ผลิตบัณฑิตให้มีปัญญา ปี ที่ ๑๒
ฉบับที่ ๖
สร้างคุณค่า
และศักดิ์ศรี ความเป็ นคน
เดือนมิถุนายน
“อันอ้ อยตาลหวานลิ้นแล้ วสิ้ นซาก แม้ นเจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย
พ.ศ. ๒๕๕๔
แต่ ลมปากหวานหูไม่ ร้ ู หาย เจ็บจนตายนั้นเพราะเหน็บให้ เจ็บใจ” เพลงยาวถวายโอวาท : สุ นทรภู่
ฉบับนี้มีอะไร จากใจคณบดี หนังสื อการ์ ตูนมีประโยชน์กว่าที่คิด โรคต้น (นํ้า) ยันปลายนํ้าเจ้าพระยา ตัว๋ เงินน่ารู ้ คติธรรมสําหรับคู่รัก
การเมืองในประวัติศาสตร์ และความทรงจํา ภาษาอังกฤษน่ารู ้ ในความเคลื่อนไหว ภาพกิจกรรม
สวัสดีคณาจารย์ทุกท่าน อีกหนึ่งสัปดาห์ก็จะสิ้ นเดือนมิถุนายน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ วมาก ก็หวังว่าอาจารย์ทุกคน คงจะดาเนิ นการวางแผนเกี่ยวกับภารกิจหลักด้านการเรี ยนการสอน โดยเฉพาะอย่างยิง่ การจัดทารายละเอียดของรายวิชา (Course Specification) หรื อ มคอ. ๓ ทุกรายวิชาที่สอนในภาคเรี ยนที่ ๑ ปี การศึกษา ๒๕๕๔ เสร็ จเรี ยบร้ อยแล้ว ก่อนส่ ง ให้กบั สาขาวิชาเพื่อนาส่ งให้กบั คณะ ขอให้ท่านใช้แบบฟอร์ มที่ทางคณะจัดทาให้เพื่อให้อาจารย์ในสาขาวิชาของท่านช่วย ตรวจสอบว่าเป็ นไปตามหลักเกณฑ์ที่กาหนดหรื อไม่ และในการบันทึกการเข้าเรี ยนและการทดสอบย่อยเช่นกันท่านอาจใช้ สมุดบันทึกที่ทางคณะจัดให้ก็จะทาให้การจัดเก็บข้อมูลด้านการสอนของแต่ละรายวิชาอยูใ่ นเล่มเดียวกันทาให้สะดวกและ ช่วยให้อาจารย์สามารถทาการประเมินผลการเรี ยนรู ้เมื่อสิ้ นภาคเรี ยนได้ง่ายยิง่ ขึ้น ในการสอนแต่ละรายวิชาขอให้อาจารย์ทุกท่านได้นาหลักการสอนที่เน้นผูเ้ รี ยนเป็ นสาคัญแบบใฝ่ รู ้(Active Learning) หรื อวิธีสอนแบบอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับรายวิชาหรื อธรรมชาติของแต่ละวิชาเพื่อให้ผเู ้ รี ยนเกิดการเรี ยนรู ้ สู่ การคิดวิเคราะห์ หรื อสร้างสรรค์ในแต่ละรายวิชา และในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนั้นคณะก็จะจัดเวทีการแลกเปลี่ยนเรี ยนรู ้วธิ ี และหลักการ เรี ยนการสอนแบบใฝ่ รู ้รวมถึงหลักการวัดและประเมินผลที่มีประสิ ทธิ ภาพในการจัดการเรี ยนการสอนให้กบั คณาจารย์และ เป็ นการให้อาจารย์ใหม่ทุกท่านได้เรี ยนรู ้และนาสิ่ งที่ได้จากการประชุมครั้งนี้ไปใช้ในการจัดการเรี ยนการสอนต่อไปอีกด้วย ในโอกาสนี้ก็จะคัดอาจารย์ที่มีผลงานด้านนี้ เพื่อเป็ นตัวแทนไปศึกษาเกี่ยวกับวิธีสอนดังกล่าว ณ ประเทศสหรัฐอเมริ กา ซึ่ งจะ จัดเมื่อใดก็คงต้องรอทางมหาวิทยาลัยแจ้งให้กบั คณะต่อไป ในแต่ละสัปดาห์ขอให้อาจารย์ได้ให้ความสาคัญกับกิจกรรม Homeroom ซึ่ งกาหนดให้อาจารย์ที่ปรึ กษาทุกคนเข้า พบนักศึกษาทุกวันพุธ โดยให้ท่านบันทึกหัวข้อการให้คาปรึ กษาตามแบบฟอร์ มที่คณะจัดทาให้และส่ งให้กบั สานักงานคณะ หรื ออาจารย์ที่รับผิดชอบของแต่ละสาขาวิชาเพื่อส่ งให้กบั คณะต่อไป ช่วงนี้ นกั ศึกษาส่ วนใหญ่โดยเฉพาะนักศึกษาชั้นปี ที่ ๑ อาจต้องการคาแนะนาจากอาจารย์ที่ปรึ กษาในเรื่ องต่าง ๆ ไม่วา่ จะเป็ นเรื่ องการลงทะเบียน (ล่าช้า) เงินกู้ กยศ. การวางแผน การเรี ยน การเข้าร่ วมกิจกรรมทั้งด้านวิชาการและด้านกิจกรรม ต่าง ๆ และในช่วงนี้ อาจารย์ที่ปรึ กษาควรให้คาแนะนาหรื อ ความรู ้ดา้ นการมีส่วนร่ วมที่ถูกต้องและเป็ นกลางในการเลือกตั้งเพื่อนาประเทศสู่ การพัฒนาที่ยงั่ ยืน ส่ วนกิจกรรมการให้ ความรู ้แก่นกั ศึกษาทั้งชั้นปี ในเรื่ องต่าง ๆ ทางคณะจะแจ้งให้อาจารย์ที่ปรึ กษาทราบและเข้าร่ วมกิจกรรมที่คณะจัดให้ใน ภายหลัง สุ ดท้ายขอเรี ยนเชิ ญอาจารย์ทุกท่านเข้าร่ วมให้การต้อนรับคณะกรรมการประเมินการประกันคุณภาพภายในจาก บุคคลภายนอกในวันที่ ๖ กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ เพื่อร่ วมให้ขอ้ มูลด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการจัดการเรี ยนการสอนที่เน้นผูเ้ รี ยน เป็ นสาคัญ การจัดโครงการบริ การวิชาการของทุกสาขาวิชา การทาวิจยั ไม่วา่ จะเป็ นงานวิจยั ที่ได้ทุนจากภายนอกและทุน สนับสนุนจากคณะ การจัดโครงการทานุบารุ งศิลปะและวัฒนธรรมของแต่ละสาขาวิชา ตลอดจนการมีส่วนร่ วมในการนา หลักการประกันคุณภาพมาใช้ในการปฏิบตั ิงานของอาจารย์แต่ละท่าน ผลการประเมินจะเป็ นอย่างไรก็ฝากให้อาจารย์ทุก ท่านช่วยกันปรับปรุ ง และพัฒนาเพื่อความก้าวหน้าของคณะต่อไป
ดร.ประจักร์ รอดอาวุธ คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ๒
มนุษยสาร ปี ที่ ๑๒ ฉบับที่ ๖
พรทิพย์ แจ้งสว่าง ปัจจุบนั เราจะพบว่ามีหนังสื อการ์ตูนในตลาดการพิมพ์อยูเ่ ป็ นจานวนมาก ไม่วา่ จะเป็ นประเทศใด ภาษาใดหนังสื อการ์ตูน ได้รับความนิยมทั้งเด็กและผูใ้ หญ่ โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเองยังมีการแบ่งประเภทการ์ตูนของเด็กและผูใ้ หญ่ออกจากกันอย่าง เด็ดขาด ทาให้เห็นได้วา่ การ์ตูนมีอิทธิ พลต่อคนเราตั้งแต่วยั เด็กถึงวัยผูใ้ หญ่เลยทีเดียวก็วา่ ได้ ในบ้านเราเองก็พบว่ามีการผลิตหนังสื อ การ์ตูนจานวนมากทั้งที่เขียนขึ้นเองโดยคนไทย และที่แปลมาจากภาษาต่างประเทศก็มีจานวนไม่นอ้ ยเหมือนกัน ซึ่ งที่นิยมกันมากใน เอเชีย ได้แก่ เกาหลี และญี่ปุ่น ซึ่ งมีความก้าวหน้าและตื่นตัวค่อนข้างสูง ในบ้านเราเองก็ไหลไปตามกระแส “เค-ป็ อป” หรื อ “เจ-ป็ อป” จนอาจทาให้ลืมนึกถึงหนังสื อการ์ตูนที่เป็ นเรื่ องราวของเรา เองไปอย่างน่าเสี ยดายในบางครั้ง แม้จะมีการทาหนังสื อการ์ตูนเรื่ องราวประวัติศาสตร์ไทยออกมาบ้าง แต่กเ็ ป็ นกระแสช่วงสั้นๆ ที่ ไม่สามารถต่อยอดเป็ นที่นิยมตลอดกาลเช่นกับของต่างประเทศได้ โชคดีอยูบ่ า้ งก็ตรงที่มูลนิ ธิเด็กได้จดั ตั้งสถาบันการ์ตูนไทยขึ้นมา เพื่อให้เป็ นเวทีสาหรับส่ งเสริ มนักเขียนการ์ตูนรุ่ นใหม่ได้สร้างสรรค์ผลงานที่เป็ นประโยชน์ต่อการเรี ยนรู ้ของเด็กและเยาวชน เช่น มะเขื่องแห่ งเมืองโหวกเหวก ถ้าไม่มีผใู ้ หญ่ในโลกนี้ โลกจิ๋วตัวร้อน เป็ นต้น เรื่ องประโยชน์ของหนังสื อการ์ตูนนั้น มีงานวิจยั หลายชิ้นสนับสนุนอยู่ โดยผูว้ ิจยั ทั้งหลายเชื่อว่าเราสามารถนาเรื่ องราวใน หนังสื อการ์ตูนไม่วา่ จะเป็ นเรื่ องเกี่ยวกับซูเปอร์ ฮีโร่ อย่างซูเปอร์แมนมาใช้ในการส่ งเสริ มการอ่านได้ เช่นเดียวกับวรรณกรรม ทั้งหลายที่ครู และผูป้ กครองมักร้องยี้กบั หนังสื อการ์ตูนประเภทนี้ จากงานวิจยั มีนกั วิจารณ์หลายคนกล่าวว่าการอ่านหนังสื อการ์ตูนนั้นเป็ นการอ่าน “ฉบับง่าย ๆ” ที่ไม่ซบั ซ้อนเหมือนอย่าง หนังสื อจริ งที่มีแต่แถวของตัวหนังสื อ อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์อา้ งว่าการอ่านที่ประสบผลสาเร็ จนั้น ต้องการมากกว่าการซึ มซับเนื้อหารวมทั้งการ์ตูน ขณะเดียวกัน ศาสตราจารย์แครอล ทิลลี่ (Professor Carol Tilley) จากภาควิชา บรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ กล่าวว่าการ์ตูนมีความซับซ้อนเช่นเดียวกับการอ่านในรู ปแบบอื่น ๆ และเด็ก ๆ ก็ได้รับ ประโยชน์จากการอ่านอย่างน้อยได้มากเท่ากับการอ่านหนังสื อประเภทอื่น ๆ เหมือนกัน เธอยังเสริ มว่าที่สาคัญมันช่วยเพิ่มในเรื่ อง ของคาศัพท์และการปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน และว่านักวิจารณ์การ์ตูนและหนังสื อการ์ตูนหลายคนมาจากกลุ่มคนที่คิดว่าเด็ก ๆ กาลัง มองดูภาพต่าง ๆ โดยไม่ได้รวมถ้อยคาไว้ดว้ ยกัน ซึ่ งเธอแย้งว่าอาจจะเป็ นเด็กบางคน แต่ไม่ใช่ท้ งั หมด ถึงแม้วา่ ผูใ้ หญ่จานวนมากรวมทั้งครู และบรรณารักษ์จะยินดีนาหนังสื อหนังสื อการ์ตูนไว้ในคลังหนังสื อก็ตาม ก็มกั จะไม่ พิจารณาความเหมาะสมของการ์ตูนในฐานะที่เป็ นเนื้อหาสาหรับนักอ่านที่เป็ นเยาวชนแต่อย่างใด แครอลกล่าวต่อไปว่าในบางขอบเขตหนังสื อเล่มใดๆ เป็ นหนังสื อที่ดีได้ และไม่ดีได้เช่นกัน มันขึ้นอยูก่ บั บุคลิกภาพส่ วนตัว และสติปัญญาของผูอ้ ่าน โดยรวมแล้วการ์ตูนเป็ นเพียงสื่ ออีกอย่างหนึ่ง อีกประเภทหนึ่ ง หากการอ่านนาไปสู่ความรู ้หรื อความเข้าใจ ที่เป็ นประโยชน์แล้ว ผูอ้ ่านต้องชื่นชอบเนื้อหาพร้อมไปกับการทาความเข้าใจแบบแผนทางสังคม ภาษาและวัฒนธรรม และหากมี การพิจารณาภาพและถ้อยคาไปพร้อมๆ กับการเล่าเรื่ องอย่างแท้จริ งแล้ว ก็จะสามารถทาให้การ์ตูนเป็ นกรณี ที่ซบั ซ้อนได้เช่นเดียว กับวรรณกรรมประเภทอื่นๆ จากงานวิจยั ข้างต้นคงทาให้เห็นได้วา่ หากมีการใช้หนังสื อการ์ตูนมาเล่าเรื่ องที่มุ่งเน้นให้เกิดการเรี ยนรู ้สาหรับเด็ก ก็จะ ก่อให้เกิดประโยชน์ไม่นอ้ ยทีเดียว ข้อสาคัญอยูท่ ี่เนื้อหาที่เราต้องการถ่ายทอด และตัวการ์ตูนที่จะช่วยเสริ มให้เกิดนิสยั รักการอ่าน ที่สาคัญหากบ้านเราสามารถทาสื่ อประเภทการ์ตูนได้หลากหลาย และสามารถจัดพิมพ์เผยแพร่ ในราคาที่ไม่แพงอย่างกว้างขวางแก่ เด็กและเยาวชน ก็เท่ากับเป็ นการส่ งเสริ มนิสยั รักการอ่านให้เกิดขึ้นแก่เด็กๆ ในบ้านเราไม่มากก็นอ้ ยทีเดียว ที่มา: Richard Alleyne Comic books are good for children's learning. Librarian Magazine, ๒๐๐๙
มนุษยสาร ปี ที่ ๑๒ ฉบับที่ ๖
๓
บารมีบุญ แสงจันทร์ หลังจากมีการประกาศให้วนั ที่ ๓ กรกฎาคม เป็ นวันเลือกตั้งสมาชิ กสภาผูแ้ ทนราษฎร โดยสมาชิ กสภาผูแ้ ทนฯ จาก การเลือกตั้งครั้งนี้ มาจากการเลือกตั้งสองลักษณะ คือแบบแบ่งเขตทัว่ ประเทศจานวน ๓๗๕ เขต หรื อมีจานวนเท่ากับ ๓๗๕ คน ซึ่ งนครสวรรค์เป็ นหนึ่งในจังหวัดที่ถูกลดลงของจานวนสมาชิก คือจาก ๗ เหลือ ๖ คน และแบบเลือกพรรค อีก ๑๒๕ คน มาจากการเลือกตั้งในนามของพรรคการเมือง หรื อการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ (Party List) จากข้อกาหนดของการได้มาซึ่ งจานวน ส.ส. ทาให้หวัน่ กับกระแสความรุ นแรงทางการเมือง ที่กระเพื่อมขึ้นอยูท่ ุก ขณะ เหตุการณ์ล่าสุ ดก็เกิดการลอบยิงทาร้าย ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย จังหวัดสมุทรปราการ คือคุณประชา ประสพดี ที่อาจ พาดโยงว่ามาจากการเมื องท้องถิ่ นไปสู่ การเมื องระดับ ชาติ ในการที่ จะมี ก ารเลื อกตั้ง นายกองค์การบริ หารส่ วนจัง หวัด สมุทรปราการ ที่จะมีข้ ึนในวันที่ ๒๒ พฤษภาคมนี้ แต่ไม่ว่าบทสรุ ปจามาจากสาเหตุใด ก็อย่ากระพริ บตากับการเลื อกตั้ง ส.ส. ที่แบ่งจากพวงใหญ่หรื อจากแบบรวมเขต มาเป็ นแบบพวงเล็กหรื อเขตเดียวเบอร์ เดียว(One Man One Vote) ทาให้ขนาด พื้นที่มีจานวนเล็กลงและจานวน ส.ส. ก็อยูใ่ นลักษณะเขตใครเขตมัน การแข่งขันอาจยกระดับความรุ นแรง หากเปรี ยบเทียบกับกระแสความรุ นแรงทางการเมืองของนครสวรรค์ที่เพิ่งจะซาไป แต่ก็อดไม่ได้กบั การที่จะคิด และภาวนาว่าอย่าได้เกิดขึ้นอีกเลย เพราะเปรี ยบว่าเป็ นเมืองดุ ที่ผิดกับชื่ อเมือง ผ่านมาก็เกิดการสังหารนักการเมืองท้องถิ่ น โดยเฉพาะในส่ วนระดับจังหวัดทั้งผูบ้ ริ หารและสมาชิก ที่เป็ นข่าวคราวสะเทือนขวัญไปทั้งบ้านทั้งเมืองมาทีหนึ่งแล้ว จึงอยากจะขอฝากว่าขอให้ “เลือกคนดีเข้ าสภา กระตุ้นศรั ทธาการเมืองบ้ านเรา” เพราะถือว่าการเมืองของบ้านเรา พ่อแม่พี่น้องเริ่ มจะศรัทธาน้อยลง หลังจากเหตุการณ์ ดงั กล่าวได้เกิ ดขึ้น แต่โรคปากน้ าที่เกิ ดขึ้นก็เป็ นการลอบสังหารใน ระดับชาติที่โยงมาสู่ การเมืองท้องถิ่น แต่โรคนี้ที่เกิดกับนครสวรรค์ เกิดจากการเมืองท้องถิ่นที่โด่งดังในระดับชาติครับ แต่ถึงอย่างไรทั้งสองจังหวัดไม่ว่าจะ นครสวรรค์ หรื อสมุทรปราการ ก็เป็ น ๒ จังหวัดที่เป็ นจังหวัดทั้งต้นน้ าและ ปลายน้ าของแม่น้ าเจ้าพระยา ที่เป็ นสายน้ าหล่อเลี้ยงและสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กบั ประเทศ ขออย่าให้สายน้ าสายนี้ บอบ ช้ าหรื อให้สายน้ าสายนี้เปรี ยบเสมือนกระแสธารในการบ่งบอกถึงความรุ นแรง โดยเฉพาะทางการเมือง แต่ขอให้สายน้ าสาย นี้ สร้ างเลื อดใหม่ สร้ างคนดี ที่พร้ อมจะเข้ามารับใช้พ่อแม่พี่น้องทั้งสองจังหวัด หรื อ “ส.ส. น้าดี” ที่กล้าหาญและรับใช้ ประชาชน บนพื้นฐานความถูกต้อง และสร้างความเป็ นธรรม ที่สาคัญได้หล่อเลี้ยงและพัฒนาวิถีทางการเมืองของสังคมไทย ไม่มากก็นอ้ ย (ขอบคุณครับ)
๔
มนุษยสาร ปี ที่ ๑๒ ฉบับที่ ๖
เฉียงตะวัน ยอดดาเนิน ต่อจากครั้งที่แล้วนะครับ คราวนี้เราจะมาดูตวั อย่างของการสลักหลังตัว๋ ผูถ้ ือกันบ้างละ ตัวอย่างที่ ๒ แดง (ผูจ้ ่าย) ส่ งมอบ สลักหลัง ดา ขาว เขียว เหลือง (ผูส้ ั่งจ่าย) ระบุให้ใช้เงินแก่ผถู ้ ือ (ผูท้ รง) (ผูท้ รง) (ผูท้ รง) จากรู ปข้างต้นอธิ บายได้ดงั นี้ ดาเป็ นผูส้ ั่งจ่าย ได้ออกตัว๋ แลกเงินประเภทให้ใช้เงินแก่ผถู ้ ือโดยสั่งให้แดงผูจ้ ่ายเป็ นผูจ้ ่ายเงินให้แก่ผถู ้ ือ พร้อมส่ งมอบตัว๋ เงินนี้ให้แก่ขาว การระบุให้ใช้เงินแก่ผถู ้ ือมีความหมายว่าให้ผจู ้ ่ายจ่ายเงินกับใครก็ได้ที่มีตวั๋ เงินนี้ไว้ใน ครอบครองโดยไม่ระบุวา่ เป็ นใครโดยเฉพาะเจาะจงต่างจากตัว๋ เงินประเภทระบุชื่อ ขาวมีตวั๋ เงินฉบับนี้ไว้ในครอบครองจึง เป็ นผูท้ รงสิ ทธิ ตามตัว๋ สามารถเอาตัว๋ ไปขึ้นเงินกับแดงผูจ้ ่ายได้ หากแดงปฏิเสธการจ่ายเงิน ขาวก็สามารถไล่เบี้ยให้ดาผูส้ ั่ง จ่ายรับผิดเพราะดาเป็ นผูล้ งลายมือชื่อในตัว๋ ต้องรับผิดต่อผูท้ รง ขาวไม่สามารถไล่เบี้ยแดงได้เพราะแดงไม่เป็ นผูม้ ีลายมือชื่อ ในตัว๋ การระบุชื่อแดงในตัว๋ นั้นเกิดจากการเขียนของดาเอง แดงไม่ได้ลงลายมือชื่อเลย หากต่อมาขาวได้ส่งมอบตัว๋ เงินที่ระบุให้ใช้เงินแก่ผถู ้ ือนี้ แก่เขียว เขียวก็จะเป็ นผูท้ รงคนต่อไปเพราะถือว่า ใครที่มีตวั๋ ไว้ในครอบครองก็เป็ นผูท้ รงสิ ทธิ ตามตัว๋ ทั้งนั้น หากเขียวสลักหลัง(ไม่วา่ จะระบุชื่อหรื อลอยก็ตาม)พร้อมส่ งมอบ ให้แก่เหลือง เหลืองก็จะเป็ นผูท้ รงคนต่อไป เพราะอย่างที่ย้าแล้วย้าอีกว่าตัว๋ ผูถ้ ือนี้ใครครอบครองคนนั้นก็เป็ นผูท้ รง ตัว๋ ผูถ้ ือ จึงโอนต่อไปได้ดว้ ยการส่ งมอบเท่านั้น ส่ วนการสลักหลัง(ไม่วา่ จะระบุชื่อหรื อลอยก็ตาม)ตัว๋ ผูถ้ ือตามกฎหมายมีผลเพียงเป็ น การอาวัลผูส้ ั่งจ่ายเท่านั้นไม่ได้มีผลเป็ นการโอนตัว๋ เงินเหมือนตัว๋ เงินประเภทระบุชื่อ การอาวัลนี้ เป็ นศัพท์เฉพาะตามตัว๋ เงินมี ความหมายว่าบุคคลนั้นยอมเป็ นผูร้ ับประกันตามตัว๋ ต้องรับผิดชอบในตัว๋ เงินนั้นหากตัว๋ ถูกปฏิเสธการใช้เงินโดยผูจ้ ่ายนัน่ เอง เมื่อเหลืองเป็ นผูท้ รง หากเหลืองยืน่ ตัว๋ ผูถ้ ือนี้ให้แดงจ่ายเงินแล้วแดงปฏิเสธการจ่ายเงิน เหลืองจะสามารถ ไล่เบี้ยได้กบั .................(ลองคิดนิดนึงสิ ครับว่าไล่เบี้ยใครได้บา้ ง ตอบถูกก็แสดงว่าเก่งละ) เขียวผูอ้ าวัลและดาผูส้ ั่งจ่ายเนื่อง จากทั้งสองคนนี้มีลายมือชื่ อในตัว๋ จึงต้องรับผิดตามตัว๋ ส่ วนแดงและเขียวไม่มีลายมือชื่ อจึงไม่ตอ้ งรับผิดตามตัว๋ เลยเพราะ แดงเป็ นผูจ้ ่ายดาแค่กล่าวอ้างเองว่าแดงจะจ่ายเงินตามตัว๋ ส่ วนเขียวนั้นเพียงแค่ส่งมอบจึงไม่ได้ลงลายมือชื่อของตนในตัว๋ เลย คงจะเห็นแล้วนะครับ นี่ แหละลักษณะของการโอนตัว๋ ผูถ้ ือ หากพิจารณาแล้วจะเห็นเลยว่าตัว๋ ที่ระบุให้ใช้ เงินแก่ผถู ้ ือนี้ อนั ตรายมาก เพราะสามารถโอนได้ดว้ ยการส่ งมอบ ใครครอบครองผูน้ ้ นั ก็เป็ นเจ้าของ ซึ่ งมีแนวคิดไม่ต่างจาก เงินสดเลย ด้วยความเสี่ ยงเช่นนี้เองตัว๋ ผูถ้ ือจึงไม่ได้รับความนิยมมากนักหากเทียบกับตัว๋ ระบุชื่อ แต่ถา้ จะออกตัว๋ ผูถ้ ือกัน แม้ กฎหมายจะบอกว่าจ่ายเงินกับใครก็ได้ที่ครอบครองตัว๋ แต่ในทางปฏิบตั ิผจู ้ ่ายก็มกั จะสอบถามผูส้ งั่ จ่ายก่อนว่าควรจะจ่ายเงิน ตามตัว๋ ผูถ้ ือนี้หรื อไม่อยูด่ ี เรื่ องพื้นฐานของตัว๋ เงินก็คงจบลงเพียงเท่านี้ ครั้งต่อไปเราจะเจาะรายละเอียดในเรื่ องของตัว๋ สัญญาใช้เงิน และเช็คกันครับ มนุษยสาร ปี ที่ ๑๒ ฉบับที่ ๖ ๕
สาวราศีสิงห์
๑.จงรักด้ วยสมอง แต่ อย่ารักจนขึน้ สมอง ๑. ที่ใดมีรัก (อย่างขาดสติ) ที่นนั่ มีทุกข์ ๒. ที่ใดมีรัก (อย่างมีสติ) ที่นนั่ มีสุข ๓. ความรัก ควรถูกนามาใช้เป็ นแรงบันดาลใจในการสร้างอนาคตที่ดีร่วมกัน ไม่ใช่เป็ นตัวทาลายอนาคต ๒. รักแท้ ทยี่ ั่งยืน ควรวางรากฐานอยู่บนทฤษฎี ๔ ส. กล่าวคือ ๑. สมศรัทธา มีศรัทธาเสมอกัน (เชื่อมัน่ ศรัทธาในสิ่ งเดียวกัน) ๒. สมศีลา มีศีลเสมอกัน (ไม่นอกใจซึ่ งกันและกัน) ๓. สมจาคา มีความเสี ยสละเสมอกัน (ลืมความเป็ นเธอ ลืมความเป็ นฉัน หลอมกันเป็ นเรา) ๔. สมปั ญญา มีปัญญาเสมอกัน (มีระดับสติปัญญาเสมอหรื อใกล้เคียงกัน) - อย่ารักจนหน้ามืดตามัว จนมองไม่เห็นหัวกฏเกณฑ์ทางจริ ยธรรมของสังคม - อย่ารักจนหน้ามืดตามัว กระทัง่ มองไม่เห็นหัวของบิดา มารดาบังเกิดเกล้า - ทุกครั้งที่มีความรัก ควรเผื่อใจไว้สาหรับการอกหักที่อาจจะเกิดขึ้นได้เสมอ - ที่ใดมีรัก ที่นนั่ (อาจมีทุกข์) ที่ใดมีกิ๊ก ที่นนั่ มีกรรม, ที่ใดมีชู้ ที่นนั่ มีช้ า - ทุกคนที่มีความรัก ควรภาวนาคาถากันน้ าตาไหลที่วา่ "ไม่แน่ ไม่ได้ดงั่ ใจ ไม่มีอะไรสมบูรณ์" เอาไว้เสมอ - เลือกคนรักอย่ามองแค่หน้าตา แต่จงพิจารณาไปถึงนิสัย สติปัญญา และคุณธรรม - ผูช้ ายจงมองให้เห็นความเป็ นแม่ที่มีอยูใ่ นผูห้ ญิง ส่ วนผูห้ ญิงจงมองให้เห็นความเป็ นพ่อที่มีอยูใ่ น ผูช้ าย - ความรักไม่ใช่ท้ งั หมดของชี วติ อย่าอุทิศทุกสิ่ งทุกอย่างเพื่อความรักจนเสี ยผูเ้ สี ยคน ๓.จงเรียนรู้ ทจี่ ะพัฒนาความรักจากระดับสามัญไปสู่ รักที่สร้ างสรรค์ เพือ่ เกือ้ กูลโลก เพราะมนุษย์ ทุกคนมีความ สามารถทีจ่ ะรักได้ มากกว่าการรักตัวเอง รักแท้ ทคี่ วรสร้ างสรรค์ มี ๔ ระดับ คือ ๑. รักตัวกลัวตาย (รักพื้นฐานระดับสัญชาตญาณ) ๒. รักใคร่ ปรารถนา (รักอิงกามารมณ์) ๓. รักเมตตาอารี (รักอิงสายเลือดและสายสัมพันธ์) ๔. รักมีแต่ให้ (รักที่ลอยพ้นอัตตา ต้องการพัฒนาทั้งโลกให้มีความสุ ข) (ที่มา : ท่าน ว.วชิรเมธี ที่มา http://board.palungjit.com/) ๖
มนุษยสาร ปี ที่ ๑๒ ฉบับที่ ๖
ณัฏฐพงษ์ สกุลเลี่ยว ผู ้ค นส่ ว นใหญ่ ลื ม เลื อ นวัน ดั ง กล่ า วไปกัน เกื อ บหมดสิ้ น แล้ ว ทั้ง ๆ ที่ ถื อ ว่ า เป็ นวัน ส าคัญ ที่ สุ ด วัน หนึ่ งใน ประวัติ ศ าสตร์ เ ศรษฐกิ จ สั ง คม และการเมื อ งไทย (สยาม) เหตุ ใ ดจึ ง เป็ นเช่ น นั้น ?? เหตุ ใ ดวัน ดัง กล่ า วจึ ง ถู ก ลดทอน ความสาคัญลง?? เหตุใดวันดังกล่าวไม่ถูกบันทึกให้เราจดจา?? ทั้งหมดล้วนมีที่มาที่ไป!!! ชิ งสุ กก่ อนห่ าม?? คาอธิ บายที่มีส่วนสาคัญในการลดทอนความสาคัญวีรกรรมของ “คณะราษฎร” ในวันที่ ๒๔ มิ.ย. ๒๔๗๕ คือการ อธิ บายว่าการกระทาของคณะราษฎรเป็ นการ “ชิ งสุ กก่อนห่ าม” ทั้งๆ ที่สถาบันพระมหากษัตริ ยข์ องสยามกาลังเตรี ยมการที่ จะพระราชทาน “รั ฐธรรมนู ญ ” มาให้ป ระชาชนชาวไทยอยู่แล้ว แต่ ค นพวกนี้ กลับ เร่ งเปลี่ ยนแปลงการปกครองโดยที่ สังคมไทยยังไม่มีความพร้อม ซึ่ งเป็ นเหตุที่ทาให้สยามต้องประสบปั ญหาความวุน่ วายทางการเมืองสื บเนื่ องยาวนานตั้งแต่ บัดนั้นมาจนถึงปั จจุบนั (บ้างก็บอกว่าคณะราษฎรล้มต้นโพธิ์ ตน้ ไทร แต่ปลูกต้นตาแยขึ้นมาแทน) คาอธิ บายดังกล่าวไม่เป็ นความจริ งแม้แต่นอ้ ย ดังที่นคริ นทร์ เมฆไตรรัตน์ได้พิสูจน์ให้เราเห็นว่า เหตุการณ์ดงั กล่าว เป็ นผลสื บเนื่ องมาจากความเปลี่ ยนแปลงทางเศรษฐกิ จและสังคมในยุค ก่ อนหน้า ที่ เกิ ดการขยายตัวทางเศรษฐกิ จอย่า ง รวดเร็ ว จนทาให้สยามมี “ชนชั้นกลาง” จานวนมากขึ้นเรื่ อยๆ ไม่วา่ จะเป็ น พ่อค้า นักธุ รกิ จ นายทุน เสมียน หรื อพนักงาน บริ ษทั ต่างๆ เป็ นต้น คนกลุ่มนี้เป็ นคนที่ได้รับการศึกษาแบบสมัยใหม่ มีความชานาญเฉพาะด้าน เริ่ มคิดว่าความรุ่ งเรื องหรื อตกต่าของ ชีวติ มาจากการทางานหนัก ความขยันขันแข็ง การศึกษา ความใฝ่ รู ้ ฯลฯ มนุษย์ทุกคนจึงมีคุณค่า มีศกั ยภาพภายในตัวเอง เหมือนกันทั้งสิ้ น คนที่จะเป็ นใหญ่เป็ นโตจึงไม่จาเป็ นที่จะต้องจากัดอยูใ่ นวงของเจ้าขุนมูลนายอีกต่อไป เพราะสามัญชนที่มี ความรู ้ก็ควรจะมีตาแหน่งหน้าที่ที่ดีได้เช่นกัน คนกลุ่มนี้เรี ยกร้องให้เลิกตัดสิ นคนที่ “ชาติกาเนิด” และพยายามกระตุน้ ให้หนั มาสนใจที่ “ความสามารถ” หรื อ “หลักวิชา” ของปัจเจกบุคคลแทน (โปรดดู นคริ นทร์ เมฆไตรรัตน์, ปฏิ วตั ิสยาม พ.ศ.๒๔๗๕, กรุ งเทพฯ: อัมริ นทร์ , ๒๕๔๖) ท่ามกลางความเปลี่ ยนแปลงดังกล่าว สถาบันพระมหากษัตริ ยแ์ ละกลุ่มเจ้านายกลับไม่สามารถที่จะปรั บเปลี่ ยน/ จัดสรรความสั ม พันธ์ เชิ ง อานาจให้ก ับ กลุ่ ม คนใหม่ ๆ นี้ ได้ แถมยัง พยายามที่ จะผูก ขาดอานาจไว้ที่ ช นชั้นนาอย่า งเดิ ม นอกจากนั้น ยังพบกับปั ญหาความตกต่าทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลแก้ไม่ตก ประชาชนจึงเดือดร้อน บ้านเมืองเกิดความตึงเครี ยด มี แ ต่ ค วามขัด แย้ง การวิ พ ากษ์ วิ จ ารณ์ ร ะบอบเก่ า เกิ ด มากขึ้ น เรื่ อ ยๆ จนระบอบการปกครองที่ ร วมศู น ย์อ านาจอยู่ ที่ พระมหากษัตริ ยห์ มดความชอบธรรมในที่สุด ดังนั้น ไม่ ว่าจะต้ องการหรือไม่ การปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองก็จะต้ อง เกิดขึน้ อย่างแน่ นอน
มนุษยสาร ปี ที่ ๑๒ ฉบับที่ ๖
๗
จาก ๒๔ มิถุนายน สู่ ๑๐ ธันวาคม เมื่อไม่อาจที่จะปฏิเสธความเปลี่ ยนแปลงที่เกิ ดขึ้นได้ กลุ่มกษัตริ ยน์ ิ ยมจึงได้ทาการเปลี่ยน “ความหมาย” ของการ ได้มาซึ่งประชาธิปไตยไทย เหตุการณ์ปฏิวตั ิในวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ จึงถูกลดทอนความสาคัญ และหันไปเน้นย้ าให้ ประชาชนจดจาวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๔๗๕ แทน (สังเกตได้จากวันที่ ๑๐ ธันวาคมได้รับการบรรจุให้เป็ นวันหยุดแห่ งชาติ ในขณะที่วนั ที่ ๒๔ มิถุนายน เป็ นเพียงแค่วนั ธรรมดาๆ วันหนึ่งเท่านั้น) การเลือกให้จดจาวันดังกล่าวส่ งผลอย่างสาคัญต่อการอธิ บายการได้มาซึ่ งระบอบประชาธิ ปไตยของไทย เพราะหาก เราจดจาวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ ประชาธิ ปไตยไทยก็จะได้มาด้วยการลุกขึ้นต่อสู ้ กบฏ และปฏิวตั ิเพื่อเปลี่ยนแปลงการ ปกครอง ซึ่ งในนัยนี้ “คณะราษฎร” ก็ดูจะเป็ น “ฮีโร่ ” แต่ในทางตรงกันข้าม เมื่อเราจดจาวันที่ ๑๐ ธันวาคม (อันเป็ นวันที่ถือ ว่าประเทศไทยมี “รัฐธรรมนูญถาวร” ฉบับแรก) การได้มาซึ่ งประชาธิ ปไตยไทยก็จะเปลี่ยนความหมาย จากที่ได้มาโดยการ ต่อสู ้ปฏิวตั ิของราษฎรก็กลายเป็ นถูก “พระราชทาน” ลงมาให้โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั รัชกาลที่ ๗ พระบาทสมเด็ จ พระปกเกล้า เจ้า อยู่ หั ว ผู ้ซ่ ึ งต่ อ ต้า นการเปลี่ ย นแปลงอย่ า งถึ ง ที่ สุ ด ก็ ก ลายเป็ น “บิ ด า” แห่ ง ประชาธิ ปไตยไป หน้ารัฐสภาอันเป็ นสัญลักษณ์แห่ งระบอบประชาธิ ปไตย แทนที่จะมีอนุ สาวรี ยข์ องคณะราษฎรผูท้ ี่กระทา การปฏิ วตั ิเปลี่ ยนแปลงการปกครอง ก็กลับมีพระบรมราชานุ สาวรี ยพ์ ระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗ กษัตริ ยอ์ งค์ทา้ ยแห่ งระบอบ สมบูรณาญาสิ ทธิราชย์ไปเสี ย “คณะราษฎร” ถูกทาให้เป็ น “ผูร้ ้าย” และถูกลบเลือนออกไปจากหน้าประวัติศาสตร์ การเมือง การปกครองไทย
“ประเทศนี้พร้อมแล้วหรื อยังที่จะมีการปกครองแบบมีผแู ้ ทน...ตามความเห็นส่ วนตัวของข้าพเจ้าขอย้าว่า ไม่ ” พระราชกระแสรับสัง่ ถามพระยากัลป์ ยาณไมตรี ที่ปรึ กษากฎหมายชาวอเมริ กนั ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยูห่ วั รัชกาลที่ ๗ ๘
มนุษยสาร ปี ที่ ๑๒ ฉบับที่ ๖
ทรงศิริ พันหลง วิธีการทักทายแบบต่ างๆ นอกเหนือจากการ Hand Shake นอกจากการจับมือ หรื อ การสั่นมือ แล้ว ยังมีการทักทายด้วยกริ ยาท่าทางต่างๆอีกมากมาย ซึ่ งแตกต่างกันไปตาม เชื้อชาติ ศาสนา เพศ และ อายุ แต่ที่พบเห็นกันได้ทวั่ ไปนั้น ได้แก่ Engage in a hand clasp, followed by a one-armed hug/half-hug and a gentle slap on the back. การจับมือกันแล้วตามด้วย การโอบกันแบบครึ่ งตัว (one-armed hug/ a half-hug) พร้อมกับ การตบหลังเบาๆ (a gentle slap on the back) วิธีน้ ี เป็ นวิธีการที่ผชู ้ ายมักใช้กนั ในการทักทายกันกับเพื่อนสนิ ท หลังจาก การจับมือกัน เพื่อแสดงถึงความสนิทสนม Fist bump or Knuckle bump การเอากาปั้ นชนกัน เป็ นการทักทายกับคนที่สนิทสนม ซึ่ งทาได้โดยการเอากาปั้ นไปชนกันเบาๆ (อย่าไปรุ นแรง เด็ดขาด อาจมีเรื่ องได้…)
A full hug or shoulder squeeze การโอบกันเต็มตัว (full hug) หรื อ การบีบไหล่ (shoulder squeeze) เป็ นการทักทายเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันมาเป็ น เวลานาน
A gentle kiss and hug การจูบที่ปากเบาๆแล้วกอดนั้นเป็ นการทักทายระหว่าง หญิงและชายที่เป็ นคู่รักกัน หรื อ เพื่อนมีความสนิทสนมกัน เป็ นพิเศษ มนุษยสาร ปี ที่ ๑๒ ฉบับที่ ๖
๙
Kissing on a cheek or both cheeks การหอมแก้ม (cheek-kiss) และโอบนั้นเป็ นการทักทายกัน โดยทัว่ ไประหว่างทุกเพศ แม้กระทัง่ ระหว่าง ชายกับชาย โดยวิธีการหอมแก้มนั้น อาจไม่ตอ้ งหอมจริ งๆก็ได้ โดยเรา อาจจะใช้ Air kiss หรื อ จูบอากาศ เข้ามาช่วย Hi 5 การทักทายแบบตบมือกัน หรื อ "Hi 5" นั้น เป็ น การทักทายที่เป็ นที่นิยมมากในหมู่วยั รุ่ น ทาง่ายๆ โดยการชูมือขึ้นแล้วตบมือกัน โดยมักใช้กนั ในโอกาส ที่ได้พบเจอกับเพื่อนที่ค่อนข้างสนิท Just wave “Hi” การโบกมือเฉยๆ อาจนาไปใช้ในการทักทายได้ เมื่อเราเจอกับ คนที่เรารู ้จกั แต่ไม่สนิทกันสักเท่าไรและนอกจากการทักทาย ต่างๆ ที่ยกมาแล้ว ยังมีวธิ ี อื่นๆอีกมากมายที่ไม่สามารถเอามา พูดได้หมดยังไงก็หวังว่าบทความนี้จะเป็ นประโยชน์กบั ทุก คนไม่มากก็นอ้ ย และหวังว่าทุกคนจะสามารถนาความรู ้ เหล่านี้ไปใช้ในโอกาสต่างๆได้ไม่มากก็นอ้ ย Have a wonderful day …… Aj. Kob ขอขอบคุณข้ อมูลดีๆ จาก http://www.dek-eng.com
๑๐ มนุษยสาร ปี ที่ ๑๒ ฉบับที่ ๖
วัน/เดือน/ปี ๑ มิถุนายน ๒ มิถุนายน
ชื่อ นายพัทธดนย์ สนธิรักษ์ นายณัฐ ล้ าเลิศ นายชูชาติ คุม้ ขา
๓ มิถุนายน
นายชูชาติ คุม้ ขา
๗ มิถุนายน
ดร.พิสิษฐ์ จอมบุญเรื อง นางสาวพัชรี ดินฟ้ า นางสาววรรธนนันท์ ใจสะอาด นางสาวสุ นนั ทา เทียมคา นางสาวหทัยชนก คะตะสมบูรณ์ นางสาวคุณากร กรสิ งห์ นางสาวสาวิตรี สอาดเทียน นางนงลักษณ์ ปิ ยะมังคลา ประชุมการร่ างเกณฑ์การประเมิณคุณภาพการศึกษาว่าด้วย นางสาวภัทธิรา รอดสการ หลักการพิจารณางานสร้างสรรค์ศิลปะการแสดง ม.กรุ งเทพ
๙ มิถุนายน
สถานที่ อบรมเชิงปฏิบตั ิการหลักสู ตร “อาจารย์นิเทศงานสหกิจ ศึกษา” รุ่ นที่ ๓ จ.พิษณุโลก รับคณะผูบ้ ริ หาร คณาจารย์ และนักศึกษา ม.หนานหนิง สนามบินสุ วรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ ส่ งคณะผูบ้ ริ หาร ม.หนานหนิง ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครปฐม จ.นครปฐม ประชุมชี้แจงกรอบการวิจยั ที่ วช. ให้ทุนอุดหนุน ปี งบประมาณ ปี ๒๕๕๔ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวชัน่ หลักสี่ กทม.
มนุษยสาร ปี ที่ ๑๒ ฉบับที่ ๖
๑๑
อบรมถ่ายทอดความรู ้ศิลปะการแสดงพื้นบ้าน “หุ่นกระบอกสู่ เยาวชน” วันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ ณ หอประชุมศาลาประชาคม
งานมหกรรมข้าวไทย กลุ่มจังหวัดภาคเหนื อตอนล่าง ๒ ระหว่างวันที่ ๒๑ - ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๔ ณ ท่าข้าวกานัลทรง
๑๒ มนุษยสาร ปี ที่ ๑๒ ฉบับที่ ๖
ปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ คณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ ณ ห้องชอนตะวัน มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
กิจกรรมเดินรณรงค์การเลือกตั้งสมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎร วันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๔
มนุษยสาร ปี ที่ ๑๒ ฉบับที่ ๖
๑๓
การตรวจประเมินการประกันคุณภาพระดับสาขาวิชา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ระหว่างวันที่ ๑๖ - ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ ณ ห้อง ๓๑๔ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
มนุษยสาร :เจ้ าของ คณะมนุษยศาสตร์ และสั งคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครสวรรค์ ที่ปรึ กษา คณบดี, รองคณบดีทุกฝ่ าย, หน.สานักงานคณบดี บรรณาธิการ ผศ.ศุภาวีร์ เลิศผาติวงศ์ กองบรรณาธิการ ผศ.ศุภาวีร์ เลิศผาติวงศ์ และหัวหน้าสาขาวิชาทุกสาขา พิสูจน์อกั ษร อ.ชูชาติ คุม้ ขา และ อ.ณัฐวุฒิ เชื้อชวด ออนไลน์ นางดวงใจ ฉ่ ามะนา, นางสาวสดใส เลิศเดิช, นายศรพิชยั โนนทอง, นางสาวขวัญเรื อน กระจ่างเอี่ยม, ว่าที่ ร.ต เอกลักษณ์ นาคพ่วง และ นายวงศ์สถิตย์ พริ กสี วัตถุประสงค์ : เพื่อเผยแพร่ ข่าวสาร และเป็ นสื่ อแลกเปลี่ยนทัศนะทางวิชาการในสาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
๑๔ มนุษยสาร ปี ที่ ๑๒ ฉบับที่ ๖
ผลิตบัณฑิตให้มีปัญญา ปี ที่ ๑๒
ฉบับที่ ๖
สร้างคุณค่า
และศักดิ์ศรี ความเป็ นคน
เดือนมิถุนายน
“อันอ้ อยตาลหวานลิ้นแล้ วสิ้ นซาก แม้ นเจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย
พ.ศ. ๒๕๕๔
แต่ ลมปากหวานหูไม่ ร้ ู หาย เจ็บจนตายนั้นเพราะเหน็บให้ เจ็บใจ” เพลงยาวถวายโอวาท : สุ นทรภู่
ฉบับนี้มีอะไร จากใจคณบดี หนังสื อการ์ ตูนมีประโยชน์กว่าที่คิด โรคต้น (นํ้า) ยันปลายนํ้าเจ้าพระยา ตัว๋ เงินน่ารู ้ คติธรรมสําหรับคู่รัก
การเมืองในประวัติศาสตร์ และความทรงจํา ภาษาอังกฤษน่ารู ้ ในความเคลื่อนไหว ภาพกิจกรรม