การเมืองชุมชน ประจำเดือน​ กันยายน 2564

Page 1

ปีที่ 10 เล่มที่ 165 ประจ�ำวันที่ 5 กันยายน - 5 ตุลาคม 2564 ราคา 10 บาท

ติดตามอ่านได้ทางทางเว็บไซต์ www.การเมืองชุมชน.com

อ่านต่อหน้า 3

อ่านต่อหน้า 7-9


หน้า 2

^มอบ : วันที่ 13 สิงหาคม 2564 วัดโคกมะตูม พร้อมก�ำนันนิลวรรณ สุขไพบูลย์ ก�ำนัน ต�ำบลห้วยขมิ้น นางสาวชนัลญา สุรารักษ์ สมาชิกอบต.หมู่ 7ต.ห้วยขมิ้น ได้รอมารับ สิ่งของ ข้าวสารอาหารแห้ง จากคุณครู ทองพูล มีสวัสดิ์ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ร.ร.วัด ร่องแซง(กุลไพศาลวิทยา) พร้อม ร.อ.วิโรจน์ ทองกุญชร ที่ปรึกษาสมาคมสื่อมวลชน ส่งเสริมพระพุทธศาสนาและสังคมและ ศิษย์เก่าโรงเรียกรุงเทพคริสเตียน Bccรุน่ 126 (รวม4ที่) วัดโคกมะตูม ต�ำบลหนองไข่น�้ำ อ�ำเภอ หนองแค จังหวัดสระบุรี

^ ขอแสดงความเสียใจ : นายปราโมทย์ ไชยวงศ์คต ทีมงานหนังสือพิมพ์การเมือง

ชุมชน ร่วมงานณาปนกิจ นายทองหลอม ไชยวงศ์คต (บิดา) ณ วัดแทนวันดี ถ.พระราม 2 จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2564

^ มอบยา : นพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ประธานกรรมการบริหาร บริษัทยาอินไทย

จ�ำกัด มอบยาฟ้าทะลายโจร จ�ำนวน 1,200,000 เม็ด มูลค่า 1,800,000 บาท ให้กรม ราชทัณฑ์ เพื่อใช้รักษาผู้ต้องขังในเรือนจ�ำทั่วประเทศ โดยมี สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว. ยธ. พร้อมผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม อายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ ผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ ร่วมรับมอบ ณ กรมราชทัณฑ์

^มอบเครือ่ งช่วยหายใจ :ดร.สุจนิ ต์ ไชยชุมศักดิ์ ผูว้ า่ ฯ จ.นนทบุรี รับมอบเครือ่ งผลิต ออกซิเจน,ถังออกซิเจนพร้อมอุปกรณ์ เเละเครื่องวัดอุณหภูมิ จาก พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จ.นนทบุรี และดร.ชัยรัตน์ จ�ำนงค์การ ประธาน กต.ตร.ภาค ประชาชน พร้อมคณะ กต.ตร.ฯ เพือ่ น�ำไปใช้ในการแพร่ระบาดของสถานการณ์โรค โควิด-19 ที่ศาลากลางจ.นนทบุรี ถ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี เมื่อ 25 ส.ค. 64

^ ช่วยประชาชน : จีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผวจ.กาญจนบุรี และ นายกเหล่ากาชาดร่วม

กันมอบถุงยังชีพกับประชาชนบ้านหนองขาวอ�ำเภอท่าม่วงจังหวัดกาญจนบุรี โดย มีฑรัท เหลืองสะอาด นายอ�ำเภอท่าม่วงรับมอบเพื่อกระจายสู่ชาวบ้านอย่างทั่วถึง

^ที่กักคอย : นายสาวิตร เจียมจิระพร นายอ�ำเภอไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้เป็น ประธานเปิดทีก่ กั คอยส�ำหรับผูป้ ว่ ยโรคโควิด 19 (สีเขียว)พร้อมด้วย ด.ต.รักประสงค์ แสนสม นายกเทศมนตรีต�ำบลน�้ำตกไทรโยคน้อยและผู้บริหาร เจ้าอาวาสวัดน�้ำตก ปลัดเทศบาล ผอ.รพ.สต.ท่าเสา ก�ำนัน.ต.ท่าเสา อสม.โดยมี ด.ต.รักประสงค์ แสนสม นายกเทศมนตรีต�ำบลน�้ำตกไทรโยคน้อย ค่อยดูแลและควบคุมการจัดการ ณ.ที่วัดน�้ำตก บ้านท่าเสา ม.3 ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี วันที่ 9 ส.ค.2564

^ช่วยเหลือประชาชน : สมศักดิ์ งามแท้ นายกเทศมนตรีเทศบาลหลักหก รังสิต ปทุมธานี พร้อมคณะเทศมนตรีสมาชิกสภาเทศบาล 2 เขตร่วมกันแจกถุงยังชีพให้กับ

ประชาชนในต�ำบลหลักหกทุกหมู่บ้านอย่างทั่วถึง


หน้า 3

หลั ง การท� ำ รั ฐ ประหารวั น ที่ 22 พ.ค.2557 นอกจากต้องการหยุดยั้งความขัดแย้งรุนแรงในสังคมที่ ก่อให้เกิดความแตกแยกทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อ การบริหารราชการแผ่นดินแล้ว อีกเป้าหมายคือการ ปฏิรูป ประเทศในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะการปฏิรูป ต�ำรวจ และกระบวนการยุตธิ รรม ทีเ่ ป็นข้อเรียกร้องส�ำคัญ ในการชุมนุมของประชาชนขณะนัน้ จากวันนัน้ จนถึงวัน นี้ ผ่านปีที่ 7 ของการรัฐประหารร่าง พ.ร.บ.ต�ำรวจแห่ง ชาติ ที่ผ่านคณะรัฐมนตรี แต่กระบวนการกลับยังค้างอยู่ ในสภาฯ โดยหลังผ่านวาระ 1 ไปแล้ว ขณะนี้อยู่ในชั้น กรรมาธิการร่วมรัฐสภาตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่ง ชาติ (คสช.) ยึดอ�ำนาจในการบริหารประเทศ “การปฏิรปู ประเทศ” ก็เป็นหนึง่ ในนโยบายส�ำคัญทีค่ สช. ชูมาตลอด โดยมีการบรรจุเรื่องการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ ไว้ใน รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน รวมไปถึงการปฏิรูปประเทศ ด้านกระบวนการยุตธิ รรม ใน มาตรา 258 ง. (4) ได้กำ� หนด เรื่องการปฏิรูปต�ำรวจ อันเป็นด่านหน้าของกระบวนการ ยุติธรรม โดยให้มีการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับ หน้าที่ อ�ำนาจ และภารกิจของต�ำรวจ รวมถึงการบริหาร งานบุคคลของข้าราชการต�ำรวจ ทั้งในเรื่องการแต่งตั้ง และโยกย้าย และการพิจารณาความดีความชอบ ให้เหมาะ สม เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพเส้นทางการปฏิรูป ต�ำรวจเริม่ ปรากฏให้เห็น เมือ่ ทีป่ ระชุมร่วมกันของรัฐสภา ได้พิจารณาลงมติในวาระแรก รับหลักการแห่งร่างพระ ราชบัญญัติต�ำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ... (ร่างพ.ร.บ.ต�ำรวจฯ) ด้วยคะแนนเสียง 565 เสียง ไม่รับหลักการ 2 เสียง และ งดออกเสียง 3 เสียง พร้อมกับมีมติให้ตงั้ คณะกรรมาธิการ วิสามัญ จ�ำนวน 49 คน เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ ดังกล่าวรายมาตราในวาระสอง เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา โดยร่างกฎหมายดังกล่าว มีลักษณะ ก�ำหนดเนือ้ หาใหม่ทงั้ ฉบับ ไม่ได้แก้ไขพ.ร.บ.ต�ำรวจแห่ง ชาติ พ.ศ.2547 ที่ ยั ง คงใช้ บั ง คั บ อยู ่ ดั ง นั้ น หากร่ า ง พ.ร.บ.ต�ำรวจฯ ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาในวาระสอง และวาระสาม จนสามารถประกาศใช้เป็นกฎหมาย ก็จะ มีผลเป็นการยกเลิกพ.ร.บ.ต�ำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 รวม ไปถึงประกาศคสช. ทีก่ ำ� หนดแก้ไขพ.ร.บ.ต�ำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 อาจกล่าวได้ว่า ร่างกฎหมาย

ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อ “รีเซ็ต” กฎหมายต�ำรวจเดิม และก�ำหนดระบบใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิรูป กระบวนการยุติธรรม อันเป็นหนึ่งในแผนการ “ปฏิรูป ประเทศ” ที่คสช. ตั้งเป้าหมายไว้ย้อนที่มาร่างพ.ร.บ. ต�ำรวจฯ ปักธงปฏิรูปต�ำรวจ แต่ส่งร่างให้สตช. “แปลง สาร” ก่อนเสนอสภาฯ รัฐธรรมนูญ มาตรา 260 ก�ำหนด ให้ตั้งคณะกรรมการคณะหนึ่งเพื่อด�ำเนินการปรับปรุง กฎหมายในการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมตามมาตรา 258 ง.(4) ภายในหนึง่ ปีนบั แต่ประกาศใช้รฐั ธรรมนูญ ใน เริ่ ม แรก มี ก ารตั้ ง คณะกรรมการปฏิ รู ป ประเทศด้ า น กระบวนการยุติธรรม (ต�ำรวจ) ซึ่งมีพลเอกบุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีตผูบ้ ญ ั ชาการทหารสูงสุดของไทย เป็น ประธานกรรมการ คณะกรรมการชุดนี้จัดท�ำร่างพ.ร.บ. ต�ำรวจฯ ขึน้ มาฉบับหนึง่ หลังจากจัดท�ำร่างพ.ร.บ.ต�ำรวจฯ แล้วเสร็จก็สง่ ไปถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครม.ก็มมี ติรบั หลักการ โดยมีข้อสังเกตหลายประการและให้ตั้งคณะ กรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติต�ำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ... ที่มนี ายมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธาน เพื่อพิจารณา ร่างพ.ร.บ.ต�ำรวจฯ ให้สมบูรณ์ คณะกรรมการชุดดังกล่าว ก็ได้จัดท�ำ ร่างพ.ร.บ.ต�ำรวจฯ ขึ้นมาใหม่อีกฉบับหนึ่ง เพื่อให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา แต่กลับมีการส่งร่างพระ ราชบัญญัติฉบับนี้ไปให้ส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติตรวจ สอบและแก้ไขด้วย และสุดท้าย คณะรัฐมนตรีมีมติ วัน ที่ 15 กันยายน 2563 และมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 19 มกราคม 2564 เห็ น ชอบตามร่ า งพระราชบั ญ ญั ติ ฉ บั บ ที่ ส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติเสนอมา เพื่อเสนอต่อสภาผู้ แทนราษฎรต่อไป ร่างพ.ร.บ.ต�ำรวจฯ ฉบับที่รัฐสภามีมติ “รับหลัก การ” จึงเป็นฉบับที่มีการ “แปลงสาร” โดยวงการต�ำรวจ มาแล้ว ไม่ใช่ฉบับปฏิรูปของคณะกรรมการปฏิรูปตาม ความมุ่งหมายที่จะปฏิรูปประเทศตามที่รัฐธรรมนูญ ก�ำหนดไว้ ร่างพ.ร.บ.ต�ำรวจฯ จัดระเบียบต�ำรวจใหม่ สถานี ต�ำรวจต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน ร่างพ.ร.บ.ต�ำรวจฯ มีข้อแตกต่างที่ส�ำคัญที่แตก ต่างจากพ.ร.บ.ต�ำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 อยูป่ ระการหนึง่ คื อ การรั บ รองสถานะและให้ ค วามส� ำ คั ญ กั บ สถานี

ต�ำรวจโดยตรง ปรากฏอยูใ่ นมาตรา 12 ทีร่ ะบุให้การแบ่ง ส่วนราชการในส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ อย่างน้อยต้อง ประกอบด้วยส่วนราชการสามประเภท คือ หนึ่ง กอง บัญชาการต�ำรวจนครบาลและต�ำรวจภูธรภาค มีหน้าที่ อ�ำนวยการ ประสานงาน และสั่งการเกี่ยวกับการสนธิ ก�ำลัง หรือสัง่ ให้ขา้ ราชการต�ำรวจทีอ่ ยูใ่ นสังกัดมาปฏิบตั ิ หน้าที่เฉพาะกิจภายใต้การก�ำกับของผู้บัญชาการ หรือ ผู ้ ที่ ไ ด้ รั บ มอบหมายจากผู ้ บั ญ ชาการเป็ น การเฉพาะ ชั่วคราว ซึ่งต้องไม่เกินหกเดือน เมื่อเสร็จภารกิจแล้วให้ ส่งกลับต้นสังกัด สอง กองบังคับการต�ำรวจนครบาลและต�ำรวจ ภูธรจังหวัด สาม สถานีต�ำรวจ โดยในมาตรา 13 ยังได้แบ่ง สถานีต�ำรวจออกเป็น 1) สถานีต�ำรวจที่มีหัวหน้าสถานี ต�ำรวจด�ำรงต�ำแหน่งผู้ก�ำกับการ ซึ่งแบ่งย่อยเป็นสถานี ต�ำรวจระดับเล็กและสถานีต�ำรวจระดับใหญ่ 2) สถานี ต�ำรวจทีม่ หี วั หน้าสถานีตำ� รวจด�ำรงต�ำแหน่งรองผูก้ ำ� กับ การหรือเทียบเท่า โดยการแบ่งระดับสถานีต�ำรวจ ต้อง พิจารณาจากปริมาณงาน ความหนาแน่นของประชาชน ในเขตที่รับผิดชอบ จ�ำนวนอัตราก�ำลัง และสถานที่ตั้ง สถานีต�ำรวจประกอบกัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ต�ำรวจในสถานีต�ำรวจ ซึ่งเป็น หน่วยงานที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด มี จ�ำนวนเพียงพอต่อการให้บริการประชาชนในเขตที่ตน รับผิดชอบ ร่างพ.ร.บ.ต�ำรวจฯ ยังได้ก�ำหนดว่า ในกรณีที่ ส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติมอี ตั ราก�ำลังไม่เพียงพอ ต้องจัด อั ต ราก� ำ ลั ง พลแก่ ส ถานี ต� ำ รวจ กองบั ง คั บ การ ต�ำรวจนครบาล และต�ำรวจภูธรจังหวัด ตามล�ำดับให้ครบ ถ้วนตามกรอบอัตราก�ำลังก่อน ตามมาตรา 12 วรรคสี่ อีก ทั้งมาตรา 84 วรรคแรก ยังได้ห้ามการสั่งให้ข้าราชการ ต�ำรวจที่สังกัดในสถานีต�ำรวจไปปฏิบัติหน้าที่ในส่วน ราชการอื่น เว้นแต่จะมีการสั่งให้ข้าราชการต�ำรวจอื่นมา ปฏิบัติหน้าที่แทน จ�ำแนกต�ำรวจประเภทมียศ -ไม่มยี ศ แบ่งกลุม่ สาย การท�ำงานห้าประเภท เดิมในพ.ร.บ.ต�ำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 8 แม้จะแบ่งข้าราชการต�ำรวจอย่างหลวมๆ คือข้าราชการต�ำรวจที่มียศ และข้าราชการต�ำรวจที่ไม่มี ยศ แต่การก�ำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับข้าราชการต�ำรวจ ที่ไม่มียศนั้นจะถูกก�ำหนดอยู่ในพระราชกฤษฎีกา โดย ปรากฏอยูใ่ นพระราชกฤษฎีกาข้าราชการต�ำรวจประเภท ไม่มียศ พ.ศ.2558 มาตรา 5 ซึ่งได้ก�ำหนดไว้ห้าประเภท ได้แก่ ต�ำแหน่งประเภทบริหาร ต�ำแหน่งประเภทอ�ำนวย การ ต�ำแหน่งประเภทวิชาการ ต�ำแหน่งประเภทการสอน หรือวิจัย และต�ำแหน่งประเภททั่วไป ขณะที่ร่างพ.ร.บ.ต�ำรวจฯ แบ่งข้าราชการต�ำรวจ ออกเป็นสองประเภทไว้อย่างชัดเจน (อ่านต่อหน้า 4)

ผู้อ�ำนวยการ นายธีรยุทธ ผู้พัฒน์.....บรรณาธิการบริหาร นายปราโมทย์ ทองกุญชร.....ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ นายสุนทร ช่วยตระกูล(ทอนส์ 79) นายอนันต์ นิลมานนท์ (นายกสมาคม หนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย).....นายจรัญ รุ่งมณี (นายกสมาคมสื่อท้องถิ่นไทย).....นายปรีดา มากมูลผล นายภากร ยังแจ่ม นายบัญชา อ�ำนาจรุ่งเจริญ (หญิงอรชร) ดร.สุชิต ผลเจริญ นายชาติชาย สุขสมนึก นายธนกร มณีโชติ ประจ�ำกองบรรณาธิการ...นายยศ พูลผล ผู้ช่วย บก. .....นายชนะชัย ศรีไชนัยนต์ นายอนุชา ทองกุญชร นายวัชระ ชูทอง นายพิศิษฐ์ ภู่พันธ์ศรี ที่ปรึกษาส่วนตัว บก. .....นายชูศักดิ์ วรรณสินธิ์ บก.ข่าวภูมิภาค.....นายสุวิทย์ กองแก้ว บก. ผู้สื่อข่าวพิเศษ.....นายเอนกพงศ์ เทียนสว่าง บก.ข่าวกรม..... นายราเชนทร์ พูนมา บก.ททท. .....นายนิวัฒน์ จุ้ยเส็ง บก.ข่าวตะเวน.....นายนพรัตน์ หลิมสุนทร บก.อาชญากรรม.....นายโกศล ลาวิรัตน์ บก.ข่าวชุมชน.....นายนาวิน เกตุแก้วเจริญ หัวหน้าข่าว กทม. ... นายประยงค์ วิลยั ผูส้ อื่ ข่าว จ.นนทบุร.ี .....นางการย์สริ ิ ยัง่ ยืนเตชา จ.สมุทรปราการ......นายธีระวิทย์ ก�ำ๋ รามัญ จ.สมุทรสาคร.....นายณรงค์ฤทธิ์ กิจเจริญ จ.นครปฐม..... นายชวลิต บุญปาน นายทอง บ�ำรุงผล จ.ราชบุรี.....นายวันชัย แก้ววิลัย จ.กาญจนบุรี......นายวันพจน์ คล้ายใจดี ข่าวไทรโยค จ.กาญจนบุรี.....นิติธาดารัตน์ เคนจิ จังหวัดกาญจนบุรี..... นายกษาปณ์ พูลสวัสดิ์ จ.ชลบุรี......นายราเชนทร์ พูนมา จ.ขอนแก่น...นายสมปอง สกุลทับ หัวหน้าข่าว จ.ภูเก็ต ผู้ช่วย บก. ...นายสหภาพ โพธิ์เงิน นายจิระชัย เกษมพิมลพร นายวิชิต สุริวงศ์ นายธนินโชติ กิตติรัตน์ธนาโชติ ผู้ช่วย บก.ฝ่ายอาชญากรรม...นายบัณฑิตย์ พันธ์พลากร หัวหน้าผู้สื่อข่าวเชียงราย...นายพงศ์พัฒน์ ปิยปาณานนท์ ผู้สื่อข่าวจังหวัด เชียงใหม่... นายกฤษฎ์ จันทร์แก้ว ผู้สื่อข่าวเชียงราย...นายเกษม รุ่งศรี ผู้สื่อข่าวอยุธยา ติดต่อ 089-690-5214, 094-786-9441 บก. pramot_thong@hotmail.com


หน้า 4

(อ่านต่อจากหน้า 3) ในมาตรา 8 คือ ข้าราชการต�ำรวจ ที่มียศ ตามมาตรา 54 มี 13 ต�ำแหน่งลดหลั่นกันไป ต�ำแหน่ งสู งสุ ดคื อ ผู้บัญ ชาการต�ำรวจแห่งชาติ และ ต�ำแหน่งต�่ำสุด คือ รองผู้บังคับหมู่ อีกประเภทหนึ่ง คือ ข้าราชการต�ำรวจที่ไม่มียศ ซึ่งประกอบด้วย ข้าราชการ ต�ำรวจในกลุ่มสายงานอ�ำนวยการและสนับสนุนตาม มาตรา 53 (2) และกลุ่มสายงานวิชาชีพ เฉพาะตามมาตรา 53 (5) เพือ่ ให้ขา้ ราชการต�ำรวจ ในสายงานเหล่านีส้ ามารถเติบโตไปตามสายงานของตน ตามความรู้ความสามารถโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการ เลื่อนยศ ในส่วนของกลุม่ สายงานของข้าราชการต�ำรวจที่ ไม่มยี ศนัน้ มาตรา 53 ร่างพ.ร.บ.ต�ำรวจฯ ได้แบ่งกลุม่ สาย งานของข้าราชการต�ำรวจออกเป็นห้ากลุ่มสายงาน คือ 1) กลุ่มสายงานบริหาร 2) กลุ่มสายงานอ�ำนวยการและสนับสนุน 3) กลุ่มสายงานสอบสวน 4) กลุ่มสายงานป้องกันและปราบปราม 5) กลุ่มสายงานวิชาชีพเฉพาะ การแบ่งกลุม่ สายงานดังกล่าว มีวตั ถุประสงค์ให้ ข้าราชการต�ำรวจสามารถสร้างความเชีย่ วชาญ และมีเส้น ทางการเจริญเติบโตในสายงานที่ชัดเจน โดยการเลื่อน ต�ำแหน่งสูงขึ้นและการสับเปลี่ยนหมุนเวียนให้ด�ำรงต�ำ แหน่งใดๆ หรือในกลุ่มงานสายใดสายงานหนึ่งเป็นไป ตามเกณฑ์พิจารณาระยะเวลาการด�ำรงต�ำแหน่งในกลุ่ม สายงานในมาตรา 75 แต่ ใ นกรณี ข องกลุ ่ ม งานสาย สอบสวน เกณฑ์การเลื่อนต�ำแหน่งสูงขึ้นและเกณฑ์การ สับเปลี่ยนหมุนเวียนให้ด�ำรงต�ำแหน่งในกลุ่มงานสาย สอบสวนของข้าราชการต�ำรวจชัน้ สัญญาบัตรเป็นไปตาม หลักเกณฑ์เฉพาะในมาตรา 76 ถึงกระนัน้ การแต่งตัง้ และ สลั บ สายการท� ำ งานของข้ า ราชการต� ำ รวจให้ ด� ำ รง ต�ำแหน่งระดับสารวัตรขึ้นไปในกลุ่มงานสายใด ต้อง ค�ำนึงถึงความรู้ความสามารถ ความสมัครใจ และความ

จ�ำเป็นของทางราชการด้วย ตามมาตรา 68 วรรคสอง แต่มีข้อสังเกตจาก สถาบันพระปกเกล้าว่า ตัวบทก็ระบุไม่ชดั เจนว่าย้ายสลับ ต�ำแหน่งหน้าที่ท�ำได้เฉพาะในสถานีต�ำรวจหรือได้ทั้ง กองบัญชาการ เมื่อผู้มีอ�ำนาจสลับสายการท�ำงานตาม บทบัญญัติน้ี คือ ข้าราชการต�ำรวจต�ำแหน่งผู้บัญชาการ จึงน่าจะเป็นการสลับหน้าที่ได้ในระดับกองบัญชาการ การสลับสายการท�ำงานในระดับกองบัญชาการอาจไม่ เป็นประโยชน์เท่ากับการจ�ำกัดไว้เฉพาะในระดับสถานี ต�ำรวจ เพราะอาจน�ำไปสูก่ ารขาดแคลนก�ำลังพลในสถานี ต�ำรวจและการวิ่งเต้นเพื่อให้ได้ด�ำรงต�ำแหน่งในสถานี ต�ำรวจแห่งใดแห่งหนึง่ ได้ปรับเกณฑ์แต่งตัง้ ต�ำรวจให้ชดั แต่ยังมี “ข้อยกเว้น” เฉพาะราย เสรีพิศุทธ์ชี้ ปัญหา “ตั๋ว ต�ำรวจ” อาจไม่หมดไป เดิมมาตรา 51 แห่งพ.ร.บ.ต�ำรวจ แห่ ง ชาติ พ.ศ.2547 ก� ำ หนดหลั ก เกณฑ์ ก ารแต่ ง ตั้ ง ข้ า ราชการต� ำ รวจไว้ เ พี ย งยศของข้ า ราชการต� ำ รวจที่ สามารถได้รับการแต่งตั้งให้ด�ำรงต�ำแหน่ง ส่วนหลัก เกณฑ์ว่าข้าราชการต�ำรวจซึ่งจะได้รับการเลื่อนต�ำแหน่ง สูงขึ้นในระดับจเรตํารวจแห่งชาติและรองผู้บัญชาการ ตํารวจแห่งชาติลงมาถึงระดับสารวัตร จะต้องผ่านการ ด�ำรงต�ำแหน่งใดมาก่อนและเป็นระยะเวลานานเท่าใด อยู่ ในกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตัง้ ข้าราชการต�ำรวจ พ.ศ.2561 ข้อ 16 วรรคแรก แต่ร่างพ.ร.บ.ต�ำรวจฯ มาตรา 69 ได้ ก�ำหนดการแต่งตั้งข้าราชการต�ำรวจตั้งแต่ผู้บัญชาการ ต� ำ รวจแห่ ง ชาติ ไ ปจนถึ ง รองผู ้ บั ง คั บ หมู ่ ไ ว้ อ ย่ า ง ครอบคลุมว่าจะต้องแต่งตั้งจากข้าราชการต�ำรวจยศใด ต้องเคยด�ำรงต�ำแหน่งใดมาก่อน และเป็นระยะเวลาอย่าง น้อยเท่าใดอย่างไรก็ดี มาตรา 69 วรรคสามของร่าง พระราชบัญญัติดังกล่าว กลับเปิดโอกาสให้สามารถลด ระยะเวลาการด� ำ รงต� ำ แหน่ ง ในการแต่ ง ตั้ ง ให้ ด� ำ รง ต�ำแหน่งระดับผู้บังคับการขึ้นไปเฉพาะบุคคลได้ หาก คณะกรรมการข้าราชการต�ำรวจ (ก.ตร.) มีมติเอกฉันท์ เช่นเดียวกับในมาตรา 80 วรรคสอง ที่อนุญาตให้แต่งตั้ง

บุคคลให้ด�ำรงต�ำแหน่งแตกต่างไปจากหลักเกณฑ์และ วิธีการที่ก�ำหนดไว้ได้หาก ก.ตร. มีมติเอกฉันท์ ซึง่ พล.ต.อ.เสรีพศิ ทุ ธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรี รวมไทย และอดีตผู้บัญชาการต�ำรวจแห่งชาติได้แสดง ความกังวลว่า การเปิดช่องให้สามารถพิจารณาเป็นราย กรณีเช่นนี้จะท�ำให้ปัญหาเรื่อง “ตั๋วต�ำรวจ” ไม่หายไป ร่างพ.ร.บ.ต�ำรวจฯ ยังได้วางหลักเกณฑ์เกี่ยวกับ วิ ธี ก ารคั ด เลื อ กหรื อ แต่ ง ตั้ ง ข้ า ราชการต� ำ รวจเลื่ อ น ต�ำแหน่งสูงขึ้น ไว้ในมาตรา 74 ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับ “ระบบแบ่งกอง” ทีใ่ ช้อยูใ่ นปัจจุบนั ตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วย การแต่งตัง้ ข้าราชการต�ำรวจ พ.ศ.2561 ข้อ 28 แต่จะมีราย ละเอียดเกีย่ วกับระดับต�ำแหน่งและสัดส่วนการพิจารณา ตามล�ำดับอาวุโสทีแ่ ตกต่างกันบ้างเล็กน้อย โดยแบ่งออก เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุม่ ทีห่ นึง่ ระดับรองผูบ้ ญ ั ชาการต�ำรวจแห่งชาติ และจเรต�ำรวจแห่งชาติลงมาถึงผู้ช่วยผู้บัญชาการต�ำรวจ แห่งชาติและรองจเรต�ำรวจแห่งชาติ ใช้ระบบอาวุโสล้วน กลุ่มที่สอง ระดับผู้บัญชาการและจเรต�ำรวจลง มาถึงผูบ้ งั คับการ พิจารณาจากผูเ้ หมาะสมเรียงตามล�ำดับ อาวุโสจ�ำนวนไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ 50 ของจ�ำนวนต�ำแหน่ง ว่างในแต่ละระดับ ส่วนต�ำแหน่งว่างที่เหลือจากการ พิจารณาตามนี้แล้ว ให้พิจารณาโดยค�ำนึงถึงอาวุโสและ ความรูค้ วามสามารถต่อการปฏิบตั งิ านและความพึงพอใจ ในบริการที่ประชาชนได้รับประกอบกัน เพื่อลดการใช้ ดุลพินิจของผู้บังคับบัญชาและการซื้อขายต�ำแหน่ง กลุ ่ ม ที่ ส าม ระดั บ รองผู ้ บั ง คั บ การลงมาถึ ง สารวัตร พิจารณาเรียงตามล�ำดับอาวุโสจ�ำนวนไม่น้อย กว่าร้อยละ 33 ของจ�ำนวนต�ำแหน่งว่างในแต่ละระดับ ต�ำแหน่งของส่วนราชการ ส่วนต�ำแหน่งว่างที่เหลือจาก การพิจารณาตามนี้แล้ว เป็นไปท�ำนองเดียวกันกับกลุ่มที่ สอง คือ ให้พจิ ารณาโดยค�ำนึงถึงอาวุโสและความรูค้ วาม สามารถต่อการปฏิบตั งิ านและความพึงพอใจในบริการที่ ประชาชนได้รับประกอบกัน

^ วันที่ 11 ส.ค. 2564 เวลา 13.00 น.นางรชยา ภูมิสว้สดิ์ นายกเหล่ากาชาด จ.กาญจนบุรี ได้น�ำสิ่งของมามอบให้ศูนย์กักคอยผู้ป่วยโรคโควิด 19(สีเขียว)ณ.ศูนย์กัก คอยที่วัดน�้ำตก บ้านท่าเสา ม3 ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี โดยมีนายสาวิตร เจียมจิระพร นายอ�ำเภอไทรโยค จ.กาญจนบุรี ด.ต.รักประสงค์ แสนสม นายก เทศมนตรี ต�ำบลน�้ำตกไทรโยคน้อย หน.สาธรณะสุขอ�ำเภอ ผอ.โรงพยาบาลไทรโยค ก�ำนัน ต.ท่าเสา ผอ.รพ.สต.ท่าเสา เพื่อน�ำสิ่งของที่นายกเหล่ากาชาด มามอบ ให้น�ำเอาแจกแก่ผู้กักคอยในศูนย์ โดยมี ด.ต.รักประสงค์ แสนสม นายกเทศมนตรีต�ำบลน�้ำตกไทรโยคน้อย ต้อนรับและอ�ำนวยความสะดวก


หน้า 5

เสาหิน”รายงานตัวครับ***ฉ่าวโฉไป ทั่ว...เมื่อนายต�ำรวจระดับ “ผู้ก�ำกับ” พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ “ผกก.โจ้” ผกก.สภ เมืองนครสวรรค์ พร้อมลูกน้องอีก 7 คน ลงมือ สอบสวนผู้ต้องหาจนเสียชีวิต...ด้วยการใช้ “ถุง ด� ำ ครอบห้ ว ”...แต่ เ ดิ ม ท� ำ ท่ า เหมื อ นจะจบที่ “ตาย” เพราะมีสารเสพติดในร่างกาย แต่หลังผล การชันสูตรจากนิติเวชพบ “ขาดอากาศหายใจ” ***แต่เรื่องมา “โป๊ะแตก” ตรงที่มีทนายอ้างว่า มีบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวส่งมาร้อง เรียน ต้องการเปิดเผยเรือ่ งราวดังกล่าวเนือ่ งจาก “ส�ำนึกผิด” พร้อมส่ง “คลิป” ตอนเกิดเหตุมา เป็ น หลั ก ฐาน...โดยแจ้ ง ว่ า ป็ น การรี ด เงิ น “2ล้ า น”บาท...และมี ท นายหนุ ่ ม อี ก คนน� ำ “คลิ ป ”ดั ง กล่ า วมาเผยแพร่ * **ที่ แ ปลกคื อ มี ความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่ 1 ในกลุ่มผู้ ก่อเหตุสามารถเอา “คลิป” ขณะลงมือ “ฆ่า” มา มอบให้ ท นาย...ทั้ ง ๆที่ “ผกก.โจ้ ” สั่ ง ให้ ล บ “เหตุ”ดังกล่าวไปแล้ว???หรือเพราะมี “ไอ้โม่ง” คอยสั่งการในการด�ำเนิกการเอาผิด “ผกก.” คน ดั ง กล่ า ว***ถ้ า ถามว่ า เพราะอะไรถึ ง ต้ อ ง “วางแผน” เล่น “ผกก.โจ้” แบบ “จ�ำนนต่อหลัก ฐาน” แบบดิ้นไม่หลุด ก็ต้องบอกว่า “กุนซือ” ที่วางแผนต้องรู้ว่า “ผกก.โจ้” ต้องไม่ธรรมดา... เพราะนอกจากโปรไฟล์ . .เป็ น “ผกก.ไฮโซ “นาม”โจ้ เฟอร์รารี่” ที่มีเพื่อนฝูงในแวดวง “ไฮ โซ” มากหน้าหลายตาแล้ว ตามประสาคนหาข่าว ได้ยินมาว่านอกจาก “ไฮโซ” แล้ว...ยังเป็นที่รัก ของเจ้านาย เพราะ “ผกก.ไฮโซ” มีหน้าทีเ่ หมือน “แม่บ้าน” คอยดูแลงานให้นายในหลายๆเรื่อง และ “นาย” ที่ว่าก็คงไม่ใช่ “ผบช.ภ6”แน่ๆ.... เพราะการที่ “ผกก.โจ้ ” สามารถจี บ ลู ก สาว “ผู้การภาค 6” ที่เป็นผู้ประกาศข่าวบันเทิงช่อง ดังได้ คนที่เป็น “เจ้านาย” ตัวจริงคงจะไม่ ธรรมดา “ผบช.ภาค6” ถึงไม่ขวางเพราะมีรูป จูงมือไปเข้าเฝ้า “สมเด็จพระสังฆราช”เพื่อเข้า รับน�้ำสังข์พระราชทาน แม้จะมีการปฏิเสธกัน ภายหลัง แต่จะเป็นไปได้หรือที่จะไม่มีการเช็ค ประวัติ “ผกก.โจ้” ว่ามีเงินเป็น “ร้อยล้าน”

เพราะธุรกิจอะไร???***แถมมีการตัง้ ข้อสังเกตุ จากหลายๆ ฝ่ายถึงการจัดการแถลงข่าว ที่เป็น เหมือนการจัดให้ “ผกก.โจ้” ได้ออกข่าวแก้ตัว เหมือน “จัดฉาก” เขียน “สคลิปต์” ให้ผู้ก�ำกับ คนดังได้แถลง....เอาจริงๆยศ “พ.ต.อ.” รับ ราชการอย่างเดียวแต่มีเงิน200ล้านจากธุรกิจสี เทา...ผูบ้ งั คับบัญชาไม่รเู้ รือ่ งกันบ้างเลยหรือ??? หรื อ เพราะมี ก ารส่ ง ต่ อ ให้ ใ คร??เลยท� ำ ให้ “นายๆ” หูอื้อตาบอดกับธุรกิจ “สีเทา” ของ “ผกก.โจ้” ???...ว่าไหมครับ... “เจ้านาย” ***ถึง แม้จะมีเสียงจากพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ส�ำหรับกรณีดังกล่าวว่าเป็นเรื่องที่น่า อั บ อายเป็ น อย่ า งมากส� ำ หรั บ “สตช.”....แต่ “ลอย เสาหิน”คิดว่าคงไม่ใช่จะไม่มีเหตุการณ์ อย่ า งนี้ เ กิ ด ขึ้ น อี ก ...จริ ง ไหม???***มา แล้ว...“โผ”แต่งตั้ง รอง ผบ.ตร.- ผบก. ประจ�ำ ปี’64 ที”่ ก.ตร.คัดรายชือ่ คาดว่าจะได้รบั การแต่ง ตั้ ง มี ทั้ ง หมด 237 ต� ำ แหน่ ง ...ที่ น ่ า สนใจมี พล.ต.ท.รอย อิ ง คไพโรจน์ ผู ้ ช ่ ว ย ผบ.ตร. นักเรียนนายร้อยต�ำรวจรุ่นที่ 40 (นรต.40 ) และ พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร. นรต. 37 เป็น รอง ผบ.ตร.ระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.และ รองจเรต�ำรวจแห่งชาติ (รองจตช.) 9...ผู้ช่วย ผบ. ตร.มีพล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผูบ้ ญ ั ชาการต�ำรวจ ภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7) นรต.42 อดีตนายเวร พล.ต.อ.พั ช รวาท วงษ์ สุ ว รรณ อดี ต ผบ. ตร.,พล.ต.ท.ต่ อ ศั ก ดิ์ สุ ข วิ ม ล ผบช.ก, พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สขุ ผบช.ภ.5 นรต.39 สาย ตรงบิ๊ ก ตู ่ พ ล.อ.ประยุ ท ธ์ จั น ทร์ โ อชานายก รัฐมนตรี,พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบช.ภ.8 นรต.41 นายต�ำรวจคนสนิท พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.,พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. นรต.40,พล.ต.ท.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบช.สตส. นรต.37,พล.ต.ท.ภาณุรตั น์ หลักบุญ ผบช.ภ.3,พล.ต.ท.มนตรี ยิม้ แย้ม ผบช.ปส. นรต.

38 เป็นรอง จตช.และ 9.พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หัก พาล ทีป่ รึกษา(สบ9) ตร. นรต.47 สไลด์นงั่ เก้าอี้ หลัก ผูช้ ว่ ย ผบ.ตร. ไม่มกี ารตัง้ ทดแทนต�ำแหน่ง ของที่ปรึกษา(สบ9) เพราะเป็นต�ำแหน่งเฉพาะ ตัว...ส่วน “เจ้าพ่อเมืองหลวง”พล.ต.ต.ส�ำราญ นวลมา รอง ผบช.น. นรต.50 เป็น ผู้บัญชาการ ต�ำรวจนครบาล พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. นรต.50 เลื่อนเป็น ผู้บัญชาการต�ำรวจ สอบสวนกลาง, พล.ต.ต.ปิ ย ะ ต๊ ะ วิ ชั ย รอง ผบช.น. นรต.38 เลือ่ นเป็น ผบช.ภ.5,พล.ต.ท.จิร พัฒน์ ภูมิจิตร จเรต�ำรวจ (สบ8) นรต.38 และ นักเรียนเตรียมทหาร 22 เพื่อนร่วมรุ่น “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. เป็น ผบช.ภ.1,พล.ต.ท.อ�ำพล บัวรับพร นรต.38 ผบช.ภ.1 เป็น ผบช.ภ.8,พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ประจ�ำ สง.ผบ.ตร. นรต.40 สายตรง บิก๊ ปัด๊ ผบ.ตร. เป็น ผบช.ภ.2,พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รอง ผบช.น. นรต.42 เป็น ผบช.ภ. 3,พล.ต.ท.อั ค ราเดช พิ ม ลศรี ผบช.ประจ� ำ สง.ผบ.ตร. นรต.41 โยกเป็น ผบช.ภ.6,พล.ต.ท. ธนายุตม์ วุฒิจรัสธ�ำรง ผบช.ก.ตร. เป็น ผบช.ภ. 7, พล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล รอง ผบช.ภ.8 นรต.38ขึน้ เป็ผบช.ภ.9, พล.ต.ท.ภาคภูมภิ ภิ ทั ฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สยศ.ตร. นรต.39 เป็น ผบช. สตม.,พล.ต.ต.สรายุทธ สงวนโภคัย รอง ผบช.ภ. 7 นรต.41 เลื่อนเป็น ผบช.ปส., พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รอง ผบช.น. นรต.38 เป็น ผบช.ท่อง เที่ยว, พล.ต.ต.ณัฐ สิงห์อุดม รอง ผบช.ตชด. นรต.38 เป็น ผบช.ตชด.,พล.ต.ท.นิรนั ดร เหลือ่ ม ศรี ผบช.รร.นรต. นรต.43 เป็ น ผบช.กอง บัญชาการศึกษา เป็นต้น***มาถึงตรงนี้ “ลอย เสาหิน” ของแสดงความยินดีกับว่าที่ “ผู้การปู” พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.9 นรต. 43 ขึ้นเป็น ผบก.อคฝ.ด้วยครับ***ฉบับนี้ขอลา ไปก่อน...พบกันใหม่ฉบับหน้า...สวัสดีครับ...


หน้า 6

ตรวจจับแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยมิชอบกฎหมาย วันที่ 13 สิงหาคม เวลาประมาณ 15.04 น. นาย สาวิตร เจียมจิระพร นายอ�ำเภอไทรโยค ได้ออกตรวจ จั บ แรงงานต่ า งด้ า วหลบหนี เ ข้ า เมื อ งโดยมิ ช อบ กฎหมาย จ�ำนวน 15 คนแยกเป็นชาย 3 คน /หญิง 10

คน คนน�ำพา2คน (ชาย)ทั้งหมดเป็นแรงงานสัญชาติ พม่า และ นายอ�ำเภอได้ตรวจวัดไข้แรงงานดังกล่าว ตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของ เชือ้ โรคไวรัสโควิท -19 และนายอ�ำเภอได้มอบอาหาร

ข้าวกล่อง และแก่. แรงงานต่าด้าว และได้น�ำตัวส่ง สภ.ไทรโยค เพือ่ ด�ำเนินคดี ตามระเบียบ/กฎหมายต่อ ไป โดยมี นาย สุชาย ไม้แก่นจันทร์ หัวหน้าฝ่ายความ มัน่ คง/ร.ต.อ. สุเนตร ชนะพันธ์ ส.ภ.อ.ไทรโยค/ทหาร ชุด ชปด.ส่วนแยกที่1 (บ้องตี้บน) /ต.ช.ด.136/พร้อม ด้วยสมาชิกกองร้อย อส.อ.ไทรโยค ที่ 7 ผญบ./ ผช.ผญบ./ร่วมกับ หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ท� ำ การจั บ กุ ม ผู ้ ก ระท� ำ ผิ ด ลั ก ลอบเข้ า มาในราช อาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต จ�ำนวน 15คน(ชาย 5 คน น�ำพา2คน/หญิง 10 คน) บริเวณ บ้านท้ายเหมือง ม.3 ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค สถานการณ์ สืบเนือ่ งจากได้รบั แจ้งแหล่งข่าว ว่า มีรถยนต์ 2คัน ก�ำลังขนแรงงานต่างด้าวมุง่ หน้าไป ทางกับประเทศบริเขตชายแดนเพือ่ จะเดินเท้าไปเส้น ทางธรรมชาติ ผ่าน ณ บริเวณบ้านท้ายเหมือง ม 3 ต.บ้องตี้ อ ไทรโยค จ�ำนวนทั้งหมด15 คน ซึ่งมีคน น�ำพา2 คน ชือ่ 1 นายต้น อายุ 40 ปี สัญชาติพม่า 2 นาย อู อายุ 39ปี สัญชาติพม่า และจับรถยนตร์ของกลางได้

จ� ำ นวน 2คั น จึ ง บู ร ณาการร่ ว มกั บ หน่ ว ยงานที่ เกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้จัดชุดปฏิบัติการตรวจจับกุม แรงงานต่างด้าว สัญชาติพม่าดังกล่าว และได้มอบ อาหารข้าวกล่องและน�้ำดื่มขวด กับแรงงานหลบหนี เข้าเมือง..ผลการปฏิบตั ิ ได้ทำ� การตรวจวัดอุณหภูมขิ นั้ ต้นไม่พบผู้ใดอุณหภูมิเกิน 37.5 องศา และน�ำตัว แรงงานต่างด่าวดังกล่าว เพื่อส่งตัว สภ.ไทรโยค เพื่อ ด�ำเนินการคดีตามระเบียบ/กฎหมายโดยเคร่งครับต่อ ไป ******************************

อยุธยาปักธงเดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยว หากโควิดผ่อนคลาย

อยุธยาปักธงเดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยว หากโควิดผ่อนคลาย เผยต้องจัดกิจกรรมส่งเสริม การท่องเที่ยว เป้าหมาย ท�ำยอดรายได้รวมให้มาก ที่สุด โดยจากสถิติปี 2561 เคยสร้างเงินมากถึง 1 หมื่น 8 พัน ล้านบาท วั น ที่ 30 สิ ง หาคม 2564 นางสรั ล พั ช ร ประโมทะกะ รองผูว้ า่ ราชการ จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยภายหลังจาก ได้ลงพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว โบราณสถาน บนเกาะเมืองกรุงเก่า และได้พบกับ ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ว่า การแพร่ระบาด ของเชื้ อ โควิ ด ท� ำ ให้ ก ารท่ อ งเที่ ย วของจั ง หวั ด ซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งหลายฝ่ายได้รับผล กระทบ และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม หน่วย งานราชการที่ เ กี่ ย วข้ อ ง ทั้ ง จั ง หวั ด , หน่ ว ยงาน

สาธารณสุข, ส�ำนักงานการท่องเทียวและกีฬา จังหวัด, ท้องถิ่น รวมถึง ททท. และภาคเอกชน ได้แก่สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว ฯ ต้องเร่งหารือเพือ่ สรุปแนวทางทีช่ ดั เจน ใน การเตรียมความพร้อมทุกด้าน เพือ่ ส่งเสริมการท่อง เที่ยวของจังหวัด ภายหลังจากที่รัฐบาล จะมีอาจ การคลายล็อตมาตรการ หากสถานการณ์การแพร่ ระบาดของเชื้อโควิดลดน้อยลงกว่านี้ โดยทุกภาค ส่วนต้องก�ำหนดกิจกรรม รูปแบบด�ำเนินการ และ เป้าหมายทีช่ ดั เจน พร้อมทีจ่ ะด�ำเนินการได้จริงและ ท�ำได้ในทันที ซึง่ จากสถิติ ของ จ.พระนครศรีอยุธยา เคยท�ำรายได้สูงสุดจากการท่องเที่ยว มากที่สุดใน

ปี พ.ศ. 2561 ได้ถึง 1 หมื่น 8 พัน ล้านบาท ในส่วนการบริหารเตียงรักษาผู้ป่วยโควิด นั้ น ทั้ ง จั ง หวั ด มี เ ตี ย มในโรงพยาบาลและโรง พยาบาลสนาม จ�ำนวน 3,967 เตียง เตียงดูแลทีศ่ นู ย์ พักคอยในชุมชน 5,289 เตียง ทัง้ นีไ้ ด้เน้นย�ำ้ ให้ทกุ ฝ่ายเร่งรัดการน�ำผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาให้ ได้ ส่วนกรณีผู้ติดเชื้อเข้าระบบการแยกกักที่บ้าน มีจ�ำนวน 10,603 ราย นั้น ได้จัดเตรียมเวชภัณฑ์ให้ แลให้ท้องถิ่นสับสนับอาหาร น�้ำดื่ม ด้วยเช่นกัน


หน้า 7

ส่วย! โคลงข่ายการเงิน “ต�ำรวจ” คลุมธุรกิจสีเทา

อาณาจักรธุรกิจมืด ยังคงเป็นเส้นเลือดใหญ่ของ วงการต�ำรวจไทยทีใ่ ช้หากิน สร้างความร�ำ่ รวยตลอดมา วงในต�ำรวจ ระบุ ต�ำรวจยุคนี้ มีสภาพเป็น ‘ส่วยแบบข้า ทาส’ อยู่ได้เพราะสนอง ‘มูลนาย’ ทันเวลาที่ ‘นาย เคาะ’เรียก ชี้ทุกท้องที่จะมี 4 หน่วยงานสร้างรายได้ให้ ต�ำรวจ ขณะเดียวกันยอมรับการเก็บส่วยมีการเก็บซ�้ำ ซอน ท้องทีก่ เ็ ก็บ สอบสวนกลางยังส่งคนมาเก็บอีก แจง พวกธุรกิจสีเทา ไม่กล้าหือยอมจ่ายซ�้ำซ้อนเพราะกลัว อ�ำนาจขบวนการสีกากี ข่าวครึกโครมในรอบหลายปีที่ผ่านมาต่อเนื่อง มาจนถึงวันนี้และเป็นที่สนใจจากประชาชนในสังคม หนีไม่พน้ กรณี พ.ต.อ.ธิตสิ รรค์ อุทธนผล หรือ ผูก้ ำ� กับ โจ้ อดีต ผูก้ ำ� กับ สภ.เมืองนครสวรรค์ และ ร.ต.ท.ธรณิน ทร์ มาศวรรณา อดีต รอง สว.(ป.) สภ.เมืองนครสวรรค์ รองหัวหน้าชุด ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหา คดีร่วมกันฆ่าผู้ ต้องหาค้ายาเสพติด ใช้ถุงคลุมหัวผู้ต้องหาจนเสียชีวิต อย่างทรมาน และที่ผ่านมายังมีการการทลาย อาณาจักรสอบสวนกลาง หรือ บช.ภ ซึ่งมีการ คุมตัว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ อดีตผู้บัญชาการ ต�ำรวจสอบสวนกลาง และผูร้ ว่ มขบวนการในทุกระดับ ชั้น ด้วยข้อหาฉกรรจ์ ทั้งหมิ่นสถาบันตาม ป.อาญา ม. 112 ตามด้ ว ยข้ อ หาเป็ น เจ้ า พนั ก งานเรี ย กรั บ ผล ประโยชน์ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีการขู่กรรโชก ทรัพย์ รวมทั้ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอก เงิน ส่วนข้อหาหนึ่งที่น่าสนใจ ในเรื่องการรับส่วย น�้ำมันเถื่อนจากภาคใต้และเชื่อมโยงไปสู่การสร้าง สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะเดียวกันภาพที่ท�ำให้คนในสังคมต้องตก ตะลึงก็คอื การน�ำของกลางทีท่ างต�ำรวจยึดได้มาโชว์ทงั้ เงิน ทอง เครื่องประดับ พระพุทธรูป วัตถุโบราณ และ งาช้างจ�ำนวนมาก โดยเฉพาะตู้เซฟใต้ดินนั้น ถึงขนาด ต้องน�ำรถแบ็กโฮ เข้าไปท�ำลายเพือ่ ตรวจสอบของกลาง ด้านในล้วนมีมลู ค่ามหาศาล การที่ บช.ภ.สามารถจัดเก็บ ‘ส่วย’ ได้อย่างมโหฬารเป็นเพราะโครงสร้างอ�ำนาจของ บช.ภ. ครอบคลุมทั่วประเทศ หรือเรียกได้ว่ามีอ�ำนาจ เหนือกองบัญชาการต�ำรวจนครบาล หรือกองบัญชาการ ต�ำรวจภูธรภาคต่างๆ ที่มีสถานีต�ำรวจในพื้นที่ควบคุม อยู่ก็ตาม ปัจจุบันกองบัญชาการต�ำรวจสอบสวนกลาง มี ห น่ ว ยงานระดั บ กองบั ง คั บ การจ� ำ นวน 12 กอง ประกอบด้วย 1.กองบังคับการอ�ำนวยการ 2.กองบังคับการ ปราบปราม 3.กองบังคับการต�ำรวจทางหลวง 4.กอง บังคับการต�ำรวจรถไฟ.5.กองบังคับการต�ำรวจท่องเทีย่ ว 6.กองบังคับการต�ำรวจน�้ำ 7.กองบังคับการปราบปราม การกระท�ำความผิดเกีย่ วกับทรัพยากร ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม 8.กองบังคับการปราบปรามการกระ ท�ำความผิดเกีย่ วกับการค้ามนุษย์ 9.กองบังคับการปราบ

ปรามการกระท�ำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทาง เศรษฐกิ จ 10.กองบั ง คั บ การปราบปรามการกระ ท�ำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบใน วงราชการ 11.กองบั ง คั บ การปราบปรามการกระ ท�ำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค 12.กอง บั ง คั บ การปราบปรามการกระท� ำ ความผิ ด เกี่ ย วกั บ อาชญา กรรมทางเทคโนโลยีอย่างไรก็ดี โครงสร้าง อ�ำนาจและภารกิจของ บช.ภ.ทีม่ กี องบังคับการ 12 กอง ท�ำให้ บช.ภ. เข้าไปเกี่ยวข้องและเป็นที่เกรงขามของ บรรดาพวกธุรกิจสีเทาทั่วประเทศ ทั้งๆ ที่ธุรกิจสีเทา เหล่านี้ต้องจ่าย ‘ส่วย’ ให้กับท้องที่อยู่แล้ว “ทุกพื้นที่ ต้องจ่ายส่วยให้กบั ต�ำรวจท้องที่ แต่สอบสวนกลางก็จะ ส่งคนของตัวเองเข้ามาเก็บอีก พวกธุรกิจทีผ่ ดิ กฎหมาย ไม่มีใครกล้าปฏิเสธไม่จ่าย เพราะถ้าไม่จ่าย สน.ท้องที่ ไม่สามารถคุ้มครองได้ พวกเรารู้ว่าจริงๆ ต�ำรวจกินซ�้ำ ซ้อน” ดังนั้นส่วยจึงเป็นเสมือนตาข่ายที่ใช้ปกคลุม ธุรกิจสีเทาเพื่อแสดงให้รู้อาณาเขตที่จะต้องช�ำระและ ไม่อาจปฎิเสธหากต้องการจะท�ำธุรกิจเหล่านี้ต่อไป ‘ธุรกิจมืด-เส้นเลือดใหญ่’ วงการต�ำรวจ ด้วยวัฒนธรรม อุปถัมภ์ขององค์กรต�ำรวจทีส่ บื ทอดมายาวนาน และยัง มีโครงสร้างที่สะท้อนให้เห็นถึง ‘ลูกน้อง’เลี้ยงนาย จึง เป็นที่มาของการส่งส่วยในวงการต�ำรวจ ทั้งที่หน้าที่ ส�ำคัญของต�ำรวจได้แก่ การรักษาความสงบเรียบร้อย แก่ประชาชน การบังคับใช้กฎหมาย และดูแลรักษาผล ประโยชน์สาธารณะในเชิงป้องกันและปราบปราม ความเลวทรามในสังคมในรูปของอาชญากรรม การ คอร์รัปชัน และธุรกิจมืด หรือธุรกิจสีเทา แต่กลับพบ ว่ า ต� ำ รวจพยายามหาช่ อ งโหว่ ห รื อ หาโอกาสที่ จ ะ แสวงหาผลประโยชน์จากต�ำแหน่งหน้าทีใ่ นทุก ๆ พืน้ ที่ หรือทุกๆ สน.จะมีรายได้มาจาก 4 สายงาน 1.สายงานปราบปราม จะเป็นงานเชิงรุกในการ บังคับใช้กฎหมาย เช่นการจับ-ปรับ เป็นต้น 2.สายงานสืบสวน ลักษณะขอบเขตความรับ ผิดชอบก็คอื การสืบสวนไปยังแหล่งธุรกิจผิดกฎหมาย ต่างๆ เช่น ยาเสพติด การค้าบริการทางเพศ ซึ่งที่ผ่าน มาถือเป็นสายที่ท�ำรายได้สูงที่สุดในสถานีหากต�ำรวจ งานสื บ สวนขยั น หาข่ า วและน� ำ โอกาสนั้ น มาหา ประโยชน์ได้โดยง่ายในรูปของส่วย 3.สายงานจราจร มีหน้าที่ดูแลและควบคุมการ

จราจรให้เป็นระเบียบ ส่วนใหญ่มรี ายได้มาจากค่าปรับ รวมถึงรายได้จากการขออนุญาตใช้ประโยชน์บนผิว จราจร 4.สายงานสอบสวน มีหน้าที่เป็นคนกลางใน การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างคู่กรณี ก่อนที่คดีความ จะถูกส่งไปยังชัน้ อัยการและเข้าสูก่ ารพิจารณาโดยศาล ยุติธรรม ซึ่งต�ำรวจถือเป็นต้นทางของกระบวนการ สามารถตัดตอนมิให้คดีความขึ้นสู่ขั้นต่อไปได้ ในรูป แบบของการไกล่เกลีย่ เจรจายอมความ รวมถึงการกระ ท�ำอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการท�ำให้ส�ำนวนอ่อน ผ่อนหนัก เป็นเบา เพือ่ ลดโทษ อ�ำนวยความสะดวก ไปถึงตัดความ ร�ำคาญนั่นเอง “รายได้ต�ำรวจแต่ละพื้นที่ ซึ่งมีทั้งราย ได้ที่ถูกกฎหมายและรายได้นอกกฎหมายที่เขาเรียกว่า ธุรกิจมืด ธุรกิจสีเทา ล้วนมาจาก 4 สายงาน แต่รายได้ หลักจะมาจากบ่อนการพนัน กับจราจร” แหล่งข่าวจากส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ ระบุวา่ รายได้ทตี่ ำ� รวจได้มาอย่างถูกกฎหมายนัน้ มีนอ้ ย แต่สงิ่ ที่ ท� ำ ให้ ต� ำ รวจมี ร ายได้ ม ากคื อ รายได้ จ ากธุ ร กิ จ ผิ ด กฎหมาย หรือธุรกิจมืด ได้แก่ 1.ธุรกิจการพนัน ทั้งตู้ม้า หวยใต้ดิน การพนัน ฟุตบอล บ่อนการพนัน ยิ่งบ่อนใหญ่ต�ำรวจจะยิ่งมีราย ได้มาก 2.ธุรกิจด้านขนส่ง พวกรถตู้โดยสารเถื่อน รถ บรรทุกขนอิฐ หิน ดิน ทราย ที่ใช้ในการก่อสร้าง รถ บรรทุกสินค้าที่เกินน�้ำหนัก 3. ธุรกิจสถานบันเทิง ธุรกิจบริการทางเพศ สถานบริการอาบอบนวด ที่เปิดเกินเวลา และมีสิ่งผิด กฎหมายเข้ามาอยูใ่ นสถานบันเทิงแห่งนัน้ หรือมียาเสพ ติดเข้ามาเกี่ยวข้อง พวกบรรดาอพาร์ตเมนต์ที่ผิด กฎหมายไม่ได้ขออนุญาต ประกอบกิจการ หรือหอพัก ต่างๆ สิ่งเหล่านี้จะไม่รอดสายตาต�ำรวจได้ 4.ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคนงานต่างด้าว หรือคน ที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย บรรดาเจ้าของกิจการที่ มีคนต่างด้าวทีล่ กั ลอบเข้ามาจะจ่ายให้กบั ต�ำรวจเพือ่ ซือ้ ค่าคุ้มครองซึ่งจะมีต�ำรวจหน่วยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องทั้ง ส�ำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่ต�ำรวจภูธรต�ำรวจ สันติบาล ต�ำรวจปฏิบตั กิ ารพิเศษ ต�ำรวจน�ำ้ ต�ำรวจกอง ปราบและต�ำรวจตรวจคนเข้าเมือง ขณะที่พื้นที่ใดที่มี แหล่งที่สามารถสร้างรายได้มากๆ จะเป็นที่หมายตา ของต� ำ รวจที่ ต ้ อ งการจะไปลงในท้ อ งที่ นั้ น โดย พิจารณาจากแหล่งธุรกิจ ประกอบด้วย ห้างร้าน อาคาร พาณิชย์ ธนาคาร ร้านทอง ซึ่งต�ำรวจจะสามารถเรียก (อ่านต่อหน้า 9) เก็บค่ารักษาความปลอดภัยได้


หน้า 8

ข่าวกรม-กระทรวง

“ราชทัณฑ์” เปิดอบรมโครงการพระราชทานฯ “โคกหนองนาแห่งน�้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์” รุ่นที่ 3/1

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 ส.ค.64 นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นประธานในพิธเี ปิด การอบรมตามโครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “โคกหนองนาแห่งน�้ำใจและ ความหวัง กรมราชทัณฑ์” รุ่นที่ 3/1 ในการนี้พลอากาศ ตรีสุพิชัย สุนทรบุระ รองเลขาธิการพระราชวัง ได้กล่าว ให้โอวาทการด�ำเนินงาน โดยมี พันต�ำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองเลขาธิการพระราชวัง พลโท สมบัติ ธัญ ญะวัน นายทหารปฏิบัติการพิเศษ ส�ำนักงานนายทหาร ป ฏิ บั ติ ก า รพิ เ ศ ษใน พร ะอง ค ์ พ ร ะบาทสมเด็ จ พระเจ้าอยู่หัว อาจารย์วิวัฒน์ ศัลยก�ำธร ประธานมูลนิธิ และผู้ก่อตั้งมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง พร้อม ด้วยคณะครูพาท�ำ ผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการ เรือนจ�ำ และผูอ้ ำ� นวยการทัณฑสถานทัว่ ประเทศ ร่วมพิธี ผ่ า นสื่ อ อิ เ ล็ ก ทรอนิ ก ส์ อ อนไลน์ ณ กรมราชทั ณ ฑ์ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี

นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีราชทัณฑ์ กล่าว ว่ า ด้ ว ยพระมหากรุ ณ าธิ คุ ณ ของพระบาทสมเด็ จ พระเจ้าอยูห่ วั ทีท่ รงมีตอ่ ปวงชนชาวไทยทุกหมูเ่ หล่า ไม่ เว้นแม้แต่ผตู้ อ้ งราชทัณฑ์ โครงการพระราชทานฯ “โคก หนองนาแห่งน�้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์” จึงได้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2563 เพื่อให้ผู้ต้องขังซึ่งได้รับ พระราชทานอภัยโทษได้รับความรู้จากการอบรมใน หลักสูตรปรับเปลีย่ นพืน้ ฐานแนวความคิด ฝึกวินยั ลงมือ

ปฏิบัติและแก้ปัญหาจริง สามารถน�ำองค์ความรู้ ด้าน เกษตรทฤษฎีใหม่ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลย เดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปปรับใช้ในการด�ำรงชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ อาจท� ำ ให้ ก ารใช้ ชี วิ ต ของผู ้ พ ้ น โทษยากล� ำ บาก เพื่ อ สามารถหาเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยไม่หวนกลับ ไปกระท�ำผิดซ�้ำเสมือนเป็นพื้นฐานการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ภายหลังพ้นโทษได้อย่างยั่งยืน นายอายุ ต ม์ กล่ า วเพิ่ ม เติ ม ว่ า โครงการ พระราชทานในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “โคกหนองนาแห่งน�้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์”

รุ่นที่ 3/1 ถือเป็นโครงการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย ส� ำ หรั บ ผู ้ ต ้ อ งราชทั ณ ฑ์ ทุ ก คนที่ ไ ด้ รั บ พระราชทาน อภั ย โทษปล่ อ ยตั ว ลดโทษ และจะพ้ น โทษในคราว เดียวกัน ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2564 เนื่ อ งในโอกาสวั น เฉลิ ม พระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 ทั้งนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรด กระหม่อม พระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ทั่ว ประเทศที่มี ความประพฤติดีให้ได้รับการลดหย่อนผ่อน โทษ และปล่อยตัวในเรือนจ�ำและทัณฑสถานทัว่ ประเทศ

137 แห่ง เป็นนักโทษเด็ดขาดทีเ่ ข้าเกณฑ์เข้ารับการอบรม รุ่นที่ 3/1จ�ำนวน 12,799 คน และจะมีผู้เข้าอบรมอีก ทั้งหมด 8 รุ่น รูปแบบการอบรมทั้งภาคทฤษฎี และภาค ปฏิบัติ ระหว่างวันที่ 16 - 29 สิงหาคม 2564 และมีพิธีปิด การฝึกอบรม ในวันที่ 30 สิงหาคม 2564 เพื่อให้ผู้ต้องขัง ได้รับความรู้ในการสร้างต้นแบบเกษตรทฤษฎีใหม่ใน พืน้ ทีข่ นาดเล็กในทุกเงือ่ นไขของพืน้ ทีด่ ว้ ยการ “ปัน้ โคก ขุดหนอง ท�ำนา” ผสานกับการเรียนรูจ้ ากวิทยากร “ครูพา ท�ำ” และผู้เชี่ยวชาญในด้านเกษตรทฤษฎีใหม่ มาร่วม ถ่ายทอดหลักการท�ำการเกษตรทีถ่ กู ต้องให้เห็นผลเป็นรูป ธรรม น�ำไปปรับใช้ได้จริงในทุกสถานการณ์ ควบคู่กับ การพัฒนากระบวนการการคิด (Mindset) พัฒนาจิตใจ รวมถึงพฤติกรรมของผู้ต้องขังให้มีวินัย มีความรักต่อ ตนเองและผู้อื่น มีความสามัคคี และช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ได้เป็นอย่างดี

^ ประเพณีโล้ชิงช้าบ้านผาหมี ต.เวียงพางค�ำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย : เทศบาลเวียงพางค�ำ โดยนายฉัตรชัย. ชัยศิริ นายกเทศมนตรี นายบัณฑิตย์. พันธ์พลากร เลขานุการนายกเทศมนตรีพร้อม ผู้บริหาร และสมาชิกสภาเทศบาลร่วมกับผู้น�ำชุมชนบ้านผาหมี ม.6 ต.เวียงพางค�ำ อ.แม่สาย จ.เชียงรายร่วมพิธีโล้ชิงช้าเป็น ประเพณีเก่าแก่ สืบเนื่องมาอย่างยาวนานบรรพบุรุษ ประกอบด้วย วันที่จะท�ำพิธี ปีนี้ตรงกับวันที่ 22 สิงหาคม 2564 แต่วันแรกที่มีกิจกรรมภายในครอบครัว วัน ที่ 21 สิงหาคม นี้จะเป็นพิธีกินข้าวใหม่ ของชมเผ่าอาข่า จะมี ไก่ต้ม ข้าว เหล้า น�้ำชา และข้าวงา เมื่อเตรียมเสร็จแล้วจะเอาไว้ถวายให้กับผีบ้านผีเรือน หรือเรียก อีกอย่าง ไห้ บรรพบุรุษ ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว กิจกรรมงานนี้จะท�ำตั้งแต่เช้า และช่วงเช้านี้ทางแต่ละบ้านต่างคนต่างไปน�ำน�้ำศักดิ์สิทธิที่บ่อน�้ำทิพย์ประจ�ำหมู่บ้าน วันที่ 22 สิงหาคม จะมีผู้ชายที่ร่างกายแข็งแรงได้ออกเดินเข้าป่า และไปตัดต้นไม้มงคลจ�ำนวน 4 ต้น ที่สูงตรงและสมบูรณ์ ตัดออกมาน้ไปลานหมู่บ้าน เสาโล้ ชิงช้าของปีก่อนทางชาวบ้านได้น�ำออก และไม้ที่น�ำมาใหม่ได้น�ำเข้าสู่หลุมลงไปทั้งสี่ต้น และดึงปลายยอดเข้าหากัน และน�ำเถาวัลย์ได้น�ำไปมัดบนยอดเสาอัน เป็นเสร็จในการประกอบชิงช้า เวลา 14.00 น. ผู้น�ำชนเผ่าได้ท�ำพิธีโล้ชิงช้าเป็นคนแรก และมีผู้หญิงแต่งชุดอาข่าแต่งตัวชุดเต็มสวยงาม ออกมาเต้นร�ำ ร้องเพลง อย่างมีความสุข การโล้ชงิ ช้าเป็นประเพณีโบราณสืบ่ ทอดมาจากบรรพบุรษุ ความเชือ่ ว่าใครได้โล้ชงิ ช้านีจ้ ะโชคดีเป็นประเพณีทดี่ งี าม บัณฑิตย์ พันธ์พลากร /เชียงราย


หน้า 9

(ต่ อจากหน้า 7) ส่วนจะมีรายได้มากเพียงใดขึน้ อยูก่ บั จ�ำนวนความหนาแน่นของกิจการนัน่ เอง นอกจากนีจ้ ะ มีที่พักอาศัยของประชาชนต่างๆ เช่น หอพัก แฟลต อพาร์ตเมนต์ สถานบริการ ซึงรวมไปถึงร้านอาหาร ร้าน คาราโอเกะ โรงแรม สถานบันเทิง ผับ บาร์ สถานอาบ อบนวด โต๊ะสนุ้กและบริเวณที่มีการตั้ง “ตู้แดง” ล้วน เป็นแหล่งรายได้ทจี่ ะบ่งบอกว่าพืน้ ทีน่ เี้ ป็นสถานีตำ� รวจ เกรด A, B, C หรือ D เป็นต้น แหล่งท่องเทีย่ ว-อาชญากร ข้ามชาติ ‘เหยือ่ ’ จ่ายส่วย แหล่งข่าวจากส�ำนักงานต�ำรวจ ย�้ำว่า ธุรกิจต่างๆ ที่ผิดกฎหมายจะมีอยู่ในทุกๆ พื้นที่ และเมือ่ มีการเก็บส่วยจาก ‘หัวเบีย้ ’ ในพืน้ ทีไ่ ปเก็บแล้ว ก็จะมีหน่วยงานจากสอบสวนกลางตามไปเก็บอีกที เช่น ย่านพัฒน์พงษ์ ซึง่ เป็นพืน้ ทีค่ วบคุมของต�ำรวจนครบาล นัน้ เชือ่ ว่ามีมลู ค่ามหาศาล และหากเทียบกับตัวเลขการ จ่ายส่วยในเมืองท่องเทีย่ วอย่างจังหวัดภูเก็ต ผูป้ ระกอบ การในย่านสถานบันเทิงที่เปิดให้บริการเกินเวลา จะมี การลงขันเพื่อจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่ถึง 3 แสนบาทต่อ เดือน เพือ่ แลกกับผลก�ำไรทางธุรกิจ และไม่มโี อกาสโต้ แย้งแม้จะโดนเรียกเก็บส่วยซ�ำ้ ซ้อนก็ตาม ส�ำหรับพืน้ ที่ จังหวัดท่องเที่ยว จะมีบรรดาอาชญากรข้ามชาติที่หลบ หนี เ ข้ า มาเมื อ งไทยไปอาศั ย กบดานอยู ่ เช่ น พั ท ยา เชียงใหม่ ภูเก็ตนั้น เชื่อว่าต�ำรวจในสน.ท้องที่และกอง บั ง คั บ การต� ำ รวจท่ อ งเที่ ย วในสั ง กั ด กองบั ญ ชาการ ต�ำรวจสอบสวนกลาง มีขอ้ มูลทัง้ หมด แต่กลับใช้ขอ้ มูล ที่ตัวเองมีอยู่ไปแสวงหาประโยชน์กับอาชญากรดัง กล่าวทีก่ ระท�ำความผิด หนีมาซ่อนตัว และยังมาด�ำเนิน ธุรกิจผิดกฏหมายในพื้นที่ เนื่องจากแก๊งข้ามชาติเหล่า นีย้ นิ ยอมจ่ายส่วยแลกกับอิสรภาพ โดยเฉพาะอย่างยิง่ ที่ พัทยา ซึ่งเป็นที่รู้กันว่ามีแก๊งข้ามชาติหนีคดีมาอยู่เป็น จ�ำนวนมาก และเข้ามาลงทุนธุรกิจต่างๆ เพื่อฟอกเงิน อยูใ่ นประเทศไทยและ เป็นช่องทางหากินของต�ำรวจที่ ต้องการรีดไถต่อไป อีกทั้งส่วยดังกล่าวที่ต�ำรวจจะได้จากนักท่อง เที่ยว ก็คือพวกที่เข้ามาด้วยวีซ่าท่องเที่ยว แต่ลักลอบ ประกอบอาชีพในเมืองไทย ซึ่งบางคนวีซ่าหมดอายุ แทนที่ต�ำรวจจะจับส่งตัวออกไป กลับไม่ด�ำเนินการ และยังมีการแลกผลประโยชน์เป็นเม็ดเงินจากคนกลุ่ม นี้ “ไปดูได้พวกอินเดีย บังกลาเทศ ย่านพาหุรัด ส�ำเพ็ง เต็มไปหมด ส่วนคนจีน ก็ให้ไปดูเยาวราช รัชดา เข้ามา ค้าขายเปิดกิจการกันเต็มไปหมด” รวมถึงแรงงานจาก ประเทศเพือ่ นบ้านเช่น พม่า กัมพูชา ลาว ทีเ่ ข้ามาท�ำงาน แล้วไม่ตอ่ ใบอนุญาตต้องจ่ายเงินให้เจ้าหน้าทีห่ วั ละไม่ น้อยกว่า 500 บาททุกๆเดือน เพื่อแลกกับอิสรภาพและ การมี ง านท� ำ ที่ มี ร ายได้ สู ง กว่ า ประเทศตั ว เอง ขณะ เดียวกันหากต�ำรวจท้องที่สืบรู้ว่าโรงงานใดมีการจ้าง แรงงานผิดกฎหมาย ก็จะเป็นโอกาสในการเก็บส่วยได้ หลายทาง ทั้งจากคนงาน และผู้ประกอบการเจ้าของ กิจการ ที่เผชิญวิกฤตขาดแคลนแรงงาน ว่ากันว่าผู้รับ เหมาก่อสร้างโครงการเล็กๆ ต้องจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่ ต�ำรวจประมาณแสนบาทต่อเดือน ส่วยทางหลวง

การเก็บส่วยลักษณะนี้ หากินกับรถบรรทุก รถผี รถตู้ ที่ รูก้ นั อยูท่ วั่ ไปว่า รถบรรทุกสินค้าจากท่าเรือ หรือรถขน ดินขนทรายที่มีน�้ำหนักเกินมาตรฐานกว่าที่กฎหมาย ก�ำหนดหรือออกวิง่ ขนส่งสินค้าในเวลาทีห่ า้ ม ตลอดจน การตรวจจับควันด�ำ ซึง่ ผูป้ ระกอบการและเจ้าของธุรกิจ เองก็มคี วามสนิทสนม จึงสมยอมทีจ่ ะจ่ายส่วยให้ตำ� รวจ ทางหลวงมาโดยตลอดในทุกยุคทุกสมัย ซึ่งท�ำกันเป็น ขบวนการ จนเรียกได้วา่ เป็นธรรมเนียมปฏิบตั ิ เช่นเดียว กั บ ที่ เ ป็ น ข่ า วครึ ก โครมเรื่ อ งส่ ว ยสติ ก เกอร์ ข องเจ้ า หน้าทีต่ ำ� รวจทางหลวงติดไว้หน้ารถเพือ่ เป็นใบเบิกทาง และสัญลักษณ์วา่ รถคันนีจ้ า่ ยส่วยเป็นรายเดือนแล้ว แต่ ก็ยงั มีโอกาสจะถูกเรียกเก็บเป็นรายวัน ตลอดเส้นทางที่ มีสน.ท้องทีค่ มุ พืน้ ทีอ่ ยูบ่ อ่ ยครัง้ และเป็นต้นทุนการขน ส่งและโลจิสติกส์ที่ค่อนข้างสูงส�ำหรับธุรกิจ ซึ่งใน แต่ละปีผู้ประกอบการต้องรับภาระไม่ต�่ำกว่า 500 ล้าน เพื่อแลกกับความสะดวกรวดเร็วและการเลี่ยงความผิด ตามกฎหมาย “ส่วยทางหลวง เมื่อวิ่งเข้าพื้นที่ สน.ใด ก็ ต้องโดนเก็บเหมือนกัน ไม่ใช่ต�ำรวจทางหลวงจะได้ หน่วยเดียว” ต�ำรวจ! เหยื่อขบวนการส่วย ดังนั้นพื้นที่ หรือหน่วยงานใดทีจ่ ะสามารถสร้างเม็ดเงินได้มหาศาล จึงเป็นที่หมายปองของต�ำรวจในทุกระดับชั้น จนเป็น ที่มาของการวิ่งเต้น ซื้อต�ำแหน่ง ย้ายพื้นที่ เพื่อสร้างผล ประโยชน์ ใ ห้ กั บ ตั ว เองและพวกพ้ อ งได้ ม ากยิ่ ง ขึ้ น “ต�ำรวจก็เป็นเหยื่อ เพราะต้องการความก้าวหน้า และ ได้ผลประโยชน์บางส่วน จึงวิ่งเข้าหา “มูลนาย” ที่เป็น บิก๊ ทัง้ หลาย แต่สดุ ท้ายต�ำรวจพวกนีก้ ลายเป็นส่วยแบบ ข้าทาสกันไปหมด” แหล่งข่าวจากส�ำนักงานต�ำรวจแห่ง ชาติ อธิบายว่าเมื่อต�ำรวจกลายเป็นเหยื่อและส่วยแบบ ข้าทาส ก็เพราะว่าในอดีตนั้นใครอยากได้ต�ำแหน่งก็ ต้องหาเงินสดๆ มาจ่ายก่อนได้รับต�ำแหน่ง และ ห้าม ผ่อนภายหลังได้ต�ำแหน่ง แต่วันนี้บรรดาบิ๊กสีกากีทั้ง หลาย เขาจะเลือกต�ำรวจที่วิ่งเข้าหาต้อนเข้ามาอยู่ใน อาณัติหรืออาณาจักรของตัวเองก่อน จากนั้นจะมีการจัดสรรด้วยการเอาลูกน้องไป วางไว้ในต�ำแหน่งต่างๆ กระจายไปให้ทั่วที่เชื่อว่าจะ เป็นแหล่งสร้างผลประโยชน์ได้อย่างดี เพื่อให้ต�ำรวจ เหล่านี้มีหน้าที่ส่ง ‘ส่วย’กลับมายังตนเองได้ ในทุกๆ ครัง้ ที่ ‘นายเคาะ’ก็ตอ้ งรีบด�ำเนินการและปฎิรปู ต้องไม่ เป็นกรรมการผูจ้ ดั การ หรือผูจ้ ดั การ หรือด�ำรงต�ำแหน่ง อื่นใดที่มีลักษณะงานคล้ายคลึงกันนั้นในห้างหุ้นส่วน หรือบริษทั การกระท�ำความผิดวินยั ร้ายแรง ตามมาตรา 104 ในร่างพ.ร.บ. ต�ำรวจฯ บางส่วนยังเหมือนกับทีพ่ ระ ราชบัญญัติต�ำรวจแห่งชาติพ.ศ. 2547 ก�ำหนดไว้ เช่น ห้ามข้าราชการต�ำรวจละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการ โดยไม่มีเหตุอันสมควร เป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการ อย่างร้ายแรง หรือละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราว เดียวกันเกิน 15 วันโดยไม่มีเหตุอันสมควร แต่ร่าง พ.ร.บ.ต�ำรวจฯ ก็มีการก�ำกับวินัยข้าราชการต�ำรวจบาง ประการที่มากกว่าพระราชบัญญัติต�ำรวจแห่งชาติพ.ศ. 2547 เช่น ห้ามข้าราชการต�ำรวจล่วงละเมิดหรือคุกคาม

ทางเพศ โดยรายละเอียดจะเป็นไปตามที่ก.ตร.ก�ำหนด มาตรา 107 ร่างพ.ร.บ.ต�ำรวจฯ ก�ำหนดโทษทางวินัยมี เจ็ดสถาน คงหลักการเดิมเช่นเดียวกับพระราชบัญญัติ ต�ำรวจแห่งชาติพ.ศ. 2547 โดยโทษทางวินัยมีดังต่อไป นี้ 1) ภาคทัณฑ์ คือ การโทษแก่ผู้กระท�ำผิดที่มีเหตุอัน ควรปรานีจึงเพียงแค่แสดงความผิดผู้นั้นให้ปรากฏไว้ 2) ทัณฑกรรม คือ การให้ท�ำงานโยธา การให้ อยู่เวรยาม นอกจากหน้าที่ประจ�ำ หรือการให้ท�ำงาน สาธารณประโยชน์ซงึ่ ต้องไม่เกินหกชัว่ โมงต่อหนึง่ วัน 3) กักยาม คือ การกักตัวไว้ในบริเวณใดบริเวณ หนึง่ ทีส่ มควรตามทีจ่ ะก�ำหนด ทัง้ นี้ จะใช้งานโยธาหรือ งานอื่น ของทางราชการด้วยก็ได้แต่ต้องไม่เกิน หก ชั่วโมงต่อหนึ่งวัน 4) กักขัง คือ การขังในที่จัดไว้เพื่อควบคุมแต่ เฉพาะคนเดียวหรือหลายคนรวมกันตามทีจ่ ะได้มคี ำ� สัง่ จะใช้งานโยธาหรืองานอืน่ ของทางราชการด้วยก็ได้แต่ ต้องไม่เกินหกชั่วโมงต่อหนึ่งวัน 5) ตัดเงินเดือน 6) ปลดออก 7) ไล่ออก ในมาตรา 106 ของร่างพ.ร.บ.ต�ำรวจฯ ยังก�ำหนด หลักการเช่นเดียวกับ มาตรา 81 พ.ร.บ.ต�ำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ว่า เมื่อมีความจ�ำเป็นอันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพื่ อ ประโยชน์ ใ นการรั ก ษาวิ นั ย และปราบปราม ข้ า ราชการต� ำ รวจผู ้ ก ่ อ การก� ำ เริ บ หรื อ เพื่ อ บั ง คั บ ข้าราชการต�ำรวจผูล้ ะทิง้ หน้าทีใ่ ห้กลับท�ำหน้าทีข่ องตน ผูบ้ งั คับบัญชาอาจใช้อาวุธหรือก�ำลังบังคับได้ ถ้ากระท�ำ โดยสุจริตตามสมควรแก่เหตุ ผู้บังคับบัญชาหรือผู้ช่วย เหลือไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา แต่ต้อง รายงานไปยั ง ผู ้ บั ง คั บ บั ญ ชาเหนื อ ตนตามล� ำ ดั บ ชั้ น จนถึงผู้บัญชาการต�ำรวจแห่งชาติโดยเร็ว แม้ จ ะผ่ า นการปฏิ รู ป มาหลายคราว แต่ ร ่ า ง พ.ร.บ.ต�ำรวจฯ ฉบับนีก้ เ็ ป็นอีกก้าวส�ำคัญของความหวัง ทีจ่ ะได้เห็นวงการต�ำรวจทีโ่ ปร่งใส มีประสิทธิภาพ และ เป็นที่พึ่งของประชาชน แต่ด้วยข้อสังเกตและค�ำถาม หลายประการทีไ่ ด้กล่าวมาข้างต้น จึงต้องจับตาดูกนั ต่อ ไปว่าหลังจากผ่านวาระที่สอง ขั้นกรรมาธิการแล้ว ร่าง พ.ร.บ.ต�ำรวจฯ ฉบับนีจ้ ะมีโฉมหน้าแตกต่างไปจากเดิม หรือไม่ และจะสามารถท�ำให้ความหวังของ ผู้พิทักษ์ สันติราษฎร์และประชาชนเป็นจริงได้มากน้อยเพียงใด ทีมข่าวอาชญากรรม........................รายงาน ****************************


หน้า 10

^วันที่ 30 สิงหาคม 2564 สหกรณ์ออมทรัพย์องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (05) โดยท่านณรงค์ วงศ์สกุล ผู้จัดการสหกรณ์ได้มอบเงินจ�ำนวน 100,000 บาทและพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 9ให้กับศูนย์พักคอย ขสมก.อู่บางพลี โดยมีนายบุญมา ป๋งมา ประธานสหภาพแรงงาน ขสมก. และนายบุญเหลือ ขุนพรมเลขาธิการสหภาพแรงงาน เป็นผูร้ บั มอบในนามพนักงาน ขสมก.และผูป้ ว่ ยทีต่ ดิ เชือ้ โควิค 19 ขอขอบคุณไว้ ณ ทีน่ ดี้ ว้ ย

^ท�ำบุญ : ท่านบุญ มาป๋งมา ประธานสหภาพ ท่านบุญเหลือ ขุนพรม เลขาธิการสหภาพ ท่านสุเมธ สังศิริ กรรมการบริหารกิจการ ขสมก. พร้อมครอบครัว รวมท�ำบุญคล้ายวันเกิดบุตรสาว มอบเงินจ�ำนวน 25,000 ที่ศูยน์พักคอยอู่บางพลี เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2564


หน้า 11


หลายฝ่ายร่วมมือกันปลูกฟ้าทะลายโจร แจก ในสภาวะโรคโควิดระบาดหนักมีผปู้ ว่ ยติดเชือ้ เป็นล้านคน หลายฝ่ายจึงออกมาร่วมกันเพราะ ขยายพันธุ์และใช้พื้นที่ว่างกว่า 3 ไร่ร่วมกันปลูก ฟ้าทะลายโจรเพื่อแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชน น�ำไปทาน ส่วนต้นพันธ์ทุ เี่ พาะจะน�ำไปแจกให้ตาม

วันต่างๆ ปลูกและน�ำไปแจกให้กบั พีน่ อ้ งประชาชน ในพื้นที่ใกล้เคียงไว้ทานเพื่อต้านไวรัสโควิด19 วันที่ 25 ส.ค.64 ที่วัดสว่างอารมณ์ ต.ขุน แก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม พระครูยติธรรมานุ ยุติ (หลวงพ่อแป๊ะ) เจ้าอาวาส นาย ณรงค์ ทรง อารมณ์ ผอ.ส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

นาย บุญเชิด กิตติธรางกูร ผอ.ส�ำนักงานพระพุทธ ศาสนาจั ง หวั ด นครปฐม ฝ่ า ยปกครองอ� ำ เภอ นครชัยศรี นายสัญญา เอี่ยมพิมพันธุ์ ก�ำนันต�ำบล ขุ น แก้ ว ได้ ร ่ ว มกั น เพาะต้ น กล้ า ขยายพั น ธุ ์ ฟ ้ า ทะลายโจร เพือ่ ให้ตามวัดต่างๆ ทีม่ พี นื้ ทีว่ า่ งๆได้นำ� ฟ้าทะลายโจรไปปลูกและให้พี่น้องประชาชนหรือ ญาติโยมไปต้มไว้ทานเพื่อต้านไวรัสโควิด 19 ส่วน หนึ่งปลูกที่วัดสว่างอารมณ์ ให้หลวงพ่อแป๊ะน�ำไป แจกจ่ายให้กับญาติโยมได้ทานกัน เนื่องจากว่าช่วง นี้เป็นสภาวะโรคไวรัสโควิด 19 ระบาดหนักมีผู้ติด เชื้อไปแล้วกว่า 1,000, 000 คน เสียชีวิตทุกวัน ประกอบกับสมุนไพรไทยฟ้าทะลายโจรช่วยต้าน

โควิดได้ จึงได้ร่วมมือกันใช้พื้นที่ว่างของวัดสว่าง อารมณ์ (หลวงพ่อแป๊ะ) เพาะขยายพันธุ์ฟ้าทะลาย โจรให้กับตามวัดต่างๆ น�ำไปปลูก ส่วนหนึ่งก็ได้ ปลูกที่วัดสว่างอารมณ์ด้วย เพื่อเป็นการต่อยอด


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.