การเมืองชุมชน ประจำเดือน ธันวาคม 2564

Page 1

ปีที่ 10 เล่มที่ 168 ประจ�ำวันที่ 5 ธันวาคม 2564 - 5 มกราคม 2565 ราคา 10 บาท

ติดตามอ่านได้ทางทางเว็บไซต์ www.การเมืองชุมชน.com

อ่านต่อหน้า 3

^ท�ำบุญบ้าน : นายปราโมทย์ ทองกุญชร นายกสมาคมสื่อมวลชนส่งเสริมพระพุทธศาสนาและ สังคมร่วมงานท�ำบุญบ้าน นายชูศักดิ์ วรรณสินธุ์ อุปนายกสมาคมสื่อมวลชนส่งเสริมพระพุทธ ศาลนาและสังคม พร้อม นายชิติพัทธ ชูทอง ที่บ้านท่าข้ามกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2564

^กลุ่มfc #ป๋องสุพรรณการันตี ร่วมท�ำบุญวันคล้ายวันเกิด : วันที่ 29 พฤศจิกายน

2564 ครบรอบ 56 ปี ของ ดร.เสมอ งิ้วงาม หรือ ป๋อง สุพรรณ ที่ปรึกษาผู้บัญชาการ ต�ำรวจภูธรภาค 6 ประธานมูลนิธพิ ระเครือ่ งพระบูชา (ประเทศไทย) โดยมีพธิ ที ำ� บุญ ถวายภัตตาหารเพล แด่พระสงฆ์ พร้อมทัง้ ท�ำพิธสี วดชัยมงคลคาถา สวดนพเคราะห์ ประจ�ำปีเกิด มีเพือ่ นพ้องน้องพี่ ญาติมติ รและลูกๆ หลานๆร่วมอวยพรกันอย่างคับคัง่


หน้า 2

^ อวยพรวันเกิด : ท่านชัชวาลล์ คงอุดม หน.พรรคพลังท้องถิ่นไท โดยนายปราโมทย์

ทองกุญชร นายกสมาคมสือ่ มวลชนส่งเสริมพระพุทธศาสนาและสังคม นายนพรัตน์ หลิมสุนทรนายธนินโชติ กิตติรัตน์ธนาโชตินายโกศล ลาวิรัตน์ พร้อมผู้สื่อข่าวนสพ. การเมืองชุมชนเข้าอวยพรวันเกิดย้อนหลัง ที่บ้านเตาปูน เมื่อวันที่ 15 พ.ย.2564

^ฝึกวิชาชีพ : อายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ เอกภพ เดชเกรียงไกรสร รอง ประธาน มูลนิธิ ณภาฯ ในพระราชด�ำริ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิ ราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณสี ริ พิ ชั ร มหาวัชรราชธิดา ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความ ร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนผูต้ อ้ งขังให้มคี วามพร้อมก่อนออกสูส่ งั คม ภายนอก โดยมี สิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ร่วมพิธี ณ กรมราชทัณฑ์ จ.นนทบุรี

^คณะกรรมการวั ด หลวงพ่ อ เงิ น บางคลาน แสดงความยิ น ดี กั บ คุ ณ ฉั น ทนา แสงสุวรรณถาวร รองผอ.พระพุทธศาสนาจังหวัดพิจิตร ได้รับความเจริญก้าวหน้า ไปด�ำรงต�ำแหน่ง ผอ.กองในส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คนดีคนเก่ง คนตรง สงบสุขุม ขอให้ท่านเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นครับ

^ ร่วมยินดีกับครอบครัวบวรสุข : เนื่องในพิธีมงคลสมรส ระหว่าง นางสาววริดา

บวรสุข (เตย) กับ นายธนิสร ปากูล (มอส) ณ สโมสรนายทหารอากาศ บางซื่อ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2564


หน้า 3

แม้ว่ามีรายงานข่าวล่าสุดออกมา เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาว่า “กลุ่มสามมิตร” และ อีกบางกลุ่ม ก�ำลังรอจังหวะที่จะย้ายพรรคในการ เลือกตั้งสมัยหน้า โดยอ้างว่า จะกลับไปรังเก่า คือ “พรรคเพื่อไทย” ก็ตามแต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่ชัวร์ ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะเป็นไปตามนั้น หรือไม่ หรือ หากมีรายการย้ายพรรคกันจริง จะยกโขยงกันไป พรรคเพื่อไทย จริงหรือเปล่า เพราะตามแหล่งข่าว ที่อ้างอิงนั้น มาจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งรายการแบบ นี้อาจเป็น “ข่าวปล่อย” ที่จงใจออกมาเพื่อให้เกิด ความหวาดระแวงกันเองภายใน ในช่วงที่ก�ำลังถูก มองว่าเริ่มเข้าสู่ภาวะ “หัวเลี้ยวหัวต่อ” ในทางการ เมืองมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือ หากโฟกัสในแต่ละ พรรค โดยเฉพาะบรรดาพรรคขนาดใหญ่ และ ขนาดกลาง เริ่มมีการเคลื่อนไหวในทางลับ แบบ เห็นเงาหลังกันวูบวาบ ซึ่งหากเข้าใจการเมืองแบบ ไทยๆ ก็ยอ่ มไม่ใช่เรือ่ งแปลก เพราะมันเป็นมาแบบ นี้กันทุกสมัย มีการย้ายเข้าย้ายออก หรือแยกไปตั้ง พรรคใหม่เป็นเรื่องธรรมดา อย่างไรก็ดี หากพิจารณาในเรื่องดังกล่าว ก็ ต้องเชือ่ มต่อเนือ่ งกันไปสองสามเรือ่ งทีบ่ งั เอิญมาส อดคล้องกันพอดี อย่างแรกคือ ความขัดแย้งใน พรรคพลังประชารัฐ การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้กลับ ไปใช้บัตรเลือกตั้ง สองใบ ท�ำให้มองและเชื่อว่า พรรคขนาดใหญ่โดยเฉพาะพรรคเพือ่ ไทยได้เปรียบ และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดพรรคการเมืองใหม่ และกลายเป็นพรรคขนาดใหญ่ในอนาคต เริ่มจาก ปัญหาความขัดแย้งภายใน พรรคพลังประชารัฐกัน ก่อน นาทีนี้ต้องยอมรับกันว่า ยัง “อึมครึม” ไม่มี ความชัดเจนแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะจาก กรณีการเคลื่อนไหว “โค่นล้ม” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใน “ศึกซักฟอก” ครัง้ ทีผ่ า่ นมา ย่อมไม่มี ทางสมานเป็นเนื้อเดียวกันไปได้ และเมื่อมองจาก อาการของแต่ละฝ่าย มันก็ท�ำให้มองได้อย่างนั้น

จริงๆ เพราะหากเค้นถาม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ ถู ก ปลดพ้ น ต� ำ แหน่ ง รั ฐ มนตรี ช ่ ว ยว่ า การ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่ยังเป็นเลขาธิการ พรรคพลังประชารัฐและก็ยังไม่เคยยืนยันเลยสัก ครัง้ ว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ อีก ครั้ ง มี ค� ำ ตอบที่ ว ่ า ทุ ก อย่ า งอยู ่ ที่ “ลุ ง ป้ อ ม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สวุ รรณ ในฐานะหัวหน้าพรรค เท่านัน้ อีกทัง้ ในการเลือกตัง้ ครัง้ หน้า ก็ยงั ไม่ชดั อีก เช่นเดียวกันว่า นอกเหนือจากพรรคพลังประชารัฐ ที่ พล.อ.ประวิ ต ร ย�้ ำ ว่ า จะให้ ก ารสนั บ สนุ น พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ยังมีรายชือ่ คนอื่น หรือไม่ ซึ่งในนั้นจะเป็นชื่อของ “ลุงป้อม” หรื อ ไม่ และที่ ผ ่ า นมา หากพิ จ ารณาจากความ เคลือ่ นไหวจะเห็นภาพของ ร.อ.ธรรมนัส และ นาง นฤมล ภิญโญ สินวัฒน์ ซึ่งเคลื่อนไหวร่วมกันจน ถูกปลดจากเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง แรงงาน ก็ยงั คงรัง้ ต�ำแหน่งเหรัญญิกของพรรคเช่น เดิม และยังแสดงบทบาทในพรรคมากขึ้นกว่าเดิม โดยพยายามเดินสาย “เปิดตัวผู้สมัคร” ในหลาย จังหวัด ในภาคอีสาน และจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้ ว ่ า ที่ ผ ่ า นมา จะพยายามแสดงบทบาทใน ลั ก ษ ณ ะ แ ย ก กั น แ บ บ ไ ม ่ ทั บ ซ ้ อ น เ ช ่ น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงกลาโหม ทีย่ ำ�้ ก่อนหน้านี้ ว่า เขาท�ำหน้าทีเ่ ป็นฝ่ายบริหารในรัฐบาล ส่วนเรือ่ ง ของพรรคพลังประชารัฐ ต้องแยกออกไปเป็น หน้าที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สวุ รรณ และแม้วา่ ล่าสุด จะมี ก ารยื น ยั น หนั ก แน่ น อี ก ครั้ ง จากปากของ พล.อ.ประวิตร ว่า ไม่มีทางแยกจากกันได้ กั บ พล.อ.ประยุทธ์ นอกจากความตายเท่านั้น เพราะ เป็นความสัมพันธ์ทพี่ เิ ศษยาวนานกว่า 40 ปี แต่นนั่ ก็ยังไม่ชัวร์อยู่ดี เพราะเมื่อพิจารณาจากท่าทีของ “ลูกหาบ” รอบตัวแล้ว มันไม่มที างเดินทางเดียวกัน ได้เลย เพียงแต่วา่ ยังไม่ถงึ เวลาเท่านัน้ เอง และนอก

เหนือจากนี้หากพิจารณาถึงกลุ่มก๊วนภายในพรรค พลังประชารัฐแล้ว มีอยู่หลากหลายกลุ่ม ไม่ใช่ เฉพาะกลุ่มสามมิตร ที่น�ำโดย นายสมศักดิ์ เทพ สุทนิ นายสุรยิ ะ จึงรุง่ เรืองกิจ และ นายอนุชา นาคา ศัย เท่านั้น เพราะยังมีกลุ่มอื่น เช่น กลุ่มตะวันออก ของ นายสุชาติ ชมกลิน่ กลุม่ ภาคกลาง ของนายชัย วุ ฒิ ธนาคมานุ ส รณ์ ภาคเหนื อ ตอนล่ า ง กลุ ่ ม เพชรบูรณ์ เป็นต้น ซึ่งจะว่าไปแล้วกลุ่มต่างๆ เหล่า นี้ ซึง่ อาจรวมถึงกลุม่ สามมิตรนัน้ ระยะหลังมีความ ใกล้ชิดกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มากเป็น พิเศษ ไม่ได้เห็นร่วมกิจกรรมกับกลุ่มของ ร.อ.ธร รมนัส ยกเว้น “กลุ่มโคราช” ของนายวิรัช รัตน เศรษฐ เท่านั้น เมื่อมีรายงานที่อ้างว่า “กลุ่มสาม มิตร” จะแยกวงออกไป หรือย้ายกลับรังเพื่อไทย นั้น ก็มองอย่างอื่นไม่ได้เลยว่าเป็นเพราะปัญหา ความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐนัน่ เอง ซึง่ อาจเป็นไปได้ว่าคนที่ปล่อยมาจากข้างในเอง หรือ ไม่กม็ าจากฝ่ายพรรคเพือ่ ไทย ที่ “ได้ประโยชน์” ทัง้ ขึ้นทั้งล่อง ที่ส�ำคัญก็คือ สร้างความหวาดระแวง ภายในพรรคพลังประชารัฐ ซึง่ ฝ่ายตรงข้าม เป็นการ “ตอกลิ่ม” ให้แยกออกไปอีก แต่ข่าวที่ว่านั้นเป็น จริงก็อาจเป็นไปได้ ที่ต้องมองไปถึงการเลือกตั้ง ครั้งหน้าอันเป็นผลมาจาก “กติกาใหม่” ที่เชื่อว่า พรรคเพื่อไทยจะได้เปรียบ รวมไปถึงมองเห็นว่า พรรคพลังประชารัฐ ไม่มีจุดขาย “กระแสลุงตู่” ตกลงไป เพราะหากมองเรื่องจุดขายแล้ว ก็เห็นจะ ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่า ทัง้ “แป้ง” และ “นาฬิกา” ย่อมไม่อาจเป็น “กระแส” น�ำไปสูก่ ารชนะการเลือก ตั้งทั่วประเทศได้อย่างแน่นอน อีกทั้งมีจ�ำนวนไม่ น้อยที่ ยังกระอัก กระอ่วนประเภทแฟนคลับ “ลุง ตู่” แต่ไม่อยากได้ แป้งและนาฬิกา อะไรประมาณ นัน้ ก็มไี ม่นอ้ ย และทีเ่ ชือ่ มโยงต่อเนือ่ งกันถึงความ เป็นไปได้อีกเรื่องหนึ่ง ก็คือ โอกาสที่จะเกิด “พรรคส� ำ รอง” เพื่ อ สนั บ สนุ น พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในลักษณะที่ชัดเจน “สะเด็ด น�ำ้ ” ซึง่ “โมเดล” นี้ ก็ยงั มีการเคลือ่ นไหวลับๆ อย่าง ต่อเนื่อง และก็เชื่อว่า ยังน่าเป็นไปได้สูงไม่น้อย เพราะหากพิจารณาจาก “ยุทธวิธี” ของทหารแล้ว ย่อมต้องมี “แผนส�ำรอง” หรือแผนสองเสมอ ซึ่ง แผนแบบนี้มันก็ไม่จ�ำเป็นที่จะต้องเร่งเผยไต๋ออก มา หากสถานการณ์ยัง (อ่านต่อหน้า 4)

ผู้อ�ำนวยการ นายธีรยุทธ ผู้พัฒน์.....บรรณาธิการบริหาร นายปราโมทย์ ทองกุญชร.....ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ นายสุนทร ช่วยตระกูล(ทอนส์ 79) นายอนันต์ นิลมานนท์ (นายกสมาคม หนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย).....นายจรัญ รุ่งมณี (นายกสมาคมสื่อท้องถิ่นไทย).....นายปรีดา มากมูลผล นายภากร ยังแจ่ม นายบัญชา อ�ำนาจรุ่งเจริญ (หญิงอรชร) ดร.สุชิต ผลเจริญ นายชาติชาย สุขสมนึก นายธนกร มณีโชติ ประจ�ำกองบรรณาธิการ...นายยศ พูลผล ผู้ช่วย บก. .....นายชนะชัย ศรีไชนัยนต์ นายอนุชา ทองกุญชร นายวัชระ ชูทอง นายพิศิษฐ์ ภู่พันธ์ศรี ที่ปรึกษาส่วนตัว บก. .....นายชูศักดิ์ วรรณสินธิ์ บก.ข่าวภูมิภาค.....นายสุวิทย์ กองแก้ว บก. ผู้สื่อข่าวพิเศษ.....นายเอนกพงศ์ เทียนสว่าง บก.ข่าวกรม..... นายราเชนทร์ พูนมา บก.ททท. .....นายนิวัฒน์ จุ้ยเส็ง บก.ข่าวตะเวน.....นายนพรัตน์ หลิมสุนทร บก.อาชญากรรม.....นายโกศล ลาวิรัตน์ บก.ข่าวชุมชน.....นายนาวิน เกตุแก้วเจริญ หัวหน้าข่าว กทม. ... นายประยงค์ วิลยั ผูส้ อื่ ข่าว จ.นนทบุร.ี .....นางการย์สริ ิ ยัง่ ยืนเตชา จ.สมุทรปราการ......นายธีระวิทย์ ก�ำ๋ รามัญ จ.สมุทรสาคร.....นายณรงค์ฤทธิ์ กิจเจริญ จ.นครปฐม..... นายชวลิต บุญปาน นายทอง บ�ำรุงผล จ.ราชบุรี.....นายวันชัย แก้ววิลัย จ.กาญจนบุรี......นายวันพจน์ คล้ายใจดี ข่าวไทรโยค จ.กาญจนบุรี.....นิติธาดารัตน์ เคนจิ จังหวัดกาญจนบุรี..... นายกษาปณ์ พูลสวัสดิ์ จ.ชลบุรี......นายราเชนทร์ พูนมา จ.ขอนแก่น...นายสมปอง สกุลทับ หัวหน้าข่าว จ.ภูเก็ต ผู้ช่วย บก. ...นายสหภาพ โพธิ์เงิน นายจิระชัย เกษมพิมลพร นายวิชิต สุริวงศ์ นายธนินโชติ กิตติรัตน์ธนาโชติ ผู้ช่วย บก.ฝ่ายอาชญากรรม...นายบัณฑิตย์ พันธ์พลากร หัวหน้าผู้สื่อข่าวเชียงราย...นายพงศ์พัฒน์ ปิยปาณานนท์ ผู้สื่อข่าวจังหวัด เชียงใหม่... นายกฤษฎ์ จันทร์แก้ว ผู้สื่อข่าวเชียงราย...นายเกษม รุ่งศรี ผู้สื่อข่าวอยุธยา ติดต่อ 089-690-5214, 094-786-9441 บก. pramot_thong@hotmail.com


หน้า 4

(อ่านต่อจากหน้า 3) ไม่เหมาะสมเพียงพอ หาก พิจารณาถึงความเป็นไปได้แล้ว ถ้าชั่งน�้ำหนักกัน ระหว่างที่ “กลุ่มสามมิตร” และกลุ่มอื่นในพรรค พลังประชารัฐ จะย้ายไปเพื่อไทยนั้น แม้จะยังห้า สิบห้าสิบ แต่กย็ งั เชือ่ ว่าหากแยกออกไป น่าจะมอง ไปที่ “พรรคส�ำรอง” นีม่ ากกว่า เพราะหากพิจารณา จากกิจกรรม และความเคลื่อนไหวที่ผ่านมาแล้ว ถือว่า “แนบแน่น” ทีเดียว ที่ส�ำคัญ นาทีนี้ ส�ำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังถือว่า “ไม่ธรรมดา” ยังมีพลังทางการเมืองอยู่ไม่น้อย แม้ว่าพรรคเพื่อไทย จะถูกมองว่า “มาแรง” ใน สนามเลือกตั้งคราวหน้า แต่ต้องไม่ลืมว่ากระแส “กลัวทักษิณกลับมา” หรือประเภท “ไม่เลือกเราเขา มาแน่” หรือกระแส “ต้านล้มเจ้า” ย่อมเกิดขึ้นได้ เช่นเดียวกัน ดังนั้น หากมองกันแบบสรุปรวบยอด ก็ตอ้ งบอกว่า ข่าวแยกวงแบบนีย้ งั ไม่ชวั ร์ แต่เชือ่ ว่า สาเหตุจากเรือ่ งดังกล่าวท�ำให้ทกุ อย่างในพรรคพลัง ประชารัฐชัดเจนขึน้ ซึง่ รวมไปถึงการ “แตกหัก” ที่ ใกล้จะเลีย่ งไม่ได้แล้ว !! ขณะที่ “ก้าวไกล” ไม่มนั่ คง ในวั น ที่ ม็ อ บฝ่ อ แน่ น อนว่ า การยื่ น ร่ า งแก้ ไ ข รัฐธรรมนูญฉบับทีน่ ำ� เสนอโดยกลุม่ รีโซลูชนั อะไร นั่น จะถูกตีตกไปตามความคาดหมายตั้งแต่ต้นไป แล้วก็ตาม หรือที่เรียกให้จดจ�ำง่ายว่าเป็น “ฉบับไอ ติม” เนือ่ งจากมีภาพการเคลือ่ นไหวจาก นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ “ไอติม” มากเป็นพิเศษ แต่ขณะ เดียวกัน กลายเป็นว่า ความหมายของร่างแก้ไขดัง กล่าวเป็นร่างฉบับ “ไอติม” ในแบบของเด็กๆ ทีไ่ ม่ อาจเป็นจริง หรือมีความเป็นไปได้เลย เพราะเนือ้ หา “สุดโต่ง” และไปไกลมาก ไกลมากกว่า “ฉบับไอ ลอว์” ที่ถูกตีตกก่อนหน้านี้เสียอีก ท�ำให้หลายคน มองเห็นตรงกันตั้งแต่แรกแล้วว่า มีเจตนา “ซ่อน เร้น” แฝงเข้ามาด้วย เพราะการเสนอแบบสุดโต่ง อีกทัง้ ด้วยเงือ่ นไขของการแก้ไขรัฐธรรมนูญทีต่ อ้ ง พึ่งพาเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ไม่น้อยกว่าหนึ่ง ใน สาม หรือไม่น้อยกว่า แปดสิบกว่าเสียง มันถึงเป็น ไปไม่ได้เลย กับการเสนอให้ “ยุบ ส.ว.” ทิ้งไป ให้ เหลือเพียงแค่สภาผูแ้ ทนราษฎร เพียงสภาเดียว และ ให้มอี ำ� นาจครอบจักรวาล ใหญ่โตมโหฬารมาก เอา เป็นว่าเป็นการเสนอแบบ “จงใจไม่ให้ผ่าน” นั่น แหละ โดยมีเป้าหมายเพื่อ “สร้างเงื่อนไข” ใน ทางการเมืองของพรรคการเมืองบางพรรค และ เฉพาะกลุม่ ของตัวเอง และแน่นอนว่า การเสนอเข้า มาแบบนี้ พิจารณาจากบทบาทการเคลือ่ นไหว และ การผลักดัน ย่อมมา จากกลุ่มอาจารย์ และกลุ่ม พรรคการเมืองทีห่ ากโฟกัสให้ชดั เจน ก็ตอ้ งรับรูก้ นั ว่าเป็นพรรคก้าวไกล และกลุ่มก้าวหน้า ที่มี นาย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ที่เป็นเครือข่ายเดียวกัน ในเรื่องที่มีทัศนคติที่เป็น ลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และหากเชื่อมโยง เป็นวงจรก็ต้องพูดถึงกลุ่ม “ม็อบ” ก่อนหน้านี้อีก

ด้วย เพราะไม่ว่าจะมีการยอมรับหรือไม่ แต่สังคม มองออกว่าเป็นเครือข่ายเดียวกัน มีการสนับสนุน ให้ก�ำลังใจ มีการช่วยเหลือในเรื่องทุนรอนการ เคลือ่ นไหว และช่วยเหลือในทางคดี ซึง่ นัน่ คือภาพ ที่ปรากฏออกมาก่อนหน้านี้ และต่อเนื่องมาจนถึง ปัจจุบัน อย่างไรก็ดี ในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ไปมากจากก่อนหน้านีม้ าจนถึงปัจจุบนั ทีต่ อ้ งเรียก ว่า “ฝ่อ” ลงไปมาก จนแทบจะเรียกว่าสถานการณ์ ม็อบสามนิ้ว “ไปไม่ไหวแล้ว” หากยังมีเป้าหมาย เรื่อง “สถาบันพระมหากษัตริย์” นอกเหนือจาก ลักษณะการเคลื่อนไหวของบรรดาแกนน�ำเด็กๆ ที่ ถือว่าไร้ประสบการณ์และขาดความน่าเชื่อถือของ สังคมในวงกว้าง จนท�ำให้เวลานี้มีมวลชนเข้าร่วม แค่หลักร้อยเท่านัน้ และตลอดเวลามีแต่ขา่ วในทาง ลบ มีความแตกแยก มีการเปิดโปง และบางม็อบก็ มีแต่ความรุนแรง สร้างความร�ำคาญให้กบั ชาวบ้าน จนมองไม่ออกว่าเป็นม็อบทีเ่ คลือ่ นไหวมีเป้าหมาย ทางการเมืองแต่อย่างใดทีส่ ำ� คัญ บรรดาแกนน�ำต่าง ถูกด�ำเนินคดีดว้ ยข้อหาหนักคนละหลายข้อหา โดย เฉพาะความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่เกี่ยว กั บ สถาบั น พระมหากษั ต ริ ย ์ อี ก ทั้ ง ล่ า สุ ด ศาล รั ฐ ธรรมนู ญ เพิ่ ง มี ค� ำ วิ นิ จ ฉั ย ออกแล้ ว ว่ า การ เคลือ่ นไหวของม็อบดังกล่าวมีการกระท�ำเชือ่ มโยง กันเป็นเครือข่าย เป็นขบวนการ มีเจตนาล้มล้าง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมุข และสั่งให้หยุดการกระท�ำดังกล่าวใน ทันที มันก็ยิ่งตอกย�้ำให้เห็นว่า บรรดาแกนน�ำม็อบ พวกนี้เสี่ยงที่จะ “ติดคุกถาวร” มีสูงยิ่ง เพราะอย่าง ที่ รู ้ กั น ว่ า พวกแกนน� ำ มี ค ดี “หมิ่ น พระบรม เดชานุภาพ” จาบจ้วงสถาบันฯ แต่ละคนมีไม่น้อย กว่ายี่สิบคดี บางคนมีถึงเกือบร้อยคดี อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากแกนน�ำหลักที่พอมีชื่อ ก็มี นาย พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” ทีม่ คี ดีไม่นอ้ ยกว่า แปดสิบคดี นายอานนท์ น�ำภา มีไม่น้อยกว่ายี่สิบ คดี นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์” น.ส.ปนัส ยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง” รวมถึง นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” ก็มีคดีไม่ได้แตก ต่างกัน และที่ส�ำคัญ พวกเขาแทบทั้งหมดล้วนถูก เพิกถอนการประกันตัว หรือสัง่ ห้ามการประกันตัว เนื่ อ งจากกระท� ำ ความผิ ด ซ�้ ำ ยั ง เคลื่ อ นไหวใน ลักษณะเดิมที่เคยถูกฟ้องด�ำเนินคดี จนเป็นเหตุให้ มีคดีเพิ่มพอกเป็นหางหมู และน�ำไปสู่การถอน ประกัน ต้องถูกควบคุมตัวระหว่างการพิจารณาคดี นัน่ แหละ เมือ่ มองจากแนวโน้มแล้ว คนพวกนีแ้ ทบ ไม่ มี โ อกาสออกมาสู ่ โ ลกภายนอกอย่ า งอิ ส ระ เพราะตลอดชีวิตจะต้องวิ่งขึ้นโรงขึ้นศาลอยู่ตลอด เวลา และต้องไม่ลืมว่าเวลานี้คดีต่างๆ ล้วนทยอย เข้าสูก่ ารพิจารณาในชัน้ ศาลแล้ว หรือไม่กอ็ ยูใ่ นชัน้ อัยการที่ก�ำลังทยอยพิจารณาสั่งฟ้อง ก็ต้องลุ้นทุก

นาที แต่ที่น่าสนใจก็คอื “กระแสม็อบที่ฝ่อลง” ต่าง หากที่ท�ำให้เวลานี้ความสนใจของสังคมเริ่มลดลง ไปเรือ่ ยๆ การเคลือ่ นไหวของคน พวกนีแ้ ทบจะไม่ ค่อยได้รับความสนใจมากเหมือนกับก่อนหน้านี้ เมื่อวกกลับมาที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ “สุด โต่ง” ที่เพิ่งถูกตีตก และจากการเจตนาให้ตีตกจาก กลุม่ ทีอ่ ยูเ่ บือ้ งหลังการผลักดันในครัง้ นี้ หากโฟกัส ไปที่พรรคก้าวไกล ที่เชื่อมโยงไปถึงกลุ่มก้าวหน้า ของนายธนาธร จึงรุง่ เรืองกิจ และนายปิยบุตร แสง กนกกุล แล้วมันก็เหมือนกับว่า พวกเขาก�ำลังหันเห เป้าหมายใหม่ ที่ “รองรับการเลือกตัง้ ” ในครัง้ หน้า เพื่อหวังสร้างฐานมวลชนเฉพาะกลุ่ม ซึ่งอย่าง น้ อ ยหวั ง ว่ า เสี ย งที่ ล งชื่ อ สนั บ สนุ น ร่ า งแก้ ไ ข รัฐธรรมนูญดังกล่าวที่มีกว่า 1.35 แสนเสียง อย่ า งไรก็ ดี หากพิ จ ารณาจากตั ว เลข ประชาชนที่ ล งชื่ อ สนั บ สนุ นอาจจะใช่ แต่ หาก พิจารณาตามความเป็นจริงยังเชื่อว่าไม่ใช่เป็นฐาน สนับสนุนทอย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากตัวเลข ประชาชนที่ ล งชื่ อ สนั บ สนุ นอาจจะใช่ แต่ หาก พิจารณาตามความเป็นจริงยังเชื่อว่าไม่ใช่เป็นฐาน สนับสนุนทั้งหมด เพราะในช่วงลงชื่อ อาจจะด้วย เหตุผลไม่ชอบรัฐบาล ไม่ชอบ“สาม ป.” และที่ ส�ำคัญก็คงไม่นึกว่าร่างแก้ไขจะออกมาแบบที่เห็น นั่น คือ “ไปไกล” เกินคาด นอกเหนือจากนี้ใน จ�ำนวนนั้นยังเป็นมวลชนของพรรคเพื่อไทยอีก จ�ำนวนไม่นอ้ ย แต่ถงึ อย่างไรส�ำหรับพรรคก้าวไกล แล้วท�ำให้เห็นถึงแนวโน้มการเคลือ่ นไหวในระยะ ต่อไป ที่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยเป้า หมายน่าจะเล็งมาที่จ�ำนวนเสียงที่ลงชื่อสนับสนุน ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ฝันหวานว่ามีกว่าแสน เสียง ส�ำหรับตุนไว้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะ หลังจากถูกตีตกในสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็ประกาศทันทีว่า พรรคจะ น�ำเนื้อหาในร่างแก้ไขนี้ ไปใช้ส�ำหรับรณรงค์หา เสียง ซึง่ ไม่ตา่ งกับค�ำพูดของนายธนาธร จึงรุ่งเรือง กิจ ทีก่ ล่าวท�ำนองเดียวกัน ดังนัน้ หากมองจากแนว โน้มที่เริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วส�ำหรับ พรรคก้าวไกล ที่นาทีนี้แทบจะไม่มีที่ยืน หลังจาก ทีม่ อ็ บสามนิว้ เริม่ ฝ่อลงจากการเล่นแรง มีเป้าหมาย เพื่อโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ แกนน�ำถูก ด�ำเนินคดีถูกคุมขังในคุก และสังคมก�ำลังลืมเลือน ไม่ ใ ห้ ค วามส� ำ คั ญ เหมื อ นก่ อ นหน้ า นี้ แต่ ข ณะ เดียวกัน การที่พรรคก้าวไกลหันเหแนวทางมายึด มวลชนที่สนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาเป็น ของตัวเอง อาจจะไม่แน่นอน เพราะรับรองว่าต้อง กระจายไปหลายพรรค ไม่แน่นอนสูงยิง่ เพราะหาก เทียบกับพรรคเพื่อไทยที่ถึงอย่างไรยังมีจุดแข็งใน ฐานมวลชน แม้ว่าจะเจือจางลงไปไม่น้อย แต่อย่าง น้อยยังมีลนุ้ เรือ่ ง “บัตรเลือกตัง้ สองใบ” กับจ�ำนวน ส.ส.เขต เป็นหลักประกันเอาไว้ชั้นหนึ่งแล้ว !! ทีมข่าวการเมืองชุมชน....................รายงาน


หน้า 5

เกิด : วันพุธที่ 27 มิถุนายน 2494 การศึกษา : ชั้นประถมศึกษา โรงเรียนวัดพระงาม(ท.3) อ.เมือง จ.นครปฐม ชั้นมัธยมศึกษา โรงเรียนเทพสิทธานครปฐม และโรงเรียนสุลักขณา วุฒิบัตร คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่นที่ 9 วุฒิบัตร จากสถาบันราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง กับกรมประชาสัมพันธ์ ปี 2540 ผู้ด�ำเนินรายการวิทยุกระจายเสียง วุฒิบัตร ผู้ประกาศ ปริญญาบัตร เอกการเมืองชุมชน มหาวิทยาลัยรามค�ำแหง ปริญญาบัตร คณะรัฐศาสตร์บัณฑิต สาขาการบริหารรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรามค�ำแหง ประสบการณ์การท�ำงาน : ฝ่ายตรวจสอบการบัญชี จากบริษัท ซิงเกอร์แห่งประเทศไทย จ�ำกัด ต�ำแหน่งในอดีต : หัวหน้าศูนย์ข่าวหนังสือพิมพ์ดาวสยาม จ.กาญจนบุรี นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย 2 สมัย รองประธานสมาพันธ์หนังสือพิมพ์แห่งชาติ 1 สมัย กรรมการสถานศึกษาโรงเรียนเทพมงคลรังษี และโรงเรียนกาญจนานุเคราะห์ การท�ำงานปัจจุบัน : บรรณาธิการหนังสือพิมพ์สู่ชนบท, บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ฅนไทย นายกสมาคมสื่อท้องถิ่นไทย(สถท.), ประธานสภาวิชาชีพสื่อมวลชนภูมิภาคแห่งชาติ(ภาคกลาง) ที่ปรึกษาสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย , กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ โรงเรียนวิสุทธรังษี

“สังคมต�ำรวจ” By “ลอย เสาหิน”... คดีใหญ่คึกโครมไม่แพ้ “ผกก.โจ้”...ในเวลานี้ หนี ไ ม่ พ ้ น “เสี่ ย โจ้ ปั ต ตานี ” นายสหชั ย เจียรเสริมสิน ผู้ต้องหาค้าน�้ำมันเถื่อน,ฟอก เงิน หลบหนีหมายจับคดี “ฟอกเงิน” แถมด้วย คดีติดตัวอีกเพียบ...ต�ำรวจกองปราบจับได้ที่ ห้วยขวาง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ตั้ง โต๊ะแถลงข่าวใหญ่โต แต่พอส่งให้อัยการ กลับได้รบั การปล่อยตัวเฉย!!!..แถมทีพ่ คี สุดๆ คื อ มีอยู่ 3 คดีที่มีความเคลื่อนไหวคือ คดี น�้ำมันเถื่อนที่ต�ำรวจเพิ่งจับ, คดีใช้ดวงตรา ประทับไม้ปลอมในการเคลื่อนย้ายไม้ เป็น คดีเก่า ศาลพิพากษาแล้ว จ�ำคุก 1 ปี 9 เดือน แต่เจ้าตัวหลบหนี ท�ำให้ไม่ตดิ คุก และคดีหลบ หนีจากที่คุมขังศาล มีหมายจับ แต่ปรากฏว่า คดีที่ศาลพิพากษาจ�ำคุกยังหาส�ำนวนไม่เจอ จึงส่งตัวไปติดคุกยังไม่ได้ ส่วนคดีหนีจากที่ คุมขังศาล อัยการสัง่ ไม่ฟอ้ ง (อัยการมองว่าไม่ ได้ ห นี แต่ ช ่ ว งนั้ น ไม่ ไ ด้ ถู ก ควบคุ ม ตั ว อยู ่ ขอเดินไปซื้อของหน้าศาล แล้วหายตัวไป) เมือ่ เป็นแบบนี้ จึงคุมตัวไว้ไม่ได้อกี ฉะนัน้ จึง เหลือเพียงคดีค้าน�้ำมันเถื่อนกับฟอกเงินเพียง คดีเดียว...สุดท้ายหลยหนีไ้ ปอยูป่ ระเทศเพือ่ น บ้าน...คุณพระช่วย เกิดอะไรขึ้นกับกระบวน การยุติธรรมประเทศไทย!!!***ใหญ่อีกคดี กรณี “ขโมยรั ง นก” จ.พั ท ลุ ง “บิ๊ ก โจ๊ ก

“พล.ต.อ.สุรเชษ หักพาล แท็กทีม “บิ๊กใหม่” พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ลงพืน้ ทีจ่ นสามารถ ออกหมายจั บ ได้ 3 6คน...มี ตั้ ง แต่ น าย อ�ำเภอ,ปลัด,ผู้ก�ำกับ ยันผู้ใหญ่บ้าน แยกเป็น ฝ่ายปกครอง 11คน,ต�ำรวจ 9 คน,เจ้าหน้าทีป่ า่ ไม้ 3คนและพลเรือน 13 คน...การขโมยรังนก ไม่ใช่เป็นครั้งเเรก แต่มีการท�ำเป็นขบวนการ กันมาหลายปีแต่จบั มือใครดมไม่ได้ แต่ถา้ จะ ให้ดีกว่านี้น่าจะจับยันคนรับซื้อแบบขุดราก ถอนโคนกั น ให้ สิ้ น ซาก จะได้ ก ระชาก หน้ากากพ่อค้าตลากมืดออกมาให้ชาวบ้านเขา เห็น...พับผ่าสิ***เรียบร้อยโรงเรียน “ปัด๊ ” โผ “รอง ผบก. - ผกก.” ไม่มเี ลือ่ น พล.ต.อ.สุวฒ ั น์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ตวัดปากกาเซ็นค�ำสัง่ แต่ง ตั้งโยกย้ายเรียบร้อยตั้งแต่กลางเดือน...ใน สถานะการณ์ “เงียบกริบ” ไม่มขี า่ วปล่อยข่าว ลือ ออกหน้าสือ่ ให้ได้เห็น....แต่ตำ� แหน่งทีน่ า่ สนใจก็หนีไม่พน้ พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ผกก.สน.ทองหล่อ บุตรเขย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร.และเป็นหลายเขย

พล.อ.ประวิ ต ร วงษ์ สุ ว รรณ รองนายก รัฐมนตรี ที่มีเลานจ์ดังในพื้นที่แพร่เชื้อโควิด -19 ระลอก 3 หรือคลัสเตอร์ทองหล่อ ยังอยูท่ ี่ เดิมยังครองเก้าอี้ผกก.สน.ทองหล่อ เหนียว แน่น...ของเขาดีจริงๆ*** “ลอย เสาหิน” ขอแสดงความยินดีกับ พ.ต.อ.นิรุธ ประสิทธิ เมตต์ รอง ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี ขยับมาเป็น รอง ผบก.ส.2.,พ.ต.อ.โกสิต กาญจนะโกมล ผกก. สภ.นาสัก จ.ชุมพร มาเป็น ผกก.สภ.พยุหคีรี จ.นครสวรรค์,พ.ต.อ.สุกฤต มังคละสวัสด์ ผกก.ควบคุมฝูงชน1 บก.อคฝ. เป็น ผกก. สน.ราษฎร์บรูณะ,พ.ต.อ.คมกฤษณ์ ค�ำบุศย์ ผกก.สน.สุวินทวงศ์ เป็น ผกก.สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี,พ.ต.อ.จิรพัฒน์ พรหมสิทธิการ ผกก.สน.บางพลัด เป็น ผกก.สน.เตาปูน*** ข อ แ ส ด ง ค ว า ม ยิ น ดี กั บ “ ร อ ง ท็ อ ป ” พ.ต.ท.รณภัฎ ทับทิมธงไชย รอง ผกก.ป.สภ. หนองมะโมง จ.ชัยนาท เป็น ผกก.สภ.บาง แม่นาง จ.นนทบุรี ***ฉบับนี้ขอลาไปก่อน... พบกันใหม่ฉบับหน้า...สวัสดีครับ


หน้า 6

สมุทรปราการ 271164 กรมศุลกากร จับโคเคน 4 กก. ไอซ์ 4.2 กก. มูลค่ากว่า 15 ล้านบาท

เมื่อเวลา 11.00น.วันที่27 พฤศจิกายน 2564 นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร แถลงข่าว จับกุมการลักลอบน�ำเข้าโคเคน น�ำ้ หนักรวมสิง่ ห่อหุม้

4 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 12 ล้านบาท และ จับยาไอซ์ ลักลอบน�ำออก น�้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 4.2 กก. มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ณ ที่ท�ำการศุลกากรหน่วย ปราบปรามยาเสพติดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัด สมุทรปราการ นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิด เผยว่ า กรมศุ ล กากรมี ห น้ า ที่ อ�ำ นวยความสะดวก ทางการค้ า และปกป้ อ งสั ง คม ให้ ป ราศจากการ ลักลอบน�ำเข้าสิ่งผิดกฎหมายและยาเสพติด จึงได้สั่ง การให้ทกุ หน่วยงานในสังกัดกรมศุลกากร เพิม่ ความ เข้มงวดเป็นพิเศษในการป้องกันและสกัดกั้นยาเสพ ติดให้โทษ และมีการบูรณาการกับหน่วยงานบังคับ ใช้กฎหมายอื่นทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง อาทิ ป.ป.ส. บช.ปส. ศรภ. ส�ำนักงานสภาความมัน่ คง แห่งชาติ สถานทูตต่าง ๆ องค์การต�ำรวจสากล (Interpol) ส�ำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (Drug Enforcement Administration: DEA) เป็นต้น เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการข่าวระหว่างกัน โดยสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 กรม ศุลกากรร่วมกับชุดปฏิบัติการ AITF (AIRPORT IN-

TERDICTION TASK FORCE) ประกอบด้วย เจ้า หน้าที่ส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบ ปรามยาเสพติด กองบัญชาการต�ำรวจปราบปรามยา เสพติด และศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ได้ ท�ำการสืบสวนจนทราบว่าจะมีหญิงไทย นางสาว พรพิพัฒน์ (ของสงวนนามสกุล ) อายุ 26 ปี ชาว กรุงเทพมหานคร เดินทางจากเมืองดูไบ ประเทศ สหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ อาจมีการลักลอบน�ำยาเสพ ติดเข้ามาในราชอาณาจักร เจ้าหน้าที่ จึงได้ตดิ ตามและ ท�ำการตรวจค้นขณะผ่านช่องตรวจผูโ้ ดยสารไม่มขี อง ต้องส�ำแดง (ช่องเขียว) บริเวณห้องโถงผู้โดยสารขา เข้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พบ ยาเสพติดให้โทษ ประเภท 2 (โคเคน) น�้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 4 กิโลกรัม ซุกซ่อนในกระเป๋าเดินทางชนิดลากจูง ขนาดเล็ก มูลค่ากว่า 12 ล้านบาท จึงน�ำตัวพร้อมของ กลางมาสอบสวน จากการสอบสวน นางสาว พรพิพัฒน์ (ของ สงวนนามสกุล ) อายุ 26 ปี ชาว กรุงเทพมหานคร ผู้ ต้องหาให้การว่าได้รับค่าจ้างในการขนยาเสพติด จ�ำนวน 1 แสนบาท จากเครือข่ายค้ายาเสพติดชาวแอ ฟริกันตะวันตกให้ เดินทางจากเมืองดูไบ ประเทศ สหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ พร้อมกระเป๋าเดินทางชนิด ลากจูงขนาดเล็ก กลับมาประเทศไทย และจะมีคนมา ติดต่อรับกระเป๋าอีกที แต่มาถูกจับเสียก่อน

ด้านเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมพยายามท�ำการขยาย ผลจับกุมไปยังผู้บงการ แต่ไม่สามารถกระท�ำได้ เนื่องจากผู้สั่งการมีการระวังตัวตลอดเวลา ทั้งนี้ เป็น ความผิดตามมาตรา 244 ประกอบมาตรา 166 และ มาตรา 252 แห่ง พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 จึง ท� ำ บั น ทึ ก จั บ กุ ม และน� ำ ตั ว ผู ้ ต ้ อ งหาส่ ง พนั ก งาน สอบสวนกองบัญชาการต�ำรวจยาเสพติดต่อไป และในวันเดียวกัน เวลาประมาณ 22.30 น. กรมศุลกากรร่วมกับชุดปฏิบตั กิ าร AITF (AIRPORT INTERDICTION TASK FORCE) ร่วมกันตรวจสอบ พัสดุไปรษณีย์ลงทะเบียนระหว่างประเทศ ต้นทาง ประเทศไทย ปลายทางประเทศออสเตรเลีย ส�ำแดง (แสดง) สินค้าเป็น Toner cartridge ผลการตรวจสอบ พบ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไอซ์ (เมทแอมฟาตา

มีน) ลักษณะเป็นเกร็ดขาวขุ่น ซุกซ่อนในตลับหมึก พิ ม พ์ จ� ำ นวน 20 กล่ อ ง น�้ ำ หนั ก รวมสิ่ ง ห่ อ หุ ้ ม ประมาณ 4,270 กรัม มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท อันเป็น ความผิดตาม มาตรา 244 ประกอบมาตรา 166 และ มาตรา 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 จึง ได้ ด� ำ เนิ น การจั บ กุ ม พร้ อ มทั้ ง ประสานข้ อ มู ล กั บ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายผล และส่งคดีเพื่อ ด�ำเนินการตามกฎหมายต่อไป การย์สิริ ยั่งยืนเตชานนท์ สมุทรปราการ

^วันนี้เมื่อช่วง เวลาประมาณ 12.00 น. หัวหน้าส�ำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรีเข้าเยี่ยมพระใบฎีกาวินิจ สมจิตโตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรีสุขาราม ต�ำบลวังศาลา อ�ำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรพี ร้อมทัง้ สอบถามข้อมูลเกีย่ วกับการทีถ่ กู ดรก�ำมะลอโกงเรือ่ งซองกฐินและสอบถามเรือ่ งอาการป่วยเส้นเลือดหัวใจ ตีบที่อยู่ในระหว่างการรักษาตัว


หน้า 7

ตร.พอใจภาพรวมเลือกตั้ง อบต.ไร้เหตุรุนแรง จับกุมซื้อเสียง 7 คดี ฉีกบัตรเลือกตั้ง 27 คดี

ส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ พอใจผลการรักษา ความปลอดภัยการเลือกตั้ง อบต.ทั่วประเทศ ไร้เหตุ รุนแรง จับกุมซื้อเสียง 7 คดี ฉีกบัตรเลือกตั้ง 27 คดี ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 28 พ.ย.64ที่ผ่านมา ณ ส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ด�ำรงศักดิ์ กิตติ ประภัสร์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู ้ ช ่ ว ย ผบ.ตร. แถลงผลสรุ ป ผล การรั ก ษาความ ปลอดภัยในการเลือกตัง้ นายก อบต. และสมาชิก อบต. ในวันนี้ ไม่พบเหตุรุนแรงในพื้นที่เฝ้าระวังที่มีการ แข่งขันสูง จับกุมความผิดซื้อสิทธิขายเสียง 7 ราย พล.ต.อ.ด�ำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า วันนี้ได้มีการ จัดการเลือกตั้ง นายก อบต. และสมาชิก พร้อมกันทั่ว ประเทศในรอบกว่า 8 ปี โดยมีผเู้ ข้าสมัครนายก อบต. จ�ำนวน 12,309 คน และผู้สมัครสมาชิก อบต. จ�ำนวน 123,941 คน ทั่วประเทศ ทั้งหมด 5,300 แห่ง แบ่งเป็น พื้นที่เฝ้าระวังมีการแข่งขันสูงจ�ำนวน 382 แห่ง (33 จังหวัด) โดยเจ้าหน้าทีต่ ำ� รวจใช้มาตรการเชิงรุกเข้าไป ท�ำความเข้าใจกับผู้สมัครไม่ให้กระท�ำผิดกฎหมาย และเฝ้าระวังตลอดเวลา ภาพรวมเป็นทีน่ า่ พอใจ ไม่มี เหตุรนุ แรงแต่อย่าง อย่างไรก็ดี ได้มกี ารด�ำเนินคดีกบั ผู้ซื้อเสียงจ�ำนวน 7 คดี ใน 5 จังหวัด คือ จ.ชลบุรี, จ.นครปฐม, จ.เพชรบุรี, จ.นครศรีธรรมราช และ จ.เชียงราย ซึ่งมีคดีที่น่าสนใจดังนี้ ที่ อบต.มาบโป่ง จ.ชลบุรี พบ นายนิพูล สงวนนามสกุล หัวคะแนนใน พื้นที่น�ำเงินสดใส่ซองๆ ละ 2,000 บาท จ�ำนวน 56 ซอง รวมกว่า 112,000 บาท และพกบัตรเลือกตัง้ เบอร์ 1 เข้ามาในเขตเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ต�ำรวจจึงได้ควบคุม ตัวไว้และส่งพนักงานสอบสวน สภ.พานทอง ด�ำเนิน คดีตามกฎหมายต่อไป ทัง้ นี้ ยังได้มกี ารด�ำเนินคดีกรณี ฉีกบัตรเลือกตั้ง 27 คดี ถ่ายรูปบัตรเลือกตั้ง 4 คดี และ ท�ำลายป้ายหาเสียงจ�ำนวน 27 คดี รอง ผบ.ตร. กล่าว

อีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มี ความห่วงใยและก�ำชับให้ส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ ระวังป้องกันไม่ให้มกี ารกระท�ำความผิดกฎหมายเกิด ขึ้น โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่ง การให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างอาชญากรรมที่อาจ เกีย่ วโยงกับการเลือกตัง้ รวมถึงอาชญากรรมเกีย่ วกับ เทคโนโลยี ไ ปแล้ ว ก่ อ นหน้ า นี้ หากพบ เบาะแส สามารถแจ้งเข้ามาได้ที่ สายด่วน 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชม. ขณะที่ที่กองบัญชาการต�ำรวรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.อ.ด� ำ รงศั ก ดิ์ กิ ต ติ ป ระภั ส ร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิ ร พั ฒ น์ ภู มิ จิ ต ร์ ผบช.ภ.1

พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต. พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช. ปฏิบัติราชการ ภ.1 แถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมในพืน้ ทีภ่ าค 1 ก่อนการเลือกตั้งนายกและสมาชิกองค์การบริหาร ส่วนต�ำบล (อบต.) ในวันที่ 28 พ.ย.นี้ พล.ต.อ.ด�ำรง ศักดิ์ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้ทุกหน่วยทั่วประเทศ มีการระดมกวาดล้าง อาชญากรรม ก่อนถึงวันเลือกตั้ง เพื่อเป็นการป้อง ปราม ระงับ ยับยั้ง มิได้มีเหตุรุนแรงในช่วงของการ เลือกตั้ง โดยเน้นในเรื่องการกระท�ำความผิดที่อาจ เกี่ยวโยงไปถึงการเลือกตั้ง เช่น พ.ร.บ.อาวุธปืน, ยา เสพติด, ผูต้ อ้ งหาตามหมายจับ หรือ อาชญากรรมทาง เทคโนโลยี เป็นต้น ด้าน พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า สั่งการ ให้ ผบก. ทั้ง 9 จังหวัด ได้แก่ สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บรุ ี ชัยนาท ลพบุรี และ สระบุรี เร่งติดตามสถานการณ์ด้านการ ข่าวและเฝ้าระวังบุคคลหรือกลุ่มที่อาจเข้ามาก่อเหตุ ความรุนแรง รวมทัง้ ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยใน พื้นที่ มิให้มีการกระทบกระทั่งระหว่างผู้สมัคร เหตุ ประทุษร้ายต่างๆ หรือการกระท�ำผิดกฎหมายอื่นที่ เกีย่ วข้อง โดยได้จดั ชุดป้องกันปราบปรามการกระท�ำ ผิดกฎหมายเลือกตั้ง ออกตรวจตราเฝ้าระวังการกระ ท�ำผิด อาทิ การท�ำลายป้ายผู้สมัคร การซื้อสิทธิขาย เสี ย ง โดยให้ ป ระสานการปฏิ บั ติ กั บ ทุ ก หน่ ว ยที่

เกี่ ย วข้ อ งเพื่ อ ให้ ก ารปฏิ บั ติ เ ป็ น ไปอย่ า งมี ประสิ ท ธิ ภ าพ การแถลงผลการระดมกวาดล้ า ง อาชญากรรมก่ อ นการเลื อ กตั้ ง นายกและสมาชิ ก องค์การบริหารส่วนต�ำบล ห้วงระหว่างเดือน ตุลาคมพฤศจิกายน 2564 ของต�ำรวจภูธรภาค 1 ดังนี้ อาวุธ ปืน 718 ราย ผู้ต้องหา 724 คน การพนัน 995 ราย ผู้ ต้องหา 1,411 คน ยาเสพติด 2,385 ราย ผูต้ อ้ งหา 2,422 คน สถานบริการ 164 ราย ผู้ต้องหา 171 คน แรงงาน ต่างด้าว 2,322 ราย ผูต้ อ้ งหา 2,321 คน หมายจับ 2,735 ราย ผู้ต้องหา 2,488 คน และคดีอาชญากรรมทาง เทคโนโลยี 651 ราย ผู้ต้องหา 665 คน พล.ต.อ.ด�ำรง ศักดิ์ กล่าวอีกว่า สัง่ การให้เริม่ เปิดศูนย์อำ� นวยการและ ควบคุมการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง ประจ�ำต�ำรวจภูธรจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน - 2 ธันวาคม 64 เพื่อติดตามสถานการณ์ข่าวเฝ้าระวัง บุคคลหรือกลุ่มที่อาจก่อเหตุความรุนแรง และมีการ จัดชุดป้องกันปราบปรามการกระท�ำผิดกฎหมายเลือก ตั้ง ออกตรวจตราป้องกันมิให้มีการกระท�ำความผิด กฎหมายในช่วงโค้งสุดท้าย ซึ่งมีจ�ำนวนหน่วยเลือก ตั้ง 60,414 หน่วย จ�ำนวนนายก อบต.พึงมี 5,172 คน จ�ำนวนสมาชิก อบต.พึงมี 55,197 คน โดยมีพื้นที่ที่มี การแข่งขันสูง จ�ำนวน 382 แห่ง 33 จังหวัด อาจมีการก ระท�ำความผิดเกีย่ วกับกฎหมายเลือกตัง้ ส�ำหรับพืน้ ที่ ภาค 1 ที่เฝ้าจับตาพื้นที่ จ.นนทบุรี จ.ลพบุรี จ.สระบุรี ที่มีการแข่งขันกันสูง ส่วน พื้นที่อื่นก็เป็นพื้นที่ภาค 9 และภาค 8 ผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ภาพ รวมทั่วประเทศมีผลการจับกุม คดีเกี่ยวกับอาวุธปืน การพนัน ยาเสพติด คนเข้าเมือง รวมจ�ำนวน 22,807 ราย ผู้ต้องหา 25,296 คน พร้อมของกลาง อาวุธปืน 3,104 กระบอก อาวุธสงคราม 19 กระบอก วัตถุระเบิด 74 ลูก เครื่องกระสุน 1,191 นัด และจับกุมความผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จ�ำนวน 2,361 ราย และจับกุมบุคคลตามหมายจับ จ�ำนวน 5,150 หมาย จ�ำนวน 4,912 คน ทั้งนี้ ก�ำชับให้ต�ำรวจเข้าไป ประชาสั ม พั น ธ์ ตั ก เตื อ นอย่ า ให้ มี ก ารกระท� ำ ผิ ด กฎหมาย โดยใช้กำ� ลังเจ้าหน้าทีต่ ำ� รวจ ในภาพรวมทัง้ สิ้น 86,844 นาย นอกจากนี้ยังได้เตรียมความพร้อม ต�ำรวจจราจรไว้คอยอ�ำนวยความสะดวกในวันเลือก ตั้งอีกด้วย จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนให้ ปฏิบัติตามกฎหมาย ทีมข่าวอาชญากรรม........................รายงาน


หน้า 8

ข่าวกรม-กระทรวง พิจารณาคดีที่ปลอดภัยด้านสุขอนามัย คัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงโควิด-19 นายจีระพัฒน์ พันธุท์ วี เลขาธิการส�ำนักงานศาล ยุติธรรม พร้อมด้วย นายชาติพงษ์ จีระพันธุ รองอัยการ สูงสุด นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ ว่าที่ร้อยตรี ดร.ถวัลย์ รุยาพร นายกสภาทนายความใน พระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความ ร่ ว มมื อ เกี่ ย วกั บ การพิ จ ารณาคดี ที่ ป ลอดภั ย ด้ า นสุ ข อนามัย ระหว่างส�ำนักงานศาลยุตธิ รรม ส�ำนักงานอัยการ สูงสุด กรมราชทัณฑ์ และสภาทนายความในพระบรม ราชูปถัมภ์ ณ ห้องประชุมส�ำนักงานศาลยุติธรรม อาคาร ศาลอาญา ชั้น 12 ถ.รัชดาภิเษก เขตจตุจักร กรุงเทพฯ นายจีระพัฒน์ พันธุท์ วี เลขาธิการส�ำนักงานศาล ยุติธรรม กล่าวว่า แม้รัฐบาลจะเปิดประเทศ และเปิด โอกาสให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชวี ติ เกือบจะเป็น ปกติแล้ว แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ก็ยงั คงด�ำรงอยู่ ในส่วน ของการพิจารณาพิพากษาคดีโดยเฉพาะการสะสางคดีที่

ได้รบั ผลกระทบจากโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019 ทีไ่ ม่ สามารถด�ำเนินการได้ในช่วงที่การแพร่ระบาดรุนแรงที่ ผ่านมา จึงจ�ำเป็นทีห่ น่วยงานในกระบวนการยุตธิ รรมจะ ได้ร่วมกันบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ดังนั้น เมื่อการอ�ำนวยความยุติธรรมเป็นภารกิจส�ำคัญที่ต้อง ด�ำเนินต่อไป การดูแลสุขภาพและความปลอดภัยของทุก ภาคส่วนในกระบวนการยุติธรรมก็เป็นสิ่งส�ำคัญที่ต้อง กระท�ำควบคูก่ นั ไปอย่างไม่อาจละเลยได้ ส�ำนักงานศาล ยุตธิ รรม จึงได้สร้างมาตรฐานความปลอดภัยในศาลและ ห้องพิจารณาคดีทงั้ การท�ำความสะอาดฆ่าเชือ้ การติดตัง้ ฉากอะคริลิค การใช้ชุดตรวจ ATK ล่าสุดได้พฒ ั นาโปรแกรมการคัดกรองผูท้ มี่ คี วาม เสีย่ งต่อการติดเชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019 (COJ PASS) ผ่าน ระบบบริการออนไลน์ศาลยุตธิ รรม (CIOS) ซึง่ เป็นระบบ คัดกรองและจ�ำแนกเบื้องต้นส�ำหรับบุคลากรทุกภาค ส่วนทีจ่ ะกลับมาเข้าร่วมกระบวนพิจารณาคดีในศาล โดย สามารถแปลผลได้ทนั ที ท�ำให้ผทู้ เี่ กีย่ วข้องสามารถทราบ ระดับความเสีย่ งของตนเองได้ และสามารถคัดกรองผูม้ า ติ ด ต่ อ ราชการและบุ ค ลากรผู ้ ป ฏิ บั ติ ห น้ า ที่ ไ ด้ อ ย่ า ง สะดวก รวดเร็ว และลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น อัน เป็ น การสร้ า งความมั่ น ใจและความปลอดภั ย ให้ แ ก่ ประชาชน รวมถึงบุคลากรผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการอ�ำนวย ความยุ ติ ธ รรมให้ แ ก่ ป ระชาชน ซึ่ ง ถื อ เป็ น หนึ่ ง ใน มาตรการความปลอดภั ย ด้ า นสุ ข อนามั ย ส� ำ หรั บ ประชาชนและบุ ค ลากรในการด� ำ เนิ น คดี ที่ ศ าลตาม นโยบายของท่านประธานศาลฎีกา โดยระบบจะเริม่ เปิด

ประโยชน์ของผูต้ อ้ งขังภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นส�ำคัญ โดยเฉพาะการ สนับสนุนมาตรการความปลอดภัยของส�ำนักงานศาล ยุติธรรมในการคัดกรองผู้มาติดต่อราชการที่ศาล การ จ�ำกัดบุคคลทีอ่ ยูใ่ นห้องพิจารณา การจ�ำกัดการเยีย่ มอย่าง ใกล้ชดิ กับผูต้ อ้ งหาหรือจ�ำเลย และบุคคลอืน่ เป็นต้น รวม ถึงความร่วมมือในการส่งตัวผูต้ อ้ งขังตามก�ำหนดนัดของ ศาล เพื่อให้การด�ำเนินการเกี่ยวกับการไต่สวน ฝากขัง ใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.นี้เป็นต้นไป นายจีระพัฒน์ กล่าวต่อว่า ในการกลับมาด�ำเนิน กระบวนพิ จ ารณาคดี ที่ อ าจเรี ย กได้ ว ่ า เป็ น กระบวน พิจารณาคดีในวิถีใหม่นี้ หากปราศจากความร่วมมือของ หน่ ว ยงานและองค์ ก รทุ ก ภาคส่ ว นในกระบวนการ ยุตธิ รรมแล้ว การด�ำเนินคดียอ่ มไม่สามารถด�ำเนินการต่อ ไปได้ ดังนัน้ ส�ำนักงานศาลยุตธิ รรมจึงได้จดั ท�ำบันทึกข้อ ตกลงความร่วมมือเกี่ยวกับการพิจารณาคดีที่ปลอดภัย ด้านสุขอนามัยกับ 3 หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม เพือ่ สนับสนุนมาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัยแก่ ผูต้ อ้ งขัง และบุคลากรในการด�ำเนินคดีทศี่ าล ด้วยการส่ง เสริมให้มกี ารน�ำวิธกี ารพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์มา ใช้ รวมทั้งวางระบบการบริหารจัดการคดีให้เหมาะสม ภายในมาตรฐานระยะเวลาทีก่ ำ� หนด ภายใต้ขอ้ จ�ำกัดของ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019 โดยตกลงร่วมมือกันด้วยการจัดให้มีการพิจารณา คดีในทุกขั้นตอนอย่างปลอดภัยด้านสุขอนามัย ด้วยการ คัดกรองผูม้ าติดต่อราชการศาลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ จ�ำกัดบุคคลทีอ่ ยูใ่ นห้องพิจารณา จ�ำกัดการเยีย่ มอย่างใกล้ ชิดกับผู้ต้องหาหรือจ�ำเลย และบุคคลอื่น “การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครัง้ นี้ ถือเป็นการแสดงออกว่าทุกหน่วยงานทีเ่ ข้าร่วมจะช่วย กันผลักดันให้การอ�ำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชน สามารถด� ำ เนิ น ต่ อ ไปได้ อ ย่ า งรวดเร็ ว และในขณะ เดียวกันก็ไม่ละเลยในความห่วงใยต่อสุขภาพและความ ปลอดภัยของบุคลากรทุกภาคส่วนที่ต้องเข้าร่วมในการ ด� ำ เนิ น กระบวนพิ จ ารณาพิ พ ากษาคดี ” เลขาธิ ก าร ส�ำนักงานศาลยุติธรรม กล่าว ด้านนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่ า วว่ า ความร่ ว มมื อ ระหว่ า งกรมราชทั ณ ฑ์ และ ส� ำ นั ก งานศาลยุ ติ ธ รรมครั้ ง นี้ เกิ ด ขึ้ น โดยค� ำ นึ ง ถึ ง

รวมถึงกรณีอื่น ๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย หรือหากมี เหตุจ�ำเป็นที่ไม่สามารถส่งตัวผู้ต้องขังมายังศาลได้ กรม ราชทัณฑ์ก็พร้อมด�ำเนินการจัดให้ผู้ต้องขังได้รับการ พิจารณาคดีผา่ นสือ่ อิเล็กทรอนิกส์แทน ถือเป็นการด�ำเนิน การที่สอดคล้องกับนโยบายเน้นหนัก “Next Normal” ของกรมราชทัณฑ์ ในปีงบประมาณ 2565 ทั้งทางด้าน การน�ำระบบเทคโนโลยีและดิจทิ ลั มาใช้ และการบรรเทา ผลกระทบทีเ่ กิดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค ติดเชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019 อันจะช่วยให้ผตู้ อ้ งขังสามารถ เข้ า ถึ ง ความยุ ติ ธ รรมด้ ว ยความสะดวก รวดเร็ ว และ ปลอดภัย อีกทัง้ เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่กระจาย ของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เข้าสู่เรือนจ�ำผ่านผู้ต้องขังที่ ออกไปพิจารณาคดีที่ศาล รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน น�ำตัวผูต้ อ้ งขังออกไปภายนอกเรือนจ�ำได้อกี ทางหนึง่ ด้วย “กรมราชทัณฑ์ หวังเป็นอย่างยิง่ ว่าจะขยายขอบเขตความ ร่วมมือกับส�ำนักงานศาลยุตธิ รรมในอนาคตเพิม่ เติม โดย เฉพาะการเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับค�ำ พิพากษาของศาล เพือ่ ให้สามารถเข้าใจพฤติการณ์สาเหตุ การกระท�ำผิด อันจะเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาพฤติ นิ สั ย และแก้ ไ ขบ� ำ บั ด ฟื ้ น ฟู ผู ้ ต ้ อ งขั ง ให้ เ หมาะสม สอดคล้องกับหลักอาชญาวิทยาและทัณฑวิทยาต่อไป” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว


หน้า 9

^กรมราชทัณฑ์ จัดพิธีวางพวงมาลา วัน คล้ายวันสวรรคต สมเด็จพระมหาธีรราช เจ้า : นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรม ราชทั ณ ฑ์ เป็ น ประธานในพิ ธี ว างพวง มาลา ถวายราชสักการะ พระบรมราชานุ สาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้า อยู่หัว เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต และ วันสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า โดยมี นาย ธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดี กรมราชทัณฑ์ นายสิทธิ สุธวี งศ์ รองอธิบดี กรมราชทัณฑ์ นายณรงค์ จุ้ยเส่ย รอง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจ�ำ ผู้อ�ำนวยการทัณฑสถาน ข้าราชการ และ เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ เข้าร่วมพิธี ณ บริเวณหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาล ที่ 6 กรมราชทัณฑ์ จ.นนทบุรี

^จัดซือ้ รถใหม่ : ด.ต.รักประสงค์ แสนสม นายกเทศมนตรีตำ� บลน�ำ้ ตกไทรโยค น้อย ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้จัดซื้อรถเก็บขยะมาใหม่เพื่ออ�ำนวย ความสะดวกให้แก่ประชาชนในเทศเทศบาลเพื่อแก้ไขขยะล้นมาก เมื่อเร็วๆนี้

^ตรวจงาน : ด.ต.รักประสงค์ แสนสม นายกเทศมนตรี ต�ำบลน�้ำตกไทรโยคน้อย

ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พร้อมคณะผ้บริหาร ได้ร่วมกันออกตรวจการ ก่อสร้างท�ำถนนสายหมู่บ้านเขาโทน ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เมื่อเร็วๆนี้


หน้า 10

ขสมก. จัดโครงการเลีย้ งอาหารกลางวัน ให้กบั พนักงาน ในเดือน พ.ย.64 เวลา 09.00 น. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ น�ำโดยนายบุญมา ป๋งมา รก.ประธานสหภาพฯ และนายบุญเหลือ ขุนพรม รก.เลขาธิการ สร.ขสมก. จัดโครงการเลี้ยงอาหารกลางวัน ให้กับ พนักงานที่ขับรถไม่เกิดอุบัติเหตุ แต่งกายเรัยบร้อยให้บริการเรียบร้อยอ่อนโยน ได้รับค�ำชมเป็นจ�ำนวนมาก ณ เขตการเดินรถที่ 2 กปด. 22 , 32 (สวนสยาม) โดยมีสหกรณ์ออมทรัพย์ 05 ให้การสนับสนุนงบประมาณพร้อมร่วมกิจกรรมในครัง้ นี้ เพือ่ ให้เกิดประโยชน์ตอ่ องค์การ และประชาชน ผู้ใช้บริการ


หน้า 11



Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.