ทดลองอ่าน เลือดพิทักษ์แผ่นดิน

Page 1



1


ก า ร อ่ า น คื อ ก า ร บ่ ม เ พ า ะ

เมล็ดพันธุ์แห่งปัญญา

ท่องไปในโลกหนังสือออนไลน์ของพวกเราชาว

ได้ที่...

website www.smm.co.th, www.boolimthai.com facebook www.facebook.com/siaminterbooks


ข้อมูลทางบรรณานุกรม ม่ออู่ เขียน, ธารยุทธ์ แปล. เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1. -- กรุงเทพฯ : สยามอินเตอร์บุ๊ค, 2560. 392 หน้า. 1.นวนิยายจีนแปล. I.ชื่อเรื่อง. ISBN : 978-616-410-xxx-x ชื่อหนังสือ : เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1 ผู้เขียน : ม่ออู่ ผู้แปล : ธารยุทธ์ พิมพ์ครั้งที่หนึ่ง : กรกฎาคม 2560 จ�านวน : 392 หน้า ราคา : 300 บาท

Sha Xue Volume 1 All rights reserved Original story characters created and copyright © Author: 墨武 Mo Wu Thai translation copyright © 2017 Siam Inter Multimedia Public Co., Ltd., Thai edition arranged through Pelican Media Agency Ltd., Taiwan <歃血>

ลิขสิทธิ์ฉบับภาษาไทยเป็นของ ส�านักพิมพ์สยามอินเตอร์บุ๊ค ภายใต้การดูแลของ บริษัท สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จ�ากัด (มหาชน) อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ห้ามลอกเลียนแบบส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ รวมทั้งการจัดเก็บ ถ่ายทอด ไม่ว่ารูปแบบ หรือวิธีการใดๆ ในกระบวนการอิเล็กทรอนิกส์ การบันทึก การถ่ายภาพ หรือวิธีการใดโดยไม่ได้รับอนุญาต ยกเว้นเพื่อการประชาสัมพันธ์หนังสือเท่านั้น

ผู้จัดพิมพ์ คณะที่ปรึกษา บรรณาธิการบริหาร กองบรรณาธิการ เลขานุการกองบรรณาธิการ หัวหน้าแผนกศิลปกรรม กองงานปกและสื่อสิ่งพิมพ์ หัวหน้าแผนกศิลปกรรม กองงานศิลปกรรมออกแบบรูปเล่ม กองงานศิลปกรรม จัดรูปเล่ม หัวหน้ากองงานพิสูจน์อักษร รองหัวหน้ากองงานพิสูจน์อักษร พิสูจน์อักษร ผู้อำานวยการใหญ่สายงานธุรกิจสิ่งพิมพ์ ผู้อำานวยการฝ่ายต่างประเทศ ผู้อำานวยการใหญ่สายการผลิตและพัฒนาสินค้า ฝ่ายการผลิต แยกสี พิมพ์ที่ จัดจำาหน่ายทั่วประเทศ

สำ�นักพิมพ์สย�มอินเตอร์บุ๊ค ระวิ โหลทอง, สมช�ย กรุสวนสมบัติ, สฤษฎกุล แจ่มสมบูรณ์, วิฑูรย์ นิรันตร�ย, อัญชลีพร ธีระสินธุ์, วิรัตน์ ทีฆพุฒิสกุล, ปร�ชญ์ ไชยคำ�, ธัญญรัตน์ สิทธิ์ธน�วิธ�น, ภูษณ�ภรณ์ เกษเมธีก�รุณ สิทธิเดช แสนสมบูรณ์สุข ณัฐพล จันทรวินิจ, จักรี อินต๊ะป� ปฏิญญ� ชูภักดี ประพัทธ์ รัตนธ�รี เบญจภัทร บุญบงกชรัตน์ จรัสพรรณ ม�กรอด, อนิรุตน์ บุญม�ก Pa-Re Prae สุช�ด� บุญเสริมเจริญสุข พรทิพย์ พวงจำ�ป� แก้วช� ดวงต� เทียมทัด กิตติวัฒน์ นิรันตร�ย ชูชัย ศิระจินด� ปฏิวัติ มัชถ�ประเท, ยุวศรี หิรัญโน S.S.Film Process บริษัท สย�มพรินท์ จำ�กัด บริษัท สย�มอินเตอร์มัลติมีเดีย จำ�กัด (มห�ชน) 459 ซ.ล�ดพร้�ว 48 แขวงส�มเสนนอก เขตห้วยขว�ง กรุงเทพฯ 10310 โทร. 0-2694-3031-33 ต่อ 1601-1607, 0-2276-5035-39 ลูกค้�สัมพันธ์ : โทร. 0-2693-0904


8

เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


่มเ

ปลายวสันตฤดู หมูว่ หิ คต่างโบยบินขวักไขว่ราวกระสวยทอผ้า ยาม ลมอุ่นโชยพัด ดอกไม้ใบหญ้าพลิ้วไสว เริงระบ�าภายใต้ผืนฟ้าพสุธา ทันใดนั้นปรากฏเสียงฆ้องดัง “ตึง ตึง” วิหคหลายตัวในร่มไม้ต่าง ตกใจ จนท�าลายบรรยากาศอันเอื่อยเฉื่อยแห่งฤดูวสันต์ แม้ต้นหลิวที่ โอนเอนยังคล้ายสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย โยกไหวใบปลิดปลิวร่วงลงสู่ล�าธาร ไหลไปพร้อมกับบุปผาที่ร่วงหล่น ริมล�าธารมีต้นไหว* ใหญ่หลายต้น ใต้ต้นไหวตั้งไว้ด้วยโต๊ะไม้ตัว หนึง่ เบือ้ งหน้าโต๊ะไม้มชี ายสองสามคนแต่งกายด้วยเครือ่ งแบบทหารส่วน พระองค์** บนแก้มซ้ายสักไว้ด้วยอักษร “เซียวอู่” (องอาจแกร่งกล้า) แม้ว่าพวกมันก�าลังตีฆ้อง แต่สีหน้าท่าทางกลับไม่ใส่ใจเท่าใด เบื้องหน้าทหารเหล่านี้ปักไว้ด้วยธงใหญ่สองผืน ผืนหนึ่งปักค�าว่า “รับสมัคร” อีกผืนปักค�าว่า “ผู้กล้า” ที่แท้กลุ่มคนเหล่านี้ก็คือผู้ที่มารับ * ชื่อวิทยาศาสตร์ Styphnolobium japonicum ** ในราชวงศ์ซ่ง ทหารส่วนพระองค์ ไม่ได้มีหน้าที่เพียงอารักขาฮ่องเต้หรือประจ�าในเมืองหลวง หากแต่เป็นทหารที่ขึ้นตรง ต่อฮ่องเต้ และกระจายไปปฏิบัติหน้าที่ทางทหารทั่วแผ่นดิน เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

9


สมัครคัดเลือกทหารส่วนพระองค์ ด้านข้างธงใหญ่มีหุ่นไม้ตั้งอยู่สองตัว เห็นได้ชัดว่าใช้เพื่อเปรียบ เทียบสัดส่วนของผู้ที่จะคัดเลือกเป็นทหาร ด้านหลังโต๊ะกลับมีคนผู้หนึ่ง ก�าลังฟุบหลับ เมื่อได้ยินเสียงฆ้องค่อยยืดตัวขึ้นหาวบิดขี้เกียจคราหนึ่ง ตอนทีม่ นั ฟุบตัวอยูย่ งั ดูไม่ออก แต่เมือ่ ยืดเอวบิดขีเ้ กียจจึงพบว่าคนผูน้ มี้ ี บ่ากว้างแผ่นหลังหนา เคราครึม้ เต็มใบหน้า กอปรด้วยท่วงท่าองอาจ มัน เหลือบมองสมุดรายชื่อบนโต๊ะ ขมวดคิ้วกล่าวว่า “เหตุใดยังมีเพียงไม่กี่ คน? พี่น้องทั้งหลาย ลงแรงแข็งขันกว่านี้ หามาอีกสิบกว่าคน ก็กลับกัน ได้แล้ว” ชายร่างผอมคนหนึ่งตอบรับว่า “ท่านผู้บัญชาการ ชาวบ้านคล้าย ไม่สมัครใจเท่าใด ให้หาอีกสิบกว่าคน กล่าวไปแม้งา่ ยดาย ปฏิบตั จิ ริงกลับ ยากเข็ญยิ่ง” ชายเคราครึ้มหาวอีกครั้งพร้อมกล่าวว่า “ท�าให้เต็มก�าลังที่ ท�าได้เถอะ” ชายศีรษะล้านอีกคนถามขึน้ “ใต้เท้ากัว เหตุใดท่านไม่คดั เลือกจาก ทหารท้องถิ่น แต่กลับมาคัดสรรจากชาวบ้านถึงที่นี่?” ชายเคราครึม้ ตอบว่า “เดิมบิดาก็คดิ จะคัดทหารท้องถิน่ ทีน่ กี่ ลับไป ท�าการฝึกอบรมเพื่อเสริมหน่วยเซียวอู่ ไม่ให้ผู้คนดูแคลน แต่เจ้าเมืองที่ นี่กลับตระหนี่นัก ทหารที่ส่งมามีแต่พวกแตงเบี้ยวพุทราปริ* กลอกกลิ้ง เกียจคร้าน ไม่สู้ให้เราออกมาคัดเลือกเองยังดีกว่า” ทันใดนั้นชายร่างผอมพลันตาเป็นประกาย ตะโกนขึ้น “มีคนมา แล้ว” ชายเคราครึม้ รีบเงยหน้าขึน้ มอง เห็นฝัง่ ตรงข้ามล�าธารมีคนผูห้ นึง่ ก�าลังข้ามมา จึงกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า “สวรรค์ ไม่ทอดทิ้งผู้มีปณิธาน น�า * แผลงเป็น หน้าตาท่าทางใช้การไม่ได้

10 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


ตัวมันมา เจ้าผู้นี้ส่วนสัดไม่เลว จัดเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศ” คนผู้นั้นก�าลังย�่าข้ามล�าธาร ตอนแรกคิดจะเดินอ้อมกลุ่มคนเหล่า นี้ไป คาดไม่ถงึ ว่าพอข้ามฝัง่ มา เห็นทหารส่วนพระองค์เหล่านัน้ กรูกนั เข้า มาราวสุนัขป่า อารามตกใจสะท้านขึ้นคราหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “พี่ใหญ่ทั้ง หลาย ผู้น้อยไม่ได้ท�าความผิดอันใด” คนผูน้ มี้ รี ปู ร่างสูงโปร่ง ใบหน้าอ่อนเยาว์สดใส ยามยิม้ บางเบากลับ ให้ความรู้สึกสดชื่นราวลมวสันต์ ทหารส่วนพระองค์คว้าตัวผู้ที่มา เผยอยิ้มกล่าวว่า “ไม่มีใครกล่าว หาว่าเจ้าเป็นโจร น้องชายท่านนี้ มาเป็นทหารดีหรือไม่?” คนผู้นี้พอได้ยินค�าว่า “ทหาร” ถึงกับสะดุ้ง เมื่อกวาดตามองไปยัง ธงรับสมัครที่อยู่ไม่ไกล ใบหน้ายิ่งกลายเป็นซีดเผือด ยามนั้นชายเครา ครึ้มก้าวออกมา ตบบ่าของมันหนักๆ กล่าวด้วยเสียงอันดังว่า “เด็กน้อย เช่นเจ้า กลับมีกระดูกโครงสร้างไม่เลว หมื่นคนยังยากพบพานสักหนึ่ง เหมาะสมที่จะเป็นทหารยิ่งนัก เจ้ากับเรานับว่าถูกชะตากัน เช่นนี้เถอะ เดิมผู้อื่นมาสมัครเป็นทหาร จะต้องผ่านการสอบคัดเลือกหลายด่าน แต่ เราถูกใจเจ้า จะให้เจ้าไม่ต้องทดสอบ เพียงกลับบ้านไปเก็บสัมภาระ เรา จะพาเจ้าเข้าเมืองหลวง วันหน้าย่อมได้กนิ ดีอยูด่ ี มีลาภยศวาสนาให้เสพ ไม่สนิ้ การเป็นทหารส่วนพระองค์ เดิมต้องคัดสรรจากทหารท้องถิน่ เจ้า สามารถข้ามขั้นจากชาวบ้านสามัญเข้ากองทัพทหารส่วนพระองค์ ได้ นับว่ามีไอเขียวพุ่งจากสุสานบรรพชนแล้ว* เอ๊ะ...นัยน์ตาของเจ้าเป็น อะไร?” เดิมชายเคราครึม้ เห็นคนข้ามล�าธารมามีรปู ร่างสูงโปร่ง ยังสูงกว่า หุ่นไม้อยู่หลายส่วน ในใจจึงบังเกิดความยินดี แต่แล้วกลับพบเห็นว่าคน * ตามศาสตร์ฮวงจุย้ ยามทีม่ ไี อหรือควันเขียวขึน้ จากหลุมศพบรรพชน ถือเป็นมงคล แปลว่าจะมีเรือ่ งดีหรือจะได้เป็นขุนนาง เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

11


ผู้นี้แม้สัดส่วนไม่เลว แต่ดวงตากลับชิดกัน นัยน์ตาด�าเหล่เอียงเข้ามาชิด กับสันจมูก ราวกับภาพทิวทัศน์อันงดงามกลับปรากฏกองมูลวัว กลาย เป็นจุดบกพร่องในความงามไปสิ้น ผูท้ มี่ าส่งเสียงไอต่อเนือ่ ง ในใจครุน่ คิดว่านี่ไหนเลยเรียกว่ารับสมัคร ทหาร กลับกล่าววาจาราวกับกลุ่มโจรคิดดึงคนเข้ารังโจร เหตุใดตนจึง ชะตาอาภัพถึงเพียงนี้ กลับตกมาอยู่ในมือคนเหล่านี้ได้? “ใต้เท้าท่านนี้ ผูน้ อ้ ยผอมแห้งแรงน้อย อีกทัง้ มีโรคประจ�าตัว เกรง ว่าความปรารถนาดีของท่านต้องสูญเปล่าแล้ว” “ผอมแห้งไม่ใช่เรือ่ งน่ากลัว รับประทานให้มากก็อว้ นได้ มีโรคก็ยงิ่ ไม่น่ากลัว รับประทานยาสักเล็กน้อยเดี๋ยวก็หาย ทหาร รีบจดบันทึกชื่อ ของมันลงในสมุดรายชื่อ” ชายเคราครึ้มกลับคล้ายผู้คนอดอยากไม่เลือก อาหารแล้ว ชายศีรษะโล้นถามขึ้น “ชื่อแซ่?” คนผู้นั้นตอบไปว่า “ตี๋ชิง” ชายศีรษะโล้นกล่าวขึ้นว่า “นามอันประเสริฐ ถิ่นก�าเนิด? ไม่ต้อง ถามแล้ว นี่เป็นเมืองเฝินโจว อ�าเภอซีเหอ เจ้าคงเป็นคนที่นี่แล้ว” จาก นั้นเห็นมันสะบัดพู่กันไปมา ลายมือคล้ายอสรพิษฉวัดเฉวียน ตี๋ชิงพลัน รู้ตัวจึงรีบคว้าจับพู่กันอย่างลนลาน ร�่าร้องขึ้นว่า “พี่ทหาร ท่านเข้าใจผิด แล้ว เราไม่เป็นทหาร” ชายเคราครึ้มเริ่มหน้าตึง กล่าวด้วยน�้าเสียงข่มขู่ว่า “ชื่อเจ้าถูกจด บันทึกบนสมุดรายชื่อ กระดาษขาวอักษรด�า* ยังคิดจะผลักไสอีกหรือ? เจ้าคิดดูแคลนเราผู้แซ่กัวกระมัง?” ตี๋ชิงตาเหลือกลนลานกล่าวว่า “ใต้เท้า ผู้น้อยไหนเลยจะกล้า? * กระดาษขาวเขียนไว้ด้วยอักษรด�า หมายถึงมีหลักฐานชัดเจนแน่นหนา

12 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


เพียงแต่เบื้องสูงต้องเลี้ยงดูบุพการีอายุแปดสิบ...จะจากบ้านเกิดเมือง นอนไปง่ายๆ ได้อย่างไร? ชายเคราครึ้มกวาดตามองขึ้นๆ ลงๆ ส�ารวจตี๋ชิง “ปีนี้เจ้าอายุ เท่าใด?” ตี๋ชิงตอบว่า “ไม่ถึงยี่สิบ” ชายเคราครึ้มแค่นยิ้มกล่าวว่า “เจ้าอายุไม่ถึงยี่สิบ บิดามารดาเจ้า กลับอายุแปดสิบ เท่ากับพวกท่านอายุหกสิบกว่าค่อยให้กา� เนิดเจ้า นับว่า เป็นผู้ชราที่เข้มแข็งนัก” ตี๋ชิงนึกไม่ถึงว่าชายเคราครึ้มดูเหมือนหยาบกร้าน กลับมีจิตใจ ละเอียดอ่อนถึงเพียงนี้ จึงรีบอธิบายว่า “ไม่ขอปิดบังใต้เท้า บิดาให้กา� เนิด เราตอนอายุหกสิบกว่า แต่มารดาผู้ให้ก�าเนิดเป็นอนุภรรยา ตอนที่คลอด เราออกมาอายุยังไม่ถึงสี่สิบ” ชายเคราครึ้มกล่าวขึ้นว่า “เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร รอให้เจ้าประสบ ความส�าเร็จสร้างชือ่ เสียงแล้วค่อยมารับบิดามารดาไปอาศัยในเมืองหลวง ไม่ยิ่งดีกว่าหรือ?” กล่าวจบก็เก็บสมุดรายชื่อทันที ขณะที่จะใส่ไปในอก เสือ้ ก็กล่าวขึน้ อีกว่า “ถึงนัยน์ตาเจ้าจะไม่ดี แต่นยั น์ตาเช่นนี้ อาจมีพรสวรรค์ ทางยิงธนูก็เป็นได้...” ตี๋ชิงถึงกับนิ่งงัน ไม่ทราบว่านี่เป็นเหตุผลอันใด ที่จริงมันไม่ได้ ตาเหล่ แต่พอเห็นค�าว่ารับสมัครทหารจึงแสร้งท�าเป็นตาเหล่ ยังหวังว่า พวกนัน้ เห็นว่าตนพิกลพิการ จะได้ไม่คดิ รับตัว แต่ยงิ่ เล่นลวดลายยิง่ กลาย เป็นเดือดร้อน กลับกลายเป็นคุณสมบัติอันพิเศษในการเข้ากองทัพไปได้ ชายเคราครึม้ ยังกล่าวอีกว่า “ชือ่ แซ่กจ็ ดบันทึกแล้ว เจ้ารีบกลับไป เก็บสัมภาระทีบ่ า้ น คืนนี้ให้มารายงานตัวทีน่ ี่ หากเจ้าไม่มา เราจะให้นาย อ�าเภอซีเหอริบทรัพย์บา้ นเจ้า จับกุมพีช่ ายน้องชาย พีส่ าวน้องสาว ลูกพี่ เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

13


ลูกน้องเจ้ามาเป็นทหารให้หมด คาดว่าเจ้าคงไม่ถึงกับสุราคารวะไม่ดื่ม ดื่มสุราจับกรอกกระมัง?” ตีช๋ งิ ยืน่ มือไปคว้าสมุดรายชือ่ อย่างลนลาน ชายเคราครึม้ แค่นเสียง เย็นชา “เด็กน้อยอันยอดเยี่ยม” เสียงไม่ทันขาดค�าก็คว้าจับใส่ข้อมือของ ตี๋ชิง ตี๋ชิงตวาดค�าหนึ่ง พลิกบิดข้อมือหลุดออกมา ชายเคราครึ้มได้ชื่อ ว่าเป็นผูอ้ าจหาญในสามเหล่าทัพ นึกไม่ถงึ ว่าตีช๋ งิ จะมีขอ้ มืออันแข็งแกร่ง ถึงขัน้ ดิน้ หลุดจากการคว้าจับของตนได้ จึงตวาดค�าหนึง่ แล้วต่อยหมัดออก ไป ตี๋ชิงหลบเลี่ยงไม่ทัน ขณะที่หมัดคล้ายบาตรขนาดใหญ่ก�าลังจะ กระแทกเข้ากลางหน้า ตี๋ชิงกลับตีลังกาหลบรอดจากหมัดนี้ได้ ชายเคราครึ้มเห็นแล้วกลับยินดี ปรบมือหัวเราะร่า “เราบอกแล้ว ว่าเจ้าเด็กนี่ไม่เลว คนที่หลบหมัดเราผู้บัญชาการได้ นับว่าเข้มแข็งไม่ เบา!” แต่ไม่ทันขาดค�า รอบตัวตี๋ชิงทั้งสี่ทิศก็ถูกล้อมไว้ด้วยผู้คนแปดคน แต่ละคนชักดาบยาวออกจากฝัก ยืนประจันหน้าอย่างมัน่ คง ชายร่างผอม ตวาดขึ้น “ชนชั้นบังอาจ กลับกล้าเสียมารยาทต่อใต้เท้ากัว! ไม่ต้องการ มีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่?” ตี๋ชิงสะดุ้งเฮือกไม่กล้าลงมือวุ่นวายอีก มันพลันกลอกตาตลบหนึ่ง ประสานมือคารวะกล่าวว่า “ใต้เท้า อันที่จริงที่ผู้น้อยไม่อยากเป็นทหาร มิได้มสี าเหตุจากเรือ่ งบุพการีเพียงอย่างเดียว ความจริงยังมีความจ�าเป็น อันยากจะบอกกล่าว” ใต้เท้ากัวยกป้านสุราบนโต๊ะขึ้นดื่มสองอึก เหลือบตามองตี๋ชิง กล่าวขึ้นว่า “ลองบอกกล่าวมา ต่อให้เป็นเรื่องใหญ่เทียมฟ้า เราผู้ บัญชาการจะช่วยเจ้าต้านไว้เอง” 14 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


ตีช๋ งิ ลอบร้องย�า่ แย่ในใจ ไหนเลยคาดคิดว่าจะมาเจอกับขุนนางน�า้ ดี ที่คิดจะบีบให้มันเข้ากองทัพให้ได้ แต่มันไม่ต้องการเป็นทหาร อันที่จริง ก็ไม่ใช่แค่มนั ทว่าชาวบ้านทัว่ ไปยอมล�าบากเร่รอ่ น ก็ยงั ไม่ยอมเป็นทหาร เช่นกัน สาเหตุนนั้ มาจากต้าซ่ง* ได้เปลีย่ นแปลงระบบกองทัพจากราชวงศ์ สุย ถัง มาเป็นระบบการรับสมัคร ผู้ที่รับมาส่วนใหญ่เป็นราษฎรเร่ร่อน ราษฎรอดอยาก แม้การเป็นทหารจะไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเครื่อง นุ่งห่ม แต่ก็ไม่นับว่ามีลาภยศวาสนา ทั้งยังต้องถูกสักหน้า พฤติกรรมสัก หน้าแพร่หลายในยุคห้าราชวงศ์ จากนัน้ ถูกต้าซ่งสืบทอดน�ามาใช้ตอ่ เป้า หมายก็เพือ่ ป้องกันการหนีทหาร ซึง่ ในยุคนัน้ ผูท้ ถ่ี กู สักหน้านอกจากทหาร แล้ว ก็มีนักโทษกับทาส ดังนั้นเมื่อเป็นทหารถูกสักหน้าจึงมักถูกผู้คน ดูแคลนไปชั่วชีวิต ตีช๋ งิ ไม่ได้ตอ้ งการเข้ากองทัพ เพียงแต่มนั ต้องการรีบไปท�าธุระ จึง ได้เดินผ่านเส้นทางลัดบริเวณนี้ คาดไม่ถึงว่ากลับถูกใต้เท้าหม้อ** หรือ ชามอันใดท่านนี้คว้าตัวมา เหตุการณ์เมื่อครู่ ตี๋ชิงใช้ข้ออ้างสี่ประการในการปฏิเสธ ตาเหล่ ร่างกายอ่อนแอ อมโรค บิดามารดาชรา คาดไม่ถึงว่ากลับใช้ไม่ได้สักข้อ ตี๋ชิงร้อนใจจนเหงื่อซึมออกกลางกระหม่อม ลอบคิดว่าต่อให้บอก ไปว่าตนเองป่วยเป็นโรคร้ายแรง เกรงว่าใต้เท้าเคราครึ้มผู้นี้ถึงตายก็ต้อง ลากมันไปสักหน้าทีเ่ มืองหลวงก่อนค่อยว่ากัน มันขบฟัน กะพริบตาทีเ่ หล่ อยู่หนหนึ่ง น�้าตาอุ่นๆ สองสายก็ไหลออกมา กล่าวขึ้นว่า “ใต้เท้า ขอบ อกโดยไม่ปดิ บังอ�าพราง ทีผ่ นู้ อ้ ยไม่ตอ้ งการจากบ้านเกิดไป เป็นเพราะมี สตรีที่รักชอบอยู่ทางตะวันตกของแม่น�้า สตรีนางนี้นามว่าเสี่ยวชิง เป็น * เสียงแต้จิ๋วออกว่าซ้อง ** แซ่กัว มีเสียงพ้องกับค�าว่ากัวที่แปลว่าหม้อ เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

15


บุตรีของช่างตีเหล็กแซ่จางเปิดร้านตีเหล็กอยู่ทางตะวันตกของอ�าเภอ ตั้งแต่เล็ก...ผู้น้อยกับนางผูกสมัครรักใคร่กันด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์...แต่ ช่างตีเหล็กแซ่จางเป็นคนเห็นแก่ผลประโยชน์ ละโมบเงินทอง บอกว่า ต้องหาเงินห้าต�าลึงมาเป็นสินสอดจึงจะยอมยกบุตรีให้ตบแต่งด้วย ใต้เท้า ท่านย่อมทราบว่าคนหนุ่มผู้น้อย การหาเงินไหนเลยเป็นเรื่องง่ายดาย ผู้น้อยจึงหักใจยอมล�าบากเลี้ยงแกะสองตัว อีกทั้งไม่รอให้เติบใหญ่เต็มที่ วันนี้รีบน�าไปขายที่ตลาดได้เงินมาสามต�าลึง ท่านดู...” มันแบมือให้เห็น เงินสามต�าลึง จากนั้นกล่าวต่อว่า “นี่คือเงินที่ผู้น้อยได้จากการขายแกะ ไป” ใต้เท้ากัวกล่าวด้วยความประหลาดใจ “แล้วเกีย่ วอะไรกับการทีเ่ จ้า จะเป็นทหารหรือไม่?” ตี๋ชิงรีบกล่าวว่า “ผู้น้อยสะสมเงินไว้สองต�าลึง บวกกับสามต�าลึงนี้ ก็สามารถตบแต่งภรรยาได้แล้ว แต่เถ้าแก่จางรังเกียจพวกไม่ทา� มาหากิน หากรู้ว่าผู้น้อยไปเป็นทหารที่เทียบพวกไม่ท�ามาหากินยังไม่ได้ ไหนเลย จะยอมยกลูกสาวให้? นายท่าน โปรดเห็นแก่ความรักหลายปีของผู้น้อย กับเสี่ยวชิง อย่าได้บีบผู้น้อยเข้ากองทัพ ท�าลายคู่ยวนยาง* เลยได้หรือ ไม่? ตีช๋ งิ รวบรวมความกล้ากล่าววาจาประดานีอ้ อกไป เดิมคิดว่าใต้เท้า กัวจะคาดโทษมันทีล่ บหลูท่ หารส่วนพระองค์ นึกไม่ถงึ ใต้เท้ากัวกลับถอน ใจกล่าวขึ้นว่า “โอ...เรื่องอื่นใดในแผ่นดินล้วนสามารถบังคับแข็งขืน แต่ ค�าว่า ‘รัก’ นี้กลับยากบังคับได้ เรื่องนี้...เราผู้แซ่กัวคงช่วยเจ้าไม่ได้” ตี๋ชิงกล่าวด้วยความยินดีว่า “ใต้เท้ากัว ขอเพียงท่านไม่ให้ผู้น้อย เข้ากองทัพ ก็เท่ากับเป็นการช่วยเหลือครั้งใหญ่แล้ว” * เป็ดแมนดาริน เนื่องจากเป็นสัตว์ที่ชอบอยู่เป็นคู่ จึงมักถูกเปรียบเป็นคู่รักที่รักกันอย่างมาก

16 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


สีหน้าใต้เท้ากัวเต็มไปด้วยความเสียดาย กวาดตามองตีช๋ งิ รอบหนึง่ พึมพ�าขึน้ ว่า “ช่างเหมือนยิง่ นัก ในแผ่นดินนีม้ คี นทีเ่ หมือนกันถึงเพียงนี?้ ” ตี๋ชิงไม่เข้าใจความหมายในวาจาของใต้เท้ากัว แต่เห็นใต้เท้ากัว ควักเศษเงินจากอกเสือ้ โยนมา ตีช๋ งิ จึงรีบคว้ารับเอาไว้ พอคิดว่านีอ่ าจเป็น เงินซื้อตัวมัน ถึงกับร้อนใจจนเหงื่อโซม คาดไม่ถึงใต้เท้ากัวกลับกล่าวว่า “เราผูแ้ ซ่กวั พอพบเจอเจ้าก็รสู้ กึ ถูกชะตา รูส้ กึ ว่าด้วยสัดส่วนของเจ้า หาก ได้รบั การฝึกฝนอยู่ในกองทัพ...ย่อมดีกว่าอยู่ในชนบทเยีย่ งนี้ แต่เมือ่ เจ้า มีเหตุอันจนใจ เราก็ไม่สะดวกจะฝืนบังคับ เศษเงินเล็กน้อยนี่ ถือว่าเป็น เงินอวยพรให้เจ้าได้ตบแต่งภรรยาในเร็ววันเถอะ” ตีช๋ งิ กะพริบตาถีๆ่ เป็นครัง้ แรกทีม่ นั มีความรูส้ กึ ทีด่ ตี อ่ ใต้เท้ากัวขึน้ มาบ้าง จึงรีบโค้งคารวะกล่าวว่า “พระคุณยิ่งใหญ่ของใต้เท้ากัว ชั่วชีวิตตี๋ ชิงจะไม่มวี นั ลืมเลือน ผูน้ อ้ ยยังต้องรีบไปทีร่ า้ นเหล็ก ต้องขอตัวก่อน” มัน คารวะอีกครั้ง แล้วจากไปอย่างเร่งร้อน ใต้เท้ากัวก็ไม่ได้สกัดขัดขวาง หมุนตัวกลับไปนั่งเบื้องหลังโต๊ะ คว้าป้านสุรากรอกลงคอ ถอนหายใจ หนักๆ กล่าวว่า “เหตุใดจึงเหมือนถึงเพียงนี้? หรือว่า...” ค�าพูดยังไม่ทัน จบ ก็มีมือปราบในอ�าเภอผู้หนึ่งรีบร้อนเข้ามากล่าวว่า “นายอ�าเภอจ้าว ทราบว่าใต้เท้ากัวเหน็ดเหนื่อยจากการรับสมัครทหาร จึงได้จัดโต๊ะสุรา อาหารชั้นเลิศไว้ที่ที่ว่าการอ�าเภอเป็นพิเศษ ขอใต้เท้าให้เกียรติด้วย” ใต้เท้ากัวสลายความสงสัย หัวเราะฮาฮากล่าวว่า “ประเสริฐ ไปกัน ในบัดดล” ตี๋ชิงสาวเท้าออกเดินอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงจุดที่คาดว่าต่อให้ใต้เท้า กัวขี่ม้าตามมาก็ไม่ทันแล้วจึงผ่อนฝีเท้าลง เขย่าเศษเงินในมือกล่าวกับ ตัวเองว่า “ใต้เท้ากัวท่านนี้นิสัยไม่เลว แต่ท่านแม่เคยบอกว่า ‘ลูกผู้ชาย อย่าได้เป็นทหาร เป็นทหารคือความเสียหายชั่วชีวิต’ ท�าให้จ�าเป็นต้อง เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

17


รานความปรารถนาดีของใต้เท้ากัว เราตี๋ชิงมีดีอันใด ใต้เท้ากัวกลับให้ ความส�าคัญกับเราถึงเพียงนี้? หรือมันเกิดต้องตาเราขึ้นมา?” เมื่อคิดถึง ตรงนี้ มันรีบสะบัดศีรษะ ลอบคิดว่าใต้เท้ากัวเป็นลูกผู้ชาย คงจะไม่ใช่... ขณะก�าลังครุ่นคิด พลันได้ยินเสียงตะโกนเรียกมาแต่ไกล “ตี๋ชิง ท�าไมเจ้าเพิ่งกลับมา...เกิด...เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!” เด็กหนุ่มผู้หนึ่งวิ่ง กระหืดกระหอบพร้อมเหงื่อโซมกายมาแต่ไกล ตี๋ชิงจดจ�าผู้ที่มาได้ มันเรียกว่าหนิวจ้วง เป็นเพื่อนเล่นตั้งแต่เล็ก เมือ่ เห็นหนิวจ้วงมีสหี น้าหวาดหวัน่ เสือ้ ผ้าฉีกขาด ขอบตาบวมช�า้ คล้าย ไปต่อยตีกับผู้คนมา ตี๋ชิงถึงกับหัวใจตกวูบ “เกิดเรื่องอันใดขึ้น? พี่ใหญ่ ของเราอยู่ไหน?” หนิวจ้วงรีบกล่าวว่า “เกิดเรื่องกับพี่ใหญ่ของท่านแล้ว” ตีช๋ งิ คว้าสองมือของมัน ร้องถาม “รีบบอกมา ตกลงเกิดเรือ่ งอันใด กันแน่?” ค�าพูดที่ตี๋ชิงบอกกล่าวต่อกัวจุน แท้จริงแล้วเป็นค�าพูดกึ่งจริงกึ่ง เท็จ เสี่ยวชิงกับช่างตีเหล็กจางมีตัวตนอยู่จริง ช่างตีเหล็กจางเรียกร้อง สินสอดห้าต�าลึงก็เป็นความจริง ทว่าผู้ที่ปรารถนาจะตบแต่งเสี่ยวชิงกลับ เป็นพี่ใหญ่ของตีช๋ งิ นามว่าตีห๋ วิน เช้าวันนีต้ ชี๋ งิ ขายแกะไปสองตัว รวบรวม เงินได้ครบจึงรีบกลับบ้านด้วยความยินดี ในหัวมีแต่เรื่องจะช่วยพี่ชาย ตบแต่งเสี่ยวชิงเข้าบ้าน ไหนเลยจะคาดคิดว่าเกิดเรื่องแทรกซ้อนขึ้น? หนิวจ้วงกล่าวว่า “จ้าวอูเ่ ต๋อมันมาถึงก็ประกาศว่าต้องการตัวเสีย่ ว ชิงไปเป็นอนุภรรยาคนที่เจ็ด แล้วโยนเงินให้ช่างตีเหล็กจางสิบต�าลึง พี่ใหญ่ทา่ นกับเราก�าลังสูข่ อกับช่างตีเหล็กจาง เมือ่ เห็นเหตุการณ์เข้าย่อม ไม่อาจยอมรับ เราเข้าไปขวางจึงถูกพวกมันทุบตีรอบหนึ่ง พอพี่ใหญ่ ท่านเข้าไปขวาง สุดท้าย...” ใบหน้าของมันปรากฏสีหน้าอันขมขื่นขึ้น 18 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


ตี๋ชิงรีบถามอย่างร้อนรน “พี่ใหญ่เราเป็นอะไร?” มันรู้ว่าจ้าวอู่เต๋อ เป็นบุตรโทนของนายอ�าเภอจ้าว ผูม้ อี ทิ ธิพลในพืน้ ทีแ่ ถบซีเหอ เมือ่ พี่ใหญ่ มีเรื่องกับมัน คงยากที่จะลงเอยด้วยดีได้ “พี่ชายของท่าน...ถูกพวกมันฟาดขาหักแล้ว” หนิวจ้วงโพล่งออก มาทั้งน�้าตา เส้นเอ็นบนหน้าผากตี๋ชิงปูดโปนขึ้น มันรวบก�าหมัดแล้วกล่าวว่า “เป็นฝีมือของจ้าวอู่เต๋อ?” หนิวจ้วงกล่าวอย่างเคียดแค้นว่า “แม้มนั ไม่ได้ลงมือด้วยตัวเอง แต่ ก็ไม่ต่างกันเท่าใด ท่านก็รู้ว่าจ้าวอู่เต๋อมีสุนัขรับใช้อยู่ฝูงหนึ่ง ที่ผ่านมา กระท�าความชัว่ ช้าทุกอย่าง ในตอนนัน้ จ้าวอูเ่ ต๋อมันยังประกาศว่า บิดามัน เป็นนายอ�าเภอ แม้ฟาดคนตายก็ไม่มีเรื่องอันใด” ตี๋ชิงไม่กล่าวมากความ เร่งสาวเท้ามุ่งกลับบ้าน หนิวจ้วงกระหืด กระหอบวิ่งไล่ตาม แต่ยังถูกตี๋ชิงทอดทิ้งไว้เบื้องหลัง เมื่อตี๋ชิงกลับมาถึง บ้าน เห็นพี่ใหญ่ตี๋หวินมีสีหน้าซีดเผือด ขาข้างหนึ่งยังเปรอะเลือดเกรอะ กรัง นอนกึง่ สลบไสลบนเตียงคลุมเสือ่ หมอทีเ่ พิง่ จะดัดกระดูกขาให้เสร็จ เมื่อเห็นตี๋ชิงมาถึงจึงส่ายศีรษะพลางกระซิบว่า “เกรงว่าหลังจากนี้ คง กลายเป็นขาเป๋แล้ว” ตี๋ชิงสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ควักหยิบเศษเงินส่งให้หมอ หลังส่งหมอจาก ไป ก็ฟาดก�าปั้นกับบนโต๊ะที่ลานนอกบ้าน โต๊ะทีท่ า� จากไม้เนือ้ แข็งกลับไม่อาจต้านทานก�าลังมหาศาลของมัน ได้ยินเสียง “เปรี้ยง” คราหนึ่ง โต๊ะถึงกับพังครืนลง ในใจตีช๋ งิ บังเกิดความโกรธแค้น บิดามารดาของมันเสียชีวติ ไปนาน แล้ว พี่ใหญ่ตี๋หวินเป็นคนชนบทนิสัยสัตย์ซื่อ ช่วยเลี้ยงดูตี๋ชิงมาจนเติบ ใหญ่ เรียกได้ว่าท�าหน้าที่เป็นทั้งบิดาและมารดา ที่ผ่านมาตี๋ชิงให้ความ เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

19


เคารพต่อพี่ใหญ่อย่างยิง่ การทีจ่ า้ วอูเ่ ต๋อหักขาพี่ใหญ่ของมัน ตีช๋ งิ ยังรูส้ กึ เจ็บแค้นยิ่งกว่าถูกหักขาเองเสียอีก ตี๋หวินได้ยินเสียงจากลานเบื้องนอก จึงตื่นขึ้นมากล่าวอย่างอ่อน แรงว่า “น้องชาย...เจ้ากลับมาแล้ว?” ตีช๋ งิ ก้าวเท้าเข้าไปในห้อง “พี่ใหญ่ ข้ามาสายเกินไป ท่านนอนพัก สักครู... ่ ข้าจะไปหาจ้าวอูเ่ ต๋อเดีย๋ วนี”้ พูดจบหันหลังกลับเตรียมเดินออก ไป ตี๋หวินจึงรีบตะโกนเรียก “น้องเรา ไปไม่ได้!” ตีช๋ งิ หยุดฝีเท้าลง ค่อยๆ หมุนตัวกลับมา ฝืนยิม้ กล่าวว่า “ข้าเพียง จะไปถกเหตุผลกับพวกมัน” ตี๋หวินกล่าวว่า “ตี๋ชิง เรารู้ว่าเจ้าไม่พอใจแทนพี่ แต่พวกมันมี อิทธิพล มีผู้คนมากมาย เจ้าท�าอะไรพวกมันไม่ได้หรอก เราเองก็เป็น อย่างนี้แล้ว หากเจ้าเป็นอะไรไปอีก จะให้สู้หน้าบิดามารดาที่เสียชีวิตไป อย่างไร?” กล่าวจบน�า้ ตาก็อาบลงสองแก้ม ตี๋หวินกล่าวอย่างเจ็บปวดว่า “น้องเรา เรื่องนี้...เราได้แต่กล�้ากลืนไว้” ผ่านไปเนิ่นนาน ตี๋ชิงจึงกล่าวขึ้นว่า “ตกลง” จิตใจที่รวดร้าวของตี๋หวินค่อยผ่อนคลายลงบ้าง แม้ตัวมันต้อง ประสบคราเคราะห์ แต่อย่างไรก็ไม่ปรารถนาให้เกิดเรื่องกับน้องชายอีก คน “น้องเรามาสนทนาเป็นเพื่อนเราสักครู่เถอะ” มันยังเกรงว่าตี๋ชิงจะไป เอาเรื่องกับจ้าวอู่เต๋อ จึงหาข้ออ้างรั้งตี๋ชิงเอาไว้ ขณะนัน้ หนิวจ้วงเพิง่ ไล่ตามมาถึง เมือ่ พบว่าทีแ่ ห่งนีค้ ลืน่ ลมยังสงบ ราบเรียบถึงกับงุนงงสงสัย หนิวจ้วงรู้จักตี๋ชิงดี มันรู้ว่าตี๋ชิงย่อมไม่ยอม เลิกราเพียงเท่านี้ ตี๋ชิงกล่าวขึ้นว่า “พี่ใหญ่ ข้าขอไปสนทนากับหนิวจ้วงสักครู่ ท่าน พักผ่อนไปก่อน อีกสักครู่ข้าค่อยกลับเข้ามา” มันลากหนิวจ้วงไปที่ลาน 20 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


บ้าน กระซิบกระซาบกับหนิวจ้วงอยูห่ ลายค�า พร้อมควักเงินสามต�าลึงส่ง ให้หนิวจ้วงค่อยหันกลับเข้ามาในบ้าน ตี๋หวินไม่เห็นตี๋ชิงยื่นเงินให้หนิวจ้วง แต่เห็นว่าน้องชายยอมเชื่อ ฟังวาจา จึงปรากฏรอยยิม้ จางๆ ทีม่ มุ ปาก “น้องเรา ยังจ�าได้หรือไม่ ตอน ที่ท่านแม่เสียชีวิต ได้เคยกล่าวอันใดไว้?” ตี๋ชิงกล่าวขึ้นว่า “ท่านแม่สั่งให้เราสองพี่น้องใช้ชีวิตพึ่งพิงกันและ กัน ให้ข้าเชื่อฟังวาจาของพี่ใหญ่” ตี๋หวินยิ้มอย่างรันทดกล่าวขึ้นว่า “ใช่แล้ว ตี๋ชิง แม้เจ้าจะเป็นคน อารมณ์ร้อน แต่นับว่าเชื่อฟังวาจาอยู่ ก่อนท่านแม่จากไปได้บอกกล่าว กับเราไว้ว่าที่ท่านไม่วางใจที่สุดก็คือเจ้า ท่านสั่งให้เราคอยดูแลน้องให้ดี และช่วยตบแต่งภรรยาให้กับเจ้า เช่นนี้แม้มารดาอยู่ในปรภพก็ยังคงตา หลับ ทว่า...พี่ใหญ่กลับใช้การไม่ได้ พี่ใหญ่ผิดต่อเจ้านัก จนถึงบัดนี้... กลับเป็นเจ้าช่วยเราตบแต่งภรรยา” ตี๋ชิงก้มศีรษะลงกล่าวขึ้นว่า “พี่ใหญ่ ในโลกนี้ข้ามีท่านเป็นญาติ สนิทเพียงคนเดียว ข้าเป็นคนดือ้ รัน้ แต่เล็ก ทัง้ ยังชมชอบก่อเรือ่ งราว ทุก ครัง้ ทีส่ ร้างปัญหาพี่ใหญ่กช็ ว่ ยต้านไว้เสมอ ชีวติ นีข้ องพี่ใหญ่ตอ้ งถูกด่าทอ ทุบตีเพราะน้องชายไม่ได้เรื่องเช่นข้าไม่รู้กี่หน แต่ท่านกลับไม่เคยตวาด ดุด่าแม้สักค�าเดียว ข้าเพียงแค่เลี้ยงแกะสองตัว ไหนเลยจะตอบแทน พระคุณของท่านได้?” ตี๋หวินทอดถอนใจกล่าวว่า “โง่เขลานัก เจ้ากับเรายังจะกล่าวถึง เรือ่ งบุญคุณไปไย? พี่ใหญ่รวู้ า่ เจ้าสนใจวิชาฝีมอื หลายปีกอ่ นมีอาจารย์บู๊ แซ่เฉิงมาที่อ�าเภอ มันมีพลังฝีมือมิใช่ชั่ว แต่เรากลับไม่มีเงินว่าจ้างมัน มาสอนวิชาฝีมือให้เจ้า เรื่องนี้พี่ใหญ่รู้สึกละอายยิ่งนัก เจ้าคงไม่ต�าหนิพี่ ใช่หรือไม่? เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

21


ตี๋ชิงเงยศีรษะขึ้น “แต่ข้ากลับขโมยเงินของท่าน น�าไปซื้อสุราให้ อาจารย์เฉินท่านนั้น เพื่อขอให้สอนวิชาฝีมือให้ข้าสักท่าสองท่า พี่ใหญ่ เรื่องนี้ท่านก็ไม่ต�าหนิข้าใช่หรือไม่? ตี๋หวินได้ยินดังนั้นแทบจะหัวร่อออกมา แต่เกรงจะกระทบถึง บาดแผลที่ขา จึงได้แต่ยิ้มมุมปาก กล่าวว่า “เรารู้เรื่องนั้นแต่แรกแล้ว เสียดายที่เงินเท่านั้นคงไม่เพียงพอ โอ...น้องเรา พี่ใหญ่กลัวเจ้าจะไปก่อ เรื่อง เพื่อปรับเปลี่ยนนิสัยของเจ้าจึงให้เจ้าไปเลี้ยงแกะ หนึ่งปีมานี้ นิสัย ของเจ้านับว่าดีขนึ้ มาก พี่ใหญ่รสู้ กึ ภูมิใจนัก หากขาเราหายดีเมือ่ ใด พวก เราค่อยเลี้ยงแกะอีกสองสามตัว พอถึงเวลาขายได้เงินมา จะได้ให้เจ้าน�า ไปใช้ตบแต่งภรรยา เช่นนีต้ อ่ ให้พี่ใหญ่ตอ้ งตายไปก็ไม่ผดิ ต่อท่านพ่อท่าน แม่แล้ว” กล่าวถึงตรงนี้ แม้ใบหน้ายังประดับด้วยรอยยิ้ม แต่ภายในใจ กลับรวดร้าวอย่างทีส่ ดุ เสีย่ วชิงถูกจ้าวอูเ่ ต๋อชิงตัวไป ตีห๋ วินทราบว่านีเ่ ป็น เรื่องที่ไม่อาจแก้ไขกลับกลาย จึงพยายามท�าใจให้ด้านชาราวคนตาย เพียงหวังให้น้องชายของมันได้ตบแต่งภรรยา มันจึงสามารถวางมือต่อ ทุกสิ่งได้ ตี๋ชิงกล่าวว่า “ตกลง พี่ใหญ่ ขอบคุณท่านมาก” สองพี่น้องคุยกันสักครู่ หนิวจ้วงก็รีบกลับมา ตะโกนเรียกจากลาน บ้าน “ตี๋ชิง ท่านออกมาสักครู่” ตีช๋ งิ เดินออกไปจากบ้าน สนทนากับหนิวจ้วงสองสามค�า แล้วเดิน ไปตักน�้าจากริมบ่อมาชามหนึ่ง หันหลังกลับเข้าบ้านแล้วกล่าวขึ้นว่า “พี่ใหญ่ ท่านดืม่ น�า้ สักหน่อย เรากับหนิวจ้วงจะอยูท่ ลี่ านบ้าน ผ่าฟืนทีต่ ดั มาเมื่อหลายวันก่อนให้เสร็จ” ตี๋หวินรับชามมา พยักหน้ากล่าวว่า “ตกลง แต่เจ้าอย่าได้ออกไป เด็ดขาด เราจะเฝ้าดูเจ้าจากในบ้าน!” 22 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


ตี๋ชิงพยักหน้าแล้วเดินช้าๆ ไปที่ลานบ้าน ขยิบตาส่งสัญญาณให้ หนิวจ้วง หนิวจ้วงก็รีบขนกิ่งไม้แห้งจากห้องเก็บฟืนออกมา ตี๋ชิงคว้า ขวานขึ้นมา หลังจากผ่าไปหลายทีก็พึมพ�าขึ้นว่า “ขวานทื่อแล้ว คงต้อง ลับสักครา” จากนัน้ น�าขวานปาดไปมากับหินลับมีดหลายครัง้ ค่อยกลับไป ทดลองผ่าใหม่ ตี๋หวินเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกวางใจ ดื่มน�้าในชามไปจนหมด ผ่านไปสักพัก จู่ๆ ก็รู้สึกว่าหนังตาเริ่มหนักอึ้ง เดิมคิดว่าปิดตาพักผ่อน สักครู่ก็คงดีขึ้น นึกไม่ถึงกลับหลับสนิทไป ตี๋ชิงได้ยินเสียงกรนดังมาจากในบ้าน จึงค่อยๆ น�าขวานที่ลับจน คมกริบเย็นเยียบเสียบไว้ที่เอว จากนั้นคุกเข่าลงตรงหน้าหนิวจ้วง หนิว จ้วงสะดุ้งตกใจ คุกเข่าตามพลางกล่าวว่า “ตี๋ชิง นี่ท่านท�าอะไร?” ตี๋ชิงกล่าวว่า “หนิวจ้วง เราเป็นพี่น้องกันหรือไม่?” หนิวจ้วงผงกศีรษะแรงๆ กล่าวขึ้นว่า “เรื่องนั้นแน่นอน นับตั้งแต่ ตอนเจ็ดขวบที่ท่านช่วยออกหน้าต่อยตีแทนเรา พวกเราก็เป็นพี่น้องกัน แล้ว” ตี๋ชิงกล่าวว่า “ท่านเป็นก�าพร้า เรากับพี่ใหญ่ก็ไม่มีบิดามารดา หลายปีมานี้ แม้เรากับพี่ใหญ่ไม่ใช่พนี่ อ้ งกับท่าน แต่กเ็ ห็นท่านเป็นพีน่ อ้ ง ท่านเองก็รู้นิสัยเราดี ครั้งนี้ต่อให้เราต้องท�าผิดต่อเจตนารมณ์ของพี่ใหญ่ แต่ยังคงต้องไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นมีชีวิตอยู่ยังมีคุณค่าอันใด?” หนิวจ้วงกล่าวว่า “ตี๋ชิง บอกมาเถอะ ท่านจะให้เราลงมืออย่างไร ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต เราก็ต้องระบายโทสะนี้ให้ได้!” ตี๋ชิงส่ายศีรษะกล่าวว่า “ไม่ต้องตามเราไป ยามนี้สิ่งที่ท่านต้องท�า ก็คือรีบไปเช่ารถใหญ่มาคันหนึ่ง พาพี่ใหญ่ไปรอเรายังเนินเลี้ยงแกะห่าง ออกไปยี่สิบลี้ทางเหนือของอ�าเภอ หากพลบค�า่ แล้วเรายังไม่สามารถพา ชิงเอ๋อร์ไปทีเ่ นินเลีย้ งแกะ ท่านก็พาพี่ใหญ่เราขึน้ เหนือ เดินทางไกลลีภ้ ยั เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

23


มุง่ ไปยังเมืองไท่หยวนแล้วก็ไม่ตอ้ งกลับมาอีก ท่ามกลางผืนฟ้าพสุธาอัน กว้างใหญ่ ไม่ได้มีเพียงอ�าเภอซีเหอที่สามารถใช้ชีวิตได้ หนิวจ้วง เรา ขอร้อง...” หนิวจ้วงชิงกล่าวว่า “ตี๋ชิง แต่ไปเพียงล�าพังคนเดียวจะท�าอันใด ได้? จ้าวอู่เต๋อพักอาศัยในที่ว่าการอ�าเภอ เลี้ยงสุนัขรับใช้ไว้มากมาย มี หลายคนที่มีฝีมือไม่เบา ท่านสู้พวกมันไม่ได้” มันรู้ว่าแม้ตี๋ชิงจะเคยเรียน วิชาฝีมอื มา แต่กร็ า�่ เรียนกับอาจารย์เฉิงเพียงเล็กน้อย ยามปกติเพราะได้ ไปตีเหล็กกับช่างตีเหล็กจาง จึงมีกา� ลังแขนอยูบ่ า้ ง แต่หากให้ตอ่ สูก้ นั จริง ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคู่มือของพวกนั้น ตีช๋ งิ กล่าวเน้นทีละค�าว่า “เราดูออกว่า หากเราไม่ชว่ ยเสีย่ วชิงออก มา พี่ใหญ่เราก็คงไม่ต่างอะไรกับคนตาย แต่เพื่อตัวเราแล้ว พี่ใหญ่แม้ ตายก็ไม่ยอมให้เราลงมือ หนิวจ้วง ท่านเข้าใจหรือไม่ เรามีพี่ใหญ่เพียง คนเดียว!” หนิวจ้วงสะอืน้ ในจมูก ทราบว่าเรือ่ งมาถึงขัน้ นีค้ งไม่มที างเลือกอืน่ อีก พวกมันไม่สามารถไปฟ้องร้องต่อทางการ เพราะในพืน้ ทีน่ นี้ ายอ�าเภอ จ้าวนับว่ายิง่ ใหญ่ทสี่ ดุ นายอ�าเภอจ้าวย่อมต้องช่วยเหลือบุตรชายของตัว เอง หนิวจ้วงจึงไม่ห้ามปรามอีก กล่าวเพียงว่า “เช่นนั้นท่านต้องระวังตัว ด้วย เราจะรอท่าน ไม่ต้องห่วง เราจะดูแลพี่ใหญ่ของท่านเอง แต่ว่า... ท่านไม่รอให้ฟ้ามืดค�า่ ค่อยไป?” ตี๋ชิงส่ายศีรษะ “ยามนี้เป็นช่วงเวลากลางวัน หากเราไปที่ว่าการ อ�าเภอตอนนี้ พวกมันจะยิ่งคาดไม่ถึง” ตี๋ชิงลุกขึ้นยืนพร้อมโค้งคารวะหนิวจ้วง หันศีรษะมองพี่ใหญ่ที่อยู่ ในบ้าน จากนัน้ ไม่กล่าวมากความ หันหลังก้าวอาดๆ ออกไปจากลานบ้าน ทันที 24 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


เมื่อออกมาจากลานบ้าน ก่อนอื่นตี๋ชิงใช้ขี้เถ้าจากเตาถูทาใบหน้า จนด�า พร้อมทาตามเสือ้ ผ้าให้หมองคล�า้ จนมีสภาพไม่ตา่ งกับขอทาน ถึง มันจะก�าลังมีโทสะ แต่ก็ไม่ใช่ชนชั้นวู่วามที่ยอมเอาชีวิตไปทิ้ง เพื่อพี่ใหญ่แล้วมันจะต้องช่วยเสี่ยวชิงออกมา ไม่ใช่พาตัวเองไป ตาย เมื่อมาถึงหน้าที่ว่าการอ�าเภอ ตี๋ชิงลอบสูดลมหายใจเย็นยะเยือก เข้าไปค�าหนึ่ง จ้าวอูเ่ ต๋อเป็นบุตรโทนของนายอ�าเภอจ้าว ส่วนนายอ�าเภอจ้าวเห็น แก่สว่ นรวมจนลืมส่วนตัว เห็นแก่บา้ นเมืองจนลืมบ้านช่อง เพือ่ จะท�างาน ถึงกับย้ายเข้ามาพักอาศัยในจวนที่ว่าการอ�าเภอ* บิดาบุตรคู่นี้สูญสิ้น มโนธรรมส�านึก พักอาศัยอยู่ในจวนทีว่ า่ การอ�าเภอ ย่อมต้องให้เจ้าหน้าที่ อ�าเภอคอยคุ้มกัน แม้ตี๋ชิงจะค�านวณไว้แล้วว่าต้องมีเจ้าหน้าที่คุ้มกันอยู่ แต่นึกไม่ถึงว่าหน้าอ�าเภอถึงกับมีทหารส่วนพระองค์อยู่ด้วย! ตีช๋ งิ ขบคิดชัว่ ขณะ จึงตัดสินใจอ้อมไปด้านหลังจวนทีว่ า่ การอ�าเภอ เดินไปสักพักใหญ่ ค่อยไปถึงบริเวณตรอกที่ทอดเข้าสู่ประตูด้านหลังของ ที่ว่าการอ�าเภอ ที่นี่มีผู้คนบางตา เพราะไม่ใช่เส้นทางสัญจรหลัก ขณะที่ ตี๋ชิงก�าลังทบทวนว่าจะพลิกตัวข้ามก�าแพงเข้าไป หรือว่าบุกเข้าไปตรงๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงตะโกนว่า “เจ้าขอทาน หลีกทาง” ตี๋ชิงหันหลังไปมองพบว่าบริเวณปากทางเข้าตรอกมีเกวียนเทียม วัวเล่มหนึ่ง บนเกวียนกองไว้ด้วยฟืนแห้งจนเต็ม ตี๋ชิงรู้จักชายที่ขี่เกวียน ผู้นี้ มันเรียกว่าเหล่าหวัง เป็นคนส่งฟืนให้กับที่ว่าการอ�าเภอ มันฉุกคิด ในฉับพลัน จึงก้มศีรษะหลบไปด้านข้าง เหล่าหวังจดจ�าตีช๋ งิ ไม่ได้ เมือ่ เห็นมันหลีกทาง ก็สะบัดแส้เร่งให้ววั * เป็นการประชดแดกดัน แท้จริงคืออ้างส่วนรวมเพื่อหาประโยชน์ส่วนตัว เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

25


เดินเข้าไปในตรอก เดินมาสักระยะค่อยหันกลับไปมองตามสัญชาตญาณ พบว่าขอทานคนนั้นได้หายตัวไปแล้ว เหล่าหวังจึงบ่นพึมพ�าว่า “เจ้า ขอทานผู้นี้กลับมีฝีเท้าว่องไวนัก” มันเอาแต่ขับขี่เกวียน จึงไม่ทันสังเกต ว่าตีช๋ งิ ได้อาศัยจังหวะทีเ่ กวียนแล่นผ่าน ล้มตัวลงกับพืน้ กลิง้ ไปถึงใต้ทอ้ ง เกวียน แล้วยืน่ แขนเกาะเกีย่ วห้อยตัวอยูเ่ บือ้ งล่างของเกวียนราวกับวานร ตัวหนึ่ง เหล่าหวังขับขี่เกวียนมาจนสุดตรอก เคาะประตูหลังของจวน ทีว่ า่ การอ�าเภอ จากนัน้ มีคนเปิดประตูออกกล่าวว่า “เหล่าหวัง ฟืนนีแ้ ห้ง หรือไม่?” เหล่าหวังยิ้มอย่างสัตย์ซื่อตอบว่า “พ่อบ้านเชอ ถ้าไม่แห้งเรา ไม่ขอรับเงิน” พ่อบ้านเชอยิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้ากลับเป็นคนซื่อตรงนัก ตกลง เราจะช่วยอุดหนุนกิจการของเจ้า พรุ่งนี้ส่งฟืนมาให้มากอีกหน่อย” เหล่าหวังถามขึน้ ว่า “จะเอาฟืนไปท�าอันใดมากมาย จะจุดเผาบ้าน หรือ?” พ่อบ้านเชอร้องเพ้ยกล่าวขึน้ ว่า “เจ้าหัดพูดจาให้มนั ดีกว่านี้ได้หรือ ไม่? ระยะนี้มีบุคคลใหญ่โตจากเมืองหลวงมาที่นี่ อีกทั้งมีทหารส่วน พระองค์มาไม่นอ้ ย ฟืนไฟก็ตอ้ งใช้มากขึน้ ตอนนีค้ นพวกนัน้ ก�าลังดืม่ สุรา อยู่ที่ห้องโถงด้านหน้า ผู้บัญชาการของพวกมันกลับมีความสามารถเชิง สุรานัก เราเห็นกับตาว่ามันดื่มสุราลงไปสิบกว่าชั่งแล้ว” ตีช๋ งิ ฟังมาถึงตรงนี้ ในหัวพลันปรากฏภาพของใต้เท้ากัว ขณะก�าลัง ขบคิด ก็ได้ยนิ เสียงพ่อบ้านเชอกล่าวต่อไปว่า “เหล่าหวัง ไปรับเงินเถอะ” เหล่าหวังรับปากค�าหนึ่ง จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอันสับสนปนเปดังขึ้น ตามด้วยเสียงของพ่อบ้านเชอ “คุณชาย ออกมาตรงนี้ด้วยเรื่องใด?” ตี๋ชิงได้ยินค�าว่า “คุณชาย” ในใจถึงกับกระตุกวูบ รีบปิดกั้นลม 26 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


หายใจ เพ่งตามองออกไปเห็นรองเท้าแพรคูห่ นึง่ อยูเ่ บือ้ งหน้าไม่ไกลจาก เกวียน ลอบคิดว่าหรือจะเป็นจ้าวอู่เต๋อมาถึง? มันออกมาที่ประตูหลังนี่ เพื่อท�าสิ่งใด? เป็นไปตามคาด เสียงแหบพร่าของจ้าวอู่เต๋อดังลอยมา “มารดา มันเถอะ กลับมีผู้บัญชาการหน้าบัลลังก์อุบาทว์คนหนึ่งมา บิดาของเรา ยืนกรานจะให้เราไปอยูเ่ ป็นเพือ่ นมันให้ได้ ตัวมันก็ราวกับถุงสุรากระสอบ ข้าว ทั้งกินทั้งดื่มไปไม่น้อย จนป่านนี้ค่อยยอมปล่อยเราออกมา สตรี อ้อนแอ้นที่เพิ่งได้มาวันนี้บิดายังไม่มีเวลาได้สัมผัสด้วยซ�้า พ่อบ้านเชอ เป็นอย่างไร นางยอมอยู่อย่างสงบในห้องเก็บฟืนหรือไม่?” ตีช๋ งิ ได้ทราบทีอ่ ยูข่ องเสีย่ วชิง ในใจบังเกิดความยินดีขนึ้ มองลอด จากใต้เกวียนออกไปเห็นว่าเบือ้ งหลังรองเท้าแพรยังยืนไว้ดว้ ยเท้าสิบกว่า ข้าง ทราบว่าจ้าวอู่เต๋อน�าพาลูกสมุนมาด้วยจึงอดขมวดคิ้วไม่ได้ พ่อบ้านเชอตอบว่า “คุณชาย ศีรษะนางถูกกระแทกจนแตก ทั้งไม่ ยอมรับประทานอาหาร คงต้องให้อดสักหลายวันก่อนจึงจะยอมเชื่อฟัง วาจา” จ้าวอู่เต๋อด่าทอขึ้น “ไว้หน้าเช่นนี้นางยังไม่ยอมรับ บิดาถูกใจนาง นับว่าเป็นวาสนาของนาง หากยัว่ ให้บดิ าขุน่ ข้องร�าคาญ หลังจากเล่นสนุก กับนางเสร็จจะเสือกไสให้ไปอยู่กับหวังต้ามา” หวังต้ามาก็คอื แม่เล้าหอนางโลมในอ�าเภอ จ้าวอูเ่ ต๋อเองก็เป็นแขก ประจ�าที่หอนางโลมของหวังต้ามาเช่นกัน ยามนั้นมีคนกล่าวขึ้นว่า “คุณชาย วันนี้พวกเราฟาดท�าร้ายตี๋หวิน ได้ยินว่าเจ้าตัวบัดซบนั่นมันมีน้องชายชื่อตี๋ชิงมีฝีมือในการวิวาทไม่ต�่า ทราม เราเกรงว่าตี๋ชิงจะมาก่อเรื่อง ไม่สู้ระวังป้องกันเอาไว้บ้าง” คนผู้นี้มีเสียงแหลมเล็ก ตี๋ชิงได้ฟังก็ทราบว่าเป็นอาจารย์บู๊ที่จ้าวอู่ เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

27


เต๋อเชิญมาด้วยราคาแพงลิบลิ่ว นามว่าสั่วหมิง นิยมใช้ทวนสายโซ่เป็น อาวุธ ในอ�าเภอนับว่าเป็นผูม้ ฝี มี อื โดดเด่น อาจารย์เฉิงทีเ่ คยสอนวิชาฝีมอื ให้ตชี๋ งิ เป็นเพราะพ่ายแพ้ให้กบั สัว่ หมิงจึงได้ไปจากอ�าเภอซีเหอ เมือ่ มีคน ผู้นี้อยู่ ตี๋ชิงจึงยิ่งไม่กล้าเคลื่อนไหววู่วาม มีคนกล่าวขึน้ อีกว่า “ตีช๋ งิ มันต่างอะไรผายลม ต่อให้มนั กล้าแค่ไหน ก็ไม่กล้าบุกมาทีน่ กี่ ลางวันแสกๆ อาจารย์สวั่ ถ้าหากท่านหวาดกลัวก็ไม่สู้ กลับไปเลีย้ งบุตรธิดาทีบ่ า้ นเถอะ” คนผูน้ มี้ เี สียงราวกับเป็ดตัวผู้ เมือ่ กล่าว จบก็เรียกเสียงหัวเราะครืนจากคนรอบข้าง ตีช๋ งิ กลับหน้าเขียวคล�า้ เพราะ ฟังออกว่าบุคคลนีเ้ รียกว่ากุน้ จือ่ (ไม้พลอง) ไม่มผี ใู้ ดทราบชือ่ แซ่ทแี่ ท้จริง ของมัน แต่ตา่ งทราบว่าคนผูน้ มี้ วี ชิ าพลองอันยอดเยีย่ ม แม้แต่สวั่ หมิงยัง ต้องไว้หน้ามันสามส่วน สัว่ หมิงได้ยนิ ค�าประชดของกุน้ จือ่ จึงกล่าวอย่างไม่พอใจ “ระวังไว้ บ้างย่อมประเสริฐกว่า” พ่อบ้านเชอกล่าวว่า “อันที่จริงแล้วทุกท่านต่างก็หวังดีกับคุณชาย อาจารย์สั่ว กุ้นจื่อ อย่าได้ถกเถียงกันเลย” สั่วหมิง กุ้นจื่อได้ยินพ่อบ้าน เชอกล่าววาจาไกล่เกลีย่ ต่างแค่นเสียงเย็นชาค�าหนึง่ แต่ก็ไม่ถกเถียงกัน ต่อ จ้าวอูเ่ ต๋อหัวเราะเสียงดังกล่าวขึน้ ว่า “ประเสริฐ เช่นนัน้ เราจะระวัง ไว้ สองสามวันนี้ให้พวกท่านคอยติดตามอยู่ข้างกายเรา พ่อบ้านเชอ น�า เราไปพบสตรีนางนั้น เราจะเล่นสนุกกับนางต่อหน้าพวกท่าน แบบนี้ จะได้ยิ่งปลอดภัย” ทุกคนต่างหัวเราะอย่างชั่วช้าลามกขึ้น ตีช๋ งิ ฟังถึงตรงนี้ ย่อมมิอาจอดรนทนต่อไปได้อกี มันรูว้ า่ อาศัยฝีมอื ของมัน เกรงว่าไม่ใช่คู่ปรับของกุ้นจื่อหรือสั่วหมิง แต่ก็ไม่อาจเอาแต่รอ 28 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


ต่อไปเช่นนี้ หากคร่ากุมตัวจ้าวอูเ่ ต๋อได้ เรือ่ งราวก็ยงั มีโอกาสพลิกผันกลับ กลาย เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ จึงคลายมือปล่อยให้คนร่วงหล่นลง แต่ไม่ทัน ถึงพื้นก็ใช้ฝ่ามือค�้ายันไว้ ทันใดนั้นตี๋ชิงพุ่งตัวกลิ้งออกมาจากใต้เกวียน สองมือยื่นออกคว้าจับเท้าสองข้างที่สวมรองเท้าแพร ตวาดขึ้นว่า “เจ้า เดรัจฉานรับความตายเถอะ!” มันออกแรงกระชาก จ้าวอู่เต๋อร้องลั่นขึ้น ค�าหนึ่ง ตัวก็ฟาดขวางลงกับพื้น แม้จ้าวอู่เต๋อจะกล่าวว่าให้ระวังป้องกันตี๋ชิง แต่ไหนเลยจะคาดคิด ว่าตี๋ชิงกลับโผล่ออกมาอย่างไร้วี่แววราวภูตพราย ในที่นั้นแม้มีผู้คน มากมาย กลับไม่มผี ใู้ ดระวังป้องกันเกวียนเทียมวัวทีอ่ ยูไ่ ม่ไกลออกไป ยิง่ ไม่อาจเห็นชัดว่าตี๋ชิงปรากฏตัวออกมาอย่างไร จ้าวอู่เต๋อหงายหลังฟาดพื้นร้องขึ้นด้วยความตระหนก ตี๋ชิงลงมือ อย่างรวดเร็วจึงควบคุมตัวจ้าวอูเ่ ต๋อไว้ได้ คาดไม่ถงึ กลับได้ยนิ เสียง “ขวับ” ดังขึ้น พร้อมด้วยพลังลมโหมพุ่งเข้ามายังท้ายทอยของมัน ตี๋ชิงไม่อาจพะวงกับการคร่ากุมจ้าวอู่เต๋อ มันหดศีรษะหลบเลี่ยง แต่ฉับพลันกระแสลมคล้ายหยุดนิ่งลง เมื่อเงาของไม้พลองปรากฏขึ้น ก็ พบว่ามันก�าลังพุ่งเข้าโจมตีตาขวาของตี๋ชิงแล้ว ตี๋ชิงไม่เคยพานพบไม้พลองที่รวดเร็วปานนี้ จ�าต้องกลิ้งตัวถลัน ไปด้านข้าง ขณะที่เพิ่งกลิ้งออกไปก็รู้ว่าย�่าแย่แล้ว ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้ วางแผนลึกซึง้ ใช้เพลงพลองเพียงสองท่าก็สามารถบีบมันให้ออกห่างจาก จ้าวอู่เต๋อ ขณะที่ตี๋ชิงก�าลังจะพุ่งย้อนกลับไป เบื้องหน้าก็ปรากฏประกาย โลหะแวบผ่านครรลองจักษุ บีบให้มันต้องถอยไปอีกก้าว ทวนจึงพลาด เป้าแทงสู่ความว่างเปล่า ตีช๋ งิ ตกใจจนหลัง่ เหงือ่ เย็นโซมกาย ขณะทีต่ ชี๋ งิ เอาแต่หลบทวน จึง ไม่ทันระวังไม้พลองที่ลอบโจมตีกระแทกเข้าที่น่องขาด้านล่างของมัน เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

29


ขณะทีร่ า่ งตีช๋ งิ ก�าลังส่ายโอนเอน พลันหันไปเห็นคนสองคนเข้ามาประคอง จ้าวอู่เต๋อลุกขึ้น อีกสองคนก็ยืนยิ้มอย่างเยือกเย็นอยู่เบื้องหน้ามัน คนหนึง่ มีตาสามเหลีย่ มก็คอื สัว่ หมิง อีกคนหนึง่ ใบหน้าเต็มไปด้วย ริ้วรอย กลับเป็นกุ้นจื่อ หัวใจตี๋ชิงตกวูบลงทันที จ้าวอู่เต๋อรู้สึกเจ็บปวดศีรษะด้านหลัง แต่เมื่อพบว่าตนเองรอดพ้น อันตรายแล้ว จึงตวาดด้วยโทสะว่า “ตี๋ชิง เราถล่มบรรพชนของท่าน ถึง กับบังอาจคิดฆ่าเรา? ฟาดมันให้ตาย! ใครฆ่าตี๋ชิงได้ มีรางวัลหนึ่งร้อย ต�าลึง” สิน้ เสียงประกาศตัง้ รางวัล ผูค้ นมากมายต่างใคร่หมายลงมือ ตีช๋ งิ หันศีรษะมองกลับหลังแวบหนึ่ง สั่วหมิงเห็นดังนั้นจึงแค่นหัวเราะเย็นชากล่าวขึ้น “คิดหลบหนี?” มันพูดไม่ทันจบ ตี๋ชิงก็ชิงหมุนตัวพุ่งออกไปเบื้องนอก สั่วหมิงคิดว่าตี๋ชิงจะหลบหนี ขณะที่ก�าลังจะก้าวเท้าไล่ตาม คาด ไม่ถึงว่าตี๋ชิงกลับหมุนตัวกะทันหัน พุ่งย้อนสวนกลับเข้ามา สั่วหมิงปั้น หน้าเคร่งเครียดพุ่งทวนสายโซ่ออกไป มุ่งเป้าที่หน้าอกของมัน เป็นเวลา เดียวกับที่กุ้นจื่อเองก็พุ่งไม้พลองเข้าใส่แผ่นหลังตี๋ชิง พริบตานัน้ ตีช๋ งิ เผชิญศัตรูทงั้ หน้าและหลัง หากมันหลบไม้พลองก็ ไม่อาจหลบพ้นจากทวนสายโซ่ หากหลบพ้นทวนสายโซ่ ก็ไม่อาจหลบ รอดกระบวนท่าสังหารต่อมา ตี๋ชิงไม่หลบเลี่ยงทั้งสิ้น! ไม้พลองกระแทกเข้ากลางหลังมันอย่างหนักหน่วง ทวนสายโซ่ก็ พุ่งเข้าปักที่ไหล่ซ้ายของมัน! สั่วหมิงแทบจะได้ยินเสียงทวนช�าแรกเข้าเนื้อ มุมปากบังเกิดรอย ยิ้มอ�ามหิตขึ้น 30 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


ที่คาดไม่ถึงคือตี๋ชิงเมื่อถูกไม้พลองกระแทกเข้ากลางหลัง ทันใด นั้นมันร้อง “อ้าก” ค�าหนึ่ง กลับพ่นโลหิตสดๆ จากปากใส่นัยน์ตาของ สั่วหมิง สองตาสั่วหมิงเมื่อมองไม่เห็น ขณะที่ตื่นตระหนกเตรียมจะพุ่ง ถอยหลัง ตีช๋ งิ ก็ชกั ด้ามขวานออกมา จามขวานผ่าเข้ากลางอกของสัว่ หมิง ขวานสั้นผ่าทรวงอก โลหิตฉีดพุ่งราวน�า้ พุ สั่วหมิงแผดร้องโหยหวนค�าหนึ่ง กลับถูกตี๋ชิงใช้ขวานสังหารทิ้ง! กุน้ จือ่ ได้ยนิ เสียงร้องโหยหวน ในใจถึงกับสัน่ สะท้าน ขณะก�าลังจะ ฟาดไม้พลองต่อไป ตี๋ชิงพลันสะบัดมือ ซัดขวานออกไปราวเหินบิน พุ่ง เข้าใส่ใบหน้าของกุ้นจื่อ กุ้นจื่อพานพบศัตรูมานับไม่ถ้วน กลับไม่เคยพานพบวิธีการต่อสู้ แบบไม่ต้องการชีวิตเยี่ยงนี้ มันไม่ทันมีเวลาใช้กระบวนท่า ท�าได้เพียง ถลันกายหลบอย่างรวดเร็ว คมขวานจึงพุ่งผ่านข้างกายมันไปราวฟ้าผ่า แต่ยงั กรีดถูกใบหน้าของกุน้ จือ่ เป็นรอยโลหิตบางๆ สายหนึง่ จากนัน้ เป็น เสียง “ต๊ก” คมขวานปักลงไปบนเสาคอกม้าทั้งยังสั่นไหวไม่หยุด ตี๋ชิงหลังซัดขวานออกไป ก็ตวาดขึ้น “ใครขวางเราตาย!” มันทุม่ ก�าลังกระโดดไปถึงเบือ้ งหน้าจ้าวอูเ่ ต๋อ ข้างกายจ้าวอูเ่ ต๋อยัง มีเจ้าหน้าที่ทางการอีกสองคน แต่เมื่อเห็นตี๋ชิงอาบโลหิตอย่างองอาจ กอปรกับคนที่มีฝีมือร้ายกาจที่สุดสองคนหนึ่งตกตายหนึ่งบาดเจ็บ ท�าให้ รูส้ กึ หวาดผวาอยูก่ อ่ นแล้ว พวกมันจึงผลักจ้าวอูเ่ ต๋อออก วิง่ คลานเกลือก กลิ้งหลบออกไป จ้าวอูเ่ ต๋อตกใจจนปัสสาวะรดราด สองเท้าสัน่ ไม่หยุดอย่างไม่ยอม เชือ่ ฟังค�าสัง่ ตีช๋ งิ กระชากดาบยาวจากเอวของจ้าวอูเ่ ต๋อ พาดขวางบนคอ ของมัน ตีช๋ งิ แม้รสู้ กึ ว่าเบือ้ งหน้าคล้ายจะดับวูบ ร่างโอนเอนจนแทบล้มลง เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

31


แต่มอิ าจไม่ตวาดว่า “จ้าวอูเ่ ต๋อ ศีรษะของเรากลับท�าให้ทา่ นต้องสิน้ เปลือง ถึงร้อยต�าลึง แต่ศรี ษะสุนขั ของท่าน บิดากลับสามารถช่วยตัดโดยไม่ขอรับ เงินรางวัล!”

32 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


ท ลก ล

ตี๋ชิงเดิมพันชีวิตคร่ากุมจ้าวอู่เตอจนได้รับบาดเจ็บไม่เบา มันรู้ตัว ดีว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสั่วหมิงกับกุ้นจื่อ จึงยอมฝนทนรับหนึ่งทวนหนึ่งไม้ พลองเพื่อคร่ากุมจ้าวอู่เตอให้ได้ ทุกคนมองไปที่ตี๋ชิงอีกครั้งต่างบังเกิดความนับถืออยู่สามส่วน พวกมันเคยได้ยินว่าตี๋ชิงมีฝีมือในการวิวาท ยามนั้นรู้สึกเพียงว่าคนผู้นี้ก็ เป็นแค่อันธพาลร้านถิ่น ไหนเลยคาดคิดว่าอันธพาลเช่นนี้ นอกจาก สามารถปลิดปลงสั่วหมิง กระแทกกุ้นจื่อล่าถอย ทั้งยังสามารถคร่ากุม จ้าวอู่เต๋อต่อหน้าพวกมันได้! จ้าวอู่เต๋อหวาดกลัวจนขาสั่น เมื่อได้ยินตี๋ชิงขู่ขวัญ จึงกล่าวเสียง สั่นเครือขึ้นว่า “ตี๋ชิง...นายท่านตี๋...บรรพชนของเรา ท่านอย่าได้ฆ่าเรา เลย” ตีช๋ งิ แค่นยิม้ เย็นชากล่าวว่า “ไม่ฆา่ ท่าน? ลองยกอ้างเหตุผลต่อเรา มาสักข้อ?” จ้าวอู่เต๋อครุ่นคิดอยู่นาน จึงกล่าวว่า “เรามีเงิน เราสามารถมอบ เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

33


เงินจ�านวนมากให้กับท่าน ท่านมิใช่ต้องการเสี่ยวชิงหรือ? ไอ้พวกหน้าโง่ ยังยืนเฉยอยูท่ า� ไม รีบไปพาเสีย่ วชิงมาเร็ว” เพือ่ รักษาชีวติ มันกลับฉลาด ขึ้นมาในพริบตา พ่อบ้านเชอรีบวิ่งลนลานไปยังห้องเก็บฟืน ตี๋ชิงเห็น ดังนั้นจึงตวาดขึ้นว่า “เตรียมม้าเร็วให้เราสองตัว” จ้าวอูเ่ ต๋อผงกศีรษะรับปากต่อเนือ่ ง ด่าทอขึน้ ว่า “ไอ้ขขี้ า้ พวกนี้ ยัง ไม่รีบไปเตรียมม้าให้นายท่านตี๋อีก” แม้ในใจมันอยากจะเชือดเฉือนตี๋ชิง เป็นพันเป็นหมืน่ ชิน้ แต่ยามนีส้ งิ่ ส�าคัญคือรักษาชีวติ เอาไว้ จึงยอมท�าตาม ค�าสั่งตี๋ชิงทุกประการ เมื่อเกิดเสียงโหวกเหวกที่ลานด้านหลังจวน นายอ�าเภอจ้าวย่อม ทราบว่าที่นี่เกิดเรื่องขึ้นจึงเร่งรีบมาถึง เมื่อเห็นตี๋ชิงคร่ากุมตัวลูกชายสุด รักสุดหวงของมันไว้ จึงตวาดว่า “ตี๋ชิง เจ้าคิดกบฏ? ยังไม่รีบปล่อยคน อีก!” จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งร้อน ทหารส่วนพระองค์สิบกว่าคนมา ถึง ผู้ที่อยู่หน้าสุดก็คือใต้เท้ากัวนั่นเอง ใต้เท้ากัวได้เห็นทุกสิง่ ทีเ่ กิดขึน้ เบือ้ งหน้า มันเลิกคิว้ ขึน้ เห็นได้ชดั ว่าประหลาดใจที่พบเห็นตี๋ชิงที่นี่ ขณะที่ทหารส่วนพระองค์จะบุกเข้าไป ใต้เท้ากัวกลับโบกมือคราหนึ่ง คนเหล่านั้นจึงหยุดลงอย่างกะทันหัน ตีช๋ งิ เห็นเช่นนัน้ จึงลอบร้องย�า่ แย่ในใจ ครุน่ คิดขึน้ ว่าใต้เท้ากัวท่าน นี้ฝีมอื สูงเยี่ยม บวกกับทหารส่วนพระองค์เหล่านี้ ตนเองจะหนีรอดได้คง ยากเย็นยิ่งนักแล้ว พ่อบ้านเชอน�าตัวเสี่ยวชิงมาถึง “คุณชาย น�าตัวเสี่ยวชิงมาแล้ว” เสีย่ วชิงมีใบหน้าหมดจด เมือ่ เห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็เข้าใจเรือ่ ง ราวทันที นางหลั่งน�้าตากล่าวขึ้นว่า “ตี๋ชิง เหตุใดจึงโง่เขลาถึงเพียงนี้?” ที่ผ่านมานางเห็นตี๋ชิงเป็นเหมือนน้องชายแท้ๆ เมื่อเห็นสภาพของตี๋ชิง จึงนึกเจ็บใจตัวเองที่ท�าให้พี่น้องตระกูลตี๋ต้องเดือดร้อน 34 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


นายอ�าเภอจ้าวย่อมทราบสันดานบุตรชายของตนเองดี เมื่อเห็น เสีย่ วชิงผมเผ้ายุง่ เหยิง เสือ้ ผ้ายับย่นไม่เรียบร้อยก็เข้าใจเรือ่ งราวได้ทนั ที ในใจลอบด่าพ่อบ้านเชอว่าโง่งมราวกับสุกรตัวหนึง่ กลับเปิดเผยหลักฐาน ออกมา จึงเดินไปตบฉาดเข้าที่หน้าพ่อบ้านเชอแล้วตวาดว่า “นี่มันเรื่อง อันใด?” จากนั้นลอบหยีตาให้กับพ่อบ้านเชอ พ่อบ้านเชอยกมือลูบใบหน้ากล่าวขึน้ ว่า “ใต้เท้า...เรือ่ งนี... ้ คือว่า...” นายอ�าเภอจ้าวไม่สนใจพ่อบ้านเชออีก หันไปกล่าวกับตี๋ชิงว่า “ตีช๋ งิ นีเ่ ป็นสถานทีว่ า่ กล่าวด้วยเหตุผล อย่าได้ทา� ให้ตนเองเดือดร้อน รีบ ปล่อยจ้าวอูเ่ ต๋อเดีย๋ วนี้ แล้วข้าจะตัดสินให้อย่างยุตธิ รรม แต่หากยังคงท�า ผิดซ�้าซาก เกรงว่าทางบ้านเจ้าจะต้องรับเคราะห์ ไปด้วย” มันจงใจเลี่ยง ไม่เอ่ยถึงเรื่องเสี่ยวชิง ในวาจาตักเตือนแฝงการข่มขู่ ลอบคิดว่าขอเพียง ตี๋ชิงยอมปล่อยคน ก็จะท�าการจับกุมมันไปขังในคุกของอ�าเภอ ฟาดขา ให้หักเลาะเส้นเอ็นมันออกมา จากนั้นเพียงแจ้งว่ามันเสียชีวิตในคุกด้วย โรคปัจจุบันทันด่วน ทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไป ตี๋ชิงแค่นหัวเราะเย็นชา “หากท่านมีความยุติธรรมจริง เรายังต้อง มาทีน่ ?ี่ บุตรชายท่านคร่ากุมสตรีดงี าม ฟาดขาพีช่ ายเราจนหัก ท่านไม่สู้ บอกกล่าวเสียแต่บัดนี้ว่าท่านจะตัดสินอย่างยุติธรรมอย่างไร? นายอ�าเภอชักสีหน้ากล่าวขึ้นว่า “ตี๋ชิง แปลว่าเจ้าต้องการแข็งขืน ให้ถึงที่สุดใช่หรือไม่?” มันเห็นคนสองคนลอบเข้าไปถึงเบื้องหลังตี๋ชิง จึง รีบโบกมือกล่าวว่า “จับกุม” ขณะทีท่ งั้ สองคนก�าลังจะบุกเข้าไป มิคาดตีช๋ งิ เฝ้าระวังด้านหลังอยู่ ก่อน เท้าข้างหนึ่งลอยพุ่งกระแทกเข้ากลางอก คนผู้นั้นแหกปากร้องค�า หนึ่ง กระเด็นออกไปจั้ง* กว่า อีกคนเห็นเข้าถึงกับสะดุ้งรีบสาวเท้าถอย * หน่วยวัดระยะเท่ากับสิบฟุตจีน ราว 3.33 เมตร เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

35


ไม่กล้าลงมือสืบต่อ ตี๋ชิงพลันพลิกข้อมือ กระบี่ยาวในมือก็กรีดคอจ้าว อู่เต๋อจนเกิดรอยโลหิตจางๆ เส้นหนึ่ง ตวาดขึ้นว่า “นายอ�าเภอจ้าว! หาก ท่านไม่ต้องการชีวิตของบุตรชาย เช่นนั้นพวกเราก็แตกหักกัน!” จ้าวอูเ่ ต๋อพบเห็นโลหิตตนเองก็แทบจะเป็นลมล้มพับ รีบตะโกนขึน้ ว่า “ท่านพ่อ ช่วยเราด้วย!” นายอ�าเภอจ้าวจึงรีบตวาดขึ้น “ตี๋ชิง! อย่าได้ลงมือ มีค�ากล่าวใด สามารถหารือกันได้” ใต้เท้ากัวด้านข้างกลับรู้สึกคล้ายก�าลังชมการแสดง “นายอ�าเภอ จ้าว...นี่มันเรื่องอันใด เรากลับรู้สึกสนใจใคร่ฟังดู” นายอ�าเภอจ้าวหัวใจหล่นวูบ ยิ้มประจบกล่าวขึ้นว่า “ใต้เท้ากัว นี่ เป็นเพียงเรือ่ งเล็กน้อย คงไม่ตอ้ งถึงกับต้องรบกวนท่าน เชิญใต้เท้าเข้าไป ดื่มสุราที่ห้องโถงด้านหน้า ผู้น้อยจัดการเรื่องตรงนี้เรียบร้อยแล้วจะไป บอกกล่าวรายงานให้ท่านฟัง” แม้นว่านายอ�าเภอจ้าวจะเป็นใหญ่ในท้องที่ แต่ยังไม่กล้าล่วงเกิน ใต้เท้ากัวท่านนี้แม้แต่น้อย แท้จริงแล้วใต้เท้ากัวมีชอื่ ว่ากัวจุน เดิมเป็นผูบ้ ญั ชาการหน้าบัลลังก์ ในเมืองหลวง เป็นหนึ่งในสามผู้บัญชาการ ดูแลทหารส่วนพระองค์ ปกครองหน่วยเซียวอู่ในหน่วยทหารส่วนพระองค์ทงั้ แปด ครานีก้ วั จุนเดิน ทางมายังเฝินโจว โดยแจ้งว่าต้องการมาคัดเลือกคนไปเสริมทัพทหารส่วน พระองค์ เจ้าเมืองย่อมไม่กล้าเพิกเฉย สั่งให้อ�าเภอต่างๆ ให้ความร่วม มืออย่างเต็มก�าลัง กัวจุนเดินทางไปยังอ�าเภอต่างๆ จนกระทั่งหลายวัน มานี้จึงมาถึงอ�าเภอซีเหอ นายอ�าเภอจ้าวย่อมไม่กล้าล่วงเกินคนผู้นี้ นอกจากจงใจประจบ สอพลอแล้ว ยังเชิญมาร่วมดื่มสุราอีกทั้งมอบเงินก�านัลแด่ทหารส่วน 36 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


พระองค์ทงั้ หลาย หวังเพียงให้ตนปลอดภัยไร้เรือ่ งราว ไหนเลยคาดคิดว่า บุตรชายใช้การไม่ได้ของตนกลับไปก่อภัยลามใหญ่โตเพียงนี้ แม้ตัวมัน ใคร่จะปกปิดแต่ก็ไม่ทราบว่าจะลงมือจากที่ใด นายอ�าเภอลอบวางแผนว่า เมื่อเสร็จสิ้นเรื่องนี้แล้วจะมอบของก�านัลชิ้นใหญ่ให้กับกัวจุน เพียงหวัง ให้เป็นการสูญเสียทรัพย์เพื่อรอดพ้นเภทภัย กัวจุนเห็นนายอ�าเภอจ้าวผลักไสบ่ายเบี่ยง จึงกล่าวเรียบๆ ขึ้นว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ซ�้ายังคล้ายเป็นเรื่องใหญ่ไม่เบา อันที่จริง...เรานั้นพอ จะช่วยเหลือได้...” มันมองไปทางตี๋ชิงแวบหนึ่ง ท่าทางคล้ายไม่เจตนา แต่กลับปรากฏรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก ยามนั้นมีทหารองครักษ์ตรงเข้ามา กระซิบข้างหูของกัวจุนอยู่หลายค�า กัวจุนเริ่มขมวดคิ้ว สีหน้าเกิดความ เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย นายอ�าเภอจ้าวได้ยนิ ดังนัน้ รูส้ กึ ยินดีอย่างยิง่ “ไหนเลยกล้ารบกวน ใต้เท้ากัว?” เมื่อนายอ�าเภอจ้าวรู้สึกว่ากัวจุนยืนอยู่ฝ่ายตน ย่อมเป็นการ เพิ่มความกล้าให้กับมันจึงตวาดว่า “ตี๋ชิง ใต้เท้ากัวแห่งไคเฟิงอยู่ที่นี่แล้ว ยังไม่รีบรามือยอมให้จับกุมอีก หากเจ้ายังดื้อรั้นขัดขืน ต่อให้หนีรอดไป จากที่นี่ได้ เจ้ากับพี่ชายก็ต้องกลายเป็นนักโทษหลบหนีไปชั่วชีวิต” ในใจตีช๋ งิ กระตุกเบาๆ ลอบคิดว่านายอ�าเภอจ้าวกล่าวไม่ผดิ ต่อให้ ตนเองเตรียมหนีตายไปสุดหล้า แต่พี่ใหญ่กับเสี่ยวชิงเล่า หรือจะให้พวก มันต้องผ่านคืนวันด้วยความหวาดระแวงไปชั่วชีวิต? เป็นเพราะตนเอง วู่วามชั่วขณะ คิดหาทางแก้ปัญหาได้เพียงวิธีนี้ แต่เมื่อมันเห็นกัวจุนยิ้ม มองมา พลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้น รีบกล่าวว่า “ใต้เท้ากัว เราขอสมัคร เป็นทหาร!” มันคิดว่าตนเองหนีตายไปสุดหล้าฟ้าเขียวก็ไม่เป็นไร แต่ตอ้ ง ไม่ทา� ให้พชี่ ายมันเดือดร้อนไปด้วย ใต้เท้ากัวท่านนีด้ แู ล้วเป็นขุนนางน�า้ ดี ควรร้องขอให้เขาช่วยล้างข้อกล่าวหาให้พี่ใหญ่ แต่หากจะขอร้องผู้คน เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

37


เงือ่ นไขแรกก็คอื ตนเองควรเป็นส่วนหนึง่ ของกองทหารส่วนพระองค์กอ่ น ทุกคนต่างจับต้นชนปลายไม่ถกู นึกไม่ถงึ ว่าในเวลาเช่นนีต้ ชี๋ งิ กลับ กล่าววาจาประดานีอ้ อกมา นายอ�าเภอจ้าวแค่นหัวเราะกล่าวว่า “ตีช๋ งิ เจ้า เสียสติแล้วหรือ? คิดว่าเจ้าเป็นตัวอะไร กล้าคิดอาจเอือ้ มจะเข้ากองทหาร ส่วนพระองค์?” กัวจุนหัวเราะฮาฮากล่าวขึน้ ว่า “ลูกผูช้ ายมีวาจาเป็นสัจจะ ตีช๋ งิ เจ้า อย่าได้หลงลืมค�าพูดของตนเอง” ตี๋ชิงผงกศีรษะกล่าวว่า “ผู้น้อยรับรองไม่กล่าววาจาแปลกปลอม” นายอ�าเภอจ้าวเห็นกัวจุนกลับไปรับปากตีช๋ งิ จึงร้อนใจกล่าวขึน้ ว่า “ใต้เท้ากัว เช่นนีจ้ ะได้อย่างไร? ตีช๋ งิ ก่อความผิดร้ายแรง คร่ากุมบุตรสุนขั ของผู้น้อย เป็นคนโฉดชั่วที่ไม่อาจปล่อยปละละเว้น!” กัวจุนกล่าวขึ้นว่า “มิผิด เมื่อเป็นคนโฉดชั่วย่อมไม่อาจปล่อยปละ ละเว้น” กล่าวจบพลันก้าวขึน้ ไปก้าวหนึง่ ตวาดก้องขึน้ พลางพุง่ ตัวไปคร่า กุมผู้คน ทุกคนตกตะลึงอีกครัง้ ทีแ่ ท้กวั จุนไม่ได้ลงมือต่อตีช๋ งิ แต่เป็นกุน้ จือ่ ที่อยู่ด้านข้าง กุ้นจื่อแตกตื่นลนลานยิ่งกว่า มันไม่คิดว่ากัวจุนกลับลงมือต่อมัน แต่คนผู้นี้นับว่ามีฝีมืออยู่บ้าง ในยามคับขันสะบัดพุ่งไม้พลองแทงเข้าใส่ หัวไหล่ กลางอก และชายโครงสามจุด เกิดเป็นเงาพลองพร่าพรายแปร เปลี่ยนสารพัน นายอ�าเภอจ้าวตกใจร้องขึ้นว่า “กุ้นจื่อ เจ้าเสียสติไปแล้ว? ยังไม่ หยุดมืออีก!” ไม่ทนั ขาดค�า กัวจุนก็แย่งชิงไม้พลองมาอยู่ในมือ ตวาดค�า หนึ่งใช้มือข้างหนึ่งผลักยันกลับไป ปลายไม้พลองกระแทกเข้าที่ทรวงอก กุ้นจื่ออย่างจัง 38 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


เสียง “กร๊อบ” ดังขึ้น กระดูกซี่โครงกุ้นจื่อถูกกระแทกหัก กระเด็น ออกไปพร้อมกระอักโลหิตสดๆ ออกมาค�าหนึ่งค่อยร่วงฟาดลงกับพื้น กุ้นจื่อพยายามลุกขึ้น หวังจะพลิกตัวข้ามก�าแพงไป มิคาดกัวจุนก้าวเท้า ออกมา กวาดไม้พลองออกเข้าที่ช่วงล่าง กุ้นจื่อร้องโหยหวนค�าหนึ่งล้ม คว�่าลงกับพื้น ไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก กัวจุนจึงเก็บไม้พลองออกค�าสั่ง ดุดันว่า “จับกุมไว้!” ทหารส่วนพระองค์ทรี่ ออยูก่ อ่ นพุง่ ขึน้ ไปเบือ้ งหน้า ชักดาบยาวออก จากฝักพาดใส่ล�าคอของกุ้นจื่อทันที นายอ�าเภอจ้าวตกใจจนหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ ร�่าร้องขึ้นว่า “ใต้เท้า กัว ท่าน...ท่านจับกุมผิดคนแล้ว” กัวจุนแหงนหน้าหัวร่อ “ไม่ผิดพลาดเด็ดขาด เราได้ยินว่ายังมีอีก คนหนึ่งที่ปะปนอยู่ที่นี่” พลางกวาดสายตาไปยังใบหน้าของมือปราบทั้ง หลาย ทุกคนต่างหน้าซีดเผือดเพราะไม่ทราบว่ากัวจุนมีแผนการอันใด” ทันใดนัน้ จูๆ่ ก็มคี นผูห้ นึง่ ถลันตัวออกจากกลุม่ คน พุง่ ดีดตัวไปถึง ก�าแพงแล้วก็พลิกตัวข้ามก�าแพงไป ทหารส่วนพระองค์หลายคนเห็น ดังนัน้ ก็วงิ่ ไล่ กระโดดพลิกตัวข้ามก�าแพงตามไป กัวจุนไม่เคลือ่ นไหว มุม ปากบังเกิดรอยยิ้มเย็นชาขึ้น หลายคนร�่าร้องด้วยความตกใจ เพราะพบ ว่าคนทีป่ นี ก�าแพงหนีไปกลับเป็นพ่อบ้านเชอ ทุกคนไม่อยากจะเชือ่ สายตา ตนเองว่าเหตุใดพ่อบ้านเชอทีเ่ ห็นเป็นบัณฑิตอ่อนแอมาตลอด กลับกลาย เป็นมีฝีมือถึงเพียงนี้? นายอ�าเภอจ้าวเริม่ รูส้ กึ ไม่ถกู ต้อง เหงือ่ เม็ดโป้งๆ ไหลจากหน้าผาก กล่าวอ�้าอึ้งขึ้นว่า “ใต้เท้ากัว...นี่...นี่มันเรื่องอันใด?” กัวจุนหันมาทางตี๋ชิงกล่าวขึ้นว่า “ตี๋ชิง ปล่อยตัวจ้าวอู่เต๋อ” ตีช๋ ิงลังเลชัว่ ครู่ สุดท้ายยอมทิง้ กระบี่ลงพื้น กัวจุนเห็นดังนัน้ กล่าว เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

39


ขึ้นว่า “จับมัดไว้” ทหารส่วนพระองค์วิ่งเข้าไป เมื่อจับมัดผู้คนอย่าง แน่นหนา ทุกคนก็แทบจะเป็นลมล้มคว�่าอีกครั้ง เพราะแทนที่ทหารส่วน พระองค์จะจับมัดตี๋ชิงกลับกลายเป็นจ้าวอู่เต๋อ นายอ�าเภอจ้าวยิ่งลนลาน เดินเข้าหาพร้อมกล่าวว่า “ใต้เท้ากัว ผิดแล้ว ผิดแล้ว” กัวจุนกล่าวอย่างเยือกเย็น “นายอ�าเภอจ้าว ท่านทราบไหมว่าสั่ว หมิง กุ้นจื่อ และพ่อบ้านเชอเป็นใคร?” นายอ�าเภอจ้าวกล่าวอย่างเลอะเลือนว่า “พวกมัน...พวกมันเป็น ใคร?” กัวจุนแค่นเสียงเย็นชาค�าหนึง่ ยืน่ มือไปคว้าเสือ้ ของกุน้ จือ่ กระชาก เสื้อมันฉีกขาดจนเผยให้เห็นว่าบริเวณทรวงอกของมันมีรอยสักเป็นตัว อักษรค�าว่า “ฝู” (วาสนา) ตัวใหญ่ ขณะที่ทุกคนยังงุนงงไม่เข้าใจความ หมาย นายอ�าเภอจ้าวกลับร้องเสียงหลงว่า “สาวกนิกายพระศรีอาริย์!” กัวจุนยิ้มเย็นชากล่าวว่า “มิผิด พวกมันสามคนเป็นสาวกนิกาย พระศรีอาริย์ ที่ละเมอเพ้อพกคิดก่อการกบฏ ครั้งนี้เราเดินทางมาเมือง เฝินโจว เปลือกนอกอ้างว่ามารับสมัครทหาร แท้จริงแล้วต้องการลอบสืบ เรือ่ งนิกายพระศรีอาริย์ จ้าวเหวินกว่างท่านลอบซุกซ่อนบุคคลเช่นนี้ไว้ใน จวน ยังกล้าบอกว่าเราผิดอีก?” มันเรียกชือ่ ของนายอ�าเภอจ้าวตรงๆ แปล ว่าไม่เห็นมันเป็นนายอ�าเภออีกต่อไป นายอ�าเภอจ้าวหลัง่ เหงือ่ โซมกาย คุกเข่าอย่างแตกตืน่ กล่าวขึน้ ว่า “ใต้เท้ากัว ผู้น้อยไม่ทราบเรื่องจริงๆ วิงวอนท่าน...วิงวอนท่าน...ช�าระ ความโดยยุติธรรมด้วย” ขุนเขาสายน�้าพลิกกลับ นายอ�าเภอจ้าวที่เมื่อครู่ยังยโสล�าพอง บัดนี้กลับตัวสั่นราวใบไม้ร่วงในฤดูสารท ตี๋ชิงลอบประหลาดใจ ไม่ทราบ 40 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


ว่านิกายพระศรีอาริย์มีความเป็นมาอย่างไร จึงท�าให้นายอ�าเภอจ้าว ประหวั่นพรั่นพรึงถึงเพียงนี้ กัวจุนกล่าวว่า “จะช�าระความเช่นไร ต้องให้เป็นหน้าที่ของตึก สอบสวนลงทัณฑ์* ” ทหารส่วนพระองค์ส่วนหนึ่งเดินออกมาจับกุมจ้าว เหวินกว่างกับบุตรชาย เจ้าหน้าที่อ�าเภอเห็นแล้วกลับไม่กล้าเสนอตัว ขัดขวาง กัวจุนจึงกล่าวขึ้นอีกว่า “หลีเจี่ยน ติดต่อเจ้าเมืองที่นี่รึยัง?” ทหารส่วนพระองค์คนหนึ่งก้าวออกมากล่าวว่า “เรียนใต้เท้า ผู้บัญชาการ ได้ส่งคนเดินทางไปรายงานแล้ว คาดว่าไม่นานเจ้าเมืองคง มาถึง” กัวจุนผงกศีรษะ แล้วเดินไปเบื้องหน้าตี๋ชิงกล่าวว่า “พาคนของ เจ้ากลับไปเถอะ อย่าได้ลืมวาจาที่ได้ให้ไว้ อีกสามวันให้มาพบเราที่นี่” ตี๋ชิงรอดพ้นจากความตาย แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความงุนงง สงสัย ถามขึ้นว่า “ใต้เท้ากัว พี่ใหญ่ของเรา...” “พี่ใหญ่ของเจ้าเป็นอะไร?” กัวจุนกล่าวอย่างสงสัย ตี๋ชิงรีบบอกเล่าเรื่องราวของตี๋หวินให้ฟังเที่ยวหนึ่ง กล่าวขึ้นด้วย ใจที่เต้นไม่เป็นส�่าว่า “เราเกรงว่าจะสร้างความล�าบากให้พี่ใหญ่” กัวจุน หัวเราะฮาฮา “นีน่ บั เป็นเรือ่ งราว? เจ้าไม่ตอ้ งห่วง คนทีเ่ จ้าฆ่าเมือ่ ครูเ่ ป็น สาวกนิกายพระศรีอาริย์ เจ้านอกจากจะไม่ได้ทา� ความผิดแล้วยังนับว่าได้ สร้างผลงาน ส่วนเรือ่ งทีค่ ร่ากุมตัวจ้าวอูเ่ ต๋อ...เดิมมันสมควรตายอยูแ่ ล้ว การที่มันลอบซุกซ่อนกบฏ ไหนเลยเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย? มันกับบิดา ของมันต่อให้ไม่ถูกตัดศีรษะก็ต้องถูกสักหน้าเนรเทศ พี่ใหญ่ของเจ้าไม่ จ�าเป็นต้องหลบหนีแล้ว” กล่าวจบก็มที หารส่วนพระองค์อกี คนวิง่ เข้ามาก ระซิบหลายค�า สีหน้ากัวจุนเกิดความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยกล่าวขึ้นว่า “ตกลง เราจะรีบไปทันที” มันมองมาทางตีช๋ งิ กล่าวขึน้ ว่า “อีกสามวันเรา * หน่วยงานทีม่ หี น้าทีด่ า้ นการสอบสวน ลงทัณฑ์ รวมถึงตัดสินคดีบางส่วน จัดตัง้ ขึน้ ในสมัยต้นราชวงศ์ซง่ เพือ่ เป็นการรวบ อ�านาจตุลาการบางส่วนเข้าสู่ส่วนกลาง เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

41


จะมารอเจ้าที่นี่” ตีช๋ งิ ผงกศีรษะ เมือ่ เห็นกัวจุนจากไปจึงหย่อนก้นลงกับพืน้ รูส้ กึ ว่า ทุกอย่างราวกับความฝันตื่นหนึ่ง เสี่ยวชิงเข้ามาช่วยพันบาดแผลให้ตี๋ชิง กล่าวสะอึกสะอื้นว่า “ตี๋ชิง ล�าบากเจ้าแล้ว” ตี๋ชิงนึกขึ้นได้จึงรีบกล่าวว่า “เสี่ยวชิง ท่านอย่าได้บอกเรื่องที่เรา ต้องเป็นทหารต่อพี่ใหญ่เด็ดขาด” เสีย่ วชิงอึง้ ไปเล็กน้อย กล่าวขึน้ ว่า “เรือ่ งเช่นนีจ้ ะปิดบังได้อย่างไร?” นางทราบดีว่าตี๋ชิงยอมจ่ายค่าตอบแทนด้วยการเข้าเป็นทหาร เพื่อแลก กับความสุขของนางกับตี๋หวินท�าให้รู้สึกส�านึกขอบคุณยิ่ง ตีช๋ งิ แหงนหน้ามองฟ้า เห็นลมพัดเมฆเคลือ่ นคล้อยเบาๆ จึงกล่าว อย่างอับจนขึ้นว่า “ปิดได้กี่วันก็เท่านั้นเถอะ” สามวันผ่านพ้นไปในพริบตา ตีช๋ งิ ยังคงหน้านิว่ คิว้ ขมวด เพราะจน ป่านนีม้ นั ยังไม่สามารถนึกหาข้ออ้างไปจากบ้านได้ ตีช๋ งิ ทราบดีวา่ พีใ่ หญ่ อยากเห็นมันใช้ชวี ติ อย่างเรียบง่าย หากทราบว่ามันต้องไปเป็นทหารคงจะ เสียใจไม่น้อย ในวันนั้นหลังนายอ�าเภอจ้าวกับบุตรชายถูกจับกุม ตี๋ชิงก็น�าพา เสี่ยวชิงไปยังเนินเลี้ยงแกะ ขณะนั้นตี๋หวินตื่นขึ้นมาแล้ว เมื่อทราบว่าตี๋ ชิงบุกไปที่ว่าการอ�าเภอเพื่อตน มันทั้งตื่นตระหนกและกังวล บังคับให้ หนิวจ้วงพามันไปทีว่ า่ การอ�าเภอ ขณะทีห่ นิวจ้วงก�าลังจนปัญญา ตีช๋ งิ กับ เสี่ยวหวินก็เดินทางมาถึง ตี๋หวินทั้งประหลาดใจระคนดีใจ ตี๋ชิงกลับบอก กล่าวเพียงว่าได้พบกับขุนนางที่ดี นอกจากตนเองไม่มีความผิดแล้วยัง 42 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


ถือว่าได้สร้างคุณงามความชอบด้วย ตี๋หวินได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดเดิมคิดจะต�าหนิตี๋ชิง แต่เมื่อเห็นน้อง ชายอาบโลหิตเต็มตัว ได้รับบาดแผลที่ไหล่ ต้องบาดเจ็บเพื่อช่วยพี่ชาย อย่างมันไหนเลยยังหักใจดุด่าได้อีก? อีกด้านหนึ่งตี๋หวินก็ดีใจที่สุดท้าย แล้วต่างปลอดภัยไร้เรือ่ งราว รูส้ กึ ว่าเป็นเพราะบุญกุศลทีบ่ รรพชนได้สร้าง สมไว้ จึงน�าพาตี๋ชิงไปจุดธูปอธิษฐานที่หน้าหลุมฝังศพบิดามารดา หลัง จากผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ ช่างตีเหล็กจางก็กลัวแต่บุตรีจะตบแต่งไม่ออก จึงยอมละทิ้งนิสัยตระหนี่ถี่เหนียว เร่งรัดให้ตี๋หวินรีบมาตบแต่งเสี่ยวชิง หลังจากหารือกันเพียงช่วงต้มน�้าเดือดก็ตัดสินใจให้จัดงานแต่งงานในวัน รุ่งขึ้นทันที แม้ตี๋หวินจะต้องขาเป๋ แต่เท่ากับประสบเภทภัยแล้วกลับกลาย เป็นวาสนา ท�าให้รู้สึกปลื้มปีติอย่างยิ่ง ตี๋ชิงกับหนิวจ้วงก็รีบเร่งลงมือ ตระเตรียมงาน แม้ว่าฐานะทางบ้านของตี๋ชิงจะยากไร้ อีกทั้งมีเวลาจัด เตรียมงานไม่มาก แต่เมือ่ จัดหาผ้าสีแดงกับผ้าหลากสีมาพาดแขวน ก็กอ่ ให้เกิดบรรยากาศคล้ายงานมงคลอยู่หลายส่วน ตี๋ชิงยุ่งวุ่นวายอยู่ทั้งคืน ในที่สุดก็ประดับประดาบ้านเรือนเสร็จสิ้น เห็นฟ้ายังไม่ทันสางก็รีบเร่งผ่าฟืนส�าหรับใช้ได้อีกหลายเดือนไว้ล่วงหน้า จากนั้นค่อยไปนั่งที่ลานบ้าน ทอดสายตาเหม่อมองไปที่ปลายนภา มันต้องจากไปเพราะไม่อาจเสียสัจจะต่อผู้คน ถึงมันจะพบว่าใน เวลานัน้ ต่อให้มนั ไม่เอ่ยปากสมัครเป็นทหาร เรือ่ งราวก็ยงั จะด�าเนินไปใน แนวทางนีอ้ ยูด่ ี แต่เมือ่ มันรับปากก็ตอ้ งท�าให้ได้ ทีส่ า� คัญคือมันเริม่ ค้นพบ ว่า แท้จริงแล้วเบื้องนอกยังมีผืนนภาที่กว้างใหญ่ยิ่งกว่า ซึ่งเห็นได้ชัดว่า เป็นความเย้ายวนส�าหรับมันอย่างยิ่ง ทว่าขาของพี่ใหญ่เป๋แล้ว มันจะวางใจจากไปได้อย่างไร? เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

43


เสียงฝีเท้าดังขึน้ ตีช๋ งิ ไม่หนั ไปมองก็ทราบว่าเป็นพี่ใหญ่เดินเข้ามา ตี๋หวินเดินถึงข้างกายตี๋ชิงนั่งลงบนขั้นบันไดคู่กับมัน นิ่งเงียบอยู่สักพัก ค่อยกล่าวขึ้นว่า “น้องเรา ยังจ�าค�าพูดที่ท่านพ่อเคยสอนพวกเราได้หรือ ไม่?” “ค�าพูดอันใด?” ตี๋ชิงถามขึ้น “ท่านกล่าวว่าชีวิตคนเราสิ่งที่ส�าคัญที่สุดคือค�าว่า “สัจจะ” ตี๋หวิน ค่อยๆ กล่าวต่อว่า “เกิดเป็นคนไม่อาจไร้สจั จะ หาไม่จะไม่อาจยืนหยัดอยู่ ท่ามกลางแผ่นฟ้าผืนพสุธาได้” ตี๋ชิงเต็มไปด้วยความในใจคับอก กล่าวขึ้นว่า “มิผิด ไม่เพียงแต่ ท่านพ่ออบรมสั่งสอนเช่นนี้ แม้แต่พี่ใหญ่ก็คอยสั่งสอนเราเช่นนี้มาโดย ตลอด ท�าให้เราไม่เคยกล้าลืมเลือน” “ดังนั้น...เจ้าสมควรไปแล้ว” ตี๋หวินจับมือของตี๋ชิงมาวางบนของ สิ่งหนึ่ง ตี๋ชิงเห็นว่ามันคือเงินก้อน จึงกล่าวด้วยความตกใจว่า “ไป? ไป ยังที่แห่งใด?” ตีห๋ วินยิม้ น้อยๆ กล่าวว่า “ไปยังทีท่ เี่ จ้ารับปากไว้” ฉับพลันนัน้ ตีช๋ งิ ค่อยเข้าใจ จึงกล่าวขึน้ ว่า “พี่ใหญ่ ท่านทราบเรือ่ งหมดแล้ว?” ตีห๋ วินกล่าว ว่า “เสี่ยวชิงบอกเล่าทุกอย่างต่อเราแล้ว เจ้าอย่าได้ไปโทษว่านาง เราดู ออกว่าเจ้าไม่อยากเสียสัจจะต่อผู้คน! เมื่อก่อนพี่ใหญ่ไม่อยากให้เจ้าเป็น ทหาร เพราะเห็นพฤติกรรมชั่วช้าของทหารมามาก ไม่อยากให้เจ้าต้อง ไปแปดเปื้อนสิ่งชั่วร้ายเหล่านั้น แต่บัดนี้เราเข้าใจแล้วว่า นกอินทรีย่อม มีวิถีแห่งนกอินทรี ไม่ควรเอาอย่างนกเลี้ยงที่ใช้ชีวิตจมปลักอยู่ในหอ ห้อง ตี๋ชิง เจ้าเติบใหญ่แล้ว รู้ว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด พี่ใหญ่จึงวางใจให้เจ้า ไป พี่ใหญ่ไม่มีทรัพย์สินอันใด นอกจากเงินเล็กน้อยนี้ เจ้าพกพาติดตัว เอาไว้ อย่าได้ปฏิเสธ เชื่อฟังวาจาของพี่ใหญ่” 44 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


ตี๋ชิงบีบเงินก้อนในมือ รู้สึกแสบขึ้นที่จมูก “พี่ใหญ่ แต่ว่า...” “แต่วา่ อะไรอีก? ถึงขาเราจะเป๋ แต่ดา้ นการเลีย้ งดูคนในครอบครัว สมควรไม่มีปัญหา” ตี๋หวินยิ้มเบาๆ กล่าวต่อว่า “เจ้าไปอย่างวางใจเถอะ ไม่ตอ้ งเป็นห่วงเรา เราได้ยนิ ว่าสองพ่อลูกตระกูลจ้าวถูกจับ และน�าตัวส่ง ไปจองจ�ายังคุกใหญ่ทเี่ ฝินโจว ไม่มที างสร้างความล�าบากให้พวกเราได้อกี น้องเราเมือ่ อยูภ่ ายนอกไม่มีใครในครอบครัวคอยช่วยเหลือ เจ้าต้องดูแล ตัวเองให้ดี จดจ�าไว้วา่ หากพบเจอปัญหาอันใด ทีน่ ยี่ งั คงเป็นบ้านของเจ้า เสมอ” ผ่านไปเนิ่นนาน ตี๋ชิงจึงกล่าวขึ้นว่า “ถึงอย่างไรก็ต้องรอให้รับตัว เจ้าสาวก่อน” ตีห๋ วินหัวเราะกล่าวว่า “ตกลง” แต่แล้วพลันเบีย่ งศีรษะยกแขนเสือ้ ขึ้นปาดเช็ดที่ปลายตา มันสองพี่น้องใช้ชีวิตร่วมกันมานานปี เมื่อตี๋ชิงต้องจากไป ตี๋หวิน ย่อมรู้สึกอาลัยอาวรณ์ แต่มันเล็งเห็นถึงความล�าบากใจของตี๋ชิง รู้ดีว่า น้องชายมีจิตปณิธานอันกว้างไกล ขณะที่ตัวเองไม่สามารถท�าอันใดได้ มากนัก จึงหวังเพียงไม่ต้องเป็นตัวถ่วงของน้องชาย เมือ่ รับตัวเจ้าสาวเข้าประตู ตีช๋ งิ ก็ได้กา้ วย่างออกไปสูเ่ ส้นทางที่ไม่ อาจหยั่งรู้อนาคต ตีช๋ งิ สาวเท้าเดินจากไป เมือ่ ถึงจุดทีพ่ ี่ใหญ่มองไม่เห็นแล้วค่อยหัน กลับมา ก้มกราบไปยังทิศทีต่ งั้ ของบ้านสามครา กล่าวขึน้ ว่า “พี่ใหญ่ เรา จะไม่ท�าให้ท่านผิดหวัง ท่านถนอมตัวด้วย” มันค่อยๆ ลุกขึ้น หยิบห่อ สัมภาระเรียบง่าย ทีพ่ กมามีเพียงเสือ้ ผ้าส�าหรับผลัดเปลีย่ นกับอาหารแห้ง เล็กน้อย ส่วนเงินก้อนนั้นมันยังคงวางไว้ในห้องของพี่ใหญ่ โดยไม่รู้ว่า หลังจากมันก้าวออกจากบ้านมา เมื่อตี๋หวินได้พบเห็นเงินก้อนนั้นก็อด เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

45


หลั่งน�้าตาอีกครั้งไม่ได้ ตีช๋ งิ ไปถึงทีว่ า่ การอ�าเภอ เมือ่ ได้พบกับทหารส่วนพระองค์ทเ่ี ฝ้าอยู่ หน้าประตู จึงประสานมือคารวะกล่าวขึ้นว่า “พี่ทหารท่านนี้ ผู้น้อยตี๋ชิง” ทหารส่ ว นพระองค์ ก ล่ า วว่ า “ท่ า นก็ คื อ ตี๋ ชิ ง ? รี บ เข้ า ไปเถอะ ผู้บัญชาการกัวก�าลังรอท่านอยู่” มันน�าพาตี๋ชิงเข้าไปด้านในจวนว่าการ กัวจุนนั่งอยู่ในห้องโถงด้านหน้า ข้างๆ ยังมีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ ตี๋ชิงมองไปรู้สึกว่าชายหนุ่มผู้นี้คล้ายกระบี่ที่หลุดออกจากฝักเล่ม หนึ่ง! ชายผู้นั้นมี ใบหน้าซีดขาว สองตาฉับไวคมกล้าราวกระบี่ มัน กวาดตาขึน้ ลงพิจารณาตีช๋ งิ รอบหนึง่ แสดงความรูส้ กึ ประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นลุกขึ้นยืนกล่าวกับกัวจุนว่า “ผู้บัญชาการกัว ครั้งนี้คงต้องขอให้ ท่านออกโรงช่วยเหลือ” กัวจุนผงกศีรษะเบาๆ กล่าวว่า “เรื่องใหญ่ของบ้านเมือง เราผู้ แซ่กัวย่อมต้องท�าอย่างเต็มก�าลัง” ชายหนุ่มคารวะอีกครั้งค่อยหันกายจากไป ตี๋ชิงค่อยระบายลม หายใจโล่งอก เพราะรู้สึกว่าถูกชายหนุ่มผู้นี้จับจ้องจนรู้สึกอึดอัดไม่สบาย ตัว จึงอดไม่ได้ที่จะลอบคาดเดาความเป็นมาของชายหนุ่มผู้นี้ กัวจุนใช้สายตาส่งคนไป หันศีรษะกลับมากล่าวกับตีช๋ งิ ว่า “ในทีส่ ดุ เจ้าก็มาแล้ว” ตี๋ชิงยกมือคารวะกล่าวตอบว่า “ผู้น้อยเมื่อรับปาก จะไม่มาได้ อย่างไร?” กัวจุนชมเชยว่า “ประเสริฐ ลูกผู้ชายพูดได้ต้องท�าได้ หากแม้แต่ ค�าว่าสัจจะยังไม่สามารถรักษา จะกล่าวถึงการพิทักษ์รักษาบ้านเมืองไป 46 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


ไย? เราผู้แซ่กัวชาตินี้ไม่นับถืออื่นใด นับถือเพียงวีรชนที่เห็นค�าสัญญามี ค่าพันต�าลึงทอง ที่จริงพริบตาแรกที่เราเห็นเจ้าก็รู้สึกว่าเป็นบุคคลที่ควร ค่าแก่การส่งเสริม กลวิธีแสร้งตาเหล่ในวันนั้น ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะ นึกออกได้” ตีช๋ งิ ถูกกัวจุนจับได้ จึงได้แต่ยมิ้ กระอักกระอ่วน ขณะทีก่ วั จุนก�าลัง จะกล่าวต่อไป ทหารส่วนพระองค์คนหนึ่งก็เข้ามากล่าวเบาๆ ว่า “ใต้เท้า กัว พี่น้องทั้งหลายเตรียมพร้อมแล้ว” กัวจุนผงกศีรษะกล่าวว่า “ประเสริฐ ออกเดินทางในทันที ตีช๋ งิ เจ้า เตรียมพร้อมแล้วหรือไม่?” ตี๋ชิงผงกศีรษะไม่กล่าวค�าพูดใด กัวจุนดูออกว่ามันมีความในใจจึง กล่าวขึ้นว่า “ลูกผู้ชายพึงมีจิตปณิธานทั่วสี่ทิศ หากไม่บุกบั่นทุ่มเทตั้งแต่ วัยหนุ่ม สุดท้ายเมื่อแก่ชราจะต้องส�านึกเสียใจ ตี๋ชิง เราเชื่อว่าภายหน้า เจ้าจะไม่เสียใจกับสิ่งที่เลือกในวันนี้ ไปเถอะ” มันก้าวอาดๆ ออกจาก ทีว่ า่ การอ�าเภอ นอกประตูมที หารส่วนพระองค์หลายสิบคนรอคอยอยู่ โดย มีม้าหนึ่งตัวอยู่ข้างกายทุกคน กัวจุนสั่งให้คนจูงม้ามาตัวหนึ่ง กล่าวขึ้นว่า “ขี่ม้าเป็นหรือไม่?” ตี๋ชิงตอบว่า “เคยขี่วัวมาก่อน” กัวจุนหัวเราะเบาๆ กล่าวขึน้ ว่า “เช่นนัน้ คงไม่ตา่ งกันนัก เมือ่ สังกัด หน่วยเซียวอู่ นอกจากต้องขี่ม้าเป็นแล้วยังจะต้องขี่ให้ได้ดีด้วย ขึ้นม้า” ทุกคนเมือ่ ได้ยนิ ค�าสัง่ ก็พลิกตัวขึน้ ม้าอย่างคล่องแคล่ว มาตรว่าตีช๋ งิ จะไม่ เคยขี่ม้ามาก่อน แต่ก็รีบเคลื่อนไหวพลิกตัวขึ้นหลังม้าอย่างรวดเร็ว ไม่ ยอมแสดงความอ่อนแอ กัวจุนเห็นดังนัน้ จึงผงกศีรษะเบาๆ หันหัวม้าออก แล้วขี่พุ่งทะยานน�าหน้าออกไป หลังจากขีม่ า้ ออกมาก็เดินทางรวดเดียวร้อยกว่าลี้ กระทัง่ มาถึงริม เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

47


แม่นา�้ เฝินเหอค่อยหยุดพัก ตี๋ชิงไม่ค่อยได้ออกจากอ�าเภอซีเหอ เป็นครั้ง แรกทีเ่ ดินทางมาไกลเพียงนีจ้ งึ อดเหลียวหลังมองกลับไปไม่ได้ มันทราบ ดีวา่ เมือ่ วิง่ ออกไปหนึง่ ก้าวจะยิง่ ห่างจากบ้านเกิดอีกหนึง่ ก้าว และไกลจาก พี่ใหญ่ของมันอีกหนึ่งส่วน ภายในใจอดเศร้าสร้อยไม่ได้ แต่เพียงชั่วครู่มันก็แหงนหน้าขึ้น บอกตัวเองในใจว่ากัวจุนกล่าว มิผิด ลูกผู้ชายพึงมีจิตปณิธานทั่วสี่ทิศ ตนเองจะปล่อยให้คนรอบข้าง ดูแคลนไม่ได้ ทุกคนมาถึงริมแม่น�้าเฝินเหอ ขึ้นเรือข้ามฝั่ง จากนั้นควบขี่มุ่งลง ใต้ไปอีกหลายสิบลี้ค่อยหยุดพักอีกครั้ง ตี๋ชิงคิดเพียงว่ากัวจุนจะมุ่งลงทิศใต้เพื่อกลับไปยังราชธานีเมือง ไคเฟิง* คาดไม่ถึงกัวจุนกลับสั่งให้ทุกคนค้นหาจุดตื้นที่สุดของแม่น�้า เฝินเหอ เพื่อวกข้ามฝั่งกลับไป จากนั้นควบขี่ย้อนไปยังทิศทางที่จากมา อีกครั้ง เพียงแต่ให้เลือกมุ่งไปตามเส้นทางภูเขารกร้าง ตี๋ชิงรู้สึกมึนงง สงสัยไม่เข้าใจว่ากัวจุนจะไปยังที่ใด เพราะเมื่อพิจารณาจากเส้นทางแล้ว เท่ากับกัวจุนก�าลังเดินทางอ้อมเป็นวงกลม ดังนั้นหากจะเดินทางเช่นนี้ ไม่สเู้ ดินทางจากอ�าเภอซีเหอ มุง่ เลยใต้ตรงๆ ไปยังง่ายดายกว่า? แต่เมือ่ เห็นทุกคนยังคงนิง่ เงียบไม่ปริปาก มันเองก็ไม่คดิ จะถามไถ่ ลอบคิดว่าถึง อย่างไรก็เป็นพวกมันดูแลเรื่องอาหาร ที่พัก ตนเองเพียงเฝ้าติดตามไป ก็พอ นึกไม่ถึงคืนนั้นทุกคนกลับนอนพักกลางเขาและล้วงควักอาหาร แห้งจากห่อสัมภาระนั่งรับประทานกันริมบ่อน�้าพุ บนม้าของตี๋ชิงก็มีห่อ สัมภาระ ภายในบรรจุไว้ด้วยอาหารแห้ง เนื้อตากแห้งกับผลไม้แห้ง แม้ ตีช๋ งิ จะรูส้ กึ สับสน แต่กท็ า� ได้เพียงรับประทานอาหารแห้งเสร็จแล้วหาหญ้า * คนไทยมักออกเป็นไคฟง เป็นเมืองหลวงในสมัยราชวงศ์ซ่ง

48 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


แห้งไปปูบนพื้นที่ถูกลมพัดจนแห้งเพื่อพักผ่อน ที่ผ่านมามันมีชีวิตที่ ล�าบากยากจน จึงไม่รู้สึกว่าการนอนกลางดินกินกลางทรายเช่นนี้เป็น ความล�าบาก ตกเที่ยงคืน ตี๋ชิงยังคงนั่งพิงภูเขาทอดสายตายังหมู่ดาวที่ทอแสง ระยิบระยับท่ามกลางห้วงนภา มีทางช้างเผือกเป็นเส้นตัดแบ่งพาดผ่าน กลางฟ้า ลอบคิดว่าจากพี่ใหญ่มาในครั้งนี้ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่จึงจะได้พบ กันอีก? ขณะก�าลังครุน่ คิดพลันได้ยนิ เสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมาจากทางด้าน ซ้าย ตีช๋ งิ สะดุง้ เล็กน้อย เมือ่ มองกลับไปก็พบว่ากัวจุนก�าลังยืนมองตนเอง อยู่ในจุดที่ไม่ไกลออกไป ตี๋ชิงลุกขึ้นช้าๆ กล่าวขึ้นว่า “ใต้เท้ากัวต้องการพบเรา?” กัวจุนหัวเราะเบาๆ กล่าวขึ้นว่า “โสตประสาทของเจ้านับว่าไม่เลว เหมาะแก่การฝึกวิชาต่อสู้ น่าเสียดาย...ขาดอาจารย์ชั้นเลิศคอยชี้แนะ ท�าให้วิชาฝีมือไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร” ตี๋ชิงผงกศีรษะ “ทางบ้านผู้น้อยยากไร้ ไม่มีปัญญาจ้างอาจารย์มา อบรมสอนสั่ง” กัวจุนนั่งลงแล้วโบกมือให้ตี๋ชิงนั่งข้างๆ เลิกสนทนาเรื่องวิชาฝีมือ เปลี่ยนเป็นถามขึ้นว่า “เคยได้ยินเรื่องนิกายพระศรีอาริย์หรือไม่?” ตีช๋ งิ ตอบว่า “เคยได้ยนิ มา แต่วนั นัน้ หากมิใช่ใต้เท้าชีต้ วั มัน เรายัง ไม่ทราบว่าคนเหล่านัน้ เป็นสาวกนิกายพระศรีอาริย์ ทว่าเป็นนิกายพระศรี อาริยแ์ ล้วเป็นอย่างไร ใต้เท้าดูราวกับมีความเจ็บแค้นต่อนิกายนีอ้ ย่างยิง่ ?” กัวจุนทอดถอนใจขึ้น กล่าวว่า “พระศากยมุนีเสื่อมถอย พระศรี อาริย์ปกครอง ประโยคนี้เจ้าเคยได้ยินหรือไม่?” เมื่อเห็นตี๋ชิงส่ายศีรษะ กัวจุนจึงยิ้มพลางกล่าวว่า “ที่จริงหลังจากที่เจ้าจากไป เราได้ส่งคนไปสืบ ชาติก�าเนิดของเจ้า ทราบว่าครอบครัวเจ้าแม้แร้นแค้นแต่กลับยึดถือ เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

49


มโนธรรม แต่การที่น้อยครั้งจะได้ออกจากอ�าเภอซีเหอย่อมมีเรื่องราว มากมายที่ไม่ทราบ เรากลับถามเกินความจ�าเป็นไปแล้ว” ตี๋ชิงลอบละอายกล่าวขึ้นว่า “เดิมผู้น้อยเป็นเพียงผู้เยาว์ที่หยาบ กร้าน ล่วงรู้เรื่องราวไม่มาก เป็นที่หัวเราะเยาะของใต้เท้าแล้ว” กัวจุนกล่าวขึ้นว่า “มีใครบ้างที่ก�าเนิดมาก็รู้เรื่องเหล่านี้? ตี๋ชิง โบราณกล่าวไว้ว่า ‘ยอมหัวเราะเยาะเฒ่าชราผมขาว ไม่หัวเราะคนหนุ่ม ยากไร้’ เราดูออกว่าเจ้ามีจติ ปณิธานความมุง่ มัน่ หากสามารถทุม่ เทบาก บั่น วันข้างหน้าจะมีอนาคตอันยาวไกล” ตี๋ชิงรู้สึกส�านึกคุณในใจ กล่าวขึ้นว่า “ขอบคุณใต้เท้าที่ชื่นชม อัน ที่จริง...” มันคิดกล่าวอันใด แต่สุดท้ายยังคงยั้งปากไว้ กัวจุนจ้องมองมันแล้วถามว่า “ที่จริงอันใด?” “อันที่จริงก็ไม่มีอันใด” ตี๋ชิงยิ้มเจื่อนๆ จากนั้นจึงกล่าวว่า “เป็น เพียงความเพ้อฝันของคนชนบทเท่านั้น” กัวจุนกลับรู้สึกสนใจขึ้นมา “ไหนลองบอกกล่าวมา” ตี๋ชิงไม่ทราบว่าเหตุใดใต้เท้ากัวจึงสนใจถึงเพียงนี้ จึงต้องกล่าว อย่างกระดากว่า “อันที่จริงท่านแม่ของเราคาดหวังในตัวเราสูงยิ่ง มัก กล่าวว่าวันข้างหน้าเราจะมีความสามารถเช่นเสนาบดี...ท่านเล่าว่าตอน ที่ท่านยังสาว มีหมอดูแม่นย�าท่านหนึ่งเคยตรวจชะตาราศีให้ มันบอกว่า ท่านแม่มวี าสนากับเสนาบดี” ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด ตีช๋ งิ มักรูส้ กึ ว่า กัวจุนเป็นเหมือนพี่ใหญ่ของมัน คล้ายเป็นญาติสนิทคนหนึ่งที่สามารถ บอกกล่าวได้โดยไม่ต้องกังวล กัวจุนเบิ่งตาโตกล่าวว่า “หรือว่า...มารดาของเจ้าแต่งงานกับ เสนาบดี?” ตี๋ชิงส่ายศีรษะ “กลับมิใช่เช่นนั้น หมอดูกล่าวว่าท่านแม่เราจะให้ 50 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


ก�าเนิดบุตรที่เป็นเสนาบดี” เมื่อเห็นกัวจุนเบิ่งตาโตราวกับวัว ตี๋ชิงกลับ รูส้ กึ ขบขันจึงกล่าวว่า “ด้วยเหตุนที้ า่ นแม่จงึ มักกล่าวกับเราว่า ลูกเอย เจ้า ต้องพากเพียรให้มาก อย่าเอาแต่รจู้ กั เล่นสนุกไปวันๆ ภายหน้าลูกมีชะตา ต้องเป็นเสนาบดี หึๆ เราย่อมปรารถนาจะเป็นเสนาบดี แต่เกิดมาก็ไม่ ฝักใฝ่อา่ นต�ารา นับว่าผิดต่อความปรารถนาดีของมารดาอย่างยิง่ ไม่ทอ่ ง อ่านต�ารา ไม่สอบจอหงวน จะเป็นเสนาบดีได้อย่างไร?” กัวจุนหันศีรษะกลับ ทอดสายตามองไกลออกไปแล้วกล่าวว่า “แล้ว บิดาเจ้าเป็นบุคคลเช่นไร?” ตีช๋ งิ ตอบว่า “ท่านพ่อของเรา? ท่าน...เจ็บป่วยมาโดยตลอด รักษา อย่างไรก็ไม่หายขาด หลังเราจ�าความได้ไม่นานท่านก็จากโลกนี้ไป ท่าน แม่เราต้องเลี้ยงดูเรากับพี่ใหญ่ด้วยความล�าบาก เราไม่ทันเติบใหญ่ ท่าน ก็มาจากโลกไปอีกคน โอ...พี่ใหญ่เราเองก็ล�าบากมาตลอด ต้องเป็นทั้ง บิดามารดาเลี้ยงดูเราจนโตมา เราจึงไม่อาจทนเห็นเขาต้องประสบกับ ความผิดหวัง” “ด้วยเหตุนเี้ จ้าจึงให้ความเคารพนับถือพี่ใหญ่ ทัง้ ยังยอมเสีย่ งตาย มาคิดบัญชีกับจ้าวอู่เต๋อ?” น�า้ เสียงกัวจุนแหบพร่าลงเล็กน้อย ตี๋ชิงผงกศีรษะอย่างจริงจัง “มิผิด เรามีพี่ใหญ่เป็นญาติเพียงคน เดียว! เรารับความเจ็บช�า้ น�า้ ใจอย่างไรก็ไม่เป็นไร แต่ไม่อาจทนเห็นพี่ใหญ่ ถูกคนอื่นรังแก! พี่ใหญ่กลัวเราจะเสียคน เพราะท่านแม่เคยกล่าวไว้ว่า ทหารทีเ่ ป็นคนดีมนี อ้ ย ก�าชับเราไว้วา่ อย่าได้เป็นทหาร...ด้วยเหตุนหี้ ลาย วันก่อนที่ใต้เท้ากัวจะให้เราสมัครเข้ากองทัพ เราจึงดึงดันปฏิเสธเช่นนัน้ ” กัวจุนบ่นพึมพ�าขึ้น “ที่แท้เป็นเช่นนี้ ทหารที่เป็นคนดีมีน้อย?” ทันใดนั้นในห้วงคิดของมันปรากฏภาพสตรีที่งดงามราวดอกเหมย ก�าลัง ตะโกนเรียกด้วยเสียงเล็ก ๆ ว่า ‘กัวจุน ต่อให้ท่านเก่งกล้าสามารถ แล้ว เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

51


จะท�าอันใดได้ ชาตินเี้ ราไม่มที างชอบท่าน คนทีเ่ ป็นทหาร...ไม่มคี นดีสกั คน!’ เมื่อกัวจุนคิดมาถึงตรงนี้ ริมฝีปากก็ปรากฏรอยยิ้มอันขมขื่น แต่ เพราะมันหันหน้ากลับมาแล้วท�าให้ตี๋ชิงไม่ทันสังเกตเห็น ตี๋ชิงรู้สึกว่ากล่าววาจาล่วงเกินอยู่บ้าง จึงรีบกล่าวว่า “อันที่จริง ทหารย่อมมีคนดีอยู่ อย่างเช่นใต้เท้ากัว” จากนัน้ เบีย่ งเบนประเด็นสนทนา กล่าวขึ้นว่า “ใต้เท้ากัว นิกายพระศรีอาริย์เป็นเรื่องราวอันใด ครั้งนี้พวก เราจะไปจับกุมสาวกนิกายนี้ใช่หรือไม่?” มันคล้ายจะมองบางอย่างออก จึงลองคาดเดาเช่นนี้ กัวจุนนิ่งเงียบไปนาน ในที่สุดก็กล่าวขึ้น “นิกายพระศรีอาริย์ สืบทอดมายาวนาน ก่อร่างขึ้นตั้งแต่รัชสมัยจักรพรรดิเหลียงอู่ตี้ พอเข้า สู่ราชวงศ์สุย ราชวงศ์ถังก็เริ่มรุ่งเรืองขึ้น แม้แต่วัดต้าเซี่ยงกั๋วในเมือง หลวงก็ประดิษฐานพระพุทธรูปของพระศรีอาริยท์ กี่ อปรด้วยพระเนตรแห่ง ความเมตตา พระพักตร์ประดับด้วยรอยยิม้ ประทับอยูบ่ นปทุมอาสน์ ข้าง พระศรีอาริย์ยังมีท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่เฝ้าอารักขา กล่าวว่าจะขจัดมิจฉา ความชัว่ ร้ายในใต้หล้าให้หมดสิน้ ท้าวโลกบาลทีม่ อื ถืองูนามว่าท้าววิรปู กั ษ์ ผู้ที่ถือดาบใหญ่นามว่าท้าวธตรฐ ผู้ที่สะพายกระบี่อยู่ด้านหลังนามว่า วิรุฬหก และผู้ที่ถือร่มนามว่าท้าวเวสสุวัณ” ตี๋ชิงฟังแล้วรู้สึกมึนงง ไม่ทราบว่าเหตุใดกัวจุนจึงบอกเล่าสิ่งเหล่า นี้ต่อตนเอง กัวจุนแหงนหน้าขึน้ มองดวงจันทร์ ยามแสงจันทร์นวลตกต้องผ่าน บนใบหน้ายิ่งขับให้เห็นถึงความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว ครั้งแรกที่ตี๋ชิงรู้จักมัน รู้สึกเพียงว่าใต้เท้าท่านนี้เป็นคนหยาบกร้าน ภายหลังเมื่อได้รับความ ช่วยเหลือท�าให้รสู้ กึ ว่าคนผูน้ อี้ าจหาญ เทีย่ งตรง ในยามนีเ้ มือ่ ถกถึงนิกาย พระศรีอาริย์ยิ่งท�าให้รู้สึกว่ากัวจุนเป็นบุคคลที่มีมุมมองความคิดที่ไม่ 52 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


รวบรัดธรรมดา ตี๋ชิงย่อมไม่ทราบว่ากัวจุนเกิดจากตระกูลทหารคุณูปการ เพียบ พร้อมทั้งบุ๋นบู๊ แต่ยามนี้มันกลับเกิดความนับถือกัวจุนขึ้นโดยไม่รู้ตัว กัวจุนกล่าวอีกว่า “เล่าขานกันว่าท้าวจตุโลกบาลทัง้ สีจ่ ะเฝ้าพิทกั ษ์ รักษาพระศรีอาริย์ คอยขจัดปัดเป่ามิจฉาชัว่ ร้ายในใต้หล้า นิกายนีจ้ า� เดิม มีเจตนารมณ์อันดีงาม ความผิดจึงมิใช่อยู่ที่ลัทธินิกาย แต่อยู่ที่ใจผู้คน!” กัวจุนถอนหายใจยาวอีกครั้ง “มีหลายครั้งนิกายพระศรีอาริย์ถูกคนที่มี เจตนาชั่วร้ายหลอกใช้ประโยชน์ สมัยราชวงศ์เว่ยเหนือ ปลายราชวงศ์ สุยก็ได้ลกุ ขึน้ ก่อหวอดครัง้ ใหญ่ จนกระทัง่ มาถึงราชวงศ์เรา นิกายพระศรี อาริย์นี้เริ่มเสื่อมทรุด แต่ในช่วงไม่นานมานี้ ราชส�านักกลับสืบพบว่ามี คนใช้ประโยชน์จากนิกายพระศรีอาริย์ล่อลวงจิตใจผู้คน โดยมีเป้าหมาย อยู่ที่การก่อกบฏ “พระศากยมุนีเสื่อมถอย พระศรีอาริย์ปกครอง” ค�าพูด นี้ระบุว่ายุคของพระศากยมุนีพุทธเจ้าได้หมดสิ้นไปแล้ว พระศรีอาริย์จะ มาน�าพาผู้คนสร้างยุคใหม่ขึ้น เห็นได้ชัดถึงความคิดกบฏที่แฝงเร้นอยู่ ไทเฮาได้ยินวาจาประดานี้แล้วพิโรธยิ่ง มีพระเสาวนีย์ ให้ที่ว่าการเมือง ไคเฟิงท�าการสืบเสาะเรื่องนี้ เราเองก็เข้ามาท�าการช่วยสืบ ดังนั้นเปลือก นอกเรามารับสมัครทหารทีเ่ มืองเฝินโจว แต่เป้าหมายทีแ่ ท้จริงคือการมา สืบเรื่องสาขาย่อยนิกายพระศรีอาริย์ เมื่อพบร่องรอยการเข้าออกของ สาวกนิกายพระศรีอาริยท์ อี่ า� เภอซีเหอ เราจึงยอมไปมาหาสูก่ บั นายอ�าเภอ จ้าว แต่กลับบังเอิญพบว่ามันเป็นขุนนางฉ้อฉลตัวฉกาจ เดิมเราคิดที่จะ ท�าหนังสือกราบทูลไปยังราชส�านัก แต่ก็กลัวแหวกหญ้าให้งูตื่นจึงยอม อดทนไว้กอ่ น สุดท้าย...เจ้ากลับปรากฏตัวขึน้ เรือ่ งต่อจากนัน้ ก็คงทราบ ดีแล้ว” ตีช๋ งิ กล่าวอย่างไม่สบายใจว่า “หากมิใช่เพราะเราบุกเข่นฆ่าเข้าไป เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

53


โดยไม่รู้จักหนักเบา บางทีใต้เท้ากัวอาจสามารถเหวี่ยงแหจับกุมพวกมัน ได้ทั้งหมด” กัวจุนปลอบโยนตีช๋ งิ ว่า “ทีจ่ ริงเราเพียงสืบได้วา่ สัว่ หมิงกับกุน้ จือ่ มี ความเกี่ยวพันกับนิกายพระศรีอาริย์ หารู้ไม่ว่ามีพ่อบ้านเชออยู่ด้วย แต่ เพราะเราสงสัยว่ายังจะต้องมีคนที่สอดแทรกอยู่ในนั้นจึงได้กล่าววาจา ล่อลวงออกไป พ่อบ้านเชอกลับเป็นโจรใจหวาดหวัน่ พลิกปีนข้ามก�าแพง หลบหนีไป” ตี๋ชิงคล้ายคิดขึ้นได้ กล่าวว่า “แท้จริงแล้วใต้เท้ากัวจงใจปล่อยมัน ไป ใช่หรือไม่?” นัยน์ตากัวจุนหยียิ้มอย่างยินดีขึ้น “ตี๋ชิง เจ้าฉลาดหลักแหลมนัก ถูกต้อง เราจงใจปล่อยให้พ่อบ้านเชอหนีไป แล้วสั่งคนให้สะกดรอยตาม บัดนี้ได้รแู้ ล้วว่ารังของพวกมันอยูบ่ ริเวณสันเขาไป๋ปห้ี ลิง่ ทางตอนใต้ของ อ�าเภอซีเหอห่างออกไปร้อยกว่าลี้ ถึงเราจะจับกุมกุน้ จือ่ ไว้ได้ แต่เจ้ากุน้ จือ่ เจ้าเล่ห์กลอกกลิ้ง ใช้อุบายสละเบี้ยรักษาขุน ที่มันสารภาพออกมาล้วน แต่เป็นรังที่ไม่มีความสลักส�าคัญของพวกมัน เราจึงใช้แผนซ้อนแผน หลายวันนีล้ งมือราวอสนีบาตถล่มรังหลายแห่งตามทีม่ นั บอกออกมา จาก นั้นก็ตีฆ้องร้องป่าวว่าจะกลับเมืองหลวง...” ตีช๋ งิ คล้ายตืน่ ขึน้ ในทันใด “ที่ใต้เท้ากัวเดินทางอ้อมเป็นวงใหญ่ จาก นั้นย้อนกลับมาเพื่อที่จะลอบไปยังสันเขาไป๋ปี้หลิ่ง อาศัยช่วงเวลาที่พวก มันป้องกันหละหลวม เข่นฆ่าจนพวกมันตั้งรับไม่ทัน?” กัวจุนยิม้ เล็กน้อย กล่าวขึน้ ว่า “ถูกต้อง สิง่ ทีค่ วรบอกกล่าวเราก็ได้ บอกไปแล้ว เจ้ารีบไปพักผ่อน วันพรุ่งนี้คงเป็นศึกที่หนักหนายิ่ง” มันลุก ขึน้ เดินจากไป เงาหลังสูงใหญ่ทสี่ ะท้อนจากแสงจันทร์กลับให้ความรูส้ กึ ที่ อ้างว้างยิ่งนัก 54 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


ตี๋ชิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าเหตุใดกัวจุนต้องมา อธิบายเรื่องราวเหล่านี้ต่อทหารใหม่อย่างมัน? แต่ไม่ว่าอย่างไร ความ จริงประการหนึง่ ก็คอื กัวจุนให้ความส�าคัญกับมัน ตีช๋ งิ เพิง่ จากบ้านเกิดมา เป็นครัง้ แรก แม้จะยังมีอารมณ์พลุง่ พล่านอยูแ่ ต่ไม่นานก็หลับไปอย่างไม่รู้ เรื่องรู้ราว รุ่งอรุณวันถัดมา กัวจุนยังคงตรึงทหารไม่เคลื่อนไหว สั่งให้ทุกคน พักต่อไป ทหารส่วนพระองค์ทั้งหลายก็ปฏิบัติตามอย่างสงบ ตี๋ชิงน�าเอา ดาบที่เพิ่งได้รับการจัดสรรออกมาฝึกกวัดแกว่ง ช่วงเวลากลางวันก็หมด ไปในพริบตา เมื่อเข้าสู่สนธยา ก็มีคนแต่งกายเหมือนชาวบ้านคล�าทาง มาถึง ตีช๋ งิ จ�าได้วา่ มันเป็นชายผอมทีอ่ ยู่ในกลุม่ มารับสมัครทหารตอนนัน้ มีนามว่าจ้าวลี่ มันเห็นจ้าวลี่เข้ามากระซิบกับกัวจุนหลายค�า กัวจุนผงก ศีรษะจากนั้นตะโกนขึ้นว่า “เตรียมออกเดินทาง” ทหารส่วนพระองค์ทั้งหลายออมก�าลังมานานจนรู้สึกอัดอั้น เมื่อ ได้ยินค�าสั่งต่างดีดพุ่งตัวขึ้น กัวจุนมีค�าสั่งให้จัดห้าคนเป็นหนึ่งกลุ่ม เปลี่ยนเป็นสวมเครื่องแต่งกายชาวบ้าน จากนั้นคลี่กางแผนที่ที่เตรียมไว้ อยู่ก่อนออกค�าสั่งก�าชับถึงภารกิจที่จะด�าเนินการในครั้งนี้ ที่แท้ทุกคืนที่พระจันทร์เต็มดวง สาวกนิกายพระศรีอาริย์จะมี ประเพณีบูชาพระจันทร์ ในระยะนี้นิกายพระศรีอาริย์ถูกราชส�านักจับตา จึงท�าตัวสงบเสงี่ยมปิดซ่อนร่องรอย แต่เมื่อคิดว่ากัวจุนจากไปแล้ว จึง ตัดสินใจท�าพิธีบูชาพระจันทร์ที่แอ่งมังกรบินสันเขาไป๋ปี้หลิ่งขึ้น กัวจุนคุน้ เคยกับชัยภูมขิ องสันเขาไป๋ปห้ี ลิง่ อยูก่ อ่ น จึงสามารถออก ค�าสัง่ อย่างเป็นระบบ ครัง้ นีห้ น้าทีส่ า� คัญของทหารส่วนพระองค์คอื การอุด ช่องทางส�าคัญไว้ จากนัน้ หาโอกาสลอบปะปนเข้าไปในกลุม่ สาวก ก่อเหตุ วุน่ วายแล้วลงมือจับกุมพวกกบฏ ส่วนภารกิจของกัวจุนกลับเรียบง่ายเด่น เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

55


ชัดกว่า นั่นก็คือสังหารพระศรีอาริย์ปลอม!” กัวจุนแม้อาจหาญแต่มจี ติ ใจละเอียดอ่อน ย่อมทราบหลักการ “ยิง คนยิงม้า จับโจรจับหัวหน้า” เป็นอย่างดี มันรู้ว่าหากผู้แอบอ้างเป็นพระ ศรีอาริย์ ไม่ตาย นิกายพระศรีอาริย์ก็จะเป็นเหมือนขี้เถ้าไฟที่ดับแล้วกลับ ลุกโชนขึ้นใหม่ได้ตลอด จึงได้ตระเตรียมแผนการเช่นนี้ ตีช๋ งิ เห็นกัวจุนบัญชาการอย่างหนักแน่นเปีย่ มด้วยบุคลิกภาพของ แม่ทพั ใหญ่ ในใจอดบังเกิดความนิยมเลือ่ มใสขึน้ มิได้ มันรูว้ า่ กัวจุนมีวชิ า ฝีมืออันสูงส่ง ในตอนนั้นหากสู้กันแบบยุติธรรม ตี๋ชิงย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ ของกุ้นจื่อ แต่กัวจุนกลับสามารถจับกุมกุ้นจื่อได้ในสองกระบวนท่า เห็น ได้ชัดว่ามีฝีมือล�้าเลิศเพียงใด เมื่อกัวจุนออกค�าสั่งเสร็จสิ้น ทหารส่วนพระองค์แต่ละชุดก็ทยอย ออกเดินทางมุ่งไปยังจุดหมายที่ก�าหนด ตี๋ชิงเพิ่งพบว่าตนเองไม่ได้รับ ภารกิจใด จึงอดถามไม่ได้ว่า “ใต้เท้ากัว ให้เราท�าอันใด?” กัวจุนจับจ้องที่มันแล้วกล่าวขึ้นว่า “ติดตามเราไปสังหารพระศรี อาริย์ ไม่ทราบว่าเจ้ากล้าหรือไม่?” เมือ่ พบว่าผ่านไปเนิน่ นานตีช๋ งิ ก็ยงั ไม่ ให้คา� ตอบ กัวจุนจึงทอดถอนใจกล่าวขึ้นว่า “เจ้ากลับไม่มีความกล้านี้?” ตี๋ชงิ ลังเลชั่วขณะ จากนั้นกล่าวขึ้นว่า “ใต้เท้ากัว หากพระศรีอาริย์ ปลอมนั่นสมควรตายจริง ผู้น้อยจะเป็นคนแรกที่ไปสังหารมัน ทว่า...มัน ไม่แน่ว่าจะสมควรตาย...แม้มันจะคิดก่อกบฏ แต่เราทราบว่ามีราษฎร จ�านวนมากทีก่ อ่ ความวุน่ วายเพราะมันไม่สามารถมีชวี ติ อยูไ่ ด้ ไม่ใช่เพราะ ต้องการจะล้มล้างแผ่นดินต้าซ่งจริงๆ” กัวจุนกล่าวเรียบๆ ขึน้ ว่า “หากไม่ไปด้วยตนเอง จะทราบได้อย่างไร ว่ามันสมควรตายหรือไม่” ตี๋ชิงกล่าวขึ้นว่า “ตกลง เราจะไปพร้อมใต้เท้ากัว เกรงแต่ว่า...จะ 56 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


เป็นตัวถ่วงของท่าน” กัวจุนไม่ตอบวาจา หันไปเปลี่ยนเป็นสวมชุดชาวบ้าน ควบม้าพุ่ง ไปทางทิศตะวันตก ตีช๋ งิ ก็ทา� ตามแล้วติดตามไป เมือ่ พบว่ากัวจุนให้ความ ส�าคัญและระมัดระวังกับเรื่องนี้ยิ่ง ท�าให้อดรู้สึกไม่สบายใจไม่ได้ ขณะที่ดวงจันทร์เริ่มลอยขึ้นสู่ท้องนภา กัวจุนกับตี๋ชิงก็มาถึงริม สันเขาไป๋ปี้หลิ่งแล้ว สันเขาไป๋ปี้หลิ่งมีจุดอับอันตรายนับพัน ต้นไม้หนา ครึ้ม สันเขาเป็นแนวคดเคี้ยวขึ้นลง มีล�าธารตัดผ่ากลาง เดิมเป็นสถานที่ ที่มีทิวทัศน์อันงดงาม แต่ไม่ทราบเพราะเหตุใดทั่วทั้งหุบเขากลับปรากฏ หมอกลงหนา จนกลายเป็นบรรยากาศอันลี้ลับวังเวงขึ้น กัวจุนสังเกตชัยภูมิอยู่ชั่วขณะ จากนั้นเลือกเข้าไปตามช่องทาง เล็กๆ สายหนึง่ หลังเข้าสูส่ นั เขาได้ไม่นานก็ได้ยนิ เสียงจากด้านหลังก้อน หินใหญ่ มีผู้คนตะโกนขึ้นว่า “จันทร์ส่องสุสานแห่งราชา” ตี๋ชิงตะลึงไปชั่วขณะ ไม่เข้าใจความหมาย กัวจุนกลับตอบอย่าง คล่องแคล่วว่า “พุทธาส่องทวารฟ้าดิน” คนหลังก้อนหินสองคนกล่าวขึ้นว่า “พวกเจ้าเป็นสมุนของท้าว โลกบาลท่านใด เหตุใด...จึงมาอยู่ในทีน่ ?ี้ ” ทัง้ คูล่ ว้ นใส่ชดุ ด�าสวมหน้ากาก ดุร้ายน่ากลัว ในยามราตรีเช่นนี้ เห็นแล้วชวนให้รู้สึกหวาดหวั่นยิ่ง หนึ่ง ในสองคนชี้นิ้วออกมากล่าวว่า “เจ้าเป็นใคร?” มันกล่าวไม่ทันจบ กัวจุน ก็พุ่งทะลวงเข้าไปราวเสือดาว ใช้มือข้างหนึ่งฟันขวางเข้าไปที่ล�าคอของ มัน คนผูน้ นั้ ร้องได้คา� หนึง่ ก็แน่นงิ่ ไป อีกคนเห็นดังนัน้ จึงรีบหยิบคว้าหวีด สัญญาณขึ้นมาเตรียมเป่า คาดไม่ถึงฝ่ามือของกัวจุนฟาดตบย้อนกลับ คนผู้นั้นเปล่งเสียง “อ่อก” กลับกลายเป็นกลืนหวีดสัญญาณลงไปในคอ กัวจุนจึงพลิกข้อมือใหญ่ราวพัดของมัน คว้าศีรษะแล้วออกแรงบิดกระดูก คอของมันหักไป เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

57


คนสวมหน้ากากทัง้ คูร่ า่ งอ่อนระทวยล้มลง กัวจุนยังคงยืนอยูท่ เี่ ดิม กล่าวขึ้นว่า “ตี๋ชิง ถอดชุดของพวกมันออกมา แล้วก็สวมหน้ากากของ มันไว้” ตี๋ชิงเห็นกัวจุนสังหารคนราวกับเชือดไก่ ในใจลอบยินดีที่ตนเอง ไม่ใช่ศัตรูของกัวจุน ทัง้ คูผ่ ลัดเปลีย่ นชุดของสองคนนัน้ ถอดหน้ากากของพวกมันออก มา กัวจุนยังค้นตัวพวกมันอยู่ครู่หนึ่ง ล้วงเอาป้ายค�าสั่งออกมา โยนให้ กับตี๋ชิงอันหนึ่งกล่าวเบาๆ ขึ้นว่า “อีกสักครู่ให้เรารับมือเอง เจ้าไม่ต้อง กล่าวอันใด” ตี๋ชิงรับป้ายมาเหน็บไว้ที่เอว ถามขึ้นว่า “เหตุใดใต้เท้าจึงคุ้นเคย กับที่นี่ถึงเพียงนี้?” เดิมมันคิดว่าผู้ที่มากราบเป็นสาวกของนิกายพระศรี อาริย์เป็นเพียงชาวบ้านเร่ร่อนทั่วไป แต่เห็นอีกฝ่ายจัดตั้งเป็นหน่วยงาน เข้มงวดถึงเพียงนี้ กลับมิคล้ายชาวบ้านธรรมดาจึงอดรู้สึกตระหนกมิได้ กัวจุนยิม้ กล่าวขึน้ ว่า “ย่อมมีคนสืบเสาะให้กบั พวกเรา” มันไม่กล่าว มากความ ออกเดินตามเส้นทางเบื้องหน้าต่อไป หลังจากเดินไปหลายลี้ ที่ต้นไม้เบื้องหน้าก็มีคนกล่าวขึ้นว่า “พวกเจ้าไม่เฝ้าอยู่ด้านหน้า มาท�า อะไรตรงนี้?” กัวจุนบีบเส้นเสียงกล่าวว่า “มีคนรายงานว่า พบเห็นมือปราบเยี่ย จือชิวจากเมืองหลวงกับคนของมันปรากฏตัวขึน้ ทางเหนือของสันเขา เรา เกรงว่าพวกมันจะก่อเภทภัยต่อท่านประมุข จึงได้รีบมารายงาน” คนผูห้ นึง่ เดินออกมาจากหลังต้นไม้ เป็นคนสวมหน้ากากอันดุรา้ ย เช่นกัน มันกล่าวขึน้ ด้วยความตระหนกว่า “เยีย่ จือชิวมาแล้ว? มันมาถึงที่ นี่ได้อย่างไร?” ตี๋ชิงรู้สึกประหลาดใจ ไม่ทราบว่าเยี่ยจือชิวผู้นี้มีที่มาที่ไปอย่างไร 58 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


ถึงกับท�าให้สาวกนิกายพระศรีอาริยท์ อี่ ยูไ่ กลถึงเมืองเฝินโจวหวาดหวัน่ ถึง เพียงนี้ กัวจุนกล่าวขึ้นว่า “เราก็ไม่ทราบรายละเอียด แต่กลัวว่ามันจะมา ท�าลายพิธบี ชู าพระจันทร์ของท่านประมุข ท่านรีบน�าพาเราไปรายงานต่อ ท้าวโลกบาล เพื่อเตือนให้ท่านประมุขระวังไว้” คนผูน้ นั้ กลับมิได้ระแวงสงสัย แหงนหน้าขึน้ กล่าวกับด้านบนต้นไม้ ว่า “พวกเจ้าคอยจับตาดูอยูต่ รงนี้ เราจะน�าพาพวกมันไปรายงานต่อท่าน ประมุข” ตี๋ชิงกลับรู้สึกน่าขบขัน ในใจคิดว่าการที่พวกมันท�าตัวลับๆ ล่อๆ คล้ายภูตผีปีศาจเช่นนี้กลับกลายเป็นจุดอ่อนใหญ่ที่สุด นั่นคือพวกมัน เพียงดูหน้ากากกับป้ายค�าสัง่ เช่นนีจ้ งึ เกิดช่องว่างให้กวั จุนฉกฉวย กัวจุน เป็นยอดฝีมืออันกล้าหาญ เมื่อจับจุดอ่อนเช่นนี้ได้จึงลอบปะปนเข้ามา เรียกได้ว่าจิตใจอาจหาญความคิดแยบคาย ภายใต้การน�าทางของคนสวมหน้ากากภูตผี กัวจุนกับตีช๋ งิ ผ่านด่าน ลับอีกสองแห่ง จากนั้นมุ่งไปยังแอ่งมังกรบิน แอ่งมังกรบินเป็นพื้นที่แอ่ง กระทะของสันเขาไป๋ปี้หลิ่ง มีขนาดกว้างใหญ่ ที่บริเวณกลางแอ่งจะมอง เห็นเทือกเขาต่างๆ ทอดตัวยาวเป็นทิวแถวราวมังกรเหินบินบนท้องนภา จึงได้รับการขนานนามเช่นนี้ ขณะนั้นดวงจันทร์กระจ่างใส ลมพัดเบาสบาย ก่อนที่ตี๋ชิงจะไปถึง แอ่งมังกรบินก็สดู อากาศหนาวเหน็บเข้าไปค�าหนึง่ มันรูส้ กึ ว่าสถานทีแ่ ห่ง นีห้ า่ งไกลจากผูค้ นอย่างยิง่ ผูท้ เี่ ข้ามาทีน่ คี่ งต้องเป็นบุคคลระดับมันสมอง ของนิกายพระศรีอาริย์ คิดไม่ถงึ ว่าเมือ่ มาถึงภายในกลับคุกเข่าเนืองแน่น ไปด้วยผูค้ นนับพันคน ทุกคนเงียบสนิทสีหน้าเปีย่ มด้วยความศรัทธา เบือ้ ง หน้าผูค้ นเหล่านีต้ งั้ ไว้ดว้ ยแท่นสูงด้านบนแท่นเป็นปทุมอาสนะ บนอาสนะ ประดิษฐานไว้ด้วยพระพุทธรูปทองค�าประทับแย้มยิ้มอยู่ เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1

59


ภายในแอ่งก่อกองไฟไว้โดยรอบ เบื้องหน้าพระศรีอาริย์ยังมีกอง ไฟที่ลุกโชนที่สุดปรากฏควันพวยพุ่งเป็นสายขึ้นสู่ท้องนภา ข้ า งๆ พระพุ ท ธรู ป ทองค� า ยื น ไว้ ด ้ ว ยคนสี่ ค น ที่ แ ต่ ง กายสวม หน้ากากราวกับเทพเจ้า คนแรกสวมหมวกเกราะมังกร ใส่ชดุ แดงราวกับมีเปลวเพลิงลุกโชน ทั่วตัว พาดงูเหลือมตัวหนึ่งไว้บนตัว ในมือถือกระบองเหล็กไว้ อี ก คนหนึ่ ง สวมใส่ ชุ ด สี ค ราม มี ผ มเผ้ า สี แ ดง นั ย น์ ตาถมึ ง ทึ ง หน้ากากทีส่ วมก็เป็นรูปหน้าโกรธเกรีย้ วดุรา้ ย เบือ้ งหลังสะพายกระบีย่ าว กลับมีความยาวถึงสี่เชียะ คนที่สามสวมชุดสีขาว เส้นผมสีม่วง รูปคิ้วให้ความรู้สึกถึงความ เมตตา หน้ากากบนใบหน้าแฝงไว้ด้วยความการุณย์ เบื้องหน้ามันมีแท่น ไม้ที่ปักไว้ด้วยดาบใหญ่สันหนาคมกล้าสะดุดตาเล่มหนึ่ง คนสุดท้ายแขวนร่มคันใหญ่พาดเฉียงอยูท่ ี่ไหล่ ปลายร่มแหลมเล็ก คมกริบตีขนึ้ จากเหล็กกล้า มันสวมชุดสีเขียว หน้ากากเป็นรูปหน้าทีก่ อปร ด้วยรอยยิ้ม ตี๋ชิงเห็นลักษณะท่าทางและอาวุธของคนทั้งสี่ ท�าให้นึกถึงท้าวจตุ โลกบาลที่กัวจุนกล่าวถึงเมื่อคืน คนทั้งสี่ประกอบด้วยคนถืองู สะพายกระบี่ ใช้ดาบ สะพายร่ม เสมือนเป็นสี่ผู้อารักขาให้กับพระศรีอาริย์ ซึ่งก็คือท้าววิรูปักษ์ ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหกและท้าวเวสสุวัณในจตุโลกบาล ทว่าจตุโลกบาลต่างอยู่ในทีน่ ี้ แล้วพระศรีอาริยท์ กี่ วั จุนต้องการลอบ สังหารอยู่หนใด?

60 เลือดพิทักษ์แผ่นดิน เล่ม 1


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.