บันทึกการเล่าเรื่อง กลุ่ม ชุมชนคนวิจัย เรื่อง การยกร่างคาขอสิทธิบัตรอย่างไรให้รอบเดียวผ่าน วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน 2563 เผยแพร่ใน RMUTP CoP Web Blog ผู้เล่า
รายละเอียดของเรื่อง นฤศร มังกรศิลา จากที่ ก ระผมได้ มี โ อกาสเข้ า ร่ ว ม โครงการพี่ เ ลี้ ย ง หัวหน้างานจัดการความรู้ (Mentoring Program) จากหน่ ว ยจั ด การทรั พ ย์ สิ น ทาง คณะเทคโนโลยีคหกรรม ปัญญา และถ่ายทอดเทคโนโลยีในสถาบันอุดมศึกษา (TLO) ศาสตร์ และ โดยศูน ย์ทรั พย์สิน ทางปัญญา มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทา อาจารย์ประจาสาขาวิชา อุตสาหกรรมการบริการ หน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้กับมหาวิทยาลัย กิจกรรมที่ 2 จัดอบรม เรื่อง "การยกร่างคาขอสิทธิ บัตร และการจัดเตรี ยมค าขอ อาหาร สิ ท ธิ บั ต ร" ในวั น พฤหั ส บดี ที่ 26 พ.ย. 2563 ณ ห้ อ ง ประชุมชั้น 4 อาคารเรือนปัญญา คณะเทคโนโลยีคหกรรม ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร พี่เลี้ยง โดยคุ ณ จิ ร าภรณ์ เหลื อ งไพริ น ทร์ ผู้ อ านวยการศู น ย์ ทรัพย์สินทางปัญญา มหาวิทยาลัยขอนแก่น สามารถสรุ ป ประเด็นสาคัญ และมีขั้นตอนดังนี้ การยกร่ า งค าขอสิ ท ธิ บั ต ร และอนุ สิ ท ธิ บั ต ร เป็ น การ กาหนดคาขอรับสิทธบัตร อนุสิทธิบัตร (การประดิษฐ์) มีวิธีการ ยกร่างที่คล้ายกัน แต่สิทธิบัตร (การออกแบบผลิตภัณฑ์ ) ใช้ ภาพถ่ายเพียงอย่างเดียว ไม่ต้องมีคาอธิบายส่วนประกอบต่างๆ หรือจะใช้เป็นรูปภาพที่ออกแบบโดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ก็ได้ เอกสารในการยื่นคาขอรับสิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตร ได้แก่ 1. แบบพิมพ์คาขอรับสิทธิบัตร 2. รายละเอียดการประดิษฐ์ 3. ข้อถือสิทธิ 4. รูปเขียน 5. บทสรุปการประดิษฐ์ 6. เอกสารประกอบคาขอ (ใบโอนสิทธิ ใบมอบอานาจ สาเนาบัตรประจาตัว ฯลฯ) โดยจะข้อกล่าวถึงเอกสารในแต่ละรูปแบบเป็นข้อๆ ไป เริ่มต้นจากเรื่องของรายละเอียดการประดิษฐ์ มีองค์ประกอบ ดังนี้ 2.1 ชื่อที่แสดงถือการประดิษฐ์ เป็นชื่อที่แสดงให้ทราบ ว่าการประดิษฐ์นี้เป็นการประดิษฐ์เกี่ยวกับอะไร มีลักษณะของ การประดิษฐ์อย่างชัดเจน จะต้องไม่ใช้ชื่อที่ตั้งขึ้นเอง หรือ เป็น การอวดอ้างสรรพคุณ โดยใช้ชื่อเหมือนกับงานประดิษฐ์ อื่นๆ ได้ แต่แตกต่างที่รายละเอียดข้างในร่าง ตัวอย่างการตั้งชื่อการ ประดิษฐ์ที่ดี เช่น หมอนรองหลัง กรรไกรขอนแก่น กรรมวิธี
สรุปความรู้ที่ได้ การยกร่างคาขอสิทธิบัตร และการจัดเตรียมคาขอ สิทธิบัตร สรุปได้ดังนี้ การยกร่างคาขอสิทธิบัตร และอนุสิทธิบัตร เป็นการ กาหนดคาขอรับสิทธบัตร อนุสิทธิบัตร (การประดิษฐ์) มี วิ ธี ก ารยกร่ า งที่ ค ล้ า ยกั น แต่ สิ ท ธิ บั ต ร (การออกแบบ ผลิ ต ภั ณ ฑ์ ) ใช้ ภ าพถ่ า ยเพี ย งอย่ า งเดี ย ว ไม่ ต้ อ งมี คาอธิบายส่วนประกอบต่างๆ หรือจะใช้เป็นรูปภาพที่ ออกแบบโดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ก็ได้ เอกสารในการยื่นคาขอรับสิทธิบัตร/อนุสิทธิบั ต ร ได้แก่ 1. แบบพิมพ์คาขอรับสิทธิบัตร 2. รายละเอียดการประดิษฐ์ 3. ข้อถือสิทธิ 4. รูปเขียน 5. บทสรุปการประดิษฐ์ 6. เอกสารประกอบคาขอ (ใบโอนสิทธิ ใบมอบ อานาจ สาเนาบัตรประจาตัว ฯลฯ) โดยจะข้อกล่าวถึงเอกสารในแต่ละรูปแบบเป็นข้อๆ ไป เริ่ ม ต้ น จากเรื่ อ งของรายละเอี ย ดการประดิ ษ ฐ์ มี องค์ประกอบ ดังนี้ 2.1 ชื่อที่แสดงถือการประดิษฐ์ เป็นชื่อที่แสดง ให้ทราบว่าการประดิษฐ์นี้เป็นการประดิษฐ์เกี่ยวกับอะไร มีลักษณะของการประดิษฐ์อย่างชัดเจน จะต้องไม่ใช้ชื่อที่ ตั้ ง ขึ้ น เอง หรื อ เป็ น การอวดอ้ า งสรรพคุ ณ โดยใช้ ชื่ อ เหมื อ นกั บ งานป ระดิ ษ ฐ์ อื่ น ๆ ได้ แต่ แ ตกต่ า ง ที่ รายละเอียดข้างในร่าง ตัวอย่างการตั้งชื่อการประดิษฐ์ที่ ดี เช่น หมอนรองหลั ง กรรไกรขอนแก่ น กรรมวิธี ก าร ปรั บ ปรุ ง พั น ธุ์ ก บ ครี ม สารพั ด ประโยชน์ ครี ม บ ารุ ง ผิว น้าพริกมะขาม น้าพริกที่มีขมิ้นเป็ นส่วนประกอบ ยาแก้ ปวด ยาแก้ปวดที่มีส่วนผสมของวิตามินอี และ การทาชา จากมะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น 2.2 สาขาวิทยาการที่เกี่ยวข้องกับการประดิษฐ์ แสดงสาขาวิทยาการที่เหมาะสมกับการประดิษ ฐ์ ระบุ สาขาวิทยาการของการประดิษฐ์อยู่ในเทคโนโลยี หรือ สาขาวิชาการใด เช่น เคมี เภสัช วิศวกรรมเครื่องกล โดย เคมี ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ น้าผลไม้ หรือ เคมี ในส่วนที่ เกี่ ย วข้ อ งกั บ น้ ามั น นวดไมโครอิ มั ล ชั น หรื อ สาขา วิทยาการด้านวิศวกรรม ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ เครื่องตัด หญ้า โดยดูที่ผลิตภัณฑ์หรือสิ่งประดิษฐ์สามารถนาไปใช้ งานได้จริงหรือไม่ 2.3 ภู มิ ห ลั ง ของศิ ล ปะ หรื อ วิ ท ยาการที่ เกี่ยวข้อง ลักษณะทั่วไปของสาขาวิทยาการน้า โดยเขย นออกมาให้ดูใหม่ สิ่งประดิษฐ์ของเราคืออะไร โดยขึ้นให้ ครอบคลุมภูมิห ลั งทั้ ง ภายในประเทศและต่ า งประเทศ สาหรับปัญหาที่เกิดขึ้นกับสาขาวิทยาการนั้น (ถ้ามี) ให้ใส่ ที่มาเพื่อให้เ ห็น ถึ งความส าคั ญ ของสิ่ งประดิ ษ ฐ์ ของเรา จากนั้นกล่าวถึงการประดิษฐ์ที่แก้ไขปัญหาเดียวกั น ที่ มี ก่อนหน้าโดยสรุป (สิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตรที่ยื่นจดก่อนทั้ง ภายในประเทศและต่างประเทศ ผลิตภัณฑ์ที่มีจาหน่ าย งานที่มีการตีพิมพ์ หรือเผยแพร่ ) และแสดงข้อจากัดของ การประดิษฐ์ที่มีก่อนหน้ า และแนวทางการแก้ไขปัญหา ซึ่งสามารถผ่านข้อจากัดของการประดิษฐ์ก่อนหน้า จน ก่อให้เกิดการประดิษฐ์นี้ และต้องนาไปใช้ประโยชน์ได้ จริง