ดวงหทัยจอมมาร คิคุ

Page 1




ดวงหทัยจอมมาร H a n a n o K iz u n a : K ik u ตำนำนชินเซ็นกุมิ The Legend of Shinsengumi ผู้แต่ง: อำทิตยคิมหันต์ พิมพ์ครั้งที่ 1: กรกฎาคม 2555 บรรณาธิการ: กวินท์วิชญ์ พิสูจน์อักษร: รริดา ฝ่ายศิลปกรรม: Lawliet ราคา: 370 บาท

สงวนสิทธิ์ห้ามลอกเลียนส่วนใดส่วนหนึ่ง ของหนังสือฉบับนี้ ไม่ว่าในรูปแบบใดๆ ยกเว้นแต่ได้รับการอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จากทางผู้เขียนก่อน มิฉะนั้นจะถูกดาเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗

นวนิย ายเรื่อ งนี ้เ ป็น เรื่อ งที่แ ต่ง ขึ้น เพื่อ ความบัน เทิง เท่า นั้น แม้จ ะมีก ารกล่า วถึง บุคคลที่มีตัวตนในประวัติศาสตร์จริงก็ตาม แต่ทางเรามิได้มีเจตนาล่วงเกินแต่อย่าง ใด เพียงปรับเปลี่ยนเพื่อให้ได้อรรถรสในการอ่านนิยาย หากผิดพลาดประการได้ ต้อง ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย


จากใจนักเขียน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่หัทเขียนร่วมกับเจ้าของนามปากกา วสันต์จันทรา เป็นเรื่องของกลุ่มชินเซ็นกุมิที่โด่งดังของญี่ปุ่น แรงบันดาลใจของหัทมาจากซีรีส์เรื่อง ชินเซ็นกุมิ (新選組 หรือ Shinsengumi!) ที่ฉายในช่อง NHK เมื่อปี ค.ศ. 2004 ซึ่งผู้ที่ แสดงเป็นโอคิตะ โซจิก็คือฟูจิวาระ ทัตสึยะ พระเอกจากเรื่องเดทโน้ต อิม เมจโอคิต ะ โซจิส ะดุด ตาสะดุด ใจของหัท มาก เพราะฉะนั้น ตอนพี่ วสันต์จันทราโทรศัพท์มาเมาท์กันเรื่องชินเซ็นกุมิแล้วริเริ่มความคิดที่จะทาให้พวกเขา มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง หัทก็เลยกระดี๊กระด๊าที่จะเขียนอย่างที่สุด หัทเขียนนิยายเรื่องนี้ให้ เป็นนิยายที่คลายเครียดค่ะ (เครียดจากแต่ งจันทร์ซ่อนเงา เรื่องนั้นตัวละครจิตใจ ซับซ้อนจนหัทเพลียใจ โดยเฉพาะจิตใจยายโสม แหะๆ) เพราะฉะนั้นนิยายเรื่องนี้จะมี บรรยากาศที่สนุกสนานและตัวละครจิตใจไม่ซับซ้อนจนน่าเวียนหัวนะคะ (แต่เขียนไป เขียนมา น่าเวียนหัวพอๆ กับยายโสมและไพรสัณฑ์) นิยายเรื่อ งนี้กว่าหัท จะเขี ยนจบได้ก็ล้มลุ กคลุกคลานมากเลยค่ะ เพราะ ตอนนี้หัทเรียนใกล้จบแล้ว มีงานมากมายในฐานะนิสิตให้ต้องสะสาง ไม่ค่อยจะมี เวลาว่างสาหรับทางานอย่างอื่นเลย หากพี่วสันต์จันทราไม่จิกบ่อยๆ ในเอ็มก็ไม่แน่ว่า จะเขียนจบ แต่ในที่สุดด้วยแรงจิกนั้นหัทก็เขียนจบจนได้ล่ะนะ ^ ^ ท่านที่ถือหนังสือเล่มนี้อยู่ในมือหากอยากรู้ว่านิยายเรื่องนี้จะสักแค่ไหน เปิด หน้าต่อๆ ไปดูสิคะ ^ ^

อาทิตยคิมหันต์ (หัทยาวดี)


ขอเกริ่นนาเรื่องยุคสมัยเล็กน้อยค่ะ หัทกาลังจะพาทุกท่านไปสู่ญี่ปุ่นสมัยปลายยุคเอโดะ-ต้นเมจิ โดยในเรื่องคือ ช่ ว งปี ค.ศ.1863-1869 ในสมั ย นี้ ป ระเทศญี่ ปุ่ น มี แ คว้ น อยู่ ป ระมาณ 250 แคว้ น ผู้ป กครองดิ น แดนของแต่ ละแคว้ น คื อ ไดเมี ย ว และผู้ ที่ ป กครองไดเมี ย วและทั้ ง ประเทศนั้นคือ โชกุนโตกุกาวะ เรียกว่า รัฐบาลบาคุฟุ ค่ะ ในสมัยนี้ผู้คนอาทิเช่นพวกซามูไรและขุนนางมีความเห็นแตกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคือพวกที่ต้องการการปฏิรูปการเมืองการปกครอง ถวายพระราช อ านาจคื น ให้ อ งค์ จั ก รพรรดิ ในนิ ย ายเราเรี ย กพวกเขาว่ า กลุ่ ม ปฏิ วั ติ ห รื อ ฝ่ า ย ต่อต้าน อีกฝ่ายคือฝ่ายรัฐบาลบาคุฟุที่ต้องการคงอานาจเดิมเอาไว้ และชินเซ็นกุมิก็ เป็นหน่วยงานที่ก่อ ตั้งขึ้นเพื่ อรักษาความสงบสุ ขของเมื องหลวงเกียวโต พวกเขา สนับสนุนฝ่ายรัฐบาลบาคุฟุค่ะ


นิยายชุดตานานชินเซ็นกุมิ

ดวงหทัยจอมมาร

ตอนที่ 1 เมื่อพานพบพยัคฆ์กลับถูกจับเข้าปากไปเสียได้

ฤดู ร้อน ปีเคโอที่ 3

ข้าคือ โอกาวะ คิคุ ความจริ งแล้วข้ าและครอบครั วอาศัย อยู่ ในเป่ย จิง 1 แต่ เมื่อ ท่า นพ่อ ตาย ตั้งแต่สี่เดือนก่อน ข้ากับท่านแม่ก็กลับญี่ปุ่นแล้วเปิดร้านหมอเล็กๆ อยู่ในเกียวโต แม้ ข้าและท่านแม่แท้จ ริงแล้ วคือชาวญี่ปุ่ น แต่ เราก็ มีปัญหากับการปรั บตัวให้คุ้นกั บ วัฒนธรรมญี่ปุ่นอยู่บ้าง โดยเฉพาะข้าที่ มีปั ญหามากมาย ก็ด้ว ยความที่ข้ าเป็ นเด็กสาวที่เล่ นไม่ เหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไป อีกทั้งไม่มีเด็กผู้ชายที่กล้าพอจะเล่นกับข้าได้ จึงทาให้คืนวัน ของข้าผ่านไปโดยไร้เพื่อน แต่วันนี้ข้าตั้งใจจะให้มันต่างออกไป ข้าเดินออกจากบ้านพร้อมกวัดแกว่ง ดาบไม้ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเสาะหาเพื่อนซึ่งพอจะเล่นกับข้าได้ ข้าไม่เชื่อว่าที่นี่จะมี แต่เจ้าลูกเต่าหดหัวที่ไร้ฝีมือ ในเมื่อเมืองเป่ยจิงที่ข้าจากมาล้วนมีแต่พยัคฆ์ที่เก่งกล้า หากวันนี้ข้าไม่พบพยัคฆ์สักตัว ข้าจะไม่ยอมหันหลังกลับบ้านเด็ดขาด ต่อ ให้ต้องโดนท่านแม่หวดข้าจนแข้งลายก็เถอะ ความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างยิ่งของข้าคงส่งไปถึงเทพบนสวรรค์ ข้าเงี่ยหูฟังเสียง โห่ฮาจากเด็กกลุ่มใหญ่ดังออกมาจากแนวป่าชั่วครู่ก่อนจะวิ่งเข้าไปหา จนกระทั่งเห็น เด็กกลุ่มหนึ่งกาลังช่วยกันรบรันพันตูกับชายคนหนึ่งอย่างสนุกสนาน ข้ายืนมองด้วย 1

เป่ยจิง (Beijing) หรือก็คือ ปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศจีน


6 ดวงหทัยจอมมาร ความตื่นเต้นเพราะเขาเพียงคนเดียวสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของเด็กทั้งกลุ่มได้ อย่างรวดเร็วและง่ายดายนัก “ข้าขอเล่นด้วยคนสิ!” ข้าส่งเสียงออกไปอย่างร่าเริงแล้วควงดาบไม้ในมือกระโจนเข้าใส่กลุ่มโดย ไม่รอให้มีการอนุญาต สองครั้งแรกที่ข้าพยายามจะโจมตีเขานั้นกลับถูกเขาปัดอาวุธ แล้วถีบส่งออกมานอกวง ข้าทั้งเดือดดาลทั้งนับถือจึงไม่เลิกคิดที่จะกระโจนเข้าไปใหม่ เพียงแต่ว่าข้า ยืนสังเกตการขยับกายของเขาอยู่พักใหญ่จนเมื่อสบจังหวะถึงได้กระโจนเข้าไปเสือก ดาบหมายจะแทงลาตัวของเขา แต่ปลายดาบไม้ของข้าได้แตะเขาเบาๆ เท่านั้นกลับ ถูกปัดออก สุดท้ายทั้งข้าและเด็กทุกคนก็ต้องกระเด็นออกมากองอยู่กับพื้นอย่างไม่ น้อยหน้ากัน “โอคิตะเซ็นเซ 2 ท่านไม่เคยออมมือให้พวกข้ าเลย แล้วอย่างนี้พวกข้าจะตี ท่านได้สักไม้หรือ?” ข้าจดจาชื่อของเขาเอาไว้ในใจขณะลุกขึ้นปัดฝุ่นออกจากเนื้อตัว ใจของข้า เบิกบานอย่างยิ่งเพราะในที่สุดข้าก็ได้ค้นพบพยัคฆ์อย่างไม่คาดฝัน ช่างเป็นวาสนา ของข้า โดยแท้ที่ เ พีย งมุ่ง มั่ น จะค้ นหาก็ได้ มาราวกั บจั บ วาง ภายภาคหน้ า หากข้ า คาดหวังสิ่งใดข้าจะไม่ลืมเลยว่าควรทาอย่างไร “หากเจ้าเก่งจริงก็จะตีข้าได้ สักหนึ่งไม้นั่นล่ะ” โอคิตะเซ็นเซบอกกับพวก เด็กๆ ก่อนที่สายตาจะมาหยุดลงที่ข้า ข้าคิดว่าเขาคงสงสัยว่าข้าเป็นใครและเป็น หน้าที่ของข้าที่จะทาให้เขาหายสงสัย “โอกาวะ คิคุ ฝากเนื้อฝากตัวด้วย” “โอคิตะเซ็นเซ หมอนี่ที่ชื่อเหมือนผู้หญิงนี่แหละที่ตีข้าเมื่อหลายวันก่อน” “ใครใช้ให้เจ้าไม่มีฝีมือแล้วยังอวดเก่งจนเผลอให้ข้าตีเจ้าได้กันล่ะ” ข้าหันไป ถลึงตาใส่เด็กผู้ชายตัวโตที่สุดในกลุ่มที่เป็นคนพูด ‘หน็อย น่าฟาดมันอีกสักไม้ บังอาจตาถั่วเห็นข้าเป็นผู้ชายไปได้!’ “เจ้าคือคนที่พยายามจะแทงข้าใช่ไหม” โอคิตะเซ็นเซมองข้าด้วยแววตาเป็น ประกายสดใสจนข้าทาอะไรไม่ถูกเพราะไม่เคยเจอใครที่มีแววตาเหมื อนไม่เคยมี ความทุกข์มาก่อนแบบนี้ ข้าจึงทาได้แค่เพียงพยักหน้าให้อย่างเงียบๆ 2

เซ็นเซ (Sensei) แปลว่า อาจารย์ ใช้เรียกผู้มีอาชีพเป็นครู หรือผู้ฝึกสอนวิชาชีพต่างๆ และรวมไป ถึงอาชีพนักกฎหมาย แพทย์ นักการเมือง และนักเขียน เป็นต้น


อาทิตยคิมหันต์ 7 “เจ้ามาประลองกับข้า” “ไม่ยุติธรรมเลย เจ้านี่เพิ่งมาวันแรกแท้ๆ ทาไมถึงได้ประลองกับเซ็นเซตัวต่อ ตัวล่ะ” เสียงประท้วงเซ็งแซ่ดังขึ้นเรื่อยๆ จนข้าเหนื่อยที่จะถลึงตาใส่พวกเขาให้ครบ ทุกคน “พวกเจ้าเคยพยายามจะตีข้าจนสาเร็จหรือไม่ล่ะ แต่ดาบไม้ของเขาน่ะแตะ ตัว ข้ าได้ เชี ย วนะ” โอคิต ะเซ็ น เซชี้ มาทางข้ า เสี ยงประท้ วงจึ ง ค่อ ยๆ เงีย บหายไป กลายเป็นเสียงบ่นพึมพาเท่านั้น “ขอให้ท่านชี้แนะด้วย” โอคิตะเซ็นเซยิ้มให้ข้าอย่างเบิกบานจนข้าระแวง ท่าทีปล่อยตัวเปิดหน้าเปิด ลาคอของเขาทาให้ข้าแคลงใจว่าเขามีแผนการใด แต่ในเมื่อเขายังคงยืนยิ้มแป้นให้ข้า อยู่เฉยๆ จึงกลายเป็นหน้าที่ของข้าที่ต้องเริ่มรุกก่อนและจบลงด้วยการถูกถีบ จนหน้า ถลาไปคลุกฝุ่นในชั่วพริบตา เสียงหัวเราะจากรอบด้านทาให้ข้าฉุนนิดๆ และยิ่งฉุนกว่าเมื่อเห็นว่าโอคิตะ เซ็นเซยังคงยืนยิ้มแฉล้มให้ข้าเหมือนกาลังจะเยาะเย้ย ทั้งที่จริงแล้วข้าไม่รู้หรอกว่า เขาตั้งใจจะเยาะเย้ยหรือไม่ ข้าลุกขึ้นโดยไม่สนใจปัดฝุ่นและแอบกอบดินกาเล็กๆ เอาไว้ขณะตั้งสมาธิและวางแผนเพื่อที่จะไม่บุ่มบ่ามเข้าไปให้ถูกถีบออกมาอีกครั้ง “หากข้าแตะต้องท่านได้แม้องคุลี ท่านจะเป็นเพื่อนเล่นให้ข้าได้หรือไม่” “ข้าก็เล่นกับเจ้าอยู่แล้วนี่” คาตอบนี้ทาให้ข้าเดือดดาลมากเพราะการเล่นของเขาทาให้ข้า ต้องลงไป นอนนับเม็ดฝุ่นหลายต่อหลายครั้ง มิเท่ากับเขากาลังบอกว่าข้าไร้สามารถหรอกหรือ ดังนั้นข้าจึงกระโจนเข้าไปปาดินในมือใส่แล้วฟันดาบตีลาตัวข้างหนึ่งที่เขา เผยช่องว่าง ไม่คาดว่าในชั่วอึดใจที่กาลังจะทาสาเร็จ เขากลับปัดป้องไว้ได้แล้วถีบข้อ เท้าของข้าจนข้าถลาไปข้างหน้าเตรียมจะกลับลงไปนับเม็ดฝุ่นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ข้าไม่ยอมพ่ายแพ้มือเปล่าอีก มือของข้าคว้าเอาเฮะโคะโอบิ 3ของ เขากระทั่งหลุดติดมือมาสาเร็จ เสียงทุกเสียงเงียบลงในทันใด ได้ยินเพียงเสียงลมพลิ้วไหวลอดกิ่งไม้และ เสียงนกร้องเท่านั้น ข้าลุกขึ้นมองโอคิตะเซ็นเซซึ่งกาลังรวบยูคาตะ4เข้าไว้ด้วยกันก่อน 3

เฮะโคะโอบิ (Heko Obi) คือ โอบิแบบผ้าอ่อนสาหรับเด็กหรือผู้ชาย ส่วน ‘โอบิ’ คือ ผ้าคาดอก ยูคาตะ (Yukata) เป็นกิโมโนผ้าฝ้ายชนิดหนึ่งที่สวมใส่แล้วรู้สึกสบายผิว นิยมใส่ช่วงหน้าร้อนและ ยามพักผ่อนอยู่ในบ้าน 4


8 ดวงหทัยจอมมาร จะเงยขึ้นสบกับดวงตาลุกวาบของเขา หากข้าอ่านสายตาไม่ผิดดูเหมือนว่าแทนที่จะโกรธ เขากลับกาลังพอใจข้า เป็นอย่างมาก ข้าจะจดจาเอาไว้ว่าหากต้องการให้เขาพึงพอใจต้องปลดเสื้อผ้าของ เขาออกเสีย “เจ้า! รีบคืนเฮะโคะโอบิให้โอคิตะเซ็นเซเดี๋ยวนี้นะ!” ทุกคนลนลานบอก ทาท่าเหมือนอยากจะกระโจนเข้ามาแย่งเฮะโคะโอบิ จากมือของข้า แต่ก็ละล้าละลังเพราะเกรงว่าโชคร้ายจะติดมากับเฮะโคะโอบิผืนนี้ “ข้ า ไม่ ไ ด้ อ ยากได้ น ะ มั น แค่ ติ ด มื อ มา” ข้ า ลอยหน้ า ลอยตาพู ด แล้ ว ยื่ น เฮะโคะโอบิคืนให้โอคิตะเซ็นเซรับไป จนกระทั่งเขาแต่งตัวเรี ยบร้อยแล้วจึงหันมา ชะโงกมองหน้าข้าใกล้ๆ ด้วยดวงตาเป็นประกายวิบวับชวนให้ข้าไม่สบายใจอย่างยิ่ง “เจ้าเป็นลูกชายบ้านไหน” “ข้าเป็นผู้หญิงนะ! ท่านคิดว่าจะมีใครตั้งชื่อลูกชายว่าคิคุ 5บ้างเล่า!” ข้าขึ้น เสียงก่อนเตะหน้าแข้งของโอคิตะเซ็นเซเต็มแรงด้วยความโมโห เขาสะดุ้งโหยงแล้วกระโดดเหยงๆ ด้วยความเจ็บปวดอย่างไม่สารวมสักนิด ในขณะที่มีเสียงสูดลมหายใจแรงๆ ดังขึ้นรอบกาย “เจ้าปลดเฮะโคะโอบิของโอคิตะเซ็นเซแล้วยังจะเตะหน้าแข้งท่านอีกเรอะ!” เจ้าคนตัวโตเดินปรี่เข้ามาตะคอกรดศีรษะ ข้าไม่ตะคอกกลับเพราะกลัวว่า ลาคอน้อยๆ ของข้าจะระคายเสียเปล่าๆ แต่ข้าจัดการเตะหน้าแข้งเขาไปหนึ่ง ครั้ง เพื่อให้ความเสมอภาคกับโอคิตะเซ็นเซ “พวกเจ้ามีตาหามีแววไม่ ตัวข้าเป็นผู้หญิงแท้ๆ กลับมองไม่ออก” ข้าเท้า สะเอวพลางถลึงตาอย่างดุร้าย “ถึงข้าจะผูกโอบิแบบเฮะโคะโอบิแล้วมัดผมหางม้า แต่หน้าของข้าดูแล้วไม่ มีทางขี้ริ้วขี้เหร่เหมือนพวกเจ้าแน่” “ข้าผิดไปแล้ว ข้าตาไม่ดีเองที่มองไม่เห็นว่าเจ้าเป็นผู้หญิง” โอคิตะเซ็นเซมีสีหน้าละห้อยและสานึกผิดอย่างจริงใจจนข้าพอใจอย่างยิ่ง ดังนั้นเมื่อเห็นเขาลูบหน้าแข้งตัวเองป้อยๆ จึงรู้สึกผิดอยู่บ้างที่มุทะลุเตะเขาไป “ข้าจะพาท่านไปหาท่านแม่” ข้ารวบมือของเขาแล้วออกแรงจับจูงเดินออกแนวป่าโดยมีเด็กทั้งโขยงเดิน ตามมาด้วยความกระวนกระวาย 5

คิคุ (Kiku) แปลว่า ดอกเบญจมาศ


อาทิตยคิมหันต์ 9 “ข้าเตะท่านแรงมาก น่าจะมีรอยฟกช้า ท่านแม่ของข้าเป็นหมอ ท่านจะให้ ยารักษาแก่ท่าน” “ดูเหมือนเจ้าจะพูดภาษาญี่ปุ่นไม่คล่อง” “ข้าเกิดและเติบโตที่เป่ยจิง พอท่านพ่อตาย ข้ากั บแม่ถึงย้ายกลับญี่ปุ่น ที่ แล้วมาข้าพูดภาษาญี่ปุ่นเฉพาะเวลาที่อยู่กับท่านแม่ซึ่งมีไม่มาก ไม่แปลกหรอกที่ข้า จะพูดไม่ค่อยคล่อง” “เจ้าไม่ได้อยู่กับท่านแม่หรอกหรือ” “ข้าชอบอยู่กับท่านพ่อมากกว่า ท่านมีวิชาติดตัวอยู่บ้างและมักจะมีอะไรมา สอนข้าเสมอๆ พวกเราไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนเงาตามตัว จนกระทั่งท่านตาย เพราะถูกพวกหมาหมู่รุมสังหารเมื่อสี่เดือนก่อน” “ตอนเกิดเรื่องเจ้าอยู่ที่ไหน” “ข้าอยู่กับท่านพ่อ ท่านเอาตัวบังข้าเอาไว้ กว่าจะมีคนมาช่วยท่านก็ ถูกฟัน ไปทั้งตัวแล้ว” หัวตาของข้ารื้นขึ้นมาเล็กน้อย ความโหดร้ายที่ข้าต้องเผชิญ ในคืนนั้นทาให้ ข้าตั้งมั่นว่าจะแข็งแกร่งจนไม่มีใครมารังแกข้าได้ ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาปกป้องจนตัว ตายอีก เขาเงียบไป จึงไม่มีการพูดคุยกันต่อและข้าสบายใจที่เขาเดินตามการจับจูง ของข้ามาอย่างเงียบเชียบจนกระทั่งถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านหมอด้วยในตัว มีคนป่วย นั่งรอการรักษาของท่านแม่อยู่ด้านนอกสี่ห้ารายแต่ข้าไม่ใส่ใจ พาเขาเข้าไปหาท่านแม่ ข้างในทันที “ท่านแม่ ข้าเตะเขาน่ะ ท่านช่วยหายามาให้เขาที” ข้าบอกท่านแม่ที่กาลังจับจุดชีพจรข้อมือของคนไข้ท่าทางเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง คนหนึ่งซึ่งหลังจากเพ่งมองบุคคลที่ข้าจูงมา นางก็กลายเป็นซากไม้ไปในทันใด ท่าน แม่จึงต้องวุ่นวายกับการปฐมพยาบาลคนเป็นลม ครั้นหญิงชราฟื้นขึ้นมาก็เอาแต่ชี้มือ ชี้ไม้ตาเหลือก “โอคิตะเซ็นเซ! ข้าจะเป็นลมอีกรอบ อีหนูเจ้าช่างไม่กลัวตาย เจ้ากล้าเตะ โอคิตะเซ็นเซเชียวรึ แล้วยังจับจูงมือท่านอย่างสนิทสนมเสียด้วย เช่นนี้ชีวิตเดียวก็ยัง ตายไม่พอ” “โอคิตะเซ็นเซไม่ใช่ยักษ์เสียหน่อย ทาไมท่านยายต้องกลัวเขามากขนาดนี้ ด้วย” ข้าขมวดคิ้วให้กับคาพูดของท่านยายแล้วเหลือบมองสีหน้าร้อนใจของท่าน


10 ดวงหทัยจอมมาร แม่ก่อนตัดสินใจว่าควรพูดให้ท่านแม่สบายใจ “โอคิตะเซ็นเซเป็นคนที่ใจดีมากจริงๆ นะ เขายอมเป็นเพื่อนเล่นกับข้าด้วย แม้ข้าจะดึงเฮะโคะโอบิของเขาติดมือไปก็ยังไม่โกรธ ใช่ไหมโอคิตะเซ็นเซ” “ใช่” โอคิตะเซ็นเซทาหน้าชนิดหนึ่งก่อนจะหัวเราะเบิกบานเป็นที่พอใจแก่ข้า แต่ แทนที่ทุกคนจะสบายใจ ท่านยายกลับเป็นลมไปอีกรอบและท่านแม่เองก็เป็นลมตาม ไปเช่นเดียวกัน ข้าจึงลนลานไปปฐมพยาบาลทั้งสองโดยมีโอคิตะเซ็นเซยื่นมือเข้าช่วย “ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรมากหรือเปล่า” ข้าร้อนรนถามเมื่อท่านแม่เริ่มฟื้นสติ ในเวลาไล่เลี่ยกับท่านยายซึ่งโอคิตะเซ็นเซส่งออกไปข้างนอกแล้ว “คิคุเอ๋ย เจ้าก่อเรื่องใหญ่เข้าแล้ว” ข้าไม่เข้าใจว่าทาไมท่านแม่จึงได้มีท่าทีเศร้าโศกเสียใจเช่นนี้และยิ่งไม่เข้าใจ มากขึ้นเมื่อท่านแม่คุกเข่าทรุดลงต่อหน้าโอคิตะเซ็นเซและเริ่มเอ่ยปากวิงวอนขอร้อง ให้ไว้ชีวิตของข้า แต่โอคิตะเซ็นเซรีบพยุงท่านแม่ให้ลุกขึ้นนั่งอย่างสุภาพ “คิคุยังเด็กมาก โอคิตะเซ็นเซอย่าได้เอาความกับนางเลยนะเจ้าคะ” “ท่านแม่ โอคิตะเซ็นเซไม่ได้เป็นคนใจร้ายสักหน่อย” ข้าทักท้วงหวังให้ท่าน แม่สบายใจ ไม่คาดคิดว่าจะโดนนางหันมาดุใส่ “ข้าคิดว่าเจ้าจะต้องซุกซนจนก่อเรื่องใหญ่เข้าสักวัน แล้วข้าก็คิดไม่ผิดเลย ทั้งเจ้ายังไม่สานึกอีกด้วย จงรู้ไว้เสียว่าโอคิตะเซ็นเซคือหัวหน้าหน่วยที่หนึ่งแห่งชินเซ็น กุมิ เจ้าล่วงเกินท่าน ท่านจะสังหารเจ้าเสียเมื่อใดก็ได้” “ผิดแล้วๆ ข้าสังหารใครเพราะเรื่องส่วนตัวไม่ได้หรอก มันผิดกฎ ข้าไม่อยาก คว้านท้องน่ะ” โอคิตะเซ็นเซท้วงพลางหัวเราะเบาๆ แต่ข้านี่สิหนาวเยือกไปถึงกระดูก เพราะตระหนักได้ว่ามีเรื่องผิดคนเสียแล้ว “ข้ามีตาหามีแววไม่ ข้าไม่ทราบว่าท่านคือโอคิตะ โซจิ เป็นหัวหน้าหน่วยที่ หนึ่งแห่งชินเซ็นกุมิที่โด่งดัง หากข้าล่วงเกินอะไรท่าน ข้าเชื่อว่าผู้ใหญ่ใจกว้างอย่าง ท่านต้องให้อภัยข้าแน่ๆ ใช่ไหม” ข้าทาหน้าด้านประจบสอพลอ แต่เขาก็ช่างเดาใจ ยากเพราะข้าเห็นเขาตีสีหน้าระรื่นชื่นบานเท่านั้น “ข้าไม่โกรธเจ้าเลย” เขายื่นมือมาบีบแก้มข้าคล้ายจะเอ็นดูแต่ทาให้ข้าเดือด ดาลในใจเพราะไม่ ชอบให้ใครมาทาเหมือนข้าเป็นเด็ก “นอกจากเซ็นเซแล้ว เจ้าน่ะ เป็นคนแรกที่ได้เตะข้าเชียวนะ” “เป็นเกียรติอย่างยิ่งและจะยินดีหากได้รับเกียรตินี้อีกหลายครั้ง” ข้าถลึงตาให้เขาแล้วปัดมือคู่นั้นออกจากแก้มอย่างไม่เกรงกลัว ข้าพิจารณา


อาทิตยคิมหันต์ 11 คาพูดของเขาที่ว่าเขาจะลงมือเพราะเรื่องส่วนตัวไม่ได้ มิเช่นนั้นจะต้องคว้านท้อง ตัวเอง มันหมายความว่าข้าจะปลอดภัยจากเขาแน่นอน “ข้าแน่ใจแล้วว่าชอบเจ้า!” เขาประกาศเสียงดังพร้อมเสียงสูดลมหายใจดัง เฮือกจากหน้าร้านในทันที “ท่านเพี้ยนหรือเปล่า” ข้ามองเขาอย่างไม่ไว้ใจก่อนจะต้องร้องโอดโอยเมื่อ ถูกท่านแม่ตี “นั่งเงียบๆ ไปเสีย” ท่านแม่ถลึงตาดุจริงจัง ข้าจึงต้องยอมเชื่อฟังแต่โดยดี “ข้าขอซื้อตัวนาง” โอคิตะเซ็นเซชี้นิ้วมาที่จมูกข้า ข้าชี้นิ้วที่จมูกตัวเอง “ท่าน คิดเท่าไหร่ แต่ข้ามีเงินไม่มากหรอกนะเพราะฮิจิคาตะซังน่ะขี้เหนียวจะตาย” “ท่านจะมาซื้อตัวข้าได้ยังไง! พูดไม่ถูกหู! ประเดี๋ยวจะโดนเตะอีกรอบ” ข้า ผุดลุกขึ้นยืน แต่ถูกท่านแม่ตีขาจนต้องนั่งลงตามเดิม ด้วยความคับข้องใจอย่างคนที่ โดนรังแก “นางยังอายุแค่สิบห้าเท่านั้นทั้งยังซุ กซนชอบสร้างปั ญหา เกรงว่าจะท า ความเดือดร้อนให้แก่ท่านมากกว่า” ท่านแม่บอกเขาด้วยความเกรงใจและลาบากใจ ข้าจาได้ว่าตามประเพณีที่เป่ยจิง ผู้หญิงอายุสิบห้าคือวัยปักปิ่นซึ่งถือว่าโต เป็นสาวแล้วไม่ใช่หรอกหรือ แต่ในเมื่อหากพูดออกไปแล้วเป็นผลร้ายแก่ตัวเองทาไม ข้าถึงจะพูดล่ะ “ข้ายืนกรานที่จะซื้อตัวนาง หากท่านไม่ขายนางให้กับข้า ข้าจะมาเยี่ยม เยียนที่นี่ทุกวัน หากวันไหนไม่ได้เข้าเวร ข้าจะมาเฝ้านางอยู่ที่นี่ ดีหรือไม่ขอรับ” ข้าขอยืนยันว่าสีหน้าของท่านแม่เหมือนปลาสาลักน้าไม่มีผิด สาหรับข้าแล้ว ต่อให้โอคิตะเซ็นเซมาเยี่ยมที่นี่ทุกวันก็ไม่เห็ นจะมีอะไรเดือดร้อน นอกเสียจากว่าเขา จะมาแบบอันธพาลซึ่งเขาทาไม่ได้แน่เพราะข้าได้ยินมาว่าท่านรองฮิจิคาตะ โทชิโซ ซึ่ง เป็นผู้คุมกฎของชินเซ็นกุมินั้นเข้มงวดมาก หากใครทาผิดกฎต้องคว้านท้องตัวเองโดย ไม่มีการอุทธรณ์ใดๆ แต่ดูเหมือนว่าท่านแม่จะไม่คิดอย่างข้า “ท่านจะให้ราคานางเท่าใดเจ้าคะ” “นี่ท่านจะขายข้าจริงๆ หรือ!” ข้าผุดลุกขึ้นและกาลังจะแหกปากโวยวาย หากท่านแม่ไม่ผลักข้าให้นั่งลง ตามเดิมแล้วสกัดจุดจนข้าตัวชาไปทั้งตัวเสียก่อน ข้าไม่เห็นรู้มาก่อนเลยว่าท่านพ่อ สอนวิธีสกัดจุดให้กับท่านแม่ด้วย! “ทั้งเนื้อทั้งตัวข้ามีอยู่แค่นี้ล่ะ” โอคิตะเซ็นเซบอกขณะหยิบเงินออกจากอก เสื้อ ข้ากลอกตามองเงินที่เขายื่นให้ท่านแม่รับไปเก็บด้วยสีหน้าเหมือนกลืนยาขม


12 ดวงหทัยจอมมาร เพราะเงินก็ส่งมอบแล้ว สินค้าก็พร้อมแล้ว เกรงว่าข้าอาจต้องถูกขายไปจริงๆ “เจ้าต้องดูแลปรนนิบัติโอคิตะเซ็นเซให้ดีล่ะคิคุ” ท่านแม่มองข้าด้วยแววตา สงสารและหมดทางช่วย “ต่อไปนี้ท่านเป็นเจ้านายของเจ้าแล้ว จงเชื่อฟังและทาตามที่ท่านบอกทุก อย่าง” ‘เชื่อฟังเรอะ! คานีข้ ้าไม่เคยคุ้น... รอชาติหน้าเถอะท่านแม่!’ “ข้าพานางไปได้แล้วใช่หรือไม่” ข้าเหลือบมองสีหน้าระรื่นของโอคิตะเซ็นเซด้วยความคับแค้นใจเป็นครัง้ แรก คอยดูเถอะ... เผลอเมื่อไหร่ข้าจะหนี ก่อนหนีข้าจะตีเขาให้ได้สักหลายทีด้วย “ข้าฝากนางด้วยนะเจ้าคะ” และด้วยเหตุนี้ตัวข้าจึงถูกโอคิตะเซ็นเซหอบหิ้วพาดบ่าออกไปท่ามกลาง ความพรั่นพรึงของคนไข้และกลุ่มเด็กชายที่ยืนออกันอยู่หน้าร้าน ข้าไม่คิดว่าการพบ พานพยัคฆ์ในดินแดนแห่งนี้จะทาให้ข้าต้องถูกส่งเข้าปากพยัคฆ์ไปเสียได้ แล้วชีวิต ของข้าก็เปลี่ยนไปนับจากนั้นเป็นต้นมา


ตอนที่ 2 ฮิจิคาตะ โทชิโซ นามนี้ไม่ถูกชะตาข้าอย่างยิ่ง

โอคิตะเซ็นเซหอบหิ้วข้าไปจนถึงวัดนิชิฮงกัง เหล่าพระลูกวัดที่ 6

กาลังกวาดลานอยู่หันมองข้าจนเหลียวหลังซึ่งข้าไม่ตาหนิพวกท่านเลยแม้แต่น้อย คน ที่สมควรถูกตาหนิคือโอคิตะเซ็นเซต่างหาก คอยดูนะ... ถ้าข้าคลายจุดได้สาเร็จเมื่อไหร่ ข้าจะสั่งสอนเขาให้รู้สานึกเลย ทีเดียว “เจ้าพาใครมาด้วยน่ะ ” น้าเสียงเย็นชาดังขึ้นพร้ อมกับที่โอคิตะเซ็นเซหยุด เท้าลง “เพื่อนเล่น เด็กรับใช้หรือจะตาแหน่งอะไรก็ตามแต่” ข้าได้ยินเสียงเขาตอบ ด้วยน้าเสียงระรื่นขัดหูข้านัก “ข้าไม่จ่ายค่าจ้างหรอกนะ” “ไม่ต้องจ่ายหรอก ข้าซื้อตัวมาแล้ว” ข้าผ่อนลมหายใจด้วยความยินดีเมื่อสามารถคลายจุดได้สาเร็จ เนื้อตัวของ ข้ายังคงชาเล็กน้อยแต่ไม่เป็นอุปสรรคสัก เท่าใดนัก ข้าทุบหลังเขาโดยแรง อาศั ย จังหวะที่เขากาลังเจ็บปวดบิดตัวออกจากการจับกุมแล้วร่างของข้าก็ตกลงกระแทก พื้นอย่างงดงาม “เด็กที่เจ้าซื้อมาก็ไม่เลวดีนี่” ข้าลุกขึ้นแล้วหันไปมองคนพูดก่อนจะเบิกตาจ้องเขม็ง ผู้ชายที่ยืนกอดอก มองข้าด้วยแววตาเยียบเย็นนั้นมีบรรยากาศรอบตัวชวนไม่ให้เข้าใกล้อย่างยิ่ง แถมยัง ชวนให้หมั่นไส้อีกด้วย สาหรับชินเซ็นกุมิแล้วสมควรมีคนที่น่าหมั่นไส้เช่นนี้ได้เพียงคน เดียวแต่ข้าจะไม่ไปลองดีกับเขาโดยไม่พอเหตุเพราะไม่อยากตายอย่างไม่พอควร 6

วั ดนิ ชิฮงกัง (Nishi Honganji) ก่อตั้งขึ้น ในปี ค.ศ.1602 โดยโชกุน โตกุกาวะ อิเอยาสึ ตั้ งอยู่ใ น เกียวโต


14 ดวงหทัยจอมมาร “ท่านคือ ฮิจิคาตะ โทชิโซ เจ้าคนเลือดเย็นที่ฆ่าได้แม้กระทั่งผู้หญิงคนนั้นใช่ ไหม” ทั้งที่กาชับตัวเองไว้แล้วแท้ๆ ว่าอย่าไปลองดีกับเขาแต่ปากของข้าค่อนข้ างจะ แกว่งหาเสี้ยนอยู่เป็นประจา สีหน้าของฮิจิคาตะ โทชิโซไม่เปลี่ยนไปเลยแม้สักนิดทั้งที่ถูกเด็กอย่างข้าด่า เอาต่ อ หน้ า แต่ ค นที่ เ ปลี่ ย นสี ห น้ า กลั บ กลายเป็ น เด็ ก ชายที่ ยื น อยู่ ข้ า งหลั ง เขา ข้าพิจารณาสีหน้าเด็กชายด้วยความสงกาเพราะหากมองไม่ผิดเขากาลังขบขันและ ชื่นชมข้าอยู่ไม่น้อย ดังนั้นข้าจึงส่งยิ้มกว้างให้เขา ในภายหลังข้าจึงได้รู้ว่าเขาเป็นเด็ก รับใช้ของฮิจิคาตะ โทชิโซ มีชื่อว่า อิจิมูระ เท็ตสึโนะสุเกะ “เจ้าต้องเรียกเขาว่าฮิจิคาตะเซ็นเซ” โอคิตะเซ็นเซหยุดเพือ่ ไอแห้งๆ ออกมาสองสามทีทาให้ข้าขมวดคิ้วมุ่น เสียง ไอของเขาไม่ธรรมดาเลยเพราะไม่เหมือนเสียงไอของคนเป็นหวัด แต่เมื่อเขาเอ่ยปาก พูดอีกครั้ง ความสงสัยของข้าก็ถูกปัดทิ้งไปทันที “ฮิจิคาตะซัง ท่านเห็นด้วยกับข้าไหมว่าในขณะที่พวกท่านกาลังวุ่นวายเรื่อง ข้างนอกกัน ที่พักของพวกเราจาเป็นต้องมีคนคอยดูแลเรื่องความเรียบร้อย” “เดี๋ยวก่อน ใครจะทาหน้าที่ที่ว่านั่นกัน” “เจ้าอย่างไรล่ะ นอกจากจะต้องมาเป็นเพื่อนเล่นให้กับข้าแล้ว เจ้าต้องคอย ดูแลความเรียบร้อยของที่พักด้วย” “ฝันอยู่หรือเปล่า ให้ข้าช่วยปลุกไหม” ข้าเลิกคิ้วถามแล้วหักนิ้วข่มขวัญ “ข้า จะกลับ ส่วนเงินจะนามาคืนให้ เข้าใจตรงกันแล้วใช่ไหม” “แต่ข้าซื้อเจ้ามาแล้ว ตอนนี้เจ้าถือว่าเป็นคนของชินเซ็นกุมินะ” เขาบอก พลางเหลือบมองดินฟ้าอากาศ “บอกเหตุผลที่ข้าควรสนใจเรื่องนั้นมาสิ ” ข้าแค่นเสียงอย่างเย็นชา โอคิตะ เซ็นเซไม่เอ่ยปากห้ามเมื่อข้าหันหลังเดินออกมา แต่เสียงเยียบเย็นชวนให้สยองขวัญ ของฮิจิคาตะเซ็นเซกลับหยุดข้าได้อย่างชะงัด “ชินเซ็นกุมิมีกฎอยู่ว่า ไม่อนุญาตให้สมาชิกหลบหนีออกจากกลุ่ม ผู้ใดฝ่า ฝืนต้องคว้านท้องตัวเองโดยไม่มีการอุทธรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น” ข้ากลืนน้าลายดังเอื๊อกก่อนจะหันกลับมามองจ้องตาฮิ จิคาตะเซ็นเซอย่าง พยายามวัดใจและจับผิดว่าพูดจริงหรือไม่ แต่แววตาของเขาทาให้ข้าขนลุกเพราะมัน เต็มไปด้วยความเคร่งครัดและจริงจังเกินกว่าจะเป็นเรื่องล้อเล่น ครั้นเหลือบไปมองตา โอคิตะเซ็นเซก็พบว่าเขายังคงมองดินฟ้าอากาศอยู่เช่นเดิม “หากเจ้าก้าวออกไปจากประตูวัดนิชิฮ งกัง ข้าสาบานว่าชินเซ็นกุมิจะตาม


อาทิตยคิมหันต์ 15 ล่าเจ้า” “ไม่ต้องขู่ข้าแล้วก็ได้” ข้าตวาดอึงแล้วถลึงตาใส่ฮิจิคาตะเซ็นเซอย่างไม่กลัว ตายซึ่งทาให้โอคิตะเซ็นเซเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจก่อนที่จะเปลี่ยนเป็น ความสนุกสนานที่ทาให้ข้าขนหัวลุก “ถ้าข้าอยู่ ข้าจะได้อะไร” “ได้หายใจต่อไป” ฮิจิคาตะเซ็นเซบอกหน้าตาเฉย “ข้าเกลียดท่านจริงๆ” ข้าถลึงตาใส่เขาอีกรอบ แต่ไม่ยอมแพ้ที่จะได้ต่อรอง โดยไม่วายพูดจิกกัดเขาไปด้วยตามนิสัยวอนหาที่ตายของข้า “ข้าได้ยินมาว่าท่าน เข้มงวดมากๆ จนผู้คนเรียกท่านว่าท่านรองอสูรและในเมื่อโอคิตะเซ็นเซบอกว่าข้าถือ เป็นคนในชินเซ็นกุมิ การที่ข้าจะได้รับเบี้ยเลี้ยงบ้างก็เป็นเรื่องอันชอบธรรมใช่หรือไม่” โอคิตะเซ็นเซหัวเราะชอบใจเสียงดังแต่ข้าไม่สนใจเขามากไปกว่าเรื่องเงินๆ ทองๆ นี้ ถ้าฮิจิคาตะเซ็นเซปฏิเสธไม่จ่ายเงินให้ข้าก็จะหมายความว่าข้าไม่ใช่คนของ ชินเซ็นกุมิและข้าก็จะเดินออกจากวัดนิชิฮงกังไปอย่างสง่างาม “ในเมื่อโซจิเป็นคนซื้อตัวเจ้ามา เรื่องเบี้ยเลี้ยงที่เจ้าเรียกร้องก็ต้องไปเอา จากโซจิ ไม่ใช่จากข้า” “ขี้งกเสียไม่มี” ข้าแบะปากให้เขา “หยุดหัวเราะได้แล้วโซจิ” ฮิจิคาตะเซ็นเซพูดด้วยเสียงเยียบเย็นจนแทบจะ เปลี่ยนฤดูร้อนให้เป็นฤดูหนาวได้ แต่โอคิตะเซ็นเซยังคงหัวเราะไม่หยุด “ข้าเรียกร้องวันหยุดเพื่อกลับไปเยี่ยมท่านแม่ด้วย” “ไปคุยกับโซจิ” “ท่านเตรียมจะรอรับแค่ผลประโยชน์เพียงอย่างเดียวเลยใช่ไหม?” ข้าเหล่ มองเขาอย่างไม่เคารพนับถือ “ในเมื่อข้ารับเงินจากโอคิตะเซ็นเซก็เท่ากับว่าข้าเป็นคน ของเขาเท่านั้น การที่ข้าจะทางานตามคาสั่งของเขาเพียงคนเดียวย่อมเป็นเรื่องที่ชอบ ธรรม เพราะฉะนั้นอย่าหวังว่าข้าจะเชื่อฟังใครอื่นนะ แล้วข้าก็จะจัดการงานเฉพาะ ส่วนของเขาเท่านั้นด้วย” “ข้ารู้แล้วว่าเจ้าไปซื้อตัวเด็กคนนี้มาทาไม” ฮิจิคาตะเซ็นเซมองหน้าข้าก่อน จะหันไปหาโอคิตะเซ็นเซที่ยังคงหัวเราะไม่หยุด “สะอาดไหม” “สะอาดไหม? หมายความว่ายังไง ข้าสกปรกหรือ ” ข้าชักจะยัวะ ต่อให้เขา เป็นรองหัวหน้าชินเซ็นกุมิก็ไม่สมควรพูดกับคนอื่นแบบนี้ “ใจเย็ นๆ จ้ะ ” โอคิตะเซ็ นเซปลอบใจข้าก่อ นหันไปตอบรองหัวหน้ากลุ่ ม “สะอาดขอรับฮิจิคาตะซัง” “แล้วไป” ฮิจิคาตะเซ็นเซเหลือบมองข้าอย่างเย็นชาอีกครั้ง ท่าทางที่เขาทา


16 ดวงหทัยจอมมาร เหมือนตัวเองเป็นผู้บันดาลทุกสิ่งในโลกทาให้ข้าหมั่นไส้นัก “ข้าไม่มีธุระจะคุยกับท่านแล้วล่ะฮิจิคาตะเซ็นเซ ข้าเชื่อว่าท่านต้องมีเรื่อง วุ่นวายมากมายรอให้จัดการอยู่ซึ่งข้าไม่ขอรั้งท่านเอาไว้หรอก” “อ้อ... เจ้าไม่เลวดีนี่” ฮิจิคาตะเซ็นเซพูดเสียงเรียบแล้วเดินมาหาข้า ข้าหรี่ตามองท่านรองอสูรด้วยความหวาดระแวง ก่อนจะผ่อนลมหายใจด้วย ความโล่งอกเมื่อเขาเดินเบี่ยงออกไป แต่เสียงลมหวดวูบหนึ่งที่ดังขึ้นเมื่อเขาเดินเฉียด ข้านั้นทาให้ข้าต้องหาทางหนี แต่ด้วยโอคิตะเซ็นเซบังเอิญขวางทางหนีของข้าอยู่จึงช่วยไม่ได้ที่ข้าจะเลือก กระโจนเข้าไปเกาะตัวเขาไว้เป็นเกราะกาบัง เมื่อแน่ใจแล้วว่าปลอดภัยจึงรีบมองหา ต้นเหตุที่ทาให้ข้าต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ แต่กลับเห็นเพียงท่านรองอสูรยืนหรี่ตา มองข้าด้วยแววตาลุ่มลึกอ่านยากเท่านั้น “อะไรจะหวดข้าเมื่อกี้น่ะ ท่านเห็นมันไหมโอคิตะเซ็นเซ” “อ้อ... ดาบของฮิจิคาตะซังน่ะ คมกริบเชียวล่ะ” เขาตอบด้วยน้าเสียงชวนให้ ปลอดโปร่งใจแต่ข้าไม่รู้สึกอย่างนั้น “แต่ข้าไม่เห็นเขาชักดาบเลยนะ” ข้ากอดคอโอคิตะเซ็นเซแน่นขึ้น อีกเพราะกาลังพรั่นพรึงกับความจริงที่ว่า ดาบของฮิจิคาตะเซ็นเซว่องไวจนมองไม่เห็น และข้าหากไม่มีฝีมือการหลบหนีติดตัว เอาไว้บ้างอาจจะตายไปจริงๆ “ดีแล้วล่ะที่ไม่เห็น เพราะดาบของฮิจิคาตะซังมักจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่คนจะ ได้เห็นก่อนตาย” “นี่ท่านตั้งใจจะฆ่าข้าเชียวเรอะ!” ข้าหันไปตะเบ็งเสียงใส่ฮิจิคาตะเซ็นเซ ด้วยความโมโหจนเห็นช้างตัวเท่ามด “ก็อย่างที่เจ้าบอกนั่นล่ะ” ฮิจิคาตะเซ็นเซหันหลังเดินออกไปอย่างช้าๆ โดยมี เท็ตสึโนะสุเกะเดินตามพลางส่งแววตาเห็นใจให้แก่ข้า “ข้าเป็นผู้ชายเลือดเย็นที่ฆ่าได้แม้กระทั่งผู้หญิง” “ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าไม่เพียงแค่เกลียดท่าน แต่ข้าจะหมายหัวท่านเอาไว้ ด้วย!” ข้าตะโกนข่มขู่จนเจ็บคอ เขากลับไม่หันมาให้ความสนใจแม้แต่น้อยราวกับว่า ข้าไม่มีค่าพอ นั่นทาให้ข้าหงุดหงิดโมโหจนทาอะไรไม่ถูก “อ่า... ข้าอุ้มเจ้าไม่ไหวแล้วนะ ลงได้หรือยัง” เสียงอ่อยๆ และสีหน้าซีดเผือดที่เริ่มมีเหงื่อผุดพราวของโอคิตะเซ็นเซทาให้ ข้ารีบลนลานคลานลงจากตัวเขาทันที แต่การที่ได้เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนเหนื่อยหอบใน


อาทิตยคิมหันต์ 17 สภาพทุเรศทุรังหลังจากอุ้มข้านั้นทาให้ข้าสะเทือนใจยิ่งนักและศักดิ์ศรีความเป็น ลูกผู้หญิงได้พังเสียหายยับเยินในพริบตา “ตกลงว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่กับข้าใช่ไหม” โอคิตะเซ็นเซเงยหน้าขึ้นมาพูดกับข้า ด้วยรอยยิ้มเซียวๆ “ถ้าไม่อยากตายข้าจะทาอะไรอย่างอื่นได้ล่ะ ” ข้าชักสีหน้าใส่เขาเพราะข้า ไม่มีทางลืมว่าเรื่องยุ่งยากทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะใคร “แต่บอกไว้ก่อนนะว่าเบี้ยเลี้ยงข้าก็จะเอา วันหยุดข้าก็จะเอา” “จ้ะ” เขายิ้มแห้งๆ ให้ข้าด้วยท่าทางเจี๋ยมเจี้ยม “ช่วงนี้การเงินขัด สน เบี้ย เลี้ยงของข้าก็เลยมีไม่มากนัก แต่ข้าจะให้เจ้าส่วนหนึ่งก็ได้” “เท่าไหร่” ข้าถามและเมื่อได้ยินคาตอบก็ยื่นมือไปหยิกแก้มข้างหนึ่งของเขา ทันที “เงินแค่นั้นซื้อราเม็งกินได้สัปดาห์เดียวเองนะ ท่านต้องล้อเล่นกับข้าอยู่แน่ๆ ข้า ให้โอกาสท่านอีกครั้ง บอกมาซิว่าจะให้ข้าสักเท่าไหร่” “เบี้ยเลี้ยงครึ่งหนึ่งของข้าก็ได้” โอคิตะเซ็นเซโอดครวญอย่างน่าสงสาร “แล้วมันเท่าไหร่ล่ะ” ข้ายังไม่ปล่อยแก้มของเขาจนกระทั่งได้ทราบจานวน เงินแล้ว “ชื่อเสียงพวกท่านออกจะโด่งดัง ทาไมเงินเบี้ยเลี้ยงถึงได้น้อยขนาดนี้ ถาม จริงๆ เถอะนะว่าหาเงินกันยังไง” “ก็ขายของบ้างอะไรบ้าง” โอคิตะเซ็นเซลู บแก้มแดงก่าของตัวเองพลาง เหลือบค้อนข้า ว่ากันตามจริงแล้วข้าได้ยินชื่อเสียงของชินเซ็นกุมิมามากมาย ทั้งหมดล้วน กล่าวถึงความน่าเกรงขามและความโหดเหี้ยม โดยเฉพาะโอคิตะ โซจิ ผู้เป็นหัวหน้า หน่วยที่หนึ่งของชินเซ็นกุมิ เล่ า ลื อ กั น ว่ า เขาเป็ น นั ก ดาบยอดอั จ ฉริ ย ะที่ ล งมื อ สั ง หารคนได้ อ ย่ า ง เลือดเย็น แต่โอคิตะ โซจิคนที่ข้าลงมือกลั่นแกล้งมาตลอดคนนี้กลับดูไร้พิษสงขัดกับ คาเล่าลือจนเป็นที่น่าสงสัยว่าแท้จริงแล้วชาวบ้านเล่าลือกันเกินเหตุ “ข้าเมื่อยแล้ว” “ถ้าอย่างนั้นเข้ามาก่อนจ้ะ” เขาพาข้าเข้าไปนั่งพักขาที่สึโนโกะ7ของห้องพักห้องหนึ่งพร้อมบริการด้วย น้าชาอุ่นๆ การได้นั่งจิบชาพร้อมทอดมองบรรยากาศเงียบสงบของวัดนิชิฮงกังทาให้ อารมณ์ของข้าเย็นลงมากพอที่จะคุยเรื่องต่อไป 7

สึโนโกะ (Sunoko) คือ เฉลียงไม้กระดานของบ้านแบบญี่ปุ่น


18 ดวงหทัยจอมมาร “ข้าต้องทาอะไรบ้าง” “เป็นเพื่อนเล่นข้าและดูแลความเรียบร้อยทั่วไป” โอคิตะเซ็นเซตอบอย่าง ร่าเริง ข้าเหลือบมองเขานิ่งๆ อย่างพยายามประเมินว่าเขาน่าจะมีอายุ เกินยี่สิบปี ไปแล้ว แต่ยังมีนิสัยรักเล่นรักสนุกเหมือนเด็ก ไม่ทราบว่าเขาจะทาให้ภาพพจน์ปีศาจ โอคิตะในใจของข้าพังทลายไปอีกเท่าไหร่ หากข้าอยู่ที่นี่นานวันเข้าและเขายังเป็น แบบนี้ บางทีข้าอาจหมดความยาเกรงต่อเขาเลยก็ได้ “แล้วจะให้ข้านอนที่ไหน” “ก็นอนกับข้า” “ว่าไงนะ!” มือของข้าคว้าหมับเข้าที่ใบหูของเขาอย่างรวดเร็ว “บอกข้าสิว่า ท่านล้อเล่น” “ก็ไม่มีที่ ไหนให้เ จ้า นอนได้แ ล้วนอกจากห้องของข้านี่ นา” โอคิต ะเซ็ นเซ ครวญด้วยความเจ็บพลางบิดตัวไปตามแรงบิดของข้าก่ อนจะแงะนิ้วของข้าออกแล้ว ค้อนข้าตาเขียว “หรือเจ้าจะไปนอนห้องฮิจิคาตะซังล่ะ” “ข้าต้องการห้องใหม่” ข้าประกาศด้วยความมุ่งมั่น “หรือไม่ก็ให้ข้าใช้ห้อง ของท่าน ส่วนท่านน่ะย้ายไปนอนกับคนอื่นเสีย” “คนอื่นเขานอนกันห้องละสองคนนะ มีแต่ข้าและฮิจะคาตะซังเท่านั้นที่นอน คนเดียว” “ถ้าอย่างนั้นท่านก็ไปนอนกับฮิจิคาตะเซ็นเซเสียสิ” “เจ้ายังไม่อยากไปนอนกับเขาเลย แล้วทาไมถึงคิดว่าข้าจะอยากไปนอนกับ เขาล่ะ?” “แต่ท่านจะนอนกับข้าไม่ได้!” “งั้นข้าจะนอนกับเจ้าเอง” “พูดเหมือนคนไม่มีหู เดี๋ยวปั๊ดดึงหูขาด!” ข้าเอื้อมไปบิดหูเขาจนเขาร้องโอด โอยเสียงดัง “ที่เรื่องมันวุ่นวายอยู่นี่เป็นเพราะท่านคนเดียว ข้าอยู่ของข้าดีๆ ท่านก็ไป ซื้อตัวข้ามา แล้วนี่ข้าจะใส่อะไร กินยังไง หนีกลับก็ไม่ได้ เดี๋ยวพวกท่านก็ยกโขยงกัน ไปตามล่าข้า” “ก็ใส่เสื้อของข้าไปก่อน กินก็กิน กับข้า ข้าจะให้เจ้าหยุดได้ด้วยนะ” โอคิตะ เซ็นเซพยายามบิดหูออกจากมือของข้า แต่ครั้งนี้ข้าจิกเอาไว้อย่างแน่นหนา “หูจะขาด แล้ว ปล่อยเถอะนะ ข้าเจ็บมากเลย” “ท่ า นน่ ะ เสี ย แรงที่ทุ ก คนยกย่ อ งเรี ยกเป็ น อาจารย์ ทาไมไม่ ท าตั ว ให้ น่ า


อาทิตยคิมหันต์ 19 เคารพบ้าง” ข้าเห็นใบหน้าแดงก่าและน้าตาคลอเบ้าของเขาแล้วก็ใจอ่อนยอมปล่อย มือ “เอาเถอะ! ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วข้าจะปรับตัว แต่ก่อนอื่นนะ... เงินไม่ มา งานไม่เดิน” ข้าแบมือไปตรงหน้าโอคิตะเซ็นเซด้วยความหวังและมุ่งมั่น แต่เขา กลับคลาหูคลาจมูกของตัวเองป้อยๆ แล้วส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้ข้า “เงินที่ข้ามีติดตัวก็จ่ายให้แม่ของเจ้าไปหมดแล้ว ต้องรอให้ฮิจิคาตะซังจ่าย ในวันเบี้ยเลี้ยงออกน่ะ” “จนที่สุด! ท่านมีปัญญาเลี้ยงข้าได้จริงหรือเปล่า” ข้ามองหน้าของเขาที่หด จนเหลือสองนิ้วด้วยความโมโห ‘หมดกัน! ภาพพจน์อันน่าเกรงขามของปีศาจโอคิตะพังทลายไปหมดแล้ว โดยสิ้นเชิง!’ “ข้าไม่รู้ด้วยแล้ว แต่ถ้าตกเย็นแล้วไม่มีอะไรให้กิน ข้าจะบิดหูท่าน!” “หนูจ๋า อย่าโมโหไปเลยนะ เรามาเล่นกันดีกว่า ” เขาทาหน้าล้อหลอกข้า เหมือนกาลังหลอกเด็ก แต่น่าประหลาดที่มันกลับทาให้ข้าอารมณ์ดีขึ้น “หยิบดาบไม้ของเจ้าขึ้นมาสิ เราเล่นกันที่หน้าเรือนพักดีกว่านะ” “คิดว่าข้ามีอารมณ์เล่นเรอะ เฮอะ!” ข้าแสร้งทาเป็นไม่สนใจ แต่เขายังคง พยายามคะยั้ น คะยอด้ ว ยสี ห น้ า และน้ าเสี ย งแจ่ ม ใสชวนสนุ ก ก่ อ นยื่ น ข้ อ เสนอที่ น่าสนใจ “ถ้าเจ้าตีข้าได้สักครั้งหนึ่ง ข้าจะยอมไปนอนหนาวอยู่กับฮิจิคาตะซังเลย” “ถ้าอย่างนั้นไปกันเลย คอยดูนะ ข้าจะตีท่านให้ได้!” อย่างไรก็ตามแม้จะประกาศกร้าวเอาไว้ แต่สุดท้ายข้าก็ทาได้เพียงตีฝุ่นบน พื้นเท่านั้น น่าเวทนาตัวเองนัก


นางโลมเจ้าหัวใจ ผู้แต่ง: วสันต์จันทรา (ท้องฟ้า) ข้ารับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมของเหล้าอย่างดีที่คลุกเคล้า มากับลมหายใจที่ร้อนราวกับเปลวไฟ รสสัมผัสอันนุ่มนวล จากริ ม ฝี ป ากบางและเรีย วลิ้ น ของเขาที่ส อดแทรกเข้า มา พัวพันกับลิ้นของข้าไว้ หยอกเย้าและกระตุ้นเร้าให้ข้าตามติด ลิ้ น ของเขากวาดควานไปทั่ ว โพรงปาก ข้ า ตั ว สั่ น สะท้ า น กับความนุ่มนวลที่ได้รับ รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่งดงาม ที่แสนล้ าค่า ... ก่อนมั นจะกลืนหายไปในเกลียวปรารถนา ที่บ้าคลั่งประหนึ่งท้องทะเลยามมีพายุฝน




Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.