The reds magazine 8

Page 1

1

September 2013 - The Reds


2

A scout about a player on trial at Liverpool : “He has football in his blood!” Bill Shankly : “You may be right, but it hasn’t reached his legs yet.” แมวมอง กล่าวถึงนักเตะที่มาทดสอบที่ ลิเวอร์พูล ว่า “หมอนี่ มีฟุตบอลอยู่ ในสายเลือด” บิลล์ แชงค์ลีย์ : “ถูกของคุณ, เพียงแต่มันยังไม่ลงไปถึงขา”

The Reds - September 2013


3

เรื่องราวมากมายจริงๆ ทั้งในส่วนที่ควบคุมได้ และเรื่องราวเหนือการควบคุม เพราะแม้ ในเรื่องราวที่ควบคุมได้เอง บางครั้งเราก็ยังมีโอกาสพลาด คงไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ส�ำหรับการออก The Reds Magazine ฉบับ 8 ที่เนิ่นนานผ่านเลย มาครึ่งเดือน สถานการณ์ของทีมรักก�ำลังไปได้สวย โอกาสลุ้นแชมป์ขณะที่เหลือเกมในมือไม่กี่ นัด ช่างสร้างความหวังเรืองรองและสร้างความฮึกเหิมให้เหล่า เดอะ คอป ต่างมีรอยหน้าเปื้อน ยิ้มถ้วนทั่ว ยังไม่มีอะไรการันตีทั้งสิ้น ว่า เราจะจบด้วยอันดับที่เท่าไหร่ แต่ต้องยอมรับว่า นี่เป็นอีก หนึ่งปีที่เหล่า สาวกลิเวอร์พูล ดูมีความสุขมากมายในรอบหลายสิบปี เพราะแม้เราอาจไม่ถึง แชมป์ แต่การกระซวกไส้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบทั้งไปและกลับ บวกกลับการได้ไปลุย UCL ที่ค่อนข้างจะน่าจะการันตีกลายๆ ได้ รวมไปถึงการมีอันดับเหนือ ปิศาจแดง ตอนจบ ฤดูกาล อีกทั้งดูแล้ว ปิศาจแดง คงไม่ได้ไปยุโรปปีหน้า นี่ก็ไม่รู้จะอิ่มเอมกันไปขนาดไหนแล้ว หากไปถึง แชมป์ คงเป็นปีที่สมบูรณ์แบบจริงๆ อย่าเพิ่งกดดันทีมรัก อย่าเพิ่งบอก “แชมป์ชัวร์” ผ่านกันไปทีละนัด ได้เท่าไหร่ เอา เท่านั้น เราเชื่อว่า นักเตะ ผู้จัดการทีม และผู้เกี่ยวข้องกับสโมสรทุกคนทุกคน ต่างท�ำหน้าที่ที่ดี ที่สุดของตัวเองแน่ ขอให้มีศรัทธา ครับ เพราะ ศรัทธา จะพาเราก้าวเดิน การิน ธนะอมรทัต บรรณาธิการ

September 2013 - The Reds


4

The Back Four

อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง หากลิเวอร์พูลจ�ำเป็นต้องโละกองหลังทั้งแผง

The Sign of Four

สี่ยอดกุมารแห่งแอนฟิลด์ เทียบเคียงกับสี่ยอดกุมารทีมใดได้บ้าง

The Reds - September 2013


5

Caragher Say :

ชัยชนะเหนือปิศาจแดงปีนี้ มันดีกว่าเมื่อตอนปี 2009 เสียอีก

The Matchs

โหด มัน ฮา สไตล์ “เปี๊ยกบางใหญ่” เต็มอิ่มหลังปิศาจแดงโดนทะลงทวารไป 3 ดอก

Red Machine

ดูเหมือนเครื่องขักรสีแดงที่หลายคนโหยหา มันก�ำลังกลับมา

Super Player

ผลตอบแทนของหัวใจที่ไม่ยอมพ่ายแพ้ แรงผลักดันให้ก้าวขึ้นไปอีกขั้นของนักกีฬา

September 2013 - The Reds


6

T he Legend

The Reds - September 2013


7

September 2013 - The Reds


8

The Reds - September 2013


9

อดีตนักเตะ Liverpool ที่อาจจะเรียกได้ว่า เป็นต�ำนานคนหนึ่งนามว่า Mark Lawrenson มี ความเชื่อมั่นอย่างสุจริตใจว่าหงส์แดงนั้นมี “สี่แนว รุก” ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในลีคแล้ว แต่จุดอ่อนที่อาจ จะกลายเป็น “เงาบดบังความยอดเยี่ยมตรงนี้” ก็ คือแบ็คโฟร์ หรือ “สี่แนวรับ” ที่ไร้ความคงเส้นคง วา นั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เข้าใจว่า “สี่แนวรับ” ต้องใช้เวลาในการ “พัฒนาไปพร้อมกัน” เพื่อให้ มีประสิทธิผลอันเลิศล�้ำเพื่อที่จะไปโลดแล่นในเวที ระดับ Europe ได้ ไม่ใช่แค่เพียงแต่ในประเทศ “หงส์แดงนั้นมีความหวังที่เฉิดฉายมากๆ กับ “สี่แนวรุก” ซึ่งผมคิดว่าคือที่สุดของที่สุด โดด เด่นเป็นสง่าเหนือใครในเวที Premier League – อาจจะเรียกได้ว่าดีที่สุดในลีคเลยก็ได้ ด้วยการ ยิงประตูกันกระจุยกระจาย ยิงกันแบบเชื่อขนม กินเชียวล่ะ.” Mark Lawrenson ได้เขียนไว้ใน คอลัมน์ส่วนตัวของเขา ไอ้คำ� ว่าทีส่ ดุ ของทีส่ ดุ ในเวที Premier League ที่ Lawrenson คิดนั้นท�ำให้ผมนึกไปถึงจอมถล่ม ประตูของทีมอื่นๆ เช่นกัน ตรงนี้ผมขอยก Chelsea ไว้นอกข่าย เพราะ ประตูที่ได้ส่วนใหญ่กลับมาจากฮีโร่ตัวจริงเสียจริง ของพวกเขาในฤดูกาลนี้ ซึ่งก็คือ Eden Hazard เพราะกองหน้าที่เหลือของพวกเขานั้น คุณภาพนั้น ถือว่าด้อยกว่า Luis Suarez และ Daniel Sturridge อย่างมากมาย ประเด็นเดียวกันนี้ก็คือจะสามารถ วิจารณ์ถึง Arsenal เช่นกันที่มีคนพึ่งได้จริงๆ แค่ Olivier Giroud ซึ่งเอาเข้าจริงก็ไม่ได้คมอะไรซัก เท่าไหร่ จากจ�ำนวนการป้อนมาให้ของทุกๆ คนใน ทีม กลับท�ำได้ไม่เยอะอย่างที่สมควรจะท�ำได้ เหล่านักวิจารณ์เลยต่างฟันธงกันว่า มีเพียง แค่ทีมอย่าง Manchester City และ Manchester United เท่านั้นที่มี “สี่แนวรุก” ที่พอจะวิจารณ์ ร่วมกับลูกทีมของ Rodgers ได้ --------------------------------------September 2013 - The Reds


10

Suarez, Sturridge, Philippe Coutinho และ Raheem Sterling โดดเด่นเป็นสง่ากันแบบ สุดๆ ในฤดูกาลนี้ และยังคงเป็นอย่างต่อเนื่อง เรา ได้เห็นหลายต่อหลายนัดที่ Liverpool ไล่ถล่มคู่ แข่งแบบถ้าเป็นมวยก็คือ แพ้น็อคชักตาตั้ง และตรง นี้ผู้ปิดทองหลังพระตัวจริงไม่ใช่ใครเลย ก็คือ Jordan Henderson ที่ฤดูกาลนี้ก็คือฮีโร่ตัวจริง ในขณะที่จอมถล่มประตูของ City ก็มีโดด เด่นไม่แพ้กันก็คือ สี่แนวรุก Sergio Aguero, Edin Dzeko, Alvaro Negredo และ David Silva ส�ำหรับ United นั้นก็คือสี่แนวรุกที่ฝากความหวัง ไว้ได้มากที่สุด กล่าวคือ Wayne Rooney, Robin van Persie, Adnan Januzaj และ Juan Mata Suarez และ Sturridge เป็นดาวซัลโวสูงสุด ของ Premier League ฤดูกาลนี้ ซึ่งก็เป็นที่พิสูจน์ กันแล้วว่าพวกเขาเป็นเต้ยของจริง ดาวยิงชาว Uruguay มีค่าเฉลี่ยในการยิง ประตูมากกว่าประตูหนึ่งต่อเกมในลีค ซึ่งเป็นสถิติ ที่โดดเด่นมาก มีเพียงแค่ Sergio Aguero อยู่ใกล้ เคียงที่สุดกับเขาส�ำหรับทีมอื่นๆที่เหลือ เพราะคน ที่เป็นรองดาวยิงฟันเหยินนั้นในลีคก็เป็นคู่หน้าของ เขาอย่าง Sturridge ที่ตามมาหายใจรดต้นคอคู่หู ของเขาแล้ว --------------------------------------เมื่อเปรียบเทียบกัน แนวรุก United นั้นถือ ได้ว่ามีประสิทธิภาพที่ต�่ำชั้นกว่าชัดเจนในแง่ของ การยิงประตู กระนั้น Rooney ก็ยังคงมีการท�ำ Assist ต่อเกม ได้ระดับใกล้เคียงหรืออาจจะเทียบ เคียงกับ Suarez ได้ SAS นั้นชัดเจนว่าผลงานโดดเด่นกว่าคู่หน้า ของ United ในแง่ของการยิงประตู และการอัตรา กันยิงประตูทั้งเข้ากรอบและไม่เข้ากรอบ ในขณะที่ Sterling และ Coutinho ก็ผลงานโดดเด่นและ มีประสิทธิภาพมากกว่า Adnan Januzaj และ Juan Mata ในพื้นที่รับผิดชอบของพวกเขา The Reds - September 2013


11

September 2013 - The Reds


12

The Reds - September 2013


13

Mata นัน้ อาจจะมองได้วา่ มีสถิตกิ ารจ่ายบอล บรรลุผลมากกว่า “สี่แนวรุก” ของ Liverpool ตรงนี้ของเน้นว่า ในภาคส่วนของ “key passes” นับตั้งแต่ย้ายมาที่ Old Trafford แต่ความเป็นจริงอีกอย่างก็คือ มีเพียงแค่ David Silva เท่านั้นที่มีค่าเฉลี่ยการท�ำ “key pass” ได้มากกว่าเขาในลีค โดยค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.94 ครั้งต่อเกม ก็อย่างที่ผมได้กล่าวก่อนหน้านี้ว่า Aguero นี่แหล่ะที่เป็นนักเตะทีมอื่นที่ใกล้เคียงกับ Suarez ทีส่ ดุ ในของจ�ำนวนประตูตอ่ เกม ในแง่ของการยิงเข้า กรอบ แต่ใกล้เคียงทีส่ ดุ ยังไงก็ไม่เพียงพอจะเทียบได้ ส�ำหรับ Chelsea และ Arsenal นั้นมันเป็น ความจริงที่เจ็บปวดส�ำหรับทั้งสองทีม เพราะไม่มี นักเตะคนใดเลยที่ใกล้เคียงกับ สถิติของ Suarez และ Sturridge โดยเฉพาะขุมก�ำลัง The Gunner ที่แม้แต่คนที่ “เจ๋งที่สุด” ของพวกเขา ในฤดูกาลนี้ อย่าง Mesut Ozil ก็ยังไม่อาจจะเทียบเท่า เรียก ว่าห่างไกลกันแบบไม่เห็นทะเบียนกันเลยทีเดียว แล้วก็มามองที่ Chelsea เห็นได้ชัดว่า “สี่ แนวรุก” ของพวกเขานี่ มีชื่อเสียงชัดเจน มีดาวยิง ชื่อก้องอย่างน้อยก็สองคน แต่เอาเข้าจริงกองหน้า ไม่ได้พึ่งพาได้เลย นอกจาก Hazard ที่ไม่ใช่กอง หน้าจริงๆ กระนั้นต่อให้กองหน้าไม่ยิง ทีมก็ยังท�ำ ผลงานได้ดี ทีม The Blues นั้นหากมองที่ “สี่แนวรุก” พวกเขาไม่สามารถต่อสู้ได้เลยในแง่ของสถิติ แต่ก็ อย่างที่รู้ๆ กันว่า คนอย่าง Jose Mourinho ปราด เปรื่องเพียงพอที่จะรู้ว่า เกมฟุตบอลนั้นชนะกันบน ผืนหญ้า มิใช่จากสถิติที่หน้ากระดาษ เพราะฉนั้น แม้ว่า Lawrenson จะแสดงให้เห็นถึงความจริง ในแง่ของสถิติ แต่ก็ยังไม่สามารถเป็นเหตุผลที่ดีพอ หนักแน่นพอ ที่จะท�ำให้ Rodgers คว้าแชมป์ได้ใน เดือนพฤษภาคมนี้ --------------------------------------September 2013 - The Reds


14

The Reds - September 2013


15

September 2013 - The Reds


16

The Reds - September 2013


17

September 2013 - The Reds


18

Liverpool นั้นได้รับค�ำชมจากนักวิจารณ์ อย่างมากมายในฤดูกาลนี้ เพราะธรรมชาติของการ เล่นเกมรุกของพวกเขา และความกระหายที่จะไล่ ยิงถล่มคู่ต่อสู้ให้น็อคคา “ตีน” ในการเก็บสามแต้ม ในแต่ละนัดที่ลงเล่น ดาวเตะอย่าง Daniel Sturridge, Luis Suarez, Raheem Sterling, Jordan Henderson และ Philippe Coutinho สร้างสรรค์ผล งานยิ่งกว่าโฟร์เอสตลอดฤดูกาลนี้ และสร้างสรรค์ โอกาสอย่างนับไม่ถ้วน ในขณะที่คู่หน้าของพวกเขา ก็ “ฮ๊อต” เหลือเกินในแง่ของการยิงประตู --------------------------------------แต่เมื่อมองไปที่อีกด้านของสนาม มันดูไม่ ค่อยจะเหมือนเดิม เพราะแนวรับที่เคยเหนียวแน่น ในอดีต ทุกวันนี้ถูกวิจารณ์อย่างมากมายกับการ เสียประตูแบบไม่เข้าท่าหลายต่อหลายครั้ง การท�ำ Own goals หลายต่อหลายครั้ง การ มาร์คนที่ผิดพลาดเวลาที่มี set pieces และการ ตัดสินใจที่ไม่เด็ดขาด ท�ำให้บอลต้องผ่านมาถึง Simon Mignolet บ่อยกว่าที่ควรจะเป็น. ในขณะที่ Brendan Rodgers นั้นแน่นอน ก�ำลังต้องการเพิ่มพลังท�ำลายล้างในการยิงประตู และการสร้างสรรค์โอกาสที่มากขึ้นในซัมเมอร์นี้ แต่แนวรับก็ควรที่จะต้องให้ความส�ำคัญเป็นอันดับ หนึ่ง และหากว่า Rodgers เล่นยาแรง คือ “กวาด back four” ทิ้งไปทั้งกระบิ ก็ไม่ควรที่แฟนบอล Liverpool จะต้องเป็นกังวลไป แน่นอนมีหลายต่อหลายคนที่ผูกพันกับนัก เตะอย่าง Martin Skrtel, Daniel Agger หรือ Glen Johnson เพราะอยู่กับสโมสรมาอย่างยาว นาน และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพดีๆ มาตลอด รวมถึงการคว้าถ้วยรางวัลมากับทีมแล้ว กระนั้นมันก็เป็นเรื่องที่อาจจะหลีกเลี่ยงไม่ ได้ เพราะสิ่งที่ Rodgers โหยหาและต้องการให้ ทีมของเขาเล่น ก็คือกองกลางดันเกมสุดฤทธิ์ และ The Reds - September 2013


19

September 2013 - The Reds


20

มองไปที่การเติมเกมรุกทุกๆครั้งที่มีโอกาส เพราะ งั้นแนวรับจึงจ�ำเป็นต้องดูแลตัวเองได้ดีกว่านี้ใน ฤดูกาลหน้า. Suarez, Sturridge และ Sterling หรือ ใครอื่นที่จะก้าวเข้ามาสู่ทีม - ไม่สามารถยิงประตู ได้เป็นกอบเป็นก�ำตลอดเวลาเพื่อกระชากสามแต้ม The Reds - September 2013

จากคู่แข่งได้ทุกๆ ครั้งไป เราได้ เ ห็ น จุ ด ที่ ผ มเป็ น กั ง วลชั ด เจนแล้ ว ใน เกมกับ Swansea, Liverpool นั้นเสียสามประตู และต้องยิงถึง 4 ประตูกว่าจะได้สามแต้ม และมีอยู่ อย่างน้อยสองลูกที่ไม่น่าจะเสีย หรือน่าจะป้องกัน ไว้ได้


21

เมื่อมองกลับไปตอนเปิดฤดูกาล หงส์แดงนั้น รักษา clean sheets ได้ติดต่อกันหลายนัด เช่น เกมกับ Stoke City, Aston Villa และ Manchester United แนวรับนั้นมีศักยภาพดุจเดียวกับทีมทั้งทีมมี ศักยภาพ แต่เมื่อมองที่ความเป็นจริงก็คือ รูปทรง

ของทีม ณ ตอนนั้นเอื้อให้ผลงานในตอนนั้นออก มาดี เพราะแนวรุกก็ไม่ได้รุกสุดตัวอย่างที่เห็นตอน นี้ มีการใช้แผนการบีบพื้นที่คู่แข่ง พูดง่ายๆ เป็น เกราะป้องกัน back four ได้มากกว่า ปัจจุบันที่ เหมือนหลงแสงสี ต่างรุกกันสุดๆ สิ่งที่เกิดตามมา ก็คือช่องว่างระหว่างแนวกองกลางและแนวรับที่ September 2013 - The Reds


22

The Reds - September 2013


23

ชัดเจนนี่แหล่ะ บางคนอาจจะเอ่ยอ้างว่า เพราะมีการเปลีย่ นแปลง คู่กลางในแนวรับอยู่ตลอดเวลา ครับนั่นอาจจะเป็น เหตุผลหนึ่งที่ฟังขึ้น แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะ หากว่าในเครื่องจักรในแนวรับมีบางส่วนที่บกพร่อง อยู่ การเดินเครื่องก็ต้องสะดุดติดขัดอยู่เรื่อยๆ และ อาจท�ำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ Mamadou Sakho นั้นแน่นอนว่าน่าจะมี ส่วนกับทีมอีกเป็นระยะยาว และกองหลังทีถ่ กู ปล่อย ให้ชาวบ้านยืมตัวอย่าง Tiago Ilori และ Andre Wisdom ก็น่าจะมีส่วนกับทีมในอนาคต แบ็คอย่าง Jon Flanagan เองก็สมควรได้รับสิทธิ์ในการแย่ง ชิงต�ำแหน่งของตัวเองในแนวรับในหลายฤดูกาล จากนี้ ประเด็นตอนนี้ก็คือ อนาคตของนักเตะที่สูง อายุกว่า กองหลังที่ตั้งตัวกับทีมได้นานแล้ว จะเป็น อย่างไร?? โดยเฉพาะเมื่อ Liverpool ได้ไปโลด แล่นในเวที Champions League ฤดูกาลหน้า ไม่ได้ดูถูกทีมระดับ Premier League นะ ครับ แต่ลองคิดดูว่า หากนักเตะอย่าง Wayne Routledge, Nathan Dyer และ Jonjo Shelvey สามารถสร้างความปั่นป่วนให้กับแนวรับ Liverpool ได้ขนาดนี้ แล้ว นักเตะอย่าง James Rodriguez, Lucas Ocampos และ Joao Moutinho เล่าจะท�ำได้แค่ไหน? แล้วหากหงส์ ได้ไป Champions League ในฤดูกาลหน้า มี โอกาสมิใช่น้อยที่จะต้องเจอกับทีมอย่าง Monaco ที่น่าจะมีชื่อในโถใบที่สี่ Rodgers ได้ใช้ความระมัดระวังในการ สร้างสมดุลย์ให้กับกองกลางและแนวรุก ตอน นี้ แนวรับนั้นก็จ�ำเป็นต้องมีการสร้างสมดุลย์ตรง นี้ด้วย บางทีอาจจะต้องใช้การเปลี่ยนแปลงครั้ง ใหญ่ในซัมเมอร์นี้ และหากสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น แฟน บอลก็ไม่ควรที่จะต้อง “กลัว” หรือ “เสียดาย” กัน --------------------------------------September 2013 - The Reds


24

The Reds - September 2013


25

September 2013 - The Reds


26

ผมเคยอ่ า นบทความว่ า ด้ ว ยเรื่ อ งเกี่ ย วกั บ ผู้เล่นที่พิเศษมากๆ [Super Player] ที่ Paul Tomkins คอลัมนิสต์ชื่อดังที่เขียนบทความเกี่ยวกับ ลิเวอร์พูลมาตลอดเขียนไว้ ตอนนั้น Tomkins กล่าว ถึง Fernando Torres และ Steven Gerrard ว่า เป็น Super Player] ของลิเวอร์พูล โดยเฉพาะ เจอร์ราร์ด ที่มีความสามารถในระดับที่แทบจะเล่น ได้ดีทุกต�ำแหน่งในสนามได้เลย ผูเ้ ล่นทีม่ สี ภาพร่างกายพิเศษมากๆ หรือที่ ทอมกิน้ ส์ ให้ค�ำจ�ำกัดความ ว่า Super Player นั้นจะมีความ สามารถในการพลิกเกมให้ทีมได้ด้วยตัวคนเดียว และ เมื่อทีมๆหนึ่งมีผู้เล่นแบบนั้น 2 คน มันก็มีแนวโน้ม ที่จะเกิดปฏิกิริยาสัมพัทธ์ ท�ำให้ทีมก่อเกิดผลงานใน ระดับสุดยอดหรือพิเศษสุดๆขึ้นได้ (สภาพร่างกายพิเศษ [athletic body] ถ้า นึกไม่ออกลองนึกภาพนักเตะอย่าง คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ และล่าสุด แกเรท เบล์ล ที่ตามไปอยู่ด้วยกัน ในทีม รีล มาดริด) เหลียวมองในปัจจุบัน ตอร์เรส จากไปแล้ว ด้วย ความคิดว่า ลิเวอร์พูล เหมือนอุโมงค์ที่มืดมิด และไม่มี ทางประสบความส�ำเร็จใดๆ กับทีมได้ ส่วน เจอร์ราร์ด ยังอยู่ เจอร์ราร์ด เคยได้แชมป์ทุกแชมป์กับ ลิเวอร์พูล เหลือเพียง แชมป์พรีเมียร์ลีก เท่านั้น แต่เท่าที่ผ่าน มา ลิเวอร์พูล ดูจะห่างไกลจากการเป็นผู้ท้าชิงแชมป์ เหลือเกิน จนครั้งหนึ่งเจ้าตัวเคยเกือบตัดสินใจย้าย ทีมไปอยู่กับ เชลซี เป็นโชคดีของทุกคนที่สุดท้ายแล้ว เจอร์ราร์ด ตัดสินใจอยู่กับทีมต่อ อุลลิเยร์ เป็นกุนซือ คนแรกที่ให้โอกาสในการลงสนามกับเด็กหนุ่มวัย 17 ที่ชื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด นับจากนั้นมา เจอร์ราร์ด ผ่านการร่วมงานกับผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลถึง 4 รายคือ อุลลิเยร์ - ราฟา เบนิเตส - รอย ฮอดสัน - เคนนี่ ดัลกลิช ก่อนจะเป็น แบรนดอน รอดเจอร์ ไม่มีสักครั้ง เดียวที่เจอร์ราร์ดจะมีปัญหากับผู้จัดการทีมคนใดที่ ร่วมงานด้วย ไม่ว่าผู้จัดการทีมจะมีปรัชญาท�ำทีมแบบ ไหน มอบหมายให้เล่นต�ำแหน่งอะไร เจอร์ราร์ด ไม่เคย มีปัญหา ล่าสุดกับทีมเดิม เจอร์ราร์ด ยังแสดงความ เป็น Super Player ให้เห็นด้วยการรับบทบาทใหม่ จาก แบรนดอน รอดเจอร์ เป็นกองกลางตัวสุดท้าย The Reds - September 2013


27

September 2013 - The Reds


28

The Reds - September 2013


29

ที่ยืนต�่ำอยู่หน้าแผงหลังและปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ ตอร์เรส เลือกยอมแพ้และเดินจาก ทีมไป เจอร์ราร์ด ท�ำในสิ่งตรงกันข้าม สู้ต่อและท�ำทุก อย่างเพื่อทีมอย่างดีที่สุด กับบทบาทใหม่ของ เจอร์ราร์ด เป็นการปรับใช้ จุดเด่นของเจ้าตัวได้อย่างชาญฉลาดของ แบรนดอน รอดเจอร์ เจอร์ราร์ด มีทกั ษะพืน้ ฐานทีเ่ หลือเฟือในการเล่น กองกลางตัวต�่ำหน้าแผงหลัง แถมยังมีความสามารถ ในการวางบอลยาวกว่า 50 หลาได้อย่างแม่นย�ำสุดๆ สิ่ ง ที่ เจอร์ ร าร์ ด ลดลงไปคื อ ความปราดเปรี ย วและ พละก�ำลังที่จะควบขึ้นลงจากกรอบโทษถึงกรอบโทษ เหมือนในอดีต แต่ที่เพิ่มมาคือ ประสบการณ์ และ อิทธิพลที่ส่งต่อความเชื่อมั่นและความมุ่งมั่นตั้งใจใน การเล่นให้กับ เพื่อนร่วมทีมในสนาม ข้อดีของการปรับต�ำแหน่งครั้งนี้ 1. แก้ปัญหาในเกมรับ เดิมต�ำแหน่งกองกลาง ตัวรับของทีมมี ลูคัส เพียงคนเดียวที่สามารถเล่นเกม รับใน ระดับไว้ใจได้ โดยเฉพาะการยืนต�ำแหน่งและ การแย่งบอล เมื่อ ลูคัส เจ็บยาวไป ท�ำให้ทีมขาดหัวใจ ในเกมรับตรงกลางสนามไปทันที เจอร์ราร์ด ทดแทน ลูคัสได้เกือบสมบูรณ์ในเกมรับ และในระดับที่ดีกว่า แบบเทียบไม่ติดในเกมรุกด้วยคุณภาพการวางบอล ยาวที่แม่นย�ำ และการยิงไกลเมื่อมีโอกาส 2. แก้ปัญหาในเกมรุก ก่อนนี้เมื่อทีมใช้ ลูคัส เป็น DMC และมี เจอร์ราร์ด ยืนเป็น AMC เกมรุก ของทีมจะเดาทางได้งา่ ยมาก บอลจะถูกส่งให้ เจอร์ราร์ด เพียงคนเดียว สปีดบอลจะช้าและความอันตรายดูจะ ลดลง พอเปลี่ยน เจอร์ราร์ด เป็น DMC เกมรุกของ ทีมจะเป็นหน้าที่ของ SaS โดยมี คูตินโญ กับ สเตอริ่ง คอยเสริม ท�ำให้การขึ้นเกมเป็นไปอย่างเร็วมาก เป็น ส่วนหนึ่งที่เสริมที่มาของการท�ำประตูอย่างถล่มทลาย ในฤดูกาลนี้ นอกเหนือจากฟอร์มส่วนตัวของ ซัวเรส และ สเตอร์ริดจ์ ที่พุ่งขึ้นมาพร้อมกัน 3. เพิ่มเติมสปิริตในทีม บางครั้งกัปตันทีมไม่อยู่ ในฟอร์มที่ดีพอจะลงเล่นเป็น 11 ตัวจริงได้ มันก็อาจ September 2013 - The Reds


30

ท�ำให้ผู้เล่นที่เหลือในทีมเกิดความคลางแคลงใจและ ไม่ยอมรับกัปตันที่ไม่ได้ลงสนามได้ หาก เจอร์ราร์ด ไม่มีต�ำแหน่งในทีม ผมก็ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันสปิริตทีม จะเป็นอย่างไร ก่อนเริ่มต้นฤดูกาลนี้ เราคาดการณ์ กันไว้ว่า 3 กองกลางตัวจริงของทีมจะประกอบไป ด้วย ลูคัส เจอร์ราร์ด และ คูตินโญ แต่เมื่อเวลาผ่าน ไป เราจะเห็นว่า ทีมกลับมีผลงานที่ดีกว่า หากเลือกใช้ ลูคัสหรือ เจอร์ราร์ด เพียงคนใดคนหนึ่ง แต่หากเลือก เจอร์ราร์ด (ซึ่งเป็นตัวรุกในขนาดนั้น) ทีมก็จะเสีย สมดุลได้ ไม่เหมือนปัจจุบันที่บทบาทของ เจอร์ราร์ด เป็นตัวรับอย่างชัดเจน และสุดท้าย 4. ยืดระยะเวลาในการค้าแข้งของกัปตันออกไป ได้อีกนาน การเล่นต�ำแหน่งนี้จะท�ำให้ เจอร์ราร์ด สามารถ เล่นในระดับท๊อปกับ ลิเวอร์พูล ได้อีกอย่างน้อย 3-5 ปี ผู้จัดการทีมที่เก่งจะรู้ว่าต้องซื้อนักเตะคนไหน ใช้แทคติคอย่างไร เพื่อให้ทีมประสบความส�ำเร็จ แต่ผู้ จัดการทีมที่สุดยอดจะวางแทคติคที่ดึงเอาจุดเด่นของ นักเตะในทีมออกมา “กองหลัง” ในระบบของรอดเจอร์ ทีมต้องการกองหลังที่มี ความสามารถในการเล่นบอลบนพื้นได้ดีพอๆ กับลูก กลางอากาศ มีคนส�ำคัญ 2 คนที่ต้องขอพูดถึง คนแรกคือ มาร์ติน สเคอร์เทล เป็นกองหลังที่ท�ำผลงานดีที่สุด ไม่ เฉพาะกับภายในทีม แต่ดีที่สุดในลีค [สถิติ opta index] ทั้งที่ก่อนเริ่มฤดูกาลนี้ ทีมดึงตัวกองหลังเข้ามา เสริมทีมทั้ง โคโล ตูเร่, มามาดู ซาโก้, ติอาโก้ อิยอรี แถมรองกัปตันอย่าง แดน แอกเกอร์ ก็ยังอยู่ ต่อให้ ไม่นับ เซบา โคอาเตส ก็ดูเหมือนจะไม่มีพื้นที่ส�ำหรับ เขาอีกแล้ว นอกเหนือจากความแข็งแกร่งในเกมรับ ทั้งภาคพื้นดินและกลางอากาศแล้ว สเคอร์เทล ยังมี ความอันตรายในการเล่นลูกตั้งเตะอีกด้วย คนที่สองคือ จอน ฟลานาแกน ดาวรุ่งคนนี้ได้ รับโอกาสลงสนามในยุคของ คิง เคนนี่ ในต�ำแหน่ง The Reds - September 2013


31

September 2013 - The Reds


32

The Reds - September 2013


33

แบคขวา และเล่นได้ดีในระดับที่เรียกความสนใจได้เลย แต่ฟอร์มที่ดีนั้นก็ถูกท�ำลายลงด้วยความเร็วของปีก อาร์เจนไตน์จากนิวคาสเซิล จน KD ต้องโยก ฟลานา แกน หนีไปอีกฝั่ง ต่อมา อังเดร วิสดอม ก็ตามขึ้นมา เป็นตัวเลือกในต�ำแหน่งแบ็คขวาอีกคนจนดูคล้ายว่า ฟลาโน่ จะหมดอนาคตไปแล้ว แต่เมื่อ BR ให้โอกาสอีกครั้ง ฟลาโน่ ก็ไม่ปล่อย โอกาสนั้นให้หลุดลอยไป ด้วยการเล่นที่เต็มไปด้วย ความฉลาดและมีสมาธิกับเกม จนหลายๆ นัดเด็กคนนี้ กลับเป็นกองหลังที่อุ่นใจได้ที่สุดในแผงแบ๊คโฟร์ [จุดแข็งของสเคอเทลคือการเล่นลูกเซทพีซ] [จุ ด แข็ ง ของฟลานาแกนคื อ ความฉลาดและการ เล่นบอลอย่างมีสมาธิ] แต่ที่ทั้งสองคนมีมากที่สุดคือ หัวใจที่ไม่ยอมแพ้ “กองกลาง” ทีมต้องการกองกลางที่สามารถเล่นได้ทั้งเกมรับ และรุก และที่ส�ำคัญเล่นเป็นทีม โจ อัลเลน เคยถูกปรามาศว่าเป็นเพียงของ ปลอมท�ำเหมือนราคาแพงที่ BR ซื้อมาไม่คุ้ม ซ�้ำรอย กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน โดยกุนซือคนก่อน ที่ก็ ราคาแพงใกล้ๆ กัน ส่วน เจอร์ราร์ด เริ่มมีค�ำถามว่า ด้วยวัยขนาดนี้ หมดสภาพแล้วหรือยัง แต่สิ่งที่เป็นไปในปัจจุบันเมื่อทุกคนฟิต Allen - Gerrard - Henderson ดูจะเป็นสามกองกลาง ที่ลงตัวที่สุดแล้ว จากผลงานที่สร้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง อัลเลน และ เฮนเดอร์สัน มีทักษะพื้นฐานที่ดี เล่นเป็น ทีมดีและยังวิ่งอย่างขยันขันแข็งและเมื่อรวมกับการมี เจอร์ราร์ด คอยซ้อนอยู่ด้านหลังสองคนนี้อีกที ท�ำให้ ทีมสามารถครองบอล แย่งบอล และผ่านบอลขึ้นหน้า ได้อย่างรวดเร็ว มีกองกลางมากมายที่ดีกว่า อัลเลน และ เฮนเด อร์สัน แต่เมื่อ อัลเลน, เฮนเดอร์สัน และ เจอร์ราร์ด ลง เล่นพร้อมกันภายใต้ระบบทีมของ ลิเวอร์พูล ดูเหมือน จะไม่มีใครโชว์ฟอร์มเด่นกว่าพวกเขาเหล่านี้เลย [จุดแข็งของเจอร์ราร์ดคือ Vision ทักษะการ ผ่านบอลยาว และการเล่นตามหน้าที่ที่ได้รับมอบ หมาย] September 2013 - The Reds


34

[จุดแข็งของ อัลเลน คือการครองบอลและ การเล่นเป็นทีม จุดแข็งของ เฮนเดอร์สัน คือสภาพ ร่างกายแบบสุดยอดนักกีฬา [athletic Player]] “แต่ที่ทั้งหมดมีมากที่สุดคือ หัวใจที่ไม่ยอม แพ้” “กองหน้า” SaS atc. ซัวเรสและสเตอร์ริดจ์ มีเคมีที่เข้ากันได้พอดี อย่างเหลือเชื่อ ปีก่อน ซัวเรส ถูกโจมตีมากมายจากการเล่นใน สไตล์ Diving หรือพุ่งล้มตลอดเวลา - การถูกกล่าว หาว่ามีปัญหานอกเกมกับ แพทริค เอวร่า จนถูกแบน ยาว 8 นัด และปลายฤดูกาลยังไปกัด อิวาโนวิช จน โดนแบนยาวข้ามปี หากเรามองในมุมเป็นกลาง สิ่ง ที่ ซัวเรส เจอมันมากมายจนแทบไม่อยากจะเล่น ฟุตบอลในอังกฤษอีกต่อไป จนเจ้าตัวเกือบตัดสินใจ ย้ายทีม เป็นโชคดีของทีมที่ รีล มาดริด ที่มีข่าวสนใจ ซัวเรส ในตอนนั้น กลับมอง นักเตะอุรุกวัย เป็นเพียง ตัวหลอกเพื่อหวังเซ็นสัญญากับ แกเรท เบลล์ จาก สเปอร์ มากกว่า ท�ำให้สุดท้าย ซัวเรส ไม่ได้ย้ายทีม และต้องชื่นชมความเชื่อมั่นในตัว ซัวเรส ของ จอห์น เฮนรี่ และ FSG ที่แม้ต่อมาจะมี อาร์เซนอล เข้ามายื่น ข้อเสนอตลกๆ เข้ามาก่อนเริ่มฤดูกาล ก็ไม่ยอมขายหัว หอกเบอร์ 1 ให้คู่ปรับในลีคเดียวกัน จากวันนั้นถึงวันนี้ ซัวเรส ในตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่มีสัก ครั้งที่ซัวเรสจะเลือกพุ่ง ไม่มีสักครั้งที่จะเล่นนอกเกม การเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดของนักเตะหมายเลข 7 เป็นหนึ่งในส่วนส�ำคัญที่ท�ำ ให้ทีมบินสูงในเวลานี้ แต่ก็ไม่เรียกว่าเหนือความคาดหมายมากนัก หลุยส์ ได้ แสดงให้เห็นถึงทักษะและความมหัศจรรย์ของเขามา ตั้งแต่ฤดูกาลแรกใน เกาะอังกฤษแล้ว เขาเต็มไปด้วย passion ความกระหายในชัยชนะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เล่น ลิเวอร์พูล คนอื่นๆ แม้แต่ เจอร์ราร์ด เคยขาดหายไป การมีผู้เล่นแบบนี้ในทีมจะช่วยฉุดดึงและจุดประกาย ให้ผู้เล่นคนอื่นๆ ให้ก้าวสูงขึ้นไปด้วย เช่นเดียวกับที่ แมน ยู เคยมี คันโตน่า อาร์เซนอล เคยมี อองรี และ The Reds - September 2013


35

September 2013 - The Reds


36

The Reds - September 2013


37

เชลซี เคยมี ดรอกบา ซัวเรส คือหัวใจ หรือ passion ทีท่ ำ� ให้ทมี มีความเชือ่ มัน่ ว่า“เราสามารถชนะได้”อิทธิพล ของ ซัวเรส ปรากฏเด่นชัดในพัฒนาการของสองนักเตะ อังกฤษที่ได้เล่นร่วม กับเขา สเตอร์ริดจ์ จากกองหน้า ดาวรุ่งที่ไม่มีใครเชื่อน�้ำยา กลายเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ อันตรายที่สุดในยุโรป สเตอร์ริ่ง ปีกดาวรุ่งที่ดูเหมือนจะ เป็นเพียงแสงที่วาบขึ้นมาเหมือนพลุ กลายเป็นนักเตะ คนส�ำคัญในทีมอย่าง ลิเวอร์พูล และก�ำลังจะติดทีม ชาติอังกฤษไปลุยบอลโลกรอบสุดท้าย [จุดแข็งของ ซัวเรส คือ passion ความขยัน และจินตนาการ จุดแข็งของ สเตอริดจ์ คือสภาพ ร่างกายแบบสุดยอดนักกีฬา [athletic Player] จุด แข็งของ สเตอร์ริ่ง คือความเร็ว] และเช่ น เดี ย วกั น ที่ ทั้ ง สามคนมี ม ากที่ สุ ด คื อ หัวใจที่ไม่ยอมแพ้ “ผู้จัดการทีม” ต้องให้เครดิต BR ที่ยึดมั่นกับปรัชญาการเล่น บอลบนพื้นและเน้นเกมรุก และดึงเอาจุดแข็งของนัก เตะในทีมมาใช้ได้อย่างพอดี แม้ว่า รอดเจอร์ จะพา ทีมจบเพียงอันดับ 7 ในปีแรก แต่เขายังคงไม่ยอมแพ้ ในความเชื่อมั่นต่อปรัชญาการเล่นบอลเกมบนพื้นและ เน้น เกมรุกของตนเองและแน่วแน่กับมัน และผลของ ความเชื่อมั่นนั้นเริ่มแสดงให้เห็นกับผลงานในปีที่สอง ถึงฤดูกาลนี้จะยังไม่จบ แต่ความลงตัวที่ BR และลูก ทีมค้นพบ ท�ำให้ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล มีบางอย่างแตก ต่างไปจากเดิม บางอย่างที่น่าสนใจเอามากๆ และใน มุมของแฟนบอลทั่วโลกตอนนี้ มันก�ำลังเพิ่มขึ้นอย่าง ทวีคูณ ประวัติศาสตร์ที่ทีม ลิเวอร์พูล ในอดีตอัน รุ่งเรืองมีคือ passion ความกระหายและต้องการเป็น ผู้ชนะ คือ spirit ความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ และจิตใจที่ แข็งแกร่ง คือ teamwork การเล่นเพื่อทีม เพื่อกัน และกัน เหมือนค�ำขวัญประจ�ำสโมสรของเรา Y N W A หมายถึงคุณจะไม่มีวันเดินเดียวดาย และทั้งหมดนี้ กับทีมๆ นี้ มันได้กลับมาแล้ว September 2013 - The Reds


38

The Reds - September 2013


39

September 2013 - The Reds


40

The Reds - September 2013


41

September 2013 - The Reds


42

สมัยก่อนตอนที่ผมยังเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาที่ เริ่มดูฟุตบอลใหม่ๆ และเริ่มเชียร์ “ลิเวอร์พูล” ผม มักจะได้ยินผู้บรรยายชาวไทยท่านหนึ่งหล่นค�ำพูดนี้ บ่อยๆ นั่นก็คือ “เครื่องจักรสีแดง เริ่มท�ำงานแล้ว ครับ!!” สิ้นเสียงนั้นภาพที่ได้เห็นตรงหน้าคือ การให้ บอลตามช่องจังหวะเดียวและการให้บอลแบบเท้าสู่ เท้า รวมทั้งการเคลื่อนที่ของผู้เล่น มันท�ำให้เกิดความ The Reds - September 2013

สวยงามอย่างลงตัวและทรงประสิทธิภาพในทุกๆ ครั้ง ที่ ลิเวอร์พูล เดินหน้าบดขยี้คู่แข่งให้สิ้นซาก แม้วันนี้ จะไม่ได้ยินค�ำๆ นั้นจากผู้บรรยายคนเดิมอีกแล้ว แต่ ค�ำว่า “เครื่องจักรสีแดง” ยังดังก้องอยู่ในหัวใจของ เด็ ก น้ อ ยวั ย กระเตาะอย่ า งผมเสมอมาตั้ ง แต่ วั น นั้ น จนถึงวันนี้... วันที่ผมก�ำลังเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่บนโลก ที่แสนจะวุ่นวาย พี่ ย.โย่ง ครับ...ผมรู้ว่าพี่ยังเฝ้ามอง


43

“เครื่องจักรสีแดง” อยู่เสมอที่ไหนสักแห่ง และตอน นี้พี่ก็คงรู้สึกเหมือนกันกับผมและแฟนหงส์ทั่วทั้งโลก ว่า “เครื่องจักรสีแดง” ท�ำงานแล้วครับ!! ใครจะเชื่อว่าทีมๆเดียวกันนี้ของ “ร็อดเจอร์ส” จะพุ่งทยานขึ้นมาอยู่หัวตารางพร้อมกับมีลุ้นแชมป์ อย่างเต็มตัว ทั้งๆ ที่เป้าหมายหลักในปีนี้คือการกลับ ไปเล่นแชมป์เปี้ยนลีกให้ได้เท่านั้น ซึ่งจากสถิติที่มีการ

ค�ำนวณกันไว้ โอกาสที่ ลิเวอร์พูล จะได้กลับไปเล่น ในแชมป์เปี้ยนลีกสูงถึง 98% เลยทีเดียว!! (มั่นใจว่า ไม่พลาด) แถมด้วยการมีลุ้นแชมป์ลีกสมัยที่ 19 กับสี่ ทีมยักษ์ใหญ่ อย่าง เชลซี, แมนซิตี้ และ อาร์เซน่อล โดย ณ ตอนที่ผมบรรจงกดแป้นพิมพ์อยู่นี้ ลิเวอร์พูล อยู่อันดับ 2 ตามหลังจ่าฝูงอย่าง เชลซี 4 คะแนน แต่ แข่งน้อยกว่า 1 นัด!! ด้วยฉะนั้นและฉะนี้ผมจึงขอโดด September 2013 - The Reds


44

เข้ามาร่วมวงลุ้นแชมป์กับชาวบ้านชาวช่องเขาบ้าง หลังจากที่ประกาศตัวว่าขอแค่ได้ไป UCL ก็พอแล้ว แต่สถานการณ์ตอนนี้หลังจากที่เดินทางไปเปิดคลินิก สอนฟุตบอลให้พวกยูไนเต็ดมาอย่างเข้มงวดแล้ว ผม เลยตัดสินใจว่า “ขอลุ้นแชมป์ด้วยคนนะ” เพราะ อยากจะเห็น “เจอร์ราด” ชูถ้วยพรีเมียร์ลีกขึ้นเหนือ หัวสักครั้งก่อนเขาจะเลิกเล่น นักเตะที่ยอดเยี่ยมและ The Reds - September 2013

เปี ่ ย มไปด้ ว ยความจงรั ก ภั ก ดี อ ย่ า งเขารางวั ล นี้ คื อ “คุณค่าที่คุณคู่ควร!!” พูดถึง “เจอร์ราด” ผมว่าเราน่าจะได้เห็นเขาวิ่ง อยู่ในสนามอีกปีหรือสองปีต่อจากนี้ เพราะหลังจาก ที่ “ร็อดเจอร์ส” สามารถหาต�ำแหน่งที่เหมาะสมให้ กับเขาและยังเป็นต�ำแหน่งที่สามารถเค้นประสิทธิภาพ ของกั ป ตั น วั ย สามสิ บ กว่ า ออกมาได้ ม ากถึ ง เพี ย งนี้


45

ถือว่า “ร็อดเจอร์ส” เก่งมากๆ แม้ว่าต้องใช้เวลาปรับ จูนในต�ำแหน่งใหม่อยู่สักพักแต่พอทุกอย่างลงตัวทีมก็ เริ่มดีขึ้น ผมจึงขอยกสถิติเพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นว่าสิ่ง ที่ผมพูด(พิมพ์) มันเป็นอย่างไร!! โดยการยกสถิติของ “เจอร์ราด” และ “ลูคัส” ขึ้นมา.. โดยในซีซั่น 2013/2014 นี้ “เจอร์ราด” ได้ ถูกทดลองให้รับบทบาทใหม่ เป็นตัวคุมเกมและ

สร้างสรรค์เกมจากแนวลึก ซึ่งผมขอเรียกต�ำแหน่งนี้ ว่า “Deep-Lying Playmaker” ผมกล้าพูดเลย ว่า “ผมดีใจที่กัปตันปรับตัวกับต�ำแหน่งใหม่ได้เร็ว” เพราะเท่ากับเป็นการยืดอายุการใช้งานของเขาออก ไปอีก หน้าที่ของ “Deep-Lying Playmaker” คือ จะรู้จักในชื่อ ตัวโฮลดิ้ง นั่นแหละครับ หน้าที่หลักคือ เป็นตัวท�ำเกมในแนวหลัง คอยจ่ายบอลให้กับตัวรุก September 2013 - The Reds


46

เพื่อเปิดเกมบุก ผู้เล่นต�ำแหน่งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้น ของ เกมรุกฝั่งเรา ตัวโฮลดิ้งจะต้องมีการสร้างสรรค์เกม และการจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยม ทั้งการจ่ายบอลสั้นและ การวางบอลยาว บอกได้เขาเดียวว่า นี่คือต�ำแหน่งที่ เหมาะสมที่สุดแล้วของ เจอร์ราด ซึ่งมันก็จริงที่เขาอาจ ไม่ใช่ตัวรับธรรมชาติแบบลูคัส แต่ผมไม่ได้หมายความ ว่า ลูคัส ไม่ดีหรือไม่ส�ำคัญ เพียงแต่เราจะไม่เห็นบอล ยาวจากแนวลึก เราจะไม่เห็นการเติมขึ้นมายิงแถว สอง เราจะไม่เห็นการเอาตัวรอดเวลาถูกเพรสซิ่งด้วย การจ่ายข้ามฟากขวางสนาม และที่ส�ำคัญเราจะไม่เห็น การเจริญเติบโตของ คูตินโญ่, สเตอร์ริ่ง, อัลเลน และ เฮ็นเดอร์สัน หาก เจอร์ราร์ด ยังเล่นอยู่ที่เดิม!! และที่ ท่านจะได้เห็นต่อไปนี้ คือ สถิติ สถิติ และ สถิติ เจอร์ราด ลงเล่นไปทั้งสิ้น 24 นัด ทีมท�ำประตูได้ 63 ประตู เฉลี่ยยิงได้ 2.625 ประตู/เกม เสีย 28 ประตู เฉลี่ยเสียประตู 1.17 ประตู/เกม ลูคัส ลงเล่นไปทั้งสิ้น 19 นัด ทีมท�ำประตูได้ 43 ประตู เฉลี่ยยิงได้ 2.263 ประตู/เกม เสีย 24 ประตู เฉลี่ยเสียประตู 1.263 ประตู/ เกม ถึงแม้ว่าสถิติจะไม่ได้อัพเดทจนถึงเกมปัจจุบัน ได้ แต่นี่คือสถิติในซีซั่น 2013/2014 ที่พอจะบ่งบอก ได้ว่า “ร็อดเจอร์ส” สามารถรีดประสิทธิภาพของ “เจอร์ราร์ด” ออกมาได้มากเพียงใดและท�ำให้ทมี ลงตัว มากแค่ไหนเมื่อ “เจอร์ราร์ด” ลงเล่นในต�ำแหน่งนี้!! คุณรู้มั้ย !! ผมชอบ “ร็อดเจอร์ส” ตรงนี้แหล่ะ.. ตรงที่เขากล้าเปลี่ยน, เขากล้าที่จะทดลองทีม จนใน ที่สุด “ลิเวอร์พูล” ในยุคของ “ร็อดเจอร์ส” สามารถ ท�ำผลงานได้ใกล้เคียงกับค�ำว่า “เครื่องจักรสีแดง” มาก จริงๆผมว่านี่แหล่ะ “เครื่องจักรสีแดง2014” ในยุคที่ The Kop ทั้งโลก สามารถโอบกอดแสดง ความปิติยินดีกันได้พียงปลายนิ้ว...

---------------------------------------

The Reds - September 2013


47

September 2013 - The Reds


48

The Reds - September 2013


49

September 2013 - The Reds


50

The Reds - September 2013


51

September 2013 - The Reds


52

The Reds - September 2013


53

FT: Liverpool 4-3 Swansea ศึกศักดิ์ศรี หงส์แดง หรือ หงส์ขาว จะโบยบิน เกมนี้เกือบจะเป็นมหากาพย์อันยิ่งใหญ่ที่ จบแบบไม่สวยส�ำหรับ หงส์แดง แต่แล้วสุดท้ายด้วยความมุ่งมั่นสู้ฟัดตอนจบจึงไม่ดราม่า มีแต่ แฮปปี้เอนดิ้ง เป็นที่ซึ้งใจส�ำหรับเหล่าสาวก เครื่องจักสีแดง เกมนี้ต้องขอยกนิ้วให้ศิษย์เก่า เชล วี่ ร้อนแรงโชว์ศักยภาพให้ทีมเก่าได้เห็นว่าเค้ามีดีกว่าที่คิดทั้งเหย้าและเยือน เชลวี่ มีชื่อเป็นผู้ท�ำ ประตูทั้งคู่ ไม่ใช้ จอนโจ้น้อย อีกต่อไปแล้วสินะเนี่ย เชลวี่ รัศมี (หัว) เกมนี้สุดยอดจริงๆ ส�ำหรับ มิดฟิลด์ตัวกลาง ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ นอกจากจะยิงกันมันเฉือนชนะแบบฉิวเฉียด ท�ำเอาหัวใจจะวายแล้ว บรรดาเหล่า เดอะ คอป ใน แอนฟิลด์ ยังได้เห็น เอ็นก๊อก ที่เคยก๊อกแก๊กศิษย์เก่ากลับมาเยี่ยม ถิ่น สนามแอนฟิลด์ อีกด้วย ว่าแล้วก็คิดถึงสมัยที่เค้ายังเล่นให้ ลิเวอร์พูล นะถึงแม้ว่าจะไม่โดด เด่น ฝีเท้าไม่เข้าขั้นก็เถอะนะ ครึ่งแรก หงส์แดง เจ้าบ้านต้อนรับการมาเยือน หงส์ขาว ด้วย 1 ประตูขึ้นน�ำก่อนจาก น้องริ่ง จ่ายบอลงามๆ ให้ เฮียริดจ์ หลุดไปยิงประตูน�ำ ยังดีใจกันไม่สุดก็ดับเบิ้ลต่อ เฮนโด้ ซัดประตูที่ 2 ให้หงส์แดงได้สะเด่าเร้าใจ มิเชล ฟอร์ม ได้แต่มองตาปริบๆ...ไม่รู้ท�ำไมเป็นแบบนี้ทุกทีเบ่นไปเล่น มาพอน�ำ 2 ลูก เหมือนน�ำห่างเกมรุกก็ดูเบาลงไปเลยเปิดโอกาสให้ หงส์ขาว ได้ตีไข่แตกตามมา 2-1 จาก จอนโจ เชลวี่ ศิษย์เก่าของเรานัน่ เอง (ท�ำไมอยูห่ งส์แดงไม่รอ้ นแรงแบบนีฟ้ ระบักจ้อน) หลังจากนั้นก็ได้แต่ภาวนาไม่ให้โดนตีเสมอ แต่แล้วพระเจ้าก็ไม่เข้าข้าง โบนี่ โหม่งบอลไป เช็ดแฉลบหัว มาร์ติน สเคอร์เทล เข้าประตูไป ท�ำเอา เปี๊ยก ร้อนรุ่มกลุ้มใจ แฟนหงส์ในสนามเริ่ม เงียบกริบ แต่เข้าสู่นาทีที่ 36 หงส์แดง ได้เฮดังๆ อีกครั้งเมื่อ ซัวเรส หยอดบอลงามๆ ถวายพน ให้ สเตอริดจ์ โหม่งเข้าไปไม่เหลือซาก น�ำ 3-2 ชนิดที่ยังหายใจไม่ทั่วท้อง จบครึ่งแรกท�ำไรกันไม่ ได้ ลิเวอร์พูล น�ำ สวอนซี 3-2 ครึ่งหลังผ่านมาแค่ 2 นาที สาวกหงส์แดง ต้องกลุ้มใจอีกครั้ง เมื่อ พี่โหด สเคอร์เทล พลาด ท่าไปเกี่ยว โบนี่ ล้มลงสวยงามในเขตโทษ แน่นอน ไมค์ โจนส์ ไม่ลังเล ชี้ลูกโทษอย่างสง่าผ่าเผย ให้ตายสิภาวนาขอให้ มิโญเลต์ เซฟได้ แต่ก็นะ โบนี่ สังหารจุดโทษตามตีเสมอ 3-3 อีกครั้ง โอ้ว.. มายก้อดขอเถอะปาฏิหาริย์มีจริงถ้า หงส์แดง จะได้แชมป์ขอ 3 แต้มแมตช์นี้ได้ไหม ใครก็ได้ยิงที่ เถอะ สาธุ!!! แน่นอนแม้ว่าสถาณการณ์จะย�่ำแย่ กองเชียร์ใจไม่ดี แต่ ที่นี่แอนฟิลด์ มาแล้วรอดกลับออก ไปยาก นาทีที่ 73 เฮนโด้ จัดการซ�้ำลูกเข้าไปตุงตาข่าย ไม่ต้องบอกก็รู้หลายคนกรี๊ดวิ่งลั่นบ้าน โอ้ววววนี่แหละฟอร์มแชมป์เห็นๆ ถ้าจะเป็นแชมป์ต้องชนะแบบตื่นเต้นเร้าใจแบบนี้ (ใช่เหรอ?) สามแต้มส�ำคัญนี้ หงส์แดง ต้องเป็นผู้ครอบครอง เฮนโด้ สเตอริดจ์ สเกอเทล!? เลย จัดการซัดกันคนละ 2 ลูก กับอีก 1 ลูกแฉลบ แบบว่าพี่โหดกลัวหนังเรื่องนี้จะไม่สนุกเร้าใจ ก็นะ แต่ยังไงซะสุดท้ายก็เป็นมหากาพย์ ภาพยนตร์สุดเร้าใจที่คนดูลุ้นตอนจบเยี่ยวเหนียว คาดเดาไม่ ออกว่าจะจบเช่นไร เฮนโด้นัดนี้ท�ำเอานึกถึงสมัยเฮียเจิดยังวัยรุ่นเลยทีเดียว เก็บอีก 3 แต้ม ผ่านนัดที่ 27 แบบไม่สวยหรูแต่ดูแล้วอู้วหูววววว มันหยดติ๋ง แชมป์นี้ ใช่จะไม่มีหวัง โปรดติดตามตอนต่อไป YNWA My Liverpool เปี๊ยกบางใหญ่ September 2013 - The Reds


54

The Reds - September 2013


55

September 2013 - The Reds


56

The Reds - September 2013


57

September 2013 - The Reds


58

FT: Southampton 0-3 Liverpool เกมนี้ รอบเบน จัดแฮทริกเอาบอลกลับบ้านไป รัว ชาลเก้ ไป 5-1 เอาซะหาทางกลับบ้าน ไม่ถูก...เอ๊ะเหมือนจะผิดเรื่องปะวะ โอ้วสับสนมันส์จนต้องดู 2 จอ เริ่มใหม่ๆ เกมนี้ก่อนเกมส์เปี๊ยกหวังว่า เครื่องจักรสีแดง จะพิฆาต นักบุญ คาบ้านเป็น ของขวัญล่วงหน้าก่อนจะถึงวันเกิด และลบเลือนภาพความทรงจ�ำลูกบอลพิฆาตสีแดงที่มันหล่น ลงมาในสนามเมื่อ 2 ฤดูกาลที่แล้ว (ใช่ปะวะขึ้นด้วย s เหมือนกัน อ่อนั่น ซันเดอร์แลนด์ แดน มหัศจรรย์ 5555)... และแล้วก็ได้ของขวัญล่วงหน้าสุดล�้ำเลิศดั่งที่หวัง ต้องขอบคุณ บีร๊อด ที่ท�ำ หน้ามั่นมาแต่ไกลก่อนเริ่มเกม มั่นใจแบบไม่เกรงใจเจ้าบ้าน จัดทีมพิฆาต นักบุญ ด้วยสมองอัน ถี่ถ้วน และก็ไม่ท�ำให้ผิดหวัง ครึ่งแรกออกจะตื่นเต้นเร้าใจนิดๆ เยี่ยวเกือบเหนียวหน่อยๆ นักบุญ บุกแบบว่าต้องแสดง ความเป็นเจ้าบ้านขู่ซักหน่อย ต้องบอกเลยว่าเกม หงส์ ในครึ่งแรกเล่นไม่ดีแต่ด้วยโชคชะตาทีม จะได้ขึ้น ไปอยู่ที่สูง นาทีที่ 16 ซัวเรส เลยจัดประตูที่ 24 ให้ตัวเองในแมทที่ 100 ของเค้า โชว์ แฟนนักบุญ ให้เห็นเป็นบุญตา จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์น�ำเจ้าบ้าน 1 เม็ด ครึ่งหลังเปิดฉากมา เจ้าบ้านยังคงครองเกมส์กดดันได้ดีกว่า แต่ เครื่องจักรสีแดง ก็ยัง ป้องกันและสามารถสวนกลับลุ้นประตู จนนาทีที่ 58 หนูริ่ง ที่เพิ่งถูกส่งเปลี่ยนตัวลงมาไม่ท�ำให้ ผิดหวังแตะบอลจังหวะแรกเป็นประตู จนแทบไม่อยากเชื่อ โอ้ว..พระเจ้าจอร์จมันยอดมว๊ากกกก เล่นกันไปเล่นกันมารูปเกมก็ยังผลัดกันรุก ผลัดกันรับ แต่ต้องบอกเลยว่า กลาง นักบุญ เหนือกว่า หงส์ นิดหน่อย ไอ้เราก็นั่งลุ้น เพราะเดาเล่นเกมลุ้นของรางวัลไว้ว่าชนะ 3-0 เจอร์ราร์ด ยิงคนสุดท้าย ทดรวม 7 นาที ... และแล้วดวงชะตาหงส์แดงที่สงสัยท�ำบุญมาเยอะในฤดูกาลนี้ ได้ จุดโทษอีกครั้ง (ซีซั่นนี้จารย์ใจดีเป่าจุดโทษให้หงส์บ๊อย บ่อย) เป็นกัปตันซัดเม็ดที่ 3 ไม่เหลือซาก จนจบเกม ชนะ 3-0 แฮปปี้เอนดิ้ง แม้ว่ารูปเกมไม่สวยแต่ก็ไม่ใช่นิยายน�้ำเน่า ไม่มีมาม่ายามดึก แมทช์นี้ได้เห็น อัสปาส ลงมาวิ่งตุเรง ตุเรงกับเค้าด้วย ส่วน ซิสโซโก้ ตูเร่ โมเสส โจนส์ เทเซียร่า นั่งเล่นคุ้กกี้รันนิ่งก้นด้านอยู่ข้างสนาม ไม่ต้องลงมาวิ่งให้เหนื่อย เกมนี้แม้รูปเกมไม่สวยเลิศหรู อลังการงานสร้างแต่ก็เพียงพอให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นไปอยู่อันดับ ที่ 2 หลังจาก ทีมคลังแสง พลาดท่าโดนหม้อทุบ ปืนใหญ่ แตก เอาวะ แชมป์นี้มีลุ้น ขอแค่ให้ปรู้ ดปร้าดเหมือนคูโบต้าอย่างนี้ต่อไปอย่างคงเส้นคงวา เจอร์ราร์ด ได้ชูถ้วยพรีเมียร์ลีกแน่นอน ฟัน ธง !!! (ว่าแต่อนาถ เจิดอดลงนัดแดงเดือด ศึกอันใหญ่หลวง เอ๊ะสับสนหรือเค้าล้างใบเหลืองตอน ปีใหม่ไปแล้ววะ) ไปละ หลังเกมแมตช์นี้ยาวพอแล้ว เปี๊ยกบางใหญ่ขออ�ำลา ไปดู รอนนี่ สอย ฮอร์กกิ้นส์ ตอนนี้ เสมอกัน 1:1 เฟรม ใน 11 เฟรม รอบ 4 คนสุดท้าย เวลส์โอเพ่น ก�ำลังลุ้น เฮียรอนนี่ อยู่ ให้ตั้งใจไม่ต้องรีบเล่นเหมือนมีธุระ ตื่นเต้นกว่าดู หงส์ อีกวุ้ย YNWA คุณจะไม่เดินอย่างเดียวดายจุ๊บุ เปี๊ยกบางใหญ่ The Reds - September 2013


59

September 2013 - The Reds


60

The Reds - September 2013


61

September 2013 - The Reds


62

The Reds - September 2013


63

September 2013 - The Reds


64

The Reds - September 2013


65

FT: Manchester United 0-3 Liverpool “The Red Machine ครัง้ หนึง่ ในชีวติ เราคือผูพ้ ชิ ติ โอลด์แทรฟฟอร์ด” หนังคุณภาพทีอ่ ยาก มาบรรยายเล่าสูก่ นั ฟังอย่างละเอียด อัดแน่นแทบทุกฉาก ครบรสชาติ ยาวมากนะเป็นกิโลแต่อยากให้ อ่าน เพราะเปีย๊ กอุตส่าเขียน อ่านไม่จบกาก 55 ภาพยนตร์ยอดเยีย่ มแห่งปี เข้าชิงรางวัลออสก้าและรางวัลลูกโลกทองค�ำหลายสาขา ไม่วา่ จะเป็น ผูก้ ำ� กับยอดเยีย่ ม ดาราน�ำชายยอดเยีย่ ม ดาราสมทบชายยอดเยีย่ ม ดาราเจ้าบทบาทยอดเยีย่ ม ดาราโดน ใจผูช้ มมากทีส่ ดุ ค�ำคมจากภาพยนตร์ยอดเยีย่ ม และอีกหลายสาขารางวัล... ภาพยนตร์เรือ่ งนีเ้ ป็นอะไร ไปไม่ได้นอกจากภาพยนตร์เรือ่ ง “The Red Machine ครัง้ หนึง่ ในชีวติ เราคือผูพ้ ชิ ติ โอลด์แทรฟฟ อร์ด” ก�ำกับการแสดงโดย ผูก้ ำ� กับหน้าหล่อเหลา ไม่สงั กัดชมรมหัวล้านชนกัน นามว่า “มาร์ค แคลตตัน เบิรก์ ” ทีล่ งก�ำกับการแสดงพร้อมแสดงเองด้วยซะเลย หลังจากได้บตั รฟรีอนั ทรงเกียรติ ทีน่ งั่ วีไอพีเข้ามาชมภาพยนตร์ยอดเยีย่ มเรือ่ งนีแ้ ล้ว อยากเล่าต่อ ให้ผอู้ า่ นทีไ่ ม่ได้ชมรูส้ กึ อินไปด้วยกัน ไม่มกี ารสปอยแต่อย่างใด ไม่ตอ้ งกังวล อ่านเพลินๆ ยาวไป ทุกสิง่ ทุก อย่างคือความจริงไม่ใส่ผงชูรสแน่นอน ... ขอเข้าเรือ่ งละนะ (บางคนคิดว่า เออซักทีกรู อมานานพร�ำ่ เพือ่ อยูไ่ ด้) เรือ่ งราวโลกฟุตบอลทีเ่ ต็ม ไปด้วยสีสนั และการแย่งชิงต�ำแหน่งเพือ่ เป็นสุดยอดแห่งแคว้นลูกหนัง ศึกแดงเดือดเลือดพุง่ กระฉูด ประกาศศักดาความยิง่ ใหญ่ระหว่างเมือง 2 แคว้นอันเลือ่ งชือ่ ก�ำลังจะอุบตั ขิ นึ้ ณ แคว้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อันมีเมืองหลวงศูนย์กลางนามว่า “โอลด์แทรฟฟอร์ด” เมือง หลวงอันเลือ่ งชือ่ อีกแห่งหนึง่ ของโลกฟุตบอล ทีป่ ระชาชนขนานนามว่า “โรงลิเกแห่งความฝัน สวรรค์ ของผูม้ าเยือน” เจ้าเมืองคนปัจจุบนั นัน้ มีนามว่า เดวิด มอยส์ ซึง่ ได้รบั หน้าทีต่ อ่ มาจาก เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กสู นั ทีส่ ละบัลลังก์ ราชสมบัตชิ อื่ เสียงทีส่ งั่ สมมานานให้กบั มอยส์ เพราะเชือ่ มอยส์ ดัง่ ค�ำกล่าวที่ หลายคนยกย่อง “In Moyes We Trust” วันที่ 16 มีนาคม 2557 วันทีถ่ กู ก�ำหนดให้เกิดศึกแดงเดือด เดวิด มอยส์ ได้รบั จดหมายท้าทาย ก่อนท�ำศึกจากแคว้นผูม้ าเยือนเลือ่ งชือ่ อันยิง่ ใหญ่ สุดแสนจะมีเสน่หเ์ ต็มไปด้วยมนต์ขลัง และนักเตะ นักสู้ ผูม้ ากฝีเท้า ปกครองโดย เบรนแดน ร็อดเจอร์ ผูด้ แู ลคลังทรัพย์สนิ คือ จอห์น เฮนรี่ แคว้นนีม้ นี ามว่า “ลิเวอร์พลู ” ได้รบั ฉายาว่า “เครือ่ งจักรสีแดง” เพียบพร้อมไปด้วยความมหัศจรรย์คลาสิคของดนตรีที่ รูจ้ กั ไปทัว่ จักรวาลอย่าง “เดอะบีทเทิล่ ” และเมืองหลวงทีเ่ มือ่ เอ่ยชือ่ แล้ว บรรดาแคว้นอืน่ ๆ ต้องสะดุง้ เป็นกุง้ เต้น โอ้ลลั ล้า เพราะรับรูไ้ ด้วา่ มาท�ำศึกฟุตบอลชิงศักดิศ์ รีทเี่ มืองแห่งนีท้ ไี รเป็นอันไม่รอดกลับไป ทุกที...นามว่า “แอนฟิลด์” ในจดหมายท้าทายเขียนไว้วา่ “มอยส์เอ๋ยถ้าเจ้าอยากจะเป็นสุดยอดอัจฉริยะลูกหนัง สุดยอดเจ้า เมืองแห่งโลกฟุตบอล เจ้าต้องอย่าท�ำให้ขา้ ผิดหวังในการต้อนรับ เจ้าต้องต้อนรับข้าอย่างสมเกียรติใน ศึกชิงชัยครัง้ นีใ้ ห้สมกับทีใ่ ครๆ ต่างพากันขนานนามเมืองของเจ้าว่าสวรรค์ของทีมเยือน มิเช่นนัน้ แล้วข้าจะส่งคนไปดึงขนรักแร้เจ้า และถอนหงอกเจ้า พร้อมเตะตูดเวลล์เบ็ก และโกนหัวทรงบัฟฟาโล่ ของเฟลไลนีอ่ อกซะ อีกทัง้ จะจับ RVP ขึง้ และดึงขน...หน้าแข้ง” รักนะเด็กโง่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มอยส์ อ่านจดหมายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมคิดด้วยสมองว่าเราจะท�ำเช่นไร ต้องจัดการงาน ต้อนรับในค�ำ่ คืนนีอ้ ย่างไร ให้เป็นปาร์ตที้ สี่ มเกียรติ ตามคติประจ�ำเมือง สวรรค์ของผูม้ าเยือน ... มอยส์ใช้ เวลาคิดอยูซ่ กั พัก จึงตัดสินใจได้วา่ แมตช์นี้ ควรให้ เวลล์เบ็ก และ เฟอร์ดนิ าน ได้นงั่ พักผ่อน เล่นคุก้ กีร้ นั นิง่ ไม่ตอ้ งลงเป็นตัวจริงในการท�ำศึกครัง้ นี้ มอยส์จดั ทัพลงประชันด้วยนักเตะมากฝีเท้าอย่าง มาต้า ราฟาเอล โจนส์ กัปตันวิดคิ ฟานเพอร์ซี รูนนี่ เอฟร่า เฟลไลนี่ นายทวารเดเกอา เป็นต้น และหัวใจเต็มเปีย่ มไปด้วยความหวังทีว่ า่ ขอให้ชอื่ เสียง September 2013 - The Reds


66

“สวรรค์ของผูม้ าเยือน”ทีเ่ ค้าได้สร้างขึน้ มาหลังจากขึน้ สืบทอดต�ำแหน่งไม่เสียหายในศึกครานี้ ทางฝัง่ แคว้นผูม้ าเยือน หาได้เกรงกลัวต่อสถานทีแ่ ละผูเ้ ข้ามาชมศึกครานีไ้ ม่ นายใหญ่บรี อ็ ดสัง่ จัด ทัพบุกเต็มก�ำลัง น�ำโดยกัปตันทีมสุดหล่อ สตีเว่น เจอร์ราด สเตอร์รดิ จ์ สเตอริง่ ซัวเรส แอกเกอร์ สเค อร์เทล อัลเลน เฮนโด้ จีเจ นายทวารจอมหนึบกว่ากาวดักหนูอย่าง มิโญเล่ต์ เจ้าหนู ฟลานาแกน ทีโ่ ดน โยกมาเล่นแบ็กซ้ายอย่างถาวร ส่วน คูตี้ อาสปาส เทพลู ผูย้ งิ่ ใหญ่ นัง่ เล่นคุก้ กีร้ นั นิง่ แข่งกันก้นด้านไม่ตอ้ ง เหนือ่ ยให้เมือ่ ยขา ศึกยิง่ ใหญ่ครัง้ นีว้ ดั ใจวัดศักดิศ์ รี เปรียบได้วา่ เป็นศึกชิงความเป็นแคว้นแห่งโลกฟุตบอล ซัวเรส ใน นัดนีม้ าพร้อมรองเท้าสตัด๊ เปิดตัวคูใ่ หม่หรูหรา ทักทอด้วยใยแมงมุมสีนำ�้ ตาลสวยงาม (แต่สตัด๊ คูใ่ หม่นคี้ ง ยังไม่ชนิ เท้า หม่อมเหยินเลย หล่อลืน่ สะดุดยอดหญ้าไปหลายหน) ถึงเวลาท�ำศึก สีหน้าเจ้าแคว้นทัง้ 2 มุง่ มัน่ เคร่งเครียดและกดดัน ถึงตอนนีผ้ ทู้ มี่ บี ทบาทมากทีส่ ดุ เห็นทีจะเป็นผูก้ ำ� กับหน้าหล่อ หัวไม่ลา้ น อย่าง “มาร์ค แคลตตันเบิรก์ ” ทีล่ งแสดงเองแบบไม่ใช้สลิง ไม่ ใช้ตวั แสดงแทน 20.30น. เกมศึกแดงเดือดเลือดพุง่ พล่านอีกครัง้ ในฤดูกาล 2013/2014 ทีป่ ระชาชนชาวเมือง และเหล่าสาวกต่างแคว้นทีช่ นื่ ชอบแคว้นทัง้ 2 ทัว่ จักรวาลรอชมได้อบุ ตั ขิ นึ้ หลังจากมีการติดโปสเตอร์ โหมโรงก่อนศึกใหญ่นี้ 3 วัน 3 คืน เมือ่ ศึกเริม่ ขึน้ เครือ่ งจักรสีแดงเครือ่ งร้อนเป็นฝ่ายคุมเกมท�ำศึกได้ดี กว่า กองทัพ เครือ่ งจักรสีแดง บุกได้เหนือชัน้ มีลนุ้ มากกว่าทัพเจ้าบ้าน ราฟาเอล ตัวแสบและ ฟลานา แกน กองหลังของทัง้ 2 ฝ่ายโดนแจกใบเหลืองไปคนละใบก่อน โดยจังหวะที่ ราฟาเอล ใช้หตั ถาครอง พิภพนัน้ ควรได้ใบแดงด้วยซ�ำ้ ในนาทีที่ 32 แต่ แคลตตันเบอร์ก สุดหล่อยังใจดีให้ใบเหลือง พร้อมท่าชีจ้ ดุ โทษอันหล่อเหลา กัปตันทัพเจอร์ราร์ด สังหารจุดโทษเข้าไปไม่พลาด ศึกนีด้ ำ� เนินต่อโดย เครือ่ งจักรสี แดง เหมือนควบคุมเกมในครัง้ นีไ้ ด้ไว้ทงั้ หมด จนหมดช่วงรบครึง่ แรก แคลตตันเบิรก์ เป่าให้สญั ญาณพัก รบ นักเตะใจสูไ้ ปดืม่ น�ำ้ ปัสวะ พร้อมให้เจ้าเมืองแต่ละทีมติวเข้มเพือ่ เป็นเจ้าของชัยชนะในศึกใหญ่ครัง้ นี้ ครึง่ เวลาหลังของการรบเริม่ ต้นอีกครัง้ ไม่ทนั ไร ด้วยการเข้าสกัดอันน่าเกลียดของนักเตะแมนยูใน เขตโทษ ท�ำให้ มาร์ค แคลตตันเบิรก์ ไม่คดิ มาก ชีจ้ ดุ โทษครัง้ ที่ 2 ทันที โดยทีไ่ ม่คาดฝันว่าจะได้จดุ โทษถึง 2 ลูก สงสัยสวรรค์ของผูม้ าเยือนจะยังคงโด่งดังต่อไปอีกแสนนาน สตีวจี่ ี บุรษุ รูปหล่อต�ำนานเครือ่ งจักรสี แดงผูเ้ ดิมสังหารจุดโทษนาทีที่ 46 เครือ่ งจักรสีแดง ถล่มขึน้ น�ำ 0-2 เล่นไปเล่นมาแมนยูกม็ ลี นุ้ แต่ นาย ทวารลีลาเร้าใจอย่าง มิโญเล่ต์ โชว์เซฟเหนือชัน้ จากลูกยิงของ หมูรนู ได้อย่างสวยงาม เครือ่ งจักรสีแดง เร่าร้อนสุดๆ บุกแล้วบุกเล่าต้องการประตูที่ 3 โดยที่ ราฟาเอล แสดงได้ตบี ทแตกจริงๆ เป็นนักสูส้ ดุ ฤทธิ์ เสียบสกัด เตะ ต่อย ศอก เข่า แต่ดว้ ยบทเขียนมาให้ ราฟาเอล ไม่ใช่ผโู้ ชคร้ายจึงไม่โดนเหลืองที่ 2 ศึกใหญ่รบกันเข้าสูช้ ว่ งนาทีที่ 77 บทถูกก�ำหนดมาให้ วิดคิ สร้างสถิตใิ นการลงเล่นเกมแดงเดือด โดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดง และสร้างสถิตใิ บแดงที่ 3 ในการลงท�ำศึกแดงเดือด จากภาพช้า สโลว์โมชัน่ สเตอริดจ์ แสดงเนียน พุง่ เนียนตา พุง่ สวยจนเป็นท่าพุง่ เข้าชิงรางวัลออสก้า ไม่งนั้ วิดคิ คงไม่ได้ทำ� สถิติ 3 ใบแดงใน ศึกแดงเดือด เป็นแน่แท้ พร้อมกับจุดโทษลูกที่ 3 (ตกลงใครเป็นเจ้าบ้าน?) เฮียเจิด มีโอกาสท�ำสถิตแิ ฮทริกของตัวเอง แต่ดว้ ยศักดิศ์ รีเห็นว่าจุดโทษทีไ่ ด้มาไม่สมควรได้ จึง จ�ำใจยิงชนเสา เพือ่ เป็นการให้เกียรติ หลังจากนัน้ สงครามการรบ 2 แคว้นก็เข้ามาสูต้ อนท้าย เดเกอา มี โอกาสเซฟงามๆ เป็นขวัญตาแก่ผมู้ าเข้าชมด้วยเช่นกัน และจุดโทษลูกที่ 4 จริงๆ ควรได้ แต่ มาร์ค แคลต ตันเบิรก์ เกรงว่าจะแจกมากไปแล้ว ถึงแม้วา่ จังหวะนีค้ วรได้จริงๆ ก็ตาม...สาวกทีต่ ามไปดูสงครามรวมถึง ผูช้ มและเปีย๊ กทีล่ นุ้ ตอนจบหนังเรือ่ งนีผ้ า่ นหน้าจอก็ไม่ได้เครียดอะไร ยิม้ แย้มแจ่มใสก็นำ� อยูน่ หี่ ว่า ใสใสไร้ สิว พลอยเพ้อคิดไปด้วยว่าสงสัยหนังจบ ปีบ๊ ตราปีศาจแดง ของทีร่ ะทึกจากเรือ่ งคงจะขายดีเป็นแน่แท้ ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรือ่ งยาวเข้าสูช้ ว่ งท้ายเรือ่ งหนังใกล้จบ สงครามครัง้ นีถ้ กู ปิดฉากด้วยความ The Reds - September 2013


67

September 2013 - The Reds


68

The Reds - September 2013


69

คมและความหรูหรา ทักทอด้วยใยแมงมุมจากเทคโนโลยีลำ�้ ยุค ใช้คนทอกว่า 1 แสนคน หม่อมเหยิน ประเดิมรองเท้าสตัด๊ คูใ่ หม่ดว้ ยการซัดประตูชยั ให้เครือ่ งจีกรสีแดงนาทีที่ 84 สงครามพิชติ ถล่มถังขีบ้ ขี้ ี้ แตก ท้ายศึก เวลล์เบ็ก กับ เฟอร์ดนิ าน โดนสัง่ ให้หยุดเล่นคุก้ กีร้ นั นิง่ และลงไปท�ำศึกเผือ่ สงครามครัง้ นี้ จะมีปาฏิหาริย์ เป็นนรกของผูม้ าเยือนบ้าง เครือ่ งจักรสีแดงก็ไม่ยอมแพ้สง่ อาสปาส ลงมาท�ำศึกให้ได้เห็น หน้าเห็นตาในภาพยนตร์ แม้จะเป็นแค่ตวั ประกอบแต่คา่ ตัวคงไม่ใช่ 500฿ 5555 หนังศึกสงครามอันเร่าร้อน ความแค้นของ 2 ดินแดนคูป่ รับทีส่ งั่ สมมานาน บทถูกเขียนให้จบ ด้วยชัยชนะของเครือ่ งจักรสีแดงพิชติ โอล์ดแทรฟฟอร์ด แม้มเี วลาพิเศษเพิม่ มาให้อกี 4 นาที แต่เจ้าบ้าน มอยส์ เจ้าแคว้นได้จดั ต้อนรับผูม้ าเยือนจากแคว้น ลิเวอร์พลู ได้สมเกียรติ ดัง่ สโลแกน สวรรค์ของผูม้ า เยือน ไม่ขาดตกบกพร่อง บรรดาผูม้ าชม จึงยกย่องว่าเค้าคืออัจฉริยะลูกหนังตัวจริง ป้ายเชิดชูเกียรติถกู ชูขนึ้ ให้มอยส์ได้เห็นชัดๆ เป็นก�ำลังใจสูต้ อ่ ไปไม่ทอ้ ถอยให้ เมืองหลวงโอล์ดแทรฟฟอร์ด ยังคงเป็นสวรรค์ ของผูม้ าเยือนต่อไป ศึกครัง้ นีใ้ นหนัง ภาพสวยสด ฉากอลังการงานสร้าง รอยจูบบนกล้องของ เจอร์ราร์ด ตราตรึงใจ แม้จะท�ำแฮทริกไม่ได้ในศึกครัง้ นี้ แต่กย็ งั คงเป็นพระเอกสุดหล่อในใจแฟนคลับอยูด่ ี รางวัลออสก้าและ ลูกโลกทองค�ำส�ำหรับผูก้ ำ� กับยอดเยีย่ มคงหนีไม่พน้ มาร์ค แคลตตันเบิรก์ ทีด่ หู น้าตาราศีจบั ก�ำกับ ภาพยนตร์ทที่ ำ� ให้ชายชือ่ เจอร์ราร์ด ยิงจุดโทษลูกที่ 26 ตามหลัง อลัน เชียร์เลอร์ ทีย่ งิ ไป 56 ประตู และ ลิเวอร์พลู ท�ำประตูจากจุดโทษไปแล้ว 8 ลูกในฤดูกาลอันยิง่ ใหญ่นี้ ภาพยนตร์เรือ่ งนีน้ บั ได้วา่ รวมสุดยอดฝีเท้า รวมสุดยอดนักแสดงทีท่ า่ นไม่ควรพลาดจริงๆ เปีย๊ ก บางใหญ่ รับประกัน มันไม่แพ้ 300 สปาตาร์ชวั ร์ ไม่มใี ครยอมใคร เลือดกระจุยกระจาย หัวแตก เตะ ไม่ยงั้ ตาช�ำ้ เข้าสกัดพลีชพี ไม่กลัวตาย ขอให้ 10/10 แนะน�ำให้มาดูกนั อย่าพลาด ยิง่ คุณเป็นแฟนคลับ มอยส์ แล้วต้องดู และอีกอย่างทีน่ า่ ประทับใจคือประโยคปิดท้าย “David Moyes is a football genius but less than Brendan Rodgers” เป็นอะไรทีค่ มุ้ สุดๆ สนุกสนาน บอกเลยว่าดูเรือ่ งนีแ้ ล้วมันสะใจ เชียร์ให้เป็นภาพยนตร์ยอดเยีย่ ม แห่งปีเลย อยากตะโกน กูรกั มึง มาร์ค แคลตตันเบิรก์ แสดงได้ดไี ร้ทตี่ ิ นักเตะนักแสดงฝัง่ แคว้นลิเวอร์พลู เล่นได้สมจริง จริงจัง สูไ้ ม่กลัวตายได้ยอดเยีย่ มสุดๆ ส่วน มอยส์ และเซอร์อเล็กซ์กท็ ำ� สีหน้าได้เศร้าสมจริง สุดยอด ท�ำให้อนิ รูส้ กึ ได้ถงึ ความเจ็บปวดรวดร้าว เปีย๊ กบางใหญ่ ยังรูส้ กึ อินกับหนังเรือ่ งนีไ้ ม่หาย ก่อนชมภาพยนตร์ ได้เข้าเป็นส่วนหนึง่ ในสังกัด กปมว. (คณะกรรมการเปลีย่ นแปลงแมนยูเป็นทีมกลางตารางทีส่ มบูรณ์ อันมีแดนนี่ เวลล์เบ็กเป็นตัว จริง) เลยขอออกตัวแรงสปอยหนังด้วยการทายผลกับ ร้านเก่าเจ้าเดิมกะกวาดรางวัลร้านพีแ่ กให้ไม่เหลือ ซาก Rainy Retroshop ว่าเครือ่ งจักรสีแดงจะได้เตะมุมก่อน แถมแรงไม่หยุดด้วยการทายสกอร์วา่ ชนะ 3-0 ซัวเรสยิงประตูปดิ เกม 5555 มหัศจรรย์ไม่นา่ เชือ่ ว่าช่วงนีท้ ำ� บุญมาดีหรืออย่างไร ได้รางวัลอีกแล้วครับท่าน ถูกหมดทุกข้อ คน แรกและคนเดียวทีต่ อบแบบนี้ แม่นมาหลายเรือ่ งละ เห็นไหม เทพธิดาพยาเกรียน ไม่เคยโม้ ออกตัวแรง ทีไร แม่นตล๊อดดดด อย่างกับผูเ้ ขียนบท... ใครอ่านถึงตอนนีข้ อปรบมือให้ในความพยายามอันยิง่ ใหญ่ และขอบคุณทีม่ านัง่ อ่านภาพยนตร์ดี ดีทเี่ ปีย๊ กอยากรีววิ ให้ละเอียดทีส่ ดุ จริงๆ กลัวไม่อนิ ฟินอะโลม่าเทเลทับบี้ ขอให้ มอยส์ อยูใ่ นใจผูบ้ ริหารทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่โดนปลดต่อไป อาแมน รักนะ มาร์ค แคลตตันเบิรก์ , เดวิด มอยส์, เบรยแดน ร็อดเจอร์, นักเตะลิเวอร์พลู ทุกคน, ผู้ ท�ำงานในสโมสรทุกท่าน และ แฟนคลับทัว่ จักรวาล จุบ๊ ๆ เบบี๋ You’ll never walk alone. เปีย๊ กบางใหญ่ September 2013 - The Reds


70

The Reds - September 2013


71

September 2013 - The Reds


72

ใครเล่าจะคาดคิดว่าหลังจากที่ Brendan Rodgers พ่ายแพ้ต่อ West Bromwich Albion ถึง 3-0 ในการคุมทีมนัดแรกอย่างเป็นทางการของ เขาในเวที Premier League เขาจะสามารถน�ำพา Liverpool รั้งอันดับสองของตาราง Premier League ในหกสิบกว่านัดให้หลังได้ และตอนนี้มี โอกาสลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัวด้วย ? --------------------------------------ผู้จัดการทีมชาวไอร์แลนด์เหนือรายนี้ หลายๆ ฝ่ายมองว่าเป็นการเสี่ยงอย่างมากของบอร์ดบริหาร ที่ไปดึงตัวมา และตรงนี้มีเหตุผลที่พวกเขามองกัน อย่างนั้น เพราะ Rodgers มีผลงานการคุมทีม ระดับ Premier League เพียงแค่ฤดูกาลเดียว เท่านั้น เราต่างรู้กันว่า Rodgers เป็นโค๊ชที่ดีในยุค แรกเริ่มของเขาที่ Chelsea, ซึ่งเขาได้รับเครดิต อย่างมากกับการท�ำงานกับทีมเยาวชน ซึ่ง Jose Mourinho ถูกใจผลงานจนเลื่อนขั้นให้เขามาเป็น ผู้จัดการทีมส�ำรอง กระนั้นการเป็นผู้จัดการทีมให้กับ Watford และ Reading กลับไม่ค่อยเวิร์คอย่างที่คาดหวัง แต่ Rodgers ก็ไม่ย่อท้อ ยังคงมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ตัว เองว่ามีคุณค่าในเกมฟุตบอล Swansea City คือที่ๆ Rodgers ก่อเกิด วิสัยทัศน์ชัดเจนว่าจะต้องเล่นฟุตบอลอย่างไร ท�ำ อย่างไรให้ฟุตบอลดูมีชีวิต เขาได้รับการยกย่องจาก หลายๆฝ่ายในการพาทีมโล่ดแล่นในเวที Premier League, สร้างประวัติศสาสต์ตลอดรายทางที่ก้าว เดิน โดยกลายเป็นทีมจาก Wales ทีมแรกในลีค Swansea City ยังคงเล่นฟุตบอลอย่างมี ชีวิตชีวา การไหลลื่นของเกมยังคงท�ำได้แม้ในลีค ที่ถือได้ว่าหินที่สุดของโลกแห่งนึงอย่าง Premier league แต่ตรงนี้สร้างชื่อให้ Rodgers ว่าเป็นผู้ จัดการทีมที่ดีมากๆ คนหนึ่ง หลังจากที่เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการ The Reds - September 2013


73

September 2013 - The Reds


74

ทีม Liverpool ซึ่งทุกๆคนรู้ดีว่า มันเป็นงานช้าง ขนาดไหนที่จะต้อง “สร้างรากฐานกันใหม่” แล้ว การจบด้วยอันดับ 7 ในตารางไมได้เป็นผลงานที่ ดีอะไร แต่แฟนบอลก็ไม่ได้ผิดหวังอะไรมากนัก เพราะแฟนบอลก็รู้ดีว่า “การแก้ไขแก้อาการ” จะ ต้องใช้เวลา The Reds - September 2013

ในฤดูกาลนี้ปรัชญาของ Rodgers ที่เน้นการ บีบสูง ควบคุมการครองบอล และการเล่นเกมรุก ทุกๆ อย่างมันลงตัว ท�ำให้ลุย Premier league ได้ดุจพายุ ฤดูกาลนี้ ถือได้ว่าเป็นสเตจที่ 2 ของแผนการ 3 ปี เพื่อที่จะกลับไปสู่เวที Champions League


75

แต่กลายเป็นว่าตอนี้ Liverpool รั้งอันดับสองใน ลีค ตามหลังจ่าฝูงอย่าฝูง Chelsea สี่แต้ม และ เป็นทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุดในลีค ความส� ำ เร็ จ เข้ า มรวดเร็ ว เหมื อ นขึ้ น บั น ได เลื่อน และมันยิ่งกว่าที่ Rodgers เองคาดคิดว่ามัน จะมาเร็วแบบนี้ และเขานั้นท�ำให้แฟนบอลเชื่ออีก

ครั้งว่า “ยอดทีมจะกลับมา” ดูเหมือนว่า Rodgers ได้ปลุกให้ “ยักษ์ที่หลับ” ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ความส�ำเร็จของเขาในฤดูกาลนี้ ทุกๆ อย่าง มากจากแนวปรัชญาในฐานะโค๊ชของเขา ซึ่งมุ่งไป ที่การพัฒนานักเตะท้องถิ่น ให้โอกาสนักเตะสหราช อาณาจักร September 2013 - The Reds


76

The Reds - September 2013


77

Raheem Sterling คือตัวอย่างที่ดีของความ เชื่อมั่นในเยาวชนของเขา คือมันมีโอกาสอย่างมาก เลยที่ Sterling จะเป็นดาวรุ่งช้างเผือกที่สุดท้ายก็ ไปไม่ไกลอย่างที่หวังกัน ซึ่งเราได้เห็นมาหลายต่อ หลายคนแล้ว นิสัยใจคอและพฤติกรรมของเขาอาจ จะบางทีเป็นปัญหา เหมือนอย่างวัยรุ่นทั่วๆ ไป อย่าง ที่เห็นกันกับการทัวร์ America ในช่วง Preseason แรกของ Rodgers แต่ทุกๆ อย่างได้รับการ แก้ไข และตัวนักเตะตรงนี้ก็รู้จักแก้ไขด้วย Rodgers นั้นมีความกล้าหาญเพียงพอที่จะยึดมั่นในแนวทาง “ให้โอกาสเด็ก” ของเขา อย่างไม่เสียจุดยืน Daniel Sturridge เป็นนักเตะพรสวรรค์ที่ เป็นที่รู้จักมานานหลายปีแล้ว แต่ไม่ได้รับโอกาสดีๆ ที่ Manchester City หรือ Chelsea แต่ตอนนี้ กลายเป็นว่าเขาก�ำลังต่อสู้เพื่อลุ้นรองเท้าทองค�ำกับ เพื่อนคู่หูอย่าง Luis Suarez และทั้งนี้ทั้งนั้นต้อง ยกเครดิตให้กับผู้จัดการทีมคนนี้จริงๆ ผมมองไม่ เ ห็ น ผู ้ จั ด การที ม คนใดที่ จ ะสร้ า ง ปรากฎการณ์ได้อย่างนี้ โดยปราศจากก�ำลังหนุน จากอภิมหาเศรษฐีอย่างที่ Jose Mourinho ได้ รับจาก Chelsea หรือ Roberto Mancini ได้รับ จาก Manchester City ปรากฎการณ์ที่ Rodgers สร้างไว้ได้กับ Liverpool เราไม่ได้เห็นนานแล้ว ไม่ต�่ำกว่า 10 ปี ในเวที Premier League นับตั้งแต่ Arsene Wenger ก้าวเข้ามาเมื่อปี 1996, เขาไม่เพียง เปลี่ ย นแปลงวั ฒ นธรรมและสไตล์ ก ารเล่ น ของ Arsenal เท่านั้น แต่การ เน้นวิทยศาสตร์ เน้น โภชนาการที่เคร่งครัดและวิธีการซ้อม เปลี่ยนแปลง ทีมของเขา และเปลี่ยนลีคนี้ทั้งลีค เมื่อดูจาก Arsene Wenger ที่คว้าแชมป์ Premier League ได้ในฤดูกาลที่ 2 เท่านั้น แล้ว Brendan Rodgers เล่าจะสามารถท�ำแบบเดียว กันนี้ได้หรือไม่? แฟนบอล Liverpool สามารถ “กล้าที่จะฝัน” กันได้แล้ว เพราะเหลือเกมให้เล่น ไม่ถึง 10 เกมแล้ว September 2013 - The Reds


78

The Reds - September 2013


79

September 2013 - The Reds


80

The Reds - September 2013


81

September 2013 - The Reds


82

The Reds - September 2013


83

ใกล้เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการขับเคี่ยว ใน พรีเมียร์ลีกกันแล้ว หลายทีมยังคงต้องดิ้นรนกันอย่าง หนัก เพื่อความอยู่รอดในพรีเมียร์ลีก ขณะที่บาง ทีมก็แทบไม่ได้ลุ้นอะไรส�ำหรับฤดูกาลนี้แล้ว ขณะที่ ลิเวอร์พูล เอง ช่วงหลังปีใหม่มาก็โชว์ฟอร์มได้อย่าง ยอดเยี่ยม ซึ่งท�ำให้ เดอะ คอป ทุกคนยังมีความหวัง ว่า ลิเวอร์พูล ยังมีโอกาสลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้ ... ซึ่ง ทั้งในทางทฤษฎีและในทางปฏิบัติยังคงมีความเป็น ไปได้ทั้งหมด ... ซึ่งจากนี้ไปเหลืออีกเพียง 10 เกม ลิเวอร์พูลคงต้องเหนื่อยอย่างหนักส�ำหรับทุกแต้ม ซึ่งมี ความหมาย ... พวกเรา เดอะ คอป ก็คงต้องให้ก�ำลังใจ อย่างถึงที่สุด ต่อไป ... ขณะเดียวกับ ส�ำหรับทีมชุดเยาวชน u-21 ก็ ท�ำผลงานได้ดีไม่แพ้ทีมชุดใหญ่ ซึ่งจากผลการแข่งขัน ล่าสุด ที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เวตส์แฮม ไปได้ 2-0 นั้นก็ ท�ำให้ ลิเวอร์พูล เก็บคะแนนเพิ่มไปได้ อีก 3 คะแนน ซึ่ง อันดับการแข่งขันล่าสุด ลิเวอร์พูล u-21 นั้นสามารถ ก้าวขึ้นไปอยู่ในต�ำแหน่งรองจ่าฝูง มี 31 แต้มจาก การลงแข่งไปเพียง 15 นัด ขณะที่จ่าฝูงอย่าง ฟูแล่ม ที่แข่งไปแล้ว 17 นัด มีเพียง 35 คะแนน .... ในเกมนี้ ไฮไลท์ส�ำคัญของเกมก็อยู่ที่การกลับมา ของนักเตะตัวหลักในทีมชุดใหญ่ของทีม ทั้ง “มามาดู ซาโก้” และ “ลูคัส เลว่า” ทั้ง 2 คนต่างเอาเกมการ แข่งขันนี้ เรียกความฟิตและความพร้อมของตัวเอง .. ลูคัส เลว่า มิดฟิลด์ทีมชาติบราซิล เกมนี้ได้ลงเล่นเต็ม ครบ 90 นาที ขณะที่ มามาดู ซาโก้ ลงเล่นไป 77 นาที ส�ำหรับเกมนี้ .. เยาวชนดาวรุ่งของลิเวอร์พูลเกมนี้ ท�ำผลงานกัน ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เจา คาร์ลอส เทเซร่า” มิดฟิลด์หน้าหล่อ ที่ก้าวขึ้นไปเล่นให้กับทีม ชุดใหญ่แล้ว และ “แจ๊ค ดันน์” ที่นัดนี้เป็นผู้ท�ำสกอร์ ไปถึง 2 ลูก ... โดย ลิเวอร์พูล จะมีคิวแข่งขันอีกครั้ง ในวันศุกร์ที่ 14 มีนาคม ซึ่งจะพบกับ แบล็คเบิร์น โดย ผลการแข่งขันของเกมจะสรุปออกมาให้อีกครั้งในฉบับ หน้า ... ส�ำหรับทีม เยาวชนชุด u-21 นี้มีความคล้ายกับ ทีมชุดใหญ่อยู่เหมือนกัน ซึ่งน่าจะเป็นเพราะนโยบาย การสร้างทีมมีความละหม้ายคล้ายกับทีมชุดใหญ่ ซึ่ง September 2013 - The Reds


84

เป็นเรื่องที่ดีมากส�ำหรับ ลิเวอร์พูล ในยุคนี้ ... ลิเวอร์พูล u-21 ในขณะนี้ เป็นทีมที่ท�ำประตูได้เยอะมากที่สุดใน ลีก เช่นเดียวกันกับทีมชุดใหญ่ .. โดยท�ำไปแล้วมากถึง 42 ประตูจากเกมการแข่งขันเพียง 15 นัดเท่านั้น ขณะ ที่ ทีมในระดับท๊อปของลีก u-21 จะมีประตูเฉลี่ยอยู่ที่ ประมาณ 30 กว่าๆ ... แต่ปัญหาในเกมรับก็ยังคงมีเช่น เดียวกับทีมชุดใหญ่ เพราะถ้าน�ำไปเปรียบเทียบกับทีม ในระดับท๊อปของตาราง ลิเวอร์พูล ก็ยังคงเสียประตู มากกว่าทีมอื่นๆอยู่ ..... มาถึงข่าวในระดับทีมชุด u-18 ซึ่งผลงานในลีก นั้นก็ยังท�ำผลงานได้อย่างดี ถึงแม้ว่าโอกาสที่จะคว้า แชมป์ในกรุ๊ปถือว่าน้อยลงไปก็ตามที โดยในเกมล่าสุด ในลีก ลิเวอร์พูล u-18 ต้องเปิด ศึกแดงเดือดน้อย กับ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเป็น ลิเวอร์พูล ที่ต้อง ไปเยือน ที่ AON Training Complex โดยเกมนี้จบ ด้วยการเสมอกันไป 1-1 เก็บได้ทีมละ 1 แต้ม ... เกมนี้ ภาพรวมของเกมทั้ง 2 ทีมท�ำได้ดี มี โอกาสและจังหวะในการเข้าท�ำพอๆ กัน .... เกมนี้เป็น แมนยูไนเต็ด ที่ได้ประตูขึ้นน�ำไปก่อนในนาทีที่ 8 จาก การยิงของ แอชลี่ย์ เฟล็ตเชอร์ ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะ ใช้เวลาเพียง 5 นาทีหลังจากนั้นในการตีเสมอ ซึ่งเป็น จังหวะที่ “เซร์กี้ คานอส” ท�ำเกมขึ้นมาก่อนที่จะ เป็น “แดเนี่ยล ทริกเก็ตต์-สมิธ” มิดฟิลด์ของทีม ท�ำ ประตูเข้าไป ... แต่หลังจากที่ทั้ง 2 ทีมท�ำประตูกันได้ที มละ 1 ลูก ทั้ง 2 ทีมก็ไม่สามารถท�ำสกอร์เพิ่มให้กับ ทีมได้ ถึงแม้ทั้ง 2 ทีมจะมีโอกาสบวกสกอร์เพิ่ม แต่ ก็ยังไม่แม่นพอ ซึ่งลิเวอร์พูลมีจังหวะเพิ่มสกอร์จาก ทั้ง “เซยี่ โอโจ” และ “คอนเนอร์ แรนเดลล์” แต่ก็ พลาดไปในท้ายที่สุด ... จบเกมเสมอกันไป 1-1 ท�ำให้ ลิเวอร์พูล u-18 ยังไม่สามารถไล่บี้ทีมจ่าฝูงได้ ขณะที่ แมน ยูไนเต็ด มีแต้มตามหลัง ลิเวอร์พูล อยู่ 6 แต้ม แต่แข่งน้อยกว่าลิเวอร์พูล 2 นัด ... โดยหลังจากเกมนี้ ลิเวอร์พูล u-18 ก็มีคิวที่จะ ลงเล่นเจอกับ เรดดิ้ง ใน เอฟเอ ยูธคัพ รอบควอเตอร์ ไฟนั่ล ... เกมนี้เล่นกันที่ The Madejski Stadium บ้านของเรดดิ้ง ลิเวอร์พูล ในเกมนี้ จัดชุดใหญ่ลงเล่น มีนักเตะดาวรุ่งลงเล่นกันครบ ไม่ว่าจะเป็น แรนเดลล์ ในต�ำแหน่งแบ็คขวา รอสซิเตอร์ คุมเกมในต�ำแหน่ง The Reds - September 2013


85

September 2013 - The Reds


86

มิดฟิลด์ตัวกลาง และมี 3 ประสานในแนวรุกอย่าง วิล สัน - บรานาแกน และ โอโจ .... โดยที่ ทริกเก็ตต์สมิธ และ เซร์กี้ คานอส ที่ท�ำผลงานได้ดีในเกมกับ แมนยูไนเต็ด เป็นเพียงแค่ตัวส�ำรอง .. รูปเกมในเกมนี้ ในช่วงแรกดูเหมือนเจ้าบ้าน จะท�ำเกมได้ดีกว่า และก็เป็น เจ้าถิ่นที่ท�ำประตูขึ้นน�ำ ลิเวอร์พูล ไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ กองหน้าของทีม เร้ดดิ้ง “แฮรี่ คาร์ดเวล” ได้บอลบริเวณกลางสนาม ก่อนที่จะลากบอลคนเดียว ผ่านเข้าไปในเขตโทษ หลอกหนี “จอร์แดน วิลเลี่ยม” เซนเตอร์แบ็คของ ลิเวอร์พูล หลุดเข้าไปยิงผ่านรอดขา “ไรอัน ครัมป์” ผู้ The Reds - September 2013

รักษาประตูของ ลิเวอร์พูล เข้าไปอย่างสวยงาม ... แต่ ลิเวอร์พูล ก็ไม่ยอมง่ายและมีโอกาสที่จะ ตามตีเสมอเรดดิ้งได้ จากการยิงของ “เซยี่ โอโจ” แต่ บอลหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งทั้ง 2 ทีมก็ ผลัดกันรุกและรับ แต่จบครึ่งแรก ก็ยังไม่มีสกอร์เพิ่ม เร้ดดิ้งน�ำไปก่อน 1-0 ... เริ่มเกมในครึ่งหลังทั้ง 2 ทีมก็ยังคงพยายามบุก เข้าหากัน ซึ่งลิเวอร์พูลก็ปรับเปลี่ยนเกมก่อนด้วยการ เปลี่ยนตัว ส่ง “ทริกเก็ตต์-สมิธ” และ “เซร์กี้ คา นอส” ลงมาเล่น แต่ลิเวอร์พูลก็ยังไม่สามารถท�ำประตู ตามตีเสมอได้ สุดท้ายต้องมาเสียประตูที่ 2 ให้กับ


87

เร้ดดิ้ง จาก “แฮรี่ คาร์ดเวล” คนเดิม “ทริกเก็ตต์-สมิธ” ที่ได้ลงมาเล่นในครึ่งหลังก็ สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจ มีโอกาสพัง ประตูได้ แต่ความคมก็ยังมีไม่มากพอ โดย ลิเวอร์พูล พยายามบุกหนักขึ้น จนสุดท้ายก็ได้ประตูไล่ตามขึ้นมา 2-1 เมื่อ วิลเลี่ยม กองหลังของทีมได้โอกาสยิงไกลบอล เรียดผ่านกองหลัง เรดดิ้ง และดูเหมือนว่าผู้รักษาประตู ของ เรดดิ้ง จะปัดได้ แต่บอลก็แรงเข้าประตูไป ถือ เป็นการแก้ตัวของ วิลเลี่ยม ได้ส�ำเร็จหลังจากที่ปล่อย ให้กองหน้าของ เรดดิ้ง หลุดเข้าไปยิงจังหวะน�ำ 1-0 .. แต่ดูเหมือนว่า ลิเวอร์พูล ก�ำลังจะพ่ายแพ้ ความ

พยายามของ ลิเวอร์พูล ที่จะตามตีเสมอก็มาประสบ ผลส�ำเร็จในช่วงทดเวลาบาดเจ็บที่ต่อออกไป 4 นาที ... เป็นประตูที่น่าอัศจรรย์ เมื่อ “โจ แม็คไกว” ได้บอล ทางด้านซ้ายก่อนที่จะผ่านบอลมาหน้าประตูที่มี รอส ซิเตอร์ รออยู่ ซึ่ง.. รอสซิเตอร์ ก็ยิงเข้าไปอย่างสุดสวย ลิเวอร์พูล ตามตีเสมอได้ส�ำเร็จ จบ 90 นาที เสมอกัน ไป 2-2 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป .. หลังจากที่ ลิเวอร์พูล ตามตีเสมอได้ก่อนหมด เวลา 90 นาที โมเมนตั้ม ก็เหมือนจะโยกมาทางฝั่ง ลิเวอร์พูล เมื่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ ในนาทีที่ 95 ลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นน�ำ 3-2 และ 4-2 ซึ่งในจังหวะ September 2013 - The Reds


88

ประตู 3-2 นั้น เป็นจังหวะที่ คานอส แย่งบอลจากผู้ เล่น เรดดิ้งได้ทางด้านขวา ก่อนที่จะเลี้ยงบอลผ่านมา จนถึงกรอบเขตโทษ และก็ผ่านบอลมาให้ คู่หู ทริก เก็ตต์-สมิธ จับบอล 1 จังหวะก็ที่จะพลิกตัว 180 องศา ยิงบอลเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ..... และอีก 10 นาที ถัดมา ลิเวอร์พูลก็น�ำ 4-2 ... เมื่อ คานอส ที่โชว์ฟอร์ม พระเอกอีกครั้งแย่งบอลจากผู้เล่น เร้ดดิ้งได้ ก่อนที่จะ ผ่านบอลแบบ Killing Pass ให้ “แฮรี่ วิลสัน” หลุด เดียวเข้าไปยิงผ่านผู้รักษาประตูเร้ดดิ้งอย่างง่ายดาย และ สวยงามอีกตามเคย ... แต่ในเมื่อเวลาของการแข่งขันยังไม่จบ อะไรก็ สามารถเกิดขึ้นได้ในสนามฟุตบอล จากช่วงเวลาครึ่ง แรกของการต่อเวลาพิเศษ ซึ่งดูเหมือนว่า อะไรๆ ก็ เป็นใจให้กับ ลิเวอร์พูล แต่พอมาในครึ่งหลัง ทุกอย่าง ก็ดูเปลี่ยนไป เมื่อ เรดดิ้ง พยายามอย่างหนักเพื่อตาม ตีเสมอทีมผู้มาเยือน และสุดท้าย เรดดิ้ง ก็สามารถ ท�ำได้ เมื่อตามตีเสมอเป็น 4-4 ได้ส�ำเร็จ ... จบเวลา 120 นาที เรดดิ้ง เสมอกับ ลิเวอร์พูล ไป 4-4 ท�ำให้ต้อง ตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ ... และก็เป็น เรดดิ้ง ที่ยิงได้ แม่นกว่า ยิงเข้าทุกคนขณะที่ “บรานาแกน” เป็นผู้เล่น คนเดียวของ ลิเวอร์พูล ที่ยิงไม่เข้า .... จบเกม ลิเวอร์พูล แพ้ไปอย่างสุดมันส์ และมี ดราม่าตลอดทั้งเกม ... เสียใจกับขุนพลหงส์ชุด u-18 ด้วย ที่ไม่ สามารถพาทีมผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ซึ่งถือว่า ท�ำผลงานได้แย่กว่าในฤดูกาลก่อน ซึ่งผ่านเข้าถึง รอบรองชนะเลิศได้ แต่ไปแพ้เชลซี แต่อย่างไรแล้ว หลังจากเกมนี้ ผมเชื่อว่าดาวรุ่ง ของทีมในชุดนี้ได้ประสบการณ์อย่างมากมายในเกมนี้ เราได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นจากเกมนี้ เราได้ เห็นความพยายาม ของนักเตะทั้ง 2 ทีมที่ไม่ได้ยอมแพ้ ก่อนที่เวลาจะหมดการแข่งขัน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม อย่างยิ่ง ส�ำหรับนักเตะทั้ง 2 ทีม ... ซึ่งทั้งหมดอายุยัง น้อย .. และพวกเรา เดอะ คอป ก็ยังหวังว่าสักวันหนึ่ง นักเตะที่สร้างชื่อมีชื่อในขณะนี้ คงจะก้าวขึ้นไปสู่ทีม ชุดใหญ่ได้อย่างดี ... เหมือนอย่างรุ่นพี่หลายๆคน ที่ ใช้ทัวร์นาเม้นท์นี้ในการสร้างชื่อเสียงและพัฒนาการ เล่นจนก้าวขึ้นไปสู่ทีมชุดใหญ่ได้อย่างส�ำเร็จ ...... The Reds - September 2013


89

September 2013 - The Reds


90

The Reds - September 2013


91

September 2013 - The Reds


92

กัปตัน Liverpool นาย Steven Gerrard เชื่อว่า ตัวเขานั้นคงจะไม่สามารถกลับมาคืนฟอร์มดีได้ รักษา อาชีพของตัวเองไว้ได้ จากอาการทางจิตอย่างหนึ่งที่ เรียกว่า “กลัวอาการบาดเจ็บ” หากไม่ได้ Dr. Steve Peters, นักจิตวิทยาทางการกีฬา ที่จะเดินทางไปศึก ฟุตบอลโลกเพื่อช่วยเหลือทีมสิงโตค�ำรามด้วย ใน ซัมเมอร์นี้ The Reds - September 2013

Dr. Steve Peters ได้ช่วยเหลือนักเตะ high profile หลายต่อหลายคน รวมไปถึงนักกีฬาชื่อดัง อีกสารพัด รวมไปถึงนักขี่จักรยานอย่าง Sir Bradley Wiggins และ Mark Cavendish ด้วย แต่เขา ก็ท�ำงานอย่างใกล้ชิดกับกัปตันแห่งยอดทีมของ Merseyside รายนี้มาหลายปีแล้ว Gerrard ที่มีฟอร์มของเขา และคงเส้นคงวา


93

ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เชื่อว่า Dr. Steve Peters เป็นส่วนส�ำคัญในการสร้างขวัญก�ำลังใจและ จะช่วยให้ทีมสิงโตค�ำรามโชวืฟอร์มได้ดีในศึกฟุตบอล โลกครั้งนี้ที่ Brazil และกัปตันก็ออกมาเปิดใจว่า นาย แพทย์คนนี้ครั้งหนึ่งเคยช่วยเขาให้ผ่านช่วงวันคืนที่ ทุกข์ระทมจากปัญหาอาการบาดเจ็บที่โคนขาหนีบที่ รุมเร้าเขามาหลายปี

“ผมนั้นมีอาการบาดเจ็บที่อาจท�ำให้ผมต้อง สูญเสียอาชีพได้ ซึ่งอาการบาดเจ็บที่ว่าคืออาการ บาดเจ็บที่โคนขาหนีบ ซึ่งตรงนี้มันหนักหนาสาหัส เพราะกล้ามเนื้อตรงนั้นมันเคลือนออกจากกระดูก ผมนั้นเคยไปปรึกษากับสัญแพทย์มาสามสี่คนแล้ว และพวกเขาก็ไม่สามารถให้ค�ำมั่นกับผมได้ว่า ผมจะ สามารถกลับมาเล่นได้อีกครั้ง ท�ำให้ผมหันไปปรึกษา September 2013 - The Reds


94

Dr Steve Peters” “เขาช่วยให้ผมมองไปในแง่บวก ให้พลัง ความคิดในด้านนี้เป็นตัวผลักดัน คือก�ำลังใจและ ขวัญก�ำลังใจเป็นสิ่งส�ำคัญมากๆในช่วงเวลาส�ำคัญ ในอาชีพของผมแบบนี้ เราเคยได้ยินว่า ก�ำลังใจดี ท�ำให้คุณหายจากโรคได้ ก�ำลังใจแย่ต่อให้เป็นหวัดก็ The Reds - September 2013

ถึงตายได้” “ผมได้อ่านหนังสือของนายแพทย์ท่านนี้ ชื่อ The Chimp Paradox และตอนนี้ผมได้รับรู้ถึงส่วน ส�ำคัญที่แตกต่างของสมองแล้ว” “เขาก็แค่ท�ำให้สิ่งที่ดูเข้าใจยาก เป็นสิ่งที่เข้าใจ


95

ได้ง่ายมากขึ้น และทุกวันนี้ผมเป็นคนที่อารมณ์เย็น มากขึน้ กว่าแต่กอ่ น นิง่ ขึน้ และผมคิดว่าผมนัน้ พัฒนา เป็นคนทีด่ ขี นึ้ เขานัน้ ช่วยผมได้ในแง่ของเกมฟุตบอล เช่นกัน,” การที่นักเตะอังกฤษเวลาเจอเวทีใหญ่ๆ มักจะ

ออกอาการล่ก หรือมักจะตื่นกันจนเล่นไม่ออก ไม่ สามารถเล่นได้ดีเหมือนอย่างที่ท�ำได้กับสโมสร และ บ่อยครั้งที่ออกอาการเหวอ กลัว เวลาที่จะต้องเตะ ดวลจุดโทษกับคู่แข่ง เพราะงั้นการที่ดึงตัว Dr. Steve Peters มาเป็นนักจิตวิทยาของทีม น่าจะเป็นอะไรที่ดี ส�ำหรับสิงโตค�ำรามในยุค Roy Hodgson September 2013 - The Reds


96

The Reds - September 2013


97

September 2013 - The Reds


98

The Reds - September 2013


99

September 2013 - The Reds


100

Jordan Henderson นั้นทุกวันนี้ได้กลาย เป็นนักเตะที่เรียกได้ว่า “key man” ที่ Liverpool ไปแล้ว และน่าที่จะท�ำแบบเดียวกันนี้ให้กับทีมชาติ อังกฤษได้เช่นกัน สองประตูที่เขาท�ำได้ และฟอร์มอันเรียกได้ว่า เป็น man of the match ในเกมที่โค่น Swansea City ได้แบบสุดระทึก ท�ำให้หลายๆ คนที่เคยก่นด่า Henderson หันมายกย่องและชื่นชมเขา ซึ่งก็ควรจะ ได้รับมานานแล้ว กองกลางรายนี้ได้กล่าวหลังเกมว่าผู้จัดการทีม อย่าง Brendan Rodgers ได้กระตุ้นให้เขาพยายาม ผลักดันเกมรุก และใช้ศักยภาพในการซุ่มซ้อมการยิง ประตูหลังการซ้อมทุกๆวันให้เป็นประโยชน์อย่างเต็ม ที่ และก็อย่างที่เห็นประตูที่เขาได้ในเกมนั้นมัน “ใช่ เลย” บางทีประตูที่สองในเกมนั้นอันเป็นประตูชัย น่า จะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความจริงที่ว่า Henderson ได้กลายเป็นนักเตะที่เป็นที่พึ่งพาและเป็นตัวหลักได้ที่ Anfield แล้ว - เขาได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่เรา ทุกๆ คนต่างต้องการที่จะเห็นจากกองกลางตัวรุก คอย สนับสนุนเกมรุก แสดงความปรารถนาและความ กระหายที่จะเข้าไปในเขตโทษเพื่อเก็บตกลูกที่คู่แข่ง เคลียร์ออกมา หรือที่เราเรียกกันว่า “ซ�้ำดาบสอง” สิ่งที่เป็นตัวชักน�ำ คือความกระหายและความ ปรารถนาในต�ำแหน่งกองกลาง ซึ่งน�ำไปสู่ฟอร์มที่ยอด เยี่ยม ซึ่งตรงนี้ท�ำให้แฟนบอลอดคิดไม่ได้ว่า มันช่าง เหมือนกับใครซักคนในรอบสิบปีให้หลัง ชายผู้นี้คือคนที่คุ้นชินกับบทบาท holding midfield ไปแล้วที่ Anfield แต่ก็ยังทุ่มเทให้กับทีม เพื่อไปสู่ชัยชนะในฐานะกัปตันที่แบกรับทีมได้ตลอด Steven Gerrard ตอนนี้คงก�ำลังมองดู Henderson วัย 23 ปี ด้วยความรู้สึกที่ดี ก็คงคล้ายๆ กับ Dietmar Hamann และ Gary McAllister ที่เคย มองดูเจ้าหนู Gerrard ท�ำอะไรคล้ายๆ กันนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว Henderson เติบโตขึ้นเป็นนักเตะที่มี่ประสิทธิภาพที่ Anfield, เปล่งประกายเต็มที่ในการบทบาท centre midfield ที่เขาเป็นธรมชาติมากกว่า แทนที่ The Reds - September 2013


101

September 2013 - The Reds


102

จะเป็น “แพะ” ของความสามารถในการเล่นได้สารพัด ต�ำแหน่งของเขา และความขยันของเขาเวลาที่ต้องไป เล่นทางกราบเพื่อรับผิดชอบ “งาน” ที่เขาได้รับการ ร้องขอมา จุดเปลี่ยนผันน่าจะมาจากการที่ตอนแรก เขาได้ รับไฟเขียวจาก Rodgers ให้ย้ายทีมได้เลย ในซัมเมอร์ แรกของผู้จัดการทีมคนนี้ จนมาถึงตอนนี้ได้เป็นตัวจริง มันทุกๆ เกมในเวที Premier League ฤดูกาลนี้ The Reds - September 2013

ความคล้ายคลึงกับ Gerrard ที่แรกเริ่มเป็น พลังผลักดันในห้องเครื่องของ Liverpool ตัว Henderson เอง ณ ตอนนี้เหมือนเป็นห้องเครื่อง ที่ท�ำให้ นาฬิกาที่ชื่อว่า Liverpool เดินต่อไปได้อย่างเป็น ระบบ Alex Ferguson เคยวิจารณ์เขาเสียๆ หายๆ มาก่อน แต่ตรงนี้ Henderson ได้ท�ำการตอกกลับ จนหงายเงิบด้วยการเล่นฟุตบอลให้เห็นในสนาม เอา


103

จริงๆ เลย ฟอร์มของ Hendo ดูจะพัฒนาขึ้นแบบก้าว กระโดดทันทีหลังจากที่โดน Ferguson วิจารณ์

หนังผลัดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็นใหม่ ในช่วง 18 เดือน ที่ Rodgers เข้ามาดูแลทีม

อดีตนักเตะ Sunderland รายนี้เป็นหนึ่งในนัก เตะที่ Anfield ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดกับการท�ำงาน ร่วมกับนักจิตวิทยาอย่าง Dr. Steve Peters และตรง นี้น่าจะเห็นได้ชัดเจนจากพลังใจที่แข็งแกร่งของเขา และแน่นอนที่สุด Henderson เหมือน ลอกเนื้อเถือ

หากเขายังคงพัฒนาตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง แบบนี้ อย่างที่เขาท�ำได้เช่นตอนนี้ Henderson นั้นท้ายที่สุดบางทีเด็กหนุ่มคนนี้อาจก้าวขึ้นมาเป็น กัปตันของ Liverpool และทีมชาติอังกฤษได้ ใคร จะไปรู้ September 2013 - The Reds


104

The Reds - September 2013


105

September 2013 - The Reds


106

สวัสดีแฟนๆ คอลัมน์ทุกคนครับ ด้วยผลงาน อันยอดเยี่ยมของทีมเรา ที่ชนะ 6 นัดล่าสุดในลีค ท�ำให้ทีมมีลุ้นแชมป์ขึ้นมาทันทีถึงแม้ลึกๆ แล้ว ตัว ผมเองจะหวังแค่พื้นที่ UCL ก็ตาม แต่ถ้าได้มากกว่า ที่หวังไว้ ล้วนเป็นผลก�ำไรจากการท�ำงานหนักของ ทุกคน จากฟอร์มของทีมและสถานการณ์ล่าสุด ท�ำให้ สามารถที่ จ ะจิ น ตนาการไปถึ ง ศึ ก บอลถ้ ว ยยุ โรปใน ฤดูกาลหน้าได้เหมือนกัน ดังนั้นฉบับนี้ผมจะมาพูดถึง ส่วนส�ำคัญส่วนหนึ่งของทีม เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ บอลยุโรปในฤดูกาลหน้า นั่นก็คือ ขุมก�ำลังส�ำรอง ขุ ม ก� ำ ลั ง ส� ำ รองที่ ผ มจะพู ด ถึ ง ในฉบั บ นี้ คื อ “Suso” ที่ปัจจุบันถูกยืมตัวไปอยู่กับ Almeria ใน La Liga ของ สเปนนั่นเอง ด้วยก�ำลังหลักในปัจจุบัน แผงกองกลาง บอกได้เหมือนกันว่ายังไม่สมบูรณ์สัก เท่าไหร่นัก และ หลายๆ นัด ถึงแม้จะเจอแค่คู่แข่งใน ลีค ที่ระดับต�่ำกว่าหรือ สูสีกัน ก็จะเกิดความแตกต่าง ให้เห็นขึ้นมาบ้าง แต่ทีมก็ยังประคองเอาตัวรอดใน สถานการณ์ที่พึ่งเกมส์รุกของคู่หู SAS มาได้ตลอด หากพูดถึงบอลถ้วยใหญ่สุดของยุโรป คือ UEFA Champions League ด้วยขุมก�ำลัง ณ ปัจจุบัน ยัง ไม่เพียงพอแน่นอนที่จะสู้กับทีมในลีคอื่นๆ ที่มีความ แข็ ง แกร่ ง และพร้ อ มไปด้ ว ยตั ว แทนที่ จ ะเล่ น กั น ได้ อย่างมีคุณภาพ ดังนั้น หากไม่หวังพึ่งแค่การเสริมทัพ ที่ต้องลุ้นข้างหน้าว่าจะได้ใคร ก็มีตัวนักเตะที่เราให้ทีม ต่างๆ ยืมไปนี่ละครับ ที่จะกลับมาเป็นก�ำลังเสริม หรือ ก�ำลังหลัก ของทีมเราในยามฉุกเฉินได้ อย่างที่ว่าไว้ ข้างต้น วันนี้ผมเลยจะมาพูดถึงผลงานของ “Suso” ในฤดูกาล 2013/2014 กับ Almeria กันครับ ลงเล่น 20 (6) นัด ท�ำได้ 2 ประตู และ ส่งให้ เพื่อนท�ำประตู 7 ครั้ง ถือว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมของ Suso เลย ทีเดียว แต่ข้อเสียของตัว Suso ที่ยังเหมือนเดิมก็ คือ เรื่อง ใบเหลือง ที่ยังโดนอยู่ในปริมาณค่อนข้าง The Reds - September 2013


107

September 2013 - The Reds


108

มาก ด้วยอายุที่ยังน้อยอยู่ ย่อมมีผลทางด้านควบคุม อารมณ์กันบ้างเป็นธรรมดา การส่งตัวนักเตะให้ทีม อื่นยืมไป นับว่าเป็นเรื่องดีที่จะได้สัมผัสเกมส์ และ ได้ พัฒนาทางด้านการควบคุมอารมณ์ให้ได้ดีมากขึ้น จากสถิติ 26 นัด เป็นนัดที่เล่นในบ้าน 12 (1) 13 นัด ท�ำได้ 1 ประตู และ ช่วยเพื่อนท�ำประตูได้ถึง The Reds - September 2013

4 ครั้ง และ โดนใบเหลืองแค่ 1 ใบ เท่านั้น จะเห็นได้ ว่าในการเป็นทีมเหย้า Suso ไม่ค่อยมีปัญหาที่จะโดน ลงโทษจาก ใบเหลือง หรือ ใบแดง มากนัก และได้รับ ความไว้วางใจให้เป็นตัวจริง ถึง 12 เกมส์ นอกบ้าน 8 (5) 13 นัด ใบเหลือง 7 ใบ ท�ำได้ 1 ประตู กับ ช่วยเพื่อนท�ำ


109

ประตูได้ 3 ครั้ง ในสถานการณ์ที่เป็นทีมเยือน จะเห็น ได้เลยว่า Suso ประสบปัญหาในการโดนใบเหลือง ค่อนข้างมาก ถึงแม้จะท�ำผลงานโดยรวมได้ค่อนข้าง ดี แต่ก็ท�ำให้สามารถมองเห็นได้ถึงจุดอ่อนจากการ ควบคุมอารมณ์ได้ จากต�ำแหน่งทั้งหมด 26 นัด จะเห็นว่า Suso

สามารถเล่นได้หลากหลายต�ำแหน่งทั้งสองฝั่ง ไม่ว่าจะ เป็น ปีกขวา ปีกซ้าย กองกลางฝั่งขวา หน้ากึ่งปีก และ กองหน้า 20 นัดที่ได้ลงเป็นตัวจริง ต�ำแหน่งที่ Suso เล่นบ่อยที่สุดคือ ปีกขวา และ ปีกซ้าย โดยแบ่งเป็น ปีกขวา 9 นัด ท�ำได้ 1 ประตู และ ช่วยท�ำ September 2013 - The Reds


110

ประตู 3 ครั้ง ปีกซ้าย 7 นัด ท�ำได้ 1 ประตู และ ช่วยท�ำ ประตู 2 ครั้ง ด้วยความที่เป็นคนถนัดเท้าซ้าย ท�ำให้ Suso มัก จะได้เล่นทางฝั่งขวาซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะสามารถ ท�ำประตู หรือ สร้างสรรค์โอกาสได้ ค่อนข้างมาก ไม่ว่า จะเล่นเป็น ปีกขวา หน้ากึ่งปีกขวา หรือ กองกลางฝั่ง ขวา ก็ตาม และจุดนี้ที่น่าจะเป็นจุดที่โดนใจ Rodgers เพราะบ่อยครั้งที่ Rodgers ชอบจับคนที่ถนัดเท้าซ้าย ไปเล่นฝั่งขวา หรือ คนถนัดเท้าขวาไปเล่นฝั่งซ้าย โดย หวังจะให้เกิดการสร้างโอกาสในการท�ำประตูได้มาก ขึ้น หากเทียบกับผลงานของ Coutinho ที่ลงเล่น ไปทั้งหมด 22 (3) 25 นัด ท�ำได้ 3 ประตู ช่วยเพื่อน ท�ำประตู 6 ครั้ง ใบเหลือง 1 ใบ ก็ถือได้ว่า Suso ท�ำ ผลงานได้ค่อนข้างดีและใกล้เคียงกับ Coutinho เลย ทีเดียวครับ เพียงแต่จะมีปัญหาทางด้านการควบคุม อารมณ์ที่มากกว่าเท่านั้น ท�ำให้ ฤดูกาลหน้า Suso สามารถที่จะเป็น Backup ที่ดี รวมไปถึง เป็นตัวหลักได้ในบางนัดเช่น กัน เรียกได้ว่าท�ำให้ทีมสามารถที่จะหมุนเวียนนักเตะ ได้อย่างไม่ล�ำบาก เพื่อที่จะจัดทีมให้รองรับกับการ แข่งขันมากมายที่จะเข้ามาในฤดูกาลหน้า และยังมี ปัญหาอาการบาดเจ็บที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีก ลุ้นให้ถึงฤดูกาลหน้าซะขนาดนี้แล้ว แต่ก่อน อื่นเราต้องมาลุ้นเป็นก�ำลังใจให้กับทีม ในอีก 8 เกมส์ ที่เหลือกันก่อน แบบ games by games กันก่อน ละกันนะครับ ให้ท�ำผลงานให้เต็มที่และดีที่สุด เพื่อ ให้พวกเราเหล่า The Kop ได้ ชุ่มฉ�่ำในหัวใจ กับ ต�ำแหน่งที่หลายๆ คน เริ่มคิดถึงกันแล้ว นั่นก็คือ …. “Barclays Premier League Champion” ที่อาจจะเป็นจริงขึ้นมาก็ได้ ใครจะไปรู้?? The Reds - September 2013


111

September 2013 - The Reds


112

The Reds - September 2013


113

September 2013 - The Reds


114

The Reds - September 2013


115

September 2013 - The Reds


116

การโค่น United ที่ Old Trafford นี่ดีกว่าเมื่อ ปี 2009 ถึงสองเท่า และน่าที่จะน�ำไปวิจารณ์รวมกับ ช่วงยุคโชติช่วงชัชวาลสมัย Shankly และ Paisley ได้เลย ตอนที่เดินทางกลับบ้าน จากสนาม White Hart Lane เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้ส่งข้อความ ไปหา Steven Gerrard เหมือนอย่างที่ผมท�ำมัน เสมอหลังเกมที่ Liverpool แข่ง เป็ น เรื่ อ งธรรมดาที่ ผ มจะถามเขาว่ า เขารู ้ สึ ก อย่างไรจากเกมนัดนั้นๆ หรือมุมมองต่อเกมอันเป็น ประเด็น แต่ครั้งนี้ การได้เห็น Liverpool “กระท�ำ ช�ำเรา” Manchester United ผมไม่จ�ำเป็นต้อง ถามอะไรแล้ว ผมเลยแค่ส่งข้อความไปว่า “มันดีกว่าปี 2009 ถึงสองเท่า” จากโทรศัพท์ของผม. ผมรู้ดีว่ามันเป็นความรู้สึกอย่างไรกับการที่ต้อง ไปเยือนถิ่น Old Trafford และชนะด้วยประตูที่ ต่างกัน 3 ประตู แต่ผมไม่สามารถบรรยายได้จริงๆกับ ความรู้สึกที่เห็นพวกเขาสอนเชิง United ในสนาม ของพวกเขาเองแบบบอลคนละชั้น และท�ำให้พวกเขา ต้องทุกข์ระทมในช่วง 10 นาทีท้ายด้วยการวิ่งไล่บอล แบบเล่นลิง ภายใต้เสียงแฟน Liverpool ที่กู่ก้องดัง สนั่นว่า ‘Ole!’ ประมาณว่าล่อวัวกระทิงด้วยผ้าแดง อะไรท�ำนองนั้น ตอนที่เราชนะไป 4-1 เมื่อมีนาคมปี 2009, สกอร์ตอนจบมันดูเวอร์ไปนิด ผมไม่ได้บอกว่าเราเล่นไม่ดีนะครับ เราเล่นกันได้ อย่างยอดเยี่ยม แต่เราต้องรับมือกับแรงกดดันแบบสุดๆ หลายต่อหลายครั้งจากคนอย่าง Cristiano Ronaldo และมาโล่งเอาตอนช่วง 13 นาทีสุดท้าย ที่ได้สองประตู หลังจากที่ Nemanja Vidic โดนไล่ออก ผมยังจ�ำได้ถึงการฉลองชัยไปรอบสนาม เราดีใจ มากๆ ที่เดินออกจากสนามด้วยการเป็นผู้ชนะ อะดรี นาลีนไหลหลั่งมากมาย ตอนนั้นเรายังตามหลัง United อยู่สี่แต้ม และ เล่นมากกว่าหนึ่งนัด เราหวังว่าจะสามารถคว้าแชมป์ ได้ แต่ ณ เวลานั้นพวกเขาก็ยังได้เปรียบอยู่ เกมเมือ่ วันอาทิตย์ทผี่ า่ นมาสถานการณ์มนั แตกต่าง กันสุดขั้ว United อาจจะดูเป็นทีมที่อ่อนด้อยกว่าทีม The Reds - September 2013


117

September 2013 - The Reds


118

The Reds - September 2013


119

ที่เราเคยชนะเมื่อห้าปีก่อน แต่ตรงนี้ไม่ได้ท�ำให้ Liverpool ดูมีคุณค่าน้อยลงจากสิ่งที่เราได้กระท�ำต่อพวก เขาในเกมนี้ เจตนาของทีมตอนนั้นตั้งแต่เริ่มเขี่ยลูก และ หากว่าจบเกมที่สกอร์ 6-0 ผมคงจะไม่รู้สึกแปลกใจ เลย. สิ่งที่เป็นปรากฎการณ์มากกว่าผลการแข่งขันก็ คือฟอร์มการเล่นซึ่งเราเคยเล่นได้ดีกว่า Manchester ที่ Etihad Stadium, บุกไปเยือน Stamford Bridge และ Emirates Stadium ณ ตอนนี้ไม่มีใคร กล้าที่จะดูแคลน Liverpool แล้ว Pellegrini, Mourinho และ Wenger จะ ต้องดูเกมสองเกมล่าสุดที่ Liverpool ไปเยือน ซึ่งก็ คือ United และ Southampton และคาดหวังว่า เต็มที่ก็ได้ 4 แต้มเท่านั้น แต่กลายเป็นว่ากลับมาด้วย 6 แต้มเต็ม ความมัน่ ใจ ก่อเกิดมากขึ้นมากมาย และน่าที่จะท�ำให้ Manuel Pellegrini, Jose Mourinho และ Arsene Wenger ได้ฉี่เหลืองกันไปตามๆ กัน เพราะยิ่งเข้าสู่ การช่วงชิงอย่างเต็มตัว Liverpool ยิ่งดูร้ายกาจยิ่งขึ้น ต้องนี้ต้องยกเครดิตให้กับ Brendan Rodgers ที่รับมือกับสถานการณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม สิ่งที่คุณได้ จาก Brendan คือสิ่งที่คุณเห็นด้วยสองตา ในบทสัมภาษณ์ของเขา เขาเน้นที่ขอบเขตทาง เทคนิค ไม่เคยตื่นเต้นจนเกินไป พยายามควบคุมเกม อยู่ในมือตลอด นั่นคือสิ่งที่คุณต้องการจากผู้จัดการทีม - มุ่งมั่น มีสมาธิ นิ่ง มีแผนการที่ชัดเจน ไม่หวั่นไหวในกลวิธี ของตนเอง เขาเป็นโค๊ชที่คิดในแง่ของการพัฒนา ไม่ยอม หยุดนิ่ง พยายามเรียกร้องพัฒนาการจากนักเตะของ เขาตลอดเวลา เป็นก�ำลังใจให้เสมอ และให้โอกาวพวก เขา เราได้รับรู้มาตลอดถึงความยากเย็นและปัญหา ในการเล่นในเกมฟุตบอลแบบสหราชอาณาจักร เราได้รับรู้ว่านักเตะนั้นไม่สามารถเล่นในแนว ทางทีถ่ กู ต้อง หรือรักษาการครองบอลไว้ได้ตลอด กระนัน้ ก็มีผู้จัดการทีมแห่งสหราชอาณาจักรที่หลุดพ้นจากข้อ September 2013 - The Reds


120

จ�ำกัดดังกล่าว และแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่นัก เตะดาวรุ่งจะสามารถเล่นในสไตล์และเทคนิคที่ยอด เยี่ยมได้ เขาได้รับสิ่งตอบแทนก็คือความคงเส้นคงวาใน ฟอร์มการเล่น และผลการแข่งขันที่น่าประทับใจ คุณ แค่ลองมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Jon Flanagan, Raheem Sterling และ Jordan Henderson คุณก็ จะรับรู้ว่านักเตะอายุน้อยเหล่านี้ กลายเป็นผู้ใหญ่มาก ขึ้นแบบเร็วจนไม่น่าเชื่อ Sterling ณ ตอนนี้ดูท่าจะได้ไปบอลโลกแน่ เขา รู้ว่าเขาจะใช้ความเร็วของเขาอย่างไร เขานั้นมีศักยภาพ ที่จะไปได้ด้วยสกิลล์ล้วนๆ ส�ำหรับ Flanagan ได้ผลัก ดันตัวเองให้มีลุ้นได้ขึ้นเครื่องบินไป Brazil ด้วยนะนั่น ทีมชาติอังกฤษนั้นเต็มไปด้วย full backs แต่ หากมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับ Glen Johnson หรือ Kyle Walker, Flanagan น่าจะถูกเรียกมาช่วย เขาเป็น มากกว่าใครซักคนที่แค่เข้าแท็คเกิ้ล เขาเป็นคนที่มี ความยืดหยุ่นในการเล่น สามารถเล่นได้หลายบทบาท ไปกับลุกบอลได้ดี และมีความมั่นใจที่เพิ่มพูนมากขึ้น สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดเกี่ยวกับ Brendan ก็คือ เขาเป็นคนที่ กล้าหาญ ผู้จัดการทีมไม่กล้าที่จะตัดสิน ใจอะไรที่เป็นประเด็น แต่ Brendan นั้นชัดเจน กล้า ได้กล้าเสีย เพียงไม่ถึงสัปดาห์ที่เขาได้งานที่ Liverpool เขาส่ง Andy Carroll, นักเตะค่าตัวสูงสุดใน สหราชอาณาจักร, ออกไปให้ West Ham ยืมตัว ไอ้ที่ เป็นประเด็นใหญ่สุดก็คือ Pepe Reina, เขาปล่อยไป ให้กับ Napoli การรับมือกับ Luis Suarez, ตรงนี้น่าประทับใจ, แม้ว่า Luis จะพยายามบีบให้เกิดการย้ายทีมขึ้น แต่ Brendan ไม่กลัวที่จะลงโทษเขา ดัดนิสัยเขา ปล่อย ให้ซ้อมคนเดียว หลังจากที่ดันผ่าไปพูดอะไรต่อมิอะไร ไม่เข้าท่าออกสื่อ Brendan ได้รับความไว้วางจากนักเตะของเขา และพวกเขาก็ตอบสนองในแง่บวกให้เห็น นีค่ อื การบริหาร คนที่ชัดเจนว่ามีประสิทธิภาพ เขาเป็นคนตรง และ ต้องการที่จะให้นักเตะพัฒนาตัวเอง เขาวางรากฐาน ความเคารพต่อสต๊าฟฟ์โค๊ชให้ชัดเจน แต่ก็แฝงความ เป็นกันเอง และความรัก ความสนิทสนมกันเป็นหมู่ The Reds - September 2013


121

September 2013 - The Reds


122

The Reds - September 2013


123

คณะของสต๊าฟฟ์โค๊ชและนักเตะในทีม Liverpool ตอนนี้โมเม็นตัมก�ำลังเข้าที่เข้าทาง และค�ำเยินยอที่ผมพอจะมอบให้กับ Brendan ได้ก็ คือเขาฟูมฟักให้ทีมๆ นี้อยู่ในสถานะที่ลุ้นแชมป์ได้เร็ว เกินคาด ; Gerard Houllier และ Rafa Benitez ต้องใช้เวลาสี่ฤดูกาลนั่นแหล่ะกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ หาก Liverpool ท�ำมันได้ ความส�ำเร็จนี้จะ เทียบเคียงได้กับ แชมป์ FA Cup ของ Bill Shankly ในปี 1965 หรือความส�ำเร็จในถ้วย European Cup ของ Bob Paisley ในปี 1977 และถึงแม้ว่า Liverpool จะคว้าแชมป์ลีคสูงสุดมาได้ 18 สมัยแล้ว แต่นี่ เหมือนเป็นครั้งแรกที่จะได้มัน มันมีความปรารถนา และความกระหายปรากฎให้เห็นอยู่ ค�ำถามก็คือพวกเขาจะท�ำได้หรือไม่? พวกเขา น่าจะมีอาวุธที่ “ใช่” ไว้ใช้สอยอยู่ Liverpool นั้นดู แกร่งในภาคส่วนที่คู่แข่งมีปัญหา ซึ่งน�ำไปสู่ค�ำถามว่า Chelsea จะเสียหายเพราะการขาดซึ่งดาวยิงระดับ top-class ในช่วงโค้งสุดท้ายแบบนี้หรือไม่? แนว รับของ Manchester City แกร่งพอหรือยัง? แล้ว Arsenal มีนักเตะที่ก้าวขึ้นมาสร้างผลงานในยามที่ จ�ำเป็นหรือไม่? มันจะต้องมีจุดพลิกจุดผันอีกมากมาย และ Liverpool เองก็ก�ำลังพยายามที่จะเตรียมตัวเองให้ พร้อมส�ำหรับบางสิ่งบางอย่างที่ไม่เข้าทางพวกเขาใน เส้นทาง ที่เรียกว่า “9 นัด” จากนี้ พวกเขาจะรับมือ กับแรงกดดันของสถานการณ์ได้หรือไม่ นี่จะเป็นบท ทดสอบที่ยิ่งใหญ่. ผมมั่นใจว่าเกมที่ Anfield สองเกม นัดที่เจอ กับ Chelsea และ City จะเป็นตัวก�ำหนดแชมป์กัน เลยในปีนี้ บรรยากาศที่ ดี ที่ สุ ด ที่ ผ มเคยเจอมาก็ คื อ ในปี 2005, ในศึก Champions League รอบ semi-final ตอนที่เราโค่น Chelsea 1-0, เป็นค�่ำคืนที่สนามสั่น สะเทือนยิ่งกว่าแผ่นดินไหว Liverpool จะสามารถ สร้างผลการแข่งขันและบรรยากาศที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 27 เมษยาน สร้างผลงานได้แบบเดียวกับที่เกิดขึ้น ที่ Old Trafford ได้หรือไม่ หากท�ำได้นี่จะเป็นการ ก้าวไปสู่อีกระดับหนึ่งทันที September 2013 - The Reds


124

อีกไม่กี่นัดแล้วซินะ บทสรุปก�ำลังจะมาถึง ยิ่งเดือนนี้มี 2 แมทช์ ใหญ่ ชี้ชะตา ยิ่งท�ำให้อยากเร่งวันเร่งคืนเพื่อให้ถึงวันนั้นเร็วๆ การพบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงสงกรานต์ กับการเปิดบ้าน ต้อนรับ เชลซี ตอนปลายเดือน น่าจะเป็น 2 แมทช์ที่บอกได้เลยว่า เรา จะถึง แชมป์ไหม เพราะโดยส่วนตัวหากเราสามารถเอาชนะ 2 แมทช์นี้ ได้ โอกาสแชมป์ อาจมีถึง 95 เปอร์เซนต์ อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้เสมอ หลังจากอลเวงฝุ่นตลบกันมาหลายอย่าง เริ่มจากตอนต้นฤดูที่ทั้งคึกคักจากการมีผู้เล่นหน้าใหม่เดินสู่รั้วแอนฟิลด์ ข่าวการย้าย ไม่ย้ายของซัวร์เรส จนถึง มกราคม ที่เราหานักเตะมาเสริม ทีมไม่ได้ซักราย คงไม่มี เดอะ คอป คนไหน ฝันว่าเราจะมาไกลขนาดนี้ มาก่อน ก็ไหนๆ กันมาขนาดนี้แล้ว จะฝันต่อกันไปถึง “แชมป์” คงไม่มี ใครห้ามได้ เพราะนี่อาจเป็นปีที่ใกล้เคียงอีกปีหนึ่งในรอบหลายปีเลยที เดียว ในบรรดากองเชียร์ทมี ฟุตบอลทัง้ หมด ดูเหมือนแฟนบอลของ ปิศาจ แดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดูออกอาการมากกว่าเพือ่ นหลังเห็น ลิเวอร์พลู โบยบินหัวตาราง หากเป็นถึง แชมป์ คาดว่า อาจมีหลายคนถึงกับกระอัก เลือดตาย อย่าเพิ่งรีบดิ้นกันนักเลย ใครจะรู้ พวกคุณอาจต้องดิ้นแบบนี้อีก หลายปี แล้ว 10 กว่าวัน พบกันใหม่ครับ การิน ธนะอมรทัต บรรณาธิการ

The Reds - September 2013


125

หากคุณพลาด ติดตามลิ้งค์ทุกฉบับ ได้ที่

September 2013 - The Reds


126

The Reds - September 2013


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.