MOOM Magazine Vol. 2 No.7

Page 1

นิตยสารธรรมะ : มุม : Vol.2 No.7 : ISSN 1906-2613 เดือ นกรกฎาคม 2554 : Lottery Issue : ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ Vs. พระมหาวีระชัย ชยวีโร การพนัน ถูก กฎหมายเป็นคำ�ตอบให้สังคมหรือไม่ : อภิวัฒน์ พงษ์วาท นักดนตรีผไู้ ม่มวี นั หยุด : Made in Chiang Mai : แจกฟรี !!


ที่ต้นร้ายปลายดีมีถมไป พากเพียรในชีวิตนี้ที่วาดหวัง ต่อสู้ได้มั่นใจไร้พะวัง จะสมดังตั้งใจใช่น้อยเลย วิมล เจือสันติกุลชัย


มูลนิธิหยดธรรม เจ้าของ พระถนอมสิงห์ สุโกสโล ประธานมูลนิธิ รองประธานมูลนิธิ พระมหาไกรวรรณ ชินทตฺติโย ที่ปรึกษามูลนิธิ ประวิทย์ เยี่ยมแสนสุข กรรมการ พระมหาสุวิทย์ ปวิชฺชญฺญู กรรมการ พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป กรรมการ วิชัย ชาติแดง กรรมการ ศิริพรรณ เรียบร้อยเจริญ กรรมการ ศิริพร ดุรงค์พิสิษฐุ์กุล พระถนอมสิงห์ สุโกสโล บรรณธิการผู้พิมพ์โฆษณา บรรณธิการที่ปรึกษา อลิชา ตรีโรจนานนท์ บรรณาธิการ พระถนอมสิงห์ สุโกสโล กองบรรณาธิการ วรวรรณ กิติศักดิ์ เอก ปทุมณี ที่อยู่มูลนิธิ ตู้ป.ณ. 54 ปณ.แม่ริม เชียงใหม่ 50180 โทร : 053-044-220 www.dhammadrops.org บรรณาธิการศิลปะ Rabbithood Studio (www.rabbithood.net) ฝ่ายศิลป์ พัชราภา อินทร์ช่าง ช่างภาพ ศิริโชค เลิศยะโส ภานุวัฒน์ จิตติวุฒิการ พรชัย บริบูรณ์ตระกูล ชยพัทธ แก้วกมล ตะวัน พงศ์แพทย์ วัชรพงษ์ บุญเรือง พิสูจน์อักษร พระมหาวิเชียร วชิรเมธี ร่วมบุญจัดส่ง บริษัท เคล็ดไทย จำ�กัด117-119 ถ.เฟื่องนคร แขวงวัดราชบพิธ เขตพนะนคร กรุงเทพฯ 10200 http://www.kledthaishopping.com ร่วมบุญจัดส่ง บริษัท ดอคคิวเมนนท์ พาเซล เอ็กซ์เพรส จำ�กัด (DPEX) ต่างประเทศ 60 ซอยอารีย์ 5 เหนือ ถ.พหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 http://www.dpex.com Special thanks พระพรหมคุณากรณ์ ป.อ.ปยุตโต/ พระปิยะลักษณ์ ปญฺญาวโร/ พระมาโนช ธมฺมครุโก/ สุลักษณ์ ศิวรักษ์/ สุรสีห์ โกศลนาวิน/ ถนอมวรรณ โกศลนาวิน/ อุดม แต้พานิช/ ชาลี ประจงกิจกุล ออกแบบปก รบฮ. พิมพ์ท่ี ห้างหุ้นส่วนจำ�กัด กู๊ด-พริ้นท์ พริ้นติ้ง 4/6 ซอย 5 ถ. ช้างเผือก ต.ศรีภูมิ อ.เมือง เชียงใหม่ 50200 โทร : 053-412556 แฟกซ์ : 053-217264

Lottery Issue ประมาณ 10 ปีที่แล้ว ในขณะที่เชียงใหม่ยังมีฝรั่งเข้ามา อาศัยไม่มาก มีเพื่อ นคนหนึ่งเป็นคนคลั่งฝรั่งมาก ไม่ว่า จะพูด เรื่อ งอะไร เขาก็จะยกฝรั่งขึ้นมาเปรียบ ทั้งหนังสือ หนัง นิยาย ต้องเป็นฝรั่ง เพลงก็ต้องเป็นเฮฟวี่ Metallica, Rage against the machine, Nirvana แนวนั้นเลยทีเดียว ซึ่งเพื่อนคนนี้เลี้ยงหมา ตัวเล็กๆ น่ารักอยู่ตัวหนึ่ง (จำ�ไม่ได้แล้วว่าพันธุ์อะไร) เขามักจะ เอามันขึ้นนั่งในตะกร้าหน้ารถมอเตอร์ไซด์เสมอๆ ซึ่งโดยปกติ หมาตัวนั้นก็จะนั่งเฉยๆ อยู่ที่เดิมไม่ทำ�อะไร แต่ครั้งนั้นหมาน้อย ตัวนี้ก ระโดลงจากรถในขณะที่รถกำ�ลังวิ่ง ส่งผลให้เจ้าของขับรถ ทับหมาตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ เสียดายก็เสียดาย แต่จะให้ทำ� อย่างไรได้ ในฐานะที่หมาตัวนี้มีเจ้าของเป็นนักศึกษาคณะ วิจิตรศิลป์ มช. เมื่อตายแล้วจึงมีวิธีรัก ษาศพแบบไม่เหมือ นใคร โ ด ย เ ท ปูน ปลาสเตอร์ทับลงไปจนแข็งหุ้มศพ วางทิ้งไว้ให้แห้ง อยู่ข้างๆ ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วก็เดินเข้าบ้านไป หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เหตุการณ์เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เพราะมีผู้มีจิตศรัทธาจำ�นวนหนึ่งนำ�ทัง้ เครือ่ งประดับ ทัง้ ผ้าหลากสี (ช่วงนั้นยังไม่มีการแบ่งสี) ไปแต่งเติม หมาปูนตัวนั้น พร้อมทั้ง ประนมมือพึมพำ�อะไรบางอย่าง แล้วก็เทแป้งลงบนฝ่ามือ และ ภาพที่เห็นบ่อยๆ ก็ป รากฏอีกครั้งชายหนุ่มหญิงสาวที่มาเหมือนคู่ เดท ก็เริ่มลงมือถูหมาหล่อปูนเอาเลขทันที พอถู ไ ถจนสะใจแล้ว เขาและเธอก็จากไปตามระเบียบ 10 ปีผ่านไป ภาพของคนหาหวยก็ยังวนเวียนมาให้ได้ พบเห็นอยู่เช่นเดิม แต่แน่นอนอะไรใหม่ๆ ก็ตามมาด้วยเช่นกัน วันนี้ฝรั่งก็มาถูต้นไม้เอาหวย ไปวัดแล้ว ตะโกนขอให้รวยเหมือน คนไทย ไปซื้อของก็ต่อราคาแบบคนไทย อยากรู้จริงๆ ว่าเพื่อน คนนี้จะเปลี่ยนไปหรือยัง พระถนอมสิงห์ สุโกสโล บรรณาธิการ


7

4 7 8 8

14

14 22 32 34 36 38 40

Buddhist’s Mystery : “ตุง” สัญลักษณ์ แห่งวิถีล้านนา คน-ทำ�-มะ-ดา : มุมมองของคน บนหลัง จักรยาน… มุมส่วนตัว : อภิวัฒน์ พงษ์วาท นักดนตรี ผู้ไม่มีวันหยุด มุมพิเศษ : วันนีร้ วย!! วันนีร้ วย!!! VS. : ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ Vs. พระมหาวีระชัย ชยวีโร การพนัน ถูกกฎหมายเป็นคำ�ตอบให้สังคมหรือไม่ ธรรมไมล์ : อยาก...จนน้ำ�ลายไหล Hidden tips : 4 วิธีคิด พิชิตทุกข์ ผ้าเหลืองเปื้อนยิ้ม : สามเณรดีเด่น Time for ทำ� ธรรมะ(อีก)บท : ชีวิตมูลค่าเพิ่ม

22

M Mental O Optimum O Orientation M Magazine

สารบัญ


เรื่อง : กองบรรณาธิการ

แอนิเมชั่น พระพุทธเจ้า ของ โอซามุ เท็ตซึกะ ท่าน คล้อด อันชิน ธอมัส พระอเมริกันสังกัดนิกายญี่ปุ่น อดีตทหารผ่านศึกในสงครามเวียดนาม ที่ผันตัวเองจาก ทหารไปเป็นขี้ยา และในที่สุดได้ไปปฏิบัติธรรมกับท่าน ติช นัท ฮัน ที่ฝรั่งเศส จนต่อมาได้บวชป็นพระ พอบวชแล้ว ยังเดินทางแผ่เมตตาจากโปแลนด์ถึงเวียดนามอีกด้วย เรื่องราวของท่านนั้นได้ถูกเล่าไว้ในหนังสือชื่อ สุดทางทุกข์ และจากนี้ต่อไปมันกำ�ลังจะกลายเป็นหนังสารคดีชื่อ AFTER THE WAR และผู้กำ�กับคือ แมรี่ โบซาคาวสกี ที่มากประสบการณ์ สนใจหนังเรื่องนี้ ตามไปดูได้ที่ www. kickstarter.com

วธ. ยกย่อง’ท่านพุทธทาส’ ต้นแบบสร้างขันติ-สันติสู่ สังคม กระทรวงวัฒ นธรรม ได้ล งนาม ข้อ ตกลงความร่วมมือในการ ดำ�เนิน งานร่วมกัน เพื่อเผยแพร่ กิจ กรรมการแสดงด้านศิลปวัฒนธรรมในลักษณะสาระธรรม และธรรมะบันเทิง กับมูลนิธิ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญ โญโดยท่านพุท ธทาสเป็น พระภิกษุที่ได้รับยกย่อ งเคารพนับถือ ของคนไทยและ ต่างประเทศ จนยูเนสโกได้ประกาศยกย่องท่านเป็นบุคคล สำ�คัญของโลก ในโอกาสครบรอบ 100 ปี ชาตกาล เมื่อปี 2549 โดยมูลนิธิห อจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ จะเตรียมความพร้อมด้านสถานที่ เจ้าหน้าที่ อุปกรณ์และ กำ�หนดช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยมีคณะกรรมการดำ�เนิน การจัดกิจ กรรมร่วมกันที่สวนโมกข์กรุงเทพ ตลอดระยะ เวลา 1 ปี นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมา

มุมใหม่

3

พระเอกดังเยือนเกาหลีใต้ ริชาร์ด เกียร์ อดีตพระเอกเนื้อหอมวัย 61 จาก Pretty Woman และ Chicago เยือนวัดพุทธนิกายโชเกใน เกาหลีใต้ เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่ า นมา พร้อมกับเปิด แสดง นิทรรศการภาพถ่า ยของเขา โดยได้รับความสนใจอย่าง ล้นหลาม ซึ่งเกียร์นั้นเลื่อมใสศาสนาพุทธตามคำ�สอนของ ดาไล ลามะ และรณรงค์เพื่อสิทธิของชาวทิเบตมาเนิ่นนาน เขาจึงได้เปิดแสดงภาพถ่ายเกี่ยวกับวิถีชีวิตชาวพุทธ โดย เริม่ จากในทิเบต และ ทีก่ รุงโซล จากนัน้ ไปเยือนวัดพูลกุกซา วัดเก่าแก่ใกล้เมืองเคียงจู เมืองหลวงโบราณ ซึ่งขึ้นทะเบียน เป็นมรดกโลก และยังค้างคืนทีน่ น่ั เพือ่ สนทนากับพระผูน้ �ำ ของนิกาย อีกด้วย www.ryt9.com

กปส. ร่วมกับศูนย์เผยแผ่ พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ Thailand Buddhist Channel กรมประชาสัมพันธ์ ร่วมมือกับ ศูนย์เผยแผ่พ ระพุ ท ธศาสนา แห่งชาติ ก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ช่องพระพุทธศาสนาแห่ง ประเทศไทย (Thailand Buddhist Channel) หรือ TBC เพื่อเผยแผ่พ ระพุท ธศาสนาและนำ�เสนอข่าวสารกิจการ คณะสงฆ์ มหาเถรสมาคม การศึกษาพระพุท ธศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ให้แพร่ขยายทั้งในและต่างประเทศ สามารถรับชมได้ทางดาวเทียมไทยคม 5 ระบบ C-Band (จานดำ�) หรือสามารถรับชมการถ่ายทอดสดได้ที่ www. thaibuddhist.tv


4

Buddhist’s Mystery

เรื่อง : กองบรรณาธิการ I ภาพประกอบ : รบฮ.

“ตุง” สัญลักษณ์แห่งวิถีล้านนา

1.0 0.8 0.6 0.4

1.0 0.8 0.6 0.4 0.2 0.0 0.0

0.2

0.4

0.6

0.8

1.0

0.2 0.0

ทุกครั้งที่เราย่างกรายไปในภาคเหนือ จะพบเห็นธงยาวๆ สีสันสดใส โบกพลิ้วปลิวไสวอยู่ตามข้างทาง หลายๆ คนคง อดสงสัยไม่ได้ว่า เจ้าธงยาวๆ เหล่านี้มีไว้เพื่ออะไร และมีความ เป็นมาอย่างไรกันแน่ ธงที่เราเห็นกันนั้น เรียกว่า “ตุง” มีลักษณะเป็นแผ่น วัตถุส่วนปลายแขวนติดกับเสาห้อยเป็นแผ่นยาวลงมา ตุงถูกแบ่ง ประเภทตามวัสดุที่ทำ� และวัตถุประสงค์ในการนำ�ไปใช้ วัสดุที่ใช้ทำ� ตุงนั้นมีหลายอย่าง เช่น ไม้ สังกะสี ผ้า กระดาษ ใบลาน ฯลฯ โดย จุดประสงค์ของการทำ�ตุงล้านนาก็คือ ถวายเป็นพุทธบูชาโดย ทั้งชาวไทยยวน ไทลื้อ ไทเขิน และไทใหญ่ เพื่อเป็นการทำ�บุญอุทิศ ให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว หรือถวายเพื่อเป็นปัจจัยส่งกุศลให้แก่ตน ไปในชาติหน้า ด้วยความเชื่อว่าเมื่อตายไปแล้ว จะได้เกาะยึด ชายตุงขึ้นสวรรค์ ตุง ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ในงานประเพณีต่างๆ เช่น ประเพณีสงกรานต์ของชาวล้านนา และเป็นเครื่องสักการะของชาว ล้านนาไทยใช้ในพิธีกรรม ดังเช่น ตุงซาววา ตุงกระด้าง ส่วนตุงที่ใช้ในงานพิธีมงคลได้แก่ ตุงไชย และ ตุงช้าง ใช้ปักเพื่อเป็น สัญลักษณ์ว่าในบริเวณนั้นจะมีงานฉลองสมโภชน์ โดยจะปักตุง ไว้ห่างกันประมาณ 8-10 เมตร เป็นแนวสองข้างถนนสู่บริเวณงาน และยังนิยมใช้ในการเดินขบวนเมื่อมีงานเฉลิมฉลองต่างๆ ตุงพระบฏ แสดงภาพเกี่ยวกับพุทธประวัติ ตุงตะขาบ ตุงจระเข้

ปักไว้เป็นการแสดงว่าวัดนี้จะมีการทอดกฐิน ตุงไส้หมู เป็นพวง ประดิษฐ์รูปร่างคล้ายจอมแหหรือปรางค์ ใช้ประดับตกแต่งงาน พิธีบุญต่างๆ เพื่อความสวยงาม เช่น งานฉลอง หรืองานปอย ทอดกฐิน งานสืบชะตา หรือขบวนแห่ต่างๆ รวมถึงงานอวมงคล เช่น “ตุงแดง” บางที่อาจเรียกว่า ตุงค้างแดง หรือ ตุงผีตายโหง จะปักไว้บริเวณที่มีผู้ตายโหง แล้วก่อเจดีย์ทรายกองเล็กๆ เท่ากับ อายุของผู้ตาย ไว้ในกรอบสายสิญจน์โดยเชื่อว่าผู้ตายจะได้หมด ทุกข์และเป็นการปักสัญลักษณ์เตือนว่าจุดนี้เกิดอุบัติเหตุ และ “ตุง สามหาง” มีความเชื่อตามคติของพระพุทธศาสนาว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือมีความเชื่อว่าคนเราตายแล้วต้องไปเกิดใหม่ในภพใด ภพหนึ่ง หรือหมายถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ใช้ในการเดิน นำ�ขบวนศพ ปัจจุบันนี้กลับกลายเป็นว่าตุงถูกนำ�ใช้มาเป็นส่วนหนึ่งของ ธุรกิจมากขึ้น เราจะเห็นตุงถูกนำ�ไปเป็นเครื่องประดับประดาตาม สถานที่ต่างๆ เช่น โรงแรม รีสอร์ท ฯลฯ หรือนำ�ไปประโคมตกแต่ง ร่วมกับขบวนแห่ต่างๆ ในแต่ละเทศกาลการท่องเที่ยว จริงอยู่นั่น อาจทำ�ให้ประชาชนเกิดอาชีพและรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยว แต่เมื่อมองในมุมกลับ ก็อาจทำ�ให้ความสำ�คัญและ จุดประสงค์ที่แท้จริงของตุงนั้นค่อยๆ เลือนหายไปตามยุค สมัยได้เฉกเช่นเดียวกัน


www.WANGDEX.co.th


6

Book Corner

เรื่อง : กองบรรณาธิการ

กุญแจใจ Key to your heart ผู้แต่ง: สิริมตี นิมมานเหมินท์ ติดต่อขอรับหนังสือได้ที่ 089-6669234 เคล็ดวิธีน้อมเข้าหาตน ... เพื่อเปิดดูใจ เป็นคำ�นิยามของหนังสือเล่มนี้ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการ บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ พร้อมด้วยภาพประกอบสีสนั สดใส โดยผูแ้ ต่งได้ตง้ั ข้อสังเกตว่า คนเรามักจะ ตั้งคำ�ถามกับตัวเองอยู่เสมอในเรื่องราวรอบๆ ตัว ทำ�ไม เพราะอะไร อย่างไร ฯลฯ ซึ่งบางทีก็อาจ ไม่ได้รับคำ�ตอบที่ชัดเจนนัก เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวสามัญที่เกิดขึ้นได้กับเราๆ ท่านๆ หากแต่มุมมองของผู้แต่งนั้นกลับทำ�ให้เราค้นพบอะไรบางอย่าง สอดแทรกเคล็ดลับในแต่ละเรื่อง ให้เราได้คิดตาม เหมือนเป็นกระจกส่องตัวเอง ว่าหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับตัวเราเองบ้าง เราจะมีวิธีน้อมรับมันอย่างไร และจะทำ�ยังไงให้มันผ่านพ้นไปด้วยดี เสมือนปลดล็อคประตูหัวใจ ตัวเอง เพื่อเรียนรู้ตัวตนของเราเองให้มากขึ้น หลวงตาหน้าใส ในสายทางแห่งปัญญา ผู้แต่ง: ชมัยภร แสงกระจ่าง สำ�นักพิมพ์: มูลนิธิเด็ก ใครที่กำ�ลังคิดว่าตัวเองมีปมด้อย หรือมีเรื่องราวน้อยเนื้อต่ำ�ใจในชีวิตที่ผ่านมา ลองเปิดหนังสือ เล่มนี้แล้วอ่านเรื่องราวของเด็ก ชายนกกับคางคกตัวดำ� เพื่อเป็นการค้นหาหนทางที่จะนำ�ไปสู่ ความสุขของชีวิต ซึ่ง สามารถเก็บเกี่ยวออกมาจากความคิดและสมองของเราเองล้วนๆ โดยที่ ไม่จำ�เป็นต้องไปขวนขวายหามาจากไหนทั้งสิ้น ชมัยภร แสงกระจ่าง นายกสมาคมนักเขียนแห่ง ประเทศไทย แต่งเรื่องนี้ขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบอายุ 72 ปีของ พระคุณเจ้าพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต) พระมหาเถระผู้ทรงคุณอันประเสริฐ โดยเรียบเรียงออกมาเป็นรูปแบบนิทาน พร้อมภาพประกอบน่ารักๆ ให้อ่านเข้าใจง่าย พร้อมทั้งแทรกปฏิทินที่สามารถบันทึกข้อความ ได้ตลอดทั้งปี สามารถมอบเป็นของขวัญได้อย่างถูกใจทั้งผู้ให้และผู้รับ Paranormality: Why we see what isn’t there ผู้แต่ง: Richard Wiseman สำ�นักพิมพ์: Macmillan ริชาร์ด ไวส์แมน นักเขียน นักมายากล และนักจิตวิทยาผู้โด่งดังเรื่องการศึกษาปรากฏการณ์ เหนือธรรมชาติแห่งอังกฤษ เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นเพื่อพิสูจน์ความเชื่อ ของเขาที่ว่า โลกนี้ไม่มี ไสยศาสตร์ มีแต่จิตที่คิด หลอกตัวเองเท่านั้น โดยพยายามจับผิดการทำ�งานของความคิดไป พร้อมกับการพิสูจน์ความเชื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศาสตร์แห่งการทำ�นาย, พลังจิตใช้งอ สิ่งของ, การพูดคุยกับวิญญาณ, การล่าท้าผี, การควบคุมความฝัน และอีกหลากหลายเรื่องราว ลี้ลับและน่าสนใจ


เรียบเรียง : วรวรรณ กิติศักดิ์ I ภาพ :

คน-ทำ�-มะ-ดา

มุมมองของคน บนหลังจักรยาน…

หากจะกล่าวถึงวิวฒ ั นาการของการเดินทางไปยังสถานที่ ต่างๆ ตัง้ แต่เมื่อครั้งอดีตจวบจนถึงปัจจุบันแล้วนั้น มียานพาหนะ เกิดขึ้นมากมายตามแต่ละยุคแต่ละสมัย ซึ่งทำ�ให้ช่วยย่นระยะ การเดินทางให้สะดวกรวดเร็วมากยิง่ ขึน้ แต่แน่นอนว่าสิง่ ทีต่ ามมา คือราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นเป็นเงาตามตัว และนี่คือเหตุผลหนึ่ง ที่ท�ำ ให้ ไตรสิทธิ์ ประจวบสุข หรือ นุ วัย 36 ปี พนักงานต้อนรับ ส่วนหน้าของโรงแรมเชียงใหม่ออร์คิด เลือกที่จะใช้วิธีเดินทาง ที่แสนจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าด้วย “การปั่นจักรยาน” “นุ” ชายหนุ่มที่เรากำ�ลังกล่าวถึง นั่งอยู่บนจักรยาน ยิ้มกว้าง ไม่มีอาการบ่งบอกถึงความเหนื่อยแม้แต่น้อย เขาเล่าว่า ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อจักรยาน สัญชาติญี่ปุ่นมือสองในราคาสามพันบาท กับ ระยะทางไปกลับ 30 กิโลเมตร จากบ้านของเขาที่ อ.สันทราย มายังที่ทำ�งาน ในเมือง ทำ�ให้เขาสามารถประหยัดเงินค่าเดินทางได้ถึงเดือนละ หนึ่งพันบาทเป็นอย่างต่ำ� หากมีใครถามว่าทำ�แบบนี้แล้วได้อะไร คำ�ตอบที่เขามีให้พร้อมกับรอยยิ้มอิ่มบนใบหน้า ก็คือ “มีแต่ได้ กับได้” ไม่เสียอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว ทำ�ให้สุขภาพแข็งแรงขึ้น

รู้สึกกระปรี้กระเปร่าในการทำ�งานมากขึ้น ไม่สิ้นเปลืองน้ำ�มัน ลดภาวะมลพิษ ลดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเช็คนำ�้ มันเครื่อง ไม่ต้อง เข้าศูนย์ อาจจะเสียเวลาไปนิดกับการต้องมาอาบน้ำ�ที่ทำ�งาน ก่อนจะเริ่มปฏิบัติงาน แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งสำ�คัญ สิ่งที่เขาให้ความ สำ�คัญที่สุดในการเดินทางด้วยจักรยานก็คือความปลอดภัย ดังนั้นเขาจึงไม่เคยมองข้ามการใช้อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย เช่น หมวกกันน็อก ไฟหน้า ไฟท้าย รวมถึงต้องเลือกเส้นทาง ที่ปลอดภัยที่สุด แม้ว่าจะต้องอ้อมไกลกว่าเดิมแต่ก็ปลอดภัย และเมื่อไม่นานมานี้เขายังได้ตัดสินใจซื้อบ้านที่ อ.แม่ริม สวนทางกับคนส่วนใหญ่ที่ต้องการอยู่ท่ามกลางความ สะดวกสบายและความทันสมัยของสังคมเมือง เขาบอกกับเรา ว่าเขาก็แค่ซื้อที่ดักไว้ เพราะคิดว่าอนาคตข้างหน้าอีกไม่ไกล สังคมเมืองจะขยายไปหาเราเอง ไม่ต้องไปดิ้นรนไขว่คว้าอะไร และแน่นอนว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง เขาก็จะยังคงใช้วิธีการ เดินทางด้วยจักรยานเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพราะจักรยานได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต ไปเสียแล้ว

7


8

มุมส่วนตัว

เรียบเรียง : กองบรรณาธิการ I ภาพ : วัชรพงษ์ บุญเรือง

อภิวัฒน์ พงษ์วาท

นักดนตรีผู้ไม่มีวันหยุด

ความฝันเป็นสิ่งที่สวยงาม แต่จะมีสักกี่คนที่ทุ่มเทไล่ตามความฝันที่มีมาตั้งแต่เด็ก โดยไม่ท�ำ ใจเผื่อไว้ว่า จะผิดหวังเลย “มุม” ในฉบับนี้จึงได้มีโอกาสพูดคุยกับชายหนุ่มนักดนตรีชื่อ อภิวัฒน์ พงษ์วาท หรือ หนึ่ง ETC ชายผู้ตั้งเป้าจะมาเป็นนักดนตรีมาตั้งแต่เด็ก โดยพยายามทำ�ทุกอย่างให้ตัวเองมีโอกาสได้อยู่บน เส้นทางดนตรี และจนถึงวันนี้ที่เขาไม่ได้มีเฉพาะดนตรีเสียแล้ว หากแต่มีธรรมะเข้าไปเสริมดนตรีเสียด้วย เรื่องนี้มีความเป็นมายังไง มาลองอ่านดูครับ


มุม : เริ่มรู้ตัวว่าชอบในเรื่องของดนตรีตั้งแต่อายุเท่าไหร่

9

จริงๆ ก่อน ม.1 นะ ตอนประถมครับไปเรียนอีเลคโทน แล้วก็คุณพ่อจัดรายการภาคภาษาอังกฤษ ต้องเปิดเพลงภาษาอังกฤษด้วย เลยชอบ เพลงตั้งแต่เด็กๆ แล้วครับ มุม : ตอนนั้นเริ่มตั้งวงกันเองหรือยัง ไม่ได้ตั้งวงครับ แต่ไปรู้จักกับรุ่นพี่ซึ่งไปเล่นอยู่ที่วงโรงเรียน ได้ไปดูเขาซ้อมทุกวัน ตั้งแต่นั้นก็หัดเล่นไปเรื่อยๆ หากิจกรรมทุกอย่างที่เกี่ยวกับ ดนตรีทำ� ตั้งวงโน่นตั้งวงนี่ เป็นประธานชมรมดนตรี ประกวดโน่นประกวดนี่ ก็จริงๆ อยากเรียนดนตรี แต่ว่าตอนนั้นจบ ม.6 ก็ต้องมีสอบ โควต้าสอบเอ็นทรานส์ เราไม่เคยเรียนดนตรีที่เป็นทฤษฏีจริงจัง ที่จะไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยดนตรีได้ มันก็เลยต้องเลือกคณะที่แบบที่มัน ใกล้เคียงสุด ก็มีวิจิตรศิลป์ มีแมสคอม เพราะแมสคอมมันมีวิทยุไงฮะ ก็นึกถึงดีเจนึกแบบเด็กๆ แบบโง่ๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องคาดว่าจะเกี่ยวกับ ดนตรีก็เลือกไป แต่ในใจจริงๆ แล้วอยากทำ�งานดนตรี แต่ด้วยความที่สมัยนั้นจบ ม.6 ค่านิยมมันต้องรีบเรียนต่อ สอบแล้วมันไม่ติดแล้ว มันเสียฟอร์ม ก็เลยต้องเรียนไป แต่ในระหว่างเรียนอุดมศึกษาก็ได้ท�ำ งานร้องเพลงที่ผับ ตั้งแต่ปีหนึ่งเทอมสองจนจบเลย ถ้ารวมตั้งแต่ปีหนึ่ง แล้วก็ประมาณหลังจากจบไปอีกประมาณสามปี รวมแล้วเจ็ดแปดปีส�ำ หรับการเล่นดนตรีที่ผับ มุม : ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปเยอะไหมจากนักดนตรีที่เล่นที่ผับกับเป็นนักดนตรีที่สังกัดค่าย ชีวิตไม่ค่อยต่างเท่าไหร่ ต่างกันที่เรื่องเงินนี่แหละครับ ที่ต้องมาลุ้นกันเพราะมันไม่มีเงินเดือน เล่นผับมันมีเงินเดือนแน่นอน แต่เป็นศิลปิน ออกอัลบั้ม กว่าจะทำ�อัลบั้มเสร็จถึงจะได้เงินค่าทำ�งาน ซึ่งคนทำ�เยอะก็จะได้เยอะ มุม : รู้อยู่แล้วแต่แรกหรือเปล่าว่าจะเป็นอย่างนี้ รู้อยู่แล้วครับ แต่ว่ามันต้องไปเสี่ยงดวงข้างหน้า เหมือนกับว่าความสำ�เร็จข้างหน้ามันอยู่ที่เพลง พอเพลงดังมันก็จะมี ถ้าสมัยนั้นก็คงคาด หวังจากยอดขายซีดี ยอดขายเทป ดาวน์โหลดอะไรอย่างนี้ครับ ซึ่งตอนที่เราออกเป็นช่วงที่วงการเพลงกำ�ลังเริ่มแย่ คนเริ่มดาวน์โหลด ไม่ซื้อของจริง แต่ตอนนี้พอ ETC อยู่ไปอยู่มาแล้วก็เริ่มมีเพลงที่คนรู้จักเยอะขึ้น ก็มีงานโชว์ที่เยอะขึ้น ทุกวันนี้รายได้หลักก็อยู่ที่แสดงสด เล่นคอนเสิร์ต มุม : ทั้งๆ ที่อยู่ในแวดวงแสงสีเสียงอย่างนี้ตลอดเวลา อะไรที่ท�ำ ให้พลิกผันให้กลับมาคิดถึงเรื่องธรรมะ ที่คิด เพราะว่าเวลากลับมาบ้านเชียงใหม่ก็จะได้ไปงานศพทุกครั้งเลย มันมีอยู่ปีสองปีที่กลับมาบ้านแล้วจะต้องตรงกับงานศพญาติตลอด ไปแล้วก็รู้สึกเบื่อๆ กลับบ้านมาทั้งทีก็อยากมาพักผ่อน แต่มาอีกแล้วงานศพ มานั่งนึกอีกทีไปงานศพก็ดี เพราะว่าคนเรามันก็ตายได้ครั้ง เดียวเนอะ ไปงานศพก็ถือเป็นโอกาสดี ถือเป็นบุญที่ได้ไป ก็เลยกลับมาเริ่มคิดว่าอยากจะบวช คิดประมาณสองปีครับ เพราะว่า ETC จะมีงานตลอดเลย บวชมันก็ต้องอย่างน้อยอาทิตย์หนึ่ง หรือว่า 9 วัน 15 วัน พรรษาหนึ่งอะไรอย่างนี้ครับ ก็เลยตั้งใจบอกคนอื่นตลอด บอกพ่อ บอกแม่ตลอดเลย เป็นกุศโลบายให้ตัวเองว่าปีนี้บวชแน่ ก็เลยบอกพ่อว่าจะบวชนะบวชแน่นอนบวชให้พ่อให้แม่ ก็เป็นช่วงที่งาน เยอะสุดๆ ทุกอย่างมันรุมเร้าหมดเลยเหนื่อยมาก มุม : แล้วเป็นยังไง ตอนสามวันแรกก็รู้สึกอยากกลับ เพราะพอนุ่งเหลืองห่มเหลืองแล้ว ความรู้สึกตอนนั้นก็คือความคิดทุกอย่างมันเกรงกลัวไปหมด ได้นอนกุฏิ


10 เดี่ยวๆ กลางป่า พออยู่ในผ้าเหลืองแล้ว ความคิดอะไรทุกอย่างมันก็ไม่กล้าคิดแล้วครับ แค่คิดถึงแฟน อยากจะกอดแฟนแบบนี้ ก็ไม่กล้าคิด แล้ว คิดไปคิดมา เริ่มคิดถึง คิดถึงมากจนร้องไห้ แล้วก็เริ่มเป็นห่วงเพลง ก็เริ่มไปคุยกับแม่ บอกแม่บวชเจ็ดวันได้ไหม พ่อบอกให้อยู่ต่อ ทุกคนก็คะยั้นคะยอให้อยู่ต่อ ผมก็อยู่ต่อแบบจำ�ใจ แม่ก็เลยช่วยด้วยการมาปฏิบัติธรรมด้วย แม่มานุ่งขาวห่มขาวมาอยู่ที่วัดด้วยเลย มุม : แล้วมันทำ�ให้ความตั้งใจอยากจะสึกเปลี่ยนไปด้วยไหม ยังไม่เปลี่ยนครับ ยังเคืองอยู่ด้วยอยากสึกเร็วๆ ก็แบบว่า เออ...รู้แล้วมันสงบยังไง แต่จริงๆ เรายังไม่รู้ไงว่า ความคิดในหัวที่มันวุ่นวายมัน คืออะไรบ้าง แล้วก็มาเรียบเรียงผลที่จะตามมาว่า ถ้าสึกเร็วไปสองวัน กับรออีกสองวันให้ครบเก้าวันตามที่ก�ำ หนดไว้ต่างกันตรงไหน แต่ก็ ปฏิบัติไป ตอนปฏิบัติก็ตั้งใจปฏิบัตินะ ตอนนั่งสมาธิ เราก็ยุบหนอ พองหนอ ค่อยๆ ทำ�ตามที่เขาบอก ความคิดมันก็เริ่มเรียงตัว วันที่สี่ตอน บ่ายนั่งสมาธิแล้วขาเหน็บชา เราก็ทนจนเลยจุดนั้นไป เจ็บแล้วก็มองมันไปว่ามันเหน็บชา เสร็จแล้วตอนนั้นความคิดมันก็วิ่งละ มันเหมือน วิ่งหาอะไรสักอย่าง เหมือนหาทางออก เหมือนกำ�ลังลากเมาส์ไปที่รีไซเคิลบินแล้วได้ลบมันออก หรือไม่ลากเมาส์แล้วก็คลิกขวารีเฟรชอะไร อย่างนี้ ประมาณว่าทุกอย่างมันเหมือนแบบโปรแกรมทุกอย่างมันรันหมดทำ�ให้เครื่องอืดอะไรอย่างนี้ ความรู้สึกตอนนั้นก็คือเหมือนขึ้นไป อยู่แบบเป็นยอดต้นไม้สูงๆ ลมพัดเย็นที่หัวเย็นทั้งร่างนี่เลย เหมือนได้optimize file ลบรีไซเคิลบินออก รีเฟรชหน้าจออะไรอย่างนี้ สบายครับ แล้วก็ลืมตาขึ้นมาก็เป็นจุดที่รู้สึกว่า สดชื่นที่สุดในชีวิตเลยเท่าที่เคยรู้สึกมาเลย หลังจากนั้นความคิดที่แบบอยากกลับบ้าน คิดถึงแฟน อะไรพวกนี้ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไปเลย เหมือนไปเห็นว่าเรารู้สึก แต่ว่าเราแค่มองมัน ไม่ได้เก็บมันมาทำ�ให้เราวุ่นวายใจ เพราะว่าจริงๆ แล้ว มันไม่มีอะไรอย่างที่เราคิดขนาดนั้นนี่ มุม : ทนได้ว่าอย่างนั้นเถอะ ไม่จำ�เป็นต้องทนเลย เพราะว่าจริงๆ เก้าวันก็เป็นคิวที่เราเคลียร์ไว้อยู่แล้ว ถ้าเกิดอะไรเดี๋ยวค่อยไปว่ากันทีหลัง หลังจากนั้นก็สบายเลย ปฏิบัติทุกครั้งก็แบบลืมตาขึ้นมา โอย...สดชื่นๆ อะไรอย่างนี้ทุกครั้งเลย มุม : แล้วพอสึกแล้วกลับไปเผชิญชีวิตเหมือนเดิม โลกต่างไปหรือว่ากลับมาเหมือนเดิม ช่วงแรกๆ ก็นั่งสมาธิอยู่ครับ แต่มันจะไม่ได้จุดที่ตื่นมาแล้วสดชื่นเหมือนตอนที่อยู่ในวัด เพราะว่ากลับมาใช้ชีวิตแบบวุ่นวายเหมือนเดิมแล้ว ทีนี้ก็เริ่มรู้สึกว่า ความคิดมันเรียบเรียงดีขึ้น ก็มีชีวิตอยู่ช่วงหนึ่ง ช่วงต้นๆ ที่ต้องกลับมาแล้วทำ�ธุระเรื่องบ้านเรื่องโน่นเรื่องนี่ เล่นคอนเสิร์ต อะไรที ก็เริ่มรู้สึกว่าวันหนึ่งมันผ่านไปช้า เพราะว่าเมื่อก่อนมันเวลามันผ่านไปเร็วเราไม่รู้ตัว เพราะเราไม่ได้กำ�หนดสติอย่างนี้ พอมาใช้ชีวิต จริงๆ แล้ว วันหนึ่งมันทำ�อะไรได้เยอะ จนมีบางครั้งนอนไม่หลับ โทรไปปรึกษาพระ พระบอกว่ากำ�หนดเยอะไปหรือเปล่า เหมือนแบบพอ กำ�หนดเยอะรู้สติตลอดเวลา ตอนหลังพอเริ่มมีงานเข้ามาเยอะขึ้นเรื่อยๆ เริ่มหายไปครับ เริ่มกลับมาคล้ายๆ แบบเดิมแล้วครับ มุม : ช่วงนี้พอกลับมาเชียงใหม่แต่ละครั้งก็เลยไปที่วัดก่อนเลย ช่วงก่อน พอเริ่มมีงานหนัก แล้วก็งานโปรโมทอัลบั้มใหม่เข้ามานี่ล่ะ เริ่มเหนื่อยแล้วก็เริ่มรู้สึกกลับไปเป็นคล้ายๆ เหมือนก่อนที่เราจะไปบวช แล้ว พอดีช่วงนี้ว่างอยู่ประมาณห้าวันเลยบอกแม่ว่า ขอไปอยู่วัดนุ่งขาวห่มขาว ไปปฏิบัติเสียหน่อย มุม : ถ้าจะนิยามตัวเองในสมัยแรกๆ ที่เพิ่งเข้าวงการกับที่มาถึงตรงนี้จะนิยามตัวเองยังไง สมัยก่อนเป็นยังไงสมัยนี้เป็นยังไง ยังเหมือนเดิมอยู่อย่างหนึ่งคือเป็นคนมองโลกในด้านบวก ไม่ค่อยมองด้านลบ มองสิ่งที่เข้ามาเป็นด้านบวก เมื่อก่อนใจร้อนมั้งครับ จริงๆ ก็ ใจเย็นมาก่อนที่จะบวชแล้วพยายามใจเย็น ฝึกเหมือนฝึกตัวเองมาประมาณหนึ่งนะฮะ ต้องอยู่กับคนที่แบบพื้นฐานความคิดต่างกัน แต่มัน


อยากอยู่ด้วยความสามารถ ที่คนต้องการเห็น และต้องการ เสพอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้ ไม่ได้อยากอยู่ด้วยเพลง ที่ดัง โดน เท่านั้น


12 ต้องอยู่ร่วมกัน เวลาคุยกันอะไรมันลำ�บาก เหมือนฝึกตัวเองไปในตัว ต้องอยู่ตลอด ต้องหาวิธีคุยบ้าง ปลงบ้าง อะไรอย่างนี้ครับ ทุกวันนี้ที่ ต่างไปจากเมื่อก่อนก็คือ น่าจะเป็นความคิดรวบยอดมากกว่า หรือว่าการตีความเรื่องจิตใจ การอยู่กับเพื่อน คุยกับเพื่อน การทำ�อะไรให้กัน ก็จะดูแลจิตใจกัน ดูว่าใครคิดยังไงอยู่อะไรอย่างนี้ มุม : ซึ่งเมื่อก่อนไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เมื่อก่อนก็สนนะ จริงๆ จะเป็นคนแคร์ความรู้สึกคนตลอด อยากให้คนรู้สึกดีกับเรา แต่ตอนหลังจะเป็นเรามากกว่าที่ไปคาดหวังมากกว่าว่า อยากให้คนอื่นเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งแต่ละคนมันก็มีวิธีดีลต่างกันไปอะไรอย่างนี้ เราก็เลยแบบบางทีเครียดกับตรงนั้นเหมือนกัน เพราะว่า เป็นคนไฟแรง แล้วบางทีรอบข้างดันไฟไม่แรง ซึ่งอาจจะเป็นช่วงหนึ่งของชีวิตของบางคนที่แบบอาจจะแบบติดภาระโน่นภาระนี่จริงๆ อะไร แบบนี้ ซึ่งไม่สามารถจะมาไฟแรงเหมือนเราได้ เราก็อารมณ์เสีย ตอนนี้ก็ต้องเข้าใจคนอื่นด้วยก่อนที่จะไปตัดสินคนอื่น อาจจะไปดูพื้นฐาน เขาก่อนว่า ทำ�ไมเขาถึงคิดอย่างนั้นแล้วก็เข้าใจเขา ถ้าอยากจะให้เขาเป็นยังไงในความคิดของเรา เราควรจะทำ�ยังไง แล้วก็ค่อยๆ หาทางไป ด้วยวิธีที่ละมุนละม่อมที่สุด มุม : ทุกวันนี้อะไรคือเป้าหมายในชีวิต เป้าหมายต่อไปก็คงเป็นการฝึกซ้อมครับ ฝึกซ้อม เพราะว่าอยากอยู่ในความเป็น ETC นานๆ แบบคาราบาวอะไรอย่างนี้ อยากอยู่ด้วยความ สามารถที่คนต้องการเห็น และต้องการเสพอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้ ไม่ได้อยากอยู่ด้วยเพลงที่ดัง โดน เท่านั้น แต่ว่าคนจ้างเพราะว่าต้องการดู อะไรบางอย่างในตัวเราด้วย คือเสริมกันนั่นแหละ ไม่อยากให้ไอ้ความสำ�เร็จความมีชื่อเสียงมันมานำ� ซึ่งถ้าเรามีความสามารถมันจะอยู่ได้ ยาวกว่าเหมือนทุกอาชีพนะ เพราะทุกอาชีพ ถ้าเก่งในสายงานไหนคนก็จะจ้างตลอด เราก็เลยคิดว่าทุกวันนี้ก็ต้องฝึกมากขึ้น มีแบบฝึกหัด อะไร มีสิ่งอะไรที่มันยังพัฒนาได้อยู่จะฝึกไปเรื่อยๆ เพราะว่าไปดูศิลปินระดับโลกเขาก็ฝึกตลอด เขาไม่หยุด มุม : แล้ววันหนึ่งจะก้าวขึ้นไปในระดับที่เกิน X-Japan เคยอยู่ไหม อยากไปครับ (เสียงมั่นมาก) แต่ว่าถ้าจะไประดับนั้นได้ก็ต้องฝีมือจริงๆ เพราะว่าถ้าพูดถึงในแง่ดนตรีแล้ว แค่ไปดูมิวสิกเฟสข้างบ้าน ไปดู วงวัยรุ่นมาเลย์แล้ว โอ้โห! แบบสุดๆ อะ (เน้นเสียง) เหมือนเหนือฟ้ายังมีฟ้า ดนตรีมันไม่มีที่สิ้นสุด โอ้โห! เก่งฉิบหายเลย แต่เราไม่ได้รู้เลยว่า จริงๆ แล้วที่เขาเก่งอย่างนั้น เพราะมันมาจากจิตใจที่มุ่งมั่นมาตั้งแต่เด็กแล้วนะ ทีนี้ถ้าเราอยากเก่งแบบนั้น อยากจะไปอินเตอร์ขนาดนั้น เราก็ต้องไปศึกษาว่า คนนั้นเก่งมาตั้งแต่ตอนไหน ตอนเด็กเขาศึกษาอะไรมา เราต้องตามตั้งแต่เด็กเลย คือเดี๋ยวนี้มันตามได้ไง มันมีประวัติ ของเขา ศึกษาเพลงอะไรมาก่อน เราก็ตามไปดู เขาไปฟังเพลงอะไรมา ทำ�ไมเขาถึงเก่งได้แบบนี้ สมัยนี้หลักสูตรเร่งรัดทางอินเตอร์เน็ตมัน หาได้ง่ายมาก ทีนี้ก็อยู่แต่ความขยันแล้วว่าจะขยันได้แค่ไหน แล้วก็ทัศนคติการเปิดกว้าง การกลับมามองตัวเองแล้ว analyze ตัวเอง รู้ว่า เทียบกับมาตรฐานแล้วตัวเองอยู่ระดับไหน อันนี้ส�ำ คัญถ้าเกิดไม่รู้นี่จะเป็นคนที่น่าสงสารเหมือนกัน มุม : คิดจะไปอยู่เบื้องหลังบ้างไหม ก็จริงๆ แล้วความคิดที่ไปเป็นเบื้องหลังมันเป็นเป็น side project หรือว่าเป็นช่วงว่างจากการที่ไม่ได้เล่นด้านหน้าเวที หรือไม่ก็เป็นช่วงที่ ตกตำ�่ นี่คือการตีความของผม ช่วงที่ตกต่ำ�ก็คือไม่สามารถอยู่หน้าเวทีแล้ว แป๊กแล้ว ไม่ดังแล้ว นั่นแสดงว่าเราไม่ประสบความสำ�เร็จในสิ่งที่ เราพยายามมา ก็จะพยายามอยู่ด้านหน้าให้นานๆ ให้ได้ เพราะว่ามีศิลปินเยอะแยะที่อยู่หน้าตลอดเลย อยู่หลังก็ได้ แต่ว่าอยู่หน้าเป็นหลัก ครับ



14

มุมพิเศษ

เรื่อง : กองบรรณาธิการ I ภาพประกอบ : รบฮ.

วันนี้

รวย!!


วัรวย!! นนี้


ถ้าคุณถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง....คุณจะเอาเงินไปใช้ท�ำ อะไร ???? “หวย” กระดาษใบเล็กๆ ที่มีผลต่อชีวิตคนนับล้าน รัฐบาลไหนๆ ก็ต้องการขายหวย คนรวยๆ ก็ยังชอบ เล่นหวย แม้แต่คนที่ยังไม่รวยก็ต้องการเล่นหวย ทั้งๆ ที่เสียแล้วเสียอีกก็ไม่เข็ด เหมือน “หวย” มีอำ�นาจอะไรบางอย่าง ชวนให้ผู้คนหลงใหล เรามาลองศึกษากันดีกว่าว่าพระพุทธศาสนาสอนเรื่อง “หวย” ไว้อย่างไร รู้ไหมว่า “หวย” คืออะไร “หวย” เป็น “การพนัน” การพนันเสี่ยงทายประเภทหนึ่ง ได้ชื่อมาจากประเทศจีนว่า “ฮวยหวย” (花會) แปลว่า “ชุมนุมดอกไม้” เนื่องจากว่าสมัยเริ่มแรก เป็นการเขียนรูปดอกไม้ให้จับสลาก ถ้ารูปตรงกับที่วางเดิมพันไว้ก็ได้เงินไป ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนรูปดอกไม้ ไปเป็นชื่อคนโบราณ และก็มีการพัฒนาจนกลายมาเป็นหวยตัวเลขแบบปัจจุบันในเวลาต่อมา ซึ่งอัตราต่อรองก็มีการเปลี่ยนแปลง มาโดยตลอดด้วยเช่นกัน และเมื่อหวยเดินทางไปสู่ประเทศในแถบยุโรปก็มีชื่อเป็นยุโรป คือ Lottery ซึ่งมาจากภาษาดัชว่า loterij ซึ่งมีรากศัพท์มากจาก lot ที่แปลว่า “โชคชะตา” ทำ�ให้การอุปมาถึงความโชคดีที่เกิดขึ้นในหลายๆ สถานการณ์จึงเปรียบไปเข้ากับการ ถูกหวย เช่น เวลาได้พบกับคนที่ถูกใจ เวลาประสบความสำ�เร็จในการเจรจา เป็นต้น หวยนั้นมีผลต่อคนหลายฝ่ายทั้งที่เล่นและไม่ได้เล่น สำ�หรับสิ่งที่จะเกิดกับพวกที่ชอบเล่นหวย ก็มีอยู่ 2 อย่างคือ แทงถูก กับ ถูกกิน ถ้าหากว่าถูกกิน เรื่องราวก็จบลงอย่างไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น อาจจะเซ็งนิดหน่อย แต่ในความรู้สึกก็ไม่ได้เสียดายอะไรมากมาย ครั้งหน้าเอาใหม่ก็ได้ แต่ถ้าหากแทงถูกขึ้นมา ก็ต้องมาดูกันว่ารางวัลเล็ก จำ�นวนเงินเล็กน้อยหรือเปล่า หากว่าได้เล็กน้อย คนส่วนใหญ่ก็เอาไปกิน ไปดื่มจนหมดในวันนั้น โดยที่ไม่ได้คิดถึงว่าก่อนหน้านี้เสียมาแล้วเท่าไหร่ หากถูกรางวัลใหญ่ๆ เช่น รางวัลที่ 1 ผู้คนที่เคยรู้จักและ เป็นญาติต่างๆ ก็จะเข้ามาใกล้ชิดมากขึ้นทันที จนมีเรื่องราวของผู้ที่พยายามฆ่าตัวตายเนื่องจากถูกหวยเกิดขึ้น เพราะพอถูกหวยปุ๊บ ก็ถูกกดดันจากคนรอบข้าง ทั้งที่รู้จักและที่อยากจะรู้จักขึ้นมาทันที จนเจ้าของรางวัลรับไม่ไหวต้องหนีทุกขลาภนี้ด้วยการพยายาม จบชีวิตของตัวเองไป เคยมีรายการทีวีของฝรั่งรายการหนึ่ง ได้ไปตามติดชีวิตผู้ที่ถูกรางวัลที่หนึ่ง โดยมีข้อสงสัยว่าทำ�ไม ผู้คนเหล่านั้นส่วนใหญ่ ถึงได้ไปเป็นหนี้ หรือ ยากจนลงกว่าเดิมอีก บางคนมีทรัพย์สินอยู่แล้วเป็นล้านดอลล่าห์ พอถูกรางวัลได้เงินมาร้อยกว่าล้านดอลล่าห์ เมื่อเวลาผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่ปี แทนที่จะมีธุรกิจที่ใหญ่โตขึ้นกลับกลายเป็นว่านอกจากจะไม่มีทรัพย์สินเหลืออีกแล้วเขากลายเป็นคน มีหนี้จ�ำ นวนมากอีกต่างหาก บางรายก็ติดคุกเพราะฆ่าคนที่มาทวงหนี้ บางรายถูกพี่น้องหรือญาติใกล้ชิดลวงไปฆ่าเพราะอยากได้เงิน ในฐานะทายาท บางรายก็โดนเมียเก่าฟ้องร้องทวงหนี้ค่าดูแลลูกย้อนหลังอีก ดีไม่ดีมีคนมาขอเอี่ยวเป็นเมียน้อยผัวน้อยอีกเพียบ ซึ่งอย่างหลังนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นทุกขลาภหรือเปล่า อาจจะต้องมองเป็นกรณีๆ ไป ฯลฯ แต่ถ้าหากจะมองแต่โชคร้ายที่เกิดขึ้นเพียงอย่างเดียวคงจะไม่ถูกนัก เพราะบางคนก็ได้โอกาสปลดหนี้ที่ครอบครัวมีอยู่ บางคนได้โอกาสใช้เงินไปกับการศึกษา บางคนก็มเี งินเก็บสำ�หรับลูก ซึง่ ก็ตอ้ งยอมรับว่าหลายคนทีถ่ กู ล็อตเตอรีแ่ ล้วยังมีเงินเหลือเก็บอยู่ อาจไม่ได้จบบริหารหรือการเงินแต่อย่างใด อันนี้มันอยู่ที่ใจล้วนๆ ซึ่งแต่ละคนก็คงต้องไปยับยั้งชั่งใจกันเอาเอง แต่ที่จะเลี่ยงไม่ได้ก็คือ “ความดัง” จากการถูกรางวัล ที่จะทำ�ให้มีคนมาขอส่วนบุญอยู่บ่อยๆ นั่นแล จะแก้ไขอย่างไรก็คงสุดแท้แต่ความเก๋าของแต่ละคน เช่นกัน


17

หากมองหวยเป็นการพนัน บางคนมองหวยเป็นการเล่นสนุกๆ ขำ�ๆ เพื่อความตื่นเต้นผ่อนคลายเดือนละครั้งสองครั้ง แต่บางคนก็มองว่าเป็นการลงทุน อย่างจริงจังจึงทุ่มทุนอย่างหนักกับเลขเด็ดจนหมดตัว แต่ที่แน่ๆ ในสายตาของพระพุทธศาสนาแล้ว หวยถูกมองว่าเป็นการพนัน อย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นปากทางแห่งความเสื่อม ทำ�ให้เกิดความประมาท ซึ่งความประมาทในที่นี้ก็คือการสร้างอนาคตที่เลื่อนลอยนั่นเอง ในสิงคาลกสูตรพระพุทธเจ้าได้ตรัสถึงโทษของการเล่นการพนันว่า จะทำ�ให้เกิดความประมาท 6 ประการ คือ 1. ผู้ชนะย่อมก่อเวร เพราะสร้างความเจ็บใจให้แก่ผู้แพ้ ยิ่งถ้าหากต้องตามทวงเงินด้วยแล้ว ยิ่งทำ�ให้สร้างศัตรูโดย ไม่จำ�เป็น 2. ผู้แพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป เมื่อเสียทรัพย์ไปก็ต้องอยากได้คืนเลยต้องเล่นต่อ หากว่าโชคดีเล่นกลับได้ จนคืนทุนแล้ว ก็คิดว่าตัวเองมีดวงเลยเล่นต่อ ในที่สุดก็จะหมดเนื้อหมดตัว 3. ความเสื่อมทรัพย์ในปัจจุบัน เล่นไปหน้ามืดไป ยิ่งเล่น ยิ่งเลยเถิด และสุดท้ายทรัพย์ที่เหนื่อยยากหามาได้ก็หมดตัว 4. คำ�พูดของคนเล่นการพนันไม่มีคนเชื่อถือ เพราะเมื่อเล่นแล้วมีหนี้ก็ต้องหาทางใช้หนี้ แต่จะทำ�อย่างไรหากตอนนั้น ไม่มีทางหาทรัพย์มาใช้หนี้ได้ทันท่วงที ก็ต้องไปยืมญาติมิตรเพื่อนฝูง ซึ่งอาจจะได้ใช้คืนบ้าง ไม่ได้ใช้คืนบ้าง ทำ�ให้พูดอะไรก็ไม่มี นำ�้ หนักไป 5. ถูกญาติมิตรรุมด่าว่านินทา เมื่อเล่นพนันจนมีหนี้สะสมแล้ว หากเจ้าหนี้มาทวงเงินกับลูกหนี้ไม่ได้ โดยส่วนใหญ่ก็จะไป รีดไถจาก พ่อ แม่ และญาติแทน ทำ�ให้บุคคลเหล่านี้เดือดร้อนมาก เวลาเจอหน้ากันอีกแทนที่จะยิ้มรับกันด้วยความอบอุ่น ก็กลับ กลายเป็นบึ้งตึงใส่กัน ลับหลังก็นินทาต่อหน้ามันก็สุดทน จนต้องด่าให้รู้แล้วรู้รอดกันไป 6. ไม่มีใครอยากเป็นคู่ชีวิตเพราะกลัวทรัพย์สินฉิบหาย สาวๆๆ หนุ่มใดรักกันชอบกันก็ต้องอยากอยู่ด้วยกัน แม้ต้องกัดเกลือ กินไปด้วยก็ยังฝันหวานได้อยู่ แต่ถ้าต้องมาอยู่เพื่อมาเป็นหนี้พนันร่วมกันแล้วล่ะก็จ้างให้ก็คงไม่มีใครอยากอยู่ เป็นเหตุทำ�ให้ผู้เล่นต้องตกอยู่ในความทุกข์อย่างโดดเดี่ยว จะกินจะนอนก็ไม่มีความสุข ได้มาก็ติดใจเล่นใหม่ เสียไปก็จะ เอาคืน หมดตัวก็กลับบ้าน แล้วก็มานั่งคิดว่าไม่น่าเลย แต่แล้ววันต่อมาก็เอาใหม่ สุดท้ายก็วนเวียนเสี่ยงดวงไปอย่างนี้เป็นกิจวัตร คนโบราณจึงอุปมาว่าแม้ไฟไหม้สิบครั้ง ยังวอดวายไม่เท่าคนติดการพนันครั้งเดียว


18 พระพุทธศาสนาเชื่อว่าเราถูกหวยมาแต่แรกแล้ว หากเราจะเปรียบความโชคดีเป็นเช่นเดียวกับการถูกหวยแล้ว พระพุทธเจ้าก็ได้ตรัสว่าการเกิดเป็นมนุษย์เป็นการถูกรางวัล เสียยิ่งกว่าการถูกหวยเสียด้วยซำ�้ เพราะหวยในประเทศไทยมี 6 ตัว การจะแทงถูกนั้นก็อัตราเท่ากับ 1: 999999 แต่การเกิดเป็นมนุษย์ นั้นยากกว่าเยอะ ในฉิคคฬสูตรพระองค์เปรียบโอกาสที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์ยากพอๆ กับการโยนแอกลงไปในทะเลเพื่อดักเต่าตาบอด ตัวหนึ่ง โดยที่เต่าตัวนี้ก็ใช้เวลาหลายร้อยปีกว่าจะขึ้นมาเหนือน้ำ� ลมทะเลก็พัดพาแอกนั้นไปในทิศทางต่างๆ หากว่าเต่าตัวนั้นจะโผล่ หัวขึ้นมาเข้าแอกได้พอดีจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก เหมือนกับเรื่องราวในธรรมบทที่เป็นเรื่องของ “เอรกปัตนาคราช” ซึ่งมีใจความ ว่า มีพระรูปหนึ่งเคยผิดศีลโดยการพรากของเขียวคือตะไคร้นำ�้ ในใจก็คิดว่าเป็นโทษเล็กน้อยเดี๋ยวค่อยแก้ไข (ปลงอาบัติ) ปรากฏว่า เวลาก็ผ่านไปเนิ่นนานจนลืม พอจะถึงคราวมรณภาพกลับนึกขึ้นมาได้ว่าลืมปลงอาบัติ เป็นข้อฝังใจอยู่ว่าเรามีศีลไม่บริสุทธิ์ ทำ�ให้ มรณภาพไปด้วยความคาใจในศีลของตัวเอง จึงทำ�ให้ไปเกิดเป็นพญานาคชื่อเอรกปัต ต้องกินกบกินปลาในหนองของสกปรกหลาย อย่างอยู่ตลอดเวลา ทำ�ให้มาคิดกลับไปกลับมาระลึกได้ว่าเคยเป็นพระแล้วทำ�ความผิดเอาไว้ท�ำ ให้มาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน จึงเฝ้ารอ อย่างมีความหวังว่าจะได้พบพระพุทธเจ้าอีกครั้งเพื่อจะได้ฟังธรรมและหลุดพ้น จนในที่สุดความฝันของพญานาคก็เป็นจริง พญานาค ได้พบกับพระพุทธเจ้าและได้ฟังธรรมที่พระองค์แสดง แต่ในขณะที่ทุกคนที่ฟังได้บรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลกันไปหมด พญานาค กลับไม่ได้เข้าถึงความเป็นอริยบุคคลตามไปด้วย เนื่องจากพญานาคเป็นสัตว์เดรัจฉานไม่ใช่มนุษย์ ไม่สามารถทำ�จิตให้ตั้งมั่นได้ จึง ไม่สามารถเข้าถึงธรรมได้เหมือนกับคนอื่นๆ พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสไว้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากนั้นมีอยู่ 4 อย่างคือ 1.โอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์ เพราะตามความเชื่อของพระพุทธศาสนาแล้ว ภพภูมิที่ดีที่สุดคือของการเกิดเป็นมนุษย์ เพราะ ถ้าเกิดในนรกก็จะเจอกับความทุกข์ทรมานจนไม่สามารถทำ�สติให้เกิดขึ้นได้ หากไปเกิดบนสวรรค์ก็พบเจอแต่ความสุขอย่างเดียวจน ไม่ได้พิจารณาพอหมดเวลาก็กลับไปเกิดในนรกอีก เวียนไปแบบนี้ จึงมีเรื่องเล่าว่าเวลาเทวดาจะจุติ (ตาย) ก็จะอวยพรกันให้ไปเกิด เป็นมนุษย์เพื่อที่จะได้อยู่ในภพภูมิที่เข้าถึงธรรมและกลับสู่สวรรค์ได้ง่ายที่สุด 2. การมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายเป็นการยาก เพราะถึงแม้จะเกิดเป็นคนแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดเป็นคนที่สมบูรณ์ พร้อม อาจจะพิการทางใดทางหนึ่งทำ�ให้มีชีวิตอยู่ยาก ถึงไม่พิการแต่ชีวิตก็ต้องมีโรคภัยมาเบียดเบียนไปตามกรรม บางคนเกิดมา ไม่นานก็ต้องตาย ทำ�ให้อยู่อย่างสุขสบายได้ไม่นานมาก ฉะนั้นการอยู่อย่างสบายได้นานๆ จึงยาก 3. การได้โอกาสฟังธรรมจากสัตบุรุษเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก เพราะคนทุกคนเกิดมาก็มีสิ่งที่ต้องแสวงหาต่างๆ กันไป บาง คน ก็แสวงหาในสิ่งที่ท�ำ ให้ตัวเองทุกข์หนักขึ้นไป เพราะนึกว่าเป็นทางแห่งความสุข บางคนก็ไปทดลองใช้ชีวิตเรียนรู้กันไปจนบ้า บาง คนหาทางออกให้กับชีวิตไม่ได้ต้องฆ่าตัวตาย แต่ถ้าหากคนเหล่านี้มีที่พึ่งทางใจเสียหน่อย อาจทำ�ให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น แต่การที่จะ ได้รับการชี้แนะที่ดีก็ต้องอยู่ในสังคมที่ดี ไม่ใช่ว่าไปอยู่ในสังคมที่คนทุกข์กับคนทุกข์พบกัน กอดคอกันจมปลักอยู่ห้วงแห่งความเศร้า ต่อไป ฉะนั้นการที่จะได้มาพบคนที่ชี้แนะทางออกให้ได้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับสังคมและการกระทำ�ของคนๆ นั้น ซึ่งไม่ใช่โอกาสที่ใคร ก็จะได้รับ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับบุญด้วยเช่นกัน 4. การเกิดขึ้นของท่านผู้รู้ก็เป็นการยาก ท่านผู้รู้ในที่นี้หมายถึงผู้ที่รู้โลกจริงๆ สามารถแนะนำ�ให้พ้นจากทุกข์ได้ ซึ่งคนบางคน เกิดมา ในยุคสมัยที่ไม่มีผู้รู้ เจอแต่ผู้ที่ชักชวนไปในทางเสื่อมเสีย ก็เลยสะสมทุกข์กันต่อไป แต่บางคนก็ยอมรอขอเป็นผู้รู้ด้วยตัวเอง ต้องขวนขวายอย่างหนักไม่ยอ่ ท้อ เพราะความเป็นผูร้ ไู้ ม่ได้มาง่ายๆ แต่ตอ้ งแลกด้วยความพยายามอันแสนสาหัสเลยทีเดียว ฉะนัน้ ไม่วา่ จะได้ พบหรือพยายามเป็นเอง ก็ไม่ใช่เรือ่ งทีเ่ กิดขึน้ ได้งา่ ยๆ แน่นอน ไม่เชือ่ ลองดูสวิ า่ คนอย่างพระพุทธเจ้าทีส่ อนให้คนพ้นทุกข์ จนถึงวันนีม้ ีสัก กี่คนเชียว



20

แต่ที่เราอาจจะลืมนึกไปก็คือ วันนี้ที่เราอ่านข้อความเหล่านี้อยู่ เราได้พบกับสิ่งที่เกิดได้ยากเหล่านี้ไปแล้วกี่ข้อ หากการได้พบ กับสิ่งดีๆ เหล่านี้แล้วไม่รู้จักใช้ประโยชน์ ก็คงจะเหมือนกับผู้คนที่ถูกหวยแล้วไม่รู้ว่าตัวเองถูกหวย ปล่อยเฉยๆ ไปเรื่อยๆ ไม่ได้ไปขึ้น เงิน ไม่ได้รับประโยชน์ที่ควรได้รับจนหมดเวลา เลยไม่ได้เอารางวัลที่ได้ไปใช้ในทางที่ควร และสุดท้ายก็มานั่งคร่ำ�ครวญว่า ทำ�ไมถึงโชค ไม่ดีซ้ำ�ๆ เพราะสุดท้ายทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับการเลือกของเราเองนั่นแหละ เลือกที่จะไม่สนใจสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว เลือกที่จะตำ�หนิ ความโชคร้ายในชีวิต เลือกที่จะไม่มองหาความโชคดีในชีวิต เลือกที่เป็นผู้ประสบความสำ�เร็จในเป้าหมายที่วางไว้ เป็นต้น เพราะทุก เส้นทางที่เราเลือก ก็คือทางที่เราจะต้องเดิน และจะเดินไปได้แค่ไหนนั้น มันก็สุดแท้แต่ว่าเราเลือกที่จะหยุดเมื่อไหร่เท่านั้น บางทีอาจต้องมานั่งถามตัวเองเหมือนกันว่า เราได้ใช้ประโยชน์จากความโชคดีเหล่านี้ได้เต็มที่แล้วหรือยัง เพราะ ถ้าต้องลุ้นหวยชีวิตครั้งต่อไป เราอาจจะไม่โชคดีอย่างนี้อีกก็ได้ และไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ที่ความโชคดีนี้จะมาเยือนอีกครา เหมือนกับพญานาคที่รอพบพระพุทธเจ้า แต่สุดท้ายก็เข้าถึงธรรมไม่ได้อยู่ดี



VS.

พื้นที่แลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างพระกับโยมในศตวรรษที่ 21

การพนัน ถูกกฎหมาย เป็นคำ�ตอบ ให้สังคม หรือไม่


เรียบเรียง : กองบรรณาธิการ I ภาพ : ตะวัน พงศ์แพทย์

VS. พระมหาวีระชัย ชยวีโร VS. ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์

23


24

การพนันเป็นสิ่งที่ทุกศาสนาไม่สนับสนุนให้เล่น เพราะในมุมมองของศาสนา การพนันจะเป็นกิจกรรมที่ นำ�พาคนไปสู่ความตกต่�ำ และอาจทำ�ให้เกิดปัญหาทางอาชญากรรม แต่ในปัจจุบันการพนันถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ สามารถระดมทุนได้ และหากทำ�ให้การพนันถูกกฎหมายแล้ว ทุนเหล่านี้ก็จะสามารถนำ�มาเพื่อพัฒนาประเทศได้ เป็นประโยชน์มากกว่า ฉะนั้น “มุม” ฉบับนี้จึงได้เชิญ รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ ผู้ที่ถูกตั้งฉายาไว้ว่า เป็นกูรูแห่ง เศรษฐกิจใต้ดิน มาสนทนากับ พระมหาวีระชัย ชยวีโร เจ้าคณะตำ�บลวังจันทร์ จังหวัดระยอง ผู้ศึกษาวิจัยเรื่องผลกระ ทบจากการเปิดบ่อนการพนันถูกกฎหมายในประเทศไทย เนื้อหาจะเป็นอย่างไร การพนันควรถูกกฎหมายหรือไม่ like หรือเปล่า เป็นเรื่องที่เราต้องมาพิจารณากันครับ อ.สังศิต : ผมคิดว่าการพนันก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ทั่วโลกล้วนแต่เป็นการพนันที่ไม่มีรัฐบาลไหนในโลกยอมรับเป็นของถูก กฎหมายเลย เพราะว่าแนวคิดของนักวิชาการในโลกตะวันตกในสมัยนั้นมองว่าคนที่มาเล่นการพนันเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนแอ เป็นคนที่ ไม่สามารถจะช่วยเหลือตัวเองได้ เพราะฉะนั้นก็มีความจำ�เป็นให้รัฐบาลเข้ามาควบคุมบุคคลเหล่านี้ไม่ให้เกี่ยวข้องกับอบายมุข ผมคิด ว่าพื้นฐานที่สุดของการต่อต้านการพนันให้ถูกกฎหมายมาจากทุกศาสนา แต่ว่าหลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา แนวคิดของคน ตะวันตกเขาเริ่มเปลี่ยนไป เขาพบว่าการพนันเป็นส่วนหนึ่งของการพักผ่อนหย่อนใจได้ แล้วก็มีทฤษฏีต่างๆ ที่ออกมาอธิบายให้ การสนับสนุนเป็นจำ�นวนมาก หรือในทางจิตวิทยานักจิตวิทยาก็อธิบายว่าคนที่ไปเล่นการพนันก็เป็นการชดเชยจากความอ่อนล้า จากการเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจทุนนิยม แล้วทฤษฎีทางด้านนโยบายสาธารณะก็ออกมาอธิบายว่า รัฐบาลสามารถที่จะชดเชย ความเสียหายที่เกิดจากการพนันที่ถูกกฎหมายด้วยการใช้เงินนั้นไปพัฒนาสังคม เพราะฉะนั้นตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้น มา ประเทศต่างๆในโลกก็มีทัศนะคติที่เปลี่ยนไป แล้วเวลานี้ประเทศส่วนใหญ่ในโลกก็ยอมรับเรื่องการพนันที่ถูกกฎหมาย แต่ผมยัง คิดว่าสำ�หรับสังคมไทยการที่จะทำ�การพนันที่ถูกกฎหมาย หรือไม่ถูกกฎหมายก็ขึ้นอยู่กับว่าประวัติศาสตร์เป็นอย่างไร นโยบายของ รัฐบาลในแต่ละยุคเป็นอย่างไร ในบางช่วงการพนันกลายเป็นของไม่ถูกกฎหมาย เพราะรัฐบาลเห็นว่าเป็นการมอมเมาประชาชน ทำ�ให้ ประชาชนเกียจคร้านไม่ตั้งใจทำ�งาน แต่บางรัฐบาลก็มองว่าสามารถจะเอาทรัพยากรที่อยู่ใต้ดินนี่มาทำ�ให้ถูกกฎหมายได้แล้วก็เอามา ใช้ให้เกิดประโยชน์แก่สังคม อย่างเช่นหวยใต้ดิน ผมคิดว่าในปัจจุบันเงินหมุนเวียนไม่น่าจะตำ�่ กว่าห้าแสนล้านบาท คิดอย่างต่�ำ แค่สิบ เปอร์เซ็นต์นี่ห้าแสนล้านมันก็ประมาณห้าหมื่นล้าน ถ้ายี่สิบเปอร์เซ็นต์ก็ปีละแสนล้าน ถ้าหากว่าเราปล่อยให้เอกชนที่เป็นเจ้าของหวย ใต้ดินพวกนี้ เขาก็จะเอาเงินนี่ไปทำ�ธุรกิจสีเทา สีขาว ไปทำ�งานการเมือง แล้วก็ไปแบ่งกับพวกตำ�รวจ คนพวกนี้ก็มาสร้างปัญหาสังคม ไม่รู้จบ แล้วก็ไม่มีใครควบคุมเพราะว่าคนที่เป็นตำ�รวจก็เป็นคนที่เข้าไปคุ้มครอง ไม่มีธุรกิจผิดกฎหมายอันไหนในเมืองไทย ที่ท�ำ แล้ว อยู่ได้ ถ้าหากว่าตำ�รวจไม่ให้การคุ้มครอง เพราะฉะนั้นผมคิดว่ามันก็ท�ำ ให้ธุรกิจพวกนี้ยิ่งขยายตัวเข้าไปในหมู่ประชาชนมากขึ้น หาก ไม่มีการเข้มงวด ไม่มีการดูแลนะครับ โดยส่วนตัวผมเอง ผมมองดูว่าถ้ารัฐบาลทำ�เรื่องนี้ให้ถูกกฎหมายด้วยความซื่อสัตย์สุจริตไม่มีผล ประโยชน์ซ่อนเร้นแล้วก็ท�ำ เพื่อสังคมจริงๆ เอาเงินอันนี้ขึ้นมาแล้วก็ท�ำ ให้ถูกกฎหมาย แล้วก็ประกาศเลยว่าจุดมุ่งหมายของกองทุนนี้จะ ทำ�อะไรได้บ้างเช่นว่า 1.เพื่อการศึกษาของคนด้อยโอกาสก็ได้ 2.เพื่อสงเคราะห์คนทุกข์คนยากที่ขาดคนเหลียวแล 3.อาจจะนำ�มาใช้ในกิจการเรื่องของสาธารณูปโภคก็ได้ ตั้งเป็นกองทุนแล้วให้องค์กรภาคประชาชนเข้าบริหารจัดการ แล้วรัฐบาลก็เพียงแต่กำ�กับดูแลให้เขาใช้จ่ายอย่างโปร่งใส ผมคิดว่าก็เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่ง


ที่กลัวก็คือกลัวว่า เมื่อเราไปทำ�ให้ถูกกฎหมาย มันก็เหมือนกับ ได้แสดงว่า ไอ้สิ่งนี้เป็นของถูกต้อง เป็นของดี ถ้าไม่ดีแล้ว ทำ�ไมรัฐบาลรับรอง ใช่ไหม



27 พระมหาวีระชัย : คือจากเดิมที่อาตมามองในเชิงของศาสนาล้วนๆ ทีนี้พอเมื่อเราได้ท�ำ วิจัยในถึงระดับหนึ่งจึงเห็นว่า จริงๆ แล้วศาสนา พุทธ เอาเฉพาะศาสนาพุทธนะไม่ได้โจมตีการพนันในแง่ของความที่มีแต่ความเลวร้าย เนื่องจากว่าถ้าการพนันได้เป็นสิ่ง ที่จะต้องบัญญัติเหมือนกับศีลห้าโดยตรงว่าห้ามทำ�เลย แต่พระพุทธเจ้าตรัสไว้เพียงว่าเป็นในลักษณะกลางๆ ว่าเป็นทางแห่งความ เสื่อมทราม ถ้าพูดง่ายๆ ก็คือชี้โทษให้เห็น แต่ไม่ได้บัญญัติมันไปโดยตรงว่าไม่ให้กระทำ� แต่ว่าถ้าทำ�ไปแล้วก็จะเกิดผลอย่างนี้ๆ ซึ่ง รวมอยู่ในอบายมุขนั่นแหละ ไม่ถึงขั้นจัดที่ว่าเป็นศีลแต่เป็นสิ่งที่เรียกว่าควรงดเว้น ไม่ถึงว่าห้ามเลย ทีนี้จากการศึกษาทำ�ให้มองเห็น ว่าพระพุทธเจ้าตรัสถึงตรงนี้เนื่องจากว่า ในสังคมยุคก่อนระบบการบริหารจัดการหรือว่าการควบคุม มันเป็นสังคมที่ยังปิดอยู่เยอะ แล้วคนที่มีโอกาสจะไปลุ่มหลงในสิ่งเหล่านี้แล้วก็ถอนตัวมันมีเยอะอย่างเช่น ถ้าว่าไปแล้วก่อนพระพุทธกาลเองก็มีเรื่องเหล่านี้ ไม่ใช่ ว่าไม่มี อย่างพระพุทธเจ้าเล่าถึงประวัติที่ว่า มีการถึงขนาดเสียเมืองเสียอะไรต่างๆ ก็มี ทีนี้ในการโฟกัสของพระพุทธเจ้าจะโฟกัสไปที่ โทษมากกว่าที่จะให้เห็นในแง่ของคุณ แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือว่าทางเลือกของพุทธบริษัทหรือของชาวบ้าน โดยเฉพาะในเรื่องของการ ประกอบอาชีพหรือการงานอะไรต่างๆ มันมีช่องทางมากกว่าที่เราจะทุ่มเทไปกับเรื่องการพนัน แต่ทีนี้ว่าถ้าในเมื่อโลกเปลี่ยนมาถึง ระดับหนึ่งถามว่า ถ้าเราจะต้องการถามว่าในแง่มุมของพุทธศาสนาถ้าจะเข้าไปให้จัดการเรื่องการพนัน มันก็มีแง่มุมที่คิดว่าศาสนา พุทธก็น่าจะให้ทางออกได้เหมือนกันในแง่ของความคิดล่ะนะ เพราะถ้าเราดูจากสังคมปัจจุบันจริงๆแล้วงบประมาณส่วนหนึ่งที่เข้า สู่ภาครัฐเข้าภาษีอากรมากเป็นอันดับสองก็คือกองสลาก แล้วพอไปสำ�รวจกองสลากจริงๆ เงินของกองสลาก ปรากฏว่าวัดจะสร้าง โบสถ์สร้างศาลาสร้างมูลนิธิอะไรต่างๆ สร้างงานเกี่ยวกับศาสนาหลายๆหน่วยงานก็ขอมาที่กองสลาก บางที่สองแสน บางที่สามแสน ก็จะเป็นอย่างนี้ พอยุคหวยจากใต้ดินมาอยู่บนดินในช่วงนั้นเราก็เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่าง แต่เนื่องจากว่าในเมื่อมันมี บทบัญญัติในศาสนาพุทธโดยเฉพาะบัญญัติว่าเป็นอบายมุขมันเป็นปากทางของความเสื่อมทรัพย์ อยู่ที่ว่าเราจะเดินเข้าไปไหมแค่นั้น เอง เพราะว่าคนที่เดินเข้าไปตรงนั้นโอกาสที่จะสูญเสียอะไรต่างๆ นี่มันมีมาก เพราะจริงๆ แล้วคนที่เข้าไปจัดการเรื่องทรัพย์สินจากการ พนัน ก็คือคนที่ไม่ได้เล่นการพนัน เพียงแต่ว่าคนที่ไม่ได้เล่นการพนันจะจัดสถานที่สักแห่งหนึ่งไหมให้กับคนที่เล่นการพนัน แล้วก็เอา ไอ้สิ่งที่เขาได้มาใช้ประโยชน์ในแง่ของการบริหารจัดการของในทางสังคม อ.สังศิต : คือของถูกกฎหมายมันมีข้อดีก็คือมันควบคุมง่ายกว่า ของผิดกฎหมายนี่ควบคุมไม่ได้เลยเพราะว่าเวลามันผิดกฎหมายนี่คน ที่ควบคุมจริงก็คือตำ�รวจถูกไหมครับ แต่ถ้าถูกกฎหมายนะครับอย่างสิงคโปร์กับมาเลเซียเขาก็ออกหวยทุกอาทิตย์ละสามวัน ถี่กว่า เมืองไทยเยอะมากเลยนะ แต่ปรากฏว่าอาชญากรรมในประเทศมาเลเซียกับสิงคโปร์นี่ต�่ำ กว่าเมืองไทยเยอะ ผมคิดว่าอาชญากรรมนี่ ไม่ค่อยเกี่ยวกับเรื่องหวยใต้ดินเท่าไหร่ แล้วก็ผมคิดว่าสังคมมันต้องให้มีทางระบายออกบ้าง เหมือนกับเราต้มน้�ำ ต้องให้มันมีคล้ายๆ ไอ้เครื่องระบายความร้อนออกไป ให้มันเล่นกันพอสนุกๆ เพราะว่าถ้าหากเราไม่ให้เขาเล่น เขาจะไปเล่นของกัมพูชา เงินมันก็ไหลไป นอกประเทศ แล้วการพนันนี่คนไทยเขาก็เล่นกันมาตั้งแต่สุโขทัย เราจะอยู่ๆ ไปบอกว่าคนในสมัย 2554 อย่าไปเล่นเนี่ยนะ เขาฟังแล้ว ไม่เชื่อเราหรอกครับ เพราะสมัยคนสุโขทัยคนอยุธยาเขายังเล่น ต้นรัตนโกสินทร์ก็ยังเล่น ผมคิดว่าไอ้ความเป็นมนุษย์มันมีทั้งด้านสุข ด้านทุกข์นะ ด้านที่พยายามอยากจะดับทุกข์หาแสงสว่าง และก็อยากที่จะไปหาความตื่นเต้นในชีวิต ถ้าเขายังมองไม่เห็นแสงสว่าง ก็ อย่าให้เขาเดินมืดมิดเกินไปถึงขนาดไปส่งเสริมกันแบบไม่ลืมหูลืมตา ผมว่าเอาพอประมาณ แล้วก็เวลาเดียวกันนี้ผมคิดว่าไอ้ก�ำ ไรที่ได้ มา ควรให้องค์กรที่จะมารณรงค์ต่อต้านไม่ให้คนเล่นการพนันผมว่ายิ่งดีใหญ่เลย พระมหาวีระชัย: ต่างประเทศก็จะเป็นแบบนั้น


28 อ.สังศิต : ครับ ไม่เสียหายหรอกครับที่เขามาทำ�วิจัยและให้เขารณรงค์คอยถือป้าย วันไหนที่หวยออกก็ไปถือป้ายว่า อย่าเล่นเลยอะไร อย่างนี้ อันนี้ผมว่าอย่างนี้ดี ให้เขาเล่นแต่ให้มีกลุ่มรณรงค์ให้ความรู้ให้การศึกษาว่า การไม่เล่นเป็นประโยชน์ยังไง และที่ผมศึกษาพบ ว่าคนที่จบประถมกับมัธยมจะเล่นการพนันหวยใต้ดินมากที่สุด พอเข้ามหาวิทยาลัยจะเล่นการพนันน้อยลง พอเลยปริญญาตรีไปยิ่ง เล่นน้อยลง แสดงว่าระดับการศึกษาทำ�ให้คนไปเกี่ยวข้องกับการพนันน้อยลงนะครับ เพราะฉะนั้นผมว่านโยบายการศึกษาก็ให้ความรู้ ให้สติแก่คน เล่นได้แต่ว่าเตือน ดีกว่าไปบอกว่าไม่ให้เล่น แต่จริงๆ ก็คุมเขาไม่ได้เพราะตำ�รวจเขาให้เล่น พระมหาวีระชัย: สมมุติถ้าเรามองในแง่หนึ่งว่าคนไทยเรา ในการที่เราจะควบคุมไม่ให้เล่นเลยคงจะยาก แต่ถ้าเกิดเปิดให้ถูกต้อง มันก็ จะเป็นเรื่องที่เราก็ยังไม่รู้ว่า จะหาวิธีการยังไงที่จะให้คนเหล่านี้เข้าไปอยู่ในกรอบได้ เพราะยังไงมันก็ยังมี ถึงแม้เรามีหวยใต้ดินมาอยู่ บนดินแล้ว หวยใต้ดินมันก็ยังมีอยู่ไม่ใช่หมด อ.สังศิต : คือคนไทยไปคิดว่า ถ้าทำ�หวยใต้ดินให้เป็นบนดินแล้ว ใต้ดินต้องหมดไป ผมคิดว่าหลักคิดอันนี้ไม่ถูกหลัก ผมไปทำ�วิจัยที่ สิงคโปร์ ที่มาเลเซีย ของเขาขนาดออกอาทิตย์ละสามวัน เขายังมีคนที่เล่นใต้ดินอยู่ประมาณสี่สิบเปอร์เซ็นต์ ผมถามเขาว่าทำ�ไมไม่ไป จับเลยล่ะ เขาบอกจับมันไม่คุ้มหรอก ปล่อยเขาไปเราได้มาหกสิบเปอร์เซ็นต์ก็พอแล้ว ก็ถือว่าแข่งกันเลย ไอ้ใต้ดินมันไม่ต้องเสียภาษีไง ครับ มันก็จ่ายได้มากกว่าถูกไหม วิธีคิดแบบของสิงคโปร์มาเลเซียนี่ผมเห็นด้วยนะ คือปล่อยให้แข่งกันแล้วรัฐบาลก็จะได้ปรับปรุงว่า ทำ�ยังไงมีแรงจูงใจให้คนไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับของผิดกฎหมาย ก็บอกว่าถ้าท่านมาซื้อของถูกกฎหมาย เงินที่ได้มาจะไปเป็นประโยชน์ต่อ สังคมยังไง ถ้ารัฐบาลไม่อยากได้เลยสักบาทผมจะยิ่งดีใจเลยนะ ใจผมอยากให้เอ็นจีโอทั้งหมด แต่เป็นเอ็นจีโอที่เขาทำ�งานอย่างนี้นะ อย่างเช่นทำ�งานด้านเกี่ยวกับเด็กยากจน เพื่อการศึกษาของเด็ก ผมว่าให้เขาไปเถอะปีหนึ่งจะกี่หมื่นล้านก็ตาม แล้วผมว่าถึงตัวเด็ก หรือถึงกลุ่มเป้าหมายดีกว่าให้รัฐบาลอีก พระมหาวีระชัย : มันมีความคิดในเชิงตรรกะว่า ถ้าเราไปยกให้เป็นเรื่องถูกกฎหมาย ก็เหมือนกับว่ารัฐสร้างความชอบธรรมให้กับสิ่ง ที่ผิด หมายความว่าในความคิดของคนโดยทั่วไปว่าเป็นสิ่งที่ผิดเป็นอบายมุขไม่ดี เหมือนกับว่าสิ่งใดที่ถูกกฎหมายสิ่งนั้นมีความชอบ ธรรม เมื่อสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ชอบธรรมแล้วทุกคนก็จะสามารถที่จะเข้าไปได้ ส่วนใหญ่ก็จะคิดแบบนี้ แต่ว่าไอ้กฎหมายมันก็จะมีวงจำ�กัด ของมันว่าอายุสักแค่ไหน อย่างเช่นเรื่องบุหรี่อย่างนี้ เด็กต้องอายุไม่ต�่ำ กว่าเท่าไหร่ถึงจะเข้าไปซื้อได้ หรือเหล้า หรือสถานบันเทิงอย่างนี้ มันก็มี มันก็จะมีกฎหมายเป็นตัวกำ�หนด ทีนี้ในแง่ที่มองแล้วก็ยังคิดว่าถ้าสังคมไทยเราจะทำ�ตรงนี้ ถ้าดูจากพื้นฐานของการศึกษาของ คนส่วนใหญ่ก็คิดว่ายังไม่พร้อมที่จะทำ� อ.สังศิต : ผมคิดว่าอย่างนี้ฮะ เวลาที่เรามองสังคมแต่ละสังคม เราก็จะพบว่าโครงสร้างของสังคมเนี่ยไม่เหมือนกัน อย่างเศรษฐกิจของ สหรัฐอเมริกา มันเป็นเศรษฐกิจที่ค่อนข้างไปทางเข้าระบบนะครับ แต่ของบ้านเรานี่เศรษฐกิจนอกระบบนี่มันใหญ่กว่าเศรษฐกิจใน ระบบอีก หมายถึงจำ�นวนคนที่เข้าไปเกี่ยวข้อง คนที่เสียภาษีมีอยู่ไม่กี่ล้านคน คนส่วนใหญ่เป็นคนที่ยังเรียกว่า นอกระบบก็คือไม่ได้ เสียภาษี เพราะฉะนั้นเขาจะมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจจำ�นวนมากที่เขาทำ�แล้วก็ไม่ได้เสียภาษีอะไร แล้วเงินพวกนี้เขาก็ยังมีส่วนที่อาจจะ ยังสามารถเอาไปเกี่ยวข้องกับการพนันได้ แล้วเราก็ไม่สามารถจะไปตรวจสอบรายได้ว่าเขาเอาเงินมาจากไหนเพราะว่าเขาก็ไม่ได้เสีย ภาษี ไม่มีสมุด ไม่มีหมายเลขประจำ�ตัวที่จะเสียภาษีได้ ผมคิดว่าแม้กระทั่งจีดีพีของประเทศไทยนี่ รัฐบาลบริหารจีดีพีประมาณสักหก สิบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ไอ้ที่เหลือที่อยู่ใต้ดินที่เป็นสีเทา สีดำ�นี่รัฐบาลไม่ได้มาบริหารหรอก มันเป็นอำ�นาจอีกอำ�นาจหนึ่งเลย


ผมเห็นว่าควรจะเพิ่มเศรษฐกิจ ที่มันถูกกฎหมายให้มากขึ้น อันไหนที่สังคมพอจะยอมรับได้ จากเทาๆ ก็ทำ�ให้เป็นสีขาวเสีย แล้วถ้าเรารู้สึกว่ามัน เป็นเรื่องอ่อนไหวก็ให้ความรู้ ให้การศึกษา


30 ของสังคมไทย เพราะฉะนั้นผมก็เห็นว่าควรจะเพิ่มเศรษฐกิจที่มันถูกกฎหมายให้มากขึ้น ทำ�ให้มันเป็นเศรษฐกิจสีขาว อันไหนที่สังคม พอจะยอมรับได้จากเทาๆ ก็ทำ�ให้เป็นสีขาวเสีย แล้วก็ถ้าเรารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องอ่อนไหวก็ให้ความรู้ให้การศึกษา อย่างเช่นบุหรี่ก็มีการ ติดเอาไว้ว่าบุหรี่ทำ�ลายสุขภาพทำ�ให้เจ็บป่วยอะไรอย่างนี้ คุณอยากจะสูบบุหรี่ คุณเห็นซองแล้ว คุณยังอยากจะสูบก็เอาสิ แต่ผมจะติด ประกาศอยู่เรื่อยไปว่าอย่าไปสูบบุหรี่นะมันเป็นของไม่ดี เหมือนกันการพนันนี่ผมคิดว่าเราก็ท�ำ แบบเดียวกันได้ครับ ติดป้ายตั้งแต่หน้า ประตูเรื่อยไปเลย ระหว่างเล่นคนอาจจะได้สติขึ้นมาบ้างว่าไอ้การพนันนี่มันเป็นอบายมุขนะ ถ้าเล่นพอหอมปากหอมคอแล้วเลิกไปเอา สนุกๆ ไม่เป็นไร แต่ถ้าคิดอยากจะรวยจากการพนัน คุณจะจนแน่นอน ผมว่าไอ้คติพวกนี้มันก็ติดเตือนคนได้นะ พระมหาวีระชัย : คือตามที่มองในสภาพวัฒนธรรมสังคมไทยเรา มันยังไม่เอื้อที่จะให้คนเคารพในเรื่องของกฎหมายมากนัก และมันก็ ยังเป็นสังคมที่ใช้เกื้อกูลกันในเชิงของผลประโยชน์มากกว่า ไอ้ตรงนี้มันยากที่จะทำ�ให้คนเราเข้าไปสู่ระบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วก็เคารพ กฎหมายร้อยเปอร์เซ็นต์ มันก็ยังคงมีการลักลอบเล่นมีการอะไรกันอยู่ ก็คิดว่าถึงแม้ท�ำ อย่างที่อาจารย์คุยกันว่า ทำ�ให้ถูกกฎหมายก็ไม่ ได้หมายถึงว่าไอ้ที่ผิดกฎหมายก็ไม่มี แต่ที่กลัวก็คือกลัวว่าเมื่อเราไปทำ�ให้ถูกกฎหมายมันก็เหมือนกับว่าได้ อย่างที่บอกว่าจะเกิดความ กังวลว่าเมื่อทำ�ให้ถูกกฎหมายแล้วแสดงว่าไอ้สิ่งนี้เป็นของถูกต้องเป็นของดี บอกว่าถ้าไม่ดีแล้วทำ�ไมรัฐบาลรับรองใช่ไหม เหมือนกับ ยาสูบ พอเราจะไปรณรงค์ให้คนเลิก คนบอกก็รัฐบาลปิดโรงงานยาสูบเสียสิใช่ไหม ถ้ารัฐบาลไม่เปิดเขาก็ไม่ได้สูบ มันก็จะเป็นการอ้าง ในลักษณะนี้สังคมไทยเรามันเป็นอย่างนั้น อ.สังศิต : ผมคิดว่านโยบายต่ออบายมุขควรจะเดินทางสายกลาง อย่างบุหรี่เราก็รณรงค์ให้คนละลดเลิกเสีย แต่ว่าอย่าไปต่อต้าน รุนแรง รุนแรงมากจนกระทั่งไม่มีที่ให้ขายบุหรี่สมมุติอย่างนี้นะ คนเขาก็จะหันไปเสพยาเสพติดชนิดอื่นแทน ก็อาจจะมีบุหรี่ต่าง ประเทศแทน เพราะฉะนั้นผมว่าบุหรี่เป็นของไม่ดีแน่ มีโทษแน่ แต่คนมันสูบกันมาตั้งแต่สุโขทัยก็สูบกันมาแล้วนี่ อยู่ๆ เรามาบอกวัน นี้บอกให้เลิกให้หมดเนี่ย มันไม่ได้หรอกครับ มันต้องให้เวลาให้การศึกษาแล้วก็มีวิธีบ�ำ บัด คือสูบไปก็รณรงค์ให้เขามาบำ�บัดไป อย่า ไปถึงขนาดประณามว่าเลวร้ายอะไร เหมือนการพนันนะไอ้พวกอบายมุขนี่ถ้าเราไปแข็งเกินไปบอกว่าไม่ต้องเล่นกัน ผมว่ามันก็ไปเล่น การพนันประเภทอื่นที่เราคุมไม่ได้เสียอีก สู้เราเอาของขึ้นมาไว้บนโต๊ะ แล้วก็เอาไฟสปอตไลท์ฉายไว้เล่นกัน คือทำ�ให้มันสว่างเลยนะ แล้วผมจะ ดูว่าเล่นแล้วเอาเงินไปทำ�อะไร เพราะถ้าหากว่าไม่ท�ำ อย่างนี้เนี่ยมันก็จะมีคนได้ก�ำ ไรจำ�นวนเงินมหาศาลในแต่ละปี เขา ต้องไปลงทุนทำ�ธุรกิจอะไรเทาๆที่รัฐบาลก็ไม่ได้ภาษีอีก ไม่ได้ภาษีกับพวกนี้นะครับ ผมว่าเราถ้ามองในแง่สังคม สังคมก็เสียประโยชน์ ไปจากนโยบายของรัฐบาลนะ ผมว่าคิดอะไรคิดกลางๆ ไว้ แล้วสังคมมันจะไปได้ แล้วก็อย่างหลังสงครามโลกครั้งที่สองนี่ผมคิดว่า หลักคิดของนักวิชาการตะวันตกหรือว่าคนในสังคมตะวันตก เขาพยายามจะเอาเรื่องการพนันแยกออกจากศาสนานะ คือศาสนานี่ อยู่ส่วนศาสนา แต่นี่คือศาสนาคริสต์นะฮะ คือแต่เดิมนี่ศาสนาคริสต์ก็ได้กล่าวอ้างว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างโลกสร้างมนุษย์ เพราะฉะนั้น พระเจ้าเป็นคนกำ�หนดชะตาของชีวิตมนุษย์ทั้งหมด หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สังคมตะวันตกเริ่มเห็นว่าควรจะพูดถึงความสัมพันธ์ ระหว่างสังคมกับมนุษย์มากกว่าที่จะเป็นเรื่องของศาสนากับสังคม เขาก็เปลี่ยนหลักคิดจากเมื่อก่อนศาสนากับสังคมนี่ศาสนากำ�หนด หมด ตอนนี้ก็มาเปลี่ยนเป็นสังคมกับกลุ่มมนุษย์ เพราฉะนั้นเขาก็เริ่มจะให้เสรีภาพแก่ปัจเจกบุคคลมากขึ้น เพียงแต่สังคมก็คอยกำ�กับ ควบคุมอะไรที่มันจะเลยเถิด อย่างห้ามมาฟอกเงินเล่นการพนัน ผมจะขอจับตาดูคุณนะ ถ้าใครมาฟอกเงินผมจับเลยใช่ไหม มันก็มี ระบบกำ�กับควบคุมอย่างนี้ แต่ว่าให้เดินทางกลางๆ ไว้ แล้วผมว่าสังคมมันจะไปได้ดีกว่า



32

ธรรมไมล์

เรื่อง I ภาพ : ภาณุวัฒน์ จิตตวุฒิการ


อยาก...จนน้ำ�ลายไหล


34

hidden tips

เรื่อง : กองบรรณาธิการ I ภาพประกอบ : เพลง

4 วิธีคิดพิชิตทุกข์

ในแต่ละวัน คนทุกๆ คนคงมีความคิดล่องลอยเข้ามา ในหัวไม่มากก็นอ้ ย หากคิดในทางทีไ่ ม่ดเี ป็นอกุศลก็ท�ำ ให้เป็นทุกข์ หากคิดในแง่ดีก็ทำ�ให้มีความสุขมากขึ้น แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าการคิด ในแง่ดีเป็นอย่างไร และอะไรเป็นตัวตัดสินว่าคิดได้ดีแล้วกันแน่ “มุม” ฉบับนี้มีแนวทางในการคิดมาเสนออยู่ 4 แบบ ซึ่งเป็นแนวทางแบบที่ชาวพุทธเรียกว่า โยนิโสมนสิการ นั่นเอง วิธีคิดแบบแรกเรียกว่า อุปายมนสิการ แปลว่าให้คิด พิจารณาอย่างเป็นกระบวนการ มีขั้นตอนที่ชัดเจน เพื่อให้ จุดหมายที่ตั้งไว้ส�ำ เร็จลุล่วง เช่น ต้องการจะเดินทางจาก เชียงใหม่ไปกรุงเทพ ก็ต้องศึกษาแผนที่ให้ชัดเจนก่อน เพื่อ กำ�หนดเส้นทางที่ดีที่สุด แบบต่อมาคือ ปถมนสิการ แปลว่า คิดถูกทางตาม ความเหมาะสม เลือกความคิดที่เป็นประโยชน์ และถนัดมาก ที่สุด เพื่อการมุ่งสู่เป้าหมายอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เช่น เดินทางจากเชียงใหม่ไปกรุงเทพ (อีกแล้ว) ก็เลือกวิธีเดินทาง

ระหว่างรถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน หรือจะเดินไป ก็เลือกเอาตาม ความถนัดและเหมาะสม การณมนสิการ แปลว่า คิดพลิกแพลงไปตามเหตุการณ์ ไม่เถรตรงจนเกินไป ไม่ดื้อรั้นดันทุรัง ไม่เข้าข้างตัวเอง แต่พร้อม ที่จะปรับตัวเองเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เช่น จะเดินทางจากเชียงใหม่ไปกรุงเทพ (อีกแล้วครับท่าน) ด้วย เครื่องบิน แต่เครื่องบินสายการบินหนึ่งถูกยึด ก็เปลี่ยนสายการบินใหม่ได้ หรือไม่ก็เปลี่ยนเป็นเดินทางโดยรถยนต์แทน อุปปาทกมนสิการ แปลว่าการคิดแง่ดี หรือ คิดบวก เพื่อสร้างกำ�ลังใจในการทำ�สิ่งที่หวังให้ประสบผลสำ�เร็จ เช่น ไปกรุงเทพ (คงไม่ต้องบอกว่าจากไหน) แต่ไม่มีค่าเดินทาง ก็โบก รถ หรือเดินแทน โดยคิดเสียว่าเป็นการเรียนรู้สังคม และเก็บเกี่ยว ประการณ์ เพราะยังไงก็ต้องถึงกรุงเทพในสักวัน ฉะนั้น ถ้าคิดเป็นเราย่อมมองเห็นแม้กระทั่งความ สุขในความทุกข์ได้อย่างแน่นอน



36

ผ้าเหลืองเปื้อนยิ้ม ภาคพิเศษ ตอนเณรน้อยนักสืบ

คดีที่ ๑๔ : “สามเณรดีเด่น”

เรื่อง : กิตติเมธี I ภาพประกอบ : บุคลิกลุงป้า bookalicloongpa@gmail.com


37

วิธีการค้นหาบุคลิกลักษณะพิเศษเริ่มต้นจากการทดสอบ อย่างวัดว่าคนไหนฉลาดก็จากการวัดระดับไอคิว ใครจะเป็นผู้น�ำ ได้ก็วัดจาก การเสียสละเพื่อส่วนรวม หรือใครจะเป็นสาวงามได้ก็วัดจากความเพียบพร้อมทั้งความสวยภายในคือจิตใจและ ความสามารถการแสดงออกภายนอก ส่วนการจะค้นหาสามเณรดีเด่นก็เพื่อประกาศความดีที่โดดเด่น และทุกครั้งก็จะปรากฏชื่อสามเณรพายุตลอด “ทำ�ไมเณรพายุได้เณรดีเด่นอีกแล้วละครับพระอาจารย์ ทำ�ไมอย่างผมถึงไม่ได้บา้ งละครับ” สามเณรน้อยถามพระอาจารย์ “ก็เพราะเณรดีเด่นจะต้องมีมารยาทดี เวลามีงานก็ช่วยเหลือผู้อื่น ขยัน ตั้งใจเรียน และนุ่งห่มเรียบร้อย ทำ�วัตรสวดมนต์ ทุกวันไม่ขาด เวรหน้าที่ก็ไม่ขาดตกบกพร่อง ซึ่งเณรพายุก็มีครบเลย พระอาจารย์และสามเณรทุกรูปจึงเลือกเป็นตัวอย่างที่ดีได้” สามเณรน้อยได้ยินก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่ในใจก็ยังอดสงสัยอยู่ไม่ได้ว่าจะเป็นอย่างนั้นจริงหรือ เพราะในสายตาของ สามเณรน้อยแล้ว คุณสมบัติเหล่านั้นมีพร้อมแล้วในตัวเอง แต่ท�ำ ไมไม่ถูกเลือก จึงสวมวิญญาณผู้พิสูจน์เพื่อให้รู้ว่าสามเณรพายุ เหมาะสมหรือไม่ แผนการณ์ของสามเณรน้อยก็เริ่มขึ้น คือวันไหนมีเวรทำ�ความสะอาดที่สามเณรพายุรับผิดชอบ เณรน้อยก็จะเอาไม้กวาด ไปซ่อน แต่แทนที่สามเณรพายุจะหยุด กลับไปหากิ่งไม้แห้งมาผูกกับกิ่งเล็กๆ น้อยๆ ทำ�เป็นไม้กวาดชั่วคราว ญาติโยมผ่านมาเห็นเข้าก็ ชื่นชม จึงไปซื้อไม้กวาดมาถวายอีกหลายสิบด้าม วันไหนเรียนหนังสือ สามเณรน้อยก็เอาหนังสือไปซ่อน แต่สามเณรพายุก็ไม่ยอมแพ้ ยืมหนังสือเพื่อนมานั่งจดลงในสมุด จนพระอาจารย์เดินมาเห็นก็ถามขึ้น “เณรมาจดอะไรลงในสมุดนี่” “พระอาจารย์ผมมีอะไรจะเล่าให้ฟัง คือ ผมทำ�หนังสือหายครับ เลยต้องขอยืมเพื่อนมานั่งจดไว้จะได้เอาไว้เรียนนะครับ” “ทำ�ไมเณรทำ�หายได้” “ผมก็ไม่รู้ครับ เก็บไว้ดีแล้ว แต่หายไปก็ถือว่า ผมบริจาคให้เจ้ากรรมนายเวรไปแล้วกันครับ จดแบบนี้ก็ได้” จนสามเณรน้อยถึงกับจามออกมา พระอาจารย์ก็อดชื่นชมไม่ได้จึงมอบ เงินไปซื้อเล่มใหม่มา วันไหนต้องซักผ้า สามเณรน้อยก็เอาถังไปซ่อน จนสามเณรพายุเดินไปไหนด้วยจีวรดำ�คล�ำ้ ตอนไปบิณฑบาตโยมเห็นก็ถาม “ทำ�ไมเณรจีวรดำ� และขาดเจ้าค่ะ” “อาตมามีเรื่องจะเล่าให้ฟัง คือ ถังซักผ้าอาตมาหาย เลยต้องซักกับพื้นก็เลยสกปรก และขาดนะ เจริญพร” โยมได้ยินก็สงสารจึงบริจาคถังซักผ้านับสิบใบ และไตรจีวรอีกหลายผืนเพื่อให้สามเณรและพระเณรในวัดด้วย ดูเหมือนวิธีของสามเณรน้อยจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะยิ่งทำ�สามเณรพายุก็ดูคะแนนจะดีขึ้นทุกที จึงใช้ไม้ตายทันที คือ ทุกครั้งที่สวดมนต์ไหว้พระกับท่องหนังสือ สามเณรน้อยก็มาพูดขึ้น “เณรพายุผมปวดท้อง ช่วยด้วย!!!” สามเณรพายุก็รีบหายา มาให้ เวลาท่องหนังสือ สามเณรน้อยก็บ่นปวดหัว เณรพายุก็นำ�ยามาให้อีก ช่วงหลังสามเณรพายุจึงขาดสวดมนต์ แถมท่องหนังสือก็ไม่ได้ จึงถูกพระอาจารย์เรียกไปพบแล้วถาม “ทำ�ไมช่วงนี้เณรดู ไม่รับผิดชอบเลย” “พระอาจารย์ผมมีอะไรจะเล่าให้ฟัง คือ สามเณรน้อยเป็นอะไรไม่รู้ป่วยบ่อย เขามาให้ผมหายาให้เลยไม่ได้ไปสวดมนต์และ ท่องหนังสือเลยครับ” สามเณรพายุอธิบาย พระอาจารย์ก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ เวลาผ่านไปจนถึงเวลาประกาศสามเณรดีเด่นก็ปรากฏว่า เป็นสามเณรพายุอีกเช่นเคย “ทำ�ไมละครับ สวดมนต์ก็ไม่สวด แถมยังไม่ท่องหนังสืออีก” สามเณรน้อยรีบประท้วง “ก็นั่นละเหตุผลสำ�คัญ คือ นอกจากสามเณรพายุจะดีแล้ว ยังคอยดูแลสามเณรน้อยที่ป่วยอีกด้วย พระพุทธองค์ตรัสว่า ผู้ใดบำ�รุงภิกษุไข้ ผู้นั้นชื่อว่าบำ�รุงเรา เณรพายุดูแลเณรน้อย ก็เท่ากับปฏิบัติตามคำ�สอนด้วย จึงน่าอนุโมทนาอย่างยิ่ง เพราะคนดีย่อม ปิดทองหลังพระ” พระอาจารย์อธิบาย สามเณรน้อยทำ�หน้าเศร้าตามเคย แต่ก็ไม่วายให้ก�ำ ลังใจตัวเอง “เอาน่า...อย่างน้อยถ้าไม่มีเรา เขาก็ไม่ได้เกิดหรอก นี่ละมารไม่มี คนดีน้อยกว่าเราก็ไม่ได้เกิด สู้ๆ ต่อไป ผู้ปิดทองหลังพระอย่างแท้จริง”


38

3 Time for ทำ�

เรื่อง : กองบรรณาธิการ

3 ก.ย. 2554 - 31 ม.ค. 2555 รับอาสาสมัครนวดเด็ก (ทารกอายุ 5 เดือน - 1 ปี 5 เดือน) ที่มีจิตอาสา มีเวลาว่างสม่ำ�เสมอ สละเวลาเพียงวันละ 3 ชม. สัปดาห์ละ 1 วัน ตลอดระยะเวลาโครงการ มาร่วมแบ่งปันความรักและ ความอบอุ่นให้เด็กๆ ด้อยโอกาส กับกิจกรรม “โครงการอาสานวดเด็ก พลังแห่งการเปลี่ยนแปลง” ที่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนปากเกร็ด และสถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท จ.นนทบุรี สนใจติดต่อ สอบถามได้ที่ มูลนิธิสุขภาพไทย โทร. 02-5894243

จิตอาสาเพื่อผู้สูงอายุ ศูนย์พัฒ นาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค ยินดีต้อนรับน้องๆ นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่มีความประสงค์เข้ามาทำ�กิจกรรมจิตอาสา หรือจะเป็นกลุม่ บุคคลทัว่ ไป หน่วยงาน และองค์กรที่สนใจ เพื่อแบ่งปันและมอบความรักให้แก่ผู้สูงอายุ ขอเพียงแจ้ง ความจำ�นง ประเภทของกิจกรรมที่จะจัด แจ้งรายละเอียดของกิจกรรมล่วงหน้าได้ที่ โทร. 02-4551592

-

-

ขอรับบริจาคโลหิตหมู่พิเศษด่วน ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ขอบริจาคโลหิตหมู่พิเศษ (Rh-negative) ให้ผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่างๆ แห่ง 16 ให้เด็กป่วยโรคเลือด, ผู้ป่วยเส้นเลือดหัวใจตีบ ต้องได้รับการผ่าตัดด่ว น, เลือดออกในกระเพาะ, ผ่าตัด, คลอดบุตร, ล้างไต, ผ่าตัดหัวใจ, มะเร็ง ฯลฯ กรุ๊ป A จำ�นวน 20 ยูนิต, กรุ๊ป B จำ�นวน 5 ยูนิต, กรุ๊ป O จำ�นวน 9 ยูนิต รวมทั้งสิ้น 34 ยูนิต ติดต่อ บริจาคโลหิตได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถนนอังรีดูนังต์ จันทร์, พุธ, ศุกร์ เวลา 08.00 - 16.30 น. อังคารและพฤหัสบดี เวลา 07.30 - 19.30 น. เสาร์ - อาทิตย์ เปิด เวลา 08.30 - 15.30 น. สอบถามเพิม่ เติม โทร. 02-2564300, 02-2521637, 02-2639600-99 ต่อ 1101

รับอาสาสมัครนักวาดภาพและนักเขียน โครงการอ่านสร้างชาติ ขอเชิญร่วมเป็นอาสาสมัครนักวาดภาพและนักเขียน หนังสือนิทานภาพสำ�หรับ เด็กปฐมวัย เพียงมีคุณสมบัติ วาดภาพประกอบนิทานได้ มีความเชื่อว่านิทานช่วยพัฒนาเด็ก สามารถ รับงานไปทำ�ที่บ้านได้ นอกจิตอาสาแล้ว ดูแลตัวเองทุกอย่าง เรื่องอุปกรณ์และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง มีเวลาบางวาระในการพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนกับทีม งานและอาสาสมัคร ติดต่อ 081-0183004, E-mail : jarun@mirror.or.th

-


BACK ISSUE

6 7 8 9 10

11 12 13

สามารถติดต่อรับหนังสือมุมฉบับย้อนหลังได้ที่ มูลนิธิหยดธรรม 083-5169-888 หรือ prataa@dhammadrops.org

X X X X X X X

12345

สามารถรับหนังสือมุมได้ที่ เชียงราย

เชียงใหม่ rabbithood studio happy hut 1 happy hut 2 ร้านกู Sweets Salad Concept แก้วก๊อ Café de Nimman คุณเชิญ มาลาเต Seescepe iberry Minimal Gallery Hatena ราชดำ�เนิน คุณนายตื่นสาย

สวนนม(นิมมาน) Toast House บะเก่า หมา อิน ซอย กาแฟสถาน hub 53 ร้านวันวาน กาแฟโสด กินเส้น สวนนม (หน้า มช.) Nova ร้านหนังสือดวงกมล ร้านหนังสือสุริวงศ์ พันธุ์ทิพย์ Bangkok Airway (ศรีดอนชัย)

ร้านอาหารครัวป้าศรี ร้านอาหารโป่งแยงแอ่งดอย หอพักนครพิงค์ลอด์จ ธนาคารกรุงไทย จำ�กัด (มหาชน) ถ.ช้างเผือก ธนาคารกรุงไทย จำ�กัด (มหาชน) แม่ริม ฝ้ายเบเกอรี่ (ไลเซียม) Kru Club Lyceum สถาบันบัณฑิตวิทยา ร้านอาหาร 32 กม. ร้านกาแฟ วาวี (แม่สา) ร้านกาแฟ วาวี (four seasons) ร้านกาแฟ วาวี (แม่โจ้)

ร้านกาแฟ ดอยช้าง (แม่ริม) ริมปิง super market (กาดรวมโชค) ห้องสมุดทุกคณะใน มช. รติกา คลินิก ร้านแชร์บุ๊ค แม่ริม Annie Beauty (ศิลิมังคลาจารย์) Bon Café ช้างคลาน สนามบินเชียงใหม่ วัดพระธาตุดอยสะเก็ด ร้านเล่า Little cook cafe สถานีวิทยุแม่ริมเรดิโอ

ร้านเกาเหลาเลือดหมู เจ๊สหรส ร้านเครื่องปั้นดินเผา ดอยดินแดง ห้องสมุดมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง Café Hub วิทยาลัยเทคนิค เชียงราย

กรุงเทพฯ

ร้านกาแฟ คาเฟ่ ดิโอโร่ (กรุงเทพ) ห้องสมุดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หอสมุดป๋วย อึ้งภากรณ์ ห้องสมุด มหาวิทยาลัยศิลปากร วัดญาณเวศกวัน

Sweden The Royal Thai Embassy,StockKhoim Thai Studies Associatio


40

ธรรมะ(อีก)บท

เรื่อง : ธรรมรตา I ภาพประกอบ : Pare ID

ชีวิตมูลค่าเพิ่ม

ชายคนหนึ่งยากจนแสนเข็ญ ทุกๆ วันเขาจะไปที่ตลาด เพื่อรับจ้างขนผักและทำ�ทุกอย่างเท่าที่มีคนจ้าง ค่าแรงแต่ละเดือน เทียบไม่ได้กับค่าเข้าดูหมีแพนด้าหนึ่งครั้ง บางครั้งก็น้อยใจใน ชะตาชีวิตตัวเองว่า เขาน่าจะไปเกิดเป็นหมีแพนด้า จะได้มีคนรัก และเห็นค่าพยายามให้ได้ผสมพันธุ์ ส่วนตัวเขาสูญพันธุ์ไปก็ไม่มี ใครรับรู้ว่า เคยมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ “คนเป็นสัตว์ประเสริฐแน่เหรอวะ” เขาสบถกับเพื่อน มันเป็นเหมือนการผ่อนความเครียด และเหนื่อยลงไปที่ไหนสักแห่ง เพื่อที่จะรู้สึกดีขึ้นแล้วทำ�งานต่อไป ใบหน้าอาบเหงื่อและ หยดนำ�้ ตา ร่างกายชุ่มโชกผสมกับกลิ่นคาวของตลาด ทำ�ให้พวกเขา เป็นตัวประหลาดที่คนไม่อยากจะเข้าใกล้ หลายคนแสดงอาการ สะอิดสะเอียนเมื่ออยู่ใกล้ๆ จนรีบไปอ้วกหรือถอยห่างไปไกลๆ หลังจากเข็นผักอยู่นาน เขาเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งจึงลงทุนซื้อผัก มาขายด้วยตัวเอง เพราะความที่รู้จักแม่ค้าและชาวสวนคนส่งผัก เขาจึงได้ชอ่ งทางลงทุนซือ้ ผักและขายส่งได้ทกุ วัน กระทัง่ มีขาประจำ� และขยายกลุ่มแม่ค้าไปในตลาดอื่นๆ ด้วย จากที่เคยเช่ารถเข็น เป็นรถกระบะขนผักข้ามจังหวัด ราคาผักนั้นขึ้นๆ ลงๆ บางครั้งกำ�ไรไม่คุ้ม เขาจึงรวบรวม ทุนอีกครั้งเปิดร้านอาหารให้กับภรรยา เป็นห้องแถวเล็กๆ ไม่กี่โต๊ะ กำ�ไรน้อยกว่าขายผักก็จริงแต่สิ่งที่ได้ก็คือ ครอบครัวได้อยู่ด้วยกัน และกำ�ไรเล็กน้อยก็ค่อยๆ สะสมจนสามารถขยายห้องแถว

ออกไปอีก ได้จ้างลูกน้อง และมีบริการจัดส่งตามสั่ง ในสำ�นักงาน และบริษัทต่างๆ บริเวณนั้น วันหนึง่ สองสามีภรรยานัง่ กินข้าวด้วยกัน “ฉันเคยคิดจะหนี ไปจากพี”่ ภรรยาพูดขึน้ ลอยๆ และยังทานข้าวอยูจ่ นเขานิง่ ไปครูห่ นึง่ “มีบางอย่างทำ�ให้พี่เปลี่ยนไป ฉันอยากรู้ว่าอะไร?” ภรรยาถาม เขาไม่ตอบในทันที เขาลุกขึ้นเดินขึ้นบนบ้านพักหนึ่งก่อน จะกลับลงมาพร้อมกระดาษใบหนึ่ง เขายกเก้าอี้มาข้างๆ ภรรยา แล้วนั่งลง “มันไม่ได้มีความลับอะไรหรอก” เขาพูดก่อนจะเริ่ม ทานข้าวต่อไป กระทั้งข้าวหมดจานพอวางแก้วนำ�้ เขาก็โอบภรรยา ไว้ในอ้อมกอด แล้วเล่าว่า “วันหนึ่งตอนที่ยังเข็นผักในตลาด พี่เข้าไปขอข้าววัดกิน เพราะหิวมาก จะซื้อกินก็กลัวจะไม่เหลือเงินเข้าบ้าน พี่ไปเจอ บางอย่างมันเขียนไว้ในกระดานติดไว้ที่ต้นไม้ใกล้ๆ กุฏิพระ พี่อ่าน แล้วรู้สึกชอบเลยเขียนใส่กระดาษมาด้วย พี่อ่านมันทุกคืนก่อนนอน แล้วเก็บไว้บนหิ้งพระ น้องคงไม่ได้สังเกต นี่ไง” เขายื่นซองให้ภรรยา เธอเปิดออกดูในนั้นเขียนไว้ว่า ปฏิรูปการี ธุรวา อุฏฺฐาตา วินฺทเต ธนํ คนขยันทำ�งาน เหมาะกับกาลเวลาย่อมหาทรัพย์ได้ วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ คนล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร


มูลนิธิหยดธรรม ดำ�เนินการร่วมกันระหว่างพระและฆราวาสในการสร้างสรรค์ให้สังคมเกิดความดีงามโดยการใช้ธรรมะ ในการกล่อมเกลาจิตผ่านกิจกรรม การสร้างเสริมจิตอาสา สร้างเครือข่ายอาสาสมัครชุมชนให้ตระหนักถึงการอยู่ร่วมกัน อย่างเกื้อกูลเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีจิตใจเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน อีกทั้งการจัดค่ายคุณธรรมตามสถานศึกษาต่างๆ ทัณฑสถาน และชุมชนที่สนใจ เพื่อให้เยาวชนและชุมชนได้ถ่ายทอดต่อไปยังคนรอบข้าง ไม่เพียงเท่านั้น ทางมูลนิธิหยดธรรมยังดำ�เนินงานในเรื่องของการจัดอบรมกรรมฐานและปฏิบัติธรรม สำ�หรับผู้สนใจ เพื่อสุขภาวะของบุคคลและองค์รวม อีกทั้งการสร้างสรรค์สื่อธรรมะในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งนิตยสารที่ท่านถืออยู่นี้ เพื่อที่จะได้ ถ่ายทอดและเผยแผ่ธรรมะออกไปในวงกว้าง ทั้งนี้ ในทุกกิจกรรมที่ทางมูลนิธิได้ดำ�เนินการ รวมทั้งสื่อต่างๆที่ทางมูลนิธิได้จัดทำ�และเผยแพร่เป็นไปเพื่อการสาธารณะกุศล โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นจากผู้เข้าร่วมกิจกรรม ทางมูนิธิดำ�เนินกิจกรรมผ่านน้ำ�ใจของท่านผู้มีจิตศรัทธา ที่หวังจะให้ สังคมของเราเกิดความดีงาม ท่านผู้มีจิตศรัทธาท่านใดต้องการสนับสนุนการทำ�งานของมูลนิธิ และร่วมเครือข่ายหยดธรรม สามารถติดต่อได้ที่ prataa@dhammadrops.org กรณีประสงค์สนับสนุนทุนในการดำ�เนินกิจการของมูลนิธิ สามารถสนับสนุนได้โดยการโอนเงินมาที่ ... มูลนิธิหยดธรรม

ชื่อบัญชี มูลนิธิหยดธรรม ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หมายเลขบัญชี 667-2-69064-3 ธนาคารกสิกรไทย สาขาย่อยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หมายเลขบัญชี 557-2-03369-6

โปรดแจ้งการสนับสนุนโดยการส่งหลักฐานการโอนเงินมาที่โทร 085-995-9951 หรือ prataa@dhammadrops.org เพื่อที่ทางมูลนิธิสามารถออกโมทนาบัตรได้ถูกต้อง



Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.