Mixer สูตรรัก รวมรส รวมเรื่องสั้น V_we ตัวอย่างทดลองอ่าน

Page 1

1 ปกใน


2 ข้อมูลหนังสือ

เขียน: V_we พิมพ์ครั้งแรก เมษายน 2554 บรรณาธิการ: Osum ผู้ช่วยบรรณาธิการ: Kitty Fun, amany ออกแบบปก: amany ศิลปกรรม: amany, motornarak ประสานงาน: mamomdkung


3 คานา

ถ้าใครเป็นนักเขียนก็คงพอจะเข้าใจว่า ขณะที่เขียนเรื่องยาวสักเรื่อง พล็อตนิยายเรื่อง ใหม่ มักจะเข้ามาวิ่งในหัวอยู่ตลอดเวลา ตัววีเองก็ เช่นเดียวกัน บ่อยครั้งขณะที่เขียน Windy My Love : สายลมห่มรัก หรือ Mr. Perfect : ชิส์ สมบูรณ์แบบตายล่ะ ในหัวก็จะมีพล็อตนิยายเรื่องใหม่เข้ามารบกวน มันอึดอัดอยากจะเขียนเรื่องที่กาลังอยู่ใน จินตนาการออกมา จนต้องหาทางระบายด้วยการ วางเรื่องที่เขียนอยู่ไว้ก่อนแล้วรีบมาจดพล็อต นิยายเหล่านั้นเอาไว้ ซึ่งบางครั้งมันก็เพลิน จากที่ เขียนไว้คร่าวๆ พอช่วยความจา ก็กลับจับมาร้อย เรียงกัน จนสุดท้ายก็เกิดเป็นเรื่องสั้นขึ้นมา แทบ ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าระหว่างเขียนเรื่องยาวสอง เรื่อง วีก็ได้เรื่องสั้นมาอีกสิบเอ็ดเรื่อง ซึ่งนั่นก็คือ ที่มาที่ไปของหนังสือ Mixer : สูตรรักรวมรส นั่นเอง จะว่าไปแล้วงานเขียนและจินตนาการนี่ มันก็ช่างวิเศษจริงๆ เลยนะ ไม่เคยมีคาว่าหยุดนิ่ง เลยสักนาที ดีใจที่ครั้งนี้ได้ร่วมเดินทางเข้าไปใน โลกของจินตนาการพร้อมกับนักอ่านทุกคน ขอบคุณที่คอยอยู่ข้างๆ และเป็นกาลังใจเสมอมา หวังว่าหนังสือเล่มนี้จะมอบรอยยิ้มและเสียง หัวเราะให้ทุกๆ คนที่อ่าน เหมือนกับวีที่มีความสุข ทุกวินาทีกับการได้เขียนนิยายเล่มนี้ ...*♥*...V_we...*♥*...


4 กลอน


สารบัญ ใจสั่น................................................................................................... 7 กระต่ายตื่นตูม ............................................................................... 125 ผมได้กลับบ้านแล้ว ......................................................................... 133 วันวานที่หวนคืน ............................................................................ 145 ขอบคุณที่รักกัน ............................................................................... 154 สายน้ากับผืนป่า ..............................................................................162 องศาที่แตกต่าง ................................................................................ 186 พ่อไก่กับลูกเจี๊ยบ ............................................................................282 หวังดีจากมือที่สาม สี่ ห้า ............................................................... 291 ฟุตบอลเป็นเหตุ ............................................................................ 303 เสียสละ .......................................................................................... 309



ใจสั่น ...*♥*...พี่โป้ง...*♥*...

ผมวิ่งตามลูกฟุตบอลที่กลิ้งออกไปจากสนาม ลูกกลมๆ ที่กระทบ กับตึกเรียนกระเด็นกลับมา ผมใช้เท้าเขี่ยมันขึ้นและเดาะอยู่สองครั้งก่อน ตั้งใจจะจับมันแล้วกลับไปยังสนามที่เพื่อนๆ รวมตัวกันเตะบอลหลังเลิกเรียน แต่แล้วขณะที่ผมกาลังจะก้าววิ่งนั้นบางสิ่งก็ราดลงบนตัวผม “เฮ้ย!” ผมร้องอย่างตกใจก่อนจะก้มมองตัวเอง จากนั้นก็เงยหน้า ขึ้นไปยังตัวอาคาร “ขะ...ขอโทษครับ ...” ใบหน้ าเล็ ก ๆ กั บ น้ าเสี ยงละล่าละลัก จาก หน้าต่างชั้นสอง ทาให้ผมตีหน้าบึ้ง “ขอ...โทษ...พี่เป็น...อะไรมากไหม...” พูดทวน ขออภัยด้วยใบหน้า ซีดๆ และดูตื่นๆ มือที่ยกไหว้ทาให้ผมถอนหายใจ ทว่ากลิ่นบางอย่างจากตัว ที่โชยมาทาให้ผมจับเสื้อนักเรียนของตัวเองขึ้นมาดม จากที่เห็นใจว่ามันเป็น


เรื่องอุบัติเหตุก็เกิดอาการฉุนกึกขึ้นมา ใบหน้าไม่พอใจของผมเงยขึ้นไปมอง ยังตัวก่อเหตุอีกครั้ง แล้วเหมือนฝ่ายนั้นจะรู้ว่าผมสงสัยอะไรอยู่ มือเล็กก็ หยิบแจกันกับพลูด่างรากเน่าขึ้นมาให้ดูพร้อมกับส่งยิ้มแหยๆ มาให้ มิน่าล่ะ มันถึงได้เหม็น ๆ ทาไมซวยอย่างนี้ว ะ ผมชี้ หน้าไอ้ หน้าจื ด อย่างหัวเสีย พอมันเห็นสีหน้าโกรธๆ ของผม หัวทุยๆ นั่นก็ผลุบเข้าไปในตัว อาคารอย่างตัวตุ่นผลุบเข้าไปในรู “เฮ้ย! แน่จริงอย่าหลบสิวะ!” ผมตะคอกด้วยน้าเสียงขุ่นเคือง ยิ่ง เมื่อพูดจบกลับพบเพียงความเงียบ ก็ยิ่งทาให้ผมกรุ่นโกรธ เกิดอาการอยาก ฆ่าคนขึ้นมา “โป้ง…ส่งบอลมาดิวะ!” เสียงเพื่อนๆ จากสนามตะโกนเรียกทาให้ ผมถอนสายตาจากอาคารเรียนชั้นสอง ในใจก็หมายมาด อย่าให้จับตัวได้นะ มึง จะเอาเรื่องซะให้เข็ด “เฮ้ย...นู!” ผมส่งเสียงเรียกเพื่อนที่รออยู่ริมสนามก่อนจะเตะบอล ส่งไปให้มัน “ขอเวลานอกนะเว้ย” ผมตะโกนบอก “ทาไมวะ” มันร้องถาม “ซ้อมกันไปก่อน เดี๋ยวกูมา” ผมบอกแค่นั้นก่อนจะดึงเสื้อที่เปียกน้า เน่าไม่ให้แนบกับผิวหนัง “แหวะ! เหม็นว่ะ” รู้นะว่ามันต้องกลิ่นหึ่ง แต่ก็ยังดึงเสื้อมาดมอีก รอบ เชื่อตัวเองเลยให้ตายสิ กลิ่นไม่พึงประสงค์ทาให้ผมปลดกระดุม ถอดเสื้อนักเรียนมาถือไว้ ก่อนจะเดินส่ายหน้าไปยังอ่างน้าหน้าห้องน้า เปิดก๊อก จากนั้นก็วิดน้ามาล้าง ตัวเองตรงที่น้าเน่ามันซึมเสื้อมา ใจหมายจะซักเสื้อเป็นรายการต่อไป แต่ 8


ใจสั่น กลับมีมือผีมาดึงเสื้อผมไว้ “เออ...ผม...” คาพูดตะกุกตะกักจากริมฝีปากเล็กๆ บนใบหน้าจืดๆ นั่นทาให้ผมยืดตัวขึ้นเต็มความสูง “ผม...ทาให้...นะครับ...” ไม่แน่ใจว่ามันติดอ่าง หรือมันลิ้นสั้น ถึงได้ พูดติดๆ ขัดๆ อยู่ตลอดเวลา ผมมองไอ้คนที่สาดน้าเน่าใส่ผมอยู่ชั่วครู่ ก่อน จะปล่อยเสื้อให้มันจัดการ จากนั้นก็ถอยออกมา กอดอกมองมัน มันหันมา มองผม แล้วก็ทาท่าหลุกหลิก มองซ้ายมองขวา “อะไร?” ผมถามเมื่อมันวางเสื้อผมไว้ที่ขอบอ่าง จากนั้นก็ถอดเสื้อ ตัวเองแล้วยื่นมาให้ “ใส่เสื้อผมก่อนก็ได้ถ้าพี่หนาว” “ป้าบ!” ผมตบหัวมันทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น โทษข้อแรกคือกอดอกดูมึงอย่างข่มอานาจไม่ใช่หนาว โทษข้อสองคือมึงไม่ประมาณตน เสื้อตัวเองเล็กยังกับเสื้อเด็ก ยังส่ง มาให้อีก มันคงใส่ได้แค่แขนเท่านั้นแหละ โทษข้อสามคือมึงกวนตีนกูว่ะ ผมยัดเสื้อตัวเล็กกลับคืนให้มันอย่างตัดราคาญก่อนจะก้าวไปยังอ่าง น้าด้วยตั้งใจจะซักเสื้อตัวเองให้มันเสร็จๆ ไป ไม่อยากมาต่อล้อต่อเถียงกับไอ้ เด็กเวรนี่ “พี่ไม่ต้อง...เดี๋ยวผมทาให้...ผมทาเสื้อพี่เปื้อน...” มันแย่งเสื้อไปจาก มือผมอีกครั้ง จากนั้นก็ยัดเสื้อมันกลับมาใส่มือผม “แต่พี่ใส่เสื้อก่อนได้ไหม” มันบอก ยังจะยืนยันให้กูใส่เสื้อตุ๊กตานี่อีก ผมเท้าเอว มองมันตาขวาง มันก้ม หน้างุด ก่อนจะหลุกหลิกมองซ้ายมองขวาอีกรอบ 9


“คนเขามองพี่กันใหญ่เลย…ใส่เถอะนะ...” ผมเลิกคิ้ว มองรอบตัวก็ พบกับสายตาหลายคู่ที่มองมา พวกนั้นหลบตาวูบทันทีที่ผมหันไปมอง “มึงนั่นแหละใส่ ” ผมยัดเสื้ อคืนให้มันหลั งจากบอกเสียงห้ วน ไม่ แน่ใจว่าพวกนั้นมองใครกันแน่ระหว่างตัวขาวอมชมพูของมันหรือกล้ามของ ผม “รีบซักเสื้อกูมาได้แล้ว จะรีบไปเตะบอล” “เออ...” “เร็ว!” “ครับ...ครับ...เดี๋ยวผมทาให้” มันรีบใส่เสื้อตัวเองคืนอีกรอบ แล้วก็ ติดกระดุมแบบลวกๆ จากนั้นก็หันไปเปิดก๊อกน้า ซักเสื้อของผม “พี่ไม่โกรธผมแล้วนะ มันเป็น...เออ...อุบัติ...” พอได้เสื้อที่มันบิดพอ แห้ง ผมก็พาดไว้บนบ่า โดยไม่รอให้มันพูดจบผมก็หมุนตัวเดินไปจากที่ตรง นั้นทันที “พี่...” เสียงที่ยังตามมาด้านหลัง ทาให้ผมทาเสียงจิ๊กจั๊กในลาคอ “อะไรอี กวะ กูจะรีบ ไปเตะบอล” ผมบอก มัน หยุด กึก สะดุ้ งกั บ เสียงตะคอกของผม “เออ...ผม...ขอ...โทษ...” ผมถอนหายใจเมื่อเห็นมันทาท่าจะติดอ่าง อีกรอบ “ก็พูดเองไม่ใช่หรือว่ามันเป็นอุบัติเหตุ เพราะฉะนั้นก็ปล่อยมันไป ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้โกรธ เข้าใจเปล่า” พูดไปก็ดึงตัวมันเข้ามาใกล้ๆ ตอนที่มันรีบใส่เสื้อนักเรียนอย่างร้อน รนเพื่อจะมาซักเสื้อให้ผม ทาให้ติดกระดุมไม่เรียบร้อย ผมก็เลยติดให้มันซะ เลย มันก้มหน้างุด ยืนนิ่ง ทาตัวลีบ 10


ใจสั่น “ขอบคุณครับ” งึมงาๆ ไปตามเรื่องตามราวของมัน ผมส ารวจความเรี ย บร้ อ ยของมัน อี ก ครั้ ง ก่อ นจะผละไปยั ง สนาม ฟุตบอลซึ่งคนอื่นๆ กาลังวิ่งไล่เจ้าลูกกลมๆ กันอยู่ โดยไม่ได้หันไปมองว่าไอ้ จืดนั่นมันทาอะไร เดินตามผมมาหรือเปล่า “เฮ้ย...กูเห็นนะเว้ยว่ามึงทาอะไร” ทันทีที่ไปถึงขอบสนาม ไอ้นูที่ กาลังนั่งพักอยู่ก็เข้ามากระแซะผมทันที “ท าไร” ผมท าเสี ย งไม่ รู้ ไ ม่ ชี้ สะบั ด เสื้ อ แรงๆ ก่ อ นจะผึ่ ง มั น ไว้ ที่ อัฒจันทร์ คิดว่ากว่าจะซ้อมเสร็จมันก็คงหมาดพอดี “ระวังหมาจะคาบไปแดกสักวัน” เสียงมันหอน ผมมองตาขวาง “ทาไมมึงใจเย็นอย่างนี้วะ ถ้าเป็นกูรุกไปตั้งนานแล้ว” “ยุ่ง !” ผมดุมั นก่ อนจะท าเป็น เลี่ ยง วิ่ งเข้าไปยั งสนามซึ่ งคนอื่ น ๆ กาลังซ้อมกันอยู่ ใจจริงผมอยากโต้ไอ้นูมันกลับไปว่ากูไม่ได้ “ใจเย็น” แต่กู “ใจสั่น” ถ้ ามั น มานั่ ง อยู่ ใ นใจผมจะรู้ ว่ าเมื่ อ สั ก ครู่ นี้ ผ มรู้ สึ ก อย่ างไรที่ ไ ด้ ใ กล้ ไ อ้ เ ด็ ก หน้าจืดนั่น ใจผมเต้นแรงขนาดไหนเมื่อมือเราเผอิญสั มผัสกัน แก้มผมร้อน วูบวาบเท่าใดที่เห็นผิวขาวๆ ของมัน ผมไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างไรถึงได้ ต้องแสร้งตีหน้าบึ้ง พูดเสียงโหดไปอย่างนั้น ถ้ า ท าได้ ผมก็ อ ยากจะลุ ก ขึ้ น มาจี บ ไอ้ ห น้ า จื ด นั่ น ตั้ ง แต่ มั น เข้ า มอหนึ่งเสียด้วยซ้า เด็กอะไรไม่รู้ หน้าตาธรรมดาชิบหาย แต่ทาเอากูเพ้อวัน ละหลายหนตั้งแต่แรกเจอหน้า แต่พอได้ใกล้มันก็เกิดราคาญตัวเองเพราะทา อะไรไม่ ถูก ถอยมาตั้ งหลั กเสี ยก่อ นก็ห ลายครา จนมันขึ้ นมอสองแล้ว ยั ง สร้างฐานทัพไม่ได้ เรื่องอื่นละกล้านัก แต่ให้ลุกมาจีบคนที่ตัวเองหลงรักทาไม ถึงยากวะ 11


หัวใจกูก็นะ แค่ได้ใกล้มันแค่นี้ จะ “สั่น” อะไรหนักหนาก็ไม่รู้ ...*♥*...ฮ่องเต้...*♥*...

ผมรู้สึกว่ามือตัวเองมันแข็งๆ อย่างไรก็ไม่รู้ กากระดุมเม็ดที่พี่โป้ง ติดให้แน่นเลย แล้วก็คิดว่าแก้มตัวเองมันปวดๆ ด้วย ทายังไงก็กลั้นยิ้มเอาไว้ ไม่ได้ จะทายังไงดีนะ แม้จะเม้มริมฝีปากไว้ แต่มันก็อยากจะแย้มออกมาอยู่ อย่างนั้น “ยิ้มหน้าบานมาเชียวนะมึง” ทันทีที่เดินกลับขึ้นไปยังห้องเรียน ออกัสซึ่งเป็นเพื่อนในกลุ่มของผม ก็แซวทัน ที ผมกัด ริมฝี ปากล่าง ทาเป็น ไม่ส นใจ เดิ นเลี่ ยงไปยัง ไวท์ บอร์ ด ตั้งใจทาเวรต่อ แต่พอมองเห็นแจกันกับพลู ด่างที่วางอยู่บนโต๊ะของอาจารย์ ผมก็รีบหันหลังให้มันทันที หยิบแปรงขึ้นมา รีบลบกระดาน “คนเราน้อ ชื่อฮ่องเต้แท้ๆ แต่อยากทาตัวเป็นฮองเฮา…โอ๊ย!” สมควรแล้ว แม้จะปาแม่น แต่ความจริงผมอยากให้แปรงนั่นไปอุด ปากมันมากกว่าไปโขกหัว หลังจากแปรงลบไวท์บอร์ดลอยละลิ่วไปจูบหัวออกัสแล้ว ผมเท้า เอว มองเพื่อนที่กาลังจะไม่เป็นเพื่อนรักอีกต่อไปด้วยนัยน์ตาขวางขุ่น “ไอ้ฮ่องเต้...เล่นแรงนะมึง” ออกัสลูบหัวตัวเองป้อยๆ แต่ก็ยังมีกะ ใจมาชี้หน้าผม “ป้าบ!” ไม่ใช่ผมนะที่กระโจนไปตบหัวมันที่บังอาจมาชี้นิ้วใส่ฮ่องเต้ แต่เป็นมือของคิงต่างหาก เพื่อนผมอีกคนฝากน้องนางทั้งห้านิ้วไปลูบหัวของ ออกัสแบบแรงๆ 12


ใจสั่น “จะไปชี้โพรงให้กระรอกทาไม คนตัวเล็กก็ใช่จะเป็นรับเสมอไป ไม่ แน่หรอกเว้ย ฮ่องเต้อาจจะทาให้พี่โป้งเป็นฮองเฮาก็ได้” “ฮ่าฮ่า” ทันทีที่คิงพูดจบออกัสก็หัวเราะใหญ่เลย “ไอ้ ฮ่ อ งเต้ นี่ น ะจะไปรุ ก พี่ โ ป้ ง หน้าโหดนั่ น ” หลั งจากหั ว เราะจน พอใจ ออกัสก็แย้ง “แล้วมึงเห็นไหมว่าเมื่อกี้มันทาอะไรกับพี่โป้ง ” ผมกัดริมฝีปากกับ คาพูดของคิง เมื่อออกัสได้ยินอย่างนั้นก็ปรายสายตามาทางผม แก้มผมร้อน วูบวาบขึ้นมา คิงโอบไหล่ออกัสแล้วดึงมาใกล้ ทาท่าคล้ายกระซิบ ปากพูดกับ ออกัส แต่ดวงตาของพวกเขาทั้งคู่จ้องเขม็งมาที่ผม “มารยาหญิงร้อยเล่มเกวียน แต่มารยาไอ้ฮ่องเต้เยอะกว่า” พอได้ยินประโยคนั้นแล้วผมก็อยากทุ่มถังขยะหลังห้องใส่พวกมันทั้ง สอง “มันเป็นอุบัติเหตุ!” ผมตะโกนเสียงดัง ทั้งสองเลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนจะ พูดเสียงยานคาง “อ้อ...เหรอ...” ใบหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าไม่เชื่อถือคาปฏิเสธของผม แม้แต่น้อย “ไม่เชื่อก็ตามใจ” ผมเชิดหน้าขึ้น ยังทาปากแข็ง “มึงเชื่อไหมวะออกัส” คิงถาม ออกัสส่ายหน้าพรืดทันที “มึงจะให้กู เชื่อได้ยัง ไง กู เห็น มันเล็ งไว้ ตั้งแต่ พี่โป้ งวิ่งออกมาจาก สนามแล้ว” ออกัสพูดพร้อมทาหน้ารู้ทัน มันเดินมาทางผมแล้วกอดคอผม แน่นๆ “มึงแน่มากเลยว่ ะฮ่องเต้ รู้เปล่า ตอนเห็นมึงตั้งท่าจะสาดน้าใส่พี่ โป้งน่ะ กูลุ้นแทบตาย กลัวพี่แกจะโกรธแล้ววิ่งขึ้นมาฆ่ามึง คนอะไรหน้าโหด 13


เป็นบ้า มึงไม่กลัวหรือไง” ผมผลักออกัสออก แล้วทาเป็นไม่สนใจ เดินไป หยิบแปรงลบกระดานที่ผมปาใส่มันก่อนหน้านั้น หันหลังให้แล้วทาเวรต่อ “โอ๊ย!” แต่แล้วก็ต้องหันมาทางออกัสอีกครั้งพร้อมกับลูบหัวตั วเอง ป้อยๆ “กูหมั่นไส้ ” มันว่าอย่างนั้นก่อนจะวิ่งปรู๊ดไปหลังห้อง คิงหัวเราะ ผมชี้หน้าออกัสด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างยังถือแปรงลบกระดานไว้ เป็นเชิง บอกว่า ระวังไว้ให้ดี ถ้าเผลอเมื่อไรแปรงในมือนี้จะส่งไปอุดปากมึง ออกัสมัน ก็กวนตีน แทนที่จะกลัว กลับยืดอก เชิดหน้าอย่างต้องการบอกว่าแน่ใจมึง โยนมาสิวะ กูไม่กลัวหรอก เฮอะ...ถ้ามึงไม่กลัว แล้ววิ่งไปหลังห้องทาไม? ผมปรามมันด้วยสายตาก่อนจะเลิกสนใจ หันกลับมาลบไวท์บอร์ด ต่อ แต่แล้วคาถามของออกัสก่อนหน้านั้นก็ทาให้ผมหวนคิด “ไม่กลัวพี่โป้งโกรธเหรอ” กลัวไหม? ส าหรั บ นั ก เรี ย นคนอื่ น ๆ ที่ รู้ จั ก พี่ โ ป้ ง ซึ่ ง เป็ น หนึ่ ง ในกรรมการ นักเรียนและหัวหน้าสารวัตรนักเรียนก็คงไม่มีใครอยากไปยุ่งกับพี่เขา ใบหน้า นิ่งขรึม นัยน์ตาติดดุอยู่ตลอดเวลาทาให้เพื่ อนๆ ผมไม่อยากเข้าใกล้ ยิ่งตอน เช้าๆ พี่โป้งจะยืนตรวจความเรียบร้อยของนักเรียนรุ่นน้องกับอาจารย์ฝ่าย ปกครองด้วยแล้ว หลบได้เป็นหลบ ยิ่งเวลาพี่เขาเรียกชื่อใคร คนนั้นก็เป็น ต้อ งสะดุ้ งทั น ที แต่ สาหรับ ผม ภายใต้ ใบหน้าติ ดดุ ข องพี่ โ ป้ง ผมกลับ เห็ น ความอ่อนโยนอยู่ในนั้น ผมยังจาความรู้สึกของตัวเองในวันนั้นได้เป็นอย่างดี ตอนนั้นผมอยู่มอหนึ่ง พี่โป้งอยู่มอสี่ ผมกับคิงและก็ออกัสนัดมาทา รายงานที่โรงเรียนในวันเสาร์ หลังทารายงานเสร็จในตอนบ่าย พวกเราก็แยก 14


ใจสั่น ย้ายกันกลับบ้าน ก่อนกลับผมว่าจะเดินเตร็ดเตร่ ดูนั่นดูนี่ก่อนจะแวะซื้อขนม ครกไปฝากยายที่บ้าน แต่ด้วยว่าตอนนั้นเป็นหน้าฝน พอเดินเล่นไม่ทันไร สายฝนก็เทกระหน่าลงมาอย่างกับฟ้ารั่ว ผมวิ่งกระหืดกระหอบเข้าไปหลบ ฝนในร้านสะดวกซื้อ มองสินค้าในนั้นเพื่อฆ่าเวลา รอให้ฝนซา จนเมื่อผมเดิน ไปยังมุมหนังสือ หยิบการ์ตูนเล่มหนึ่งขึ้นมา เปิดดูพอผ่านๆ ขณะที่สายตา มองออกไปข้างนอกเป็นระยะๆ ผมก้ ม หน้ า ลงไปมองการ์ ตู น ในมื อ อี ก ครั้ ง ก่ อ นจะเงยหน้ า ขึ้ น ทว่าคราวนี้วิวการมองเห็นของผมกลับถูกบดบังด้วยร่างสูงใหญ่ของพี่โป้งซึ่ง ยืนอยู่ภายนอกร้านทว่าองศาเดียวกันกับผม พี่เขาใช้มือปัดเม็ดฝนบนเสื้อผ้า เส้นผม ก่อนจะยืดตัวเต็มความสูง จากนั้นก็ยืนนิ่ง มองตรงไปข้างหน้าอยู่ ชั่วครู่ก่อนจะหมุนตัว เดินเข้ามาในร้าน ผมรีบก้มหน้า แสร้งหันมาสนใจหนังสือในมืออีกครั้ง หากแต่หางตา ยังปรายไปยังชายกางเกงยีนของพี่เขาที่เดินผ่านผมไป ไม่นานพี่โป้งก็เดิน ออกไปจากร้านพร้อมกับร่มในมือ ผมเห็นพี่เขาเดินฝ่าสายฝนที่เทกระหน่าลง มาอย่างไม่ขาดสายไปยังขอทานขาด้วนคนหนึ่งที่ตะเกียกตะกายพาตัวเองไป หลบฝนข้างๆ ตู้โทรศัพท์ พี่โป้งยืนกางร่มให้ขอทานคนนั้น ในขณะที่วัยรุ่น ชายหญิงคู่หนึ่งยืนทาหน้าเฉยเมยในตู้โทรศัพท์อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ผมยื น อึ้ ง กั บ ภาพที่ เ ห็ น คนปรกติ ส องคนหลบฝนอย่ า งสบายใจ ขณะที่ปล่อยให้คนพิการนั่งตากฝนอยู่ภายนอก สิ่งนี้มันพุ่งเข้าชนหัวใจของ ผมจนรู้ สึ ก จุ ก แต่ ก ระนั้ น ผมก็ คิ ด ว่ า การกระท าของพี่ โ ป้ ง คงไปกระตุ้ น จิตสานึกของวัยรุ่นทั้งสองเพราะไม่นานทั้งคู่ก็วิ่งออกมา ปล่อยให้ตู้โทรศัพท์ ว่างเปล่า ผมมองตามคนทั้งสองที่วิ่งฝ่าสายฝนมายืนที่หน้าร้านสะดวกซื้อ หากแต่พอหันกลับไป ร่มก็เปลี่ยนมาอยู่ในมือของขอทาน ในขณะที่ตัวพี่โป้ง 15


ได้หายไปเสียแล้ว ผมรออยู่ในร้านค้าอีกครู่หนึ่ง พร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้น ในใจ ดูแล้วฝนทาท่าจะไม่หยุดเอาง่ายๆ ผมจึงตัดสินใจซื้อร่ม แล้วก็เดินไป ยังป้ายรถเมล์ ที่ตรงนั้นผมเห็นพี่โป้งยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน ด้วยเห็นพี่เขามี น้าใจให้คนอื่น ผมเลยเดินเข้าไปใกล้แล้วยื่นร่มปังฝนให้พี่เขาด้วย พี่โป้งนิ่งไป เล็กน้อยก่อนจะมองหน้าผม ‘ขอบใจ’ ผ่านไปครู่หนึ่งพี่เขาถึงได้กล่าวคานั้นออกมาก่อนจะมอง ไปทางอื่น ผมก้มหน้า พึมพาบอกว่าไม่เป็นไรครับ ‘เดี๋ยวถือให้’ ครู่ต่อมาพี่เขาก็แย่งร่มจากมือผมไปถือเอง ‘ขึ้นรถสายอะไร’ พี่เขาถามต่อ แล้วพอผมตอบออกไปพี่โป้งก็พยัก หน้ารับ จากนั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลย แต่ผมรู้สึกนะว่าร่มจะเอียงมา ทางผม แล้วพี่เขาก็เอาร่างหนาๆ ของตัวเองบังทิศทางลมให้ผมด้วย ‘รถมาแล้ว’ พี่เขาบอก ‘จะกลับหรือไม่กลับ’ พี่เขาถามเสียงห้วนเมื่อผมยังไม่ขยับขา ‘กะ...กลับ...ครับ...’ ไม่เข้าใจว่าทาไมจู่ๆ ตัวเองถึงได้กลายเป็นติด อ่างขึ้นมา พอผมว่าอย่างนั้นพี่โป้งก็รุนหลังผมให้เดินไปขึ้นรถ พอผมก้าวขึ้น ไปแล้วพี่เขาก็เก็บร่มแล้วส่งให้ผม ผมมองพี่เขาอย่างไม่เข้าใจ ‘กูขึ้นรถคนละสายกับมึง’ พี่เขาว่า ‘แล้ว...พี่...’ ‘เปียกแล้ว เปียกอีกนิดหน่อยจะไปไร ขึ้นไปเร็ว เดี๋ยวถูกเขาด่า’ ไม่ว่าเปล่าพี่เขาผลักหลังผมด้วย ผมมองร่มในมือที่พี่โป้งยัดให้ถือ อย่ างงงๆ พอเงยหน้ าขึ้ น รถก็ เ ริ่ มเคลื่อ นตั วออกแล้ ว พี่โ ป้ ง ยัง ยื น อยู่ ที่ ริ ม ฟุตบาทพร้อมกับใจผมที่รู้สึกอุ่นขึ้นมาก่อนมันจะสั่นในจังหวะแปลกๆ 16


ใจสั่น นับจากวันนั้นมาถึงวันนี้ก็ปีกว่าแล้ว ถึงแม้ว่านั่นจะเพียงช่วงเวลา สั้น ๆ ทว่ามั น ยั ง ติด อยู่ ใ นใจผมตลอดมา เชื่ อ ไหมครั บ ตั้ง แต่ ไ ด้ รู้จั ก พี่ โ ป้ ง สายตาที่ผมมองคนรอบข้างก็เปลี่ยนไปรวมถึงการปฏิบัติตัวของผมกับคน อื่นๆ ด้วย ‘ให้ฮ่องเต้ช่วยนะครับ ’ คาคานี้กลายเป็นคาติดปากของผมพร้อม กับน้าใจที่แบ่งปันให้กับคนอื่น “กูอยากมีกล้ามแบบนั้นบ้ างว่ะ” เสียงของออกัสที่ดังแทรกขึ้นมา ทาให้ผมตื่นจากภวังค์ ผมมองตามสายตาของออกัส เห็นพี่โป้งไม่ใส่เสื้อ วิ่ง เตะบอลอยู่กับเพื่อนๆ หน้าผมร้อนวาบ “นับวันฮ่องเต้ยิ่งอาการหนัก” “อะไร” ผมตอบคิงไปทันที “หึหึ” คิงหัวเราะผมพร้อมส่ายหน้าไปมา ผมทาแก้มป่อง ก่อนจะ ค่อยๆ ชาเลืองสายตาไปทางสนามฟุตบอลอีกครั้ง แล้วพอเห็นส่วนบนของพี่ โป้งเปลือยเปล่า ผมเบี่ยงหน้าหนี แต่ไม่ช้าก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นแล้วก็มองไป ยังสนามอีกครั้ง แต่ก็มองได้ไม่นาน ผมก็ต้องเมินไปทางอื่นเพราะรู้สึกว่าเนื้อ ตัวมันร้อนขึ้นมา โดยเฉพาะใบหน้าของผม ...ไม่กล้ามองแผ่นอกที่เปลือยนั่นเพราะใจมันสั่น...แต่ก็ยังอยากมอง ทั้งที่ใจสั่นๆ นั่นแหละ... ...*♥*...พี่โป้ง...*♥*...

“เฮ้ยตั้ม ส่งบอลมาทางนี้สิวะ” ผมร้ อ งตะโกนเรี ย กเพื่ อ นร่ ว มที ม พร้ อ มกั บ วิ่ ง คู่ ข นานไปกั บ มั น 17


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.