บทที่ 3 อาร์เรย์

บททท ที่ 3 อารร์เรยร์ (Array)

1

บทททที่ 3 อารร์เรยร์ (Array) • รรจรู้ กจั กจับอารร์เรยร์ (Array) • อารร์เรยร์ 1 มมิตมิ • อารร์เรยร์หลายมมิตมิ • การออางอองขออมมลในหนนวยความจจา • สรรุปเนนนื้อหาบทททที่ 3

2

รรจรู้ กจั กจับอารร์เรยร์ (Array) • อารร์เรยร์ เปป็ นโครงสรรู้างขรู้อมรลททนที่ นาเซลลร์ขอรู้ มรล (Data cell) มาเรทยงตต่อกจันเปป็ นกลรุต่มขรู้อมรล • ขรู้อมรลแตต่ละเซลลร์ในอารร์เรยร์จะมทชนมิดขรู้อมรลพนนนื้ ฐาน (integer, float, double,…) เปป็ นชนมิด ขรู้อมรลเดทยวกจันทจังนื้ กลรุต่ม • กนาหนดขนาดของอารร์เรยร์หรนอจนานวนเซลลร์ขอรู้ มรลททจที่ ะจจัดเกป็บกต่อนททจที่ ะนนาไปใชรู้งาน • การเขรู้าถถึงตนาแหนต่งเซลลร์ขอรู้ มรลในอารร์เรยร์จะใชรู้ตวจั แปรทททที่ าน หนรู้าเปป็ นตจัวชทตนื้ าน แหนต่งขรู้อมรล (Index) ในอารร์เรยร์

3

รรจรู้ กจั กจับอารร์เรยร์ (Array) เขอา ถถง ขออ มมล ในอารรเ รยร Java & C

arrayName[Index]

โดยททที่ arrayName เปป็ นชนที่อของอารร์เรยร์ Index เปป็ นตนาแหนต่งททตที่ อรู้ งการเขรู้าถถึงขรู้อมรลของอารร์เรยร์ • การเขรู้าถถึงขรู้อมรลในอารร์เรยร์ของภาษา C และภาษา Java เกป็บขรู้อมรลตนาแหนต่งททที่ 0 เปป็ น ตนาแหนต่งเรมิมที่ ตรู้นในการเกป็บขรู้อมรลในอารร์เรยร์ (Lower bound) และตนาแหนต่งททที่ n-1 เปป็ น ตนาแหนต่งสรุดทรู้ายในเกป็บขรู้อมรลอารร์เรยร์ (Upper bound)

4

4

อารร์เรยร์ 1 มมิตมิ ประกาศอารร์เรยร์ 1 มมตม แบบมมีขนาดเททาจจานวนขข้อมมูลทมีที่ตข้องการจจัดเกก็บ Java & C

dataType arrayName[ ] = {value0, value1, . . . , valuen}

โดยททที่ dataType เปป็ นชนมิดขรู้อมรลพนนนื้ ฐาน (integer, float, double,…) arrayName เปป็ นชนอที่ ของอารร์เรยร์ value เปป็ นขรู้อมรลททตที่ อรู้ งการจจัดเกป็บในอารร์เรยร์

5

อารร์เรยร์ 1 มมิตมิ ประกาศอารร์เรยร์ 1 มมตม แบบมมีขนาดเททาจจานวนขข้อมมูลทมีที่ตข้องการจจัดเกก็บ ตจัวอยทางทมีที่ 3.1 อารร์เรยร์ 1 มมิตแมิ บบกนาหนดจนานวนขรู้อมรลในอารร์เรยร์ไวรู้กต่อน

ผลการทจางานของโปรแกรม

6

อารร์เรยร์ 1 มมิตมิ ประกาศอารร์เรยร์ 1 มมตมแบบกจาหนดขนาดอารร์เรยร์ Java

dataType arrayName[ ] = new dataType[sizeofArray] C dataType arrayName[sizeofArray]

โดยททที่ dataType เปป็ นชนมิดขรู้อมรลพนนนื้ ฐาน (integer, float, double,…) arrayName เปป็ นชนอที่ ของอารร์เรยร์ sizeofArray เปป็ นขนาดของอารร์เรยร์ทตที่ท อรู้ งการจองพนนนื้ ททไที่ วรู้กต่อน

7

อารร์เรยร์ 1 มมิตมิ ประกาศอารร์เรยร์ 1 มมตมแบบกจาหนดขนาดอารร์เรยร์ ตจัวอยทางทมีที่ 3.2 อารร์เรยร์ 1 มมิตแมิ บบกนาหนดขนาดอารร์เรยร์

8

อารร์เรยร์ 1 มมิตมิ ประกาศอารร์เรยร์ 1 มมตมแบบกจาหนดขนาดอารร์เรยร์ ตจัวอยทางทมีที่ 3.2 (ตต่อ) อารร์เรยร์ 1 มมิตแมิ บบกนาหนดขนาดอารร์เรยร์

9

อารร์เรยร์หลายมมิตมิ การประกาศอารร์เรยร์ 2 มมตมแบบกจาหนดขนาดอารร์เรยร์

โดยททที่ dataType ชนมิดขรู้อมรลพนนนื้ ฐาน (integer, float, double,…) arrayName ชนอที่ ของอารร์เรยร์ sizeDimension1 ขนาดอารร์เรยร์มตมิ ทมิ ที่ท 1 sizeDimension2 ขนาดอารร์เรยร์มตมิ ทมิ ที่ท 2

10

อารร์เรยร์หลายมมิตมิ

ตจัวอยทางทมีที่ 3.3 การประกาศและใชรู้งานอารร์เรยร์ 2 มมิตมิ

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20

Java

public static void main(String[] args) throws IOException{ BufferedReader Stdin=new BufferedReader (new InputStreamReader(System.in)); int array[][] = new int[4][2]; for (int i=0; i<array.length; i++) { for (int j=0; j<array[i].length; j++){ System.out.print("array["+i+","+j+"]="); array[i][j] = Integer.parseInt(Stdin.readLine()); } }

}

int total = 0; for (int i=0; i<array.length; i++) { for (int j=0; j<array[i].length; j++){ total += array[i][j]; } } System.out.println("total = " + total);

11

อารร์เรยร์หลายมมิตมิ

ตจัวอยทางทมีที่ 3.3 (ตต่อ) การประกาศและใชรู้งานอารร์เรยร์ 2 มมิตมิ

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20

#define row 4 #define col 2 void main(){

C

int array[row][col]; for (int i=0; i<row; i++) { for (int j=0; j<col; j++){ printf("array[%d,%d]= ",i,j); scanf("%d",&array[i][j]); } }

}

int total = 0; for (int i=0; i<row; i++) { for (int j=0; j<col; j++){ total += array[i][j]; } } printf("total = %d",total);

12

การอรู้างอมิงขรู้อมรลในหนต่วยความจนา • ภาษา Java จะใชรู้ตวจั แปรททมที่ ชท นมิดเดทยวกจับออบเจป็กตร์ (Object) ในการอรู้างอมิงตนาแหนต่ง แอดเดรสในหนต่วยความจนา • การอรู้างอมิงขรู้อมรลในหนต่วยความจนาในภาษา C จะใชรู้ พอรร์ตเตอรร์ (Pointer) ในการอรู้างอมิง ตนาแหนต่งแอดเดรสททเที่ กป็บขรู้อมรลในหนต่วยความจนา

13

การอรู้างอมิงขรู้อมรลในหนต่วยความจนา การอข้างอมงขข้อมมูลในหนท วยความจจาในภาษา Java • ใชรู้หลจักการททเที่ รทยกวต่าการนนาออบเจป็กตร์ทสที่ท รรู้างเสรป็จแลรู้วหรนอทนางานสมบรรณร์แลรู้วกลจับมาใชรู้ใหมต่ • ใชรู้ตวจั ดนาเนมินการ new ในการสรรู้างออบเจป็กตร์ใหมต่ • ตจัวดนาเนมินการ new จะสรรู้างออบเจป็กตร์ใหมต่ขนนื้ถึ มาททมที่ โท ครงสรรู้างและความสามารถเหมนอนกจับ ออบเจป็กตร์ตนรู้ แบบทรุกประกาศ • ออบเจป็กตร์ทสที่ท รรู้างขถึนนื้ ใหมต่นนื้ทจะถรกจจัดเกป็บไวรู้ภายในหนต่วยความจนา และจะอรู้างอมิงตนาแหนต่ง แอดเดรสออบเจป็กตร์ทสที่ท รรู้างขถึนนื้ ใหมต่นนื้ทดวรู้ ยตจัวแปร

14

การอรู้างอมิงขรู้อมรลในหนต่วยความจนา การอข้างอมงขข้อมมูลในหนท วยความจจาในภาษา Java ตจัวอยทางทมีที่ 3.4 การสรรู้างออบเจป็กตร์ใหมต่ในภาษา Java

15

การอรู้างอมิงขรู้อมรลในหนต่วยความจนา การอข้างอมงขข้อมมูลในหนท วยความจจาในภาษา Java ตจัวอยทางทมีที่ 3.5 การสรรู้างออบเจป็กตร์และการอรู้างอมิงออบเจป็กตร์ในภาษา Java

16

การอรู้างอมิงขรู้อมรลในหนต่วยความจนา การอข้างอมงขข้อมมูลในหนท วยความจจาในภาษา C • รรปแบบการเกป็บขรู้อมรลตจัวแปรททปที่ ระกาศใชรู้งานในภาษา C มทอยรต่ 2 รรปแบบคนอ ตจัวแปรททใที่ ชรู้ อรู้างอมิงแอดเดรส (Address) และตจัวแปรเกป็บขรู้อมรล (Value) ตจัวอยต่างเชต่น o ตจัวแปร i มทชนมิดขรู้อมรลเปป็ น Integer มทหนรู้าททเที่ กป็บขรู้อมรล o ตจัวแปร *ai เปป็ นตจัวแปรแบบพอรร์ตเตอรร์ (Pointer) ใชรู้ในการอรู้างอมิงแอดเดรสภายใน หนต่วยความจนา

17

การอรู้างอมิงขรู้อมรลในหนต่วยความจนา การอข้างอมงขข้อมมูลในหนท วยความจจาในภาษา C ตจัวอยทางทมีที่ 3.6 การใชรู้งานตจัวแปรเกป็บขรู้อมรล และแบบพอรร์ตเตอรร์ของภาษา C 1 2 3 4 5 6 7

main(){ int i; int *ia; i = 10; ia = &i; *ia = 50; }

แสดงการอรู้างอมิงหนต่วยความจนาดรู้วยตจัวแปรแบบพอรร์ตเตอรร์ในภาษา C

18

สรรุปเนนนื้อหาบทททที่ 3 • อารร์เรยร์เปป็ นเครนอที่ งมนอพนนนื้ ฐานททใที่ ชรู้ในการพจัฒนาการเกป็บขรู้อมรลแบบโครงสรรู้างททตที่ อรู้ งจองพนนนื้ ใชรู้ งานกต่อนใชรู้งานเสมอ และไมต่สามารถเพมิมที่ หรนอลดขนาดอารร์เรยร์ไดรู้อตจั โนมจัตมิ • การอรู้างอมิงขรู้อมรลในหนต่วยความจนาเปป็ นสต่วนททสที่ าน คจัญเพนอที่ ใชรู้ในการเขรู้าถถึงขรู้อมรลททถที่ กร เกป็บไวรู้ใน หนต่วยความจนา

19