ไอดินกลิ่นดาว2

Page 1

ไอดินกลิ่นดาว ฉบับที่ 2 ประจำ�เดือนพฤษภาคม 2560

‘เขาแหลมหญ้า’

อัญมณีในรัศมีเกาะเสม็ด

ทุ่งโปรงทอง

ขุมทรัพย์ปากน้ำ�ประแสร์

ราคา 80 บาท


บททักทาย สวัสดีผอู้ า่ นทีน่ า่ รักของฉัน ในแต่ละวันเราจ้องอยู่ แต่กับหน้าจอโทรศัพท์ หน้าจอคอมพิวเตอร์ เที่ยวแต่ใน เมืองแสงสีวิไล ตระการตา เบื่อไหม??กับชีวิตเหล่านี้ ฉัน อยากให้คุณผู้อ่านออกเดินทางเพื่อหาประสบการณ์ และ ความทรงจำ�ดีๆนี้ีไปพร้อมๆกันกับเรา ซึ่งนิตยสารไอดินกลิ่นดาวของเราฉบับนี้ เดินทาง มาไกลถึงจังหวัดระยอง แม้การเดินทางครั้งนี้จะมีอุปสรรค ต่างๆมากมาย เนือ่ งด้วยสภาพอากาศทีไ่ ม่เป็นใจ แต่ทริปนี้ ก็ถือคุ้มค่ามากเลยทีเดียว เช่นเคย..เราไม่ลืมที่จะเก็บเกี่ยวเรื่องราวดีๆ จาก การเดินทางในครั้งนี้มาฝากผู้อ่าน มาสูดกลิ่นอายของทะเล ธรรมชาติ ป่าไม้ ไปพร้อมๆกันกับเรา ขอให้เพลินเพลิดไปกับการอ่านนิตยสารไอดินกลิน่ และหวังว่าเรื่องราวดีๆที่เราตั้งใจถ่ายทอดมานั้น จะให้ อะไรกับผู้อ่านมากกว่าตัวอักษรบนหน้ากระดาษธรรมดา ที่ผ่านตาไปเท่านั้น

ชลิตา เรือนอิ่น บรรณาธิการ

สารบัญ

เรื่อง

“นิราศป่าชายเลน” พรรณไม้ในวรรณคดี “เขาแหลมหญ้า” อัญมณีในรัศมีเกาะเสม็ด ตำ�นานรัก กำ�เนิดท้องทะเล ทุ่งโปรงทอง ขุมทรัพย์ปากน้ำ�ประแสร์ มิตรภาพระหว่างทาง โชห่วยที่กำ�ลังจะถูกลืม รู้หรือไม่?คนตะวันออก ไม่ได้มีแค่ “ฮิ”

หน้า

4-5 6-10 11 12-14 15 16-17 18-19

กองบรรณาธิการ นางสาวชลิตา เรือนอิ่น ฝ่ายศิลป์ นางสาวชลิตา เรือนอิ่น ที่ปรึกษา ผศ.นุชรินทร์ ศศิพิบูลย์ 353 ซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 9-9 ถนนรัชดาภิเษก แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900


กลิ่นดาว 3

ปากหอยปากปู

( แมงเม้าท์ )

สวัสดีคะ่ ผูอ้ า่ นทุกท่าน สำ�หรับนิตยสารไอดินกลิน่ ดาว ฉบับนี้ แมงเม้าท์จะพาคุณผู้อ่านไปยังค่ายเขียนสร้างสรรค์ของ เหล่านักศึกษาวารสารศาสตร์และสื่อออนไลน์ มหาวิทยาลัย ราชภัฏจันทรเกษม ที่จังหวัดระยอง และการเดินทางมาค่าย ครั้งนี้ จะมีเรื่องราวที่น่าสนใจ ชวนติดตามกันขนาดไหน เรามี เก็บตกมาฝากกันค่ะ จิตวิญญาณช่างภาพ การจะได้ภาพสวยๆสักภาพหนึ่ง นั้นเป็นเรื่องที่ยากลำ�บากไม่ใช่น้อย แต่ด้วยจิตวิญญาณช่าง ภาพจะเป็นแรงผลักดันให้ช่างภาพหลายคนก้าวข้ามความยาก ลำ�บากนั้น และได้รูปสวยๆมาเป็นรางวัล ซึ่งอาจารย์โป้ง จักษุ ตระกุดแก้ว ก็เป็นอีกคนหนึง่ ทีพ่ สิ จู น์ให้เห็น เพราะในการ ไปเที่ยวชมธรรมชาติที่ทุ่งโป่งทองนั้น อาจารย์โป้งตั้งใจอย่าง มากที่จะถ่ายรูปต้นก้ามปูออกมาให้แปลกตา ถึงขั้นลงทุนปีน ต้นไม้เพื่อให้ได้มุมที่สวย แต่สุดท้ายก็ตกลงมาเพราะกิ่งไม้หัก เห็นหรือยังว่า กว่าจะได้ภาพสวยๆนั้นต้องลำ�บากแค่ไหน เสน่ ห์ ป ลายจวั ก ตั้ ง แต่ไปค่ า ยมาหลายๆค่ า ย ไม่ เ คยมี ค่ า ยไหนที่ อาหารอร่อยและถูกปากขนาดนี้มาก่อน ต้องขอบคุณ คุณลุงไพฑูรย์ จันทมาลา ที่สนิทชิดเชื้อ กับวารสารฯ มายาวนาน และไปค่ายวารสารมานับหลายสิบปี นอกจากจะขับรถ เก่งแล้ว เสน่ห์ปลายจวักของคุณลุงนั้นทำ�เอาเด็กๆหลายคนติดอกติดใจ และ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘อร่อยสุดๆไปเลย’ คู่จิ้นคูใ่ หม่ กำ�เนิดคู่จิ้นคูใ่ หม่ของวารสารฯ อย่างคู่ของ อนึ่ง สิทธิโชค ก้อนศิลา และ แมค อธิสิทธิ์ บุญธีรนนท์ ที่ขอบอกว่าทั้งคู่นั้นตัวติดกันมากๆ ไปไหนไปกันตลอด จนเพื่อนๆใน กลุม่ นัน้ จิน้ กันไปต่างๆนานา แต่ทงั้ คูก่ ต็ า่ งยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นแค่เพือ่ นสนิทกัน แค่นนั้ จริงๆ หญิงแกร่ง เป็นที่รู้กันว่าเด็กวารสารนั้นแข็งแรง อึด และอดทน การมาค่ายพิราบน้อย สูไ่ พรกว้างครั้งนี้ถึงจะมีอุปสรรคบ้าง อย่างฝนที่ตกลงมา แต่ก็ไม่สามารถทำ�อะไร ญา ชนิภรณ์ ฝอยทอง ได้ เพราะถึงแม้วา่ เต็นท์จะเปียกฝนแค่ไหนก็ตาม แต่เธอก็ยงั ยืนยันทีน่ อนอยูท่ เี่ ต็นท์ของ ตัวเองอย่างไม่เกรงกลัวฟ้าฝนเลยทีเดียว เป็นยังไงบ้างคะ หวังว่าเรื่องราวที่แมงเม้าท์นำ�มารวบรวมให้อ่านจะสนุก และช่วยผ่อนคลายสมองให้กับคุณผู้อ่าน ก่อนจะไปเจอเรื่องราวหนักๆในเล่มนะคะ ช่วงนี้อากาศ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ยังไงก็อย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ คุณผู้ อ่านที่น่ารักทุกคน


4

ไอดิน

พันธุ์ไม้ในป่าชายเลนที่ปะปนไปด้วยพืชหลายชนิด

“นิราศป่าชายเลน” ( ดาวสิงโต ) พรรณไม้ในวรรณคดี นานาพรรณ

จนล่วงล่องมาถึงคลองที่คับแคบ ไม่อาจแอบชิดฝั่งระวังเสือ ด้วยครื้มครึกพฤกษาลัดดาเครือ ค่อยรอเรือเรียงล่องมานองเนือง ลำ�พูรายพรายพรายพร้อยหิ่งห้อยจับ สว่างวับแวววามอร่ามเหลือง เสมอเพชรรัตน์จำ�รัสเรือง ค่อยประเทืองทุกข์ทัศนาชม (นิราศเมืองแกลงของสุนทรภู่)

ความสวยงามของพันธุไ์ ม้หลากหลายชนิดทีถ่ กู พรรณนาไว้ในวรรณคดี ไทยที่มีรูปแบบแตกต่างกัน ทั้งโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน นิราศ บทเห่ บทละคร ที่ถูกแต่งแต้มความสวยงามจากกวีหลายๆคน ซึง่ พันธุไ์ ม้ทขี่ นึ้ ตามป่าชายเลนหลายชนิดก็ถกู พรรณนาถึงความสวยงาม ในบทกวี ด้ ว ยเช่ น กั น ดั ง นั้ น จึ ง พู ดได้ ว่ า นอกจากป่ า ชายเลนจะถื อ เป็ น แหล่ ง ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งที่มีความสำ�คัญแล้ว ยังถือได้ว่ามีความสำ�คัญที่เกี่ยวข้อง กับวรรณคดีไทยด้วยเช่นกัน วันนี้ผู้เขียนจึงจะพาท่านผู้อ่านไปซึมซับความสวยงามของพันธุ์ไม้น้ำ� ที่ เป็นหัวใจสำ�คัญของป่าชายเลน ทั้งต้นลำ�พู ต้นโกงกาง ต้นตีนเป็ดทะเล ต้นแสม ต้นกระทึง ผ่านถ้อยคำ�ที่สวยงามของ “สุนทรภู่” กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และบุคคลสำ�คัญของโลกจากองค์การ UNESCO สำ�หรับ “นิราศป่าชายเลน” บทแรก คงต้องประเดิมด้วยความสวยงาม ของ “ต้นลำ�พู” ที่ถูกพรรณนาไว้ใน “นิราศเมืองแกลง” ที่สุนทรภู่พรรณนาว่า “จนล่วงล่องมาถึงคลองที่คับแคบ ไม่อาจแอบ ชิ ด ฝั่ ง ระวั ง เสื อ ด้ ว ยครื้ ม ครึ ก พฤกษาลัดดาเครือ ค่อยรอเรือเรียงล่องมานองเนือง ลำ�พูรายพรายพรายพร้อย


กลิ่นดาว

โกงกางวัยเยาว์ที่รอแผ่รากปกใบให้ร่มเงาและเป็นที่หลบภัยของสัตว์น้ำ�ในอนาคต

หิ่งห้อยจับ สว่างวับแวววามอร่ามเหลือง เสมอเพชรรัตน์จำ�รัสเรือง ค่อยประเทืองทุกข์ทัศนาชม” “ต้นลำ�พู”เป็นต้นไม้ทขี่ นึ้ อยูต่ ามป่าชายเลน และพืน้ ทีน่ ้ำ�กร่อย สูง 5-15 เมตร ยืนต้นสูงเหนือโคลนดิน ใบเป็นใบเดี่ยว รูปรี ขนาดใบ มีรากหายใจเป็นแท่งแหลมๆ โผล่ขนึ้ จากพืน้ ดินรอบๆ ต้น และทีเด็ดของ “ต้นลำ�พู” ก็คือในช่วงเวลากลางคืนจะมีหิ่งห้อยมาเกาะตามใบลำ�พูอยู่ เต็มต้น ทำ�ให้มีแสงระยิบระยับสวยงาม สวยแค่ไหนก็ย้อนอ่านนิราศของสุนทรภู่ข้างต้นได้เลย เพราะ ถึงขัน้ ถูกนิยามความสวยงามจนทำ�ให้คลายความทุกข์จากความกลัวเสือ ได้เลยทีเดียว นิราศบทที่สอง ต้องยกให้ความสวยงามของ “ต้นกระทึง” ที่ถูกพรรณนาไว้ใน “นิราศพระประธม” ใจความว่า “เห็นเล็บนาง หมางเมินเดินรำ�พึง ชมกระทึงดอกดวงพวงพะยอม พิกลุ ใหญ่ใต้ตน้ หล่น ชะแล่ม ดูกลีบแซมชืน่ เชยระเหยหอม ผลลูกสุกห่ามงามงามงอม แต่แตน ตอมต่อผึ้งหึ่งหึ่งฮือฯ” “ต้นกระทึง” เป็นต้นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ใบหนาเป็นมัน ออกดอกเป็นช่อ มีกลีบดอกสีขาว และมีเกสรสีเหลือง ดอกมีกลิ่น หอม จะพบได้มากตามริมทะเล ตามชายหาดทราย ป่าชายเลน จนมี การเรียกต้นไม้ชนิดนี้ว่า “ต้นสารภีทะเล” อีกชื่อหนึ่ง และบทสุดท้ายของ “นิราศป่าชายเลน” ก็คอื บททีพ่ รรณนาถึง “ต้นโกงกาง” ทีอ่ ยูใ่ นบทประพันธ์“นิราศเมืองเพชร” แม้ในบทนีส้ นุ ทรภู่

จะไม่ได้พรรณนาให้เราเห็นว่าต้นโกงกางในสายตาของกวีนนั้ สวยงาม อย่างไร แต่ในบทกวีบทนีก้ ลับสะท้อนให้เราได้เห็นถึงความสำ�คัญของ “ต้นโกงกาง”อย่างเห็นได้ชัด โดยสุนทรภู่พรรณนาว่า “ทั้งคลื่นซ้ำ�น้ำ�ซัดให้ปัดปั่น โอ้แต่ ชัน้ คลืน่ ลมยังข่มเหง น่าอายเพือ่ นเหมือนคำ�เขาทำ�เพลง มาเท้งเต้งเรือ ลอยน่าน้อยใจ ยิง่ แจวทวนป่วนปัน่ ยิง่ หันเห ลมทะเลเหลือจะต้านทาน ไม่ไหว เสียงสวบเสยเกยตรงเข้าพงไพร ติดอยูใ่ ต้ต้นโกงกางแต่กลาง คืน” “ต้นโกงกาง” เจริญเติบโตตามป่าชายเลน เป็นไม้ต้นขนาด ใหญ่ สูง 25-35 เมตร ระบบรากเป็นระบบรากแก้วมีรากเสริม ออกมาเหนือโคนต้น โดยรากทีโ่ คนต้นหรือรากค้ำ�ยันลำ�ต้นแตกแขนง ระเกะระกะลงดินเพื่อพยุงลำ�ต้น ซึ่งเหล่ารากของต้นโกงกางนี้เองถือ เป็นสถานอนุบาล และสถานที่หลบภัยของลูกกุ้ง ลูกปลา และยังเป็น แนวป้องกันลมพายุทพี่ ดั จากทะเลขึน้ สูแ่ ผ่นดินได้เป็นอย่างดี ซึง่ จะเห็น ได้จากบทประพันธ์ของสุนทรภู่ ที่อธิบายถึงเหตุการณ์ที่เรือถูกลมพัด มาติดต้นโกงกางบริเวณริมทะเล แม้จะมีพันธุ์ไม้ในป่าชายเลนอีกมากที่ถูกพรรณนาไว้ใน วรรณคดีที่แตกต่างกันออกไป แต่ผู้เขียนเชื่อว่าจากบทประพันธ์ที่ได้ ยกมานี้จะทำ�ให้ผู้อ่านได้ซึมซับนี้ก็เพียงพอที่จะช่วยให้ผู้อ่านได้รับรู้ถึง ความสวยงามของพันธุ์ไม้ในป่าชายเลนได้

5


6

ไอดิน

เขาแหลมหญ้ า จะช่ ว ยเติ ม เต็ ม หลายๆสิ่ ง ที่ เ กาะเสม็ ดไม่ มี หลายๆ อย่างที่หาไม่ได้จากเกาะเสม็ด เหมือน อั ญ มณี เ ม็ ด งามสองเม็ ด ที่ ค อยส่ อ ง แสงประกายแวววาวให้แก่กนั คอยเพิม่ ความสวยงามให้แก่กัน ถ้าพูดถึงที่เที่ยวจังหวัดระยอง แน่นอนว่าปลายทาง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ คงหนีไม่พ้น “เกาะเสม็ด” ที่ได้นิยาม ว่าเป็น “เกาะสวรรค์ฝั่งทะเลอ่าวไทย” ด้วยความสวยงามของธรรมชาติ ทีม่ หี าดทรายสีขาว ทะเลสีคราม ตามอ่าวต่างๆรายรอบทั่วทั้งเกาะ และกิจกรรม การท่องเที่ยวที่หลากหลาย จนเป็นที่ติดอกติดใจนักท่องเที่ยว ทั้งไทยและต่างชาติ ซึ่งหากเปรียบไปแล้วก็เป็นเหมือนกับ “อัญมณี” ที่รัศมีเปล่งปลั่ง แต่น้อ ยคนนักจะรู้จักว่านอกจาก เกาะเสม็ ด แล้ ว จังหวัดระยองยังมี “อัญมณีน�้ำงาม” อีกเม็ด นั่นก็คือ “เขา แหลมหญ้า” พื้นที่สุดปลายแหลมแผ่นดินที่ยื่นลงไปในทะเล อ่าวไทย ใกล้กับเกาะเสม็ดที่ถูกรวมเอาไว้เป็น “อุทยานแห่ง ชาติ เขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด” แต่ด้วยความที่อยูใ่ นพื้นที่ ใกล้กบั เกาะเสม็ดทีเ่ ป็นสถานทีท่ อ่ งเทีย่ วขึน้ ชือ่ ของจังหวัด เลย ท�ำให้เขาแหลมหญ้า ถูกมองผ่านไปจากสายตาของนักท่องเทีย่ ว เหมือนอัญมณีเม็ดเล็กที่อยูใ่ นรัศมีของอัญมณีเม็ดใหญ่

“เขาแหลมหญ้า” มีอะไรให้ค้นหา…

จุ ด หมายปลายทางแรกอยู ่ ที่ “หอคอย” “หอ สังเกตการณ์” “ประภาคารไม้” หรืออะไรก็ตามแต่ทจี่ ะใช้เรียก ได้ แต่สำ� หรับผูเ้ ขียนจะขอเรียกแทนเจ้าสิง่ นีว้ า่ “หอคอยสีขาว” ซึง่ ถือเป็นแลนด์มาร์คของเขาแหลมหญ้า นักท่องเทีย่ วทีม่ าเทีย่ ว เขาแหลมหญ้าต้องมาถ่ายรูปคูก่ บั หอคอยนี้ โดยเฉพาะบรรดา คูร่ กั หรือคูท่ กี่ ำ� ลังจะแต่งงาน ทีม่ กั จะมาถ่ายภาพเก็บความทรง หอคอยสีขาวแลนด์มารค์ของเขาแหลมหญ้าจุดถ่ายรูปของนักท่องเที่ยว


กลิ่นดาว

นำ�ทาง

“เขาแหลมหญ้า”

อัญมณีในรัศมีเกาะเสม็ด ( ดาวหางสีน้ำ�เงิน )

จ�ำดีๆคู่กับหอคอยสีขาวและสะพานท่าเรือใกล้ๆ แม้จะเป็นหอคอยเล็กๆสูงประมาณ 3 เมตร ที่ท�ำขึ้น จากไม้ ด้วยการประกอบรูปทรงทีไ่ ม่สลับซับซ้อน และทาทับเนือ้ ไม้ด้วยสีขาว อาจจะไม่ใช่งานไม้แกะสลักที่ตระการตา ไม่ใช่สิ่ง ก่อสร้างที่เลิศหรู ไม่ใช่สถาปัตยกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจอะไร แต่ เจ้าหอคอยสีขาวนั้นกลับมีมนต์เสน่ห์อย่างน่าประหลาดใจ อาจเพราะสีขาวที่ตัดกับสีฟ้าครามของน�้ำทะเล อาจ เพราะความโดดเด่นของสถานที่ตั้งของมัน แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่หากคุณกลายเป็น หนึ่งในนักท่องเที่ยวที่ไปเยี่ยมชมเขาแหลมหญ้ารับรองได้เลยว่า

จุดกางเต็นท์ริมทะเลใกล้ชิดธรรมชาติสูดกิล่นอายทะเลเต็มปอด

หอคอยสีขาวจะท�ำให้คุณตกหลุมรัก แม้บางครัง้ หอคอยสีขาวจะดูโดดเดีย่ ว ท่ามกลางบรรยากาศ ที่เวิ้งว้างของผืนน�้ำและท้องฟ้า แต่เมื่อใดก็ตามที่นักท่องเที่ยว หรือ คู่รักไปถ่ายรูปคู่กับเจ้าสิ่งนี้ ก็ดูเหมือนต่างฝ่ายต่างเติมเต็มให้กันและ กัน และแน่นอนเลยว่าเจ้าหอคอยนีจ้ ะเป็นส่วนหนึง่ ในความทรงจ�ำดีๆ ของผูค้ นเหล่านัน้ และยังคงรอคอยทีจ่ ะเป็นส่วนเติมเต็มภาพความทรง จ�ำให้กับนักท่องเที่ยวหน้าใหม่ อีกจุดเด่นของ “เขาแหลมหญ้า” ก็คือการเป็นหนึ่งในที่ท่อง เที่ยวไม่กี่แห่ง ที่นักท่องเที่ยวจะมีโอกาสกางเต็นท์ริมทะเลได้ ซึ่งน่าจะ เป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดานักท่องเที่ยวที่ต้องการใกล้ชิดกับธรรมชาติ

ภาพ : พิมพ์ประภา กลิ่นหอม

7


8

ไอดิน

น้ำ�ทะเลใสจนสามารถมองเห็นโขดหินด้านล่างชวนให้หลงใหลได้ง่ายๆ

ซึง่ นอกจากข้อดีของการวิง่ จากเต็นท์แล้วลงเล่นน�ำ้ ทะเลได้ เลย ก็ยังมีข้อดีหลายๆอย่างในตอนกลางคืน ทั้งการฟังเสียงคลื่น กล่อมนอนตลอดทัง้ คืน หรือสามารถเปิดเต็นท์ออกมาดืม่ ด�ำ่ ความ สวยงามของหมู่ดาวบนท้องฟ้า ไปพร้อมๆกับชื่นชมความสวยงาม ยามค�่ำคืนของเกาะเสม็ดที่อยู่ห่างออกไปได้ ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ ยอดเยี่ยมและน่าประทับใจมากเลยทีเดียว นอกจากบรรยากาศที่เหมาะการพักผ่อนแล้ว บริเวณ ลานกางเต็นท์ยังมีจุดอ�ำนวยความสะดวกส�ำหรับนักท่องเที่ยว มี ทั้งห้องน�้ำที่สะดวก และเจ้าหน้าที่อุทยานคอยดูแล หรือหากใครไม่ใช่นักท่องเที่ยวสายลุย ไม่ชอบนอนเต็นท์ ทาง อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ดก็มีบ้านพักใกล้ทะเล คอยให้บริการด้วยเหมือนกัน บวกกับทีผ่ คู้ นไม่พลุกพล่านมากนัก ไม่เหมือนสถานทีท่ อ่ ง เทีย่ วอืน่ ๆ ซึง่ ถือว่าตอบโจทย์สำ� หรับนักท่องเทีย่ วทีต่ อ้ งการไปพัก ผ่อน หรือต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่ว่าจะไปคนเดียว ไปเป็น กลุ่ม ไปทั้งครอบครัว ซึ่งแน่นอนว่าคงจะหาสถานที่แบบนี้ได้ค่อน ข้างยากในเกาะเสม็ด แต่จดุ กางเต็นท์จะเป็นจุดทีท่ ำ� ให้นกั ท่องเทีย่ วจะต้องเจอกับ “แขกไม่ได้รับเชิญ” อย่าง “ลิงแสม” ที่แม้มองไปๆแล้วพวกมันจะ

ดูน่ารัก น่าเอ็นดู แต่ใครจะไปคิดว่าเจ้าพวกลิงแสมนั้นแสบและ ฉลาดกว่าทีเ่ ราคาดคิด หากไปเขาแหลมหญ้าแล้วคิดจะนอนเต็นท์ จะต้องเก็บของทุกอย่างเข้าเต็นส์ให้หมดเพือ่ ไม่ให้ตกเป็นจุดสนใจ โดยเฉพาะของกินที่มักดึงดูด กองทัพลิงแสมให้ลงมาป่วนที่เต็นส์ ของเราได้ และปิดเต็นส์ให้ดี เพราะเจ้าพวกนี้ฉลาดใช่ย่อย ชนิด ทีว่ า่ สามารถเปิดเต็นส์เราได้เลยทีเดียว หากล็อคเต็นท์ไม่ดกี อ็ าจ จะเสี่ยงต่อการถูกกองทัพลิงแสมรื้อข้าวของกระจุยกระจายได้ และที่หนักไปกว่านั้นคือเจ้าลิงพวกนี้ไม่กลัวคน แต่กลับ กลัวหนังสติ๊กแทน อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ กลัวหนังสติ๊กจริงๆ แต่ ห้ามยิงโดนพวกเขานะ ให้ยิงขู่ก็พอ แต่ถ้าคุณคิดจะใช้ไม้มาตี หรือขู่ด้วยวิธีอื่นล่ะก็ นอกจากจะไม่ส�ำเร็จแล้วคุณอาจจะโดนขู่


กลิ่นดาว ยืน่ ลงไปในทะเล รวมทัง้ พืน้ ทีโ่ ขดหินทีเ่ ป็นจุดเชือ่ มต่อระหว่างทะเล และภูเขา และเมื่อผ่านป่าฝ่าดงจนไปถึงปลายแหลม รางวัลที่ได้ก็ คือภาพที่สวยงามของทะเลและเกาะเสม็ดทั้งเกาะอยู่เบื้องหน้า แน่นอนว่าคงเป็นสวรรค์ดีๆ ส�ำหรับนักท่องเที่ยวสายลุย เพราะนอกจากจะเดินป่าแล้ว ยังมีทั้งการปีนป่ายโขดหินท้าทาย ความสามารถและพละก�ำลังของตัวเอง แต่ส�ำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องการออกแรงเยอะขนาด นั้น ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติหลายจุด ที่มีความยากในการเดิน ผ่าน จะมีสะพานไม้เพื่อเป็นตัวช่วยในการเดินด้วย และไฮไลท์อกี อย่างของเขาแหลมหญ้า คือ อาหารรสชาติ เยีย่ มทีน่ กั ท่องเทีย่ วหลายคนคอนเฟิรม์ เป็นเสียงเดียวกันว่ารสชาติ อร่อย และไม่แพง เพราะไปถึงจังหวัดระยองคงการันตีได้วา่ อาหาร ทะเลที่นี่เป็นของสดแน่นอน และเมื่อวัตถุดิบดี บวกฝีมือคนปรุง ความอร่อยก็อยูใ่ กล้แค่เอื้อม มี บ รรยากาศดี ๆ เหมาะกั บ การพั ก ผ่ อ นอยู ่ ร อบตั ว มี อาหารอร่อยๆให้เลือกรับประทาน แค่นี้ก็ท�ำให้วันพักผ่อนกลาย เป็นความทรงจ�ำที่แสนดีได้แล้ว

เขาแหลมหญ้ามาเมื่อไหร่ก็สุขใจเสมอ

กลับด้วยการแยกเขี้ยวใส่ได้เลย แม้จะมีกองทัพลิงจอมป่วน แต่เขาแหลมหญ้าก็ยังมีอีก หลายจุดเด่นที่ท�ำให้นักท่องเที่ยวตกหลุมรัก แม้ในครั้งนี้ผู้เขียน ไม่ มี โ อกาสได้ไปสั ม ผั ส เพราะต้ อ งเจอกั บ อุ ป สรรค์ เรื่ อ งสภาพ อากาศ จึงได้เพียงน�ำค�ำบอกเล่าของนักท่องเทีย่ วทีม่ ปี ระสบการณ์ มาถ่ายทอดต่อ โดยนั ก ท่ อ งเที่ ย วหลายคนต่ า งบอกเป็ น เสี ย งเดี ย วกั น ว่า“เส้นทางศึกษาธรรมชาติ” ระยะทาง 1.4 กิโลเมตร ที่นี่ เรียก ได้ว่า “จิ๋วแต่แจ๋ว” เพราะถึงแม้จะเป็นระยะทางที่ไม่ยาวนัก แต่ ก็สามารถท�ำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับลักษณะของธรรมชาติได้ หลายแบบ ทั้งป่าดิบ ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ไปจนถึงปลายแหลมที่ ท่าเรือเขาแหลมหญ้าที่ถ่ายรูปยอดฮิตของคู่รัก

9


10 ไอดิน

เที่ยวแบบ 2 in 1 เมื่อภูเขาชนกับทะเล

ดังนั้นถึงจุดนี้คงจะปฏิเสธไม่ได้แล้วล่ะ ว่าเขาแหลมหญ้า คือ “อัญมณีน�้ำงามอีกเม็ด” ส�ำหรับแหล่งท่องเที่ยว ที่รอให้นัก ท่องเที่ยวไปสัมผัสและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ดีๆกลับมา หากหน้าร้อ นนี้คุณยังไม่มีโปรแกรมที่ จ ะไปเที่ ย วไหน “เขาแหลมหญ้า” ก็เป็นอึกหนึ่งตัวเลือกในการท่องเที่ยวในหน้า ร้อนที่ไม่เลวเลยทีเดียว เพราะด้วยบรรยากาศและความโดดเด่น หลายๆอย่างของเขาแหลมหญ้าที่ผู้เขียนได้กล่าวถึงมานี้ ยังเป็นที่ ท่องเที่ยวที่อยูไ่ ม่ไกลจากกรุงเทพฯ การเดินทางก็สะดวก และยัง ถือเป็น “สวรรค์ของคนชอบอาหารทะเล” อีกด้วย หรือถ้าคุณวางโปรแกรมเที่ยวส�ำหรับหน้าร้อนไว้แล้ว และมีเกาะเสม็ดอยูใ่ นนั้น ลองหาเวลาแวะที่เขาแหลมหญ้าที่อยูไ่ ม่ ไกลกัน ซึ่งก็น่าจะท�ำให้ทริปหน้าร้อนนี้ของคุณ กลายเป็นทริปสุด พิเศษขึ้นมาได้

“เพราะเขาแหลมหญ้าจะช่วยเติมเต็มหลายๆ สิ่งที่เกาะเสม็ดไม่มี หลายๆอย่างที่หาไม่ได้จากเกาะ เสม็ด เหมือนอัญมณีเม็ดงามสองเม็ด ทีค่ อยส่องแสง ประกายแวววาวให้แก่กัน”

แม้จะมาคนเดียวเขาแหลมหญ้าก็พร้อมเติมเต็มความทรงจำ�ดีๆ

หากมองจากเขาแหลมหญ้าเกาะเสม็ดที่คุ้นตาอาจจะสวยมากกว่าที่เราเห็น


กลิ่นดาว

เล่าสู่กันฟัง

ไม่ว่าที่ไหนหรือเมื่อไหรทรายก็จะอยู่คู่กับทะเลเสมอ

“ตำ�นานรัก”

(ดาวประกายพฤกษ์)

“หาดทรายยังสวย รายล้อม ทะเลด้วยรัก คงไว้ดว้ ยใจแน่นหนัก ไม่ หวั่นยามพายุผ่าน จะมีเพียงฉัน และ เธอตราบนานเท่านาน มีรกั ในใจผสาน ดั่งทรายอยู่คู่ทะเล” เชือ่ ว่าเพลงนีค้ งเป็นเพลงทีห่ ลายคนคุน้ หูกนั ดี ซึง่ เป็นการ เปรียบเทียบความรัก โดยใช้ทรายกับทะเลเป็นตัวเล่าเรื่อง ผ่าน บทเพลงที่ไพเราะ ซึง่ เหมือนกับต�ำนานก�ำเนิทอ้ งทะเลทีส่ ดุ แสนจะโรแมนติก ที่เล่าว่า นานมาแล้ว โลกเป็นเพียงวัตถุทรงกลมเรียบๆเปล่าๆ ไม่ มี อะไรอยู ่ เลยนอกจาก น�้ำแข็ง ก้อนใหญ่กับนาฬิกาทราย เรือนยักษ์ที่มีปลายเปิดสามารถปล่อยทรายออกได้อย่างเดียว

กำ�เนิดท้องทะเล

ซึ่งทั้งสองเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เล็ก ร่วมทุกข์ร่วมสุขจน ทัง้ คูเ่ ติบใหญ่เข้าสูว่ ยั หนุม่ สาว ความงดงามของน�ำ้ แข็งท�ำให้นาฬิกา ทรายแอบชื่นชมหลงใหล แต่ทุกครั้งที่พยายามแสดงความสนิทสนมใกล้ชิด ความ เย็นชาจากน�้ำแข็งก็ท�ำให้นาฬิกาทรายต้องผิดหวังทุกทีไป จนวัน หนึ่งนาฬิกาทรายทะเลาะกับน�้ำแข็ง จนท�ำให้ทั้งคู่ต่างแยกไปอยู่ กันคนละซีกโลก ไม่ยอมคืนดีกันเพราะต่างคนต่างก็ยังมีทิฏฐิ จน วันหนึ่งเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ท�ำให้โลกจะต้องแตกออกเป็นสอง ส่วน ท�ำให้นาฬิกาทรายปล่อยทรายออกมาปกคลุมรอยแตกของ โลก ยึดไว้ไม่ให้แยกออกจากกัน โดยหวังว่าจะได้กลับมาพบน�้ำ แข็งอีก การจากไปของนาฬิกาทราย กลับท�ำให้ความเย็นชาทีม่ ใี น ตัวน�ำ้ แข็งหมดลง และละลายกลายเป็นน�ำ้ ทะเลทีอ่ อ่ นโยน คอยโอบ อุ้มผืนทรายที่บริสุทธิ์อยู่คู่กันมาจนทุกวันนี้

11


12 ไอดิน ชีวิตชีวา

สะพานไม้ที่ทุ่งโปรงทองที่เมื่อลองไปเดินแล้ว จะรู้สึกเหมือนเดินอยู่บนยอดไม้

ทุ่งโปรงทอง

ขุมทรัพย์ปากน้ำ�ประแสร์

( ดาวเหนือ )

แม้ภาพความสวยงามของ “ทุ่งโปรงทอง” จะเป็นจุดเด่น ที่ดึงดูนักท่องเที่ยวให้เข้าไปเยี่ยมชม แต่ภายใต้ความสวยงาม นั้น มี“ขุมทรัพย์”ซ่อนอยู่...


กลิ่นดาว

“ทุ่งโปรงทอง” หรือ ”ป่าชายเลนแสมภู่” อยูใ่ นเขตชุมชน บ้านแสมภู่ บริเวณปากน้ำ�ประแสร์ อำ�เภอแกลง จังหวัดระยอง เดิมเป็นพื้นที่เสื่อมโทรมจากการประมง เลี้ยงกุ้ง ทำ�การเกษตร ทำ�สวนผลไม้ ถูกบุกรุก จับจองเป็นที่อยู่อาศัย ถูกตัดไม้ไปเผา เป็นถ่านจากสัมปทานตัดไม้ป่าชายเลนในอดีต และเกิดผลกระทบ ต่อระบบนิเวศในพื้นที่ จำ�นวนสัตว์น้ำ�ลดลง จนชาวประมงในพื้นที่ ไม่สามารถจับสัตว์น้ำ�ได้ และต้องออกไปจับปลาในน่านน้ำ�ประเทศ เพื่อนบ้าน อย่างกัมพูชาและเวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย แทน

จนท้ายที่สุดด้วยความร่วมมือร่วมใจของคนในพื้นที่ จึงได้ร่วมกัน พัฒนาและดูแลป่าชายเลนผืนนี้ขึ้นมาใหม่ จนปัจจุบันกลายมาเป็น ป่าชายเลนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัด โดยครอบคลุมพื้นที่กว่า 6,000 ไร่ อัดแน่นไปด้วยสีเขียวจากป่าโกงกาง ต้นโปรง ต้นลำ�พู ต้นตะบูนดำ� ต้นแสม และไม้น้ำ�อื่นๆ และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่เต็มไปด้วย ความสวยงาม สร้างความประทับใจให้กบั บรรดานักท่องเทีย่ วทีม่ า เยือน ภาพสะพานไม้ทอดยาวกว่า 2.5 กิโลเมตร ทอดผ่านร่ม ต้นไม้ใหญ่ทั้งโกงกาง แสม และพาดไปบนยอดต้นโปรงสีเขียวอม เหลืองที่รายล้อมไปทั่วทุกสารทิศ จนทำ�ให้รู้สึกเหมือนกับเดินอยู่ เหนือยอดไม้ ภาพใบไม้สีทองอร่ามยามแสงแดดตอนบ่าย ส่อง กระทบจนดูเหมือนดินแดนในเทพนิยาย ภาพความสวยงามตาม ธรรมชาติของป่าโกงกาง ไม้โปรง และไม้น้ำ�ริมชายฝั่ง ซึ่งสวยจน หยุดหัวใจใครหลายๆคน แต่ภายใต้ความสวยงามเหล่านั้น ต่ำ�ลงไปจากสะพานไม้ ภายใต้ภาพใบโปรงสีเหลืองทองที่แน่นขนัด เต็มไปด้วยชีวิตสัตว์ ทะเล ลูกปลา ลูกกุ้ง ลูกปู และลูกสัตว์ทะเลอื่นๆ อีกหลายชนิด จำ�นวนนับไม่ถว้ น ซึง่ เกิดและเติบโตขึน้ ภายใต้รากและใบของต้นไม้ ในพืน้ ที่ 6,000 ไร่ ก่อนทีพ่ วกมันจะออกสูท่ ะเลตามวงจรชีวติ และ กลับมาเป็นอาหารทะเลให้เราได้รบั ประทานกันอย่างเอร็ดอร่อยเช่น ในทุกวันนี้ หากไม่มีทุ่งโปรงทอง หากไม่มีป่าชายเลนแสมภู่ คน ประแสร์และคนระยองคงเดือดร้อน เพราะจำ�นวนสัตว์ทะเลอาจจะ ลดลง ทำ�ให้จับปลาได้น้อยลง กระทบกับความเป็นอยู่ของคนใน พื้นที่ กระทบกับสภาพเศรษฐกิจ จนสุดท้ายอาจทำ�ให้ชาวประมง ไทยต้องออกไปจับปลาในน่านน้ำ�ของประเทศเพื่อนบ้านเหมือนที่ เคยเป็นมาก็ได้ นอกจากจะเป็นที่อนุบาลสัตว์น้ำ�แล้วทุ่งโปรงทอง ยังให้ ประโยชน์ในด้านอื่นๆ อีกด้วย ทั้งเป็นแหล่งวัตถุดิบจากไม้ ที่นำ�ไปทำ�ประโยชน์ในการ ก่อสร้าง หรือเชือ้ เพลิงในครัวเรือน ตลอดจนการนำ�ส่วนของต้นไม้ น้ำ�ทีข่ นึ้ ในป่าชายเลนไปทำ�ยารักษาโรคจากสมุนไพร อาทิ ดอกของ ต้นกระทึงใช้ทำ�ยาหอม ใช้เมล็ดทำ�น้ำ�มันทาแก้ปวดเมื่อยตามข้อ, ผลของต้นตะบูนขาวและตะบูนดำ� แก้อหิวาตกโรค เปลือกและเมล็ด แก้ท้องร่วง เป็นยาบำ�รุงและแก้ไอ เปลือกของต้นโปรงขาวแก้ท้อง

13


14 ไอดิน ร่วงอาเจียนใช้ล้างแผลห้ามเลือด แก่นของต้นแสมขาวนำ�ไปต้ม น้ำ� ใช้แก้ลม แก้กษัย หรือต้นเหงือกปลาหมอขาว ทีส่ ามารถใช้ ทั้งต้นและเมล็ดบดพอกรักษาฝี เมล็ดเป็นยาขับพยาธิ เป็นต้น และทุ่ งโปรงทองยั ง ถื อได้ ว่ า เป็ น แนวกั้ น คลื่ นโดย ธรรมชาติ ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ช่วยชะลอความเร็ว และ ความรุนแรงของลมพายุก่อนที่จะขึ้นสู่ฝ่ัง ช่วยเพิ่มพื้นที่ตาม ชายฝั่ง ด้วยระบบรากของไม้ป่าชายเลน ที่จะกักตะกอนดิน ทำ�ให้เกิดการทับถมของเลนโคลน จนกลายเป็นดินเลนงอกใหม่ อยูเ่ สมอ และทำ�หน้าทีด่ กั กรองสารปฏิกลู และสารมลพิษต่างๆ จากบนบกไม่ให้ลงสู่ทะเล ดังนั้นนอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามแล้ว ทุ่งโปรงทองจึงถือว่าเป็น “ขุมทรัพย์ขนาดใหญ่” ที่นำ�มาซึ่ง ประโยชน์มหาศาล ที่ไม่ใช่แค่กับคนปากน้ำ�ประแสร์ หรือคน ระยอง แต่ยังถือได้ว่าเป็น “ขุมทรัพย์” ของคนไทยทุกคนเลยก็ ว่าได้ เพราะประโยชน์จากทุ่งโปรงทอง อาจจะอยูใ่ นเมนู อาหารทะเลทีเ่ รากิน อยูใ่ นเฟอร์นเิ จอร์ไม้ทบี่ า้ น อยูใ่ นเงินบาท ทีค่ อยขับเคลือ่ นเศรษฐกิจ อยูใ่ นรายได้ของการทำ�ประมง และ อื่นๆอีกมากมายที่เราอาจจะคิดไม่ถึง และประโยชน์ที่ดีที่สุดจากทุ่งโปรงทองคือการเป็น “บทเรียน” ให้กับพื้นที่ป่าชายเลนอื่นๆ เพื่อทำ�ให้เห็นถึงความ สำ�คัญของป่าชายเลน ผลเสียจากการใช้ประโยชน์จากป่าชาย เลนแบบไม่ดแู ลรักษา ผลกระทบจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ อย่างสิ้นเปลือง ฟุ่มเฟือย และแนวทางที่คนในพื้นที่จะอยู่ร่วม กับป่าชายเลนแบบยั่งยืน รวมไปถึงบทเรียนให้คนทั่วไปได้ตระหนักถึง

เส้นทางศึกษาธรรมชาติที่เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย

สูดอากาศรับลมทะเลที่ทุ่งโปรงทอง

ความสำ�คัญและประโยชน์ของป่าชายเลน เพื่อให้ทุก คนได้ช่วยกันดูแล รักษา ป่าชายเลนในอนาคต ให้ ป่าชายเลนทุกแห่งเป็น “ขุมทรัพย์” ให้กบั คนไทยทุก คนต่อไป

ใบไม้สีทองยามแสงแดดตส่องกระทบจนดูเหมือนดินแดนในเทพนิยาย


กลิ่นดาว

15

เก็บตก

เราไม่ใช่

ถังขยะในทะเล หลายต่อหลายครั้งที่เรามักจะเห็นภาพ หรือ รู้ข่าวสารเกี่ยวกับชะตากรรมของสัตว์ทะเล หลากหลายชนิดที่ต้องบาดเจ็บ หรือล้มตาย จากขยะที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นภาพ เต่าทะเลที่มีท่อพลาสติกติดที่จมูก ภาพ นกทะเลที่ตายเพราะกินถุงพลาสติกและฝาขวดน้ำ� ภาพนกทะเลที่ ตายเพราะไม่สามารถกินอาหารได้เนื่องจากมีฝาขวดน้ำ�พลาสติก ติดตรงจะงอยปาก หรือภาพเต่าทะเลที่กระดองดูผิดรูปเพราะมีแผง พลาสติกเข้าไปรัดกระดองเอาไว้ หากพูดไปแล้วมนุษย์เกือบทุกคนชอบบรรยากาศริมทะเล ชอบบรรยากาศน้ำ�ใสๆ หาดทรายสวยๆ ชอบเสียงคลื่นกระทบฝั่ง

( ดาวหางสีน้ำ�เงิน ) แต่กลับมีมนุษย์บางจำ�พวก ทีแ่ ม้จะชอบทะเล แต่ในทางกลับ กันก็กลับเป็นคนทีท่ ำ�ลายทะเลโดยไม่รตู้ วั โดยเฉพาะการทำ�ลายโดย การทิ้งขยะลงในทะเล ใครจะคิดว่าเพียงแค่ขวดน้ำ�พลาสติก ถุงพลาสติก ขยะชิ้น เล็กชิ้นน้อย จะสามารถฆ่าสัตว์ทะเลได้ แต่สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้เหล่านั้น ก็เกิดขึ้นให้เราได้เห็นแล้ว ครั้งแล้วครั้งเล่า แค่ขยะชิ้นเล็กๆของเราอาจจะทำ�ให้สัตว์ทะเลต้อง ทุกข์ทรมาน หรือกระทั่งเสียชีวิตเลยก็ได้ ดังนั้นการไปเที่ยวทะเลของเราไม่ควรจะกลายเป็นการไป ทำ�ลายทะเล ทำ�ร้ายสัตว์ทะเลโดยที่เราไม่รู้ตัว หากเรารักทะเลแล้ว เราต้องรักษ์ทะเลด้วย เพราะบรรดา สัตว์ทะเลไม่ใช่ถังขยะ


16 ไอดิน

บรรยายกาศร้านขายของชำ�ในยุคสมัยที่ยังไม่มีร้านสะดวกซื้อ

แกะดำ�

โชวห่วยที่กำ�ลังจะถูกลืม

( ดาวหางสีน้ำ�เงิน )

“หลั ง จากที่ มี ร้ า นสะดวกซื้ อ ทุ ก อย่ า งมั น เปลี่ยนแปลงไปหมดแล้วประเทศไทย เมื่อก่อนยังมีคน ทำ�ข้าวแกง ส้มตำ�หาบขาย ขายไอติมสะพาย แต่สมัย นีไ้ ม่มแี ล้ว เพราะในร้านสะดวกซือ้ มีขายเกือบหมดแล้ว ขาดแต่เพียงส้มตำ� หรือไม่แน่ส้มตำ�ก็มีขายแล้วที่แยก น้ำ�แล้วเอามาผสมเส้นก็กินได้ ด้วยความที่เหตุการณ์ บ้านเมือง ความเจริญก้าวไปข้างหน้าผมตระหนักมาก หากเรามีมีของเก่าๆพวกนี้แล้วเราไม่ทำ�อะไรสักอย่าง มันก็อาจจะตายตามเราไปด้วย”

คำ�พูดของครูกัง แห่งพิพิธภัณฑ์บ้านครูกัง ที่อำ�เภอแกลง จังหวัดระยอง ยิ่งทำ�ให้เห็นว่าการที่ร้านสะดวกซื้อเข้ามาแทนร้าน โชวห่วยนั้นสะท้อนถึงอะไรบางอย่างในสังคมปัจจุบัน ตอนที่ผู้เขียนได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมพิพิภัณฑ์บ้านครูกัง ที่อำ�เภอแกลง จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมของเก่า ของ สะสมของคุณลุง ทีเ่ ยอะแยะมากมาย เห็นแล้วก็ทำ�ให้นกึ ถึงสมัยช่วง ยังเด็ก และที่ถูกใจที่สุดก็น่าจะเป็น “ร้านโชว์ห่วย” ที่มีสินค้าเก่าๆ ทำ�ให้นึกขึ้นได้ว่า สมัยนี้แทบจะไม่ได้เห็นร้านโชว์ห่วยแบบนี้แล้ว เพราะขณะนี้ธุรกิจร้านสะดวกซื้อกำ�ลังเติบโตขึ้นอย่างต่อ เนื่อง ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด ตามความต้องการของผู้บริโภคสมัย ใหม่ ไม่วา่ อยากซือ้ ขนม ของกินเล่น ไปจนถึงของกินมือ้ หนัก อยาก


กลิ่นดาว ซื้อของใช้ อยากเติมเงินมือถือ จ่ายบิลเงินสด อยากจองตั๋วรถทัวร์ ตัว๋ เครือ่ งบิน ทุกความต้องการจะถูกตอบโจทย์ได้ในร้านสะดวกซือ้ ไม่จำ�เป็นต้องตะเวนไปหลายๆร้าน เหมือนแต่ก่อน ด้วยสาเหตุที่มีการรวมเอาธุรกิจขายส่ง หรือโชวห่วยรูป แบบต่างๆเข้ามาอยูใ่ นร้านสะดวกซื้อเพียงแห่งเดียว จึงทำ�ให้เกิด การแย่งลูกค้าร้านโชวห่วยเดิม จนทำ�ให้ธุรกิจร้านโชวห่วยแห่ปิด ตัวกันยกใหญ่ และที่ยังเหลือรอดมาจนถึงทุกวันนี้ก็อยูใ่ นสภาพที่ ร่อแร่เต็มที และแทบมองไม่เห็นโอกาสที่จะกลับมาขายดิบขายดีได้ เหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว ด้วยวิถีชีวิตคนในเมืองที่เร่งรีบ และต้องการความสะดวก รวดเร็ว ก็ยิ่งทำ�ธุรกิจร้านสะดวกซื้อเติบโตขึ้น แม้ธุรกิจร้านสะดวกซื้อจะเป็นเรื่องที่สะดวก สบาย และตอบสนอง ความต้องการของคนในสังคมได้มากกว่าธุรกิจร้านโชวห่วยแบบ เก่า แต่เหรียญย่อมมี 2 ด้านเสมอ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีข้อดีข้อ เสียในตัวมันเอง การที่ธุรกิจร้านสะดวกซื้อไม่กี่รายที่ตอนนี้ถือครองส่วน แบ่งการตลาดในธุรกิจขายปลีกในภาพใหญ่เกือบทั้งหมด จะทำ�ให้ ธุรกิจเหล่านี้ไร้คู่แข่ง ในเชิงการตลาด ซึ่งจุดนี้จะเป็นผลเชิงลบกับผู้ บริโภค เพราะเมื่อถือส่วนแบ่งสูงสุด ไม่มีคู่แข่งขัน ก็อาจจะทำ�ให้ คุณภาพสินค้าและบริการลดลง เพราะหากยังมีคแู่ ข่งขันอยู่ จะทำ�ให้ เกิดการแข่งขันกันเรื่องคุณภาพสินค้าและบริการ เพื่อแย่งผู้บริโภค แต่เมื่อไม่มีคู่แข่ง ก็ไม่จำ�เป็นต้องแข่งขันเรื่องคุณภาพสินค้ากับใคร อีกปัญหาทีจ่ ะตามมาก็คอื เรือ่ งราคาสินค้า เพราะเมือ่ ธุรกิจ ร้านสะดวกซือ้ กินรวบตลาดค้าปลีกทุกอย่างได้แล้ว การแข่งขันเรือ่ ง ราคาเพื่อดึงผู้บริโภคก็ไม่จำ�เป็นอีกต่อไป เพราะไม่มีคู่แข่ง ซึ่งอาจ จะทำ�ให้ราคาสินค้าและบริการในอนาคตแพงขึ้น เพราะถึงอย่างไร ผู้บริโภคก็ต้องซื้อ ไม่มีทางเลือกอื่น

ครูกัง นักสะสมของเก่า

ถึงตอนนี้ผู้บริโภคจะหันไปหาร้านโชวห่วยก็คงสายไปแล้ว เพราะ ปิดตัวกันลงไปหมด ดังนั้นการหายไปของร้านโหวห่วยจึงไม่ได้สะท้อน

แค่เพียงมุมมองในแง่ของธุรกิจการค้าเท่านั้น แต่กลับเป็น สิง่ ทีส่ ะท้อนถึงรูปแบบชีวติ ของคนในสังคมทีใ่ ห้ความสำ�คัญ กับความสะดวกสบายมากกว่าสิ่งอื่น สะท้อนวิถีชีวิตที่ เปลี่ยนแปลงไปของคนในสังคม และยังมีค่านิยมต่างๆเพิ่ม เข้ามาอีก จนทำ�ให้กลืนค่านิยมเก่าๆไปจนหมดสิ้น

สินค้ามากมายที่วางขายแบบไม่มีบาร์โค้ด

ของเล่นสมัยเด็กทเห็นจนชินตาแต่ปัจจุบันไม่ค่อยมีให้เห็นแล้ว

17


18 ไอดิน รู้ไว้ใช่ว่า

รู้หรือไม่...

คนตะวันออก ไม่ได้มีแค่ “ฮิ”

เวลาที่ มี ก ารพู ด ถึ ง สามจั ง หวั ด ตะวั น ออก ระยอง จันทบุรี และตราดนอกจากจะทำ�ให้นึกถึง อาหารทะเลสดใหม่ผลไม้รสชาติหอมหวานแล้ว อีก อย่างที่คนมักนึกถึงคือ“ฮิ”ตามสโลแกนที่ว่า“ระยอง ฮิสั้น จันท์ฮิยาว ตราดฮิใหญ่”

( ดาวลูกไก่ )

โ ด ย พ จ น า นุ ก ร ม ฉ บั บ ราชบั ณ ฑิ ต ยสถานอธิ บ ายคำ�ว่ า “ฮิ ” ว่ า เป็ น คำ�ในภาษาถิ่ น ภาคตะวั น ออก มี ลั ก ษณะเหมื อ นกั บ คำ�ว่ า “สิ ” และ “ซิ ” นั ก วิ ช า ก า ร บ า ง ท่ า นให้ ค ว า ม เห็ น ว่ า “ฮิ ” เป็ น คำ�สร้ อ ยที่ ต่ อ ท้ า ยประโยคคำ� พูด มีความหมายตรงกับคำ�ว่า “ซิ” หรือ “นะ”


กลิ่นดาว

ซึ่ ง สำ�เนียงภาษาถิ่นทางภาคตะวันออกจะออก เสียงคำ�ว่า “ฮิ” แตกต่างกันไปตามท้องถิ่น โดยคนส่วนใหญ่ใน ภาคตะวันออกตัง้ ข้อสังเกตถึงความแตกต่างของการออกเสียงคำ� “ฮิ” คือ คนระยองจะออกเสียง คำ�ว่า “ฮิ” สั้นๆ เร็ว ๆ คน จันทบุรจี ะออกเสียงคำ�ว่า “ฮิ” ชัดกว่าและลากเสียงยาวกว่า ส่วน คนตราดจะสำ�เนียงเหน่อแบบห้วนกว่า ออกเสียง “หิ”มากกว่า “ฮิ” แต่นอกจากคำ�ว่า “ฮิ” แล้ว ยังมีคำ�อื่นที่คนสามจังหวัดตะวัน ออกส่วนใหญ่ หรือบางพื้นที่ใช้พูด ซึ่งมีความน่าสนใจไม่น้อยไป กว่าคำ�ว่า “ฮิ” เลย คำ�แรกคือ “เบิกบาน” ทีค่ นทัว่ ไปจะนึกถึงภาพของความ สดใส ร่าเริง สดชื่น รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความเบิกบานใจ แต่คนจันท์ และคนพื้นที่ใกล้เคียง จะเข้าใจกันอีกความหมาย หนึ่ง ซึ่งแปลว่า “มาก” ซึ่งคำ�ว่า “เบิกบาน” จะนิยมใช้คู่กับคำ� ว่า “เช่ด” เช่น “เบิกบานเช่ด” “บานเช่ด” ซึ่งจะแปลได้ว่ามาก เสียยิ่งกว่ามากเสียอีก ตัวอย่างเช่น “ขนมที่วางไว้บนโต๊ะมีมดขึ้นบานเลย” หมายถึง “ขนมที่วางไว้บนโต๊ะมีมดขึ้นเยอะเลย” หรือ “ฉันมี ปากกาเบิกบานเช่ด” หมายถึง “ฉันมีปากกามากมาย” คำ�ต่อมาคือ “เถือ” เป็นคำ�กริยาที่คนสามจังหวัดภาค ตะวันออกในบางพื้นที่ใช้ ซึ่งแปลว่า “หั่น” ลักษณะเดียวกับคำ� ว่า “แล่เนื้อเถือหนัง” ตัวอย่างเช่น “มีดมันเถือไม่ค่อยเข้า จะเถือหมู เถือไก่ เถือผัก เถืออะไร ก็ระวังอย่าเถือนิ้วตัวเองแล้วกัน” หมายถึง “มีดมันหั่นไม่ค่อยเข้า จะหั่นหมู หั่นไก่ หั่นผัก หั่นอะไร ก็ระวัง อย่าหั่นนิ้วตัวเองแล้วกัน” แต่คนบางท้องทีก่ จ็ ะมีการใช้คำ�ว่า “เถือ” เฉพาะเจาะจง ไปในความหมายว่า “ไม่คม” เช่น “มีดมันเถือ” หมายถึง “มีด

มันไม่คม” คำ�ต่อมาคือ “บอบ” แปลว่า “เหนื่อย”เป็นลักษณะ อาการเหนือ่ ยจากการใช้แรง แต่ไม่ใช่เหนือ่ ยธรรมดา แต่เป็นการ เหนื่อยในลักษณะที“่ บอบช้ำ�” ตัวอย่างคือ “ถ้าบอบ ก็หยุดพักก่อนก็ได้” หมายถึง “ถ้า เหนื่อย ก็หยุดพักก่อนก็ได้” หรือ “คงไปเที่ยวไม่ไหวแล้ว วันนี้ ทำ�งานจนบอบ” หมายถึง “คงไปเที่ยวไม่ไหวแล้ว วันนี้ทำ�งาน จนเหนื่อย” คำ�ต่อมาคือ “แอบกัน” แม้คนทั่วไปจะเข้าใจว่าคำ�ว่า “แอบ” คือความหมายของการซ่อน หลบ ลักลอบ ปิดบัง แต่ คนจันท์และคนพื้นที่ใกล้เคียงจะใช้คำ�ว่า “แอบ”ในความหมาย อีกแบบหนึ่ง โดยคำ�ว่า “แอบ” จะมีความหมายว่า “แนบ” “อิงแอบ แนบชิด” ดังนั้นคำ�ว่า “แอบกัน” จึงแปลว่า “ชิดกัน” “ติดกัน” “ใกล้กัน”นั่นเอง ตัวอย่างเช่น “เรารู้จักเขาดี เพราะบ้านอยู่แอบกัน” หมายถึง “เรารู้จักเขาดี เพราะบ้านอยู่ติดกัน” หรือ “รถเรา มันเล็กก็นั่งแอบๆ กันเอานะ” หมายถึง “รถเรามันเล็กก็นั่งชิดๆ กันเอานะ” แม้คำ�บางคำ�จะไม่ได้ใช้ครอบคุลมไปทัง้ สามจังหวัดภาค ตะวันออก คำ�บางคำ�แค่บางพื้นที่ หรือบางคำ�อาจจะถูกหลงลืม จากคนรุ่นใหม่ไปเสียแล้ว แต่คำ�เหล่านีก้ ลับมีความสำ�คัญอย่างยิง่ ในฐานะ “มรดก ทางภาษา” ทีถ่ อื เป็นเอกลักษณ์ของคนท้องถิน่ ตะวันออกได้อย่าง ชัดเจน

19


มีคนเคยบอกไว้ว่า “การเดินทางทำ�ให้

เราหายโง่” ตอนแรกก็ไม่เข้าใจความหมาย ว่าแค่เราเดินทางไปที่ต่างๆ มันจะทำ�ให้เรา หายโง่ไดอย่างไร...

จนที่สุดฉันก็ได้ออกเดินทางไปสู่โลก

ภายนอก เริ่มจากการพาตัวเองออกไปเดิน เล่นในสถานที่ต่างๆ ใกล้ๆตัวก่อน หมู่บ้าน ข้างๆ สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่นตลาด นัดฯ ก่อนจะขยับขยายออกไปสู่โลกกว้าง อย่างต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ

ในทุกย่างก้าวของการเดินทาง ทำ�ให้

เรามองเห็นโลกที่เราอยู่ได้ชัดขึ้น ได้เห็นวิถี ชีวิตของคนที่แตกต่างกันออกไป พบปะผู้คน มากหน้าหลายตา

จนทำ�ให้ต้องยอมรับในคำ�พูดของเขา

เพราะการเดินทางทำ�ให้เราได้เห็นสิ่งใหม่ ได้ เปิดโลกทัศน์ของตัวเราเอง และยังได้เรียนรู้ ทุกสรรพสิ่งรอบตัวของเรา

จึงอยากให้ทุกคนลองออกเดินทาง

เพียงแค่คุณก้าวออกจากประตู โลกกว้างก็ พร้อมรอต้อนรับให้คุณได้ออกไปผจญภัย..


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.