smiana vol.6

Page 1

เกียรติมุสลิม อยู่ที่ใด น.27

ไม่มใี ครท่าให้เราต่าต้อยลงได้

ถ้าใจเราไม่อนุญาติ... .

สมิ อ น ฺ าวะ อตออฺนา 6

วารสารมุสลิมรายสะดวกออก ปีที่ 3 ฉบับที่ 6 ออกนานๆครั้ง แต่ไม่เคยจางหายไปไหน เพราะ… อรุณรุ่งแห่งอิสลามกาลังมา มุสลิมต้องพร้อม!


แวะ คุย กับ บ.ก.

หลายครั้ งที่ มกั จะพบเจอกับ เหตุ ก ารณ์ ที่พ าให้ต ัวผมเองรู ้ สึ ก เศร้ า หรื อสลดใจ หรื ออะไรก็ตามแต่ที่พอจะนิยามความรู ้ สึกนั้นได้ ความรู ้ สึกที่ว่า มัน มาจากเหตุก ารณ์ ที่เ กิด ขึ้น กับบรรดาผู ้ที่อ ยู่ใ นสถานะนักท างานอิ ส ลาม ในที่นี่ ผมหมายถึงนักเคลื่อนไหวทุกกลุ่ม ทุกระดับ ที่ผมเองได้สัมผัส ไม่ว่า จะในสังคมมหาวิทยาลัย หรื อสังคมรอบนอก เหตุการณ์ที่ว่า ผมไม่รู้ว่าสาหรับ คนอื่นแล้วนั้น เขามีความคิดเห็นอย่างไร แต่ผมมองว่ามันเป็ นประเด็นที่ควร เอามาแก้ไ ขอย่ า งเร่ งด่ ว น หลายครั้ ง ที่ นัก ท างานมัก จะพู ดว่ า ตัว เองเป็ น คนสายกลาง สร้างภาพลักษณ์ให้กบั ตัวเองว่าดาเนิ นชีวิตและทางานดะอฺ วะฮฺ บนทางสายกลางในอิสลาม เลยเกิดการเอาภาพตรงนี้ มาใช้ดว้ ยการที่ว่า ยังไง ก็ไ ด้ จึ ง เกิ ด การยืดหยุ่น (ให้ก ับ ตัว เอง)มากเกิ น ไป ใช้ชีวิ ตอยู่ก ับ จอยสติ ก (ซึ่ งอันที่จริ ง คงต้องรวมกับเม้าส์และจอคอมพิวเตอร์ ไปด้วย-เว้นแต่ผูท้ ี่ใช้มนั กับการมีสาระ) ส่ งเสี ยงร้องโห่ หิ้วให้กบั การดูบอลอย่างเมามัน หรื ออะไรอีก ก็ตามแต่ที่เป็ นสิ่ งที่ไม่สมควร มันอาจจะดูหนักเกิ นไป ในการหยุด สาหรั บ มนุษย์คนหนึ่ง แต่ สาหรับผู้ที่ผันตัวเองมารับใช้ อิสลามแล้ ว ก็คงต้ องพยายามที่ จะปรับตรงนั้นให้ หนักขึ้นไปด้ วย(รวมทั้งผมเองด้วย) หากพิจารณาจริ ง ๆ แล้ว เราอยูห่ ่างกับ ‘ทางสายกลาง’ มาก ชีวิตเรา ได้ตกดิ่งลงไปอยูใ่ นขั้นที่ต่ากว่ากลางอย่างมากมาย ส่ วนประเด็นอีกอย่างหนึ่ ง ที่พ บเจอ ก็คื อ การที่ ผู ้ที่ อ ้า งตัว ว่ า อยู่ ใ น ‘ทางสายกลาง’ มัก ชอบที่ จ ะมอง นักทางานที่เคร่ งครัด(ตามความคิดเห็นผูเ้ ขียน) ว่าเป็ นพวกที่ทาตัวเคร่ งบ้างล่ะ สุ ดโต่งบ้างล่ะ ต่าง ๆ นานา ครั้งหนึ่งในวันปิ ดพิธีของค่ายๆหนึ่ง จัด ณ มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา ญีแอ หรื อ ดร.อิสลามอีล ลุฏฟี จะปะกียา ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า ‘จงเคร่ งครั ด กับตัวเอง และจงยืดหยุ่นกับผู้อื่น’ วันนี้ ผมว่าถึงเวลาที่เราต้องเก็บมาขบคิด อย่างจริ ง ๆ จัง ๆ สักทีแล้วล่ะ ด้วยรักและดุอาอฺ บ่าวที่ถูกคัดให้มายืนตรงนี้ smiana_hub@hotmail.com

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ภายในเล่ม >>> โลกนี้สีอะไร หน้า 3 สันติวิถีของท่านรอซูล หน้า 5 ตัวแทนของอัลลอฮฺ หน้า 9 Death is salt of life หน้า 13

ตาย!!! หน้า 16 ฮุดฮุดคาบข่าว หน้า 21 อิสลามกาลังจะกลับมา หน้า 25 วา…อิสลามา… . หน้า 27 เมื่อมุสลิมไม่ปกครองแบบอิสลาม หน้า 31


สายเกินไป… ฟากฟ้ ายามเย็น เห็นหน้ าโต๊ ะไบ เขากาลังเดินไป มายังมัฆริบอิชาอฺ ซุโฮรฺ อัศรี นบีท่านได้ สั่งมา มายังแค่ห้าเวลา วักตูที่เราต้ องทา เป็ นเพราะอะไร เราจึงไม่ทา ขี้คร้ านคือโรคประจา ไม่ ทาไม่ไปสุเหร่ า ได้ยนิ อะซาน การงานยังไม่ บรรเทา เลยไม่ได้ไปสุเหร่ า เพราะมัวเมาแต่ ดนุ ยา อีมานไม่เอา เราเอาอีเมลล์ เราบอกว่ามันรวดเร็ว อีเมลล์ ว่าฉันรักเธอ อีมานลาบาก แถมฝากอีเมลล์ รอเธอ ได้ ยนิ กันไหมเล่ าเออ นีห่ รือเธอคือมุสลิม เมื่อรู้สึกตัว ก็สายเกินไป เราไข้เป็ นโรคหวัดใหญ่ เลยไม่ ได้ ไปสุเหร่ า เริ่มมีอีมาน กินยาก็ไม่บรรเทา ตอนทีไ่ ด้ไปสุเหร่ า เขาพาเราไปมายัง พอมายังเสร็จ เขาพาเราไป กลายเป็ นมายัตแล้ วไง เขาจึงพาไปกุโบร์ พอถึงทางเข้ า ชีวติ เราร้ องไห้ โฮ เห็นร่ างทีเ่ ขาแบกอยู่ ร้ องไห้ โฮเพราะเสียใจ เห็นแล้ ววันนี้ จะเกิดอะไร แต่ ว่ามันสายเกินไป จะกลับไปเดินทางอีมาน เห็นได้ ทกุ อย่าง ไม่ มีอะไรขวางกัน้ อยากกลับไปทามายัง คงเป็ นความหวังของคนกุโบร์ อยากกลับไปมีอีมาน...คงเป็ นแค่ฝัน นะคนกุโบร์ ... อนาชีดเพื่อพระเจ้า ชะบาบุลอิสลาม >> http://www.4shared.com/audio/RpOecr_l/-MrSameen_PSU.html


3

โลกนี้สีอะไร มุบตะดา คอบัร Lu’Lu’ ฉบับที่ 3 พฤษภาคม-กันยายน 2550 โลกนี ้เป็ นสีอะไรในสายตาของคุณ บางคนบอกว่าโลกนี ้เป็ นสีชมพูสดใสในยามที่ความรักเข้ ามาเยือน… แต่บางครั ้งโลกทั ้งใบกลับกลายเป็ นสีดาสนิทเมื่อมีการพลัดพรากจากกัน ใครคนหนึ่งบอกว่า โลกนี ้เป็ นสีเขียวขุ่นๆ เพราะธรรมชาติถูกทาลายไปมากแล้ ว มีคนอีกไม่น้อย มองโลกนี ้เป็ นสีเทา เพราะความเจ็บปวดครัง้ เก่า… ยังไม่เคยลบเลือนไปจากใจ ในสายตาของ นูรียะฮฺ เด็กกาพร้ าที่ไม่ธรรมดาคนหนึ่ง เธอบอกว่า … โลกนี ้เป็ นสีขาวเสมอ เธอให้ เหตุผลว่า สีขาวเป็ นสีที่ดแู ล้ วสะอาดตา จะสุขก็ขาว จะทุกข์ก็ขาว… โลกไม่เล็กของเด็กกาพร้ าที่ไม่ธรรมดาคนนี ้จะเป็ นอย่างไร… คุณได้ เดินทางมาถึงโลกขาวๆใบนี ้แล้ ว นูรียะฮฺเล่าให้ ฟังว่า ตอนอยู่ในท้ องแม่ได้ 5 เดือน แม่ไม่สบายมาก หมอตรวจพบว่า แม่เป็ น หัดเยอรมัน และจะส่งผลกระทบต่อเด็กในท้ อง ต้ องเอาเด็กออก ไม่อย่างนั ้น เด็กจะเกิดมา ผิดปกติ มีอวัยวะไม่ครบ 32 … เวลานั ้นนูรียะฮฺ เริ่ มพัฒนาจากก้ อนเลือดเป็ นก้ อนเนื ้อแล้ ว แม่ เสียใจมาก แต่แ ม่ก็รักและสงสารนูรี ยะฮฺ มากกว่ า หลัง จากนั ้นแม่ กลับ ไปหาหมออี ก พร้ อมกับยืนยันว่าจะไม่เอาเด็กออก ถึงแม้ ว่าเด็กจะเกิดมาเป็ นอย่างไรก็ตาม ยังไงก็คือลูก หมอพยายามหว่า นล้ อ มว่ า เด็ กจะมี ปัญหาในอนาคต จะอยู่ร่วมกับสังคมลาบาก จะมี ภาระค่าใช้ จ่ายสารพัด แม่บอกหมอว่า แม่ เชื่อมั่นในความเมตตาของพระเจ้ า เชื่อว่ า พระเจ้ าจะไม่ ทอดทิ้ง และแม่ จะยอมรั บในสิ่งที่พระผู้เป็ นเจ้ าทรงกาหนด …ตลอด ระยะเวลาที่ผ่า นมา มี แ ต่แ ม่ กับ พ่อ ที่ คอยดูแ ลประคับประคองให้ นูรียะฮฺ เติ บ โตตามวัย ให้ ความรักความอบอุ่น ครอบครัวซึ่งประกอบไปด้ วย พ่อ แม่ ลูก ของ นูรียะฮฺ มีความสุข ไม่ต่างจากครอบครัวอื่นๆเลย เมื่อวันเวลาผ่านไปจาก 3 คน ก็เหลือเพียงแค่ 2 คน พ่อของ


4 นูรียะฮฺเสียชีวิตตอนนูรียะฮฺอายุ 4 ขวบ สิ่งที่เหตุการณ์ ครัง้ นั ้นพรากจากไปมากกว่าชีวิ ต ของพ่อ คือกาลังใจดวงสาคัญที่หล่อเลี ้ยงแม่ และลูกก็ดบั สลายไปด้ วย… แม่เลี ้ยงนูรียะฮฺตามลาพัง สอนให้ รักอัลลอฮฺ ปลูกฝั งอิสลามในเรื่ องต่างๆให้ ลกู ตั ้งแต่เด็ก เรียนโรงเรียนอนุบาลก็ให้ ลกู คลุมฮิญาบ นูรียะฮฺไปโรงเรียน เรียนหนังสือและทากิจกรรมทุก อย่างกับเพื่อนๆ เหมือ นเด็ กทั่วไป พอตกเย็น ก็เดิ นไปเรี ยนภาษาอาหรับ ที่หน้ าปากซอย นู รียะฮฺเล่ าให้ ฟังว่ า ชอบละหมาดเพราะเป็ นช่ วงเวลาเดียวที่จะได้ อยู่ใกล้ อัลลอฮฺ มากที่สุด ชอบเรียนฟั รฏูอีน และชอบท่องกุรอ่านด้ วย ตอนนี ้กาลังท่องซูเราะฮฺอันนูรอย่าง ขมักเขม้ นเลย ทาให้ ร้ ูว่าความรักของอัลลอฮฺที่มีให้ กบั มุสลิมะฮฺยิ่งใหญ่แค่ไหน นูรียะฮฺชอบลองทาอะไรแปลกใหม่เสมอ ชีวิตไม่เคยหยุดนิ่ง ชอบภาษา ชอบการเดินทาง วีรกรรมครั ้งใหญ่ของนูรียะฮฺก็คือ เขียนจดหมายไปขอคอมพิวเตอร์ จากสถานีโทรทัศน์ ช่อง หนึง่ เล่าความจริงของชีวิตลงไปทั ้งหมด เริ่มตั ้งแต่หนูอยากได้ คอมพิวเตอร์ มาเรี ยนรู้ มาทา รายงาน พ่อของหนูเสียชีวิตไปแล้ ว หนูอยู่กบั แม่ตามลาพัง ในชุมชนที่หนูอยู่มีเพียงตลาดที่ เดียวที่มีคอมพิวเตอร์ หนูไม่มีเงินไปเช่าชั่วโมงอินเตอร์ เน็ต แค่แอบหวังไว้ ลกึ ๆเท่านั ้น ไม่ เคยคิ ด ว่ า จะได้ คอมพิ ว เตอร์ เ ป็ นของตั ว เองจริ ง ๆหรอก และหลัง จากนั น้ ครึ่ ง ปี ก็ มี คอมพิวเตอร์ ครบชุดส่งมาถึงที่บ้าน ทุกเรื่องราวถ่ายทอดด้ วยรอยยิ ้ม และน ้าเสียงที่อ่อนโยน นูรียะฮฺไม่เคยคิดท้ อใจกับร่ างกาย ของตัว เองเลย กลับ ย ้าให้ ฟัง เสมอว่ า “แค่ อั ลลอฮฺให้ ชี วิต มา ก็ นับเป็ นความเมตตา อย่ างยิ่งใหญ่ ” ถามว่า อะไรที่ทาให้ มีพลังใจมากมายถึงเพียงนี ้ ? นูรียะฮฺยิ ้มตอบเรี ยบๆว่า เป็ นเพราะแม่ ไม่ เคยรั งเกียจลูกที่ไม่ มีแขนและขาทั้งสองข้ างเลย…


5

สันติวิธีของท่านรอซูล IBNU

JABAL

ในช่ว งที่ บา้ นเมืองของเรากาลังสับสนวุ่นวาย ท่ามกลางความขัด แย้งที่ ทวี ความรุ นแรง และขยับขยายไปทุกๆ ภูมิภาค แม้อะไรๆ จะคลี่คลายลงบ้างแล้ว แต่ ซากปรักหักพัง และความสูญเสียที่เกิดขึ้น คงไม่มีใครปฎิเสธ ว่านี่คือ “ความสูญเสี ย” ครั้งสาคัญของบ้านเมืองนี้ แม้เบื้องหน้าของสาเหตุ คือ ความขัดแย้งทางความคิด และ การทวงคื น ความยุติ ธ รรม แต่ เ บื้ อ งลึ ก เบื้ อ งหลัง ของเหตุ ก ารณ์ ค รั้ งนี้ ยัง คงถู ก วิพากษ์วิจารณ์ ตามแต่ความคิด และอุดมการณ์ของแต่ละฝ่ าย หากเราย้อนกลับไป ตลอดระยะเวลาที่มีการชุมนุมทางการเมืองในเมืองไทย “สันติ .. สันติ .. สันติ วิธี” คื อเสี ย งหนึ่ งที่ ด ังขึ้ น อย่างไม่ข าดสาย จากทั้งฝ่ ายรั ฐ เอง ประชาชนที่ ออกมา เรี ยกร้อง หรื อผูค้ นที่คอยเฝ้ าดูเหตุการณ์ คือเสียงหนึ่ งที่ยงั คงดังก้องกังวานอยู่ในโสต ประสาทของคนไทย.. ถึงวันนี้ต่างฝ่ ายต่างยังคงอ้างออกมาว่า สิ่งที่ตนได้กระทาลงไป นั้น เดินตามทางของ “สันติวิธี” แล้วก็ตาม ไม่มีอะไรน่าแปลกใจเลย กับซากความสูญเสียที่เกิดขึ้น ท่ามกลางเสียงเรี ยกสู่ วิธีการแห่งสันติ เพราะเหตุการณ์มนั ปรากฎชัดแล้วว่า “สันติวิธี” ที่ทุกคนอ้างถึง เรา ยังนิยามไม่เหมือนกัน และก็คงไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะมาตัดสิ น ว่าฝ่ ายไหนกันแน่ ที่ ยืน อยู่บ นเส้น ทางที่ สั น ติ อ ย่า งแท้จ ริ ง แต่ ถึ งกระนั้ น ในฐานะมุ ส ลิ ม เราก็ไ ม่อ าจ มองข้ามสิ่ งเหล่านี้ ไปได้ คือ การศึกษาสันติวิธี ในรู ปแบบของอิสลาม คือการนิ ยาม ความหมายของมัน ตามแบบฉบับที่ท่านรอซูล(ซ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม)ได้แสดงให้ พวกเราเห็น หลายๆเหตุการณ์บนหน้าประวัติศาสตร์ แห่ งอิสลาม มีบทเรี ยนมากมายที่ ยืนยันถึงวิธีก ารแห่ งสันติ ที่อิสลามได้น ามาปฎิบัติและเป็ นที่ ประจัก ษ์ว่าการมาของ อิสลามนั้น มาด้วยกับสันติ และความเมตตาสู่มนุษยชาติอย่างแท้จริ ง


6

“ ทาไมท่านไม่ขอดุอาสาปแช่งพวกเขา โอ้ ..ท่ านรอซูลุลอฮฺ” ท่านรอซูล ตอบว่า “ฉันไม่ ได้ ถกู ส่ งมาเพือ่ ความหายนะ ฉันถูกส่ งมาเพือ่ เป็ นผู้เรียกร้ อง เชิญชวนและเป็ นความเมตตา ..โอ้ อลั ลอฮฺ โปรดให้ ทางนาพวกเขา เพราะพวกเขาไม่ ร้ ู

13 ปี แห่งการดะอฺวะฮฺในบ้านเกิดของตัวเอง บวกกับปี กว่าๆในแผ่นดินใหม่ที่ ท่านรอซูลนาบรรดาผูศ้ รั ทธามาตั้งถิ่นฐาน คือหลักฐานอย่างชัดเจนในการเผยแพร่ อย่างสันติของอิสลาม ไม่มีการตอบโต้ใดๆ จากฝ่ ายของผูศ้ รัทธา ทั้งๆที่การนาศาสนา ใหม่มายังแผ่นดินมักกะฮฺ กาลังเป็ นประเด็นที่สร้างความโกรธแค้น และการตอบโต้ อย่างรุ นแรงจากบรรดามุชริ กีนมักกะฮฺ ถึงขนาดมีการไล่ล่า และหวังที่จะปลิดชีพผูน้ า สาส์นแห่งพระผูเ้ ป็ นเจ้า ตลอดจนบรรดาผูท้ ี่ตามท่าน แต่กระนั้นก็ยงั ไม่มีสญ ั ญาณใดๆ ในการใช้คมดาบเพื่อให้ผคู้ นยอมรับสาส์นที่ท่านนามา จนกระทัง่ เมื่อการทาสงคราม ได้ถกู บัญญัติข้ ึนในปี ฮิจเราะฮฺที่สอง เพื่อปกป้ องเกียรติและศักดิ์ศรี ของผูศ้ รัทธา หาใช่ เพื่อการรุ กรานและการเข่นฆ่าไม่ ดังนั้นจึงไม่เป็ นที่แปลกใจเลย เมื่อการทาสงคราม ของมุส ลิ ม นั้น ได้มี บ ทบัญ ญัติ ม ากมายที่ ม าเกี่ ย วข้อ ง เพื่ อปกป้ องสิ ทธิ ศี ลธรรม เสรี ภาพและมนุษยธรรม อัลลอฮฺตรัสไว้ (2:190) “และพวกเจ้าจงต่ อสู้ในทางของอัลลอ ฮฺ ต่ อบรรดาผู้ที่ทาร้ ายพวกเจ้า และจงอย่างรุกราน แท้ จริง อัลลอฮฺไม่ ทรงชอบบรรดา ผู้รุก ราน” (2:193) “และจงต่ อสู้ พวกเขาต่ อไปจนกว่ าจะไม่ มีการกดขี่ข่ มเหงและ แนวทางของอัลลอฮฺได้ ถูกสถาปนาขึ้นมาแทน ดังนั้น ถ้าพวกเขาหยุดยั้งก็จงอย่ าให้ มี


7 การเป็ นปรปักษ์ ต่อไป เว้นแต่ กบั ผู้ที่กดขี่ข่มเหงและโหดเหี้ยมเท่ านั้น” เมื่ อ มุ ส ลิ ม เพลี่ ย งพล้ า ในสงครามอุ ฮุ ด เนื่ อ งจากการฝื นค าสั่ ง ของท่ า น รอซู ลุลลอฮฺ ฝ่ ายมุช รี กี น พยายามที่ จ ะเข้ามาเพื่อหวังสังหารท่ านรอซูล แต่ บรรดา เศาะหะบะฮฺก็ปกป้ องท่านอย่างถึงที่สุด แต่ท่านก็ได้รับบาดเจ็ บ ฟันกรามของท่านหัก ใบหน้าท่านถูกฟันเป็ นรอยบาดแผลและห่ วงสองอันของเกราะถูกแทงทะลุไปยังแก้ม ของท่าน เศาะหะบะฮฺบางท่านกล่าวกับท่านรอซูลว่า “ทาไมท่ านไม่ ขอดุอาอสาปแช่ ง พวกเขา โอ้ ...ท่ านรอซูลุลอฮฺ” ท่านรอซูล ตอบว่า “ฉันไม่ ได้ ถูกส่ งมาเพื่อความหายนะ ฉันถูกส่ งมาเพือ่ เป็ นผู้เรียกร้ องเชิญชวนและเป็ นความเมตตา ..โอ้ อัลลอฮฺ โปรดให้ ทาง นาพวกเขา เพราะพวกเขาไม่ ร้ ู” เรื่ องราวของการฮิจเราะฮฺ การอพยพของท่านรอซูล ยังคงเป็ นบทเรี ยนสาคัญ ถึงยุทธศาสตร์ ในการเผยแพร่ ของอิสลาม หากการปั ก หลักเผยแผ่ในบ้านเกิ ด ห้อม ล้อมไปด้วยมรสุ มแห่ ง การต่อต้าน การถอยเพื่อตั้งหลัก ก็เป็ นอีกวิธี ที่ท่านรอซูล เลือกใช้ แต่สิ่งที่ควรยิง่ แก่การวิจยั ศึกษา คือแผนการของท่าน รอซูล ทั้งๆที่ คนใน ที่ๆท่านจากมากาลังโกรธแค้นพลิกแผ่นดินไล่ล่าท่าน แต่เหตุใดผูค้ นในเมืองที่ท่าน กาลังมุ่งสู่ ต่างรอคอยต้อนรับท่านด้วยความปิ ติยนิ ดี เหตุการณ์ในฮิจเราะฮฺศกั ราชที่ 6 ต่อเนื่ องจนกระทัง่ การพิชิตมักกะฮฺ ของท่าน รอซูลในเวลาต่อมา เป็ นอีกหนึ่ งเครื่ องยืนยันวิธีการแห่ งสันติ ที่รอซูลของอัลลอฮฺ ได้ ปฏิบตั ิไว้เป็ นแบบอย่าง คือการเข้าสู่เมืองมักกะฮฺของบรรดาผูศ้ รัทธาโดยไม่มีแม้อาวุธ สักชิ้น มีเป้ าหมายเพียงเพื่อทาอุมเราะฮฺตามที่พระองค์อลั ลอฮฺ ทรงบัญชาแก่ท่านรอซูล ผ่านทางความฝัน เมื่อได้รับการปฏิเสธจากบรรดามุชริ กีนมักกะฮฺผถู้ ือสิทธิในเมืองนั้น ท่านเลือกใช้การส่ งทูตไปเจรจา แต่เมื่อมีข่าวการสังหารท่ านอุษ มาน อิบนุ อัฟฟาน ทูตของท่านรอซูล ท่านจึงทาสัญญากับเหล่ามุสลิมีนเพื่อต่อสู้โดยไม่มีอาวุธใดๆเลย


8 แต่แล้วข่าวการสังหารดังกล่าวเป็ นเพียงข่าวลือที่ถูกกุข้ ึน นาสู่การเสนอสนธิสัญญา ของชาวกุเรช ที่ดูๆแล้วมุสลิมจะเป็ นฝ่ ายเสียเปรี ยบ จนเหล่าเศาะหะบะฮฺ หลายท่านไม่ พอใจ แต่ ท่ า นรอซู ลก็ เ ลือ กที่ จ ะท าตามสนธิ สัญ ญาดัง กล่ า ว แล้ว ถอยกลับสู่ น คร มาดีนะฮฺ และนาบรรดาผูศ้ รัทธากลับมาทาอุมเราะฮฺโดยสันติปลอดภัยในปี ถัดมา ต่อมา เมื่อชาวกุเรชได้ทาการละเมิดสนธิสญ ั ญาดังกล่าวเสียเอง ปี ฮิจเราะฮฺที่ 8 รอซูลจึงนาทัพ มุสลิมเข้าพิชิต มัก กะฮฺ โ ดยไม่มีก ารขัด ขวางใดๆเลย หน่ า ซ้ าชาวกุเรชมัก กะฮฺ ก็ไ ด้ หลัง่ ไหลสู่อิสลามนับแต่น้ นั เหล่านี้คือส่วนหนึ่งจากบรรดาวิธีการแห่ งสันติที่รอซูลของอัลลอฮฺ ผูน้ าของ เราได้ปฏิบัติ ไว้เป็ นแบบอย่าง ยืน ยัน ถึงความหมายของศาสนาที่ ท่านน ามา เพราะ อิสลาม คือสันติ คือสันติภาพที่แท้จริ งที่โลกควรกลับมามอง คื อความเมตตาแก่สากล โลกอย่างแท้จริ ง ความจริ งแล้ว วิธีก ารหรื อแนวทาง มีความสาคัญอย่างยิ่งที่ เหล่าบรรดานัก เคลื่อนไหวควรตริ ตรอง แต่สิ่งที่สาคัญยิง่ กว่า คือเป้ าหมายของการเคลื่อนไหวนั้นๆ ไม่ ว่าวิธีการที่นามาใช้น้ นั สมควรหรื อไม่ที่จะเรี ยกว่า “สันติวิธี” ก็อาจจะสาคัญน้อยกว่า การเคลื่อนไหวที่กาลังดาเนินอยูน่ ้ นั “ทาไปเพื่ออะไร...” อิซาม อัลอัฏฏอร กล่าวว่า “โอ้ผู้ที่คลั่งไคล้ในความเป็นชาติอาหรับ (ชาตินิยม)ทัง้ หลาย เราไม่ได้กลายมาเป็นผู้ทมี่ ีอานาจในหน้าประวัติศาสตร์ ของโลกนี้ ด้วยคุณลักษณะหรือแบบอย่างของอบูญะฮัลหรืออบูละฮับ แต่ ด้วยกับคุณลักษณะหรือแบบอย่างของท่านนบีมุฮัมมัด ท่านอบูบักร ท่านอุมัร ....ต่างหาก ที่ทาให้เราบรรลุสต ู่ าแหน่งนัน้ เราไม่ได้มีอานาจปกครองโลกนี้ ด้วยบทกวีที่มชี ื่อเสียงของอาหรับ แต่เราได้รับอานาจให้ปกครองโลกนี้ ด้วยอัลกุรอ่านอันทรงเกียรติ และเราไม่ได้เผยแผ่สาส์นของลาตและอุซซา แต่เราเผยแผ่สาส์นของอัลลอฮฺผู้ทรงเอกะเท่านัน้ ”

หนังสื อดีในอดีต กลับมาให้เราได้เน้นย้ าตัวตนของเราอีกครั้ง เพื่อประชาชาติน้ ี จักได้รับรู ้ ภัยอันตรายที่มิเคยจางหาย ซึ่งพยายามจะโค่นล้มศาสนาแห่ งพระเจ้า แผนการ กลลวงต่างๆจากศัตรู อิสลาม … สัมผัสได้ดว้ ยตัวท่านเอง เร็ วๆนี้ ที่ชมรมมุสลิม ม.อ.หาดใหญ่ เท่านั้น!!


9

เพราะเราคือ‘เคาะลีฟะตุลลอฮฺ ตัวแทนของอัลลอฮฺ’! ‫م‬ ‫لْاللَّهْوع مم ْلْ م‬ ‫اِلاْوقَ َْ م‬ ‫َّنْ مم ْنْالمسلم مم م‬ ْ‫ي‬ َ َ َ َ َْ ‫َوَمنْ​ْأَح َسنْ​ْقَو ْلاِْمَّنْ​ْ َد َعآْإم‬ َ ْ ‫الْإن م‬ َ ‫ص ا‬ และผู้ใดเล่าจะมีคาพูดทีด่ ีเลิศยิง่ ไปกว่าผู้เชิญชวนไปสู่อลั ลอฮฺ

และเขาปฏิบัตงิ านทีด่ ี และกล่าวว่า แท้ จริงฉันเป็ นคนหนึ่งในบรรดาผู้นอบน้อม (ฟุศศิลตั 41:33) ภารกิจในการมีชีวิตอยูข่ องผูศ้ รัทธานั้นเป็ นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ หนักหนา และสูงส่ ง พวกเขาไม่เพียงแต่ตอ้ งขัดเกลา-หล่อหลอมตัวเองบนเส้นทางแห่งสัจธรรมเท่านั้น แต่ยงั ต้องเรี ยกร้องเชิญชวนผูอ้ ื่นมาสู่เส้นทางสายนี้ มาริ นรสหวานชื่นของสัจธรรม และแบก รับสารแห่งทางนาไปพร้อมๆ กัน ผูศ้ รัทธาคือบุคคลที่ไม่ปล่อยปละละเลยตัวเอง และ ไม่ทอดทิ้งสังคม เขาไม่ใช่นกั บวชที่เผยแพร่ คาสัง่ สอนแต่ตวั เองกลับไม่ปฏิบตั ิตามสิ่ งที่ เรี ยกร้องผูอ้ ื่น และเขาก็ไม่ใช่นกั พรตที่ปลีกวิเวกแสวงหาทางรอดของตัวเองอยู่แต่เพียง ลาพัง งานของผูศ้ รัทธาดังกล่าวนี้ อาจแลดูหนักหน่ วงนัก แต่ที่จริ งแล้ว ด้วยงานชิ้น นี้ ด้วยการดารงชีวิตอยูบ่ นวิถีน้ ีแหละ ที่จะทาให้เรามีชีวิตอยูไ่ ด้บนโลกอันสิ้นไร้และแทบ หาค่าไม่ได้ใบนี้ ผูศ้ รัทธาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ถ้ารอบตัวของเขายังคงเต็มไปด้วยความหลงผิด และมืดมน สังคมยังคงแหลกเหลวและบอดใบ้ในการหาทางออกให้กบั สารพัดปั ญหา ที่ถาโถม กฎหมายของพระเจ้ายังไม่ถกู ประกาศใช้และการภักดีท้งั มวลยังไมได้ถูกมอบ กรรมสิทธิ์แด่ผอู้ ภิบาลที่จริ งแท้ของทุกชีวิต


10 เขาย่อมจะมีชีวิตอยูอ่ ย่างไม่คิดทาอะไรไม่ได้เป็ นอันขาด เพราะเขาตระหนักดี ว่า เขาได้เกิดมาพร้อมกับตาแหน่งที่ยงิ่ ใหญ่ซ่ึงมาพร้อมกับภาระหน้าที่อนั ใหญ่ยิ่ง เป็ น ตาแหน่งเดียวกับที่บรรพบุรุษคนแรกของเขาเคยได้รับและบรรพชนคนกล้าของเขาใน ทุ ก ยุค ทุ ก สมัย ก็ ล ้ว นสื บ ทอดต่ อ มา นั่น คื อ ต าแหน่ ง ‘เคาะลี ฟ ะตุ ล ลอฮฺ - ตัว แทน ของอัลลอฮฺ ’! ตัวแทนของอัลลอฮฺ ! มาชาอัลลอฮฺ ! มันช่างเป็ นสถานะที่มีเกียรติเหลือจะกล่าว และความหมายของมันก็เชื้อเชิญให้เรากลับมาพิจารณาตัวเองว่าได้ทาอะไรไปแล้ว และ จะทาอะไรต่ อไปในตาแหน่ งนี้ กี่ครั้งและกี่ค นรอบตัวที่เราได้ปล่อยปะละเลยไม่ทา หน้าที่ ทั้งๆที่มนั คือภารกิจหลักของชีวิต คือทางรอดทางเดียวท่ามกลางทางหลงสารพัด สาย มันเป็ นหน้าที่ที่ตกหนักอยูบ่ นบ่าของผูศ้ รัทธาไม่ว่าเขาจะเป็ นนักธุรกิจหรื อชาวนา พ่อค้าหรื อแม่บา้ น นักศึกษาหรื ออาจารย์ นักวิชาการหรื อคนกวาดถนน ทุกคนสามารถ ทางานชิ้นนี้ได้ท้งั นั้นในสนามของตน และควรต้องทา เพราะเราคือ‘เคาะลีฟะตุลลอฮฺ ตัวแทนของอัลลอฮฺ ’! ขอให้เชื่อเถอะว่าหน้าที่ในการเผยแพร่ สารของอัลลอฮฺ น้ นั ไม่ได้ยากเกินกาลัง ของเราเลย แค่เอกสารสักแผ่น คาพูดสักคา หรื อแม้กระทั้งรอยยิ้มสักรอย ที่เป็ นไปด้วย ความบริ สุ ทธิ์ ใจและมุ่งหวัง ในผลตอบแทนจากอัลลออฮฺ อิ น ชาอัลลอฮฺ มัน จะถูก นับเป็ นหนึ่งในความดีของเรา และเมื่อใดที่ได้พานพบอุปสรรคแผ้วพานเข้ามาบนถนน สายเคาะลีฟะตุ ลลอฮฺ น้ ี ก็ขอให้ยิ้มรั บมันด้วยความยินดี เพราะมันคื อธรรมชาติข อง เส้น ทางที่บรรพชนของเราล้วนได้พานพบมาก่ อน และผ่านพ้น ไปได้แล้วด้วยความ ช่วยเหลือของอัลลอฮฺ แท้จริ งการขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ เป็ นอาวุธชิ้นสาคัญที่สุด


11 ที่เราจาเป็ นต้องกระชับเอาไว้ให้แน่ นตลอดการเดินทางบนถนนสายนี้ ในชีวิตอันสั้น เป็ นอย่างยิง่ บนดุนยา ความหนักหนาอันชัว่ คราวไม่ได้เป็ นสิ่ งน่ ากังวลเลยมิใช่หรื อ ถ้า มันจะหมายถึงผลตอบแทนเป็ นความสุ ขสบายนิ รันดร์ ฉะนั้นหน้าที่แห่ งการเผยแพร่ สารของอัลลอฮฺน้ ีจึงเป็ นหน้าที่ที่ผชู้ าญฉลาดจะไม่ยอมละทิ้งไปเป็ นอันขาด และอันที่ จริ ง แม้ว่าเราหันหลังให้กบั หน้าที่น้ ี อัลลอฮฺก็จะนาคนที่ดีกว่าเรา เหมาะสมกับตาแหน่ ง นี้มากกว่าเรา ทั้งยังมีใจรักและพร้อมทางานนี้ เข้ามาแทน ที่เรา แต่เราจะยอมได้หรื อที่ จะให้เกิด เหตุ การณ์ เช่ นนั้น ขึ้น จะยอมได้หรื อที่จะมีค นมาแทนที่ เรา ในต าแหน่ ง ณ พระองค์ผทู้ รงเป็ นที่รัก? ดังนั้น ขอเชิญชวนตัวเองและทุกตัวแทนของอัลลอฮฺ ให้ทาหน้าที่ตวั เองอย่าง แข็งขัน เต็มก าลัง อย่างไม่ย่อท้อ เพราะต าแหน่ ง นี้ ยังเป็ นของเรา ยังเป็ นหน้าที่ ที่เรา จะต้องแบกกลับไปถูกสอบถาม และยังเป็ นสถานภาพที่ เราคงไม่ยอมให้ใครเข้ามา แทนที่ได้เป็ นอันขาด เพราะเราคือ‘เคาะลีฟะตุลลอฮฺ - ตัวแทนของอัลลอฮฺ ’! “แท้ จริ งอัล ลอฮฺได้ แต่ งตั ง้ พวกท่ า นเป็ นตัวแทนบนหน้ าแผ่ นดิน แล้ ว พระองค์ ก็จะคอยมองดูว่าพวกท่ านทาอะไร” (หะดีษบันทึกโดยมุสลิม)


เอาไปวางหน้าลานชมรม หรือด้านในชมรมเลยก็ได้นะ

สิ่งล่าค่า บ่อยครั้งก็มาจากสิง่ เล็กๆทีค่ นเราไม่สนใจ เชิญชวนพี่น้องร่วมบริจาคขวดพลาสติกให้ชมรมเรา

หรือเศษกระดาษลังรีไซเคิล ฯลฯ วันนี้ ไมค์ลอยเราก็ได้มาแล้ว ต่อไปอยู่ที่ความร่วมมือจากท่านแล้วล่ะ พี่น้องร่วมศรัทธาทุกคน


เรืองเล่า... Death is salt of life หลายปี มาแล้วสินะ ที่พระผูอ้ ภิบาลของฉันกาหนดให้ฉนั ต้องมาเดินวนเวียนอยู่ ในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ มีเหตุการณ์ต่างๆมากมายให้จดจา ให้ใคร่ ครวญ และให้หลงลืม มันไป บางเหตุการณ์ทาให้ฉนั ต้องพร่ าบ่นกับตัวเองเบาๆว่า ...ชีวิตนี้ ไม่ง่ายดายเลย บาง เหตุ ก ารณ์ ก็ทาให้ฉัน รู้ สึ ก ว่า การได้เกิ ด มาเป็ นผูศ้ รั ทธา ทาให้ชีวิ ต นี้ ช่ างอิ่ มเอมเสี ย เหลือเกิน ‚ชีวิตของผู้ศรัทธา‛... แม้ว่าฉันพยายามที่จะย้าเตือนตัวเองอยู่เสมอ แต่บาง คราวฉันก็รู้สึกว่าฉันห่างไกลกับวลีที่ว่านี้เหลือเกิน ฉันเริ่ มต้นชีวิตนักศึกษาในปี การศึกษาใหม่น้ ีดว้ ยความกังวลเล็กน้อย ด้วยตาราง เรี ย นที่ เบีย ดเวลาว่างของตารางชี วิตมากขึ้ น ทุก ที ในสัปดาห์แรกของการเรี ย น ฉัน มี โอกาสได้เรี ยนวิชาที่เป็ นความรู้ใหม่วิชาหนึ่งที่สอนให้รู้จ ักค้นหาความรู้ที่ถูกพัฒนาขึ้น มาใหม่ๆอยูเ่ สมอ และให้รู้จกั ดึงข้อมูลที่มีอยูน่ ้ นั มาใช้ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ ว ฉันตื่นเต้นกับวิชานี้มากทีเดียว เพราะอาจารย์ผสู้ อน มักสอนให้เราคิด ให้มอง ต่างมุม ฉันชอบที่อาจารย์สอนว่า บางครั้ งการพัฒนาความรู้ ใหม่ ก็ไม่ สาคัญเลยเมื่ อเที ยบ กับการคิดให้ ได้ ว่าทาอย่างไรเราจึงจะนาความรู้ ที่เรามีไปให้ ถึงมือผู้ที่ได้ ใช้ ประโยชน์ ให้ มากที่สุด… อาจารย์มกั ตั้งคาถามต่างๆให้เราได้ขบคิดกัน ทาให้วิชาเรี ยนที่ ยาวนานถึง 3 ชัว่ โมงกลายเป็ นช่วงเวลาที่สนุกมากสาหรับฉัน “นักศึกษา พวกเธอมาเรี ยนกันทาไม?” เพื่อนๆ พากันเงียบแทนคาตอบที่จะให้อาจารย์ “พวกเธอมาเรี ยน เพราะรู้ ว่ าวันหนึ่งเราจะต้ องตายใช่ มยั้ ?” คราวนี้ ตามมาด้วยเสี ยงหัวเราะ หึ หึ เบาๆจากเพื่อนๆและเริ่ ม


14 หันหน้าคุยกันบ้างเป็ นบางกลุ่ม ฉันส่ งยิ้มให้อาจารย์แทนคาตอบ ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ฉัน คิดว่าตัวเองไม่ได้ยิ้มอย่างสดใสแบบนี้ มานานมากแล้ว ฉันแอบลุน้ ในใจจนตัวโก่ง ... มาชาอัลลอฮ์ อาจารย์ อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวเท่านั้นแล้วอาจารย์ อีกนิ ดเดียวอาจารย์ก็ จะได้เจออัลลอฮฺ แล้ว อีกนิดเดียวอาจารย์ก็จะได้เป็ นมุสลิมแล้ว “เอ๊ า จริ งมัย้ หล่ะ พวกเธอมาเรี ยนก็เพราะเตรี ยมตัวตาย เพราะถ้ าเธอคิ ดว่ าเธอ ไม่ตาย เธอก็ไม่มาเรี ยนหรอกจริ งมั้ย ไปทาอย่ างอื่นไม่ ดีกว่ าเหรอ มีอะไรให้ ทาอีกตั้ง เยอะตั้ งแยะ พวกเธอมาเรี ยนก็เพราะเตรี ยมตั ว ที่ จ ะตายตามแบบแผน ตายอย่ างมี ความสุ ข จริ งๆนะ มีนั ก ปรั ช ญาฝรั่ งคนหนึ่ ง เคยพูด ไว้ ว่ า Death is salt of life ‚ความตายเป็ นเกลือของชีวติ ‛ เพราะมันทาให้ ชีวิตเรามีรสชาติ ทาให้ เรากระตือรื อร้ น ที่จะทาอะไรตั้งมากมาย และทาให้ เรารู้ จักที่จะปล่อยวาง ในสถาณการณ์ ที่ มันเป็ นเวลา ที่ยา่ แย่ของชีวิต เช่ นเวลาที่เราผิดหวัง หรื อ ไม่ประสบความสาเร็ จ

“ บางครั้งการพัฒนาความรู้ใหม่กไ็ ม่สาคัญเลย เมื่อ เทียบกับการคิดให้ได้ ว่าทาอย่างไรเราจึงจะนาความรู้ ที่เรามี ไปให้ ถงึ มือผู้ทไี่ ด้ใช้ ประโยชน์ ให้ มากที่สุด…

แล้ วความสุข คื ออะไรหล่ ะ ? บางคนนะ ความสุข คื อการละแล้ วซึ่ งกิ เลส การไปสู่ นิพพาน การทาให้ ชีวิตตัวเองสมบูรณ์ ในศาสนา อย่างหนู หนูเชื่อในพระเจ้ าใช่ มยั้ ” คราวนี้ เริ่ มเพ่ง เล็งมาที่ ฉัน เพราะการเป็ นนึ ก ศึก ษามุสลิมเพี ย งคนเดี ย วใน Class ทาให้ฉนั ถูกตั้งคาถามอยูเ่ สมอ ฉันพยักหน้ารับงึกๆ “ถ้ างั้นความสุ ขของหนู ก็คื อการได้ เป็ นคนดี ข องพระเจ้ า การได้ ใกล้ ชิดพระเจ้ า ใช่ มยั้ ” ฉันพยักหน้ารับคล้อยตามคาพูดอาจารย์อย่างเบาๆ


“ถ้างั้นความสุขของหนูก็คอื การได้เป็ นคนดี ของพระเจ้า การได้ ใกล้ ชิดพระเจ้าใช่ มั้ย ฉันพยักหน้ ารับคล้ อยตามคาพูดอาจารย์ อย่ างเบาๆ

“นักศึกษา พวกเธอลองกลับไปคิดดูให้ ดีๆนะ ว่ าความสุขของพวกเธอคื ออะไร เพราะถ้าพวกเธอได้ ทางานที่เธอรั กและมีความสุขกับงาน เธอจะไม่ ต้องทางานอีกเลย ตลอดชีวิตนี ้ ถ้ าความสุขของพวกเธอคื อความร่ารวย ก็ไม่ แปลกเลย ที่ พวกเธออยาก จะรวย แต่ ความอยากรวยนั้นจะต้ องถูกจากัดด้ วยกรอบของศีลธรรม ” Class เรี ยนในวัน นั้นจบลงด้วยความอิ่มเอมใจอย่างมากมาย อัลฮัมดุ ลิลละฮ์ ฉันนึกขอบคุณผูท้ รงเป็ นเจ้าของลมหายใจของฉันอีกครั้ง ที่ทาให้ทุกอย่างก้าว ทุกการ เรี ยนรู้ มี ค วามหมายเสมอ ฉัน ไม่ ต ้องออกค้น หาอย่า งใครๆ ว่ า ฉัน เรี ยนไปท าไม ความสุขของฉันคืออะไร เพราะฉันมีคาตอบที่แจ่มชัดอยูใ่ นใจอยูเ่ สมอ ทุกๆ ชีวติ จะได้ ลมิ้ รสความตาย แล้วพวกเจ้าจะถูกนากลับยังเรา ( อัล อังกะบูต : 57 ) (อหังการดอกไม้) … คนเล่าเรื่อง


16

ตาย!!! คอยรอตุน ฮิซาน… “ทุกชีวติ ย่อมลิ้มรสความตาย และเราจะทดสอบพวกเจ้าด้วยความชั่วและความดี และ พวกเจ้าจะต้ องกลับไปหาเราอย่างแน่ นอน” อัลกุรอาน 21:35 “ความตาย” เป็ นสิ่ งที่ไม่ว่ามนุ ษย์หน้าไหนก็ไม่สามารถ หนี พน้ ไปได้ เป็ นสัจธรรมที่ถึงแม้ว่าคนที่ยงั ไม่เคยตาย มาก่อน ก็ยงั เชื่ออยู่เต็มประดาว่าตนนั้นก็ตอ้ งพบเจอกับ ความตายเช่ นเดียวกับผูท้ ี่ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ไม่ว่าจะ ยากดีมีจน ร่ ารวยเงินตรา เป็ นเศรษฐี กษัตริ ย ์ หรื อยาจก หรื อมีตาแหน่ ง ยศฐาบรรดาศักดิ์ สูงส่ งแค่ไหนก็ตามแต่ ก็ยอ่ มล้วนแล้วแต่ตอ้ งลิ้มรสความตายทั้งสิ้น แน่นอนไม่มีใครจะรอดพ้นความตายไปได้ "และการมีชีวติ อยู่ในโลกนี้มิใช่ อื่นใด เว้นแต่ เป็ นการละเล่ นและการสนุกสนาน ร่ าเริง และแท้ จริงสถานที่ในปรโลกนั้น แน่ นอนมันคือชีวิตที่แท้ จริง หากพวกเขาได้ ร้ ู " อัลกุรอาน 29:64 แม้ว่าความตายจะเป็ นสิ่ งที่ทุกคนย่อมรู้จกั และเชื่ อว่าสักวันตนก็ตอ้ งประสบ เช่นเดียวกับคนอื่นๆ แต่กระนั้น ความตายของผูป้ ฏิเสธศรัทธา กับความตายของผูศ้ รัทธา ย่อมมีบริ บทต่างกันอย่างแน่ นอน ในขณะที่ ความตายของผูป้ ฏิเสธศรัทธาบางคน เป็ น เพียงการดาเนินไปตามวัฏจักรของชีวิต คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย และจะกลับมาจุติบนโลกอีก ครั้ง แต่ผศู้ รัทธากลับมีความเชื่อที่แตกต่างกัน กล่าวคือความตายนั้นเป็ นเพียงจุดเริ่ มต้น ของชีวิตอันนิรันดร์ โลกแห่งอนาคต (โลกอาคีเราะฮฺ ) ที่ผคู้ นไม่ว่าศาสนาใด ชนชาติใด แต่เมื่อเกิดมาบนโลกแล้ว ก็ยอ่ มต้องถูกสอบสวนทั้งสิ้น ความตายกลายเป็ นสิ่งที่ผคู้ นต่าง หลงลืม ไม่ก็แกล้งลืม แสร้งว่าไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นเรื่ องราว หรื อคาตักเตือนเกี่ยวกับความ


17 ตายแต่อย่างใด ช่างไม่ต่างอะไรกับฝูงวัวในโรงฆ่าสัตว์ ที่ถึงแม้ว่าจะได้พบเห็นความตาย ของเพื่อนวัวตัวอื่นมาแล้วมากมาย แต่มนั ก็ไม่เคยสะทกสะท้านแต่อย่างใด ยังคงใช้ชีวิต สาราญกับกองหญ้าตรงหน้าอย่างเอร็ ดอร่ อย โดยไม่ ใยดี กบั เสี ยงเจ็บปวดรวดร้ าวของ เพื่อนวัวที่กาลังเผชิญกับความตาย หากแต่เมื่อใดก็ตามที่ถึงตาของมันต้องถูกขึงเพื่อปลิด ชีพแล้ว มันถึงจะรู้ตวั ว่ามันกาลังจะตาย และดิ้นทุรนทุรายสุ ดชีวิต เพื่อให้รอดพ้นเงื้อม มือของคนเชือดให้ได้ ช่างน่าเป็ นห่วง และอนาถใจเหลือเกินสาหรับผูค้ นในยุคนี้ ยุคที่เทคโนโลยี ความสะดวกสบาย หรื อแม้แต่เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่กา้ วไกล จนผูค้ นส่วนใหญ่ต่าง เชื่ อว่า ตนจะสามารถมีชีวิต ได้อีก หลายปี และจะสามารถห่ างไกลจากความตายได้ แต่ค วามจริ งไม่ได้เป็ นไปอย่างที่ ใจของมนุ ษย์ต ้องการ เพราะทุ กคนย่อมตาย!!! ผูค้ น มากมายต่างใช้ชีวิตไปกับโลกใบนี้อย่างกับว่าพวกเขาจะไม่มีวนั ตาย พวกเขาเพียงแต่ใช้ ชีวิตไปวันๆ สนุกสนาน ให้โลกใบนี้มีแต่ความสุ ข จนลืมภารกิจของการเกิดเป็ นมนุ ษย์ นั้น คื อการ เคารพสัก การะพระผูเ้ ป็ นเจ้าเพียงองค์เดียว อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮุ ว าตาอาลา เท่านั้น และจากท่ านอิบนู อับบาส รอฏิยลั ลอฮูอนั ฮู ได้กล่าวว่า ท่านเราะซูล (ซ็อลลัล ลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม)ได้กล่าวว่า “จงฉวยโอกาสกระทา ห้ าประการก่อนอีกห้ าประการจะมาถึง วัยหนุ่มของท่ าน ก่ อนความชราจะมาหา สุ ขภาพที่ดีของท่ านก่ อนความเจ็บป่ วยจะมาหา ความร่ารวย ของท่ านก่อนความยากจนจะมาหา เวลาว่างของท่ านก่อนภาระที่ย่ งุ ได้ มาหา การมีชีวิต ของท่ านก่อนความตายจะมาหา” บันทึกโดย อัลฮากิม ผูค้ นมักจะราลึกถึงความตายจริ งๆก็ต่อเมื่อตกอยูใ่ นสภาวะคับขันที่อาจจะทาให้ เขาจบชีวิตลง หรื อไม่ก็ป่วยหนักปางตาย เมื่อนั้นพวกเขาก็จะราลึกถึงความตาย และขอ ความช่วยเหลือจากพระเจ้าของเขา


18

“แต่ผ้ศู รัทธากลับมีความเชื่อที่แตกต่างกัน กล่ าวคือ ความตายนั้นเป็ นเพียงจุดเริ่มต้ นของ ชีวิตอันนิรันดร์ โลกแห่ งอนาคต (โลกอาคีเราะฮฺ)

“และเมื่อทุกข์ ภัยอันใดประสบแก่มนุษย์ พวกเขาก็วิงวอนขอต่ อพระเจ้ าของพวก เขา โดยเป็ นผู้ผินหน้ ากลับไปสู่ พระองค์ ครั้น เมื่อพระองค์ ได้ ทรงให้ พวกเขาลิ้มรส ความเมตตาจากพระองค์ ณ บัดนั้นหมู่หนึ่งจากพวกเขาก็ตั้งภาคีต่อพระเจ้ าของพวก เขา” อัลกุรอาน 30:33 ช่างน่าละอายสาหรับกลุ่มคนที่ได้กลับเนื้อกลับตัวไปยังอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮุวา ตาอาลา เมื่อครั้งที่เขาประสบกับความยุง่ ยากและหายนะในชีวิตจนเกือบเอาตัวไม่รอด แล้วหลังจากนั้นเขาก็กลายเป็ นผูท้ ี่ไม่รักษาคามัน่ สัญญาที่ให้ไว้กบั พระเจ้าของเขา จน แสดงความอกตัญญูออกมา แน่นอนไม่มีใครรับรองได้ว่า เหตุการณ์เลวร้ายหรื อการล้ม ป่ วยจะเกิดขึ้นอีกเมื่อใด หรื อมันอาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้วก็ได้ สาหรับการกลับเนื้ อ กลับตัวอีกครั้ง ผูค้ นมากมายเมื่อครั้งที่ยงั มีสุขภาพดี และมีเวลาว่างมากมาย แต่พวกเขากลับใช้ ไปกับสิ่งที่ไร้ประโยชน์ เมื่อมีคาเตือนมายังพวกเขาในเรื่ องของความตาย พวกเขาก็มกั ขานกลับว่า ‚ไม่เป็ นไรหรอก พวกเรายังหนุ่ มยังแน่ น ยังมีชีวิตอยู่ได้อีกนาน เมื่อใดที่ เราชราแล้วเราจะกลับเนื้อกลับตัวไปยังอัลลอฮฺ ก็คงจะทัน‛ พวกเขาแน่ใจได้อย่างไรว่า จะมีชีวิตไปจนถึงวัยชรา วัลลอฮุ อะอฺ ลมั ไม่มีใครล่ว งรู้ อนาคตได้ นอกจากอัลลอฮฺ เท่านั้น ดังนั้นจงอย่าเชื่อมัน่ ในสิ่งที่เราไม่รู้แน่นอน แต่จงทาวันนี้ และวินาทีน้ ี ให้คุม้ ค่า


19 ที่สุดเพื่อการสักการะพระองค์ อย่ารอให้ลมหายใจเฮือกสุ ดท้ายมาเยือน เพราะนั้นคุณ อาจจะไม่ได้แก้ตวั อีกต่อไป อิสลามนั้นได้สอนให้เราเตรี ยมพร้อมไว้สาหรั บความตาย เพื่อที่ลมหายใจ สุ ด ท้ายของเราจะได้ก ล่า วถ้อยค าที่ ว่ า ‚ลาอี ลาฮะอิลลัล ลอฮฺ ‛ (ไม่มีพ ระเจ้าอื่น ใด นอกจากอัลลอฮฺ ) ซึ่งเป็ นการยืนยัน ในเอกภาพของพระเจ้า อันเป็ นแก่นคาสอนของ อิสลาม ดังที่ท่านนบีมุฮมั มัด(ซ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม)กล่าวว่า “ผู้ใ ดที่ ค าสุ ด ท้ า ยของเขาคือ “ลาอี ล าฮะอิ ล ลั ล ลอฮฺ ”(ไม่ มี พ ระเจ้ า อื่ น ใด นอกจากอัลลอฮฺ) เขาจะได้ เข้ าสวรรค์ ” รายงานโดย อาบูดาวุด แน่ นอนการที่จะได้มาซึ่งถ้อยคานี้ ในห้วงเวลาสุ ดท้ายของชีวิตนั้น จาเป็ นอย่างยิ่งที่ ชีวิตก่อนความตายนั้น เขาได้ปฏิบตั ิตวั สอดคล้องกับถ้อยคาที่อยากจะให้เปล่งออกมา เมื่อลมหายใจสุ ด ท้ายมาถึง บางคนอาจจะก าลังทาตัว สบายใจที่ ได้เ กิ ด เป็ นมุสลิ ม อินชาอัลลอฮฺ เมื่อเวลาแห่งความตายมาเยือน ตนจะได้กล่าวคานี้ อย่างสมใจ แต่จงรู้ไว้ เถิดมันอาจจะไม่เป็ นอย่างที่คุณคิดก็ได้ นั้นเพราะ มีเหตุการณ์ มากมายที่พิสูจน์ให้ เห็นแล้วว่า การเป็ นมุสลิมเพียงแค่ในบัตรประชาชน มันไม่สามารถช่วยให้คุณสามารถ กล่าวคานี้ออกมาได้จริ งๆในเวลานั้น แต่สาหรับผูท้ ี่เป็ นมุสลิมทั้งหัวใจ และการปฏิบตั ิ ต่างหากที่เขาจะสามารถเปล่งถ้อยคาอันสวยงามนี้ได้ เหตุใดจึงเป็ นเช่นนั้น จะให้มนั ไม่เป็ นเช่นนั้นได้อย่างไรกันเล่า ในเมื่อครั้งที่ท่านยังมี ชีวิตอยู่ วาจาของท่านเอาแต่เปล่งเสี ยงร้องเพลงดนตรี ที่ชื่นชอบเป็ นพิเศษ ดังนั้นเมื่อ เวลาแห่งความตายมาเยือน เป็ นไปได้ว่า แทนที่ท่านจะได้กล่าวชะฮาดะฮฺ กลับต้องเอ่ย ร้องเพลงที่ เคยร้องจนติ ดปากเมื่อครั้ งยัง มีชีวิต ถึงแม้ว่าหัวใจจะเรี ยกร้อง ‚ลาอีลา ฮะอิลลัลลอฮฺ ‛ มากเพียงใด แต่เพราะการใช้ชีวิต ของท่านในอดีต มันทาให้ท่านไม่ สามารถเปล่งวาจาอันไพเราะนั้นได้ นี่ไม่ใช่เรื่ องที่แต่งเพียงเพื่อให้ท่านกลัว แต่มนั เคย


20 เกิดขึ้นมาแล้วจริ งๆ แม้แต่ตวั ผูเ้ ขียนเอง ยังเคยประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้ ถึงแม้ว่าเขา จะไม่ ถึ งกับ ร้ อ งเพลง แต่ สิ่ งที่ เ ขาเปล่ ง ออกมาก็ท าเอาผูเ้ ขี ย นตกใจอยู่เหมื อนกัน เหตุ การณ์ค รั้ งนั้น ยังจ าได้ดี ดูเหมือนว่าลมหายใจของเขาก าลังจะหมด ญาติพี่น้อง พยายามให้เขากล่าวชะฮาดะฮฺ แต่เขากลับตอบออกมาว่า “จะให้ กล่ าวทาไม ไม่ เห็นได้ อะไรขึ้นมา ฉันไม่ เห็นว่าจะหายเจ็บปวดตรงไหน!!” อัลลอฮูอกั บัร ทั้งๆที่ตลอดชีวิต ของเขาเป็ นมุสลิม แต่เหตุใดเล่าเขาถึงได้เอ่ยวาจาออกมาเยี่ยงนี้ หรื ออีกรายหนึ่ งที่เมื่อ ครั้ งชี วิต จะจากโลกนี้ ไป เขาต้องกล่าวชาฮะดะฮฺ อย่างทุลกั ทุ เล แทบจะเอ่ยออกมา ไม่ได้ ท่านอยากให้ชีวิตของท่านจบลงด้วยเสียงเพลงกระนั้นหรื อ? อย่าแน่ ใจไปเลยว่า เมื่อวาระสุ ดท้ายของชีวิตมาถึงจริ งๆ ยามที่มลาอีกตั แห่ ง ความตายยืนอยูต่ รงหน้า ท่านจะได้กล่าวชะฮาดะฮฺสมใจ หากในวันนี้ วิถีชีวิตของท่าน แทบจะไม่มีอะไรที่แยกออกระหว่างมุสลิมและผูป้ ฏิเสธศรัทธา แต่ ณ ตอนนี้ เวลานี้ ท่านยังมีเวลา สาหรั บการกลับเนื้ อกลับตัว ไปสู่ เจ้าของชี วิตของท่ าน ไปสู่แนวทาง ของอะฮฺลุลซุนนะฮฺวลั ญะมาอะฮฺ อินชาอัลลอฮฺ ท่านจะเป็ นผูไ้ ด้รับชัยชนะ และได้รับ สรวงสวรรค์เป็ นการตอบแทน… . ขณะกาลังจะตาย เจ็บปวดแค่ไหนนะ คนยังไม่ตาย ไม่มีใครตอบได้ แต่นบีของเราหลายท่าน บอกเราว่า ‚เจ็บมาก‛ เจ็บแบบที่ไม่เคยเจ็บแบบนี้ มาก่อน หยุดชีวิตดุนยาสนุกๆนี้ นึกถึงความตายให้มาก ให้ดวงตากลัน่ หยดน้ าออกมา ให้มนั ออกมา ทุกคนต้องตายนี่ ไม่มีทางออกของความตายใด จะสุ ขมากไปกว่า “ความตายของผู้ศรั ทธา” ผูศ้ รัทธา ที่ท้ งั ชีวิตมอบให้แด่ผูส้ ร้างเขา ผูเ้ ป็ นที่รักเหนือทุกสรรพสิ่งในเอกภพแห่งนี้ … .


ฮุดฮุดคาบข่าว เรื่ องชาวบ้าน คืองานของเรา ! พับ่ พับ่ พับ่ ......อัสลามมุอะลัยกุม ท่านผูอ้ ่านมากหน้าหลายตา ฮุดฮุดเจ้าเก่ามาแล้วจร้า พร้อมคาบข่าวสารและจิกกัดแบบแสบๆคันๆ เอาข่าวคราวพี่นอ้ งมาเล่าสู่กนั ฟัง ไม่พูด พร่ าทาเพลงแล้ว (เฮ้ย ทาเพลงไม่ได้ ฮารอม ----ฮากริ บ ) เริ่ มกันเลยดีกว่า...อันดับ แรกก็ตอ้ งขอต้อนรับน้องใหม่ดว้ ยใจสาราญยิง่ ผูท้ ี่อลั ลอฮฺเลือกสรรให้มาอยู่ในรั้วแห่ ง นี้ ขอให้บรรดาชะบ๊าบแห่ ง ม.อ.ช่ วยกันขับเคลื่อนการทางานอิสลามให้ไปข้างหน้า อย่างมัน่ คง อยากบอกว่ารักน้องทุกคนนะ (ไม่ได้ดราม่านะ พูดจริ ง) สมิอฺนาก็มีมา ตั้ง 6เล่มแล้ว (รวมเล่มที่4.5 ด้วยอ่ะ) เล่ม 6 ในครั้งนี้ก็เลยถือโอกาสเปลี่ยนไม้บ.ก. นาย น. บรรณาธิ ก าร Hardcore คนเก่ า จึ งได้ที ปล่ อยตะขาบ(ทายาทอสู ร )ให้น าย ม. บรรณาธิการคนใหม่รับตาแหน่ง แต่ผชู้ มบ่ตอ้ งเป็ นห่วง ยัง Hardcore และหนักแน่นใน สาระเหมือนเดิ ม (ยกเว้น คอลัมน์น้ ี ) ป.ล.ถึงไม่ได้เ ป็ นอามีรสมิ อฺน าแล้ว แต่ ก็เป็ น อามาตย์สมิอฺนาก็ได้ วะฮะฮะฮ่า เนี่ยนะ ถ้าฮุดฮุดวางมือขึ้นมาละ ก็คงต้องหาอาบาบีล มาคาบข่าวแทนแล้วล่ะในช่วงปิ ดเทอมที่ผ่านมาเรี ยกกันได้ว่าเป็ นเทศกาลล่าค่าย นัก ทางานตัว พ่อต่ างไปฆูล่า ไปสเต็ ปกัน ระเบิด ระเบ้อ เรี ยกกันได้ว่า ไวท์บอร์ ด ที่ บ้านอัรกอมครึ่ งหนึ่งเป็ นตารางกิจกรรมค่าย แบบว่ามหาศาลมาก.......ค่ายแรกที่เราจะ กล่าวก็คือค่ ายพัฒน์ ของชมรมมุสลิม ซึ่งปี นี้ จดั ที่สตูล เรี ยกกันได้ว่าเป็ นค่ายที่รวมพี่ น้องชาว ม.อ.อย่างมืดฟ้ ามัวดิน ได้สร้างตาดีกา สัมพันธ์ชาวบ้าน ได้ความเป็ นพี่น้อง แต่.....ทั้งหมดจะสูญเปล่าทันที หากไม่เจตนาเพื่ออัลลอฮฺ (เตือนตัวเองง่า) และใน ระยะเวลาที่คาบเกี่ยวกันก็มีค่ายพัฒนาศักยภาพผู้นามุสลิม(รอบบานีย์) ซึ่ งจัดที่ กทม. ฮุดฮุดกะ บ.ก.ก็ไปด้วย ก็มีน้อง ม.อ. ติดสอยห้อยตามไปด้วย (แอบซาบซึ้งน้ าตาคลอ เบ้า ที่น้องๆมีการพัฒนาตัว เอง อย่างรู้ สึก ได้ ) อ้อ ช่ว งค่ ายเป็ นช่ ว งที่ เสื้ อแดงชุมนุ ม


22

ใหม่ๆ ฮุ ดฮุ ด ดัน๊ ลืมตัว ใส่ เสื้ อแดงที่กิ่ งเพชรซอย 7 ทหารมองเขม็งเชียว เกือบโดน sniper แล้วไหมล่ะหายไปไม่นานก็มีค่ายเส้ นทางสู่ หลักชัยจัดที่นครสววรค์ เอ๊ย .. นครศรี ธรรมราช ค่ายนี้ติวน้องอย่างเดียวเลย แต่ติวทั้งโลกนี้ และโลกหน้า น้องจะได้ เอาไปใช้ในสนามสอบและสนามมะชัร ฮุดฮุดขอชื่นชมและแถมไปด้วยค่ายเด็ ก (โคโดโมะ แคมป์ ) ที่ชาวสมิอฺนาต่างไปจัดแถวบ้านตัวเอง หวังว่าน้องๆเหล่านั้นจะโต ขึ้นมาเป็ นกาลังอิสลามต่อไปนะไปซะทัว่ เลยกลับมาหาดใหญ่ต่อ ช่วงปลายเมษา หน้าร้ อน กับค่ ายจัน ทร์ เสี้ ย ว ค่ายแนะแนวเกี่ ยวกับการแพทย์และสาธารณสุ ขแบบ อิสลาม ค่ายนี้ ก็ย งั ฮอตติดชาร์ ตไม่เสื่ อม คนสมัครยอดเฉี ยดพันจะเอาแค่ร้อยกว่าคน น้องๆจะได้รู้ว่าพี่ที่เรี ยนเก่งๆนั้นทางานอิสลามกันทุกคน ใครว่าเรี ยนเก่งแล้วต้องทิ้ง ศาสนา ไม่เจงงงงงงงหลังจากจัน ทร์ เสี้ ยวไปไม่น านก็ได้ลงไปปั ต ตานี ที่ มอย. (มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา) ที่ค่ายใบไม้ (จริ งๆเค้าให้เรี ยกค่ายอามาลอิสลามียน์ ะ) ที่เน้น การขัดเกลาและการทางานอิสลาม ฮุดฮุดแอบไปแวะซักครึ่ งชัว่ โมง ก็เห็ นคนแวดวง เดียวกันทั้งนั้น ว้าวๆ เจอ บ.ก.คนใหม่ดว้ ย ทาหน้าเครี ยดมากมาย สงสัยว่าสมิอฺนาเล่ม ต่อไปคงข้นคลัก่ ไม่แพ้เล่มเก่าๆแน่ นอนร่ อนไปมาซะทัว่ กลับ ม.อ.ก็ได้ที่ร่อนที่ ใหม่ ไปสตูลกัน ไปสัมมนาชมรมมุสลิมกันที่ทะเลบัน สามวันสองคืน โขโบกๆ(ขอ บอก)ว่าเป็ นสัมมนาที่อบอุ่น เหนื่อยมาก แต่ก็รักกันมากขึ้นเยอะเลย แต่ไม่วายยังมีการ ทะเลาะกันบนเวที ถึงกับมีการแบ่งพรรคแบ่งพวก เพราะมีขอ้ ขัดแย้งที่ว่า ‚ไร้รอยต่อ ทอเต็มผืน หลับเต็มตื่น‛ เนี่ย สโลแกนของ โตโต้ หรื อ ซาตินกันแน่ (สื บมาแล้ว โตโต้ จ๊ะ ห้าห้าห้า ฮุด ฮุดชนะ) หลังจากสัมมนาก็ได้เวลากลับม.อ.กัน เห็นน้องปี สอง คร่ าเคร่ งกับการเตรี ย มตัว กับการต้อนรั บน้องๆที่ เข้ามาใหม่ เห็ น แล้ว ฮุ ด ฮุ ด ชื่ น ใจ


23

(อีโมชัน่ น้ าตาคลอเบ้า) นึกว่าจะอยูห่ าดใหญ่ได้นาน แต่แล้วต้องมีอนั ระหกระเห็จ ไปใต้สุดสยาม เมืองเบตง ไปช่วยค่ายของ IBNU JABAL เค้า กับค่ ายเติมศรัทธาสู่ ผ้า ขาว แรกๆก็ทาเอาท้อมากมาย เนื่องจากน้องๆค่อนข้างโหลดนาน แต่เราก็ได้สู้ เพราะ เราคอค่ ายเติ ม ศรั ทธาสู่ ผ า้ ขาว ได้ที เราก็ล ะเลงกัน เต็ มที่ จบค่ า ยอย่างชื่ น มื่น และ ต้องอัลฮัมดุลิลลาฮที่ได้เห็นน้องมีการเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีข้ ึนในเวลาสาม วันสองคืน พวกบังๆก๊ะๆก็ข อดุอาอ์ให้น้องๆนะจ๊ะ สู้ๆ แก๊งค์เสื อดาว (>0< )//  มาเบตงทั้งทีไม่กินไม่เที่ยวแล้วจะถึงเบตงหรื อ คราวนี้เจ้าที่ก็พาไปกินของดีเบตงหลาย อย่าง เช่น หมี่ เบตง ไก่เบตง เสียดายยังไม่ได้กินกบเบตง ห้าห้าห้า แถมยังพาไปเที่ยว อีกด้วย พาไปที่บ่อน้ าร้อน ซึ่งเป็ นสถานที่กาเนิ ดของวลี ยอดฮิต “อารมณ์ ชั่ววูบ” ถ้า อยากรู้ที่มาเป็ นอย่างไร ก็ไปถามอามีรบ้านวิชาการปี นี้เลยจ้าพ้นเบตงก็มาหาดใหญ่ คราวนี้สงสัยจะไปไหนไม่ได้เพราะอ.ที่ปรึ กษาเริ่ มงอล เอ้า อยู่ก็อยู่กระดาน 3 แผ่น ผ้าขาว 3 ผืน… หวานซึ้งและเพราะมากมาย กับงานมหกรรมอนาชีด (12 มิ.ย.) ที่ผ่าน มา หลายแนวมาก ดั้งเดิม ลูกทุ่ง ป๊ อป กระทัง่ แบบแหล่ เอางั้นเลย และยังได้ช่วยเหลือ เด็กกาพร้าอีก ว้าวๆ สุ ดยิดเลยอ่า ยัง ได้เห็นการร่ วมแรงจัดงานเต็มที่ของมุสลิม ม.อ. แม้ว่าจะมีอุปสรรคมากมาย แต่หัวใจเขายังอดทน สู้ๆนะจ๊ะ น้องๆที่รัก… ตบท้าย ด้วยข่าวดี เจ้าของเมลล์อนั ลือลัน่ Ayah A day บังซอบีร คุณหมอชั้นปี่ สี่ ประกาศ สละโสดแล้วจ๊ะ งานนิกะฮ์จดั ที่ศนู ย์กลางอิสลามฯ กทม. ในวันที่ 26 ก.ค. นี้ คราวนี้คง มีผชู้ ่วยทา Ayah A day ให้แล้วละซิ คนดีๆเนี่ ยไปไวจริ งๆนะ จิงไหม กิ๊ฟลัน (แล้ว ตรู เกี่ยวไรเนี่ย)…คนจุดประเด็นข่าวข้างต้นไม่ใช่ใครที่ไหน น้องชายซอบีรนี้ล่ะ แต่เรา


24

จะไม่บอกว่าเป็ นชูโ กร์ จุ ด ข่ าวนี้ งานนี้ เคลียร์ ก ัน เองนะจ๊ะ ฮุ ด ฮุ ด ขอจรลีไปล่ะ  ก่อนจะไป โฆษณานิสนึง ไม่เอาจอร์จกะซาร่ า แต่เอาคู่สามีภรรยา รอเมาะกะบอเฮงนะ รอเมาะ : แย่จงั เลย เกิดปัญหาอีกแล้ว บอเฮง : มีปัญหาอะไรรึ เปล่ารอเมาะ รอเมาะ : คืองี้ค่ะบอเฮง วันนี้คุณพ่อมาหาดใหญ่แล้วไม่มีที่พกั ไม่รู้จะไปพักที่ไหนดี บอเฮง : ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป ถ้าใช้บริ การ ”บ้ านแห่ งพีน่ ้ อง” !! รอเมาะ : บ้านแห่งพี่นอ้ งคืออะไรค่ะ ? บอเฮง : หากท่านเป็ นผูห้ นึ่งที่ประสบปัญหาขาดแคลนที่พกั ค้างคืน ท่านสามารถใช้ บริ การบ้านแห่งพีน่ อ้ ง ซึ่งมีสี่สาขาด้วยกันได้แก่ บ้ านอัรกอม บ้ านดารุลมุซาฟิ ร บ้ าน ดารุลอันศอร และบ้ านอัศฮาบุลกะฮฺฟี (บ้านหนุ่มๆชาวถ้า) รอเมาะ : แล้วเรื่ องค่าใช้จ่ายละค่ะ แพงไหม บอเฮง : เราขอแค่คาดุอาอ์จากพีน่ อ้ งก็เพียงพอแล้ว รอเมาะ : อัลฮัมดุลิลลาฮฺค่ะ ดีจงั …จบ เฮ้อเหนื่ อยแล้ว บินไปบินมาตั้งแต่เบตงยันกทม. คราวนี้ คงต้องหยุดพักแล้ว เจอกัน ใหม่ในฉบับที่ 7 นะ ฉบับนี้ ก็ข อลาด้ว ยค าว่า ไม่ มีอุด มการณ์ ใ ดที่สามารถ เทีย บเคีย งอุด มการณ์ อิสลามได้ ส่ วนฉบับนี้ ก็ต ้องขอ อัสลามมุอะลัยกุม วาเราะฮ มาตุลลอฮฺ วาบารอกาตุฮ พับ่ ๆๆๆๆๆ … .


อิสลาม… กาลังจะกลับมา… .

ฉันมีเพื่อนรักคนหนึ่ง เรียนอยู่แดน ไกล แกชอบเล่าเรื่องราวเก่าๆ ความรุ่งโรจน์ ของอิสลามให้ฟังเสมอ ในขณะที่วัยรุ่น มุสลิมหลายคนคลั่งไคล้วัฒนธรรมฝรั่ง เกาหลี ปานจะกลืนกิน นี่ยังไม่นับพวกชอบ แอ๊บแบ๊ว ชอบทาหน้าบูดเบี้ยวอีกนะ มีเค้า คนหนึ่งนี่แหละที่ไม่เอาเช่นนัน้ อ่า…อัลลอฮฺ ให้สมองให้ปัญญา ใยถึงต้องไปเลียแข้งถือ หาง ตามหลังคนอื่นล่ะ จิงไหม แกว่าความคิดที่ว่าอิสลามจะ กลับมาอีกครั้งนัน้ ไม่ไช่เรื่องเล่นๆ แต่มันได้ ถูกสัญญาโดยพระเจ้าแล้ว รู้แล้วอย่าได้ปิด ให้มิดเชียว จงบอกต่อกันไป ให้มุสลิมตื่น กันใด้แล้ว รู้ไหม 70 กว่าปีผ่านมาแล้วนะ ที่อาณาจักรอิสลามแห่งสุดท้ายถูกทาลาย ก่อนหน้านัน้ เราก็ครองโลกอย่างสันติสุขมา นานมั่กๆ สมัยนัน้ เรายิ่งใหญ่แค่ไหน พวก มันสมองตะวันตกรู้ดี เค้าปกปิดและไม่ ยอมให้ชาวโลกโดยเฉพาะลุกหลานมุสลิม ได้รู้ ล่าสุดบอลโลก ก็ดูกันให้เยอะ อย่าได้ ไปอ่าน อย่าได้ไปดูอะไรที่มันจะจุดไฟแห่ง อิสลามให้ลุกโชติขึ้นมา 70 ปีก่อนนู่น มุสลิมนิยมใส่หมวกชนิดหนึ่ง เรียกว่า “ตอรบูช” หมวกทรวยาวๆสีแดงเข้มนั่นล่ะ มันเป็นสัญลักษณ์ความเป็นเอกภาพของเรา ใครๆก็ กลัวสัญลักษณ์นี้ แต่เด่วนี้…เรานิยมใส่เสือ้ ยืดลาย กัญชา(มีจริงๆ) ผ้าคลุมผมหลากสี สัน้ ๆ กางเกงยีน รัดๆ เอวต่าๆเข้าไว้ ก็ไม่รู้ว่าเป็นสัญลักษณ์เอกภาพ ของอะไรกันแน่ เฮ้อ พูดแล้ว เรื่องมันเศร้า… .


รู้ไหม ตอนนี้ต่างประเทศเค้าตื่นตัวแค่ ไหน เค้ารู้ว่าเวลาสาหรับการตื่นขึ้นมาของยักษ์ ใหญ่ใจดีนามว่าอิสลาม กาลังมาถึงแล้ว ข้อ ครหา การกล่าวร้ายต่อมุสลิมในเรื่องต่างๆ กลับไม่ได้ทาให้จานวนคนเข้ารับอิสลามลดลง นู่น ที่ตุรกี… กล้ามากมาย ปธน.เค้า ตอยยิบ เออร์โดกัน ก็เป็นคนเดียวที่กล้าตอบโต้ และ พูดความจริงต่อหน้ายิว เป็นผู้นาที่กล้าพูด ว่ายิวคือฆาตกรตัวจริง เออรืโดกันช่วยเหลือฟา ลีสฏีนอย่างที่ผู้นาอาหรับทั้งหลายได้แต่นั่งหด ตัวในวังอันหรูหรา ไม่กล้าแม้แต่จะอ้าปากพูด เหอะ…ถ้ายังไม่กลับตัว ก็รอการพิจารณาคดี จากอัลลอฮฺเถิด… เพื่อนยังเล่าให้ฟังว่า ที่บอสเนียก็ไช่ย่อย ประเทศนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอิสลาม มุสลิมที่นี่ภูมิใจกับเกียรติยศนี้มาก คนที่นี่ยังใส่ ตอรบุชกันให้ฮะเร่อฮะร่า มัสยิดก็ตกแต่งด้วยธง เขียวอุษมานียะฮฺ คนที่นี่เค้ากาลังรอต้อนรับการ กลับมาของอาณาจักรอิสลาม… คุณปู่ อบูล หะสัน อันนัดวีย์ เคยบอกว่า หลานเอ้ย “ที่อุษมานียะฮฺล่มไปน่ะ แค่ป่วยเอง ไม่ไช่ตาย ” โห… นี่นะ ปราชญ์อวุโสแห่งโลกมุสลิม พูดซะอย่างนี้ ประกอบกับหะดีษนบีที่บอกอย่าง ละเอียดว่า อิสลามจะมีกี่ยุค แต่ละยุค เป็นแบบไหน มีอยู่ได้กี่ปี และจากหะดีษ ภาพปัจจุบันเรากาลังจะเข้าสู่ยุคแห่ง “คีลาฟะฮฺ” อีกครั้ง ดีใจไหมที่จะได้เจอ คนแบบอบูบักร คนแบบอุมัร อีกครั้ง… อิสลามที่เคยยิ่งใหญ่มาในอดีตจะกลับมา อีกก่อนวันกียามัต และจะปกครอง “โลก” นี้ คุณพร้อมหรือยัง ทาอะไรเพื่อเป็นส่วน หนึ่งของการกลับมานี่หรือยัง อย่าอยู่เฉยๆเลย ถ้ายังล่ะก๊อ… เริ่มแต่ตอนนี้เลย อินชาอัลลอฮฺ จากใจ…อามาตย์


วา...อิสลามา... . เมื่อเกียรติยศแห่งอิสลาม ถูกเหยียดหยาม มุสลิมจะอยู่นิ่งเฉยได้เชียวหรือ ? ถามตัวเอง วันนี ้กล้ าพอไหมที่จะแสดงตนให้ คนอื่นรู้ว่า "ฉันคือมุสลิม" หรือยังอายที่จะบอก อายที่จะใส่กะปี เยาะฮ์ อายที่จะใส่ฮิญาบ (ผ้ าที่คลุมทั ้งตัวและหัวใจ) อายไหม ที่จะใช้ ชีวิตให้ ต่างกับคนอื่นๆที่ไม่ใช่มุสลิม ทาได้ ไหม ที่จะต่างจากคนอื่นๆ ในสังคม อายหรอที่จะเป็ นคนแปลกหน้ าในสังคมอันเน่าเฟะ เละเทะไม่มีชิ ้นดีแล้ ว ในปั จจุบนั นี ้ อายหรอที่จะไม่มีแฟน อายหรอที่จะไม่มีการจับไม้ ถือแขนกันระหว่างหนุ่มสาว ทาไม่ได้ หรอที่จะอยู่แบบมุสลิม ทาไม่ได้ หรอที่จะรู้ จกั ขอบเขตชายหญิง รู้ไหม อะไรคือ "เกียรติยศแห่งอิสลาม" รู้สกึ ยังไงบ้ าง วันนี ้เราเห็นคนศาสนาอื่นเค้ านั่งชายกับหญิ ง ปะปนกันยั ้วเยี๊ย วันนี ้ เจอมุสลิมเรา ชายหญิ งนี่เอง นัง่ ร่วมโต๊ ะกัน ถามไถ่เป็ นอะไรกัน บอกว่าคือเพื่อนกัน จับไม้ ถือแขน มองหน้ ากันเป็ นอาจิน ถามว่ามีสทิ ธิซงึ่ กันและกันแล้ วหรือ ก็ต้องตอบว่าไม่ เพราะยังเป็ นแค่เพื่อน...หรือมากกว่าเพื่อน ???


28 นึกย้ อนไปในอดีต อะไรคือ "เกียรติยศแห่งอิสลาม" "ในเมืองมะดีนะฮฺยุคต้ น สมัยท่านนบีมุฮมั มัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในเมืองยัษริบนี ้ เผ่ายิวมีจานวนมากมายกว่าอาหรับหลายเท่านัก ไม่ว่าจะเผ่ากอยนุกออฺ นาฏิร เเละ กุรอยเซาะฮฺ ... เหตุเกิดที่ตลาดนัด ซึ่งเนืองแน่นด้ วยผู้คน ที่ต่างเดินหน้ าจับจ่ายซื ้อข้ าวของกัน เกือบทั ้งตลาดมีแต่ยิว!! แต่ ณ มุมหนึง่ ของตลาดมีมุสลิมะฮฺคนหนึ่ง เธอนัง่ ลงตรงนั ้น และนาเสนอสินค้ าของเธอ ชาวยิวนั ้น มีนิสยั รักสนุก คึกคะนอง หยิ่ง และเห็นเเก่ตวั เป็ นที่หนึ่ง หนึง่ ในพวกเขาเริ่ มคิดร้ าย หวังจะก่อกวนมุสลิมะฮฺคนนั ้น เขาเดินไปด้ านหลังของเธอ และถลกฮิญาบผืนใหญ่ของหล่อน ขึ ้นพาดไว้ บนต้ นคอ วันนั ้น ชาวยิวในตลาด ทั ้ง ผู้ใหญ่และเด็ก ต่างหัวเราะร่ วน ชอบใจกับเหตุการณ์นี ้ แต่ที่จริง นัน่ เพียงเพื่อสาแดง ว่าในสันดาน มีแต่ความคิดชัว่ ช้ า เธอก้ มหน้ าลง พลางนาฮิญาบของเธอพาดลงมาที่เดิม พร้ อมอุทานว่า "วา...อิสลามา…!" ...อิสลามโดนหยามเกียรติแล้ ว โอ้ ...อิสลามของฉัน...โดนเหยียบย่าแล้ ว... ท่ามกลางความเศร้ าหมองของหญิงไร้ ทางสู้คนหนึง่ กับกลุม่ ยิวผู้ชั่วช้ า ยิวร้ ายมองว่านี่คือเรื่องสนุก สะใจ เเต่มสุ ลิมะฮฺคนนั ้นมองมันว่าคือ การหยามเกียรติศาสนาของพระเจ้ า เสียงหัวเราะเคล้ าเสียงสะอื ้นของเธอนั ้น ไม่นาน ก็ปรากฏให้ เห็น เด็กหนุ่มมุสลิมผู้หนึ่ง* เดินรี่เข้ าไปปกป้องนาง และสู้กบั พวกยิวเหล่านั ้น เด็กหนุ่มคนเดียว ต่อสู้กบั กลุ่มยิวที่มมี ากเท่าตัว ...วันนั ้นคือวันสุดท้ ายของเขา เด็กหนุ่มถูกพวกยิวฆ่าตาย เขาตายชะฮีดในวันนั ้น เพียงเพื่อปกป้องเกียรติยศของมุสลิมะฮฺคนหนึ่ง (ที่เขาไม่ร้ ูจกั แต่คือพี่น้องร่ วมสายเชือกเดียวกัน)


29 เกียรติยศที่เธอเรียกว่า "เกียรติยศของอิสลาม" และนามาให้ เราได้ รับรู้ว่า การตายเพื่อปกป้องสิง่ ข้ างต้ นนั ้น นบีไม่ได้ กล่าวตาหนิ กับการที่เขาเดินเข้ าไปสู้คนเดียวเลย ทั ้งที่ร้ ูๆว่าไม่อาจชนะได้ นบียืนยัน... ตาแหน่งชะฮีดให้ เขา..." ... เกียรติยศของอิสลามนั ้น อยู่ที่ความเป็ นมุสลิมะฮฺครึ่งหนึง่ เชียวนะ ? แด่มสุ ลิมะฮฺ วันนี ้ เธอได้ ดแู ล และใช้ สทิ ธินี ้อย่างเต็มที่หรือยัง ฮิญาบของเธอเป็ นเช่นไร เสื ้อผ้ าปกคลุมร่ างกายของเธอ วิถีชีวิตเธอเป็ นอย่างไร ฮิญาบเธอคือเตาฮีด คือคาสัง่ ศักดิ์สทิ ธ์ จากพระเจ้ า หรือเป็ นเพียงผ้ าคลุมผมหลากสี ที่ปราศจากเตาฮีด พฤติกรรมของเธอ ตัวของเธอ เป็ นเพชรพลอยในกล่องงาม หรือ เพชรพลอยหน้ าร้ านไว้ โชว์เท่านั ้น แด่มสุ ลิมีน วันนี ้มีอีกไหม เเบบเด็กหนุ่มผู้นั ้น ขอสักหนึง่ คนให้ ได้ ประจักษ์ ว่ามันยังมี ได้ อีกไหม บุรุษที่เห็นมุสลิมะฮฺ อันเป็ นเกียรติยศของอิสลาม ของมุสลิม ถูกเหยียดหยามไม่ได้ บุรุษที่พร้ อมจะตายเพื่อปกป้องเกียรติยศของมุสลิมะฮฺคนหนึง่ ที่เขาไม่ร้ ู จกั (ส่วนตัว) แต่เขารู้ว่า เขาต้ องทาหน้ าที่ปกป้อง นี่เป็ นบัญชาซึง่ ถูกลิขิตไว้ แล้ ว ณ พระเจ้ า ... คิดไหมว่า เมื่อเกียรติสตรีคือเกียรติของมุสลิม ของอิสลาม!! การจับมือถือแขนกันของหนุ่มสาวมุสลิม ก็คือการหยามเกียรติอิสลาม การนัง่ สองต่อสองชายหญิง โดยที่เขาไม่มีสทิ ธิระหว่างกัน คือการหยามเกียรติอิสลาม การสือ่ สารโทรศัพท์ ด้วยความรักใคร่ ระหว่างหนุ่มสาวมุสลิมที่ไม่มีสทิ ธิต่อกัน คือการหยามเกียรติแห่งอิสลาม การทานข้ าวสองต่อสอง ไปไหนมาไหนด้ วยกัน การเป็ นแฟนกัน การคบกัน ... เหล่านี ้คือการหยามเกียรติอิสลาม ... เรื่องใกล้ ตวั แต่เราไม่สนใจ


30 จะปกป้องมุสลิมะฮฺเช่นไร ให้ เธอเป็ นเพชรที่ไม่ได้ ผ่านการใช้ แล้ ว ไม่ใช่เพชรที่ผ่านการมอง ผ่านการจับ และผ่านการพินิจพิจารณา สุดท้ ายก็เป็ นแค่ของโชว์ในตู้กระจกหน้ าร้ าน วันแล้ ววันเล่า ผ่านคนนั ้นทีคนนู้นที เวลาเขาตกลงซื ้อก็ต้องการของใหม่ในกล่องที่อยู่หลังร้ าน ไม่ใช่ที่ตั ้งแช่ไว้ ให้ คนดู คนจับ ในตู้กระจกนี ้ ไม่ใช่หญิ งสาวที่ในวันแต่งงานของเธอ มีแต่คนพูดถึงเธอ ว่า... "เมื่อก่อนนะ ฉันเห็นเขานัง่ กินข้ าวกับชายคนนั ้นสองต่อสอง (ซึง่ ไม่ใช่สามีนางในวันนี ้)" "จาได้ ว่า สมัยเป็ นเด็กมหาลัยนะ ฉันเคยเห็นหล่อนไปเที่ยวกับกลุม่ เพื่อนชาย กลุ่มนั ้น คนนั ้น บ่อยๆ (โดยไม่มีมะฮฺรอม) " "โอย เจ้ าสาวคนนี ้ สมัยเมื่อยังสาวๆ ชอบนัก คุยโว เฮฮาปาตี ้กับผู้ชายบ่อยๆ " ... ฯลฯ จะปกป้องเช่นไร ให้ เธอเป็ นเพชรในกล่องสวย ในตู้หลังร้ าน ที่จะถูกนาออกมา แก่ผ้ ทู ี่เหมาะสม และตกลงว่าจะเลือกเม็ดนี ้แล้ วเท่านั ้น ... สาคัญ สาหรับมุสลิมะฮฺ สาคัญสาหรับมุสลิมีน ที่จะดูแลเกียรติยศของมุสลิมข้ อนี ้ เป็ นอะมานะฮฺสาหรับใครก็ตามที่เรียกตัวเองว่ามุสลิม ทุกๆคน ... วา...อิสลามา... ____________________ * เด็กคนที่เข้ าช่วยมุสลิมะฮฺคนนั ้น เป็ นซอฮาบัตเด็กท่านหนึง่ ของนบีเรา ** ‫ وا إسالماه‬wa...Islamah... คาอุทานนี ้ ถูกนามาทาเป็ นอนาชีดเหมือนกัน ชมได้ ที่ : http://www.youtube.com/watch?v=OqnVSIUXGBY


แชแว ตอบปัญหาคาใจ... . เรียนรู้ปัญหาจากประวัติศาสตร์ ถาม : ทาไมประเทศมุสลิมส่ ว นใหญ่ จึงมีการปกครองแบบเผด็จ การอ่ะ (ชาตินิยม) แล้วๆทาไมไม่เป็ นการปกครองแบบอิสลาม ทั้งๆที่มีคนในรัฐบาล ก็เป็ นคนมุสลิม ? ตอบ : คืองี้ ย้อนกลับไป หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบไปใหม่ๆ (ประมาณ ค.ศ.1945) ต้น เหตุจ ากค าถามมัน เริ่ มที่ ปัญหาความขัดแย้งระหว่างอาหรับกับ อิสราเอล โดยที่ ประเทศสหรั ฐและพัน ธมิตรทั้งหลายต่ างเป็ นฝ่ ายสนับสนุ น อิสราเอล เป็ นเหตุให้ประเทศอาหรั บต้องหาพันธมิตรมาเป็ นแบคกราวน์ บา้ ง ดังนั้น จึงนับเป็ นโอกาสเหมาะเหม็งของสหภาพโซเวียต(Communism) ที่จะเข้า ไปขจัด ปั ดเป่ าปั ญหาและเอาชนะใจชาวอาหรับ จึ งทาให้แนวคิด นักปกครอง คล้อยตามมหาอานาจโซเวียตในขณะนั้นไปด้วย ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่า ประเทศ ต่ างๆแถบอาหรั บ เช่ น ลิเบี ย อิรัก อียิปต์ มีก ารปกครองแบบชาติ นิ ยม ส่ ว น ประเทศแถบเอเชียของเราก็มี อินโดนี เซีย ที่ถูกฮอลันดายึดครอง หลังจากนั้น พ.ศ.2485 ญี่ปุ่นก็มีชยั เหนือฮอลันดาและได้เข้ามีอานาจแทนในอินโดนีเซียระยะ หนึ่ง ต่อมาไม่นานนัก กลุ่มชาตินิยมนาโดยสุการ์โน(หมอนี่ ประกาศตนเองเป็ น อุลามาอฺ ด ้ว ยนะ) ก็ได้ประกาศอิสระภาพแก่ อิน โดนี เซี ย เพราะญี่ ปุ่นไปผ่าย สงครามใน พ.ศ.2488 แต่ขอ้ เท็จจริ ง เมื่อนามาพิเคราะห์พิจารณาดีๆนะ ก็สามารถที่จะชี้แจงแก่ โลกว่า สหภาพโซเวียตซึ่งได้ให้ความช่วยเหลือแก่อาหรับ หรื อ หลายชาติมุสลิม ขณะนั้น ก็เป็ นแค่เล่ห์เพทุบายทางการเมืองดีๆที่จะหลอกลวงนักวิชาการและนัก ประวัติศาสตร์ท้งั โลก เพื่อให้เห็นว่าฝ่ ายอาหรับก็มีผชู้ ่วยเหลือนะ ซึ่งตามที่จริ ง


32 แล้ว สหภาพโซเวียต(หรื อรัซเซี ยในปั จ จุบนั )เอง ก็ตกอยู่ใต้อานาจของยิวร้าย ไซออนิสต์ เช่นเดียวกัน นางโกลดา เม นายกหญิงจอมเจ้าเล่ห์ของยิว กับ นายพล ตาเดี ย ว โมเช่ ดายัน ก็ม าจากโซเวี ย ต นั้น เอง ในเรื่ องนี้ มัน มี ห ลัก ฐานสื บ เนื่องมาจากโซเวียตเอง สมัยปี ค.ศ.1917 หรื อก่อนการปฏิวตั ิบอลเชวิค (ที่พวก เลนินโค่นระบอบกษัตริ ยร์ ัซเซียน่ะ) นักปราชญ์ยวิ ไซออนิสต์(ซึ่งเป็ นขบวนการ ยิว หัว รุ นแรง ที่ มีเ ป้ าหมายเพื่ อปล้น ดิ น แดนปาเลสไตน์ ใ ห้เ ป็ นของยิว ) ได้ ประชุมลับ(Secret Conference) ในประเทศฝรั่งเศส(นี่ ก็เข้าขากันจัง) เพื่อที่จ ะ วางแผนโค่นพระเจ้าซาร์ นิ โคลัส ที่ 2 แห่ งรัซเซีย (Nicholas ll) ได้มีการบันทึก แผนปฏิณญาสากลยิว( Jewish Protocol) พร้อมทั้งรายงานการประชุมครั้งก่อนๆ แต่ปรากฏว่า พระเจ้าซาร์ ทรงรู้แผนการณ์น้ ีก่อน จึงส่ งจารบุรุษเข้ายึดที่ประชุม และขับไล่พวกยิว จนต้องหนี เตลิดเปิ ดโปงไป จารบุรุษได้ยึดเอกสารต่างๆไว้ พร้อมทั้งปฏิญญาสากลนั้นด้วย ต่อมาบาดหลวงไนลัส(ดูสมิอฺนา เล่ม 3 น.15 ประกอบนะ จะได้อรรถรสยิ่งขึ้น) พระออทอดอกซ์ชาวรัซเซียได้แปลเอกสาร นั้นจากภาษาฮิบรู ออกมาเป็ นภาษารัซเซีย พระเจ้าซาร์ ทรงพิโรธยิ่ง จึงได้สั่งฆ่า ชาวยิวในรัซเซียเป็ นจานวนมาก แต่อนิ จจาพรรคพวกของเลนิ นก็สามารถโค่น พระเจ้าซาร์ลงได้ ในวันที่ 17 พฤษภาคม 1917 เคเรนสกี้ ซึ่งเป็ นยิวคนหนึ่ งจึงได้ กว้านซื้อเอกสารเหล่านั้นทั้งหมด และทาการเผาทิ้งซะ เหลืออยู่ไม่กี่ฉบับซึ่งตก อยูใ่ นมือนักข่าวอังกฤษเหลือมาให้ชาวโลกได้รับรู้แผนการณ์ชวั่ ร้ายนี้ ตั้งแต่ น้ ัน มา เลนิ น หัว หน้าคณะปฏิว ตั ิ จึ งได้ดูแลชาวยิวให้ได้กิ น ดี อยู่ดี มาถึงยุคลุงหนวดแปรงสีฟัน สตาลิน ซึ่งมีเชื้อสายยิว ก็ทุ่มทั้งใจให้ชาวยิวเช่นกัน และมีการประชุมลับกันทุกปี ในรัซเซีย ผ่านยิวในยุโรป นี้แหละ นาง โกลดา เม กับ นายพลโมเช่ ดายัน จึงรี บเข้าไปในปาเลสไตน์ทนั ที เพื่อสถาปณารัฐยิวเป็ น เครื่ อข่ายเชื่อมโยงโลกทั้งใบให้อยูใ่ นกรงเล็บยิว

โดย… แชแว


“ ไม่วา่ จะเป็นแหลมมาลายู หรือข้ามทวีปไปฟาลิสฏีน สาหรับเรา ไม่ควรมีความสนุกอยู่ในชีวิต ถ้าเรายังนับผูค้ น ณ ทีน่ ั่น เป็น "เรือนร่างเดียวกัน" เเล้วเรือนร่างเดียวกันนั้น ไม่ได้อยู่ปกติสุข กิน นอน เล่น หัวเราะ ได้เหมือนเรา

แด่ผถู้ ูกกดขี่และพี่นอ้ งของเขา พบกันฉบับหน้าหากพระเจ้าต้องการ


บันทึกชีวิตผู้ศรัทธา


... คิด...

เกิดมาเป็ นกรวดหินดินทราย เป็ นต้นไม้ ลาน ้า หรือภูผา รับใช้ อลั ลอฮฺทกุ เวลา ทุกทิวาราตรีไม่เกียจคร้ าน ไม่ติดบาปบุญทัณฑ์โทษ จวบจนโลกถึงกาลอวสาน ทุกสิ่งสันติตามอิสลาม ดาเนินตามวิถีที่วางไว้ เกิดเป็ นคนต้ องรู้จกั คิด

ตรึกตรองจิต ใคร่ครวญให้ ได้ เอกอัลลอฮฺสร้ างเรามานี ้ไซร้ ใช่อื่นใดนอกจากทาตาม พระองค์ทรงมอบ… ธรรมนูญอันประเสริฐ เลอเลิศอัลกุรอานเป็ นวิถี อีกแบบอย่างมุฮมั มัดที่เรามี สองสิ่งนี ้สรรสร้ างความเป็ นคน จริงแท้ พี่น้องควรคิด ด้ วยชีวิตเราสันหนั ้ กหนา ควรสาเร็จอาคีเร๊ าะและดุนยา อย่าหลงยา นัฟซูชยั ตอน ........ ฮัมมา ตานิง อัน-นูร ปี ที่ 8 ฉ.24 ธันวาคม 2529


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.