ตกตั้งใหม่ – ปัญญาปฏิบัติ บนเส้นทางสายเดี่ยว

Page 1


ตกตั้งใหม

ปญญาปฏิบัติ บนเสนทางสายเดี่ยว


ตกตั้งใหม – ปญญาปฏิบัติ บนเสนทางสายเดี่ยว ศรชัย ฉัตรวิริยะชัย บรรณาธิการ RESET! TAKING SMALL STEPS ON THE PATH OF NOWHERE

Edited by Sornchai Chatwiriyachai

ฉบับออนไลน โดย issuu.com E-Book Version by Issuu.com

เจาของ สํานักสงฆบานจอมมณีใต หมูที่ 7 จอมมณีใต ตําบลผึ่งแดด อําเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร 49000 ห้ามมิให้ค ั ดลอก ทํ าซํ า ดั ดแปลง หรื อเผยแพร่ ส่ วนใดส่ วนหนึ งของหนังสื อเล่มนี โดยไม่ได้ รับ อนุญาต พระราชบั ญญั ติ ลิขสิ ทธิ พ.ศ. 2537


คํานํา การนําพาตัวเองมาสูวิถีของการเรียนรูเรื่องจิตใจเปนเรื่องไมยาก แตก็ไมงาย นัก เพราะปจจุบันเราอยูในยุคแหงการแยงชิงพื้นที่ทางความเชื่อซึ่งสัประยุทธกัน อยางดุเดือดที่สุดในสมัยหนึ่ง เมื่อสองพันหารอยปที่แลว มนุษยพิเศษคนหนึ่งไดไปคนพบและนํามาบอก ตอสัจธรรมที่พิสูจนไดกับตัว สัจธรรมนี้เปนแนวทางที่ทําใหเราเห็นความเปนจริงที่ เกิดขึ้นกับกายกับใจของเรา เขายังบอกย้ําอีกวาความรูนี้ไมตองเชื่อทันทีแตใหไปลอง ทําดู ความรูนี้ตอมามีการจัดการใหเปนระบบแลวถูกเรียกวา “ศาสนาพุทธ” มองที่เมืองไทยทุกวันนี้ วิกฤตของคนเดินดินอยางเราที่เกิดในยุคที่ผูแสวงหา สัจจะเหลืออยูนอย ก็คือ การทีไ่ มรูจะหันไปพึ่งใคร อยางไร ที่ไหนกันดี ยิ่งศาสนาถูก วางไวเปนเพียงสถาบันทางสังคมหนึ่งๆ ซึ่งตองยอมรับการตรวจสอบจากอํานาจอื่นๆ ในสังคม เฉกเชนเดียวกับสถาบันอื่นๆ การควานหาลงไปใหเจอเนื้อในคือคําสอนที่ นํามาใชกับตัว จึงยากแสนยาก เพราะผูคนมัวแตไปติดอยูทวี่ า ฉันควรจะเชื่ออะไร แลวทําไมจึงตองเชื่ออยางนั้น หรือยิ่งไปกวานั้นก็คือ หากเชื่ออยางนั้นแลวฉันจะได อะไร... ไมเพียงแต “ความเชื่อ” และ “ศรัทธา” จะถูกทําใหลาสมัย โดยไมเคยคิดที่ จะลงมือปฏิบัติ “พระ” หรือ “นักบวช” ในพุทธศาสนาของไทยก็ยังถูกดิสเครดิตวา ลาหลัง ไมปรับตัว สังคมสงสัญญานในเรื่องนี้ชัดเจนผานสื่อวาพระสงฆแบบไหนที่ฉัน อยากได สังคมอยากได แตหากเราฉุกใจคิดกันสักนิดวาแทจริงแลวผูเรียนไมใชหรือที่ ตองปรับตัว นอมตัวนอมใจลงเพื่อการเรียนรู เมื่อมีศิษยจึงมีครู ถาวิชาที่เสาะแสวงหา กันอยู จะเลือกเอาแตเพียงที่ถูกใจเรา การเรียนรูที่แทจริงจะเกิดขึ้นไดอยางไร


ทุกวันนี้ผูคนยุคกระทงหลงทางตื่นตัวกับการเรียนรูเรื่องจิตใจกันมากขึ้น กระแสนี้ถูกโหมกระพือโดยสื่อหลายหลาก ซึ่งลวนทําหนาทีเ่ รงเราวัฒนธรรมของการ สมาทานแบบหลับใหล ตําหรับตํารา หนังสือแนวพัฒนาจิต พัฒนาอะไรตอมิอะไร ลวนหางายและมีอยูอยางดารดาษ เมื่อการอานยังไมอาจตอบสนองความตองการใน การแสวงหาไดเพียงพอ คอรสอบรมพัฒนาจิตใจจากหลากหลายสถาบันกันพรอมที่ จะเขามาทําหนาที่นี้ ทั้งสถาบันในประเทศ และตางประเทศ ใหเปนที่อุนหนาฝาคั่ง และแมแตความเคลื่อนไหวในศาสนาพุทธเอง ก็มีการเริ่ม ‘นําเขา’ พุทธศาสนานิกาย อื่นเขามาทั้ง มหายาน และวัชรยาน ทั้งในรูปหนังสือ สื่อสิ่งพิมพ สื่อออนไลน และ คอรสอบรม อยางเต็มรูปแบบมากขึ้นกวาในอดีตที่ยังไมเขาสูความสนใจของสื่อ กระแสหลัก ทั้งหมดนี้สงผลใหใครก็ตามที่รักจะเรียกตัวเองวาชาวพุทธตองปรับตัว ตอง นําพาตนใหเขาสูกระแสของการเรียนรู เพราะยิ่งความเชื่อมีหลากหลาย เรายิ่งตอง หันกลับมาทบทวนความเห็นและความเชื่อของเรา อีกทัง้ ยังตองเพิ่มความ กระตือรือลนในการเสาะแสวงหาครูบาอาจารย ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ใหมากขึ้นกวา ที่เคยเปนมา เครือขายชาวจีมานอม คือชื่อเรียกกันอยางไมเปนทางการของกลุม กัลยาณมิตรผูแสวงหาความจริงของจิตใจกลุมหนึ่ง พวกเรามากันจากสถานที่ หลากหลายแตถูกยึดโยงเขามาบนเสนทางสายนี้ดวยความเชื่ออยางหนึ่งคือ “เชื่อใน สิ่งที่เราทําได” เมื่อทําแลวจึงนําประสบการณตรงมาบอกเลาใหกันฟง เรื่องเลา เหลานี้คือหมุดหมายที่ผูเลาจะยอนมองการกาวยางของตนบนเสนทางสายเดี่ยว คือ ผาใหมที่ใสในวาระของการเฉลิมฉลอง คือริ้วธงหลากสีที่เพรียกหาผูคนใหเขามา สัมผัส


ผมขอขอบคุณทานนักเขียนทุกทานที่เขียนเรื่องสงมาให ไมวาจะไดรับการ ตีพิมพหรือไม ผมรูวาเปนเรื่องไมงายสําหรับหลายคน ในการเรียบเรียงภาษาใจ ออกมาเปนถอยคํา บางทานรูจักอาจารยมาหลายสิบปก็ไมเคยมีเหตุใหตองเขียน เวลาเขียนก็ปริวิตกตองวานหาคนชวยกันใหวุน บางทานก็วาไมรูจะเขียนอะไรแตพอ เขียนมาก็ตองตัดออกเพราะเกินไปหลายหนา บางทานวาใหไปทํางานที่ตองใชหยาด เหงื่อแรงกายยังจะงายเสียกวาใหมาเขียนเรื่องของตัวเอง แตอยางไรก็ตามหากผูอาน ไดอานแลวคงจะเห็นตรงกับผมวาเรื่องจริงที่เลาจากใจลุนๆ มีพลังที่จะยิงตรงเขาสูใจ ของผูอานไดมากกวาการประดิษฐประดอยใดๆ และหากเรื่องเลาสั้นๆ ที่ถายทอด อยางจริงใจเหลานี้ จะสามารถเปนปจจัยใหผูอื่นแมเพียงสักคนเดียว ไดหันมามอง และกาวเขามาเรียนรูในความรูอันจะเปนประโยชนแกตนและผูอื่น ผมก็จะถือวาการ จัดพิมพหนังสือเลมนี้ประสบความสําเร็จ สุดทายนี้ ขออนุโมทนากับผูที่สนับสนุนดานทุนทรัพยอันเปนปจจัยเพื่อให การจัดพิมพหนังสือเลมนี้เปนไปได ขอบคุณ นุช พิษณุโลก สําหรับการเปนธุระดาน การเงิน พี่นพพร สําหรับการจัดพิมพหนังสือ และกัลยาณมิตรทุกทานทีเ่ อาใจชวย สําหรับการจัดพิมพหนังสือ ตกตั้งใหม: ปญญาปฏิบัติ บนเสนทางสายเดี่ยว เลมนี้ ขอ ความสุขความเจริญในธรรมจงมีแดทุกทาน ศรชัย ฉัตรวิริยะชัย บรรณาธิการ ๒๒ พฤษจิกายน ๒๕๕๓


สารบัญ 1.

“ใครครวญ v.s คร่ํ าครวญ” - ศรชัย ฉัตรวิริยะชัย................................................... 7

2.

อยากจะตายวันละสามเวลา – ปรัชญา จินาวงค ................................................. 11

3.

ปลูกฝง - ญาณาธร นามเขต ......................................................................... 17

4.

ชนะใจ ไรพุง- จารุวรรณ สุภลาภ ................................................................... 21

5.

ออกจากความคิด - รุงนภา สุรเชษฐ ................................................................ 26

6.

ลูกชิ้นกินไมหมด – ฉวีวรรณ ดวงบุญ............................................................... 30

7.

รักษาดียังไงก็ตาย – ประสาท ประเทศรัตน ....................................................... 34

8.

สมการเซน– บุญพรอม ณ หลังเขา ................................................................. 38

9.

แคนี้ก็เหลือกิน - ณรังษี เมฆบุญสงลาภ ......................................................... 41

10.

ไมออนดัดงาย

11.

อยาบาตามเขา - นันทภัค เสนาใจ .................................................................. 49

12.

โงหลายตายซะ – เยาวลักษณ สุภาพ ........................................................... 54

13.

กองขี้ กับ แฮปป – นิสาข ประเทศรัตน ....................................................... 57

14.

นักลงทุนขามชาติ – ธวัชชัย พิภพลาภอนันต ..................................................... 59

15.

Improvisation - ดาริกา ธารบัวสวรรค ............................................................... 60

16.

“1 +1 = 3” - เจตน วังแจม ........................................................................... 64

17.

ผมปวยหนัก - หัทยา สงวนสิน ...................................................................... 70

ปยะเรศ สีเกี๋ยง.................................................................. 45


18.

คนผานทุกข - อุดมรัตน ศรีเกตุ ................................................................... 76


( This page is intentionally left blank )

6


1.

“ใครครวญ v.s คร่ําครวญ” - ศรชัย ฉัตรวิริยะชัย “ตกรอยครั้งตั้งใหมรอยหน” อะไรตก? อะไรตั้ง? นั่นคือคําถามในใจผมเมื่อ ไดยินประโยคนี้ของอาจารยไพบูล ย ฐิตมโน พระนัก เลงจากวัดจอมมณี จังหวัดมุกดาหาร แตในตอนนั้นคิดกับตัวเองวาจะนํามาปฏิบัติเสียกอนจึงยัง ไมไดถาม หากเมื่อเริ่มปฏิบัติไปแลวก็นึกวาตัวเองเขาใจ แตที่ไหนได มันยัง ไมใช ปญหาใหญของผมก็คือผมเอาหลักของอาจารยไปใชในตอนนั่งสมาธิ ภาวนา ไมไดนําไปใชในชีวิตประจําวันแตอยางใด พอใชไปเราก็หลงไปคิดวา เราชักเริ่มเขาใจมัน แตพอมาพบพระอาจารยอีกครั้งถึงรูวาที่เราเขาใจนั้นมัน ยังไมถูก

ผมนึ ก ไปถึง ตอนฝ ก ละคร และฝก สมาธิ ภ าวนาบางสํ า นัก ที่ส อนให นํ า ความรูสึกไปจับเอาไวที่สวนตาง ๆ ของรางกาย คําวา “ใหนําความรูสึกของเราไปไวที่ มือ ไปไว ที่ ขา” นี่ ก็ ผิด อีก เพราะมั นไม ตรง ไม ตรงกับ ความเป นจริ ง ! คํา ว า “ความรูสึก” ในภาษาธรรม เรียกวา “เวทนา” ซึ่งไมใชแปลวาสงสาร สมเพชอยาง ภาษาคน แตแปลวา “ความรูสึก” แตที่ผมไมเขาใจก็คือ ขั้นตอน หรือกระบวนการ กอนที่จ ะเกิ ดความรูสึก มันเปนสิ่ง ที่ผ มละเลยไปเสียนี่ เพราะจู ๆ คนเราจะนํ า “ความรูสึก” ไปไวที่นั่นที่นี่ไมได เพราะความรูสึกนั้นมันเปนผลไมใชเหตุ แลวเหตุของ ความรูสึกคืออะไร ก็คือ “เจตนา” นั่นเอง ถาใหสั้นลงก็คือ “เจตนามันนําความรูสึก” ดังนั้นถาหากจะพูดอยางนั้น ควรพูดวาใหลองนํา “เจตนา” ของเราไปที่มือขางซาย ไมใชนําความรูสึกไปตรงนั้น ความละเอียดออนมันอยูตรงนี้ แตที่แลวมา ผมไปสนใจ 7


ผลมากกวาเหตุ ผลก็คือไมรูเหตุ พอเราไมรูวามันเรียงรอยกันอยางนี้ ปญญาที่จะเห็น ที่มาที่ไปตามความเปนจริงก็ไมมี ถาอยางนั้นแลวธรรมมันยากตรงไหน เพราะที่อธิบายมาก็ดูเปนเหตุเปนผล งายจะตาย แตนั่นแหละคือความยากของมัน อาจารยใชคําวา “เสนผมบังจักรวาล” พอเราไปจับความเขาใจดวยตรรก ความเปนเหตุเปนผล เราก็เลยไมเขาใจ มันเหมือน เราวิ่งตามเงา ยิ่งเราไปเขาใจมันในมุมนั้น เราก็ยิ่งถูกทําใหหางออกไปจากความจริง อยูตลอดเวลา เอางาย ๆ ก็คือ ถอยความในยอหนาที่สองนั้น ระหวางผูฝกปฏิบัติ กับ ผูที่ไมฝกปฏิบัติจะเขาใจไมตรงกัน และสภาวะของความเขาใจตรงนี้ตางกันราวกับฟา กับเหวเลยทีเดียว!! อาจารยใชคําวา “ภาษาใจ” ถาเราไมเขาใจภาษาใจ เราก็ไมเขาใจภาษา ธรรม ตรงนี้คลายกับ ที่ เพลโตบ อกวาเราไปเขาใจวาเงาที่อยูในถ้ํามันคือ ความเปนจริง เพราะเราเห็นมันทุกวัน แตเพราะเราไมไดออกจากถ้ําเราจึงไม รูวาเงาที่อยูในถ้ํานั้นเกิดจากการเคลื่อนไหวของวัตถุบางอยางที่อยูภายนอก ถ้ํา พวกเราจึงกลายเปน “นักดูเงา” แตไมใช “นักดูใจ” ถาหากรูแลวอยางนี้วาคําวา “ความรูสึก” ไมควรใช แลวจะพูดอยางอื่น ไดมั้ย เพราะบางครั้งการทํากระบวนการอบรม ผูเขารวมอบรมมีพื้นฐานความเขาใจ ไมเทาเทียมกัน ถาจะพูดวา “เจตนา” อาจจะฟงแลวไมเขาใจ หรือพาลจะคิดไปเปน อื่น ผมมาลองดูคําวา "ความสนใจ" คือ ใหนําความสนใจของเราไปไวที่นั่นที่นี่ พอ กลอ มแกลมแตไมตรงนัก หรือ จะใชคําวา "ความใสใจ" ก็จะไปใกลเคียงกับคําวา Attention ซึ่งจะกลายเปนเพงพินิจไปหรือเปลา สวนจะใชคําวาใหเพงกระแสจิตไป ตรงนั้นก็ดูจะเปนเรื่องเหนือธรรมชาติ และมีทาทีของการบังคับควบคุม อันจะเปน 8


มิจฉาสมาธิ สรุปแลวก็ยังไมมขี อตัดสินที่ตายตัวนัก อาจารยมักจะพูดวา “อาจารยไมอยากใชคําวาพิจารณา” เพราะมันไมตรง แตคําวา “สังเกต” จะตรงกวา คํานี้อาจารยจะใชควบคูไปกับคําวา “พิรุธ” จิตของ เรามีพิรุธอยูมากมาย ถาหากไมทันสังเกตเรายอมถูกครอบงําดวยอารมณไดงาย การ ครอบงํ า นี้อ าจารยมั ก จะใชคํ า วา “มั่ว สุ ม ”หรื อ “ประสม” อาจารย ใ หอุ ป มา เหมือนกับน้ําใส ๆ ในแกวที่ถูกน้ําสีมาผสมจนเปลี่ยนสีไป จิตก็เชนเดียวกันการเกิด ดับของจิตที่เปนไปอยางตอเนื่องนั้นชอบไปจับกับอารมณจนกลายเปนน้ําสีที่ขุนมัว หนักเขาเราจึงมีความเศราหมอง ตรงนี้อาจารยไมอยากใชคําวา “ปรุงแตง” เพราะ มันก็ไมตรงอีก สิ่งที่นาสนใจในเรื่องของอารมณก็คือ จริง ๆ แลวเราทุกคนนั้นรักสุข เกลียด ทุกข แตที่แปลกก็คือคนเรานั้นถึงแมจะเห็นวามันเปนสิ่งไมดี เปนสิ่งที่ใหทุกข แตดวย ความที่เราไปติดมันเสียแลว เราก็ยังคงทําสิ่งเหลานั้นอยูดี เหมือนคนที่ติดเหลา ติด บุหรี่ ยาเสพติด รูวาไมดีแตก็ทํา เพราะเกิดการ “ติดอารมณ” อาจารยมักจะใชคําวา “มันไมไดติดเหลาหรอก มันติดอารมณเวลาดื่มเหลา มันแซบ” เหมือนกับที่ใครสักคน หนึ่งเคยบอกเคยเขียนเอาไววา เขาไมไดติดเหลาแตเ ขาติดบรรยากาศของการดื่ม เหลา ซึ่งเพื่อนฝูงสรวญเสเฮฮา สนุกสนาน เพราะในโลกที่มีแตความเอารัดเอาเปรียบ มีแตคนที่จองจะทํารายและแทงขางหลัง บรรยากาศที่เปดกวางอยางนั้นถึงแมจะเปน เพียงชั่วคราวก็ทําใหหลายๆ คนเคลิบเคลมไปได แตจะดวยเหตุผลอะไรสุดทายก็คือ การติดอารมณอยางที่อาจารยวา ตรงนี้อาจารยเคยใชคําวา “สองเสพ” กลับ มาที่คําวา “พิจ ารณา” กับ “สังเกต” อีกคําหนึ่ง ที่ในวงการ จิตต ปญญาใชกันมากก็คือคําวา “ใครครวญ” คําวาใครครวญเปนคําที่สละสลวย แตถาจะ วากันจริงๆก็ “ไมตรง” เชนเดียวกัน เพราะคําวาใครครวญมีนัยยะคลายกับคําวา พิจารณา ตรึกตรอง พินิจ ไมวาจะเรียกมันอยางไร ก็ลวนแลวแตใชไมไดทั้งสิ้น เพราะ 9


ถาหากใชเมื่อใดก็มีแนวโนมที่จะนําเรา “ตามเขาไป” ฟุงอยูกับอารมณ จมจอมอยูกับ อารมณอันละเมียดละไมนั้น ปญญาที่ไดมากระบวนการเชนนั้นก็ยังไมใชปญญาวิมุตติ แตแฝงฝงไปดวยการเลนแรแปรธาตุของอัตตา ทายที่สุดเกมนี้เรายอมกลายเปนผูพาย แพ เพราะเราอยากจะเขาใจเรื่องอัตตาและปญญา เราจึงถอยหางไปจากมัน จึงเกิด คําพูดที่บอกวา “อวสานกระบวนกร” เปนปรากฎการณที่กําลังเกิดขึ้นทีละเล็กทีละ นอย และกําลังจะสงผลกระทบเปนระลอกใหญในไมชา แทนที่จะใครครวญเราจึง ตองกลับมาสังเกตความเปนไปของตัวเอง ที่บอกวาอยากจะไปชวยคนอื่น เราตอ ง ชวยตัวเองกอน นั้นเปนความจริง เพราะไมงั้นแทนที่จะเรียนรูดวยใจอันใครครวญ อาจกลายเปน “ไมเรียนรูอะไรเพราะใจมันอยากจะคร่ําครวญ”

เขียนเมื่อ 10 มีนาคม 2552

10


2. อยากจะตายวันละสามเวลา – ปรัชญา จินาวงค จากเด็กนอยไรเดียงสากาวเขาสูโลกแหงความจริง ความจริงของชีวิตที่ เปนไปโดยที่คนเราไมรูตัว ไมสังเกตเห็นสิ่งที่กําลังเกิดขึ้นเฉพาะหนา ดวย เหตุของการดําเนินชีวิตที่เปนไปอยางลําบาก มีหลายเรื่องราวสารพันปญหา ที่เขามารุมเราจิตใจใหเกิดความเสียหาย โศกเศราเสียใจหาทางออกไมเจอ ผมไดมีโอกาสเรียนรูการใชชีวิตที่ “แปลกแตไมใหม” เพราะเปนสิ่งที่มีคนรูมากอน แลวตั้ง 2500 กวาป แตความรูอันนี้มีนอยนักที่ผูคนจะรูตามและเขาใจวิธีและการ ปฏิบัติฝกฝนอยางตอเนื่องจนเกิดประโยชนกับการดําเนินชีวิต..ซึ่งความรูอันนั้นก็คือ “การหยุด(เพื่อ)สังเกตตัวเอง” ในปจจุบันนี้คนสวนใหญใชชีวิตไปวันๆโดยที่ไมรูจุดหมายปลายทาง ไมรูวา ในแตละวันทุกคนคิดอะไรกันบาง..จึงเกิดปญหามากมายไมรูจักจบสิ้น เพราะโดยมาก คนเราขาดการสังเกตใจตัวเองจึงไมรูวาปญหาทุกอยางที่เกิดขึ้นมันมาจากใจของเรา เอง..ที่มันคิดไปถึงเรื่องตางๆนาๆแลวออกจากความคิดไมเปน..หลงไปกับอารมณที่ตน คิดจนเกิดเรื่องราวที่ทําใหจิตใจเสียหาย.. การออกจากความคิดนั้นคือ “การหยุดคิด...แลวนําความรูสึกกลับมาระลึกที่ ตัวเองใหชัดเจน” วาขณะนี้เกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ตัวเองกําลังทําอะไรอยู แลวเราจะรู ไดอยางไรวาเราเองกําลังคิด.. แลวจะหยุดคิดไดอยางไร

11


การที่เราจะรูวาเรากําลังคิดนั้นไมใชเรื่องยากอะไรหรอก เพราะ เราเองทุก คนก็คิดกันจนเปนปกติอยูแลวเพียงแตเราไมรูตัวไมไดหยุดสังเกตเองเทานั้น วาเรา กําลังคิดอยู สวนการหยุดคิดนั้น..ไมใชเรื่อ งอยากแตทําไดไมงาย จึงมีก ารฝกใหสังเกต ตัวเองโดยการ ทําความระลึกรูสึกตัว ใหเกิดความเคยชิน.จากปกติที่เรามักจะคิดไป เรื่องอื่น ใหกลับมาสังเกตที่ กายเราเองวากําลังเกิดอะไรขึ้นกับตัวของเรา หลายคนมีขออางวา ไมมีเวลาหรอกเพราะในแตละวันตองทํางานมากมายไม มีเวลาไปฝกหัดปฏิบัติอะไรหรอก..อยากไปเหมือนกันแตไมวาง..ไมมีเวลาไป บอกได เลยวา นั่นเปนเพียงขออาง..เพราะการที่เราจะ ฝกสังเกตตัวเองนั้นสามารถทําไดทุกที่ ทุกเวลา และทุกสถานการณ การสังเกตตัวเองนั้นมีคําจํากัดความงายๆคือ “ตกตั้งใหม” แลวอะไรตก แลวใหตั้งอะไร หลายคนคงสงสัย “ตก” คือ อาการที่จิตใจคนเราที่เ ปนนามธรรม ติดตามไปในเรื่องราวตางๆ เรียกวา “คิด” ทั้ง เรื่องที่ทําใหตัวเองมีความสุขและ เรื่องราวที่เปนทุกข แลวจึง อยากหนีจ ากมัน อยากทําลายมันไมใหมันเกิด คิดไป นอกเหนือจาก “กายอันเปนที่ตั้งของจิตใจ”ตัวเองที่มั่นคงที่สุด เมื่อ มันเกิดขึ้นอยางนี้แลวจึง มีการฝกให “ตั้ง ” คือ การนําตัวเองออกจาก อาการที่ตกไปยังเรื่องราวตางๆที่ทําใหเกิดกระบวนการคิดตอยอดคิดไปเรื่อยๆอยาง ไมมีที่สิ้นสุด มาไวที่ “ฐาน” หรือที่ตั้งของจิต(ความคิด) คือ “กาย” ของเราเอง แลว “ทําไมตองตั้ง” คงเปนคําถามตอไป.. ถาจิตใจของเรา ตกไปจาก “ฐาน” หรือ “ที่ตั้ง” คือ “กาย” บอยครั้งเขา จะ ทําใหเกิดความเคยชิน ในการคิดไปยังเรื่องราวตางๆทั้ง อดีต ปจจุบัน และอนาคต ซึ่ง เรื่องราวตางๆเหลานี้ไมมีประโยชนอะไรกับเรา เพราะ “อดีต” เปนสิ่งที่ผานมาแลว 12


กลับไปแกไขขอผิดพลาดอะไรไมได “ปจจุบัน” อยูตรงไหน เพราะเวลามันเดินผานไป เรื่อยๆไมไดหยุดใหเปนปจจุบันของเรา สวน “อนาคต” ก็เปนสิ่งที่ยังมาไมถึง เราก็ ไมสามารถทําอะไรลวงหนาได..ความคิดเหลานี้จึงไมมีความหมายอะไรใหเราคิดตอไป สวนคําถามตอไปคงเปน “แลวจะใหตั้งทําไม” เอา..ก็ลองไม “ตั้ง” ดูส.ิ .ถาจิตใจตกยังความคิดเรื่องราวตางๆที่ทําใหจิตใจ เสียหาย โศกเศราเสียใจ มันเหมือนอยากจะตายทันทีเลยนะ ถาตนตั้งไมเปนหรือตั้ง ไมทัน ถาเจอเรื่องราวที่รายแรง มากๆ ถึงกับตองฆาตัวตายเพื่อหนีปญหากันเลยเชียว .. แตถาจิตใจเรา “ตก” ไปยังเรื่องราวที่นาชอบใจ นายินดี มันก็ไดแตคิดทั้งวัน ไมเปนทําอะไร ทําใหเพลิดเพลิน เจริญใจ จนขาดสมาธิ จนลืมตัวเองวากําลังทําอะไร อยู จึง เกิดขอผิดพลาด ในการตัดสินใจ ในการทําสิ่ง ตางๆ เพราะขาดการระลึก รูสึกตัว ถาเราตั้งเปน สังเกตเปน เห็นถึงเรื่องราวตางๆที่เกิดขึ้น ภายในจิตใจ การ ดําเนินของเราก็จะเปนไปอยางปกติ เรื่องราวที่มากระทบจิตใจยอมมีอิทธิพลนอยลง เกิดขอผิดพลาดในการทําสิ่งตางๆนอยลง แคการ “หยุดสังเกตตัวเอง” เทานั้น และ เมื่อคนเรา “รูเหตุ รูปจจัย ปญหาทุกอยาง จึง สิ้นความหมาย” จากประสบการณ “ตกตั้งใหม” ของตัวเอง อยากจะยกปญหาที่เกิดขึ้นกับ วัยรุน วัยเรียนกันทุกคน..เรื่องที่วัยรุนฮิตมากที่สุด คือ “การมีแฟน” สําหรับตัวผม เองในฐานะวัยรุนชายคนหนึ่งก็คบหาเพื่อนหญิงเปนเรื่องปกติแตที่ไมปกติก็คือ เวลา คบกับเขาแลว ใจของเราเอง “ตกไป” อยูกับเขาทุกที่ ทุกเวลา จนไมเปนอันจะกินจะ เรียนกันเลย กอนที่คิดจะคบใครสักคน ตองแยกระหวางความ “รัก” กับ ความ “หลง” ใหเปนเสียกอน ซึ่งคําวา “รัก” ของวัยรุนในปจจุบันนี้ ถาสังเกตดีๆเหมือนวาจะ เปน 13


คํา “หลง” มากกวา เพราะที่จริงแลวใจเราเอง อยากใหเขาเปนอยางที่ใจเราตองการ ซึ่งตัวผมเองก็เคย “ตก”ไปสูอารมณนั้น เพราะมันเปนอารมณที่เราตองการ มันเปน อารมณที่นาชอบใจ นายินดี และมีความสุขที่ไดอยูกับมัน ..แตพอ อยูมาๆ มันเกิดไม เปนอยางที่ใจเราตองการ โอโห..มันอยากตายวันละสามเวลาเลยทีเดียว.. ผมอยากจะเลาตัวอยางประสบการณที่มีอิท ธิพ ลตอใจผมมากที่สุดใหฟง เอาไวเปนตัวอยางในการฝกหัด “การสังเกตตัวเอง”เรื่องของเรื่องก็คือ ผมรักผูหญิง คนหนึ่งแลวคบหาดูใจกันมาอยางเปดเผย โดยที่ พอ แม ทั้งสองฝายรับทราบไมมีขอ ปดบังอะไรกัน ทั้งสองครอบครัวได ไปมาหาสูกัน แลวใหเด็กสองคนคบหาดูใจกัน นานถึง 3 ป ซึ่ง ตอนนั้นผมไดละทิ้งเรื่องของการ “สังเกตตัวเอง” ไป จึง ปลอ ยให อารมณที่นาชอบใจ ครอบงําตัวเอง จึงเปนเหตุใหเกิดน้ําตาอันนองหนา ซึ่งมันไม นาจะเกิดกับ ผูชายอกสามศอกเลย ผมไดปลอยใจตัวเองใหไปอยูกับ คนอื่นมากไป ตามเอาอกเอาใจคนรักทุกอยาง ถึงขั้นไปรับมาสงที่รานอาหารเพื่อใหเขามากินเหลา กับเพื่อน ทั้งที่ระยะทางบานเขากับบานของผมไกลจากกันตั้ง 20 กิโลเมตร เขาใหไป รับไปสงตอนกลางคืน ผมก็ยังไป ทั้งที่ไปไมใชเรื่องอะไรของผมเลยผมทําไปเพราะ “ปลอยใจ” ให “หลง” รักเขามากเกินไปโดยที่ไมยอมสนใจฟาดิน จนถึงเวลาที่ผมไดลอง “หยุด(เพื่อ)สังเกต” การใชชีวิตของเราสองคน จึงทํา ใหผมเห็นเรื่องปดบังที่ฝายเธอแอบซอนไว ผมเห็นกริยาแปลกๆที่เกิดขึ้นกับเธอเวลา เธอ ออกไปเที่ยว กินเหลากับเพื่อนๆผมไดยินเธอคุยโทรศัพทดวยถอยคําหวานๆตาม ประสาวัยรุน โดยที่ไมสนใจตัวผมที่นั่งอยูขางๆ อันที่จริงเหตุการณแบบนี้ มันเกิดขึ้น เปนประจําจนผม “ลืมสังเกต” ความผิดปกติที่เกิดขึ้น เพราะคิดวาคงไมมีอะไรมาก แตที่ไหนไดเ ธอคุ ยกับ ผูช ายหลายคนในขณะที่คบกับ ผมอยู มี อ ยูครั้ง หนึ่ง ผมได ตัดสินใจถามวา “คบกับผมแลวยังคบกับคนอื่นดวยหรือ” ผมไดคําตอบกับมาวา “เรา ไมไดคบกันไมใชหรือเราเลิกกันตั้งนานแลว” ผมถามตอไปวาอีกวา “เรื่องที่ผานมาผม 14


คิดไปเองใชไหม” เธอตอบกลับมาวา “คงทํานองนั้น”และเธอยังยอนถามผมอีกวา “เจ็บไหม” ขณะนั้นผมอึ้งจนแทบหายใจไมออกในคําตอบและคําถามของเธอผมอยาก รองไหแตก็รองไมออก...มันรูสึกวามีลมมาจุกที่หนาอกอยางเดียวมันทําอะไรตอไป ไมไดอีกแลว เธอยังใหผมกลับไปสงที่บาน..หลังจากคุยกันเสร็จแลว..เธอยังบอกใหผม นอนคางที่บานเธออีก แตผ มตัดสินใจกลับ บานตอนพาเธอไปสง นั้นผมวาเล็ง จะ “ลอยแพ” (บอกเลิก) เธอเพื่อประชด แต ใ นระหว า งทางผมได “สั ง เกต”ใจตั ว เองมาตลอดทางจึ ง ทํ า ให รู ถึ ง เหตุการณตางๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมด วาที่จริงมันเริ่มจากใจของผมกอนทั้งสิ้น เพราะผม “ปลอ ยใจ” ใหไปกับเธอเอง ทั้งๆที่ตนเองมีพื้นฐานการเจริญสติ “สังเกต” ความ เปนไปของใจอยูแลวแทๆ กลับทิ้งมันคงเปนเพราะ ไมรูจัก “ทุกข” มั้ง ผมเลยทิ้งฐาน ภาวนาทิ้งวิธีการสังเกตใจแลวออกไปหามัน.. ตัวอยางเหตุการณนี้ คงไมเปนปญหาที่หนักหนามากนัก เพราะตอนนั้น..ผม ก็พอมีพื้นฐานในการฝก “ตั้งสติ” ทําความระลึกรูสึกตัวอยูบางแลว จึงทําใหผม ออก จากอารมณ ความคิดที่ทําใหจิตใจเสียหายนั้นไดเร็วพอสมควร เรื่องราวที่รายแรง ตางๆ ที่เกิดขึ้นภายในใจจึงหมดอิทธิพล ถึงแมก ารดําเนินชีวิตของคนบางคนจะไมมีปญหาอุปสรรคมากนัก แตถา สังเกตใหดีจะเห็นไดวา “ปญหามันเกิดขึ้นกับใจอยูตลอด” ในการใชชีวิตของผมเอง ในปจจุบันนี้ ก็ยังมีเรื่องราวเขามากระทบจิตใจ ไมเวนแตละวัน ทั้งเรื่องของการเรียน ที่ยุงยากจนตัวเอง “เกิดความไมพอใจ” และเวลาเกิดความไมพอใจขึ้นแลวใจของผม เองมันยังคิด “ตอตาน”อีก เพราะมันไมพอใจนั้นแหละเห็นเลยทันที “ความปราด ของใจ” ทําดีไป ตามใจตัวเองเกินไปก็ไมดี เจอเรื่องไมพอใจก็ “ตอตาน” อีกทั้งยัง 15


เรื่องที่ “เก็บเอามาคิด”เวลาเดินผานผูคนในแตละวัน เมื่อเจอหนากัน ใจมันไปอยูกับ เขาทันที แลวมันก็เกิดความคิดตางๆมากมาย จนทําใหเดินสะดุดโดยไมรูตัว สวนในขณะที่กําลังเรียนอยู “สังเกต”ไดวา ใจของผมมักคิดออกไปจากเรื่อง ที่ครูกําลังสอนอยู รูตัวอีกที่ครูพูดไปถึงไหนแลวก็ไมรู ทั้งๆที่เราฟงอยู แตเราไมไดยิน เสียงที่ครูพูด ฉะนั้น เคล็ดลับไดการดําเนินชีวิต การทํากิจกรรม งานตางๆ ใหประสบ ผลสําเร็จ จึงสรุป..รวมไวที่การ “สังเกต” ความเปนไปของใจเราในแตละวัน แตละ เวลา แตละนาที จึงจะเห็นขอผิดพลาด ขอบกพรอง และเปนเหตุใหเกิดปญญาในการ แกไขปญหาที่เกิดขึ้นดวยตนเองได ไมตองใหหมอดูหมอเดาที่ไหนมาชวย (กินตังคเรา อีก) นี้แหละเปนความรูอ ันล้ําสมัยที่มีผูรูมากอนแลวเมื่อ 2500 กวาป และรูโดย การ “หยุด(เพื่อ)สังเกต”ดู ความเปนไปของใจที่เปนนามธรรมของตัวเอง และนี้ แหละเปนสิ่งที่ “มนุษย”ปุถุชนคนรุนหลังควรรูไวแลวนําไปปฏิบัติตามเพื่อประโยชน และความสุขในการดําเนินชีวิตของทุกผูทุกตน..

16


3. ปลูกฝง - ญาณาธร นามเขต “มึง ไมฟง ” เปนคําของลุง สาทที่กับ ผมตลอดเวลาที่ผ มฟง เพลง หรือ เลนกีตารกับแก และอีกคําที่ชอบพูดคือ “ฟงแตไมไดยิน ไดยินแตไมไดฟง” พับผาสิ ผมไมชอบเลยที่โดนวาอยางนั้น! เพราะตัวผมเองก็เขาใจวาผมก็ฟง อยูนะ แตทําไมถึงบอกวาไมไดฟง หลายครั้งที่เวลาจับกีตารขึ้นมาเลนผมคิดกอนเลย วา เอะ? จะเลนเพลงอะไร มันก็เลยทําใหผมเลนไมออก แตก็ยังเลนเลนแบบที่วาไหล ไปเรื่อย ไหลที่วาคือเลนไมมีหลัก หรือเลนมั่ววางายๆ คือตอนที่ผมไปนั้นไมรูวามัน ไหลไปมันเพลิน พอผมเลนเสร็จผมไมไดอะไรจากการเลนที่ผานมาเลย มันทําใหผม เบื่อ และไมอยากเลนพอมีใครมาบอก ไหนลองเลนกีตารใหฟงหนอย ใจผมตกไปทันที พยายามเลนใหดี มันกลับไมดีตัวพยายามที่จะเลนมันทําใหผมเลนแบบดนสดไมได พูดถึงตอนที่ผมอยูคนเดียว ผมจะคิดไปเรื่อยไมหยุด คิดถึงบาน คิดถึงเพื่อน และอีกหลายๆเรื่อง จนทําใหบางวันผมดู เหงา ซึมเศราไปเลย มีอยูชวงหนึ่งผมเปน หนักมาก จากที่เมื่อกอน เคยเลนกีตารแบบดนสดได ตั้งใจเรียนฝกซอม เกิดจากการ ไมทําตามคําแนะนําของลุง ปลอยใหคิดไปเรื่อย แลวตัวเองก็ไปจมอยูกับความคิด ตอนนั้นไมอยากเรียนแลวคืออยากกลับบานวางั้นเถอะ การที่ผมคิดไมหยุดนี่มันจะ สงผลตอการเรียนของอยางมาก อืมม..ไมเฉพาะกับการเรียนหรอก ทุกๆเรื่องเลยนั้น แหละ แตผมก็ไมไดกลับมารูสึกตัวไวเหมือนคนอื่นเขาหรอก คือเวลาที่ผมคิดแลวผม 17


จะคิดนาน กวาจะกลับ มารูสึกตัวก็นานหนอย แตก็ยังดีที่ยังกลับมาไดใชวาจะรูอ ยู ตลอดนะ แปบเดียวก็คิดไปอีกแลว ผมนึกถึงตอนที่ลุงวา "มึงไมฟง"นี่แหละ ผมลองไปตั้งใจฟงดู ตั้งใจมากเลยนะ ฟงยังไมถึงครึ่งเพลงเลย ก็เปลี่ยนไปคิดเรื่องอื่น เพลงจบตอนไหนยังไมรูเลย ผมจึง เขาใจวาที่จริงผมไมฟงจริงดวย แลวอยางนี้จะไปแกะเพลงไดยังไงถาหากฟงไมดี จะ ฟงคนอื่นรูเรื่องไดไง ถาผมไมตั้งใจฟง เอาใจไปฟง ผมก็เปนคนขี้เบื่อเหมื่อนกันนะ อยางเชนไปเจอไปไดยินเพลงไหน ถูกใจ อยากที่จะ เลน ได ก็ฟง แล วแกะ ก็ แกะได เ ฉพาะ อิน โทรของ ..แต่ถ้าเมื อก่อนทีไม่ได้ ฝึกรู้ส ึกตั ว หรือตกตั ง เพลงนั้น แลวก็เลิกเลนเพลงนั้นไป ทั้งๆที่ผมยังเลนไม ใหม่ ผมจะโกรธนาน จบเพลงเลย มันทําใหผมเสียนิสัยดวย เจอเพลงไหน มาก คือถ้าทําอะไร ถูกใจ สวนใหญก็จะเปนอยางนี้ไดแคทอนอินโทร ก็ เ ป ลี่ ย น ไ ป เ อ า เ พ ล ง อื่ น อี ก ซึ่ ง มั น เ กี ย ว กั บ ไม่ได้ตอนนั นผมจะคิด หาวิ ธีเอาคืนให้ได้… ชีวิตประจําวันของผมดวยนะ คือทําอันนี้ยังไมเสร็จก็ เปลี่ยนไปทําเปนอยางอื่น ผมมาเปนชวงหลังนี่อีก สาเหตุเกิดจากไมอยากทํา ลุงบอกอะไรก็ไมคอยฟง เทาไรแกก็เลยสงใหไปอยูกับพระอาจารย อยูวัดอาจารยก็พาทํางานบาง อาจารยใหดู หนังบาง แตที่อาจารยชอบพูดบอยๆ คือใหสังเกตเวลาทํางาน หรือเวลาอยูคนเดียว จะไดรูวาใจตอนนี้เปนยังไง อยางเชนปลูกตนไมจะปลูกไปเรื่อยก็ไมไดนะไมไปดูแลมัน ก็ไมได อาจารยบอกวา "อยางนั้นเขาไมไดเรียกวาปลูก เขาเรียกวาฝง"

18


อาจารยมักจะพูดใหฟงอยูบอยๆผมอยูที่วัดชอบนอนตื่นสาย ลุกไปทําวัตรไมทัน จะ โดนอาจารยดุอยูเรื่อย ผมโดนดุอยางนั้นใจผมตกไปในความคิดทันทีเลย ทําไมตองมา วาดวยก็แคตื่นสายไมไปทําวัตรเอง มันผิดดวยหรอ....คือตอนนั้นไมรูวามันตกไปใน ความคิดกวาจะตั้งไดก็นานเหมือนกัน ตอนอยูที่บานลุงสาทมีนักดนตรีคนหนึ่งเขามาที่บาน พี่เขาเอากีตารมาดวย ผม เห็นกีตารของพี่เขาสวยดี เปนกีตารแจ็ส ดวยก็เ ลยไปจับ กีตารม าเลนโดยไมไดรับ อนุญาตจากเขา ผมจับมาลองดีดดูแลวก็วางคืนไวที่เดิม พอพี่เขากินขาวเสร็จแกเดิน เขามา ตอนนั้นผมยังลางจานอยู พี่เขาถามวา ใครจับกีตารเปนคนสุดทาย ผมก็บอก วาผมเอง เทานั้นแหละเขาดุผมใหญเลยวานักดนตรีที่ดีไมควรเลนเครื่องดนตรีของคน อื่นโดยไมไดรับอนุญาต ผมเห็นเขาโมโหใหญเลย แลวพี่เขายังพูดอีกวาถาเปนคนที่อยู ที่ที่เขาทํางาน เขาจะบอกเจาของรานใหไลออกเลยนะ เขายังบอกอีกดวยวาถาเปน คนอื่นผมเตะเลยนะ ตอนนัน้ ผมโกรธมากเลย ผมก็คิดวากะอีแคจับกีตารตองมีเตะมี อะไรดวยหรอ ทําไมตองพูดใสอารมณขนาดนั้น ทั้งๆ ที่ไมไดทํากีตารพังสัก หนอ ย ตอนนั้นใจอยากจะเรียกพี่เขามาชกกันเลยนะ แตทําอะไรไมไดที่จริงก็กลัวเหมือนกัน นะ จากนั้นผมเดินลงไปขางลาง ยังโกรธไมหายนะ พอผมเขาหองน้ําไปอาบน้ําสักพัก อาบน้ําเสร็จไอความโกรธก็หายไป แลวก็ขึ้นไปบอกลุงวาเมื่อกี้โกรธมากเลย แตพอ อาบน้ําเสร็จไมรูสึกโกรธเลย ขึ้นมาเจอพี่เ ขาก็ธรรมดา คุยกันธรรมดา แตถาเมื่อ กอนที่ไมไดฝกรูสึกตัว หรือตกตั้งใหม ผมจะโกรธนานมาก คือถาทําอะไรไมไดตอนนั้น ผมจะคิดหาวิธีเอาคืนใหได ตั้งแตที่ไดฝกทําความรูสึกตัว หรือ “ตกตั้งใหม” ความโกรธของผมเริ่มมีระยะหาง กวาเดิมไมเปนบอยมากเหมือนเมื่อกอน หรือถาเจอเรื่องที่ทําใหหงุดหงิด รําคาญ 19


อาการพวกนี้มีไมมากเหมือนเมื่อกอนกลับมารูสึกตัวไดชัดขึ้น ไวขึ้น แตยังไงก็ตองทํา ไปเรื่อยๆ สังเกตดูใจวามันเปนไง ตอนนี้ก็ยูในชวงฝกฝนอยู

20


4. ชนะใจ ไรพุง- จารุวรรณ สุภลาภ ใจกับพุง มันเกี่ยวของกันยังไงนะ อยากรูจัง กลางเดือนสิงหาคม 2553 สํานักงานสาธารณสุขอําเภอสามงาม จ.พิจิตร ได จัดคายอบรมในหัวขอ “การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ เพื่อปองกันโรคเรื้อรัง” ระยะเวลา 3 วัน 2 คืน โดยกลุมเปาหมายในครั้งนี้ก็คงไมพนกลุมเสี่ยงอยางขาพเจา (พวกที่พรอมจะอวนหรือ อวนไปแลว นั่นแหละคะ) แคคิด ก็นาเบื่อแลว... วันแรก ก็เจอของแปลกเขาใหแลวสิเรา มีการอบรมไหนบางคะที่ใหนั่ง เดิน ยืน และก็นอน ...สบายละ ทีนี้ กินแลวก็นอน แถมเสียงกรนใหฟ รีๆ อีกตางหาก อาจารยที่เปนวิทยากรทั้ง 2 ทาน คือ อ.ประสาท ประเทศรัตน และ อ.ศรชัย ฉัตร วิริยะชัย ทําอะไรมันก็ดูแปลกไปหมด การพูดจา อิริยาบถตางๆ (กิน เดิน ยืน นั่ง) นั่นคือสิ่ง ที่ขาพเจาคิดและสังเกตคนอื่น แตลืมสังเกตตัวเอง สิ่งที่อ าจารยพูด เชน สังเกตไหมวาตัวเรานั่งอยูที่หองนี้ แตใจเรามันไปอยูที่ไหน ที่บาน ที่ทํางาน ที่ตางๆที่ ใจเราคิดถึง หรือ “ฟงแตไมไดยิน ไดยินแตไมไดฟง” หรือ เวลานั่งก็ใหรูสึกอยูกับ การนั่ง รูสึกที่ขาสัมผัสพื้น กนสัมผัสพื้น ขาซายทับขาขวา ลมหายใจเขา ลมหายใจ ออก ตอนนั้นขาพเจาก็ส งสัยอยูเ หมือนกันวา รูไดยัง ไงวาใจเราไมไดอยูตรงนี้ รูไ ด ยังไงวาเราฟงแตไมไดยิน เอะ...ยังไง วันที่สอง “กาแฟหมา” มื้อเชามหัศจรรย ที่ตอนนี้เอาอะไรมาแลกก็ไมยอม ตักขาวตม วางตรงหนา แลวก็เริ่มกิน กินคําแรกดวยความหิว คําที่ 2, 3, 4 ...หมดไป ครึ่งถวย เอะ... (ตอมเอะเริ่มทํางานอีกแลวคะ) มันชักอิ่มๆ แลวนะ ถามตัวเอง อีกครั้งวาอิ่มจริงๆหรือ เพราะปกติแคนี้ไมพออิ่มแนๆ โอ...เหมือนโดนหมัดน็อกกลาง 21


อากาศ นี่ไงเลา ที่อาจารยทั้งสองทาน เฝาเพียรสั่งสอนตลอดระยะเวลาที่อบรม ทั้ง พูดใหฟงและทําใหดูอยูบอยๆ เมื่อใดที่เรากลับมาอยูกับความรูสึกตัว ความคิดมันก็ จะคอยๆลดลงหรือหมดอิทธิพลลง ความรูสึกตัวก็จะคอยๆชัดเจนขึ้น เราก็เลยรูวา ความรูสึกอิ่มมันเปนยังไง แตกอนนี้ เวลากินขาว ไมเคยสังเกตความรูสึกตัวเองเลย ยิ่งอาหารอรอยๆ กินกันหลายๆคน กินไปคุยไป ก็กินมากโดยไมรูตัว ก็เหมือนเวลา เราตักขาวตม มันมีทั้งความหิวและความอยาก ความอยากทําใหตักมามากเพราะกลัว จะไมอิ่ม วันที่สาม ก็ยิ่งชัดเจนในความรูสึกตัวของตนเองมากขึ้น ความคิดตางๆเริ่ม นอยลง กลับมาสนใจอยูกับความรูสึกตัว เวลาทําทาทางการเคลื่อ นไหวตางๆ เชน เหยียดปลายเทา เหยียดแขน และอีกหลายๆทา มารูทีหลังวาเปนอุบายใหกายกับจิต มาประกอบกัน คืออุบายการฝกจิตใหเกิดความละเมียด จะไดมีความฉับไวในการ จัดการกับเรื่องราวตางๆที่เราตองเจอในแตละวัน ขาพเจารูแลววาจะรักษากาย อยางไร ไมใหปวยหรือเปนกลุมเสี่ยงกับโรค เรื้อรังตางๆ ทั้งๆที่กอ นหนานี้ ไมเ คยคิดสนใจในการดูแลสุขภาพตนเองเลย ดวย ขออางที่ทันสมัย คื อ ไมมี เ วลา เนื่อ งจากคิ ดอยา งประมาณวา ตัวเองรางกายยั ง แข็งแรงดี ไมดื่มเหลา ไมสูบบุหรี่ ตรวจสุขภาพประจําปก็ไมเคยพบความผิดปกติอะไร มาถึง ตรงนี้ก็ฉุกคิดไดวา เจาหนาที่และบุคลากรในแวดวงสาธารณสุขหลายๆคน รวมถึงชาวบานและตัวผูปวยเอง ก็คงรูอยางที่ หมอๆ รูนั่นแหละ วาทําอยางไรถึงจะ ไมปวย ทําอยางไรถึงจะมีสุขภาพดี แตมันยากตรงที่ไมอยากทํานี่แหละ สําคัญนัก การดูแลสุขภาพ ก็คือการดูแลธรรมชาติในรางกายของเรา ใหเกิดสมดุล ไมมากไป ไม นอยไป ผูปวยที่แนนโรงพยาบาลทุกวันนี้ ก็เพราะใสความไมเปนธรรมชาติเขาไปใน รางกายมากเกินไปนั่นเอง กินมากไป หวานไป เค็ม ไป ผิดธรรมชาติของรางกาย เหลานี้ ลวนนํามาซึ่งโรคเรื้อรังโรครายตางๆ ถาทุกๆคน รู และเขาใจ ตามนี้ เชื่อวา 22


หมอๆ และเจาหนาที่ตางๆในโรงพยาบาลคงเหนื่อยนอยลง เพราะวารางกายเราเกิด มาจากธรรมชาติและวันหนึ่งก็ตองคืนกลับสูธรรมชาติเชนกัน กลับจากการอบรม ขาพเจาก็ไดนําสิ่งตางๆที่ไดเรียนรูมาปฏิบัติตอที่บาน ทั้ง ตื่นนอนตอนเชาและกอนเขานอน เชน การเหยียดปลายเทา การออกกําลังกายดวย ทาทางงายๆ และสังเกตความรูสึกตัวเองตามไปดวย รูสึกไดวานอนหลับไดสนิทขึ้น ตื่นเชามาสดชื่นกวาแตกอน เริ่มตนวิ่งออกกําลังกายตอนเย็น ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การกินของตนเอง โดยพยายามรูสึกตัวทุกครั้งเวลาจะกินอะไร สังเกตวามันเปนความ หิวหรือความอยาก ถาเปนความอยากก็ละเสีย กินขาววันละ 2 มื้อ ไมกินขาวมื้อเย็น (ซึ่งจากขอ มูล ทางวิท ยาศาสตร พบวา ถาเราปลอยใหรางกายรูสึก หิวหนอยๆ “..แปลกมาก ทีสามารถ ลด อารมณ์ รางกายจะรับมือกับความซึมเศราและ ไม่ชอบใจต่างๆ ได้ดีขึ น ไวขึ น ความวิตกกัง วลไดดีขึ้น หรือสามารถ ถึงแม้ ว่ามั นยั งรู้สึกถึงอารมณ์ทีไม่ ตานโรคซึมเศราไดนั่นเอง) อืม...ใครจะ ชอบใจอยู่ แต่ม ั นก็มีอิทธิพลน้อยลง เชื่อ เพียง 3 อาทิตย น้ําหนักลดลงไป 5 ทีสําคัญไม่ตามติดไปทีบ้านด้ วย กิ โ ลกรั ม รอบเอวลดลงไป 2 นิ้ ว ซึ่ ง เวลาเลิกงานก็เลิกจริ งๆ จบจริ งๆ เทคนิคงายๆ ก็คือ วงกลม 3 วง วงนอก เพราะมั นคืออดีตไปแล้ ว..” สุดคือตํ ารา ความรูตางๆ วงกลางคื อ การปฏิบัติ และวงกลมที่สําคัญที่สุด คือ วงกลมขางในสุด ก็คือตัวเรา จิตและใจ ของเรานั่นเอง “สุขภาพดีไมมีขาย ถา อยากได ตองเริ่มจากวงในสุด” ถาเราเอาชนะใจตัวเองได เราก็ไรพุง ความรูสึกบางอยางมันเริ่มเกิดขึ้นในใจ เปนความสุขความภูมิใจเล็กๆ วาเรา ก็ทําได ถาการรัก ษากายมันมาเกี่ยวของโดยตรงกับการรัก ษาใจ อยางนี้แลว สิ่ง ที่ 23


สําคัญที่สุดที่เราตองเรียนรู ก็คือการรักษาใจนั่นเอง ปลายเดือนกันยายน 2553 จ. แพร ที่ระเบียงบาน อ.ประสาท ประเทศรัตน ขาพเจาไดมีโอกาสสนทนาธรรมกับพระ อาจารยไพบูลย รวมกับเหลาลูกศิษยลูกหาของพระอาจารย ทําใหยิ่งชัดเจนและรูสึก ปติในใจเปนอันมาก โดยเฉพาะประโยคที่วา “บนโลกใบนี้ มีอยูแคสองสิ่ง คือสิ่งที่ ชอบใจและสิ่งที่ไมชอบใจ” ประโยคสั้นๆ งายๆ แตความหมายชางลึกซึ้ง กวางไกล เหลือเกิน คือกระทบใจอยางแรง มันเปลี่ยนความคิดและมุมมองตางๆไปเลย เชน การที่เรารูสึกไมดีกับคนๆหนึ่ง แตกอนเราก็จะบอกวาเคาไมดีอยางนั้น อยางนี้ เคาทํา อยางนั้น อยางนี้ แตจริงๆแลว เคาทําไมถูกใจเราตางหากละ ใชเลยคะ ไมถูกใจ ก็เลย ไมชอบใจ ความโกรธและเกลียดก็จะตามมา แตกอนไมรู ก็อยูกับความโกรธ ความ เกลียดไป ตอนนี้รูแลว ก็ละเสีย รีบออกจากอารมณที่ไมชอบใจนั้นเสีย หรือที่พระ อาจารยใชชื่อวา ตกตั้งใหม (ตกรอยครั้ง ตั้งใหมรอยหน) อืม...โชคยังดีนะ ที่เราไดมี โอกาสมาเรียนรูวามันตก แตกอนนี้ไมเคยรู ไมเคยสังเกตตัวเองเลย วาจิตใจเรามันตก มันจม ไปกับ ความทุก ข และก็ยิ่ง ไม รูเ ลยวาจะเอาใจมันตั้ง ขึ้น มาใหมไ ดอยางไร เทคนิคของพระอาจารยไมยากแตก็ไมงาย ยากตรงไมอยากทํา อยาที่พระอาจารยพูด ตองปฏิบัติบอยๆ รูสึกตัวบอยๆ จะเรียกวาถูกจริตก็ได กิน เดิน ยืน นั่ง มันสามารถ เรียนรูและฝกฝนไดตลอดเวลา เวลาขับรถไปทํางานไกลๆ แตกอนนี้ก็เขาใจวาเสียงเพลง จะชวยใหไมงวง ไม เบื่อ พอมาสังเกตจริงๆกลับไมเปนอยางนั้น เวลาเราฟงเพลงไปเพลินๆ ใจเราก็เริ่ม เคลาไปกับเสียงเพลง สติก็ไมไดอยูกับการขับรถแลวมาอยูกับเสียงเพลงแทน สักพักก็ งวงอยูดี ตอนนี้เลยใชวิธีใหรูสึกตัวบอยๆเวลาขับรถ รูสึกถึงมือที่จับพวงมาลัย รูสึกถึง แผนหลัง ที่ สัม ผั ส เบาะ ไดผ ลชะงั ก เลยคะ ความงว งหายเปน ปลิด ทิ้ง ไมต อ งพึ่ ง เสียงเพลงแลว หรือ เวลาทํางานแลวเจอะเจอกับ เรื่อ งราวที่ไมชอบใจ ที่มันเขามา กระทบใจ ก็รีบกลับมารูสึกตัว แปลกมาก ที่สามารถ ลด อารมณไมชอบใจตางๆ ได 24


ดีขึ้น ไวขึ้น ถึงแมวามันยังรูสึกถึงอารมณที่ไมชอบใจอยู แตมันก็มีอิทธิพลนอยลง ที่ สําคัญไมตามติดไปที่บานดวย เวลาเลิกงานก็เลิกจริงๆ จบจริงๆ เพราะมันคืออดีตไป แลว มีเวลามีความสุขกับครอบครัวกับตัวเองและกับคนที่เรารัก รักษากาย รักษาใจ ทําใหไดเรียนรู การใชชีวิต และใชชีวิตอยางมีความสุขมากขึ้น...

25


5. ออกจากความคิด - รุงนภา สุรเชษฐ กลุมตกตั้งใหม เปนชื่อที่ไมเคยรูจักมากอน และไดรูจักชื่อนี้ จากนาสาทและ พีศรชัย มีโอกาสรูจัก กับ พี่ทั้งสอง ในงาน “สภาสันติภาพโลก” (World Peace Congress 2010) เมื่อเดือน กรกฎาคม ที่ผานมา โดยเราทําหนาที่ในฐานะผูจัดงาน และพี่ๆ ทั้งสอง เขารวมในฐานะ ผูอภิปราย ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ ตางคนตางทํา หนาที่ของตน จึงไมไดพูดคุยกันมากนัก หลังจากจบการประชุม ก็ไดมีการติดตอกัน ทางโทรศัพท และนัดเจอกันที่รานกาแฟแหงหนึ่ง ในการสนทนาครั้งนี้ เปนกันเอง และตลอดการสนทนา รับ รูถึง ความรูสึก สบาย มีพลัง และกําลัง ใจ ในสิ่ง ที่ทําอยู ความรูสึกของการพูดคุยกับเพื่อนที่เรียกวา “มิตร” เปนเชนนี้เอง หลังจากนั้นไดติดตอกับพื่ๆ เปนระยะ โดยไดหารือกันในเรื่องตางๆ จนวันนึง พี่ศรชัยไดชัก ชวนใหไปเยี่ยมนาสาทที่ จังหวัดแพร การไปครั้งนี้ไดมีโอกาสเจอกับ อาจารย และเพื่อนๆ ในกลุมตกตัง้ ใหม ซึ่งเปนครั้งแรกที่ไดนั่งลอมวงพูดคุยกับผูที่เรา ไมเคยรูจักมากอน แตดวยความไมมีรูปแบบของวงสนทนา จึงทําใหเราไมรูสึกอึดอัด จากนั้นในวันรุง ขึ้นไดเดินทางไป วัดบอแกว เมืองลอง การไปครั้งนี้ เราเองก็ ยังไมรูวัตถุประสงคของการที่เราจะเขารวม แตตั้งใจไววาไปไหนไปกัน และการมา ครั้งนี้นี่เองที่ทําใหเราไดฝกการรูสึกตัว หนึ่งในกิจกรรมที่ฝกปฎิบัติการรูสึกตัวคือ การ เดิน ชวงที่เราเดินก็สังเกตดูคนอื่นไปดวย พรอมกับกังวลเล็กนอย วาจะตองกาวสั้น ยาวแคไหน และความเร็วประมาณเทาใด แลวเรารูสึกหรือไมวาเรากําลังเดิน คิดเยอะ มาก เขารอบที่สอง นาสาท เดินมาประกบขางๆ บอกวา “มารคความรูสึกไวที่จุดๆ เดียวกอน เริ่มจากเทาซายกอน ก็ได” จากนั้นเหมือนไดโคช มาแนะนําให เริ่มรูสึกกับ 26


การเดินของตัวเองไดมากขึ้น น้ําหนักจะเริ่มจากสนเทาซาย จากนั้นก็เคลื่อนผานฝา เทา จนไปถึงปลายนิ้ว รับรูแบบนี้ไปสักระยะ ก็เริ่มรับรูการเคลื่อนไหวของตนเองใน สวนตางๆ ชัดขึ้น รับรูถึงลมที่มาสัมผัส รับรูถึงความคิดที่ผุดขึ้นมา บอยครั้ง ขณะเดิน ก็จะรูมากขึ้นวาเราไปกับความคิดอีกแลว ซึ่งคิดแลวก็กลับมารูสึกตัว ไดขอ สังเกตวา เราเห็นการคิดของเรา ไดบอยขึ้น และการฝก ในครั้งนี้คือ การฝกออกจากความคิด โดยใชความรูสึกตัว เปนเครื่องมือในการออกจากความคิด ซึ่ง คงคลายๆ กับ นัก กีฬา ที่ตองฝก ใหรูสึ ก ถึง การเกร็ง ของกลามเนื้อในแตล ะมั ด เพื่อใหรูวาความรูสึกของกลามเนื้อที่ผอนคลายเปนอยางไร หลังจากกลับจากการฝก ที่เมืองลอง ก็ได นําความรูสึกตัวกลับมาฝกตอ โดย เริ่มจากเรื่องราว และอารมณที่เปนปกติ ในแตละวัน เชน เวลาขับรถ ก็ฝกรูสึกตัวไป ดวย รับรูถึงน้ําหนักเทาที่เรากําลังเหยียบคันเรง รูน้ําหนักมือที่จับพวงมาลัย จากนั้น จึงเริ่มเห็นมากขึ้นวาเวลาสวนใหญเราจะอยูกับความคิด เมื่อกอนไมเคยสังเกต ก็ไม เคยรูวาเราคิด คิดก็ใหรูวาคิด จากนั้นก็ออกจากความคิดโดยใชการรูสึกตัว นี่แหละ คือสิ่งที่ฝกอยูทุกวันนี้ ขอเลาประสบการณที่เ คยนําสิ่ง ที่ฝกมาใชกับเหตุก ารณๆ หนึ่ง จากการ พูดคุยโทรศัพทกับเพื่อน มีอยูวันหนึ่งมีเสียงโทรศัพทดังขึ้น พรอมกับโชวชื่อผูโทร...(เพื่อนสนิทเราเอง) เรากดรับสาย แตยังไมทันจะพูดฮัลโหลเลย เสียงตะโกนจากโทรศัพท ดังขึ้นดวย เดซิ เบล สูง ปด พูดรัว ชนิดจับ ใจความไมได รูเรื่องอีก ที ตรงคําวา "เบื่อ ๆ ๆ ... เบื่อ โวยยยย" แลวก็รองไห ตอนแรกพยายามจะปลอบเพื่อน 27


“เฮยใจเย็น ๆ เกิดอะไรขึ้น พูดเบาลงหนอย เราฟงไมรูเรื่อง” สิ่งที่ตามมาจากประโยคที่เราพูดจบ กลับเปนเสียงตะโกนที่สูงขึ้นกวาเดิม เหมือนความเสียใจเพิ่มเปนทวีคูณ ฟงอยูอยางนี้ชั่วโมงเศษ ๆ เหตุและผลที่ บอกออกไปชวยอะไรไมไดเลย “เฮยๆ ๆ...เฮย ฟงฉันหนอย ตอนนี้นายทําอะไรอยูวะ” “นั่งอยูในรถ....โอยยยย” “ขับรถอยูเหรอ” “จอดอยู โวย...โอย เบื่อ....” “เออๆ แลวนั่งอยูฝงคนนั่ง หรือฝง คนขับ” “คนขับ” ตอบสบัดเสียงหวนๆ “ออ แลว แลว น้ําหนักสวนใหญที่นายนั่ง มันลงไปที่กนหรือลงไปที่หลัง วะ” “ที่กน” ตอบดวยเสียงหวนเชนเดิม “อะไรของเธอวะ” “เออนา ตอบคําถามฉันกอ น... แลวมือ นายหละ มือ หนะวางอยูที่ไหน ที่ พวงมาลัย หรือวาที่ตัก” “ที่พวงมาลัย” เสียงเริ่มออนลง “ทําไมเหรอ?” “เปลา...แลวมือนายกําพวงมาลัยอยูหรือเปลา” “เปลาวางอยูเฉยๆ ไมไดกํานี่” น้ําเสียงเปนปกติ “อืม..แลวน้ําหนักในแตละนิ้วที่วางอยูนะ มันเทากันมั๊ย เพื่อน” “ก็ โอเค นะ วางสบายๆ ...มีอะไรหรือเปลา” “เปลา.....” 28


จากนั้นการสนทนาก็เริ่มพูดคุยตอ ใน น้ําเสียง และจังหวะในการพูดที่เปนปกติ ความ เสียใจยังไมหมดไป แตอิทธิพลของมันลดนอยลง นี่หละจุดเล็กๆ ที่ไดจากการฝกการรูสึกตัว (ออกจากความคิด) ขอบคุณพระ อาจารยที่ยอยเรื่องราวตางๆ ใหเขาใจไดโดยงาย พรอมทั้งปรับจูนมาในคลื่นความถี่ที่ พอดิบพอดีกับคลื่นของผูรับ การฝกยังคงดําเนินตอไป เชื่อวาคงจะไมเหลือวิสัย...

29


6. ลูกชิ้นกินไมหมด – ฉวีวรรณ ดวงบุญ “ขาดสติยั้งคิด” ฉันเขาใจวา มันเปนกันเฉพาะคนเราเวลากินเหลาแลว เมาจนขาดสติ บางคนจําไมไดดวยซ้ําวาตนเองมาถึงบานไดอยางไร หรือคนเจ็บ/ปวย ไข ที่ใกลตาย จะเพอเพราะขาดสติ ซึ่งตัวเองไมเคยเปนหนักถึงขนาดนั้น ก็เขาใจมา ตลอดวาตนเองเปนผูมีสติดี ไมเ คยขาดสติใหใครๆ ตําหนิได สวนมากเวลามีงาน สังสรรคมักจะมีคนชวนใหกินเหลา เบียร รวมถึงเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอลชนิดออน สําหรับผูห ญิง เพื่อ รวมงานบางคนที่ชอบสนุกถึงขนาดคะยั้นคะยอ ยกมาจอปาก หากฉันกินก็จะโหรองเชียรดวยความสนุกสนานดีใจที่มีสมาชิกคอเหลาเพิ่ม แตครั้ง หนึ่งฉันไมยอมกิน เพื่อนกดแกวจะเทใสปาก เพราะฉันไมยอม จําไดวาฉันโกรธมาก จนหนาแดง เขาจําตองละไปเสียไปสนุกตอของเขา แตฉันสิยังโกรธอยู เปนนานกวา จะหาย ก็หมดสนุกไปเลย ใครตอใคร ก็วาในชีวิตคนเราไมมีใครสมหวังไปเสียทุกเรื่องหรอก แตเพราะ ชีวิตไดรับความผิดหวังสําหรับฉันถือวารุนแรงมากที่สุดครั้งหนึ่งของชีวิต จนเคยคิดวา ชีวิตฉันก็เหมือนละคร มันตลกดี แตหัวเราะไมออก จะรองไหก็รองไมออก มันอยูใน อกในใจที่เต็มไปดวยทุกข มันตรงกับคําวา “หนาชื่น อกตรม” ตรงสุด สุด แถม จะ บอกใคร พูดก็ไมได มันไมมีประโยชนอันใด หากเขาไมรักไมชอบเราก็เลาไปก็กลัวเขา จะซ้ําเติม อายเสียเปลา ๆ ฉันพยามยามเลี่ยงที่จะเลา พยายามจะลืม หากมีคนถาม มักปฏิเสธวาเราพูดเรื่องอื่นกันดีวา ฉันไมอยากพูดเรื่องนี้ หากถูกพาดพิงฉันก็จะเงียบ ไมก็ยิ้มหรือหัวเราะ ไมโตแยง หรือไมกลาวคําใดๆ ออกมา หากเขาใหคําแนะนําก็จะ ยิ้มรับเสีย ใหมันผานไป 30


ความทุกขที่มันเกิดขึ้นกับฉันขณะนั้นมันหนักหนา เคยคิดจะฆา ตัวตาย แตม าไตรตรองดูเ ห็นวาไมดีพอ แมเปลือ งขาวเปลืองน้ํา เปลืองเงินทองไปเทาไหร เลี้ยงเรากวาจะโตขนาดนี้ แถมยังไมไดทดแทนบุญคุณผูมีอุปการะ ตายไปก็เสียชาติ เกิด ปกติฉันเปนคนประหยัดไมกินทิ้งขวาง ขาวในจานเมื่อตักมาแลวจะตองกินให หมด ชวงที่ทุกขมากไปกินกวยเตี๋ยวเจาอรอย มันกินไมลงขนาดลูกชิ้นที่เคยกินหมด กอ นเสน ก็ ยัง เหลือ เต็ ม ชาม ที่จํ าใจไปกิ นนั้ นเพราะยัง รัก ตนเอง กลั วเปน โรค กระเพาะ แคนี้ก็ทุกขแยอยูแลว ถาตองปวยอีกคงไมไหว ชวงที่ทุกอยางมันเลวราย จําไดวาอยากฟงเพลงเศรา ๆ ถาตรงกับเรื่องของ เราก็ยิ่งชอบ รองไหไปรองไป มันจมสุด สุด จนสุดทายแกไขอะไรไมไดก็เลยโทษวา ทําไมเรื่องแบบนี้จึงเกิดขึ้นกับเรา ชาติกอนไปทํากรรมเวรอะไรไวถึงไดรับความทุกข อยางนี้ ประมาณนี้ ถึงแมพ ยายามหากิจกรรมทํามันก็ลืมไปบาง แตชวยอะไรไมได มาก เพราะเดี๋ยวก็ทุกขเหมือนเดิม มันคิดมากขนาดรูสึกตัวตื่นมาตอนเชา รูสึกตัว เรื่องทุกขมันก็คิดถึงเลยเปนเรื่องแรก จําไดแมนเพราะวันนั้นเปนวันหยุดตื่นสาย เลย วาทําไมมันหนัก หนาขนาดนั้น ยอมรับ วาตอนนั้ นทุก ขม าก ไมรู วิธีจัดการกับ มั น อยางไร ที่มีความเขาใจเรื่องของสติอยางถูกตอง เพราะไดมีโอกาสรูจักครูบาอาจารย ที่เปนนักบวช บานเราเรียกวา “พระ” นั่นแหละ จึงไดรูวิธีจัดการกับความทุกข แม ในตอนแรกจะเห็นผลไมมากนัก แตทุกสิ่งตองใชเวลา จนมาวันนี้ฉันดีขึ้นโดยเฉพาะ จิตใจ ความรูสึก ตัว ไมจ มในทุก ขห นัก เหมือนเดิม โดยนําหลัก ที่พระอาจารยมัก กลาวถึง คําวา “ตกแลวตั้งใหม” โดยเฉพาะชวงทํากิจกรรมเรียกกันวาเขาคาย ชวง วันศุกร-เสาร-อาทิตย โดยพระอาจารยเปนวิทยากร มีการเขารักษาศีลแปด ใหกับ นักเรียน ร.ร.ลองวิทยา หลายครั้ง ฉันจะรูสึกลืมทุกขไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง หลังจาก 31


นั้นก็กลับมาอยูกับสิ่งแวดลอมเดิมๆ ก็กลับเปนเหมือนเดิม แตทุกขหนักนั้นก็คอยๆ ดีขึ้น พระอาจารยมัก จะย้ําถามเวลาเจอหนา จะบอกวา อย า ลืมนํา ไปใชน ะ วิธีการรักษาใจนะ บอกวิธีไปแลว อยาลืมเอาไปใช ไดยินบอยมากในชวงแรก ๆ ตกแลวตั้งใหมหรือวิธีรักษาใจของฉัน ทําอยางไร ก็ตั้งแตตื่นนอนตอนเชาจนเขานอน เรารูสึกตัว จะพยามรูสึกตัวเองใหชัดเจน วาขณะนี้ตัวเรากําลังทําอะไรอยู นั่งอยูจะ รูสึกชัดเจนที่กนสัมผัสพื้น นอนอยูรูสึกชัดเจนที่หลังและกน ยืนอยูรูสึกตัวชัดเจนที่ ฝาเทา หรือเดินอยูรูสึกตัวถึงการกาวไปแลวเหยียบ โดยเฉพาะการเดินจะรูสึกตัวได ชัด เพราะผานการฝกเดินจงกลม สรุปงายๆก็คือใหรูสึกตัววาเรากําลังทําอะไรอยู ใหใจอยูกับกาย ไมฟุงซานไปกับเรื่องตาง แตฉันมักจะเผลอเวลาพูด เพราะเปนคนพูด มาก บาน้ําลาย ลืมหมด ทีนี้เผลอยาว เมื่อรูสึกตัวแลว ใจก็ไมคิดฟุงซานไปในเรื่องนี้ เรื่องนั้น หากเผลอคิดไป เมื่อนึกขึ้นไดก็ใสใจกับตัวเรากลับมารูสึกตัวใหม ชวงปแรก ๆ กวาจะรูสึกตัวก็เผลอลืมไปนานมาก แตการรูสึกตัวจะคอย ๆ ดีขึ้น ก็ทําแบบนี้อยู นานจนเดี๋ยวนี้นับเวลาคงเกิน 5 ป แลวกระมัง เมื่อผานมาถึงตอนนี้รูและเขาใจถูกแลว เกี่ยวกับเรื่องของสติ หลังจากเขาใจ ผิดมาตลอด วาสติมี 2 อยาง คือ สัมมาสติ (ดานที่เปนกุศล) เชน การทําบุญใหทาน รักษาศีล เปนตน และมิจฉาสติ (ดานที่เปนอกุศล) เพราะครั้งหนึ่งทําผิดศีลหนึ่งในหา ขอ แตก็ยังพูดดวยความมั่นใจเต็มปากวาฉันมีสติดีอยู ฉันรูตัวเองดีทุกอยาง ฉันเต็มใจ ทํามัน เพราะฉันไมรูวามันคือมิจฉาสติ ฉันยอมรับวา เกรง+กลัว +นับถือ+เคารพ+ศรัทธา พระอาจารยมากที่สุด กวา อาจารยใดใดที่ฉัน เคยมี ทา นชี้ท างใหฉั น ซึ่ ง ใครใครแมแ ตค นที่รั ก เรา ก็ไ ม 32


สามารถบอกใหเขาใจได ไมใชงมงายหลงพระนะ เพราะวาทานจะพูดกับลูกศิษย เสมอวา “คําสอนที่อาจารยสอนพวกเธอนั้น อาจารยไมไดคิดเอาเองนะ อาจารย เอาคําสอนของพระพุทธเจามาสอน ไมเชื่อก็ใหพิสูจนทดสอบ ใครไมเชื่อก็โตตอบ มา ใครสนใจใหไปศึกษาอานเอาเอง พระไตรปฎกก็มี ไปหาอานเอง” ฉันยัง รูสึก วาฉันเจอครูบ าอาจารยชาไปเสียหนอย แตก็ยัง โชคดีที่ไดเ จอ มิฉะนั้นชีวิตฉันคงจมอยูกับกองทุกขหนักไปอีกนาน แถมยังหาทางออกที่ไมถูกตอง หาวิธีลืมทุกข คงหาความสุขสนุกสนานเปนคอเหลาไปเลยแลว ชีวิตจมทุกขแบบนี้ไม เกิดขึ้นอีกแลวขอบคุณที่ฉันไดรูวิธีรักษาใจ ตกแลวตั้งใหม ขอกราบขอบพระคุณ พระอาจารย ไ พบู ล ย ถึ ง แม เ ราจะเป น ใครก็ ต าม พระอาจารย ก็ มี เ มตตามาก ขอขอบคุณสิ่งใดก็ตามที่ทําใหฉันไดเจอกับพระอาจารย ไดรับคําสอนที่ถูกตอง ทําให ฉันเดินถูก ทาง รวมถึงไดพ บเหลากัล ยาณมิตรทั้งหลาย เขาเหลานั้นเปนคนดีและ จริงใจเสมอ ทั้งที่ปกติแลวชีวิตนี้ฉันคงไมมีโอกาสจะรูจักเขาเหลานั้นหรอก

33


7. รักษาดียังไงก็ตาย – ประสาท ประเทศรัตน ตกตั้งใหมในชวงยาม “วิกฤติ” ยามคับขัน รูแลว ไดยินไดฟงมาแลว ไดทํา มาแลว ในช วงอาจารยพ าทํา แนะนํา ได สัม ผั ส แล ว กลับ มาใชชี วิต ประจํา วัน ก็ เหมือนเดิมคือ คิดวาเรารูแลวทํามาแลว ก็คงจะใชได พอไดรับกับเหตุการณอุบัติเหตุ กับตัวเอง ทําใหเจ็บปวยไมสามารถเดินไดคือนอน อยูกับเตียงเปนเวลา สามอาทิตย ทั้ง ที่ โ รงพยาบาลและที่บ าน ก็ แต นอนนึ ก นอนคิดถึง การงานและคิดวาตัวเองจะหาย “…ผมมั นใจในสิ งทีผมทํ า จากอาการนี้อยางไร จะเดินไดเ หมือ นเดิม มากกว่าเชือในสิ งทีคิด…” ไหม จะสามารถทํางานไดไหม หลังจากนี้ไป จะมีง านอะไรที่เ ราจะทําหาเลี้ยงครอบครัว ลูก เมีย แลวใครจะมาดูแล ในการนอนปวยของเราอยูอยางนี้ นับ วัน นับ คืน นับ ชั่วโมง อาการการเจ็บปวดที่กระดูกสันหลังก็ ปวดมากแมจะขยับรางกายนิดหนึ่งก็ ปวดมาก อาการแยล งจิตใจ ขุนมัว ในขณะที่มีใครมาเยี่ยม สัง เกตเห็นแวดตาที่ สมเพชเวทนาในภาพที่เห็นเรานอนอยูบนเตียงไมสามารถนั่งหรือเดินได จะกิน จะ ถายบนเตียง การขยับรางกายแตละครั้ง เจ็บปวดมาก ตองคอยๆ ขยับ ความเจ็บปวด นั้น แสนจะเจ็บปวดมากที่สุดเทาที่เคยมาในชีวิต มีผูคนมาเยี่ยมใจเราก็ยิ่งหอเหี่ยว เพราะการสนทนากับเขาดูเหมือนเขาจะใหกําลังใจ แต ใจเขาก็รูสึกไมดีที่เห็นสภาพ ของเราคงจะสงสาร นึกเวทนา ตอชะตากรรมของเรา มาก การดูแลก็มีแตภรรยาที่ คอยดูแล เอาใจใส ปอนขาวปอนน้ํา เช็ดขี้เช็ดเยี่ยว เช็ดตัวใหพอนานวันเขาก็รูสึก กังวลใจตอการจะอยูอยางไรเราก็คิดวาเราเปนภาระใหเขา ตอนนั้นก็เริ่มโทษตัวเองใส 34


ความคิดวาไมนาจะอยู แตจะตายมันก็ไมตาย ตลอดวันคืนสลับกับ อาการเจ็บปวดที่ กระดูกสันหลัง นอนนิ่งๆนานก็ตองขยับ แตขยับเมื่อไรความเจ็บปวดทําใหจิตใจแยไป ลงอีก “ขี้อะไรทั้งวัน หลายหน ไมไดทําอะไร ใหขี้ครั้งเดียวนะ” ภรรยาเริ่ม ลําบากใจในการมาเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวทําความสะอาดใหกับเรา ที่ชวยเหลือ ตัวเองไมได จิตใจยิ่งตกไปอีกกับอิสรภาพของความเจ็บปวย “นาสาท รักษาดีอยางไรมันก็ตาย” เสียงดังมาจากหนาบานจําเสียงไดชัดเปนเสียงพระอาจารยไพบูลย มันมา สกัดความนึกความคิดที่กําลังคิดที่จะแกไข วาเราจะทําอยางไรในชีวิตเรา ความรูสึก เมื่อไดเสียงถอยคําที่อาจารยตะโกนบอกกลาว ทําใหผมรูสึกโกรธไมพอใจ หู หนา ตา รอนเลือดฉีดแรง คิดในใจวา อาจารยทําไมมาวาแบบนี้นาจะใหกําลังใจพูดบอกกลาว กันดีๆ “นี.่ .นาสาท…เซลมัน ตายนาทีละเปนลานๆ เซล รางกายก็เหมือนกันมัน ตายแนๆรางกายรักษาดีอยางไร มันตายแน…รักษาใจสิ …….มารูสึกตัว อยาไป ตามคิดมัน….. มันคูณสองนะ ความเจ็บความปวด” อาจารยมายืนพูดตอที่เตียง นอนผมแลว แปลก คําพูด ตอนแรกที่ทําใหผมโกรธ แตตอนที่อาจารยมายืนที่ใกล เตียงพูดตอมันทําใหผ มรูสึก เบาใจขึ้นโลงใจขึ้น มีแวป หนึ่ง สะดุดคําวา “รางกาย รักษาอยางไร มันก็ตายแนๆ” มันจริง ๆ ในใจมันออกมารับ แบบนี้ ตามมาวา “รักษาใจ เพราะใจมันเสียหาย จิตใจเสียหาย” คําหลัง นี้เ ปนคําเกาตั้งแตไดยินเสียงอาจารยครั้ง แรก เมื่อไดยินเสียงเกิด สะดุดใจ เดินเขาไปดูวาใครหนอเปนเจาของเสียงนี้ ที่วัดหวยกี้ตอน ไปสงภรรยาผม ไปทําอาหารเลี้ยง นัก เรียนลองเขากรรมฐาน สัญ ญาจํามันทํางานมันเก็บไว แลว 35


และสิ่งไดทําแลว มันเปนเหตุใหเ กิดผล คือ ความเขาใจตอคําพูด ถอ ยคํา อารมณ ความรูสึก เจตนา ของอาจารยทันทีเมื่อไดฟง ตกไปในอารมณเรื่องราวที่เศราหมอง ใหออกจากเรื่องราวนั้นเสีย จากการคุยกันเมื่อเร็วๆ นี้ ผมถึงสังเกตไดวา คนมักจะเลาเรื่องไดชัดตอนมัน ตกอยูในอารมณหรือเรื่องราวที่ไมดีคือ โกรธมาก ทําอะไรไมถูก การตัดสินใจพลาดทํา ใหการกระทําพลาดดวย เขาจะเลาไดแตตอนที่ สถานการณที่มัน “ตกไป” แตตอนที่ มัน “ตั้งขึ้น” กลับไมมีใครกลาวถึงวามันตั้งไดอยางไร ศรชัยบอกวานาสาท ชอบถาม เขาวา “แลวทําอยางไรตั้ง ทําอยางไร” ตอนนั้นผมก็สังเกตวาทําไมคนถึงไมเลาตอน มันตั้ง ตั้งอยางไร….กอ นจะตั้ง มันตกกอน “จิตตก” คือตกไปในอารมณเชน โกรธ โมโห เศราใจฯล เปนลักษณะอาการ ของการ “ตก” “มันเปนธรรมดา อยางนั้นแหละ มันก็เปนของมันอยางนั้น แลวเธอไป เดือดรอนอะไรกับมัน” ถอยคําที่ไดฟงไดยินบอยๆ “จิตมีหนาที่รูอารมณ อารมณดีมันรู อารมณไมดีมันก็รู แตหลังจากนั้นแหละมัน เกิดอะไรขึ้น” ไดยินถอยคําที่อาจารยพูดบอยๆ ในใจออกมารับ ออ จิตมีหนาที่ รู อารมณ กอเปนผล ใหลักษณะอาการของจิตใจเปลี่ยนทันที ที่ไดยิน เบาใจ คลายใจ ออกจากเรื่องราวความคิด ใจไมเศราหมอง “เปนเหตุใกล”คํานี้ไดยินบอย แตยังติดคางใจอยู มันแครูตามจริงๆ ถึงวา มัน ยาก หากไม มี อ าจารย เ ปน ผู แ นะนํ า อบรมบ ม นิสั ย ใน คอร ด ก อ เหตุ ป จ จั ย เบื้องแรก คงไมสามารถคิดตามและตามคิด เขาใจตามได ตอนตั้ง จึงสังเกตไดยาก เพราะเปน ออโตรัน (autorun) มันไวมาก ยิ่งมันไว แตก็ไมไดสังเกต ไมไดฝกสังเกต หรือทวนถาม ชวนกันสาวหาเหตุ ยิ่งไมมีทางจะรูวามันตั้ง ไดตอนไหน มันเปนอยางไร 36


มันเปนเครื่องหมาย อะไร อะไร รูตัว รูสึก มันเปนเครื่องหมาย อุปมาคนไมเคยกิน ทุเรียน ใหมาอธิบายรสทุเรียน จะรูไดถึงครื่องหมายของรสทุเรียนไดหรือเปลานะ ที่ จริง ผมเคยคุยบอกอาจารยวา “อาจารย มารูตาม ตั้งก็ตั้งตาม หลังที่มันเกิดไปแลวทั้งหมดทั้งสิ้นไมมี ทางทัน เหมือนเขาวา รูเทาทัน, รูตัวทั่วพรอม ,ปจจุบันขณะ ,รูเทาทัน อารมณ” “ก็นั้นแหละ นาสาท ไอนั่นมันขี้โม” อาจารยพูด เกือบลืม หลังจากนั้นมาอาการเจ็บ ปวดทางกายที่ผมเปนอยูถูกรักษาดวย กระบวนการ ของ “ตกตั้งใหม” เริ่ม ที่รักษาที่ใจ ออกจากความคิด มาสัง เกตที่ อาการความรูสึก ความเจ็บปวด ในรางกายเทาที่จะทําได ไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นอีก 15 วันผมสามารถเดินได ชวยเหลือตัวเองได ผมมั่นใจในสิ่งที่ผมทํา มากกวาเชื่อใน สิ่งที่คิด ทําอะไร ทําสิ่งใด จะนอน จะนั่ง จะยืน จะเดิน ผมมั่นใจในสิ่งที่ผมทํา เพราะ ลองทําแลว มันมั่นใจมากขึ้น

37


8. สมการเซน– บุญพรอม ณ หลังเขา เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2552 ไดมีโอกาสมาเขากรรมฐานที่วัดจอมมณีเปน ครั้งที่ 2 วันหนึ่งมีการลอมวงสนทนาธรรมะกันหลายคน อาจารยประสาทเปนผูนํา ในการสนทนา ในวงไดพูดกันถึงเรื่องความคิดกับความรูสึก อาจารยประสาทได อธิบายเรื่องของความคิดกับความรูสึก ซึ่งฉันฟงแลวแยกไมคอยออก (เขาใจ...แตไมรู เรื่อง...) คงเปนเพราะติดอยูในระบบความคิด จึงขอใหอาจารยประสาทอธิบายใหฟง อีกที ทันใดนั้นมีวัตถุไมทราบชนิดฟาดลงบนหัวฉันอยางแรง เสียงดัง “พลั๊วะ” ตกใจมากคิดวาโดนไมหนาสามฟาดหัว หัวคงแตกแลวกระมัง ขณะที่กําลังมีนงงกับ เหตุการณนั้น ไดยินเสียงพระอาจารยดังขึ้นมาวา “รูสึกหรือยัง..มันตองคิดมั้ย..ถาม อยูนั่นแหละ” โอโฮ ! งานนี้ฉันตกแบบตั้งไมไดเลย กําลังไมพอ ไดแตนั่งน้ําไหลออก ตากลางวงนั่นแหละ จะลุกขี้นวิ่งหนีก็ลุกไมออก รูสึกอึดอัดขัดเคืองไปหมด ฉันได ถามพี่นอย(มุกดาหาร) ภายหลังวาพระอาจารยเอาอะไรฟาดหัวฉัน พี่นอยบอกวา หมวกไหมพรม ไมทราบเหมือนกันวาทําไมแคหมวกไหมพรมฟาด จะทําใหเจ็บปวดได ขนาดนั้น มันทั้งเจ็บทั้งอาย และรูสึกโกรธ (ความรูสึกในขณะนั้น) แตตอนนี้ไมเจ็บไม อายและไมโกรธแลวคะ กราบขออภัยพระอาจารยดวยคะ และขอบพระคุณที่พระ อาจารยสอนใหเกิดการเรียนรูแบบเซนคะ ซึ่งสามารถเขาสมการไดงายๆ ดังนี้ 1 หมวกไหมพรม + 1 หัว = 1 ความเจ็บ+ 1 ความอาย+ 1 ความโกรธ

...จึงเปนที่มาของ 1 + 1 เปน 3 ดวยประการฉะนี้ 38


กอนหนานี้ฉันไดเคยมีโอกาสเขารวมปฏิบัติธรรม โครงการพานองพบธรรม ที่ครูนายจัดใหนักเรียนโรงเรียนลองวิทยาเมื่อป 2549 พอไดฟงคําสอนของพระ อาจารยแลวรูสึกชอบ ทานสอนใหรูสึกตัวเพื่อออกจากสิ่งที่เราชอบใจหรือไมชอบใจ ทานพูดถึง “ตกรอยครั้งตั้งใหมรอยหน”ซึ่งฟงแลวเหมือนทําไดงาย แตจริงๆ แลว ไมไดงายอยางที่คิด บางวันไมไดรูสึกตัวเลย ทําไปตามความเคยชิน ไมไดกําหนดรูใน อิริยาบถของตนเลย ไมวาการยืน เดิน นั่ง นอน บางวันรูสึกตัวตอนตื่นนอนกับ ตอนเขานอนเทานั้น สวนมากจะอยูกับความคิดเสียเปนสวนมาก คิดนั่น คิดนี่ สารพัดสารพัน ไหนจะงานสอน ไหนจะงานพิเศษ ไหนจะตั้งฎีกาเบิกเงิน ไหนจะ เบิกเงินเดือน เงินคารักษาพยาบาล เงินคาการศึกษาบุตร บําเหน็จบํานาญครู เกษียณ เยอะแยะมากมายไปหมด บางวันถึงกับนั่งรําพึงรําพันกับตนเองวา “การทํา ความรูสึกตัวนี่มันยากจริงหนอ” ทุกครั้งจะมีเสียงของพระอาจารยแววเขาหูเสมอวา “ทํามันไมยาก มันยากตรงที่มันไมอยากทํา” บางวันตั้งใจจะทําความรูสึกตัวใหบอย ๆ กลับมีเสียงของพระอาจารยดังแววเขามาวา “เฮ็ดเลนเปนอีหลี เฮ็ดอีหลีเปนขี”้ อาวเปนงั้นไป.. จากการฝกฝนตกตั้งใหมตั้งแตป 2549 จนถึงปจจุบัน ก็เปนไปอยาง ทุลักทุเล ออกจากความคิดไดบางไมไดบาง หากพบกับสิ่งที่ไมชอบใจจะสลัดทิ้งได งายกวาสิ่งที่เราชอบใจ เพราะขืนเก็บไวจะอึดอัดขัดเคือง ทําใหจิตใจเศราหมอง วิธีการคือ ใหรูสึกตัววาขณะนี้กายของเรากําลังทําอะไรอยูใหชัดเจน เพื่อออกจาก ความคิดที่คิดอยูในขณะนั้น หากพบกับสิ่งที่ชอบใจนี่สิตัวราย..มันแซบ..อยากอยูกับ มัน ไมอยากออกจากมัน มันสะใจดี บางครั้งยังขอตอรองกับตนเองอีกวา ขออีก 3 นาทีนะ ขออีก 5 นาทีนะ พระอาจารยถึงกับบอกวา “โงหลาย...ตายซะ” พระอาจารยเคยบอกฉันเสมอวา “ครูคณิตศาสตรมันโง รูจักตัวเลขแค 10 ตัว ตั้งแต 0 ถึง 9 เทานั้นแหละ” หรือ “ครูเดี๋ยวนี้มันไมใชครูแลวนะ เปนเพียง 39


แคพนักงานรับจางสอนหนังสือเทานั้นนา” หรือไมก็ “ลูกผูหญิงมันอิจฉากันเอง” เมื่อกอนถาไดยินไดฟงคําเหลานี้จะรูสึกไมชอบใจมาก ฉันมักจะเถียงพระอาจารยอยู ในใจทันที แบบประโยคตอประโยค แบบสวนกลับทันที ที่พระอาจารยพูดเสมอวา “ไมจริง! ไมใช!” แสดงวาตกแบบไมรูตัว ไมรูตกไมรูตั้ง วางั้นเหอะ แตเดี๋ยวนี้ไมวา พระอาจารยพูดอะไร จะทนได ไมโกรธ จะยิ้มหรือหัวเราะ รับมุขได ไมเถียงในใจ พระอาจารยบอกวา “เดี๋ยวนี้หนาดาน” ฉันวา...ตกตั้งใหม...จะไดผลจะตองมีกัลยาณมิตร พูดคุย แนะนํา แลกเปลี่ยนเรียนรู เตือนสติซึ่งกันและกัน มีครูบาอาจารยที่ใหคําแนะนําและตอง เชื่อฟงคําสั่งสอนของครูบาอาจารย นอมรับคําสอนของทานแลวนําไปประพฤติ ปฏิบัติตามกําลังของใครของมัน . . . สะสมทีละเล็กทีละนอยตามกําลังของตน ยอมรับวาการทําความรูสึกตัวไมใชเรื่องงายสําหรับตัวเอง ตองอดทน ตองมีความ เพียรพยายาม ตองฝกฝนบอย ๆ จนเกิดความเคยชิน โดยใชกายตนเปนสถานที่ทํา ใชใจตนเปนผูทํา คือใชใจดูกายเจาของ (เที่ยวไปในกายของตน) นั่นเอง...แต...ใจของ ฉันมันชอบไปเที่ยวที่อื่นอยูเรื่อย ก็กําลังฝกฝนตกตั้งใหมเชนกันคะ

40


9. แคนี้ก็เหลือกิน - ณรังษี เมฆบุญสงลาภ “ครูฉั่ว พระอาจารยอยูที่ไหน เราอยากไปพบพระอาจารย” นั้นเปนครั้ง แรกที่รูสึกวาสิ่งที่ไมชอบใจรบกวนจิตใจอยางมาก แมจะทําทุกวิธีที่จะใหลืมเรื่องที่ไม ชอบใจ แตมันก็เขามาวนเวียนอยูในความคิดตลอดเวลา นอนหลับก็ไมคอยสนิท ตื่น กลางดึกแลวก็คิดวนเวียนอยูแตเรื่องนั้น ลึกๆในใจคือเราคิดวาเราทําถูกทําดีแลว แต ทําไมไมไดสิ่งที่ดีๆตอบแทนกลับมา จนไดมีโอกาสเรียนรูเรื่องตกตั้งใหมครั้งแรกกับ พระอาจารยไพบูลย ที่หาดเสลา นครสวรรค เปนการเรียนรูการรักษาใจที่ไมเคยได เรียนรูที่ไหนมากอน ไดฟงการถามและตอบปญหาชีวิตของเพื่อนที่รวมเรียนรูดวยกัน พระอาจารยตอบไดทุกคําถามและในใจเราก็หาขอหักลางไมได ฝกหัดการรูสึกตัวผาน การยืน เดิน นั่ง นอน การกราบพระ ซึ่งเปนชองทางใหออกจากเรื่องราวที่สามารถทํา ไดและเอาไปใชไดในชีวิตจริง เราก็ไดเรียนรูวาปญหาของเราที่รบกวนจิตใจ ถาเทียบ กับปญหาของคนอื่น เชน พี่รัตนพยาบาลที่นครสวรรคที่เปนมะเร็งระยะที่ 3A ที่เอา ชีวิตเปนเดิมพัน จึงมาตระหนักวาเรื่องที่รบกวนจิตใจเราชางเปนเรื่องเล็กนอย แต ทําไมมันชางกดทับจิตใจเราไดอยางมากมาย เปนเพราะเราไมยอมที่จะจบเรื่องราว เหลานั้น เราสะใจกับเรื่องราวนั้น กลับจากหาดเสลา ก็ไดฝกการรูสึกตัวใหบอย ทั้ง การยืน เดิน ทํางาน ผลของการปฏิบัติทําใหเมื่อเวลาเผชิญกับคนและสิ่งที่ไมชอบใจ รูสึกวาในใจสั่นไหวนอยลงเวลาตองปฏิสัมพันธกับผูคน มีอยูครั้งที่มีเรื่องราวใหตอง โกรธ รูสึก ไดถึง ความรอนที่วูบ ขึ้นในตัว ใจสั่น มันอยากตอบโตส วนกับ ทันที แต เหมือ นมีอะไรมาหยุดไดทัน ก็เ ลยไมไดโ ตตอบกลับ ไปแบบเดิมๆที่เ คยทํา ก็ไมเกิด เรื่องราวที่จะกระทบใจกับคนอื่น เรียกไดวาเดี๋ยวนี้ รักษาใจพอไดและจบเปน 41


จากนั้นก็ไดมีโ อกาสเรียนรู ตกตั้งใหมอีก หลายครั้งทั้ง ที่วิท ยาลัยพยาบาล สวรรคประชารักษ คายเด็กเมืองลอง และที่บานตองตึง ของ อ.ประสาท ที่จังหวัด แพร การไดเขากรรมฐานครั้งแรกที่วัดปาจอมมณีเมื่อป 53 ที่เกือบจะไมไดไปเพราะ ความโลเลและรักความสบาย แตเพราะคําของพระอาจารยที่วา “บุญไมมีอยาหวัง นะ” ก็เลยตัดสินใจไปได การที่ไดฟงธรรมะที่ลานธรรมครั้งนี้ไดเรียนรูเรื่องการฟง เปนมากขึ้น กอนหนานั้นก็ไดขอสังเกตเรื่องการฟงมาวาเราพูดตามในใจทุกคําพูด บางคําที่เราสงสัยใจเราก็จ ะตามคิดในคํานั้นไปเรื่อย จนการฟงของเราไมส มบูร ณ จากการสังเกตและฝกการฟงผานการรูสึกตัว เราจะฟงทุกคําผานไปอยางรวดเร็วไม ไปทวนทุกคํา โดยตองฝกการรูสึกตัวใหบอยและสังเกตการฟงใหมากขึ้น เมื่อกลับมา อยูที่บานและที่ทํางาน ก็ยังมีอยูบอยครั้งที่ถอยคํามีกําลังแรงพอที่จะดึงเราใหตกไป กับถอยคําและเรื่องราวนั้นได รูวาเราจะออกจากเรื่องราวที่ไมชอบใจเหลานั้นไดเรา ตองมีกําลังเพียงพอ ถอยคําหรือเรื่องราวจึงจะหมดอิทธิพลตอเรา ทั้งนี้อยูที่การฝก ตนซึ่งไมยากแตที่ยากเพราะเราไมอยากทํา เรื่องราวมันจึงดึงเราไปสูรองอารมณเดิม การเรียนรูตกตั้งใหม ที่บานตองตึงเมื่อวันสงกรานตป 53 ก็เปนอีกครั้งที่ได เรียนรูอยางเขมขน ความที่เราเปนแมที่มีลูกชายคนเดียววัย 7 ขวบ สังเกตเห็นวาลูก ชาย มีลักษณะนิสัยที่ถาไมแกไข หากเขาโตขึ้นไปกวานี้ตัวเขาเองและเราจะลําบาก อาจจะโดยจากการเลี้ยงดูของเราที่ประคบประหงมเคาใหไดรับความสบายมากเกินไป จนเขาไมพยายามชวยเหลือตนเอง แมกระทั่งเรื่องงายๆ ที่ใครอาจไมรูสึกวานาจะเปน ปญหา เชน การกิน การเลนตามประสาเด็ก เราสังเกตเห็นไดเมื่อรวมวงกินขาวใน กลุมเด็กที่ตองตึง ลูกชายเรากินขาวชามากและรอใหแมจัดการให ใจของแมที่เห็นลูก ชาในการกิน เราอยากเขาไปจัดการตักกับขาวใหเขาจนแทบอยากจะปอนเลย ดวย กลัววากับขาวจะหมดแลวเขาจะไมไดกินกับขาวดีๆ เราไดเรียนรูที่จะหยุดไมจัดการ ใหลูกทุกอยางเพื่อที่เขาจะไดแกไขตัวเอง หากกินไมทันเคาก็อดไป แลวจะไดเรียนรูที่ 42


จะเอาชีวิตใหรอด เพราะชีวิตจริงโหดรายกวาที่เด็กแยงกันกินขาวบนโตะเยอะ เราไม สามารถทําใหลูกไปไดตลอดชีวิตของเขา เราเรียนรูไมใหลูกกดปุมเรา และใหลูกได จัด การอารมณ เ ขาเองเมื่อ มี เ รื่ อ งที่ เ ขาไม ช อบใจอย างแรงในวั น สุด ท ายของวั น สงกรานต อาจารยใหแบบทดสอบเล็กๆ เขาเอะอะโวยวาย รองไห สวนเราถูกกันให ออกไปอยูวงนอกไมไดเขาไปโอลูก ปลอยใหลูกชายจัดการอารมณของเขาเอง ครั้งนี้ แหละที่เราแทบหยุดตัวเองไมอยู ไดยินเสียงลูกรองไห เตะประตู โวยวาย คําพูดที่ คร่ําครวญหาแม ใจเรารอ นรนอยากเขาไปจัดการใหเ ขาเงียบ เราอายดวย พระ อาจารยและเพื่อ นกัล ยาณมิตร ใหส ติวาเปนโอกาสที่เ ราจะไดฝกตั้งและออกจาก เรื่องราวนั้น ตอนนั้นเหมือนใจมันจะขาด สักพักเพื่อนก็พาออกไปขางนอกกับอาจารย แมออกมาจากบานตองตึงแลว แตตลอดเวลาที่อยูในวงสนทนา ใจเราก็คิดหวงลูกจน นั่งไมติด ตกเย็นจึงไดกลับเขาบาน รูสึกทึ่งมากที่เห็นลูกชายเขาพูดคุยกับทุกคนอยาง ปกติเหมือนไมมีอะไรเกิดขึ้น เขาก็ไดเรียนรูที่จะกลับเขากลุมใหไดหากทําอะไรที่ไม เหมาะสม ในการทํางานเรื่องสุขภาพ ตกตั้งใหม ถูกนํามาใชอยางกลมกลืนในการอบรม โดยไมทําใหรูสึกวากําลังปฏิบัติธรรม นาสาทและศรชัย ไดเปนปจจัยใหชาวบานได เรียนรูการสังเกต ความหิว ความอยาก เหมือนกับที่เราเคยไดเรียนรูตอนกิน “กาแฟ หมา” การไปตักอาหารเองทามกลางเมนูที่หลากหลาย ไดสังเกตใจที่โลภอยากกินไป หมด ตักมาแลวก็มารอ เห็นความหิวและอยากชัดมากขึ้น แทบกระโจนลงไปกินใน กะละมังเลย พอไดกินโดยไมตองคุยกัน เคี้ยวใหชาลง บางคนกินไมถึงสิบคําก็อิ่มแลว ที่ตักมาไมหมดเหลือเกือบครึ่ง ไดฝกชนะใจตนเองในการจัดการแกไขตนเอง จนเกิด ปญญาปฏิบัติ ไดเปนปจจัยที่ทําใหชาวบานนําตกตั้งใหมไปใชตอเมื่อกลับไปที่บาน เชน ฝกรูสึก ตัวผานทาโยคะงายๆ จนสามารถควบคุมการกินได พุงลดลง เลิกดื่ม เหลา อารมณเย็นลงจากที่เคยโมโหราย บางคนก็หยุดการที่จะทะเลาะกับคนใกลตัว 43


ไดทัน ครอบครัวก็เปนสุข ใชไดจนถึงเรื่องในมุงที่ชายหญิงอาจไมเทาเทียมกันเมื่อวัย ลวงเลย “อาจารยใหญ” ที่บานไมวาจะเปนสามีและลูก ก็เปนครูฝกที่มาทาทายทุก วัน ใหไดตกบอยๆแลวตั้งไมคอยทัน ถลําลงรองอารมณเดิมและการพร่ําบนไดงาย ดวยเราไปคิดอยากเปลี่ยนแปลงพวกเขาใหไดอยางใจเรา เราไดเ รียนรูวาเราไม สามารถเปลี่ยนแปลงใครได เปนไดแคปจจัยใหเขาไดเรียนรู และแมนเราจะเปน ปจจัยใหเขาเรียนรูแลวถาเขาไมเปลี่ยน เราเสียอีกที่ตองรักษาใจใหได เพราะสุดทาย ไมวาตัวเรา สามี ลูก ตลอดถึงทุกๆคนตางมีชีวิตเปนของตนเอง และมีทางสายเดี่ยว เปนเปาหมายที่บัง คับใหทุกคนตองเดินไป สิ่ง ที่เราตองทํากอนที่เวลาจะมาถึงคือ เพียรรูสึกตัวใหปลอย ตกก็รูใหวาตก ตั้งใหได สั่งสมกําลังเพื่อเผชิญกับสิ่งไมชอบใจ และความทุกข ดังที่ที่พระอาจารยชี้ทางพนทุกขใหวา “แคนี้ก็เหลือกินแลว ตกรอย ครั้ง ตั้งใหมรอยหน”

44


10. ไมออนดัดงาย – ปยะเรศ สีเกี๋ยง เมื่อราวๆ 5-6 ปกอน ฉันกําลังอยูในชวงยายโรงเรียนใหมจากชั้นประถมมา อยูมัธยม และยายจากโรงเรียนประจําตําบลมาอยูโ รงเรียนประจําอําเภอ ซึ่งเปน โรงเรียนขนาดใหญขึ้นและมีเด็กนักเรียนมากกวาเดิมอีกหลายเทาตัว เด็กที่นี่มาจาก หลากหลายแตสวนใหญจะมาจากในตัวอําเภอ เปนที่รูกันดีอยูวาเด็กในเมืองยอ ม ไดเปรียบกวาเด็กนอกเมือง สวนตัวเราเองก็เปนเพียงคนเดียวของทั้งโรงเรียนเกา ที่มาเรียนที่นี่ ทําใหตอ งหาเพื่อนใหม ซึ่งเปนการยากมากที่จะใหสนิทกันเหมือ น เพื่อนเกา ชวงนั้นก็ พ อดี วาใกลวั นเกิ ดของตัว เอง กอ นหน านี้ฉั นเคยบอกกับ แมว า อยากจะจัดงานวันเกิด จึงตั้งใจวาจะจัดเปนงานเลี้ยงแลวชวนเพื่อนมากินกัน เพราะ เห็นหลายบาน หรือเพื่อน พี่นองหลายคนก็จัดกันออกบอยเปนที่สนุกสนาน มีทั้ง ทํากับขาว ดื่มเหลา ดื่มเบียร ปง ยาง เนื้อกินกับแกลมกัน แตกอนนั้นเราไมกลา ขอจัดเพราะเพื่อนแตล ะคนก็ยัง เด็กกันอยู แตรูสึกวาตอนนี้โ ตขึ้นแลวนาจะจัดได ประกอบกับตัวเองเปนคนที่พอแมตามใจมาตลอด อยากทําอะไรก็ทํา ไมเคยบังคับ แมกระทั่งจนถึงตอนนี้ แตเหตุการณกลับไมเปนดังคาด เพราะเมื่อไปขอเขาจริงๆ แมกลับไมเห็น ดวย และแมขัดขึ้นมาซะกอนวา “ แมไมใหจัด” ซึ่งเหตุผลของแมก็คือ “ แมไม อยากใหสิ้นเปลือง กับเรื่องเหลานี้ อยากใหเก็บเงินไวใหไปเรียน จะไดเรียนสูงๆ จบมาจะไดมีงานดีๆ ทํา” แลวแมก็ยกตัวอยางใครหลายๆคนอีกสารพัด เชน คุณ หมอชาญชัย ศิล ปะอวยชัย คุณหมอที่ห ลายๆคนเคารพ เพราะท านเปนคนดี 45


ชวยเหลือชาวบานมาตลอด แลวก็เปนคนรวยที่เคยจนมากอน รูจักคุณคาของเงิน จนลูกของทานยังนึกนอยใจหลายครั้งที่พอ ไมใหจัดงานวันเกิด ซึ่งก็เพราะเหตุผ ล เดียวกันกับแมนั่นเอง แตแมยังไมไดจบเพียงแคนั้น แมบอกตอดวยวาถาอยากจะจัด ก็ไดแตแมไมใหเงิน ตองหาเงินเอง และที่สําคัญ ถาจะจัดตองไมมีอบายมุขทั้งหลาย มาเกี่ยวของ ความรูสึกตอนนั้นบอกไดเลยวา ก็นึกเคืองๆบางละ ตามประสาของคนที่ไม เคยถูกขัดใจมากอ น พอแมพูดจบปุบ ก็ยังเก็บมาคิดตออีกวาทําไม แมถึง ไมใหจัด ไมใหโ อกาสเรา มันรูสึกอึดอัดขัดเคือ งใจ กระวนกระวาย ยังไงบอกไมถูก เลยละ เพราะชวงนั้นยังไมไดรับการฝกจึงไมรูวิธีการที่จะจัดการกับอารมณของตัวเองวาเปน อยางไร รูอยางเดียววาจะรองไห อยากจะอาละวาด หรือโวยวาย หรือทําอะไรก็ได ซักอยาง เพื่อระบายอารมณอ อกมา ไมรูเลยวาตอนนั้นทําอะไรลงไปบาง แตไมรู อุปทานไปเองหรือเปลา วาหลังจากที่เราแสดงอารมณนั้นไป บรรยากาศในบานมันไม คอ ยนาอยูเ ทาไร พอ แม พี่ ไมมีใครคุยกันเลย เงียบๆ อึดอัด สวนฉันก็นั่ง คุยกับ ตัวเองตั้งนาน ตกอยูในหวงความคิด คิด คิด คิด คิดแลวก็คิดอีกวาตอไปฉันจะไปบอก เพื่อนยังไงดี คิดไปสารพัดอยางแมกระทั่งเรื่องที่ยังมาไมถึง แตสุดทายก็ตองลุกไป ทําอยางอื่นตอ เปนอันสรุป ไดวาเหตุผลที่แมชี้แจงมาในวันนั้น ไมไดอ ยูในใจ หรือ จิตสํานึกเลยแมแตนอย แตสุดทายก็ตองยอมรับในสิ่งที่แมพูดทําไงไดละ ก็ไมมีทุนนี่ นา งานวันเกิดในปนั้น จึงเพียงแคไปทําบุญที่วัดกับแม เพียงแคนั้นเอง แตความตั้งใจ ที่จะจัดงานเลี้ยงยังไมหมดไป ถึงจะไมไดจัดวันเกิดก็ขอกินเลี้ยงกันแบบธรรมดาๆ ตอมาภายหลังฉันก็ไดจัดจนไดเพราะทํางานกับปาไดเงินมาหกพันกวาบาท หลังจาก ซื้อเสื้อผาของฝากใหครบทั้ง พอ แม พี่สาว พี่เขย เราก็จัดการเลย เลี้ยงหมูกระทะ เพื่อนๆ สนุกสนาน และอิ่มใจอยางบอกไมถูก เพราะครั้งนี้ที่จัดได ก็มาจากเงินที่ หาไดเอง แลวไดรูวางานเลี้ยงไมจําเปนตองมีอบายมุขก็สนุกได 46


เรื่องของการเรียนนับไดวาฉันก็เปนคนเกงคนหนึ่ง แตในใจจริงๆแลวไมมีใคร รูเลยวาฉันรูสึกกดดันตัวเองมากเวลาเขาเรียนแตละครั้ง เวลาเกรดใกลจะออกแตละ ที ฉันจะรูสึกปวดหัว เพราะตื่นเตน กลัวเกรดออกมาไมดีเหมือนครั้งกอนๆ กลัว ไมได 4 ทั้งหมด ในขณะที่คนอื่นชื่นชมแตฉันกลับไมมีความสุขกับมันเลย ยิ่งมาเขา โรงเรียนลองวิทยาใหมๆ ยิ่งกดดันเพราะเพื่อนแตละคนเกงๆทั้งนั้น ยังจําไดเลยวาครู นาย เยาวลักษณ ชอบแซวอยูบอยๆวา “แตนะเมื่อกอนไมเหมือนตอนนี้ หัวจะฟูๆ คิ้วจะขมวดกัน ชนกัน เดินก็เร็ว เหมือนยุง เครียดอยูตลอดเวลา” เปนเพราะ ฉันคิดอยูตลอดเวลา วางแผนอยูเสมอวาทําตรงนี้แลว ตอไปควรจะเปนยังไง พอ ไมไดดังใจ ก็เก็บมาคิดตออีก ใครทําอะไรไมถูกใจ เปนเจอวีนบางละ จนสุดทาย หลังจากเกรดออกแลว ถึงไดสบายใจ เพราะยังไมตก 3.8 แตความเครียดมันเริ่ม มากขึ้นๆ เพราะคิดอีกแลววาเทอมตอไปถาตกจะทํายังไง แลวกิจกรรมก็ชางเยอะ จริงๆ ยิ่งไดเปนหัวหนาหองยิ่งตองรับผิดชอบทุกอยาง ตอนนั้นสมองเริ่มเบลอ จะ เขียนวันที่เ พื่อสง งานครูยังลืมวา วันนี้วันที่เ ทาไร หรือทํางานอะไรหลายอยางก็ดู เหมือนจะผิดพลาดไปหมด เพราะปลอ ยใหเรื่องกังวลมีอ ยูในใจเยอะเกินไป จน จัดสรรเวลาใหกับตัวเองไมได จนกระทั่งไดพบเพื่อนที่เคยไปฝกปฏิบัติกับอาจารย นั่นแหละถึงไดตัดสินใจไปลองดู พอไดไปฝก แรกๆ ฉันก็ไมคอยเขาใจเทาไร อาจารยพูดอะไร ไมรู ไดยิน อยูแตจับสาระไมคอยได แตหลังจากนั้นฉันก็ไปทุกครั้งที่จัดคายพานองพบธรรม จน ครั้งที่ 3-4 ฉันถึงเขาใจวาทําไมฉันถึงไดเปนถึงขนาดนั้น ไดเห็นถึงการใหแกไขตัวเอง เพราะแตกอนฉันสนใจแตคนอื่น สังเกต และอยากจะทําอะไรสารพัดเพื่อคนอื่น แต ลืมที่จะสังเกตและเอาใจใสตัวเอง บานของฉันไมแข็งแรง พอลมพัดเขาหนอยถึงกับ เอนเอียงจวนจะลม แลวแตกอนพอพอ แม ขัดใจหรือเตือนฉันก็จะเถียงกลับไปทุก ครั้ง เพราะฉันเชื่อวาตัวเองถูกเสมอ พระอาจารยทําใหฉันนึกถึงพระคุณของพอแม 47


ที่เลี้ยงใหโตมาไดจนถึงทุกวันนี้ และยังทําใหฉันไดมีโอกาสเปดโลกใจใหกวางขวาง มากขึ้น ไดเห็นความเปนจริงที่เกิดขึ้นในปจจุบัน ทําใหฉันยอมรับความเปลี่ยนแปลง หลายอยางที่ไมเคยคิดเลยวาตัวเองจะทําได ทําใหฉันไดรูตัวเองวาสิ่งที่ฉันตองการ จริงๆคืออะไร ทําใหฉันซึ่งเดินหลงทางในความฝน ออกมาใชชีวิตอยูกับความจริงได ดวยประโยคทานกลาวออกมา “เราเกิดมาไดก็บุญโขแลวลูก พอแมเขาหยอกกัน เลนเฉยๆ เรานั่นแหละทะลึ่งเกิดมาทําไม” ตอนไดฟงอยางนี้แรกๆสะดุงเลยคะ หลังจากนั้นภาพพอแมทํางานหนักก็วนเวียนมาใหเ ห็นตลอด และทําใหคิดไดวา “ถึงแมทานจะเปนอยา งไรก็ตาม ทานก็คือพอ แม ผูใหกําเนิด คือผูมีพระคุณ ผูใหชีวิต” หลังจากนั้นไมนาน ประโยคใหมจากอาจารยก็ตองทําใหสะดุงอีกครั้ง ที่วา “ไมแกเขาไมดัด..แตตัดเอาไปทําอยางอื่น” ถอยคํานี้ทําใหนึกถึงตัวเองเลย รูเลยวา ที่สิ่งที่พอแมทํานั้นทานพยายามอบรมเรา ทําใหดู ไดเห็นตัวอยาง ดัดเราเสียตั้งแต วันนี้กอนที่เราจะไปเจอกับชีวิตจริงในวันหนา ฉันเห็นดวยวา หากอยากจะดัดใครก็ ตองดัดตั้งแตตอนเด็กๆ ยังเปนไมออนอยู พอเปนไมแกไปแลวคงยากที่จะดัดได พอดัดไมได เขาก็ตัดซะเพื่อเอาไปทําประโยชนอยางอื่น

48


11. อยาบาตามเขา - นันทภัค เสนาใจ ฉันไดรูจักพระอาจารยมาตั้งแตอายุประมาณ 10 ขวบโดยการตามแม ไปวัด ฉันไมไดสวดมนตอะไรหรอก แตชอบตามไปนอนอยูใกลๆ แม พระอาจารยจะ เห็นความเปนไปของฉันไดเปนอยางดีมาโดยตลอด ยกเวนแตชวงเขาสูวัยรุนเพราะไป เรียนหนังสือที่ตางจังหวัดจึงหางพระอาจารยไป ชวงที่เรียนนั้นฉันก็ไดใชชีวิตวัยรุน อยางเต็มที่ เหตุเพราะชวงที่อยูกับแมมีความรูสึกวาคุยกับแมไมคอยรูเรื่อง จําไดวา ตอนที่ฉันยังเล็ก ถาหากแมอารมณเสียก็มักพาลมาลงที่ฉันกับพี่ตลอด เมื่อมีโอกาสอยู ไกลหูไกลตาแมฉันก็อยากใชชีวิตของฉันใหเต็มที่ ชวงนั้นฉันอยูกับพอประมาณ 3 ป พอของฉันไมใครบนวาไมเหมือนกับแมที่คอยบนวาฉันตลอดเวลา วัน หนึ่ง แม ชวนฉัน ไปหาพระอาจารยที่ วั ด เขานอ ย ฉัน ไมไ ด เ จอพระ อาจารยมานานจึงอยากไป พอเห็นหนาอาจารยก็ถามทุกขสุขพรอมกับสั่งสอนแบบที่ อาจารยเคยทําเปนประจํา มีคําหนึ่งที่ฉันฟงแลวสะดุดใจมากคือ “แนน...เธอก็โตขึ้นทุกวันๆ ถาวันหนึ่งไมมีพอไมมีแมแลวจะอยูอยางไร……..” คําพูดนี้มันทําใหฉันไดคิดไดในวันนั้นเองวาตลอดเวลาที่ผานมาที่ฉันไดใชชีวิตนั้นมัน นาเสียดายจริงๆ ฉันเลยตัดสินใจที่จะกลับมาอยูกับแมที่บานและทํางานที่เดียวกับแม ชวงแรกของการทํางานรูสึกวาเปนสิ่งที่วิเศษมากๆ ฉันไดเจอกับสิ่งที่ใหมๆ ดีๆ ได ความรักและเอาใจใสเปนอยางดี จนลืมพอกับแมไปเลยโดยไมรูสึกตัว ในตอนนั้นพอ 49


กับแมไมไดอยูในสายตาเลย ถาหากไดคุยกันเมื่อไร เปนตองทะเลาะกันทุกที ฉันเริ่ม เบื่อแมมากขึ้นเรื่อยๆ หนาตาฉันเริ่มไมแจมใส อารมณแปรปรวนจนอาจารยเห็นหนา ฉันถึงกับพูดวา “โหย…..หนาตาไมรับแขกเลยคิ้วผูกโบวตลอดเลย สวดมนตเขาอะไรๆ มันจะไดดี ขึ้น….” ฉันก็บอกวา “ ไมไดหรอกคะมีเรื่องตองคิดอยูตลอดเวลา” อาจารยก็บอกอีกวา “ถาเขาบา....เอ็งก็อยาไปบาตามเขา” คําพูดเหลานี้ยังไมอาจรักษาใจฉันไดอยูดี ตอนนั้นสภาวะที่เปนก็คือมันตอง คิดฟุงซานอยูตลอดเวลา สวนพระอาจารยก็ยังมาบานที่ฉันอยูบอยๆ ฉันไดมีโอกาส สนทนากับพระอาจารยเรื่อยมาจนไมรูเมื่อใดที่ตัวฉันเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ฉันเริ่มทําใจ ได กั บ ป ญ หาที่ มี อ ยู ร อบๆ ตั ว และเริ่ ม จั ด การกั บ ป ญ หาได ที ล ะเล็ ก ที ล ะน อ ย ความสัมพันธกับแมก็เริ่มกลับมาดีขึ้นแมเริ่มใชอารมณนอยลงไปเรื่อยๆ เห็นความ ผิด พลาดเปน เรื่อ งนา หัว เราะ อยา งเรื่ อ งเมื่อ เดือ นตุ ล าคมที่ ผ านมาเปน อะไรที่ ประหลาดใจมากเพราะวาแมและฉันไมเคยเปนอยางนี้มากอน เรื่องมีอยูวาแนนเอา ลูก คาดู ส รอยอยูเ ส นหนึ่ง แตยัง ไมถูก ใจแบบสรอยก็เ ลยฝากแมม า พอตกตอน กลางคืนแมบอกวา “แนน สรอยวางอยูบนโตะนะ เก็บใหดีๆ” เราก็บอกวาแมวา “รู แลวเดี๋ยวเก็บ ” แมบอกวาเดี๋ยวมันหายนะ “จะไมหาย” ฉันก็เก็บไวในลิ้นชักโตะ ปรากฏวาไมถึงอาทิตยจะเอาสรอยไปใหลูกคาดู ฉันก็จัดการเปดลิ้นชักโตะดูก็ไมมีแม บอกวาหาอะไรเหรอ “หาสรอยไงแม” ฉันก็คิดอยูนะวาเราก็ใชแลวทําไมหาไมเจอสัก ทีแมก็ชวยหาบนไป “บอกวาใหเก็บไวดีๆ” สิ่งที่ประหลาดใจมากที่สุดคือแมพูดบน แกมหัวเราะ ฉันก็นึกวาแมจะโมโหเหมือนครั้งกอนๆ ที่วามัก จะบนแบบมีอ ารมณ 50


ประมาณวาไมรูจักเก็บเปนที่เปนทาง แตกลับกลายเปนวาฉันเริ่มมีอารมณนิดๆ วา ทําไมหาไมเจอนึกขึ้นไดถาโมโหกับแมคงไมดีแนนๆ เดี๋ยวจะเปนบาป ก็ตกตั้งใหมคือ ปรับความรูสึกตัวใหเร็วที่สุดจนเปนปกติแลวก็เริ่มหัวเราะกับแมได แลวก็ขอโทษแม วาจะเก็บเขาของใหดีกวานี้ ซึ่งแบบนี้ไมใชนิสัยของฉันเลยเมื่อกอน เดี๋ยวนี้ ฉันก็เปลี่ยนตัวเองหลายอยาง เชนดูแลพอแมมากขึ้นเอาใจใสมากขึ้น กวาเดิมเยอะ ถาไมมีวันนี้ที่เราไดเจอ ‘ครูใหญ’ เราคงตองตกบอที่มองอะไรไมเห็น สิ่งตางๆไมชัดเจน ทุกวันนี้คุยกับแมเสมอวาถาเราไมมี ‘ครูใหญ’ ปานนี้เรา 2 คนตอง หนาผูกโบว หนาปวยใจปวย ตองเขาหองไอซียูกันทั้งแมและฉัน สุดทายนี้ ฉันอยากจะเลาเรื่องของแมใหฟงบางเล็กนอย เมื่อประมาณ 17 ป มาแลว แมมีอาชีพทํากับขาวสุกขายตามหนวยราชการ วันๆ แมก็ขายของพรอมกับเลี้ยงลูกอีกสองคนสวนสามีทํางานอยูตางจังหวัด แมมักมี อารมณหงุดหงิดกับลูกๆ อยูเสมอ วันหนึ่งมีขาประจําที่ซื้อกับขาวแมชวนแมไปเขา กรรมฐานที่วัดศรีบุญเรือง แมก็ปฏิเสธไปวาไมมีเวลาเพราะตองขายของ ขาประจํา ซื้อกับขาวก็หมั่นชวนอยูบอยๆอยางไมลดละ จนวันหนึ่งแมก็ตอบตกลงไปดวยความ เกรงใจ โดยกระเตงเอาฉันซึ่ง เปนลูกสาวไปดวย เมื่อ ไปครั้ง แรกแมก็สวดมนต นั่ง สมาธิแบบชนิดที่เรียกวา ตัวอยูที่วัดแตใจก็นึกไปถึงวา “เอ….พรุงนี้เราจะทําอะไรไปขายดี แลวจะไปขายที่ไหนกอนดีหนอ….”

51


แรกๆก็เห็นแมไปไมไดสม่ําเสมอนัก ตอมาก็เริ่มไปทุกวันโดยพยายามปรับตัว เตรียมขาวของที่จะไปขายใหเสร็จเรียบรอยแลวจึงไปวัด เพื่อที่จะไดไมตองกังวลวายัง ไมไดเตรียมของ แมเริ่มไปวัดทุกวันจนพอ (ลุงศักดิ์) สงสัยและถามวา ‘ไปวัดทําไมทุกวันๆ’ แมก็บอกวาไปสวดมนต ตอนนี้แมจิตใจเริ่มดีขึ้น การทํามาหากินก็เริ่มดีขึ้นตามไป ดวย จนในที่สุดแมก็เลิกอาชีพขายกับขาวถุง เพราะมีลูกคาที่เปนกัลยาณมิตรชวนแม ไปทํางานดวย ตอมาเธอก็ไดชวนฉันใหไปทํางานดวยอีกคนหนึ่ง โดยใหฉันไปกินนอน อยูที่บานของเธอเลย ในดานหนึ่งฐานะความเปนอยูของแมก็เริ่มดีขึ้น หนาที่การงาน ของพอ ก็ดีขึ้นตามไปดวย ชวงนี้แมก็เ ริ่มหางจากการไปทําวัตรเย็นไประยะหนึ่ง เพราะวางานที่ทําอยูตองติดตอผูคนตลอดไมจํากัดเวลา แตถาไดขาววาพระอาจารย ไปแพรเมื่อไรแมก็จะแอบหาเวลาไปนมัสการพระอาจารยตลอด เมื่อทํางานที่ใหมนี้ได ประมาณสิบหาปแมก็อยากออกจากงานเพราะมีปญหาและอุปสรรคในการทํางาน มากขึ้นเรื่อยๆ ทําใหแมไมมีความสุขในการทํางาน อยากขอลาออกหลายครั้งแตก็ไม กลาเพราะเกรงใจและอยูกันมานาน จึงปรึกษาปญหานี้กับพระอาจารยเสมอ พระ อาจารยก็ไดแตบอกวา ‘ออกไดแนเมื่อสิ้นเหตุสิ้นปจจัย’ แมก็ยังไมเขาใจกับคําของ พระอาจารยเทาไรนักในตอนนั้น และก็รอนใจกับการอยากออกจากงานตอไป จนวั น หนึ่ ง ได เ กิ ด เรื่ อ งราวที่ แ ม ส ะเทื อ นใจมากที่ สุ ด และแม ก็ คาดหวังกับสิ่งนี้มาก และสิ่งที่แมคาดหวังไวก็ไมเปนดังที่แมตั้งใจไว เหตุการณนี้ทํา ใหแมตัดสิ้นใจไดในวันนั้นเองวาแมควรตัดสินใจอยางไรกับการงานในชีวิตของแม และแมก็เขาใจคําวา ‘เมื่อสิ้นเหตุสิ้นปจจัย’ ที่พระอาจารยเคยบอกไวในตอนนั้นเอง มันก็ขึ้นมารับทันที ออ...มันถึงเวลามันก็ทําใหเราหายของใจ

52


ฉันไมแนใจเหมือนกันวาความเปลี่ยนแปลงภายในครอบครัวของเรามันเริ่ม ตั้งแตตอนไหนเพราะในขณะที่ทุกขมาสุม เรามักมองเห็นแตความทุกข เหมือนมืด แปดดาน คิดอะไรไมออกอยากแตจะแกปญหาเพียงอยางเดียว แตถามองใหดีๆ แลว ขณะนั้นเราไมไ ดแก ไขอะไรให ดีขึ้น แมแ ตนอ ยเพราะใจเรามัน ฟุง ไปหมดเลยไม สามารถทําอะไรได สิ่ง ที่ไดคือคิดหลอกตัวเองวาเราแกไดบางละ (คิดเชิง บวก – บรรณาธิการ) จนเมื่อเราฉุกคิดไดกับคําพูดของอาจารยนั่นแหละสติก็เริ่มมาทีละเล็ก ทีนอย เราก็เริ่มมองเห็นทางแกปญ หาขึ้นมาลางๆ และคอยๆ เพิ่มขึ้นจนสามารถ แกไขไดจริง หลายครั้ง เรามองปญ หาเปนเรื่อ งสนุก ไมเครียดกับปญหาและเราก็ สามารถผานปญหาไปไดบางเรื่องอาจชาบางเรื่องอาจเร็ว ฉันคิดวาขอใหใจเรามั่นคง เทานั้นทุกสิ่งยอมผานไปได…

53


12. โงหลายตายซะ – เยาวลักษณ สุภาพ “โงหลายตายซะ” เสียงของอาจารยพูดทางโทรศัพท หลังจากที่อาจารย ไดฟงเราระบายความไมพอใจของเราเอง ฟง แลวใจหาย ใจตกวูบ แลวตามดวย ความไมพอใจ แอบตอ วาอาจารยในใจวา “...ทําไมคนเปนครูบาอาจารยตองวา อยางนี้ดวย แทนที่จะใหกําลังใจ กลับบอกใหเราไปตายซะ แลวจะเปนครู – ศิษย กันไดนานแคไหนเนี่ย...ตอไปนี้เราจะไมโทรฯหา ไมปรึกษาอะไรอีก แลว...” โทษ อาจารยไปซะไกลมากมาย คิดถึงอาจารยทีไรก็เกิดความขัดเคืองและตอวาในใจ...จม อยูกับความรูสึก ไมพอใจ นอยใจ ขัดเคืองใจอาจารยอยูนาน สอนลูกศิษยเกี่ยวกับความหมายของคําศัพททางพระพุทธศาสนาคําวา “โง” คือ การหลงไปในอารมณตางๆ ที่จริงก็สอนคํานี้มาตั้งนานหลายปแลวแตใจไมเคยปง ในความหมายที่แทจริงเลยแมครั้งเดียว แตครั้งนี้กลับปงแวบขึ้นมาในใจวา... เอะนี่ เราโงจริง ๆ นะเนี่ย หลงอารมณทั้งนอยใจ เสียใจ ขัดเคืองใจมากมาย จมปลักอยู กับมัน...ทําไมมันจะไมตายละ...อาจารยใหยาแรง ก็เพงโทษอาจารยมากมาย...เรา ตอ งฝกตกตั้งใหมใหม ากขึ้น แตป ฏิบัติการตกตั้งใหมของตัวเองในขณะนั้นยัง ไม เขมแข็งเลย ตั้งไดแปบเดียวมันก็หายไปกับเรื่องอื่นตั้งหลายวันกวาจะรูสึกตัวไดอีก ครั้ ง ก็ นานแสนนาน คํา กล า วของอาจารย ที่ว า “ทํา ไมเ ลิก ไม ล ะ” ทํ าใหมี ความ พยายามในการรูสึกตัวมากขึ้น จะไดบอยแคไหนก็ “ขอใหไดทํา” ทําไปเรื่อย ๆ จาก การที่ความรูสึกตัวหายไปเปนอาทิตยก็เขามาเยือนบอยขึ้น บางครั้งตั้งใจไววาเดินไป หองสมุดจะทําความรูสึกตัวเมื่อยางเทากาวไป แตก็ไดแตเพียงนอยนิด ระหวางทาง เจอลูกศิษย ยิ้มใหทักทายก็ลืมไปเลยหายไปอีก......นาน......... 54


การทําบอย ๆ ก็เปนการสะสมแตม เหมือนนักบินสะสมชั่วโมงบิน ถาแตม สะสมสูงขึ้น จะไดประจักษดวยตนเองดวยคําพูดของอาจารยที่วา “สติ เหมือนเซฟ ทีคัท” ตัดกอนที่ไฟจะไหมลุกลามไปใหญโต ลูกชายคนเล็กรบเราจะไปเลนกีฬาที่สนามกีฬา ก็บอกกับลูกชายวา รอแม ทํากับขาวเสร็จคอยไปไมมีใครขายของหนาราน ลูกคามาซื้อของไมมีคนขาย แตลูก ก็ไมยอม ยืนกรานจะไปเดี๋ยวนี้แหละ พูดยังไงก็ไมฟง เลือดขึ้นหนา โมโหมากสุดๆ จะตีลูก ขณะที่กําลังจะยกมือขึ้น ก็เกิดความรูสึกถึงอาการเคลื่อนไหวของมือที่กําลัง เคลื่อนขึ้น ใจทิ้งความโกรธไปจับอยูที่อาการเคลื่อนไหวของมือ ความโกรธหายไป มีความรูสึกตัวขึ้นมาแทนที่ ก็เลยเอามือลงไมตีลูก ลูก ศิษยก ลุมเดิม เจาประจํามัก เขาหอง “สติ เหมือนเซฟทีคัท” สายเปนประจํา เตือนก็ไมยอมปรับตัว แถมยัง ตัดกอนที่ไฟจะไหม เดินออยอิ่งหยอกลอกันเลน ไมรีบเขาหองซักที ลุกลามไปใหญโต ชักไมพอใจแลวนะ พอเขามาในหองเรียนก็เสียง แข็งถามลูกศิษยวา “เมื่อไหรหนูจะมาเขาหองทัน เพื่อนซะที ครูชักจะรําคาญแลวนะกับกิริยาทาทางที่หนูไมแยแสตอคําเตือนของครู” ....คําพูดก็หลั่งไหลออกมาเปนชุดของความโกรธ...นักเรียนก็ตอบโตดวยคําพูดที่เราฟง แลวไมชอบใจ โมโหเพิ่มมากขึ้นจะตอวานักเรียนอีก แตขณะที่กําลังจะพูด ใจไป รูสึก ถึง อาการเคลื่อนไหวของริมฝป ากที่กําลัง อา ใจทิ้ง ความโกรธมารูสึก ถึง การ เคลื่อนไหวของริม ฝปาก ความโกรธหายไปมีความรูสึกตัวเกิดขึ้นแทนในขณะนั้น หยุดความโกรธไดชะงัด 100 เปอรเซ็นตเต็ม ทุกวันนี้ยังสะสมแตมของตัวเองไปเรื่อย ๆ เซพทีคัท จะไดทํางานบอยขึ้น ความโง ก็ยังมีอยู ยังจมปลักกับเรื่องราวตาง ๆ สารพัดที่เขามาในแตละวัน แตยัง 55


พอมีความฉลาดอยูบางเปนระยะ ๆ รูสึกตัวไดในเศษเสี้ยวของวินาที ไมใชมีแตคํา วา โง โง โง เพียงอยางเดียว.... เอวัง...

56


13. กองขี้ กับ แฮปป – นิสาข ประเทศรัตน เคยไดนั่งฟงอาจารยอบรมเด็กๆ โรงเรียนลองวิทยาคม แลวสะดุดใจกับคํา ว า “แนะนํ า ” ของอาจารย ม าก อาจารย บ อกว า “แนะ” คื อ การพู ด ให ฟง “นํา” คือการทําใหดู ทําใหเขาใจตอนนั้นเองวาการที่เราจะไปแนะนําใครๆ นั้น เราตองเปนทั้งผูรู และผูเคยลงมือกระทําสิ่งนั้นๆ มากอนถึงจะบอกใหผูที่เราแนะนํา ได อาจารยเคยแนะใหฟงวาจะออกจากอารมณที่คั่งคางในใจเราไดอยางไร แต ก็ไมคอยไดสังเกตตัวเองเทาไร เพราะไมคอยอยากออกจากอารมณนั้นๆ มันอยากจะ ใหจบๆ ไปตามที่ใจเราตองการ แตสวนใหญมันก็จบแบบไมตรงใจเราสักครั้ง เมื่ อ สงกรานต ที่ ผ า นมา ฉั น นิ ม นต “แนะ” คือพูดให้ฟัง อาจารย ไ ปที่ บ า น พอดี ช ว งนั้ น กํ า ลั ง ต อ เติ ม “นํา” คือทํ าให้ดู ระเบี ย งหลั ง บ า นและทํ า บั น ไดหน า บ า นอยู พอดี อาจารยมาอยูไดสองสามวันงานตอ เติม ก็ เสร็จ ชางก็จัดการเก็บขาวของที่เ ปนของตัวเอง กลับอยางเรียบรอย แตสวนที่เปนของที่บาน ชางหยิบออกมาใชก็ไมยอมเก็บใหแลว งานที่ทําไวเลอะเทอะก็ไมเก็บกวาดให ฉันเองไมไดลงไปดู (เพราะมัวแตทําอะไรอยูก็ ไมแนใจ) แตพอชางกลับไปแลว ฉันลงไปตรวจดูความเรียบรอย แคเปดประตูออกไป เทานั้น อารมณมันเริ่มกรุนตั้งแตตอนไหนก็ไมรู เห็นบันไดหนาบานเลอะเทอะ เดิน ไปทางระเบียงเห็นขาวของเครื่องไมเครื่องมือ เศษไม เศษปูนเกลื่อนไปหมด ใจก็เดือด ปุ ด ๆ….. หั น ไปหั น มาก็ เ ริ่ ม จั บ ทุ ก อย า งที่ ข วางหู ข วางตาโยนไปรวมๆ กั น ไว ใ ต 57


ถุน (ขางบนมีอาจารย ศรชัย กับประสาทนั่งอยู) ตั้งใจวาจะเผาใหหมดทีหลังชาง มันจะไดไมตองมายืมเราใช โดยลืมนึกไปวาขางบนมีคนนั่งคุยกันอยู จนอาจารยเห็นฉันยกเสาที่เขาตัดทิ้งไวเปนทอนๆ อาจารยยังอุตสาหตะโกน ลงมาวา “นา ตอนระวัง หลังจะเสียนะ” ฉันก็ตอบกลับ ทันทีวา “ไมเปนไร อาจารยเดี๋ยวจะเผามันใหหมด” ทั้งน้ําเสียงและอาการที่แสดงออกตอนนั้นมันอาจ ไมคอยนาดูเทาไร แตฉันก็ไมรูสึกตัวเลยจริงๆ ในขณะนั้น อาจารยก็เงียบไปสวนฉันก็ ไหลไปตามอารมณที่โมโหตอไปสักประเดี๋ยวอาจารยก็บอกวา “นาตอนกินน้ําสม ก อ น” น้ําเสี ย งยั ง เมตตาเหมื อ นเดิ ม ที่ นี้ ฉั น ก็ เ ริ่ ม สะดุ ด ใจละ ความรู สึ ก ตั ว ก็ คอยๆ ตามมาทีละนิดๆ เลยขึ้นบานไปกราบขอโทษอาจารย อาจารยก็วา “ขอโทษ อะไรไปกินน้ําสมซะ” น้ําเสียงยัง เมตตาเหมือนเดิม ยังนึก อยูเหมือนกันวาทําไม อาจารยไมดาฉันบาง……..เพราะมันอาจทําใหฉันรูสึกดีขึ้น จนวันที่อาจารยกลับวัดฉัน ก็ก ราบขออโหสิ ก รรมกั บ อาจารยอี ก ครั้ง อาจารยก็ หัวเราะอย างอารมณดี แล ว วา “เฮย ! จะไปบวชรึวะ” ฉันมายอนนึกดูจึงเขาใจวาเหตุการณนี้นั่นแหละคือการ ทําใหดู ของอาจารย วาเราจะออกจากอารมณไดอยางไร...... นึกแลวก็ขํา ยังจําวันที่อาจารยสอนเด็กวันนั้นไดเลย อาจารยบอกวา “แนะใหแลววา ไปทางนั้นกองขี้ ไปทางนี้แฮปป ก็เลือกกันเองแลวกันวาไปจะทางไหน!”

58


14. นักลงทุนขามชาติ – ธวัชชัย พิภพลาภอนันต หุน ถือ เปนการลงทุนประเภทหนึ่ง ที่ใหผลกําไรสูง แตก็มีความเสี่ยงที่จ ะ ขาดทุนสูงเชนกัน การเกิดมา หนึ่งชีวิต ยาววา หนาคืบ กวางศอก มีใจครองนั้นก็ เปรียบ เหมือนพอรตลงทุนพอรตนึง มีกําไร มีขาดทุน มีสุข มีทุกข ดีใจ เสียใจ หุนมี ความผันผวนสูง ตัวเราก็มีความผันผวนสูงเชนกัน หุนมีเครื่องมือตางๆนานา เพื่อคาดการพยากรณแนวโนมลวงหนาไดวา จะขึ้น หรือลง แต ตัวเราไมมีเครื่องมือใดๆเลย ที่จะบอกไดวาเราจะเจอเหตุการณอะไรในภายภาค หนา Cut loss เปนการขายตัดขาดทุน เพื่อใหเราเจ็บตัวนอยที่สุด Let profit เปนการขายเพื่อทํากําไร เพราะแนนอนเมื่อหุนขึ้นไปถึงจุดจุดนึง แลวมันก็จะลง ตกตั้งใหมเปนเครื่องมือ ที่เปนทั้ง Cut loss และ Let profit เมื่อในยามที่ใจ เราเสียหาย เศราหมอง ตองพบกับปญหาทุกขยาก ในยามนั้นถาไม Cut loss ความ เสียหายจะกัดกิน ลึกลงไป ในทางกลับกัน เมื่อตัวเราพานพบสิ่งที่นารัก นาชอบใจ ถา ไมมี Let profit แลวตัวเรา วิ่งตาม ดิ้นรน เพื่อใหไดสิ่งที่นาชอบใจ ทีนี้พอไมไดก็จะ เปนจะเปนจะตาย ก็ใจเสียหายอีกนั่นแหละ ฝากไวดวยครับ หุนพุทธบริษัท ลงทุนแลวไมผิดหวัง มีแตได กับได แถมผลตอบแทน ยังติดตัวไปขามภพขามชาติดวย 59


15. Improvisation - ดาริกา ธารบัวสวรรค Improvise หมายถึงการเลนดนตรีแบบดนสด ซึ่งเดฟ ดักลาสเปนหนึ่งในนัก ดนตรีที่ตกผลึกในเรื่องนี้ เคาหนีไปจากคํานิยามแจ็สแบบดั้งเดิม สูการไมยดึ ติดกับฟอรม บอยครั้งเคาทําใหนึกถึงทองทุงกวางและเวิ้งฟาสุดสายตา ฉันอานเรื่องนี้อยางคราวๆ ในเนชั่นสุดฯ ฉบับวันที่ 6 มีนาคม 52 กอนตามชมพู (จุฑารัตน สวางชัย) ไปเขารับการ อบรมที่ธาราศัย (อ. เกาเลี้ยว จ.นครสวรรค) ในยามค่ําของวันเดียวกัน ไมรูวาเคาอบรมเรื่องอะไร วิทยากรเปนใคร ไมรูวาเสียคาใชจายเทาใด แตพอรู วามีใครมาเขารับการอบรมบางซึ่งการอบรมไดเปดตั้งแตค่ําของวันพฤหัสที่ 5 แตไดไปชา เกือบหนึ่งวันเต็ม ไปถึงก็ปาเขาไปเกือบสองทุม พบผูเขารับการอบรมคุนหนาคุนตาและ วิทยากรผูสอนทานเปนพระชื่ออะไรก็ไมรู เพราะไมเคยเห็นหรือรูจักมากอน ทานกําลัง สาธิตการเดิน การมีสติอยูกับกาย และสอนเรื่อง “ตกรอยครั้ง ตั้งใหมรอยหน” เปนครั้ง แรกที่ไดยินเรื่องนี้ “ตกและตั้ง” ที่ผานมาไดรับการสอนเรื่องการเดินจงกรม “ใจมีสติอยู กับกาย”การรับรูการเคลื่อนไหวของกายอยูกับเทาที่กาวเดิน ฉันฟงแลวทําตามพวกเคา ไป พระอาจารยเปดเวทีใหผูเขาอบรมถาม ฉันไดรับโควตาใหถามไดดวยแตตอนนั้นยังมึน กับคําบาลีตาง ๆ เชน “ปฏิจจสมุปบาท” และคําบาลีอื่น ๆ ที่พวกเขาไดเรียนกันใน ภาคเชา พระอาจารยผสู อนทานเปนนักดูหนังและฟงเพลง ทานโปรดเพลง Improvise มากเราเลยไดฟงเพลงจากมือถือของทาน ฉันเปนพวกปลื้มแจ็สอยูแลว ฟงแจ็สที่ไรฟอรม เลยชอบมาก คลื่นเสียงที่เกิดจากเครื่องเปาไมวาจะเปนแซ็กโซโฟนหรือทรัมเปตมันสุด ยอด เดิมตอนเปนเด็กจะชอบไวโอลินที่สุดแตยิ่งฟงทําใหยิ่งเศราก็เลยหันมาชอบแจ็ส 60


นอกจากนี้เรายังคุยกันเรื่องหนัง เชน Slumdog Millionaire และหนังรางวัลอื่นๆ ของ ออสการปนี้ คุยกันไปออกโนนหนังของคุโรซาวาและสุดยอดผูกํากับคนอื่นๆ ดีที่ไมวกมา เรื่องวรรณกรรม เพราะเรื่องชักไปไกลเกิน แตก็ เปนตัวอยางที่ดีของตกและตั้ง คืนวันเสารพระอาจารยใหเราอาบน้ําอาบทาใหสบายใจ จนใกลเที่ยงคืน เพื่อ ปลอยตัวใหเราเดินจงกรมไปตามลําพังคนเดียวในความมืดรอบพื้นที่ธาราศัย คนที่มี ปญหาเรื่องกลัวผีคือฉันและหมอสมพงษ (สมพงษ ยูงทอง) เราสองคนมีปญหาเรื่อง เดียวกันคือการกลัวความสูงและกลัวผี ฉันเปนพวกที่คนอื่นมองดูแลวบอกวาไมเขาใจ ฉันกลัวความสูงแตกลาที่จะโดดหอสูงที่โรงเรียนนายรอย จปร. ไมวากอนที่จะหยอนตัว ลงในความวางเปลาฉันจะกลัวมันจนหัวใจจะหยุดเตน ถึงจะกลัวผีมากแตก็กลาที่จะอยู คนเดียว และมีปญหาเรื่องอัตวินิตบาตกรรมแตก็ทําการดูแลผูปวยระยะสุดทายได ฉันเดินตามคนที่เดินลวงหนาซึ่งลับตาไปในความมืด บรรยากาศไมนากลัวนัก เพราะยังมีแสงไฟอยูหางๆ ลมเย็นยามดึกพัดมาปะทะหนาทําใหรูสึกสดชื่นและปลอด โปรง ที่แหงนี้ฉันเคยเดินในแถวตามหลังทานไพศาล (พระไพศาล วิศาโร) ไปเมื่อครั้ง อบรมชีวิตในอุดมคติครั้งแรก ตอนนั้นเปนเวลาเชาตรูที่สดชื่นแจมใสไมมีความกลัวอะไร ในใจ มีแตยางกาวของการรูสึกตัวบางเผลอบาง การเดินคนเดียวในความมืดครั้งนี้ฉันไม ยักกลัวแฮะ ถึงแมนจะมีคนเลาวาเมื่อเขาเดินผานตนไมใหญสองตนที่อยูทางเขาประตู ดานหนา เขารับความรูสึกวามีสิ่งที่มองไมเห็นและทําใหขนลุกทุกครั้งที่เดินผาน ฉันก็ เพียงไมเลือกทางเดินที่ผานตนไมที่วาและทําแคเดินไปขางหนาเรื่อยๆ เปนใชได การอบรมครั้งนี้เรามีความใกลชิดกับวิทยากรมาก เราตั้งวงคุยกันไดอยาง สนุกสนานของพื้นที่ทุกแหงที่สมาชิกกลุมมีความพรอม จนเกือบเที่ยงคืนทุกวันและตอง ตื่นมาทําวัตรเชาตั้งแตตี 5 อาหารเชามีเพียงขาวกลองตมเปลาๆ และหามเติมเครื่องปรุง ใดๆ มื้อเย็นงดมีเพียงน้ําหวานคนละแกวเทานั้น แตพวกเราก็ยังรับรูแฮะวาทานเปนพระ เพียงแตเปนพระที่อาจจะไมเหมือนพระรูปอื่นนัก ในวงสนทนาฉันเปดประเด็นเรื่องเพศ 61


สภาพ เพราะรูสึกวาพระอาจารยทานพูดบอยวาผูหญิงมีความอิจฉาและริษยากันเองอยู ในยีน ถึงแมนวาฉันเองไมเปนแฟมินิสตเหมือนจันทรเจา แตก็คิดวาเหมือนมันไมจริง ทั้งหมด ยอมรับวา ผูหญิงมีอายตนะที่เร็วและละเอียดกวาผูชาย แตความอิจฉาริษยากัน นั้นมักพบในละครหลังขาวของไทยและทําแคตบหนากันและรองกรี๊ดๆ แตความริษยากัน ของชายทําความเสียหายรุนแรงกวามากมายนัก ตอนนั้นยกเรื่องมาประกอบไมทันแต พอมาอานเรื่องขององคุลิมาลแลวถึงนึกออกวาความริษยากันของชายทําใหอหิงสกะ ถึงกับตองฆาคนไปมากมายเพื่อสังเวยโรคริษยา และคิดวาผูชายที่เปนแตวหรือตุดมีการ แสดงออกของความอิจฉามากกวาฉันซึ่งเปนหญิงแทเสียอีก แตก็ชักไมแนใจนัก เพราะ เทียบกันแลวอายตนะฉันมักชากวาผูหญิงอื่น ในวงสนทนาเราคุยกันหลังจากพระอาจารยทานเปดประเด็นเรื่อง “รักษาตน ยอมชื่อวารักษาผูอื่น” เรื่องนี้เมื่อพูดกันไปเรื่อยๆ แลวมันทําใหฉันเขาใจบางเรื่องที่ผาน มาของตนเอง ไดเห็นตนเองอยางชัดเจนวาปวยมานานดวยโรค “หลงตน” เดิมนั้นฉันมัก รูสึกสับสนเหมือนกันที่ตนเองเปนพวกบางาน แบบไมหวังผลตอบแทนเปนเงิน ตําแหนง หรือการเลื่อนขั้น การกระแทกใสตรงๆ ของพระอาจารยทําใหยอมรับวาทําไปเพราะ ตองการการยอมรับวา “เกง” เปนพวกอัตตาโตคับใจ ที่ผานมาฉันทําวิชาการใหคนอื่น ผานการประเมินซีแบบทําใหฟรี ไมตองใหอะไรตอบแทนขอใหชื่นชมแคนั้น พอไมได รับคําชมถึงอาการออกของโรคหลงตน นอกจากนี้พอฉันเลาเรื่องวาจะลาออกจากงานไป อยูมูลนิธิเพื่อทําเรื่องแพทยทางเลือก ทานบอกวาไมตองพูดมาก “กลามั้ย ถากลาก็ออก เลย” นับเปนคําพูดที่ตรงมาก แตฟงแลวไดใจวามันเปนอยางนั้นแหละ กลามั้ย ถากลาก็ ออกมา ความสดของความรูสึก พูดออกมาจากใจ เปน “ภาษาใจ” ไมใชภาษาที่ปรับแตง แลว ทานวาพวกเราทุกคนที่มานั่งกันสลอนอยูที่นี้วา ลวนเปนนักวิชาการ ที่จะพูดอะไร ตองมีสาระ ดูดี ดูมีการศึกษา ฉันฟงแลวสะเทือน เพราะเปนคุณเลขาของการประชุม 62


เกือบทุกครั้ง มันทําใหเกิดความเคยชินที่จะตองฟงแลวจับประเด็น พูดเปนประเด็น ทํา ใหตองเรียบเรียงเรื่องที่ไดยินและเรื่องที่จะพูด ถาไมรูเรื่องก็จะโดนประธานที่ประชุมเลน งานไดสิ พวกเราตางลวนถูกฝกมาอยางนั้น สมาชิกคนหนึ่งอดีตเปนอาจารยมหิดล แตตอนนี้ลาออกมาเปนฟรีแลนซ แลว ถามวา การเคลื่อนไหวทางสังคมของคนที่ยังตองมีเงินเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงทองนั้น นับเปน เรื่องลําบากมาก เพราะเรายังตองทํางานเพื่อเงินมาใชจาย ไมอิสระเหมือนทานที่ทํางาน ไดสะดวกกวา ไมตองมีภาระเรื่องนี้ (ฉันแวบนึกถึงทานไพศาลทันที เพราะเคยรูสึกวา ทานสามารถไปไหนมาไหน ทําอะไรไดอยางอิสระ และทาทางมีความสุขอยางนาอิจฉา) คําตอบของพระอาจารยสดดีจริงวาตองลอง ลองบวชดูสิ แลวก็รูเองแหละวาเปนอยางไร ทําเอานึกถึงพระหลายรูปที่ตองลาสิกขาออกมาเปนฆราวาส เพราะอยากทําอะไรที่อิสระ กวา ขณะที่บันทึกอยูนี้เสียงของเครื่องเปาหลายชิ้นแววมาในความคํานึง อิสระที่โหย หา รัก และหลงใหลในอิ ส ระ อาจเพราะในชี วิ ตจริ งไม ได มี อิส ระอยู เลย ตกอยู ใน พันธนาการของอัตตา และความมืดบอดของอวิชชา ตกมานานอยางนี้จะตองฝกฝนไป นานสักเทาใดถึงจะตั้งได โดยเฉพาะคนซับซอนมากมายอยางฉัน มันทําใหมึนหนักเมื่อผง เขาตา

63


16. “1 +1 = 3” - เจตน วังแจม “ขึ้นแผนกศัลกรรมแลว ตายละกู!” ผมสะดุงตื่นหกโมงเชา แตงตัวไปดูคนไข ความทรงจํายังแจมชัดราวกับเพิ่ง เกิดเมื่อวานนี้ ผมเคยสอบตกแผนกนี้ เวลากลับมาเรียนผมจะเครียดมากเปน พิเศษ หนึ่งนั้นผมถูกเพงเล็งอยูเดิมเลยทําใหอึดอัด สองผมกลัวตกซ้ําชั้นอีก ซึ่งมันเลวรายมากสําหรับผม ตอนนี้ก็สามอาทิตยแลว เหลืออีกอาทิตยเดียว จะลงแผนกนี้แลว ในชวงอาทิตยแรกนั้น ผมเครียดมากเพราะพยายามทําตัวใหดูแอคทีฟ ขยัน ขันแข็ง ผมไมเคยมาสายสักวัน จําคนไขไดหมดทุกเตียง รูความคืบหนาของคนไขทั้ง กอนผาหลังผา ซึ่งผมไมเคยทําไดมากอน ผมทําดีขนาดนี้ทําไมผมถึงกลัว ผมตื่นมาทุก เชาไมใชเพราะความสดชื่น แตเหมือนมีอะไรมาผลักผมลุกจากเตียง ความกลัวในใจ ผมหรือเปลา ผมขยันทํางาน มีความรับผิดชอบสูง ผมกลัวอะไรหรือเปลา..... .....และผมก็ไดเรียนรูคําตอบ วาผมกลัวใจของตัวเอง ทุกวันจันทรตอนเที่ยงจะเปนวันที่เอกเทริน(นักศึกษาแพทยชั้นปที่หก)จะเอา คนไขทุกนาขึ้นสไลด พวกเรามีหนาที่จําใหไดทุกเคส โดนถามเคสไหนตองตอบได ไม 64


งั้นจะโดนสตาฟที่เขากันเกือบครบยําแหลกนั่นเปนวิธีกดดันพวกผมใหจําเคสได ให ทํางานใหดี วันจันทรแรกเริ่มทํางานใหม ไมวาผมโดนตําหนิเทาไหร ใจก็รับไปปรับปรุง การทํางานเพราะถึงแมมันจะโหดแตก็มีเหตุผลเพื่อประโยชนของคนไขอยูดวย ผม ยอมรับไดตรงนั้น แตวันจันทรที่เ พิ่ง ผานมานี้ผมโดนอีก ผมซัก คนไขม าละเอียดดวยตัวเอง อาจารยทานหนึ่งซึ่งไมคอนชอบขี้หนานักเรียนที่ลําปางเกือบทุกคนทุกรุน(ไมทราบ เพราะอะไร)เลนผมทันที เมื่อเริ่มเลาเคส คนไขเคยผาไสติ่งเมื่อหาเดือนที่แลวครับ แลวใสทอระบายเพราะไสติ่งมันแตก อีกสองเกิดมีไข แผลบวม มีหนองไหล … อาจารย “ไมเขาใจ แลวแผลมันเปดไดไง” ผม “แผลเปดเอง จากการที่มีหนองสะสมอยูขางใตครับ” อาจารย “ตกลงเคากรีดบนระบายบนแผลเลยเหรอ” ผม “ครับ” อาจารย “บนแผลหรือใตแผล” เริ่มกวนตีนแลว ผม “บนแผลครับ” อาจารย “ผลชิ้นเนื้อที่นั่นอานเปนอะไร” ผม “คนไขบอกปกติครับ” อาจารย “อาวไมเห็นเองเหรอ ทําไมสตาฟรู” สตาฟคนนั้นแทรก เออ มันไมมีจริงๆแหละ เราตองเชื่อคนไข “บอกวามีหนอง ไปเพาะแลวขึ้นชื่ออะไร” อาจารยยังวาตอไปอยางไมลดละ ผม “E. coli ครับ (เชื้อปกติในลําไสใหญ)” 65


อาจารย “ตอบสนองตอยาอะไร” ผม “Amikin ครับ (ยาฆาเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง)” สรุป คนมีทอตอระหวางผิวหนังกับลําไสใหญเกิดจากการติดเชื้อจากการผาตัดเปน เหตุ สตาฟวางแผนจะผาเพื่อปดทอนั้น แลวสงผลชิ้นเนื้อที่ผิดปกติ นาจะจบแลว ผม ตอบไดครบถวน แตยังไมจบ อาจารย “คนไขใชสิทธอะไร” ผม (มึงถามทําไมวะ) “…ขอโทษครับไมไดซัก” อาจารย “คนไขขอมาเอง หรือแพทยสงมา” ผม (อึ้งอีก) “ขอมาเองครับ” อาจารย “แนใจ” ผม “… ครับ” สตาฟ แพทยที่นั่นบอกวาถาจะไป ไมตองกลับมาใหเห็นหนา อาจารย “ที่ออกมาเปนอะไร” ผม “หนองครับ” อาจารย “ไมมีขี้เหรอ (มองหนา) รูจักขี้ไหม” ผม “…” (ไมตอบ) อาจารย “ตกลงมีไหม” ผม “ไมมีครับ” (คําถามหลอก) อาจารย “บอกวาหนองสีเขียวมีน้ําดีออกมาไหม” ผม “ไมใชน้ําดีครับ” (ลําไสใหญบานปามึงดิ มีน้ําดี) 66


ผมโดนคนเดียวเกือบชั่วโมง (มีเวลาหนึ่งชั่วโมงในการนําเสนอคนไขทั้งอาทิตย) ผมทราบดีวาผมโดนเลนแลว ปกติแลวอาจารยทานอื่นที่ผมไมมีปญหาดวย จะชวยตัดบทสนทนาที่ไมไดกอ ใหเกิดความรูเหลานี้ แลวขามไปเคสใหมทันที แต จันทรนี้อาจารยทานไมอยู อาจารยที่ชวยเหลือกันมาตลอด(ไมใชไมดีไปซะทุกคน)ก็ เขาเพียงคนเดียว ชวยไดไมมาก ผูอานอยาไดตกใจวาทําไมเขาจงใจแกลงผมนัก อาจารยทานนั้นทําอยางนั้น มาหลายตอ หลายรุนแลว เวลาไมชอบหนาใคร จะไมใหเขาชวยผาตัด เวลาเขียน แผนการดูแลหลังผาตัดให ก็จะฆาทิ้งแลวเขียนใหม สรางความคับของใหนักศึกษา แพทยมาหลายรุนแลว ลาสุดนองใหมปสี่ก็โดนเหมือนกัน การกระทําแบบนั้นถือวา ธรรมดา เห็นมาทุกครั้งที่เขา conference ผมรูสึ ก เหมื อ นโดนแกล ง อีก ครั้ง เหมื อ นตอนที่ ผ มตกใหมๆ ความรู สึ ก เดียวกันเลยแตเ บากวา ผมอยากรองไห ไมใชเ พราะโดนดา แตความคับ แคนทั้ง ของเดิมของใหมออกมารับแลว มันนาเจ็บใจเรื่องเดิมๆ เรื่องครอบครัว สารพัดมัน ออกมาหมด แลวมันก็หยุดไปเฉยๆ คลายตอนที่อยูตอหนาผอ. ตอนที่โดนบอกวาคุณ ตองซ้ําชั้น... …ผมยิ้ม แตตอนนี้ดีกวานั้นมาก ….ในใจก็คิดกี่ครั้งแลวหนอ ที่ตกตั้งใหมชวยเราไว ที่ผมอยากรองไหก็คือ เสียใจใหกับการกระทําของเราเองไมรูหนไหน ที่ทําให เราไดรับผลของเรา ผมไมโกรธเขา ที่ดีใจก็คือ วันจันทรหนาผมก็จะพนไปแลว และ จะไมทําเหตุใดๆ ที่ใหผลเชนนั้นอีก โอ นากลัวเหลือเกิน ขอใหอาจารยทานนั้นมีแตความสุข ความเจริญ อยาไดไปเบียดเบียนใคร ใหไดรับผลอันแสนทุกขทรมานนั้นตอไปเลย 67


แมจะต่ําตอยเรี่ยดิน แตก็ขอบังอาจออกตัวเปนพยานปากเอกผูหนึ่งที่พิสูจน คําพูดของมนุษยพิเศษผูนั้น ซึ่งปรินิพพานนานแลว วา “จิตที่ฝกดีแลว นําความสุขมาให” “ธรรมะยอมคุมครองผูประพฤติธรรม” “สติเปนหัวหนาของกุศลธรรมทั้งหลาย” เพราะเปนเมื่อกอนผมคงตกไปอีกรอบเรียบรอยแลว แถมไมพอคงไมไดเรียน แพทยตอ เพราะไปตอยปากใครเขา ผมออกจากอารมณที่เคยเคี่ยวกรําชีวิตผมมา หลายปดวยเวลาเพียงไมกี่วินาที ดวยวิริยะที่ฝกหัดความรูสึกตัวใหเกิดขึ้นเปนเวลา เกือบหาป ดวยความชํานาญในการออกจากความคิด โดยใชการรูสึกตัวเปนฐาน ทํา ใหกําลังของการออกจากความคิดที่รบกวนจิตใจเพิ่มพูน แถมมีสติปญ  ญาที่เพิ่มพูนไว ใชศึกษาเลาเรียนหนังสือเปนโบนัสพิเศษ นั่นคือยารักษาโรคของคนบาทุกคน ยิ่งฉลาดยิ่งบา! เชื่อผม ยิ่งพูดก็ยิ่งนึกถึงคําพูดหลวงพอที่ไดใหลูกศิษยแบบใหกันทั้งชิวิต รากเหงา ของชีวิตเราที่จะดําเนินไปในภายภาคหนา ยิ่งไดมีโอกาสเผยแพรตกตั้งใหมเทาไหร สอนคนอื่นมากเทาไหร ก็เ หมือนไดตอบแทนบุญ คุณทานเทานั้น ยิ่งไดตอบแทน บุญคุณพอแมดวยการทําในสิ่งที่เปนกุศล โอ นาอัศจรรย ในการรูสึกตัวเพียงหนึ่งครั้ง 68


การแกตนตอของปญหาก็เกิดขึ้นแลว (solving) การเรียนรูก็เกิดขึ้นแลว (learning) การรักษาใจก็เกิดขึน้ แลว (healing) จะไมใช 1+1 = 3 ไดอยางไร

69


17. ผมปวยหนัก - หัทยา สงวนสิน “การที่ผมปวยครั้งนี้ ผมรับรูไดตั้งแตแรกที่รูสึกมีความผิดปกติกับการหายใจ” ไม นานมานี้ เ อง ผมถูก สอนใหสั ง เกตตัว เองอยูเ สมอ วัน นี้อ ยูดี ๆ อาการ ผิดปกติก็เริ่มเกิดขึ้นมากับลมหายใจ มันเริ่มจากลมเขาออกดูลําบากผิดปกติ แสบๆ โพรงจมูก แลวหูอื้อๆไดยินอะไรก็รูสึกแปลกๆ อึดอัดรําคาญ คอเริ่มคันเหมือนมีกอน อะไรเติบโตขึ้นแถวๆฃวงกอนลูกกระเดือก ตาเริ่มพรามัวความคมฃัดดูเหมือนจะเริ่ม หายไป อาการทุกอยางประเดประดังเขามาตามลําดับ ในรางกายผมอยางรวดเร็ว ภายในเวลาสัก สองชั่วโมงเห็นจะได ผมบอกกับ เรยอ าจารยดนตรีที่ส นิทสนมกัน ตั้งแตชวงแรกที่เริ่มรูสึกถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ .....................พุธดึกหลังเลิกงานเลนดนตรีแถว ม.เกษตร เที่ยงคืนกวาคืนนั้นเองเรยสง SMS แสดงความหวงใยแนะนําการดูแลตนเอง กวาจะ เห็นคืออีกนานมากผมไมคอยไดยินเสียงอะไรรอบตัวนักแลว ใครๆก็คงรูวาจากอาการ ที่เลาใหฟงตอมาคงตองลมหมอนนอนเสื่อเปนแน ถูกตองครับ อาการหนักเลยดวยคราวนี้ แตคืนนั้นกลับไปผมตองไปจัดการ กับงานตัดตอวีดีโอสารคดีที่ทําคางไวเพราะลูกคาตองรีบใชอีก พอเสร็จสงไดกลับมา นอนตอนสายๆ อาการก็หนักขึ้นจนเบลอไมรูตัว ลอยๆแบบครึ่งหลับครึ่งตื่น ไขที่มี 70


คอนขางสูงมาก วันนี้ตองออกงานสามงาน ผมรูกําลังของตนเอง จึงจัดการเลื่อนทุก อยางหมดเหลือแคอันที่เ ลื่อนไมไดคือหนัง ที่จ ะฉายของเพื่อนผูกํากับ ทานหนึ่ง ที่ หางสรรพสินคาชื่อดังแหงหนึ่ง ........................พฤหัสในโรงมหรสพกลางกรุง ภาพยนตรเรื่องนี้ เปนเรื่องที่เพื่อนอุทิศใหกับคุณพอของเขาที่เพิ่งเสียชีวิตไป ผมสนิทกับครอบครัวนี้ตั้งแตยังเด็ก การถอสังขารไปอยางดัน ทุรังครั้งนี้คงเปนการ ไปรวมแสดงความยินดี และแสดงความเคารพตอคุณพอเพื่อนที่จากไป เสียงตอบรับภาพยนตรเรื่องนี้ออกมาดีมาก ภายในโรงเสียงปรบมือดังมาจาก ผมคนแรก รูสึกตื้นตันที่เพื่อนทําออกมาไดดี ผมยินดีกับความรักทีเ่ ขานํามาแสดงออก ในผลงาน ..............................ศุกรบนเตียงที่แทบไมลุกไปไหน เชาวันตอมาอาการไมดีขึ้น เสลดเชมเหนียวคอ กอนอึดอัดนั้นใหญขึ้นมากๆ ไมมีเสียง จะพูด เสียงผมกลายเปนเสียงลึกๆใหญๆ มีแตโทนเสียงเบส สื่อสารอะไรกับใครฟงรู เรื่องยาก แตที่สําคัญผมไดรับสายโทรศัพทจากเพื่อนเกาที่คุยไมคอยรูเรื่อง ยืนยันวาจะ ทําอยางนั้นอยางนี้ จะมาบานผมใหได คุยยังไงก็ไมรูเรื่อง ผมโกรธมาก และเสียใจที่ เพื่อนคนนี้ไมเขาใจ แลวจะคอยเอาความไมเขาใจมาโกรธผม ซึ่งทําใหอึดอัดใจมาก และขอใหเขาหยุดสรางความปวดหัวใหกับผม 71


บายวันนั้นจิตใจหอเหี่ยว เบื่ออาหาร อาการหนักทรุด ผมมั่นใจวาวันนี้ นาจะไมพ นโรงพยาบาลแนแ ลว ฃั้น จึ ง โทรบอกเพื่ อ นอีก คนใหรู อ าการ แล วให เตรียมพรอมไปสงโรงพยาบาลดวย หากไมไหวแลวจะโทรไปตาม มานอนหลับ ไมรูเรื่องตอ อีก ตื่นขึ้นมาก็เ จอสายไมไดรับ 60 กวาสายจาก เพื่อนคนที่ยืนยันจะมาเอาของมาให พอโทรกลับไปเขาก็โกรธพูดจาหยาบคาย ซึ่ง อาการผมเปนขนาดนี้แลว เขายัง ทําแบบนี้เ ลย ผมรูสึกแยมากๆ เสียใจ และโกรธ รูสึกเหมือนเขาอยากทํารายผม ผมเสียใจในสัมพันธภาพที่เคยดีรักใครแบงปนน้ําใจ ตอกัน แตตอนนี้ผมดาในใจวา “แมงจะฆากูหรอวะ บอกวาปวยๆวากันวันหลัง” ขอ สงบๆเถอะอยามายุงกับผม แนนอนสิ่งที่พระอาจารยบอกผมเสมอคือ คนเราเจอเรื่องในชีวิต อยูสอง อยางหลักๆคือ ความชอบใจ กับความไมชอบใจ เราไมสามารถเปลี่ยนแปลงใครได เปนเพียงแคปจจัยเล็กนอยในการเปนไปของบางสิ่งเทานั้น ผมวางใจ กลับมารูตัวแบบปวยๆนี้ตอ ไมนงไมนอนมันแลว ลุกมากินขาว เปดเพลงที่ชอบเสียงดัง โรครายที่กอตัวขึ้นจากปจจัยในโลกที่ควบคุมไมได มันบาง เบาไมก ลับมากอปญ หาในใจอีก บางทีผ มก็คิดวาตัวเองเหี้ยมไปหรือเปลา คนเคา เดือดดิ้นจะเปนจะตาย เรากลับเฉย วางเขาลง ไมนํากลับมาเปนทุกขเพราะความ อยากนําพาใหเขาพนทุกข โลกของผมดูบางเบาสบายขึ้น ดวยอุบายเตรียมตัวกอนไปทํางานแบบฮาๆ แทนที่จะหาวิธีเดินทางไปทํางานงายๆสบายๆ ผมเลือกที่จะเดินถืออุปกรณทํางาน หนักๆพะรุงพะรังไปเบียดรถไฟใตดินใหมันลําบากเลน แตอาการเจ็บก็ปวยผอนคลาย ทุเลาลงไปตามลําดับ

72


เมื่อกอนผมจะหนักมากกับการตั้งใจดีแลวสิ่งนั้นไมไดเปนไปดังใจ ตั้งใจดีแต กลับ ไมไดดี แตตอนนี้เ ฉยขึ้นมาก กระแสชอบโดนนินทาหาเรื่องดา เมื่อกอนก็กอ อาการซัดสายกับใจผมที่มาตกสภาวะคิดวกวน บางสิ่งมันพาใจละเลยในสิ่งที่ควรทํา ทั้งที่จริงแลวชีวิตก็ไมไดมีเวลามากนัก การวางเปนเรื่องยาก มันกอความรูสึกวาเรากําลังละเลย หรือเรากําลังจะ ขามพนสิ่งนั้นไปกันแน… .............................วันเสารเชา เมื่ อ ไม กี่ ชั่ ว โมงก อ นถึ ง เวลาเช า นี้ เ พื่ อ นที่ ผ มรั ก มากอี ก คน โทรมาอี ก 15 สาย ลาสุดคือเวลาประมาณตี 5 ผมไมทราบแนชัดวาเขาตองการอะไร แตตอนหลัง เลิกงานสักตี 2 เขาโทรมาและคาดคั้นจะเอาความจริงวาผมคิดยังไงกับการเลนดนตรี ของเขาในวง ถึงผมไมใชคนฉลาดนักแตฟงจากเสียงที่คุนเคยนี้มันเปนสภาวะที่มึนเมา ไม ควรแกการสื่อสารเหตุผล การที่ผมนิ่งเงียบไมพูดอีกสาเหตุหนึ่งเปนเพราะจากอาการ ปวยหนักและผลขางเคียงจากยาดวย ผมนึกในใจสงสารแกมากที่ตองมาทุกขใจกับ ความสงสัยไมเขาเรื่องพวกนี้ จนลืมเมตตาคนปวยที่ยังบาไปทํางานเชนผม จริงๆผมมองเห็นปญหา แตใจเย็นลงกวาเกา เรื่องบางเรื่องไวกอนคอยแกไข เพราะอยากรักษาความเปนเพื่อนไว แลวคอยๆสื่อสารในเวลาที่เหมาะ ที่ปกติ ตามประวัติผมเองจะเสียเพื่อนฝูง คนรูจักไปมากโขอยู และมักนําความไม เขาใจเกิดกับผมวาก็ทําดีแลวนะ แตดีนี่ดีของใครก็คงไมเหมือนกันอีก อันนี้ก็เขาใจกับ การที่ตองเปนไปการพูดอะไรตรงไปก็คงไมดี คงจะจริงอยางขงจื้อกลาวไว วาจาที่ แทจริงมักไมไพเราะ แลวใครมันอยากจะฟงหละครับ 73


อาการปวยที่ผมยุติมันใหคลายลงไดใชเวลาครึ่งชั่วโมงที่นั่งขางถนนบนเกาอี้เหล็ก สีเขียวของ กทม ทางผานกอนไปทํางานตรงบริเวณกอนแยกรถไฟฟาสิริกิตติ์ กอน ทรุดตัวนั่ง ผมเดินชามากเหมือนคนชราเดินลอยแบบครึ่งหลับครึ่งตื่น ผมแคอยากจะลองความไวของตัวเอง จึงนั่งลงมองและพยายามไดยินเสียง ตางๆใหชัดเจน เริ่มไปจับที่เสียงรถคันที่ผานไป ไดยินเสียงใหไกลที่สุดโดยไมหันไป มอง นึกถึงคนตางๆแบบเอาใหไดกลิ่นหรือสัมผัสที่เคยผานมา แลวกลับมาที่หลังที่ เอนตัวพิงเกาอี้ ผิวสัมผัสของแขน ผิวหนาที่ลมพัดมาปะทะ จากชาๆ ก็ปลอยใจไป จับไปปลอยใหเร็วขึ้น เสียงรถคันนั้นคันนี้ ไปยังเรื่องตางๆ และกลับมาที่ตัวเรา… สิ่งที่มาหลังจากหูไดยินชัดเจนคือตาเริ่มมองอะไรชัดขึ้น ผมไดยินแลวหันไป มองตามทันพลุที่จุดขึ้นในระยะไกลมากๆ ผมก็ไมแนใจวาที่ทําอยูมันดีไมดี หรือดีกวา ควรทํายังไง ตามประสาคนกลัวหลงทางจึงโทรหาอาจารยประสาทพี่ชายนักดนตรีที่ เริ่มแนะแนวทางสูการเขาหาสภาวะจริงๆของจิตอีกทาน ซึ่งเราไดสนทนาสักครูใหญ ทานก็ดีใจที่มาถูกทาง ถึงวินาทีนี้ ผมไมสนใจอะไรสิ่งไหนที่นําความไมสงบในใจตัวเองมากอความ ไมป กติก ดดันกับ ตัวผม ผมเฉยๆ แคก ดแปนพิมพหูไดยินเสียง นิ้วรูก ารสัม ผัส กับ แปนพิมพนี้ ลมพัดผานรางกายเย็น ตาเห็นแตหนาจอคอมพที่พิมพ หนังสือที่พระอาจารยบอกผมใหเ ขียนเรื่องจากประสบการณตรงนี้จึง ไดเ ริ่ม ขึ้น และจบลงในเวลาไมกี่นาที อาการปวยทุเลาลงมากๆอยางนาแปลกใจ มันเปนการ พิมพที่ลื่นไหล ไมไดมีความคิดอะไรเลย พิมพจบรอบเดียวกลับไปยอนอานยังงงวา 74


เขียนมาไดไงถึงตรงนี้ ผมดีใจที่ในชวงเวลาที่สาหัสสากรรจเชนนี้ยังเขียนอะไรออกมา ได เหมือนดีใจที่แมจะอยางไรหากตั้งใจดีก็จะยังกระทําสิ่งดีๆ ไดเสมอ ขอสันติจงอยูกับใจทีพ่ รอมตั้งในความรูสึกตน ตกลานครั้ง ตั้งลานหน

75


18. คนผานทุกข - อุดมรัตน ศรีเกตุ เมื่ออายุ 49 ป ฉันเปนมะเร็งเตานม ผาตัด เคมีบําบัด ฉายแสง หมอบอกฉัน เปน Stage 3A หลังการรักษาอาการของฉันมีแขนบวมแดงปวดมาก ตัวฉันเองก็ เปนพยาบาล นึกนอยใจวาเรียนจนจบปริญญาโทความรูตั้งมากมายแตกลับตองมา เปนคนปวยเสียเอง ฉันพยายามที่จะติดตอเพื่อนฝูงที่เปนหมอเปนพยาบาล ไดยามา หลายขนาน เมื่อหมอสั่งเอ็กซเรยปอดใหมหมอบอกพบจุดที่ปอดขวา สังเกตวาหมอ นัดถี่ขึ้นคือเปนอาทิตยถัดไปดวย ดวยเหตุที่ฉันเปนพยาบาลฉันจึงเขาใจไดวาการนัดถี่ แสดงถึงอาการไมดี ญาติพี่นอง แม พี่สาว ก็พากันหวงใยชวยเหลือและพาฉันไปหา พระอาจารยวัดโพธิลังกา อําเภออินทรบุรี จังหวัดสิงหบุรี พระอาจารยใหฉันกินยา อาการฉันก็ดีขึ้น จากนั้นฉันก็ไปหาหมอตามนัดทุกครั้ง รางกายฉันก็ดีกวาเดิม ฉันหยุดงานนาน พอฉันมีแรงจึงกลับไปทํางานภาระหนาที่เดิม มีพยาบาลรุน นองมาทํางานแทน หนาที่การงานฉันเปลี่ยนไปแมวาจะสูงขึ้นดวยความกรุณาของ นายและพยาบาลรุนพี่ แตฉันก็อึดอัด ก็ชีวิตฉันเคยแตทํางานกับคนไขมาตลอด พอ ทํางานบริหาร งานเอกสาร ฉันทําไมเ ปน ลําบากมาก กดดัน อีกอยางฉันไมชอบ แกปญหาเพื่อนพยาบาลทะเลาะกัน ชีวิตที่บานฉันปกติเราอยูกัน 3 คน มีฉัน สามี ลูก ชาย บานฉันอยูในกลุม บานญาติพี่นองเปนที่ม รดกพอ ฉันเปนลูก คนเล็ก มีพี่ 3 คน เหลือ แตแม สวนพอ เสียชีวิตไปแลว ระหวางปวยฉันมีคนเฝาไขเยอะทั้งแม พี่ เพื่อน และนองๆ ลางานกัน มาเยี่ยมมาเฝา กําลังใจฉันอยูที่ลูกกับสามี ฉันแตงงานมา 16 ป สามีฉันเปนคนดี ดูแล ฉันทุกอยาง ตั้งแตแตงงานฉันไมคอยไดทําอะไรเองมากนัก ตอมาสามีก็ทิ้งฉันไปอยู 76


กับผูหญิงอีกคน ไมติดตอฉันกับลูกเลย ฉันพยายามติดตอไปก็ปฏิเสธการติดตอ ฉัน ตองขับรถไปธุระ ซื้อขาว ซื้อของ ตอทะเบียนรถเอง ชวงหลังแตงงานสามีดูแลเรื่องนี้ ฉันจึงไมเคยตองทํา พอตองมาทําเรื่องเหลานี้ดวยตัวเองฉันรูสึกลําบากมาก แขนซาย ของฉันถูกตัดตอมน้ําเหลือง จะบวมปวดแตก็พอทนได รถฉันสูง ฉันตองปนรถขับเอง ฉันพยายามทํากายภาพบําบัด ทํากิจกรรมบําบัด ดูแลจนเดินไดปกติ สภาพรางกาย พอเดินได แมไมดีนัก ลูกชายฉันอายุ 15 ป ยายโรงเรียน เดิม ลูกชายก็ขยันดี พอยายโรงเรียนใหมลูกฉันดูไม ฉันจิตตกฉันก็ตั้งใหม ชีวิต คอยจะสนใจเรียน เลนเกมสออนไลนทุกวัน การ ฉันรูสึกทุกขนอยลง มี เรี ย นแย ล ง วั นๆ ได แ ตนั่ ง เลน นั่ ง หลั บ อยู กั บ ความสุขเพิ่มขึ้น ไมมีใครทํา คอมพิวเตอรในบาน หากฉันพูดฉันเตือนก็มีได ใหฉันสุขหรือทุกขไดหรอก ทะเลาะกั น ลูก ชายเรีย นไดเ กรดต่ําสุ ดที่ เ คย นอกจากตัวฉันเอง เปนมา 2.1 ฉันกลุมใจมากหวงอนาคตลูก ฉันรูสึกวาชีวิตฉันหาความสุขไมได ความสุขหายไปไหน ทุกขทั้งนั้น ตัวเอง ปวยก็ทุกข สามีทิ้งก็ทุกข ลูกไมตั้งใจเรียนก็ทุกข พอไปทํางานหนาที่การงานใหมฉัน ก็ทําไมคอยไดเหมือนคนไมมีประโยชนฉันก็ทุกข นองๆ พยาบาล 3 คน คือ ชมพู ตั๋น เอง พาฉั นไปหาพระอาจารย ไพบูล ย ที่ส ถานปฏิ บัติธ รรมหาดเสลา ฉันไดรูจั ก อาจารยศรชัยดวย ชีวิตที่ผานมาฉันไมชอบพระ ไมชอบทําบุญ ชีวิตฉันไมเคยปฏิบัติ ธรรม อยางมากก็แคสวดมนตพ อได เคยฟงธรรมจากซีดีที่เพื่อนๆ ใหในชวงปวยก็ เขาใจบางไมเ ขาใจบาง พอฉันไดรับ คําสอนงายๆ จากพระอาจารยไพบูล ย พระ อาจารยใหฉันลองนั่งคิดถึงวาในบานฉันมีใครบาง อะไรอยูตรงไหน ไปยังไง ฉันก็นึก ตาม ที่บานฉันมีสุนัข 1 ตัว ชื่อสีเงิน มีลูกชาย และขาวของตางๆ ฉันก็นึกตาม มา สะดุดที่พระอาจารยสอนวาตัวฉันนั่งอยูตรงนี้แทๆ แตจิตยังแวบไปเที่ยวไกลๆ ได จิต 77


คนเราควรจะอยูกับตัว ฉันเรียนถามพระอาจารยวา ความสุขของฉันหายไปไหน พระอาจารยสอนวา คนเราตองพบ ตองเห็น ตองเปน ในสองสิ่ง คือ สิ่งที่ชอบใจและ สิ่งที่ไมชอบใจดวยกันทุกคน ไดของชอบก็สุข ไดของไมชอบก็ทุกข ฉันบอกวาฉัน อยากมีแตความสุข แตพระอาจารยสอนวาในชีวิตของเราตองประสบกับทั้งของที่ไม ชอบ และของที่ไมชอบ เมื่อไมพอใจจิตมันตก เกิดทุกข พระอาจารยสอนวา จิตตก ก็ตั้งใหมได ฉันจิตตกบอยๆ จากที่พระอาจารยใหตั้งจิตใหมฉันก็พยายามใหกายกับ จิตอยูดวยกันอยางพระอาจารยสอน ฉันกลับมาปฏิบัติฝกจิตตอที่บาน ฝกไดแคจิตอยู กับกายแตก็ไมไดบอยนัก เมื่อฉันกลับบาน ฉันอธิษฐานใหอภัยสามีกับผูหญิงที่แยง สามีฉันไป สวนลูก ฉันสวดมนตแผเ มตตาใหเ ขา พระอาจารยบอกวาฉันปวยเปน มะเร็ง ยังไงฉันก็ตองตาย และบอกกับคนอื่นๆที่ไมปวยวา ถึงไมปวยเปนอะไรยังไงก็ ตองตายทุกคน ลูกก็ไมใชตัวตนของฉัน ฉันรักฉันหวงพอเขาทําไมไดดั่งใจฉันฉันก็จิต ตก การงานก็ตองพบสิ่งที่ชอบและสิ่งที่ไมชอบทั้งนั้น เราก็จิตตกอีกแหละ สามีก็ไมใช ตัวตนของฉันเปนใครก็ไมรูแลวมาอยูดวยกัน เอาใจไปอยูกับเขาพอเขาไมไดดั่งใจเรา เราก็จิตตก จิตตองอยูกับตัว จิตตกตั้งใหมได ตกกี่ครั้งก็ตั้งใหม จิตตกรอยครั้งตั้งใหม รอยครั้ง พระอาจารยสอนวาตองทําใหได ทุกวันนี้ฉันไปหาหมอตามนัด หมอบอกวามะเร็งฉันผลเลือดปกติ รางกาย ก็ปกติ สามีก็ยังไมกลับบาน ลูกชายฉันตั้งใจเรียนมากขึ้นเขาทําเกรดได 3.7 เรื่อง หนา ที่การงาน ฉันก็ทํา ตามที่ไ ดรับมอบหมาย ฉันเชื่อแลววาคนเราไมส ามารถ เลือกงานไดทุกคน ฉันก็เปนอยางที่พระอาจารยสอน คือไดพบกับสิ่งที่ชอบและไม ชอบ พอฉันจิตตกฉันก็ตั้งใหม ชีวิตฉันรูสึกทุกขนอยลง มีความสุขเพิ่มขึ้น ไมมีใคร ทําให ฉันสุข หรือ ทุกขไ ดหรอกนอกจากตัวฉัน เอง ฉันดี ใจที่ชี วิตฉั นไดพ บพระ อาจารยไ พบู ล ยใ นยามที่ ฉั นคิ ด วา ฉัน ทุ กข ที่สุ ด ถ า บอกได ฉัน อยากบอกพระ อาจารยวา ฉันภูมิใจที่เกิดมาชีวิตนี้ไดรูจักพระอาจารยไพบูลย ขออนุโมทนา 78


79


ddddddd

80


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.