MOOM Magazine Vol. 2 No.8

Page 39

39

“การถวายทานนั้นอยู่เคียงคู่กับพระพุทธศาสนามาแต่ไหนแต่ไร โดยจุดเริ่มต้นมาจากเจตนาที่ต้องการสนับสนุน ส่งเสริมผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ คือพระสงฆ์ หรือเป็นการลดละกิเลสคือความโลภของผู้ถวายทานให้เบาบางลง อีกทั้ง พระพุทธองค์ก็สรรเสริญว่า ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ และที่สำ�คัญเมื่อทำ�บุญด้วยการให้ทานเสร็จแล้ว ต้องกรวดน้ำ�เพื่ออุทิศส่วนบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร หรือ ญาติที่ล่วงลับจากไปแล้วอีกด้วย เหมือนเรื่องพระเจ้าพิมพิสาร...” พระอาจารย์แนะนำ�โยมที่มาทำ�บุญถึงเรื่องการกรวดน้ำ� “พระเจ้าพิมพิสารเมื่อถวายวิหารเวฬุวันไม่ได้อุทิศให้กับเปรตที่เคยเป็นญาติของพระองค์ ตอนกลางคืนจึงปรากฏเป็นเสียง น่ากลัว ทั้งแสดงตนให้เห็น พระเจ้าพิมพิสารจึงไปถามพระพุทธองค์จึงรู้ว่าไม่ได้อุทิศ พระองค์จึงจัดถวายอาหารแด่ภิกษุสงฆ์ แล้วอุทิศส่วนบุญแก่เปรต เปรตจึงได้อาหารทิพย์จากส่วนบุญนั้น แต่วันต่อมาเปรตเหล่านั้นก็ยังเปลือยกายอยู่ จึงไปถาม พระพุทธองค์ก็เลยรู้ว่าตนเองไม่ได้ถวายผ้า จึงจัดถวายผ้าแด่ภิกษุสงฆ์แล้วอุทิศส่วนบุญให้เปรตอีก ตอนนั้นพวกเปรตจึงได้รับ ผ้าทิพย์...ทุกครั้งเวลาทำ�บุญจึงต้องกรวดน้ำ�อุทิศให้กับญาติที่ล่วงลับไปแล้วด้วย” ตาทองมัคคนายกประจำ�วัดกับน้อยหน่าหลานสาวเจ้าปัญหานั่งฟังเรื่องนี้อย่างสนใจ พอกรวดน้ำ�เสร็จ น้อยหน่าก็ถามทันที “แล้วอย่างนี้หนูถวายเสื้อผ้าแล้วพระจะใส่อย่างไรละคะ” “ไม่ใช่ทำ�บุญด้วยเสื้อผ้า แต่ทำ�บุญด้วยผ้าสบง จีวร หรือจะเป็น ้ ผ้าอาบนำ�ฝนที่นิยมถวายตอนเข้าพรรษาก็ได้” พระอาจารย์แนะนำ� “แล้วถ้าหนูถวายปลากระป๋อง แต่ไม่ได้ถวายที่เปิดละค่ะ จะทำ�ยังไงดี” น้อยหน่าถามต่อทันที “ก็ไม่เป็นไร ปลากระป๋องเป็นอาหาร ก็อุทิศส่วนบุญกุศลได้ แต่ถ้าให้ดีก็ถวายที่มีฝาเปิดได้เลย ก็มีนี่จะได้สะดวกพระท่านเวลาฉัน” พระอาจารย์ตอบต่อ “แล้วถ้าถวายมาม่าละค่ะ” น้อยหน่าถามต่อ “มาม่าก็เป็นอาหารก็ต้องได้ผลเหมือนกัน ญาติที่ตายไปแล้วก็ได้อานิสงส์ เช่นกัน” พระอาจารย์แก้วตอบต่อ “แต่หนูไม่ได้ถวายน้ำ�ร้อนนี่สิคะ แล้วคนตายจะกินกันได้หรือ” น้อยหน่าถามต่อ มาถึงตรงนี้พระอาจารย์แก้วเลยบอกสามเณรน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆ ให้ทำ�หน้าที่ตอบแทน “ก็ไม่เป็นไรนะน้อยหน่าเณรว่า มาม่าเณรฉัน ไม่ต้องใส่น้ำ�ร้อนก็ได้ ฉะนั้น คนตายไปแล้วก็ต้องกินได้เหมือนกัน” “แล้วถ้าหนูใส่ขนมจีนแต่ไม่ได้ใส่น้ำ�ยาละคะ” น้อยหน่ายังไม่ยอมหยุด สามเณรน้อยหยุดคิดนิดหนึ่ง “น้อยหน่าก็จะเห็น ญาติที่ตายไปแล้วมาหาทำ�หน้าตาซูบซีด ไม่แจ่มใส และที่สำ�คัญต้องทำ�หน้าตาน่ากลัวแน่ๆ เลย ปรือๆ” “อ้าว ทำ�ไมละคะ” “ก็เพราะ กินแต่ขนมจีนอย่างเดียว ทั้งจืดและฝืดคออีกต่างหาก” สามเณรน้อยตอบ “แล้วเณรรู้ได้อย่างไรละ” “อ้าว ก็เณรเคยฉันมาแล้วน่ะสิ ใครกินเข้าไปก็ต้องทำ�หน้าตาอย่างนั้นล่ะ” สามเณรทำ�หน้าตาพะอืดพะอมให้ดูประกอบ ไปด้วย พระอาจารย์กับตาทองได้แต่นั่งยิ้มกับการสนทนาธรรมของทั้งคู่ “อย่างไร คนให้ก็ไม่ไร้ผลหรอกนะน้อยหน่า และที่สำ�คัญเราชอบอะไรก็ให้สิ่งนั้นแก่คนอื่น นี่จึงจะชื่อว่าเป็นทายก หรือผู้ให้ที่ประเสริฐอย่างแท้จริง” พระอาจารย์สรุป เพราะกลัวว่าทั้งคู่จะคุยออกนอกเรื่องอีก และก็ถึงเวลาฉันพอดีด้วย ทั้งตาหลานจึงลากลับ “อย่างนี้ก็ไม่ยากเลย ถ้าจะให้สิ่งที่หนูชอบ” น้อยหน่าพูดขึ้นตอนเดินกลับ “แล้วให้อะไรละลูก” ตาทองถามหลาน “ ให้ลูกอมไงค่ะ” น้อยหน่าตอบอย่างมั่นใจ “แต่ตาว่าถ้าอย่างนั้น ญาติที่ตายไปต้องมาหาน่ากลัวกว่าเดิมแน่ๆ” “อ้าวทำ�ไมละคะ” “ก็คิดดูสิหลาน ขนาดหนูอมลูกอมจนฟันผุหมดปากแล้ว ถ้าพระเณรอมบ้างแล้วฟันผุ พอเราอุทิศส่วนบุญไปให้คนตาย เขาก็คงมาหาหนูด้วยใบหน้ายิ้มแต่ไม่มีฟันแน่ๆ น่ากลัวจะตาย ปรือๆ” ตาทองตอบพร้อมทำ�ท่าลูบแขนด้วยความกลัว ขณะที่น้อยหน่า เอามือปิดปากด้วยความอาย แต่ไม่หมดข้อสงสัยที่ตั้งใจจะถามต่อในวันหน้า


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.