ThaiOZ Issue 584

Page 36

โดย.....ไม้ซีกขีด tamjaichan_08@yahoo.com.au ต่อจากหน้า 27

แต่เจ้าชาร์ลีซึ่งอยู่ซิดนีย์ตอนนี้ไม่ทราบ ว่าหายหัวไปไหน ไม่ได้เห็นหน้าเขามาเกือบ ปีกว่าแล้ว แดเนียลล่า เข้ามาเป็นสมาชิกบ้านเลข ที่ ๑๐ ในวันที่ ๖ สิงหาคม ๑๙๙๘ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ผมยังจำ�ภาพวันแรกที่สาวผมทองย้าย เข้าบ้านเลขที่ ๑๐ ผมเปิดประตูบา้ นพบเธอกำ�ลัง กอดลาแหม่มวัยกลางคนทีข่ บั รถมาส่งด้วยน้�ำ ตา นองหน้า ท่ามกลางกลีบดอกแมกโนเลียสีชมพู ต้นหน้าบ้านที่ร่วงหล่นแม้เพียงถูกลมอ่อน ๆ พัด หล่นมาติดเรือนผมของทั้งสองและลงมา เกลื่อนพื้นสนามหญ้าจนเป็นสีชมพูเต็มไปหมด แดลเนียลล่าดูจะมีความเป็นเอเชียมากกว่า ตะวันตก เธอมีจริตเหมือนหญิงชาวตะวันออก แต่กไ็ ม่ถงึ กับดัดเหมือนสาวหลายคน เธอยังคง ไว้ในส่วนของชาวตะวันตกให้เห็นอยู่บ้าง เธอกลับประเทศไปในวันที่ ๓๐ เมษายน ๑๙๙๙ (พ.ศ.๒๕๔๒) และยั ง คงเขี ย นบั ต ร อวยพรวั น คริ ส ต์ ม าสพร้ อ มจดหมายยาวเล่ า เรื่องราวส่งมาให้อ่านอยู่ทุกปี มีอยู่ปีหนึ่งที่ผม ทึ่งมากกับปฏิทินที่เธอทำ�เอง ๑๒ เดือนส่งมา ให้ มันแสดงถึงความตั้งใจและอาจว่างจัด แต่ แล้วปี ๒๐๐๙ และ ๒๐๑๐ ผมก็ไม่ได้รับบัตร อวยพรคริสต์มาสจากเธอ ผมคิดว่าแดเนียลล่า คงเหมือนคนอื่น ๆ ที่กาลเวลาผ่านไป ความ เหินห่างทำ�ให้ตา่ งฝ่ายต่างลืมเลือนกันไปในทีส่ ดุ แต่แล้วในปี ๒๐๑๑ บัตรอวยพรคริสมาส จากแดเนียลล่าได้กลับมาอีกครั้ง คราวนี้เธอไม่ ได้ให้ที่อยู่ไว้ ผมทราบจากครัง้ หลังสุดว่าเธอได้ ลาออกจากการเป็นเลขานุการ และจะย้ายไปอยู่ ที่ฟาร์มกับสามี จึงป่วยการที่จะส่งบัตรอวยพร ตอบกลับไปยังที่อยู่เดิม จวบจนกระทั่งเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ ผ่านมา ผมได้รับบัตรแจ้งการให้กำ�เนิดบุตรจัด ทำ�อย่างดีทั้งบัตรทั้งซอง แจ้งให้ผมทราบว่าเธอ ได้ให้กำ�เนิดบุตรสาวชื่อ “เอมี” หน้าตาน่ารัก น่าชังทีเดียว ในบัตรมีที่อยู่ใหม่ด้วย ผมจึ ง ส่ ง บั ต รแสดงความยิ น ดี ต อบไป รวมถึงตั้งชื่อไทยให้หนูเอมีด้วย หลังจากดูวัน เดือนปีเกิดทีร่ ะบุมาตามบัตรฯแล้ว ผมพิจารณา ชื่อ “เอมี” มีรากศัพท์มาจากภาษาลาตินแปล ว่า beloved แปลเป็นไทยว่า สุดที่รัก หรือ ผู้ เป็นที่รักยิ่ง หรือ ขวัญใจ ผมพยายามหาชื่อที่ ถูกโฉลกให้มีอักษร “อ” เป็นอักษานำ� และมี ความหมายเดียวกัน เพื่อให้สอดคล้องกับอักษร “A” แต่หาไม่พบ จึงตัง้ ชือ่ ไทยให้วา่ “ขวัญใจ” แม้จะเชย แต่ผมเห็นว่าเป็นไทย ๆ มากกว่าชื่อ ภาษาอินเดียโบราณทีพ่ อ่ แม่เด็กไทยรุน่ ใหม่นยิ ม เอามาตั้งชื่อกัน จบจนกระทั่งไม่กี่วันมานี้ผมไปค้นกล่อง สำ�หรับเก็บจดหมายของอดีตสมาชิกบ้านเลขที่ ๑๐ ไปพบเอาบัตรอวยพรคริสต์มาสปี ๒๐๐๙ และ ๒๐๑๐ จากแดเนียลล่ารวมอยู่ด้วย เข้าใจ ว่าไอ้เหงี่ยม หรือไอ้น่ารัก เด็กจีนที่อยู่บ้านใน

ช่วงคริสต์มาสคงจะเอาไปใส่ในกล่องนี้ ในขณะ ทีผ่ มอยูเ่ มืองไทย และนีค่ อื สาเหตุทผี่ มเขียนเรือ่ ง ของเธอ และตั้งใจว่าจะส่งอีเมลให้เธอได้เห็น ภาพลูกสาวที่เธอกำ�ลังเห่อ อยู่บนหน้า ๒๗... เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำ�ใจดีที่มีต่อผมครับ @@@@

สมรส สมาชิกบ้านเลขที่ ๑๐ ที่ได้สถานภาพอยู่ อาศัยถาวรในออสเตรเลียและต่อมาได้แต่งงาน มี ค รอบครั ว เท่ า ที่ ผ มทราบมี ด้ ว ยกั น สองคน คนแรกคื อไอ้ แ ห้ ง สาวจี น อดี ต นั ก ศึ ก ษาบั ญ ชี จากมหาวิ ท ยาลั ย อาร์ . เอ็ ม .ไอ.ที . ในนครเมล เบิร์น และอดีตนักศึกษาปริญญาโทบัญชีจาก มหาวิทยาลัยซิดนีย์ ไอ้แห้งแต่งงานกับสามีเชือ้ สายเดียวกัน ด้วยการจัดงานอย่างเรียบง่ายทีร่ า้ น อาหารจีนในย่านพาร์รามัตต้า มีผู้ร่วมงานล้วน แต่เป็นเพือ่ นนักศึกษาจีนจำ�นวนห้าหกโต๊ะ มีผม เป็นคนผิดชาติผิดภาษาหนึ่งเดียวที่หลงเข้าไป โชคดีทมี่ ไี อ้นา่ รักซึง่ เป็นคนบ้านเดียวกับไอ้แห้ง และได้สิทธิเข้ามาอยู่บ้านเลขที่ ๑๐ แทนเมื่อไอ้ แห้งย้ายออกไปนั่งเป็นเพื่อนคุย ไอ้ แ ห้ ง จั ด งานแต่ ง แบบรวดรั ด คื อ ถื อ ฤกษ์ในวันวาเลนไทน์ที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ไปทำ� พิ ธี จ ดทะเบี ย นแต่ ง งานที่ สำ � นั ก ทะเบี ย นเกิ ด สมรส-ตายในตอนเช้า เสร็จแล้วตระเวนถ่ายรูป ในสวนสาธารณะ แล้วก็อยู่รอเลี้ยงกันในตอน กลางวันเลย อีกคนหนึ่งเป็นสาวเวียดนามคนแรกและ คนเดียวที่เข้ามาเป็นสมาชิกบ้านเลขที่ ๑๐ ผม ตั้ ง ชื่ อให้ เ ธอว่ า “รวงทอง” แต่ พ วกเราคน ไทยยังคงเรียกชื่อจริงของเธอคือ “ทุย”เพราะ ฟังครั้งเดียวทุกคนจำ�ได้ไม่มีวันลืม ไอ้ทุยเป็น อดี ต นั ก ศึ ก ษาปริ ญ ญาโทด้ า นคอมพิ ว เตอร์ โปรแกรมเมอร์ จุดเด่นของเธอคือเป็นคนกินจุ มาก จำ�ได้ว่าเมื่อครั้งผมพาลูกบ้านไปทัศนาจร มื้อกลางวันเราแวะเข้าไปกินอาหารที่ร้านแมค โดนัลด์ข้างทาง ไอ้ทุยขอชุดอาหารบิ๊กแมค ๒ ชุด เพราะชุดเดียวไม่อยู่ท้องเธอ บิ๊กแมคสมัย นั้น เป็นบิ๊กแมคสมชื่อคือเป็นแฮมเบอร์เกอร์ ก้อนใหญ่จริง ๆ ถ้าเป็น “สมอลแมค” อย่าง สมัยนีเ้ ห็นทีจะต้องสัง่ ชุดบิก๊ แมคให้เธอสามหรือ สี่ชุดถึงจะอิ่มท้อง ไอ้ทุยเป็นอดีตนักศึกษาที่อยู่ในนโยบาย เรียนจบได้สิทธิขอสมัครอยู่ถาวรได้ทันที ไม่ ต้องมีการสอบภาษาอังกฤษเหมือนอย่างสมัย นี้ แต่จบมาแล้วหางานตามสาขาที่เรียนมาไม่ ได้ เธอได้ทำ�งานช่วยนายเดวิด ทำ�ธุรกิจขาย สิ น ค้ า ออนไลน์ อ ยู่ พั ก หนึ่ ง ก่ อ นเดิ น ทางไป ทำ�งานตามวิชาชีพที่เธอเรียนมา ที่ซิลิคอนแวล ลียใ์ นสหรัฐอเมริกาอยูส่ องปี ก็ตอ้ งจำ�ใจกลับมา

ออสเตรเลียเพื่อไม่ให้เสียสิทธิวีซ่าถาวร ไอ้ทุยกลับมาไม่สามารถหางานตามวิชา ที่ เ รี ย นรู้ ม าได้ แต่ โ ชคดี ที่ ยั งได้ ง านเกี่ ย วกั บ คอมพิวเตอร์ท�ำ เพียงแต่ตอ้ งยอมลดคุณวุฒกิ าร ศึกษาลงมา มิฉะนัน้ คงต้องไปเป็นพนักงานขาย ตามร้านค้าปลีกหรือพนักงานในโรงงาน และ ถือเป็นโชคดีของไอ้ทุยหญิงสาวผู้มีร่างกายสูง ใหญ่บกึ บึนสมชือ่ เธอได้หนุม่ หน้าตาหล่อเหลา หุ่นสมาร์ทอย่างพระเอกหนังฮอลิวูดเป็นแฟน เธอได้มาเชิญผมไปงานร่วมงานแต่งงานด้วยตัว เอง ซึ่งผมตอบรับไป สถานทีจ่ ดั งานแต่งงานของเธออยูท่ างตอน เหนือของซิดนีย์ ใครที่รู้จักผมจะทราบดีว่าผม เกลียดการขับรถเป็นที่สุด รถยนต์มือสองของ ผมทีซ่ อื้ มาได้สบิ ปีเศษแล้ว ตอนซือ้ ใหม่ ๆ ป้าย วัดระยะทางบอกไว้ที่ ๒๐,๐๐๐ กิโลเมตรนิด ๆ ตอนนี้หน้าปัดยังอยู่ที่ ๓๐,๐๐๐ กิโลเมตร นิด ๆ เท่านั้น และด้วยความไม่คุ้นเคยเส้นทาง ทำ�ให้ไปถึงงานเป็นคนรองโหล่เพราะมัวแต่หลง ทาง โดยมีนายเดวิดไปถึงงานเป็นคนสุดท้าย พอเข้าไปในงานก็เจอพ่อเจ้าบ่าวเข้ามาถาม โดยสุภาพว่า ผมเป็นแขกฝ่ายเจ้าบ่าวหรือเจ้า สาว พอบอกว่าเจ้าสาวเขาก็ชี้ได้ทันทีว่าโต๊ะ ตัวไหน ก็เพราะมันว่างอยู่สองที่พอดี ที่โต๊ะ นัง่ มีรายชือ่ แขกทีต่ อบรับ เข้าร่วมงานว่านัง่ เก้าอี้ ตัวไหน เจ้าภาพจัดให้ผมนั่งร่วมกับเพื่อนร่วม งานของไอ้ทุย ข้างขวามือเป็นสองสามีภรรยา ชาวจีน ผู้เป็นภรรยาเป็นคนช่างเจรจา จึง ช่วยลดบรรยากาศอึดอัดไปได้ ส่วนอีกคนทีเ่ จ้า ภาพจัดให้เป็นเพื่อนคุยกับผมทางด้านซ้ายมือก็ คือนายเดวิด ซึ่งเป็นบุคคลในงานเพียงคนเดียว ที่ผมคุ้นเคยมาก่อน แต่กว่าเขาจะมาก็ถึงเวลา เสิร์ฟของหวานแล้ว ตอนที่เธอบอกว่าจะแต่งงาน ผมคิดว่า เจ้าบ่าวคือนายเดวิดคนนี้เสียอีก แต่พระเอกตัว จริงเป็นคนมีฐานะมีชาติตระกูลและการศึกษา ในซิดนีย์ตอนเหนือ ส่วนฝ่ายหญิงก็ไม่เบาเป็น บุตรสาวคนมีฐานะ จากเวียดนาม บิดาของ เธอพูดภาษาอังกฤษได้ในระดับหนึ่ง เขายัง มาทักทายผม มาขอบคุณที่ดูแลลูกสาวของเขา และยังชวนให้ไปเที่ยวเวียดนาม เขารับรอง อย่างดีว่าจะต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี อาหารเลี้ยงแขกในวันนั้นดูดีมีราคามาก กว่าที่รัฐสภากลางจัดเลี้ยงนายกฯยิ่งลักษณ์เมื่อ วันที่ ๒๘ พฤษภาคม ที่ผ่านมาเสียอีก ส่วน รูปแบบการแต่งงานเดวิดบอกว่า เป็นแบบออส เตรเลียนขนาดแท้ ทำ�ให้นึกถึงหนังเรื่อง Four Weddings And A Funeral ในปี ๑๙๙๔ (พ.ศ. ๒๕๓๗) แม้จะไม่เหมือน แต่ก็ให้บรรยากาศ คล้ายกันในความแตกต่าง หลังจากรับประทานอาหารครบเมนูแล้ว ถึงคิวบิดาเจ้าสาวขึ้นกล่าว แนะนำ�เจ้าสาวให้ แขกฟังด้วยมุกตลก ด้วยการเอาเรือ่ งโก๊ะ ๆ ของ บุตรสาวมาแซวให้แขกได้ขำ�กลิ้ง จากนั้นบิดา เจ้าบ่าวจึงขึ้นมากล่าวแนะนำ� เจ้าบ่าวด้วยกันงัด เอาด้านลบของบุตรชายในวัยเด็กมาเล่าให้แขก ฟังแบบขำ� ๆ จากนั้นเป็นการดื่มอวยพร เจ้า บ่าวเจ้าสาวเปิดฟลอร์เต้นรำ� แล้วทุกคนก็เต้นรำ� งานเลี้ยงครั้งนี้นายเดวิดดื่มไวน์ไปหลาย แก้ว เขาเดินทักทายแขกเหรื่ออย่างเป็นกันเอง ตามนิสัยนักธุรกิจช่างเจรจา ผมไม่ทราบ ว่าเขาจะขับรถกลับบ้านอย่างไร แต่สำ�หรับ

ผมพอเห็นมีแขกเริ่มทยอยกลับ ผมก็หยิบของ ชำ�ร่วย ไปลาเจ้าบ่าว เจ้าสาว พ่อแม่เจ้าบ่าวเจ้า สาว นายเดวิดและขับรถกลับบ้าน ผมใช้ระยะทางขับรถไปงานเลีย้ งและกลับ ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพรวมทั้งสิ้น ๑๔๐ กิโล เมตรประมาณ ๖๐ กิโลเมตรเป็นการหลงทาง แบบหลงแล้วหลงอีกทั้งขาไปและขากลับครับ @@@@

ตาย ไม่มีใครตายหรอกครับ และผมก็ภาวนา ให้สมาชิกบ้านเลขที่ ๑๐ ของผมทุกคนมีความ เจริญก้าวหน้าและประสบแต่ความสุขในชีวิต ไปอีกยาวนาน แต่ ก ารเกิ ด แก่ เ จ็ บ ตายเป็ น สิ่ ง หลี ก เลี่ ย ง ไม่ได้ ไม่มีใครอยู่ค้ำ�ฟ้า ผมเป็นคนหนึ่งที่อาจ จะเคยสัมผัสกับความตายมาแล้ว มันเกิดขึ้น เมื่อเวลาตี ๓ ของวันที่ ๒ กันยายน ๒๐๐๙ (พ.ศ. ๒๕๕๒) ขณะที่ผมกำ�ลังทำ�งานอยู่หน้า จอคอมพิวเตอร์ภายในห้องทำ�งาน มีทีวีเปิด แผ่นละครตลกจำ�ได้ว่ามีนายเท่ง เถิดเทิง กับ นายตั๊ก บริบูรณ์ กำ�ลังออกมุกกันอย่างสุดมัน ผมหยิบน้ำ�อัดลมแป๊บซี่ขึ้นมาดื่มเพื่อต้องการ คาเฟอินจากมันมาบำ�รุงตับ เนื่องจากผมไม่ ดื่มกาแฟ เขาว่ากันว่าการดื่มกาแฟหนึ่งถ้วย ต่อวันปริมาณคาแฟอินในนั้นจะเป็นประโยชน์ ต่อตับในร่างกาย เมื่อผมไม่ดื่มกาแฟจึงต้องหัน มาดื่มเครื่องดื่มประเภทโคล่าชดเชยซึ่งให้กาแฟ อินเช่นกัน ขณะยกแป๊บซี่ขึ้นซด สองตลกเข้ามุกสุด ขำ�พอดี เล่นเอาผมถึงกับสำ�ลักอย่างแรง แล้ว ก็ฟุบล้มไป วันนั้นถือว่าโชคดีที่ขณะนั้นหลาน ชายคนโตอยูใ่ นห้องนัน้ ด้วย ปกติเวลานีเ้ ขานอน หลับอุตุไปแล้ว หลานชายคนโตเห็นผมฟุบอยู่ นานชักผิดปกติ จึงเข้ามาเอามือตบหลัง ทีเดียว เท่านั้นความรู้สึกของผมกลับคืนมา ลุกขึ้นยืน อย่างรวดเร็ว คำ�พูดคำ�แรกก็คือคำ�ถาม “เกิด อะไรขึ้น?” หลานชายคนโตบอกว่าเห็นผมก้มหัวลง ฟุบกับโต๊ะ ทีแรกคิดว่าง่วงนอน แต่พอเห็น ร่างผมเริ่มรูดลงจากเก้าอี้ลงไปนั่งอยู่กับพื้นใน ลักษณะก้มหัว จึงรีบเอามือตบหลัง สำ�หรับผมในช่วงทีฟ่ บุ ลงกลับรูส้ กึ เหมือน ตัวเองกำ�ลังใช้แรงอย่างมากในการเงยหน้าลุกขึน้ ยืน ไม่ใช่ก้มหน้าลง เป็นแรงฝืนให้ลุกขึ้นแต่ ก็ลุกไม่ขึ้น จนหลานชายตบหลังผัวะเดียว ก็ สามารถดีดตัวลุกขึ้นได้โดยเร็ว ประสบการณ์ครั้งนี้ทำ�ให้ผมตั้งทฤษฎีอีก ทฤษฎีหนึ่งที่ว่า มนุษย์เราเป็นอรูป ร่างกายเป็น อีกส่วนต่างหาก ที่จิตวิญญาณของผมสามารถ ร่วมอยู่อาศัยได้อย่างดี ผมได้เอาเปรียบร่างกาย นี้วันละหลายชั่วโมง โดยไม่ให้ร่างกายได้พัก ผ่อนเท่าที่ควร บ่อยครั้งที่ผมนอนวันละไม่ถึง สามชัว่ โมง เพราะความละโมบอยากรูอ้ ยากเห็น ไปทุกเรื่อง ผมสนุกกับงานที่ทำ�จนไม่คำ�นึงว่า ร่างกายที่ยืมเขามาใช้จะรับได้หรือไม่ นั บ จากวั น นั้ น มา ผมจะพยายามนอน ให้มากขึ้นแม้จะต้องข่มตา แต่วันนี้ไม่ต้องข่ม ตานอน พอตีสี่มันเกิดง่วงนอนขึ้นมาเอง เลย นอนหลับเสียยาว มาตื่นอีกทีเกือบเที่ยง ทั้ง

THAI-OZ NEWS : Vol. 22 Issue 584 : June 13-26, 2012 Page 36


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.