MOOM Magazine Vol. 2 No.5

Page 26

26

ในสังคมปัจจุบันมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมายและแพร่ขยายไปได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเรื่องของ ศีลธรรมในสังคม ที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงบ่อยๆ และเมื่อได้ถูกเอ่ยถึงแล้ว ก็ไม่แคล้วที่จะต้องวิจารณ์ถึงสถาบันที่เป็น หลักในด้านศีลธรรมจริยธรรม อย่างพุทธศาสนาและมหาเถรสมาคมขึ้นมา ดังนั้นครั้งนี้ “มุม” เลยขอนำ�เสนอ พระมหาสง่า ธีรสํวโร ผู้อำ�นวยการสำ�นักวิชาการ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ มาถกกับ พิภพ อุดมอิทธิพงศ์ นักเขียนนักแปลผู้มีความสามารถในการสะกิดต่อมสำ�นึกผู้อ่านคนหนึ่งของสังคมไทย ในประเด็นข้อกังขาว่าพุทธศาสนากับสังคมไทยในปัจจุบัน ยังเสริมกันอยู่อีกหรือไม่อย่างไร ลองมาพิจารณา กันครับ พิภพ : ในแง่สังคมสงฆ์กับสังคมไทยในปัจจุบัน ผมมองว่ามีความเกีย่ วข้องในเชิงพิธกี รรมเป็นส่วนใหญ่ สมัยก่อนอย่างน้อยทีส่ ุดถ้าเราอยู่กับ ครอบครัว บางทีพ่อแม่หรือว่าญาติผู้สูงอายุก็จะพาเราไปหาพระทุกวันพระบ้าง ไปทุกวันอะไรต่างๆ แต่ผมคิดว่าในปัจจุบันนี้ มันมีน้อยลง หนึ่งก็คือพ่อแม่ต้องทำ�งานเยอะ สองคือมีโบสถ์สมัยใหม่ นั่นก็คือห้างสรรพสินค้า และการไปวัดบางทีพิธีกรรมมันค่อนข้างยุ่งยาก เด็ก สมัยใหม่มันก็ไม่ค่อยคุ้น เอ๊ะ ทำ�ไมต้องสวดกันยาวๆ สวดภาษาก็ฟังไม่รู้เรื่อง ก็ไปโบสถ์สมัยใหม่ดีกว่า มีแอร์เย็นๆ มีของถูกๆ ให้ซื้อ อะไร แบบนี้ อันนี้ทำ�ให้ผมคิดว่า กับสังคมสมัยใหม่เขาอาจจะเข้าวัดเฉพาะมีพิธีกรรมบางอย่าง เช่น ไปงานบวชเพื่อน ไปงานศพ หรือว่าไป สะเดาะเคราะห์ คือเรียกว่าจุดสุดท้ายของชีวิตแล้วเป็นต้น แต่ก็แน่นอนว่ายังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ยึดมั่นและคุ้นเคยกับการไปวัด คุ้นเคยกับ สังคมสงฆ์ แต่ก็น่าเสียดายที่คนกลุ่มหลังกลับเป็นกลุ่มที่เข้าวัดโดยผมไม่แน่ใจว่าเข้าวัดไปเพื่อจะเจริญรอยตามสมมุติสงฆ์ หรือเข้าวัดไป เพื่อหวังประโยชน์ในด้านอื่นๆ ในเรื่องหมอดูบ้าง ในเรื่องที่พึ่งทางใจอะไรต่างๆ บ้าง อันนี้ก็น่าเสียดายที่ไปยึดติดสิ่งที่เป็นกระพี้ไม่ใช่เป็น ตัวแก่น อันนี้ที่ผมมองกว้างๆ นะ พระมหาสง่า : แต่อาตมากลับมองอีกทาง คือเวลาที่เราคุยเรื่องของพระสงฆ์เกี่ยวกับสังคม คำ�ถามที่มีอยู่ตลอดเวลาก็คือทำ�ไมเด็กวัยรุ่น ไม่เข้าวัด ทำ�ไมปัจจุบันจึงไม่เหมือนในอดีต มันเหมือนกับว่าเรากำ�ลังเรียกร้องหาอดีต ทีนี้ถ้าถามว่าวัยรุ่นสมัยก่อนมันเข้าวัดกันทุกคน รึเปล่า สมัยอาตมาก็ต้องบอกว่าผู้เฒ่าผู้แก่พาไปนะ ไปทุกวันหรือนานๆ ไปครั้ง พาไปในช่วงวันพระ พาไปในช่วงของเทศกาล มันมีการ ละเล่นอยู่ในวัด จึงพาลูกหลานไป ถ้าเรามองย้อนกลับไปในอดีต ก็จะต้องมองย้อนกลับมาว่า ปัจจุบันที่วัยรุ่นไม่เข้าวัด จริงๆ แล้วไม่ใช่เป็น เพราะสังคมมันเปลี่ยนแปลงไปหรอก เพียงแต่ว่า ณ ปัจจุบันนี้ พอเราเจอปัญหาอะไรบางอย่าง เราจะมีความคาดหวังต่อคน เช่น ตำ�รวจ ครู พระ จะช่วยแก้ปัญหาให้เรา แต่แทนที่เราจะตั้งคำ�ถามว่า ครูช่วยในโรงเรียนได้ไหม ตำ�รวจช่วยดูแลในเรื่องของกฎหมายได้ไหม พระช่วยเข้มแข็งหน่อยในเรื่องของการสอนจริยธรรมได้ไหม แทนที่เราจะตั้งประเด็นนี้เพื่อหาคำ�ตอบร่วมกัน เรากลับมองว่าวัยรุ่นไม่เข้าวัด และล่าสุดนี่ อาตมาเคยคุยกับอาจารย์ท่านหนึ่งและก็มีเยาวชนด้วย ก็เลยถามว่าเขาเข้าวัดทำ�ไม เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะเข้ามาทำ�อะไร และผู้ใหญ่ที่บอกว่าทำ�ไมวัยรุ่นไม่เข้าวัด ก็ไม่มีคำ�ตอบให้เด็กเลยนะ ว่าให้เด็กเข้าไปทำ�อะไร ในเมื่อไม่มีวัตถุประสงค์ให้เข้าไป แต่ถ้า บอกว่าไปเข้าวัดปฏิบัติธรรม ก็ต้องถามว่าตอนคุณเป็นวัยรุ่นคุณปฏิบัติธรรมไหม นึกถึงวัยของตัวเอง ไปนั่งสมาธิใช่ไหม ไม่ (เน้นเสียง) ไอ้คล้าวไปเจอแฟนในเรื่องมนต์รักลูกทุ่ง มันไปดูประกวดร้องเพลงนะ มันไม่ได้ไปนั่งสมาธิ แต่วันหนึ่งเมื่อชีวิตมันมีปัญหา มันไปหา หลวงพ่อ ดังนั้นการที่วัยรุ่นปัจจุบันไม่เข้าวัด หนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่า สังคมปัจจุบันมันเปลี่ยนไป สถานที่ท่องเที่ยวของเด็กในปัจจุบัน กับเด็กในอดีตมันเปลี่ยนไป หรือเขาอาจจะยังไม่ถึงวัยที่เหมาะสม เขาจึงไม่เรียกร้องหามัน ดังนั้นวัดจึงทำ�หน้าที่ในการรักษา ถ้าเขาป่วยเขา ถึงจะไป แม้กระทั่งที่อาจารย์ว่าเมื่อกี้ไปหาหมอดู ก็แสดงว่าดวงเริ่มตกแล้วจึงไป แต่พระเป็นหมอดูได้ไหม จริงๆ แล้วไม่ได้ตั้งใจเป็น แต่เมื่อโยมมาแบบนี้มันต้องแก้ไขเบื้องต้น ถ้าไปเจอพระที่ศึกษามามาก อย่างหลวงพ่อปัญญา ท่านมีความเข้มแข็งในเรื่องของจริยธรรม อย่างท่านพุทธทาส อย่างเจ้าคุณพระพรหมคุณาภรณ์ แล้วเราก็จะได้หมอที่ดีว่างั้นเถอะ ไม่เลี้ยงไข้ จัดยาให้ปุ๊บทีเดียวหายเลย


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.