ทดลองอ่าน - กุณฑลสวาท

Page 1


กุณฑลสวาท

พงศกร : เขียน ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๗๗๓๕-๗๓-๓ พิมพ์ครั้งที่ ๑ : ส�ำนักพิมพ์กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง ตุลำคม พ.ศ.๒๕๕๙ สงวนลิขสิทธิ์ตำมพระรำชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ.๒๕๕๘ หมวดนวนิยำย ล�ำดับที่ ๗๑

จัดท�าโดย  ส�านักพิมพ์  กรู๊ฟ  พับลิชชิ่ง ในเครือบริษัท  กรู๊ฟ  พับลิชชิ่ง  จ�ากัด เลขที ่ ๒๙/๑๐๖ วิสต้ำ อเวนิว วัชรพล แขวงคลองถนน เขตสำยไหม กรุงเทพฯ ๑๐๒๒๐ โทรศัพท์ : ๐๘๕-๖๖๕-๕๔๒๒ โทรสำร : ๐-๒๑๕๓-๐๕๐๐ อีเมล : groove_publishing@hotmail.com เว็บไซต์ : www.groovebooks.com, http://www.facebook.com/groovepublishing

บรรณาธิการที่ปรึกษา : นำยแพทย์พงศกร จินดำวัฒนะ บรรณาธิการส�านักพิมพ์  : อรรถรัตน์ จันทรวรินทร์ ประสานงานการผลิต : สุลวัณ จันทรวรินทร์ พิสูจน์อักษร : กฤษดำ ศิริกิจพำณิชย์กูล และ เนตรนภำ ณ ถลำง ออกแบบปก : กัญจน์สุภักค์ ยุกตำนนท์ ประสานงานการออกแบบปก : จำรุนันทน์ ศรีรัตนตรัย รูปเล่ม : พฤจิกำ ประสานงานการผลิตรูปเล่ม : Aim Graphic House โทรศัพท์ ๐๘๑-๖๒๖-๙๑๒๓ โทรสำร ๐-๒๘๘๓-๖๑๒๑ พิมพ์ที่ : บริษัท เอ.พี.  กราฟิคดีไซน์และการพิมพ์ ๑/๘ หมู่ที่ ๔ ต.บำงขนุน อ.บำงกรวย จ.นนทบุรี ๑๑๑๓๐ โทรศัพท์ ๐-๒๔๙๗-๖๘๔๐-๓ โทรสำร ๐-๒๔๙๗-๖๘๔๔ จัดจ�ำหน่ำยโดย : บริษัท  อมรินทร์  บุ๊ค  เซ็นเตอร์  จ�ากัด ๑๐๘ หมูท่ ี่ ๒ ถ.บำงกรวย-จงถนอม ต.มหำสวัสดิ ์ อ.บำงกรวย จ.นนทบุร ี ๑๑๑๓๐ โทรศัพท์ ๐-๒๔๒๓-๙๙๙๙ โทรสำร ๐-๒๔๔๙-๙๒๒๒, ๐-๒๔๔๙-๙๕๐๐-๖ Homepage: http://www.naiin.com ราคา  ๔๒๐  บาท



ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ การกระท�ำของคนเรามักจะส่งผลต่อชีวิตของคนคนนั้นไม่ช้าก็ เร็ว  ไม่ว่าจะเป็นการท�ำดีหรือท�ำชั่ว  และแม้จะไม่ได้รับผลจากการ กระท�ำในชาติภพนี ้ แต่กอ็ าจจะได้รบั ในชาติภพหน้า  ไม่มใี ครหลีกหนี จากกฎแห่งกรรมได้...ตัวละครในนวนิยายเรื่องนี้ก็เช่นกัน  ‘พงศกร’  จะพาทุกท่านไปสัมผัสกับความสนุกสนานครัง้ ใหม่  ที่ เต็มไปด้วยความลึกลับและความรักที่มาพร้อมกับความสวยงามและ แรงริษยา  ในนวนิยายเรือ่ ง  ‘กุณฑลสวาท’  ซึง่ เป็นนวนิยายในชุดเครือ่ ง ประดับอาถรรพณ์  ทีจ่ ะมีทงั้ หมดสีเ่ รือ่ งได้แก่  ก�ำไลมาศ  กุณฑลสวาท ธ�ำมรงค์เลือด  และสร้อยพระศอ  โดยเรือ่ งแรกนัน้ ตีพมิ พ์และถูกถ่ายทอด เป็นละครโทรทัศน์ไปเรียบร้อยแล้ว  ส่วนสองเรือ่ งหลังนัน้ ยังไม่ได้ตพี มิ พ์ แต่กรูฟ๊   พับลิชชิง่   สัญญาว่าจะคอยติดตามและเป็นก�ำลังใจให้คณ ุ หมอ นักเขียนลงมือเขียนโดยไว  เพื่อที่นักอ่านทุกท่านจะได้ไม่ต้องอดทน รอคอยกันเนิ่นนาน หวังว่าทุกท่านจะมีความสุขกับผลงานใหม่ของ  ‘พงศกร’  และ กรู๊ฟ  พับลิชชิ่ง  เหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา  อรรถรัตน์  จันทรวรินทร์ บรรณาธิการทีป่ รึกษา ส�ำนักพิมพ์  กรูฟ๊   พับลิชชิง่   ในเครือบริษทั   กรูฟ๊   พับลิชชิง่   จ�ำกัด


ค�ำน�ำนักเขียน กุณฑลสวาท  เป็นนวนิยายในชุดเครื่องประดับอาถรรพณ์  ซึ่ง มีทั้งหมดสี่เรื่องได้แก่  ก�ำไลมาศ  กุณฑลสวาท  ธ�ำมรงค์เลือด  และ สร้อยพระศอ  ซึ่งนวนิยายทั้งสี่เรื่องนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวเนื่องกันอย่าง แนบแน่น  ผู้อ่านจึงสามารถเลือกอ่านเรื่องใดก่อนหลังก็ได้  หรือจะ อ่านบางเรือ่ ง  ไม่ครบทัง้ สีเ่ รือ่ งก็สามารถท�ำได้  ด้วยทุกเรือ่ งจบสมบูรณ์ ในตัวเอง กุณฑลสวาทเกิดขึน้ ด้วยเหตุผลหลักๆ  ๒  ประการ  ประการแรก กล่าวคือหลายปีก่อน  ผมได้ต่างหูโบราณข้างหนึ่งมาไว้ในครอบครอง เป็นต่างหูทองค�ำที่ลวดลายละเอียดลออ  มียอดที่ว่างเปล่าคล้ายกับ ครั้งหนึ่งเคยมีอัญมณีประดับอยู่  ผมเกิดค�ำถามในใจว่า...ต่างหูเป็น เครื่องประดับที่มีสองชิ้นใช้คู่กัน  แล้วต่างหูโบราณอีกข้างหนึ่งไปอยู ่ เสียที่ไหน  จินตนาการเริ่มท�ำงานจนเกิดเป็นนวนิยายเรื่อง  ‘กุณฑล- สวาท’  ซึ่งใช้ฉากหลังเป็นเวียงสมมติทางภาคเหนือ  ชื่อเวียงระกา และเวียงอื่นๆ  อีกสองสามแห่ง  คือ  เวียงกาขาว  เวียงไชยค�ำ  และ เวียงขวัญหล้า เหตุผลประการที่สองคือ  ผมเชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ดังเช่นชาวพุทธส่วนมากเชื่อ  จากพระไตรปิฎกเราจะเห็นว่าพระพุทธ- ศาสนาพูดถึงชาติภพเอาไว้นานแล้ว  ประกอบกับเมื่อได้อ่านหนังสือ เรื่อง  Only  love  is  real  ของ  Dr.Brian  L.  Weiss  ที่กล่าวถึงการ กลับชาติมาเกิดผ่านกระบวนการพิสจู น์ทางการแพทย์  ท�ำให้คนทีไ่ ม่เคย เชื่อเรื่องของชาติภพเกิดความตระหนักว่ายังมีเรื่องราวอีกมากที่อยู่ นอกเหนือจากค�ำอธิบายทางวิทยาศาสตร์  และนีจ่ งึ เป็นอีกหนึง่ เหตุผล หลักที่ผมน�ำเรื่องของชาติภพ  การเกิดใหม่  มาประกอบกันเข้าเป็น


จินตนิยายเรื่องนี้ เนื่องจากเวียงทั้งหลายที่ปรากฏในกุณฑลสวาทเป็นเพียงเวียง สมมติ  ก�ำหนดอายุของเวียงเหล่านัน้ ให้อยูใ่ นช่วงระหว่าง  ๘๐๐-๑,๐๐๐ ปีก่อน  ทั้งยังไม่ใช่เวียงที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์  ผมจึงจินตนาการ วิธีพูด  วิธีแต่งกายของผู้คนในเวียงแห่งนั้นขึ้นมาใหม่ทั้งหมด  ไม่ใช่ ทั้งล้านนาและล้านช้าง  ชื่อของตัวละครก็เป็นชื่อสมมติที่อาจมีบางชื่อ บางนามที่ฟังดูแปร่งหู  ส่วนภาษาเหนือที่ใช้ในนวนิยายเรื่องนี้ผมใส่ ไว้เพียงเล็กน้อยพอเป็นบรรยากาศเท่านั้น  ดังนั้น  ผู้อ่านที่มีความรู ้ ความช�ำนาญในประวัติศาสตร์ล้านนา  และเป็นคนเหนือแท้ๆ  อาจจะ พบว่ามีบางบทบางตอนทีท่ ำ� ให้ขดั อกขัดใจอยูบ่ า้ ง  ผมก็ขออภัยมา  ณ ที่นี้ ส�ำหรับชื่อค�ำลือไท  หอมค�ำหล้า  และฟ้าค�ำหยาด  รวมถึง ตัวละครอื่นๆ ในเรื่อง  เป็นเพียงชื่อสมมติที่ผมตั้งขึ้นมาเอง  เพราะ ตัวละครทั้งหมดในกุณฑลสวาทอยู่ในเมืองที่ไม่มีอยู่จริง  ชื่อของพวก เขาจึงไม่เหมือนกับชื่อของเจ้านายที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์  ค�ำลือไทหมายถึงบุรุษผู้มีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือ  หอมค�ำหล้า หมายถึงนางผู้มีกลิ่นหอมจนเป็นที่กล่าวขานถึงไปทั่วทั้งหล้า  และ ฟ้าค�ำหยาดหมายถึงนางผูม้ คี วามงดงามราวหยาดมาจากฟากฟ้า  หาก น�ำชื่อเหล่านี้มาเปรียบเทียบกับภาษาเหนือหรือภาษาถิ่นที่มีอยู่ใน ปัจจุบัน  อาจเข้าใจไปได้ว่าชื่อเหล่านี้ไม่มีความหมาย  หากทั้งหมดนี ้ เป็นเพราะผู้เขียนนึกสนุกและอยากสร้างค�ำใหม่ๆ ขึ้นมาเท่านั้น  มิได้ มีเจตนาจะท�ำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดแต่อย่างใด หวังว่าท่านผู้อ่านจะสนุกกับเรื่องราวที่ด�ำเนินไปใน  กุณฑล- สวาท  ครับ  หวังว่า  ‘สาร’  ที่ผมพยายามจะสอดแทรกอยู่ในเรื่อง  จะ ท�ำให้ท่านผู้อ่านได้หันมามองการกระท�ำของตนในปัจจุบันว่า  สิ่งใดที ่


เกิดขึ้นแล้วนั้น  ย่อมส่งผลถึงอนาคตเหมือนกับห่วงโซ่ที่เกี่ยวเนื่อง กันไป   ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านนะครับ  ขอบคุณนิตยสารสกุลไทย และคุณนรีภพ  สวัสดิรักษ์  บรรณาธิการนิตยสารสกุลไทย  ที่ดูแล กุณฑลสวาทเป็นอย่างดีตลอดระยะเวลาที่ลงตีพิมพ์  กุณฑลสวาท คือนวนิยายของพงศกรเรื่องสุดท้ายในสกุลไทย  ก่อนที่นิตยสารจะปิด ตัวลงไปในเดือนตุลาคม  พ.ศ.๒๕๕๙   เป็นเวลาถึง  ๑๕  ปีเต็ม  ทีผ่ ม ได้ร่วมงานกับสกุลไทย  นับจากนวนิยายเรื่องแรก  ปริศนาเลศ  ตอน ทะเลราตรี  ลงตีพมิ พ์เมือ่ ปี  พ.ศ.๒๕๔๔  จนถึงวันนีผ้ มมีนวนิยายลงใน สกุลไทยทัง้ หมด  ๑๗  เรื่องด้วยกัน หากนวนิยายเรื่องนี้จะมีความดีใดๆ อยู่บ้างแม้เพียงเล็กน้อย ผมขอมอบให้กับคุณพ่อและคุณแม่ผู้สนับสนุนให้ผมได้เป็นผมอย่าง เช่นทุกวันนี้  แต่ถ้าหากกุณฑลสวาทจะท�ำให้ท่านผู้อ่านขุ่นเคืองไม่ว่า จะด้วยเหตุใด  ‘พงศกร’  ก็ขออภัยและน้อมรับความผิดนั้นไว้แต่เพียง ผู้เดียว

‘พงศกร’       กันยายน  ๒๕๕๙



สิง่ ทีป่ รากฏตรงหน้านัน้ เป็นโค้งน�ำ้ ทีง่ ดงามราวกับภาพวาด  จากเนินเขาที่ชายหนุ่มยืนอยู่  แลเห็นสายน�้ำสีเขียวมรกตที่ทอดยาว ไปในอ้อมอกของขุนเขา  แมกไม้สองข้างของแม่น�้ำสายน้อยเบียด เสียดกันแน่นขนัด  บางต้นออกดอกสีชมพูหวานแซมด้วยสีส้มเพลิง ของหางนกยูง ร่างสูงล�่ำสันในชุดแต่งกายรัดกุมมองดูภาพข้างหน้าอย่าง พึงใจ  นับเป็นชัยภูมิที่เหมาะส�ำหรับจะสร้างเวียงขึ้นมาใหม่  แม้อยู่ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเวียงเดิมนัก  หากมีวงล้อมของขุนเขาสล้างโอบไว้ รอบทิศ...เป็นปราการธรรมชาติทจี่ ะป้องกันไม่ให้ทหารของพวกเวียง กาขาวบุกเข้ามาได้โดยง่าย เขาพยักหน้ากับตนเองอย่างพึงพอใจ  ในมือก�ำวัตถุอย่างหนึง่ แสงสีทองส่องสะท้อนกับนวลแสงจันทร์เกิดเป็นประกายเหลืองอร่าม ...ต่างหู... เป็นต่างหูหนึ่งข้างที่ท�ำจากทองค�ำบริสุทธิ์  รูปทรงคล้ายยอด มงกุฎ  ลวดลายฉลุทองค�ำละเอียดอ่อนบอกถึงความประณีตบรรจง กุณฑลสวาท  9


ของช่าง  ด้านบนฝังทับทิมเม็ดเขื่อง  สีแดงเข้มนั้นแลดูเรืองเรื่อ ท่ามกลางสีเงินยวงของรัศมีจนั ทร์ แล้วก่อนทีเ่ ขาจะทันรูส้ กึ ตัว  มือข้างนัน้ ก็ขว้างต่างหูขา้ งนัน้ ลง ไปในท้องน�ำ้ เบือ้ งหน้า... ...ฝังรัก  ฝังหัวใจ  ไว้ตรงนี้ ฝากนที  ฝากฝัง  ยังผืนผา เป็นหลักสล้าง  สร้างเวียง  ใหม่ขนึ้ มา ฝากเจ้าหล้า  ฝากไว้  ในนิรนั ดร์... เสียงขับล�ำน�ำหวานเศร้าลอยมากับลมราตรี  เขาเลือกแล้วว่าจะ ก่อร่างสร้างเวียงใหม่ขนึ้ ตรงนี.้ ..ตรงทีเ่ ขาฝังหัวใจรักเอาไว้ในนิรนั ดร์... ครัง้ นีเ้ ขาสามารถเอาชนะศัตรูได้  หากท�ำให้ผคู้ นบาดเจ็บล้มตาย ไปเป็นจ�ำนวนมาก  นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด  หากการสูญเสียเหล่านัน้ เทียบไม่ได้แม้สกั นิดกับชีวติ ของนาง อันเป็นทีร่ กั ... เจ้าหล้า...เป็นเพราะความขลาดเขลาเบาปัญญาของพี่แท้ๆ ทีท่ ำ� ให้นอ้ งต้องมาจบชีวติ ลง  หมดสิน้ พระนางนาฏ  ก็เหมือนกับเขาขาดดวงใจ การมีชวี ติ อยูเ่ พียงร่างกายทีป่ ราศจากหัวใจนัน้   เป็นเรือ่ งยาก เสียเหลือเกิน  วันแต่ละวันผ่านไปอย่างเชือ่ งช้า  หน้าทีท่ ำ� ให้เขาต้อง คอยบัญชาการก่อร่างสร้างเวียงขึน้ มาใหม่ เขาได้แต่หวังว่า  สักวันจะได้พบกับเจ้าหล้าอีกครัง้ หนึง่ “ไม่มีทาง”  เสียงเสนาะใสของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาจากทาง ด้านหลังของเขา  ถ้อยวาจานั้นแฝงร่องรอยหยามหยัน  “เจ้าพี่ไม่ม ี วันสมหวัง  ฝันไปเถิดว่าเจ้าพีจ่ ะได้พบกับเจ้าหล้าอีก  ถึงได้พบกัน... เจ้าหล้าก็จะไม่มวี นั รักเจ้าพี”่ 10  ‘พงศกร’


“เจ้ารู้ได้อย่างไร”  เขาพยายามจะมองหน้าของหญิงสาวร่าง โปร่งระหงที่สวมซิ่นยาวกรอมเท้า  หากเหมือนกับมีเงาอะไรบาง อย่างบดบัง  ท�ำให้แลเห็นไม่ถนัด “เจ้ า พี่ ก็ รู ้ ดี อ ยู ่ แ ก่ ใ จ”  เสี ย งที่ ต อบมามี ร ่ อ งรอยเยาะหยั น เหมือนกับประกายตาคูค่ ม  “เจ้าหล้าชังเจ้าพีย่ งิ่ กว่าสิง่ ใด” “ไม่จริง”  เขาเถียง  “เจ้าหล้ากับข้า...เรารักกัน” “แต่กอ่ นอาจจะเป็นเช่นนัน้   หากบัดนีเ้ จ้าหล้าชังน�ำ้ หน้าเจ้าพี่ ยิ่งนัก  ดูเอาเถิด  แม้แต่ศพก็ยังไม่ยอมโผล่มาให้เห็น”  สตรีผู้นั้น แสยะยิม้   ประกายตาทีซ่ อ่ นอยูใ่ นความมืดนัน้ สว่างเรืองราวถ่านไฟ “ไม่จริง”  เขาเถียง  ความรู้สึกในขณะนั้นเต็มไปด้วยความ เจ็บแค้นสุมแน่นอก  จนหายใจแทบไม่ได้  “เจ้าหล้าเข้าใจผิด  เพราะ แผนการอันชัว่ ร้ายของเจ้า” “อยากจะคิดเช่นนั้นก็ตามใจ”  เธอหัวเราะเสียงแหลมเล็ก รอบกายของเขาสลัวรางลงโดยกะทันหัน  ท่ามกลางความรางเลือน ของแสง  ชายหนุ่มแลเห็นเขี้ยวขาวเล็กๆ ที่สองข้างมุมปาก  เหมือน กับเขีย้ วของอสรพิษร้าย “แต่ข้าเจ้าขอบอกเจ้าพี่เอาไว้ตรงนี้เลยว่า  ไม่มีวันที่เจ้าพี่จะ สมหวังในความรัก”  เสียงนัน้ แฝงร่องรอยเจ็บแค้นแน่นอก  “ไม่วา่ จะ เกิดชาติใดภพใด  ข้าเจ้าจะตามไปขัดขวาง  ตามไปท�ำลาย  ข้าเจ้า จะไม่ปล่อยให้เจ้าพีก่ บั เจ้าหล้ามีความสุขแน่ๆ” “ไม่มที างทีเ่ จ้าจะได้ทำ� อย่างนัน้ ”  รอยยิม้ ของเขาเหีย้ มเกรียม กว่า  “ไม่มีทางที่เจ้าจะได้ผุดได้เกิด  ไม่มีทางที่เจ้าจะได้ไปท�ำร้ายไผ อีก  ข้าจะฝังเจ้าไว้ทนี่ ตี่ ลอดกาล...ทหาร...” ร่างสูงล�่ำสันหันไปเรียกทหารของเขา  ซึ่งซุ่มกายอยู่ในแนว ไม้พมุ่ อย่างแนบเนียน กุณฑลสวาท  11


“จับนางไป” สิน้ ค�ำสัง่ ของเขา  ทหารสองนายก็ตรงเข้ามาลากแขนของสตรี ร่างผอมบาง  เพือ่ จะน�ำออกไปจากบริเวณนัน้ “ปล่อยเรานะ...เราคือแม่เจ้าเวียงระกา  พวกเจ้าจะบังอาจ เกินไปแล้ว  เอามือสกปรกออกไปเดีย๋ วนี”้ “ไม่ต้องสนใจ  นางไม่ใช่แม่เจ้าอีกต่อไป”  เสียงของเขาตวาด กร้าว  “เอาตัวไปกลางเวียงใหม่...มัดเสียให้แน่น  จากนั้นเราจะตาม ไปจัดการด้วยตนเอง  คนนิสัยแบบนี้จะปล่อยเอาไว้เป็นเยี่ยงอย่าง มิได้” “ไม่นะ...”  เสียงกรีดร้องโหยหวนราวทราบชะตากรรมของ ตนเอง  ร่างระหงที่สวมซิ่นยาวกรอมเท้าดิ้นรนปัดป่าย  “ปล่อยเรา... เจ้าพีจ่ ะท�ำเช่นนัน้ ไม่ได้” “เอาตัวนางไป”  เขาตวาดซ�้ำ  เมื่อเห็นท่าทางละล้าละลังของ ทหารทัง้ สอง “เจ้าพี่...”  ดวงตาที่สตรีผู้นั้นจ้องมายังเขา  เต็มไปด้วยความ อาฆาตมาดร้าย  “จิตใจของเจ้าพี่ท�ำด้วยอะไร  เหตุไฉนจึงเหี้ยมโหด ยิง่ นัก” “หาว่าเราเหี้ยมโหดอย่างนั้นหรือ”  เขาจ้องมองหญิงงามตรง หน้าราวจะกินเลือดกินเนื้อ  ความอึดอัดคับข้องพุ่งขึ้นมาจนแน่นอก “ความเหี้ยมโหดของเรามีมิได้ครึ่งหนึ่งของเจ้าหรอก  ฟ้าค�ำ...ยังจ�ำ สิง่ ทีเ่ จ้าท�ำกับเจ้าหล้า  กับผูค้ นของเวียงระกาได้หรือไม่” “นั่นก็สมควรแล้ว...หรือมิใช่...กับสิ่งที่เวียงระกาท�ำกับเวียง กาขาว”  น�ำ้ เสียงยอกย้อนท�ำให้เขาโมโหจนดวงหน้าคมสันแดงก�ำ่ “แต่เจ้าก็ไม่สมควรดึงคนอืน่ เข้ามาเกีย่ วข้องด้วย”  เขาตวาด “เราไม่สน”  ดวงหน้าสวยหวานเชิดสูง  “ผู้ใดเกี่ยวข้องกับ 12  ‘พงศกร’


เวียงระกา  ล้วนต้องมีสว่ นชดใช้ทงั้ สิน้ ” “หมดเวลาของเจ้าแล้ว”  เขาขบกรามแน่น  “ถึงเวลาที่เจ้าจะ ต้องชดใช้ในสิง่ ทีก่ ระท�ำลงไปเสียที” “ในเมื่อเราเป็นผู้แพ้  ผู้ชนะอย่างเจ้าพี่อยากท�ำอะไรก็ท�ำเลย เพราะถึงอย่างไร...ข้าเจ้าก็จะไม่มีวันให้อภัยเจ้าพี่  เราขอสาปแช่ง เจ้าพี ่ สาปแช่งเวียงระกา...”  สตรีผู้นั้นร้องเสียงแหลมเล็ก  แม้ทหารทั้งสองนายจะลาก นางไปแล้วตามค�ำสั่งของเขา  หากเสียงกรีดร้องของหญิงสาวยังคง สะท้อนก้องกลับไปกลับมาทั่วทั้งบริเวณ  ถ้อยค�ำอาฆาตของเธอ ท�ำให้ชายหนุม่ ถึงกับขนลุกด้วยความหวาดหวัน่ “สถานที่แห่งนี้จะท�ำกิจใดก็ขอให้ไม่ส�ำเร็จสมใจหมาย  ขอ ให้ผคู้ นทีเ่ กีย่ วข้องมีแต่ความวุน่ วายรุม่ ร้อนใจ  หาความสุขไม่ได้  ขอ อย่าได้มคี วามเจริญใดๆเลย...เจ้าพีจ่ งจ�ำเอาไว้...จ�ำไว้จนวันตาย!” “โอ๊ย...” ร่างสูงใหญ่ที่นอนหลับสนิทอยู่นั้นผุดลุกขึ้นในทันใด  ภาพ ความฝันและเสียงกรีดร้องโหยหวนนัน้ ยังติดหูของเขา  ต่อพัฒน์เหงื่อโซมกาย  หัวใจเต้นรัวเร็ว  หายใจหอบเหนื่อย ราวกับวิ่งมาเป็นระยะทางไกล  เขาบอกตัวเองว่าภาพที่เห็นเมื่อสัก ครูเ่ ป็นเพียงความฝันเท่านัน้ “เฮ้อ...”  เมื่อตระหนักว่าไม่ใช่เรื่องจริง  เขาก็ถอนใจออกมา ยืดยาว  ยกหลังมือขึน้ ปาดเหงือ่ เม็ดเล็กทีผ่ ดุ พรายขึน้ บนหน้าผาก เอาอีกแล้วหรือ...นีน่ บั เป็นอีกครัง้ หนึง่ ทีเ่ ขาฝันถึงเรือ่ งนี.้ ..เป็น ความฝันประหลาดซ�ำ้ ๆเดิมๆ  เรือ่ งราวเดิม  ตัวละครเดิม... ในความฝันเขาจะกลายเป็นใครคนหนึง่ ซึง่ แต่งกายด้วยเสือ้ ผ้า กุณฑลสวาท  13


โบราณ  เหมือนภาพเขียนทีเ่ คยเห็นบนฝาผนังของวัดเก่าแก่ และในความฝั น อี ก เช่ น กั น ที่ จ ะมี ส ตรี ผู ้ ห นึ่ ง  สวมซิ่ น ยาว กรอมเท้า  ทอลวดลายงดงามด้วยฝีมอื ประณีต  สตรีผนู้ นั้ มีดวงหน้า งดงาม  หากดวงตาเต็มไปด้วยร่องรอยเจ็บแค้น  เธอจะคอยเฝ้า ติดตามสาปแช่งเขาไปทุกหนแห่งด้วยความอาฆาตมาดร้าย เคยเล่าให้พอ่ และแม่ฟงั   คุณเอกศักดิไ์ ด้แต่หนั ไปมองหน้ากับ คุณอนงค์นาฎผู้เป็นภรรยา  แล้วได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ  และบอกกับ บุตรชายคนโตว่าเขาคงจะท�ำงานหนักจนเก็บเอามาฝัน ‘ทีด่ นิ ตรงนัน้ เป็นเขตของเวียงเก่าไม่ใช่หรือ  พ่อว่าเพราะอย่าง นีห้ รือเปล่า...ต่อก็เลยเก็บเอามาฝันเป็นเรือ่ งเป็นราว’ ‘แต่...’  ต่อพัฒน์อ้าปากจะค้านว่าความฝันท�ำนองนี้  เกิดขึ้นตั้งแต่ เขาเรียนอยูท่ อี่ งั กฤษ  ก่อนหน้าจะซือ้ ทีด่ นิ ริมโค้งน�ำ้ นัน้ หลายปี ในเวลานั้น  ความฝันประหลาดจะมาเยือนเขาปีละครั้งหรือ สองครั้งเท่านั้น  เพิ่งจะมาเกิดขึ้นบ่อยๆ  ตอนที่พ่อตัดสินใจพัฒนา ทีด่ นิ จ�ำนวนนับร้อยไร่ทตี่ ำ� บลเวียงระกาเพือ่ สร้างเป็นรีสอร์ต  และส่ง เขาขึน้ มาควบคุมการก่อสร้างนีล่ ะ พ่อซื้อที่ดินผืนนี้ไว้เมื่อหลายสิบปีก่อนในราคาถูกเหลือเชื่อ ตอนนัน้ ทีด่ นิ รกชัฏ  เต็มไปด้วยต้นไม้ขนึ้ รกเรือ้   คุณเอกศักดิเ์ ก็บทีด่ นิ เอาไว้เฉยๆ  ไม่ได้คิดจะท�ำอะไรกับมัน  เพิ่งจะคิดท�ำรีสอร์ตก็ตอนที่ กระแสการท่องเทีย่ วเชิงอนุรกั ษ์เริม่ เป็นทีน่ ยิ ม หลังจากออกแบบอาคารจนเป็นที่พอใจของทุกคน  บริษัท รับเหมาก่อสร้างก็เริม่ ลงมือตัดร้างถางพง  ปรับทีด่ นิ ให้พร้อมส�ำหรับ การก่อสร้าง นั่นละที่คนงานขุดไปพบก�ำแพงเมืองเก่า  พบฐานรากของ 14  ‘พงศกร’


อาคารเก่าแก่ทำ� ด้วยอิฐอยูห่ ลายแห่ง  นอกจากนีย้ งั พบมีพระพุทธรูป เครื่องประดับที่ท�ำด้วยทองประดับอัญมณี  พบเครื่องใช้ไม้สอย จ�ำพวกมีดและขวาน  กับภาชนะดินเผากระจัดกระจายไปทัว่ ในทีด่ นิ ผืนนัน้   การก่อสร้างจึงหยุดชะงักไปนานเป็นปี  เพราะคุณเอกศักดิ์ ประสานไปยังจังหวัด  ขอให้ส่งผู้เชี่ยวชาญทางด้านโบราณคดีมา ตรวจสอบและขุดค้นเพิม่ เติม  จนได้ขอ้ สรุปว่าทีด่ นิ ทีพ่ อ่ ซือ้ เอาไว้เคย เป็นทีต่ งั้ ของชุมชนโบราณ  อายุอานามเก่าแก่อาจจะถึงพันปี ไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัดว่าเวียงแห่งนี้มีชื่อว่าอะไร  เท่าที ่ ตรวจสอบหลักฐานต่างๆ  นักโบราณคดีที่ลงพื้นที่สรุปว่าอาจจะเป็น เวียงระกาที่ปรากฏและมีการเอ่ยถึงในต�ำนานพื้นเมืองฉบับหนึ่งที่ พบในพับสา  โดยเทียบเคียงเอาจากสถานที่ตั้งซึ่งอยู่ริมโค้งแม่น�้ำ สายหลัก  ทัง้ ยังมีความสอดคล้องกับชือ่ ของต�ำบลในปัจจุบนั ราชการประกาศเวนคืนและกันที่ดินส่วนหนึ่งเอาไว้เป็นเขต โบราณสถาน  เพื่อที่จะได้ลงไปขุดส�ำรวจและท�ำการศึกษาทาง โบราณคดีต่อไปในอนาคต  เหลือที่ดินติดโค้งน�้ำประมาณห้าสิบไร่ หลังจากตริตรองโดยละเอียด  ปรึกษากับทนายความและนักกฎหมาย อย่างรอบคอบ  พ่อของเขาก็ตดั สินใจทีจ่ ะลงทุนกับทีด่ นิ ผืนนีต้ อ่ ‘จะดีหรือคะคุณ’  แม้จะผ่านการใคร่ครวญเป็นอย่างดีแล้ว หากอนงค์นาฎก็อดจะทักท้วงสามีมิได้  ‘เกิดในอนาคตทางราชการ ขุดพบอะไรเข้าอีก  และจะเวนคืนที่ดินเพิ่ม  จะไม่เป็นการลงทุนโดย เปล่าประโยชน์หรือคะ’ ‘ไม่หรอกน่ะ  เท่าที่ผมคุยกับทางท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัด คิดว่าที่ดินที่เวนคืนไปนั้นน่าจะครอบคลุมพื้นที่กว่า  ๘๐%  ของ เมืองเก่าแล้ว  ไม่น่ามีการเวนคืนหลังจากนี้อีก’  เอกศักดิ์ส่ายหน้า กุณฑลสวาท  15


‘ในอนาคตสถานที่ตรงนี้น่าจะดีมาก  เพราะนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว ชมเมืองก็จะสามารถพักทีร่ สี อร์ตของเราได้สบาย  อย่างกังวลไปเลย คุณนาฎ’  เมื่อภายในครอบครัวตกลงกันได้ลงตัว  ปัญหาใหม่ก็เกิดขึ้น เมือ่ บรรดาคนงานชุดแรกไม่ยอมท�ำงานต่อ  พวกเขากลัวทีจ่ ะท�ำงาน ในสถานที่ซึ่งเคยเป็นเวียงเก่าแก่  เดือดร้อนต้องหาคนงานชุดใหม่ จากต่างถิ่นเข้ามาท�ำงานต่อ  หลังจากได้คนงานครบตามจ�ำนวนที ่ ต้องการ  การก่อสร้างครัง้ ใหม่จงึ เริม่ ขึน้ ในไม่กเี่ ดือนหลังจากนัน้   อาคารของรีสอร์ตถูกออกแบบให้มีรูปทรงโคโลเนียลสองชั้น หลังคามุงด้วยกระเบื้องว่าวชิ้นเล็กๆ  หน้าจั่วมีกาแลประดับ  รูป ลักษณะเหมือนกับอาคารโบราณหลายแห่งที่ยังปรากฏให้เห็นใน พืน้ ที่ ระหว่างการก่อสร้างก็ยังมีการขุดพบวัตถุโบราณอยู่เรื่อยๆ ทั้งเครื่องถ้วยดินเผา  รูปปั้น  พระพุทธรูป  และเศษส่วนของเครื่อง ประดับ  คุณเอกศักดิ์สั่งเด็ดขาด  ห้ามคนงานเก็บของที่ขุดพบไว้ใน ครอบครอง  แต่จะต้องส่งมอบของทุกชิน้ ให้กบั ทางราชการ เมื่อมีการขุดพบของโบราณแบบนี้  บรรดาคนงานชุดที่สอง ก็เริ่มระส�่ำระสายกันอีกครั้ง  คนงานหญิงบางคนถูกผีเข้าแล้วพูด ออกมาเป็นเสียงคนแก่  คนงานบางคนได้ยินเสียงสะล้อซอซึงลอย มาตามลม  บางคนเห็นคนแต่งชุดโบราณเดินไปเดินมาอยู่ในแคมป์ ก่อสร้างยามพลบค�่ำ  สร้างความหวาดกลัวและเกิดเสียงซุบซิบกัน ไปทัว่ คนงานเริ่มทยอยกันลาออก  ที่เหลืออยู่ก็ท�ำงานกันอย่างไม่มี ความสุข  สุดท้ายแล้วทางบริษทั ต้องไปสร้างแคมป์แห่งใหม่ให้คนงาน 16  ‘พงศกร’


พักอยู่ข้างนอกพื้นที่  แถมยังต้องจ้างคนงานด้วยค่าแรงที่สูงกว่า ปกติถงึ สองเท่า  คนงานทีเ่ หลือจึงมีทา่ ทีทสี่ งบลง เรือ่ งวุน่ วายทัง้ หลายท�ำให้การก่อสร้างด�ำเนินไปช้ากว่าแผนที ่ วางไว้  ใช้เวลาเกือบสองปีกว่าที่โครงสร้างหลักต่างๆ จะเรียบร้อย แล้วก็มาถึงขัน้ ตอนของการตกแต่งภายใน ต่อพัฒน์มองว่าต่อไปรีสอร์ตนี้จะเป็นที่รองรับนักท่องเที่ยว ที่สนใจโบราณสถานและวัฒนธรรม  เขาจึงอยากตกแต่งภายใน อาคารและห้องพักด้วยข้าวของที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของผู้คนในยุค โบราณ แต่ด้วยความที่เขาเรียนออกแบบมาจากประเทศอังกฤษและ พื้นความรู้ทางประวัติศาสตร์ไทยมีอยู่เพียงน้อยนิด  เมื่อปรึกษากับ สถาปนิกที่เขียนแบบตัวอาคาร  อาจารย์นพพันธุ์จึงแนะน�ำเพื่อน รุน่ น้องของเขา  ทีม่ คี วามเชีย่ วชาญโบราณคดีลา้ นนาให้เข้ามาเป็นที่ ปรึกษา ‘สบันงาเก่งเรื่องนี้ที่สุดแล้ว  เชื่อเถอะว่าผมส่งมือดีที่สุดไปให้ คุณ...คุณต่อ’  นพพันธุร์ บั ประกัน ‘สบันงา...ผูห้ ญิงหรือครับอาจารย์’  ‘มีผู้ชายที่ไหนชื่อสบันงากันเล่า’  นพพันธุ์หัวเราะชอบใจ  เขา รูส้ กึ ถูกชะตากับชายหนุม่ รุน่ น้องคนนีต้ งั้ แต่พบกันครัง้ แรก  ต่อพัฒน์ เป็นชายหนุ่มทันสมัย  แต่ในขณะเดียวกันก็มีหัวอนุรักษ์นิยมเหมือน กับเขา ‘อาจารย์ไม่มีสถาปนิกผู้ชายในสังกัดบ้างเลยหรือครับ’  ต่อ- พัฒน์ขมวดคิ้ว  เริ่มเห็นเค้าลางของความยุ่งยากในอนาคตปรากฏ ร�ำไร ‘มีครับ  แต่ถ้าเป็นเรื่องเมืองเหนือละก็...เท่าที่ผมรู้จัก  ใน กุณฑลสวาท  17


วงการไม่มีใครเก่ง  ไม่มีใครช�ำนาญกว่าสบันงาอีกแล้ว  ผลงานก็ม ี ไม่ใช่น้อย’  อีกฝ่ายยืนยันความสามารถของหญิงสาวผู้นั้นด้วยการ เอ่ยชือ่ โรงแรมดังหลายแห่งในจังหวัดและกรุงเทพมหานคร  ทีส่ บันงา ออกแบบเอาไว้  ‘คุณมีอะไรกังวลหรือเปล่าครับ’ ‘เอ้อ...มะ...ไม่มีครับ’  ชายหนุ่มไม่อยากมีปัญหากับอรดี  แม้ จะไม่ได้คบกันลึกซึ้งขนาดเป็นแฟนก็ตาม  ‘ผมแค่กังวลว่า  ท�ำงาน กลางป่ากลางเขา  ไม่สะดวกสบาย  คุณสบันงาอะไรนั่นอาจจะไม่ ชอบ  เป็นผู้ชายอาจจะดีกว่า  แต่ถ้าอาจารย์คิดว่าเหมาะสม...ผมก็ ไม่มปี ญ ั หาครับ’ ด้วยเหตุนี้  หญิงสาวนามสบันงาที่ได้รับการทาบทามจาก อาจารย์นพพันธุ์แล้วจึงตกลงรับงานออกแบบตกแต่งภายในรีสอร์ต และนัดหมายที่จะขึ้นมาพบกับต่อพัฒน์เป็นครั้งแรกเพื่อพูดคุยกัน ถึงคอนเซปต์การท�ำงาน  แต่เขากลับลืมนัดหมายนีไ้ ปเสียสนิท  จนกระทัง่ เสียงโทรศัพท์ มือถือดังขึน้ นัน่ ละ “ต่อพัฒน์พูดครับ”  เขาเอื้อมมือไปกดรับ  พยายามท�ำเสียง ให้แจ่มใส  ทัง้ ทีค่ วามรูส้ กึ โดยรวมยังง่วงงัวเงียอยู่ “ฉัน...สบันงาค่ะ”  แม้จะแฝงร่องรอยหงุดหงิดจนปิดไม่มิด หากน�ำ้ เสียงปลายสายยังมีจงั หวะจะโคนน่าฟัง “คุณสบันงา...”  ต่อพัฒน์ยงั ไม่หายงง “ที่คุณนัดฉันไว้ยังไงคะ”  เขาได้ยินหญิงสาวถอนใจยาว  “นี ่ ฉันรออยู่ที่ร้านกาแฟในจังหวัด  เลยเวลานัดไปเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ตกลงคุณยังจะมาคุยงานกับฉันอยู่หรือเปล่าคะ  หรือคิดจะยกเลิก ถ้ายกเลิกฉันจะได้ไปท�ำอย่างอืน่ ...เวลาฉันไม่ได้มมี ากนักหรอกนะคุณ” 18  ‘พงศกร’


“อุบ๊ ” ต่อพัฒน์อทุ านเสียงดังด้วยความตกใจ ร่างสูงใหญ่  กระเด้งตัวเองขึน้ จากเตียงอย่างรวดเร็ว  นีเ่ ขาลืมไปเสียสนิทว่ามีนดั กับอินทีเรียสาวทีร่ า้ นกาแฟในตัวจังหวัด “อย่าบอกนะคะว่าคุณลืมนัดของเรา”  น�้ำเสียงของหญิงสาว คนนัน้ แฝงร่องรอยหงุดหงิด “ผมลืม”  ชายหนุม่ สารภาพตามตรง  ไม่มปี ระโยชน์อะไรทีจ่ ะ แก้ตวั   “ผมขอโทษ...คุณรอหน่อยได้ไหม  ขอเวลาผมไม่เกินหนึง่ ชัว่ โมง” จากบ้านพักของเขาขับรถเข้าจังหวัด  ระยะทางไม่เกินสามสิบ กิโลเมตร  หากรถไม่ตดิ ใช้เวลาขับรถไม่เกินครึง่ ชัว่ โมง “ชั่วโมงเดียวนะคะ”  สบันงาถอนใจยาว  นี่ขนาดยังไม่ได้ร่วม งานกันเขายังเหลวไหลขนาดนี้  ถ้าร่วมงานกันจริงๆ จะเป็นเช่นไร “ฉันจะรอคุณอีกหนึง่ ชัว่ โมงเท่านัน้   ถ้ายังมาไม่ถงึ   ฉันจะกลับกรุงเทพ ละ” “ครับผม  จะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย”  ชายหนุ่มตอบและรีบกดวาง สาย  ก่อนจะวิ่งเข้าห้องน�้ำ  ล้างหน้าแปรงฟันอย่างรวดเร็ว  ใช้เวลา กุณฑลสวาท  19


ทัง้ สิน้ ไม่ถงึ สิบนาที “คุณต่อ”  เสียงป้ามลเรียกเอาไว้  เธอเป็นแม่บ้านที่เลี้ยงต่อ- พัฒน์มาตั้งแต่เล็ก  เมื่อชายหนุ่มต้องขึ้นมาอยู่ที่ต�ำบลเวียงระกา แห่งนี้เพื่อควบคุมการก่อสร้างรีสอร์ต  มารดาของเขาก็ส่งป้ามลมา ด้วย  “จะรีบออกไปไหนคะ  ทานอาหารเช้าก่อน” “ไม่ทันแล้วครับ  ผมมีนัดคุยเรื่องงานในเมือง”  ต่อพัฒน์หัน มาบอกคุณแม่บ้าน  “คงกลับมาถึงตอนค�่ำๆ  ยังไงจะโทรมาบอกป้า นะครับว่าจะกลับมาทานข้าวหรือเปล่า” “ขับรถดีๆ นะคะ  อย่ารีบร้อนมากนัก” เสียงป้ามลตะโกนแว่วมาให้ได้ยนิ   หากต่อพัฒน์มวั แต่รบี ร้อน จนไม่ได้สนใจค�ำเตือนด้วยความหวังดีของคุณแม่บา้ น เขาขับรถโฟร์วีลคันใหญ่ผ่านบริเวณที่คนงานก�ำลังขุดดิน กันอยูอ่ ย่างขะมักเขม้น  ต่อพัฒน์ลดกระจกลงโบกมือให้กบั หนานลอย หัวหน้าคนงานอายุห้าสิบปี  พร้อมกับส่งยิ้มให้เขา  หนานลอยเป็น ชาวบ้านในละแวกนี้  นับเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงส�ำคัญที่ช่วยควบคุม ให้การก่อสร้างด�ำเนินไปตามก�ำหนดเวลา “ฝากด้วยนะลุง  ผมเข้าไปธุระในเมืองหน่อย” “ไม่ต้องห่วงครับนาย”  หนานลอยเรียกเขาว่านาย  “วันนี้ คนงานอีกกลุม่ จะไปท�ำเขือ่ นริมน�ำ้   สักสัปดาห์หนึง่ คงเสร็จเรียบร้อย” ต�ำแหน่งที่ดินของเขาอยู่บริเวณโค้งน�้ำที่คดเคี้ยว  แม้กระแส น�้ำในแม่น�้ำสายใหญ่จะไม่ได้พุ่งมาปะทะโดยตรง  หากเพื่อความ ปลอดภัยวิศวกรโครงการจึงแนะน�ำให้สร้างเขือ่ นคอนกรีตทีร่ มิ น�ำ้ เอา ไว้ดว้ ย สองข้างทางนั้นร่มรื่นไปด้วยร่มหางนกยูง  ยามเมื่อสายลม พั ด ผ่ า น  ดอกสี ส ้ ม เพลิ ง ก็ ค ่ อ ยๆ โรยตั ว ลงมาจากล� ำ ต้ น สู ง ใหญ่ 20  ‘พงศกร’


กระจัดกระจายเกลื่อนถนน  มองดูเผินๆ  ราวกับพื้นถนนนั้นถูกปู ด้วยพรมสีสด โชคดีที่เป็นวันธรรมดาและไม่ใช่เวลาเลิกงาน  รถราในท้อง ถนนจึงไม่คับคั่งมากมายนัก  ใช้เวลาไม่ถึงสี่สิบห้านาทีนับจากกด วางโทรศัพท์ไป  ต่อพัฒน์ก็เลี้ยวรถเข้ามาจอดในบริเวณลานหน้า ร้านกาแฟอันเป็นจุดนัดหมาย มีผู้คนในร้านไม่มาก  ต่อพัฒน์ไม่เคยพบกับสบันงามาก่อน หากเขาเดาเอาว่าน่าจะเป็นหญิงสาวรูปร่างโปร่งระหงในชุดเสื้อ กระโปรงติดกันแบบทันสมัยที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะริมกระจก  ดวงหน้าของ เธอสวยหวาน  ผมด�ำสนิทเกล้าเป็นมวยไว้ที่ท้ายทอย  และผิวของ เธอขาวสะอาดอย่างคนเหนือ  “คุณ...สบันงาใช่ไหมครับ”  เขาเดินตรงเข้าไปทักอย่างมัน่ ใจ “ค่ะ”  เธอพยักหน้าตอบด้วยท่าทีเรียบง่าย  สบันงายกนาฬิกา ขึน้ ดูและเอ่ยขึน้ ด้วยน�ำ้ เสียงชาเย็นว่า  “ยังไม่เกินหนึง่ ชัว่ โมง...นับว่า คุณรักษาค�ำพูดได้ดมี าก” เมือ่ ดวงตาของเขาและเธอสบกันโดยบังเอิญ  ใจของต่อพัฒน์ เหมือนกระตุกวูบ  ในหัวมีภาพของหญิงสาวในชุดเครื่องแต่งกาย โบราณวาบผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ  ก่อนจะจาง หายไปโดยไม่ทงิ้ ร่องรอยอะไรเหลือไว้ในความทรงจ�ำ สบันงาเองก็คงเกิดความรู้สึกอะไรบางอย่างเช่นกัน  เขาเห็น เธอชะงักไปนิดหนึง่   แก้มสองข้างมีสเี ลือดซ่านขึน้ มา  ก่อนทีห่ ญิงสาว จะมองเมินไปทางอืน่ “ผมเป็นคนรักษาค�ำพูดเสมอ”  เขาเอ่ยอย่างหนักแน่น  “และ ปกติผมก็ไม่ใช่คนผิดนัดด้วย  ไม่เชือ่ คุณถามคุณนพพันธุด์ กู ไ็ ด้” “ไม่ต้องหรอกค่ะ  คุณมาแล้วก็โอเคแล้วละ...มาคุยเรื่องงาน กุณฑลสวาท  21


กันเลยดีกว่าค่ะ  ฉันมีเวลาไม่มาก”  สบันงาเอือ้ มมือไปหยิบคอมพิว- เตอร์โน้ตบุก๊ ของเธอขึน้ มาเปิด “คุณกลับกรุงเทพวันนีเ้ ลยหรือครับ”  ต่อพัฒน์ถาม “ไฟลต์สดุ ท้ายประมาณสีท่ มุ่ ค่ะ”  สบันงาตอบโดยไม่เงยหน้า ขึ้นมาจากจอคอมพิวเตอร์  เขาเพิ่งสังเกตเห็นเก็ดถวาที่หญิงสาว เสียบไว้ทมี่ วยผม  กรุน่ หอมหวานของมันรวยรินอยูใ่ นอณูอากาศโดย รอบ  และดูจะหอมแรงมากขึน้ ยามทีห่ ล่อนขยับตัว  “ฉันมีงานทีส่ มาคมสถาปนิกสยามพรุง่ นีเ้ ช้า” “คุณคงพอทราบรายละเอียดจากคุณนพพันธุ์มาคร่าวๆ แล้ว ว่า  ครอบครัวของผมก�ำลังท�ำรีสอร์ต”  ต่อพัฒน์หยิบแฟ้มงานของ เขาออกมาจากกระเป๋าบ้าง  หลังจากหันไปสั่งกาแฟกับบริกรหนุ่ม เรียบร้อย  เขาก็หนั กลับมาอธิบายต่อ “หลังจากเริ่มลงมือก่อสร้างไปได้เล็กน้อย  เราเริ่มขุดพบซาก ก�ำแพงเมืองและวัตถุโบราณกระจัดกระจายอยูท่ วั่ ไป  พอกรมศิลปากร เข้ามาตรวจสอบก็เลยสันนิษฐานว่าบริเวณนัน้ เป็นทีต่ งั้ ของเมืองเก่า ชือ่ เวียงระกา” “ชื่อเดียวกับต�ำบลเลยนะคะ...ฉันพอทราบมาจากพี่นพพันธุ์ ก็เลยท�ำการบ้านมาบ้างแล้ว”  น�ำ้ เสียงของสบันงาดูภมู ใิ จกับสิง่ ทีต่ น ค้นคว้ามา  หญิงสาวหันจอคอมพิวเตอร์มาทางต่อพัฒน์  เปิดภาพ ให้ชายหนุม่ ดูพร้อมกับอธิบายว่า “เวียงระกาเป็นเมืองโบราณทีย่ งั ระบุรายละเอียดไม่ได้วา่ สร้าง ขึ้ น เมื่ อ ใด  และล่ ม สลายลงไปด้ ว ยเหตุ ใ ด  แต่จ ากอายุข องวัตถุ โบราณทีพ่ บคาดว่าเวียงระกามีอายุเก่าแก่กว่าเวียงกุมกาม...อาจจะ ร่วมสมัยกับหิรัญนครเงินยางเชียงแสน...ฉะนั้น  ถ้าคุณอยากให้ฉัน ตกแต่งภายในให้บรรยากาศเข้ากับเมืองโบราณละก็...ฉันขอเสนอว่า 22  ‘พงศกร’


เราน่าจะจับเอาศิลปะยุคเชียงแสนเป็นตัวตั้ง  ส่วนรายละเอียดอื่นๆ เราคงต้องคุยกันอีกหลายครัง้ ” “ตกลงคุณรับงานนีใ้ ช่ไหมครับ”  ต่อพัฒน์เบิกตากว้าง  วางแก้ว กาแฟที่เพิ่งรับมาจากบริกรลงรวดเร็ว  สีหน้าท่าทางของชายหนุ่ม แสดงอาการดีใจจนปิดไม่มดิ ตอนแนะน�ำสบันงาให้ท�ำงานชิ้นนี้  อาจารย์นพพันธุ์บอกกับ เขาว่า ‘ไอ้แบม...เอ้อ...ผมหมายถึงสบันงาน่ะ...เป็นคนติสต์แตก อยากท�ำงานไหนก็ท�ำเลย  ตั้งใจท�ำเป็นอย่างดีด้วย...ถึงแม้จะได้เงิน น้อยมันก็ไม่สน  แต่ถา้ ไม่อยากท�ำงานชิน้ ไหนละก็  ต่อให้เจ้าของเอา เงินมากองตรงหน้าก็ไม่ยอมท�ำ’  สถาปนิกหนุม่ ทีอ่ อกแบบอาคารให้ เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ด ี ‘ฉะนัน้   คุณคุยให้ดๆี ก็แล้วกัน’ ‘เรื่องมากอย่างนี้  อาจารย์หาคนใหม่ให้ผมได้ไหม’  ต่อพัฒน์ ไม่วายกังวล ‘อย่างที่บอกไปแล้ว’  นพพันธุ์เน้น  ‘ถ้าอยากได้งานดีมีฝีมือ ต้องสบันงาคนเดียวเท่านั้น  ลองคุยกันก่อนแล้วกัน...ผมจะนัดให้ คุณต่อคุยกันโดยตรงจะดีกว่า  ถ้าเธอสนใจก็คงจะรับท�ำงานนี ้ ส่วน ราคาค่าจ้างพวกคุณก็ตกลงกันได้เลย’ หลังจากคุยกันไม่กี่วัน  อาจารย์นพพันธุ์ก็โทรศัพท์กลับมา บอกเขาว่า  นัดสบันงาให้ได้แล้ว  ซึง่ ก็คอื วันนีน้ นั่ เอง “ฉันคิดว่างานนี้น่าสนใจ”  หญิงสาวพยักหน้า  “แต่ยังไม่รับ ปากนะคะ  เพราะถ้ารับท�ำงานชิ้นนี้  ฉันจะต้องเดินทางบ่อยกว่า ปกติ” “ผมจะดูแลค่าใช้จ่ายในการเดินทาง  ค่าที่พัก  ค่ากินค่าอยู่ ของคุณทัง้ หมด”  กุณฑลสวาท  23


เขารับปากจริงจังจนตนเองอดประหลาดใจมิได้ว่าเหตุใดจึง ยอมตกลงกับหญิงสาวผูน้ งี้ า่ ยดายนัก  ทัง้ ทีย่ งั ไม่เคยเห็นฝีมอื ในการ ท�ำงานของอีกฝ่าย  ไม่ได้เห็นตัวอย่างงานที่สบันงาจะท�ำให้เขาเลย แม้แต่นอ้ ย “นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอกค่ะ”  สบันงาโคลงศีรษะ  “ปัญหาของ ฉันคือเรือ่ งเวลา  กับงานชิน้ อืน่ ทีร่ บั เอาไว้กอ่ นหน้านีต้ า่ งหาก” “นี่ยังไม่เที่ยงเลย...พอจะมีเวลาอยู่อีกหลายชั่วโมง  ก่อน คุณจะกลับกรุงเทพ”  ต่อพัฒน์เหลือบมองนาฬิกาข้อมือ  เขาชวน หญิงสาวว่า  “เราลองแวะไปดูสถานทีจ่ ริงกันก่อนไหมครับ  เผือ่ จะช่วย ให้คณ ุ ตัดสินใจง่ายขึน้ ” “ตกลงค่ะ”  สบันงาตอบหลังจากนิ่งคิดอยู่นิดหนึ่ง  “ฟังจากที่ พี่นพพันธุ์เล่าแล้ว  ฉันอยากไปเห็นสถานที่ก่อสร้างอยู่เหมือนกัน... พีน่ พพันธุบ์ อกว่าทีด่ นิ ของคุณอยูต่ ดิ กับแม่นำ�้ เลย...สวยมาก...” “ใช่ครับ”  ชายหนุ่มพยักหน้าเรียกบริกรคนเดิมให้มาเก็บเงิน ก่อนจะลุกขึ้นยืนและผายมือเป็นท�ำนองเชื้อเชิญให้เดินไปด้วยกัน เขาเล่าให้สบันงาฟังขณะสตาร์ตรถว่า  “ครั้งแรกที่ได้เห็นที่ดินผืนนี้  ผมก็ตกหลุมรักมันทันที...เมื่อได้ ไปเห็นด้วยตาตนเอง...คุณอาจจะตกหลุมรักเวียงระกาเหมือนอย่าง ผมก็เป็นได้...” ขากลับจากในเมืองมาทีเ่ วียงระกาใช้เวลานานเกือบหนึง่   ชั่วโมง  ด้วยสายฝนเริ่มโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง  ทั้งที่ก่อน หน้านีท้ อ้ งฟ้ากระจ่างใส “ถนนสายนี้สวยจังเลยนะคะ  นี่ถ้าฝนไม่ตกฉันจะขอคุณลง ไปถ่ายรูปสักหน่อย  สีส้มของดอกกับสีเขียวของใบตัดกันดีจริงๆ”  24  ‘พงศกร’


สบันงาพึมพ�ำ  ดวงตากลมโตของเธอจ้องมองหางนกยูงที่ขึ้น เรียงรายอยู่สองฟากถนน  ยอดสีเขียวสดโค้งเข้าหากันเป็นอุโมงค์ ธรรมชาติ  ดอกสีส้มเพลิงที่โรยตัวอยู่เต็มท้องถนนท�ำให้ภาพที่เห็น ตรงหน้า  ไม่ตา่ งอันใดกับภาพทีเ่ ขียนโดยจิตรกรเอกของโลก  “การท่องเทีย่ วแห่งประเทศไทยน่าสนับสนุนให้คนมาเทีย่ วกัน เยอะๆ นะคะ  ท�ำเป็นเทศกาลชมดอกหางนกยูง  เหมือนเทศกาลชม ซากุระ” “ถ้าคนไทยหันมานิยมสถานทีท่ อ่ งเทีย่ วในบ้านของเราก็คงจะ ดีไม่นอ้ ย”  ต่อพัฒน์เห็นด้วยกับหญิงสาวทีน่ งั่ อยูข่ า้ งๆ  “เมืองไทยยัง มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ  ที่คนไทยยังไม่รู้จักอีกมากมายหลายแห่ง นอกจากนีย้ งั ช่วยส่งเสริมอาชีพให้กบั ชาวบ้านในท้องทีด่ ว้ ยนะครับ” “เพราะอย่างนีค้ ณ ุ ถึงเลือกสร้างรีสอร์ตขึน้ ทีเ่ วียงระกา  ทัง้ ๆที่ ไม่รู้เลยว่ามันจะคุ้มกับการลงทุนหรือเปล่า...ใช่ไหมคะ”  สบันงาเริ่ม เข้าใจจุดมุง่ หมายของชายหนุม่ “ท�ำนองนัน้ ละครับ  เราเลือกลงทุนทีน่ กี่ เ็ พราะชอบทุกอย่างที ่ ประกอบกันขึ้นเป็นเวียงระกา  ชุมชนชาวบ้านที่อยู่ในละแวกเดียว กันก็นา่ รัก  ผูค้ นดูเป็นมิตร”  ต่อพัฒน์ละมือข้างหนึง่ จากพวงมาลัยขึน้ มาลูบผมตนเองด้วย ความเขินอาย  ไม่บอ่ ยครัง้ นักหรอกทีเ่ ขาจะเกิดความรูส้ กึ เช่นนี ้ “ผมไม่ได้หวังว่าจะได้ก�ำไรจากการท�ำรีสอร์ตที่เวียงระกา เพราะอย่างไรเสียนักท่องเที่ยวที่ชอบแสงสีเสียง  ชอบชอปปิง  ชอบ เที่ยวกลางคืน  คงเลือกจะพักในตัวจังหวัดมากกว่า  คนที่เลือกมา พักที่เวียงระกาจะต้องชอบความเงียบสงบ  รักธรรมชาติ  และชอบ วัฒนธรรมเป็นหลัก” “นี่ละค่ะ...จุดขายของรีสอร์ตเวียงระกา”  สบันงาพูดด้วย กุณฑลสวาท  25


น�้ำเสียงมั่นใจ  ดวงตาของหล่อนเปล่งประกายวับวาว  “ในขณะที ่ รีสอร์ตอื่นๆ  เน้นการท่องเที่ยวแบบทั่วไป  รีสอร์ตของคุณต้องเน้น ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์...ทุกตารางนิ้วของรีสอร์ตจะต้องท�ำให้คนที่มา พัก  สัมผัสถึงบรรยากาศของเมืองในสมัยโบราณ” “ซึง่ คุณจะช่วยผมท�ำให้มนั เกิดขึน้ ”  ต่อพัฒน์สรุป “ฉันยังไม่ได้รบั ปากคุณสักหน่อย”  สบันงาแบ่งรับแบ่งสู ้ “ไม่เป็นไรครับ”  ชายหนุ่มหัวเราะอย่างอารมณ์ดี  “คุณแบม ไปดูสถานทีจ่ ริงก่อน  ค่อยตกลงใจก็ยงั ไม่สาย” สบันงาขมวดคิว้ มุน่   เธอจ�ำได้วา่ ยังไม่ได้แนะน�ำชือ่ เล่นให้เขา รูส้ กั หน่อย “เอ่อ  ขอโทษครับ”  ต่อพัฒน์เพิ่งรู้สึกตัว  “ผมได้ยินอาจารย์ นพพันธุ์เรียกคุณว่าอย่างนั้นแล้วน่ารักดี  เลยขอเรียกคุณอย่างนั้น บ้าง...หวังว่าคุณคงอนุญาตนะครับ” “ปกติถ้าไม่สนิทกัน  ฉันไม่ค่อยชอบให้ใครเรียกชื่อเล่นหรอก นะคะ”  สบันงาตอบเสียงราบเรียบ  ครั้นพอเห็นอีกฝ่ายหน้าจ๋อยไป เธอเลยหันไปหาเขาแล้วพูดด้วยน�ำ้ เสียงอ่อนลงว่า  “แต่สำ� หรับคุณ... ฉันอนุญาตเป็นกรณีพเิ ศษก็ได้คะ่ ” “ขอบคุณครับ”  ต่อพัฒน์ยมิ้ กว้างด้วยความยินดี ละอองฝนยังคงโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย  ทางข้างหน้า ราวถูกคลีค่ ลุมด้วยม่านสีขาวขุน่   ท�ำให้เขาต้องเพิม่ ความระมัดระวัง ในการขับรถมากขึน้ ด้านหนึ่งของถนนเป็นแม่น�้ำสายใหญ่  สายเดียวกับที่ไหล ผ่านทีด่ นิ ของเขา  ส่วนอีกด้านนัน้ เป็นภูเขาสูง  “เดิมทีคุณพ่อผมซื้อที่ดินเอาไว้เป็นร้อยไร่เลยครับ  แต่พอเรา พบซากโบราณสถานในที่ดิน  คุณพ่อก็เลยติดต่อทางราชการเพื่อให้ 26  ‘พงศกร’


เข้ามาขุดค้น” ต่อพัฒน์ชใี้ ห้สบันงาดูอาณาเขตทีเ่ คยเป็นทีด่ นิ ของครอบครัว เขา  บัดนี้มีรั้วลวดหนามและป้ายของกรมศิลปากรปักอยู่  เพื่อบอก ให้รวู้ า่ เป็นเขตโบราณสถานทีก่ ำ� ลังอยูใ่ นระหว่างการขุดส�ำรวจ “ที่ดินส�ำหรับสร้างรีสอร์ตเลยเหลืออยู่ห้าสิบกว่าไร่เท่านั้นเอง ครับ”  ชายหนุม่ เล่าต่อ  “แต่โชคดีทเี่ ป็นเขตติดกับแม่นำ�้ ” “เท่านั้นก็พอแล้วละค่ะในความคิดของฉัน”  สบันงาพูดตรง ตามที่เธอคิด  “ถ้าท�ำสเกลใหญ่มาก  การบริหารจัดการก็จะล�ำบาก มากยิ่งขึ้น  เท่าที่ทราบมา...ครอบครัวคุณไม่เคยท�ำธุรกิจด้านนี้มา ก่อนนีค่ ะ” “ไม่เคยครับ”  ชายหนุ่มยอมรับตรงๆ  “คุณพ่อคุณแม่ผมเป็น ข้าราชการทัง้ คู ่ อีกไม่กปี่ พี วกท่านก็จะเกษียณอายุราชการแล้ว  เรา เลยคิดจะสร้างรีสอร์ตนี้ขึ้นมา...ผมสร้างเรือนรับรองเอาไว้หลังหนึ่ง ส�ำหรับเป็นทีพ่ กั และเป็นออฟฟิศไปด้วยในตัว  อาคารหลักของรีสอร์ต ก�ำลังลงมือสร้าง  คาดว่าอีกหกเดือนน่าจะเสร็จสมบูรณ์”  ต่อพัฒน์อธิบายให้หญิงสาวฟัง  เขาเลี้ยวรถไปตามถนนสาย เล็กทีล่ าดยางเอาไว้เรียบร้อย “ถนนสายนี้สร้างเอาไว้รอบรีสอร์ต...ฝนหยุดพอดี...”  เขา เหลือบมองท้องฟ้า  เมฆด�ำทะมึนเคลื่อนห่างออกไป  พร้อมกับ ละอองฝนที่หยุดสนิท  “ผมจะพาคุณไปชมริมแม่น�้ำสักหน่อย  ที่ดิน ของเราเป็นเนินสูงเหนือโค้งแม่นำ�้ พอดี...เป็นต�ำแหน่งทีส่ วยมากครับ” ตอนแรกสบั น งาก็ ไ ม่ คิ ด ว่ า ที่ ต ่ อ พั ฒ น์ พ ยายามอธิ บ ายจะ งดงามจริงอย่างทีเ่ ขาว่าหรือไม่  หากเมือ่ ชายหนุม่ หยุดรถและสบันงา ก้าวลงไปยืนตรงจุดที่เขาว่านั่นละ  อินทีเรียสาวก็ต้องเบิกตากว้าง ด้วยความตืน่ เต้น... กุณฑลสวาท  27


เป็นโค้งน�ำ้ ทีง่ ดงามจริงดังทีช่ ายหนุม่ ว่า... ที่ดินตรงสุดปลายสูงขึ้นเป็นเนินเขาขนาดย่อม  เมื่อไปหยุด ยืนตรงนั้นจะแลเห็นแม่น�้ำสีเขียวทอดคดเคี้ยวราวกับงูยักษ์ที่เลื้อย ลัดหายไปในวงโอบล้อมของอ้อมอกภูเขา  อากาศรอบกายของสบันงา เย็นฉ�่ำ  ละอองหมอกสีขาวขุ่นลอยเรี่ยอยู่เหนือผิวน�้ำ  กาลเวลาของ เวียงระการาวจะหยุดนิง่ หญิงสาวคงจะดื่มด�่ำกับความงามของทัศนียภาพตรงหน้า ไปอีกนาน  หากไม่มเี สียงตะโกนดังโหวกเหวกขึน้ เสียก่อน  เป็นเสียง ของเหล่าคนงานที่ก�ำลังสร้างเขื่อนคอนกรีตกันอยู่ทางด้านล่างของ เนินดิน “หนานลอย...เกิดอะไรขึน้ ”  ต่อพัฒน์ตะโกนถาม  และสบันงาก็เห็นหัวหน้าคนงานวัย กลางคนเดิ น ขึ้ น มาด้ ว ยความเร่ ง ร้ อ น  ทางด้ า นหลั ง ของเขามี เด็กหนุม่ คนหนึง่ เดินตามมา  มือสองข้างของเด็กหนุม่ ผูน้ นั้ ท�ำท่าทาง ราวกับก�ำลังประคับประคองอะไรบางอย่างที่มีความสลักส�ำคัญ อย่างยิง่ ยวด “นาย...”  น�ำ้ เสียงของหนานลอยตืน่ เต้น  “ไอ้แก้วมันก�ำลังขุด ดินที่ริมตลิ่ง...แล้วไปเจอของเก่าเข้าน่ะสิครับ...ไหน...เอามาให้นาย ดูหน่อย” แก้วเดินเข้ามาหาต่อพัฒน์  เด็กหนุ่มยื่นมือที่เปื้อนดินโคลน ออกมาข้างหน้า  ที่ใจกลางฝ่ามือของเขามีเครื่องประดับทองค�ำชิ้น หนึง่ “ไหน...อะไร”  ต่อพัฒน์ขมวดคิว้ “เหมือนบ่าด็อกหูครับนาย...”  หนานลอยสันนิษฐาน  “บ่า ด็อกหู...ต่างหู” 28  ‘พงศกร’


“อืม...เหมือนต่างหูจริงเสียด้วย”  ต่อพัฒน์เอื้อมมือไปหยิบ เครื่องประดับชิ้นนั้นขึ้นมาเพ่งมอง  ทันทีที่เขาแตะต่างหูชิ้นนั้น  ชาย หนุ่มก็ต้องสะดุ้งเหมือนถูกไฟชอร์ต  หัวใจของเขาเต้นโครมคราม ด้วยความตื่นเต้น  เพราะรู้สึกเคยคุ้น  เหมือนเคยเห็นต่างหูข้างนี้มา แล้วจากทีใ่ ดทีห่ นึง่ ... ต่างหูทองเก่าคร�่ำคร่า  รูปทรงคล้ายดอกไม้ทองค�ำขนาดเล็ก ประกอบด้วยกลีบและยอดคล้ายมงกุฎ  ลวดลายทองค�ำละเอียด อ่อนบอกถึงความประณีตบรรจงของช่าง  บริเวณยอดด้านบนและ กลี บ ดอกไม้ เ หลื อ แต่ แ ป้ น ว่ า งๆ  เขาเดาเอาว่าครั้ง หนึ่ง คงเคยมี อัญมณีประดับ... ใช่แต่ต่อพัฒน์เท่านั้นที่รู้สึกตื่นเต้น  สบันงาซึ่งชะโงกหน้า เข้ามามองก็เกิดความรู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กัน  ดวงตาของเธอจ้องมอง ต่างหูข้างนัน้ แน่วนิง่ ราวถูกสะกด...นับเป็นอาการทีไ่ ม่เคยเกิดขึน้ กับ ตนเองมาก่อนเลยในชีวติ ขุมขนบนเรือนกายของสบันงาลุกเกรียว  ร่างทั้งร่างสั่นระริก ราวก�ำลังเผชิญกับความหนาวเหน็บ  หญิงสาวรูส้ กึ วาบลึกในช่องอก หูสองข้างอือ้ อึงไปด้วยสรรพส�ำเนียงประหลาด  ร่างทัง้ ร่างชาราวกับ กลายเป็นก้อนหิน  ทรวงอกของสบันงากระเพื่อมถี่ๆ  ด้วยความรู้สึก ทัง้ ดีใจและสะเทือนใจระคนกัน ต่อพัฒน์หันมาเห็นหญิงสาวพอดี  เขาสังเกตว่าดวงหน้าสวย หวานของสบันงาซีดเผือดราวไม่มีสีเลือด  และยังไม่ทันที่เขาจะได้ เอ่ยอะไรออกมา... ร่างโปร่งระหงของสบันงาก็ทรุดฮวบลงกับพื้น  พร้อมกับที ่ สติสมั ปชัญญะวูบวับดับลงไปในทันทีนนั้ ! กุณฑลสวาท  29


“ฟื้นแล้วเจ้า...”  เสียงเสนาะใสของใครบางคนที่ดังอยู ่ ข้างหู  ปลุกให้สบันงารู้สึกตัว  หญิงสาวกะพริบตาถี่ๆ  เหลือบมอง ไปรอบๆ  แล้วก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ  เมื่อพบว่า ตนเองก�ำลังอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงของต่อพัฒน์ “เจ้าฟื้นแล้ว”  น�้ำเสียงของชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของรีสอร์ต เวียงระกาทุ้มนุ่ม  แปลกไปจากส�ำเนียงปกติของเขา “อุ๊ย...”  สบันงาร้องตกใจ  เธอรีบขยับกายออกจากอ้อมแขนของฝ่าย นั้นรวดเร็ว  แต่แล้วก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ  เมื่อ เหลือบตามองและพบว่าต่อพัฒน์แต่งกายประหลาดไปจากเมื่อครู่ ที่ผ่านมา เดิมทีเขาสวมเสื้อยืด  กางเกงยีนส์แบบเรียบง่าย  แต่ตอนนี้ ต่อพัฒน์กลับนุ่งผ้าสีน�้ำเงินเข้มปักลวดลายละเอียดด้วยเส้นไหม สีทอง  ปลายด้านหนึ่งจับรวบบริเวณเอว  ส่วนชายอีกด้านหนึ่งดึง ไปเหน็บไว้ทางด้านหลังคล้ายกับการนุ่งโจงกระเบน  แบบที่เรียก 30  ‘พงศกร’


กันว่านุ่งผ้าต้อย  เผยให้เห็นท่อนขาแข็งแรงที่มีลายสักสีด�ำเป็น ลวดลายละเอียดเลยลงมาถึงปลีน่อง  มองไกลๆ เหมือนกับสวม กางเกงขาสามส่วนสีด�ำไม่มีผิด ท่อนบนของเขาเปลือยเปล่า  เผยให้เห็นกล้ามอกแข็งแกร่ง และต้นแขนที่มีมัดกล้ามแข็งแรง  หน้าอกสักลวดลายแปลกตา  ต้น แขนมีก�ำไลทองสลักเสลาลวดลายละเอียดลออ  คล้ายกับลายของ สร้อยที่ต่อพัฒน์สวมทับอยู่บนทรวงอก สบันงาอยากจะถามว่าเขาไปเปลีย่ นเสือ้ ผ้าชุดนีม้ าตัง้ แต่เมือ่ ใด ก�ำลังจะมีงานแสดงแสง  สี  และเสียง  ทีเ่ วียงระกาหรืออย่างไร  ไฉน ชายหนุ่มจึงอยู่ในเครื่องแต่งกายย้อนอดีตเช่นนี้  หากยังไม่ทันจะได้ เอ่ยปากถามออกไปอย่างที่คิด  ต่อพัฒน์ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นเสียก่อน “เจ้าเป็นลมไป” สบันงาอ้าปากค้าง  นี่มันภาษาเหนือโบราณชัดๆ  “เป็นลม...เราเป็นลมไปอย่างนั้นหรือ” “ใช่แล้วเจ้า...เจ้าจ�ำไม่ได้หรือว่าเกิดอะไรขึ้น”  เสียงของสตรี ที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆเธอเป็นฝ่ายตอบแทนชายหนุ่ม สบันงาเหลือบมองสตรีผู้นั้น  แล้วก็ต้องขมวดคิ้วมุ่น  ด้วยไม่ เคยเห็นหน้ามาก่อน  เป็นสตรีวัยกลางคน  เกล้าผมเป็นมวยไว้ที่ท้ายทอย  เธอ ผู้นั้นสวมผ้าคาดอก  มีผ้าไหมผืนยาวคล้องไหล่สองข้าง  ลักษณะ คล้ายกับผ้าพันคอ  กายท่อนล่างนุ่งซิ่นลายทางสีเหลืองสลับแดง ชายซิ่นทอลวดลายดอกไม้งามประหลาดตา “จ�ำบ่ได้”  สบันงาส่ายหน้าด้วยความงุนงง  ดูเหมือนเธอจะ บังคับตัวเองไม่ได้เลย  ถ้อยสนทนาและทุกสิ่งที่เกิดขึ้น  เป็นไปเอง โดยที่เธอไม่สามารถควบคุมได้  “เกิดอะหยังขึ้น” กุณฑลสวาท  31


“งูตวั นัน้ ไง  ทีท่ ำ� ให้เจ้าเป็นลม”  ต่อพัฒน์ชมี้ อื ไปยังงูสามเหลีย่ ม ตัวเขื่อง  ที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นดิน สบันงาขมวดคิ้วมุ่น  เธอไม่ได้เป็นลมเพราะตกใจที่งูจะฉก สักหน่อย  แต่จู่ๆ ก็เกิดหน้ามืดขึ้นมาเองโดยไม่มีสาเหตุต่างหาก แล้วยังจะค�ำพูดที่หลุดออกมาจากปากนั่นอีก  “เจ้าก�ำลังเก็บดอกไม้อยู่ในสวน  งูเลื้อยออกมาจะขบเจ้า... เราผ่านมาพอดี  เลยช่วยเจ้าเอาไว้ได้ทัน”  ต่อพัฒน์อธิบาย “ท่านเป็นผู้ใดกันแน่...ท่านไม่ใช่คนของเวียงขวัญหล้า  ท่าน เข้ามาในอุทยานแห่งนี้ได้อย่างใด”  เครื่องแต่งกายของเขาไม่ใช่คน เมืองหล่อน  สบันงาในร่างของหญิงสาวในชุดโบราณขมวดคิ้วมุ่น กลัวงูตัวใหญ่ก็กลัวอยู่ไม่ใช่น้อย  หากประหลาดใจกับชายหนุ่มตรง หน้ามากกว่า “ไม่ตอ้ งรูห้ รอกว่าเราคือใคร”  ชายหนุม่ ตอบคล่องแคล่ว  รอย ยิ้มบนดวงหน้าของเขามีร่องรอยลึกลับ  “เจ้าปลอดภัยก็พอแล้ว” “กลับคุ้มกันเถิดพี่ปันสี”  สบันงาหันไปทางสตรีวัยกลางคน ผู้มีท่าทางราวกับเป็นพี่เลี้ยงของเธอ  “เราออกมาเที่ยวสวนนานแล้ว เจ้าพ่อกับเจ้าแม่จะเป็นห่วงได้”  สตรีทถี่ กู เรียกว่า  ‘ปันสี’  กุลกี จุ อเข้ามาช่วยประคองให้สบันงา ลุกขึ้น  และตอนนั้นเองที่หญิงสาวเพิ่งแลเห็นว่าตนเองก็แต่งกาย ย้อนอดีตอยู่เช่นกัน ท่อนบนของเธอสวมผ้าแถบคาดอก  มีผ้าไหมสีสดคล้องคอ ท่อนล่างนั้นเป็นผ้าซิ่นยาวกรอมเท้าคล้ายกับนางพี่เลี้ยง  หากชาย ซิน่ นัน้ แตกต่าง  ด้วยลวดลายทีช่ ายซิน่ ของเธอทอด้วยเส้นไหมทองค�ำ สลับสีแดงเข้มเป็นรูปกระต่ายและดวงจันทร์งดงาม  เรือนผมยาวสลวยของสบันงาถูกเกล้ามุน่ ขึน้ ไปอยูท่ กี่ ลางกระ- 32  ‘พงศกร’


หม่อม  มีรดั เกล้าและเครือ่ งประดับทองค�ำรัดเอาไว้เป็นระเบียบ  นิว้ เรียวยาวราวล�ำเทียนสวมแหวนประดับอัญมณีแพรวพราวไว้ถึงข้าง ละสามวง ...เป็นไปได้อย่างไร  ใครเป็นคนเปลี่ยนชุดให้เรา  เปลี่ยนตั้ง แต่เมื่อไหร่  ท�ำไมถึงต้องเปลี่ยน  เกิดอะไรขึ้น... มีคำ� ถามมากมายผุดขึน้ ภายในใจของสบันงา  หากทีห่ ญิงสาว ท�ำกลับเป็นเพียงการหยัดกายลุกขึ้นยืน  โดยมีปันสีคอยประคองอยู ่ ไม่ห่าง “จะไม่ขอบอกขอบใจกันสักหน่อยหรือ”  ต่ อ พั ฒ น์ เ ลิ ก คิ้ ว   เมื่ อ อยู ่ ใ นชุ ด แต่ ง กายแบบโบราณเช่น นี้ สบันงาอดคิดไม่ได้ว่าดวงหน้าคมเข้มของเขาดูหล่อเหลาไม่ใช่น้อย “ขอบใจนัก”  สบันงาตอบอย่างเสียไม่ได้  เธอสะบัดหน้าด้วยความเอียงอาย และเดินจากไปอย่างรวดเร็ว  หญิงสาวรู้สึกว่าสายตาคู่คร้ามคมนั้น ยังจับจ้องมองตามเธอไปจนลับสายตา  ทั้งค�ำพูด  กิริยา  และความ รู ้ สึ ก ที่ เ กิ ด ขึ้ น กั บ เธอนั้ น เป็ น ไปเองโดยอั ต โนมัติ  เธอไม่ส ามารถ บังคับ  หรือควบคุมอะไรได้เลย สองข้างทางเดินปูด้วยอิฐดินเผาแผ่นเล็กดารดาษไปด้วย รุ ก ขชาติ น านาพั น ธุ ์   ไม้ ใ หญ่ ยื น ต้ น เขี ย วขจี   บ้ า งออกดอกสี ส ้ ม คล้ายกับเปลวเพลิง  มีบา้ งทีอ่ อกดอกสีชมพูคล้ายกับซากุระ  กลิน่ หอม รวยรินที่อวลอยู่ในอณูอากาศ  สร้างความสดชื่นให้กับหญิงสาว อย่างน่าประหลาด  คงเป็นกลิ่นหอมจากมวลดอกไม้ในสวนนั่นเอง ปันสีเดินตามหลังเธอมาติดๆ  ในมือถือตะกร้าสานด้วยตอก ภายในตะกร้ามีเก็ดถวาใส่อยู่จนเต็ม  ทั้งสองมุ่งหน้าสู่เรือนไม้สัก สองชั้นขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่หลังดงไม้ กุณฑลสวาท  33


เรือนไม้สกั ทีต่ งั้ อยูเ่ บือ้ งหน้ามีขนาดใหญ่มาก...สบันงาประเมิน ดูดว้ ยสายตาแล้วอยากจะบอกว่าแค่ชานเรือนยังกว้างใหญ่กว่าสนาม ฟุตบอลเสียด้วยซ�้ำ ผนังท�ำจากไม้แผ่นโต  สลักเสลาลวดลายวิจิตร  ลงรักปิด ทองล่องชาด  ดูมลังเมลืองอยู่ท่ามกลางแสงแดดยามบ่าย ...หอค�ำ... ค�ำนั้นดังขึ้นมาเองในหัวของเธอ สบันงาท�ำงานด้านออกแบบตกแต่ง  เคยคุ้นกับสถาปัตย- กรรมโบราณของภาคเหนือเป็นอย่างมาก  หากไม่เคยเห็นหอค�ำ ลักษณะนีม้ าก่อน  ด้วยมีลกั ษณะคล้ายกับคุม้ หลวงของจังหวัด  ผสม ผสานกับหอค�ำของไทลื้อ  จนเป็นรูปแบบเฉพาะของตัวเอง...เป็น หอค�ำของอาณาจักรใดกันแน่...สบันงาได้แต่มีค�ำถามอยู่ในใจ ยิ่งเวลาผ่านไป  หญิงสาวยิ่งรู้สึกตระหนกในใจว่าตนเองมา อยู่ในสิ่งแวดล้อมประหลาดเช่นนี้ได้อย่างไร  แถมร่างกายก็ดูจะไม่ เป็นใจเอาเสียเลย  การเคลื่อนไหว  การพูดจา  การกระท�ำทุกอย่าง ที่ด�ำเนินไป  สบันงาไม่สามารถควบคุมตนเองได้เลยแม้สักนิด เมื่อมาหยุดอยู่หน้าเรือน  ปันสีรีบตักน�้ำจากโอ่งดินเผาใบเล็ก ล้างเท้าให้กับหญิงสาว  จากนั้นจึงค่อยล้างเท้าของตนเอง  ก่อนที ่ ทั้งสองจะเดินขึ้นบันไดไปยังตัวเรือนชั้นสอง ในโถงขนาดใหญ่มบี รุ ษุ และสตรีสงู วัยนัง่ รอสบันงาอยูแ่ ล้ว  ตัว บุรุษสวมเสื้อคล้ายกับครุยยาวทับเสื้อตัวในที่เป็นผ้าทอจากฝ้าย สีขาว  เอวของเขามีผ้าไหมทอลวดลายทองค�ำคาดเอาไว้  เฉกเช่น เดียวกับผ้าที่คาดอยู่บนศีรษะ  สตรีที่นั่งอยู่บนตั่งไม้สลักลวดลาย สิงห์แต่งกายแบบเดียวกับสบันงา  หากต่างกันตรงที่เครื่องประดับ นั้นมีขนาดใหญ่กว่า  หลากชิ้นกว่าและดูแพรวพราวมากกว่า 34  ‘พงศกร’


ทีส่ องข้างของตัง่ ไม้  มีผคู้ นแวดล้อมมากมายทัง้ ชายและหญิง ทั้งหมดล้วนหมอบราบอยู่กับพื้น  บอกให้รู้ว่าฐานันดรของบุรุษและ สตรีที่นั่งอยู่กลางโถงใหญ่นั้นสูงส่งยิ่งนัก “เจ้าพ่อ...เจ้าแม่”  สบันงาคุกเข่าก่อนจะกราบลงกับพืน้ อย่าง คล่องแคล่ว  “ลูกหล้า”  ทันทีที่สบันงาเงยหน้าขึ้น  สตรีวัยกลางคนผู้นั้นก็ ผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว  เธอก้าวลงจากตั่งตรงเข้ามาประคองสบันงา ดวงหน้านวลงามนั้นเต็มไปด้วยร่องรอยปริวิตก “นางพวกนั้น”  สตรีผู้สูงด้วยศักดิ์กรีดนิ้วชี้ไปทางหญิงสาว สองสามคนทีห่ มอบอยูก่ บั พืน้ ไม้กระดาน  “แล่นมาบอกแม่วา  ่ ลูกหล้า เป็นลมอยู่ในสวน” “งูเจ้า”  ปันสีเป็นฝ่ายตอบค�ำถามนัน้ เสียเอง  “งูตวั ใหญ่  เลือ้ ย พรวดพราดมาแต่ไหนก็ไม่รู้  พุ่งมาจะขบเจ้าหล้า  เคราะห์ดีเหลือ หลายที่มีคนผ่านมาช่วยพอดี” “เป็นผู้ใด”  คราวนี้คนถามก็คือบุรุษผู้นั่งเด่นเป็นประธานอยู่ กลางโถง  หัวคิ้วเข้มของเขาขมวดมุ่นด้วยความสงสัย “เอ้อ...”  คราวนี้ปันสีถึงแก่อึกอัก  “ไม่รู้เจ้า” “ไม่รู้”  เสียงของชายสูงวัยติดจะเกรี้ยวกราด  “เหตุใดจึงไม่รู้” “ข้าเจ้ามัวแต่ตนื่ เต้น  จนลืมถามชือ่ ไปน่ะเจ้า”  ปันสีตอบเสียง อุบอิบอยู่ในล�ำคอ “โง่จริงๆ”  บุรุษที่สบันงาเรียกว่าเจ้าหลวงเอ็ดพี่เลี้ยงของเธอ “หากเป็นศัตรูลอบเข้ามาในคุ้ม  จะท�ำจะใด” “ข้าเจ้า...”  ปันสีก้มหน้านิ่ง  ขณะที่สบันงาเองก็ไม่รู้จะช่วย คลี่คลายสถานการณ์ได้อย่างไร “คงไม่ใช่ศัตรูหรอกเจ้า  เจ้าพ่อ”  สบันงาเอ่ยออกไปในที่สุด กุณฑลสวาท  35


“หากเป็นศัตรู  เขาคงไม่ช่วยลูกจากงูนั่น” “นั่นสิเจ้า”  สตรีผู้นั่งเคียงอยู่ด้านข้างสนับสนุนความคิดนั้น “อีกอย่าง  หากบุรษุ ผูน้ นั้ เข้ามาได้จนถึงอุทยาน  นัน่ หมายถึงว่าทหาร ของเราคงจะรู้จักเป็นอย่างดี” “ถึงอย่างไรก็ยงั วางใจไม่ได้”  เจ้าหลวงตรัสเสียงเข้มขรึม  “เรา มีศัตรูรอบด้าน  มิอาจจะไว้ใจผู้ใดได้ทั้งนั้น” “หากนับแต่นี้ไป...คงไม่มีอะไรที่ต้องวิตกกังวลแล้วนะเจ้า” แม่เจ้าแย้มสรวล  “เมื่อเวียงระกากับเวียงขวัญหล้าของเราเป็นอัน หนึ่งอันเดียวกัน  เมื่อนั้นเราก็ไม่ต้องย�ำเกรงผู้ใดอีกต่อไป” รอยยิม้ สงบงามบนดวงหน้าสวยหวานนัน้   ช่วยให้ใจทีร่ อ้ นรุม่ ของเจ้าหลวงค่อยคลายลงไปได้  “เอาละ...”  เจ้าหลวงเหลือบมองดูท้องฟ้าภายนอกก่อนจะ เหลือบกลับมาทีแ่ ม่เจ้าราวก�ำลังรอคอยอะไรอยูอ่ ย่างใจจดจ่อ  ตะวัน คล้อยต�่ำไปมากแล้วและแดดภายนอกก็อ่อนแสงลง  “ถ้าเช่นนั้น  ลูกก็เข้าไปแอบอยู่หลังโรงค�ำก่อน  อย่าออกมา จนกว่าพ่อจะเรียก...นี่ก็จวนได้เวลาที่ค�ำลือไทจะเสด็จมาถึงแล้ว” โดยอัตโนมัต.ิ ..สบันงาและปันสีกม้ ลงกราบเจ้าหลวงและแม่เจ้า พร้อมกัน  จากนั้นสตรีทั้งสองก็คลานเข้าไปหลบอยู่ทางด้านหลัง ของโรงค�ำหรือท้องพระโรงอย่างเงียบเชียบ  ปันสีพาสบันงาไปแอบ อยูห่ ลังช่องเล็กๆของผนังไม้สกั   แสงสว่างทีส่ อ่ งผ่านช่องแตกนัน้ เข้า มา  ท�ำให้สบันงาสามารถมองเห็นความเป็นไปภายนอกได้ถนัด “ตื่นเต้นไหม...เจ้าหล้า”  ปันสีเอื้อมมือมาสะกิดข้อเท้าของ สบันงา  นางพี่เลี้ยงหมอบอยู่ด้านหลังของหญิงสาว “ตื่นเต้นอะไร”  สบันงานิ่วหน้า “ก็ตื่นเต้นที่จะได้พบเจ้าค�ำลือไทไงเจ้า”  ปันสีหัวเราะคิกคัก 36  ‘พงศกร’


“ไม่เห็นจะต้องตื่นเต้นเลย  ตื่นเต้นท�ำไมกับเจ้าชายจากเวียง เล็กๆ”  สบันงาส่ายหน้าไปมา  ทั้งที่หัวใจเต้นโครมครามขึ้นมาโดย ไม่มีเหตุผล นางพี่เลี้ยงยังคงหัวเราะชอบใจ  “หากพี่เป็นเจ้าหล้า  ใจคง จะโลดออกจากอกไปเสียนานแล้ว” “ไม่เอาละ”  สบันงาหันไปเอ็ด  “น้องไม่พูดกับพี่แล้ว  น้อง ร�ำคาญ  รู้หรือเปล่า” “อะไรกัน...เมื่อสองวันก่อน...เจ้าหล้าเพิ่งจะถาม...ค�ำลือไท เป็นเช่นไร  จะน่ารักจะใจดี  หรือใจร้ายกันแน่”  ปันสีแกล้งตัดพ้อ ด้วยท่าทางไม่จริงจังนัก  “มาวันนี้  กลับไม่อยากรู้เสียยังงั้น” “ก็น้องไม่อยากรู้แล้ว  จะอะหยังนักหนานะ” เห็นท่าทีของสบันงาหงุดหงิด  ปันสีจึงได้แต่เก็บรอยยิ้มเอา ไว้ภายใต้ดวงหน้าเรียบเฉย  ทั้งสองนิ่งรอในความนิ่งงันอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งเงาร่างของใครคนหนึ่งเดินขึ้นหอค�ำมาเข้าเฝ้าเจ้าหลวง “โหะ...”  ทันทีทเี่ ห็นหน้าชายหนุม่ ทีเ่ พิง่ ย่างเท้าเข้ามาในโรงค�ำ ได้ถนัด  ปันสีกถ็ งึ กับอุทานด้วยความตระหนก  “พุทโธ  ธัมโม  สังโฆ ...นั่นมันอ้ายบ่าวผู้นั้นนี่นา  เจ้าหล้า...” ปันสีชี้นิ้วไปที่ร่างสูงสง่านั้น  ก่อนจะชะโงกหน้าไปหาสบันงา ด้วยความตื่นเต้น สบันงาเองก็ได้แต่อา้ ปากค้างด้วยความตกตะลึงเช่นกัน  ด้วย บุรุษหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่สะพายดาบยาวเดินขึ้นมายังโรงค�ำหรือ ท้องพระโรงของหอค�ำนั้นก็คือชายหนุ่มที่อ้างว่าช่วยเธอเอาไว้จาก งูสามเหลี่ยมตัวใหญ่ในสวน และชายหนุ่มผู้นั้นก็คือ...ต่อพัฒน์นั่นเอง! เสื้อผ้าของเขาเปลี่ยนไปจากตอนแรกที่สบันงาเห็น  จากเดิม กุณฑลสวาท  37


ที่นุ่งผ้าต้อยรั้งสูงจนเห็นต้นขาและลายสัก  คราวนี้ผ้านุ่งของต่อ- พัฒน์กลับทิ้งชายยาวจนคลุมลงมาถึงข้อเท้า  ทรวงอกที่เคยเปลือย เปล่ามีเสื้อแขนยาวปักด้วยดิ้นเงินสวมทับ  เขาเดินตรงเข้ามาด้วยความอาจหาญ  ผ่านเหล่าบริวารชาย หญิงทีน่ งั่ กันอยูเ่ ต็มท้องพระโรง  มาหยุดอยูท่ หี่ น้าตัง่ ไม้สกั ทีเ่ จ้าหลวง ประทับอยู่ “กราบเจ้าอาทั้งสอง” ต่อพัฒน์ทรุดกายลงนั่งกับพื้น  และกราบลงแทบบาทของ เจ้าหลวงและแม่เจ้าด้วยกิริยาอ่อนโยน  ทางด้านหลังของเขามีข้า รับใช้ชายสองคนน�ำเครื่องบรรณาการห่อด้วยผ้าทองค�ำมาถวาย “ไหว้พระเถอะ  ค�ำลือไท...หลานชาย  หอบอะไรมาด้วยมากมาย” เจ้าหลวงเอือ้ มมือไปรับเครือ่ งบรรณาการจากชายหนุม่   แล้วส่ง ให้ทหารที่หมอบรออยู่ทางด้านหลัง  สบันงาเห็นรอยแย้มสรวลบน ดวงหน้าของเจ้าหลวง  ขณะทีแ่ ม่เจ้าลุกไปนัง่ อีกตัง่ หนึง่ ทีอ่ ยูด่ า้ นข้าง  “เจ้าพ่อฝากถวายเจ้าอาขอรับ”  เขาตอบด้วยน�ำ้ เสียงฉาดฉาน “ขอบใจมาก  ค�ำลือไท”  เจ้าหลวงตบมือลงบนตัง่ ไม้  เป็นท�ำนอง เชือ้ เชิญให้ชายหนุม่ ลุกขึน้ มานัง่ เคียงกัน  “ลุกขึน้ เถิดหลาน...มานัง่ ด้วย กันตรงนี้” ...ค�ำลือไท...ต่อพัฒน์ชื่อค�ำลือไทอย่างนั้นหรือ...ดวงตาของ สบันงาเบิกกว้าง  โลกดูเหมือนจะกลับตาลปัตรไปหมดแล้วในยามนัน้ “เดินทางเป็นอย่างไรบ้าง”  แม่เจ้าแย้มเยือ้ น  น�ำ้ เสียงนัน้ เยือก เย็นอ่อนหวาน  “เหนื่อยหรือเปล่า” “ไม่เหนื่อยขอรับ”  ต่อพัฒน์ขยับกายลุกขึ้นและเดินไปนั่งบน ตั่งทองค�ำเคียงกับเจ้าหลวง  ดวงตาคู่คร้ามคมของเขาเหลือบมอง ไปรอบๆ  ราวจะแลหาใครสักคน 38  ‘พงศกร’


ดวงตาคู่นั้นคมปลาบเสียจนกระทั่งสบันงาที่แอบอยู่ด้าน หลังโรงค�ำ  อดจะก้มหน้าหลบสายตาของเขามิได้ “มาถึงนานแล้วหรือ”  เจ้าหลวงถามชายหนุ่ม  “คนของหลาน ไปอยู่เสียที่ไหนหมด” “มากันเป็นจ�ำนวนหลายร้อย...หลานเกรงจะเอิกเกริกเกินไปนัก ดีไม่ดชี าวเวียงขวัญหล้าจะคิดว่าเป็นกองทัพทีย่ กมารุกรานกินเมือง... หลานจึงสัง่ ให้รออยูน่ อกเวียง”  ต่อพัฒน์หรือค�ำลือไทตอบเจ้าหลวง  “จนกว่าจะถึงวันฤกษ์ยามงามดี  วันทีจ่ ะรับตัวนางอัว้ ขวัญหล้า ไปเวียงระกานัน่ ละ  ทีห่ ลานจะสัง่ กองทัพเข้าเวียงมารับให้สมเกียรติ” ประโยคสุดท้ายของชายหนุ่ม  ท�ำให้สบันงาสะดุ้งสุดตัวด้วย ความตระหนก  เธอหันขวับไปหาปันสีรวดเร็ว “พีป่ นั สี...นีม่ นั อะไรกัน”  สบันงารูส้ กึ ว่าเสียงของตนเองสัน่ จน มิอาจควบคุมได้  มือสองข้างเย็นเฉียบราวน�้ำแข็ง  “รับน้องไปเวียง ระกา...หมายความว่าอย่างไร” “ก็...เอ้อ...”  ปันสีอึกอัก  ด้วยไม่รู้ว่าจะตอบเช่นไร “ก็อะไร”  สบันงาไล่เบี้ย  “ไหนเจ้าพ่อบอกว่า  เจ้าค�ำลือไท แค่จะมาเที่ยวเวียงขวัญหล้า...แต่นี่...” หญิงสาวรู้สึกได้ถึงความตระหนกที่แล่นเป็นริ้วขึ้นมาในอก “แต่นี่ท�ำไมเจ้าค�ำลือไทจึงว่าจะรับตัวน้องไปเวียงระกา...” “เฮ้อ...”  ปันสีถอนใจยาว  ไม่อาจจะปิดบังสิง่ ทีไ่ ด้รมู้ าอีกต่อไป “เจ้าหลวงของทัง้ สองเวียงได้หมัน้ หมายเจ้าหล้ากับเจ้าค�ำลือไทเอาไว้ นานแล้ว...บัดนี้ถึงเวลาที่ค�ำลือไทแห่งเวียงระกาจะรับตัวเจ้าหล้า... นางอั้วขวัญหล้าไปเป็นแม่เจ้ามิ่งเมือง...ตามสัญญาที่สองเวียงมีให้ แก่กัน” กุณฑลสวาท  39


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.