4 ของตาราง แต่ดเู หมือน เดอะ คอป หลายคน จะฝันไกลกว่าทีใ่ จนึก เพราะการห่างจากหัวตาราง แค่ 4 แต้ม มันดูเย้ายวนเกินไปกว่าจะหักห้าม ขณะทีภ่ าพรวมแล้ว 4 ทีมหัวตารางยัง ล้วนท�ำผลงานกันแบบมีลนุ้ ทัง้ นัน้ น่าสนใจ ยังต้องคอยลุน้ คอยให้กำ� ลังใจ ทีมรัก ให้ถงึ ฝัง่ ฝันทีค่ คู่ วร แม้ถงึ ตรง นี้ คงต้องบอกว่า อาจไกลกว่าทีห่ ลายคนเคยคิดไปแล้ว แล้ว เดือนหน้า พบกันใหม่ การิน ธนะอมรทัต บรรณาธิการ

The Reds - September 2013


103

หากคุณพลาด ติดตามลิ้งค์ทุกฉบับ ได้ที่

September 2013 - The Reds


104

The Reds - September 2013


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.