Music Journal August 2022

Page 1

At The Peninsula Bangkok, world-class hospitality enriched with compelling Thai cultural experiences creates perfect memorable moments. PENINSULA MOMENTS
Contents สารบัญ Music Entertainment 04 ปรากฏการณ “สังคีีตสัมพันธิ์” โดยวงดนตรสุนทราภรณ (ตอนที่ ๑) กิิตต ศิรัีเปารัยะ (Kitti Sripaurya) Musicology 22 ประเพณบุญเดือนหก “วันวิสาขบูชา” บ้านพุตะเคีียน ตาบลท่าเสา อาเภอไทรโยคี จังหวัดกาญจนบร พรัะครัูสุุทัธิิสุารัโสุภิิต (Prakhru Sutthisarasophit) ธิน์ยาภิรัณ์์ โพธิิกิาวน์ (Dhanyaporn Phothikawin) Thai and Oriental Music 28 ภมวิทยาการเพลงเรื่อง (ตอนที่ ๘) เดชน์์ คงอิ่�ม (Dejn Gong-im) Music Re-Discovery 48 มนุษย์/ดนตรี/หนังสือ ตอนที่ ๒ งานสังคีีตศิลป ของกรมศิลปากร ๒๔๙๒-๒๔๙๔ จิิตรั กิาว (Jit Gavee) Brass Instrument 54 Launy Grøndahl Concerto for Trombone and Orchestra Yung Chern Wong (โหย่ง เฉิิน์ วง) Jazz Studies 56 การแสดงของ Mahidol University Jazz Orchestra (MJO) ในงานเทศกาลดนตรีแจ๊ส นานาชาติเพื่อการเรียนรู้ อิ่รัรัณ์วน์ เกิิดทัี�สุุด (Annawin Kerdteesud) Guitar Literature 62 Reflections on the Dranyen by Andrea Clearfield สะท้อนดนตรีตะวันออก ด้วยดนตรีตะวันตก ชน์วัฒน์์ เต็มคำขวัญ (Chinnawat Themkumkwun) The Pianist 70 Magic of Classical music: James Rhodes Yun Shan Lee (ยน์ ชาน์ ลีี) Interview 72 เอินเอิน ฟาติมา เดชะวลกุล อิ่รัรัถวทัย สุทัธิิรัักิษ์์ (Attawit Sittirak) Music: Did you know? 78 ๖ คีีตกว กับผลงาน ที่มากกว่าดนตร Borodin: นักเคีมผู้ประพันธิ์ดนตร เป็นงานอดิเรก กิฤตยา เชอิ่มวรัาศิาสุตรั (Krittaya Chuamwarasart)
04 MUSIC ENTERTAINMENT เรื่อง: กิตติ ศรีเปารยะ (Kitti Sripaurya) อาจารย์ประจาสาขาวิชาดนตรีสมัยนิยม วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล วงดนตรีีสุุนทรีาภรีณ์์ เป็นวงดนตรทีจัดตั�งในลักษณะแบบสากลอย่างเป็นทางการวงแรกข้องประเทศไทย ก่อตั�งข้ึ�นเม่�อวันที ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๒ ความเป็นมาเกิดข้ึ�นจากการรวมตัวกันข้องนักดนตรีประจำ บรษัทไทยฟัล์ม จำกัด หลังจากบรษัทนี�เลิกกิจการในป พ.ศ. ๒๔๘๒ นำโดย “เอ่�อ สุนทรสนาน” ร่วมกับเพ่�อน นักดนตรีวงนั�น พอดกับ “วิลาศ โอสถานนท์” อธัิบดีกรมโฆษณาการในยุคนั�น (กรมประชาสัมพันธั์สมัยนี�) กำลังดำริให�หน่วยงานมีวงดนตรีสากลและไทยเดิมสำหรับการส่งกระจายเสียงให�ข้่าวสารและความบันเทิงแก ปรากฏการณ์์ “สัังคีีตสััมพัันธ์์” โดยวงดนตรสัุนทราภรณ์์ (ตอนที ๑)

นายแพทย วชัย โชคววัฒน) ...มีแต่วงดน์ตรัีสุุน์ทัรัาภิรัณ์์ทัีย่น์ยงมาได้หลีายทัศิวรัรัษ์ น์ับตั�งแตกิอิ่ ตั�งมาเมอิ่วน์ทัี ๒๐ พฤศิจิิกิายน์

05 ประชาชนทั�วไปเฉกเช่นอารยประเทศทั�งหลาย เรียกช่�อเป็นทางการว่า “วงหัสดนตรีกรมโฆษณาการ” (หมายถึง วงดน์ตรัทัี�บรัรัเลีงใน์งาน์รัน์เรัิง - จิากิพจิน์าน์กิรัมฉิบับรัาชบณ์ฑิิตยสุถาน์) ต่อมาได�เปลี�ยนช่�อเป็น “วงดนตร กรมประชาสัมพันธั์” นักดนตรชุดเดียวกันนี เม่�อรับงานข้องทางราชการจะใช�ช่�อว่า “วงดนตรีกรมโฆษณาการ” แต่เม่�อใช�รับงานส่วนตัวนอกเวลาราชการ จะใช�ช่�อว่า “วงดนตรสุนทราภรณ์” (ข้อมูลจากวกพีเดีย) วงดนตรีีสุุนทรีาภรีณ์์ สร�างสรรคผู้ลงานเพลงอันทรงคุณค่าไว�มากมาย จากการอยู่ยั�งย่นยงมากว่าครึ�งศตวรรษ ข้องวงดนตรีวงนี บทเพลงมีหลากหลายรูปแบบ เรียกได�ว่าร่วมยุคทุกสมัย จึงครองใจผู้�คนได�อย่างกว�างข้วาง ย่นยันโดยข้อมูลจาก “ตำนานสุนทราภรณ์” ในโพสตทูเดย์ออนไลน ประจำวันที ๒๘ ธัันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เข้ียนโดย
พ.ศิ. ๒๔๘๒ น์ับถึงปน์ีกิ็เข้าปทัี ๘๓ แลี้ว น์ับว่ายาวน์าน์เปน์ปรัะวตกิารัณ์์ ไม เพียงแตสุำหรัับวงดน์ตรัีใน์ปรัะเทัศิไทัย แตน์่าจิะไมมีวงดน์ตรัลีกิษ์ณ์ะคลี้ายคลีึงกิน์น์ี�ใน์โลีกิทัีมอิ่ายย่น์น์าน์มาได ขน์าดน์ี แน์น์อิ่น์ว่า ด้วยปรัะวตอิ่น์ยาวน์าน์ ยอิ่มมีเรัอิ่งรัาวมากิมายทัี�ควรัแกิกิารั “เลี่าขาน์” หรั่อิ่บน์ทักิไว ทัั�ง เรัอิ่งรัาวขอิ่งบทัเพลีง ชวิตขอิ่งผู้คน์ทัี�เกิี�ยวขอิ่ง ตลีอิ่ดจิน์บทัวิเครัาะห์เชิงวิชากิารัว่าทัำไมวงดน์ตรัน์ีถึงได้ดำรัง อิ่ยู่มาไดอิ่ย่างยาวน์าน์กิว่า ๘ ทัศิวรัรัษ์แลี้ว... ปรากฏการณ “สุังคีีตสุัมพัันธ์์” เกิดจากความคิดริเริ�มข้องพลโท หม่อมหลวงข้าบ กุญชร อดีตอธัิบดีกรม โฆษณาการ (กรมประชาสัมพันธั์) ในป พ.ศ. ๒๔๙๗ ทีต�องการให�วงดนตรีสากลประเภทหัสดนตรีและวงดนตร ไทยข้องกรมประชาสัมพันธั์บรรเลงร่วมกันได�ด�วยเสียงทีผู้สมกลมกล่นมีความเป็นไทยผู้สมสากล จึงมอบหมาย ให�ครูเอ่�อ สุนทรสนาน หัวหน�าวงดนตรีกรมประชาสัมพันธั ร่วมกับครพุ่ม บาปุยะวาทย ผู้�เชี�ยวชาญการดนตร ไทย เป็นหัวหน�าคณะทำการนี ร่วมกันปรับเสียงดนตรข้องทั�ง ๒ ฝ่่ายให�ตรงกัน จากนั�นคัดเล่อกเพลงไทยเดิม
06 ทีมีความไพเราะมาปรับทำนองให�เป็นรูปแบบข้องเพลงไทยสากล ประพันธั์คำร�องโดยครูเพลงหลายท่าน จน เกิดเพลงสังคีตสัมพันธัข้ึ�นประมาณ ๑๐๐ บทเพลง ทั�งหมดเป็นเพลงข้ับร�องทั�งคู่ชายหญิงและเดี�ยวชายหร่อ หญิง กว่า ๖๐ ปทีผู้่านมาได�พสูจน์แล�วว่า เพลง “สังคีตสัมพันธั์” มคุณค่าทางวรรณกรรมพร�อมความไพเราะ ลงตัวข้องบทเพลงด�วยเป็นทีนิยมกันอย่างกว�างข้วางจนปัจจบัน อีกด�านหนึ�งยังทำให�ผู้�คนรูจักและคุ�นเคยกับ เพลงไทยเดิมมากยิ�งข้ึ�น บทความนีคัดเล่อกเพลงสังคีตสัมพันธัข้ึ�นมา ๔ บทเพลง ส่บค�นข้อมูลต่าง ๆ ที�เกี�ยวข้อง เช่น โน�ตทาง ไทยเดิม โน�ตทางไทยสากลทีผู้่านกระบวนการ “สังคีตสัมพันธั์” ลงกยทูบข้องเพลงเหล่านั�น นำมาเสนอเปรียบ เทียบกันในแต่ละเพลง ๑) พัรีพัรีหม (https://www.youtube.com/watch?v=V44G3p7R5tQ) เดิมเป็นเพลงมอญเก่าใช�บรรเลงในเพลงกราว เพลงพม่า ๕ ท่อน ในอัตราจังหวะสองชั�น ต่อมาสมเด็จ พระเจ�าบรมวงศ์เธัอ เจ�าฟั้าบรพัตรสขุ้มพันธัุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพนิต ทรงนำมาปรับปรุงให�สมบูรณ์ครบ สูตรดนตรีไทย ประทานช่�อว่า “แข้กมอญบางขุ้นพรหม” ดังตัวอย่างต่อไปนี
07
08 คณะทำงาน “สังคีตสัมพันธั์” ใช�แนวทำนองดังกล่าวนี�มาสร�างเป็นเพลง “พรพรหม” โดยให�แนวฆ�องเป็น ทำนองหลักผู้สานกับแนวระนาดในบางช่วง ทั�งเพลงบันทึกอยู่บนโหมด F dorian จัดช่วงเสียงที�เหมาะสมสำหรับการข้ับร�องที�ประพันธั์เน่�อเพลงโดย “แก�ว อัจฉริยะกุล” ดนตรีบรรเลงในลีลา จังหวะ tango เพลงนีข้ับร�องคู่ ต�นฉบับโดย “เอ่�อ สุนทรสนาน” ร่วมกับ “เพ็ญศร พุ่มชูศรี” ตั�งแตห�องเพลงที ๓๒-๔๐ แนวทำนองและคำร�องล�อกันได�อย่างน่าสนใจ โปรดดูในตัวอย่างต่อไปนี
09
10 เปรียบเทียบ ๘ หองแรกข้องเพลง “แข้กมอญบางขุ้นพรหม” กับ “พรพรหม” ดังตัวอย่างต่อไปนี
11 ๒) กรีะแต (https://www.youtube.com/watch?v=Jl_ktdAb7Ak) เพลงกระแตเล็ก หรอเพลงลาวกระแตเล็ก เป็นเพลงข้ับรองทานองเก่าข้องพนเมองลานนา อัตราจังหวะ สองชัน มีอีกชอหนึงว่า เพลงกระแตตัวเมีย อยู่ในเพลงไทยชุดกระแต ซีงมีทังหมด ๓ เพลง ไดแก่ กระแต ไต่ไม กระแตเล็ก (กระแตตัวเมีย) และกระแตใหญ่ (กระแตตัวผู้) โนตไทยข้องเดิมเพลงกระแตเล็กที�นามาทา เป็นเพลงสังคีตสัมพันธั มีดังต่อไปนี
12 คณะทำงาน “สังคีตสัมพันธั์” สร�างเพลง “กระแต” โดยใช�แนวฆ�องเป็นทำนองหลัก ประพันธั์คำร�องโดย แก�ว อัจฉริยะกุล เพลงต�นฉบับบันทึกอยู่บนบันไดเสียง Bb major pentatonic ลีลาดนตรีสนุกสนานในจังหวะ กัวราช่า ข้ับร�องบันทึกเสียงครั�งแรกโดย วนัย จุลละบุษปะ ร่วมกับ ศรสุดา รัชตะวรรณ ดังตัวอย่างต่อไปนี
13 ภาพต่อไปนี�เป็นการนำตัวอย่างข้องทั�งกระแตแนวไทย (กระแตเล็ก) และกระแตแนวไทยสากล ประมาณ ๘ ห�องเพลง มาเปรียบเทียบให�เห็นการสร�างสรรค์งานสังคีตสัมพันธั
14 ๓) ม่านมงคีล (https://www.youtube.com/watch?v=IYa7ZuKjisA) เพลงนี�ใช�บรรเลงประกอบการฟั้อนในการแสดงละครพันทางเร่�องราชาธัิราช ตอนสมิงพระรามอาสา ในฉาก อภิเษกสมรสข้องสมิงพระรามกับพระราชธัิดาพระเจ�าอังวะ ครูมนตร ตราโมท เป็นผู้�แต่งบทร�องและทำนองเพลง เป็นเพลงตับออกสำเนียงมอญ แนวดนตรีเดิมทางระนาดและฆ�องปรากฏดังภาพต่อไปนี
15 คณะทำงาน “สังคีตสัมพันธั์” นำโดย ครูเอ่�อ สุนทรสนาน และครพุ่ม บาปุยะวาทย มอบหมายให� “ธันิต ผู้ลประเสริฐ” และ “สมศักดิ เทพานนท์” ดัดแปลงทำนองและประพันธั์เน่�อร�องตามลำดับ โดยใช�แนวฆ�องเป็น ทำนองหลักในการสร�างงานเพลงนี ดังปรากฏตามภาพต่อไปนี กลุ่มเสียงที�ประกอบกันข้ึ�นเป็นแนวทำนอง เม่�อนำมาจัดระเบียบบันไดเสียงตามหลักการดนตรีสากล ผู้ล ปรากฏดังภาพ (เป็นการผู้สมกันระหว่างโหมดและบันไดเสียงเมเจอร์)
16 การเปรียบเทียบระหว่างแนวทำนองเดิมข้องเพลงม่านมงคลกับเพลงไทยสากลในช่�อเดียวกันทีผู้่านการทำ สังคีตสัมพันธั์แล�ว เป็นดังนี ๔) ฝัันหวาน (https://www.youtube.com/watch?v=VKsyEATmEKQ) ทำนองเพลงนี ครธันิต ผู้ลประเสริฐ ดัดแปลงมาจาก “ลาวเลียบค่าย ๓ ชั�น” ซีึ�งเดิมเป็นเพลงเก่าสำเนียง ลาว ช่�อเดิม ๆ ว่า “ลาวลอดค่าย” ใช�บรรเลงร�องประกอบการแสดงละครเร่�องพระลอ ต่อมา “มนตร ตราโมท” ครูใหญข้องวงการดนตรีไทย ได�เปลี�ยนช่�อเพลงนี�เป็น “ลาวเลียบค่าย”
17
18 คณะทำงาน “สังคีตสัมพันธั์” นำเอาทำนองหลักทางฆ�องมาปรับให�เป็นฟัอร์มข้องเพลงไทยสากลโดยคร “ธันิต ผู้ลประเสริฐ” และคร “สมศักดิ เทพานนท์” ตั�งบันไดเสียงลดลงเป็น Bb major pentatonic ข้ับร�องคู่ เป็นต�นฉบับโดย วนัย จุลละบุษปะ และ ชวล ช่วงวิทย ลีลาจังหวะปานกลาง เพลงนีมีการใช�เทคนิคการข้ับร�อง แบบล�อตามกัน คล�าย ๆ หลักการ counterpoint ข้องดนตรีตะวันตก ตรงช่วงห�องที ๓๗-๕๒
19
20 มีการตัดต่อและแต่งทำนองเพ่�อให�เป็นรูปแบบข้องเพลงไทยสากลเหมาะสมกับการข้ับร�อง ดังภาพตัวอย่าง การเปรียบเทียบระหว่าง “ข้องเดิม” และ “ข้องใหม่” ต่อไปนี ท่านที�สนใจบทเพลงอ่�น ๆ ที�เป็น “สังคีตสัมพันธั์” ข้องวงสุนทราภรณ สามารถเปิดชมได�จากลิงก https:// www.youtube.com/watch?v=kxqMeiduqls ผู้เข้ียนข้อข้อบคุณข้�อมูลจากปริญญานิพนธั “เพลงสังคีตสัมพันธั์: การวิเคราะห์เพลงไทยสากลที�นาดนตรี ไทยมาประยุกต์ใชโดยวงดนตรีสุนทราภรณ์ ในปี พ.ศ. ๒๔๙๗” เข้ียนโดย จารุพิมพ์ นภายน แห่ง มศว. ประสานมิตร มีนาคม ๒๕๔๐
21
22 MUSICOLOGY เรื่อง: พระครสุทธิิสารโสภิิต (Prakhru Sutthisarasophit) รองเจ้าคณะอ�าเภิอไทรโยค และเจ้าอาวาสวัดพุตะเคียน ธิันยาภิรณ โพธิิกาวิน (Dhanyaporn Phothikawin) ผูู้้ช่วยศาสตราจารย์ประจ�าสาขาวิชาดนตรศึกษา วิทยาลัยดริยางคศิลป มหาวิทยาลัยมหิดล ภิาพ: Soraya Kae ประเพัณ์ีบุุญเดือนหก “วันวสัาขบุูชา” บุ้านพัุตะเคีียน ตาบุลท่าเสัา อาเภอไทรโยคี จัังหวัดกาญจันบุุร วันวิสาข้บูชา (ข้ึ�น ๑๕ ค�ำ เด่อน ๖) ถ่อเป็นวันสำคัญสากล ทางพระพุทธัศาสนา ชาวไทยเช่�อ สายมอญยังมอีกหนึ�งประเพณที ส่บทอดต่อกันมาอย่างยาวนาน และจะปฏบตกันในวันเพ็ญเด่อน หก ค่อ “ประเพณีรดน�ำต�นโพธัิ�” “ประเพณีรดน�ำต�นโพธัิ�” เป็น ประเพณส่บเน่�องมาจากความเช่�อ ในท�องถิ�นข้องชาวมอญในประเทศ พ ม่า และไ ด�รับการ ส่ บทอด ส่ง ต่อมายังชาวไทยเช่�อสายมอญใน ประเทศไทย ประเพณนี�เป็นประเพณ ทีส่บทอดกันมาตั�งแต่ในสมัยรัชกาล ที ๔ ทีมีประเพณีรดน�ำต�นโพธัิทีวัด สมอรายหร่อวัดราชาธัิวาส โดยใช� น�ำนมโคสดรด สันนิษฐานว่า การ ใช�น�ำนมสดรดต�นโพธัิ มที�มาจาก พุทธัชาดก เม่�อครั�งที�พระพุทธั ศาสนาเจริญรุ่งเร่อง พัรีะเจ้้าธ์รีรีมา โศกรีาชหรีือพัรีะเจ้้าอโศกมหารีาช
23 ผู้�ทรงเล่�อมใสในพระพุทธัศาสนา ทรงยกย่องต�นศรีมหาโพธัิ�เป็นอย่าง มาก เพราะถ่อว่าต�นศรีมหาโพธัิ เป็นประดุจสิ�งแทนพระพุทธัเจ�า เสม่อนหนึ�งพระพุทธัองคยังทรง พระชนม์อยู่ จึงทรงพระราชทาน เคร่�องรัตนมณีและสิ�งมค่าบูชาต�น ศรีมหาโพธัิ�เป็นประจำ ทำให�พระ อัครมเหสีพระนามว่า ติษยรักษิตา ให�บุคคลผู้มอิทธัิฤทธัิ�ทำลายต�นโพธัิ ด�วยเวทมนตร จนต�นโพธัิ�เหี�ยวเฉา ใกล�จะตาย เม่�อพระเจ�าอโศกมหาราช เร่�อยมา (สำนักวัฒนธัรรมจังหวัด เชียงใหม่, ๒๕๖๕) ในปัจจบันพบเห็นการรดน�ำ ต�นโพธัิ�ได�น�อยมากในประเทศไทย แตด�วยความรักและหวงแหนใน วัฒนธัรรมประเพณ ชุมชนบ�านพ ตะเคียนจึงได�ร่�อฟั้�นประเพณนี�ให� กลับมาเม่�อประมาณ ๑๐ ปทีผู้่านมา และได�มีการปรับเปลี�ยนจากน�ำนม โคสดเป็นน�ำสะอาด เน่�องมาจาก ในปัจจบันไม่ได�มีการเลี�ยงวัวนมใน บริเวณชุมชน ทำให�หาน�ำนมวัวได� ทรงทราบก็ทรงเสียพระทัย จนมีพระ อาการประชวร พระอัครมเหสจึงม รับสั�งให�บุคคลผู้มอิทธัิฤทธัิ�ทำให�ต�น โพธัิค่นดังเดิม โดยนำนมสดถวาย ต�นศรีมหาโพธัิวันละ ๑,๐๐๐ ถัง จากนั�นต�นโพธัิกมีใบเข้ียวสวยงาม ดังเดิม พระเจ�าอโศกมหาราชทรง ทราบก็ทรงปติสดช่�น รับสั�งให�ม การถวายนมสดต�นศรีมหาโพธัิ�ใน วันคล�ายวันประสต ตรัสรู เสด็จดับ ข้ันธัปรนิพพาน หร่อวันวิสาข้บูชา จนกลายเป็นประเพณีปฏบตส่บต่อ การแหน�ำอบ น�ำปรุง และผู้�าห่มต�นโพธัิ
24 ยาก จึงปรับเปลี�ยนเป็นน�ำสะอาด อบด�วยน�ำหอม น�ำปรุง โรยด�วย ดอกไม�หอมต่าง ๆ ต�นโพธัิ เป็นสัญลักษณ์ทาง พระพุทธัศาสนา ในเทศกาลสำคัญ วันวิสาข้บูชา ต�นโพธัิจึงเป็นการระลึก ถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธัเจ�า ในการประสต ตรัสรู และปรนิพพาน ชาวมอญมีคติความเช่�อว่า ถ�าได� ทำนุบำรุง รักษา ดูแลต�นโพธัิ�ให�ด ก็เสม่อนเป็นการทำนุบำรุงพระพุทธั ศาสนา สร�างความเป็นสริมงคลให� แก่ตนเองด�วยเช่นกัน นอกจากนี ต�นโพธัิ�เกี�ยวเน่�องกับชวิตกับชาว พธัีกรรมก่อนการรดน�ำต�นโพธัิ มอญ ตั�งแต่การเกิดจนถึงตาย ดังนั�น ต�นโพธัิจึงเป็นต�นไม�ศักดิสิทธัิที�ชาว มอญให�ความเคารพบูชา ก่อนวันประเพณ ชาวบ�านใน ชุมชนจะมีการเตรียมงานก่อน ทั�ง การทำความสะอาดลานวัด ลาน ต�นโพธัิ ทำรางไม�ไผู้่รดน�ำต�นโพธัิ ในวันงานประเพณ เริ�มตั�งแต ช่วงเช�า ชาวมอญทำบุญใส่บาตร พระสงฆ์เจริญพระพุทธัมนต ถวาย อาหารเพลตามประเพณ จากนั�น สักการะสิ�งศักดิสิทธัิที�อยู่ภายในวัด ทั�งพระธัาตุเจ�าจอมมอญ (เจดย อธัิษฐานสำเร็จ) และพระพุทธัรูป ในช่วงเย็นประมาณ ๕ โมง ชาวบ�าน จะเริ�มตั�งข้บวนแห ผู้�าห่มต�นโพธัิ และ น�ำสะอาดใส่หม�อ เทินหม�อไว�บนหัว แล�วเดินตามข้บวนแห่มายังวัด ซีึ�งใน ระหว่างการแหก็จะมีดนตรข้องกลุ่ม ชาตพันธัุ์มารวมด�วย เหตทีต�องเทิน ข้องบนหัว ชาวมอญให�ความสำคัญ กับข้องทีศักดิสิทธัิ ที�เกี�ยวเน่�องกับ พระพุทธัศาสนา พระรัตนตรัย ดังนั�น จึงเทินข้องที�สำคัญไว�บนศีรษะ เสม่อน การให�ความเคารพต่อสิ�งศักดิสิทธัินั�น ใน พ ธัีกรรมจะเ ริ�มจากการ สวดมนต์ไหว�พระ เตรียมตัวสมาทาน ศีลพร�อมกัน แล�วจึงน�ำรดต�นโพธัิ
25 บูชาคร ได�แก ดอกไม� ธัูป เทียน เงินกำนล กล�วย มะพร�าว เหล�า บุหรี น�ำอบน�ำปรุง จัดใส่พาน เพ่�อ ข้อความเป็นสริมงคล ลำดับข้ั�นข้อง การแสดง เริ�มจากการไหว�คร ไหว� สิ�งศักดิสิทธัิ รำมอญตามกระบวนท่า และเบิกโรง ซีึ�งการแสดงข้องชาว มอญทีชุมชนนี วธัีแสดงการรำมอญ เริ�มด�วยการบรรเลง ผู้�รำยุบตัวเข้า จังหวะกลอง แล�วจึงเริ�มรำ มท่ารำ ประมาณ ๑๒-๑๓ เพลง ซีึ�งรำมอญ แต่ละคณะมีกระบวนการรำทีมีความ เหม่อนและแตกต่างกัน ลักษณะ ข้องท่ารำและลีลาการรำ จะรำโดย พร�อมเพรียงกัน โดยการฟัังจังหวะ และทำนอง และเคล่�อนตัวด�วยการ เข้ยิบเท�า ไมมีการยกเท�าข้ึ�นจาก พ่�น (บุญศร นิยมทัศน และคณะ, ๒๕๕๐: ๓๔-๓๖; ดสิตธัร งามยิ�ง, ๒๕๕๙: ๓๓๓) การแสดงในชุมชน นี โดยส่วนใหญ่เป็นการแสดงที�เน�น รดน�ำต�นโพธัิ ผู้่านรางไม�ไผู้ จากนั�นถวายผู้�าห่ม โพธัิ�เสม่อนการถวายผู้�าพระประธัาน จากนั�นจะเวียนเทียนรอบอุโบสถ จำนวน ๓ รอบ เม่�องานพธัีเสร็จสิ�นลง เป็นช่วง ข้องการออกร�านตลาดนิพพานข้อง ชาวไทยเช่�อสายมอญ เป็นนัยทาง สังคมในการเอ่�อเฟั้�อเผู้่�อแผู้ สร�าง ความสามัคค แบ่งปันให�แก่ชาว บ�านในชุมชน บ�านไหนทีมีอาหาร ข้าวสาร และข้องกินทั�งคาว หวาน ผู้ลไม� จะนำมาแจกจ่ายแบ่งปันกัน ไมมีการซี่�อข้าย เป็นการแลกเปลี�ยน กันด�วยบุญ ใช�บุญที�ได�ทำมาแล�วใน การแลกเปลี�ยนกัน ในช่วงนี�เป็นกิจกรรมการแสดง ข้องชาวบ�านในชุมชน ทั�งการแสดง ดนตร และการแสดงลิเกมอญ ละคร มอญ ตามความสะดวกในวันนั�น ก่อน แสดงจะมีการบูชาบรมครูทางด�าน ศิลปการแสดงและครูมอญ เคร่�อง เร่�องราวข้องวถชวิต การเกี�ยวพาราส ข้องชาวมอญ สร�างความสนุกสนาน ร่�นเริง และสร�างสสันให�แก่ประเพณ นี ความพิเศษข้องการแสดงนี ค่อ ชาวมอญที�เป็นผู้�ชมจะเข้ามามส่วน ร่วมในการร�องรำ เกี�ยวพาราส และ ได�รับรางวัลจากทีมนักแสดงด�วย สะท�อนถึงการมส่วนร่วม ความรัก สามัคค และคุณค่าทางศิลปวัฒนธัรรม ข้องกลุ่มชาตพันธัุ์ที�หล่อหลอม ชาวมอญไว�ด�วยกัน ประเพณวันวิสาข้บูชา “รดน�ำต�น โพธัิ�” ชาวไทยเช่�อสายมอญ บ�านพ ตะเคียน เป็นชุมชนชาวมอญทียังคง ได�รับการส่บทอดวัฒนธัรรม จารีต ข้นบธัรรมเนียมประเพณที�เกี�ยวข้องกับ พระพุทธัศาสนา การเคารพบูชาสิ�งที เป็นสัญลักษณข้องพุทธัศาสนา ดังเช่น ต�นโพธัิ ซีึ�งเป็นต�นไม�ทีมีความหมาย และมีความสำคัญ เป็นสิ�งศักดิสิทธัิ ควรแก่การเคารพบูชา ถ่อเป็นอีกหนึ�ง
26 รดน�ำต�นโพธัิ เวียนเทียนรอบอุโบสถ
27 การเตรียมเคร่�องดนตรีประกอบการแสดง ประเพณทีย่นยันได�ถึงความศรัทธัา ข้องชาวมอญทีมต่อพระพุทธัศาสนา นอกจากนียังมีการแสดงทางศิลป วัฒนธัรรมที�ได�รับการถ่ายทอดส่บ ต่อกันมา สะท�อนสภาพสังคมและ วัฒนธัรรมข้องกลุ่มชาตพันธัุ์อันทรง คุณค่าข้องชุมชน เอกสารอ้างอิง บุญศร นิยมทัศน และคณะ. (๒๕๕๐). นาฏกรรมมอญร�า. สำนักงานคณะ กรรมการวัฒนธัรรมแห่งชาต กระทรวงวัฒนธัรรม. ดสิตธัร งามยิ�ง. (๒๕๕๙). เล่ะฮ์์โหม่น: การรำ พธัีกรรม จารีต ในจังหวัด ปทุมธัานี. วารสารวจัยและพัฒนา วไลยอลงกรณ ในพระบรมราชูปถัมภ สาข้ามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์. ปที ๑๑ ฉบับที ๓ (กันยายนธัันวาคม ๒๕๕๙), ๓๓๑-๓๔๐. สำนักงานวัฒนธัรรมจังหวัดเชียงใหม่. (๒๕๖๕). ข้อมูลมรดกภมปัญญา วัฒนธัรรม เร่�องประเพณีแห่นมสดรดถวายต�นพระศรีมหาโพธัิ�. https://www.chiangmaiculture.net/web/index.php?r=site%2 Fdetail&id=105&type=culture. เข้าถึงเม่�อวันที ๑๐ มถุนายน ๒๕๖๕
28 THAI AND ORIENTAL MUSIC เรื่อง: เดชน คงอิม (Dejn Gong-im) ผูู้้ช่วยศาสตราจารย ประจ�าสาขาวิชาดนตรศึกษา คณะครุศาสตร มหาวิทยาลัยราชภิัฏพิบููลสงคราม เพลงไทยประเภทต่าง ๆ ได�ถูกกำหนดอัตราจังหวะและจังหวะหน�าทับสำหรับการบรรเลง ทั�งเพลงเถา เพลงโหมโรง เพลงหน�าพาทย เพลงเร่�องประเภทเพลงช�า เพลงเร็ว โดยผู้�แต่ง หร่อการทำส่บต่อ ๆ กันมาจน ถ่อเป็นแบบแผู้นในการทำเพลงนั�น เพลงเร่�องที�เรียบเรียงเข้าชุดเป็นเพลงเร่�องสำหรับปี�พาทย์ไว�บรรเลงเพ่�อรับ พระในพธัีมงคลต่าง ๆ รวมทั�งงานบุญประเพณ ประกอบเข้าด�วยเพลงในอัตราจังหวะ ๒ ชั�น ประเภทเพลงช�า หน�าทับปรบไก เพลงช�าหน�าทับสองไม� และเพลงเร็ว ลงจบด�วยเพลงลา โครงสร�างข้องเพลงเร่�องประเภทเพลง ช�า เพลงเร็ว มจังหวะและหน�าทับสำหรับตีกำกับเป็นพ่�นฐานในการบรรเลง ดังนี ๑. เพัลงช้า เป็นทำนองส่วนต�นข้องเร่�อง หมายรูกันโดยทั�วไปว่า เพลงช�ากค่อเพลงในอัตราจังหวะ ๒ ชั�น การตฉิ�งเข้ากับทำนองเพลงในส่วนเพลงช�านี อนุโลมให�ตฉิ�งในอัตราจังหวะ ๒ ชั�นฉาย หร่อเทียบได�กับอัตรา จังหวะ ๓ ชั�น ได�ตามความเหมาะสมข้องทำนองเพลงในแต่ละเร่�อง แต่ให�เข้าใจว่าไม่ใชลักษณะข้องการบรรเลง อย่างประเภทเพลงเถา จังหวะหน�าทับที�ใช�บรรเลงค่อหน�าทับปรบไก เคร่�องดนตรีประเภทเคร่�องหนังค่อตะโพน เป็นเคร่�องดนตรีสำหรับตีหน�าทับกำกับตลอดในส่วนข้องเพลงช�า โดยที�บรรเลงตามลักษณะข้องทำนองเพลง สอดส่ายตามการเคล่�อนทีข้องทำนองเพลงเป็นพ่�นฐาน ๒. เพัลงสุองไม เป็นทำนองที�ประกอบในเพลงเร่�องส่วนที ๒ ประเภทหน�าทับสองไม� อัตราจังหวะ ๒ ชั�น ที�เรียบเรียงต่อจากเพลงช�า หน�าทับสองไม�ในเพลงเร่�อง ใช�ตะโพนเป็นเคร่�องดนตรีบรรเลงกำกับบทเพลงตลอด ทั�งเร่�องในเพลงช�าเร่�องนั�น ๆ การตฉิ�งเข้ากับทำนองเพลงในส่วนเพลงช�าสองไม� เป็นอัตราจังหวะ ๒ ชั�น ภมวิทยาการเพัลงเร่�อง (ตอนที ๘) จัังหวะ หน้าทบุ เพัลงเร่�อง
29 ๓. เพัลงเรี็ว เป็นทำนองส่วนที ๓ ตามโครงสร�างข้องเพลงเร่�อง เพลงเร็วจะอยู่ในอัตราจังหวะชั�นเดียว ทำนองเพลงเร็วบางเพลงทีตัดทอนมาจากเพลงสองไม�ในหลาย ๆ เพลง อาจจะมต่างสำนวนกันแต่ใช�ช่�อเดียวกัน และกำหนดให�เห็นความแตกต่างโดยมีคำว่า เพัลงเรี็ว อยู่หน�าช่�อเพลงนั�น เช่น เพลงเร็วต�นบรเทศ เพลงเร็ว จำปานาร เป็นต�น เพลงเร็วใช�ตะโพนบรรเลงกำกับจังหวะหน�าทับตลอดทั�งเพลงเร็วข้องเร่�องเพลงช�าเร่�องนั�น ๆ การตฉิ�งเข้ากับทำนองเพลงในส่วนเพลงเร็ว เป็นอัตราจังหวะชั�นเดียว หน้้าทัับเพลงช้้า สำหรับเพลงช�าบางเร่�องทีมีหน�าทับตีกำกับและใช�แทนในส่วนข้องเพลงช�าปรบไก่เป็นการเฉพาะ ในกรณ ที�เพลงช�าบางเร่�องมีหน�าทับประกอบการบรรเลงกำกับอยู่ เช่น เพลงช�าเร่�องฝ่รั�งรำเท�า มีหน�าทับเฉพาะฝ่รั�ง รำเท�าตีประกอบ เพลงช�าเร่�องพญาโศก มีหน�าทับพญาโศกตีประกอบ เพลงช�าเร่�องกะระนะ มีหน�าทับกะระนะ ตีประกอบ เพลงช�าเร่�องสิงโตเล่นหาง มีหน�าทับเฉพาะสิงโตเล่นหางตีประกอบ เพลงเร่�องเวียนเทียน มีหน�าทับ เวียนเทียนตีประกอบ เพลงเร่�องลงสรง มีหน�าทับลงสรงตีประกอบ เป็นต�น หน้้าทัับตะโพน้เพลงช้้า หน�าทับตะโพนเพลงช�า สำหรับทำเข้าในส่วนข้องเพลงช�า ม ๒ ประเภท ๑. หน้าทับเพัลงช้าปรีะเภทหน้าทับปกต ได�แก หน�าทับปรบไก อัตราจังหวะ ๒ ชั�น ทำเข้าประกอบกับ เพลงช�าได�ทุกเร่�อง ในกรณที�ไม่สามารถทำหน�าทับเฉพาะได�ให�ใช�หน�าทับปรบไก่แทนในส่วนข้องเพลงช�า หนาทับปรบไก ๒ ชั้น พรึง พรึง ตุบ ปะ ตุบ พรึง พรึง ตุบ พรึง

ได�แก

30 ๒. หน้าทับเพัลงช้าปรีะเภทหน้าทับเฉพัาะ
หน�าทับพิเศษ อัตราจังหวะ ๒ ชั�น ทำเข้าประกอบกับ เพลงช�าเฉพาะเร่�อง เช่น เพลงช�าเร่�องกะระนะ เพลงช�าเร่�องพญาโศก เพลงช�าเร่�องฝ่รั�งรำเท�า เพลงช�าเร่�องสิงโต เล่นหาง เพลงช�าเร่�องเข้มรใหญ เพลงเร่�องลงสรง เพลงเร่�องทำข้วัญ หนาทับเพลงกะระนะ สําหรับทําเขาในสวนของเพลงชาเรื่องกะระนะ ปะ ตุบ ปะ ตุบ พรึง ปะ ตุบ ติง เทง ตุบ ติง ตุบ เพริ่ง เทง ติง ตุบ ปะ
31
32 หนาทับเพลงพญาโศก สําหรับทําเขาในสวนของเพลงชาเรื่องพญาโศก ตุบ พรึง พรึง ปะ ตุบ พรึง ปะ ตุบ เพริ่ง ตุบ เพริ่ง เทง พรึง
33
34 หนาทับเพลงฝรั่งรําเทา สําหรับทําเขาในสวนของเพลงชาเรื่องฝรั่งรําเทา ตุบ ติง ปะ ตุบ ติง ปะ ปะ ตุบ ตุบ พรึง ตุบ พรึง พรึง ตุบ เพริ่ง เทง พรึง
35 หนาทับเพลงสิงโตเลนหาง สําหรับทําเขาในสวนของเพลงชาเรื่องสิงโตเลนหาง ปะ ปะ ตุบ ปะ ตุบ ติง ตุบ ปะ ปะ ปะ ตุบ ปะ ตุบ ติง ตุบ ปะ ติง ตุบ ปะ ปะ ตุบ เพริ่ง ตุบ เพริ่ง เทง ถะ ตุบ ติง ตุบ ติง ตุบ เพริ่ง เทง ติง ตุบ ปะ
36 หนาทับเพลงเขมรใหญ สําหรับทําเขาในสวนของเพลงชาเรื่องเขมรใหญ ติง เพริ่ง ติง ปะ ปะ ตุบ ปะ ตุบ ติง ปะ ตุบ ปะ ตุบ ติง ปะ ตุบ ติง เทง ติง ตุบ เทง ติง ตุบ ปะ
37 หนาทับเพลงลงสรง สําหรับทําเขาในเพลงเรื่องลงสรง ปะ ปะ ตุบ ปะ ตุบ ติง ตุบ ปะ ปะ ปะ ตุบ ปะ ตุบ ติง ตุบ ปะ ตุบ เพริ่ง ตุบ เพริ่ง ตุบ ตุบ เพริ่ง เทง ถะ ตุบ ติง เพริ่ง ติง ติง ติง ตุบ เพริ่ง เทง ตุบ ติง ตุบ เพริ่ง เทง ติง ตุบ ปะ
38 หนาทับเพลงทําขวัญ สําหรับทําเขาในเพลงเรื่องทําขวัญ ปะ ตุบ ปะ ตุบ พรึง พรึง ตุบ ปะ พรึง พรึง ตุบ พรึง
39 ตุบ พรึง พรึง พรึง หน้าทับตะโพันสุองไม้เพัลงช้า สุองไม้เพัลงเรี็ว หน�าทับสองไม� สำหรับทำเข้าเพลงช�าสองไม� แบ่งตามการบรรเลงทำเข้ากับทำนอง ทั�งโดยกรณีบรรเลง ปกติและเข้าเพลงช�าสองไม�ในเร่�อง ม ๓ ประเภท ๑. หน้าทับสุองไม้เพัลงช้า แบบปกต สำหรับประกอบการบรรเลงและข้ับร�อง
40
41 ๒. หน้าทับสุองไม้เพัลงช้า สำหรับทำเข้าในสองไม�เพลงช�า ติง ถะ ตุบ พรึง พรึง เทง ถะ ตุบ พรึง พรึง
42
43
44 ๓. หน้าทับสุองไม้เพัลงช้า แบบเฉพัาะเพัลงบางเพัลง เช่น เพลงช�าสองไม�เร่�องสีนวล เพลงช�าสองไม�เร่�อง เหมราช เพลงช�าสองไม�เร่�องปราสาททอง เป็นต�น ติง ถะ ตุบ ติง ตุบ ติง ถะ ตุบ พรึง ติง ถะ ตุบ ติง ตุบ ติง ถะ ตุบ พรึง
45 ตุบ พรึง พรึง หน�าทับสองไม� ตะเข้ิ�ง สำหรับทำเข้าเพลงสองไม� เช่น เพลงตะเข้ิ�ง เพลงอาหน เพลงต�นบรเทศ หร่อเพลง ต�นวรเชษฐ และมีเรียกเป็นหน�าทับวรเชษฐ หน้้าทัับสองไม้้ เพลงเร็ว

สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธัรรมแห่งชาต กระทรวงวัฒนธัรรม ประจำปีงบประมาณ ๒๕๔๕. ณรงคชัย ปิฎกรัชต์. (๒๕๔๕). อิ่งค์ความรัู้ศิิลีปน์แห่งชาติ: สุำรัาญ เกิิดผู้ลี. งานวจัยที�ได�รับทุนอุดหนุนจาก สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธัรรมแห่งชาต กระทรวงวัฒนธัรรม ประจำปีงบประมาณ ๒๕๔๕. เดชน คงอิ�ม. (๒๕๔๕). ปรัะชุมเพลีงเรัอิ่ง บน์ทักิโน์้ตสุากิลีทัำน์อิ่งทัางฆ้้อิ่งวงใหญ ๔๐ เรัอิ่ง. มมท. บุษยา ชิดท�วม. (๒๕๖๓). ทัฤษ์ฎีีดรัิยางค์ไทัย: อิ่งค์ปรัะกิอิ่บเพลีงไทัย. พิมพ์ครั�งที ๓. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. พงษศิลป อรุณรัตน์. (๒๕๖๕). สุังคีตวิเครัาะห. นครปฐม: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร.

พชิต ชัยเสรี. (๒๕๕๙). สุังคีตลีกิษ์ณ์์วิเครัาะห. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

46 องค์ประกอบที�สำคัญในการทำ เพลงเร่�องประเภทเพลงช�า ทั�งใน รูปแบบตติยภม รูปแบบทติยภม และรูปแบบปฐมภม ที�ได�กล่าวใน ภมวิทยาการเพลงเร่�องตอนต�น ๆ แล�วนั�น จังหวะหน�าทับที�ทำประกอบ เข้าในเพลงช�าทุกเร่�องมีแบบแผู้นใน การนำหน�าทับเข้าทำประกอบ เป็น ภมิความรู�สำหรับผู้ทีศึกษาเพลงเร่�อง เอกสารอ้างอิง ข้ำคม พรประสิทธัิ�. (๒๕๔๖). อิ่ัตลีกิษ์ณ์์ขอิ่งเพลีงฉิิ�ง. รายงานผู้ลการวจัย. กรุงเทพฯ: ภาควิชาดริยางคศิลป จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณรงคชัย ปิฎกรัชต์. (๒๕๔๕). อิ่งค์ความรัู้ศิิลีปน์แห่งชาติ: พน์จิ ฉิายสุุวรัรัณ์. งานวจัยที�ได�รับทุนอุดหนุนจาก
มนตร ตราโมท. (๒๕๐๗). ศิัพทัสุังคีต. พระนคร: กรมศิลปากร. มนตร ตราโมท. (๒๕๔๕). ดรัิยางคศิาสุตรั์ไทัย. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร. มานพ วสุทธัิแพทย์. (๒๕๓๓). ดน์ตรัีไทัยวิเครัาะห. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชวนพิมพ์. ราชบัณฑิตยสถาน. (๒๕๔๕). สุารัาน์กิรัมศิัพทั์ดน์ตรัีไทัย ภิาคคีตะ-ดรัิยางค ฉิบับรัาชบณ์ฑิิตยสุถาน์ พิมพ ครั�งที ๒. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน. วัศการก แก�วลอย. (๒๕๕๘). วภิัชเพลีงเรัอิ่ง. ข้อนแก่น: ศิลปกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยข้อนแก่น. สกลธั ดอกลัดดา. (๒๕๔๕). วิเครัาะห์เพลีงเรัอิ่งเขมรัใหญทัางฆ้้อิ่งวงใหญ่: กิรัณ์ศิกิษ์าทัางเพลีงจิากิครัพน์จิ ฉิายสุุวรัรัณ์ ศิิลีปน์แห่งชาต. วิทยานิพนธั์ระดับมหาบัณฑิต สาข้าวิชาดนตร บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัย มหิดล. ในกรณที�ไม่สามารถจะทำหน�าทับ เฉพาะหร่อหน�าทับพิเศษเข้าเพลง ได� อนุโลมให�ใช�หน�าทับปรบไก่ใน เพลงช�า หน�าทับสองไม�ในเพลงช�า สองไม�และเพลงเร็ว รวมทั�งเม่�อจะ นำเพลงช�ามาทำเข้ากับการข้ับร�อง จะทำหน�าทับปกต ค่อ หน�าทับ ปรบไ ก่และห น� า ทับสองไ ม� ทำ ประกอบ ดังนี�แลฯ
47 นำเข้้าและจ้ัดจ้ำหน่ายโดยTSH MUSIC www.tshmusic.com (Tel. 02-622-6451-5)
48 MUSIC RE-DISCOVERY เรื่อง: จิตร กาว (Jit Gavee) อาจารย์ประจ�าสาขาวิชาดนตรศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร มหาวิทยาลัยราชภิัฏเชียงใหม มนุษย์/ดนตรี/หนังสัือ ตอนที ๒ งานสัังคีีตศิิลป ของกรมศิิลปากร ๒๔๙๒-๒๔๙๔ ช่วงไมกีข้วบเด่อนทีผู้่านมานั�น ในกรุงเทพมหานครและจังหวัดอ่�น ๆ กมีการต่�นตัวเป็นอันมากในเร่�องข้อง การจัดกิจกรรม “ดนตรีในสวน” เพ่�อ เป็นทีพักผู้่อนหย่อนใจข้องประชาชน ทั�วไป มีวงดนตรีมากมายหลาย ประเภททีถูกหยิบนำข้ึ�นมาบรรเลง แดมิตรรักแฟันเพลง หากมองย�อน ไปยังอดีตทีผู้่านมาในประเทศไทย หน่วยงานสำคัญทีมส่วนในการนำ เสนอศิลปวัฒนธัรรมการดนตรีแก ประชาชนมาจนถึงปัจจบันอันจะ มองข้ามไม่ได� นั�นกค่อ กรมศิลปากร ประวติความเป็นมาข้องกรม ศิลปากรนั�นถ่อว่าเป็นหน่วยงานหนึ�ง ทีก่อตั�งและปฏบติหน�าที�มาอย่าง ยาวนานกว่าร�อยป ตั�งแตป พ.ศ. ๒๔๕๔ ได�สร�างปรากฏการณ์สำคัญ

หน่วยงานที�เป็นราชการอย่างกรม

ศิลปากรกมีบทบาทที�สำคัญในการ

มอบความบันเทิงเพลิดเพลินแก

ประชาชน กิจกรรมต่าง ๆ ที�ดำเนิน

การโดยกรมศิลปากรช่วงเวลานั�นได�

มีการบันทึกรายละเอียดและตพิมพ

ออกมาเป็นหนังส่อเล่มหนึ�งช่วงป

49 ทางดนตรข้ึ�นหลายครั�งหลายครา เหตที�ตอนต�นผู้�เข้ียนได�เกริ�นนำถึง เร่�องดนตรีในสวนและกรมศิลปากร ก็เพราะใน มนุษย์/ดนตรี/หนังส่อ ฉบับนี จะพาท่านผู้อ่านทุกท่านไป รูจักกับหนังส่อเล่มสำคัญทีถ่อเป็น บันทึกปรากฏการณ์ทางดนตรที เคยเกิดข้ึ�นในสังคมไทยยุคอดีต ไม ว่าจะเป็นการแสดงดนตรีสำหรับ ประชาชน การแสดงโข้นละคร และ อ่�น ๆ ภายใต�การกำกับดูแลข้องกรม ศิลปากรนั�นเอง ผู้�เ ข้ียนจะ ข้ ออ นุญาตนำพา ท่านผู้อ่านทุกท่านย�อนเวลาไปใน ช่วงทศวรรษที ๒๔๙๐ ช่วงเวลา ที�เทคโนโลยต่าง ๆ ยังไม่ได�เจริญ รุดหน�าเช่นทุกวันนี การแสวงหา มหรสพความบันเทิงข้องประชาชน นอกจากมหรสพพ่�นบ�านทั�วไปแล�ว
พ.ศ. ๒๔๙๔ หนังส่อที�ผู้�เข้ียนนำมา เสนอในวันนีจึงเป็นหนังส่อสำคัญที บอกเล่าบรรยากาศข้องปรากฏการณ ทางดนตรทีน่าจะช่วยให�ผู้อ่านทุก ท่านได�มองเห็นภาพในช่วงเวลานั�น ง่ายมากยิ�งข้ึ�น หนังส่อดังกล่าวค่อ งานสังคีตศิลป ข้องกรมศิลปากร ๒๔๙๒-๒๔๙๔ งาน้สังคีีตศิิลป ของกร ม้ศิิลปากร ๒๔๙๒-๒๔๙๔ งานสังคีตศิลป นับว่าเป็นศาสตร แข้นงหนึ�งที�กรมศิลปากรปฏบตต่อ เน่�องและมีการบันทึกมาโดยตลอด แม�เอกสารหลายชิ�นจะไม่สามารถ ค�นหาได�ง่าย อาจด�วยเพราะความ เก่าแก การสูญหาย หร่อปริมาณฉบับ ตพิมพทีมีจำกัด แต่เม่�อใดที�เอกสาร เหล่านั�นถูกค�นพบ กมกจะสร�าง ความต่�นเต�นและช่วยตอบคำถามใน เชิงประวติดนตรข้องบ�านเม่องเราได� ไม่มากกน�อย หนังส่องานสังคีตศิลป ข้องกรมศิลปากร ๒๔๙๒-๒๔๙๔ ก เป็นหนึ�งในนั�น หนังส่องานสังคีตศิลป ข้องกรม ศิลปากร ๒๔๙๒-๒๔๙๔ ถูกตพิมพ ข้ึ�นในป พ.ศ. ๒๔๙๔ โดยโรงพิมพ พระจันทร ท่าพระจันทร มีนายสนั�น บุณยศรพันธัุ์ เป็นเจ�าข้อง ผู้พิมพ และผู้พิมพ์โฆษณา ในช่วงเวลา ทีตพิมพ์หนังส่อเล่มนีนั�นผู้�ดำรง ตำแหน่งอธัิบดีกรมศิลปากรค่อ พันโท หลวงรณสิทธัพชัย บุคคลท่านนี เป็นหนึ�งในเหล่านายทหารผู้ร่วม เปลี�ยนการปกครองประเทศสยาม เม่�อป พ.ศ. ๒๔๗๕ แต่แม�ว่าหลวง รณสิทธัพชัยจะเคยดำรงตำแหน่ง ทางทหารมาก่อน อาจด�วยเพราะม ความนิยมชมชอบในศิลปการดนตร การละคร เม่�อได�มีโอกาสเข้ามารับ หน�าที�อธัิบดีกรมศิลปากร จึงนับเป็น ช่วงที�วงดริยางค์สากลกรมศิลปากร และศิลปะการแสดงอ่�น ๆ ได�รับการ ส่งเสริมอย่างเต็มที ที�มาข้องหนังส่องานสังคีตศิลป ข้องกรมศิลปากร ๒๔๙๒-๒๔๙๔ นี หลวงรณสิทธัพชัย ได�กล่าวในคำนำ ข้องหนังส่อไว�ว่า “...ใน์ด้าน์น์าฏศิิลีปแลีะดรัิยางค ศิิลีปน์ัน์ น์ายธิน์ิต อิ่ยู่โพธิิ หัวหน์้า กิอิ่งกิารัสุังคีต ได้พยายามเรัียบเรัียง เรัอิ่งรัาวทัี�เกิี�ยวขอิ่งกิับงาน์ทัั�งสุอิ่ง น์ัน์ไว้เปน์อิ่น์มากิ รัวมทัั�งกิารัแน์ะน์ำ ผูู้้อิ่น์ใหรัู้จิกิดูแลีะรัู้จิกิฟัังด้วย โดย เฉิพาะงาน์จิัดสุรั้างน์าฏกิรัรัมสุำหรัับ แสุดงใน์โรังลีะครัศิิลีปากิรั แลีะงาน์ บรัรัเลีงดน์ตรัสุำหรัับปรัะชาชน์ ณ์ สุังคีตศิาลีาน์ัน์ ผู้เรัียบเรัียงได้แทัรักิ หลีกิวิชาแลีะความรัู้ทัั�วไปเกิี�ยวกิับ ตำน์าน์ขอิ่งศิิลีป ทัั�งมกิารัวจิารัณ์์ ลีกิษ์ณ์ะแลีะบทับาทัขอิ่งตัวลีะครั บางตัวใน์บางเรัอิ่งไวด้วย อิ่น์น์ับเปน์ ปรัะโยชน์์แกิ่ผูู้้ดูผู้ฟัังเปน์อิ่น์มากิ...” (หลวงรณสิทธัพชัย กล่าวในคำนำ หนังส่องานสังคีตศิลป ข้องกรม ศิลปากร ๒๔๙๒-๒๔๙๔) ภาพประกอบภายในเล่ม (ที�มา: งานสังคีตศิลป ข้องกรมศิลปากร ๒๔๙๒-๒๔๙๔)

งานบันทึกเพลงไทย

50 ดังนั�น จากข้อความข้องหลวงรณ สิทธัพชัย จึงกล่าวได�ว่า หนังส่องาน สังคีตศิลป ข้องกรมศิลปากร ๒๔๙๒๒๔๙๔ เกิดข้ึ�นได�จากการเรียบเรียง โดยนายธันิต อยู่โพธัิ หัวหน�ากอง การสังคีตในข้ณะนั�น ก่อนทีต่อมา ท่านจะได�ดำรงตำแหน่งอธัิบดีกรม ศิลปากร ผู้ที�จะเป็นต�นคิดในการ ผู้ลิตหนังส่อสำคัญทางดนตรอีก หลายเล่มทีจัดทำโดยกรมศิลปากร หนังส่องานสังคีตศิลป ข้อง กรมศิลปากร ๒๔๙๒-๒๔๙๔ เป็น หนังส่อข้นาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก มีเน่�อหา หนา ๑๖๒ หน�า โดยสามารถแบ่ง เน่�อหาเป็นสองส่วนหลัก ๆ ได�แก ส่วนที�เกี�ยวข้องกับศิลปะการแสดง ละคร และส่วนที�เกี�ยวข้องกับการ แสดงดนตร ทั�งนี�ผู้�เรียบเรียงได�จัด วางเร่�องต่าง ๆ ในสารบัญเร่�องเป็น ๒๐ เร่�อง (ในสารบัญดั�งเดิมจะระบ ไว� ๑๙ เร่�อง แตมีการพิมพซี�ำตัวเลข้ ๑ เร่�อง ทำให�นับได�จำนวนจริงทั�งสิ�น ๒๐ เร่�อง: ผู้�เข้ียน) ได�แก ๑. การสร�างนาฏกรรมในกรม ศิลปากร ๒. ความเป็นมาข้องเร่�องขุ้น ช�างขุ้นแผู้น ๓. สังเข้ปเร่�องขุ้นช�างขุ้นแผู้น ๔. ลักษณะข้องตัวละครบาง ตัวในเร่�อง ๕. ดนตรีสำหรับประชาชน ๖. การรักษามาตรฐานเดิม ข้องดนตรีไทย ๗. ฐานะนักดนตรีไทย ๘. ว่ากันวันนี ๙. คำชี�แจงในการแสดงละคร เร่�องพระร่วง ๑๐. ลักษณะและบทบาทข้อง ตัวละครในนาฏกรรมประวติศาสตร เร่�องพระร่วง ๑๑. สร�อยเพลงเข้มรพระประทุม ๑๒. เม่�อฤดูแสดงศิลปผู้่านไป ๑๓. เม่�อฤดูแสดงศิลปมาเย่อน ๑๔. ข้อพึงสังเกตในการดูละคร รำ ๑๕. ความแตกต่างระหว่าง ละครนอกกับละครใน ๑๖. สุวรรณหงสถูกหอก ๑๗. คำประกาศรอบสุดท�าย (ที ๗๑) ข้องการแสดงละครนอก เร่�องสุวรรณหงส ๑๘. ตลกโข้นละคร ๑๙. สถติการแสดงนาฏกรรม ไทยข้องกรมศิลปากร ๒๐. สถติประจำปข้องนักเรียน ในโรงเรียนนาฏศิลป โดยประเด็นตามสารบัญที�ยก มานี ยังคงมีประเด็นย่อยอีกหลาย ประเด็นทีน่าสนใจ เช่น ในเร่�องการ รักษามาตรฐานเดิมข้องดนตรีไทย
ประเด็นย่อยค่อ
เป็นโน�ตสากลครั�งแรก งานบันทึก เพลงไทยเป็นโน�ตสากลครั�งที ๒ การจัดพิมพ์โน�ตเพลงไทย คาดคะเน ผู้ลภายหลังพิมพ์ลงเป็นตัวโน�ตแล�ว หร่ออย่างในหัวเร่�องฐานะนักดนตร ไทย มีประเด็นย่อยค่อ ดนตรีเปรียบ ด�วยอาภรณ การผู้ดุงฐานะนักดนตร ไทย ฐานะข้องผู้ศึกษาศิลปะ ดนตร ไทยวันอาทิตย เป็นต�น “ดน้ตรสาหรับประช้าช้น้” ตัวอย่่าง ประเดน้ทัีน้่าสน้ใจภาย่ใน้เลม้ ภายในหนังส่องานสังคีตศิลป ข้องกรมศิลปากร ๒๔๙๒-๒๔๙๔ มีประเด็นทีน่าสนใจมากมาย โดยผู้ เข้ียนจะข้อยกตัวอย่างบางประเด็น ที�ปรากฏภายในเล่มอันมีความน่า สนใจมากล่าวถึง ค่อเร่�องข้องดนตร พันโท หลวงรณสิทธัพชัย (ที�มา: http://www.reurnthai.com/index.php?topi c=5356.210)
51 ภาพประกอบภายในเล่ม (ที�มา: งานสังคีตศิลป ข้องกรมศิลปากร ๒๔๙๒-๒๔๙๔) สำหรับประชาชน ดนตรีีสุำหรีับปรีะชาชน นับ เป็นกิจกรรมหนึ�งข้องกรมศิลปากร ที�ประสบความสำเร็จและยังคงม การจัดการแสดงมาจนถึงปัจจบัน (ทศวรรษที ๒๕๖๐) โดยกรมศิลปากร มักจะจัดกิจกรรมนีข้ึ�นบริเวณสถานที ที�เรียกว่าสังคีตศาลา เริ�มจัดกระทำ ครั�งแรกตั�งแตป พ.ศ. ๒๔๙๑ โดย เน่�อหาส่วน ดนตรีสำหรับประชาชน ในหนังส่อเล่มนี ได�กล่าวถึงคุณ ประโยชนข้องดนตรที�จะก่อเกิดข้ึ�นแก ผู้ที�ได�รับฟััง เข้ียนในลักษณะภาษา ที�เป็นกึ�งทางการ เข้าใจง่าย และชี ชวนให�คิด อาท “...ทัำไมคน์เรัาจิึงตอิ่งน์ำศิิลีป ทัางดน์ตรัีมาใช้เปน์สุอิ่เครัอิ่งสุำแดง อิ่อิ่กิซึ่�งความรัู้สุกิน์กิเหน์? คำตอิ่บ อิ่ย่างกิว้าง ๆ กิค่อิ่ว่า เพรัาะความ รัู้สุกิน์กิเหน์น์ัน์ ถ้าเรัาน์ำไปใช้ใน์ทัาง ทัีถกิทัี�ควรั กิมีปรัะโยชน์์แกิ่ตน์เอิ่ง เปน์อิ่เน์กิปรัะกิารัแลีะอิ่าจิอิ่ำน์วย ปรัะโยชน์์แกิ่ผูู้้อิ่น์ได้เปน์อิ่ย่างมหาศิาลี อิ่กิด้วย...” ในส่วนข้องดนตรีสำหรับประชาชน นี ยังมีการแนะนำความรูทั�วไปใน การฟัังดนตร เพ่�อให�ประชาชนทั�วไป สามารถสัมผู้ัสเน่�อหาทางดนตรทีม ความลึกซีึ�งมากยิ�งข้ึ�น ดังที�ปรากฏ หัวข้อย่อยข้อหนึ�งในส่วนดนตรีสำหรับ ประชาชน ค่อ “การฟัังดนตรด�วย ความรู�สามัญ” ตอนหนึ�ง กล่าวว่า “...ไมจิำเปน์ว่าทั่าน์จิะตอิ่งศิกิษ์า แลีะมีความรัู้ใน์วิชากิารัดน์ตรัน์ัน์ ๆ หรั่อิ่หาไม แตทั่าน์กิอิ่าจิหาความ บน์เทัิงใจิแลีะสุรั้างความรัู้สุกิน์กิ เหน์ขอิ่งทั่าน์ตามไปด้วยได เพรัาะ ตามธิรัรัมดาขอิ่งคน์เรัา ยอิ่มมพ่น์ อิ่ารัมณ์์ทัีจิะรัับรัอิ่งใน์กิารัฟัังดน์ตรั อิ่ยู่แลี้วทักิทั่าน์ พอิ่ไดยน์จิังหวะแลีะ ทัำน์อิ่งเพลีงบางเพลีง เรัากิ็พอิ่จิะเดา รัู้ได เชน์ เพลีงทัีมจิังหวะช้า กิมกิ เปน์เพลีงปรัะเภิทัโศิกิ-ครั�ำครัวญรัำพน์รัักิ แตจิังหวะช้ากิมสุำเน์ียง หน์กิแน์น์กิมกิเปน์เพลีงเดน์ขบวน์ เกิียรัติยศิ...” “ดนตรีเปรียบกับอาหาร” เป็น ประโยคทีถูกยกข้ึ�นมาเพ่�อนำไปสู่ การนำเสนอเน่�อหาเกี�ยวกับที�มาข้อง กิจกรรมดนตรีสำหรับประชาชนข้อง
52 การแสดงดนตรีสำหรับประชาชน ทีสังคีตศาลา (ที�มา: งานสังคีตศิลป ข้องกรมศิลปากร ๒๔๙๒-๒๔๙๔)

หนังส่อเล่มนี

ที�นำเสนอในกิจกรรมเป็นอาหารที

53 หน�าเว็บไซีตที�เผู้ยแพร งานสังคีตศิลป ข้องกรมศิลปากร ๒๔๙๒-๒๔๙๔ (ที�มา: ฐานข้อมูลข้องสำนักหอสมุดแห่งชาต http://digital.nlt.go.th/)
โดยเปรียบเทียบดนตร
มีความหลากหลาย สดใหม ซีึ�งม ความแตกต่างจากอาหารประเภท เสบียงกรัง หากเปรียบให�เห็นภาพ ชัดในเชิงการฟัังดนตร ก็เปรียบกับ การฟัังดนตรีสดกับดนตรทีถ่ายทอด ผู้่านวิทยุหร่อแผู้่นเสียงนั�นเอง ซีึ�ง จะให�รสชาต อารมณ ความรูสึกที แตกต่างกัน “...กิรัมศิิลีปากิรัจิึงใหจิัดไดม ดน์ตรัสุำหรัับปรัะชาชน์ขึน์ ใน์ตอิ่น์ เยน์วน์เสุารั์แลีะวน์อิ่าทัิตย รัะหว่าง ตั�งแต่เด่อิ่น์พฤศิจิิกิายน์ทั้ายฤดูฝน์ จิน์ถึงเด่อิ่น์พฤษ์ภิาคมตน์ฤดูฝน์ รัวม เวลีารัาว ๖ เด่อิ่น์ เพอิ่ทั่าน์ผูู้้สุน์ใจิ ไดมีโอิ่กิาสุไปฟัังกิารับรัรัเลีงขอิ่งวง ดน์ตรัทัี�ปรัับเครัอิ่งปรัับวงเปน์อิ่ย่าง ดีเทั่าทัีจิะหาได้ใน์สุมัยน์ี แลีะเพอิ่ทัี จิะให้ปรัะชาชน์ได้ฟัังกิารัเปลี่งเสุียง อิ่อิ่กิมาจิากิวงดน์ตรัีโดยตรังจิรัิง ๆ ซึ่�งเปรัียบเสุม่อิ่น์เรัารัับปรัะทัาน์ อิ่าหารัสุด มิใช่ฟัังจิากิแผู้น์เสุียง หรั่อิ่ฟัังทัางวทัย ซึ่�งเปรัียบเสุม่อิ่น์ รัับปรัะทัาน์อิ่าหารัปรัะเภิทัเครัอิ่ง แห้งแลีะเครัอิ่งดอิ่งชน์ิดทัี�เรัียกิว่า เสุบียงกิรััง...” สรุป หากพนิจดูแล�ว เน่�อหาภายใน หนังส่องานสังคีตศิลป ข้องกรม ศิลปากร ๒๔๙๒-๒๔๙๔ มิใช่เป็น หนังส่อที�เผู้ยแพร่ความรู�เกี�ยวกับ งานสังคีตภายใต�ความรับผู้ิดชอบ ข้องกรมศิลปากรแต่เพียงเท่านั�น แต่เป็นหนังส่อบันทึกเหตุการณที เกิดข้ึ�นในช่วงระยะแห่งการพัฒนา ศิลปะการแสดงโดยเฉพาะการดนตร ในประเทศสยาม มีการกล่าวถึง เบ่�องหลังกิจกรรมต่าง ๆ ปัญหา แนวทางแก�ไข้ ทั�งยังมีการอภิปราย ผู้ลสัมฤทธัิ�บางประการที�เป็นข้อมูล ที�สำคัญอันจะช่วยให�ผู้อ่านเข้าใจถึง การทำงานด�านสังคีตศิลปข้องกรม ศิลปากรในอดีตอีกด�วย หนังส่อเล่ม นียังคงมอีกหลายประเด็นทีมีความ น่าสนใจซีึ�งไม่ได�กล่าวถึงในบทความ ชิ�นนี ท่านผู้อ่านทุกท่านสามารถเข้า ถึงหนังส่อเล่มนี�ในรูปแบบส่�อออนไลน ได�ในเว็บไซีต์ฐานข้อมูลข้องสำนัก หอสมุดแห่งชาต http://digital. nlt.go.th/ โดยใช�คำสำคัญในการ ค�นหาค่อ “งานสังคีตศิลป” ในตอนต่อไป หนังส่อเล่มใดจะ ถูกหยิบยกนำมากล่าวถึงในบทความ ชุด มนุษย์/ดนตรี/หนังส่อ นี โปรด ติดตามตอนต่อไปครับ เอกสารอ้างอิง กรมศิลปากร. (๒๔๙๔). งาน์สุังคีต ศิิลีป ขอิ่งกิรัมศิิลีปากิรั ๒๔๙๒๒๔๙๔. พระนคร: โรงพิมพ พระจันทร์.

Launy Grøndahl Concerto for Trombone and Orchestra

In the world of trombone there are not many concerti written compared to other instruments. In this limited repertoire, the concerto by Grøndahl is by far one of the most popular concertos played by professionals or college students. The concerto was written in 1924 by Danish composer Launy Grøndahl during his musical study in Italy. This well-crafted music was dedicated to Vilhelm Aarkrogh, the principal trombonist of the Orchestra of the Casino Theatre in Copenhagen. Luckily for me, I have had the pleasure of learning and performing this wonderful concerto during my 3rd year of undergraduate studies.

The piece, like most standard concertos, consists of three movements: Moderato assai ma molto masttoso, Quasi una Leggenda-Andante Grave, and Finale-Maestoso and Rondo. The first movement features two major contrasting themes. After a measure and a half of foreshadowing, an eighth note arpeggiated motive begins this movement and is found throughout the movement in different key areas. I have spent countless hours on the first four notes just to get the correct stylistic feeling of the piece. I began this process by listening to both the orchestra and piano version of recordings, as it is very important

for the player to listen to the foreshadowing mentioned earlier to get the correct energy to start the full melody. Next I experimented with articulations using different syllables and vowels: for me a “ta” articulation will present a strong and thick sound, a “da” articulation would sound lighter and weaker but clearer, and I stuck on with the “ta” articulation. After playing the first motive again on the subdominant key on bar 14, in this passage the notes are Bb-A-F-Bb, followed by a faster passage that goes C-Db-Bb repeatedly. Now playing the trombone the normal slide position would go 6-5-1, or t1-5-1, but since this is a very fast

54 BRASS INSTRUMENT
Launy Grøndahl
56 JAZZ STUDIES เรื่อง: อรรณวิน เกิดที่สุด (Annawin Kerdteesud) อาจารย์ประจ�าสาขาวิชาดนตรีแจ๊ส วิทยาลัยดริยางคศิลป มหาวิทยาลัยมหิดล การแสัดงของ Mahidol University Jazz Orchestra (MJO) ในงานเทศิกาลดนตรีแจัสันานาชาติเพั่�อการเรียนรู้ ทัีม้าของวง Mahidol University Jazz Orchestra (MJO) วง Mahidol University Jazz Orchestra (MJO) เป็นวงดนตร แจ๊สข้นาดใหญ ที�ประกอบด�วย นักศึกษาข้องวิทยาลัยดริยางคศิลป มหาวิทยาลัยมหิดล เริ�มก่อตั�งเม่�อ พ.ศ. ๒๕๔๖ ม Asst. Prof. Dr. Joseph Bowman ทำหน�าที�เป็นผู้ ควบคุมวง ในยุคแรก วง Mahidol University Jazz Orchestra เริ�มต�น จากการบรรเลงบทเพลงจากบท ประพันธั์สำหรับ Jazz Big Band เช่น ผู้ลงานจาก Duke Ellington, Maria Schneider, Thad Jones, Bob Mintzer และ Gordon Goodwin เป็นต�น ซีึ�งการแสดงส่วนใหญข้อง MJO จะเป็นการแสดงในช่วงปลาย ภาคเรียนข้องวิทยาลัยดริยางคศิลป และในบางกรณ อาจมีการแสดงดนตร นอกสถานที�เป็นจำนวนเล็กน�อย จนกระทั�งต่อมา สาข้าวิชา ดนตรีแจ๊ส ได�จัดให�มีงานเทศกาล ดนตรีแจ๊สนานาชาติเพ่�อการเรียนรู (Thailand International Jazz Conference: TIJC) ข้ึ�น Mahidol University Jazz Orchestra ใน ฐานะข้องวงดนตรีแจ๊สข้นาดใหญ ที�เป็นวงหลักข้องสาข้าวิชา ก็ได� เข้าร่วมบรรเลงในเวทีหลัก (Main Stage) ข้องเทศกาล TIJC นี ซีึ�ง ในช่วงดังกล่าวนี ถึงแม�ว่า MJO จะ ได�พัฒนาฝ่ีไม�ลายม่อในการบรรเลง ดนตรีมาเป็นอย่างมากแล�ว แต บทเพลงส่วนใหญที�เล่อกมาบรรเลง กยังคงคัดเล่อกจากบทประพันธัข้อง นักประพันธั นักเรียบเรียง หร่อนัก ดนตรีแจ๊สทีมช่�อเสียงอยู่ อย่างไรก็ตาม ด�วยทิศทางข้อง

ครั�งก่อน

57 งาน TIJC ที�เริ�มเติบโตข้ึ�นและม กิจกรรมที�หลากหลายเพิ�มข้ึ�น โดย เฉพาะอย่างยิ�ง การพัฒนาข้องเน่�อหา ทางดนตร ทีต่อมาได�มีเยาวชนรุ่น ใหม ๆ เข้ามาสนใจดนตรีแจ๊สเป็น จำนวนมากข้ึ�น ทำให�เห็นว่าวงการ ดนตรีแจ๊สในประเทศไทยมีการเจริญ เติบโตเป็นอย่างมาก ทั�งในส่วนข้อง ผู้�ฟัังที�เข้าร่วมกิจกรรมและผู้�เล่นที เข้าร่วมแสดงมากข้ึ�นเร่�อย ๆ สิ�ง สำคัญทีสุดทีดูเหม่อนจะเป็นแนว โน�มใหม่ในวงการการศึกษาแจ๊สก ค่อ การที�วงดนตรที�เข้าร่วมแสดง เริ�มนำบทเพลงที�ตนเองประพันธั ข้ึ�นเองมาบรรเลงในงาน TIJC เป็น จำนวนมากข้ึ�นเร่�อย ๆ เสม่อนว่า งาน TIJC เป็นแหล่ง Showcase หลัก ที�ไว�ใช�ในการปล่อยข้องข้องตน โดยส่วนใหญ่แล�วบทเพลงที�ประพันธั กันข้ึ�นมาเองมักจะนำมาเล่นเป็นวง ข้นาดเล็ก (Small Ensemble) ใน ข้ณะทีมีวงข้นาดใหญ่บางวงเริ�มม การประพันธั์บทเพลงกันข้ึ�นมาเอง บ�าง แตกยังเป็นส่วนน�อย ทางสาข้าวิชาดนตรีแจ๊สเองก็เล็ง เห็นในแนวโน�มพัฒนาการทีน่าสนใจ นี จึงได�มีแนวคิดและคำถามข้ึ�นมา ว่า ทำไมทางสาข้าวิชาจึงไม่ลองให� นักศึกษาข้องเราได�ใช�โอกาสนี�ในการ ฝ่ึกเข้ียนและเรียบเรียงเพลงสำหรับ วงดนตรีแจ๊สข้นาดใหญ ซีึ�งนอกจาก จะได�ใช� Mahidol University Jazz Orchestra ในฐานะเคร่�องม่อช่วย บรรเลงบทเพลงข้องตนแล�ว ยังได�ใช� โอกาสนี�ในการนำผู้ลงานข้องตนเอง มาแสดงในงานนี�ได�อีกด�วย ถ่อว่า เป็นโอกาสทีดีมากสำหรับนักศึกษา และทางวง MJO เอง ที�ได�มีโอกาส บรรเลงบทเพลงทีมีความท�าทายและ ยังได�สร�างแรงบันดาลใจบวกกับแรง กระตุ�นให�เยาวชนเกิดความต�องการ ที�จะเข้ียนผู้ลงานข้องตัวเองมาแสดง ในงาน TIJC หลังจากนั�นเป็นต�นมา วง MJO กดูจะมีประเพณีปฏบติเป็นประจำ ทุกป ที�จะคัดเล่อกและนำบทเพลง ทีนักศึกษาประพันธัข้ึ�น มาบรรเลง ในงาน TIJC การแสดงข้อง MJO ใน TIJC ครั�งนี ถ่อได�ว่ามอุปสรรคในการซี�อม อยู่พอสมควร เน่�องจากโดยปกต แล�วการซี�อมดนตรข้องวง MJO มักจะเป็นไปตามตารางสอนข้อง ปีการศึกษา ซีึ�งจะทำให�ทางวงม เวลาเตรียมตัวซี�อมเป็นเวลานาน หลายสัปดาหก่อนการแสดงจริง แต เน่�องจากสถานการณ์การแพร่ระบาด ข้องโรคติดเช่�อ COVID-19 ที�ดำเนิน ต่อเน่�องมาอย่างยาวนาน ทำให�ใน TIJC ครั�งนี วง MJO ไม่สามารถ รวมตัวฝ่ึกซี�อมกันได�เลยตลอดภาค การศึกษาทีผู้่านมา อย่างไรก็ตาม เวลาข้อง TIJC ก มาถึง ในข้ณะที�วง MJO มีระยะเวลา เหล่อซี�อมได�ทั�งสิ�นไม่เกิน ๖
ถึงวันแสดง นอกจากนี สมาชิกข้อง
58 วงก็เป็นสมาชิกใหม่เก่อบทั�งหมด ทั�ง ยังต�องบรรเลงบทเพลงใหม ๆ ในป นี ถ่อว่ามีความท�าทายมาก ทั�งด�าน ข้องเสียงประสาน (Harmony) และ จังหวะ (Rhythm) โดยเฉพาะอย่าง ยิ�งในประเด็นข้อง Time Signature นีจึงทำให�การเตรียมตัวข้อง MJO ในปนี มีความท�าทายเป็นอย่าง มาก ทั�งสำหรับนักศึกษาผู้�เล่นและ อาจารย์ผู้�ควบคุมวง หากแ ต่เ ม่�อมองใน มุมก ลับ เหตุการณทั�งหมดนีกถ่อได�ว่าส่ง ผู้ลดีในอีกทางหนึ�ง เน่�องจากทำให� นักศึกษาได�รับประสบการณ์จริงข้อง การซี�อมและการแสดงทีมีความใกล� เคียงกับแนวปฏบตข้องวงดนตรีอาชีพ ที�โดยปกติแล�วจะมีเวลาในการเตรียม ตัวค่อนข้างน�อย บางครั�งนักดนตร จะได�รับโน�ตกันก่อนการเล่นจริงไม นาน และสามารถซี�อมได�เพียงไมกี ครั�งกต�องแสดงแล�ว ซีึ�งตัวนักศึกษา เองก็คงจะได�ประสบการณ์จากการ แสดงใน TIJC ครั�งนี�ไปไม่มากกน�อย บ ทั เพลง ทัี�แสดงใ น้ งา น้ Thailand International Jazz Conference บทเพลงที�นำมาแสดงในงาน TIJC ครั�งนี ประกอบด�วยบทประพันธั จากนักศึกษาทั�งหมด ถ่อได�ว่าเป็น งานทีมีความท�าทายต่อผู้�เล่นและ ผู้�ควบคุมวงเป็นอย่างมาก ดังจะ ข้อกล่าวดังนี THE LAST ANSWER (ประพันธั โดย อริยะ สิงหสาคเรศ) ผู้�ประพันธั์เพลง The Last Answer เป็นนักศึกษา Jazz Trumpet ฝ่ม่อดีและมีความสามารถในการแต่ง เพลงทีดอีกด�วย บทเพลง The Last Answer ม Time Signature 4/4 ทีมลักษณะ ข้องจังหวะเป็นแบบ Even 8th โดย ในทางเสียงประสานนั�นจะมีความ ยาวข้องคอร์ด (Chord Duration) ส่วนใหญ่แล�วอยู่ที ๒ ห�องต่อคอร์ด ซีึ�งถ่อว่าไม่ได�เปลี�ยนแปลงบ่อยนัก ถึงแม�ว่าองค์ประกอบทางจังหวะ และเสียงประสานจะมีความเรียบ ง่าย แต่ผู้�ประพันธั์จะค่อนข้างเน�น หนักในรายละเอียดทางอารมณ เพลง โดยเฉพาะอย่างยิ�งในเร่�อง ข้อง Dynamic ซีึ�งบทเพลงมีการ เปลี�ยนแปลงในแต่ละท่อนค่อนข้าง มาก ดังนั�น เวลาในการซี�อมจึงค่อน ข้างจะใช�ไปกับประเด็นรายละเอียด ไมว่าจะเป็นเร่�อง Dynamic รวม ไปถึงการปรับ Articulation และ Cutoff ข้องเคร่�องเป่า ให�มีความ สอดคล�องกันระหว่างเคร่�องดนตร ที�เล่นไลน์หลักกับไลน์ประสานอ่�น ๆ ด�วย ทั�งนี เน่�องจาก MJO ในยุค ปัจจบัน มีสมาชิกใหมค่อนข้างมาก ซีึ�งอาจมผู้ลทำให�ความเข้าใจกันทาง ดนตรยังไมถึงจุดที�จะซี�อมได�ง่ายนัก ดังนั�น จึงทำให�การซี�อมต�องค่อย ๆ เจาะไปทีละท่อน เพ่�อให�ทุกคนได�ยิน ไลน์ดนตรข้องเคร่�องดนตรีในกลุ่มอ่�น ๆ ด�วย เพ่�อที�จะได�รูว่าระหว่างทีตัว เองเล่นอยู่นั�น นักดนตรีแต่ละคนทำ หน�าที�เป็นไลน์หลักหร่อไลน์ประสาน เน่�องจากเพลงนี�การบรรเลงทำนอง ส่วนใหญ่จะบรรเลงกันเป็น Section ตัวเพลงนี�เองกมท่อนทีน่าสนใจ เป็นท่อน interlude ซีึ�งเป็นท่อนทีม แนวทำนอง ๒ แนว ได�แก ๑) แนว ทำนองทีมส่วนผู้สมข้องจังหวะ ๓ พยางค ซีึ�งเล่นโดยกลุ่มเคร่�องเป่า และ ๒) แนวทำนองที�เล่นโดยม สัดส่วนจังหวะเป็นโน�ตตัวดำโดย Rhythm Section โดยเล่นซี�อนกัน
59 อยู่แล�วค่อย ๆ เข้ามาทีละกลุ่มเคร่�อง เริ�มจาก Rhythm Section ในระดับ เบา (ตัว P) หลังจากนั�นผู้�ประพันธั กค่อย ๆ เพิ�มแนวประสานเข้ามาท ละกลุ่มเคร่�อง พร�อม ๆ กับการเพิ�ม Dynamic สู่ตัวอักษร ff ซีึ�งแนวทาง นี�ทำให�บทเพลงสามารถพัฒนากลับ ไปสู่ Theme หลักข้องเพลงได�อย่าง น่าสนใจยิ�งข้ึ�น NEXUS (ประพันธั์โดย เพชรภม เพชรแก�ว) ผู้�ประพันธั์บทเพลงนี�เป็นนักศึกษา Jazz Guitar ทีมีความสามารถและ มีความสนใจในการสร�างบทเพลง ทีมีความซีับซี�อน ดังจะเห็นได�จาก การที�บทเพลงนีมีการเปลี�ยนแปลง Time Signature ในแต่ละท่อน ระหว่าง 3/4 และ 6/8 สลับไปมา และมสิ�งทีน่าสนใจกค่อการสลับการ ใช� Subdivision ข้องส่วนตัวโน�ตไป มาระหว่าง Time Signature 3/4 และ 6/8 ผู้�ประพันธั์สามารถทำ ออกมาได�อย่างต่อเน่�องมาก ดังนั�น การบริหารจัดการเวลาในการซี�อม จึงต�องหันมาเน�นการทำความเข้าใจ ระหว่าง Sub Division และ Time Signature ทั�งสองแบบนี นอกจากนี บุคลิกลักษณะข้อง เพลงนีถ่อได�ว่าเน�นความดดันแข้็ง แรงข้อง Rhythm Section โดยที ส่วนเคร่�องเป่าจะเน�นการเล่นกับ Articulation ทีสั�นข้ึ�น โดยเฉพาะใน กลุ่มเคร่�องเป่าทองเหล่อง เน่�องจาก แนวทำนองส่วนใหญ่จะเน�นไปที�การ Kick ต่าง ๆ ในข้ณะที�กลุ่มข้องเคร่�อง เป่าลมไม�เองกมีแนวทำนองที�สอด แทรกเข้าไประหว่างการ Kick ข้อง เคร่�องเป่าทองเหล่องด�วย โดยผู้ ประพันธั์เน�นให�แนวทำนองข้องกลุ่ม เคร่�องลมไม�เน�นไปทางแนวทำนอง ทีมีความไพเราะสวยงามและจดจำ ได�ง่ายกว่า องค์ประกอบดังกล่าวนี�ทำให� ทุกท่อนในเพลงนีมีความน่าสนใจ เพราะจะมีรายละเอียดเล็ก ๆ น�อย ๆ แสดงออกมาอยู่ตลอดเวลา สลับ กันไปมาและบวกกับม rhythm section ที�เล่นดดันแทบจะทั�งเพลง ทำให�เพลงนีต�องใช�พลังงานอย่าง มาก ข้นาดที�ผู้�ฟัังฟัังจบแล�วยังรูสึก เหน่�อยแทนคนเล่น THE HAY MUNCHER (ประพันธั โดย อลันดา ฉันทรัตนโชค) บทเพลง The Hay Muncher เป็นอีกเพลงหนึ�งทีมีความท�าทาย มาก ๆ สำหรับทั�งนักดนตรข้องวง และผู้�ควบคุมวง เพราะบทเพลงจะม การเปลี�ยนแปลง Time Signature เป็นจำนวนมาก ระหว่าง 5/4, 6/4, 7/4 และ 10/4 ซีึ�งถึงแม�ว่า Denominator ข้องสัดส่วนจังหวะ จะเหม่อนกันทั�งเพลง แตกยังคง นับจังหวะได�ยากอยู่ด ในด�านทำนองเพลง ถ่อได�ว่า ผู้�ประพันธั์เข้ียนทำนองได�อย่างน่า สนใจมาก มีการเล่นสลับระหว่าง จังหวะตกและจังหวะยกอยู่ตลอด เวลา แต่เม่�อฟัังแล�ว กลับรูสึกถึง ความล่�นไหลข้องแนวทำนอง โดย ไมรูสึกถึงความข้ัดข้องจังหวะเลย แต่ในความล่�นไหลนี ตัวข้องผู้�เล่น เองต�องทำการบ�านเป็นอย่างมาก

ออกมาน่าฟัังน่าติดตามตลอดเวลา ความซีับซี�อนในภาพรวมข้อง

บทเพลง ทำให�ในเพลง The Hay

Muncher นี ต�องเน�นการซี�อม

Rhythm Section อย่างมากเป็นพิเศษ

เน่�องจากหาก

Rhythm Section

เล่นได�อย่างแข้็งแรง ก็จะเป็นทีพึ�งให�

แก่กลุ่มข้องเคร่�องเป่าทีต�องบรรเลง

ๆ จึงต�องเน�นหนักไปที�เร่�องข้องการฝ่ึก ซี�อมส่วนตัวข้องสมาชิกทุกคน ซีึ�ง หากนักดนตรทุกคนทำการบ�านมา เป็นอย่างด เวลาที�ใช�ในการซี�อมก จะสามารถใช�ไปกับการปรับวงและ พูดคุยในเร่�องรายละเอียดต่าง ๆ เช่น Dynamic, การ Cutoff และ

60 เพราะต�องฝ่ึกนับส่วนจังหวะต่าง ๆ ให�เกิดความเคยชินกับ Melody Line ที�สลับกันไปมาระหว่างจังหวะตกและ จังหวะยกอยู่ตลอดเวลา การวางโครงสร�างข้องท่อนต่าง ๆ ในบทเพลงนีกมีความน่าสนใจไม่แพ� กัน โดยผู้�ประพันธั์ได�เข้ียนให�แต่ละ เคร่�องได�มีบทบาทตลอดเวลา เช่น มีบางท่อนที�ผู้�ประพันธั์ออกแบบให� ไมมีกลองชุดช่วยคุมจังหวะ แต่ปล่อย เคร่�องเป่าเล่นโน�ตยาวเป็นคอร์ดรอง พ่�นไว� โดยให�เปียโนเล่นแนวทำนอง หลัก ซีึ�งเป็นท่อนที�สามารถเปลี�ยน อารมณข้องเพลงได�อย่างดีมาก หลัง จากทีก่อนหน�านั�น ผู้�ประพันธั์ได�จัด โครงสร�างเพลงด�วยส่วนจังหวะและ มีแนวทำนองที�เล่นสลับไปมาอย่าง ซีับซี�อนต่อเน่�อง จึงทำให�บทเพลง
แนวทำนองระหว่างจังหวะตกและยก อยู่ตลอดเวลาได�ฟัังและเกาะตามไป ได� โดยจะไม่ทำให�ทำนองที�เล่นเกิด ความผู้ิดพลาดข้องจังหวะ ในช่วงกลางข้องเพลง มีการ เปลี�ยน Tempo ให�เร็วข้ึ�น โดยใช�การ เปลี�ยนแปลงข้อง Subdivision เป็น เคร่�องม่อสำคัญในการเปลี�ยนแปลง อัตราความเร็ว ทำให�เพลงนียิ�งม ความท�าทายเป็นอย่างมากในการ บรรเลง เพราะมีความยากทั�งในการ นับส่วนจังหวะและการเปลี�ยนแปลง อัตราความเร็ว ข้อส รุปการแสดงของ Mahidol University Jazz Orchestra ใ น้ งาน้ TIJC การซี�อมเพ่�อเตรียมการแสดง ครั�งนี เน่�องจากมีเวลาที�จำกัดมาก
Articulation ได�อย่างคุ�มค่ามาก ทีสุด ซีึ�งจะมีประสิทธัิภาพมากกว่า การให�นักดนตรีมาอ่านโน�ต (Sight Reading) ในห�องซี�อม นอกจากนี เวลาที�ใช�ในการซี�อม ยังสามารถใช�ในการพูดคุยเร่�องการ ตีความข้องแต่ละบทเพลง เน่�องจาก บุคลิกลักษณะข้องแต่ละเพลงล�วน แตมีความแตกต่างกัน ทั�งนี สุดท�าย แล�วนักดนตรทุกคนต่างก็ทำหน�าที ได�เต็มที�เต็มความสามารถในเวลา ที�จำกัด ซีึ�งก็หวังว่าผู้�ชมข้อง MJO จะได�รับความสุนทรย์จากการชม ดนตร ทั�งจากการบรรเลงข้องผู้ เล่นและการประพันธัข้องนักศึกษา วิทยาลัยดริยางคศิลป ซีึ�งจะมีการ ประพันธั์ให�ฟัังใหม ๆ อยู่ทุกป และ หวังว่าน่าจะเป็นแนวปฏบตที�จะช่วย ผู้ลักดันให�นักประพันธัรุ่นเยาว์เหล่า นี�เติบใหญข้ึ�นเป็นนักประพันธั์ดนตร แจ๊สทีมผู้ลงานในระดับนานาชาตต่อ ไปในอนาคต
61

Reflections

62 GUITAR LITERATURE เรื่อง: ชินวัฒน เต็มค�าขวัญ (Chinnawat Themkumkwun) ศิลปินกีตาร์คลาสสิกชาวไทยในระดบูนานาชาต ศิษย์เก่าวิทยาลัยดริยางคศิลป มหาวิทยาลัยมหิดล
on the Dranyen by Andrea Clearfield สัะท้อนดนตรีตะวันออกด้วยดนตรีตะวันตก บทเพลง Reflections on the Dranyen (after Dranyen Tsering Wangmo) เป็นวรรณกรรมกีตาร คลาสสิกที�ประพันธั์โดย Andrea Clearfield (b. 1960) คีตกวีชาว อเมรกัน โดยเข้ียนข้ึ�นตามคำร�องข้อ ข้อง William Kanengiser (b. 1959) นักกีตาร์คลาสสิกชาวอเมรกน เม่�อปีคริสตศักราช ๒๐๒๑ ทีผู้่าน มา (William Kanengiser เป็น หนึ�งในสมาชิกข้องวง Los Angeles Guitar Quartet “LAGQ”) ในภาย หลังบทเพลงนี�ได�รับคัดเล่อกให�เป็น บทเพลงบังคับแบบจำกัดเวลาฝ่ึก ซี�อมสำหรับงานแข้่งข้ันกีตาร์คลาสสิก นานาชาต Guitar Foundation of America International Concert Artist Competition 2022 (GFA) ซีึ�งเป็นหนึ�งในงานแข้่งข้ันกีตาร์คลาสสิก ที�ได�รับการยอมรับทีสุดในโลก โดย ในปนีจัดข้ึ�นที�เม่องอินเดียแนโพลิส รัฐอินดีแอนา ประเทศสหรัฐอเมริกา
William
Kanengiser

หร่อนัก

63 บทเพลงบังคับข้องงานแข้่งข้ัน กีตาร์คลาสสิกนานาชาต Guitar Foundation of America International Concert Artist Competition ประกอบไปด�วยบทเพลง สองประเภทดังต่อไปนี ๑. บทเพลงบังคับประเภท ประกาศล่วงหน�า บทเพลงบังคับประเภทนี�เป็น บทเพลงบังคับที�สามารถรับม่อได� ง่ายทีสุดและพบได�ในหลากหลาย การแข้่งข้ัน เน่�องจากรายช่�อข้อง บทเพลงจะมีการประกาศล่วงหน�า ก่อนที�ผู้�เข้าแข้่งข้ันจะลงสมัคร เป็น บทเพลงทีมีอยู่แล�วหร่อถูกเข้ียน ข้ึ�นไว�แล�วโดยคีตกวท่านใดก็ได�และ สามารถมีเวลาเตรียมตัวได�หลาย เด่อน (โดยปกติจะประกาศล่วง หน�าหนึ�งปี) ซีึ�งในปนีค่อบทเพลง Impromptus ท่อนที ๑, ๒, ๕ และ ๔ ประพันธั์โดย Richard Rodney Bennett (1936-2012) บทเพลง Shou Chang ที�ประพันธั โดย Chen Yi (b. 1953) หร่อ บทเพลง Little Snow ที�ประพันธั โดย Angle Lam (b. 1978) Clearfield เ กิด วัน ที ๒๙ สิงหาคม ปีคริสตศักราช ๑๙๖๐ สำหรับบทเพลง Reflections on the Dranyen นั�นได�เป็นส่วนหนึ�งข้อง โพรเจกตทีช่�อว่า “The Diaspora Project” โดยได�รับแรงบันดาลใจ จากการเดินทางพลัดถิ�นในทิเบต ข้องตัวคีตกวีเอง ทิเบตนั�นเป็นเข้ตปกครองตนเอง (เข้ตปกครองตนเองซีีจ�างในภาษา จีน) ตั�งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต� ข้องสาธัารณรัฐประชาชนจีนและ ตั�งอยู่บนเท่อกเข้าหิมาลัยซีึ�งเป็น ที�ราบสูงทีสูงทีสุดในโลก ทิเบตมช่�อ เสียงเป็นอย่างมากในเร่�องข้องพุทธั ศาสนาแบบทิเบต ประชากรเพศ ชายกว่าครึ�งข้องทิเบตล�วนบวชเป็น พระ บทเพลง Reflections on the รายช่�อบทเพลงบังคับจากงาน GFA บางส่วน ๒. บทเพลงบังคับที�ไม่ประกาศ ล่วงหน�าและจำกัดเวลาในการฝ่ึกซี�อม บทเพลงบังคับประเภทนีถ่อว่า เป็นโจทยที�ยากทีสุด เน่�องจากผู้�เข้า แข้่งข้ันจะได�รับโน�ตเพลงหลังจาก สมัครเรียบร�อยแล�วเท่านั�น โดยจะ ได�รับก่อนวันแสดงจริงประมาณหนึ�ง เด่อน ผู้�เข้าแข้่งข้ันทุกคนจะได�รับ โน�ตเพลงพร�อม ๆ กันโดยไมรูล่วง หน�าว่าจะเป็นบทเพลงอะไรและไม สามารถหลีกเลี�ยงได� ผู้�เข้าแข้่งข้ัน ทุกคนจะต�องบรรเลงบทเพลงที กำหนดให�อย่างไมมีทางเล่อก ซีึ�ง ในปนีค่อบทเพลง Reflections on the Dranyen Andrea Clearfield เป็นนัก ประพันธั์สตรีเพศชาวอเมรกัน จะ สังเกตได�ว่าในช่วงปีหลัง ๆ ทางงาน GFA ได�พยายามสนับสนุนและผู้ลัก ดัน Women Composer
ประพันธัที�เป็นเพศหญิงให�มีโอกาสใน การเข้ียนบทเพลงบังคับ ไมว่าจะเป็น
64 Dranyen เป็นการสะท�อนเคร่�องดนตร พ่�นบ�านข้องทิเบตทีมช่�อว่าดราเยน (Dranyen) หร่อรูจักกันในอีกช่�อว่า ดรัมเยนหร่อดราเมียน (Dramyin) โดยช่�อจะถูกอ่านแตกต่างกันออกไป ตามภาษาท�องถิ�น Dranyen นั�นเป็นเคร่�องสายที ต�องใช�แผู้่นไม�ในการดีด (Pick) ใน โลกสากลเคร่�องดนตรชิ�นนีถูกเรียก ว่าลูทข้องทิเบต (Tibetan Lute, Himalayan Folk Lute) จึงทำให� บทเพลงนี�เป็นหนึ�งในความท�าทาย หน�าตาข้องเคร่�องดนตร Dranyen ทีตั�งข้องทิเบต ข้องเคร่�องดนตรกีตาร์คลาสสิกหก สายทีต�องมีการประยุกต์ใช�เทคนิค ที�แปลกให ม่ออกไปจากเทค นิค การเล่นกีตาร์คลาสสิกข้ั�นพ่�นฐาน (มากกว่าการใช�นิ�วเกี�ยวสายกีตาร แบบปกตทั�วไป) บทเพลงถูกเข้ียนข้ึ�นด�วยการ ตั�งสายแบบ Drop D (สายหกที เป็นสายเสียงต�ำสุดปรับลงหนึ�ง เสียงเต็มจากโน�ตตัว E) เพ่�อจุด ประสงค์ในการเล่อกใช�บันไดเสียง ในการประพันธั์บทเพลงและความ เป็นไปได�ในทางเทคนิคการเล่นบน คอกีตาร อย่างไรก็ตาม การตั�งเสียง ระหว่างกีตาร์คลาสสิกและดราเยนม ความแตกต่างกันอย่างสิ�นเชิง รวม ถึงดราเยนยังเป็นเคร่�องสายประเภท ดีดแบบไมมีเฟัร็ต (Fretless lute) บทเพลงถูกเข้ียนในลักษณะแบบ อิสระ (Free Form) ซีึ�งประกอบ ไปด�วยหกส่วนดังต่อไปนี I. Spacious Spacious มีความหมายว่ากว�าง
65 ท่อน Spiritoso ทีมีการใช�เทคนิค Plectrum เป็นหลัก ข้วาง (Spacious มาจากคำว่า Space) บทเพลงข้ึ�นด�วยคอร์ดที�ใช�เทคนิคการดีดแบบ Plectrum ซีึ�งเป็นเทคนิค การดีดแบบใช�นิ�วดีดเข้าหร่อออกเสม่อนกับการใช�ปิ�ก เราจะพบเทคนิคการเล่นแบบ Plectrum ได�หลาย ๆ จุด ในเพลงนี เน่�องจากเคร่�องดนตร Dranyen เองก็เป็นเคร่�องดนตรทีต�องใช�ปิ�กในการดีดสาย (เป็นปิ�กที�ทำจาก ไม�) อีกจุดหนึ�งทีน่าสนใจค่อการ Vibrato ในลักษณะ “wide vertical vibrato” ที�เป็นการคลึงนิ�วข้างที�กดข้ึ�น ลงเป็นแนวตั�งซีึ�งเป็นสำเนียงการเล่นที�พบได�น�อยบนวรรณกรรมกีตาร์คลาสสิกในยุคมาตรฐาน รวมถึงเทคนิค การดันสายแบบ “microtonal bending” ที�ทำให�เสียงสูงข้ึ�นเพียงแค่หนึ�งส่วนสี (1/4 sharp) การใช�ส่วนโน�ต พยางค์แบบค่อย ๆ เร่งข้ึ�นและผู้่อนลงที�พบได�มากในบทเพลงสมัยใหม ทั�งหมดทั�งมวลนีก็เพ่�อทำกีตาร์คลาสสิก ให�กลายร่างสะท�อนเป็นเคร่�องดนตร Dranyen ตามจุดประสงคข้องคีตกวีและช่�อข้องบทประพันธั II. Spiritoso หลังจากท่อนเปิดตัว (Introduction) ทีกินความยาวไปประมาณหนึ�งหน�ากระดาษ บทเพลงก็ได�เข้าสู่ทำนอง หลักที�เป็นการใช�เทคนิคการดีดแบบ Plectrum ทั�งหมด และยังมีการใช�เทคนิค “left hand hammer on” (กระแทกนิ�วลงไปบนสายกีตาร์โดยไมต�องดีด) รวมถึงความน่าสนใจในการเล่นลูกเล่นกับจังหวะ เห็นได�ชัดจาก การเน�นคอร์ด (accent) ในจังหวะยกอย่างสม�ำเสมอ ส่วนนีข้องบทเพลงมีสำเนียงที�คล�ายคลึงกับ Dranyen มากทีสุด เน่�องจากเป็นการดีดแบบ Plectrum ที�มาจากการดีดแบบเดียวกับเคร่�องดนตรดังกล่าว การเข้ียน เพลงในลักษณะนี�พบได�น�อยมากในวรรณกรรมกีตาร์คลาสสิกทางฝ่ั�งตะวันตก ตอนข้ึ�นต�นข้องบทเพลง
66 III. Pesante เทคนิคการเล่นแบบ Tremolando (การรัวนิ�วทั�งเข้าและออก) ได�ถูกนำมาใช�อย่างชัดเจนผู้สมผู้สานกับการ เล่นแบบ Rasgueado (การขู้ดและกวาดสายแบบกีตารฟัลาเมนโก) Pesante นั�นมีความหมายเป็นภาษาไทย ว่า “หนักแน่น” จึงส่งผู้ลให�เทคนิคนีถูกนำมาใช�ด�วยความดัง (Dynamic) แบบ Fortissino (ดังมาก) อย่างไร ก็ตาม บทเพลงได�มีการผู้่อนเบาลงโดยใช�เทคนิคการ Tambora และระบุคำศัพท์ในการตีความว่า Calmando ที�แปลว่าเงียบสงบ เพ่�อที�จะส่งต่อให�บทเพลงในส่วนต่อไป IV. Moderato บทเพลงในส่วนนี�เป็นจุดทีมีความยากและซีับซี�อนทีสุด ไมว่าจะเป็นการเปลี�ยนเคร่�องหมายกำหนดจังหวะ (Time Signature) ไป ๆ มา ๆ มีการใช�เทคนิคการเล่นแบบ Tambora (ตบบริเวณสายกีตาร์ใกล�กับสะพาน สาย) เพ่�อเลียนแบบเสียงข้องกลองใหญ่เสียงทุ�ม และอีกจุดเด่นหนึ�งค่อการใช�โน�ตข้ามสายที�เป็นโน�ตตัวเดียวกัน มีระดับเสียงเดียวกัน (โน�ตตัว D สายที ๔ และ ๕) ทาง William Kanengiser ก็ได�มีการจัดวางปรับแต่งทางนิ�ว ไว�อย่างชัดเจน บทเพลงในส่วนนีมีความคล�ายคลึงกับวรรณกรรมกีตาร์คลาสสิกที�ประพันธั์โดย Leo Brouwer (b. 1939) คีตกวีและนักกีตาร์คลาสสิกชาวคิวบา โดยเฉพาะในบทเพลง El Decameron Negro ทีมีการใช� สำเนียงในลักษณะนี�อย่างเห็นได�ชัด ท่อน Pesante ที�เต็มไปด�วยเทคนิคแบบ Tremolando
67 ท่อน Moderato ทีมีการใช�โน�ตตัว D แบบข้ามสายไปมา ท่อนที�สามจากบทเพลง El Decameron Negro ทีมีความคล�ายคลึงกัน V. Piu mosso - Molto mosso, frenetico “stick technique” เป็นอีก หนึ�งช่�อเทคนิคใหม่บนกีตาร์คลาสสิก ทางคีตกวีได�ให�คำจำกัดความข้อง เทคนิคนี�ไว�ว่า “Stick” technique of slapping the 6th string with the back of the nail. ถ�าพูดตามภาษา กีตารทั�ว ๆ ไป กค่อการกระแทกลง ไปบนสายที�หกโดยใช�ด�านหลังข้อง เล็บ ซีึ�งการทำแบบนี�ทำให�เกิดความ ดดันข้องเสียง ไมว่าจะเป็นเสียงข้อง เล็บที�กระทบกับสายกีตาร์และการ สั�นข้องสายทีดังลั�นแตกต่างจากการ ดีดแบบเกี�ยวสายปกต ช่�อข้อง stick technique นับเป็นอีกหนึ�งช่�อข้อง วธัีการเล่นแบบใหมที�เพิ�งค�นพบใน วรรณกรรมกีตาร์คลาสสิกในปัจจบัน หลังจากการเล่น stick technique เรียบร�อยแล�ว ได�มีการระบุการตีความ ว่า Molto mosso, frenetico ซีึ�ง คำว่า frenetico มีความหมายเป็น ภาษาอังกฤษว่า hectic และมีความ หมายเป็นภาษาไทยว่า “วุ่นวาย” ซีึ�งความวุ่นวายเหล่านี�เกิดจากต กันข้องสายกีตาร์หลาย ๆ เส�นที ต่างบรรเลงโน�ตหลาย ๆ ตัวพร�อม กัน ทำให�เกิดการสั�นข้องสายกีตาร ที�พร�อม ๆ กัน เกิดเสียงทีผู้สมกัน เกิดเสียงโน�ตทีก�องกังวานตกัน เรียก ได�ว่าข้จัดความเป็นเคร่�องดนตรกีตาร คลาสสิกออกไปได�อย่างหมดจดตาม จุดประสงคข้องคีตกว

Tempo I

ข้ึ�นเม่�อเทียบกับตอนต�นเพลง ผู้สมผู้สานการใช�เทคนิค Tambora ทีค่อย ๆ แปรเปลี�ยนไปเป็น Golpe ทีละ เล็กทีละน�อย (ตบลงในส่วนข้องไม�หน�า) ซีึ�งตัวข้องคีตกวที�เข้ียนบทเพลงนี�ได�กล่าวไว�ว่า

68 “Altogether, the should evoke the character of the Dranyen, the Himalayan folk lute.” VI.
หลังจากที�บทเพลงได�เล่าเร่�องราวมากมาย วัตถดิบข้องการเข้ียนเพลงในตอนข้ึ�นต�นก็ได�ถูกนำมาใช�ในหน�า สุดท�ายข้องบทเพลง เพียงแตว่ามีการใช�เทคนิคการเล่นโน�ตฮ์าร์โมนิก (Harmonic) บนกีตาร์คลาสสิกที�มาก
เข้าได�รับแรงบันดาลใจ จากการเต�นข้องหัวใจ “Ending with the faint heartbeat of a cultural heritage that struggles to survive.” ท่อน Piu mosso ทีมีการใช� Stick Technique ท่อน Tempo I ที�เป็นการกลับมาข้องทำนองเหม่อนกับตอนข้ึ�นต�นบทเพลง
69 QR Code สำหรับฟัังบทเพลง ถึงแม�ว่ากีตาร์คลาสสิกจะเป็น เคร่�องดนตรีจากดินแดนตะวันตก ก็ตาม แต่เม่�อกาลเวลาได�ผู้่านพ�น ไป ผู้�เข้ียนเช่�อว่ากีตาร์คลาสสิกได� กลายเป็นเคร่�องดนตรข้องโลกที สามารถบรรเลงบทเพลงได�ทุกรูปแบบ ทุกแนวเพลง โดยไม่จำกัดชาตพันธัุ์ บทเพลง Reflections on the Dranyen เป็นอีกหนึ�งเคร่�องย่นยัน ศักยภาพข้องเคร่�องดนตรีหกสาย ชิ�นนีทีถูกสร�างสรรคข้ึ�นใหม่และ ไ ด�รับเ กียร ติจน ถูก คัดเ ล่ อกใ ห� เ ป็นวรรณกรรม กีตา ร์คลาส สิก ในงานที�ได�รับการยอมรับระดับ โลก เป็นความคิดสร�างสรรค์เหน่อ จินตนาการต่อวงการกีตาร์คลาสสิก สมัยใหมที�กำลังจะก�าวต่อไปข้าง หน�าในอนาคต

Magic of Classical music: James Rhodes

James Rhodes is one of the most talented pianists in the world. He did not come from a musical family, he did not attend a prestigious music school or study under a master, and he did not win a prize in a prestigious music competition. Yet, Rhodes is now an outstanding pianist and he has also experienced things that we cannot imagine.

James Rhodes is a BritishSpanish pianist and writer. He was born in London, England in 1975 to a Jewish family and attended Arnold House School as a boarding school in his early years. Rhodes did not receive a formal classical education until he was fourteen, and then he gave up the piano at the age of eighteen,

when he was offered a scholarship to the Guildhall School of Music and Drama in London. However, his physical and psychological symptoms led him to attend the University of Edinburgh instead. Rhodes was sexually assaulted and tortured during his childhood, including spinal injuries and eating disorders, which left him in great physical and psychological pain, and he even suffered post-traumatic stress disorder (PTSD, a mental disorder) as he grew up. As a result, he was repeatedly admitted to psychiatric hospitals from his school years due to addiction to alcohol, drugs, self-harm and mental disorders. He almost committed suicide in a small hotel. Due to the trauma of his childhood sexual

assault, he spent the next 30 years suffering from shame, anger, selfdoubt, and actual physical pain that nearly destroyed his life on several occasions.

Many of the great classical pianists were generally prepared by families, by parents who decided to have them start listening and playing intensely at the age of five or six. Classical music is so complex and requires so much preparation that it is impossible to gain mastery of the instrument without starting at an early age and without continuous development. That’s why we can see no performers who grew up and then said to themselves, “Ah! the most important pursuit in my life is classical music, to become a pianist!” In this case,

70 THE PIANIST
Rhodes leaves the Supreme Court in London with Benedict Cumberbatch after winning the right to publish his autobiography.

it might be too late for a pianist. However, Rhodes is one of those near-impossible latecomers who chose to be a pianist at the age when everyone else was already playing all sorts of difficult pieces on stage. The piano was his best friend throughout his entire life, and he chose to play the piano for more pressing and necessary reasons.

When Rhodes was seven years old, he heard Beethoven’s Piano Concerto No. 5, “Emperor” on a CD in his father’s collection and showed a great interest in music and the piano. Little did he know that he would find understanding and solace in classical music later in his life, and eventually find inner salvation by regaining his piano. His love for classical music gave him the faith in life to face the trauma and express the pain he had experienced after the incident and years of silence.

Rhodes admits that classical music has made him feel that there is finally something in this world that he is completely at ease with. In the past few years, he has developed a unique approach to classical music promotion and piano playing style. He believes that classical music in the 21st

century can no longer be confined to wearing suits and tuxedos and playing to audiences in a serious and distant manner, but modern classical music needs more direct communication with audiences. He will talk to the audience in the concert, introducing the serious and artistic classical repertoire with a free talk, and introducing the composer and himself with great enthusiasm. He then convinces the audience with an exciting performance. This performance format has been a huge hit with audiences. In just one year (2008-2009) he transformed himself from an obscure pianist to a shining star on the classical music field. Besides, his playing

is of the highest standard.

At the age of 38, Rhodes decided to tell the tough story of a life saved by music, “Instrumental: A Memoir of Madness, Medication, and Music,” which describes the shattering of a wonderful childhood and the ensuing symptoms of growing up with such tremendous sequelae that nearly ruined his life. However, at least with the help of classical music, he was able to redeem himself and move on to a positive path. In his book, he says, “Classical music started my life, and without it I would have been dead!”

Nowadays, Rhodes is one of Britain’s best known pianists, recording classical music programmes for the BBC and featuring film and television personalities such as Benedict Cumberbatch and Stephen John Fry. Even though Rhodes did not receive a formal education from a music academy, did not win an international piano competition trophy, and did not have a teacher or a prominent family, he started with his passion to be an agent for a master, to buy his own music and flying to Italy to study. He feels the healing power of music and freely pursues the piano. For him, music is always a savior in his life.

71
James Rhodes shares how music saved his life in a TED talk. James Rhodes plays Bach Marcello.
INTERVIEW เรื่อง: อรรถวิทย สิทธิิรักษ (Attawit Sittirak) เจ้าหน้าที่ส่วนงานการตลาดและประชาสัมพันธิ วิทยาลัยดริยางคศิลป มหาวิทยาลัยมหิดล เอินเอิน ฟาติมา เดชะวลกุล

ช่วยเหล่อตัวเองไม่ได� เป็น

งอแง

73 เอินเอิน ฟัาติมา เดชะวลกุล สาวน�อยมหัศจรรย วัย ๑๗ ป ทีม ความสามารถทั�งร�อง เต�น และการ แสดง เธัอเป็น ๑ ใน ๘ คนสุดท�าย ข้องรายการประกวดร�องเพลงช่�อ ดัง (The Star Idol) ข้องทางช่อง ONE31 เอินเอินถูกจับตามองตั�งแต รอบแรกข้องการแข้่งข้ันในรายการ The Star Idol เพราะเธัอเดินออก มาพร�อมกับกีตารคู่ใจในการแสดง ความสามารถให�คณะกรรมการใน รอบแรกข้องการแข้่งข้ันจนผู้่านเข้า มาเป็น ๘ คนสุดท�าย “ กิ า รั เ รัีย น์ เ รั็วใ น์กิ า รัสุอิ่ บ เทัียบด้วยอิ่ายทัีน์อิ่ยกิว่าเพอิ่น์รัุ่น์ เดียวกิน์ทัำให้เสุียโอิ่กิาสุใน์กิารัใช ชวิตมธิยมศิกิษ์าตอิ่น์ปลีาย แตกิ แลีกิมากิับกิารัเรัียน์จิบกิอิ่น์เพอิ่น์ รัุ่น์เดียวกิน์” เอน้เอน้ ฟาตม้า เดช้ะวลกุล หนูชอบวงการบันเทิงมาตั�งแต เด็กอยู่แล�ว เพราะว่าตอนหนูเด็ก ๆ จะมีละครเร่�องหนึ�งทีพี�ชมพู่ (อารยา เอ ฮ์าร์เก็ต) แสดง ต�มยำลำซีิ�ง เร่�อง นั�นเป็นเร่�องทีจุดประกายให�หนูอยาก เป็นนักแสดง แล�วหนก็อยากเห็นตัว เองในทวีแบบพี�ชมพู่บ�าง ตอนเข้ามา เดอะสตาร์ไม่ได�คิดอยากจะเป็นนัก ร�องหร่อศิลปิน แค่อยากให�ผู้�ใหญ เข้าเห็นเฉย ๆ เหม่อนเป็นสะพาน เช่�อมเรากับการแสดง ก็ไมคิดว่าจะ เข้ามาเป็น ๘ คนสุดท�ายเหม่อน กัน ตอนนั�นหนดีใจมาก ถ้าไม่ได้เปน์แฟัน์คลีับจิรัิง ๆ อิ่าจิจิะไมรัู้ว่า เอิ่น์เอิ่น์ ฟัาติมา เคยไปเรัียน์ทัีต่างปรัะเทัศิกิอิ่น์ทัี จิะมาเรัียน์ทัีวทัยาลีัยดรัิยางคศิิลีป มหาวทัยาลีัยมหิดลี การศิึกษาทัีต่างประเทัศิ บอกตามตรง ในวันนั�นหนูไม่ได� อยากไปเลยค่ะ ค่อครอบครัวหนมพี น�องกันทั�งหมด ๔ คน หนูเป็นคน สุดท�อง พี�ชายคนโตไปเรียนโรงเรียน ประจำทีอินเดียแล�วบอกว่ามันดีมาก แมก็เลยส่งต่อ ๆ ให�ลูกทุกคนไปเรียน ทีอินเดียกันหมดเลย หลังจากกลับ มาก็เปลี�ยนไปในทางทีดข้ึ�นกันหมด อย่างหนก่อนไป หนูทำอะไรเองไม ได�เลย
คนเอาแต่ใจตัวเอง
เหม่อน ทุกคนต�องฟัังเรา แต่พอไปแล�ว เรา ก็ได�เรียนรู ได�อยู่กับสังคมมากข้ึ�น ต�องอยู่กับเพ่�อนให�ได� ห�ามทะเลาะ แล�วทีอินเดียเข้าให�ดูแลตัวเองเยอะ พอสมควร มีกฎระเบียบเยอะด�วย ไปเรย่น้ทัี�ประเทัศิอน้เดย่หลาย่ป แสดง ว่าพูดภาษาอน้เดย่ไดด้วย่ใช้่ไหม้ ไม่ได� ไม่ได� โรงเรียนไม่ให�พูด อินเดียเลย ไม่ให�พูดภาษาอ่�นเลย เข้าไม่ให�พูดเลยถ�าพูดโดนเรียกเข้า ห�องปกครอง (ทำไมเป็นงั�นล่ะ - ทีม งานถามด้วยคีวามสุงสุัย) เพราะไม อย่างนั�นถ�าคนอินเดียมาอยู่ด�วยกัน เข้าก็จะพูดแต่ภาษาข้องเข้าเอง ทาง โรงเรียนก็จะให�พูดแค่ภาษาอังกฤษ เท่านั�น แล�วการออกไปเที�ยวนอก โรงเรียนเป็นเร่�องที�เป็นไปไม่ได�เลย

๑๒ ตอน

นั�นรายการดังมาก ๆ หนก็เลยบอก

พ่อว่า ถ�าหนูได�นามสกุลเดอะสตาร มาแบบนี พ่อจะภมิใจไหม พ่อก็ตอบ หนว่า โห ถ�าได�มานะ จะภมิใจมาก ๆ หนก็เลยอยากได�นามสกุลเดอะสตาร (เพัรีาะอย่างนั�นเรีากตั�งเป้าหมาย

74 ข้นาดหนูอยู่มา ๒ ป ทัชมาฮ์าลหน ยังไม่เคยไปเลย ม้ัธย่ม้ปลาย่ทัีน้ิวซีีแลน้ด พอไปทีนิวซีีแลนดสังคมก็เปลี�ยน ตอนแรกไมมีเพ่�อนเลย แม�ว่าจะพูด ภาษาอังกฤษได� แต่เข้าฟัังสำเนียงเรา ไม่ออก เพราะหนติดสำเนียงอินเดีย ไปแล�ว จริง ๆ ถ�าให�หนพูดถึงความ แตกต่างระหว่าง ๒ ประเทศนี ตอน อยู่ทีอินเดียไปตอนแรกค่อเพ่�อนเข้า มาหาเรา แต่เราไม่อยากคุยเท่าไหร พอไปอยู่นิวซีีแลนด เราอยากคุยมาก แต่เพ่�อน ๆ เข้าไม่เข้ามาหาเรา แล�ว เราก็ไมค่อยเข้าหาคนอ่�นก่อน ทำให� ตอนไปอยู่นิวซีีแลนด์เราต�องปรับตัว เอง เราต�องเปลี�ยนตัวเองเยอะมาก ในเร่�องคำพูดด�วย เหม่อนเราพูด นิดนึงอะไรก็แล�วแต คนไทยอาจไม คิด แต่คนทีนั�นเข้าอาจบอกว่าเรา มารยาทไมดก็ได� หนก็ได�พัฒนาตัว เองด�วยจากการอยู่ทีนี The Star Idol ย�อนไปประมาณประถมศึกษาปที ๑-๒ ตอนที�เข้ามีการแข้่งข้ันรายการ เดอะสตาร พ่อจะพาดทุกซีีซีันเลย ที จำความได�ค่อเดอะสตาร
เลยไหมว่าต้องได้เข้้าไปเป็น ๘ คีน สุุดท้ายเพัื�อให้ได้นามสุกุลเดอะสุตารี มา - ทีมงานถาม) ค่อหนูไมคิดว่า จะเข้าได�อยู่แล�ว แต่หนคิดว่ามันค่อ เดอะสตาร ไอดอล มันกน่าจะทำให� หนูเข้าไปอยู่ตรงนั�นได� เอน้เอน้ เธอเกิดม้าเพ่�อเปน้ “ไอดอล” หนูเห็น Thumbnail คลิปแรก ข้องหนูในรายการ The Star Idol แล�วหนก็ทราบว่ามีฉายาข้องหนว่า เอินเอิน ฟัาติมา ฟั้าประทาน พี�ชาย หนยังแซีวอยู่เลยว่า ฟั้าประทาน ประทานโทษหร่อเปล่า หนูบอกได� เลยนะว่าหนูไม่เคยคิดว่าตัวเองเก่ง สวย หร่อน่ารักเลย จะเป็นคนชอบ มองแต่ข้อด�อยข้องตัวเอง ไมรู�เป็น อะไร ไมค่อยมั�นใจในตัวเอง แตที เข้าเรียกกันว่าไอดอลเนี�ย จริง ๆ ก็อยากจะเป็นแบบอย่างให�น�อง ๆ ได� จะพยายามพัฒนาตัวเองให�ได� มากทีสุด เพราะว่าถ�าอยากเป็นแบบ อย่างให�น�อง ๆ ตัวเองกต�องดก่อน ไม่ใช่แค่สอนน�อง ๆ ให�ทำแบบนี แต ตัวเราเองทำไม่ได� เร่�องที�หนูชอบ มองข้อด�อยข้องตัวเอง หนูจะมอง มันแล�วเอาไปพัฒนาให�ตัวเองเก่งข้ึ�น คีวาม้ประทัับใจใน้การแข่งขน้ใน้ราย่การ The Star Idol ประทับใจทีสุดก็เป็นเพลงเด็ด (PiXXie) เพลงใกล� (scrubb) ก ประทับใจในไลนกีตาร คีวาม้คีิดเหน้ของกรรม้การใน้ราย่การ The Star Idol ทัี�เราประทัับใจทัีสุด พีลิเดีย ศรัณยรัชต ดีน เลยค่ะ ๑ ในกรรมการข้อง The Star Idol ได�พูดกับหนูในรายการว่า “เปน์คน์ ทัี Complete มากิ ๆ ค่ะ แบบ The Hole Packet อิ่ยู่ใน์คน์คน์เดียว รัู้สุกิ
75 ว่าเปน์คน์ทัี Born to be ค่อิ่เกิิด มาเพอิ่เปน์สุิ�งสุิ�งน์ี เปน์ Musical Genius ทัีรัอิ่งเพลีงกิ็ได เลีน์ดน์ตรักิ เกิ่ง แลี้วกิดึงดูดคน์ดูไดตั�งแตวน์าทั แรักิจิน์วน์าทัีสุุดทั้าย” การร่วม้โช้วกับ บี สุกฤษฎิ์ วิเศิษแก้ว ใน้ราย่การ The Star Idol หนูชอบพีบี�อยู่แล�วด�วย ตอน เด็ก ๆ หนูไปเกาะเวทีคอนเสร์ตที อุบลราชธัานดพีบี อยากให�เข้าจับ ม่อ อยากให�เข้าเห็นเรา แล�วเข้าก จับม่อเรานะในวันนั�น และก็ไมคิด ว่าวันหนึ�งจะได�มาร่วมโชว์บนเวท เดียวกัน ได�ร�องกับพีบี�ตอนนั�นหน คิดว่ามันทีสุดแล�ว ตอนแรกหนคิด ว่าพีบี�จะมาวันจริงเลย แต่เข้าก็มา เซีอร์ไพรส์หนูในวันทีซี�อม ความ เป็น Superstar เข้าไม่จำเป็นต�อง ทำเพ่�อเด็กคนหนึ�งข้นาดนีก็ได� เข้า เทคแครทุกคน เข้าเห็นใจทุกคนเลย แล�วพีบีก็เข้ามาชวนคุย เล่นตลกให� หน ค่อเวลาเข้าหัวเราะ เป็นการ หัวเราะที�จริงใจมาก ๆ พีบีน่ารัก มาก ๆ จากเหตุการณอบติเหต พีบี กยิ�งน่ารักเข้าไปอีก ให�คำแนะนำหน เยอะมาก ๆ ในวันนั�นทีร่วมโชวกับ พีบี�ในวันที�หนูบาดเจ็บ เพราะทัุกคีน้ทัีทัาให้หน้ม้าถึึงวน้น้ี นอกจากเวท The Star Idol แล�ว ก็รวมถึงทุกคนรอบข้างหนด�วย ถ�าไมมพี ๆ ทีมงานที�อยู่รอบข้างหน ทีช่วยเราคิดช่วยเราในหลาย ๆ อย่าง หนว่าก็คงไม่มาถึงตรงนี ช้วิตทัี�เปลีย่น้ไปหลังจากเข้าม้าเปน้ The Star Idol อะไรทัี�ไดม้าและอะไร ทัีต้องแลกไป ค่อหนูเตรียมตัวกับมันไว�อยู่ แล�ว ตั�งแตที�หนคิดจะก�าวเข้ามาใน วงการนี หนูเล่อกมันตั�งแต่เด็กแล�ว แล�วหนก็พร�อม ถ�าถามว่าชวิตทีต�อง แลกไป ค่อเวลาเราไปในที�สาธัารณะ เราจะไปกระโดกกระเดก ไปทำตัว เหม่อนเดิม ๆ ไม่ได� เราต�องระวัง ตัวมากข้ึ�น แต่ปกติหนก็ไมค่อยออก ไปไหนอยู่แล�ว ส่วนสิ�งที�ได�กลับมา กค่อพี ๆ แฟันคลับทุกคน มีคนรัก เรามากข้ึ�น มผู้ลงานที�เราชอบทำ เหม่อนหนูชอบการแสดงอะไรแบบ นี�อยู่แล�ว หนูพร�อมแลกเพ่�อที�จะทำ ตรงนี เพราะมันค่อความสข้ข้องหน สิ�งทัีทัาแล้วม้คีวาม้สุขทัีสุด การเป็นนักแสดง ชอบมาก แล�ว วันนีก็ได�เป็นแล�ว หนว่าหนูโชคดีมาก เลยที�ได�รับโอกาสให�เป็นนางเอกใน เร่�องแรก ดีใจทีพี�บอย (ถกลเกียรต วีรวรรณ) ไว�ใจ สำหรับการแสดง ครั�งแรกข้องหน รู้จักกับ “ดน้ตรี” ตั�งแต่เม้่�อไร ตั�งแตชั�นประถมศึกษาปที ๑ แล�ว เพราะทีบ�านพี�สาวหนูเรียน ไวโอลิน หนก็อยากเรียนตามพี�สาว บ�าง แตคุณครูไวโอลินแนะนำให�หน เรียนเปียโนก่อน เพราะจะได�รูจักกับ โน�ต ก็เลยเริ�มจากเปียโน พอกดให�รู
76 ว่าเป็นโน�ตอะไรแล�วก็ไปเล่นไวโอลิน เลยค่ะ (เล่นไวโอลินไปถึงจุ้ดไหน ม ปรีะกวดไหม - ทีมงานถาม) ม ประกวดค่ะ แต่จำช่�อรายการไม่ได� เป็นข้อง Trinity นี�แหละค่ะ ตอน นั�นได�เหรียญทอง (เหรีียญทองเลย เหรีอ - ทีมงานถาม) ใชค่ะ แตก่อน เล่นไวโอลินเก่งกว่ากีตาร ผู้ลงาน ที�หนูเล่นไวโอลินล่าสุดก็ตอนอยู่ที อินเดียเลย หนูไม่ได�จับไวโอลินก ตั�งแต่ตอนนั�น ตอนนั�นไวโอลินได� Grade 6 Trinity แตกีตาร์คลาสสิก ได� Grad 8 Trinity การฝึึก ซี้อ ม้ การเ ล น้ ด น้ ต รีของ เอน้เอน้ ฟาตม้า เป็นคนที�ไม่ได�ซี�อมเป็นประจำ ค่ะ นอกจากจะมีงานอะไรทีต�องไป โชว์ไปเล่น ไปแข้่งจริง ๆ ข้อแค่หน รูก่อนสัก ๓ สัปดาห์แคนั�นพอแล�ว หนูจะรีบซี�อม ไม่ได�ซี�อมทั�งวันทั�ง ค่น แต่หนูจะแบ่งเวลาในการซี�อม วันละ ๒-๓ ชั�วโมง ถ�าเหล่อเวลา ซี�อมไม่มาก พี�ชายหนูจะบอกให� มองเป็นชั�วโมง เป็นนาท มันจะได� ดูเหล่อเวลาให�ซี�อมเยอะ ทัาไม้ม้าเรย่น้ทัีวทัย่าลย่ดรย่างคีศิิลป ตอนแรกห นูจะไปเ รียน ที นิเทศศาสตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แตคุณพ่อบอกว่าหนก็ชอบละคร เพลงไม่ใช่เหรอ ถ�าหนูอยากเรียน การแสดงทีนิเทศจุฬาฯ ทำไมไม เรียนที�มหิดล เรียนเอกเธัียเตอร แล�วได�เรียนทั�งร�อง ทั�งเต�น ทั�งการ แสดง ไมดีกว่าเหรอ หนคิดว่าคุณ พ่อหนกพูดถูกค่ะ หนก็เลยมาเรียน ทีนี และพี�สาวก็เรียนอยู่ทีนี�อยู่แล�ว เรียนธัุรกิจดนตร ป ๓ เอกวิโอลา บางคลาสก็เรียนกับพี�สาวด�วยค่ะ การ ร่ว ม้ งา น้กับ พ่�เ บ ร์ด ธงไ ช้ย่ แม้คีอน้ไตย่ ใน้เพลงคีีรบน้บน้ ก่อนอ่�นเลยต�องบอกว่าเป็นแฟัน คลับพี�เบร์ดทั�งครอบครัวจนไปถึง อาม่าอากงเลย ตอนที�รายการโทร มาบอกเราว่าเราต�องไปเล่นกีตาร คลาสสิกแล�วให�ศิลปินท่านหนึ�งร�อง เพลงนะ เข้ายังไม่บอก แต่เข้าบอก ว่าให�หนูทาย หนก็บอกว่าพีบิวกิ�น (พฒิพงศ อัสสรัตนกุล) เข้าก็บอก ว่าไม่ใช แต่เข้าบอกมาว่า บอใบไม� เหม่อนกัน หนกคิดว่า พีบี (สุกฤษฎิ วิเศษแก�ว) อีกแล�วเหรอ หนกดีใจ มากเลย แต่เข้ากลับบอกว่า พี�เบร์ด ธังไชย แมคอินไตย พอรู�เท่านั�นแหละ ครอบครัวหนูกรี�ดกันหมดเลย เพราะ ว่าชอบมาก แล�วพอเจอพี�เข้าตัวจริง หนูไม่เคยเป็นแบบนี�นะ หนสั�นทุกรอบ ทีซี�อมเลย ซี�อม ๑๐ รอบกสั�น พี เบร์ดเป็นซีูเปอร์สตารข้นาดนั�น หน ประทับใจมาก ๆ เลย ตอนซี�อม พี

ได�ไม่เท่าไหรก็ไปอยู่ทีอินเดียแล�ว

พออยู่ทีอินเดียหนก็ไปตีเล่นกับ เพ่�อน ออกกำลังกายนี�แหละ คุณคร

เข้าก็เห็นแววแล�วกส่งหนูไปแข้่งเป็น ตัวแทนโรงเรียนเลยค่ะ หนยังจำได� จนถึงวันนี�เลยนะพี�ตอนนั�นน่ะ มัน แข้่งหลายรอบมาก ๆ การแข้่งข้ัน ประเภทเดี�ยว ๗ รอบได� ค่อต�อง ชนะทุกคน จนมาได�ที ๒ แล�วกยัง แข้่งประเภทคู่ต่อ รุ่นไม่เกิน

(ถกลเกียรต วีรวรรณ) พี�บอย

ก็บอกว่า เอินเอินน่ะเหรอ ทำไม่ได�

มั�ง จะทำได�ยังไงนางเอกเร่�องแรก

เลยนะ น�องไม่เคยเรียนการแสดงมา

ก่อน ไม่เคยแสดงมาก่อนด�วย

77 เบร์ดเตรียมช่อดอกไม�มาให�เรา แล�ว เข้ามากอดเรา แล�วบอกเราว่ายินด ด�วยที�ได�ร่วมงานด�วยกันนะ แล�วพี เบร์ดให�ทุกคน แม�ว่าจะเป็นเด็กใหม ข้นาดไหน พี�เบร์ดเทคแครทุกคน “ไมว่าหน์ูเลีน์ผู้ิดขน์าดไหน์ตอิ่น์ ซึ่อิ่ม พี�เบรั์ดกิหน์มายิ�มให แลี้วบอิ่กิ หน์ว่า เกิ่งมากิ เกิ่งมากิ อิ่ยู่ดี” คี วา ม้ สา ม้ าร ถึทั าง ด้า น้กีฬาของ เอน้เอน้ ฟาตม้า หนูเล่นแบดมินตันมาตั�งแต ๘ ข้วบ ก่อนหน�านั�นเรียนยิมนาสติก ก่อน ค่อเราอยากออกกำลังกาย แหละ แตยิมนาสติกมันต�องใช�เวลา ทั�งวัน เราก็เลยคิดว่ามันทำอะไร อย่างอ่�นไม่ได� ก็เลยเปลี�ยนมาเป็น แบดมินตันที�ใช�ออกกำลังกายแทน หนก็ไปเรียนแบดมินตันแตว่าเรียน
๑๗ ป ก็ได�ที ๑ (ไม่กล�าพูดเลยอ่ะ เดี�ยว ผู้ิดหวังกัน) แต่หนก็ไม่ได�เล่นนาน แล�วนะคะ อย่างรายการ Super Match (EP.1 - ๑๑ มิ.ย. ๖๕) หนูเล่นคู่กับพีฟัรอยด (ณัฏฐพงษ ชาติพงศ์) หนูเพิ�งมาเจอพี�เข้าเป็น ครั�งแรกก็ตอนถ่ายรายการนี�แหละ แต่ในวันนั�นสนุกมากเลยค่ะ การแสดงคีรั�งแรก ตั�งแตที�หนูเข้าไปออดชันทีตึกตอน ประกวด The Star Idol เข้าวงช่�อ หนูไว�ว่านางเอก แต่เข้าบอกหนว่า เข้าไมรู�หรอกว่านางเอกเร่�องไหน แต ตอนที�หนูเจ็บข้าในการแข้่งข้ัน จะม อยู่คนหนึ�งทีถ่อรองเท�า คอยตามดูแล หน ใน VTR ที�คอยตามอาการข้อง หนูในระหว่างการแข้่งข้ันในรายการ ตอนนั�น เข้าค่อผู้�กำกับซีีรส์เร่�องนี เข้าแฝ่งตัวมา ค่อหนก็ไมรู หนคิด ว่าเข้าเป็นผู้จัดการพีบี (สุกฤษฎิ วิเศษแก�ว) หร่อเปล่า เข้าก็บอกว่า เป็นครูสอนการแสดง ในวันนั�นนะคะ ค่อเข้ามาเล่าให�หนูฟัังว่าในวันนั�น เข้าเห็นความสู เห็นทัศนคตข้องหน เหม่อนว่าเข้าทดสอบเราด�วยว่าเรา มีพฤติกรรมอย่างไรกับทีมงานต่าง ๆ เข้าบอกว่าเข้าดูหมด เข้ายังบอกอีกว่า เอินเอินมีความเป็นซีินเดอเรลล่ามาก ในซีีรส์นะ จะมีความตัวแสบ ความเป็น นักสู เข้าออดชันนางเอกมาเยอะมาก แต่ไม่เจอเลยสักคนแล�วเข้าก็เอาไปบอก พี�บอย
แล�ว ผู้�กำกับก็บอกว่า เช่�อว่าเอินเอินทำ ได� ข้องลองดก่อน พี�บอยก็เลยยอม MY SASSY PRINCESS เจ้าหญิิง ๒๐๒๒ หนรับบทเป็น ซีินเดอเรลล่า ใน ซีีรส์เร่�องนี�จะไม่เหม่อนซีินเดอเรลล่า ยุคก่อนเลย ยุคก่อน ซีินเดอเรลล่า จะต�องรอความช่วยเหล่อจากเจ�าชาย รอทุกอย่าง นั�งรอสวย ๆ ทำงานบ�าน ดน่าสงสาร เป็นผู้�หญิงอ่อนแอ แต ในยุคนี�เข้าเปลี�ยนหมดเลย กลาย เป็นซีินเดอเรลล่าทีลุย สู ไม่รอ ความช่วยเหล่อจากผู้�ชายแล�ว ค่อ เข้าหาผู้�ชายเลย ค่อเราเป็นคนจน มาก ค่อมันไมมีทางแล�วที�เราจะ รวยได� แตก่อนเคยมีคฤหาสน์แตว่า พ่อเสียชวิต แล�วมีแม่เลี�ยงที�แบบ ว่าหาภาระ หาหนี�มาให�ตลอด จน แอร์ไมมติด โซีฟัาด ๆ ไมมนั�ง เรา ก็เลยทนไม่ไหว เราก็พยายามเล่น หวยและคริปโต พยายามทำงานทุก ที ร�านกาแฟัต่าง ๆ ทำทุกอย่าง แตก็ไม่รวยสักท จนมาได�ความคิด ทีว่า เราจะรวยได�ต�องมีผู้�ชายรวย ๆ ค่อไม่ได�หวังรวยแบบปานกลาง ด�วยนะ หวังรวยแบบหม่�นล�าน ก เลยไปหาทางเช่าแบรนด์เนมเพ่�อไป หลอกจับผู้�ชายรวย ๆ แล�วมันก็จะ มอุปสรรคข้องตัวละคร อุ๊ย...ข้อไม สปอยลดีกว่า อยากให�ไปดูเอาเอง วัน ที ๕ ส.ค. นี�นะคะ ถ�าบทสัมภาษณ นี�ออก เพ่�อน ๆ คงได�ดกันแล�ว หวัง ว่าจะชอบกันนะคะ แฟน้คีลับ ค่อตอนแรกหนูเป็นคนที�ไม่ชอบ ให�ใครมาตามมาอะไรแบบนี�เท่าไหร แตสุดท�ายหนูหลงความน่ารักข้อง แฟันคลับหนูไปแล�ว เข้าจะคอยซี่�อ ข้นมมาให�เรา ไม่ใช่แคดูแลเรานะ เข้าดูแลไปถึงครอบครัว ดูแลไปถึง คนรอบ ๆ ตัวเราหมดเลย รูสึกว่า แฟันคลับเข้าใจบุญเหม่อนกันนะ ถ�าเกิดจะให�บอกอะไรแฟันคลับ ค่อ อยากจะบอกให�เข้าดูแลตัวเองบ�าง บางคนซี่�อเส่�อผู้�า ซี่�อข้นมแพง ๆ มาให�เรากิน แต่เข้ายังไมมีเส่�อผู้�าด ๆ ใส่เลย สิ�งที�หนูอยากได�ค่ออยาก ให�เข้าได�กินข้าวแบบที�เรากินด�วย เหม่อนกัน

แม�อาชีพหลักและปริญญาที�ได�

มาจะเป็นสาข้าทางวิทยาศาสตร

ศตวรรษที ๑๙

78 MUSIC: DID YOU KNOW? เรื่อง: กฤตยา เชื่อมวราศาสตร (Krittaya Chuamwarasart) นักข่าวอิสระ ๖ คีีตกว กบุผลงานที�มากกว่าดนตร Borodin: นักเคีมผู้ประพัันธ์์ดนตร เป็นงานอดิเรก Aleksandr Borodin (๑๒ พัฤศจ้ิกายน ๑๘๓๓ - ๒๗ กุมภาพัันธ์์ ๑๘๘๗) คีตกวีและนักเคมีชาวรัสเซีีย หนึ�งในสมาชิก The Five กลุ่ม ข้องคีตกวีสายชาตนิยมรัสเซีียช่วง
ทว่า กลับเป็นทีรูจักในฐานะคีตกวีมากกว่า นักเคม และใช�ชวิตที�รายล�อมไปด�วย เพ่�อนฝู่ง ซีึ�งมทั�งนักดนตรีและนัก วิทยาศาสตรช่�อดังข้องยุคสมัยนั�น ณ ไฮ์เดลแบร์ก โบโรดินเป็น หนึ�งในสมาคมนักเคมทีมักมารวม ตัวและแบ่งปันไอเดียการทำงาน ซีึ�งกันและกัน ส่วนที�นครเซีนต ปีเตอร์สเบร์ก เข้าเป็นทีรูจักในฐานะ นักดนตรีแถวหน�าผู้�สร�างผู้ลงานแนว ชาตนิยม และอยู่เบ่�องหลังการข้ับ เคล่�อนข้บวนการดนตรีแนวนี แม�ตัว เข้าเองจะมผู้ลงานเพียงไมกีชิ�นก็ตาม ผู้ลงานดัง ๆ เช่น Prince Igor, String Quartet No. 2 in D Major (1881), Symphony No. 2 in B minor และ In the Steppes of Central Asia ซีึ�งหากได�ยินแล�ว ต�องรอ อ๋อ... อย่างแน่นอน เซีนส์ทางดนตรข้องเข้าโดดเด่น กว่าคีตกวีคนอ่�น ท่ามกลางความ รุ่งเร่องข้องดนตรยุคโรแมนติก งาน ซีิมโฟันีและสตริงควอเท็ต อันม ลักษณะเฉพาะข้องเข้ากถ่อกำเนิด ข้ึ�น และอาจพอจะกล่าวได�ว่าเป็น ผู้ลข้องการบีบบังคับจากสถานการณ ทางการเม่อง โดยก่อนยุคข้องกลิงคา (Mikhail Ivanovich Glinka, 1804-1857) ดนตรข้องรัสเซีียถูกครอบงำจากดนตร อิตาเลียน ทำให�เพลงข้องชาวรัสเซีีย แท� ๆ หร่อดนตรพ่�นบ�านได�รับความ สนใจเพียงน�อยนิด ได�รับความนิยม ภาพสน�ำมันโดย Ilya Repin วาดราวช่วงป ค.ศ. ๑๘๘๘
79 จากชาวบ�านหร่อเกษตรกรในพ่�นที ชนบท ส่วนชนชั�นสูงผู้มอิทธัิพลก ไมนิยมดนตรข้องชาติตนเท่าใดนัก แม�จะล่วงเข้าทศวรรษ ๑๘๕๐ แล�ว ในดินแดนรัสเซีียกยังไมมีโรงเรียน ดนตรีอย่างเป็นทางการเหม่อนชาต อ่�น ๆ ในยุโรป ครกมน�อย นักดนตร ก็เปรียบเสม่อนพลเม่องชั�นสอง ไม ต�องพูดถึงหนังส่อหร่อโน�ตเพลงทีมีอยู่ เพียงหยิบม่อ แม�แต่วงฟัีลฮ์าร์โมนิก กจัดแสดงแคปีละ ๒ ครั�ง เหตผู้ล ก็ไม่ใชอ่�นไกล... เพราะรัฐบาลไม่ได� สนับสนุนดนตรีเหม่อนศิลปะแข้นง อ่�นนั�นเอง Tchaikovsky (Pyotr Ilyich Tchaikovsky, 1840-1893) นัก ประพันธั์ชาวรัสเซีียผู้ยิ�งใหญ ได�กล่าว ไว�เม่�อป ค.ศ. ๑๘๗๗ ว่า “โบโรัดน์ มีพรัสุวรัรัคทัางดน์ตรัอิ่น์ยอิ่ดเยี�ยม แตด้วยชะตากิรัรัมทัีม่ดบอิ่ด ทัำให เสุน์ทัางชวิตขอิ่งเขาหน์เหสุู่หอิ่งแลี็บ ทัางวทัยาศิาสุตรั์” เหตผู้ลที�แท�จริงข้องการเล่อก เส�นทางชวิตข้องคีตกวีคนดังนั�น เรา ไม่อาจหยั�งรู�ได� แตส่วนหนึ�งอาจม พ่�นฐานมาจากครอบครัว เข้ามจุดเริ�มต�นชวิตที�ไมธัรรมดาเกิดเม่�อป ค.ศ. ๑๘๓๓ ณ นครเซีนต ปีเตอร์สเบร์ก เป็นบุตรนอกสมรส ข้อง Prince Luka Stepanovitch Gedianishvili เจ�าชายชาวจอร์เจียวัย ๖๒ ป กับ Avdotya Konstantinova Antonova หญิงสาวชาวรัสเซีียวัย ๒๔ ทีทั�งสวยและเฉลียวฉลาด แน่นอน ว่าการเป็นลูกนอกสมรสเป็นเร่�องน่า อับอายไมว่ายุคสมัยไหน เด็กชาย ตัวน�อยที�เกิดมาจึงมพ่อตามสตบัตร นามว่า Porfiry Borodin หนึ�งในข้า ราชบริพารข้องเจ�าชายสูงวัยนั�นเอง การเป็นลูกนอกสมรสและอยู่ใน สถานะข้องผู้รับใช� ไม่ได�เอ่�อให�เข้า ได�รับโอกาสด ๆ อย่างที�ควรจะเป็น แต่อย่างไรเสีย แม่แท� ๆ ที�เข้าเรียก ว่า “ป้า” ก็เป็นผู้�หยิบย่�นโอกาสให� โบโรดินได�รับการศึกษาทั�งใน และนอกตำรา เริ�มเรียนฟัลุต เชลโล เปียโน ภาษาฝ่รั�งเศส เยอรมัน และอังกฤษ เติบโตมาท่ามกลาง บรรยากาศอันอบอุ่นและอ่อนไหวข้อง การถูกแวดล�อมด�วยแม่และบรรดา ญาติเพศหญิง ทำให�เด็กชายมีความ รูสึกละเอียดอ่อนตามไปด�วย ข้ณะที สตปัญญาข้องเข้าก็เฉียบแหลมและ เฟั้�องฟัูอย่างไม่หยุดยั�ง เด็กชายโบโรดินสนใจทั�งดนตร และวิทยาศาสตร ถึงข้นาดม ‘ห�อง แล็บ’ ทีบ�าน เพ่�อประดิษฐ์ดอกไม�ไฟั Medico-Surgical Academy โรงเรียนแพทย์ในนครเซีนตปีเตอร์สเบร์ก ที�โบโรดินจบการศึกษาและทำงานเป็นอาจารย
80 The Mighty Five (ที�มา: https://meettheslavs.com/five-russian-composers) หลุมฝ่ังศพข้องโบโรดิน ณ Saint Alexander Nevsky Monastery นครเซีนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ช่วงป ค.ศ. ๑๘๕๐-๑๘๕๖ เข้า เรียนที Medico-Surgical Academy จนได�รับปริญญาเอก มคุณสมบติเป็น แพทย์และศัลยแพทย แถมยังเคย เป็นแพทย์ประจำบ�านในโรงพยาบาล ข้องกองทัพเพียงช่วงสั�น ๆ (ค.ศ. ๑๘๕๖-๑๘๕๙) แต่แล�วก็เกิดความ สนใจในศาสตร์เคมด�วยอิทธัิพล จาก Nikolay Nikolaevich Zinin (1812-1880) นักเคมีชาวรัสเซีีย ซีึ�งเป็นคนแรกที�สามารถสังเคราะห สารอนลีน (aniline) อันเป็นพ่�นฐาน ข้องอุตสาหกรรมสย�อม จากนั�นช่วง ป ค.ศ. ๑๘๕๙-๑๘๖๒ ก็เดินทาง ไปศึกษาด�านเคม ณ มหาวิทยาลัย ไฮ์เดลแบร์ก เม่องที�เปรียบเสม่อน ศูนย์กลางข้องนักวิทยาศาสตรข้อง ยุโรป โบโรดินใช�เวลาว่างในการแต่ง เพลงเพ่�อผู้่อนคลายจากความเครียด อย่างผู้ลงานยิ�งใหญชิ�นแรก Symphony No. 1 in E-flat Major ก็ใช�เวลาช่วงป ค.ศ. ๑๘๖๒-๑๘๖๗ ในการประพันธั จากนั�นในป ค.ศ. ๑๘๖๙ ก็เริ�มประพันธั Symphony No. 2 in B minor ไปพร�อม ๆ กับ Prince Igor โอเปร่าชิ�นเอก ซีึ�งคน

จัดให�มีการแสดงเพลงนีด�วย หร่อ

อย่างเพลง String Quartet No.

1 in A Major กถูกนำไปแสดงใน

ปารีสอีกด�วย ความสำเร็จทางดนตรีเกิดข้ึ�น

ระหว่างที�เข้าดำรงตำแหน่งผู้ช่วย ศาสตราจารยวิชาเคม (ภายหลัง ก็ได�รับตำแหน่งศาสตราจารย์) ซีึ�ง ใช�เวลาส่วนใหญ่ไปกับงานวจัย งาน สอน และงานแปลหนังส่อ จนทำให�

เพ่�อนฝู่ง วงศ์ญาต นักเรียน หร่อ

(Acute

Myocardial Infarction) ข้ณะร่วม งานเลี�ยงเต�นรำที�โรงเรียนแพทย สร�าง ความสะเท่อนใจให�เพ่�อนนักดนตรีและ นักวิทยาศาสตร์อย่างมาก ซีึ�งช่วงนั�น

No.

81 มักจดจำได�กับ ‘Polovtsian Dances’ ในองกที ๒... และนี�เองที�ทำให�เรา เช่�อในคุณค่าข้องการรอคอย Prince Igor ใช�เวลาประพันธั และเรียบเรียงราว ๒๐ ป กยังไม เสร็จเรียบร�อยด โชคดทีม Nikolai Rimsky-Korsakov (1844-1908) และ Alexander Klazunov (18651936) เข้ามาช่วยสานต่อจากร่าง เดิมให�ออกมาสมบูรณ์แบบ ข้ณะที Symphony No. 2 in B minor ซีึ�ง ดีกว่าซีิมโฟันชิ�นแรก ก็ได�เอาไปให� Franz Liszt (1811-1886) ด ซีึ�งคีตกวดังชาวฮ์ังกาเรียนก็สนใจนำ ไปแสดง และเพลงนียังดึงดูดความ สนใจข้องเคาน์เตสจากเบลเยียม จน
แม�แตนักดนตรที�แวะเวียนไปทีบ�าน ข้องโบโรดินบ่อย ๆ สงสัยว่าเข้าเอา เวลาที�ไหนไปเข้ียนเพลง เพราะถ�าไม อยู่บ�าน กมักเดินทางไปร่วมประชุม วิชาการและพบปะกับเพ่�อนนักดนตร อยู่เสมอ ความตอนหนึ�งในจดหมายที โบโรดินเข้ียนถึง Viktor Alexandrovich Krylov (1838-1908) เพ่�อนนักเข้ียน บทละครชาวรัสเซีียว่า “ดน์ตรัค่อิ่ งาน์อิ่ดิเรักิ...เหม่อิ่น์ไดผู้อิ่น์คลีาย ความเครัียดจิากิกิารัเปน์น์กิเคมี” ‘Science is my work and music is my fun.’ นั�นทำให�เราแอบคิดว่า เหตผู้ล เดียวที�คนพูดถึงการเป็นนักเคมข้อง เข้า อาจเป็นเพราะงานอดิเรกที�แสน จะโดดเด่นนี�หร่อไม และหากเข้าม เวลาทำงานเพลงจริง ๆ จัง ๆ ใช เพียงงานอดิเรก ปริมาณและคุณภาพ งานที�สร�างสรรค์ออกมาจะต่างจาก ที�เป็นอยู่อย่างไร ทว่าน่าเศร�าทีชวิตข้องโบโรดิน ไมย่นยาวนัก เ ข้ าเ สีย ช วิตเ ม่�อ วัน ที ๒๗ กุมภาพันธั ค.ศ. ๑๘๘๗ ด�วยภาวะ กล�ามเน่�อหัวใจตายเฉียบพลัน
เข้ากำลังประพันธั Symphony
3 in A minor อยู่ด�วย สันนิษฐานกันว่าสาเหตุอาจมา จากความเครียดและความกดดันใน การพยายามทำทุกบทบาทให�ออก มาสมบูรณ์แบบ ร่วมกับสข้ภาพ ร่างกายที�ไมค่อยแข้็งแรงนัก เข้าเป็นสามีผู้ซี่�อสัตย เป็นเพ่�อน ร่วมงานและกัลยาณมิตรทีด แม�ชวิต ในบ�านข้องเข้าจะค่อนข้างลำบากนิด หน่อยเพราะต�องดูแลภรรยาทีป่วย ด�วยโรคหอบห่ดและมนสัยการนอน ทีผู้ิดปกต (สี�โมงเย็นถึงตีสอง) และ ต�องดูแล Genya เด็กหญิงวัย ๗ ข้วบทีรับเลี�ยงด โดยความตอนหนึ�ง ในจดหมายที�เข้ียนถึงภรรยา ระบว่า “กิารัพยายามเปน์ Glinka (น์กิ ปรัะพน์ธิ์) Stupishin (ข้ารัาชกิารั) น์กิวทัยาศิาสุตรั ศิิลีปน์ เจิ้าหน์้าทัี รััฐ คน์ใจิบุญ พอิ่ขอิ่งลีกิ หมอิ่ แลีะ คน์อิ่อิ่น์แอิ่ สุุดทั้ายผู้มกิ็เปน์คน์ทัี อิ่ยู่ทั้ายแถว” และหลังการจากไปในวัยเพียง ๕๓ ป ภรรยาคู่ทุกข้คู่ยากกสิ�นลม ในเวลา ๕ เด่อนหลังจากนั�น ร่างข้องเข้าถูกฝ่ัง ณ Saint Alexander Nevsky Monastery โบส ถ์ออ ร์โ ธั ดอก ซี์ในนครเ ซี น ต ปีเตอร์สเบร์ก ร่วมกับร่างไร�วิญญาณ ข้องเพ่�อนฝู่งและผู้ที�เข้ายกย่อง อาท Balakirev, Cui, Mussorgsky, Rimsky-Korsakov และ Tchaikovsky ในบทบาทข้องการเป็นนักเคม เข้ามส่วนผู้ลักดันให�เกิดหลักสูตรการ แพทย์สำหรับผู้�หญิงข้ึ�นในรัสเซีียเม่�อป ค.ศ. ๑๘๗๒ และการค�นพบปฏกริยา Aldol ในปีเดียวกัน ภายหลังถูกนำ ไปใช�ในการผู้ลิต atorvastatin ยา ป้องกันโรคหัวใจซีึ�งเป็นโรคที�คร่า ชวิตเข้านั�นเอง อ้างอิง http://chemaustraci.org.au/article/september%E2%80%93november-2021/borodin%E2%80%93-scientist-and-sunday-composer.html http://www.lateralmag.com/articles/issue-31/a-composer-among-chemists https://www.classicfm.com/composers/borodin/guides/discovering-great-composersalexander-borodin/ https://www.britannica.com/biography/Aleksandr-Borodin
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.