Jitsodsai05 ebook

Page 1

จิตสดใส สวั๒๕๕๘ สดีปีใหม่

ศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษา ราชนครินทร์

๐๕ นิตยสารออนไลน์ ราย ๓ เดือน


ศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษา ราชนครินทร์ ศูนย์ปฏิบัติธรรมประจำ�ภาคตะวันออก

เมือ่ ปี ๒๕๓๗ ท่านพระอาจารย์มานพ อุปสโม ได้รบั ฉันทานุมตั จิ าก ท่านพระครูสธุ รรมกิจจาทร เจ้าอาวาสวัดนายายอาม เจ้าคณะต�ำบล นายายอาม ซึ่งเป็นผู้รับดูแลส�ำนักสงฆ์เล็กๆ แห่งนี้ เพื่อพัฒนาให้ เป็นศูนย์ปฏิบตั ธิ รรม ต่อมาได้มผี มู้ จี ติ ศรัทธา ประสงค์ประโยชน์ตอ่ ศาสนกิจได้ร่วมกันบริจาคที่ดินเพิ่มเติมอีกจ�ำนวนกว่า ๕๐ ไร่ ท่าน จึงได้ขยายเนื้อที่จนส�ำนักสงฆ์เล็กๆ แห่งนี้ให้กลายเป็นศูนย์ปฏิบัติ ธรรมประจ�ำภาคตะวันออก ศูนย์ปฏิบตั ธิ รรมแห่งนี้ ได้เปิดการอบรม เผยแผ่ธรรมทัง้ ส่วนปริยตั แิ ละปฏิบตั แิ ก่สาธุชนผูส้ นใจอย่างต่อเนือ่ ง โดยมีพระภิกษุสงฆ์จากทั่วทุกภูมิภาค และฆราวาสจากหน่วยงาน ต่างๆ มาขอเข้ารับอบรมการปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่องตลอดปี ต่อ มาผู้มีจิตศรัทธาทั่วไป ได้ร่วมกันบริจาคทรัพย์ในการสร้างธรรม ศาลาขึ้นจนส�ำเร็จลุล่วงดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และขณะที่ท�ำการ ก่อสร้างอยูน่ นั้ ทางคณะผูด้ ำ� เนินการ น�ำโดยคุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย, คุณเมตตา อุทกะพันธุ์ และ คุณนรรัตน์ นิม่ นรรัตน์ ได้นำ� ธรรมศาลา หลังนีข้ นึ้ น้อมเกล้าถวายแด่สมเด็จพระเจ้าพีน่ างเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิ วัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญ พระชนมายุครบ ๘๔ พรรษา โดยได้รับพระราชทานนามว่า “ธรรม ศาลา ๘๔ พรรษา ราชนครินทร์” และชื่อศูนย์ปฏิบัติธรรม ซึ่งจาก เดิมชื่อว่า “ศูนย์ปฏิบัติธรรมเขาดินหนองแสง” ให้เปลี่ยนมาเป็น “ศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษา ราชนครินทร์”


ห้องครูใหญ่

อานุภาพแห่งธรรม อานุภาพแห่งธรรม เมื่อเกิดการอยากได้ ก็จะมีการแสวงหา เมื่อเกิดการแสวงหา ก็จะเกิดการแข่งขันกัน สิ่งที่เราอยากได้ คนอื่นเขาก็อยากได้ ถ้าอยากได้เพียงคนเดียว ปัญหาก็ไม่เกิด แต่เมื่อหลายๆ คนอยากได้ การยื้อแย่ง การแข่งขันกันก็จะเกิดขึ้น ตอนนี้นี่แหละ ความหวาดกลัวก็จะเกิดกับเรา กลัวว่าสิ่งที่เราอยากได้ กลัวจะไม่ได้ กลัวใครเขามาช่วงชิงเอาไป ความไม่สบายใจ ความเร่าร้อน ก็จะเกิดตามมากับตัวเรา... พระพุทธเจ้าทรงให้เราแก้ปัญหาทุกข์ทางใจด้วยการเข้าไปตามดูใจ ถ้าเราเข้าไปตามดูใจทัน ปัญหาก็หมด ทุกข์ทางใจก็ไม่เกิด แก้ปัญหาทางใจได้ทั้งหมด... พระอาจารย์มานพ อุปสโม ส่วนหนึ่งจากหนังสือ อานุภาพแห่งธรรม

ทีมงาน คณะพระอาจารย์และครู ค่ายจิตสดใส วัยบริสุทธิ์ ด้วยพุทธปัญญา ศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ราชนครินทร์ อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี ศิลปกรรม The Fairy Caravan Company Limited

ติดต่อขอรับข่าวสาร ค่ายจิตสดใสครั้งต่อๆ ไปได้ที่ goodkidshappy@yahoo.com ระบุในอีเมล์ว่า “ขอรับข่าวสาร” www.jitsodsai.com


กระดานดำ�ธรรมะ

4 จิตสดใส ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๕


ชีวิตดี 5


เรื่องดีๆ รอบโลก เรื่อง โลกออนไลน์

น�้ำใจ+นักกีฬา = ยาวิเศษ เปรียบเสมือนกับการได้รับพลังแห่งความหวังอันเป็นก�ำลังใจ ชัน้ ยอดในการต่อสูก้ บั โรคร้าย เช่นเดียวกับเกมกีฬาฟุตบอลทีต่ อ้ งการ พลังแห่งความหวังในการแข่งขันทุกแมตช์เช่นกัน มีนักฟุตบอล มากมายเข้าร่วมโครงการนี้ อาทิ Julian Draxler จากทีม Schalke 04, Ilkay Gundogan และ Roman Weidenfeller พร้อมกับโค้ช Jurgen Klopp จากทีม Borussia Dortmund อดีตนักฟุตบอล ทีมชาติ Christoph Metzelder และนักฟุตบอลจิตใจเยีย่ มอีกหลายๆ ท่าน แต่นี่เป็นเพียงก้าวแรกที่กาชาดเยอรมันต้องการกระตุ้นให้เรา ทุกคนหันมาบริจาคเลือด เพราะมีเด็กและผู้ใหญ่ที่ต้องการใช้เลือด มากถึง 17,000 คน หลังจากแคมเปญนี้เปิดตัว มีนักฟุตบอลทั้งอดีตและปัจจุบันต่อ คิวบริจาคเลือด โดยมีสื่อทางโทรทัศน์ เว็บไซต์ และสังคมออนไลน์ ช่วยประโคมข่าวสร้างกระแสเพื่อเชิญชวนทุกคนให้เข้าร่วมบริจาค อาจกล่าวได้วา่ ‘ก�ำลังใจ’ เป็นพลังวิเศษทีช่ ว่ ยเสริมสร้าง ‘สุขภาพ เลือด แม้วา่ คุณจะเล่นฟุตบอลไม่เป็นก็ตาม เพราะนีไ่ ม่ใช่การให้เลือด ใจ’ ให้ดขี นึ้ เผลอๆ อาจมีพลังทีม่ ากกว่า ยาชัน้ เยีย่ ม การรักษาชัน้ ยอด แต่คือการให้พลังแห่งความหวังอันเป็น ‘ก�ำลังใจ’ ที่ส�ำคัญ ทีร่ กั ษาสุขภาพกาย แต่ไม่อาจเยียวยาใจได้ดเี ท่า ยิง่ ถ้าเราได้รบั ‘ก�ำลัง ใจ’ จากคนที่เรารักหรือจากฮีโร่ในดวงใจ ก็เหมือนกับเราได้วิตามินใจ ขอขอบคุณ ที่มา : http://www.creativemove.com/creative/ ที่ไม่มีอะไรมาแทนที่ได้ german-redcross/#ixzz36OFzV4ag และนีเ่ ป็นเหตุผลส�ำคัญทีท่ ำ� ให้กาชาดเยอรมันร่วมกับบุนเดสลิกา ฟุตบอลลีกสูงสุดของประเทศจัดแคมเปญ ให้เลือดสร้างพลัง (Give Blood Give Power) เชิญชวนนักฟุตบอลให้เข้าร่วมบริจาคเลือดเพื่อ เด็กที่ก�ำลังต่อสู้กับโรคร้ายในโรงพยาบาล ความพิเศษอยู่ที่ เลือดทุก ถุงทีไ่ ด้รบั บริจาคจะมีการติดภาพนักฟุตบอลพร้อมชือ่ เอาไว้ ดังนัน้ เด็ก จะรับรู้ได้เลยว่าเลือดที่ก�ำลังไหลเข้าสู่ร่างกายเขานั้นเป็นของนัก ฟุตบอลฮีโร่คนไหน

6 จิตสดใส ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๕


ช่างตัดผมดังเดินสายตัดผมฟรี ให้คนจรจัดในนิวยอร์ค

อาสา ซ่อมแซม ปะ ชุน จิตวิญาณ ถ้าศิลปะมีอยูเ่ พือ่ ซ่อมแซมจิตใจและเยียวยาสังคมแล้วละก็ ไมเคิล สเวน (Michael Swaine) ก็อุทิศตัวเองเพื่อสิ่งนั้น ตลอดเวลา 12 ปี ทุกวันที่ 15 ของเดือน ที่เขาหอบหิ้วจักรเย็บผ้า รุ่นคุณป้าใช้ขาถีบ รวมทั้งอุปกรณ์ ด้ายสีต่างๆ ไปตั้งร้าน รับ ปะ แก้ ซ่อมแซมเสื้อผ้าขาดๆ ให้กับชุมชน Tenderloin ที่เมือง ซานฟรานซิโก… ที่ส�ำคัญบริการฟรี! ไมเคิล สเวน เป็นศิลปินด้านการแสดง นักประดิษฐ์ และอาจารย์ สอนการท�ำเซรามิคที่แคลิฟอร์เนีย คอลเลจ ออฟ อาร์ต โดยหวัง จะสร้างองค์กรเพื่อสังคม ท�ำสิ่งที่เรียกว่า ‘Mending Library’ คลัง แห่งการซ่อมแซมเพื่อสาธารณะ เอาไว้ช่วยปะ แก้ ทุกสิ่งในชีวิต ไม่จ�ำกัดเพียงปะแก้เสื้อผ้าขาดๆ หากแต่ชวนคุยปัญหาชีวิตผู้คน ไปด้วยพร้อมกัน “ไม่เคยมีข้อจ�ำกัดในการใช้วัสดุมาสร้างสรรค์งานศิลปะ” เพื่อนศิลปินคนหนึ่งพูดถึงงานอาร์ตแนว Mixed Media ของเขาที่ ใช้เศษผ้าเป็นส่วนประกอบ ด้วยการตัดเย็บงานชุดใหม่ใส่กรอบ เตรียมเพื่อแสดงผลงานครั้งใหม่ แต่ที่จริงจักรเย็บผ้าตัวเดียวก็ สร้างปรากฏการณ์ได้มากมายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย ไม่ ต้องการพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการใดๆ แต่อยู่บนท้องถนน ชุมชน ใกล้ตวั นัน่ แหละ สิง่ ทีไ่ มเคิลท�ำอยู่ แม้ดเู หมือนเรือ่ งเล็กๆ ครัง้ หนึง่ ต่อเดือน แต่สว่ นตัวเขาเชือ่ ว่า สิง่ เล็กๆ ทีท่ ำ� อยูน่ จี่ ะเป็นแบบอย่าง ส�ำหรับคนทั่วไป และเป็นบทบาทหน้าที่ของพลเมืองที่ดีที่พึง กระท�ำต่อกัน

มาร์ค บัสทอส (Mark Bustos) เป็นช่างตัดผมชื่อดัง คนหนึ่งในมหานครนิวยอร์ค ทุกวันเขาท�ำผมประจ�ำอยู่ที่ Three Squares Studio ซึ่งเป็นร้านดังร้านหนึ่งในเมืองใหญ่แห่งนี้ แต่เมื่อถึงวันหยุด คือวันอาทิตย์ มาร์คจะคว้าหวีและ กรรไกรตระเวนไปทั่วเมือง และเสนอบริการตัดผมฟรีให้ แก่คนจรจัด โดยเริ่มจากค�ำแนะน�ำตัวสั้นๆ ว่า “วันนี้ผม อยากจะท�ำอะไรดีๆ ให้กับคุณ” ในแต่ละวันหยุดนั้น เขาตัดผมให้คนจรจัดได้ 6 คน แต่ ที่ส�ำคัญกว่านั้นก็คือ เมื่อตัดผมเสร็จ แฟนสาวของมาร์ค จะซื้ออาหารให้แก่คนเหล่านี้ได้กินหลังแต่งหล่อ มาร์คท�ำกิจวัตรแบบนี้มาตั้งแต่ปี 2012 หลังจากกลับไป เยีย่ มบ้านเกิดทีฟ่ ลิ ปิ ปินส์ แล้วเขาบริการตัดผมฟรีให้กบั เด็กๆ ในละแวกบ้านและพบว่ามันคือ “ความสุข” “ชีวิตมนุษย์ทุกคนมีค่าเท่ากัน” มาร์คกล่าว “คนเรา สมควรที่จะได้โอกาสแก้ตัวอีกครั้ง” ขอขอบคุณ : Facebook Mark Bustos, www.nationtv.tv

ชีวิตดี 7


ที่ทำ�งานของฉันอยู่บนเขา

อนิจจังมังคุด เรื่อง พระจันทร์

8 จิตสดใส ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๕


คุณผู้หญิงท่านหนึ่งลงรถมาไหว้ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “เอามังคุดมาถวายเจ้าค่ะ” ฉันมองตามไปที่กระบะท้ายรถ เห็นตะกร้ามังคุดเรียงซ้อนกันอยู่ เด็กๆ พากันตื่นเต้นใหญ่ เพราะจะได้กินมังคุด ฉันเองก็อดดีใจไม่ได้ พรุ่งนี้ ผู้ปฏิบัติธรรมคงได้ทานมังคุดกันจุใจ “อย่ า งนั้ น ต้ อ งถอยรถไปที่ โ รงครั ว เด็ ก ๆ ไปช่ ว ยคุ ณ ป้ า ยกมั ง คุ ด เวลาตะวันลับท้องฟ้า วิหคนกกาบินกลับรวงรัง ลงรถ” ฉันแนะคุณผู้หญิงพร้อมกับสั่งเด็กๆ ไปพร้อมๆ กัน ความตื่นตัวเรื่องประชาคมอาเซียนท�ำให้ฉันมีนัดกับพวกเด็กๆ เรา เหล่าเด็กๆ พร้อมกับหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่มากับคุณผู้หญิงช่วยกันขน เรียนภาษาอังกฤษด้วยกันทุกวันและวันนี้ก็เช่นเคย มังคุดลงจากรถจนเหนื่อย เวลาผ่านไปเกือบ 20 นาทีทุกอย่างก็เรียบร้อย Good evening welcome to English class. How are you today… “เอาหละเรียบร้อยแล้วกลับเข้าห้องเรียนได้ พรุ่งนี้ค่อยทานมังคุด ห้องเรียนเราดูมีสีสันมากด้วยว่านักเรียนมีหลายระดับ ชั้น ป.๕ สอง ต้ อ งเก็ บ ไว้ ถ วายพระก่ อ น” ฉั น สั่ ง เด็ ก ๆ อี ก รอบพร้ อ มอนุ โ มทนาบุ ญ คน ป.๔ หนึ่งคน ม.หนึ่งก็มาร่วมด้วย แถมป.๑ ก็ขอยายมาเรียน ไม่มีชั้น กับคุณผู้หญิง ขณะที่ฉันตั้งท่าจะเดินกลับเข้าห้องเรียน เลยอีกหนึง่ คนเพราะพ่อแม่เป็นคนงานต่างประเทศทีม่ าท�ำงานในเมืองไทย “เดี๋ยวเจ้าค่ะพระคุณเจ้า” เสียงนั้นท�ำฉันหยุดชะงัก “เราจะเริ่มบทเรียนวันนี้ด้วยค�ำถามง่ายๆ ใครตอบได้พระอาจารย์ “คือว่า โยมจ้างคนงานเก็บมังคุดยังไม่ได้ให้ค่าจ้างเลยเจ้าค่ะ จะให้รางวัล” เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันและให้เด็กๆ ได้มีความตื่นตัวที่ ใบหน้าของครูค่อยๆ ปรากฎจนชัดเจนในความรู้สึกของฉัน จะเรียนภาษาอังกฤษฉันจึงเลือกค�ำถามนี้ “ใครรู้บ้างว่า เออีซี คือ อะไร” “ขอค่าจ้างเก็บมังคุดสักหน่อย” เด็กนักเรียนระดับ ป.๕ ทั้งสองคนยกมือพร้อมกันขอตอบ “เท่าไหร่กันล่ะ” ฉันพูดเสียงเย็นเพราะหมดความตื่นเต้นเรื่องมังคุด “ผมรู้ ผมรู้ครับ” “1,300 เจ้าค่ะ ส่วนค่าน�้ำมันรถขนมา 300 ถ้าพระคุณเจ้าเมตตา โยม ฉันรูส้ กึ ภูมใิ จแทนครูทโี่ รงเรียน แม้วา่ จะดูเป็นเด็กแก่นแก้ว ชอบแกล้ง ยังไม่ได้ทานข้าวเลย ขอค่าข้าวอีกสักร้อยหนึ่งด้วย” กันในเวลาเรียน แต่เขาก็ยกมือตอบค�ำถามนี้ “เอ้าพวกเราเตรียมปรบมือ ตอบพร้อมกันทั้งสองคนเลย เออีซี คือ ฉันหันไปยิ้มและพูดกับโยมแม่ชีที่ดูแลโรงครัวเบาๆ อะไร” “ช่วยจัดแจงเรื่องปัจจัยให้ด้วย” ทั้งสองคนหันมามองหน้ากันยิ้มๆ แล้วท่วงท�ำนองเพลงเออีซีก็ดังขึ้น เป็นค�ำตอบ เสียงค�ำสอนของครูก้องกังวาลขึ้น “เออีซี เอ...อี...ซี....ยกทรงชั้นดีมีมาตราฐาน” เสียงปรบมือดังกึกก้อง “อะไรๆ ก็ไม่แน่” ขณะทีพ่ วกเราก�ำลังเพลิดเพลินกับบทเรียนภาษาอังกฤษ รถปิกอัพคันหนึง่ แล่นขึน้ เขาส่งเสียงดังมาแต่ไกล รถตรงมาจอดทีห่ น้าห้องเรียนของพวกเรา พระจันทร์ พอดี ฉันพร้อมกับเด็กๆ ออกมาต้อนรับ ๒๐ ก.ค. ๕๗ “มีธุระอะไรมาถึงซะมืดค�่ำโยม” ครูของฉันมักพร�่ำสอนเหล่าศิษย์อยู่เป็นประจ�ำว่า “อะไรๆ ก็ไม่แน่ อย่าได้หมายมั่นว่า ต้องแน่ ต้องใช่ ต้องเป็นอย่างที่ ฉันคิดไว้ ใครหลงไปย่อมเป็นทุกข์” การจะเข้าใจค�ำสอนของครูใช่อยู่แค่การฟังและการขบคิด ฉันเผลอใจไปเองว่าเข้าใจค�ำสอนของครูดีแล้ว จนกระทั่งวันหนึ่ง

ชีวิตดี 9


ห้องสอบอารมณ์

หน้าที่ของเด็กดี เรื่อง มิตรแห่งความดี

น้องๆ ชาวจิตสดใสแทบทุกคนต้องรู้จัก และ ร้องเพลง “หน้าที่เด็ก” หรือเรียกกันติดปากว่า “เด็กเอ๋ยเด็กดี” ซึ่งเป็นเพลงวันเด็กแห่งชาติ ที่ มีเนือ้ หาเตือนใจเด็กและเยาวชนให้ระลึกถึงสิง่ ที่เด็กๆ ควรกระท�ำ 10 อย่าง เพลงนี้ประพันธ์ เนื้อร้องโดย ครูชอุ่ม ปัญจพรรค์ และท�ำนอง โดย ครูเอื้อ สุนทรสนาน

10 จิตสดใส ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๕


และแน่นอนว่าเพลงนี้มักจะถูกเปิดในช่วงวันเด็กแห่งชาติ ที่จะ มีขึ้นในวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคมของทุกๆ ปี เป็นวันที่เด็กๆ ทุกคนรอคอยและอยากให้มีวันเด็กกันทุกเดือนเลยใช่ไหมคะ แม้แต่พี่ มิตรแห่งความดีเองก็ยังนึกถึงเรื่องราวตอนสมัยเด็กๆ เหมือนน้องๆ วัยจิตสดใสในขณะนี้ ที่มักรอคอยงานวันเด็ก เพราะในวันเด็กนั้น เด็กๆ จะได้รบั แจกขนม ของเล่น สมุด ดินสอ ยางลบ และมีกจิ กรรมสนุกๆ เยอะ แยะมากมาย เด็กๆ จะได้รบั ความสนใจเป็นพิเศษจากผูใ้ หญ่ 1 วันให้เรา ได้เต็มที่กับชีวิตเด็กๆ แบบฟินสุดๆ กันเลยทีเดียว ^_^ แต่น้องๆ จะนึกถึงแต่ความสนุกกันอย่างเดียวก็ไม่ได้นะคะ เราต้อง ไม่ลมื สิง่ ส�ำคัญส�ำหรับชีวติ พวกเราทุกคน นัน่ ก็คอื “หน้าที”่ นัน่ เอง เพราะ ไม่มีใครที่เกิดมาแล้วไม่มีหน้าที่นะคะ แล้วแต่ว่าใครจะอยู่ในสถานะใด และมีหน้าที่อะไรเท่านั้น

ใจที่มีคุณภาพนั้นคือ ใจที่คิดแต่การทำ�ความดี ไม่คิดทำ�สิ่งที่ไม่ดี จึงเป็นใจที่สามารถนำ�พาชีวิต ให้เจริญงอกงาม

ในบทความตอนแรกของพี่มิตรแห่งความดีในนิตยสารจิตสดใสนี้ พี่มิตรแห่งความดี จะขอเริ่มต้นด้วย “หน้าที่ของเด็กดี” น้องๆ คนไหน อยากเป็นเด็กดี ก็มาร้องเพลงนี้ด้วยกันกับพี่มิตรแห่งความดีกันนะคะ จะได้มาทบทวนดูวา่ หน้าทีข่ องเด็กดีมอี ะไรกันบ้าง มีขอ้ ไหนบ้างทีน่ อ้ งๆ ได้ท�ำแล้ว ก็ให้นัองๆ กาเครื่องหมาย “ถูก” พี่มิตรแห่งความดีก็ขอแสดง ความชื่นชมยินดีและปรบมือให้ ดังๆ และให้ก�ำลังใจให้น้องๆ รักษา หนทางแห่งความดีนี้ต่อไป หากข้อไหนที่น้องๆ ยังไม่ได้ท�ำก็ให้กาเครื่องหมาย “ผิด” แต่พี่มิตร แห่งความดีเป็นคุณครูใจดี จะอนุญาตให้น้องๆ แก้ไขข้อที่ยังไม่ได้ท�ำ ที่ ได้กาเครื่องหมายผิดนี้ไปแล้วโดยการเริ่มต้นท�ำกันนะคะ จะได้เปลี่ยน จากเครื่องหมาย “ผิด” เป็นเครื่องหมาย “ถูก” คราวนี้ เรามาเริ่มนับนิ้วกันดูนะคะ ว่าน้องๆ จะท�ำได้คนละกี่ข้อ พี่ มิ ต รแห่ ง ความดี จ ะเป็ น คุ ณ ครู ใ ห้ ค ะแนนข้ อ ละ 1 คะแนนนะคะ จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน พร้อมแล้ว 3..2..1..

เด็กเอ๋ยเด็กดี...ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน เด็กเอ๋ยเด็กดี...ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน หนึ่ง...นับถือศาสนา สอง...รักษาธรรมเนียมมั่น สาม...เชื่อพ่อแม่ครูอาจารย์ สี่...วาจานั้นต้องสุภาพอ่อนหวาน ห้า...ยึดมั่นกตัญญู หก...เป็นผู้รู้รักการงาน เจ็ด...ต้องศึกษาให้เชี่ยวชาญ ต้องมานะบากบั่น ไม่เกียจไม่คร้าน แปด...รู้จักออมประหยัด เก้า...ต้องซื่อสัตย์ตลอดกาล น�้ำใจนักกีฬากล้าหาญ ให้เหมาะกับกาลสมัยชาติพัฒนา สิบ...ท�ำตนให้เป็นประโยชน์ รู้บาปบุญคุณโทษ สมบัติชาติต้องรักษา เด็กสมัยชาติพัฒนา...จะเป็นเด็กที่พาชาติไทยเจริญ ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าน้องๆ คนไหนที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ของเด็กดีได้ ครบทั้ง 10 ประการนี้ได้ พี่มิตรแห่งความดีจะให้ 10 คะแนนเต็ม เวรี่ เวรี่ กู๊ด เลยทีเดียวซึ่งไม่เพียงจะสามารถรักษาสมบัติของชาติ หรือ สามารถ น�ำพาประเทศชาติให้เจริญเหมือนอย่างในเพลงนี้ได้เท่านั้น เพราะ เด็ก ในวันนี้ คือ ผูใ้ หญ่ในวันข้างหน้า และคุณภาพของประเทศนัน้ ก็ขนึ้ อยูก่ บั คุณภาพของคนในประเทศนั้นๆ อุปมาเหมือนห่อขนมที่ต่อให้รูปลักษณ์ ภายนอกจะดูสวยงามน่าทานแค่ไหนแต่หากพอได้ลองแกะชิมขนมทีอ่ ยู่ ข้างในเข้าไปแล้วหากไม่อร่อยและไม่มปี ระโยชน์ตอ่ ร่างกายก็เป็นขนมที่ ไม่มีใครอยากซื้อหามาทานอีกต่อไป ก็เช่นเดียวกัน ประเทศก็จะเป็น ประเทศที่ไม่น่าอยู่อีกต่อไป และคุณภาพของคนนัน้ ก็ขนึ้ อยูก่ บั คุณภาพของใจ ซึง่ ใจทีม่ คี ณ ุ ภาพ นั้นคือใจที่คิดแต่การท�ำความดี ไม่คิดท�ำสิ่งที่ไม่ดี จึงเป็นใจที่สามารถ น�ำพาชีวิตให้เจริญงอกงาม เพราะจะสามารถรักษาสมบัติที่แท้จริงของ มนุษย์ ที่น้องๆ สามารถน�ำพาติดตัวไปได้ ไม่ว่าจะเป็น มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ หรือแม้แต่นิพพานสมบัติ ซึ่งเป็นเป้าหมายของชีวิตของสิ่ง มีชวี ติ ทุกๆ ชีวติ กันเลยทีเดียว ซึง่ ไม่มโี จรภายนอกคนไหนจะสามารถปล้น สมบัตินี้ไปจากเราได้ นอกจากโจรภายในที่น้องๆ ปล่อยให้พวกมันเล่น ซ่อนแอบหลบซ่อนตัวอยู่ภายในใจของน้องๆ เอง ที่คอยมาดักจี้ปล้น สมบัติทั้งสามนี้ของเรากันอยู่เสมอๆ ในทุกๆ ขณะที่น้องๆ เผลอ หรือ หลงลืมสตินั่นเอง โจรภายในที่ว่านี้ ก็คือ คุณโลภะ คุณโทสะ และคุณ โมหะ นั่นเอง

ชีวิตดี 11


แล้วถ้าน้องๆ อาจมีข้อสงสัยว่า ในหน้าที่สิบอย่างนั้น ถ้าข้อไหนที่ น้องๆ ได้ปฏิบัติแล้ว ได้เครื่องหมาย “ถูก” และได้คะแนน ส่วนข้อที่ยังไม่ ได้ปฏิบัติ ท�ำไมถึงได้เครื่องหมาย “ผิด” แถมเสียคะแนน แต่พอได้แก้ไข โดยมาปฏิบัติในข้อนั้น ถึงจะได้เปลี่ยนเป็นเครื่องหมายจาก “ผิด” เป็น “ถูก” และได้คะแนนแล้วคราวนี้ จะได้สะสมแต้มไว้แลกของรางวัลเป็น สมบัตทิ งั้ สามดังกล่าวข้างต้น พีม่ ติ รแห่งความดีกข็ อเข้าเรือ่ งทีว่ า่ ...ท�ำไม ต้องปฏิบัติธรรม..

ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สําเร็จแล้วด้วยใจ ถ้าบุคคลมีใจผ่องใสแล้ว พูดอยู่ก็ดี ทําอยู่ก็ดี ความสุขย่อมไปตามเขา เหมือนเงาไปตามตัว

มีน้องๆ บางคนอาจไม่เข้าใจและงอแงว่าท�ำไม คุณพ่อคุณแม่ ถึง ต้องส่งน้องๆ มาเข้าค่ายอบรมจิตสดใสวัยบริสุทธิ์ด้วยพุทธปัญญา กับ พระอาจารย์ปญ ั ญา พระอาจารย์แจ็ค ครูพเี่ ลีย้ ง ซึง่ น้องๆ บางคนอาจคิด ว่า ไม่สนุกเหมือนได้เล่นเกมส์อยู่กับบ้านเลย แถมบางคนคิดว่าเป็นการ เสียเวลาสนุกสนานส�ำหรับชีวติ เป็นอย่างยิง่ เพราะอดได้คยุ กับเพือ่ นทาง ไลน์ อดอัพเดทข้อมูลทางเฟส อดดูละครเรื่องโปรด ฟังเพลงที่ชอบ อีกทั้ง ยังมองว่า การปฏิบตั ธิ รรมเป็นสิง่ ไม่จำ� เป็น และไม่เห็นด้วยกับการปฏิบตั ิ ธรรม จึงไม่อยากปฏิบัติธรรม ซึ่งอันที่จริงแล้ว “การปฏิบัติธรรม” นั้น เป็นหน้าที่ของทุกๆ คน ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ก็เหมือนกับหน้าที่สิบอย่างของเด็กดี คือถ้า เด็กคนไหนได้ปฏิบัติในหน้าที่ของเด็กดีก็เป็นเด็กดี ได้ชื่อว่าปฏิบัติธรรม ผู้ใหญ่ก็เช่นเดียวกัน ผู้ใหญ่ก็มีหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่ดี ผู้ใหญ่ที่ดีในที่นี้ พี่มิตรแห่งความดีหมายรวมถึงผู้เป็นใหญ่หรือผู้เจริญนั่นเองด้วย ดังนั้นไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่หากได้ปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่ดี ก็ล้วน เป็นผู้เป็นใหญ่หรือผู้เจริญได้ทั้งสิ้น คือเป็นใหญ่ในธรรม เจริญในธรรม นัน่ เอง อย่างในสมัยพุทธกาลก็มเี ด็กๆ เยอะแยะมากมายทีไ่ ด้บรรลุธรรม ตั้งแต่ตอนเด็กๆ อายุเพียงแค่ 7 ขวบ ยกตัวอย่างบุคคลที่น้องๆ รู้จักกันดี ก็คือ สามเณรบัณฑิต สุขสามเณร และเด็กหญิงวิสาขา หรือนางวิสาขา มหาอุบาสิกานั่นเอง ดังนั้นการปฏิบัติธรรม จึงไม่ได้เป็นเรื่องที่เราจะคิดว่าเป็นเรื่องที่ ควรรู้หรือไม่ควรรู้ เป็นหน้าที่ที่ควรปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติ เป็นเรื่องของเด็ก หรือผู้ใหญ่ เพราะก็เช่นเดียวกับการที่พี่มิตรแห่งความดีให้คะแนนและ ให้กาเครื่องหมายถูกในข้อที่ได้ท�ำ และเครื่องหมายผิดในข้อที่ไม่ได้ท�ำ เพราะถ้าเราไม่ได้ก�ำลังปฏิบัติในหน้าที่หรือไม่ได้ก�ำลังปฏิบัติถูกเท่ากับ ว่าในขณะนั้นเราก�ำลังปฏิบัติไม่ถูกหรือผิดอยู่นั่นเอง เพราะทุกๆ การ กระท�ำของเราล้วนเป็นการ ปฏิบตั ิ หากไม่ปฏิบตั ถิ กู ก็ผดิ มีอยูแ่ ค่ 2 อย่าง หรือเรียกง่ายๆ ว่า ถ้าไม่ท�ำบุญอยู่ ก็ ท�ำบาปอยู่ ดังนั้นการไม่ท�ำบุญ คือการก�ำลังท�ำบาปอยู่นั่นเอง ไม่ใช่ว่าอยู่เฉยๆ

12 จิตสดใส ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๕


เอ... แล้ว ถึงไม่ได้ท�ำบุญอยู่จะท�ำบาปได้อย่างไร สงสัยใช่ไหมคะ ก็ในขณะที่ใจเราไม่เป็นบุญการกระท�ำของเราไม่เป็นบุญนี่แหล่ะค่ะ คือ เราก�ำลังท�ำบาปแล้ว เพราะขณะนัน้ ใจเราไม่ได้เป็นกุศล ไม่ได้เจริญกุศล อยู่ ในขณะนั้นอกุศลก�ำลังครอบง�ำใจเราในรูปแบบต่างๆ แม้จะยังไม่มี การลงมือการกระท�ำทางวาจาหรือทางกายอยู่ก็ตาม และแน่นอนว่า ขึ้น ชื่อว่าใจที่เป็นอกุศลนั้น ก็เป็นใจที่เป็นบาป หรือพูดง่ายๆ ว่า แค่คิดก็ผิด แล้ว สมดังที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนไว้ว่า

ธรรมทัง้ หลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สาํ เร็จแล้วด้วยใจ ถ้าบุคคลมีใจร้ายแล้ว พูดอยูก่ ด็ ี ทาํ อยูก่ ด็ ี ทุกข์ยอ่ มไปตามเขา เพราะเหตุนนั้ ดุจล้อหมุนไปตามรอยเท้าโค ผูน้ าํ แอกไปอยู่ ฉะนัน้

ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สําเร็จแล้วด้วยใจ ถ้า บุคคลมีใจผ่องใสแล้ว พูดอยูก่ ด็ ี ทาํ อยูก่ ด็ ี ความสุขย่อมไปตามเขา เพราะ เหตุนั้น เหมือนเงาไปตามตัว ฉะนั้น ดังนัน้ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เราแค่เพียรละความชัว่ ในขัน้ ของการ รักษาศีลเท่านั้น แต่ยังสอนให้เราเพียรท�ำความดีในขั้นของการท�ำสมาธิ และปัญญาด้วย ถึงจะครบทุกหน้าที่โดยบริบูรณ์ เราถึงพ้นไปจากความ ทุกข์หรือพ้นไปจากกิเลสทั้งหลายได้ ซึ่งหน้าที่ของผู้ใหญ่ท่ีดีที่เราต้องท�ำให้มาก ให้ครบ ให้เจริญนั้นมี 8 ข้อ เรามาฝึกร้องเพลง “หน้าทีผ่ ใู้ หญ่” หรือ ผู้ใหญ่เอ๋ยผู้ใหญ่ดี ซึ่ง เวอร์ชั่นนี้ประพันธ์เนื้อร้องโดย พี่มิตรแห่งความดี ซึ่งเพิ่งแต่งสดๆ เสร็จ เมื่อสักครู่นี่เองหาร้องไม่ได้ที่ไหนนะคะ มีแต่ในนิตยสารจิตสดใสเท่านั้น ^_^ และท�ำนองโดย ครูเอือ้ สุนทรสนานเช่นเดียวกันกับเพลงเด็กเอ๋ยเด็ก ดี พร้อมๆ กันนะคะ เราจะได้มาทวนกันว่า เราได้ท�ำข้อไหนกันบ้างแล้ว และข้อไหนทีเ่ รายังอ้างว่าท�ำไม่ได้ ซึง่ อันทีจ่ ริงเรายังไม่ได้พยายามท�ำกัน ต่างหาก

ทำ�ดีได้ ไม่ต้องเดี๋ยว เพราะถ้ามัวรอเดี๋ยว.. เดี๋ยวจะไม่ได้ทำ�ความดี

ผู้ใหญ่เอ๋ยผู้ใหญ่ดี...ต้องมีหน้าที่แปดอย่างด้วยกัน ผู้ใหญ่เอ๋ยผู้ใหญ่ดี...ต้องมีหน้าที่แปดอย่างด้วยกัน หนึ่ง...ต้องท�ำความเห็นชอบ สอง...ต้องชอบด้วยด�ำรินั่น สาม...วาจานั้นต้องแม่นมั่น สี่...การกระท�ำนั้นต้องไม่เสียหาย ห้า...รู้จักการเลี้ยงชีพ หก...เป็นผู้เพียรพยายาม เจ็ด...ต้องระลึกให้ได้นาน ต้องมีความบากบั่น ไม่เกียจไม่คร้าน แปด...รู้จักตั้งมั่นชอบ ครบ...แปดข้อตลอดกาล กิเลสจะได้ถูกประหาร ให้เหมาะกับการที่ จิตพัฒนา จะ...ท�ำตนให้เป็นประโยชน์ รูบ้ าปบุญคุณโทษ นิพพานสมบัติ ได้รักษา จิตที่ถูกพัฒนา..จะเป็นจิตที่พานิพพานให้เจริญ... หรือทีพ่ ระพุทธองค์ตรัสว่า คืออริยมรรคมีองค์แปดหรือทางสายกลาง นั่นเอง ดังนั้นทางสายกลางนั้นจึงเป็นหน้าที่ของคนทุกคนที่ควรกระท�ำ ให้เกิดขึ้น เจริญขึ้น เราจะละเลยข้อใดข้อหนึ่งโดยไม่ปฏิบัติไม่ได้ คือถ้า ไม่ ไ ด้ ก ระท� ำ เท่ า กั บ ว่ า เราไม่ ไ ด้ เ ข้ า มาสู ่ ห นทางแห่ ง ความดี ห รื อ ทางสายกลาง ถ้าไม่ได้ด�ำเนินเข้ามาสู่หนทางแห่งทางสายกลางเต็มตัว หรือได้คะแนนไม่ครบทุกข้อเราก็พ้นไปจากกิเลสไม่ได้ ถ้าเรายังพ้นจาก กิเลสไม่ได้ ก็ถือว่าเรายังไม่เป็นผู้ใหญ่ที่ดี หรือยังไม่เป็นผู้เจริญที่แท้จริง เด็กดีในวันนี้คือผู้ใหญ่ที่ดีในวันนี้ด้วย โดยไม่ต้องรอเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ในวันข้างหน้าแล้ว ท�ำดีได้ไม่ต้องเดี๋ยว เพราะถ้ามัวรอเดี๋ยว..เดี๋ยวจะ ไม่ได้ท�ำความดี เพราะถ้าเราพลาดจากการท�ำความดี เราจะไม่พลาด จากทุคติ วินิบาต มหานรก ที่พี่มิตรแห่งความดีต้องขออนุญาตขู่น้องๆ ไว้ก่อนว่า ความทุกข์ใดๆ ที่มี ที่น้องๆ จะต้องเจอในโลกนี้ ต่อให้มาก แค่ไหนทุกข์เพียงใด ก็เทียบไม่ได้กบั ทุกข์ในทุคติเลย เรียกได้วา่ แค่คดิ ถึง ทุกข์ในนรกเพียงชั่วเสี้ยววินาทีก็รู้สึกเสียวไส้ยิ่งกว่าเวลาไปกระโดด บันจีจ้ มั พ์เสียอีก แต่ถา้ เราพลาดจากการท�ำความชัว่ เราจะไม่พลาดจาก สุคติ โลกสวรรค์ และนิพพาน ซึง่ ทางเลือกของชีวติ พวกเราทุกคนมีทางเลือกอยูแ่ ค่ 2 ทางนีเ้ ท่านัน้ ขึ้นอยู่ว่าน้องๆ จะเลือกท�ำและเลือกพลาดอย่างไหนดีคะ...^_^ พี่มิตรแห่งความดีจึงขอฝากหน้าที่ของเด็กดี ที่พระพุทธเจ้าได้ทรง ตรัสรู้และน�ำมาตรัสสอนพวกเรามาเป็นเวลากว่า 2,602 ปีแล้ว...และยัง มีหนทางด�ำเนินอยู่...ตราบเท่าที่ยังมีผู้ด�ำเนินตามพระพุทธองค์อยู่... ทุกข์...มีอยู่ ทางพ้นทุกข์...มีอยู่ เราผูช้ ที้ างพ้นทุกข์...ก็มอี ยู่ ถ้าท่านไม่เดิน..จะพ้นทุกข์ได้อย่างไร

ชีวิตดี 13


ครอบครัวจิตสดใส

จิตสดใส วัยรุ่นไม่เซ็ง สัมภาษณ์และเรียบเรียง ฐิติขวัญ เหลี่ยมศิริวัฒนา

ฉบับนี้เรามาทำ�ความรู้จักกับสาวน้อยน่ารัก ศิษย์เก่าค่ายจิตสดใสฯ ที่มาเข้าค่าย แล้วติดใจขอสมัครเป็นครูพี่เลี้ยงขาประจำ� เพื่อเก็บตัวเตรียมความพร้อมรอรับตำ�แหน่งว่าที่หัวหน้ากอง สรรพกำ�ลังหญิงคนแรกของค่ายต่อไปในอนาคต

14 จิตสดใส ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๕


sช่วยแนะน�ำตัวกับชาวจิตสดใสฯ หน่อยค่ะ =ลูกโยคี : สวัสดีค่ะ ชื่อมิวน์ - ธิปธีมา ทวิชศรี เรียนอยู่ ชั้น ม.5 โรงเรียน ศรีอยุธยา ในพระอุปถัมภ์ =คุณแม่ : สวัสดีค่ะ คุณแม่กฤษณีพร ท�ำงานอยู่สายทรัพยากรบุคคล ธนาคาร กรุงเทพจ�ำกัด (มหาชน) ค่ะ ก่อนจะส่งน้องมิวน์มาค่าย คุณแม่สนใจธรรมะมานานแล้วค่ะ จ�ำได้ว่าตอนเด็กๆ คุณยายของน้องมิวน์ให้คุณแม่สวดก่อนนอนทุกคืน เราก็สวดไปแต่ไม่รู้ความหมาย และ ไม่รู้ว่าท�ำไปเพื่ออะไร พอเริ่มโตขึ้นหน่อย ประมาณม.1อยู่ดีๆ ก็นึกขึ้นมาเฉยๆ เหมือนฝัน เบลอๆว่า “เอ๊ะ เราเกิดมาท�ำไมเนี่ย โลกนี้มันกว้างใหญ่มาก จะว่าไปแล้วเราก็คงเป็นแค่ เศษอะไรเล็กๆ อยูใ่ นโลกนีเ้ ท่านัน้ ” แล้วก็เกิดความรูส้ กึ กลัว เช้ามาก็เลยรีบให้คณ ุ ยายของ น้องมิวน์พาไปวัดสวดมนต์ แล้วตั้งแต่นั้นมาก็เริ่มอ่านหนังสือและศึกษาธรรมะไปเรื่อยๆ ทีละนิดละหน่อย

sก่อนที่จะมาเข้าค่ายจิตสดใสฯ ที่บ้านมีการท�ำกิจกรรมเกี่ยวกับธรรมะกัน บ้างไหมคะ =ลูกโยคี : ก็ท�ำกิจกรรมแบบชาวพุทธทั่วไปค่ะ เช่น ไปวัด สวดมนต์ก่อนนอน แต่ส่วนใหญ่มิวน์จะเห็นคุณแม่เป็นแบบอย่างในการปฎิบัติธรรมค่ะ คุณแม่จะนั่งสมาธิ เดินจงกรม และสวดมนต์ก่อนนอนทุกคืนค่ะ =คุณแม่ : ตอนนี้คุณแม่ค่อยๆ สอนลูกจากการให้เริ่มสวดมนต์ไปก่อน แล้วก็ พากันไปวัดแบบไปเที่ยวมากกว่าค่ะ sรู้จักค่ายจิตสดใสจากไหนคะ =ลูกโยคี : จากเพื่อนที่โรงเรียนค่ะ เพื่อนคนนั้นก็คือ “ครูริว” ที่สมาชิกค่ายน่าจะ รู้จักกันดีนี่ละค่ะ =คุณแม่ : คุณแม่เคยมาปฏิบตั ธิ รรมทีศ่ นู ย์ปฏิบตั ธิ รรมเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ราชนครินทร์ (เขาดินหนองแสง) ที่จัดโดยพระอาจารย์มานพ อุปสโม แล้วเห็นติดรูปไว้ว่า มีค่ายจิตสดใสฯ ของเด็กดูน่าสนใจ เลยลองหาข้อมูลดูค่ะ sท�ำไมถึงสนใจอยากให้ลูกๆ มาเข้าค่ายจิตสดใสฯ คะ =ลูกโยคี : คุณแม่อยากให้ลองมิวน์มาปฎิบัติธรรมดูสักครั้งค่ะ =คุณแม่ : คุณแม่อยากให้ลูกๆ ได้ซึมซับเรื่องธรรมะตั้งแต่เด็กๆ จะได้มีร่องรอย ของธรรมะอยูใ่ นจิตใจ และมีแนวทางในการด�ำเนินชีวติ ทีถ่ กู ต้อง รูว้ า่ เรามีชวี ติ อยูเ่ พือ่ อะไร กัน หากวันใด ลูกๆ มีความทุกข์หรือมีปัญหา เขาจะได้รู้ว่ายังมีอีกที่หนึ่งที่เขาจะมาหลบ ภัยได้ นั่นก็คือ “ธรรมะ” sเคยมาค่ายกี่ครั้งแล้วคะ =ลูกโยคี : 2 ครั้งค่ะ ครั้งแรกเป็นลูกโยคี มากับเพื่อน คือริวและฟร๊องซ์ค่ะ ส่วน ครั้งที่ 2 ก็มาเป็นครูพี่เลี้ยงกับริวนี่แหละค่ะ นอกจากนั้นก็มีไปช่วยค่ายวันเสาร์-อาทิตย์ที่ ครูบิ๊กชวนด้วยค่ะ

ชีวิตดี 15


sท�ำไมอยากมาเป็นครูพี่เลี้ยงคะ =ลูกโยคี : อยากลองดูว่าเป็นอย่างไรค่ะ =คุณแม่ : ครั้งที่ 2 น้องมิวน์เขาเลือกเองค่ะ เขาคงอยาก คุมเด็กๆ มั้งคะ จะได้เป็นพี่มั่ง เพราะอยู่บ้านเป็นน้องตลอด sก่อนมารู้สึกอย่างไรกับค่ายจิตสดใสฯ และคาดหวัง หรืออยากได้อะไรกลับไปบ้างคะ =ลูกโยคี : แรกๆ มิวน์คิดว่าต้องน่าเบื่อแน่ๆ เลย ง่วงแน่เรา 555 แต่สิ่งที่ได้กลับมา มิวน์ว่ามันสนุกดี ไม่เห็นจะเบื่อหรือยุ่งยาก อย่างที่คิดเลย แถมยังได้เพื่อนใหม่ด้วย =คุณแม่ : แม่แค่อยากให้ลูกได้มีร่องรอยธรรมะอยู่ในใจ เท่านั้นเองค่ะ ไม่ได้หวังอะไรมาก ได้เท่าไรก็เท่านั้น

คุณแม่ประทับใจตอนกิจกรรมกตัญญูค่ะ คุณแม่น้ำ�ตาซึมเลย แอบเห็นคุณแม่ท่านอื่นร้องไห้ เราเองก็อยากร้อง แต่อาย กลัวโดนลูกแซวค่ะ

sเมื่อได้มาเข้าค่ายแล้วทั้งมิวน์และคุณแม่รู้สึกอย่างไร บ้างคะ =ลูกโยคี : สนุกค่ะ พระอาจารย์สอนสนุกและตลก กิจกรรม ต่างๆ ก็สนุกดีค่ะ =คุณแม่ : รูส้ กึ ดีตามน้องมิวน์ไปด้วย เห็นลูกสนุกกับธรรมะ แม่ก็ชื่นใจแหละ ลูกเรามาถูกทางแน่ 555 sชอบอะไรที่สุดเกี่ยวกับค่ายนี้คะ =ลูกโยคี : มิวน์ว่ากิจกรรมน�้ำใสใจจริงที่มีน�้ำหลายๆ สี แทนอารมณ์คนเรา พระอาจารย์อธิบายได้เข้าใจง่ายมากเลยค่ะ =คุณแม่ : ชอบที่พระอาจารย์ วิทยากร และครูพี่เลี้ยง สามารถท�ำให้ธรรมะกลายเป็นเรื่องสนุกและเข้าถึงเด็กๆ ได้ง่ายค่ะ sไม่ชอบอะไรที่สุดเกี่ยวกับค่ายนี้คะ =ลูกโยคี : ไม่มีนะคะ แต่ก็มีเด็กบางคนที่เกเรน่ะค่ะ (อ้าว แล้วบอกว่าไม่มี 555) แต่มิวน์ก็รู้ว่าเราจะไปบังคับหรือท�ำให้เขา ท�ำอะไรดั่งใจเราไม่ได้ มิวน์ก็เลยไม่ไปยุ่งกับเขาค่ะ (แหะๆ) =คุณแม่ : ไม่มีค่ะ คะ

sมีเหตุการณ์ประทับใจอะไรเกิดขึ้นในค่ายฯบ้างไหม

=ลูกโยคี : โอ้ มิวน์จะตอบยังไงดีละ 555 เอาตามตรงนะคะ มิวน์ชอบตอนเป็นพีเ่ ลีย้ งอ่ะค่ะ เพราะลุกเดินไปนูน่ ไปนีไ่ ด้ ได้ยกของ ไปให้ครูท่านนั้นท่านนี้ มิวน์ชอบมากเลย (ครั้งหน้า มิวน์ขอเป็น กองสรรพก�ำลังนะคะ 555555) =คุณแม่ :ประทับใจตอนกิจกรรมกตัญญูค่ะ คุณแม่น�้ำตา ซึมเลย แอบเห็นคุณแม่ท่านอื่นร้องไห้ เราเองก็อยากร้อง แต่อาย กลัวโดนลูกแซวค่ะ

16 จิตสดใส ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๕

sในอนาคตอยากมาค่ายจิตสดใสฯ อีกไหมคะ =ลูกโยคี : ตอบได้เลยว่า อยากค่ะ!!! = คุณแม่ : ตามใจมิวน์เลยค่ะ ลุยเต็มที่ลูก

sรู้สึกว่าตัวเองได้เรียนรู้อะไรไปจากค่ายบ้างคะ =ลูกโยคี : เยอะเลยค่ะ เช่น เรียนรู้การระงับอารมณ์ เพราะ มิวน์เป็นคนที่อารมณ์ร้อนมากค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะเก็บไม่ให้ใครรู้ ถ้าสภาพแวดล้อมท�ำให้มวิ น์โมโห อันนัน้ มิวน์ระงับได้ แต่ถา้ เกิดจาก บุคคลก็ต้องแล้วแต่สถานการณ์ค่ะ ครั้งหนึ่งมิวน์เคยไปค่ายภาษา อังกฤษ แล้วมีเด็กนิสัยไม่ดีมาหาเรื่อง จนมิวน์ทนไม่ไหว มิวน์เลย ต่อยเขาเลยค่ะ อารมณ์เด็กช่างกลเลย จนพีๆ่ ทีมงานต้องมาจับแยก แต่พอมาค่ายจิตสดใสฯ ทีน่ สี่ อนให้มวิ น์มสี ติและรูส้ กึ ตัวตลอดเวลา ว่าเราก�ำลังท�ำอะไรอยู่ ซึ่งมิวน์คิดว่าช่วยได้เยอะเลยค่ะ =คุณแม่ : อุ๊ยตาย! ไม่รู้เลยนะเนี่ยะว่ามิวน์ใจร้อน เห็น เงียบๆ ว่าง่าย ไปชกกับเขาซะแล้วเหรอลูก 555

sเมื่อได้มาเข้าค่ายจิตสดใสฯ แล้วรู้สึกอย่างไรกับ ธรรมะบ้างคะ =ลูกโยคี : รู้สึกว่าธรรมะไม่ใช่เรื่องยากที่จะเรียนรู้และยังมี อีกหลายเรือ่ งทีน่ า่ ศึกษาค้นคว้า มิวน์ชอบพุทธประวัตมิ ากค่ะ เพราะ ทั้งเรื่องราวและตัวละครต่างๆ แฝงข้อคิดไว้มากมายเลย =คุณแม่ : ธรรมะของพระพุทธเจ้าวิเศษอยู่แล้วค่ะ


s การมาเข้ า ค่ า ยจิ ต สดใสฯ มี ผ ลต่ อ ชี วิ ต น้ อ งมิ ว น์ อย่ า งไรบ้ า ง และหลั ง จากกลั บ ไปมี อ ะไรเปลี่ ย นแปลงไป บ้างไหมคะ =ลูกโยคี : มิวน์ว่าก็มีเปลี่ยนไปบ้างนะคะ โดยเฉพาะเรื่อง อารมณ์ที่เย็นลงบ้าง แต่โดยพื้นฐานทางบ้านอบรมสั่งสอนเรามาดี รวมถึงที่โรงเรียนเก่า (โรงเรียนอมาตยกุล บางเขน) ก็สอนมิวน์ ให้คิดดี พูดดี ท�ำดีอยู่แล้วค่ะ =คุณแม่ : ปกติน้องมิวน์เป็นเด็กอ่อนโยนอยู่แล้ว (ยกเว้น ตอนไปต่ อ ยคนอื่ น น่ ะ นะ) แม่ จึ ง ไม่ ค ่ อ ยเห็ น การเปลี่ ย นแปลง ทางพฤติกรรมที่ชัดเจนเท่าไหร่ อาจจะมีบ้างคือมีความรับผิดชอบ มากขึ้น ส่วนที่เปลี่ยนมากที่สุดน่าจะเป็นความคิดของน้องมิวน์ มากกว่าค่ะ sเมื่อได้มาเข้าค่ายแล้วท�ำให้อยากท�ำอะไรเกี่ยวกับธร รมะต่อไปบ้างไหมคะ =ลูกโยคี : มิวน์อยากเขียนหนังสือค่ะ เกี่ยวกับธรรมะ นี่แหละ แต่ใช้ภาษาวัยรุ่น ให้วัยรุ่นทั่วไปได้เข้าใจและสนใจธรรมะ มากขึ้นค่ะ =คุณแม่ : สนับสนุนเต็มที่ค่ะ

มิวน์ว่ากิจกรรมน้ำ�ใสใจจริง ที่มีน้ำ�หลายๆ สีแทนอารมณ์คนเรา พระอาจารย์อธิบายได้เข้าใจง่ายมากเลยค่ะ

เด็กน่ารัก เก่งๆ ก็เยอะ ขวางโลกก็เยอะ ก็โลกสมัยนี้มีสิ่งล่อตาล่อใจเยอะเหลือเกิน ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพ่อแม่นะคะ ที่จะต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกๆ

sทั้งคุณแม่และคุณลูกรู้สึกอย่างไรกับเด็กสมัยนี้คะ =ลู ก โยคี : ไม่ค่อยชอบค่ะ 555 มิวน์รู้สึกว่าเด็กสมัยนี้ วัตถุนิยมมาก ตัวอย่างเช่น ตอนนี้อะไรก�ำลังเป็นที่นิยม ทุกคนก็แห่ กันไปนิยมตาม โดยไม่รู้ว่าจะท�ำไปเพื่ออะไร ส่วนตัวแล้วมิวน์ ไม่ชอบท�ำตามใครค่ะ เพื่อนมิวน์หลายคนเห่อมือถือมาก เวลาไป เที่ยวกับเพื่อนๆ แทนที่จะสนุกกันก็ดันต่างคนต่างเล่นมือถือซะนี่ มิวน์คิดว่าเราควรจะใช้ของเท่าที่จ�ำเป็นและใช้ให้เหมาะสมกับ วัยดีกว่า ไม่ใช่ใช้เพื่อโชว์ว่าเรามีค่ะ =คุณแม่ : ก็เป็นธรรมดานะคะ เด็กน่ารัก เก่งๆ ก็เยอะ ขวางโลกก็เยอะ ก็โลกสมัยนี้มีสิ่งล่อตาล่อใจเยอะเหลือเกิน ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของพ่อแม่นะคะที่จะต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกๆ ของ ตัวเอง เด็กเป็นผ้าขาวค่ะ เห็นผู้ใหญ่เป็นแบบอย่างอยู่แล้ว ผู้ใหญ่ เองต่างหากที่จะต้องชี้น�ำและเป็นตัวอย่างที่ดีให้เด็กๆ นะคะ sแล้วรูส้ กึ อย่างไรกับผูใ้ หญ่สมัยนีค้ ะ =ลู ก โยคี : ไม่ ช อบเป็ น บางกลุ ่ ม ค่ ะ โดยเฉพาะกลุ ่ ม ที่ เห็นแก่ตัว ไม่นึกถึงเด็กๆ ไม่นึกว่าต่างชาติจะมองเราอย่างไร เด็ก บางคนยังคิดเองได้ว่าอะไรถูก อะไรผิด ผู้ใหญ่ชอบบอกว่าเด็กต้อง ท�ำอย่างนั้นอย่างนี้ อย่าท�ำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ทีผู้ใหญ่ล่ะ รู้ว่าอะไร ไม่ดีแล้วท�ำท�ำไม แล้วไหนล่ะตัวอย่างที่ดีของเด็ก =คุณแม่ : คนเราก็ตอ้ งมีทงั้ ดีและไม่ดเี ป็นธรรมดา ดังนัน้ จึง อยู่ที่พ่อแม่ว่าเราจะสอนลูกๆ ของเราให้ดูใครเป็นแบบอย่าง คนดี เราก็ควรสอนให้ลูกดูเป็นแบบอย่าง แต่ที่ไม่ดี ก็ให้เขาดูไว้เป็น บทเรียน และไม่เอาอย่าง เท่านี้ก็พอค่ะ s ถ้าสามารถเปลี่ยนอะไรก็ได้สักอย่างหนึ่งในโลกนี้ อยากเปลี่ยนอะไรกันบ้างเอ่ย =ลูกโยคี : มิวน์ไม่ได้อยากจะเปลีย่ นโลกทัง้ โลกค่ะ แต่อยาก เปลีย่ นตัวเองมากกว่า มิวน์บอกกับตัวเองหลายครัง้ แล้ว แต่กไ็ ม่เคย ท�ำได้จริงจังซักที เช่น เรื่องเรียน มิวน์อยากจริงจังมากกว่านี้ค่ะ =คุณแม่ : แม่คงไม่ขอเปลี่ยนอะไร เพราะโลกก็เป็นอย่างที่ โลกเป็นค่ะ

ชีวิตดี 17


จิตสดใส เมื่อหัวใจพอเพียง

ชีวิตที่ผ่าน...กาลเวลา เรื่อง ครูเล็ก

กาลเวลาและชี วิ ต เป็ น ดั ง เส้ น ขนาน คูก ่ น ั มิรจ ู้ บ มนุษย์จะให้คา ่ กับความรูส ้ ก ึ กับวันเวลาในเรือ ่ งราวต่างๆ ว่าสำ�คัญ เนือ ่ งด้วยความรูส ้ ก ึ พอใจว่าเป็นสุข และ ไม่ พ อใจว่ า เป็ น ทุ ก ข์ และให้ ค่ า ความ หมายกับชีวต ิ ด้วยวัยและบทบาทหน้าที่ ตามแต่ เ หตุ ปั จ จั ย ที่ โ ลกสมมุ ต นั้ น เช่ น วันเด็ก วันแม่ วันพ่อ วันครอบครัว วันชาติ วันครู วันตำ�รวจ วันพยาบาล วั น ทหารผ่ า นศึ ก และวั น อื่ น ๆ อี ก มากมาย

เหตุ ก ารณ์ ส� ำ คั ญ ต่ า งๆ ในชี วิ ต ก็ จ ะถู ก ก� ำ หนด เรียกขานตามเรื่องราวที่มี กิจกรรมร่วมกัน เช่น วัน แต่งงาน วันเกิด วันตาย วันครบรอบต่างๆ ใน ช่วงที่ชีวิตประสบกับเหตุการณ์นั้นๆ “จิต” จะท�ำหน้าที่บันทึกข้อมูลชีวิตทุกขั้นตอน ไว้ เป็นดัง memory card ที่ยากจะลบเลือน “จิ ต ” จะบั น ทึ ก คลื่ น แห่ ง ความรู ้ สึ ก ไว้ ที่ “จิตใต้ส�ำนึก” ฝังลึก เวียนวน นานเท่านาน

18 จิตสดใส ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๕

แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหน “ใจ” เจ้าเอยไม่เคยลืมเลือน แต่ที่มันจ�ำแล้วลืม นั้น คือ สัญญา ที่เป็นความจ�ำ มันไม่แน่ไม่นอน เป็นเรื่องของ ธาตุ ขันธ์ อายตนะ ที่เกิดดับ สลับกันไป จ�ำบ้าง ลืมบ้าง ตลอดเวลา อย่าง ที่เราเรียนรู้ เพื่อสอบให้ผ่าน สอบเสร็จแล้ว ส่วนใหญ่ก็จ�ำได้บ้าง ลืมเลือนไปบ้าง ปัจจุบันคนส่วนใหญ่มีกิจกรรมบันทึกหรือสื่อ ความรู้สึกส่วนตัวลงเป็นข้อมูลสาธารณะใน facebook บ้าง ในไลน์ บ้าง ใน instagram


บ้าง กิจกรรม Timeline เส้นสายแห่งกาลเวลา นั้น ทุกชีวิตจะมีความรู้สึกที่หลากหลาย เพื่อ ระบาย แบ่งปัน ความรู้สึกพอใจ สุขใจบ้าง ไม่พอใจ ทุกข์ใจบ้าง เพื่อรับรู้สุข ทุกข์ร่วมกัน แต่ถ้าวันใด รู้สึกสุขใจ สบายใจ วันนั้นชีวิตจะ มีความหมาย “ใจ” จะรูส้ กึ มีอสิ ระเบาสบาย ไม่ กังวล ไม่ทกุ ข์ทน เป็นกาลเวลาทีม่ คี ณ ุ ค่าทีด่ กี บั ความรู้สึก เพราะ “ใจ” ไม่ทุกข์ เป็นสุขดีหนอ จะมีสกั กีเ่ รือ่ ง กีค่ รัง้ กีว่ นั กับเหตุการณ์ทที่ ำ� ให้ ชีวติ แต่ละวันมีความหมายในความรูส้ กึ ทีด่ ี ให้ ใจได้บันทึกและจดจ�ำ หรือจะเรียกว่า “บันทึก กรรม” ก็วา่ ได้ ไม่ได้เขียนด้วยมือ แต่บนั ทึกไว้ ด้วย “ใจ” ที่รู้สึก ชีวิตที่ผ่านกาลเวลามานั้น ย่อมมีทั้งเรื่องดี เรื่องร้าย กว่าจะรู้ว่าดี ว่าร้าย บางทีชีวิตอาจ จะสายเกินแก้ เรื่องที่เราไม่รู้ ผู้อื่นรู้ก็มีอยู่ เรื่อง ที่ไม่เคยเห็น ก็ใช่ว่าจะไม่มี เราไม่อาจสรุป ตัดสินว่าผิดถูก เพราะโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาล

มีผู้คนมากมายทั้งเหมือนและต่างจากเรา จึง ไม่ควรตัดสินว่าผิดถูกในความเชื่อที่แตกต่าง แต่ควรจะด�ำเนินชีวิตที่ไม่ละเมิดศีลธรรม ไม่ เบียดเบียน ไม่คดโกง ไม่ทำ� ร้ายใคร ตามเกณฑ์ ทีม่ นุษย์บนโลกนีจ้ ะพึงกระท�ำต่อกัน ไม่ผดิ ทัง้ กฎหมายและไม่ไร้ศีลธรรม ชีวิตผ่านกาลเวลา...ผ่านโจทย์การเรียนรู้ ผ่าน ประสบการณ์ทั้งดีร้ายมามากมาย แต่ละชีวิต ล้ ว นมี ต ้ น ทุ น ที่ แ ตกต่ า ง ด้ ว ยการสร้ า งเหตุ หลายๆ อย่างมาจนจิตเคยชินเป็นนิสัย โดย เฉพาะเรื่องบุญ เรื่องบาป การประพฤติปฏิบัติ ที่แล้วมา “ทาน ศีล ภาวนา” ซึ่งมีผลรับเป็น วิบากกรรมส่งผลกับชีวิตในปัจจุบันทั้งสิ้น

ชีวิตดี 19


มีผู้คนมากมายทั้งเหมือนและต่างจากเรา จึงไม่ควรตัดสินว่าผิดถูกในความเชื่อที่แตกต่าง แต่ควรจะดำ�เนินชีวิตที่ไม่ละเมิดศีลธรรม ไม่เบียดเบียน ไม่คดโกง ไม่ทำ�ร้ายใคร ตามเกณฑ์ที่มนุษย์บนโลกนี้จะพึงกระทำ�ต่อกัน

การเขี ย นครั้ ง นี้ ขอน� ำ เสนอทางเลื อ กด้ า นดี เพื่ อ แบ่ ง ปั น จะมี ประโยชน์กว่าเรื่องร้ายๆ ที่ท�ำให้ใจทุกข์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่จะต้อง คร�ำ่ ครวญและจดจ�ำ ทุกท่านย่อมผ่านพ้นมาทัง้ เรือ่ งร้ายและเรือ่ งดี แน่นอน เรามาพูดถึงเรื่องดีที่มีความหมาย นึกเมื่อใด สบายใจ ยิ้ม

“วันเวลา... ที่มีความหมาย”

ได้ก็แล้วกัน อยากจะเรียกเหตุการณ์ดีๆ เหล่านี้ว่า เราต่างเคยพลาดผิด เคยโกรธ เกลียด อาฆาตแค้น คนอืน่ มามากมาย แต่วันนี้บทเรียนเหล่านั้นผ่านพ้นไป เรายิ้ม หัวเราะได้อย่างเป็น ปกติกับคนที่เราเคยโกรธ เคยเกลียด มีแต่ความเป็นมิตรเป็นเพื่อน มาแทนที่ ช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้เป็นปกติ อย่างที่มนุษย์ควรจะเป็น ดอกไม้เบ่งบานเพียงชั่วระยะสั้น ๆ แต่ก็มีความหมายที่มีคุณค่า กับคนที่ได้เห็นได้สัมผัส ชีวิตคนเรายาวนานกว่าดอกไม้หลายเท่า ย่อมสร้างคุณค่าได้มากมายเพื่อคนรุ่นต่อๆ ไปในวันหน้า วันนี้ก็ขอ อนุโมทนาสาธุฝากมากับ “ครูจิตสดใส ใจอาสา” และทุกกิจกรรม ที่เป็น “งานแห่งการให้” กับทุกๆ ชีวิต ในครั้งนี้ด้วย คนเราต่างคนต่างมา ต่างใจต่างคิด แต่เมื่อได้มาพบกัน มาร่วมงาน เพื่อท�ำสิ่งดีๆ ร่วมกัน จึงมีเป้าหมายการเรียนรู้ที่ไม่แตกต่างดุจญาติ สนิท ผนึกกันเป็นครอบครัวแห่งการให้ บนถนนสายธรรมเดียวกัน “เรียนรู้ แบ่งปัน สร้างสรรค์ เบิกบาน” ตามค�ำสอนแห่งการ “ตื่น รู้” แห่งองค์พระศาสดาและวิถีชีวิต “พอเพียง” ตามรอยเท้าพ่อแห่ง แผ่นดิน เมื่อชีวิตต้องตัดสินใจ แม้เพียงขณะเดียวที่ขาด “สติ” ชีวิตอาจพลิก ผัน เวลาจึงส�ำคัญยิ่ง ทุกวินาที ที่ต้องสู้ เพื่อเดินไปข้างหน้า ไม่ถอย หลัง แม้จะหยุดเฉยบ้าง ก็เพื่อทบทวนเรียนรู้ แต่ไม่หยุดอยู่ ทุกการ ตัดสินใจ จึงมีผลเป็นวิบากกรรมที่เราต้องเป็นผู้เสวยทั้งสิ้น ทั้งที่ดี และไม่ดี ถ้าตัดสินใจดี ถูกต้อง ก็รับผลเป็นความสุข แต่ถ้าคิดผิด ตัดสินใจผิด ความทุกข์ก็จะเป็นผลลัพธ์ตามมาแน่นอน ไม่มีสิทธิ์ ที่จะโทษสิ่งใดๆ หรือใครทั้งสิ้น “ผลย่อมมาแต่เหตุ” นี่คือค�ำสอน แห่งองค์พุทธศาสดา

20 จิตสดใส ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๕


บทเรียนหนึ่งที่ชีวิตต้องยอมรับและปรับใช้ คือ ความไม่แน่นอน ทีเ่ ป็นสัจธรรม จะคาดหวังทุกอย่างให้เป็นดังใจก็ไม่ได้ เราจึงต้อง มาเข้าคอร์สเรียนรู้ปฏิบัติธรรม เพื่อ “รู้จักใจ” แล้วอยู่กับความ จริงทีไ่ ม่แน่นอนอย่างยอมรับ อะไรแก้ไขได้กแ็ ก้ไขไป อะไรแก้ไข ไม่ได้ เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ก็เป็นเรื่องที่ต้องเข้าใจ ท�ำใจ แล้วก็อยู่ กับปัญหานั้นให้ได้ โดยไม่ทุกข์

ดอกไม้เบ่งบานเพียงชั่วระยะสั้นๆ แต่ก็มีความหมายที่มีคุณค่า กับคนที่ได้เห็นได้สัมผัส ชีวิตคนเรา ยาวนานกว่าดอกไม้หลายเท่า ย่อมสร้างคุณค่า ได้มากมายเพื่อคนรุ่นต่อๆ ไป ในวันหน้า

สุข ทุกข์ เป็นเรื่องของ “ใจ” ที่รู้สึก ไม่ใช่ประเด็นหลักของปัญหา ทุกข์...ต้องแก้ที่ “ใจ” ปัญหาต้องแก้ไขทีเ่ รือ่ งราว ทีบ่ คุ คล ต้อง แก้ให้ถูกเหตุ เกาให้ถูกที่แล้วดีเอง ไม่มีใครเก่งทุกอย่างมาตั้งแต่เกิด แต่ถ้าใครเขารวยตั้งแต่ เกิ ด ก็ อ ย่ า ไปอิ จ ฉาก็ แ ล้ ว กั น สร้ า งเหตุ ม าดี เ ขาก็ รั บ ผล ดี อ ยู ่ แ ล้ ว เรื่ อ งเก่ ง ไม่ เ ก่ ง เป็ น เรื่ อ งต้ อ งฝึ ก ต้ อ งท� ำ บ่ อ ยๆ ทัง้ เรือ่ งงาน เรือ่ งใจ ใจจะนิง่ ใจจะสงบเป็นสมาธิได้แค่ไหน อยู่ ทีค่ วามต่อเนือ่ งในการปฏิบตั ิ เรือ่ งทีไ่ ม่เคยเห็นก็อย่าคิดว่าไม่มี มีผู้คนมากมายที่มีบทเรียนชีวิตจริงจังและยิ่งใหญ่ในการจะ ออกจากทุกข์ ไม่เวียนว่ายตายเกิดนัน้ มีจริง เราเป็นเพียงผูเ้ ดิน ตาม ปฏิบตั ติ ามผูท้ รี่ แู้ ล้วเท่านัน้ จริงไม่จริง ก็ตอ้ งค้นคว้าพิสจู น์ ด้วยค�ำตอบที่เป็น “ปัจจัตตัง” แห่งตนเท่านั้น ช่วงเข้าพรรษาปีนี้ มีค�ำตอบมากมายรออยู่ เพื่อการค้นหาใน เรื่องความสุข ความทุกข์ เป็นโอกาสดีส�ำหรับชาวพุทธเสมอ ที่จะสร้างโอกาสทองให้กับชีวิต ในเทศกาล “เข้าพรรษา” ที่ จะถึงนี้ ค�ำสอนแห่งองค์พระศาสดา ผ่านกาลเวลามานานกว่า 2500 ปี มีพระอริยะสงฆ์มากมาย ได้พสิ จู น์คน้ หาค�ำตอบ จนประจักษ์รุ่นแล้ว รุ่นเล่า สืบต่อมาจนถึงทุกวันนี้ วันที่ ชาวพุทธยังมัน่ คงและมัน่ ใจ...ทุกกาลเวลา ทีช่ วี ติ ผ่านพ้น จะมีคำ� ตอบทีด่ ที สี่ ดุ เสมอ ส�ำหรับผูท้ พ ี่ ากเพียรแสวงหา... สุข ทุกข์ เป็นเรื่องของ “ใจ” ที่รู้สึก

ชีวิตดี 21


คน ค้น ค่าย

ด้วยรักและผูกพัน เรื่อง ครูบิ๊ก

ส วั ส ดี ค่ ะ ชาวจิตสดใสฯ ทุกท่าน จริงๆ ค อ ลั ม น์ นี้ อ ย า ก ตั้ ง ชื่ อ เ ต็ ม ๆ ว่ า “ด้ ว ยรั ก และผู ก พั น อยู่ ด้ ว ยกั น มาจะ ครบ 50” ว๊าย... ตัวเลขนี้ถ้าเป็นอายุก็คง เป็นปูชนียบุคคลไปแล้ว แต่บังเอิญ ตัวเลขนี้คือ จำ�นวนรุ่ น ของค่ า ยจิ ต สดใสฯ ที่ กำ�ลั ง จะครบ ครึ่งร้อยเร็วๆ นี้ล่ะค่ะ วันเวลาช่างผ่านไปอย่าง รวดเร็วจริงๆ นะคะ ตอนค่ายจิตสดใสฯ ครบ 5 ปี เมื่อเดือนตุลาคม 2556 พระอาจารย์ ใหญ่ ท่ า นเมตตาให้ ฉ ลองโดยการไปตาม รอยบาทพระศาสดาที่ อิ น เดี ย สงสั ย จริ ง ว่ า ครบค่ า ยที่ 50 จะมี ก าร ฉลองอะไรหรือเปล่าหนอ

22 จิตสดใส ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๕


เอาล่ะค่ะ กลับมาอยู่กับปัจจุบันกันดีกว่า ตามประสา ผู้เจริญสตินะคะ ค่ายช่วงฤดูร้อนที่ผ่านไปคือค่ายรุ่นที่ 46 ส�ำหรับเยาวชนอายุ 13-16 ปี และรุน่ ที่ 47 ส�ำหรับเยาวชน อายุ 9-12 ปีค่ะ ทั้งสองค่ายนี้ก็มีสิ่งที่เป็นที่สุดอยู่หลาย อย่าง และแน่นอนว่าต้องมีกจิ กรรมใหม่ๆ ทีท่ กุ คนรอคอย ด้วยค่ะ

เรารู้อยู่แล้วว่า อะไรถูก อะไรผิด แต่หากใจเราไม่มีสติคุ้มกัน ก็ตกเป็นทาสของสมุทัย ได้ง่ายๆ เหมือนกัน

ขอเล่าเรื่อง “ที่สุด” ก่อนก็แล้วกันนะคะ เป็นปรากฏการณ์เลยก็ว่าได้ ที่ ค่ายระดับมัธยมมีผู้สมัครล้นหลาม จากเดิมที่มีผู้สนใจน้อยกว่ายอดเปิด รับ ปีนกี้ เ็ ต็มพอดีๆ แน่นอนว่า...ไม่มอี ะไรเกิดขึน้ โดยบังเอิญ ปรากฏการณ์ นี้ย่อมมีสาเหตุค่ะ เท่าที่เราวิเคราะห์กันดูแล้ว คงเป็นเพราะช่องทางการ ประชาสัมพันธ์ของเรากว้างขวางขึ้นนั่นเองค่ะ สังเกตได้จากข้อมูลใบ สมัครทีถ่ ามผู้ปกครองว่า “ท่านทราบข่าวค่ายจิตสดใสฯ ได้อย่างไร” จาก เดิมส่วนมากจะทราบจากเว็บไซต์ อีเมล์ หรือฟังวิทยุ ฤดูกาลนี้มีช่องทาง ใหม่ๆ เช่น จากเฟสบุค๊ คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย, จากกลุม่ ไลน์ทมี่ เี พือ่ นแชร์ ต่อๆ กันมา, และแน่นอนค่ะ มีผปู้ กครองกรอกว่า “จากนิตยสารจิตสดใสฯ” ของเราด้วยค่ะ ก็น่าดีใจแทนทีมงานนิตยสารทุกคนนะคะ อีกปรากฏการณ์หนึง่ ก็คอื ค่ายระดับมัธยมมีลกู โยคีชาย มากกว่าโยคีหญิง ค่ะ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ปกติค่ายระดับประถม ลูกชายจะมากกว่า ลูกสาว แต่พอขึน้ ระดับมัธยม ลูกสาวจะมากกว่าลูกชาย แต่ไม่วา่ จ�ำนวน จะเป็นเท่าไร เราชาวค่ายก็ยินดีทั้งนั้นค่ะ หญิงชายเราไม่เกี่ยง ลูก พระพุทธเจ้าซะอย่าง ปรองดองและเมตตากันเป็นส�ำคัญอยู่แล้วค่ะและ อีกหนึง่ “ทีส่ ดุ ” ทีต่ อ้ งชืน่ ชมไว้ ณ ทีน่ เี้ ลยก็คอื ทีส่ ดุ แห่งทีมเวิรค์ ของคุณครู ชาวจิตสดใสฯ เลยค่ะ เพราะครั้งนี้..ก�ำลังของค่ายถูกแบ่งออกเป็น 2 ทีม

ชีวิตดี 23


ไม่ใช่หนึง่ เดียวเหมือนเช่นฤดูกาลก่อนๆ เพราะค่ายครัง้ นีเ้ กิดขึน้ ในเวลาเดียวกับงานวัดลอยฟ้า ที่สยามพารากอน ชนิดที่ชนกัน อย่างจังเลยค่ะ ก�ำลังครูของเราที่ค่ายจึงร่อยหรอลงไปมาก แต่ ที่สวนทางคือก�ำลังใจของพวกเรา ที่ยังสู้เต็มร้อยค่ะ ทีมค่ายก็ ดูแลค่าย ทีมงานวัดลอยฟ้าก็ดูแลบูท และเราก็ท�ำทั้งสองอย่าง ได้ดี น่าพอใจทีเดียวค่ะ

ด้ ว ยเนื้ อ ที่ ค อลั ม น์ ข องครู บิ๊ ก ครู บิ๊ ก ก็ อ ยากจะฉายภาพทั้ ง บรรยากาศของค่าย และบรรยากาศของบูทให้ได้รว่ มปลืม้ ใจกัน ค่ะ อยากเริ่มด้วยบรรยากาศของบูทก็แล้วกันนะคะ หลายท่านคงได้คนุ้ หูกบั “งานวัดลอยฟ้า” กันมาก่อน เพราะจัด เป็นครั้งแรกไปเมื่อปี 2555 ฉลองพุทธชยันตีพอดีค่ะ ปี 2557 นี้ เป็นการจัดงานครัง้ ที่ 2 ใช้ธมี การจัดงานว่า “จิตตนคร” ประยุกต์ จากพระนิพนธ์ของสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งเนื้องานท�ำได้ดีและ สร้างสรรค์มากทีเดียวค่ะ นัน่ คือ หากเราเป็นพระราชาของเมืองๆ หนึ่ง มีอ�ำมาตย์ใหญ่เป็นที่ปรึกษาเรา 2 คน คนหนึ่งคือ ท่าน สมุทัย (เหตุแห่งทุกข์) ก็จะคอยเพ็จทูล ให้เราตัดสินใจเลือก ไขว่คว้าความสุขแบบโลกๆ ส่วนอ�ำมาตย์อีกท่านหนึ่งชื่อ ท่าน บารมี ก็จะคอยแนะน�ำเราไปหาทางที่มีศีล มีหิริ โอตัปปะ พระ ราชาอย่างเราจึงต้องเลือกเสียแล้ว ว่าจะเลือกเชื่ออ�ำมาตย์ท่าน

24 จิตสดใส ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๕


ไหนดี คุ้นๆ ใช่ไหมล่ะคะ เพราะมันก็คือสิ่งที่เราต้อง เผชิญอยูใ่ นชีวติ ประจ�ำวันของเรานัน่ เอง เรารูอ้ ยูแ่ ล้วว่า อะไรถูก อะไรผิด แต่หากใจเราไม่มีสติคุ้มกันก็ตกเป็น ทาสของสมุทัยได้ง่ายๆ เหมือนกัน แล้วจิตสดใสฯ อยู่ตรงไหนของงานวัดลอยฟ้าล่ะคะ ก็ ต้องบอกว่า ศูนย์ปฏิบตั ธิ รรมเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ราชนครินทร์ของเรา ได้รบั เชิญเข้าร่วมออกบูทในงานวัด ลอยฟ้าเป็นปีแรก และได้พื้นที่ถึง 2 บูทด้วยกันค่ะ ท่าน พระอาจารย์ใหญ่จึงเมตตาให้จิตสดใสฯ รับผิดชอบไป 1 บูท ในงานนี้เราก็ได้ท�ำบอร์ดประชาสัมพันธ์กิจกรรม จัดเกมส์เล็กๆ ให้เยาวชนทีส่ นใจได้เข้ามาลองเล่น และ แจกแผ่นพับรายละเอียดของค่ายให้กับผู้ปกครองค่ะ ท�ำเลของบูทก็ดีเสียด้วย คืออยู่ข้างเวทีเลยค่ะ

ชีวิตดี 25


คราวนี้มาถึงบรรยากาศของค่ายกันดีกว่า ครั้งนี้... ทีมงานของเราก็มีแฟนพันธุ์แท้ อยู่หลายท่านที่เมตตาและอดทนอยู่ช่วยงาน 2 ค่ายต่อเนื่องทีเดียว สิริรวมแล้วก็ เป็นเวลา 10 วันเต็ม ส�ำหรับค่ายระดับมัธยมในปีนี้ มีความพิเศษคือ การออกธุดงค์ในวันที่ 4 ของค่าย นั้น ได้เปลี่ยนรูปแบบไปนิดส์นึงค่ะ คือจากเดิมที่เราจะมีการเดินธุดงค์ระยะทาง 10 กิโลเมตรขึน้ ไป ให้เราได้สกู้ บั ตัวของเราเอง แต่คา่ ยนี้ ชรอยพระอาจารย์จะมัน่ ใจ ว่าลูกโยคีสามารถเอาชนะตัวเองได้แน่นอน ท่านจึงคิดกิจกรรมใหม่ให้เราน�ำเอา ความรักความเมตตาที่เราสะสมจากค่าย ออกไปสัมผัสและแจกจ่ายให้กับสังคม ภายนอกบ้าง

26 จิตสดใส ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๕


ค่ายนี้เราจึงแบ่งลูกโยคีและคุณครูออกเป็น 3 กลุ่มค่ะ กลุ่มแรกไปเยี่ยม แผนกต่างๆ ในโรงพยาบาลพระปกเกล้า กลุ่มที่สอง ไปเยี่ยมบ้านพักคนชรา และกลุ่มสุดท้าย ไปเยี่ยมบ้านเด็กพิเศษประจ�ำจังหวัดจันทบุรี เมื่อกลับมา แล้ว สิง่ ทีน่ า่ สนใจมากๆ คือ การได้นำ� ประสบการณ์ทไี่ ด้มาแลกเปลีย่ นเรียน รูก้ นั กลุม่ ทีไ่ ด้ไปโรงพยาบาลก็เห็นว่า แท้จริงชีวติ คนเราก็มเี ท่านีเ้ อง เกิด แก่ เจ็บ ตาย ล้วนเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลทั้งสิ้น ส่วนลูกๆ กลุ่มที่ไปบ้านพักคนชรานั้นก็ดูจะตระหนักว่า ความแก่ชราซึ่งเดิม เราคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวนั้น มันเกิดขึ้นแน่ๆ และมันอาจมาถึงเราเร็วกว่าที่ คิดเสียด้วย ความประมาทในวัยจึงลดน้อยลง ส่วนครูบิ๊กเองอยู่กลุ่มที่ไปบ้านเด็กพิเศษค่ะ ได้ความประทับใจมากมายกับ การได้ช่วยน้องๆ เด็กพิเศษเรียนรู้และท�ำกิจกรรมต่างๆ ลูกโยคีจิตสดใสฯ ที่ ไปที่นี่ ก็ได้ทะลายก�ำแพงแห่งความแตกต่าง ได้ย่ืนมือแห่งความเมตตา เข้าไปสัมผัสโลกพิเศษอีกโลกหนึ่งของเด็กๆ ครูบิ๊กรู้สึกได้เลยค่ะว่า พี่ๆ ลูก โยคีรักและผูกพันกับน้องๆ ที่โรงเรียนนี้ด้วยใจจริง ไม่ได้เสแสร้งเลย รวมถึง ตัวครูบิ๊กเองก็ได้เรียนรู้อะไรมากมายทีเดียว ต้องกราบขอบพระคุณพระ อาจารย์ที่คิดกิจกรรมใหม่นี้ขึ้นมาเจ้าค่ะ

ชีวิตดี 27


วาดภาพ... “พระพุทธเจ้าของฉัน” ลูกโยคีแต่ละคน สามารถถ่ายทอดภาพ ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้อย่างยอดเยี่ยมและมีสีสันที่สุด

ส่วนค่ายระดับประถมศึกษานั้น ปีนี้ก็ได้เปิดโอกาสให้ลูกๆ วาด ภาพภายใต้แนวคิด “พระพุทธเจ้าของฉัน” ซึง่ ไม่นา่ เชือ่ ว่า ลูกโยคี แต่ละคนสามารถถ่ายทอดภาพของพระผู้มีพระภาคเจ้าได้อย่าง ยอดเยี่ยมและมีสีสันที่สุด และที่ประทับใจคุณครูพี่เลี้ยงมากๆ ก็ คือ การส่งอารมณ์กรรมฐานที่ลูกๆ แต่ละคนตอบค�ำถามของครู ตุย้ เรือ่ งความรูส้ กึ ตัวได้อย่างละเอียดมากค่ะ ทีค่ รูบกิ๊ จ�ำได้แม่นย�ำ คือ ครูตุ้ยให้ลูกกลุ่มหนึ่งยืนนิ่งๆ ส�ำหรับครูบิ๊ก ลูกยืนได้นิ่งมาก นะคะ แต่พอครูตุ้ยถามว่า “ลูกคิดว่าลูกนิ่งหรือยัง” ลูกโยคีคน หนึง่ ในกลุม่ ตอบว่า “ยังไม่นงิ่ ครับ เพราะหน้าอกยังขยับอยู่ เพราะ เราหายใจครับ” แค่นี้..ครูบิ๊กว่า ทั้งครูตุ้ย ทั้งพระอาจารย์ก็ปลื้ม มากๆ แล้วล่ะค่ะ แหม..เนื้อที่คอลัมน์ของครูบิ๊กก็หมดลงแล้วสิคะ ยังเม้าส์ไม่หมด เลยนะเนีย่ แต่ให้สญ ั ญาว่าบล็อครวบรวมบรรยากาศของค่ายจะ คลอดออกมาเร็วๆ นีอ้ ย่างแน่นอนค่ะ อดใจรออีกสักนิดนะคะ ขอ ปิดท้ายด้วยงานส�ำคัญอีกงานหนึง่ ...ทีช่ าวจิตสดใสฯ พลาดไม่ได้ คืองานอาจาริยบูชา แด่ท่านพระอาจารย์มานพ อุปสโม ในวัน อาทิตย์ที่ 1 มิถนุ ายน 2557 ทีผ่ า่ นมาค่ะ เรามาร่วมบุญทอดผ้าป่า เพื่อน�ำปัจจัยที่ได้ มาท�ำให้การตกแต่งอาคารส�ำหรับคอร์สเข้ม และคอร์สเยาวชนได้แล้วเสร็จกันค่ะ ทีส่ ำ� คัญ งานนีอ้ มิ่ ทัง้ ท้อง อิม่ ทั้งบุญแน่นอนค่ะ พบกับการออกร้านของจิตสดใสฯ ชิมเป็ดย่าง แสนอร่อย ป๊อบคอร์น จปาตี ไอศกรีมฟาร์มสุข และผลไม้จากสวน ใครพลาดปีนี้ไม่เป็นไร ปีหน้าพลาดไม่ได้นะคะ แล้วพบกัน ค่ะ

28 จิตสดใส ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๕


ห้องแนะแนว

รักใสใส หัวใจไม่พร้อม ข้อมูล กระทรวงสาธารณสุข

15

18

12

2552

2539

2554

ค่าเฉลี่ยอายุ วัยรุ่นไทยเริ่มมีอะไรกันครั้งแรก จำ�นวนการคลอดบุตร ของคุณแม่วัยใส

ผลลัพท์ของรัก ที่พลาดพลั้ง

2554

18-19 ปี 48,643 คน

16-17 ปี 51,206 คน

14-15 ปี 13,573 คน

8-13 ปี 579 คน

54.5% ถูกทิ้ง

16.1% ท้องโดยไม่พร้อม

23.7% ถูกใช้ความรุนแรง

3.1% ติดโรคทางเพศ

ข้อปฏิบัติก่อนรักจะสร้างปัญหา ข่มใจ

หางานอดิเรกทำ�

วิชาเพศศึกษา

SAVE SEX ชีวิตดี 29


นิทาน ... ธรรมดี

กระต่ายน้อยจอมโก๊ะ เรื่อง คุณนายฟู ภาพประกอบ ภัทรีดา ประสานทอง

30 จิตสดใส ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๕


วันนี้เป็นวันแข่งขันเก็บผักของ หมู่บ้านกระต่าย กระต่ายน้อยใน หมู่บ้าน ต่างฝึกฝนตัวเอง เพื่อเตรียมตัว มาแข่งขันเก็บผัก ในวันนี้

โก๊ะก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขัน มีเบิ้มเพื่อนกระต่ายน้อยที่แข็งแรงที่สุดในหมู่บ้าน คอยล้อว่าโก๊ะจอมซุ่มซ่ามคงจะต้องทำ�อะไรพังก่อนแข่งจบแน่

ชีวิตดี 31


โก๊ะรู้ตื่นเต้นมาก จนมือสั่นไปหมด เมื่อสัญญาณนกหวีดดังขึ้น กระต่ายทุกตัววิ่งไปที่แปลงผัก โก๊ะวิ่งไปที่แปลงแครอท ดึงแครอทอย่างเร่งรีบจนเต็มรถเข็น แล้วเข็นรถวิ่งตรงไปที่เส้นชัย

โก๊ะยิ้มร่าคิดว่าตัวเองชนะแน่ๆ แต่เจ้าเบิ้มกระต่ายหนุ่มตัวใหญ่ที่เข็นผัดกาดตามมาติดๆ ก็หัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆๆๆ เจ้าโก๊ะจอมเปิ่น เก็บอะไรมาน่ะ” โก๊ะมองที่รถเข็นผักของตัวเอง ในรถมีแต่ใบแครอท ส่วนหัวยังฝังอยู่ในดินที่เดิม

โก๊ะตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ “หยุดหัวเราะนะ!!!!” ทุกคนนิ่งอึ้งไป 32 จิตสดใส ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๕


โก๊ะหน้าซีด มองเบิ้มวิ่งเข้าเส้นชัยไป ในขณะที่ตัวเขาเองไม่ทันได้มอง ว่าข้างหน้ามีหลุม ทั้งรถเข็นทั้งโก๊ะ ล้มกลิ้งไม่เป็นท่า ใบแครอทกองสุมเต็มหัวโก๊ะ

ทุกคนในหมู่บ้าน บางคนก็ตกใจ บางคนเป็นห่วง บางคนก็พยายามกลั้นหัวเราะ แต่เบิ้มนั้นขำ�กลิ้ง อย่างไม่เก็บอาการ ทำ�ให้โก๊ะโกรธมาก

ชีวิตดี 33


เบิ้มอ้าปากจะพูดบางอย่าง โก๊ะคิดว่าเบิ้มจะถากถางเขาอีกแน่จึงโกยใบผักปาใส่เบิ้ม โดยที่เขาไม่รู้ว่าในกองใบผักนั้น มีก้อนหินติดมาด้วย

ก้อนหินโดนหัวเบิ้ม อย่างจังจนเขาล้มไป โก๊ะเห็นเบิ้มบาดเจ็บ ก็ตกใจทำ�อะไรไม่ถูก ได้แต่วิ่งหนีไป เพื่อนๆ คนอื่นช่วยประคองเบิ้มที่หัวปูดขึ้นมานั่ง 34 จิตสดใส ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๕


โก๊ะแอบอยู่ใต้ต้นไม้ รู้สึกเสียใจที่ทำ�เพื่อนบาดเจ็บ เขานั่งนิ่งไม่รู้จะทำ�อย่างไร ในใจสับสนไปหมดโกรธเพื่อนไม่เท่าไหร่ แต่โกรธตัวเองมากกว่า ที่มักจะทำ�อะไรพลาด อยู่ตลอดเวลา

“คิดอะไรอยู่จ๊ะโก๊ะ” เสียงเล็กๆเสียงหนึ่งดังใกล้ๆหู โก๊ะเหลียวมองหาเจ้าของเสียงแล้วก็พบ แมลงปอตัวเล็กๆ บินอยู่ใกล้ๆ “เพิ่งรู้ว่าแมลงปอก็พูดได้ด้วย” โก๊ะรำ�พึง

ชีวิตดี 35


“ฉันพูดคุยกับเธอมานานแล้วล่ะ แต่เธอเพิ่งจะได้ยิน” แมลงปอน้อยยิ้มแล้วเล่าให้ฟัง “อย่างเมื่อวานตอนเก็บแครอท ตอนที่รถเข็นคว่ำ� ตอนที่เพื่อนล้อ ตอนที่เธอกอบใบไม้ปาใส่เพื่อน”

โก๊ะคิดถึงเหตุการณ์ เหล่านั้นแล้วคิดว่า ถ้าเขาได้ยินเสียงพูด ของแมลงปอน้อย ชัดเหมือนตอนนี้ ทุกอย่างคงจะไม่เละเทะแบบนี้ แมลงปอยิ้มเหมือนเข้าใจ ความคิดของโก๊ะ

36 จิตสดใส ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๕


ยังไม่ทันที่โก๊ะจะพูดอะไร ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาใกล้ โก๊ะชะโงกหน้าไปดูเห็นเป็นเบิ้มเดินมาใกล้ โก๊ะเครียดขึ้นมาทันใด “เจ้านั่นต้องมาต่อว่าเราแน่ๆ หรือไม่ก็คงจะฟ้องให้ผู้ใหญ่ทำ�โทษ” แล้วเสียงเล็กๆ ของแมลงปอน้อยก็ดังขึ้น “ออกไปคุยก่อนมั้ยโก๊ะ มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้”

โก๊ะก้าวออกมาจากหลังต้นไม้ พบเพื่อนๆยืนมองอยู่ เบิ้มพูดขึ้น “โก๊ะ เราขอโทษที่ล้อนายและหัวเราะเยาะนายนะ จริงๆเราจะพูดตั้งแต่เมื่อกี๊แล้ว แต่หินลอยมาโขกหัวซะก่อน ฮ่ะๆ” โก๊ะยิ้มออกและพูดว่า “อ้าว นายจะขอโทษเราหรอกเหรอ เราไม่ทันฟัง ที่จริงเราต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำ�นายเจ็บตัว ถ้าเรามีสติกว่านี้หน่อยเราจะไม่ทำ�แบบนั้น”

ชีวิตดี 37


โก๊ะกับเบิ้มเดินกอดคอกันกลับบ้าน โก๊ะสะกิดเตือนเบิ้ม “นายระวังสะดุดรากไม้ตรงนี้นะ ตอนมาเราล้มไปแล้ว” เบิ้มหันมายิ้มแล้วกระโดดข้ามรากไม้ ตามคำ�แนะนำ�ของโก๊ะ พลางพูดคุยถึง เรื่องวันนี้กันอย่างขำ�ขัน แล้วเบิ้มก็ทัก “ว่าแต่แมลงปอตัวนี้ตามนายมา ตั้งแต่เมื่อกี๊แล้วนะ” “ของนายก็มีนะ” โก๊ะชี้แมลงปอของเบิ้มให้ดู เบิ้มยิ้มให้กับแมลงปอน้อยของตัวเอง

38 จิตสดใส ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๕


ธรรมะออนไลน์ เรื่องและภาพประกอบ

faithbook

ชีวิตดี 39


. . . ศ า ก ะ ร ป . . . ศ า ก ะ ร ป ร ค ั ม ส บ ั ร ด ิ เป แล้วจ้า... ค่าย

“จิตสดใส วัยบริสุทธิ์ ด้วยพุทธปัญญา” ช่วงปิดภาคเรียน ปี 2558 นี้

ค่าย “จิตสดใส วัยบริสุทธิ์ ด้วยพุทธปัญญา” ช่วงปิดภาคเรียน ปี 2558 โดยจัดเป็น 2 ค่าย คือ วันที่ 27-30 มีนาคม 2558 (3 คืน 4 วัน) ค่ายครอบครัวอบอุ่น (ผู้ปกครองและเด็กอายุ 9-12 ปี) (หรือระดับชั้น ป.3-ป.6) จำ�นวน 40 ครอบครัว วันที่ 1-5 เมษายน 2558 (4 คืน 5 วัน) ค่ายเด็กอายุ 13-15 ปี (หรือระดับชั้น ม.1-ม.4) จำ�นวน 60 คน ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ราชนครินทร์ จ.จันทบุร ี

40 จิตสดใส ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๕


ผู้ปกครองท่านใดที่สนใจ สามารถขอรับระเบียบการและใบสมัครได้ ตาม 4 ช่องทางต่อไปนี้ 1. ส�ำหรับผู้ที่อยู่ใกล้บริเวณศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉล ิมพร ราชนครินทร์ ให้มารับใบสมัครและส่งใบสมัครได ะเกียรติ 84 พรรษา ประชาสัมพันธ์ของศูนย์ (ในกรณีที่ตั้งใจจะมารับ ้ด้วยตนเอง ที่ห้อง ใบสมัครและสมัครเลยให้ เตรียมหลักฐานคือ 1) รูปถ่ายเด็กที่สมัครขนาด 1 นิ้ว 1 ใบ 2) ส�ำเนาบัตรประชาชนหรือส�ำเนาสูติบัตร 3) ซองเปล่าติดแสตมป์ 3 บาท จ่าหน้าซองถึงตัว ท่านเอง มาด้วย) 2. หรือขอใบสมัครเข้ามาได้ที่อีเมล์ goodkidshappy

@yahoo.com

3. ดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ www.jitsodsai.com หรื อ www.pra-manop.org หรือ ค้นหาใน google ด้วยค�ำว่า “ค่ายจิตสดใส” ก็ ได้ค่ะ 4. ท่านสามารถส่งใบสมัครได้ด้วยตนเองที่โต๊ะประ ชาสัม ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ราชนคริพันธ์ของศูนย์ นทร์ หรือกรอกใบสมัครให้ชัดเจนส่งใบสมัครพร้อมหลั กฐานมาทางไปรษณีย์ ตามที่อยู่ที่ระบุในระเบียบการ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ครูบิ๊ก 081-741-8141 ครูโชค 081-805-5889 ครูเล็ก 089-754-9020 ครูป๊อป 089-424-165 เปิดรับสมัคร 15 มกราคม - 15 กุมภาพันธ์ นี้ 1 www.jitsodsai.com


ผู้ใหญ่ใจดี พี่ๆ ใจบุญ ย า ล ห ง ้ ั ท ก ั ที่น่าร ... บ า ร ท ด ร โป

ค่าย “จิตสดใส วัยบริสุทธิ์ ด้วยพุทธปัญญา” กลับมาแล้วค่ะ หากท่านใดมีจิตศรัทธาสนับสนุนค่ายธรรมะเยาวชน สามารถสนับสนุนได้หลายรูปแบบ ดังต่อไปนี้

บริจาคแรงกายแรงใจ โดยการมาเป็นอาสาสมัคร ครูพี่เลี้ยง ธรรมะบริการ ช่วยงานในโรงครัว ช่วยงานทำ�ความสะอาด

รับบริจาค

เป็นสิ่งของแจกโยคีเด็กประมาณ 80 คน เป็นสิ่งของจำ�พวก ดินสอ ยางลบ ปากกา สี หนังสือธรรมะเด็ก ถุงผ้า ของเล่นเด็ก ฯลฯ

อาหารและเครื่องดื่ม

• สำ�หรับเด็ก ได้แก่ เครื่องดื่ม บรรจุกล่องทั้งหลาย • สำ�หรับทีมงาน ได้แก่ เครื่องชง ทุกชนิด เช่น ไมโล โอวัลติน กาแฟ น้ำ�มะตูมผง ฯลฯ

บริจาคเป็นปัจจัย โดยบริจาคด้วยตัวเอง ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ราชนครินทร์ จ.จันทบุรี หรือเข้าบัญชี ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาย่อยท่าพระจันทร์ ชื่อบัญชี “พระมานพ อุปสโม” บัญชีเลขที่ 114-2-10518-6 สำ�หรับท่านที่โอนปัจจัยทำ�บุญเข้าบัญชีนี้ ขอความกรุณามีต้อยติ่ง 3 บาทด้วยนะคะ เช่น ท่านมีศรัทธาทำ�บุญ 500 บาท ขอความกรุณาโอนเข้ามาเป็นเงิน 503 บาท เพื่อเราจะได้ทราบว่า ยอดนี้สมทบทุนทำ�ค่ายสำ�หรับเยาวชนค่ะ สำ�หรับสิ่งของบริจาค รบกวนเขียนข้างกล่อง/ถุง/หรือซองว่า “ค่ายจิตสดใส” ด้วยนะคะ แต่หากท่านไม่ได้อยู่ใกล้ศูนย์ปฏิบัติธรรม สามารถติดต่อทีมงาน เพื่อส่งมอบของกันได้ โดยติดต่อ ครูบิ๊ก 081-741-8141 ครูป๊อป 089-424-1651 ค่ะ


ค่าย

“จิตสดใส วัยบริสุทธิ์ ด้วยพุทธปัญญา”

ค่ายจิตสดใส วัยบริสุทธิ์ ด้วยพุทธปัญญา ถือกำ�เนิดโดยความเมตตาของท่านพระอาจารย์มานพ อุปสโม เมื่อปี พ.ศ. 2551 ด้วยความคิดที่จะปลูกฝังศีลธรรมให้กับเยาวชนไทย ได้เดินตามรอยบาทพระศาสดา เป็นค่ายศีลธรรมที่เน้นการภาวนาแนวสติปัฏฐาน 4 เสริมด้วยกิจกรรมบูรณาการเสริมทักษะการดำ�เนินชีวิต ต่างๆ อาทิ มารยาทชาวพุทธ ความกตัญญู ความมีน้ำ�ใจ อายตนะ-ขันธ์ 5 การฝึกหายใจกับโยคะอย่างง่าย เยาวชนจะได้ฟังธรรมะในรูปแบบธรรมะหรรษา เช่นหัวข้อ ภพภูมิ เบญจศีล เบญจธรรม พุทธประวัติ ความ สุขจากการให้ เป็นต้น เมื่อผ่านการอบรมแล้ว เยาวชนจะสามารถเป็นผู้เชื่อมโยงระหว่าง บ้าน วัด และโรงเรียน ให้กลายเป็นภาคีธรรมะ สร้างสรรค์สู่การเป็นสังคมแห่งสันติและความเมตตาต่อไป ค่ายจิตสดใส วัยบริสุทธิ์ ด้วยพุทธปัญญา ศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ราชนครินทร์ อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี


สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๘ “กล้วยไม้งดงามให้ความสุข ไม่ ใช่แค่คราวที่ดอกเบ่งบาน แต่ ในคราวที่ดอกโรยรา กล้วยไม้ก็งดงามเช่นกัน เพราะดอกที่ โรยรานั้นหมายถึง ดอกที่เบ่งบานกำ�ลังจะมาถึง สุขทุกข์อยู่ ใกล้เคียงกันเสมอ อย่าได้ประมาทในสุข เมื่อคราวสุข อย่าได้ทุกข์ร้อนจนเกินไป เมื่อคราวทุกข์ จงเรียนรู้ทั้งสุขและทุกข์นั้น ด้วยใจเป็นกลาง สุดท้ายจะพบว่า สุขก็ผ่าน ทุกข์ก็ผ่าน” สุขสันต์วันปี ใหม่ พระมหาปัญญา วิสุทโธ


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.