Dec jan58

Page 1

- ปกหน้า -

“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

1


วารสารพัฒนาชุมชน

บทบรรณาธิการ “ พ บ กั บ ว า ร ส า ร พั ฒ น า ชุ ม ช น ฯ ประจํ า ฉบั บ เดื อ นธั น วาคม ๒๕๕๗ – มกราคม ๒๕๕๘ ที่ยังคงคอลัมน์ที่มาพร้อมคุณภาพเพื่อมอบ สิ่ ง ที่ ดี ที่ สุ ด แก่ ผู้ อ่ า น พบกั บ ความสุ ข จากคณะ ผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชนที่ขอส่งมอบความสุข แก่ ผู้ ติ ดตามวารสารพั ฒนาชุ มชน... ตามต่ อด้ ว ย คอลัมน์กถาพัฒนากร : “ระเบิดจากข้างใน (ตอนที่ ๑)” × หนึ่งวัน หนึ่งความคิด..×หัวโค้ง : หยุ ดอุ บัติ เหตุ หยุ ดเหยื่ อ...×รู้ ด้วยกั นงาน กจ. : ชีวิตและความสุข...×วาทะเด่น...สวั สดีปีแพะ... × ภาพกิจกรรมกรมการพัฒนาชุมชน...×ปิดท้าย ภาษาอาเซี ยนพื้ นฐานน่ ารู้ :ภาษาพม่ า(ตอนที่ ๓) พบกันใหม่ฉบับประจําเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม ๒๕๕๘ นะครับ...

ประจําเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ – มกราคม ๒๕๕๘ ประธานกรรมการอํานวยการ นายขวัญชัย วงศ์นิติกร ที่ปรึกษา นายมนตรี นาคสมบูรณ์ ผู้ช่วยบรรณาธิการ กองบรรณาธิการ

ฝ่ายภาพ

ทรงพล วิชัยขัทคะ บรรณาธิการ

กถาพัฒนากร

17

หนึ่งวัน หนึ่งความคิด

18

หัวโค้ง

19

รู้ด้วยกันงาน กจ.

22

วาทะเด่น

25

ภาพกิจกรรม

26

ภาษาอาเซียนพื้นฐานน่ารู้

31

ออกแบบปก ออกแบบรูปเล่ม/พิสูจน์อักษร

นายอรรถพร สิงหวิชัย นางสายพิรุณ น้อยศิริ นางรักใจ กาญจนะวีระ นางสาวชณัทสรณ์ โพธิปิ่น นายอดุลย์ เนียมบุญนํา นางสาวฉัตรประอร นิยม นายพัลลภ ตันจริยภรณ์ นายวรงค์ แสงเมือง นางสาวเยาวนิจ กลั่นนุรักษ์ นายสรฤทธ จันสุข นางสาวนวพร พิมพา นายสุทธิพร สมแก้ว นายพีระ คําศรีจันทร์ นางสาวยอดขวัญ ว่านเครือ นางสาวเปรมวดี มีสวัสดิ์ นายธนชล คูณสวัสดิ์ นายจรูญศักดิ์ เขียวสุคนธ์ นางสาวกฤติยา สวัสดิ์เมือง นางสาวศิริพร พรหมมา

กองประชาสัมพันธ์ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี ชั้น 5 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 โทร. 0 2141 6271, 0 2141 6328 โทรสาร 0 2143 8922 บทความหรือข้อเขียนในวารสารพัฒนาชุมชนเป็นความเห็นส่วนบุคคล กองบรรณาธิการไม่จําเป็นต้องเห็นด้วย และไม่ผูกพันกับกรมการพัฒนาชุมชนแต่อย่างใด

“ชุมชนเข้มแข็ง เศรษฐกิจฐานรากมั่นคง” กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย

“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

2


¾ÃaºÒ·ÊÁe´ç¨¾Ãae¨ ÒoÂÙË aÇ ÁÕ¾ÃaÃÒª´íÒÃaÊ æ´ »Ç§ª¹ªÒÇä·Âe¹ืèo§ã¹ÇÒÃa´i¶¢Õ ึé¹» ãËÁ ¾u·¸Èa¡ÃÒª 2558 Ç Ò »ÃaªÒª¹ªÒÇä·Â·aé§ËÅÒ ºa´¹Õé¶ึ§ÇÒÃa¨a¢ึé¹» ãËÁ ¢ Ò¾e¨ Ò¢oÊ §¤ÇÒÁ»ÃÒö¹Ò ´ÕÁÒoǾÃæ¡ · Ò¹·u¡¤¹ ãË ÁÕ¤ÇÒÁÊu¢¤ÇÒÁe¨Ãi­ «ึè§e» ¹Êi觷Õè·u¡¤¹»ÃÒÃÀ»ÃÒö¹Ò ã¹» ãËÁ ¹Õé ¢oãË »ÃaªÒª¹ªÒÇä·Âµaé§ã¨ãË e·Õè§µÃ§æ¹ Çæ¹ äÁ Ç Ò¨a·íÒ¡ÒÃÊiè§ã´ãË ¤i´ãË ´ÕãË Ãoº¤oºæÅaÃoº´ Ò¹ e¾ืèoãË ¡ÒáÃa·íÒ¹a鹺a§e¡i´¼Åe» ¹¤ÇÒÁÊu¢¤ÇÒÁe¨Ãi­·Õæè · ¨Ãi§æÅaÂaè§Âื¹ ·aé§æ¡ µ¹eo§æÅa»Ãae·ÈªÒµi ¢oo¹uÀÒ¾¤u³¾ÃaÃaµ¹µÃaÂæÅaÊiè§Èa¡´iÊì i·¸iì ¨§¤u Á¤Ão§Ãa¡ÉÒ· Ò¹·u¡¤¹ ãË ÁÕ¤ÇÒÁÊu¢ÊÇaÊ´Õ ¾Ã oÁ´ ǾÃoa¹e» ¹Á§¤Å·u¡»Ãa¡ÒÃÊÇaÊ´Õ» ãËÁ

¾ÃaºÒ·ÊÁe´ç¨¾Ãae¨ ÒoÂÙË aÇ ·Ã§¾Ãa¡Ãu³Òo»Ã´e¡Å ÒÏ ¾ÃaÃÒª·Ò¹ ¾ÃaÃÒª´íÒÃaÊ e¹ืèo§ã¹oo¡ÒÊÇa¹¢ึé¹» ãËÁ ¾u·¸Èa¡ÃÒª 2558 ãË ¤¹ä·Â¤i´Ãoº´ Ò¹ Ãoº¤oº e·Õ觵çæÅaÂaè§Âื¹ ¾Ã oÁ¾ÃaÃÒª·Ò¹ºaµÃoǾà Ê.¤.Ê. ¾u·¸Èa¡ÃÒª 2558 ¾ÃaÁËÒª¹¡ æ¡ »Ç§ª¹ªÒÇä·Â

“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

3


คําอํานวยพรปใหม ๒๕๕๘

“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

4


“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

5


“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

6


“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

7


ã¹ÇÒôi¶Õ¢ึé¹» ãËÁ ¢ooíÒ¹Ò¨Êiè§Èa¡´iìÊi·¸iì µÅo´¨¹¾ÃaºÒÃÁÕæË §¾ÃaºÒ·ÊÁe´ç¨¾Ãae¨ ÒoÂÙ ËaÇÏ æÅaÊÁe´ç¨¾Ãa¹Ò§e¨ Ò¾ÃaºÃÁÃÒªi¹Õ¹Ò¶ ä´ o»Ã´´Åºa¹´ÒÅ»Ãa·Ò¹¾Ã ãË ªÒǾa²¹ÒªuÁª¹æÅa·u¡· Ò¹µÅo´·a駤Ãoº¤ÃaÇ »ÃaÊ¾æµ ¤ÇÒÁÊu¢æÅaÊaÁÄ·¸iì¼Åã¹Êi觷Õè»ÃÒö¹Ò·u¡»Ãa¡ÒÃ

¢oº¤u³·u¡ æ · Ò¹ ÊíÒËÃaº¡íÒÅa§ã¨æÅaÁiµÃÀÒ¾·Õè´Õ æ ·ÕèÁÕãË ¡a¹æÅa¡a¹eÊÁoÁÒ¢oãË ºu­Ãa¡ÉÒ ¢oãË e·Ç´Ò¤u Á¤Ão§ ¢oãË »¡» o§¤u³¤ÇÒÁ´Õ ÁÕ¨iµeÁµµÒ ¾a²¹Òµ¹eo§ ¾a²¹ÒªÕÇiµ ¤i´´Õ ¾Ù´´Õ ·íÒ´Õ ÊÁ´aè§e» ¹¤¹¢o§ÃÒªÒ ¢ Ò¢o§æ¼ ¹´i¹ µÅo´ æ 令Ãaº

ã¹ÇÒÃa ´i¶Õ ¢ึé¹» ãËÁ ¢ooǪa ãË ¾Õè¹ o§ ¨§Êu¢Õ ãË ¾Ò¹¾º Êºæµ Êiè§´Õ´Õ µÅo´» µÅo´ä» ÁÕªaÂe·o­

“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

8


ã¹ÈuÀÇÒÃa´i¶Õ¢ึé¹» ãËÁ 2558 ¢oãË ¾Ç¡eÃÒªÒǾa²¹ÒªuÁª¹ æÅa¤Ãoº¤ÃaÇ ¨§»ÃaÊu¢ ¤ÇÒÁÊu¢ã¨ Êu¢ÀÒ¾æ¢ç§æç ÊaÁÄ·¸i¼Å ã¹Êiè§oa¹¾ึ§»ÃÒö¹Ò æÅae» ¹·ÕèÃa¡¢o§»ÃaªÒª¹µÅo´ä»

ã¹ÈuÀÇÒôi¶Õ¢ึé¹» ãËÁ ¢ooíÒ¹Ò¨¤u³¾ÃaÈÃÕÃaµ¹µÃa ¨§´Åºa¹´ÒÅãË · Ò¹æÅa¤Ãoº¤ÃaÇ ¾ºæµ ¤ÇÒÁÊu¢ ÊÁËÇa§ ã¹Êiè§oa¹¾ึ§»ÃÒö¹Ò·u¡»Ãa¡ÒÃ

¢ooÒÃÒ¸¹Ò¤u³¾ÃaÈÃÕÃaµ¹µÃa æÅaÊiè§Èa¡´iìÊi·¸iìã¹ÊÒ¡ÅoÅ¡ o»Ã´»Ãa·Ò¹¾Ã æÅa»¡» o§¤u Á¤Ão§ ãË ¾Õè¹ o§ ¾ª. æÅa¤Ãoº¤ÃaÇ ÁÕ¤ÇÒÁÊu¢ Êu¢ÀÒ¾æ¢ç§æç ¤ÅÒ´æ¤Å ÇÀaÂoa¹µÃÒ æÅaÊÁËÇa§ ã¹Êi觷Õè»ÃÒö¹Ò·u¡»Ãa¡ÒÃ

“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

9


ã¹oo¡ÒÊÇÒÃa´i¶Õ¢ึé¹» ãËÁ ¾.È.2558 ¢ooíÒ¹Ò¨¤u³¾ÃaÈÃÕÃaµ¹µÃa Êiè§Èa¡´iìÊi·¸iìã¹ÊÒ¡ÅoÅ¡ æÅaºÒÃÁÕ¢o§o§¤ ¾ÃaºÒ·ÊÁe´ç¨¾Ãae¨ ÒoÂÙ ËaÇ ÊÁe´ç¨¾Ãa¹Ò§e¨ Ò¾ÃaºÃÁÃÒªi¹Õ¹Ò¶ ¨§´Åºa¹´ÒÅ»Ãa·Ò¹¾Ã ãË ¾Õè¹ o§ªÒǾa²¹ÒªuÁª¹ æÅaÊÁÒªi¡ÇÒÃÊÒþa²¹ÒªuÁª¹ ¨§»ÃaÊºæ´ ¤ÇÒÁÊu¢ ¤ÇÒÁe¨Ãi­ ÁÕÊu¢ÀÒ¾·Õæè ¢ç§æç µÅo´ä»

¡ÃÒº¢o¾Ãoa¹»ÃaeÊÃi°ã¹eÅiÈËÅ Ò o»Ã´¹íÒ¾Ò¤ÇÒÁÊu¢¤ÇÒÁÊÁËÇa§ ãË ºa§e¡i´æ´ ¹ o§¾ÕèªaèǪÕÇa¹ ãË Êu¢Êa¹µ Êu¢¢Õ» ãËÁ ... eoÂ.

¢oãË » ãËÁ eµçÁä»´ ÇÂÊiè§´Õ æ æÅaÊ´ãÊ·u¡Ça¹ ¢oãË » 2015 e» ¹» ·Õè´ÕÊíÒËÃaº¤u³”

“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

10


» ãËÁ 2558 ¢o¤u³¾ÃaÈÃÕÃaµ¹µÃa oa¹»ÃaeÊÃi°Êu´ ¾ÃaºÒÃÁÕæË §o§¤ ¾ÃaºÒ·ÊÁe´ç¨¾Ãae¨ ÒoÂÙ ËaÇ oÕ¡·a駤u³¤ÇÒÁ´Õ ·ÕèªÒÇ ¾ª. ·u¡· Ò¹ä´ »Ãa¡oº¢ึé¹·u¡eÁç´ ´Åºa¹´ÒÅãË · Ò¹ æÅa¤Ãoº¤ÃaÇÁÕ¤ÇÒÁÊu¢¤ÇÒÁe¨Ãi­Âiè§ æ ¢ึé¹ ÊÁ»ÃÒö¹Ò ´aè§ã¨Áu § Êu¢ÀÒ¾æ¢ç§æç¤ a

¢oãË ¾Ç¡eÃÒªÒǾa²¹ÒªuÁª¹æÅa¤Ãoº¤ÃaÇ ÁÕ¤ÇÒÁÊu¢¡aº¡Ò÷íÒ§Ò¹·ÕèÊà ҧÊu¢ãË ¡aº¤¹ã¹ªuÁª¹ æÅaÊà ҧ¾Åa§ºu­ãË ¡aºµ¹eo§ µÅo´» ãËÁ 2558 æÅaµÅo´ä» ¤ a

¢oãË Êiè§Èa¡´iìÊi·¸iì·aé§ËÅÒ ¨§ÃÇÁ¡a¹ e» ¹¾Åa§ÊíÒ¤a­ã¹¡Òû¡» o§ ¤u Á¤Ão§ ãË ·u¡· Ò¹ÁÕæµ ¤ÇÒÁÊu¢ ¤ÇÒÁe¨Ãi­µÅo´ä»

“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

11


¢oãË »Åo´¨Ò¡oäÀaÂä¢ e¨çº·aé§ËÅÒ æÅaÁÕ¤ÇÒÁÊu¢ Ê´ªืè¹ ÊÁËÇa§´aè§ã¨¤i´ µÅo´» 2558 e·o­.

Êu¢ Ê´ªืè¹ ÊÁËÇa§ ´a§ã¨¤i´ µÅo´» 2558

¢o¾Åa§æË §¤u³§ÒÁ¤ÇÒÁ´Õ ·Õè¾Õè¹ o§ ¾ª. eÃÒä´ Ã ÇÁ¡a¹»Ãa¾Äµi»¯iºaµi Ê §¼ÅãË e¡i´æµ Êi觷Õè´Õ§ÒÁ¡aºªÕÇiµ ¤Ãoº¤ÃaÇ æÅa˹ Ò·Õè¡Òçҹ¢o§·u¡¤¹ µÅo´» 2558 æÅaµÅo´ä»

“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

12


ã¹ÇÒÃa¢ึé¹» ãËÁ eÇÕ¹ÁÒoÕ¡¤Ãaé§Ë¹ึè§ ¡Ãa¼Á¢ooíÒ¹Ò¨¤u³¾ÃaÈÃÕÃaµ¹µÃa ºu­ºÒÃÁÕ¢o§¾ÃaºÒ·ÊÁe´ç¨¾Ãae¨ ÒoÂÙ ËaÇ æÅa¾ÃaºÃÁǧÈÒ¹uÇ§È ÃÇÁ¶ึ§ºu­¡uÈÅ·Õè¢ ÒÃÒª¡ÒáÃÁ¡Òþa²¹ÒªuÁª¹ä´ »Ãa¾Äµi»¯iºaµi ¨§´Åºa¹´ÒÅãË ¢ ÒÃÒª¡Òà æÅaÅÙ¡¨ Ò§¢o§¡ÃÁ¡Òþa²¹ÒªuÁª¹·u¡¤¹ »ÃaÊºæµ ¤ÇÒÁÊu¢ ÊíÒeÃç¨ ÁÕÊu¢ÀҾà ҧ¡Ò·Õèæ¢ç§æç ÁÕ¤Ãoº¤ÃaÇ·Õèoºou ¹ ÁÕ¡íÒÅa§ã¨·Õèe¢ Áæ¢ç§ µÅo´» 2558 (นายทวีป บุตรโพธิ์) ผูอํานวยการสํานักสงเสริมภูมิปญญาทองถิ่นและวิสาหกิจชุมชน

Êu¢Êa¹µ Ça¹» ãËÁ oǾÃãË ·Ò¹Êu¢Êa¹µ æª Áªืè¹·u¡¤ื¹Ça¹ ÊÁ´a§¨iµ¤i´»ÃÒö¹Ò æÁ ÁÕÊÃþ¡i¨ ¨§ÊaÁÄ·¸iì´ Ç» ­­Ò ¾Ã oÁ¤u³¸ÃÃÁ ¡ oe¡i´¼Åæ¡ · Ò¹æÅa¤Ãoº¤ÃaÇe·o­. ÊÇaÊ´Õ» ãËÁ ¤ a

ÊÇaÊ´Õ» ãËÁ ¢ooíÒ¹ÇÂoǪaÂãË ·u¡· Ò¹ »ÃaÊºæµ ¤ÇÒÁÊu¢µÅo´» æÅaµÅo´ä»

“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

13


ÊÇaÊ´Õ» ãËÁ ãË Ãu §eÃืo§ ·ÕèËÁÒÂÁu §ÊÁÁÒ´»ÃÒö¹Ò ÃèíÒÃÇÂÁiµÃ¨iµe¡ÉÁe»ÃÁ»ÃÕ´Ò ¡i¨¡ ÒÇ˹ Ò»ÃÒ¡¯·Ãa¾Â ¹aº·ÇÕ (นายประมวล มุงมาตร) ผูอํานวยการสํานักพัฒนาทุนและองคกรการเงินชุมชน

¢oÊ §¤ÇÒÁÊu¢æ´ ·u¡· Ò¹ ¨§ÁÕÊu¢a ¾ÅÒ¹ÒÁa ÊÁÊu¢ÈÃÕ e¨Ãi­ÅÒÀÂÈeÅืèo§Åืoä¡Åã¹·ÇÕ æÅa¤Ãoº¤ÃaÇÊu¢¢ÕÁaè§ÁÕe¨Ãi­

¢oãË » 2558 e» ¹» ·Õè¤ÇÒÁ½ ¹·u¡o ҧ¡ÅÒÂe» ¹¤ÇÒÁ¨Ãi§ ¾º¤ÇÒÁÊíÒeÃç¨ ¾º¤ÇÒÁÊu¢·Õè· Ò¹»ÃÒö¹Ò㹪ÕÇiµ

“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

14


e¹ืèo§ã¹ÇÒÃa´i¶Õ¢ึé¹» ãËÁ 2558 ¢ooíÒ¹ÇÂãË ¾Õè¹ o§ªÒǾa²¹ÒªuÁª¹ æÅa¤Ãoº¤ÃaÇ ÁÕ¤ÇÒÁÊu¢ Êu¢ÀÒ¾´Õ µÅo´» æÅaµÅo´ä»¤Ãaº

¢oãË · Ò¹»ÃaÊºæµ ¤ÇÒÁÊu¢ ʹu¡¡aº¡Ò÷íÒ§Ò¹µÅo´» 2558 ¤Ãaº

ã¹ÇÒÃa´i¶Õ¢ึé¹» ãËÁ ¢ooíÒ¹Ò¨¤u³¾ÃaÈÃÕÃaµ¹µÃa æÅaÊiè§Èa¡´iìÊi·¸i·ì aé§ËÅÒÂ ä´ o»Ã´eÁµµÒ»Ãa·Ò¹¾Ã ãË ¼Ù o Ò¹ÇÒÃÊÒþa²¹ÒªuÁª¹·u¡· Ò¹ ÁÕÊu¢ÀҾà ҧ¡Ò¨iµã¨·Õèe¢ Áæ¢ç§ ÁÕ¤ÇÒÁe¨Ãi­¡ ÒÇ˹ Òã¹Ë¹ Ò·Õè¡Òçҹ ¤i´ËÇa§Êi§è ã´ ÊÁ¤ÇÒÁÁu §ÁҵûÃÒö¹Ò·u¡»Ãa¡ÒÃe·o­

“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

15


ÊÇaÊ´Õ» ãËÁ 2558 ËÇa§Êi§è ã´ ¢oãË ä´ ´a§·ÕèËÇa§ ¢o¾Åa§ã¨ ¡Ò oÂÙ¤ Ù eÊÁo ·u¡¡ ÒÇ ҧ ËÇa§Êi§è ã´ ÊÁã¨e¸o ÁÕ¤ÇÒÁÊu¢ ÊÁèíÒeÊÁo ·u¡Ça¹¤ื¹

¢ึé¹» ãËÁ » Êu¢ »ÃÕ e»ÃÁe¡ÉÁÊÁa ¢ooǪaÂÊu¢ÊÇaÊ´iì¾¾i a²¹ ¼Å Êiè§Èa¡´iìÊi·¸iìeÊ¡ÊÃþÃÁ§¤Å ºa¹´ÒÅ´ÅãË ¾Ã oÁ¾Ãaè§Âaè§Âื¹¹Ò¹

“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

16


Ãaeºi´¨Ò¡¢ Ò§ã¹

..“หัวหน้า” ..ฉันหันไปมองตามเสียง

(µo¹·Õè 1)

e´ç¡´o ÁÊ 76

.. “สวัสดีครับพ่อหลวง” ..ฉันยกมือไหว้ ก่อนจะเดินไปหาแกที่วันนี้แต่งเครื่องแบบผู้ใหญ่บ้านมาเต็มยศ แกยกมือไหว้ตอบ ก่อนเดินส่งยิ้มมาหาเช่นกัน .. “ผมมีเรื่องปรึกษาครับ”..แกบอกด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก .. “เรื่องอะไรครับ” ..ฉันถาม มองหน้าแกอย่างสงสัย .. “มีหนังสือร้องเรียนผมกับคณะกรรมการหมู่บ้านชุดปัจจุบันนี่แหละครับ ปลัดอําเภอเพิ่งส่ง สําเนาหนังสือให้เมื่อครู่นี้เอง”..แกบอก .. “อ้าว ?? คราวที่แล้วก็ร้องเรียนไปแล้ว ผมเป็นคณะกรรมการสอบด้วย ส่งเรื่องกลับไปให้จังหวัดแล้วนี่ครับ”.. ฉันย้อนถามแก .. “คราวนี้ เรื่องใหม่ครับหัวหน้า แล้วครั้งนีม้ ีชื่อหัวหน้าโดนร้องเรียนด้วย เขาหาว่าเจ้าหน้าที่เป็นคนยุยงครับ คราวนี้ ร้องไปศูนย์ดํารงธรรมครับ” ..แกบอกด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก .. “อ้าวเหรอครับ” ..ฉันถามด้วยอาการปกติ .. “ผมกลัวหัวหน้าจะเดือดร้อนไปด้วยน่ะสิครับ” ...แกบอก .. “ไม่เป็นไรครับพ่อหลวง ท่านอย่าคิดอะไรมาก ขอบคุณที่พ่อหลวงเป็นห่วงนะครับ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เราทํางาน ด้วยกัน แล้วเขาร้องเรียน ปล่อยเขาเถอะ คราวที่แล้วโดนตั้ง 25 ข้อ ยังรอดเลย” ..ฉันบอกให้แกสบายใจ ก่อนที่จะจับมือกันเดินลงไปหอประชุมอําเภอ เนื่องจากวันนี้เป็นวันประชุมกํานัน ผู้ใหญ่บ้านประจําเดือน เสียงทักทาย ไตร่ถาม ทั้งเรื่องงาน ทั้งเรื่องส่วนตัวด้วยความคุ้นเคยเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกันดังอยู่ไม่ขาดระยะ .. “พ่อหลวงอย่ากังวลใจไปเลยครับ เรื่องนี้ผมว่าไม่น่าห่วงหรอก เพราะทั้งหมดที่เราทํา นายอําเภอกับหัวหน้าผมแก รับรู้ทุกระยะเพราะผมทําบันทึกเสนอทุกครัง้ ที่ประชุมกลับมา มีสําเนาบันทึกการประชุม มีภาพถ่าย ที่เราทํางานกันมา พ่อหลวงไม่ต้องคิดมาก ถ้าผมจะโดนสอบด้วยก็ดีครับ จะได้เป็นตัวอย่างให้คนอื่นๆ รู้ว่า ทํางาน เต็มที่แล้วโดนสอบแบบนี้ คนอื่นเขาจะได้ระวังตัว” ..ฉันบอกแกยิ้มๆ ก่อนจะยกมือไหว้ขอตัวไปชี้แจงข้อราชการ ตามวาระการประชุมที่กําลังจะเริ่ม >>ติดตามตอนต่อไป... ****************** “วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

17


247.Always find your team s potentiality, then develop them.

¤ ¹ËÒÈa¡ÂÀÒ¾¢o§·ÕÁ§Ò¹oÂÙe ÊÁo æŠǾa²¹Ò¾Ç¡e¢Ò ·ÕÁ§Ò¹ÁÕÊ Ç¹ÊíÒ¤a­·íÒãË §Ò¹»Ãaʺ¼ÅÊíÒeÃç¨ËÃืoºÃÃÅue» ÒËÁÒÂo ҧÁÕ»ÃaÊi·¸iÀÒ¾ ¼Ù ¹íÒ¨ึ§µ o§¤ ¹ËÒÈa¡ÂÀÒ¾¢o§·ÕÁ§Ò¹oÂÙe ÊÁo æŠǾa²¹Ò¾Ç¡e¢ÒãË ÁÕÈa¡ÂÀÒ¾ÁÒ¡Âi觢ึé¹ ÊÁÒªi¡·ÕÁ§Ò¹æµ Åa¤¹ÁÕÈ¡a ÂÀҾ浡µ Ò§¡a¹ä» ¼Ù ¹íÒµ o§¤ ¹ËÒãË ¾º e¾ืoè ¨aä´ ¾a²¹Ò Èa¡ÂÀÒ¾ã¹æµ Åa´ Ò¹¢o§ÊÁÒªi¡ æÅaÁoºËÁÒ§ҹµÒÁÈa¡ÂÀÒ¾¢o§æµ Åa¤¹ ä´ ¶¡Ù µ o§ eËÁÒaÊÁ oa¹¨aÊ §¼Åµ oo§¤ ¡Ãã¹ÀÒ¾ÃÇÁ ËÒ¡·u¡o§¤ ¡Ã ¼Ù ¹íÒÊÒÁÒö¤ ¹ËÒÈa¡ÂÀÒ¾¢o§·ÕÁ§Ò¹ä´ æÅa¾a²¹Ò¾Ç¡e¢Ò o ҧµ oe¹ืoè § ¨a·íÒãË ·ÕÁ§Ò¹ä´ 㪠Èa¡ÂÀÒ¾o ҧeµçÁ·Õè »Ãae·ÈªÒµi¡¨ç ae¨Ãi­Ãu §eÃืo§eËÁืo¹¡aº»Ãae·È¾a²¹Ò ·aé§ËÅÒÂã¹oÅ¡¹Õé

248.Everyone has different life s experiences.

¤¹·u¡¤¹ÁÕ»Ãaʺ¡Òó ªÕǵi 浡µ Ò§¡a¹ ¤¹·u¡¤¹ÁÕ»Ãaʺ¡Òó ªÇÕ iµæµ¡µ Ò§¡a¹ ËÒ¡¹íÒ»Ãaʺ¡Òó ¢o§æµ Åa¤¹ÁÒæÅ¡e»ÅÕè¹ eÃÕ¹ÃÙà ÇÁ¡a¹ ¨a·íÒãË ªuÁª¹e» ¹ªuÁª¹æË §¡ÒÃeÃÕ¹ÃÙ æÅae¡i´¡Òþa²¹Òo ҧµ oe¹ืoè § 㹪uÁª¹ÁÕ¤¹ÁÒ¡ÁÒÂ æµ Åa¤¹¨aÁÕoÒªÕ¾ËÅÒ¡ËÅÒÂæÅaÁÕ»Ãaʺ¡Òó ªÕÇiµæµ¡µ Ò§¡a¹ä» æÁ æµ ¤¹·ÕèÁoÕ ÒªÕ¾e´ÕÂÇ¡a¹¡çoÒ¨ÁÕ»Ãaʺ¡Òó ªÕÇiµµ Ò§¡a¹ eÃÒ¨ึ§¤ÇÃÁÕ¡ÒÃæÅ¡e»ÅÕè¹eÃÕ¹ÃÙ Ã ÇÁ¡a¹o ҧ ÊÁèíÒeÊÁo e¾ืoè ¨aä´ ¹íÒ»Ãaʺ¡Òó ´Õæ ÁÒ㪠·íÒãË Ê§iè ´Õæ e¡i´¢ึé¹ã¹ªuÁª¹o ҧ¤Ò´äÁ ¶ึ§ ËÒ¡¤¹ã¹ªuÁª¹ÁÕ¡ÒùíÒ»Ãaʺ¡Òó ªÇÕ iµ¢o§æµ Åa¤¹ÁÒæÅ¡e»ÅÕè¹eÃÕ¹ÃÙ Ã ÇÁ¡a¹ÁÒ¡¢ึ¹é ¨a·íÒãË ªuÁª¹e¡i´¡ÒÃe»ÅÕè¹æ»Å§ã¹·Ò§·Õè´Õ¢ึé¹ e¾ÃÒa»Ãaʺ¡Òó ªÕÇiµ¢o§æµ Åa¤¹ÁÕ¤u³¤ ÒÁËÒÈÒÅ ÊÒÁÒö¹íÒÁÒe» ¹º·eÃÕ¹æÅa㪠»Ãaoª¹ ä´ o ҧÁÒ¡ÁÒÂ

*****************************************************************************************************************************

ขอขอบคุณ Mr.Kim Robertson และ Mrs.Mary Robertson, Missionaries ชาวนิวซีแลนด ประจําจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ใหขอคิดและคําแนะนําที่เปนประโยชนในการเขียนบทความครั้งนี้เปนอยางดียิ่ง (อานตอฉบับหนา)

“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

18


“หยุดอุบัติเหตุหยุดเหยื่อ”

หลายท่านอาจสงสัยว่า ทําไม คอลัมน์ “หัวโค้ง” มีบทความเกี่ยวกับการใช้รถใช้ถนนบ่อยๆ ท่านลองคิดดูว่า ในแต่ละวันเราต้องใช้เวลาในการเดินทางด้วยพาหนะที่เรียกว่า “รถ...” รถอะไรก็แล้วแต่ละท่านจะใช้กันมีตั้งแต่ รถจักรยาน รถมอเตอร์ไซค์ รถส่วนตัวรถรับจ้าง รถเมล์ รถเพื่อน.... ซึ่งรถต้องใช้ถนนในการเดินทางทั้งนั้น และในแต่ละวัน ปกติจะมีสองรอบ คือเช้าไป-เย็นกลับ ใช้เวลาเล็กน้อยจนถึงนานมาก แล้วแต่สภาพของรถและสภาพการจราจร การเดินทางมีบทบาทสําคัญของทุกชีวิตในแต่ละวันและของทุกคน เนื่องจาก หลายคนอาจไปไม่ถึงที่ทํางาน ไม่ ถึ ง โรงเรี ย น หรื อ กลั บ ไม่ ถึ ง บ้ า น ซึ่ ง ผู้ เ ขี ย นคอลั ม น์ นี้ ใช้ ชี วิ ต และเวลาในการเดิ น ทาง(ขั บ เอง)บนท้ อ งถนน มาตั้ ง แต่ ปี พ.ศ.2516 หรือ 2517 ไม่แน่ใจ ด้วยรถมอเตอร์ไซด์บ้างรถสี่ล้อบ้าง จําได้แต่ว่าตั้งแต่ยังไม่มีใบขับขี่ ได้เห็นหลายชีวิตที่เดินทาง โดยรถหลายประเภท ไปไม่ถึงที่ทํางาน ไม่ถึงโรงเรียน กลับไม่ถึงบ้าน ไปทําบุญแต่ไม่ถึงวัด ไปเที่ยวตามฝันแต่ไม่ถึงฝัน เพราะเกิด อุบัติเหตุทางรถ.. หรืออุบัติเหตุจราจร บาดเจ็บเล็กน้อยบ้าง สาหัสบ้าง พิการบ้าง หรือบางรายเสียชีวิต ซึ่งภาษาไทยเรียกกันว่า “ไปที่ชอบ” แต่ถ้าคนเหล่านั้นมีโอกาสได้พูด คงพูดว่า “ไม่ใช่ที่ชอบที่เขาอยากไป” ช่วงเทศกาลวันหยุดในแต่ละปี มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากมาย จนถือเป็นสถิติที่ไม่มีใครอยากทําลาย โดยเฉพาะ ช่วงวันหยุดปีใหม่ วันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นวันหยุดยาวของทุกปี มักจะเกิดอุบัติและมีผู้บาดเจ็บจนถึงเสียชีวิตเป็นจํานวน มาก จนรัฐบาลที่กําลังบริหารประเทศอยู่ทุกรัฐบาล พยายามหามาตรการต่างๆ เพื่อไม่ให้มีการทําลายสถิติเกิดขึ้น สาเหตุหลัก ของการเกิดอุบัติเหตุ คือ “เมาแล้วขับ” จนปัจจุบัน มีมาตรการห้ามขายสุราในช่วงวันหยุดดังกล่าว ก็ตามยังไม่สามารถแก้ไข ปัญหานี้ได้ เพราะคนชอบดื่มก็จะซื้อตุนไว้ก่อนจะห้ามขาย และก็เมาเหมือนเดิมโดยเฉพาะคนขับ ถึงแม้จะมีการเพิ่มโทษทาง กฎหมายให้หนักขึ้นก็ตาม ถ้าเมาแล้วขับจนเกิดอุบัติเหตุจนตนเองบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเอง คงไม่มีใครเดือดร้อน แต่ถ้าเมาแล้วขับ และเมื่อเกิดอุบัติเหตุจนทําให้ผู้อื่นบาดเจ็บ พิการหรือตาย อย่างนี้ จะแก้ไขกันอย่างไร คนที่ตกเป็นเหยื่อจะเป็นอย่างไร ไทย สูญเสียจากอุบัติเหตุ เป็นลําดับ 3 ของโลก แต่ละปีมีคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุประมาณ 15,000 คน เท่ากับทุกวันจะมี ผู้เสียชีวิตไปถึง 41 คน ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะประเทศไทย แต่มีอยู่ทั่วโลก องค์การอนามัยโลก (WHO) ในแต่ละปีมีประชาชนทั่วโลก 1.3 ล้านคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนและ อีกประมาณ 50 ล้านคนได้รับบาดเจ็บ นั่นหมายถึงความสูญเสียมหาศาล คาดการณ์ว่าช่วงเวลาครึ่งแรกของศตวรรษที่ 21 จะมีผู้เสียชีวิต 75 ล้านคนและผู้บาดเจ็บ 750 ล้านคนจากอุบัติเหตุทางถนน สิ่งสําคัญที่พบว่าเป็นสาเหตุหลักที่ทําให้เกิดอุบัติเหตุมีหลักฐานเชิงประจักษ์อย่างชัดเจน ว่าหากปฏิบัติตามก็จะ สามารถลดการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการปฏิบัติตามกฎหมาย คือ การใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกําหนด เมาไม่ขับ ง่วงไม่ขับ ไม่ใช้โทรศัพท์ไม่ว่าแซทหรือคุยหรือเล่นเกมส์ขณะขับรถ คาดเข็มขัดนิรภัย สวมหมวกนิรภัยทุกครั้งที่ขับขี่ ทั้งหมดนี้คือหลักการเบื้องต้นง่ายๆ ที่ผู้ใช้รถใช้ถนนต้องปฏิบัติแต่ปัจจุบันที่อุบัติเหตุยังเกิดขึ้นจํานวนมากเพราะกฎเหล่านี้ ถูกฝ่าฝืน เมื่อรวมกับปริมาณการใช้รถใช้ถนนที่เพิ่มขึ้นทําให้ปริมารการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง “วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

19


สถานการณ์ของประเทศไทย ถือว่าน่าเป็นห่วงเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มการเกิดอุบัติเหตุที่เริ่มคงที่การลดลง เป็นไปอย่างช้า เหตุเพราะมาตรการที่มีอยู่เป็นมาตรการเดิมๆที่ยังไม่ได้ยกระดับให้เข้มข้นขึ้นให้เหมาะสมกับสภาพสังคมที่ เปลี่ยนแปลงไป จากการสํารวจอัตราการสวมหมวกกันน็อคของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในประเทศไทย ประจําปี 2556 พบว่า การสวมหมวกกันน็อคของประชาชน ไม่ถึงร้อยละ 50 ทั้งที่การสวมหมวกกันน็อคถือเป็นกฎหมายและเป็นสิ่งสําคัญที่จะช่วย ลดการบาดเจ็บและเสียชีวิต ผู้ขับขี่ในเมืองและนอกเมืองยังมีอัตราการใช้หมวกกันน็อคที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด คือ ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ในเขตเมืองใหญ่ สวมหมวกคิดเป็น 72% เขตเมืองรอง สวมหมวก 46% ส่วนเขตชุมชนชนบท มีการสวมหมวกเพียง 29 % ซึ่งการเกิดอุ บัติเหตุนอกเมื องก็ ไม่ได้ น้อยกว่าในเมื องแต่อย่างใด ที่น่ าเป็นห่วง คื อเด็กที่ซ้อนท้ายหรื อนั่งด้ านหน้าผู้ขับขี่ รถจักรยานยนต์ สวมหมวกกันน็อค เพียง 7% เท่านั้น เมื่อศึกษาวิจัยพฤติกรรมการสวมหมวกกันน็อคของผู้ใช้รถจักรยายนต์พบสาเหตุและแนวโน้มของผู้ใช้ รถจักรยานยนต์ ที่จะไม่สวมหมวกกันน็อค เนื่องจาก Ø รู้สึกไม่มคี วามเสี่ยงที่จะถูกตรวจจับ Ø ไม่ค่อยพบเห็นจุดตรวจ/ด่านตรวจ แต่ถึงทราบเวลาและจุดตรวจก็หลบเลี่ยง Ø ไม่รูว่าหากผู้โดยสารไม่สวมหมวกนิรภัย “ผิดกฎหมาย” Ø รู้สึกว่าตํารวจไม่กวดขันจับกุมอย่างเข้มงวด Ø ซื้อหมวกกันน็อคใบเล็กให้เด็กใส่ เดี๋ยวก็โตใส่ไม่ได้ “เสียดาย” แปลความได้ว่า หลายคนยังห่วงการทําผิดกฎหมายในแง่จะถูกลงโทษมากกว่าห่วงความปลอดภัยของตนเอง และคนที่ตัวเองรัก อุบัติเหตุทุกๆ 10 ครั้ง จะมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 8 ราย ถ้าใช้ความเร็วเกิน กําหนด ยิ่งเร็วก็ยิ่งหยุดยาก ถ้าเพิ่มความเร็วจาก 32 กม.ต่อชั่วโมง เป็น 112 กม.ต่อชั่วโมง หรือ 3.5 เท่า จะต้องใช้ระยะทางในการ หยุดรถเพิ่มขึ้นถึง 8 เท่า ความเร็วที่เพิ่มทุก 10% จะเพิ่มแรงปะทะ 21 % และเพิ่มความรุนแรงของอุบัติเหตุถึงขั้นเสียชีวิตถึง 46 % ความเร็วในการใช้รถใช้ถนนจะถูกจํากัดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 โดยรถยนต์และรถจักรยายนต์ เฉลี่ยอยู่ที่ในเมือง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกเมือง 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือสามารถสังเกตได้จากป้ายสัญลักษณ์เพราะในบางสถานที่อาจจํากัดความเร็ว ต่ํากว่าปกติ เช่น พื้นที่โรงเรียน เขตชุมชน เป็นต้น อีกสาเหตุสําคัญของอุบัติเหตุ ในแต่ละปีทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากการดื่มสุรา 3.3 ล้านคน

“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

20


การดื่มจะทําให้ระบบประสาทและกล้ามเนื้อทํางานช้าลง เพราะแอลกอฮอล์ออกฤทธิ์ต่อสมองส่งผลต่อระบบ ประสาทโดยตรง ทําให้สูญเสียด้านการทรงตัว การมองเห็น สมาธิความจํา ทําให้คนที่ดื่มแล้วนั่งหลังพวงมาลัยหรือขึ้น คร่อมเบาะรถจักรยานยนต์ สามารถสร้างอันตรายกับตัวเองและผู้อื่นได้ทันที กฎหมายกําหนดว่าผู้ที่มีระดับ แอลกอฮอล์ในเลือดมากกว่า 50 มิลิกรัม เปอร์เซ็นต์ จะถือว่า เป็นผู้ที่เมาแล้วขับขี่ และจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้วว่า สาเหตุของอุบัติเหตุในไทยมักเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลฉลองที่มีวันหยุดยาวซึ่งคนไทยมักนิยมดื่มเครื่องดองของเมาจน เป็นนิสัยว่า “ไม่เมาไม่สนุก งานฉลองต้องเมา ” ดังนั้นหากท่านทั้งหลายที่ทําหน้าที่ควบคุมยานพาหนะใช้เครื่องยนต์และมีล้อ มีสติ ไม่ดื่มสุรา นอกจากนี้ การปฏิบัติตามกฎจราจร เช่น ไม่ฝ่าไฟแดง ไม่ฝ่าฝืนป้ายสัญลักษณ์จราจร ไม่แซงที่คับขัน หรือเปิดสัญญาณไฟเสมอ สิ่งเหล่านี้จะช่วยลดอุบัติเหตุลงได้อย่างมาก - อันตรายจากอุบัติเหตุส่วนใหญ่จะเกิดกับรถจักรยานยนต์ คนขับ-คนซ้อน ที่ไม่สวมหมวกนิรภัย - สาเหตุที่เกิดอุบัติเหตุอันดับ 1 มาจาก “เมาแล้วขับ” และการใช้ความเร็วเกินกําหนด - อุบัติเหตุส่วนใหญ่จะเกิดบนทางหลวงแผ่นดิน รองลงมา คือ ถนนหมู่บ้าน อบต. - ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ ช่วงเวลาเย็น(ใกล้ค่ํา) 16.00 - 20 .00 น. - ช่วงอายุที่เกิดอุบัติเหตุมาก คือ ช่วงวัยแรงงาน และเป็นคนในพื้นที่ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มีข้อบัญญัติในการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัยสําหรับผู้ที่เป็น ผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างถูกต้อง อย่างถูกกฎหมาย บทบัญญัติใน พ.ร.บ.ดังกล่าว ไม่ได้มีไว้ให้เจ้าหน้าที่......ใช้สําหรับหาช่องทาง เพิ่มรายได้พิเศษ หากเราปฏิบัติถูกต้องตาม พ.ร.บ.นี้ เจ้าหน้าที่......ก็จะหมดทางหากิน และไม่เกิดอุบัติเหตุ เมื่อไม่เกิด อุบัติเหตุก็ไม่มี “เหยื่อ” ร่วมมือกัน เมาไม่ขับ ขับไม่เมา ขับไม่โทร ปฏิบัติตามกฎจราจร จะได้ไปที่ๆที่เราชอบจริงๆ และ อยากไปจริงๆ

ขอบคุณข้อมูลดีๆมีประโยชน์ จาก จดหมายข่าวชุมชนคนรักสุขภาพ ปีที่ 10 ฉบับที่ 157 พ.ย.2557 ของ สสส.

พบกันใหม่ฉบับหน้า สวัสดี...

“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

21


“ชีวิตและความสุข” สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่เคารพรักทุกท่าน ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นี้ผู้เขียนขอนําธรรมะดีๆ ที่ตัดตอนมาจาก หนังสือคู่มือชีวิตของท่านพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) มาเสนอท่านผู้อ่านเพื่อเป็นข้อคิดพิจารณาในการดําเนินชีวิตให้มี ความสุขอย่างยั่งยืน และขอส่งความปรารถนาดีมายังทุกท่านให้มีความพรั่งพร้อมทั้งพลังใจ พลังสติ พลังความเพียร และพลัง ปัญญาที่เข้มแข็ง สามารถนําพาชีวิตและครอบครัวไปสู่เป้าหมายที่ดีงามสมความตั้งใจทุกประการทุกท่านครับ ● ฝึกตนยิ่งขึ้นไป ดําเนินชีวิตให้ถูก ความสุขยิ่งเพิ่มพูน ความสุขขั้นที่ 1 คือความสุขจากการเสพวัตถุ หรือสิ่งบํารุงบําเรอภายนอกที่นํามาปรนเปรอ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ของเรา ข้อนี้เป็นความสุขสามัญที่ทุกคนในโลกปรารถนากันมาก ความสุขประเภทนี้ขึ้นต่อสิ่งภายนอก เพราะว่าเป็นวัตถุหรือ อามิสภายนอก เมื่อเป็นสิ่งภายนอก อยู่นอกตัว ก็ต้องหา ต้องเอา เพราะฉะนั้นสภาพจิตของคนที่หาความสุขประเภทนี้จึงเต็มไป ด้วยความคิดที่จะได้จะเอา แล้วก็ต้องหาและดิ้นรนทะยานไป เมื่อได้มาก ก็มีความสุขมาก แล้วก็เพลิดเพลินไปกับความสุข เหล่านั้น พอได้มากๆ เข้า ต่อมาก็นึกว่าตัวเองเก่งมากๆ ไปๆ มาๆ โดยไม่รู้ตัว ก็มีภาวะอย่างหนึ่งเกิดขึ้น คือชีวิตและความสุข ของตัวเองต้องไปขึ้นกับวัตถุเหล่านั้น อยู่ลําพังง่ายๆ อย่างเก่าไม่สุขเสียแล้ว ตอนที่เกิดมาใหม่ๆ นี้ ไม่ต้องมีอะไรมากก็พอจะมี ความสุขได้ ต่อมามีวัตถุมาก เสพมาก ทีนี้ขาดวัตถุเหล่านั้นไม่ได้เสียแล้ว กลายเป็นว่าสูญเสียอิสรภาพ ชีวิตและความสุขต้องไป ขึ้นกับวัตถุภายนอก แต่เข้าใจผิดว่าตัวเองเก่ง อันนี้เป็นข้อสําคัญที่คนเราหลงลืมไป ทางธรรมจึงเตือนไว้เสนอว่าเราอย่าสูญเสีย อิสรภาพนี้ไป พร้อมทั้งอย่าสูญเสียความสามารถที่จะเป็นสุข สิ่งที่คนเราพัฒนากันมากก็คือ การพัฒนาความสามารถที่จะหาสิ่งเสพมาบําเรอความสุข แม้แต่การศึกษา ทําไปทํา มาก็ ไ ม่ รู้ ตั ว ว่ า กลายเป็ น การพั ฒ นาความสามารถที่ จ ะหาสิ่ ง เสพบํ า เรอความสุ ข แต่ อี ก ด้ า นหนึ่ ง ที่ ลื ม ไปคื อ การพั ฒ นา ความสามารถที่จะมีความสุข... อาการของคนที่สูญเสียความสามารถที่จะมีความสุขก็คือ ยิ่งอยู่ในโลกนานไปก็ยิ่งกลายเป็นคนที่ สุขยากขึ้น.. ต่างจากคนที่รักษาดุลยภาพของชีวิตไว้ได้ โดยพัฒนาความสามารถที่จะมีความสุขควบคู่ไปด้วย จะเป็นคนที่มี ลักษณะตรงข้ามคือยิ่งอยู่ในโลกนานไป ก็ยิ่งเป็นคนที่สุขได้ง่ายขึ้น ถ้าเป็นคนที่สุขได้ง่ายขึ้น ก็ดี 2 ชั้น คือ เราพัฒนาสองด้านไป พร้อมกัน ทั้งพัฒนาความสามารถที่จะหาสิ่งเสพบําเรอความสุขด้วยและพัฒนาความสามารถที่จะมีความสุขด้วย ผลก็คือเราหาสิ่ง มาบําเรอความสุขได้เก่ง ได้มากด้วย และพร้อมกันนั้นเราก็เป็นคนที่เป็นสุขได้ง่ายด้วย เราก็เลยสุขซ้อนทวีคูณ.. เพราะฉะนั้นจะต้องพัฒนา ความสามารถที่จะมีความสุขไว้ด้วยคู่กัน เป็นคนที่สุขได้ง่ายก็เป็นอันว่าสบาย อย่างน้อยก็ฝึกตัวเองไว้ อย่าให้ความสุขต้องขึ้นกับวัตถุมากเกินไป (ฝึกการกินง่าย อยู่ง่าย) พอฝึกได้แล้วต่อมาเราจะพูดถึงวัตถุหรือสิ่งบํารุงความสุขเหล่านั้นว่า “มีก็ดี ไม่มีก็ได้” ไม่มีเราก็สบาย ชีวิตเป็นอิสระ โปร่งเบา ความสุขเริ่มไม่ขึ้นต่อวัตถุอามิสสิ่งเสพภายนอก ความสุขเริ่มไม่ต้องหา ต่างจากคนที่ไม่พัฒนาความสามารถที่จะมีความสุข ซึ่งจะเอา ความสุขไปขึ้นต่อวัตถุ ถ้าไม่มีวัตถุเหล่านั้นเสพแล้วอยู่ไม่ได้ ทุรนทุราย กระวนกระวาย ต้องพูดถึงวัตถุหรือสิ่งเสพเหล่านั้นว่า “ต้องมีจงึ จะอยูไ่ ด้ ไม่มีอยู่ไม่ได้” คนที่เป็นอย่างนี้จะแย่ ชีวิตนี้สูญเสียอิสรภาพ.. ก็จะลําบากมาก ทุกข์มาก เพราะฉะนั้นจะต้องทําตัวให้มีความสุขด้วยตนเอง สํารองไว้ให้ได้ ด้วยวิธีฝึกรักษาอิสรภาพของขีวิต และรักษาความสามารถที่จะมีความสุขไว้ “วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

22


ความสุขขั้นที่ 2 ความสุขจากการเจริญคุณธรรม เช่น มีเมตตากรุณา มีศรัทธา เราก็มีความสุขเพิ่มขึ้นอีกประเภท หนึ่ง แต่ก่อนนี้ชีวิตเคยต้องได้วัตถุมาเสพ ต้องได้ ต้องเอา เมื่อได้จึงจะมีความสุข ถ้าให้คือเสีย ก็ไม่มีความสุข แต่คราวนี้คุณธรรม ทําให้ใจเราเปลี่ยนไป เหมือนพ่อแม่ที่มีความสุขเมื่อให้แก่ลูก เพราะรักลูก ความรักคือเมตตา ทําให้อยากให้ลูกมีความสุข พอ ให้แก่ลูกแล้วเห็นลูกมีความสุข ตัวเองก็มีความสุข เมื่อพัฒนาเมตตากรุณาขยายออกไปถึงใครให้แก่คนนั้น ก็ทําให้ตัวเองมี ความสุข ศรัทธาในพระศาสนาในการทําความดีและในการบําเพ็ญประโยชน์ เป็นต้น ก็เช่นเดียวกัน เมื่อให้ด้วยศรัทธาก็มี ความสุขจากการให้นั้น ดังนั้นคุณธรรมที่พัฒนาขึ้นมาในใจ เช่น เมตตา กรุณา ศรัทธา จึงทําให้เรามีความสุขจากการให้ การให้ กลายเป็นความสุข ความสุขขั้นที่ 3 ความสุขเกิดจากการดําเนินชีวิตให้ถูกต้องสอดคล้องให้กับความเป็นจริงของธรรมชาติ ไม่หลงอยู่ในโลกสมมติ ที่ผ่านมานั้นเราอยู่ในโลกสมมติมาก และบางทีเราก็หลงไปกับความสุขในโลกของสมมตินั้น แล้วก็ถูก สมมติล่อหลอกเอา อยู่ด้วยความหวังสุขจากสมมติที่ไม่จริงจังยั่งยืน และพาให้ตัวแปลกแยกจากความเป็นจริงในธรรมชาติ เหมือนคนทําสวนที่มัวหวังความสุขจากเงินเดือน เลยมองข้ามผลที่แท้จริงตามธรรมชาติจากการทํางานของตัว คือความเจริญงอก งามของต้นไม้ ทําให้ทํางานด้วยความฝืนใจเป็นทุกข์ ความสุขอยู่ที่การได้เงินเดือนอย่างเดียว ได้แต่รอความสุขที่อยู่ข้างหน้า แต่พอนําใจมาอยู่กับความเป็นจริงของธรรมชาติ อยากเห็นผลที่แท้จริงตามธรรมชาติจากการทํางานของตน คืออยากเห็นต้นไม้ เจริ ญ งอกงาม หายหลงสมมติ ก็ มี ค วามสุ ข ในการทํ า สวน และได้ ค วามสุ ข จากการชื่ น ชมความเจริ ญ งอกงามของต้ น ไม้ อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นคนที่ปรับชีวิตได้ เข้าถึงความจริงของธรรมชาติ จึงสามารถหาความสุขจาการดําเนินชีวิตที่ถูกต้องตามความ เป็นจริงของธรรมชาติได้เสมอ ● พอปัญญามาบรรจบให้วางใจถูก ชีวิตและความสุขก็ถึงความสมบูรณ์ ความสุขขั้นที่ 4 ความสุขจากความสามารถปรุงแต่ง คนเรานั้นมีความสามารถในการปรุงแต่ง ซึ่งเป็นลักษณะ พิเศษของมนุษย์ ปรุงแต่งทุกข์ก็ได้ ปรุงแต่งสุขก็ได้ โดยเฉพาะที่เห็นเด่นชัดก็คือปรุงแต่งความคิดมาสร้างสิ่งประดิษฐ์ จนมี เทคโนโลยีต่างๆ มากมาย.. พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เรารู้จักใช้ความสามารถในการปรุงแต่ง แทนที่จะปรุงทุกข์ ก็ปรุงสุข เก็บเอา แต่อารมณ์ที่ดีมาปรับแต่งใจให้สบาย แม้แต่หายใจ ที่ยังให้ปรุงแต่งความสุขไปด้วย ลองฝึกดูก็ได้เวลาหายใจเข้า ก็ทําใจให้เบิก บาน เวลาหายใจออก ก็ทําใจให้โปร่งเบา ท่านสอนไว้ว่าสภาพจิต 5 อย่างนี้ ควรปรุงแต่งให้มีในใจอยู่เสมอ คือ 1. ปราโมทย์ ความร่าเริงเบิกบานใจ 2. ปีติ ความอิ่มใจ 3. ปัสสัทธิ ความสงบเย็น ผ่อนคลายกายใจ ไม่เครียด 4. ความสุข ความโปร่งโล่งใจ คล่องใจ สะดวกใจ ไม่มีอะไรมาบีบคั้น หรือติดขัดคับข้อง 5. สมาธิ ภาวะจิตอยู่กับสิ่งที่ต้องการ ได้ตามต้องการ ไม่มีอะไรมารบกวน จิตอยู่ตัวของมัน

“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

23


ขอย้ําว่า 5 ตัวนี้ สร้างไว้ประจําใจให้ได้ เป็นสภาพจิตที่ดีมาก ผู้เจริญในธรรมจะมีคุณสมบัติของจิตใจ 5 ประการนี้.. ขอเสนอวิธีปฏิบัติ ง่ายๆ ไว้อย่างหนึ่งว่า ในเวลาที่ว่าง ไม่มีอะไรทํา ให้สูดลมหายใจเข้าและหายใจออกอย่างสบายๆ สม่ําเสมอ ให้ใจอยู่กับลมหายใจที่เข้า และออกนั้น พร้อมกันนั้นก็พูดในใจไปด้วย ตามจังหวะลมหายใจเข้าและออกว่า “จิตเบิกบานหายใจเข้า จิตโล่งเบาหายใจออก” ในเวลาที่พูดในใจอย่างไร ก็ทําใจให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ ด้วย หรืออาจจะเปลี่ยนเป็น สํานวนใหม่ก็ได้ว่า “หายใจเข้า สูดเอาความสดชื่น หายใจออก ฟอกจิตให้สดใส” ถูกกับตัวแบบไหน ก็เลือกเอาแบบนั้น.. ก็จะได้ พักผ่อนที่เสริมพลังทั้งร่างกายและจิตใจ ชีวิตจะมีความหมาย มีคุณค่า และมีความสุขอยู่เรื่อยไป ความสุขขั้นที่ 5 สุดท้าย ความสุขเหนือการปรุงแต่ง.. คืออยู่ด้วยปัญญา ที่รู้เท่าทันความจริงของโลกและชีวิต การเข้าถึงความจริงด้วยปัญญาเห็นแจ้ง ทําให้วางจิตวางใจลงตัวสนิทสบายกับทุกสิ่งทุกอย่าง อยู่อย่างผู้เจนจบชีวิต สภาพจิตนี้ จะเปรียบเทียบได้เหมือนสารถีที่เจนจบการขับรถ สารถีผู้ชํานาญในการขับรถนั้น จะขับม้าให้นํารถเข้าถนน และวิ่งด้วยความเร็ว พอดี ตอนแรกต้องใช้ความพยายาม ใช้แส้ดึงบังเหียนอยู่พักหนึ่ง แต่พอรถม้านั้นวิ่งเข้าที่เข้าทางดี ความเร็วพอดี อยู่ตัวแล้ว สารถีผู้เจนจบผู้ชํานาญแล้วนั้น จะนั่งสงบสบายเลย แต่ตลอดเวลานั้นเขามีปัญญารู้พร้อมอยู่เต็มที่ ถ้ามีอะไรผิดพลาดเขาจะแก้ไข ได้ทันที และตลอดเวลานั้นเขาไม่มีความประหวั่น ไม่มีความหวาด จิตเรียบสนิท ไม่เหมือนคนที่ยังไม่ชํานาญ จะขับรถนี่ใจคอไม่ ดี หวาดหวั่น ใจคอยกังวลโน่นนี่ ไม่ลงตัว.. คนที่อยู่ในโลกด้วยความรู้ความเข้าใจโลกและชีวิตตามเป็นจริง จิตเจนจบกับโลกและชีวิต วางจิตลงตัวพอดี ทุก อย่างเข้าที่อยู่ตัวสนิทอย่างนี้ ท่านเรียกว่าเป็นจิตอุเบกขา เป็นจิตที่สบาย ไม่มีอะไรกวนเลย เรียบสนิท เป็นตัวของตัวเอง ลงตัว คนที่จิตลงตัวถึงขั้นนี้ จะมีความสุขอยู่ประจําตัวอยู่ตลอดเวลา เป็นสุขเต็มอิ่มอยู่ข้างใน ไม่ต้องหาจากข้างนอก และเป็นผู้มีชีวิตที่ พร้อมที่จะทําเพื่อผู้อื่นได้เต็มที่ เพราะไม่ต้องห่วงกังวลถึงความสุขของตนและไม่มีอะไรที่จะต้องทําเพื่อตนเองอีกต่อไป จะมอง โลกด้วยปัญญาที่รู้ความจริง และด้วยใจที่กว้างขวางและรู้สึกเกื้อกูล คนที่พัฒนาความสุขมาถึงขั้นสุดท้ายนี้ เป็นผู้เต็มเปี่ยม สมบูรณ์จนกระทั่งความสุขเป็นคุณสมบัติของชีวิตอยู่ภายในตัวเองตลอดเวลา ไม่ต้องหา ไม่ต้องรออีกต่อไป......... สวัสดี.

“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

24


“สวัสดีปแพะ”

สวัสดีปีมะแม แปลว่า “แพะ” ร้องแบะ แบะ แพะ พช.ห้อนําหน้า ไม่ใช่แพะรับบาปทราบกันมา แต่เป็นแพะเพื่อประชาพีน ่ ้องไทย

จปฐ. กชช.๒ค เข้าคิวต่อตามมาอย่างยกใหญ่ กระบวนการแก้จนให้พ้นไป ผ่านพ้นภัยด้วยเศรษฐกิจแบบพอเพียง โชคดีมิใช่มีแค่ถก ู หวย อยู่ไม่ร่ําไม่รวยไม่คิดเสี่ยง คืนความสุขเรียงร้อยถ้อนสําเนียง โทรม-ทรุด-เซี่ยง-เสี่ยง ผ่านสําราญเอย

“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

25


เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ๒๕57 เวลา 08.30 น. นายขวัญชัย วงศ์นติ กิ ร อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นําคณะผูบ้ ริหารกรมฯ ประกอบด้วย นายมนตรี นาคสมบูรณ์ นางสายพิรณ ุ น้อยศิริ รองอธิบดีฯ นายธงชัย เจริญพานิชย์กลุ หน.ผต.คณะผูต้ รวจฯ ผอ.สํานัก/ ศูนย์ฯ/ กองฯ เลขานุการกรมและข้าราชการกรมฯ ร่วมลงนามถวายพระพร เทิดไท้องค์ราชันย์ ทีฆายุโก โหตุ มหาราชา ณ ห้องแดง พระบรมมหาราชวัง

ภาพกิจกรรม

“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

26


วันที่ 17 ธันวาคม 2557 เวลา 15.00 น. พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดงาน "ส่งความสุขปีใหม่ คืนกําไรให้ประชาชน OTOP City 2014 ภูมิปัญญาผ้าไทย และเทศกาลของขวัญของฝาก" โดยมีนายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวรายงานในพิธีเปิดงานและได้รับเกียรติจาก ท่านวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ท่านจรินทร์ จักกะพาก รอง ปมท.ผู้ว่าราชการจังหวัด คณะทูตานุทูตจากประเทศอาร์เจนตินา กาตาร์ เคนยา คณะกรรมการขับเคลื่อนงานovop ประเทศกัมพูชา คณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย กรมการพัฒนาชุมชน ่ ่

ภาพกิจกรรม

“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

27


ภาพกิจกรรม เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ เวลา ๐๙.๓๐ น. อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน มอบหมายให้ นายมนตรี นาคสมบูรณ์ รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน โดยมีผู้บริหาร ข้าราชการในส่วนกลางร่วมพิธีฯ ณ ห้องสัมมนากรมฯ ชั้น ๓ กรมการพัฒนาชุมชน

“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

28


เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2557 เวลา 15.00 น. อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน มอบหมายให้ นายอรรถพร สิงหวิชัย รองอธิบดีฯ ให้การต้อนรับคณะผู้บริหาร จาก OVOP Movement จากประเทศกัมพูชา ในโอกาสเดินทางมาเยี่ยมคารวะท่าน อธิบดีฯ เพื่อหารือความร่วมมือระหว่างไทย - กัมพูชา เรื่อง “การพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน” ณ ห้อง War room

ภาพกิจกรรม

“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

29


ภาพกิจกรรม

วันที่ 12 มกราคม ๒๕๕๘ เวลา 11.00 น. อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน มอบหมายให้ นางสายพิรณ ุ น้อยศิริ รองอธิบดีฯ เป็นประธานเปิดงาน “OTOP รวมใจคืนความสุขให้ผบู้ ริโภค ซึ่งจัดโดยเครือข่ายงานโอทอป” โดยงานมีระหว่างวันที่ 12-16 มกราคม ๒5๕๘ ณ ลานอเนกประสงค์ ชัน้ 2 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) “วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

30


ÀÒÉÒ¾Á Ò (µo¹·Õè 3)

ภาษาอาเซียนพื้นฐานน่ารู้

“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

31


“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

32


ปกหลัง

“วารสารพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย”

33


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.