Pie magazine 17

Page 1

July 2015

/

. . . . Balancing

Lina Forsgren : Graphic Design Lek Kiatsirikajorn : Photographer Matthieu Venot : Photographer Studio dialogue : Contents Provider Junsekino : Architect

/

17

Issue


02


Everyone has the right to freedom of speech and expression

03


contents balancing # 1

balancing # 2

Lek Kiatsirikajorn

Matthieu Venot

EDITOR’S TALK กราบสวัสดีผู้อ่านทุกท่านครับ จากวันแรกที่ผมเริ่มทำ�นิตยสารออนไลน์เล่มนี้ ก็ล่วงไป สองปีเศษๆ แล้ว แต่นิตยสารเล่มนี้ก็ไม่ได้โ่ด่งดังอะไรมากนัก จึงมั่นใจว่าคงจะมีผู้ที่เพิ่ง เคยอ่านหรือเพิ่งเคยเห็น PIE อยู่หลายท่าน วันนี้ก็เลยอยากจะขอแนะนำ� PIE อย่างเป็น ทางการกับผู้อ่านหน้าใหม่ๆ ให้รู้จัก PIE มากขึ้น เริ่มจาก PIE Online Magazine เป็น นิตยสารออนไลน์ทอี่ พั ทุกๆ สองเดือนครับ นำ�เสนอในเรือ่ งความคิดสร้างสรรค์จากผูค้ น ที่สรรสร้างผลงานที่น่าสนใจ สำ�หรับหลายๆ ท่านที่ไม่ได้ทำ�อาชีพเกี่ยวกับงานศิลปะและ ออกแบบอย่าเพิ่งเมินหน้าหนีนะครับ ผมมั่นใจว่าความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ กับคนทุกอาชีพ ทุกเพศ ทุกวัย ในมุมมองของผมแนวคิดหรือการทำ�สิ่งใด ที่จะเข้าข่าย ของ “ความสร้างสรรค์” นั้น ไม่ใช่แต่เพียงความแปลกใหม่ แตกต่าง นอกกรอบ เท่านั้น แต่สิ่งที่จะเรียกว่าความคิดสร้างสรรค์นั้นเกิดจากประสบการณ์ มุมมองและความคิดที่ สั่งสมและถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และต้องเป็นสิ่งที่ทำ�ประโยชน์ด้านใดด้านหนึ่งกับ ตัวเรา คนรอบข้าง จนไปถึงสังคมได้จริง หวังว่านิตยสารออนไลน์เล่มนี้จะมีประโยชน์ กับผู้อ่านทุกท่านไม่มากก็น้อยนะครับ...อีกเรื่องหนึ่งมีคนถามมาเยอะว่า PIE จะพิมพ์เป็น เล่มให้หยิบจับกันได้เมื่อไหร่ ตอบเลยว่าตอนนี้ผมกำ�ลังหาทางดำ�เนินการอยู่ครับ ไม่ช้า ก็เร็ว ผมจะพยายามเข็น PIE ออกมาเป็นเล่มให้ทุกท่านได้สัมผัสจับต้องให้จงได้ ใครมี คอมเม้นต์ความเห็นหรือข้อเสนอแนะอะไร พิมพ์มาใน INBOX ของเพจได้เลยนะครับ กราบ ขอบคุณทุกท่านที่เปิดมาอ่าน PIE นะครับ

สุรเชษฐ์ ศิลปบรรเลง PIE MAKER 04


balancing # 3

balancing # 4

balancing # 5

Studio Dialogue

LINA FORSGREN

JUNSEKINO

PIE online magazine

issue # 17

balancing

www.pieeveryday.com www.facebook.com/piemagazine2013

PIE ONLINE MAGAZINE 100/99 ChaiyaPruk Village’ soi 55 Sukapibal 5 road, O-ngoen, saimai, bangkok, thailand , 10220

tel : 08 0233 5492 E-MAIL : pieonlinemag@gmail.com www.pieeveryday.com www.facebook.com/piemagazine2013 IG : PIEONLINEMAGZINE

05


Inspiration And Idea Need You Support Contact Us At pieonlinemag@gmail.com

THANK YOU

06


PSYCH-OUT 2

เทศกาลดนตรีนอกกระแสทีจ่ ดั ในกรุงเทพฯ เป็นครัง้ ที2่ หลังจากประสบความสำ�เร็จไปแล้วกับ Psych-Out ครัง้ ที่ 1 (2014) ที่ปราชญ์เปรียว สตูดิโอ โดยครั้งนี้ Archive Project ได้เปลี่ยนบรรยากาศไปเล่นดนตรีบนลานดาดฟ้าของ HOF ART Residency Bangkok ใน “PSYCH-OUT 2” คุณจะได้พบกับ 10 สุดยอดวงดนตรี ที่จะชวนคุณให้พิศวง งง งวย ไปกับซาว์ดดนตรี ที่มีเอกลักษณ์ อย่าง Experimental, Lo-fi, Folk Rock, Hard Rock และ Psychedelic Rock โดยทัง้ 10 วง จะมาบรรเลงบทเพลงของพวกเขา จากจิตวิญญาณ (Psych) ในแบบทีค่ ณ ุ ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ท่ามกลาง บรรยากาศบนลานดาดฟ้าเปิดโล่งของ Hof Art Residency Bangkok ใจกลางกรุงเทพฯ ที่จะทำ�ให้ตัวคุณอยู่ใกล้ชิด กับท้องฟ้ามากกว่าที่เคย เจอกันในวันเสาร์ที่ 15 สิงหาคมนี้ ณ ลานดาดฟ้าของ HOF ART Residency Bangkok สามารถซื้อบัตรผ่าน Inbox ใน Archive Project : www.facebook.com/ArchiveRecordsStore : ตามวันและ เวลาดังนี้ 2 ก.ค. - 31 ก.ค. บัตร 400 บาท (early bird) // 1 ส.ค. - 12 ส.ค. บัตร 600 บาท งานครั้งนี้จำ�กัดจำ�นวนผู้ชมเพียง 200 คนเท่านั้น จะไม่มีการขายบัตรหน้างานนะครับ ต้องซื้อบัตรก่อนล่วงหน้าเท่านั้นนะ

07


airbnb Floating House

หน้าฝนแบบนี้กลัวน้ำ�ท่วมกันบ้างไหม หลายบ้านต้องทำ�ที่กั้นน้ำ� กระสอบ ทราย เพื่อไม่ได้น้ำ�ไหลเข้าบ้าน แต่สองพี่น้องฝาแฝดดีไซเนอร์ชาวอังกฤษ Nick และ Steve Tidball เขากลับออกแบบบ้านที่ลอยน้ำ�ได้ ซึ่งได้นำ�ไป โชว์ในระหว่างวันที่ 18-23 พฤษภาคมท่ี่ผ่านมา กลางแม่น้ำ�ในลอนดอน ตัวบ้านเป็นสีฟ้าสดใส ภายในมีห้องนอน 2 ห้อง ห้องนั่งเล่น ห้องครัว แถมยังมีสวนเล็กๆ อยู่หน้าบ้านอีกด้วย เก๋ไก๋สุดๆ สนใจติดตามได้ที่ www.airbnb.co.uk/night-at/floating-house

08


clear lounge - Underwater Bar

บาร์ใต้น้ำ�แห่งแรกในโลกที่ประเทศแม็กซิโก ที่ให้คุณได้เพลิดเพลินกับบาร์ใต้น้ำ� เพียงแค่เอาถังออกซิเจนใส ครอบ ศีรษะไว้ก็ลงไปสนุกในสระขนาดใหญ่ที่เหมือนกับตู้ปลานี้ได้เลย ตัวถังออกซิเจนยังสามารถเลือกกลิ่นอโรม่าให้ได้ ผ่อนคลายกับกลิน่ หอมสดชืน่ อีกด้วย เขายังมีกจิ กรรมต่างๆ ทัง้ บูธสำ�หรับถ่ายรูป บอร์ดกระดานไว้เขียนข้อความ การเล่นเกมส์สนุกๆ และปืนฉีดน้ำ�ความแรงสูงที่ทำ�ให้เกิดฟองวงกลมขนาดใหญ่ คนว่ายน้ำ�ไม่เป็นเขาก็ให้ลงไปเล่น ได้นะ สนใจเข้าไปดูต่อได้ที่ http://www.clear-lounge.com

09


Astronaut Backpack Picnic

เป้แบ็คแพ็กที่ดูภายนอกเหมือนจะไปปิคนิคนอกโลก ก็เขาทำ�เหมือนชุดอวกาศซะขนาดนี้ ออกแบบโดยดีไซน์สตูดิโอ Atelier Teratoma ที่เมื่อกางออกมาสามารถกลายเป็นโต๊ะ ตั้งพื้นสุดเท่ที่มีช่องวางแก้ว หมอน เอาไว้นอนเล่นสบายๆ มีฟังก์ชั่นหลากหลายที่ประกอบ ไปด้วย ลำ�โพงที่เชื่อมต่อกับบลูทูธ แผงโซลาเซลล์ ช่องเสียบ USB โคมไฟ เป็นดีไซน์เพื่อ คนยุคใหม่จริงๆ ไว้ไปปิคนิคแบบฮิปๆ สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ขาดโซเชียลไม่ได้ เท่และเก๋สุดๆ สนใจ ติดตามต่อได้ที่ www.atelierteratoma.com

010


g-umbrella stand

หน้าฝนอย่างนี้นอกจากตากเสื้อผ้าไม่แห้งแล้วร่มก็ยังเปียกอีก บางคนอยู่คนโดไม่มีระเบียง จะตากไว้ใน ห้องก็ดูจะเลอะเทอะ แต่ G-Umbrella Stand จะไม่ทำ�ให้พื้นเลอะไปด้วยน้ำ�ฝน เพราะมันเป็นที่วางร่มเก๋ๆ ตรงฐานรองเป็นพืน้ หญ้า และเมือ่ วางร่มทีเ่ ปียก น้�ำ ฝนทีต่ ดิ อยูก่ จ็ ะหยดลงบนไปบนนัน้ เป็นการรดน้�ำ ต้นไม้ ไปในตัว ไอเดียน่ารักๆ นี้เป็นของบริษัท Di-Class สนใจเข้าไปดูได้ที่ www.di-classe.com

011


Chappie app

chappie แอพฯสุดฮิปในขณะนี้ ด้วยคาแร็กเตอร์ น่ารักๆ ที่ทำ�ให้เราสามารถเป็นใครก็ได้ในโลก โดยการ ครีเอทเป็นตัวเองหรือคนอื่นๆ จากแอพฯนี้ได้อย่าง ง่ายๆ chappie มีมานานตั้งแต่ปี 1994 ด้วยความ น่ารักทำ�ให้มันไปปรากฏอยู่ในโปรดักส์สินค้าต่างๆ ออกมาอย่างมากมาย แถมยังมีอัลบั้มเพลงเป็นของ ตัวเองอีกด้วย (ถ้าใครเป็นแฟนเพลงญี่ปุ่นในช่วง ‘90 น่าจะรู้จัก) ออกแบบโดยสตูดิโอ groovisions ดีไซน์ สตูดิโอจากประเทศญี่ปุ่นที่เพิ่งมาบรรยายในไทยไป สดๆ ร้อนๆ ในปีนี้ groovisions ได้ทำ�แอพฯนี้ ออกมาให้ได้เล่นกัน ให้เรากลายเป็นหนึ่งใน chappie ซึ่งแอพฯนี้จะสามารถปรับเปลี่ยนหน้าตา ทรงผม เสื้อผ้า สีผิว น่ารักและเพลินสุดๆ หากสนใจงาน อื่นๆ ของ groovisions ก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ http://groovisions.com

012


การตื่นนอนนั้นเป็นเรื่องยากสำ�หรับบางคน นาฬิกาปลุก ธรรมดาๆ คงจะเอาไม่อยู่ แต่ตอนนี้มีนาฬิกาปลุกสุดเก๋ที่ มาพร้อมกลิ่น เป็นกลิ่นหอมๆ ที่เราเลือกเองได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น กลิ่นกาแฟหอมกรุ่น กลิ่นครัวซองค์ร้อนๆ กลิ่น พีช ฯลฯ ในดีไซน์เรียบเท่ใช้งานง่าย เพียงแค่เลือกกลิ่นที่ ต้องการใส่ลงไปในนาฬิกา เมื่อได้เวลาปลุกกลไกลมันจะ ปล่อยกลิ่นหอมๆ นี้ออกมาด้วย ให้คุณตื่นมาพร้อมรับความ สดชื่นของวันใหม่ แต่สำ�หรับคนขี้เซามากๆ แล้ว ไม่รู้ว่ากลิ่น หอมพวกนี้จะทำ�ให้ตื่นหรือทำ�ให้หลับต่อกันแน่ สนใจติดตาม ได้ที่ www.kickstarter.com

SensorWake : Smell Clock

013


35 Anniversary i-D Magazine

014


อวดโฉมอยู่บนแผงหนังสือมานานกว่า 35 ปีแล้ว กับนิตยสารสุดเก๋ i-D ที่เริ่มออกฉบับแรกมาตั้งแต่ปี 1980 ในเล่มครบรอบนีต้ อ้ งมีความพิเศษแบบไม่ธรรมดา แน่นอน เพราะเขาให้ดีไซเนอร์แนวหน้าของโลก 11 คน อาทิ Alexander Wang, Christopher Kane, Jeremy Scott, J.W.Anderson, Karl Lagerfeld, Vivienne Westwood ฯลฯ มาออกแบบปกห่อนิตยสาร ด้านนอกทีเ่ ก๋ไก๋กว่า 11 แบบ ในรูปแบบของลิมเิ ต็ดอิดชิ น่ั แต่ละคนก็ครีเอทกันได้อย่างเก๋ไก๋สวยงาม ส่วนปก ครบรอบ 35 ปีนี้จะใช้นางแบบที่ฮอตสุดๆ ของโลกถึง 18 คน จะพิเศษขนาดไหนต้องรอซื้อกัน ติดตามได้ที่ http://i-d.vice.com

015


MUSIC ILLUSTRATION AWARDS 2015

016


ศิลปินเพลงญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่ามีผลงานออกมามากมายให้ติดตาม และ ทำ�ให้สาวกกระเป๋าฉีกกันได้ตลอดทั้ง ซิงเกิ้ล อีพี มินิอัลบั้ม อัลบั้ม เต็ม ไหนจะพวกไลฟ์คอนเสิร์ต มิวสิควิดีโอเขาก็ทำ�ขายกันนะเออ นี่ ยังไม่นับของพรีเมียมต่างๆ อีกมากมาย (เยอะไปมั้ย) เรื่องของปก ซีดีก็สำ�คัญ ภาพประกอบบนปกซีดีก็ต้องสวยงามน่าเก็บน่าสะสม สำ�หรับเหล่าสาวกหรือขาจรผูช้ น่ื ชอบอาร์ตเวิรค์ สวยๆ ไว้ประดับบ้าน ที่เกริ่นมาตั้งนานนี้เรากำ�ลังจะพูดถึง MUSIC ILLUSTRATION AWARDS รางวัลที่มีไว้เพื่องานภาพประกอบสวยๆ บนปกซีดี (ของประเทศญี่ปุ่นเท่านั้นนะ) ที่เขาจัดกันมาต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 แล้ว มีผลงานภาพประกอบสวยๆ มากมาย หลากหลายแนว แถมใน เว็บไซต์ยังบอกโปรไฟล์ของนักวาดภาพประกอบคนนั้นๆ ไว้อย่าง ละเอียด และมีผลงานอื่นๆ ให้ติดตามอีกด้วย สนใจก็คลิ๊กเข้าไปดู ได้ที่ http://music-illustration-awards.tumblr.com

017


018


Enclosed : Living Small

ซีรี่ย์ภาพถ่ายของคนที่อาศัยอยู่ในห้องสุดแคบนี้ ถูกถ่ายโดยช่างภาพ Wom Kim เขาได้เข้าไปพักอยู่ในโรงแรมแคปซูลในโตเกียวที่ีขึ้นชื่อว่าเล็กสุดๆ ซึ่งโรงแรมนี้ตั้งอยู่ ภายในอาคารสำ�นักงานแห่งหนึ่ง Wom Kim ได้ถ่ายภาพชีวิตประจำ�วันของคนที่ อาศัยอยู่ในห้องเล็กๆ แห่งนี้ โดยแต่ละห้องนั้นก็ยังมีความเป็นส่วนตัวและเอกลักษณ์ ของคนที่อาศัยอยู่ ซึ่งถ้าหากอยู่มานานก็จะมีของใช้มากมายอัดแน่นอยู่ ทั้งเสื้อผ้า หนังสือ ฯลฯ เห็นแล้วก็แอบดีใจที่ห้องเช่าในบ้านเราไม่ได้เล็กขนาดนี้ คลิ๊กดูภาพเพิ่มเติม ได้ที่ www.wonkimphotography.com

019


The Cracked Log Lamps

โคมไฟลักษณะคล้ายท่อนซุงนี้ ออกแบบโดย Ducan Meering ดีไซเนอร์ชาว ออสเตรเลีย เขาเป็นนักออกแบบเฟอร์นิเจอร์และไลท์ติ้ง ที่เน้นในเรื่องความงดงาม ของลายเส้น พื้นผิวที่พบได้โดยทั่วไปตามธรรมชาติ และการเล่นแสง ซึ่ง The Cracked Log Lamps นี้ใช้เทคนิคของไม้แบบดั้งเดิมรวมเข้ากับเทคโนโลยีที่ ทันสมัยกลายเป็นโคมไฟที่มีดีไซน์สวยงาม เรียบง่าย แสงไฟสีเหลืองที่สาดลอด ออกมาจากรอยแตกของท่อนซุงไม้นี้มีความเป็นธรรมชาติและน่าสนใจ ติดตาม ต่อได้ที่ http://www.duncanmeerding.com.au

020


Mewgaroo Hoodie Pet Pouch Sweatshirt

เสื้อมุ้งมิ้งสำ�หรับคนรักสัตว์เลี้ยง อยากจะกอดเจ้าแมวเหมียวให้ตัวอุ่น หรือพาไปเดินเล่นข้างนอก ก็ได้ดว้ ย Mewgaroo Hoodie Pet Pouch Sweatshirt เสือ้ กันหนาวทีม่ ชี อ่ งตรงกระเป๋าหน้าท้อง ไว้ให้เจ้าแมวน้อย หรือสัตว์เลี้ยงตัวจ้อยสุดน่ารักได้เข้าไปอยู่ได้ด้วย ไม่ว่าจะนั่งทำ�งาน หรือทำ� กิจกรรมต่างๆ ก็สามารถให้เจ้าเหมียวได้นอนอ้อนซุกตัวอุ่นอยู่ในเสื้อพร้อมกันกับเราได้ น่าจะถูกใจ สาวกคนรักแมวกันนะ สนใจติดตามได้ที่ www.japantrendshop.com

021


22


balancing # 1

How big is your ego?

คุณเล็ก เกียรติศิริขจร เป็นช่างภาพ เริ่มถ่ายภาพตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ที่มีผลงานอยู่ทั้งฝั่งคอมเมอร์เชียล ชอบถ่ายภาพมาตั้งแต่เรียนแล้ว เราเรียนจิตกรรมที่ศิลปากร และฝั่งของงานถ่ายภาพแนว Docu- ซื้อกล้องมาถ่ายงานเพ้นท์ของตัวเองด้วย ถ่ายโน่นถ่ายนี้ไป mentary หลังจากที่พูดคุยกันใน ห้องแสดงงานชุดล่าสุดของพี่เล็กใน เรื่อย ยังไม่รู้อะไรมาก เลยตัดสินใจไปเรียนต่อที่อังกฤษ ชื่อ Detour of The Ego ผมรู้สึก ถึงการทำ�งานทีไ่ ม่ได้มองว่าตัวเองจะ การเรียนที่อังกฤษ อยูฝ่ งั่ ไหน ด้านไหน งานพาณิชย์หรือ เราไปเรียนถ่ายภาพที่ The Arts Institute at Bournemouth งานศิลปะ แต่ผมกลับเห็นช่างภาพที่ ทุกอย่างมันใหม่สำ�หรับเราหมดเลย เราไม่เคยไปอยู่ต่าง มองหาผลงานที่ดีที่สุดที่เขาจะทำ�ได้ ประเทศมาก่อน ทุกอย่างเลยใหม่ มันกระตุ้นเราไปหมด เบือ้ งหลังภาพถ่ายทีน่ า่ สนใจคือความ คิดทีน่ า่ สนใจยิง่ กว่า เราไปฟังมุมมอง รู้สึกโชคดีที่เรามีพื้นทางด้านศิลปะ มันช่วยเราเรื่องการ ถ่ายภาพด้วย เลยทำ�ให้การเรียนมันไม่ยากมาก ส่วนมากที่ ของเขาพร้อมๆ กันเลยครับ

นั่นเขาจะให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ ที่มาของการถ่ายภาพ ส่วนงานก็ปล่อยเราลุยเลย งานจบเราก็เป็นงานแฟชั่นที่ ออกไปทางคอนเซ็ปชวลหน่อย และส่วนตัวก็ชอบงาน Documentary ด้วย

23


เหล่านี้ เขาจะอินกับงานถ่ายภาพมากๆ เป็นกลุ่ม กลับมาเราก็ทำ�งานพาณิชย์นี่แหละ งานโฆษณา ช่างภาพ ซึ่งในเรื่องรายละเอียดจะมีวิธีคิดที่ต่าง งานจากกราฟิกเฮ้าส์ต่างๆ เรารู้จักกับพี่เคลวิน จากงานศิลปะแขนงอื่น อย่างเรื่องแนวคิด การ หว่อง เขาก็เรียกเราไปช่วยเรื่อยๆ แล้วเอาเงินมา ทำ�งาน การปริ้นงาน การใช้กระดาษ เรื่องเฟรม ทำ�งานส่วนตัว เป็นแนว Documentary งานชุดแรก แต่ก็แน่นอนว่าศิลปะแขนงอื่นก็มีการใช้ภาพถ่าย ที่ทำ�หลังจากกลับมาเป็นเรื่องครอบครัวเรา หลัง มาจัดวาง มาช่วยในการสื่อสารบางอย่าง เรารู้สึก จากที่เราห่างบ้านไปนาน มันเกิดความคิดถึง พอ ว่ามันต่างกันนะระหว่างช่างภาพกับศิลปินที่ใช้ ไม่เห็นบ้านตัวเองนานๆ เป็นปีๆ มันดูเก่าลงมาก ภาพถ่ายในการสื่อ และเราคิดว่าเราเป็นช่างภาพ ตอนที่เพิ่งกลับจากอังกฤษก็อินกับเรื่องนี้ คือเซต มากกว่าเป็นศิลปิน “As Time Goes By” กลับมาทำ�อะไรที่ไทยครับ

เซต Lost In Paradise ล่ะครับ

เป็นเรื่องที่เรารู้สึกมานานแล้ว ในสมัยเราเด็กๆ มัน งานเซตนี้มันเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทางของเรา มียุคหนึ่งที่ประเทศของเราตัดสินใจกันว่าจะเป็น ด้วย เราส่งภาพเซตนี้ไป Singapore International ประเทศอุตสาหกรรมหรือประเทศเกษตรกรรม แล้ว Photography Festival ก็มีคิวเรเตอร์ชาวฝรั่งเศส ก็เลือกไปทางอุตสาหกรรมซึ่งเราไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ ชื่อ Françoise Huguier มาเห็นและชวนไปแสดง เราก็เก็บเรื่องนี้มาเรื่อยๆ จนวันหนึ่งมันนึกถึงขึ้นมา ที่ Photoquai Festival ในฝรั่งเศสที่ Quai Branley จริงๆ เซตนี้เราอยากถ่ายแค่ภาพ Landscape นี่ Museum เขากำ�ลังรวบรวมช่างภาพจากทั่วโลกมา แหละ พวกที่รกร้างหรือซากตึกรามบ้านช่อง ตอน แสดงงาน หลังจากนั้นก็มีคนมาติดต่อไปโน่นไปนี่ นั้นเราไปตรงเจริญกรุง เป็นบ้านคนจีนเก่าที่โดนทิ้ง เรื่อยๆ ร้างมีหญ้ามีต้นไม้ขึ้นรกเลย ก็ไปเจอคนต่างจังหวัด เข้าไปเก็บผักต่างๆ ในบริเวณนั้น แล้วเรารู้สึกว่า งานนี้เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นของพี่ในวงการศิลปะ เขามีทักษะการเอาตัวรอดสูงกว่าคนกรุงเทพฯ อย่าง มันเป็นวงการภาพถ่ายมากกว่า คนมันก็คนละกลุม่ นะ เราๆ มาก ก็สนใจเรื่องตรงนี้เลยกลายเป็นงานที่มี ทั้งผลงานที่ร่วมแสดง คนที่มาดูและคิวเรเตอร์ คนต่างจังหวัดไปอยู่ในภาพ Landscape ด้วย ผลตอบรับเป็นไงบ้างครับ การแสดงงาน

24


25


26


พี่ไม่ตามไปถ่ายที่บ้านของคนเหล่านั้น หรือไปถ่ายหน้าเขาใกล้ๆ ทำ�ไมเลือกที่จะใช้ภาพกว้างๆ

เราไม่ได้ต้องการภาพที่ไป Close Up หน้าเขาหรือสภาพบ้านเขา แบบที่หลายคนนำ�เสนอให้ คนเหล่านี้ดูน่าสงสาร น่าเห็นใจ เราว่าในบางมุมเขาอาจจะมีความสุขกว่าเราด้วยซ้ำ� สิ่งที่เรา อยากโฟกัสมันไม่ใช่เรื่องชีวิตเขา แต่เราสนใจที่เขามาปฎิสัมพันธ์กับพื้นที่ตรงนั้น เรามองเรื่อง สิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมของเรา ในประเทศของเรามากกว่า ว่าสิ่งเหล่านี้มันส่งผลกระทบกับความ เป็นอยู่ของผู้คนอย่างไร

27


ด้านหนึ่งพี่ทำ�งานด้านโฆษณา แฟชั่น อีกด้านถ่ายภาพคนในที่รกร้างมันต่างกันมากนะครับ

มันต่างอยู่แล้วแหละ แต่เราก็ต้องทำ�ความเข้าใจของเนื้องานแต่ละงาน รู้ว่าลักษณะของแต่ละ งานมันต่างกันอย่างไร เราไม่ค่อยมีปัญหากับลูกค้านะ ทะเลาะกันให้ตายก็ไม่มีอะไรดีขึ้น จะ เอาความเป็นตัวเราเข้าไปในงานคอมเมอร์เชียลมันก็ได้ไม่มากอยู่แล้ว เราก็พยายามคิดในสิ่ง ที่ดีกับลูกค้าและสินค้ามากกว่า ส่วนความเป็นตัวเราก็ไปใส่ในอีกพาร์ทหนึ่ง ก็คืองานส่วนตัว ของเรา โชคดีตอนที่เราอยู่ที่อังกฤษ เราได้ไปฝึกงานเป็นผู้ช่วยในสตูดิโอที่เขาถ่ายงานด้าน แฟชั่น ด้านคอมเมอร์เชียลด้วย ก็เข้าใจในส่วนนี้ เรามีความสุขกับงานทำ�งานทั้งสองด้านนะ

28


29


30


31


32


งานชุด Detour of The Ego

Detour of The Ego เป็นงานช่วงที่เราไป Residency ที่ฝรั่งเศสสามเดือน ในช่วงที่เราไปถึง 3-4 วัน เพื่อนก็ชวนไปไอซ์แลนด์ เราไปเจอภูเขาน้ำ�แข็งแล้วรู้สึกมันยิ่งใหญ่มาก มันยิ่งใหญ่จนรู้สึกว่าตัวเรา มันเล็กมาก สิ่งที่เราทำ�มันเล็กมาก หลังจากนั้นก็กลับมาที่ฝรั่งเศสไปที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ก็ไปเจอ ประติมากรรมที่ทำ�จากหินอ่อนที่แกะเป็นรูปคน สองสิ่งนี้มันก็เกิดความเชื่อมโยงบางอย่าง ในที่สุดก็ ตัดสินใจเอาภาพถ่ายของเรามาปริ้นเป็นโปสการ์ดเล็กๆ แจกคนที่มาดูดีกว่า มาวางไว้บนพื้น แทนที่ จะใส่เฟรมหรือแขวนโชว์บนผนัง และนำ�สองสิ่งที่เราไปทำ�ให้มันเด่นขึ้นในการจัดแสดงงาน (จริงๆ งานของพี่เล็กมีรายละเอียดที่สื่อสารเยอะมาก แต่ผมเล่าไม่ได้ครับ โดนกำ�ชับมา :) )

33


34


35


ตอนนี้พี่สนใจเรื่องอะไรอยู่ครับ

เรื่องการเมืองนี่แหละ อาจจะทำ� โปรเจ็กต์เรื่องนี้แต่เราคงไม่ได้ทำ� แบบตรงๆ งานอดิเรก

มันก็คิดเรื่องรูปถ่ายตลอดแหละ เราไปเดินโน่นเดินนี่มันก็คิดแต่เรื่อง นี้แหละ เหมือนเราทำ�สิ่งไหนมากๆ ความคิดมันก็วนอยูก่ บั สิง่ นัน้ มันอาจ จะน่าเบื่อนิดหน่อย มีอีกอย่างที่ได้ จากการถ่ายภาพคือการเดินทาง ทั้ง การไปถ่ายภาพและการไปแสดงงาน มันก็ดที �ำ ให้เรากว้างขึน้ เปิดใจกับสิง่ ต่างๆ ได้มากขึ้น

36


รายได้จากศิลปะ

รูปของเราไม่เคยขายได้เลยนะ เราเลี้ยงตัวด้วยการทำ�งาน คอมเมอร์เชียล เอาเงินตรงนี้มาทำ�งานส่วนตัว เราบอก น้องๆ หลายคนว่าถ้ารวยทำ�เลย แต่ถ้าไม่รวยควรมีรายได้ ด้านอื่นมาช่วย มันก็มีข้อดีคือเราก็ใส่ความเป็นตัวเองได้ เต็มที่ ไม่ต้องประณีประนอม ไม่ต้องกลัวว่างานมันจะขาย ได้หรือเปล่า พอเราปลอดภัยระดับหนึ่ง เราก็ไม่ต้องกังวล อะไรมาก ก็ทำ�งานได้อย่างที่เราต้องการ ความคาดหวังในการโชว์งานแต่ละครั้ง

ปล่อยมันไปแหละ แต่ก็ไม่ได้ปล่อยไปตามยถากรรมนะ เราก็โฟกัสกับงานของเรา ไม่ได้คิดว่าทำ�งานแล้วจะมีผล ตอบรับแค่ไหน ยังไง จะแสดงงานที่ไหน คือเราสร้างงาน ก่อน ทำ�ให้ดีที่สุดก่อน เรื่องอื่นที่ตามมา เรากำ�หนดไม่ได้ เราก็ไม่คิดมาก แก่นของมันคือการสร้างงานให้ดีก่อน อย่างอื่นมันจะตามมาเอง

37


อีโก้ของพี่ ตอนนี้มีมากน้อยแค่ไหนครับ

มีแหละ ก็หมั่นถามตัวเองบ่อยๆ สำ�รวจมันบ่อยๆ ต้องทำ�ความเข้าใจกับมันพอสมควร และต้องรู้จักใช้ อย่างการทำ�งาน เราก็ชอบถามความคิดเห็นของคนที่ทำ�งานด้วยกันนะ มันดูดีหรือยัง สวยหรือยัง คิดว่ามันเป็นยังไง สำ�หรับเราการรอฟังคิดสั่งอย่างเดียวมัน ไม่ดีนะ แบบ ‘มึงไปทำ�นั่น มึงไปทำ�นี่’ รอคำ�สั่งอย่างเดียวหรือสั่งคนอื่นอย่างเดียว มัน มีความคิดที่ว่าการสั่งโน่นสั่งนี่ มันเก๋าไง ช่างภาพเก่งๆ ต้องวีนๆ เหวี่ยงๆ ถามความ เห็นคนอื่นมันไม่เก๋า ไม่เท่ ไม่มั่นใจ เราว่ามันเป็นวัฒนธรรมการทำ�งานที่ผิดนะ เราว่า การแสดงความเห็น การวิจารณ์กันได้เป็นสิ่งที่ควรทำ� มันทำ�ให้เกิดความคิดใหม่ๆ

38


39


40


balancing # 2

HOW OPEN ARE YOU ?

คุณแม็ก - กริชเทพ ศรศิลป์ และคุณแป้ง - ณัฐจรัส เองมหัสสกุล สองผูก้ อ่ ตัง้ บริษทั Studio Dialogue งานของเขาคื อ การจั ด สรรเนื้ อ หาที่ น่ า สนใจให้ กั บ ลูกค้า (Content Provider) ทีไ่ ม่จ�ำ กัดอยูแ่ ค่ตวั หนังสือ เพราะนอกจากทั้งสองจะคิดคอนเซ็ปต์ จัดหาเนื้อหา ที่น่าสนใจได้แล้ว ทั้งสองยังสามารถเปลี่ยนเนื้อหาที่ น่าสนใจนั้นให้ไปอยู่ในสื่อที่หลากหลายทั้ง สิ่งพิมพ์ วิดีโอ งานนิทรรศการ และอื่นๆ อีกมาก วันนี้เรามา พูดคุยถึงที่มาที่ไปกับแนวคิดในการทำ�งานกับทั้งสอง ในร้านหนังสือ Zerobooks and Studio Dialogue Shop ร้ า นหนั ง สื อ ในคณะสถาปั ต ยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึง่ เมือ่ ต้นปี 2015 ทีผ่ า่ นมา ทั้งสองได้มาช่วยปรับปรุงดูแล ให้ร้านหนังสือร้านนี้ มีสีสันมากขึ้นจนกลายเป็นร้านหนังสือสุดเก๋ที่คนรัก หนังสือไม่ควรพลาด 41


ก่อนจะมาเป็น Studio Dialogue ทำ�อะไร มาก่อน

ก่อนหน้านี้ทำ�งานนิตยสารที่ a day ผมเป็น นักเขียนในกองบรรณาธิการ ส่วนแป้งเป็น กราฟิกดีไซน์ หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไป แป้งก็ไปเป็นบรรณาธิการของนิตยสาร Computer Art Thailand แต่เราก็รับงาน ด้วยกันมาเรื่อยๆ จนมีโปรเจ็กต์หนังสือ New Heart New World ซึ่งเป็นงานใหญ่ที่สุดที่เรา เคยทำ�และจำ�เป็นต้องจดทะเบียนบริษัท ซึ่ง ตอนนั้นเป็นช่วงคาบเกี่ยวกับตอนที่ทำ�งาน ประจำ�อยู่ด้วย ส่วนเรื่องชื่อบริษัทก็คิดว่าเรา ทำ�งานเกี่ยวกับการสื่อสาร เป็นเรื่องการส่ง ข้อความบางอย่าง งานที่ต้องไปพูดคุยกับ ผู้คน คำ�ว่า Dialogue มันเข้ากับสิ่งที่เราทำ� ชื่อนี้มันดูเรียบๆ ตรงไปตรงมา ก็เลยมาเป็น Studio Dialog ตอนนี้ก็ทำ�มาได้ 4-5 ปีแล้ว ในโปรเจ็กต์ New Heart New World นี้ มีทั้งหนังสือ และมีเดียอื่นๆ ด้วย

ใช่ มันเริ่มต้นจากที่ลูกค้าอยากให้เราทำ� หนังสือสัมภาษณ์บุคคล 26 คน เกี่ยวกับเรื่อง ธรรมะ แต่ว่าพอเราคุยกับลูกค้าไปเรื่อยๆ เลยกลายเป็นส่วนผสมของลูกค้าและของ เราด้วย ซึ่งก็จะมีคลิปวิดีโอ มีซีดีแถมกับ หนังสือ ไปๆ มาๆ ก็มีอีเว้นท์อีก ในการทำ�

42


43


44


New Heart New World เล่มแรก เราสองคน ทำ�กันเองหมดทุกอย่างทั้ง สัมภาษณ์ ถอดเทป เขียน วางเลย์เอาต์ แต่ก็มีช่างภาพ วิดีโอ ที่ ได้เพื่อนๆ มาช่วยทำ�บ้าง

จัดหาเนื้อหา ทำ�งานเกี่ยวกับเนื้อหา ซึ่งไม่ได้ จำ�กัดว่าจะเป็นสื่อไหน หลังจาก New Heart New World เล่มแรก บังเอิญมีงานเข้ามาเรื่อยๆ มีทั้งงานหนังสือ งานนิทรรศการ งานออกแบบ แตกต่างกันไป ซึ่งงานเหล่านี้มันก็จะเป็นตัวบอก ว่าเราทำ�อะไรได้บ้างและมันก็ขยายออกไปเรื่อยๆ

ทำ�เนื้อหาเรื่องเกี่ยวกับธรรมะด้วย ต้องปรับ เยอะไหม

ตอนนั้นเราก็เป็นเหมือนคนทั่วๆ ไปที่ยังไม่ได้ สนใจเรื่องธรรมะมากนัก และโจทย์มันคือเรื่อง การตื่นรู้ เราไม่ใช่กูรูทางด้านนี้อยู่แล้ว เลย ตัดสินใจทำ�ออกมาแบบคนที่ไม่รู้และค่อยๆ เรียนรู้ไปพร้อมๆ กับผู้อ่าน ตั้งคำ�ถามในแบบ ง่ายๆ เดินทางไปคุยกับบุคคลที่เขาสนใจเรื่อง ธรรมมะในที่ต่างๆ ไปสัมภาษณ์พระก็มี ไปคุย กับคนประกอบอาชีพทั่วไปก็มี ให้คนอ่านได้ ฟังมุมมองที่หลากหลาย

หลายงานต้องทำ�งานแบบลงพื้นที่ คุยกับ ชาวบ้านบ่อย ยากไหมที่ต้องจูนความเข้าใจกัน

เราเคยทำ�งานที่ต้องไปสัมภาษณ์คนมาแล้ว ก็ เลยไม่ได้เป็นเรื่องยากมาก เราพอจะรู้เรื่องระยะ เวลาว่าประมาณนี้ทำ�งานได้แค่ไหน เวลาออก ต่างจังหวัด รายละเอียดจะค่อนข้างเยอะ แต่ จากการที่เรามีประสบการณ์ทำ�งานหลายๆ อย่างมันก็ส่งผลในงานชิ้นต่อไปง่ายขึ้นด้วย การที่เราไปสัมภาษณ์ชาวบ้านต่างจังหวัด แตกต่างกับการสัมภาษณ์คนดังลงนิตยสารไหม

หลังจากนัน้ วางทิศทางของ Studio Dialogue ไว้อย่างไรบ้าง

ความยากมันอยู่ตรงนั้นเหมือนกัน ตอนทำ�งาน นิตยสารเราสัมภาษณ์คนที่มีชื่อเสียง ดารา

มันไม่มีแผนการขนาดนั้น ตั้งใจแค่ว่าเป็นคน

45


ศิลปิน เขาเหล่านีต้ อบคำ�ถามเป็นอยูแ่ ล้ว เขาคุน้ เคย กับสื่อ แต่กับชาวบ้านเขาไม่รู้หรอกว่าควรตอบอะไร สมมติถามแรงบันดาลใจในการทำ�งาน เขาจะตอบ ไม่ได้ ฉะนั้นเราต้องชวนเขาคุยไปเรื่อยๆ เขาชวน ทำ�อะไรก็ทำ� กินอะไรก็กิน ต้องทำ�ความคุ้นเคยกับ เขาก่อน ชาวบ้านที่เราไปพูดคุยเขาจะชอบอะไร ง่ายๆ ถ้าเริ่มถามคำ�ถามที่จริงจังจะเริ่มเกร็ง และ เราต้องไปจับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาพูดด้วย ซึ่งจะ

ใช้เวลาสัมภาษณ์นานกว่ามาก อย่างตอนทีท่ �ำ โปรเจ็กต์ Creative Tourism เราไปอยู่ ไปกิน นอนกับเขาที่ นั่นเลย ซึ่งตอนนั้น ททท. เขากำ�ลังจะโปรโมทการ ท่องเที่ยวในเชิงสร้างสรรค์ ให้ชาวต่างชาติลองมา ทำ�กิจกรรมพวกนี้กับชาวบ้าน อย่างการย้อมผ้า การทำ�งานจักรสาน งานฝีมือต่างๆ เราก็ต้องเขียน เปรียบเปรยให้ชาวต่างชาติเข้าใจ อย่างเช่นทีบ่ า้ นเชียง เราก็บอกว่า ‘คุณอยากเป็นอินเดียนน่า-โจนส์ไหม 46


ถ้าอยากลองมาขุดที่บ้านเชียงดูสิ’ เรื่องการเขียน ก็สำ�คัญ เราต้องพยายามสร้างให้ชาวต่างชาติเขา เห็นภาพตาม การทำ�คอนเทนต์กับการทำ�สำ�นักพิมพ์ต่างกันไหม

ต่างกันอยู่แล้ว ถ้าทำ�สำ�นักพิมพ์ก็ต้องทำ�เพื่อขาย ต้องไปหานักเขียน ดูว่าตลาดต้องการแนวไหน แต่ Studio Dialogue แตกต่างตรงที่ เราทำ�งานตาม 47

โจทย์ของลูกค้า ขององค์กรที่มาจ้าง ซึ่งบางคนอาจ จะมองว่าการทำ�งานตามโจทย์มันน่าเบื่อ แต่เรา สนุกนะ เราพยายามเอาโจทย์มาขยาย หาวิธีใหม่ๆ มาเล่น มาสื่อสาร เราเคยทำ�หนังสืองานศพ เราก็ ทำ�เป็นแบบบ๊อกเซ็ตให้ทุกคนเขียนการ์ดถึงคนที่เสีย ชีวิตลงไป หรือทำ�หนังสือเกษียณของคุณหมอสุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ เราไปคุยกับคนรอบข้างคุณหมอ พอคุยแล้วมันสนุก เพราะเขาเป็นคนเก่งและมีแง่มุม


48


ในชีวิตที่น่าสนใจ เราก็พยายามวางเนื้อหาให้ มาทำ�ที่ Computer Art Thailand เรามีหน้าที่ ออกมาสนุกไม่น่าเบื่อ ไม่ได้มาวางแบบหนังสือ ต้องบ้าคลั่งไปกับงานด้านนั้น พอออกจาก เกษียณทั่วๆ ไป ที่นี่ก็รู้เลยทันทีว่า ดีไซเนอร์หรือคนทำ�งาน สร้างสรรค์ไม่ควรอยู่แต่กับสภาพแวดล้อมที่ การต้องเข้าไปศึกษาวิถีชีวิตของคนที่หลาก คุ้นเคยมากจนเกินไป เพราะเราจะเห็นว่าสิ่ง ที่ทำ�อยู่มันดีที่สุด สังคมที่เราอยู่มันดีที่สุด หลายมันส่งผลยังไงกับตัวเองบ้าง คุณแม็ก : ทุกงานที่ทำ�เปิดโลกของเรามากขึ้น แต่จริงๆ แล้วโลกมันกว้างกว่านั้น ทุกการ ถ้าเราทำ�งานอยู่แต่ในวงการของตัวเองก็จะรู้ เปลี่ยนแปลงในชีวิตมันทำ�ให้เข้าใจว่าโลกมัน แค่วงการตัวเอง ทำ�นิตยสารก็คิดว่าสิ่งที่เราทำ� กว้าง จะบอกว่าการทำ�งานทุกวันนี้มันเปลี่ยน นีม่ นั สุดยอดแล้ว แต่พอไปเจอโลกทีม่ นั กว้างขึน้ เราเลยก็ได้ เพราะตอนนี้มองงานดีไซน์ว่า เจอชาวบ้านที่ทำ�งานฝีมือ เจอหมอ เจอคน เป็นงานแขนงหนึ่ง ซึ่งแต่ก่อนเรามองว่ามัน หลากหลายอาชีพก็ประทับใจ อย่างเมื่อก่อน เป็นสิ่งที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต ไม่เคยสนใจเรื่องธรรมะหรือเรื่องของชาวบ้าน ต่างจังหวัดเท่าไหร่ มันเหมือนไปเจอโลก ร้านหนังสือ Zerobooks and Studio อีกด้านหนึ่งที่เราไม่รู้ ไม่เคยมองมาก่อน ก็ Dialogue Shop พยายามจะเอาแนวคิดเหล่านั้นมาใช้ในชีวิต ทุกอย่างเกิดขึน้ ด้วยความบังเอิญ ตอนแป้ง ทำ�งานอยูท่ ่ี Computer Art ระหว่างนัน้ เพือ่ นที่ คุณแป้งเป็นบรรณาธิการ Computer Art ทำ�อยู่ art4d เขาก็บอกว่ามีรา้ นชือ่ Zerobooks Thailand มาก่อน อยู่กับงานเรื่องงานดีไซน์ อยูน่ ะ เข้ามาคุยกันไหมเผือ่ จะทำ�อะไรร่วมกัน ต่างๆ พอมาเจอมุมมองของชาวบ้าน คนต่าง คือ art4d เขาทำ�ร้านนีม้ า 4 ปีแล้ว แต่ไม่คอ่ ย มีเวลามาดูแล เขาก็ถามว่าเราสนใจอยากจะ จังหวัด ได้มุมมองอะไรบ้าง คุณแป้ง : จริงๆ เราก็เคยสัมผัสมาบ้าง ก่อน ทำ�ไหม เราก็ตอบไปว่าสนใจ ก็เลยกลายมา ที่จะมาทำ�งานที่ Computer Art Thailand เป็น Zerobooks and Studio Dialogue Shop ตอนทำ�อยู่ที่ a day ก็เคยได้ไปสัมภาษณ์คน ต่างจังหวัดมาบ้าง และถึงแม้ว่าเราจะสนใจ มีไอเดียปรับเปลี่ยนร้านอย่างไรบ้าง เรื่องดีไซน์ แต่เราก็สนใจเรื่องอื่นด้วย พอเรา ตอนแรกหนังสือที่ร้านจะเป็นพวกหนังสือ

49


ทางด้านสถาปัตยกรรมโดยเฉพาะไม่ได้มีพวก ดีไซน์ เราก็เลยไปหาหนังสือมาเพิ่ม แม็กจะ ไปดูแลหนังสือเรื่องหมวดวรรณกรรม เรื่องสั้น ต่างๆ ซึ่งเมื่อก่อนไม่มี พยายามให้หนังสือใน ร้านมีความหลากหลายและเข้าถึงง่ายมากขึ้น แล้วก็เอาหนังสือดีไซน์ที่แป้งสนใจเข้ามาเพิ่ม ด้วย ไม่ใช่แค่หนังสือสถาปัตกรรม หลังๆ ก็เริ่ม มีคนเอาหนังสือและของดีไซน์ที่น่าสนใจมาฝาก ขายด้วย คุณแป้งเป็นอาจารย์พิเศษด้วย

คุณแป้ง : สอน Editorial Design ที่ ม. กรุงเทพ แล้วก็วิชา Graphic Design ที่ลาดกระบัง ซึ่ง Editorial Design เราจะสอนเรื่องแม็กกาซีน สิ่งพิมพ์อย่างเดียว แต่ Graphic Design มัน กว้างมาก เรื่องที่จะพูดจะใหญ่กว่า จากการสอน คุณแป้งคิดอย่างไรกับการเสพ สื่อของเด็กยุคนี้

คุณแป้ง : จริงๆ เด็กแต่ละมหาวิทยาลัยก็มี คาแร็กเตอร์ที่ต่างกัน ทีวี อินเตอร์เน็ตมันมีผล อยู่แล้ว ยิ่งงานดีไซน์มันเป็นการเสพผ่านภาพ ทั้ง Pinterest เป็นเรฟเฟอร์เรนซ์หลักที่เด็กๆ เอามาใช้ในการทำ�งาน เราก็ไม่รู้ว่ามันดีหรือ ไม่ดีนะ แต่เรารู้ว่างาน Graphic Design มันมี เรื่องของเทรนด์ เรื่องกระแสของความร่วมสมัย

อยู่ การที่ดูเว็บไซต์อย่าง Pinterest มันก็ทำ�ให้ เด็กๆ รูว้ า่ โลกไปถึงไหน ผลงานแบบไหนน่าสนใจ หรือผลงานแบบไหนที่เขาจะมาประยุกต์ใช้ได้ อีกอย่างคือการเห็นเยอะๆ มันทำ�ให้เขารู้ว่า มาตรฐานมันอยู่ตรงไหน แล้วมันจะทำ�ให้เขาย้อน มาดูงานของตัวเองได้ New Heart New World เล่ม 2

คุณแป้ง : เป็นโปรเจ็กต์ที่เราตั้งใจมาก ทดลอง หลายๆ วิธีในการทำ�งาน นึกไม่ออกก็นั่งเงียบๆ อยู่อย่างนั้น หมกมุ่นมาก ไม่สวยก็แก้ ลบทิ้ง แล้วก็พบว่าสิ่งที่เราหานั้นมันอยู่ในเนื้อหาที่เรา ไปสัมภาษณ์ ที่เราไปพูดคุยมา พอจับจุดได้แล้ว เลยออกแบบให้บทสัมภาษณ์ทั้ง 26 คนที่เราไป คุย วางไม่เหมือนกัน ตั้งใจให้เนื้อหาสอดคล้อง กับดีไซน์ พยายามถ่ายทอดอารมณ์ที่เราไปพบ มามากทีส่ ดุ เช่น ถ้าเขาใส่เสือ้ เชิต๊ ขาว เราก็นกึ ถึง หน้ากระดาษเรียบๆ สีไม่จัด มีอารมณ์ของ บรรยากาศทีเ่ ราได้ไปสัมผัสมาจริงๆ ใช้คอนเทนต์ ที่มีพาดีไซน์ไป ดีไซน์เกิดจากคอนเทนต์ แล้วคอนเทนต์เกิด จากอะไร

คุณแม็ก : คอนเทนต์เกิดจากสิ่งที่เราสนใจ สิ่งที่เราอ่าน ดู คนที่เราไปคุยด้วย แล้วเอา ประสบการณ์ทม่ี อี ยูใ่ นตัวเราขยำ�รวมกันออกมา

50


เป็นงาน มันเป็นเรื่องการสังเกตด้วย อย่างตอนไปคุยกับพี่ต่อธนญชัย ศรศรีวิชัย พี่ต่อก็พูดถึงอาจารย์จุลพร นันทพาณิช บ่อยมาก เราก็สงสัยว่าเป็นใคร ก็เลยไปทำ�ความรู้จัก ไป สัมภาษณ์ ก็ได้ความรู้มามาก และล่าสุดเราทำ�งานกับบริษัทที่ ทำ�ฝาท่อบนถนน ซึง่ แต่ละบริษทั จะมีลายของฝาท่อไม่เหมือนกัน ซึ่งเราก็เพิ่งรู้นะ พอเราไปสังเกตก็เจอฝาท่อของบริษัทที่เราไป ทำ�ให้ สิ่งเหล่านี้มันก็เกิดเป็นประสบการณ์ที่จะประติดประต่อ เป็นคอนเทนต์ใหม่ขึ้นมา

51


52


53


แล้วอย่างงานที่ทำ�ร่วมกับโรงแรม Bed Station Hostel ล่ะครับ มีวิธีการยังไง

วิธีคิดก็เหมือนทำ�คอนเทนต์หนังสือ เรามีพื้นฐานจากการทำ�หนังสือ ก็เอาวิธีคิดนี้แหละมาตี โจทย์งานต่างๆ เหมือนแต่ละมุมของโรงแรมเป็นหน้าหนังสือ คิดคอนเซ็ปต์ว่าจะเป็นโรงแรม อะไร แบบไหน ใครจะมาพัก คนที่มาพักมีรสนิยมแบบไหน ต้องทำ�งานคู่กับคนทำ�ออกแบบ ภายในด้วย ดูความเป็นไปได้ต่างๆ ส่วนโลโก้นั้นเราก็คิดว่าโฮสเทลจะมีเอกลักษณ์คือเป็น ที่นอน 2 ชั้น ก็เลยออกแบบโลโก้เป็นบันไดปีน ลงรายละเอียดไปถึงผ้าม่าน สีของผ้าม่านเรา พยายามเลือกให้เข้ากับคอนเซ็ปต์

54


55


56


ทำ�คอนเทนต์เกี่ยวกับความสุขมาเยอะ แล้วตอนนี้ ทั้งสองคนมองว่าความสุขคืออะไร

คุณแม็ก : ตอบไม่ได้ครับ เราได้ฟังมามากก็คิดว่าชีวิตมันไม่ได้มี ความสุข (หัวเราะ) มีแต่ควาทุกข์ ทุกข์ของการทำ�งาน สิ่งที่เรา ต้องเผชิญในการใช้ชีวิต เอาเป็นว่าเราอยู่กับความทุกข์ให้มันพอดี อย่าไปทุกข์มาก เพราะแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน คุณแป้ง : เลี่ยงได้ก็เลี่ยงค่ะ ไม่อยากเอาตัวไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ ทำ�ให้ทุกข์มากนัก ถ้าทำ�ได้ก็มีความสุข แต่ถ้าเปรียบเทียบความ สุขกับเรื่องงาน ก็คือเวลาทำ�งานออกมาแล้วเราชอบก็จะคิดว่า ชีวติ มันก็เท่านี้ เพราะมันเป็นงานทีเ่ ราตัง้ ใจทำ� ถึงจะไม่ได้เป็นงาน ที่ดีที่สุดแต่ก็เป็นงานที่เราเชื่อว่ามันดีเท่าที่เราทำ�ได้

57


https://www.facebook.com/pages/Studio-Dialogue/353964397961159 http://studiodialogue.tumblr.com/

58


59


balancing # 3

Talk a look around

GALLERY SHOW CASE

60


61


ภาพถ่ายจากประเทศฝรั่งเศสไม่ได้มีแต่ภาพฟิล์มนัวร์ หม่นหมอง หรือสตรีทแฟชั่นล้ำ�เทรนด์เท่านั้น ผลงานจาก Matthieu Venot ช่างภาพสมัครเล่นคนนี้ สะท้อนมุมอันสดใสและเฉียบคมจาก Brest เมืองบ้านเกิดของเขา เขาสนุกกับตัวอาคาร แสงและสี ที่ตัดกันไปมาอย่างสนุกสนาน ทางนิตยสาร PIE จึงขอนำ�ผลงานของเขามาสร้างสีสันในนิตยสารของเรา สักหน่อย มาชมความสวยของสีและแสงที่สวยงาม บนอาคารเมืองชายฝั่งตะวักตกสุดของฝรั่งเศสด้วยกัน กับผลงานของ Matthieu Venot ดีกว่าครับ

62


63


64


65


66


67


68


69


70


71


72


73


74


75


http://matthieuvenot.fr

เล่าถึงตัวคุณให้เราฟังหน่อยครับ

ผมเรียนเกี่ยวกับวิศวกรรมไฟฟ้า และเป็น Audio Engineer ตอนอายุ 15 ปี ผมเคยมีวงดนตรีอยู่ ผมชอบเรื่องเมโลดี้และเสียงเพลง แต่พอปี 2010 แรงบันดาลใจด้านนั้นมันก็หมด และผมเริ่มหันมา สนใจการถ่ายภาพ เริ่มถ่ายภาพมาประมาณหนึ่งปี โดยเริ่มจากเดินเล่นและขี่จักรยานแถวบ้าน ไปตาม ถนนในเมือง Brest รูปภาพของคุณส่วนใหญเป็นสถาปัตกรรม

ใช่ ผมชอบภาพอาคาร ชอบความเป็นเมือง สนใจ Urban Environment ต่างๆ ชอบความเรียบง่ายและ เส้นสายทีเ่ กิดจากสถาปัตยกรรม ผมชอบทีจ่ ะลดทอน ภาพเหล่านั้นให้เกิดเป็นภาพนามธรรม รวมถึงแสง เงาและสีสันที่เกิดขึ้นด้วย ผมสนใจมากๆ ในเรื่อง สีนะ มันเป็นเรื่องความรู้สึกมากๆ อธิบายยาก ผม แค่เดินไปในตามถนนแล้วภาพเหล่านั้นก็ดึงให้ผมไป สนใจมันเอง สายตาของผมมันจะประกอบองค์ประกอบ บางอย่างและผมก็ถ่ายมันออกมา ผมเชื่อว่ามันเป็น เรื่องสัญชาตญาณ ว่าเราจะโดนดึงดูดโดยสิ่งไหน และผมก็มีความสุขมากๆ เวลาได้ภาพดีๆ 76

คุณไม่ได้เรียนถ่ายภาพจากไหนเลย

ผมเรียนด้วยตัวเอง ค่อยๆ ฝึกจากพื้นฐาน ไปเรื่อยๆ ตั้งแต่การเซตกล้อง การวัดแสง และเรื่องการสร้างความน่าสนใจให้วัสถุ ผม ฝึกฝนมากพอสมควรเลยในช่วงแรก บอกเราเกี่ยวกับภาพเซตล่าสุดของ คุณหน่อย

งานเซตล่าสุดของผมชื่อ “Prism” มันเป็น ภาพถ่ายเกีย่ วกับผลกระทบจากแสงอาทิตย์ บนผนังอาคารทีม่ สี สี นั แสงอาทิตย์กบั สีของ อาคารทีต่ กกระทบมันสร้างเอฟเฟกต์บางอย่าง ต่อกัน ทำ�ให้ทบ่ี ริเวณนัน้ เกิดความน่าสนใจ และเกิดความแข็งแรงขึน้ อะไรคือแรงบันดาลใจของคุณและอนาคตคุณ จะทำ�อะไรต่อไปบ้าง

แน่นอนว่าต้องเป็นเสียงดนตรี หนังและลูก ของผม ส่วนอนาคตผมก็จะทำ�สิ่งที่ผมชอบ ต่อไปและอาจจะมีจัดนิทรรศการถาพภ่าย ของตัวเอง


77


balancing # 4

life is simplE JUST NOT EASY 78


79


การสร้ า งบ้ า นดี ๆ ที่ ถู ก ใจเราสั ก หลั ง ไม่ ใช่ เรื่ อ งง่ า ย ชี วิ ต การเป็ น สถาปนิ ก ของเขาก็เช่นกัน จูน เซคิโน สถาปนิก ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น เขาเป็นเจ้าของบริษัท Junsekino Architect and Design เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย และในขณะนี้ ผลงานออกแบบบ้านของเขากำ�ลังถูก พู ด ถึ ง มากในสื่ อ ดี ไซน์ ชั้ นนำ � ทั้ ง ในและ ต่างประเทศ แต่ความสวยงามเรียบเก๋ ของสถาปัตยกรรมที่เขาออกแบบ ถูก ซ่อนไปด้วยการเดินทางหาประสบการณ์ ที่เข้มข้นและคำ�ถามที่เขาเฝ้าถามตัวเอง มามากมาย กว่าจะสร้างบ้านดีๆ ที่ถูกใจ ไม่ใช่เรือ่ งง่าย การจะเป็นสถาปนิกทีม่ แี นว ความคิดชัดเจนก็เช่นกัน วันนี้เราจะมา ฟังที่มาและวิธีคิดของสถาปนิกคนนี้กัน

Begin

พี่จบจากมหาวิทยาลัยรังสิตมาเมื่อปี 2000 เป็นช่วงที่ เศรษฐกิจแย่มาก ตอนนั้นทางเลือกมันยังไม่เยอะ พี่ก็ ทำ�พวกเว็บไซต์ อยากทำ�งานสถาปนิกนะ แต่งานมัน ไม่มี แต่ก็พยายามหาทางให้ตัวเองได้เป็นสถาปนิก ตอนที่ปัจฉิมนิเทศ พี่ด้วง-ดวงฤทธิ์ บุนนาค มาพูดที่ คณะ พีเ่ ขาบอกว่า ถ้าเราอยากเป็นอะไร ก็ไปเป็นสิง่ นัน้ ไปทำ�งานตรงนั้น พี่เขาพูดอีกว่า สถาปนิกมันเป็น อาชีพเสริมไม่ได้ มันต้องทำ�เป็นอาชีพหลักเท่านั้น ก็ ตัดสินใจทำ�บริษทั รับเหมา ทำ�ตัง้ แต่ออกแบบ เขียนแบบ ขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งแบบ ทำ�ทุกอย่างเลยเงินเดือนก็น้อย ไกลบ้านด้วย แต่เราไม่มีทางเลือกมากนัก แต่ก็ทำ�ให้ เราได้รรู้ ะบบของการทำ�งานสถาปนิก มันมีโชคดีตรงที่ มีช่วงหนึ่งบริษัทของพี่ต้องไปทำ�งานในส่วนหนึ่งของ สนามบินหนองงูเห่า ซึ่งในส่วนนั้นจะมีสถาปนิกจาก อเมริกามาคุมงาน พี่ก็ได้ไปดูการทำ�งานของเขา ไป คอยช่วยงานเขา เราก็ได้ประสบการณ์ที่ดีมากๆ หลัง จากนั้นก็ทำ�งานสถาปนิกในบริษัทต่างๆ ก็พยายาม เรียนรู้หาประสบการณ์ไปเรื่อยๆ 80


81


Learning

Freelance

พอเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง ก็อยากไป เรียนที่ต่างประเทศ ส่งพอร์ตโฟลิโอ ไป ทีเ่ รียนก็รบั แล้วนะแต่เงินเราไม่พอ ก็ไปยืนฟังเลคเชอร์หน้าห้อง พยายาม หาโอกาสให้ตัวเองมากที่สุด เดินทาง ทัว่ ยุโรปเลยเพือ่ ไปดูงาน เป็นสถาปนิก แบบโรบินฮูดมากที่อังกฤษ ตอนนั้น ก็ชอบเรื่องออกแบบภายในด้วย ได้ เรียนรู้เรื่องรสนิยม เรื่องทัศนคติใน การออกแบบ ซึ่งบางทีเรื่องแบบนี้มัน อยู่เหนือเหตุและผลในการออกแบบ พีเ่ ดินทางแบบนีอ้ ยูห่ า้ ปี เป็นส่วนผสม ของประสบการณ์ที่แปลกประหลาด และให้แนวคิดอะไรต่างๆ กับเรา เยอะมาก

หลังจากนัน้ ก็เริม่ มีงานส่วนตัวมากขึน้ เลยออกมาทำ�เองเป็นฟรีแลนซ์ แต่ มันกลับเป็นช่วงที่พี่รู้สึกว่าตัวเอง ล้มเหลวมาก การทำ�งานในองค์กร ของบริษัทแล้วออกมาทำ�เอง เรื่อง การจัดการมันล้มเหลวเลยตอนนั้น รู้สึกว่าเราควบคุมอะไรหลายๆ อย่างไม่ได้ ถึงงานจะออกมาโอเค งานเสร็จเรียบร้อย แต่รู้สึกแย่เรื่อง การจัดการของตัวเอง รู้สึกแบบนี้ สามงานติดกัน พี่ก็เครียดมาก ขนาดคิดว่า สิ่งที่เรารักทำ�ไมมันถึง ทำ�ร้ายเราแบบนี้

82


Fail

อยู่บ้านสองปี ช่วงนั้นปี 2009 ตอนนั้นมีงานปีหนึ่งแค่ชิ้นเดียว แล้วอยู่บ้าน คนเดียวมันเครียดนะ ทำ�งานตลอด ไม่ได้เจอใครเลย นัง่ คิดอะไรอยูค่ นเดียว จนคิดว่าไม่ไหวแล้ว ต้องออกไปเจอผู้คนบ้างเลยไปขอแบ่งเช่ามุมหนึ่งใน ออฟฟิศของเพื่อน ให้เราได้เดินทางบ้าง ได้เจอผู้คนบ้าง หลังจากนั้นก็มีงาน เข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งมันก็มาจากงานที่เราเครียดๆ สองสามงานนั่นแหละ ถึง มันจะมีปัญหามากมาย แต่มันส่งผลให้คนรู้จักเรา รู้จักงานเราและบอกต่อ กันไปเรื่อยๆ จนเปิดบริษัท Junsekino Architect and Design

83


Jump STEP

Team

การเปลีย่ นแปลงของดีไซเนอร์หลายๆ คน พี่ว่ามันมีโปรเจ็ตก์เปลี่ยนชีวิตนะ มันคือ งานสักงานหนึ่งที่เปลี่ยนการทำ�งานใน อาชีพของเราแบบพลิกหน้ามือเป็นหลัง มือเลย งานที่ทำ�ให้คนรู้จัก ทำ�ให้เรามีชื่อ เสียงขึ้นมาแล้วการที่ลูกค้าหรือคนที่มา จ้างสถาปนิกหรือนักออกแบบคนนนั้นๆ เขาไม่ได้สนใจนะว่าตัวคุณจะเป็นยังไง เขาสนใจว่าคุณทำ�อะไรมากกว่า

เรื่องทีมมันต้องมีภาษาเดียวกันก่อน ต้อง มองภาพเดียวกันได้ พี่จะบอกให้น้องๆ ใน ทีมสร้างว่าวิจารณ์กันได้ รับฟังกันและกัน การทำ�บริษัทสถาปนิกคือการมีอาร์ทติส สิบคนให้มาอยู่ในที่เดียวกัน มันยากอยู่ แล้ว ต้องค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ คุย เพราะ มันบังคับให้ทุกคนชอบเหมือนเราไม่ได้ พี่ เองก็ต้องปรับด้วย เหมือนให้เราใส่แว่นที่มี เลนส์เดียวกัน

84


customer

ลูกค้าหรือคนที่มีจ้างเขาเห็นงานในอดีตของเรา งานที่เราทำ�มาเมื่อปีมาแล้ว ความสนใจเราก็ เปลี่ยนไปแล้วจากจุดนั้น เวลาลูกค้ามาบอกว่า ชอบงานนี้งานนั้นของเรา อยากได้บ้านแบบนี้ พี่ก็พยายามจะแนะนำ�หรือบอกสิ่งที่เราสนใจใน ตอนนี้ ให้เขาได้งานใหม่ๆ คืองานเดิมที่เราทำ� มันจบไปแล้วตรงนั้น ถ้าเราสร้างงานใหม่ก็คือ การเรียนรู้ใหม่ แล้วเวลาที่เราต้องคิดอะไรใหม่ๆ สำ�หรับเรา ในสิ่งที่เราไม่เคยทำ�นี่แหละยาก

85


86


residential

พี่โตมาจากการทำ�ที่อยู่อาศัยมากกว่างาน คอมเมอร์เชียล ถ้าให้พท่ี �ำ งานคอมเมอร์เชียล พี่ก็ทำ�ได้นะ แต่มันก็จะเป็นแบบพี่ คือถ้า มาถึงให้คุณจูนออกแบบช็อปสักที่หนึ่ง มี เวลาสองหรือสามอาทิตย์ พี่ทำ�ให้ไม่ได้ พี่ ทำ�งานช้า ไม่ได้อยากช้านะมันช้าของมัน เอง ที่ช้าหรือเร็วมันมีเหตุผลของมัน อย่าง ทำ�บ้านหลังละห้าสิบล้าน คุณใช้เงินที่คุณ เก็บมาทั้งชีวิต คุณจะรออีกสักสี่หรือห้า เดือนไม่ได้เลยเหรอ เพื่อให้มันดีที่สุด และ มันก็มีความต่างของลูกค้าสองกลุ่มนี้อยู่นะ คนที่ทำ�ห้างสรรพสินค้าหรือคอนโดเขาทำ� ธุรกิจกับอาคารนั้นอยู่แล้ว เขาต้องได้กำ�ไร กลับมา แต่คนที่จะทำ�บ้านหลังละเป็นสิบ ล้านมาจ้างสถาปนิกพี่ว่าเขาไม่ธรรมดานะ ต้องมีความกล้า กล้าทุ่มกับสิ่งที่เขาชอบ เพราะเขาจะไปซื้อบ้านจัดสรรก็ได้ เขาซื้อ รถธรรมดาขับได้ทำ�ไมต้องไปซื้อพอร์ช ซื้อ มินิขับ เขาอยากได้สิ่งที่ดีที่สุดสำ�หรับเขา สิ่งที่สะท้อนความเป็นตัวเขามากที่สุด พี่ คิดว่าคนเหล่านี้มีความน่าสนใจ พี่สนิท กับลูกค้ามาก สนิทกับเขาขนาดรู้ว่าเขา เข้าห้องน้ำ�นานแค่ไหน รู้ดีกว่าเมียเขาอีก เราต้องรู้เรื่องราวของชีวิตเขา เพราะบ้าน คือชีวิตของเขา ให้บ้านที่เราออกแบบเป็น Show Case ของชีวิตเขา

87


88


Material

Tadao Ando

สิบปีที่พี่ทำ�งานมา สถาปัตยกรรม มันเป็นสิ่งก่อสร้างที่ต้องเกิดขึ้นมา บนโลกของความเป็นจริงได้ ไม่ใช่ แค่เส้นที่เราวาดในกระดาษหรือ คอมพิวเตอร์ เราเลยต้องเข้าในใจ วัสดุต่างๆ ที่มันจะเป็นส่วนสำ�คัญที่ ทำ�ให้งานของเราเกิดขึ้นจริงได้ มอง หาความเป็นไปได้ของวัสดุแต่ละชิ้น แต่ละชนิด มันทำ�ให้เรารู้ขีดจำ�กัด ในการคิดของเราด้วย ต้องเข้าใจ ธรรมชาติของเขา

เป็นสถาปนิกที่พี่ชอบมากๆ คนหนึ่ง ตอนที่พี่เรียนช่วงนั้น เขาพีคมาก ดูงานของเขาแล้วเรารู้สึกว่าคนบ้าอะไร ใช้ วัสดุอยู่อย่างเดียวและสร้างผลงานที่มันเหนือการเวลาได้ งานของเขามีความเป็นมนุษยนิยมสูงมาก เส้นที่ตรง เฉียบ เหมือนดาบซามูไรเลย จังหวะที่เขาใช้เส้นแต่ละเส้นมัน เฉียบคมมาก ตรงไปตรงมา พี่ชอบประวัติของเขาด้วย เขาเป็นคนใช้โอกาสเป็น ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ มี จังหวะมาถึงซัดเลย มีความแม่นยำ�เหมือนงานออกแบบ ของเขา มันเป็นเรื่องวัฒนธรรมญี่ปุ่นด้วยที่เขามีแบบแผน ตรงไปตรงมา ชัดเจน มองเบนโตะของญี่ปุ่นสิ แบ่งกัน ชัดเจนมีระบบมาก 89


Style

ส่วนตัวพี่ก็ตอบไม่ได้นะ ว่างานพี่เป็นสไตล์ไหนหรือแตกต่าง กับคนอื่นยังไง ถ้าพี่ตอบแบบกวนๆ หน่อยก็คือ พี่ไปถึงที่ ตรงนั้นแล้วเห็นแบบนี้ เห็นกล่องเหลี่ยม เห็นผนังแบบนี้ เข้า ตรงนี้ออกตรงนี้ พี่ก็ทำ�งานแบบนั้นออกมา เพราะเราเห็น แบบนั้น จริงๆ มันเป็นสิ่งสำ�คัญและมีค่านะ สิ่งที่เราเห็น คนเดียว เหมือนที่ Steve Job เห็น หรือ บิล เกตส์ เห็น มันเป็นสิ่งที่เขาเห็นคนเดียว เขารู้สึกถึงมันคนเดียว มันเลย เป็นเอกลักษณ์ ลองนึกถึงตูน บอดี้สแลม ทำ�ไมเขาถึงร้อง แบบนั้น ทำ�ท่าแบบนั้น มันอธิบายไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่เขารู้สึก

90


และแสดงออกมา แต่ละงานที่พี่ทำ�มันก็จะเป็นไป ตามบริบทต่างๆ ตรงนั้น ของลูกค้า ของทำ�เล ที่ตั้ง มีเนื้อหาในงานแตกต่างกันไป แถมบางทีพี่ ยังแอบเบื่องานของพี่เองด้วยซ้ำ�นะ แต่ทุกงานที่ ทำ�พี่จะพยายามทำ�ในสิ่งที่พี่เข้าใจมัน ทำ�ในสิ่งที่ พี่คิดว่าพี่รู้จัก อันนี้มันเป็นเหตุผลที่พี่ต้องรู้จัก ลูกค้าของพี่มากๆ ต้องรู้จักวัสดุที่พี่จะใช้มากๆ พี่ว่าเรื่องสไตล์มันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่คนภายนอกเขา มองเรา เรามีประสบการณ์มายังไง มีความคิด ยังไง มันสะสมซ้อนทับมาเรื่อยๆ ทำ�ซ้ำ�มาเรื่อยๆ จนมันเกิดเป็นสไตล์ อย่างถ้าเอาสีเดิมมาซ้อนทับ เรือ่ ยๆ คนก็จะเริม่ เห็นว่า เฮ้ย จูน มันสีเหลือง สี เขียวก็ว่าไปตามที่เขาเห็น พี่ไม่กล้าจะมาบอกว่า เราสไตล์ไหนยังไง มันเป็นเรื่องที่คนอื่นมองมา มากกว่า

91


92


OUTSIDE THE BOX…FOR ?

พี่ไม่เชื่อเรื่องการออกนอกกรอบหรือเรื่องความต่างนะ เพราะแค่เราคิดว่าอยากจะต่างมันก็ไม่ต่างแล้ว การ คิดว่าจะแตกต่างนีม่ นั ก็เป็นกรอบแล้วนะ ในทางกลับกัน พี่มองอย่าง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก นี่เขามีกรอบนะ และ กรอบของเขาแข็งแรงมาก โครงสร้างความคิดเขาดี และแข็งแรง จนสิ่งที่มีอยู่เดิมมันรองรับความคิดเขา ไม่ได้ ระบบสังคมแบบเดิมมันไม่ไหวสำ�หรับเขา เลย ต้องสร้างสิ่งใหม่อย่าง facebook ขึ้นมา พี่ว่าคนพวกนี้ เขาไม่ได้คิดจะต่างหรอก แต่เขาคิดว่าอยากให้เกิดอะไร ขึ้นมากกว่า แล้วคนที่ทำ�งานสร้างสรรค์เนี่ยชอบดูถูกคน อาชีพอื่นๆ ว่าไม่เก๋เท่าเรา ไม่ฉลาดเท่าเรา คิดว่าเรา แตกต่าง ซึ่งมันไม่ใช่ เราทำ�งานแตกต่างกันได้ แต่ไม่ จำ�เป็นต้องแปลกแยก เราไม่ใช่ศูนย์กลางจักรวาล เรา ก็ยังทำ�งานให้กับคนทั่วไปในสังคมนี่แหละ เราต้องไม่ ดูถูกคนในสาขาอาชีพอื่นๆ เราควรเรียนรู้และทำ�ความ เข้าใจสิ่งต่างๆ จากคนในสังคม

93


Thai style

สถาปัตยกรรมไทย เรือนไทยต่างๆ มันโดนแช่ไว้ตั้งแต่อยุธยาแล้ว พอ 250 ปีผ่านมาเราจะมาบอกว่า อยากทำ�เรือนไทย มันไม่ใช่แล้ว ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป บริบทมันก็เปลี่ยน เราใช้หลอดไฟ LED ใช้ โน๊ตบุ๊ค แท็บเล็ตกันหมดแล้ว สถาปัตยกรรมไทยแบบวัดวาอารามหรือวังต่างๆ มันก็ผสมผสานมาจาก หลายวัฒนธรรม บ้านเรือนของคนปกติก็เป็นอย่างที่เห็นกันในหนังแม่นาค แค่ไม้มาขัดมาสานกันเป็น กระต๊อบเล็กๆ วัฒนธรรมยุคหลังก็มาจากตะวันตก มาแบบทั้งดุ้นเลย จริงๆ ถ้าอยากมองหาความ เป็นไทย พี่ว่ามองสิ่งที่มันอยู่รอบตัวเรานี่แหละ อย่างรถติด แท็กซี่ ข้าวแกง อะไรพวกเนี้ยโคตรไทยเลย ไม่ต้องย้อนไปดูที่ไหนหรอก

94


95


96


Simply

Makkasan Area

ถ้าเป็นพีน่ ะ พีจ่ ะทำ�ให้ 50 เปอร์เซนต์ของ พื้นที่ต้องขายได้ พี่ไม่โลกสวยแต่มันมี โมเดลทีท่ �ำ ให้ทกุ คนแฮปปีไ้ ด้ ทำ�ไมการค้า ต้องตรงข้ามกับโลกสีเขียว ถ้าพี่บอกจะ ปลูกต้นไม้ใหญ่แต่ใต้ต้นไม้นั้นมีร้านค้า ให้คนช็อปปิ้งได้ มันก็เป็นไปได้ มันรวม กันได้หมดแหละ ก็แบ่งไปสิ เป็นต้นไม้ ใหญ่ดว้ ย เป็นพืน้ ทีพ่ าณิชย์ดว้ ย เป็นพืน้ ที่ สำ�หรับการศึกษาด้วย คือเอาจริงๆ นะ คนที่อยากได้พื้นที่สีเขียวคงไม่ขนาด จะทำ�ป่ากลางเมืองหรอก จะปล่อยเสือ ปล่อยช้างเดินอะไรแบบนั้นเลยเหรอ มัน ก็ไม่ได้ใช่ไหม มันไม่ควรไปสุดขั้วด้านใด ด้านหนึ่ง เราทำ�พื้นที่สีเขียว มีที่วิ่งออก กำ�ลังกาย มีศูนย์การศึกษา และขายให้ มันเต็มเหนี่ยวเลยก็ได้นี่ มันไม่ยากเลย แต่ทุกฝ่ายต้องคุยกันก่อน

ยิ่งทำ�งานไปมันยิ่งเรียบง่าย มัน Simply ไม่ใช่ Minimal นะ ยิ่งธรรมดาขึ้นเรื่อยๆ เข้าใจอะไรมากขึ้น สิ่งนี้มันก็ ทำ�ให้เราเข้าใจลูกค้า เข้าใจเพื่อนร่วมงานมากขึ้น ทำ�ให้ เราใจกว้าง เวลาเจอปัญหาต่างๆ เราก็พยายามเข้าใจใน สิ่งที่เกิดขึ้น มองมันเป็นเรื่องธรรมดา มองเป็นโจทย์ พี่ ว่าคนที่ประสบความสำ�เร็จคือคนที่มองปัญหาคือโจทย์ พี่ยกตัวอย่างนะ อย่างลูกค้ามีที่ดินแถวทองหล่อสวยมาก ซื้อร้อยล้าน ที่ตรงนั้นดีมากเลย แต่พอสถาปนิกกับลูกค้า เดินเข้าไปในที่ตรงนั้นเท่านั้นแหละ ปัญหาโผล่ออกมา บานเลย ตรงนั้นทำ�อย่างนั้น ตรงนี้ทำ�อย่างนี้ไม่ได้ อยาก ได้นั่นตรงนั้น ตรงนี้แสงมันไม่ถึง ปัญหาออกมาเยอะแยะ เลย แล้วเราก็มานั่งคิด นั่งแก้ปัญหาพร้อมกับลูกค้า ซึ่ง มันเป็นธรรมดาของอาชีพนี้ Plan

พี่ตั้งใจว่า ปีหนึ่งพี่จะรับงานฟรีสักงานหนึ่ง และตั้งข้อ ตกลงกับลูกค้า ให้เขาเอาเงินตรงนี้ไปช่วยสังคม ไปสร้าง ห้องสมุดหรือสถานที่เพื่อการศึกษา หรือไปให้อะไรบาง อย่างกับสังคม พี่อยากให้คนที่เขามีเงิน มีโอกาสได้ไปให้ อะไรกับสังคมบ้าง อยากให้พักการมองแต่เรื่องธุรกิจบ้าง และเชื่อเถอะว่าการให้ของเขามันจะมีสิ่งดีๆ ตอบแทน มาแน่นอน พี่ชอบมากอย่างโปรเจ็กต์ที่ทำ�กับ D4D และ กลุ่มสถาปนิกอีกเก้ากลุ่มที่ไปทำ�โรงเรียนหลายแห่งที่ภาค เหนือ อันนี้ดีมากๆ อยากให้มีโปรเจ็กต์แบบนี้เกิดขึ้น เยอะๆ

97


98


Look Back to Your Work

ทุกงานที่พี่ทำ� เมื่อพี่มองกลับไปมันมีทั้งเรื่องที่ชอบและไม่ชอบทั้งนั้นนะ ในทุกๆ งาน บางอันอาจจะชอบเรื่องตัวงาน บางงานตัวงานอาจจะเฉยๆ แต่ประสบการณ์ ที่เราเจอลูกค้ามันดีมากๆ ชอบคนที่เราร่วมงาน พี่ก็มองอีกมุมหนึ่ง งานทุกงาน มันให้ประสบการณ์กับเรา บางทีก็ทำ�ให้เราเห็นข้อผิดพลาดของตัวเองให้เราได้รู้ว่า แบบนี้เราควรทำ� ไม่ควรทำ� งานแต่ละชิ้นมันใช้เวลาในการทำ� มันมีการเดินทาง ที่เรากับลูกค้าเท่านั้นที่รู้ ระหว่างทางมันก็มีการทะเลาะ มีเรื่องดราม่า ปัญหา มากมายที่ต้องแก้ไข แต่สิ่งที่สุดยอดคืองานที่เสร็จจากการเดินทาง ความลำ�บาก ของเรากับลูกค้า นี่แหละที่สุดยอด ทุกวันนี้พี่มีความสุขมากกับการได้ทำ�อาขีพนี้

http://www.junsekino.com www.facebook.com/JunsekinoArchitectandDesign 99


balancing # 5

Are You Happy NOW ?

LINA FORSGREN ดีไซเนอร์ สาวชาวสวี เ ดนที่ ผ ลงาน ของเธอดูเผิ่นๆ จะเก๋ไก๋ตาม สมัยนิยม แต่เมื่อมองลงไป ลึ ก ๆ เรากลั บ เจอข้ อ ความ ที่ เ ธอสะท้ อ นสั ง คมออกมา มากมาย วั น นี้ เ ราจะมาดู ความคิ ด ของดี ไซเนอร์ ส าว เปรี้ ย วที่ ส่ ง ผ่ า นคำ � วิ พ ากษ์ วิ จ ารณ์ สั ง คมผ่ า นผลงาน ที่สุดเก๋กัน 100


101


ลักษณะงานของคุณชัดเจนมาก คุณมีแนวคิด ในการทำ�งานอย่างไร

เล่าถึงตัวคุณให้ฟังหน่อย

ฉันเติบโตมาในแถบหมู่เกาะของประเทศ สวีเดน ฉันเป็นคนค่อนข้างขี้อายและมี ความสนใจในเรื่องภาพยนตร์ตั้งแต่เด็ก ฉันมีความฝันอยากจะทำ�หนังของตัวเอง พออายุ 16 ฉันต้องเลือกวิชาเรียน ฉัน เลือกเรียนด้าน Graphic Communication และเรียนต่อด้าน Visual Communication ที่ Beckmans College of Design ตอนนี้ ฉันทำ�งานด้านกราฟิกดีไซน์และอาร์ต ไดเร็กเตอร์ซึ่งเป็นบริษัทในชื่อของฉันเอง

ฉันชอบที่จะทดลองสิ่งต่างๆ ในการทำ�งานและ ไม่กลัวที่จะใช้สีสันที่หลากหลาย นี่เป็นสิ่งที่ เด่นๆ เมื่อคนพูดถึงสิ่งที่ฉันทำ� ความต้องการ ในงานของฉันคือการอยากเปลี่ยนแปลงสังคม และมองหาความเป็นไปได้ที่ดีกว่าข้างหน้า อีก สิ่งที่สำ�คัญคือความกล้าในการทำ�สิ่งใหม่และ ผลักดันให้มันเกิดขึ้นในแต่ละโปรเจ็กต์ ให้งาน ใหม่เกิดขึ้นโดยผ่านการยอมรับจากกลุ่มคนที่ ตัดสินใจในแต่ละโครงการ งานบางชิ้นของคุณดูจะเรียบง่ายมาก

ฉันชอบความเรียบง่ายนะ แต่มันก็แล้วแต่ ความจำ�เป็นในแต่ละงานด้วย โลกนี้มันมีความ ซับซ้อน บางครั้งมันก็เลยจำ�เป็นที่จะต้องสร้าง ผลงานที่เราไม่แยกมันออกมาจากผู้คนมาก เกินไป ฉันชอบความเรียบง่าย และจะทำ�มัน ต่อเมื่อมันเกี่ยวข้องและจำ�เป็นกับข้อความที่ฉัน ต้องการจะสื่อสารด้วย

102


Art Direction and set design for 5 gender lecture films presented by Maktsalongen, about Important things – Equality & Feminism, Intersectionality, Norms, Power and Sex & Gender.

103

Five piedestals were built for the intro to illustrate importance of the subjects. In the films we also cut in scenes that illustrated some things that was said in the lectures.

To make the film available for everyone the films were texted and important words was translated into five swedish minority languages.


104


The brief was to make an identity for a band’s album. Astropol’s music is much about broken hearts. I formed a city of houses / a body of organs out of plaster where each organ tells a broken heart story – a song.

105


คุณมีงานมีเดียที่หลากหลาย คุณสนใจงานมีเดียไหนที่สุด

ฉันตอบไม่ได้ บางทีฉันก็ชอบทำ�งานจากแนวคิดใหญ่ๆ อันหนึ่ง และบางทีก็อยากแยกมันออกเป็นส่วนๆ ด้วยสื่อที่แตกต่างกัน ซึ่ง แต่ละสื่อก็ให้ข้อความที่มีอารมณ์แตกต่างกันด้วย

106


ถามถึงงาน “The Top 50 Power Words That Sell” หน่อยครับ

The Top 50 Power Words That Sell เป็นส่วนหนึ่งของงาน “Satisfaction Guaranteed” (แปลเป็นไทยว่า “รับ ประกันความพึงพอใจ”) มันเป็นการ วิจารณ์สังคมบริโภคนิยมที่เราอยู่กัน ค่านิยมในสังคมของเราถูกสร้างขึ้น จากความรู้สึกของผู้คน ความฝัน และ ความปรารถนาจะได้รับประโยชน์จาก การขาย มันเป็นวงจรที่ทำ�ให้เราไม่รู้จัก พอในการหาความสุข สิ่งพิมพ์ชิ้นนี้ (The Top 50 Power Words That Sell) เป็นการรวมประโยคชักจูง ชวนเชื่อ ที่ เบื้องหลังคำ�พูดนั้นแฝงด้วยกลยุทธที่จะ นำ�เราไปสู่ความผิดเพี้ยน โปรเจ็กต์นี้ ทั้งหมดจะรวมเป็นงาน Installation อีกทีหนึ่ง 107


Satisfaction Guaranteed We are part of a system that is not for us, but that we our selves maintain. Our society is built on the search for the dream through products and services. Relationships between people are mediated through things and this is so much norm that is has become invisible. This is my graduation project from Beckmans College of Design and is a spatial installation shown at Beckmans Graduation Exhibition in May 2014. It consists of a film, with printed fabrics, a printed

108


109

matter (A magazine inspired matter that bring up the 50 top selling words mixed with my images) and several 3D objects (A spinning happy/sadcoin, a brush that only ravels, a mud phone, supermarket plastic bags and a mirror that reflects gold.) With this I want to comment the surreal in our reality.


110


111


workshop box with five simple experiments, made to inspire people to change perspective on things or actually change things. It is about uilding new structures and act for reformation, either in the big hings or the small things. It could be used for inner revolution, to make the creativity going or to change things in society.

ความยากในการทำ�งานแต่ละโปรเจ็กต์

การเข้าใจว่ากลุ่มคนที่ตัดสินใจในแต่ละงาน ต้องการอะไร มันไม่ใช่เรื่องของอีโก้นะ แต่ เป็นเรื่องของการพยายามค้นหาว่าจะวางงาน ออกแบบของฉันได้ถูกที่ถูกทาง เมื่อฉันหาเจอ และมันใช่ ผู้คนก็จะเข้าใจกับสิ่งที่เราสื่อสาร สังคมจะเปลี่ยนได้ ใครหรืออะไรที่ส่งอิทธิพลต่องานของคุณ

ฉันไม่ได้คิดถึงใครเป็นพิเศษนะ แต่คิดเรื่องการ ส่งผ่านมากกว่า ทั้งความฝันและความคิด เหนือจริงที่อยู่ในความเป็นจริง ฉันได้อิทธิพลมา จากสีสันมากมายในความคิดเหล่านั้น คล้ายกับ งาน Surrealism และการแสดงออกถึงโลกแบบ Utopia คุณทำ�ให้ตัวเองมีไอเดียสดใหม่ไว้ได้อย่างไร

ฉันดูงานศิลปะและงานเกี่ยวกับการออกแบบ เยอะมาก (เน้น มากกกกก) ดูทุกสิ่งที่ฉันเจอ ฉันพยายามจะหาวิธีการของสิ่งนั้นๆ เมื่อมีอะไร บางอย่างเกิดขึ้นกับสังคมรอบๆ ตัว ฉันก็จะ ทำ�งานเกี่ยวกับมันและดูว่าฉันสามารถจะทำ� อะไรกับมันได้ในสิ่งที่ฉันมี 112


A folder folded out to a 70x100 poster, for a one night exhibition at Konstn채rshuset in Stockholm, of the collaboration between the artist John Clark and the shirt company Eton, September 2014.

113


114


115


กิจวัตรประจำ�วันของคุณ

ฉันตื่นนอนก่อนจะเริ่มงานสักสองชั่วโมง ทาน อาหารเช้าและออกไปทำ�งานตลอดทั้งวัน และ ทำ�โปรเจ็กต์ที่ตัวเองสนใจในตอนกลางคืน แต่ ก็มีบางวันวันฉันใช้เวลากับคนรักและเพื่อนๆ ไปทำ�อะไรสนุกๆ กันในช่วงเย็นบ้าง งานออกแบบที่ดีในความคิดของคุณคือ

งานออกแบบที่ส่งข้อความออกไปได้และสิ่งนั้น สามารถทำ�ให้จิตใจของผู้เสพเปิดกว้างขึ้นได้

116


http://www.linaforsgren.com

117


PIE TEAM : 08 0233 5492, 08 6918 6216 www.pieeveryday.com facebook.com/piemagazine2013 pieonlinemag@gmail.com 100/99 chaiyapruk village, soi 55, Sukapibal 5 O-ngoen, Saimai, Bangkok 10220

SELF PUBLISHING PROJECT BY PIEONLINE MAGAZINE www.facebook.com/PIEZINE

110


111


See You Soon

112


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.