สารคดีปะเลอปะเต๋อ

Page 1

เมื่อครัง้ คุณยายยังเด็ก • มวยไชยามวยคาดเชื อกไม่มีวันตาย • ธุ รกิจขายสินค้าออนไลน์ • ด่านสิงขอนกับคนไทยที่ถุกลืม

ปะเลอะปะเต๋อ

สารคดีวาไรตี้

เรียบเรียง หยดน�้ำ สิทธิโชค อภิสิทธิ ชลิตา ชนิภรณ์


ปะเลอปะเต๋อ บรรณาธิการส�ำนักพิมพ์ อาจารย์ภัทราภรณ์ ศรีทองแท้ บรรณาธิการหนังสือ ชลิตา เรือนอิ่น (หยดน�้ำ) นักเขียน ชนิภรณ์ ฝอยทอง (ญาญ่า) สิทธิโชค ก้อนศิลา (อิจิเรย์) อภิสิทธิ์ บุญธีรนนท์ (ตาชั้นเดียว)

ฉันได้มโี อกาสกลับมาร่วมท�ำงานกับเพือ่ นๆอีกครัง้ ภาย ใต้หนังสือสารคดีทมี่ ชี อ่ื เรียกกว่า“ปะเลอปะเตอ”หลาย คนคงแปลกใจกับชื่อหนังสือที่ไม่มีใครเคยคาดคิดมา ก่อนว่าจะมาเป็นชื่อหนังสือได้ เนื่องจากหนังสือของ เราเป็นสารคดีวาไรตี้ที่รวบรวมเรื่องราวที่มาจากต่าง ความคิด ต่างมุมมอง ต่างสถานที่ มารวมตัวในเล่ม เดียวกันได้อย่างลงตัว เช่นเดียวกับฉันและเพือ่ นนักเขียน ทุกคนทีม่ าจากต่างที่ ต่างสไตล์ แต่มารวมตัวกันเพือ่ ท�ำ ตามความฝันของตัวเองให้เป็นจริง หนังสือของเรานัน้ มี สไตล์ทเี่ ป็นตัวเองทีเ่ น้นการเขียนแบบเล่าเรือ่ ง มากกว่า การเขียนแบบวิชาการ สารคดีแต่ละเรือ่ งนัน้ จะมีรปู แบบ การเขียนและมุมมองในการเล่าเรื่องแตกต่างกันออกไป ตามสไตล์และความถนัดของผูเ้ ขียน แต่ยงั คงสาระความ รู้และความบันเทิงเอาไว้เต็มเปี่ยม เพื่อให้เกิดประโยชน์ ต่อผู้อ่าน และทางเราหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นเพื่อน ของคุณในยามว่าง ชลิตา เรือนอิ่น บรรณาธิการ


สารบัญ 2 เมื่อครั้งคุณยายยังเด็ก Grandma When she was a child

6 ด่านสิงขรกับคนไทยที่ถูกลืม d-a-n-S-I-N-G-K-H-O-N

14 ธุรกิจออนไลน์ไม่ง่ายอย่างที่คิด E-Commerce

19

มวยไชยา มวยคาดเชือกไม่มีวันตาย

m-u-a-y-c-h-a-i-y-a


2.

เมื่อครั้งคุณยายยังเด็ก Grandma When she was a child

'

โดย : หยดน�้ำ

'

เป็นเรือ่ งธรรมดาทีเ่ มือ่ กาลเวลาเปลีย่ นไป คนเราก็มกั จะเปลีย่ นไปตามกาลเวลา นอกจากนั้นสิ่งรอบข้างของเราก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย มีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย และท�ำให้การใช้ชีวิตของคนเราเปลี่ยนไปจากเมื่อครั้งอดีตโดยสิ้นเชิง กลายเป็นว่ายุค นีใ้ ครๆก็รอ้ งหาแต่ความสะดวกสบายทางกาย จนลืมไปว่าการใช้ชวี ติ อย่างแท้จริงนัน้ คืออะไร ฉันเคยนึกสงสัยเสมอ เมื่อเวลามองไปเห็นผู้คนรอบกาย ผู้คนที่ไม่รู้ว่าจะเร่ง รีบแข่งขันกันไปไหนไม่มีน�้ำใจไร้ซึ่งความสามัคคีและใช้แต่ความรุนแรง ฉันเป็นเด็กที่เกิดมาในยุคที่เรียกได้ว่าก�ำลังพัฒนา ซึ่งค�ำว่า พัฒนาคือการท�ำให้ดีขึ้น แต่ลึกๆแล้วฉันก็ไม่รู้หรอกว่ามัน พัฒนาขึ้นจริงๆหรือเปล่า มันท�ำให้ฉันชอบคิดเสมอ หากตัว ฉันเกิดในสมัยที่คุณยายของฉันยังเป็นเด็กเท่าฉันสมัยนั้นคุณ ยายฉันท�ำอะไรนะ แน่นอนที่สุดว่าคงไม่มีสิ่งอ�ำนวยความ สะดวกมากมายอย่างทีม่ ใี นตอนนี้ คงไม่มคี วามวุน่ วายอย่าง

ทีม่ ใี นตอนนี้ และสมัยนัน้ คงไม่มโี ทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตให้ เล่นแบบสมัยนี้แน่นอน ตอนฉันเป็นเด็กฉันมีโอกาสได้กลับบ้านทีต่ า่ งจังหวัดทางภาค เหนือ ทันทีทไี่ ปถึงฉันก็ชอบวิง่ โล่ไปหาคุณยาย ฉันไปเล่นกับ คุณยาย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของฉันก็ชอบที่จะขอให้


3. คุณยายเล่าเรื่องราวสมัยตอนยังเด็กให้ฉันฟัง และเรื่องเล่า ของคุณยายทุกๆ เรื่องมักจะน่าสนใจและน่าอิจฉาไปพร้อมๆ กัน จนท�ำให้บางครั้งฉันคิดไปว่าอยากเกิดในสมัยที่คุณยาย ยังเป็นเด็กบ้างจัง คุณยายเล่าให้ฉันฟังว่าสมัยที่คุณยายยังเป็นเด็กนั้น ไม่มี ความเจริญอะไรเข้ามาถึงในหมู่บ้านเลย ผู้คนใช้ชีวิตโดยที่ ไม่มีสิ่งอ�ำนวยความสะดวกมากมายเหมือนในสมัยนี้ เพราะ บ้านทีค่ ณ ุ ยายอยูน่ นั้ เป็นชนบททีอ่ ยูใ่ นต่างจังหวัด จึงยังไม่มี ไฟฟ้าเข้าถึง จะมีก็เพียงไฟจากตะเกียงเท่านั้นที่ยังให้ความ สว่างไสวพอบรรเทาความมืดมิดในยามค�่ำคืน สมัยก่อนนั้น จะใช้โพรงตะเกียงเป็นโครงไม้ส�ำหรับป้องกันลมพัดไม่ให้ไฟ ดับ แถวบ้านคุณยายจะเรียกว่า “กระจองงอง” ทีเ่ รียกแบบ นั้นก็มาจากความเชื่อว่ามีผีประเภทหนึ่งชอบออกมาหากิน ตอนกลางคืน มีไฟส่องทางเป็นล�ำแสงใหญ่ออกมาจากใต้คาง มีรปู ร่างคล้ายกับโพรงไม้ เรียกว่าผีกระจองงอง หรือผีโพรง นั้นเอง

เหมือนกัน ผูค้ นในสมัยนัน้ จึงต้องอาศัยน�ำ้ จากตุม่ ทีร่ องไว้ใน ยามหน้าฝนไว้ดื่มกิน และอาศัยน�้ำจากบ่อ หนอง ล�ำห้วย ในการอุปโภค คุณยายบอกว่าสมัยทีค่ ณ ุ ยายยังเด็ก เวลาที่ จะอาบน�้ำต้องเดินไปตักน�้ำจากในบ่อบาดาลซึ่งห่างจากตัว บ้านพอสมควรเพื่อน�ำมาเติมใส่ตุ่มก่อนที่จะน�ำมาอาบ แต่ กว่าจะเติมเต็มตุ่มก็ต้องหาบถังน�้ำเดินไปเดินมาหลายรอบ ท�ำเอาเหนื่อยจนหอบเลยทีเดียว คุณยายบอกว่าวันไหนขี้ เกียจหน่อยก็จะชวนพวกเพื่อนเด็กผู้หญิงพากันนุ่งผ้าถุงไป อาบน�้ำในคลองแทน

คุณยายเล่าอีกว่าถึงจะต้องล�ำบากแต่ผคู้ นในหมูบ่ า้ นก็มนี ำ�้ ใจ ชอบน�ำอ่างหรือหม้อดินเผาที่มีฝาปิดใส่น�้ำฝนมาวางไว้หน้า บ้าน ให้แขกหรือคนที่ผ่านไปมาได้ตักกิน ซึ่งต้องใช้กระบวย ที่ท�ำจากกะลามะพร้าวตักน�้ำกินแทนแก้วน�้ำ น�้ำในหม้อดิน หน้าบ้านนั้นจะเย็นอยู่ตลอดเวลาเพราะหม้อดินเผากักเก็บ ความเย็นเอาไว้ และบางบ้านก็น�ำเอาดอกมะลิมาใส่น�้ำเพิ่ม ความหอม ฉันนึกภาพตามค�ำบอกเล่าของคุณยายในตอนนี้ ก็อดคิดไม่ได้ว่าคนที่ได้กินน�้ำจากหม้อดินเผาหน้าบ้านจะอิ่ม นอกจากไฟฟ้ายังไม่เข้ามาถึงที่บ้านแล้ว น�้ำประปาก็ยังไม่มี น�้ำที่กินหรืออิ่มเอมน�้ำใจจากเจ้าของบ้านมากกว่ากัน


4. เกลื่อนมากเท่าสมัยนี้ ผู้คนจึงมักชอบท�ำอาหารกินกันเองใน บ้าน วันไหนที่เบื่อกับการกินอาหารในบ้าน ก็อาจจะเปลี่ยน บรรยากาศไปกินตามท้องทุ่งนา ริมคลองบ้าง เพื่อเพิ่ม อรรถรสในการกินให้อร่อยมากขึ้น วัตถุดบิ ทีใ่ ช้นนั้ ก็ตามแต่จะหาได้ แล้วน�ำมาปรุงตามใจคนท�ำ บางวันมีปลาก็กินปลา บางวันมีหน่อไม้ มีผัก มีของป่า ก็ ต้องปรับเมนูอาหารตามไปด้วย และในการท�ำอาหารของ คนสมัยก่อนก็ไม่ได้สะดวกสบายนัก เพราะไม่มเี ตาแก๊ส ไม่มี ไมโครเวฟเหมือนสมัยนี้ มีเพียงเตาที่ปั้นขึ้นจากดินเผาและ ไม้ฟืนที่ใช้ในการหุงหาอาหาร

นอกจากสาธารณูปโภคทีผ่ คู้ นในหมูบ่ า้ นจะต้องพึง่ พาตนเอง แล้ว คุณยายยังเล่าอีกว่า เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายในสมัยก่อน ก็ยังเป็นสิ่งที่ท�ำกันขึ้นมาเอง ไม่เหมือนในสมัยนี้ที่เพียงเดิน เข้าร้านขายเสือ้ ผ้าก็ได้เสือ้ ผ้าสวยๆออกมาแล้ว แต่สมัยก่อน กว่าจะมาเป็นผ้าซิน่ (ผ้าถุง)ลวดลายทีส่ วยงามสักผืนนัน้ คุณ ยายและพี่ๆ ต้องเริ่มตั้งแต่การเริ่มเก็บดอกฝ้าย เพื่อน�ำมา ปั่นเป็นด้าย ก่อนจะเริ่มทอดออกมาเป็นผืนได้ ส่วนลวดลาย ก็จะถูกส่งต่อมาตั้งแต่สมัยโบราณ ตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษจาก รุ่นสู่รุ่น ซึ่งจะมีความประณีตงดงามตามแบบฉบับของชาว ล้านนา และการทอผ้านี้เองจะเป็นงานที่ผู้หญิงในชนบทจะ ต้องเรียนรู้ และฝึกฝน ก่อนที่จะถึงวัยมีครอบครัว แต่มาสมัยนี้แทบจะไม่มีบ้านไหนที่ทอผ้าใช้เองแล้ว คงเป็น เพราะความสะดวกสบายที่เพิ่มมากขึ้น และการค้าขายที่เข้า ถึงหมู่บ้านชนบท ไม่จ�ำเป็นต้องไปทอผ้าใช้เอง อีกอย่างคน สมัยนี้ก็ไม่มีใครนุ่งผ้าซิ่นกันแล้ว จะมีให้เห็นก็แต่รุ่นคุณย่า คุณยายเท่าที่นุ่ง และอีกไม่นานผ้าซิ่นก็คงเป็นเพียงแค่เรื่อง บอกเล่าให้ลูกหลานฟังเท่านั้น "ฉันนึกถึงวันที่ไม่มีคนนุ่งผ้าซิ่นแล้วก็อดเสียดายไม่ ได้ที่ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุ คน จะต้องมาหมดไปอย่างง่ายดายเพียงเพราะมีความสะดวก สบาย มีวิถีชีวิตแบบสมัยใหม่เข้ามาแทนที่"

ส่วนเครือ่ งครัวทีต่ อ้ งมีตดิ ไว้ใช้ทกุ บ้านและขาดไปไม่ได้เลยก็ คือ “หวด” ใช้สำ� หรับนึง่ ข้าวเหนียวหรือจะนึง่ พวกผลไม้กไ็ ด้ หวดท�ำมาจากไม้ไผ่ทแี่ ก่จดั หรือเรียกว่าไม้ไผ่กล้า จักสานจน เป็นทรงกรวย ปากขอบจะมวยด้วยไม้ไผ่ นอกจากหวดแล้ว กระโบม หรือ กั๊ว ที่ท�ำจากไม้ ใช้ส�ำหรับผึ่งข้าวเหนียวที่นึ่ง สุขแล้ว เพื่อให้ไอร้อนระเหยออกไป ก่อนจะน�ำไปใส่ก่องข้าว หรือกระติ๊บข้าวเหนียว คุณยายเล่าว่าอาหารสุดโปรดของคุณยายคือ กระดองปูนึ่ง โรยเกลือจิ้มกับข้าวเหนียวนึ่งใหม่ แม้จะเป็นอาหารที่เรียบ ง่าย แต่รสชาติอร่อยแบบบรรยายไม่ถูกเลยเชียว และยังมี แอ็บปลา ที่ปรุงด้วยการน�ำปลาสดที่หาได้ง่าย เช่น ปลา ช่อน ปลาดุก มาคุกเคล้ากับเครือ่ งปรุง ทีห่ าได้งา่ ยแถวบ้าน ประกอบด้วย ตะไคร้ ขมิน้ เกลือ กระเทียม หอมแดง มะกรูด เป็นต้น แล้วห่อด้วยใบตอง ก่อนน�ำไปปิ้งหรือย่างจนสุข ซึ่ง ใบตองทีไ่ หม้ไฟและกลิน่ ปลาทีส่ กุ นัน้ จะส่งกลิน่ หอมตลบอบ อวนไปทัว่ บ้าน และวันไหนทีไ่ ม่มปี ลาก็สามารถเอาเนือ้ สัตว์ ชนิดอื่นมาใส่แทนได้ ซึ่งก็จะให้รสชาติที่แตกต่างกันออกไป

ส่ ว นขนมหวานของโปรดของคุ ณ ยายนั้ น หนี ไ ม่ พ ้ น “ข้าวหนุกงา” หรือ ข้าวคลุกงา จะใช้งาขี้ม่อน (งาเม็ดกลม สีนำ�้ ตาลเทา) โขลกกับเกลือหรือบางบ้านจะโขลกกับน�ำ้ ตาล อ้อย โขลกจนละเอียดก็น�ำไปคลุกข้าวที่พ่ึงนึ่งมาใหม่เสร็จ แล้วห่อด้วยใบตอง บางคนทีช่ อบกินแบบหวานๆ ก็จะน�ำ้ ตาล อ้อยใส่ลงไปเพิ่ม ซึ่งในสมัยนี้หากินได้ยากแล้ว เพราะไม่เป็น ที่นิยม จะมีแต่คนในท้องถิ่นในภาคเหนือเท่านั้นที่จะท�ำขาย ห่อละ 5 บาท 10 บาท หรือท�ำกินกันเองภายในบ้าน ฉัน นอกจากการทอผ้าแล้วงานที่ผู้หญิงจะต้องท�ำก็คือการท�ำ นึกสงสัยว่าข้าวจะมาเป็นขนมได้ยงั ไงกัน คุณยายบอกว่าข้าว อาหาร คุณยายเล่าว่าสมัยก่อนยังไม่ค่อยมีร้านอาหาร หนุกงานิยมน�ำมากินเล่นเพราะมีรสชาติทหี่ วาน จะเอาไปกิน


5. กับกับข้าวก็ไม่อร่อยเหมือนข้าวนึง่ แบบธรรมดา เพราะความ หวานจะไปกลบรสชาติของอาหารจนท�ำให้รสชาติเพี้ยน แต่ คุณยายเตือนว่าถ้าเอาข้าวหนุกงามากินเพลินๆอาจจะอิ่ม ท้องไปทั้งวันเลยก็ได้ คุณยายเล่าอีกว่าเวลาที่ท�ำกับข้าวเสร็จ ทุกคนในบ้านจะมา นั่งล้อมวงกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา และคนในบ้านมักจะมี ความสุขและยิ้มแย้ม ซึ่งแตกต่างจากสมัยนี้ ที่ต่างคนต่างกิน เพราะความเร่งรีบในการท�ำงาน จนท�ำให้ช่วงเวลากินข้าวที่ จะท�ำให้คนในครอบครัวได้พูดคุยกัน ช่วงเวลาที่สร้างความ สัมพันธ์กันหายไป

ฝ่ามือ โรยเกลือ และน�ำไปย่างไฟจนสุก ก่อนทีจ่ ะเอามาแจก จ่ายให้สมาชิกในครอบครัวกินกันอย่างเอร็ดอร่อย เป็น กิจกรรมที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่น ชีวติ คนในสมัยนัน้ ส่วนใหญ่จะท�ำนาท�ำไร่ในตอนกลางวัน พอ ตกค�ำ่ มาก็ตอ้ งรีบเข้าบ้านนอน ยิง่ ตกดึกทุกอย่างจะเงียบสงัด และมืดมิด เพราะบริเวณในหมู่บ้านที่อยู่นั้นมีแต่ทุ่งนาและ ท้องไร่ ไม่เหมือนในสมัยนี้ที่ท�ำงานกันทั้งกลางวันกลางคืน “ถึงแม้กลางคืนนั้นจะมืดแค่ไหน แต่ก็ยังมีดวงจันทร์ และหมู ่ ด าวส่ อ งแสงสว่ า งให้ เห็ น เสมอ” คุ ณ ยายมั ก พู ด ประโยคนี้ให้ฉันฟังเป็นร้อยๆครั้ง เหมือนจะเป็นค�ำสอนที่ ติดปากคุณยายไปแล้วก็ว่าได้

ส่วนช่วงเวลาที่คุณยายประทับใจที่สุด คือช่วงหน้าหนาว ที่ แต่ละบ้านจะก่อกองไฟเพื่อให้ความอบอุ่น และสมาชิกทุก คนในบ้านต่างก็จะพากันมานัง่ ล้อมกองไฟ เพือ่ ผิงไฟไล่ความ หนาวเย็น และมักจะมีการน�ำเอาเห็ดฟางที่เก็บมาจากหัวไร่ ปลายนามาเสียบไม้ โรยด้วยเกลือ และเอาไปย่างไฟ เป็น ของกินเล่นไปพลางๆ วันไหนไม่มเี ห็ดฟางก็จะเอาข้าวเหนียว นึ่งที่กินเหลือจากมื้อเย็น มาปั้นเป็นก้อนกลมแบนขนาดเท่า

แต่กอ่ นฉันคิดเสมอว่าเราจะเห็นดาวก็ตอ่ เมือ่ เวลาออกไปต่าง จังหวัด ไปตามพื้นที่ชนบท ห่างไกล เพราะการอยูใ่ นเมือง นัน้ แสงสว่างจากไฟนีออนจะกลบแสงดาวท�ำให้เรามองไม่เห็น แต่ตอนนีฉ้ นั คิดว่าไม่ใช่แสงสว่างจากไฟฟ้าบดบังแสงดาวแต่ เป็นเพราะรูปแบบการใช้ชีวิต ความเร่งรีบของคนสมัยนี้ มากกว่ า ที่ ท� ำให้ เราไม่ มี เวลาแหงนขึ้ น ฟ้ า มองแสงจาก ดวงดาว

ถึงแม้กลางคืนจะมืดแค่ไหน แต่ก็ยังมีดวงจันทร์และหมู่ดาวส่องสว่าง ให้เห็นเสมอ


6.

ด่านสิงขรกับคนไทยที่ถูกลืม

d-a-n-S-I-N-G-K-H-O-N

โดย : ญาญ่า

จากกรุงเทพมหานครขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์เพื่อไปยังจังหวัด ประจวบคีรขี นั ธ์และจุดหมายก็คอื ด่านสิงขร ด่านสิงขรตัง้ อยู่ ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรขี นั ธ์ ห่างจากแยกทางเข้า ตัวเมืองประจวบฯ ตรงไปตามถนนเพชรเกษมประมาณ 10 ก.ม.ก็จะเจอทางเลีย้ วขวาเข้าด่านสิงขรซึง่ เป็นทางลาดยาง วิง่ ตามถนนนี้เข้าไปอีกประมาณ 12 ก.ม.ก็จะถึงด่านสิงขร ด่าน สิงขรเป็นจุดผ่อนปรนทางการค้าระหว่างชายแดนไทยและ เมียนมาร์ทแี่ คบทีส่ ดุ เป็นสถานทีท่ อ่ งเทีย่ วทีข่ นึ้ ชือ่ ในจังหวัด ประจวบคีรขี นั ธ์ มีจดุ จ�ำหน่ายสินค้าพืน้ เมืองของชาวไทยและ ชาวเมียนมาร์เปิดขายทุกวันโดยสินค้าที่ขึ้นชื่อของที่นี่ คือ กล้วยไม้ปา่ เพราะป่าทางเมียนมาร์ยงั คงความอุดมสมบูรณ์ อยู่มาก จึงท�ำให้ชาวเมียนมาร์เข้าป่าไปหาของป่ามาขายให้ กับคนไทย ซึ่งกล้วยไม้ที่มีขายที่นี่มีหลากหลายพันธ์ ได้แก่ กระเช้าสีดา หวายสี กล้วยไม้ดิน กล้วยไม้ป่า แวนด้าม๊อก รวมไปถึงรองเท้านารี ที่หายากและมีราคาสูง ก็ยังสามารถ หาซื้อได้จากที่นี่ โดยชาวเมียนมาร์น�ำมาขายในราคาถูก ตั้ง ขายแบบแบกะดิน นับว่าเป็นสวรรค์ของคนรักกล้วยไม้อย่าง แท้จริง


7.

จุดเริ่มต้นคือตรงทางแยกเข้าขึ้นบนด่านสิงขร เครื่องยนต์ที่ ส่งเสียงกระหึ่มขับเคลื่อนไปบนถนนฝุ่นควันจากพื้น บทเส้น ทางการเดินรถ ที่ยังคงห่มคลุมด้วยหมอกยามเช้า และแส งอ่อนๆจากดวงอาทิตย์และมีบ้านเรือนสลับกับป่าไม้บนทาง ขึน้ เขา จากจุดนีไ้ ปอีกไม่กไี่ มล์ ก็จะเจอด่านของต�ำรวจตะเวน ชายแดน ตั้งอยู่บนเนินเขาทางผ่านไปยังบริเวณชายแดน ไทย-เมียนมาร์ เสียงรถก็ค่อยๆเบาลง คนขับรถก็เปิด หน้าต่างลงมา ชายร่างสูงกว่า ๑๘๐ เซนติเมตร ลักษณะ ผิวสีดำ� ใส่รองเท้าคอมแบท และแต่งตัวด้วยชุดสีเขียวทัง้ ตัว ถือปืนยาวราวกับสะพายไว้ตลอดเวลา ยืนท่ามกลางแสงแดด และมีเหงือ่ ไหลท่วมร่างกาย เขามองเข้ามาภายในรถ เหมือน กับมองหาคนหรือสิ่งของ เขายกมือซ้ายขึ้นประกอบกับน�ำขา ทั้งสองข้างมาประกบกัน มีเสียงเหมือนเหล็กกะแทกกัน แล้ว เสียงเครือ่ งยนต์กด็ งั ขึน้ อีกครัง้ เดินทางไปยังถนนเส้นเดิมเพียง เวลาไม่ถึง 10 นาที ก็ได้ยินทั้งเสียงของพ่อค้า-แม่ค้าเสียง เสียงรถแล้วเครื่องยนต์ก็ได้ดับลงพอเดินลงรถมา ไม่กี่ก้าว ก็เจอ ผู้คนเดินเต็มไปหมด ทั้งคนไทย และคนชายแดนเมีย นมาร์ มีทั้งทัวร์นักท่องเที่ยวเยอะแยะจนดูร้อนไหนหมด ฝั่ง ถนนข้างซ้ายก็จะมีแม่ค้าพ่อค้าที่เป็นคนไทยและเมียนมาร์ ปะปนกันลักษณะการแต่งตัวของชาวเมียนมาร์จะใส่เป็นผ้า โสร่งที่นุ่งทั้งผู้ชายและผู้หญิงปะแป้งอยู่บนโหนกแก้มทั้งสอง ข้าง ราวกับเป็นเทศกาลสงกานต์ของไทย พวกเขาส่งเสียง เรียกลูกค้าเป็นภาษาไทยที่ดูเหมือนจะพูดไม่ค่อยชัดถ้อยชัด


8.

ค�ำสักเท่าไหร่ แต่ก็ยัง พอฟังออก เมื่อมองไปยังพื้นก็จะเจอ กล้วยไม้ป่า ต้นไม้ ดอกไม้วางอยู่เรียงรายและมีชาวเมีย นมาร์นั่งขายอยู่ ว่ากันว่าตลาดแห่งนี้เปิดขายทุกวัน แต่ใน วันเสาร์จะคึกคักมากเป็นพิเศษ เนือ่ งจากมีการผ่อนผันให้ชาว เมียนมาร์ข้ามฝั่งน�ำสินค้าทางการเกษตรต่างๆ เข้ามาวาง ขายได้ โดยภายในตลาดจะแบ่ ง เป็ นโซนต่ า งๆ ทั้ งโซน เฟอร์นิเจอร์ที่ท�ำจากไม้ มีทั้งโต๊ะ-เก้าอี้ไม้ขนาดใหญ่เล็กให้ เลือกซื้อมากมาย ซึ่งแต่ละร้านก็จะมีบริการส่งให้ถึงบ้านอีก ด้วย อีกโซนเป็นเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ มีทั้งของใช้ในชีวิต ประจ�ำวันเครือ่ งครัวต่างๆ เสือ้ ผ้าถัดมาก็ยงั มีรา้ นขายเครือ่ ง ประดับต่างๆ มีผคู้ นทัง้ จากต่างจังหวัดและต่างชาติทหี่ ลงใหล ในบรรยากาศการค้าขายและต้นไม้ป่านานาพันธุ์รวมไปถึง ฟอร์นิเจอริ์ สิ่งของชายแดน ต่างก็แวะเวียนกันมาจับจ่าย ใช้สอยสิ่งของและแวะชมบรรยากาศบริเวณชายแดนด่าน สิงขร อย่างทีท่ กุ คนคงทราบว่าเป็นพืน้ ทีต่ ดิ กับประเทศเพือ่ น บ้านไทย-เมียนมาร์ หรือในปัจจุบันเรียกว่าเมียนมาร์ซึ้งตั้ง อยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แล้วจะมีใครกี่คนที่รู้จัก ไทย สิงขร เหมือนที่รู้จักกันในนามไทยพลัดถิ่น ปัญหาที่ชาวไทย พลัดถิ่นประสบคือทางหน่วยงานราชการจะออกบัตรว่าเป็น ผู้พลัดถิ่นสัญชาติเมียนมาร์และให้บัตรที่ไม่มีสถานะบุคคล ทางทะเบียนบัตรสีชมพูเหมือนเคสตัวอย่าง ที่ได้ลงพื้นที่มา นายอาธร อายุ19 ปี ก�ำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนบ้านด่าน สิงขร ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 6กล่าวว่าถูกกดดันทางเมียนมาร์


9.

เรียกว่า “คนไทย” ทางไทยเรียกว่า “พม่า” นายอาธรใน ความเป็นจริงแล้วควรได้รบั การศึกษาทีส่ งู กว่านี้ แต่ในสมัย ก่อนยังไม่มีโรงเรียนที่เปิดโอกาศให้บุคคลเหล่านี้และตัวของ เด็กคนนี้ ยังสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนมากมายเช่น ประกวด ร้องเพลงเคยได้รับรางวัลชนะเลิศระดับจังหวัดและโรงเรียน แหล่งนี้ ยังสร้างสถิติคะแนนสอบสูงสุด ในจังหวัด คุณครู ในโรงเรียนได้พูดถึงว่าบุคคลเหล่านี้ไม่ได้มีความแตกแยก จากเด็กไทยปกติทั่วไปแถมยังน่าสงสาร เพราะเด็กเหล่านี้มี ความดิน้ รนทีจ่ ะมีเลข13หลัก เพือ่ ให้คนยอมรับวาเขาเป็นคน ไทย เพือ่ ให้เห็นภาพความเป็นอยูข่ องบุคคลเหล่านีม้ ากขึน้ จึง ได้เดินทางไปยังโรงเรียนบ้านด่านสิงขร โรงเรียนนี้เป็น โรงเรียนทีไ่ ม่ใหญ่มากพืน้ ทีกไ็ ม่มากเท่าไหร่มีตึกอยูเ่ พียงแค่ สามตึก นักเรียนมีประมานร้อยกว่าคน คุณครูมเี พียงแค่เจ็ด ถึงแปดคน แต่ดูเป็นเรียนที่เงียบสงบ เมื่อเดินเข้าไปใน ห้องเรียน ภายในห้องที่ นาย อาธร อยู่มีเด็กประมาน ยี่สิบ คนได้ นายอาธรดูเป็นคนที่ตั้งใจเรียนมากและตอบค�ำถาม ครูในห้องเรียนทุกครั้ง เวลามีงานก็ส่งเป็นคนแรกๆของห้อง เมื่อเลิกเรียนเราจึงตามนายอาธร ไปที่บ้าน บ้านของอาธร ขึ้นไปทางเดียวกับด่านสิงขร ทางเข้าบ้านเป็นพื้นลูกลังขรุข ละ บ้านเป็นบ้านปูนชั้นเดียว พ่อแม่ของเขาประกอบอาชีพ ขายฟอร์นิเจอร์รับมาจากเมียนมาร์ทั้งหมู่บ้านแถบนั้น ส่วน ใหญ่เป็นคนไทยพลัดถิ่นหมด นีเ้ ป็นเพียงส่วนหนึง่ ยังคงมีเรือ่ งราวแบบนีอ้ กี มากทีค่ ณ ุ ยังไม่


10.

เคยได้ยนิ หรือรับรูม้ าก่อนเลย ว่ากันว่าทีม่ าของไทยพลัดถิน่ นั้น ในด้านความสัมพันธ์กับชนกลุ่มน้อย นอกจากรัฐบาล ทหารจะไม่ยอมให้ชนกลุ่มน้อยแยกตัวเป็นอิสระแล้ว ยัง ละเมิดสิทธิมนุษยชนในพืน้ ทีข่ องชนกลุม่ น้อยอย่างรุนแรง ชนก ลุม่ น้อยจึงตัง้ กองก�ำลังของตนเองขึน้ สูร้ บกับทหารเมียนมาร์ ในทุกพื้นที่ ส่งผลให้เกิดสงครามกลางเมืองระหว่างชนกลุ่ม น้อยกับรัฐบาลพม่ายืดเยื้อยาวนานหลายสิบปี และในช่วง ปลายสมัยของรัฐบาลเนวิน กองทัพพม่าก็ปราบปรามชนก ลุ่มน้อยในทุกวิถีทาง ทั้งปราบปรามด้วยก�ำลังอาวุธ การ เจรจาหยุดยิงและใช้แผนยุทธศาสตร์ตัดทั้งเงินทุนและแหล่ง อาหาร ที่ชาวบ้านจะน�ำไปสนับสนุนกองก�ำลังชนกลุ่มน้อย โดยโยกย้ายชาวบ้าน ในหมู่บ้านออกไปพ้นรัศมีการติดต่อ กับกองก�ำลังชนกลุ่มน้อย คือย้ายหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านออกไป อยูใ่ นพืน้ ทีท่ ที่ หารเมียนมาร์ สามารถควบคุมได้งา่ ย ทีท่ หาร เมียนมาร์เรียกว่า "ศูนย์พักพิง" ซึ่งเป็นชุมชนที่สร้างขึ้นใน ที่ราบ ล้อมรั้วไม้ไผ่และวางกับระเบิดป้องกันไม่ให้ชาวบ้าน ออกไปหาอาหารไกลๆ แล้วแอบส่งเสบียงไปให้กองก�ำลัง ชนกลุ่มน้อยที่เคลื่อนไหวอยูใ่ นป่า ชาวบ้านที่ทนอยูใ่ นศูนย์ พักพิงไม่ได้จึงแอบหนีเข้าไปอาศัยอยูใ่ นป่าลึก ท�ำเพิงพัก ชั่วคราวและเคลื่อนย้ายไปเรื่อย ๆ เมื่อรู้ว่าทหารเมียนมาร์ ก�ำลังใกล้เข้ามา ชาวบ้านเหล่านี้จึงกลายเป็นผู้พลัดถิ่นใน ประเทศ โดยส่วนใหญ่จะซ่อนตัวในป่าใกล้ชายแดนไทยแม้วา่ ปัจจุบันรัฐบาลเมียนมาร์จะเจรจาหยุดยิงกับชนกลุ่มน้อยได้


11.

เกือบหมดแล้ว แต่ตามป่าลึกในหลายพื้นที่ยังคงมีการสู้รบ แบบกองโจรอยูก่ ารโยกย้ายชาวบ้านจากหมูบ่ า้ นชนบทจึงยัง ด�ำเนินต่อไปท�ำให้บคุ คลเหล่านีเ้ สียงสิทธิทจี่ ะได้รบั ไป เหมือน หนีเสือปะจระเข้ ชีวิตของคนไทยพลัดถิ่นในประเทศไทยเลว ร้ายไม่แพ้ในเมียนมาร์ การไม่มีสัญชาติท�ำให้ถูกคนไทยเอา รัดเอาเปรียบเหมือนไม่ใช่คน ถูกเจ้าหน้าที่รัฐรีดไถ ถูก อ�ำนาจรัฐกีดกันไม่มโี อกาสมีบา้ นมีรถมีทดี่ นิ ซักผืนเพือ่ ท�ำกิน ไม่มีโอกาสในการศึกษามีเพียงไม่กี่คนที่มีโอกาสเรียนถึง ระดับมหาวิทยาลัย แต่ตอ้ งผ่านการอ้อนวอนเพือ่ ได้มโี อกาส ศึกษา ครูบางคนมีความเป็นครูแค่กบั คนไทยแต่จติ ใจคับแคบ มีชวี ติ ทีเ่ ลวร้ายยิง่ กว่าคนต่างด้าวทีอ่ าศัยในประเทศไทยเสีย อีก เพียงเพราะพวกเขาไม่มีบัตรที่มีตัวเลข 13 หลัก จะเข้า เรียนจะท�ำงานก็จะถูกถามถึงบัตรตัวเลข 13 หลัก เช่นบาง คนอยู่ที่ระนองเดินทางไปท�ำงานที่ภูเก็ต ระหว่างเดินทางกลับ ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจค้น เงินที่จะน�ำมา เลี้ยงลูกเลี้ยงเมียถูกยึดไปหมด ต้องกราบขอเงินกลับบ้าน บางคนซื้อรถมอเตอร์ไซด์ อาศัยชื่อคนไทยที่รู้จัก เมื่อจ่าย เงินหมดกลับถูกแจ้งความจับว่าขโมยรถเสียทั้งเงินและรถ แถมต้องติดคุกอีกพวกเขาเป็นได้แค่ลูกจ้างชั่วคราวและต้อง ระเห่เร่ร่อนไปทั่ว บางครั้งถูกนายจ้างโกงเงินเดือนก็ไม่ สามารถต่อสูไ้ ด้ คนไทยท�ำกับคนไทยด้วยกันเหมือนไม่ใช่คน ชีวิตคนไทยพลัดถิ่นในประเทศไทย จึงเต็มไปด้วยความทุก


12.

ยาก อย่างน่าสงสาร แม้แต่เจอหน้ากัน ก็ไม่กล้าทักทายกัน แม้จะรู้ว่า เป็นคนไทยพลัดถิ่นด้วยกัน ด้วยความหวาดกลัว บางคนถูกยกให้เป็นลูกบุญธรรมของคนอื่น แม้แต่กับพ่อแม่ ตัวเอง ก็ไม่ได้เจอหน้ากัน เมื่อทนไม่ไหวกับสภาพที่เป็นอยู่ พวกเขาจึงได้ออกมาเรียกร้อง แต่การลุกขึน้ สูก้ ไ็ ม่ใช่เรือ่ งง่าย พวกเขาอาศัยกระจัดกระจายการรวมกลุม่ เป็นไปได้ยาก แต่ ก็มีนักกฎหมาย นักสิทธิมนุษยชน ไปให้ค�ำปรึกษา เริ่มต้น จากการจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ เพื่อจะได้มีโอกาสพบปะ กันและได้ออมเงิน จนมีความเข้มแข็งระดับหนึง่ จึงได้ออกมา เรี ย กร้ อ งขอสิ ท ธิ์ ในการเป็ นคนไทย เนื่ อ งจากกฎหมาย สัญชาติที่ใช้อยู่ปิดกั้นไม่ให้พวกเขาได้สัญชาติ แต่การเสนอ ออกแก้ไขกฎหมาย ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หน่วยงานด้านความ มัน่ คง ได้คดั ค้านจนเรือ่ งยืดเยือ้ ยาวนานกว่า 10 ปีจนปลาย ปี 2553 ก่อนการเดินทางไกล พวกเขาได้เก็บออมวันละ บาท 2 บาท เพือ่ เป็นเสบียงส�ำหรับการเดินทางจนวันที่ 13 มกราคม จึงได้เดินทางออกจากด่านสิงขรมายังหน้ารัฐสภา ค�่ำไหนนอนนั่น อาศัยวัดกับโรงเรียนเป็นที่หลับนอนตลอด 2สัปดาห์ของการเดินทางไกล ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี จากคนไทยในเส้นทางทีพ่ วกเขาผ่าน เงินทองอาหารถูกหยิบ ยื่นให้ ช่วยบรรเทาความคับแค้นใจได้บ้าง


13.

สิง่ ส�ำคัญทีส ่ ด ุ พวกเขาต้องการกฎหมาย ที่ จะพลิกชีวิตให้พวกเขาได้เป็นคนไทยอย่าง สมบูรณ์ ร่างกายและจิตใจของพวกเขาเป็น คนไทย 100%อยู่แล้ว เหลือแต่การยอมรับ ของกฎหมายเท่านั้น พวกเขาไม่อาจรอ ไม่ อยากต้องเผชิญทุกข์อีกแล้ว


14.

E-Commerce

ธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ ไม่ง่ายอย่างที่คิด โดย : อิจิเรย์

เสี ย งข้ อ ความทางเฟซบุ ๊ ก เด้ ง เสี ย งกดแป้ น พิ ม พ์ คอมพิวเตอร์เป็นระยะ ตัวหนังสือบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ก็ถูกพิมพ์ร่ายเรียงกันเป็นแถวอย่างไม่ขาดสาย แม่ค้า ธุรกิจออนไลน์รีบเร่งตอบข้อความลูกค้าที่ส่งมาอย่าง รวดเร็ว สายตากวาดตามตัวอักษรพิมพ์แทบจะไม่ทัน ในช่วงเวลาที่จ�ำกัด ต้องรับออเดอร์จากลูกค้าและสลับ กับมือจับปากกาจรดลงบนแผ่นหน้ากระดาษทีเ่ ต็มไปด้วย ตัวหนังสือบันทึกออเดอร์สินค้าและรายละเอียดสถานที่ จัดส่งของ จากนั้นวางปากกาลงฉับพลัน มือคว้าแผ่น กระดาษแล้วลุกจากเก้าอี้ ก้าวฝีเท้ารีบเร่งไปยังห้องทีเ่ ต็ม ไปด้วยสินค้าหลากหลายชนิด ลักษณะเล็กใหญ่ต่างกัน มือข้างหนึ่งเอื้อมหยิบสินค้าลงกล่องพัสดุ อีกมือหนึ่งจับ แผ่นกระดาษ สายตากวาดไล่ไปตามตัวหนังสือจาก บรรทัดที่หนึ่ง ไปบรรทัดที่สอง แล้วลงมาเรื่อยๆจนสุด แผ่นขอบกระดาษ สินค้าทั้งหมดในรายการถูกบรรจุลง กล่องพัสดุแล้ว จากนั้นปิดกล่อง คว้าปากกามาเขียนชื่อ ทีอ่ ยูผ่ รู้ บั ด้านมุมขวาล่างของกล่อง และประทับตรายาง ที่อยู่ผู้ส่งด้านบนซ้าย จากนั้นชั่งน�้ำหนักพร้อมแปะดวง ตราไปรษณียากร


15. ธุรกิจแบบนี้ สามารถสร้างก�ำไรให้กับเราได้จ�ำนวนมากก็จริง แต่ถ้าหากวันหนึ่งเราไม่มีตัวสินค้าใหม่ๆ ออกมาให้ลูกค้าได้เลือกซื้อกัน ก็ไม่สามารถจะอยู่ต่อแบบนี้ได้

ต่อไปเป็นขั้นตอนของการจัดส่ง แต่ยังไม่ถือเป็นขั้นตอน ส่วนตัวของเขา ท�ำให้มีคนสนใจและรู้จักในตัวสินค้ามากขึ้น สุดท้าย เพราะว่าหลังจากส่งไปแล้วนั้น สิ่งต่อไปคือต้อง แต่นั่นยังไม่พอ เธอจึงเริ่มศึกษาพูดคุยกับรุ่นพี่ที่เป็นเจ้าของ ติดตามว่าพัสดุถึงมือลูกค้าหรือยัง โรงงาน เพือ่ ทีจ่ ะเปิดโรงงานเล็กๆ ไว้ทำ� สินค้าเป็นของตนเอง ย้อนไปตรงจุดเริ่มต้นของคุณพรยมล ที่คิดจะท�ำธุรกิจขาย สินค้าออนไลน์ มันเริ่มมาจากความดื้อ จากการที่คุณแม่ไม่ ยอมให้ท�ำงานอะไรเลย ด้วยสถานการณ์ที่บังคับให้ท�ำงาน นอกบ้านแบบเด็กคนอื่นไม่ได้ จึงเกิดความคิดอยากจะท�ำ ธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ ช่วงแรกเริม่ ได้สมัครเป็นแค่ตวั แทน จ�ำหน่ายตามร้านขายส่งใหญ่ สินค้าแรกทีเ่ ริม่ ขายเป็นเสือ้ ผ้า ใช้ระยะเวลาในการขายราว 4 เดือน จนเริ่มมีทุนที่สามารถ น�ำมาลงทุนซือ้ สินค้าเป็นของตัวเอง ทุกอย่างดีมากในช่วงเริม่ ต้น แต่หลังจากนั้นเริ่มแย่ สินค้าขายไม่ออก จึงหันมาขายของ ตามกระแส สินค้าตัวไหนก�ำลังเป็นที่สนใจในช่วงนั้นก็สมัคร เป็นตัวแทนจ�ำหน่าย เธอลองผิดลองถูก เปลี่ยนสินค้าไป เรื่อยๆ จนมาเจอสินค้าร้านหนึ่งเป็นสบู่สมุนไพร ราคาถูก แต่คุณภาพดี จึงหันมาลงทุนสินค้าตัวนี้เป็นหลัก เมื่อลูกค้า สั่งซื้อไป เธอก็จะขอให้ลูกค้ารีวิวสบู่สมุนไพรให้ทางเฟซบุ๊ก

นีก่ ส็ องปีครึง่ แล้ว ทีห่ กล้มคลุกคลานมานาน มีโรงงานเล็กๆ“ ที่ใช้แรงคนท�ำ จนตอนนี้ก็อยู่ตัว พอมีลูกค้าประจ�ำอยู่บ้าง แล้ว” เธอพูดด้วยน�้ำเสียงแสดงถึงความมุ่งมั่น เมื่อมองโรงงานจากภายนอกเป็นเพียงแค่พื้นที่เล็กๆไม่ใหญ่ โต ลักษณะเป็นเพียงบ้านเท่านั้นเมื่อเปิดประตูแล้วย่างก้าว เข้าไปข้างใน สิง่ แรกทีเ่ ห็นคือสบูท่ ยี่ งั ไม่ทนั ได้บรรจุหบี ห่อเพือ่ ออกสู่ตลาดอยูใ่ นตะกร้าจ�ำนวนมาก มองไปทางด้านซ้ายจะ เห็นมุมที่ใช้ต้มกลีเซอรีนซึ่งเป็นส่วนประกอบตั้งต้นที่น�ำมาใช


16. ท�ำสบู่ เหลือบสายตาไปด้านข้างเพียงเล็กน้อยก็จะเห็นน�้ำ มะขามที่ถูกสกัดและน�้ำผึ้งเพื่อเตรียมไว้ส�ำหรับผสมกับกลีเซ อรีนเพือ่ ให้ออกมาเป็นสบูส่ มุนไพร และระยะทีไ่ ม่หา่ งกันมาก เท่าไหร่มีแม่พิมพ์ซิลิโคนที่ใช้ส�ำหรับการขึ้นรูปตัวสบู่หลัง จากท�ำการผสมเสร็จ

ต้องดีถึงจะสามารถเข้าถึงลูกค้าและสร้างรายได้ได้” เธอพูด ด้วยน�้ำเสียงที่แสดงถึงความมั่นใจ มีช่วงระยะหนึ่งคุณพรยมล สามารถเปิดตลาดและเข้าถึง ลูกค้าได้จำ� นวนมาก ในช่วงนัน้ เป็นช่วงทีส่ นิ ค้าเกีย่ วกับความ สวยความงาม จ�ำพวกสบู่ สครับผิวขาว ครีมหน้าเด้ง ครีม หน้าใส เป็นที่รู้จักและสนใจของวัยรุ่น ท�ำให้เห็นปัญหาของ ลูกค้าคือ ลูกค้าบางคนแพ้สินค้าจ�ำพวกนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ตัว สินค้าจะมีส่วนผสมของสารเคมี สารที่มีอันตรายต่อผิว ท�ำให้ผู้ใช้เกิดการแพ้ ระคายเคือง เธอจึงคิดว่าทางเลือกที่ดี ส�ำหรับลูกค้าก็คือ สินค้าที่ได้จากธรรมชาติไม่ผสมสารเคมี ลงไป จึงคิดคอนเซ็ปใหม่เป็นสบู่มะขามผสมน�้ำผึ้ง วันแรกที่ เปิดตัวสินค้ามีเพียงลูกค้าไม่กี่รายเท่านั้นที่สนใจ

ขัน้ ตอนการท�ำนัน้ เริม่ จากหัน่ กลีเซอรีนด้วยมีดเล่มบางขนาด เล็กใหญ่ประมาณ 2-3 เซนติเมตร ปริมาณที่ต้องการจะขึ้น อยู่กับการท�ำสบูใ่ นแต่ละครั้ง เมื่อหั่นได้จ�ำนวนที่เหมาะสม แล้ว จะน�ำใส่หม้อภาชนะเพือ่ ทีจ่ ำ� ละลายให้เป็นของเหลว โดย ตั้งไฟอ่อนๆ ที่อุณหภูมิ 65 องศาเซลเซียส รอให้กลีเซอรีน ละลายจนหมดจากนัน้ ยกลงจากเตา ทิง้ ไว้สกั ครูเ่ พือ่ ให้กลีเซอ รีนทีต่ ม้ แล้วไม่รอ้ นมากเกินไป จากนัน้ น�ำส่วนผสมน�ำ้ มะขาม สะกัด 100 ซีซี และน�ำ้ ผึง้ ลงไปคนจนส่วนผสมทัง้ หมดเข้ากัน จากนั้นเทสารละลายสบูใ่ นแม่พิมพ์ และรอจนแห้งตัว ก็จะ ระยะเวลาผ่านไปได้ 1 สัปดาห์ มีจำ� นวนลูกค้า อินบล็อกเขา ได้สบู่ส�ำหรับใช้งาน จากที่เธอกล่าวถึงวิธีการท�ำสบู่แล้วต่อ มาทางเพจขายสบู่จนตอบแทบไม่ทัน ส่วนหนึ่งที่ลูกค้าเพิ่ม ไปก็เป็นส่วนของการกล่าวสรรพคุณ ขึน้ มาจากการทีท่ างเราขอให้ลกู ค้าทีซ่ อื้ ช่วยรีววิ สินค้าให้ และ อีกส่วนเธอคิดว่าเป็นเพราะตัวสบู่ที่ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจใน สารสกัดจากมะขาม จะสามารถท�ำความสะอาดผิวได้หมดจด สินค้าว่าจะไม่เป็นอันตรายต่อผิว จากการที่ลูกค้าให้ความ ขจัดเซลล์ที่ตายแล้วให้หลุดออกได้อย่างง่ายดาย ช่วยบ�ำรุง สนใจกับสบูม่ ะขามผสมน�ำ้ ผึง้ เธอจึงสร้างกิจกรรมในเพจเพือ่ ผิวพรรณให้ขาวเนียนนุ่มนวลเปล่งปลั่งสดใส ด้วยวิตามิน ช่วยให้มีการโปรโมทเพจของเธอมากขึ้นโดยการให้ลูกค้าเข้า ธรรมชาติจากมะขาม ช่วยให้ผิวเนียนขึ้น และช่วยให้ผิวขาว มากดไลค์ กดแชร์โพสต์ของร้าน และแจกรางวัลให้กับผู้ที่มี ขึ้น นอกจากนี้ยังมีวิตามินซี ที่มีฤทธิ์ต้านการเกิดออกซิเดชั่น ยอดไลค์สงู สุด กิจกรรมนีส้ ามารถเพิม่ ยอดติดตามได้จำ� นวน ช่วยก�ำจัดอนุมูลอิสระ บ�ำรุงผิวพรรณ ชะลอความแก่ ช่วย มากถึง 100 คน เพียงแค่ไม่กวี่ นั สบูม่ ะขามผสมน�ำ้ ผึง้ ทีส่ ต๊อก ปรับสีผิวขาว ช่วยท�ำให้ผิวเปล่งปลั่ง ผิวกระชับ กระจ่างใส ไว้กห็ มด จึงต้องท�ำการผลิตเพิม่ และให้ลกู ค้าเปลีย่ นจากการ ลดเลือนจดด่างด�ำ และวิตามินอี ช่วยชะลอความเสื่อมของ สั่งซื้อโดยตรงมาเป็นสั่งซื้อแบบพรีออเดอร์แทน เซลล์ผิว เพิ่มพลังให้แก่กล้ามเนื้อ ช่วยลดรอยเหี่ยวย่น กระตุน้ การผลิตเซลล์ผวิ หนังใหม่ ป้องกันการเกิดริว้ รอยก่อน ธุรกิจแบบนีส้ ามารถสร้างก�ำไรให้กบั เราได้จำ� นวนมากก็จริง“ วัย แต่ถ้าหากวันหนึ่งเราไม่มีตัวสินค้าใหม่ๆออกมาให้ลูกค้าได้ เลือกซือ้ กัน ก็ไม่สามารถจะอยูต่ อ่ แบบนีไ้ ด้” เธอพูดด้วยเสียง น�้ำผึ้งธรรมชาติ ให้ความชุ่มชื่นผิวหน้า ช่วยให้ผิวหน้าอ่อน ที่เบาลงพร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนไป นุ่ม และยังยืดหยุ่น วิตามินอี ช่วยบ�ำรุงผิว รู้สึกสดใสไม่ ระคายเคืองผิว ยังช่วยปกป้องผิวที่ถูกท�ำลายจากแสง UV ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสินค้าที่เธอท�ำออกมาเป็นเพียงแค่ ช่วยเสริมสร้างเซลล์ผวิ ใหม่ มีคณ ุ สมบัตดิ า้ นจุลนิ ทรีย์ ยับยัง้ สินค้าตัวเดียวที่น�ำมาขายให้ผู้ซื้อได้ใช้กัน จึงมีปัญหาตรงที่ แบคทีเรีย ปกป้องการเกิดสิว จุดด่างด�ำ คืนความเป็น ว่าถ้าหากลูกค้าไม่สนใจในตัวสบูต่ วั นีเ้ ลยก็จำ� ท�ำให้เพจไม่เป็น ธรรมชาติ ให้กับผิวหน้า ทีส่ นใจอีกต่อไปเพราะขาดทางเลือกทีห่ ลากหลายให้แก่ลกู ค้า นอกจากนี้ไม่ใช่เพียงแค่ขาดทางเลือกให้แก่ลูกค้า เธอยังเล่า ขั้นตอนการท�ำสบูไ่ ม่ยากเลยค่ะ สิ่งที่ส�ำคัญคือการตลาด“ ว่าพบเจอปัญหากับเจ้าของโรงงานซึ่งเป็นหุ้นส่วนกัน และมี


17. ปัญหาเกีย่ วกับเรือ่ งเงินทีจ่ ะใช้ในการลงทุน มีการพูดคุยและ เสนอข้อคิดเห็นไม่ตรงกัน จึงเกิดการขาดความร่วมมือ ซึ่ง ตอนนี้ก็ยังหยุดท�ำสบูไ่ ปก่อนระยะหนึ่งและขายเท่าที่สินค้ามี ไว้ในสต๊อก สภาวะในตอนนี้เธอบอกว่าเรียกว่าอยูใ่ นขั้นย�่ำแย่ก็ว่าได้ เพราะเมื่อสินค้าหมดจึงต้องปิดการขายไปพักนึง ซึ่งไม่รู้ว่า จะสามารถกลับมาขายได้เมือ่ ไหร่ ตอนนีค้ งต้องลองคิดหาวิธี อื่นที่จะสามารถสร้างรายได้ทดแทน¬ในส่วนนี้อยู่ แต่ก็ไม่ เป็นไรไม่ถึงขั้นจะไม่มีเงินใช้จ่าย เพราะทางบ้านก็ออกให้ได้ เพียงแต่ส่วนตัวไม่อยากที่จะขอเงินทางบ้านใช้ สถานะตอนนี้ยังอยูใ่ นช่วงที่ก�ำลังศึกษาอยู่ ในสิ่งที่ท�ำตอน“ นี้ก็คือต้องตั้งใจเรียนให้จบ ตอนนี้ก็ก�ำลังจะขึ้นปี 4 แล้ว ต้องเตรียมฝึกงาน” เธอกล่าวแบบไม่ได้รู้สึกเสียดายเลยที่ ต้องพักขายสบู่ชั่วคราว ช่วงนีใ้ กล้จะสอบแล้วต้องอ่านหนังสือและเตรียมตัวท�ำคะแนน ให้ดี สิ่งที่เธอท�ำได้ในตอนนี้คือท�ำหน้าที่ในการเรียนให้ ส�ำเร็จเพื่อให้พ่อแม่ที่คอยหวังให้เรียนให้จบนั้นมีความภาค ภูมิใจและอีกส่วนคือ จะได้มีงานตามที่ตนเองเรียน สาขาที่ คุณพรยมลเรียนนั้น เป็นสาขานิเทศศาสตร์ ซึ่งส�ำหรับเธอ การขายสินค้าบนสือ่ ออนไลน์ ไม่ได้ยากไปกว่าความสามารถ ที่เธอมีแน่นอน เพียงแต่ในช่วงจังหวะนี้ มีอุปสรรค์ที่เขามา จึ ง ท� ำให้ ต ้ อ งหยุ ด ธุ ร กิ จไว้ เพี ย งชั่ ว คราว จากค� ำ คมของ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาคนที่ 40 ผู้เขียนก็ขอมอบ ให้กับคนที่ก�ำลังท้อถอย และมีอุปสรรคไว้ดังนี้

ไม่มีอุปสรรคใดใด ในใจของเรา ไม่มีก�ำแพงขวางกั้นจิตวิญญาณของเรา ไม่มีสิ่งใดกีดขวางการเติบโตของเรา นอกจากตัวเราเอง ... – โรนัลด์ เรแกน -


18.

มวยไชยา มวยคาดเชือกไม่มีวันตาย m-u-a-y-c-h-a-i-y-a โดย : ตาชั้นเดียว


19. บนถนนสุขมุ วิทเส้นทางในเมืองหลวง คละคลุง้ ไป ด้วยกลิ่นควันรถ ตลอดเส้นทางจากรัชดาภิเษก กว่า 500 เมตรจะมีป้ายค่ายมวยค่ายหนึ่งอยู่ หากมองเข้าไปข้างในค่าย จะเห็นนักมวยอยู่ หลายสิบคน ก�ำลังฝึกซ้อมกันอย่างขมักเขม่น มี ทั้งเตะทั้งต่อย เสียงกระหึ่มของบรรดานักมวย ดึงความสนใจให้ผมต้องแวะเข้ามา พร้อมค�ำ เชิญ “สวัสดี สนใจมวยหรอ ถ้าหากสงสัยอะไรก็ถามพี่ได้นะ” หลังจากถูกดึงดูดด้วยค�ำเชิญชวนผมก็ไม่รอช้าที่จะเข้าไป บรรยากาศข้างในเต็มไปด้วยนักมวย มีตั้งแต่ เด็ก 5 ขวบ จนถึงผูใ้ หญ่ ผมแหงนหน้ามองพร้อมกับพยักหน้าตอบรับค�ำ ท่านก็ไม่อยู่เฉย ท่านถ่ายทอดวิชาให้กับชาวเมืองไชยาจน เชิญ ท�ำให้เมืองนี้ขึ้นชื่อเป็นเมืองมวย นี่แค่ครูเล็กเล่าประวัติของ มวยไชยาให้ฟงั นะเนีย่ ยังสนุกขนาดนี้ ครูเล็กยังบอกอีกว่า คน สักครู่ พี่เขาก็พาผมเดินไปตรงบริเวรที่มีรูปภาพเก่าๆเยอะ ทีม่ าเรียนมวยไชยาทีน่ ไี่ ม่ใช่แค่คนไทยเท่านัน้ นะ ยังมีชาวต่าง แยะเต็มไปหมด แล้วผมก็เหลือบไปเจอรูปอยู่รูปหนึ่งที่ไม่ว่า ชาติจ�ำนวนไม่น้อยที่มาฝึกกับครูเล็กด้วย ถือว่าเป็นอะไรที่ จะเป็นรูปไหนจะมีคนๆนี้อยู่แทบทุกรูป ผมเลยถามพี่เขาไป ใครๆก็ฝึกฝนได้จริงๆ ไม่ว่าจะคนไทยหรือชาวตางชาติ พอ ว่าคนนี้ใครหรอครับพี่เขาก็บอกว่า “เดี๋ยวพี่จะพาไปหาคน ครูเล็กพูดจบก็พาผมเดินไปดูบริเวรรอบๆค่ายฝึก ครูเล็กบอก ในรูปเนี่ยแหละ ตามพี่มาสิ”เดินมาจนถึงโรงยิมของค่าย ก็ ว่า มวยไชยานีไ่ ม่เหมือนกับมวยไทยสากลทัว่ ไปนะ มวยไชยา จะเห็นว่ามีคนอยู่คนหนึ่งที่ก�ำลังสอนมวยอยู่ แล้วพี่เขาก็พา จะไม่สวมนวม ใช้เชือกมัดมือแทนนวม ผมเลยสงสัยว่าท�ำไม ผมเข้าไปทักทายและแนะน�ำให้รู้จัก ทันทีที่ผมได้เจอเขาซึ่งก็ มวยไชยาเดีย๋ วนีไ้ ม่ใช้เชือกมัด ครูเล็กบอกว่า เพราะสมัยก่อน คือคนที่อยูใ่ นรูป ผมก็ไม่รอช้าที่จะยกมือไหว้พร้อมกับ ไม่เหมือนสมัยนี้ สมัยก่อนไม่มีนวมก็ใช้เชือกมัดหมัดไว้กัน ทักทายและกล่าวค�ำว่าสวัสดีครับ ลุงชื่ออะไรหรอครับ“เอ่อ อันตรายจากนิ้วมือไม่ให้หัก แต่สาเหตุที่ว่าท�ำไมสมัยนี้ถึง ไหว้พระ ลุงชื่อเล็ก เป็นครูมวยที่นี่แหละ เอ็งสนใจมวยหรอ เลิกใช้เชือก ลุงจะเล่าให้ฟัง… แล้วรู้มั้ยว่ามวยที่นี่เขาเรียกว่ามวยอะไร ถ้ายังลุงจะบอกให้ มวยที่นี่คือมวยไชยา ถ้าเอ็งอยากรู้อะไรก็ถามมา เดี๋ยวลุง ครั้งหนึ่ง มีนักมวยชาวเขมรอยู่คนหนึ่ง ชื่อ นายเจียร์ มีชื่อ จะบอกให้” เสียงเรือ่ งความคงกระพัน และเคยชกคนตายมานักต่อนัก เข้า ที่นี่ .. มีอาจารย์กฤดากร สดประเสริฐ หรือที่บรรดาลูก มาลองของในพระนคร พระชลัมภ์พสิ ยั เสนียจ์ งึ เสนอ นายแพ ศิษย์เรียกเขาว่า (ครูเล็ก) เป็นผู้ดูแลและฝึกสอนมวยไชยา เลี้ยงประเสริฐ ให้สู้กับ นายเจียร์ ชกกันจนถึงยกที่ 3 นาย ให้แก่คนทั่วไปทั้งผู้ใหญ่และเด็กๆที่สนใจมาเรียนมวยไชยา แพก็ชนะน็อคนายเจียร์ จนนายเจียร์เสียชีวิตระหว่างน�ำส่ง ณ ที่แห่งนี้ และครูเล็กก็ได้เล่าประวัติของมวยไชยาไห้ผมฟัง โรงพยาบาล เหตุการณ์ครั้งนั้นท�ำให้กระทรวงมหาดไทยสั่ง ห้ามใช้เชือก ให้สวมนวมแทน มาจนถึงทุกวันนี้ มวยไชยาเริ่มต้นที่ ท่านพ่อมา อดีตสมภารวัดเก่าแก่อรัญญิ หรือมวยไชยา จะไม่มีอยู่แล้วจริงๆ กชื่อวัดทุ่งจับช้าง ท่านเป็นครูมวยใหญ่จากพระนคร แล้ว ฟังจากทีค่ รูเล็กเล่าเรือ่ งราวของนายเจียร์และนายแพ ท�ำให้ ไม่รู้อีท่าไหนท่านต้องหลบหนีไปอยู่เมืองไชยา พออยู่ที่นั่น ผมนึกภาพออกขึน้ ทันที และคิดว่าวีรกรรมการต่อสูข้ องพวก


20.

เขาสองคนจะไม่มวี นั จางหายไปจากคนมวยอย่างแน่นอน ผม ถามครูเล็กต่อว่ามวยไชยามีทา่ อะไรทีส่ ามารถจัดการคูต่ อ่ สู้ แบบอยูห่ มัดได้บา้ ง ครูเล็กบอกว่า มีอยูห่ ลายท่าทีม่ ชี อื่ เรียก ต่างๆกันไป เช่น จระเข้ฝาดหาง ซึ่งท่านี้จะใช้ขาซ้ายยกฟาด ตรงตัวคู่ต่อสู้ด้วยขาขวา แล้วหมุนหลังฟาด ถือว่าเป็นท่าที่ ใครโดนเข้าไปมีสลบแน่ ผมฟังแล้วยังรู้สึกขนลุกเลย ท่าต่อ ไป หนุมานถวายแหวน คือ อีกฝ่ายจะกระโดดเหยียบเข่า แล้วเอาซอกฟาดเข้าทีค่ างของคูต่ อ่ สู้ ถือได้วา่ มีความรุนแรง เลยทีเดียว .. พอครูเล็กพูดจบ ก็ตะโกนเรียกลูกศิษย์ที่ก�ำลัง ฝึกซ้อม มาท�ำให้ผมดู “อ่ะ พวกเอ็ง ท�ำให้พอ่ หนุม่ มันดูหน่อย จะได้เห็นภาพชัดๆ” ผมเห็นแต่ละท่าที่พี่ๆเขาท�ำให้ดู ไม่ว่า จะเป็นท่าที่ครูเล็กเอ่ยมา และท่าอื่นๆอีกนับสิบท่า มันท�ำให้ ผมรู้สึกอยากเรียนมวยไชยาขึ้นมาแบบสุดขีดแล้วสิ ผมเลย เอยปากพูดกับครูเล็กไปว่า ผมขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ครูเล็ก อีกคนด้วยนะครับ หลังจากพูดประโยคนั้นเสร็จครูเล็กก็ หัวเราะแล้วพูดว่า“ห้า ห้า ห้า !! เอ็งจะไหวเหรอ มวยไชยา มันไม่ได้เรียนวันเดียวแล้วจะได้นะ มันต้องฝึกฝนเป็นเดือนๆ แต่ถ้าเอ็งอยากเรียนจริงๆก็ลองดู วันนี้เลยเป็นไง” เอาละครับ ผมก�ำลังจะได้ฝกึ มวยไชยาละครับ ผมตอบตกลง ไปแบบไม่คิดอะไรเลย .. ได้ครับ .. ไหวครับ .. ในใจของผม คิดว่าแค่ยกแขนยกขาต่อยซ้ายเตะขวามันจะยากสักแค่ไหนกัน เชียว แล้วครูเล็กก็พาผมเดินไปห้องแต่งตัวเพือ่ เปลียนเสือ้ ผ้า

พร้อมกับมัดเชือกที่มือให้ผม ระหว่างที่ครูเล็กมัดเชือกให้ ครู เล็กกับผมก็คุยกันเหมือนลุงกับหลานที่รู้จักกันมานานเป็น สิบๆปีเลย ไหว้ครู ครูเล็กเริ่มด้วยการให้ผมไหว้ครู เพื่อแสดงความคารวะ ยอมรับนับถือครูบาอาจารย์อย่างจริงใจว่า ท่านเพียบพร้อม ด้วยคุณธรรม ความรู้ ศิษย์ในฐานะผูส้ บื ทอดมรดกทางวิชา สิ่งนี้ถือเป็นสิ่งที่ส�ำคัญมาก ความอ่อนน้อมถ่อมตน เชื่อฟัง ครูบาอาจารย์ ก็ถือว่าเป็นสิ่งส�ำคัญนะครับ มรดกของชาติ ทุกๆแขนง ย่อมมีครูบาอาจารย์ มวยไชยาก็เช่นเดียวกัน และ ครูเล็กก็เริ่มอธิบายให้ผมฟังก่อนเริ่มฝึกว่า จ�ำเป็นอย่างยิ่งที่ จะต้องท�ำความเข้าใจอันนี้ให้ถ่องแท้ หลังจากนั้นจึงท�ำการ ฝึกฝนการบริหารกล้ามเนื้อต่างๆ เพื่อเป็นพื้นฐานในการฝึก แม่ไม้หรือท่าครูต่อไป ร่างกายของคนเรานั้น ประกอบด้วย อวัยวะต่างๆมากมาย แต่อวัยวะที่ใช้เป็นอวัยวุธนั้นก็เห็นจะ มีแต่ ท่อนแขน ฝ่ามือ นิ้วมือ หมัด เล็บ ศอก ไหล่ ส้นมือ สันมือ หลังมือ เข่า แข้ง หลังเท้า ฝ่าเท้า ปลายโต่ง ปลาย เท้า ส้นเท้า ตาตุ่ม สันเท้า และในบางกรณี ยังสามารถใช้ ศีรษะกระแทก หรือใช้ฟันกัดได้อีกด้วย ฝึกซ้อมวิชา ในขณะทีค่ รูเล็กได้แสดงเคล็ดวิชาให้ผมดู ผมไม่สามารถตาม


21. ทันได้ ครูเล็กจึงแสดงท่าทางอย่างช้าๆกว่าทุกครั้งแล้วผมก็ สามารถท�ำความเข้าใจได้ในที่สุด ความอดทนและอุปนิสัย ของครูเล็กท�ำให้ผมรู้สึกเป็นที่ยอมรับในสถานที่ซึ่งผมไม่คาด คิดว่าจะได้รบั มาก่อน บางทีนนั่ อาจเป็นสิง่ ทีท่ ำ� ให้ผมประทับ ใจกับค่ายมวยที่นี่ก็เป็นได้

ส�ำหรับบางคน แต่นี่ดูเหมือนจะไม่เป็นปัจจัยที่จะท�ำให้เหล่า ศิษย์ที่ก�ำลังฝึกท่วงท่าต่างๆอย่างเงียบๆและอุตสาหะทั้ง หลายหยุดฝึกซ้อมกันได้เลย ผมต้องยอมรับว่าในตอนแรกผมเกิดความกลัวเล็กน้อยขณะ ที่อยูใ่ นหมู่นักมวยลูกศิษย์ของครูเล็ก แต่ผมต้องบอกเลยว่า พวกเขามีความเป็นมิตรมาก แม้แต่กับสมาชิกใหม่อย่างผม ก่อนผมจะเดินทางกลับ ผมก็ได้กราบลาครูเล็กที่เปรียบ ซึง่ เป็นเด็กก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคขัดขวางมิตรภาพของเราได้เลย เสมือนอาจารย์ของผมแล้วในตอนนี้ ครูเล็กบอกกับผมว่า “จงอย่าลืมซะหละ มวยไชยาจะอยู่หรือตายไป ก็ต้องหวังพึ่ง มวยไชยา ไม่ใช่เพียงเป็นศิลปะการต่อสูแ้ ขนงหนึง่ เท่านัน้ การ พวกเอ็งนี่แหละ เดินทางปลอดภัยหละพ่อหนุ่ม” ฝึกซ้อมของผมในครั้งนี้ก่อให้เกิดวินัยและความจริงจังอย่าง สูงสุด ขณะเดียวกันก็ก่อให้เกิดความสมดุลย์ด้วยความมี ผมรับรูไ้ ด้ถึงบางสิ่งที่ผมจะได้น�ำกลับไปคิดทบทวน แต่สิ่งที่ เมตตากรุณาและอัธยาศัยไมตรีซึ่งหาได้ยากจากที่อื่นๆที่ผม ผมเคยรู้มานั้นเทียบไม่ได้กับประสบการณ์ที่ผมได้มาสัมผัส เคยไปเยือนมา ผมไม่สงสัยเลยแม้แต่นอ้ ยว่าอุปนิสยั เช่นนีเ้ อง ด้วยตัวเองเลย ผมได้มายืนท่ามกลางนักเรียนคนอื่นๆอย่าง ที่ท�ำให้ผมรู้สึกใกล้ชิดกับพวกเขา ได้เรียนรู้วิถีและก่อให้เกิด สงบเงียบและรอที่จะได้รับการสอนศิลปะมวยไชยา สิ่งที่ผม มิตรภาพ พวกเราได้ศึกษาศิลปะในสถานที่เดียวกันและ เคยรับรู้มาก่อนหน้านี้ได้มลายไปสิ้น หัวใจของการฝึกไม่ใช่ แน่นอนทีแ่ ต่ละคนย่อมมีเหตุผลของตนเองในการมาฝึกทีน่ ี่ แต่ เพือ่ การเรียนพอให้ได้รแู้ ล้วน�ำไปฝึกซ้อม ในทางกลับกันการ นอกเหนือจาก ความกระตือรือร้นและระดับของทักษะในมวย ฝึกมวยไชยาคือการเตรียมความพร้อมที่ถูกออกแบบมาเพื่อ ไชยาแล้ว พวกเราทั้งหมดถูกผูกร้อยเข้าไว้ด้วยกันเฉกเช่น หลอมรวมทฤษฎีและเทคนิคต่างๆเข้าสู่หมัดกล้ามเนื้อส่วน เดี ย วกั บ คาดเชื อ กพั นมื อ ที่ โยงใยเชื่ อ มกั นผ่ านศาสตร์ อัน ต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าท่วงท่าการต่อสู้จะแสดงออกมาได้โดย ศักดิ์สิทธิ์นี้ มันท�ำให้ผมได้ค�ำตอบแล้วว่า.. แท้จริงแล้ว มวย อัตโนมัตเิ มือ่ ถึงเวลา เคล็ดวิชามวยไชยาต่างจากการฝึกแบบ ไชยา ยังไม่ตายหายจากไปจากโลกนี้ สมกับค�ำบอกล่าวของ อืน่ ๆทีฉ่ าบฉวย มันมีความเรียบง่ายและอาจดูเหมือนน่าเบือ่ ครูเล็กที่ว่า “มวยไชยา มวยคาดเชือกไม่มีวันตาย”


ไม่มีอุปสรรคใดใด ในใจของเรา ไม่มีก�ำแพงขวางกัน้ จิตวิญญาณของเรา ไม่มีส่งิ ใดกีดขวางการเติบโตของเรา นอกจากตัวเราเอง - โรนัลด์ เรแกน –


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.