สัตว์หิมพานต์

Page 1

สัตว์หิมพานต์

Assignment 3

สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์


Portfolio

จัดทาโดย นางสาวธนาพร ศรีคล้าย 5645560529 เสนอ ม.ร.ว.จักรรถ จิตรพงศ์ วิชา Art Rattanakosin


๑ . ตัวอย่างสัตว์หมิ พานต์ ๒ . Highlights


๑.

ตัวอย่างสัตว์หิมพานต์

สัตว์หิมพานต์ คือสัตว์ในจินตนาการที่กวี หรือจิตรกร พรรณนาถึง อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์หรือเขาไกรลาส ดังที่ปรากฏในวรรณคดีไตรภูมิ พระร่วง และรามเกียรติ์ โดยมีลักษณะของสัตว์หลายชนิดมาประกอบกัน ในตัวเดียว โดยปกติแล้วจะจาแนกออกเป็น 3 ประเภท คือ สัตว์ทวิบาท (มีสองขา) สัตว์จตุบาท (มีสี่ขา) และจาพวกปลา


กิเลนไทย แม้ว่ากิเลนจะได้รับอิทธิพลจากประเทศจีน วัดหลาย แห่ง ในไทยก็มี กิเลนเช่นกัน แบบฉบับของกิเลนไทย แตกต่างจาก แบบจีนบ้าง โดยปกติแล้ว กิเลนไทยมีเขา 2 เขา และมีกีบคู่ ต่าง จากแบบดั้งเดิม http://www.himmapan.com/thai/himmapan_ghilen_thai.html

ชาวไทยรู้จกั กิเลนของจีนมานานแล้ว ในสมุดภาพสัตว์ ป่าหิมพานต์ที่ช่างโบราณได้รา่ งแบบสาหรับผูกหุ่นเข้า กระบวนแห่ พระบรมศพครั้งรัชกาลที่ 3 ก็มีรูปกิเลนจีนทาหนวดยาว ๆ ส่วน ภาพกิเลนแบบไทย มีกระหนกและเครื่องประดับเป็นแบบไทยๆ การ จัดลายประกอบผิดไปจากในสมุดภาพสัตว์ป่าหิมพานต์ของโบราณ นั้นบ้าง ทีแ่ ปลกอีกอย่างหนึ่ง คือ กิเลนไทยมีสองเขา ของจีนแท้ ๆ มีเขาเดียว ในวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี ของกวีเอกสุนทรภู่ ก็มี สัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายกิเลนนีใ้ นเรื่องด้วย คือ ม้ามังกร หรือ ม้านิลมังกร นัน่ เอง[3] ปัจจุบนั กิเลนเป็นมาสคอตของสโมสร ฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0% B8%A5%E0%B8%99


มารีศ มารีศ เป็นหนึ่งในตัวละครยักษ์ในเรือ่ ง รามายนะ (รามเกียรติ์) มารีศเป็นบุตรของนางยักษ์ชอื่ กากนาสูร และเป็น ญาติของทศกัณฑ์ (ตัวร้ายหลักของเรือ่ ง) ในเรื่อง ทศกัณฑ์ตอ้ งการ จับตัวนางสีดา จึงสัง่ ให้มารีศให้จาแลงกาย เป็นกวางทองไปล่อนาง แผนนี้เกือบสาเร็จลุล่วง แต่ท้ายที่สุด มารีศก็โดนพระรามแผลงศร ใส่ ในรูปวาดมารีศจึงเป็นรูปสัตว์ประหลาด กึ่งยักษ์กึ่งกวาง http://www.himmapan.com/thai/himmapan_deer_mareet.html


บัณฑุราชสีห์ บัณฑุราชสีห์ เป็น ๑ ใน ๔ ราชสีหแ์ ห่งป่าหิมพานต์ บัณฑุราชสีห์มีผิวกายสีเหลืองและ เป็นสัตว์กนิ เนื้อ บัณฑุราชสีห์จัด ได้ว่าเป็นสัตว์นักล่าขนาดใหญ่สตั ว์ ที่ถูกล่า มีตั้งแต่สัตว์ประเภท กวาง ควาย ช้าง หรือแม้แต่มนุษย์ ในเอกสารที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับ ป่าหิมพานต์ระบุว่า มี ร่างกาย เหมือนสีใบไม้เหลืองและใหญ่ เท่ากับวัวหนุ่ม http://www.himmapan.com/thai/himmapan_lion_bunturajasri.html


กาฬสีหะ กาฬสีหะ เป็น ๑ ใน ๔ ราชสีห์แห่งป่าหิมพานต์ นอกจากนี้ยังเป็นราชสีห์ที่กนิ พืชเป็นอาหารเท่านั้น กาฬสีหะมีกายดา สนิท และใหญ่ราวโคหนุ่ม (คาว่า "กาฬ" แปลว่าดา)

ถึงแม้กาฬสีหะจะกินเฉพาะพืช แต่ก็ใช่ว่าจะมีกาลังวังชา ด้อยไปกว่า ราชสีห์ชนิดอืน่ ราชสีห์ทุกชนิดมีเสียงคาราม อันทรงพลัง ในตานาน กล่าวว่าเพียงเสียงคารามของราชสีห์ก็สามารถทาให้ สัตว์อนื่ เจ็บได้ http://www.himmapan.com/thai/himmapan_lion_kalasriha.html


ไกรสรราชสีห์ ในตานานพระเวสันดร มีตอนหนึ่งกล่าวถึงไกรสร ราชสีห์ ในเรือ่ งบรรยายว่าเป็นสัตว์ทรงพลัง กายเป็นสิงห์ มีขนแผง คอ ริมฝีปาก ขนหาง และเล็บเป็น สีแดงดั่งผ้ารัตนกัมพล

ไกรสรราชสีห์เป็น ๑ ใน ๔ ราชสีหแ์ ห่งป่าหิมพานต์ ในตานาน กล่าวว่าไกรสรราชสีห์เป็นสัตว์ที่มีพละกาลังแรงกล้า เป็นนักล่าชัน้ เยี่ยมและกินสัตว์ใหญ่น้่อยเป็นอาหาร http://www.himmapan.com/thai/himmapan_lion_kraisornrajasri.html


ติณสีหะ ติณสีหะมีกายสีแดง เป็นราชสีห์อีกชนิดที่กินแต่พืชเป็น อาหาร ลักษณะเด่นอีกอย่างของ ติณสีหะคือมีเท้าเป็นกีบแบบม้า http://www.himmapan.com/thai/himmapan_lion_tinnasriha.html

ติณสีหะตามตาราฉบับนีว้ ่ามีกายสีเขียวอ่อนแต่บาง ตาราว่ามีกายสีแดง เป็นราชสีห์อีกชนิดที่กนิ แต่พืชเป็นอาหาร ลักษณะเด่นอีกอย่างของ ติณสีหะคือมีเท้าเป็นกีบแบบม้า http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3022.15


เกสรสิงหะ เกสรสิงห์ หรือกาสรสิงห์เป็นสิงห์่มีส่วนผสม ระหว่าง ราชสีห์ กับสัตว์ประเภทวัวควาย กาสรสิงห์มีผิวกายสีเทา ร่างเป็น แบบสิงห์ แต่มีเท้าเป็นกีบเหมือนเท้าควาย www.himmapan.com/thai/himmapan_lion_gaysornsingha.html

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3022.15


คชสีห์ คชสีห์ เป็นสิงห์ผสมที่มีกายเป็นสิงห์ และมีช่วงหัวเป็น ช้าง ตามตารากล่าวว่าคชสีห์มีพลังเทียบเท่าช้างและสิงห์รวมกัน ซึ่ง นับได้ว่าเป็นสัตว์ทนี่ ่าเกรงขาม คชสีห์มีลักษณะคล้ายสัตว์หิมพานต ์ อีกชนิดหนึ่งชื่อทักทอ www.himmapan.com/thai/himmapan_lion_kochasri.html

www.reurnthai.com/index.php?topic=3022.15


ไกรสรจาแลง ไกรสรจาแลงมีหัวแบบมังกร และมีร่างเป็น ราชสีห์ (สิงโต) จิตรกรบางท่านเรียกไกรสรจาแลงว่า "ไกรสร มังกร" ซึ่งมีความหมาย ตรงตัวว่ามังกรสิงห์ http://www.himmapan.com/thai/himmapan_lion_kraisornjumlang.html

www.reurnthai.com/index.php?topic=3022.15


ไกรสรคาวี สัตว์ชนิดนี้มีลักษณะผสมระหว่างสิงโต และวัว. ในรูป จิตรกรรมไทย มักวาดไกรสรคาวีเป็นสัตว์ที่มีช่วงหัวเป็นวัว และมี ร่างเป็น สิงโต. จิตรกรบางท่านวาดไกรสรคาวีเป็นสิงห์ที่มีหัวเป็นวัว แต่มีหางเหมือนม้า www.himmapan.com/thai/himmapan_lion_kraisornkarwee.html


ไกรสรนาคา ตามชื่อของสัตว์ชนิดนี้ ไกรสรนาคาเป็นสิงห์ผสมที่มี ส่วนประกอบของนาคด้วย หางเหมือนสัตว์เลื้อยคลานประเภทงู ตัวมี ลักษณะคล้ายสิงห์ แต่มีเกล็ดแข็งปกคลุมทั่วกาย http://www.himmapan.com/thai/himmapan_lion_kraisornnaga.html

www.reurnthai.com/index.php?topic=3022.45


เหมราช ตามชื่อของสัตว์ชนิดนี้ เหมราชเป็นสัตว์ผสมที่มีร่างเป็น สิงห์ส่วนหัวเป็นเหม เหมเป็นสัตว์ในวรรณคดีไทยชนิดหนึ่ง บ้างก็วา่ มีลักษณะเหมือนหงส์(ห่าน) แต่ในบางรูป ก็วาดเหมเหมือนสัตว์ ตระกูลจระเข้ http://www.himmapan.com/thai/himmapan_lion_hemaraj.html


สกุณไกรสร สกุณไกรสรมีผิวกายเป็นสีน้าตาล ส่วนหัวเป็นเหมือน นก ส่วนตัวเป็นสิงห์ยังมีสัตว์อีกชนิดในป่าหิมพานต์ที่คล้ายคลึงกับ สกุณไกรสร นั่นก็คือ ไกรสรปักษา ข้อแตกต่างระหว่างสัตว์ทั้ง ๒ ชนิดคือ สกุณไกรสรไม่มีปีกเหมือนไกรสรปักษา www.himmapan.com/thai/himmapan_lion_sagoonkraisorn.html


สิงหคักคา สิงหคักคา หรือสีหะคักคามีกายเป็นเกล็ดสีม่วงเข้ม แม้ จะมีส่วนหัวและตัวเป็นสิงห์ กลับมีเท้าเหมือนช้าง www.himmapan.com/thai/himmapan_lion_singhakhakkar.html


สีหรามังกร สิงห์ชนิดนี้มีหัวเป็นมังกร มีร่างเป็นสิงห์สีน้าตาล คน ทั่วไปมักจาสีหรามังกรสับสนกับไกรสรจาแลง www.himmapan.com/thai/himmapan_lion_sriharamungkorn.html


ดุรงค์ไกรสร ดุรงค์ไกรสรมีลักษณะคล้ายกับ โตเทพอัสดร กล่าวคือ ทั้งคู่ เป็นสัตว์ผสมระหว่าง สิงห์กับม้า ตามตานาน ดุรงค์ไกรสรมี กายเป็นม้าสีแดง มีหางสีดา กีบสีดาเหมือนม้า ส่วนหัวเป็นสิงฆืที่มี ลักษณะสง่า ชื่อ “ดุรงค์ไกรสร” มาจากคาบาลีโบราณ ๒ คาคือ “ดุรงค์” ซึ่งคือสายพันธุ์หนึ่งของม้า และคาว่า“ไกรสร” ซึ่งก็คอื สิงห็ นั่นเอง . ดุรงค์ไกรสรเห็นสัตว์กนิ เนื้อเป็นอาหาร อาหารที่กนิ ก็ คือสัตว์นานาชนิดในป่าหิมพานต์ ไม่ว่าจะเป็นกวาง หรือวัวควาย ลักษณะเด่นของดุรงค์ไกรสรคือ สามารถวิ่งได้เร็วดุจม้าและ มีความ แข็งแรงอย่างสิงห์ www.himmapan.com/thai/himmapan_horse_durongkraisorn.html


ดุรงค์ปกั ษิณ ตามตาราดุรงค์ปักษิณคือม้าที่มีปีกและหางเหมือนนก มี กายสีขาวบริสทุ ธิ์ ส่วนขนคอ กีบและหางมีสีดาสนิท คาว่าดุรงค์ ไกรสรมาจากคา ๒ คาคือ ดุรงค์ ซึ่งคือหนึ่งในสี่สายพันธุ์ม้าและ ปักษิณ ทีแ่ ปลว่านก

สัตว์หิมพานต์อีกชนิดที่เหมือนสัตว์ชนิดนี้คือ ม้าปีก ทั้งคู่คล้ายกันมาก จะต่างก็เพียงแต่ม้าปีก มีหางดุจดั่งม้าทั่วไป หาใช่หางแบบนกไม่ ค้านตะวันตกเองก็มีม้าติดปีกในตานานเช่นกัน ที่รู้จักกันดีก็คือ เปกา ซัสม้าแห่งตานานเทพของกรีก www.himmapan.com/thai/himmapan_horse_durongpuksin.html


เหมราอัสดร เหมราอัสดรมีรูปกายเป็นม้า ส่วนหัวเป็นเหม ตัวเหม นั้น บางที่กว็ าดออกมาเป็นแบบนกหงส์ บางทีก่ ็วาดออกมา ปาก เหมือนสัตว์ประเภทจระเข้ www.himmapan.com/thai/himmapan_horse_hemaraussadorn.html


สินธพกุญชร สินธพกุญชรมีกายเป็นม้าสีเขียว แต่สว่ นหัวกลบ เป็น ช้าง ในตารากล่าวว่ามีกบี สีดาเหมือนม้าเช่นกัน www.himmapan.com/thai/himmapan_horse_sintapakunchorn.html


สินธพนที สินธพนัทธี เป็นสัตว์หิมพานต์ที่อาศัยอยู่ในแม่นาหรื ้ อ ทะเลสาป คาว่าสินธพนัทธีหมายถึงม้าแม่ น้า โดยรากศัพท์แล้วมา จาก คาว่าสินธพ หมายถึง ม้า พันธุ์ดีจากบริเวณลุ่มแม่น้าสินธุ ซึ่ง เป็นแม่น้าสาคัญ สายหนึ่งในประเทศอินเดีย ส่วนคาว่า “นที” มี ความ หมายตามตัวว่าน้า ม้าสินธพนี้มีกาลังและฤทธิ์เดชมาก สามารถวิ่งไปบน ใบบัวได้ โดยที่ใบบัวไม่สั่นแม้แต่น้อย คาว่า “สินธุ” เองเป็นชื่อเมืองโบราณในอินเดียด้วย คาดว่าเมืองสินธุก็คือ รัฐสินธในปัจจุบันนั่นเอง เหตุที่ ใช้ชอื่ เมืองนี้คงเป็นเพราะเมืองนี้ มี ชื่อเสียงทางม้า ม้าดีจึงมีชื่อว่า สินธพ สินธพนัทธี มีตัวเป็นม้า หาง เป็นปลา พื้นสีขาว ครีบและหางมีสีแดงชาด www.himmapan.com/thai/himmapan_horse_sintapanattee.htmll


อัสดรเหรา อัสดรเหราเป็นสัตว์ผสมระหว่างสัตว์ตระกูลม้าและ เหรา ในตารากล่าวว่ามีผิวกายสีม่วงอ่อน สัตว์ตระกูลเหรานั้น บาง ทีก็วาดเหมือนจระเข้ บ้างก็วาดออกมาเหมือนมังกร www.himmapan.com/thai/himmapan_horse_ussadornhayra.html


อัสดรวิหค อัสดรวิหค เป็นม้าผสมที่เกิดจากม้าและนก ร่างกาย เป็นม้ามีสีเหลืองเป็นสีพื้น ส่วนหัวเป็นนก มีขนคอเป็นสีส้มแดง ปีกมี สีแดงชาด กีบและหางมีสีดา อัสดรวิหคสามารถ เหาะเหิน เดินอากาศได้เพราะ ปีกที่มีพละกาลังมหาศาล เช่นเดียวกับม้าผสม ประเภทมีปีกเช่น ม้าปีกและดุรงค์ปักษิณ อัสดรวิหคเป็นสัตว์ที่กิน ทัง้ พืชและสัตว์เป็นอาหาร อาหารหลักของอัสดรวิหคได้แก่ แมลง สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ตวั เล็กๆ และ เมล็ดพืช www.himmapan.com/thai/himmapan_horse_ussadornvihok.htmll


เอราวัณ ในเรื่องรามายณะ และ ความเชื่อของศาสนาฮินดู กล่าวถึง พระอินทร์มีร่างสีเขียว มีพาหนะเป็นช้าง ๓ เชือก เชือกหนึ่งพระศิวะเป็นผู้ ประทานให้ชื่อว่า เอราวัณ เชือกหนึ่งพระพรหมป็นผู้ประทานให้ชื่อว่า คีรี เมขล์ไตรดายุค และอีกเชือกหนึ่งพระวิษณุเป็นผู้ ประทานให้ชื่อว่า เอกทันต์ ช้างเอราวัณเป็นช้างที่มีพละกาลังมากที่สุดในหมู่ ช้างทั้ง ๓ เชือก และเป็นที่ โปรดปรานมากที่สุด ของพระอินทร์ เชื่อกันว่าช้างเชือกนี้เป็นเทพบุตรองค์ หนึ่ง เมื่อพระอินทร์ต้องการจะเสด็จ ไปไหนเอราวัณเทพบุตร ก็จะแปลงกาย เป็นช้างเผือก ขนาดสูงกว่าภูเขาเอเวอร์เรสต์ มี ๓๓ เศียร แต่ละเศียรมีงา ๗ งา งาแต่ละงายาวถึง ๔ ล้านวา งาแต่ละงามีสระบัว ๗ สระ แต่ละสระมีดอกบัว ๗ ดอก แต่ ละดอกมีกลีบ ๗ กลีบ มี ๗ เกสร แต่ละเกสรมีปราสาทอยู่ ๗ หลัง ปราสาทแต่ละหลังมี ๗ ชั้น แต่ละชั้นมี ๗ ห้อง แต่ละห้องมี ๗ บัลลังค์ แต่ ละบัลลังค์มีเทพธิดาสถิต ๗ องค์ เทพธิดาแต่ละองค์มีบริวาร องค์ละ ๗ นาง เทพธิดาบริวารแต่ ละนางมีนางทาสีนางละ ๗ ทาสี รวมทั้งนางเทพ อัปสรทั้งหมดประ มาณ ๑๙๐,๒๔๘,๔๓๓ นาง เทพธิดา บริวารรวมกัน ทั้งหมดประมาณ ๑๓,๓๓๑,๖๖๙,๐๓๑ นาง เศียรทั้ง ๓๓ ของช้าง เอราวัณมีอเุ ปนทเทพยดา สถิตเศียรละ ๑ องค์ โดยปกติศิลปินไทยมักจะทา ช้าง เอราวัณ เป็นช้าง ๓ เศียร www.himmapan.com/thai/himmapan_elephant_erawan.html


กรินทร์ปกั ษา กรินทร์ปักษา หรือช้างบินมีผิวกายทีด่ าสนิท ส่วนปีก และหางเป็นอย่างนกและมีสีแดงชาด ปีกและ หางช่วยให้กรินทร์ ปักษาสามารถบินได้อย่างคล่อง แคล่วและรวดเร็ว นอกจากส่วนปีก และหางแล้ว กรินทร์ปักษามีลักษณะ ที่ไม่ต่างจากช้างทัว่ ไปนัก โดย มีงาคู่หนึ่งเอาไว้ใช้ใน การปกป้องตัว และหักกิ่งไม้หรือพืชผัก ส่วน งวงมีไว้หยิบจับสิ่งของ ดื่มน้า ดมกลิ่นและทาให้เกิดเสียงร้อง คาดว่า กรินทร์ปักษาเมื่อโตเต็มที่ จะมีช่วงตัวยาวประ- มาณ ๓.๓ เมตร (๑๑ ฟุต) และหนักประมาณ ๕.๔ ตัน http://www.himmapan.com/thai/himmapan_elephant_garinpuksa.html


วารีกญ ุ ชร คนทั่วไป มักจาวารีกุญชรสลับกับกุญชรวารี เพราะ สัตว์หิมพานต์ทั้ง ๒ ชนิดนี้มีรากศัพท์มาจากคา บาลี ๒ คาที่ เหมือนกัน เพียงแต่คาเรียงลาดับสลับกัน เท่านั้น รากศัพท์ทั้ง ๒ ที่ กล่าวถึงคือคาว่า “วารี” มีความหมายตามตัวว่าน้า โดยปกติจะใช้ แทนน้าทะเล และคาว่า “กุญชร” ซึ่งแปลว่าช้าง สัตว์ทั้ง ๒ ชนิดนี้ เป็นสัตว์ประสม ระหว่างช้างกับปลา เราสามารถแยกแยะระหว่าง วารีกญ ุ ชรและกุญชรวารีได้ค่อนข้างง่าย โดยที่วารีกญ ุ ชรนั้นมี ร่างกายเกือบทั้ง ตัวเป็นช้าง จะมีก็แต่อวัยวะบางส่วนทีก่ ลายมาจาก สัตว์ประเภทปลาเช่น ครีบบนแผ่นหลัง ครีบเท้า และครีบหาง ส่วน กุญชรวารีนั้น มีช่วงตัวท่อนแรกเป็นช้าง ช่วงหลัง เป็นปลา กล่าวคือ กุญชรวารี มีเท้าเพียง ๒ ข้าง ลาตัวและหางเป็นปลาหมด สัตว์ทงั้ ๒ มีถิ่นอาศัยอยู่ในทะเล สามารถว่ายและดา น้าได้ดีเยี่ยม http://www.himmapan.com/thai/himmapan_elephant_wareekunchorn.ht ml


มังกรวิหค มังกรวิหคเป็นสัตว์ ๔ ขาที่มีลักษณะของ มังกร นก และวัว ผสมกัน ส่วนหัวมีลักษณะของมังกร ส่วนตัวเป็นวัว มีสีม่วง มีปีกและหางเหมือนนก http://www.himmapan.com/thai/himmapan_cattle_mungkornvihok.html


กบิลปักษา กบิลปักษาเป็นสัตว์ประหลาดกึ่งนกกึ่งลิง โดยมีปีกนก ติดอยู่ที่หัวไหล่ และ มีหางเหมือนนก โดยปกติระบายสีกายเป็นสีดา www.himmapan.com/thai/himmapan_monkey_gabilpuksa.html


อสุรวายุพกั ตร์ Asura Waypuk shares very similar traits with Asoon Puksa as both are mixed creature between a bird and a giant. Asura Wayupuk has an eagle's features for its the lower part. Asura Wayupuk appears in the tale of Ramayan (Ramakien). In the story the beast is a son of a giant and a bird. The beast was also a governer of Wichian city, a giant city. Malicious in nature, one day the beast spotted and kidnapped prince Rama and his brother. Prince Rama's loyal generals, Hanuman and Sukreep eventaulyl took the princes back and slained Asura Wayupuk. www.himmapan.com/thai/himmapan_bird_asurawayupuk.html


นกการวิก นกการวิก หรือ นกกรวิก จะหมายถึง นกสองประเภท ประเภทแรกเป็นนกในนิยาย เชือ่ ว่าเป็นนก ชนิดเดียวกับนกวายุภักษ์ในป่าหิมพานต์ อาศัยอยู่เป็นจานวนมากบนเขาชื่อเขากรวิก ซึ่งล้อมรอบเขาพระสุเมรุชั้นที่ 3 บินได้สูงเหนือ เมฆ มีเสียงร้องที่ไพเราะ อีกประเภทหนึ่งเป็นนกชนิดที่มีตัวตนจริง ๆ มีชื่อเรียกว่า ปักษาสวรรค์ (Birds of paradise) หรือนกการเวก จัด อยู่ในวงศ์ Paradisaeidae มีจานวนทั้งหมด 43 ชนิด ลาตัวค่อนข้าง อ้วนป้อมมีขนาดเท่านกเอี้ยงจนถึงอีกา ความ ยาวลาตัวรวมทั้งหาง 12.5- 100 เซนติเมตร อาศัยอยู่ในป่าชื้นเขตร้อนในที่ราบต่าจนถึงยอดเขา พบมี จานวนชนิด มากที่สุดบนเกาะนิวกินีและมีอีกไม่กี่ชนิดในหมู่เกาะโมลุกกัส และบริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ออสเตรเลีย นกการเวกมีทั้งชนิดที่กินผลไม้ ใบไม้และน้าหวานดอกไม้เป็นอาหารและชนิดที่กินแมลงและสัตว์เล็กๆ อื่นๆเป็นอาหาร พฤติกรรมการ ผสมพันธุ์ วางไข่แตกต่างกันออกไปในแต่ละชนิด พวกที่อยู่เป็นคู่จะช่วยกันทารังและ ดูแลลูกในรัง ส่วนพวกที่นกตัวผู้มีขนสีสวยกว่านกตัวเมียมาก มักมีนกตัวเมียหลายตัว และนกตัวเมียเป็นผู้ดูแลลูกนก แต่เพียงตัวเดียว รังของนกการเวกก็แตกต่างกันไป แล้วแต่ชนิดเช่นเดียวกัน สร้างรังเป็นรูป ถ้วยด้วยใบไม้ ใบเฟิร์น กิ่งไม้ และเถาวัลย์บนง่ามไม้หรือในโพรงไม้ วางไข่ สีครีม สีเทา หรือสีชมพู และมีจุดประสีน้าตาลแดง ครัง้ ละ 1-3 ฟอง ระยะฟักไข่นาน 17-21 วัน ลูกนกจะอยู่ในรังนาน 17-30 วัน นกการเวก ตัวผู้จะโตเต็มที่เมื่อมีอายุได้ 4-7 ปี เรื่องที่เป็นที่รู้จักกันดีของนกการเวกคือความหลากหลายในการแสดงพฤติกรรมการเกี้ยวพาราสีของ นกตัวผู้ เพื่อให้นกตัวเมียตกลงปลงใจจับคู่ อยู่ด้วย บางชนิดใช้การเกาะอยู่กับที่แล้วห้อยหัวลงพร้อมทัง้ แพนขนปีก และ ขนหางที่ยาวกว่าปกติออก แล้วกระพือหรือสั่นไปมาพร้อมกับส่งเสียงร้อง ไปด้วย บางชนิดลงไปกางปีกและหาง บนพื้นดิน ในอดีตนกการเวกถูกล่าเพื่อเอาขนที่สวยงามไปใช้เป็นเครื่อง ประดับหมวกในทวีปยุโรป ปัจจุบัน ได้รับการคุ้มครองอย่างเข้มงวด ยกเว้น การล่าด้วยอาวุธโบราณของชาวพื้นเมืองเพือ่ เอาขนไปประดับร่างกายใน การทาพิธีกรรมต่างๆ เท่านั้น เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิง่ ที่ยังคงมีการลักลอบ ล่านกการเวกแล้วสตัฟฟ์ส่งออกขายอยู่ เนืองๆ นอกจากนี้พื้นที่ป่าที่อาศัยก็ลด ปริมาณลงไปอีกด้วย เนื่องจากการขยายพื้นที่การเกษตรและพื้นที่เมือง http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3022.15


ครุฑ ครุฑ เป็นสัตว์กงึ่ เทพในปกรณัมอินเดียและปรากฏใน วรรณคดีสาคัญหลายเรื่อง เช่น มหากาพย์ มหาภารตะ เล่าว่า ครุฑเป็นพี่น้องกับนาคและทะเลาะกันจนเป็นศัตรู นอกจากนี้ ยังมี คัมภีร์ปุราณะทีช่ ื่อว่า ครุฑปุราณะ เป็นเรื่องเล่าพญาครุฑ ตามคติไทยโบราณ เชื่อว่าครุฑเป็นพญาแห่งนก และ เป็นพาหนะของพระนารายณ์ ปกติอาศัยอยู่ที่วิมานฉิมพลี มีรูปเป็น ครึ่งคนครึ่งนกอินทรี ได้รับพรให้เป็นอมตะ ไม่มีอาวุธใดทาลายลง ได้ แม้กระทั่งสายฟ้าของพระอินทร์กไ็ ด้แต่เพียงทาให้ขนของครุฑ หลุดร่วงลงมาเพียงเส้นหนึ่งเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ครุฑจึงมีชื่ออีกอย่าง หนึ่งว่า "สุบรรณ" ซึ่งหมายถึง "ขนวิเศษ“ http://th.wikipedia.org/wiki/ครุฑ


หงส์ เป็นนกในป่าหิมพานต์ มีเสียงไพเราะ ผิดกับหงส์หรือ swan ของฝรั่งซึ่งเป็นสัตว์ปีกที่อยู่ในน้า ขนมีสีขาวหรือสีดา และไม่ มีเสียง หงส์ของไทยซึ่งได้คติความเชื่อมาจากเทพปกรณัมอินเดีย ว่า เป็นพาหนะของพระพรหม เป็นนกที่มีรูปงาม มีศักดิ์สูง มักถือตัว ไม่ คบหาปะปนกับนกอืน่ หงส์จึงมักนามาใช้เปรียบเทียบชั้นของบุคคลที่ มีชาติกาเนิดและมีศักดิ์สูง ซึ่งต้องรักษาเกียรติของตนไว้ไม่ทาให้มัว หมอง รูปหงส์นิยมทาเป็นประติมากรรมประดับพุทธศาสนสถาน เช่น ประดับหน้าบัน ประดับหัวเสา ทาแท้ทวย ทาเป็นราวเทียน หรือ ทาเป็นเรือ เช่น เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ส่วนจีนก็มีนกทิพย์ เรียก ในสาเนียงแต้จวิ๋ คล้ายกันว่า หง มีลักษณะแตกต่างจากหงส์ของ อินเดีย ฝรั่งแปล หง ของจีนว่า phoenix หงเป็นนกที่มีลักษณะ คล้ายพญาลอ ตามรูปที่นิยมวาดเป็นรูปครึ่งนกยูงครึ่งพญาลอ มีสี สลับกันเป็นห้าสี หงเป็นเครื่องหมายของพระราชินีของจีน ส่วน phoenix เป็นนกในนิยายของฝรั่ง อาศัยอยู่ในทะเลทรายอาหรับ มี อายุยืน ๕-๖ ศตวรรษ แล้วจะเผาตัวเองไหม้เป็นเถ้าถ่าน และเถ้า นั้นจะกลับกลายเป็นนก phoenix หนุ่มตัวใหม่ซึ่งจะมีอายุยืนต่อไป อีก ๕-๖ ศตวรรษ www.reurnthai.com/index.php?topic=3022.10;wap2


คชปักษา พื้นสีขาว และหางเป็นนกคล้ายหงส์ ลาตัวท่อนอก และแขนคล้ายครุฑ หัวมีงวง และงาแบบช้าง http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=17&t=18930


มังกรสกุณี Mungkorn Sagunee is a mixed creature with the head of a dragon and the body of a bird. http://www.himmapan.com/thai/himmapan_bird_mungko rnsagunee.html


นาคปักษิณ นาคปักษิณเป็นสัตว์กงึ่ น้ากึ่งบก คือเอาส่วนหัวของ "นาค" มา ประสมกับส่วนตัวของ "ปักษิณ" ซึ่งแปลตามตัวว่า สัตว์มีปีก ก็คอื นกนั่นเอง "นาค" มีความหมายหลายอย่าง แต่ในทีน่ ี้หมายถึงงูใหญ่ในนิยาย ซึ่งเรา มักเรียกกันว่า "พญานาค" พญานาคตามทัศนะของจินตกวีและช่างเขียนเป็น งูใหญ่ประเภทมีหงอนและเครา ตามนิยายโบราณมักจะกล่าวถึงพวกนาคมา เกี่ยวข้องกับมนุษย์เสมอ เรื่องของพญานาคมีที่มาเป็นสองทาง คือทางลัทธิ พราหมณ์กับทางพุทธศาสนา พญานาคทางลัทธิพราหมณ์ออกจะถือกันว่า เป็นเทวดาแท้ ๆ เช่น พญาอนันตนาคราช และท้าววิรุฬปักษ์ (ดูหนังสือ "เทวนิยาย" โดย "ส.พลายน้อย") ว่าถึงที่อยู่ของพวกนาค ก็มีทั้งที่อยูบ่ นบก และอยู่ในน้า อย่างพญาวาสุกรี ที่อยูเ่ มืองบาดาลก็ไม่ใช่ในน้า เป็นเมืองที่ อยู่ใต้โลกมนุษย์ลงไปอีกชั้นหนึง่ นาคทางคัมภีร์พุทธศาสนามักอยู่ในโลก มนุษย์เรานี้ อยู่ในโพรงบ้าง ในถ้าบนบกบ้าง อยู่ในน้าบ้าง อย่างพญานาค ชื่อภูรทิ ัต ในมหานิบาตชาดก ก็อยูบ่ นบก แต่ตามเรื่องไทย ๆ เราว่า พญานาคอยู่ในน้ากันมาก นาคพิภพที่ว่าอยู่ใต้ดินนั้น มีกล่าวในไตรภูมิพระ ร่วงว่า "แต่แผ่นดินดันเราอยู่นี้ลงไปเถิงนาคพิภพ อันชื่อว่าติรัจฉานภูมินั้น โดยลึกได้โยชน์ ๑ แล ผิจะนับด้วยวาได้ ๘๐๐ วาแล" นาคปักษิณ หัว เป็นนาค มีหงอน ส่วนท่อนหางเป็นแบบหางหงส์ เพื่อให้รบั กับส่วนหัว www.narong.5u.com/c8/m01/02.html


นาค หรือ พญานาค เป็นความเชื่อในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ โดยเรียกชื่อต่าง ๆ กัน แต่มีลักษณะร่วมกัน คือ เป็นงู ขนาดใหญ่มีหงอน เป็นสัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ความอุดม สมบูรณ์ ความมีวาสนา อีกทัง้ ยังเป็นสัญลักษณ์ของบันไดสู่จักรวาล อีกด้วย ต้นกาเนิดความเชื่อเรื่องพญานาคน่าจะมาจากอินเดีย ด้วยมีปกรณัมหลายเรื่องเล่าถึงพญานาค โดยเฉพาะในมหากาพย์ มหาภารตะ นาคถือเป็นปรปักษ์ของครุฑ ส่วนในตานานพุทธประวัติ ก็เล่าถึงพญานาคไว้หลายครั้งด้วยกัน ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีตานานเรื่องพญานาค อย่างแพร่หลาย ชาวบ้านในภูมิภาคนี้มักเชื่อกันว่าพญานาคอาศัยอยู่ ในแม่นาโขง ้ หรือเมืองบาดาล และเชื่อกันว่าเคยมีคนเคยพบรอย พญานาคขึน้ มาในวันออกพรรษาโดยจะมีลักษณะคล้ายรอยของงู ขนาดใหญ่ http://th.wikipedia.org/wiki/พญานาค


นาค หรือ พญานาค ลักษณะของพญานาคตามความเชื่อในแต่ละภูมิภาค จะแตกต่างกันไป แต่พื้นฐานคือพญานาคนัน้ มีลักษณะตัวเป็นงูตัว ใหญ่มีหงอนสีทองและตาสีแดง เกล็ดเหมือนปลามีหลายสี แตกต่างกันไปตามบารมี บ้างก็มีสีเขียว บ้างก็มีสีดา หรือบ้างก็มี 7 สี เหมือนสีของรุง้ และที่สาคัญคือนาคตระกูลธรรมดาจะมี เศียรเดียว แต่ตระกูลที่สูงขึน้ ไปนั้นจะมีสามเศียร ห้าเศียร เจ็ด เศียรและเก้าเศียร นาคจาพวกนี้จะสืบเชื้อสายมาจาก พญาเศษ นาคราช (อนันตนาคราช) ผู้เป็นบัลลังก์ของพระวิษณุนารายณ์ป รมนาท ณ เกษียรสมุทร อนันตนาคราชนัน้ เล่ากันว่ามีกาย ใหญ่โตมหึมามีความยาวไม่สิ้นสุด มีพันศีรษะ พญานาคนัน้ มีทั้ง เกิดในนาและบนบก เกิดจากครรภ์และจากไข่ มีอิทฤทธิ์สามารถ บันดาลให้เกิดคุณและโทษได้ นาคนัน้ มักจะแปลงร่างเป็นมนุษย์ รูปร่างสวยงาม http://th.wikipedia.org/wiki/พญานาค


กินรี (ตัวเมีย) และ กินร (ตัวผู)้ เป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์ ร่างกายท่อนบนเป็นมนุษย์ ท่อนล่างเป็น นก มีปีกบินได้ ตามตานานเล่าว่าอาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ เชิงเขาไกร ลาศ นับเป็นสัตว์ที่มีปรากฏในงานศิลปะของไทยมาก ส่วนในวรรณคดีไทยก็ มีการอ้างถึงกินรีด้วยเช่นกัน กินรีมีต้นกาเนิดทีแ่ ท้จริงเป็นมาอย่างไรนั้นยังไม่พบตาราไหน กล่าวไว้ชัดเจน แต่ในเทวะประวัติของพระพุธกล่าวไว้ว่า เมื่อท้าวอิลราช ประพาสป่าแล้วหลงเข้าไปในเขตหวงห้ามของพระศิวะนั้น ท้าวอิลราช และ บริวารถูกสาปให้แปลงเพศเป็นหญิงทั้งหมด ต่อมานางอิลา คือ ท้าวอิล ราชถูกสาป และบริวารที่มาเล่นน้าอยู่ใกล้อาศรมของพระพุธ เมื่อพระพุธ เห็นนางเข้าก็ชอบ รับนางเป็นชายา และเสกให้บริวารของนางกลายเป็น กินรี โดยบอกว่าจะหาผลาหารให้กิน และจะหากิมบุรุษให้เป็นสามี แสดง ว่า กิมบุรษุ หรือ กินนร และกินรีมีต้นกาเนิดมาจากการเสกของพระพุธ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8 %A3%E0%B8%B5


กินรี (ตัวเมีย) และ กินร (ตัวผู)้ ในหนังสือของ พี.ธอมัส กล่าวว่าที่เชิงเขาเมรุเป็นทีอ่ ยู่ของคนธรรพ์ กินร และ สิทธิ์ และว่าคนธรรพ์กับกินนรเป็นเชือ้ สายเดียวกัน ส่วนในภัลลาติชาดก กล่าว ว่า กินนรมีอายุ ๑,๐๐๐ ปี และธรรมดากินนรนั้นย่อมกลัวน้าเป็นที่สุด ซึง่ น่าจะ ขัดแย้งกับอุปนิสัยกินนรในเรื่องพระสุธน เพราะนางมโนห์ราชอบไปเล่นน้าที่สระ กลางป่าหิมพานต์ จึงถูกพรานบุญดักจับตัวได้ และในกัลลาติชาดก ยังได้แบ่งพวกกินนรออกเป็น 7 ประเภท คือ เทวกินนร เป็นพวกเทพกินนร ครึ่งเทวดาครึ่งนก เป็นประเภทที่คนไทยคุ้นเคย จันทกินนรา จากนิทานชาดก เรื่องจันทกินรี มีรูปกายเป็นคน แต่มีปีก ทุมกินนรา น่าจะเป็นพวกอาสัยอยู่ตามสุมทุมพุ่มไม้ ทัณฑมาณกินนรา ชนิดนีน้ ่าจะมีอะไรคล้ายๆ นกทัณฑิมา ซึ่งเป็นนกปากยาวดุจ ไม้เท้าอยู่บนใบบัว โกนตกินนรา - ยังไม่ทราบว่ามีลักษณะใด สกุณกินนรา - เป็นกินนรที่มีร่างท่อนบนเป็นคนท่อนล่างเป็นนก แต่ไม่เป็น เทวดาเหมือนประเภทที่ 1 กัณณปาวรุณกินนรา - ยังไม่ทราบว่ามีลักษณะใด http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8% A3%E0%B8%B5


นกทัณฑิมา คาว่า ทัณฑิมา (อ่านว่า ทัน-ทิ-มา) เป็นชื่อนกในพวก สัตว์หิมพานต์ มีรูปเป็นครุฑยืนถือกระบอง หัวมีหงอน มีจงอยปาก ใหญ่และงองุ้ม มีเขี้ยว ๑ คู่ หูแบบหูหัว ตาแบบตาจระเข้ คือเรียว ยาว. แขนเหมือนคน แต่มีแผงขนใต้ทอ้ งแขน มือมี ๕ นิ้ว กลางหลัง มีปีก มีหางแบบหางไก่ ขาทัง้ ๒ เรียวเป็นขานก และมีแผงขนทีน่ ่อง. นกทัณฑิมายืนถือกระบองอยู่เชิงเขาพระสุเมรุ เหมือนทหารยืนรักษา สถานที่อยู่. คาว่า ทัณฑิมา แปลตามรูปศัพท์ว่า ผู้ถือกระบอง www.royin.go.th/th/knowledge/detail.php?ID=2240


วารีกญ ุ ชร วารีกญ ุ ชร เป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์ มีรูปร่างเป็นช้าง แต่มีเท้าเพียง 2 เท้าหน้า ลาตัวและหางเป็นปลาทั้งหมด หรือมีเท้า ครบทัง้ 4 เท้า แต่มีหางเป็นปลา(วารีกุญชรที่มี 4 เท้า บางแห่ง เรียกกุญชรวารี) อาศัยอยู่ในทะเลสีทันดร สามารถว่ายน้าและดาน้า ได้ดี ประวัติของวารีกุญชรไม่มีที่มาอย่างแน่ชัด จิตรกรรมฝาผนังของ วารีกญ ุ ชรมักเขียนบนฝาผนังของโบสถ์ตามวัดต่าง ๆ เช่น วัดช่อง นนทรี หรือวัดคงคาราม เป็นต้น http://pangtong402.wordpress.comเรื่องที่สนใจสัตว์ในวร/


มัจฉวาฬ มัจฉวาฬ มาจากคาว่า 'มัจฉา' ปลา และ 'วาฬ' ใน ที่นี้หมายถึงใหญ่ มัจฉวาฬเป็นสัตว์เลี่ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ใต้น้า ตามที่นักจิตรกรโบราณได้อธิบายไว้ อย่างไรก็ตาม มัจฉวาฬก็เป็น สัตว์ที่จนิ ตนาการขึ้นให้เหมือนกับสัตว์ประเภทปลาที่มีฟันอันแหลม คม http://writer.dekd.com/0012/story/viewlongc.php?id=446421&chapter=115


นางเงือก นางเงือกคือสรรพสิ่งที่เกี่ยวกับทะเลซึ่งได้รับการ กล่าวถึงในเกือบทุกวัฒนธรรม นางเงือกได้ถูกบรรยายไว้ว่าเป็น เด็กผู้หญิงสวย ที่มีร่างกายช่วงล่างเป็นปลา http://www.himmapan.com/thai/himmapan_fish_mermaid.html


ศฤงคมัสยา ศฤงคมัสยา เป็นปลาศักดิ์สทิ ธิ ที่เชื่อกันว่าเป็นภาค อวตารของพระนารายณ์ หน้าที่หลักของปลาชนิดนี้คอื ชักเรือลากไป ใต้น้าในคราวทีน่ ้าท่วมโลก http://group.wunjun.com/agaligohome/topic/215740-5742


กุมภีนมิ ติ เป็นสัตว์ผสมระหว่างเทพกับจระเข้ มีลักษณะตัวเป็น เทพ ท่อนล่างเป็นจระเข้ มีหาง มือถือดาบ group.wunjun.com/agaligohome/topic/215740-5742


เหรา หรือ มกร เหรา นั้นเป็นสัตว์ในหิมพานต์ ซึ่งสัตว์ค่อนไปทาง จาพวกจระเข้ สมกับนาค หลายคนเชื่อว่ามันเป็นสัตว์ที่อยู่ได้ทงั้ บน บกและในน้า กินเนือ้ เป็นอาหาร เหรา หรือที่ชาวล้านนา พม่า เรียกว่า มกร (มะกะ-ระ) จริงๆแล้ว ตัวมกรนั้นปรากฏเป็นสัตว์ในนิยายใน ความเชื่อของพม่า เขมร และอินเดีย นะคะ โดยมีลักษณะ เทียบเคียงกับตัวเหราในป่าหิมพานต์ของไทย ตัวมกรเองก็จัดอยู่ใน ตระกูลจระเข้เช่นเดียวกัน ที่ชาวภาคเหนือเรียกเหราว่ามกร นั้น เหตุก็เพราะทางภาคเหนือมีพื้นพี่ติดกับพม่า จึงรับ อิทธิพลจากฝั่งพม่ามาโดยปริยาย บางครัง้ เราก็เรียก มกร ว่า เบญจลักษณ์ , ตัว สารอก เนื่องจากในงานศิลปะ มกรมักจะคายหรือสารอกเอาวัตถุ ใดๆออกมาทุกครั้ง writer.dek-d.com/Carria/story/viewlongc.php?id=431728&chapter=29


คนธรรพ์ หรือ คนธรรพ เป็นชาวสวรรค์จาพวกหนึง่ ตามคติลทั ธิศาสนาฮินดูว่ามี กาเนิดจากพระพรหม แต่บางทีก็ว่าเป็นโอรสพระกัตยปฤษี ตามปกติ พวกคนธรรพ์มีบ้านเมืองของตนเองอยู่ระหว่างสวรรค์และโลกมนุษย์ และกล่าวว่าเป็นพวกมีนิสัยเป็นเจ้าชู้ มีเสน่ห์ทาให้ผู้หญิงหลงรัก คนธรรพ์มีหน้าที่ปรุงน้าโสม (เหล้าเทวดา) สาหรับเทวดาเสวย และ พวกที่อยู่บนสวรรค์ของพระอินทร์ มีหน้าที่ขบั ร้องและเล่นดนตรี บาเรอเทวดา ดังนั้นวิชาดนตรีจึงได้ชอื่ ว่าคนธรรพวิทยา http://th.wikipedia.org/wiki/คนธรรพ์\


มักกะลีผล นารีผล หรือมักกะลีผล หรือมัคคะลีผล เป็นพืชวิเศษ ชนิดหนึ่ง เกิดอยู่ในป่าหิมพานต์ ว่ากันว่า นารีผล ขั้วลูกอยู่ด้านบน ศีรษะ มีรูปร่างเป็นหญิง ผลสด รูปร่างสะโอดสะอง สมส่วน ผิวพรรณงดงาม ปานเทพธิดา

ว่ากันว่า บางครั้ง ฤๅษีทบี่ าเพ็ญเพียรจนตบะกล้า กิเลสสงบรางับ เพื่อจะทดสอบจิตตน ก็จะเหาะไปที่ตน้ นารีผล มองดูนารีผล ว่าตนจะ ตบะแตกหรือไม่... หรือบางครั้งฤๅษีผู้เป็นอาจารย์ อาจจะพาลูกศิษย์ ไปทดสอบระดับจิต ไปฝึกควบคุมจิต ที่นนั่ ก็มี และว่ากันว่า พวก นักสิทธิ์วิทยาธร มักจะเหาะไปเก็บนารีผล อุ้มมาเชยชมแล้ว ฝึกจิต ใหม่ ค่อยเหาะกลับออกมา นารีผล เป็นทีต่ ้องการของสัตว์วิเศษ (คนธรรพ์เป็นต้น) รวมถึงวิทยาธรทัง้ หลายผู้ยังไม่หมดกามราคะ ดังนั้น การที่นารีผลจะเหี่ยวแห้งคาต้นแล้วร่วงหล่นนั้น เป็นไปได้ ยาก ก่อนจะโรยรา จะมีเทวดา สัตว์วิเศษ และวิทยาธร เป็นต้นมา เก็บเอาไป http://www.himmapan.com/thai/himmapan_human_magaleepon.html


๒. Highlight “ สัตว์หิมพานต์ประดับพระเมรุ ในพระ ราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จ พระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิรโิ สภาพัณณวดี ”


การสร้างสัตว์หิมพานต์ประกอบพระเมรุงานพระบรมศพและพระศพเป็นราชประเพณีสืบต่อกันมาช้านาน ด้วยความเชื่อเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์เป็นสมมติเทวราช เมื่อเสด็จสวรรคตจึงจัดสร้างพระเมรุโดยมุ่งหมายให้เป็น การจาลองเขาพระสุเมรุที่มีเขาสัตตบริภัณฑ์รายล้อม เชิงเขาพระสุเมรุคือป่าหิมพานต์ซึ่งดาษดื่นด้วยสัตว์ในจิตนาการ นานาพันธุ์ สัตว์หิมพานต์ประดับพระเมรุในครั้งนี้ สร้างด้วยเทคนิคการปัน้ ปูนสดโดยกลุ่มช่างจากจังหวัดเพชรบุรีและ เขียนสีโดยจิตรกรจากสานักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ติดตั้งอยูบ่ ริเวณเขามอหรือภูเขาหินที่จาลองเป็นป่า หิมพานต์ที่ รอบฐานพระเมรุ มีสัตว์หิมพานต์ทั้งหมดกว่า ๘๐ ชนิด จานวนประมาณ ๑๖๐ ตัว ทัง้ นี้เพื่อเป็นการสือ่ ความหมาย คติความเชื่อเกี่ยวกับจักรวาลไตรภูมิ ให้ปรากฏเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนและน่าสนใจมากขึน้

ที่มา http://2g.pantip.com/cafe/gallery/topic/G11976762/G11976762.html


ขอบคุณ topicstock.pantip.com/isolate/topicstock/2012/04/M11965438/M11965438.html


ขอบคุณ topicstock.pantip.com/isolate/topicstock/2012/04/M11965438/M11965438.html


ขอบคุณ topicstock.pantip.com/isolate/topicstock/2012/04/M11965438/M11965438.html


ขอบคุณ topicstock.pantip.com/isolate/topicstock/2012/04/M11965438/M11965438.html


ขอบคุณ topicstock.pantip.com/isolate/topicstock/2012/04/M11965438/M11965438.html


ขอบคุณ topicstock.pantip.com/isolate/topicstock/2012/04/M11965438/M11965438.html


ขอบคุณ topicstock.pantip.com/isolate/topicstock/2012/04/M11965438/M11965438.html


ขอบคุณ topicstock.pantip.com/isolate/topicstock/2012/04/M11965438/M11965438.html


http://topicstock.pantip.com/isolate/topicstock/2012/06/M12192495/M12192495.html


http://topicstock.pantip.com/isolate/topicstock/2012/06/M12192495/M12192495.html


http://topicstock.pantip.com/isolate/topicstock/2012/06/M12192495/M12192495.html


http://topicstock.pantip.com/isolate/topicstock/2012/06/M12192495/M12192495.html


Portfolio


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.