ปล่อย (RELEASE) #3

Page 1

ปล่อย Release E-Magazine

1


Editorial

www.facebook.com/ReleaseEMagazine

ปล่อย Release e-magazine Vol.3

ณะอ่านเรือ่ งราว 60 ปี บูรพา อารัมภีร ในหนังสือแซยิดของ ผูช้ ายคนนีผ้ มมีความสุขยังไงไม่รู้ เมือ่ ค่อยๆ อ่านไปจนหมดเล่ม และทบทวนถึงความรูส้ กึ ทีบ่ งั เกิด จึงพอจะอนุมานว่าน่าจะเป็น คล้ายกับสิง่ ทีพ่ ขี่ จรฤทธิ์ รักษา พูดเอาไว้ในหนังสือเล่มนีเ้ ช่นกันว่า คนเรา จะมีความสุขได้ ก็ตอ่ เมือ่ มีความสบายใจเท่านัน้ คงเพราะอ่านหนังสือเล่มนีด้ ว้ ยความสบายใจหนึง่ ความทีพ่ อจะรูจ้ กั ผูช้ ายเจ้าของทีม่ าของหนังสือด้วยหนึง่ และสุดท้ายคือบรรดาคนทีเ่ ขียนใน หนังสือเล่มนีห้ ลายคนผมพอรูจ้ กั คุน้ เคยด้วยบ้างอีกหนึง่ ในขณะอ่านจึงพอ จะนึกภาพใบหน้าของทัง้ คนเขียนและคนทีถ่ กู เขียนถึงไปด้วยอย่างรืน่ รมย์ แม้เกือบทัง้ หมดจะเป็นญาตินำ�้ หมึก-ก๊วนตีกอล์ฟ หรือแม้แต่คนใน สายอาชีพอืน่ ซึง่ ผูกพันไม่ทางใดก็ทางหนึง่ ต่างพูดถึงผูช้ ายชือ่ เต้ย บูรพา อารัมภีร นักเขียน พิธกี ร นักจัดรายการวิทยุ นักร้อง นักกิจกรรม ทายาท ครูแจ๋ว สง่า อารัมภีร และอีกหลายนัก ในต่างแง่ตา่ งมุมของการรับรูข้ อง แต่ละคน ซึง่ ล้วนแล้วแต่เป็นเรือ่ งราวอันอบอุน่ น่ารัก โดยเฉพาะเรือ่ งเล่า ทีผ่ า่ นปลายปากกาของนักเขียนรุน่ ใหญ่ดว้ ยแล้ว ผมกลับยิง่ รูส้ กึ ชืน่ ชมไป กับการส่งความรูส้ กึ ของคนรุน่ นีจ้ ริงๆ นักเขียนใหญ่อย่างกฤษณา อโศกสิน ประภัสสร เสวิกลุ ชมัยภร แสงกระจ่าง ธาดา เกิดมงคล หรือนักร้องศิลปินแห่งชาติอย่างสุเทพ วงศ์ ก�ำแหง เสาวลี ผกาพันธุ์ เขียนถึงผูช้ ายชือ่ เต้ยคนนัน้ ท�ำให้ผมเห็นความ เมตตาทีพ่ เี่ ต้ยได้รบั แล้วเห็นการส่งต่อความเมตตานัน้ มายังเพือ่ นฝูงน้อง นุง่ ทีอ่ ยูร่ ายรอบอีกทอดหนึง่ “อยูใ่ กล้ชดิ กับพีเ่ ต้ย ไม่เคยเลยทีผ่ มจะมีความเดือดเนือ้ ร้อนใจ ทุก ครัง้ ทีเ่ จอหน้ากันก็มแี ต่ความรืน่ เริงหรรษา มีแต่ความสบายอกสบายใจ ผมจึงกลับมาย้อนนึกถึงค�ำสอนของพระทีว่ า่ ความสบายใจคือความสุข พีเ่ ต้ยเป็นคนทีท่ ำ� ให้สบายใจ เป็นบ่อเกิดของแสงแห่งความสุขอย่าง ทีท่ กุ คนรับรูไ้ ด้” นัน้ คือสาส์นท้ายเล่มของหนังสือแซยิดเล่มหนึง่ ทีข่ จรฤทธิ์ รักษา ใน

2

ปล่อย Release E-Magazine

ฐานะผูเ้ ขียนและผูจ้ ดั ท�ำหนังสือได้กล่าวถึงความรูส้ กึ ของตนเอาไว้ ปล่อย รีลสิ อีแมกกาซีน มาถึงฉบับที่ 3 แม้จะเป็นนิตยสารทีย่ งั เดินตัวลีบๆ อยูบ่ นโลกอินเทอร์เน็ต ในสมาร์ทโฟน แท็บเลต แต่เราก็ยงั หวังเช่นเดิมว่า สาส์นทีเ่ ราส่งไปจะเรืองแสงในทางสร้างสรรค์ให้กบั ผูท้ ี่ คลิกมาพบเห็นมัน ดังเช่นแสงสว่างบนหน้าจออุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิกส์ทฉี่ าย ส่องใบหน้าของผูค้ นแห่งยุคเทคโนโลยีวนั นีบ้ า้ ง เราก็อมิ่ เอิบสบายใจแล้ว อีกสิง่ หนึง่ ทีย่ งั เป็นเช่นก่อนมา คือ ปล่อย รีลสิ ยังคงได้รบั ความ เมตตาด้วยดีจากนักเขียนชัน้ ครู ทัง้ ไพฑูรย์ ธัญญา ชามา ขจรฤทธิ์ รักษา และพิเศษขึน้ ไปอีกด้วยเมตตาจากนักเขียนสาว อุรดุ า โควินท์ ซึง่ ก�ำลัง ฮอตทีส่ ดุ คนหนึง่ ในบ้านเรา พร้อมกับการกลับมาเปิดพืน้ ทีเ่ รือ่ งเล่าในแบบ เฉพาะของผูช้ ายโรแมนติกอินดี้ ดิเรก นนทชิต กลายเป็น 2 คอลัมน์ใหม่ ทีจ่ ะมาสร้างเสน่หส์ สี นั ให้เข้มข้นยิง่ ขึน้ ผนึกด้วยค�ำให้การของนักเขียนเบสต์เซลเลอร์ผมู้ แี ฟนคลับนักอ่าน ทัว่ บ้านทัว่ เมืองอย่าง ’ปราย พันแสง ซึง่ ถึงแม้ระยะหลังๆ งานเขียนสด ใหม่ของเธอจะเบาบางลงไปบ้าง แต่ในความเป็นตัวตนของ ’ปราย พันแสง ตลอดถึงการเป็นเจ้าของส�ำนักพิมพ์ฟรีฟอร์ม และอีกหนึง่ ฟันเฟืองผูผ้ ลัก ดันร้านเครือข่ายหนังสืออิสระ นัน้ ยังมีของให้เธอได้ปล่อยออกมาให้คน อ่านได้รเู้ ห็นกับอีกหลากหลายแง่มมุ และเรือ่ งราว และเช่นกัน ชาวขุน โจรปล่อยก็ยังคงก้มหน้าสร้างสรรค์เรื่องเล่าของแต่ละคนอย่างมุ่งมั่น โดยเสมอกัน ขอบพระคุณทุกความเมตตา ทุกความเอือ้ เฟือ้ ทุกก�ำลังใจทีช่ าว เรา-กองโจรปล่อยได้รบั ด้วยดีเสมอมา ขอทุกท่านอ่านปล่อยฉบับนีด้ ว้ ย ความสบายใจกันนะครับ ด้วยมิตรภาพและความรัก ประยูร หงษาธร denprayoon@gmail.com


Content ปล่อยครู

รอยยิม้ พิมพ์ใจ

4

ปล่อยเขาเถิด ปล่อยเขาไป (บันทึกของผูเ้ หนีย่ วรัง้ )

8

ปล่อยเขาไป ปล่อยข่าว

จากซากรถ...ไฟไหม้รถหรู สูเ่ บาะแสทะลายรถจดประกอบ

10 ปล่อยผูห้ ญิงให้บนิ ได้ ผูห้ ญิง ‘นักดืม่ ’ 12 ปล่อยจากปก โลกทีห่ มุนผ่าน... ’ปราย พันแสง 14 ปล่อยให้นงั่ คุยกับหนังสือ แมน ออฟ ลา มันช่า... โลกทีค่ วรเป็น & โรมูลสู มหาราช ...ความจริงทีต่ อ้ งยอมรับ ตอน 1

ปล่อยเล็บมังกร เซียนอักษรสวรรค์ ตอน 3 68 ปล่อยแขก อุปถัมภ์ อย่างเกือ้ กูล 72 ปล่อยคนเดินทาง Alexanderplatz Revisited : เงาคนจรนอนทาบจตุรสั วางวาย ตอน 1 74

ปล่อยกันไปแฮ้ง

ฮิป ฮิป ที่ มาดามมูเซอ

82

เสียงฝนจากหุบเขา ตอน 3

84

ชวนนายกสมาคมนักเขียนฯ ไปเรียนกอล์ฟ

86

ปล่อยเรือ่ งเล่า ปล่อยโปร

คณะผูจ้ ด ั ท�ำ 38 ปล่อยส�ำรวจแผง ทีป่ รึกษา ชนประคัลภ์ จันทร์เรือง, ไพฑูรย์ ธัญญา, - บ้านในหมอก - ใจเท่านัน้ บันดาลแรง 44 เจน สงสมพันธุ,์ โสภี สุขเกษม, ปล่อยใจไปดูหนัง เฉลิมพล ปทะวานิช, วาสนา ชูรตั น์ ดอกไม้บานกลางไฟสงคราม 46 บรรณาธิการ ประยูร หงษาธร ปล่อยหนังกลางใจ ผูช้ ว่ ยบรรณาธิการ ศรัทธาและปลา 48 ชาตรี เขตเขาเม็ง ปล่อย(ใน)เพลง กองบรรณาธิการ เพลงของวงโง่โง่ 52 ศิรพิ ร วงศ์ทางประเสิรฐ์ , สุทธิดา มนทิรารักษ์, เติง้ เสีย่ วต้อง ปล่อยแนะน�ำเพลง 56 ศิลปกรรม ปล่อยทางกวี BonVi_Art ฉันเพียงปรารถนา รักษาอ้อมแขนของเราไว้ 57 ช่างภาพ ธนวรรธ ชายกุล, denprayoon ปล่อยทางคนหนุม่ ปารีส...เมืองแห่งแสงไฟ และชายผูม้ คี วามปรารถนา อันแรงกล้าที่ ปาร์ก เด แพร็งส์

58 ปล่อยคนผีๆ บ้านเช่า 62 ปล่อยเธอ หญิงสาวในนิยาย 64 ปล่อยใจสัมผัสใจ ล�ำพัง 66

คอมพิวเตอร์

สุพฒ ั น์ สุขเกษม, ศุภกิตติ์ ยินดีอนันต์ ปล่อย Release e-magazine www.thai-emag.net www.facebook.com/ReleaseEMagazine บริษทั ไวท์ ไดเมนชัน่ จ�ำกัด เลขที่ 67 ซอยพัฒนาการ 50 ถนนพัฒนาการ แขวงสวนหลวง กรุงเทพฯ 10250 โทร.02-722-7322 , 081-010-7120 e-mail : denprayoon@hotmail.com ปล่อย Release E-Magazine

3


ปล่อยครู เรื่อง : ไพฑูรย์ ธัญญา

4

ปล่อย Release E-Magazine


รอยยิม้ พิมพ์ใจ ไม่

ถึงกับเป็นการเดินทางย้อนเวลาข้ามยุคข้ามภพอะไรท�ำนองนัน้ แต่ เป็นการพลัดหลงเข้าไปในดินแดนทีห่ า่ งไกลและคาดไม่ถงึ ส�ำหรับ ผม นีค่ อื การเดินทางช่วงสัน้ ๆ ทีเ่ ต็มไปด้วยสีสนั และความประทับ ใจ ทีห่ า่ งเหินไปนานแสนนานในรอบสิบปีทผี่ า่ นมา เราออกจากเมาะละแหม่งในเช้าของวันทีฝ่ นริน ปลายเดือนมิถนุ ายน เป็นช่วงเริม่ ต้นหน้าฝนอันยาวนานของเมียนมาร์ ฤดูฝนทีน่ ที่ ำ� ให้ผมคิดถึง ฤดูฝนทีป่ กั ษ์ใต้บา้ นเราขึน้ มาทันที มันตกหนักและตกนานพอๆ กัน ฤดูฝนน�ำ ความฉ�ำ่ ชืน้ มาสูผ่ นื แผ่นดินและแมกไม้ ไม่เว้นแม่แต่พนื้ ทีเ่ ล็กๆ ในหัวใจของเรา รถตูโ้ ตโยต้ารุน่ เก่าทีใ่ นเมืองไทยถูกโละทิง้ ไปนานแล้ว ยังใช้งานได้ดี ส�ำหรับประเทศทีย่ งั คงหลับไหลลืมตืน่ อย่างเมียนมาร์ มันพาพวกเราฝ่าสาย ฝนแห่งเมาะละแหม่งมุง่ หน้าสูค่ วามฝัน ในรถมีคนอยูแ่ ปดคน สองคนคือผมกับ เพือ่ นจากเมืองไทย อีกสองเป็นนักภาษาศาสตร์จากซูรคิ ส่วนอีกสองคือหนุม่ น้อยชาวพม่า ตามด้วยเจ้าของรถกับโชเฟอร์ทเี่ คีย้ วหมากจับๆ อยูต่ ลอดเวลา ส�ำหรับมาธิอัส ปูเล่และพิวหรือแม้แต่คนขับรถชาวเมียนมาร์เอง ทัศนียภาพของข้างทางทีท่ ะยอยหนุนเนือ่ งผ่านกรอบกระจกรถมาให้เห็นไม่ ขาดสาย อาจเป็นภาพเดิมๆ ทีซ่ ำ�้ ซากจ�ำเจไปแล้ว แต่สำ� หรับผมทีเ่ ดินทาง หลุดเข้ามาในประเทศทีถ่ กู แช่แข็งไว้นานปีเป็นครัง้ แรก นีค่ อื ความตืน่ ตาตืน่ ใจทีท่ ำ� ให้ผมเพ่งมองด้วยความกระตือรือร้นตลอดการเดินทางอันยาวนาน เปล่าหรอก! รถตูป้ โุ รทัง่ ทีเ่ ช่าเหมามาจากย่างกุง้ ไม่ได้พาพวกเราเข้าไป ในดินแดนลึกลับมหัศจรรย์หรือดินแดนหลงส�ำรวจแห่งศตวรรษที่ 20 แต่อย่าง ใด แต่มนั พาเราออกไปสูช่ นบทของเมาะละแหม่ง จุดหมายปลายทางคือหมู่ บ้านเล็กๆ แห่งหนึง่ บนฝัง่ แม่นำ�้ ผมไม่มคี วามรูอ้ ะไรมากเกีย่ วกับหมูบ่ า้ นดัง กล่าว แต่ ดร.มาธิอสั เจนนี่ นักภาษาศาสตร์ผเู้ ชีย่ วชาญภาษมอญ พม่ารวม ทัง้ ภาษาไทย บอกว่ามันเป็นหมูบ่ า้ นอีสาน มีคนพม่าเชือ้ สายคนอีสานอยูจ่ ริงๆ อันทีจ่ ริงการพูดว่ารถตูค้ นั นัน้ พาเราออกสูช่ นบทของเมาะละแหม่งก็ไม่ น่าจะถูกต้องเสียทีเดียว ส�ำหรับประเทศเมียนมาร์ความเป็นเมืองกับชนบท แทบไม่มเี ส้นแบ่งหรือพรมแดนขีดคัน่ เมือ่ เราเดินย�ำ่ ไปในเมืองย่างกุง้ อันเก่า แก่ ก็ยงั สัมผัสได้ถงึ กลิน่ อายของชนบททีซ่ กุ ซ่อนคลุกเคล้าอยูท่ วั่ ไป เมียนมาร์ เป็นประเทศทีเ่ ก่ากับใหม่ปนเปอยูด่ ว้ ยกัน เมือ่ วานกับวันนีย้ ากทีจ่ ะแยกแยะ ทีน่ เี่ หมือนพิพธิ ภัณฑ์ชวี ติ ทีจ่ ดั วางสรรพสิง่ ไว้ภายใต้มติ ขิ องเวลาทีแ่ ตกต่าง โดยรวมแล้วนีค่ อื สีสนั และมนต์เสน่หข์ องเมียนมาร์อย่างแท้จริง

ปล่อย Release E-Magazine

5


ปล่อยครู

g

จากในรถ เพ่งมองผ่ากระจกพร่ามัวด้วยละอองไอแห่งสายฝน เห็นทุง่ นา ป่ากว้างและ หมูบ่ า้ นนิคมคาม สีเขียวของแมกไม้และพรรณพฤกษ์เป็นเพียงสีเดียวทีแ่ ล่นผ่านมาในคลอง สายตา ประเทศแห่งนีช้ า่ งอุดมสมบูรณ์ ดินด�ำ น�ำ้ ชุม่ ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยชีวติ อันสด เขียว ธรรมชาติและวิถชี วี ติ แบบดัง้ เดิมของผูค้ น ยังคงเกาะเกีย่ วอยูแ่ นบแน่นและไม่ไร้หวัง บนเส้นทางไปสูจ่ ดุ หมาย เราผ่านย่านชุมชนใหญ่เมืองอุดง ทีน่ ดี่ จู อแจสับสนด้วยผูค้ น และพ่อค้าแม้ขาย ผลไม้พนื้ เมืองตามฤดูกาลวางขายอวดสีสนั เงาะสีแดงฉูดฉาดถูกร้อยพวง มัดไว้กบั ใบเขียวสด ทุเรียนพืน้ บ้านส่งกลิน่ เย้ายวนยิง่ กว่าพันธุช์ ะนีหรือหมอนทองในบ้านเรา ถัดไปเป็นลูกเนียงเม็ดอวบวางกองพูนอยูใ่ นกะละมัง เหมือนทีเ่ ราพบเห็นในตลาดนัดท้องถิน่ ของปักษ์ใต้ สองฟากถนนเรียงรายด้วยยวดยานขนสิง่ สินค้าและผูค้ น มีทงั้ รถอีแต๋นแบบ เมียนมาร์ทบี่ างคันเป็นระบบขับเคลือ่ นสีล่ อ้ รถมอเตอร์ไซค์ทตี่ อ่ พ่วงกะบะจากประเทศจีน รถจีบ๊ และรถบรรทุกสมัยปลายสงครามโลกครัง้ ทีส่ อง รวมไปถึงรถม้าก็ยงั มีให้เห็น ว่ากัน ว่า คนพม่านัน้ เป็นนักดัดแปลง อะไรก็ตามทีพ่ อจะใช้ได้ พวกเขาจะต้องน�ำมาดัดแปลง ปรุง แต่งให้เป็นยานพาหนะได้ทงั้ สิน้ ออกจากอุดงเมือ่ ค่อนสาย รถตูข้ องเรายังห้อตะบึงผ่านฝนพร�ำไปตามเส้นทางแคบๆ ที่ เขียวครึม้ ด้วยสวนยางพาราและเรือกสวนของชาวบ้าน เมาะละแหม่งเป็นเมืองทีม่ กี ารปลูก

6

ปล่อย Release E-Magazine

รอยยิม้ ดูจริงใจไร้เดียงสา


รอยยิม้ นัน้ ดูจริงใจไร้เดียงสา ขณะเดียวกันก็บอกว่ายอมจ�ำนนทีถ่ กู ขโมยภาพเอาจนได้ หลังจากทีค่ อยบ่ายเบีย่ งหลบหลีกอยูเ่ ป็นนาน ยางพารากันมาก บรรยากาศทีน่ ดี่ คู ล้ายๆ กับภาคใต้หรือภาค ตะวันออกของไทย ผลไม้หลายชนิดก็มเี หมือนกัน แต่รสชาติ อาจจะอร่อยไม่เท่าในบ้านเรา น่าจะเป็นเพราะคนพม่ายังไม่ ค่อยได้บำ� รุงและพัฒนาพันธุผ์ ลไม้กนั สักเท่าไหร่ เรามาถึงจุดหมายปลายทางเอาเมือ่ เกือบเทีย่ ง และถนน มาสิน้ สุดลงตรงฝัง่ แม่นำ�้ สายเล็กๆ หมูบ่ า้ นทีเ่ รามาเยือนอยูอ่ กี ฟากหนึง่ ของแม่นำ�้ การข้ามฝัง่ ท�ำได้โดยนัง่ เรือหางยาวและแพ ขนานยนต์เท่านัน้ ท่าเรือจอแจด้วยผูค้ นและยวดยานพาหนะที่ บรรทุกอัดแน่นด้วยสัมภาระจิปาถะ นับแต่ตน้ กล้ายางพาราไป จนถึงสัตว์เลีย้ งหมู หมา กาไก่และแพะ ใช้เวลาอีกพักใหญ่เรา ก็ขา้ มฝัง่ ไปยังหมูบ่ า้ นอีกแห่งหนึง่ เรียกเป็นภาษาไทยว่า “บ้าน สองแคว” หมูบา้ นคนอีสานหรือบ้านลาวทีอ่ ยูท่ า่ มกลางชุมชน ชาวพม่าและมอญ พวกเขาไม่ได้เพิง่ อพยพมา แต่เป็นชุมชน เก่าแก่ทมี่ าตัง้ รกรากอยูท่ นี่ เี่ กือบสองร้อยปีผา่ นมาแล้ว แต่ จะมาจากไหนหรือมาอย่างไร ไม่มใี ครในหมูบ่ า้ นบอกได้ พวก เขารูแ้ ต่เพียงว่าเมือ่ เกิดมาจ�ำความได้กเ็ ห็นหมูบ่ า้ นอยูอ่ ย่าง นีม้ านานแล้ว พวกเขาเป็นคนไทย เป็นคนอีสานร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เมือ่ อยูใ่ นแผ่นดินเมียนมาร์ ฐานะของพวกเขาคือคนพม่าเชือ้ สาย ไทย เราคุยกันด้วยภาษาถิน่ อีสานและบางทีกไ็ ทยกลาง เพือ่ น นักภาษาศาสตร์ของผมตืน่ เต้นกับการสอบถามภาษาจากพวก เขา เขายืนยันว่านีค่ อื ส�ำเนียงถิน่ อีสานทีย่ งั ชัดเจนและแทบไม่

g

ผิดเพีย้ น จะมีแปลกแปร่งบ้างก็ดว้ ยอิทพธิพลภาษาพม่าทีเ่ ขา ใช้เป็นภาษาทีส่ องในชีวติ ประจ�ำวัน แม้เป็นช่วงเวลาสัน้ ๆ แต่ ทัง้ ผูไ้ ปเยือนและเจ้าถิน่ ต่างมีความสุขและอิม่ ใจด้วยมิตรภาพ ราวกับเรารูจ้ กั มักคุน้ กันมานาน เราจากหมูบ่ า้ นแห่งนัน้ มาเมือ่ บ่ายแก่ๆ ท่าเรือยามเย็น คับคัง่ และจอแจด้วยผูโ้ ดยสารและยวดยานทุกชนิด เป็นเวลา โรงเรียนเลิก เด็กนักเรียนชาวเมียนมาร์ในชุดผ้าถุงสีเขียวและ เสือ้ แขนกระบอกสีขาวกระจายกันอยูเ่ ต็มแพขนานยนต์ พวก เราแทรกตัวไปอยูท่ า่ มกลางเด็กๆ และผูโ้ ดยสารคนอืน่ ๆ ด้วย การแต่งกายและท่าทางทีแ่ สดงออก พวกเขารูไ้ ด้ทนั ทีวา่ เราคือ “คนภายนอก” ทีพ่ ลัดหลงเข้ามาในพืน้ ทีแ่ ห่งนี้ เด็กๆ จ้องมอง เราด้วยความอยากรูอ้ ยากเห็น ทว่าเอียงอายเมือ่ เรามองตอบ บางคนหลบหน้าขวยเขิน เมือ่ ถูกจับจ้องด้วยกล้องถ่ายรูปของ คนแปลกหน้า เด็กหญิงคนหนึง่ ยิม้ เอียงอาย เมือ่ ผมฉกภาพ ของเธอลงไอโฟนได้ภาพหนึง่ รอยยิ้มนั้นดูจริงใจไร้เดียงสา ขณะเดียวกันก็บอกว่า ยอมจ�ำนนทีถ่ กู ขโมยภาพเอาจนได้ หลังจากทีค่ อยบ่ายเบีย่ ง หลบหลีกอยูเ่ ป็นนาน ไม่รวู้ า่ ในตอนนัน้ ในใจของเธอคิดอะไรอยู่ แต่สำ� หรับผม เมือ่ เปิดดูรปู นีท้ ไี ร ต้องนึกไปถึงวลีทวี่ า่ “รอยยิม้ พิมพ์ใจ” ทุก ครัง้ ครา อ่านต่อฉบับหน้า

ขายเงาะพืน้ เมืองทีอ่ ดุ ง ปล่อย Release E-Magazine

7


ปล่อยเขาไป เรืเรื่อ่องง: :อุพบพลอย รุดา โควินท์

ปล่อยเขาเถิด ปล่อยเขาไป (บันทึกของผูเ้ หนีย่ วรัง้ )

ฉันถามแม่ เมือ่ นึกถึงค�ำว่าปล่อย แม่ นึกถึงอะไร ปล่อยนกปล่อยปลา แม่ตอบทันที ค�ำตอบแม่ไม่ได้ชว่ ยอะไร ถามใหม่ แม่คดิ ว่าพูควรจะเขียนอะไรดี เมือ่ มีคำ� ว่าปล่อย แม่สั่นหัวดิก(ราวยี่สิบรอบ) ตอบชัด

8

ปล่อย Release E-Magazine

ถ้ อ ยชั ด ค� ำเหมื อ นตอนเป็ น ครู ส อนภาษา อังกฤษเป๊ะ -ไม่มที าง ฉันเงิบอยูส่ องวินาที ขณะก� ำ ลั ง จะถึ ง วิ น าที ที่ ส าม แม่ ก็ อธิบาย(หายเงิบ) -เพราะแกไม่เคยปล่อยอะไร เลย ค�ำว่าปล่อยห่างไกลจากตัวแกทีส่ ดุ (แม่ เน้นเสียงค�ำว่าทีส่ ดุ )

ไม่จริง ไม่ใช่ ไม่ถกู ต้อง แม่ไม่เข้าใจ พู(อีกแล้ว) ฉันเถียงในใจ เหลือเชือ่ เลย แม่อตุ ส่าห์ได้ยนิ แล้วแม่ ก็รา่ ยยาว สวมวิญญาณครู นีถ่ า้ อินอีกหน่อย แม่คงลุกขึน้ ยืน แล้วใช้ไม้ชผี้ นังแทนกระดาน -ยกตัวอย่างเช่น ครู เอ้ย! แม่พดู มองหน้าฉัน แล้วถาม -ปีนแี้ กอายุเท่าไร


กับทุกสิง่ ทีเ่ หนีย่ วรัง้ เมือ่ ถึงวันหนึง่ ก็จำ� ต้องปล่อยไปเช่นกัน ทีฉ่ นั ต้องการ และฉันท�ำ ก็คอื ยืด ระยะเวลาจากวันนีก้ บั วันหนึง่ นัน้ ให้ไกลออกไป...ทีส่ ดุ เท่าทีจ่ ะสามารถ

ฮ่า ฉันรูแ้ ระ ว่าแม่จะไปทางไหน ฉันไม่ตอบ ยักไหล่ แทนค�ำพูด -พูหา ได้แคร์ ฉันไม่แคร์ แต่แม่ไม่หยุด แม่วา่ -แกอายุสี่ สิบแล้ว ยังไม่ยอมท�ำตัวเป็นผูใ้ หญ่ แกจะเหนีย่ ว รัง้ ความสาวไปถึงไหน โอย...แทงใจ เจ็บ จ�ำ และ...พอก่อน ไม่ ขอได้ยนิ ตัวอย่างถัดไป ฉันสะบัดก้นเดินจากแม่มา อย่าหวังนะ แม่ ว่าเย็นนีจ้ ะพาไปกินเซเวนเซ่น พูดกับลูก อย่างนี้ อย่าหวัง ความเจ็บปวดอันแท้จริงเกิดขึน้ หลังจาก นัน้ เมือ่ ฉันตระหนักว่าถ้อยค�ำของแม่เสียดแทง ได้กเ็ พราะมันจริง ไม่มอี ะไรจริงไปกว่านี้ ฉันส่องกระจก ให้ตายเถอะ ฉันไม่เห็น ใคร นอกจากหญิงสาวคนหนึง่ ซึง่ ...ใช่! เป็น หญิงสาวผูพ้ ยายามทุกวิถที างเพือ่ จะเหนีย่ วรัง้ ความสาวไว้ ค�ำถามคือ แล้วมันผิดด้วยหรือ ผิดมากมัย้ ทีฉ่ นั วิง่ ทุกวัน กินน�ำ้ เยอะๆ กินผักเยอะๆ มาร์กหน้าอาทิตย์ละ 3 หน และ สรรหาสารพัดสกินแคร์(เท่าที่พอมีเงิน)มา ประเคนให้ผวิ คงไม่ผิดหรอก แต่แน่นอน ค�ำของแม่ โคตรจะจริง...ฉันอยู่ห่างไกลจากค�ำว่าปล่อย มาก ไม่ใช่แค่เรือ่ งนี้ แต่กบั หลายเรือ่ ง ฉันไม่เคยปล่อยใครคนนัน้ ออกไปจากใจ แม้วา่ เราไม่อาจจับมือกันได้อกี ฉันต้องวิง่ สัปดาห์ละ 4 วัน ไม่นอ้ ยไป กว่านัน้ ไม่วา่ ฝนจะตก แดดจะออก หรือฉันจะ ใช้ชวี ติ ทีไ่ หน ฉันไม่เคยปล่อยหน้าเปลือย แม้จะเขียน หนังสืออยูบ่ า้ นทัง้ วัน แต่อย่างน้อยต้องลงรอง พืน้ (อย่างเนียนๆ ผิวๆ) เขียนคิว้ ปัดแก้ม และ ทาลิปกรอส (นีน่ อ้ ยแล้วนะ)

ฉันไม่ยอมกินอาหารทีไ่ ม่อร่อย อาหารที่ ไม่มผี กั ข้าวไร้ยาง แกง ผัด ต้มย�ำ หรืออะไร ก็แล้วแต่ทเี่ อะอะก็หวาน ฉันไม่กนิ ยอมทนหิว แล้วมาทอดไข่กนิ กับผักทีบ่ า้ นดีกว่า ฉันไม่เคยปล่อยโอกาสผ่านเลยโดยไม่ได้ พยายาม แม้วา่ นัน่ จะเป็นโอกาสเล็กๆ (น่ารักๆ) ฉันไม่ยอมปล่อยตัวเองหลุดจากตาราง ฉันเขียนตารางการท�ำงานหนึง่ เดือนหรือสอง เดือนล่วงหน้า และฉันต้องท�ำได้ตามนัน้ ไม่วา่ จะเกิดอะไรขึน้ ทัง้ หมดนี(้ และมีอกี ) คือหลักฐานยืนยัน ว่าฉันเป็นผูเ้ หนีย่ วรัง้ ด้วยการเหนีย่ วรัง้ เท่านัน้ ทีเ่ ชือ่ มโยงฉัน ไว้กบั โลก ฉันไม่ได้ทำ� ส�ำเร็จเสมอไป กับบางเรือ่ ง บางสิง่ บางคน ต่อให้รงั้ เต็มเหนีย่ ว สุดตีนจิก แต่สดุ ท้าย...ก็ตอ้ งปล่อยเขาไป กับทุกสิง่ ทีเ่ หนีย่ วรัง้ เมือ่ ถึงวันหนึง่ ก็จำ� ต้องปล่อยไปเช่นกัน ทีฉ่ นั ต้องการ และฉันท�ำ ก็ คือยืดระยะเวลาจากวันนีก้ บั วันหนึง่ นัน้ ให้ไกล ออกไป...ทีส่ ดุ เท่าทีจ่ ะสามารถ การเหนี่ยวรั้งอาจถือเป็นบาปชนิดหนึ่ง เป็นบาปรสหวาน ซึง่ แน่นอนว่า มันคือสิง่ เสพ ติด ฉันไม่ได้คดิ ว่ามันดีหรอกนะ เพียงแต่... ฉันไม่อาจเป็นอย่างอืน่ นอกจากสิง่ นี้ และบาง ครัง้ เพราะฉันเป็นแบบนี้ ฉันถึงได้เสียใครบาง คนไป เพราะฉันไม่ยอมปล่อยผ่าน ฉันไม่ยอม นิง่ เฉย ฉันจึงมักพูด พูด พูด และพูด อย่างที่ ฉันคิด โดยเฉพาะกับเพือ่ น ฉันไม่เคยระวังตัว ไม่เคยคิดถึงภาพลักษณ์ ไม่เลยกลัวว่าเพือ่ นจะ โกรธ ฉันวางความเป็นเพือ่ นอยูเ่ หนือความขัด แย้ง เหนือการเมือง เหนือมารยาทสังคม ฉัน เชือ่ ว่าเพือ่ นคือความจริงหนึง่ ซึง่ ไม่มวี นั สลาย ไป(โดยเฉพาะเพือ่ นเก่าทีเ่ รียนมาด้วยกัน เติบโต

มาด้วยกัน) ฉันคิดเอง เออเอง ถูกเอง ฉันคิดว่าการท�ำความเข้าใจ การพูดคุย อย่างเปิดอก การแสดงความจริงใจ คือสิง่ ทีจ่ ะ เหนีย่ วรัง้ มิตรภาพของเราไว้ ฉันคิดผิด(อีกแล้ว) ตรงกันข้าม ทัง้ หมดนัน้ ได้ทำ� ลายความ รูส้ กึ ดีๆ ทีม่ ตี อ่ กัน ต้นไม้ทเี่ ราช่วยกันปลูกนาน กว่ายีส่ บิ ปี ถูกพายุพดั ลมครืน ต่อหน้าต่อหน้า ไม่อาจปฏิเสธ ต้นสายของพายุคอื ฉันเอง เพือ่ นของฉัน เรารูจ้ กั กันตัง้ แต่ยงั ไม่เป็น หนุม่ เป็นสาว และคบหากันกระทัง่ ถึงวันนี้ คิด แล้วก็อาลัย แต่... จ�ำต้องกัดฟัน ปล่อยเขาไป ซึง่ -สมควร แล้ว(ไม่ใช่หรือ) ขาดเพือ่ นไปหนึง่ ยังเหลือเพือ่ นอีกหลาย คน แต่เพือ่ นหลายๆ คน ย่อมไม่อาจทดแทน เพือ่ นทีเ่ สียไป มันเกิดขึน้ แล้ว เป็นสิง่ ทีฉ่ นั ต้องยอมรับ ปล่อยให้เป็นไป และใช้ชวี ติ ต่อไป(เหนีย่ วรัง้ สิง่ อืน่ ทีเ่ หนีย่ วรัง้ ได้) อืม...จะว่าไป ฉันก็รู้จักปล่อยกับเขา เหมือนกัน(ต่อกรณีทไี่ ม่อาจเหนีย่ วรัง้ ) ปล่ อ ยไปได้ ก็ ส บายใจ รู ้ สึ ก เหลื อ ๆ พลังงานส่วนหนึง่ ทีเ่ คยใช้กบั เขา สามารถเอา ไปใช้กบั เรือ่ งอืน่ อาทิเช่น วิง่ ให้มากขึน้ ไปเรียน โยคะซะทีดมี ยั้ อ่านหนังสือเยอะอีกหน่อยดีกว่า หรือจะไปเรียนแต่งหน้าแบบจริงจังดี(เท่านีย้ งั ไม่จริงหรา) ผูเ้ หนีย่ วรัง้ ย่อมไม่ปล่อยให้พลังงานสูญ สลายอย่างไร้คา่ ปล่อยเขาไปคนหนึง่ ต้องไป คว้ามาอีกคน หรือไม่กส็ อง สาม หรือสี.่ .. ขอบันทึกถ้อยค�ำแม่ไว้(กันลืม) -เหนีย่ วรัง้ ทุกสิง่ แล้ว อย่าลืมเหนีย่ วรัง้ ค�ำพูดไว้บา้ ง เสียดแทง(อีก) ใช่! เพราะมันจริง ดังนัน้ จึงควรจ�ำให้ขนึ้ ใจ

ปล่อย Release E-Magazine

9


ปล่อยข่าว

เรื่อง : “คนเขียนข่าว”

อั

นที่จริงผมไม่คิดว่าข่าวเรื่องรถหรูถูกไฟไหม้ ที่อ�ำเภอ ปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เมือ่ ปลายเดือนพฤษภาคม ทีผ่ า่ นมา จะเดินทางมาได้ไกลขนาดนี้ เพราะเดิมทีมนั ไม่มี ประเด็นอะไรมากพอทีจ่ ะขยายไปได้ไกล ยกเว้นข้อสงสัยไม่กี่ ประเด็นตามประสานักข่าว ทีช่ อบแกะแงะหาข้อสงสัย แต่เพราะความสงสัยในไม่กปี่ ระเด็นเท่านัน้ ทีท่ ำ� ให้เรือ่ ง ขยายกลายเป็นการเปิดโปง ขบวนการรถหรู จ�ำเข้าแบบหลบ เลีย่ งภาษีทำ� ให้ประเทศเสียหายนับหมืน่ ล้าบาท ผู้คนสนใจข่าวนี้ค่อนข้างมาก ทั้งจากเหตุผลว่าเพราะ อะไรรถหรู ทีจ่ อดอยูบ่ นรถบรรทุก จึงเกิดไฟไหม้ได้ และต่อมา พอรูว้ า่ รถหรูเหล่านีห้ ลบเลีย่ งภาษี ก็ยงิ่ ท�ำให้อยากรูว้ า่ ต�ำรวจ จะจัดการ ผูม้ สี ตางค์ ร�ำ่ รวย ขับรถน�ำเข้า แต่หลบเลีย่ งภาษีได้ อย่างไร เพราะล�ำพัง เราๆท่านๆ ทีผ่ อ่ นรถญีป่ นุ่ ราคาหลักแสน ก็แทบจะกระอักเลือด ทีจ่ ริง เช้าวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ตอนทีร่ ถหรู ทัง้ ลัมโบกินี่ เฟอร์รารี่ เบนท์ลี่ และบีเอ็มดับเบิลยู เอกซ์ 6 ถูกไฟไหม้ ผม ยังท�ำข่าวอยูป่ ระเทศอินโดนีเซีย และเห็นภาพรถถูกไฟไหม้ ถูก แชร์ จากเฟซบุคของนักข่าวท้องถิน่ ทีโ่ คราช ก็ยงั คิดว่าถึงคราว โชคร้ายของคนรวยเจ้าของรถหรู ทีอ่ ยูด่ ๆี รถหรูทจี่ อดนิง่ บนรถ บรรทุก ไม่ได้ตดิ เครือ่ ง ก็ถกู ไฟไหม้ขนึ้ ประเด็นข่าวในตอนนัน้ ก็มแี ค่ความหวือหวา ว่ารถหรูถกู ไฟไหม้เสียหายนับร้อยล้าน ซึง่ อันทีจ่ ริงมันก็คงจะจบแค่นนั้ ถ้า ไม่ใช่เพราะความช่างสงสัยบางประเด็น นัน่ คือ หลังจากรถถูก ไฟไหม้ไปหนึง่ วันเต็ม ก็ยงั ไม่มใี ครแสดงตัวเป็นเจ้าของรถหรู เลย ทัง้ ทีย่ งั เหลือรถหรู เบนท์ลี่ และเมอซิเดส เบนซ์ อี 300 ที่ ก็ยงั อยูใ่ นสภาพดี ผมตามไปท�ำข่าวนี้ ทีโ่ รงพักต�ำบลกลางดง อ�ำเภอปากช่อง เมือ่ วันที่ ๓๐ หลังจากไฟไหม้หนึง่ วัน ต�ำรวจบอกว่าเป็นเรือ่ ง แปลก ทีไ่ ม่มใี ครน�ำหลักฐานมาแสดงตัวอย่างชัดเจนว่า เป็น เจ้าของรถ อันทีจ่ ริง จะว่าไม่มใี ครแสดงตัวเลยก็ไม่ใช่ เพราะนักข่าว ท้องถิน่ บอกกับผมว่า หลังจากไฟไหม้รถบีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 6 แล้วลามไปคันอืน่ ๆ จนไฟดับลง ก็มรี ถสไลด์ หรือรถยก มา 6 คัน และมาติดต่อกับต�ำรวจ เพือ่ ขอน�ำรถหรูทงั้ 6 กลับไป โดย บอกว่า เป็นรถของ “นาย” ทีร่ จู้ กั กันว่า “บ้านใหญ่” โดยไม่ตดิ ใจ สาเหตุไฟไหม้ แต่ขอให้ได้รถกลับไปโดยเร็ว ถือว่าโชคยังดีทตี่ ำ� รวจท้องทีบ่ อกว่า ให้รถไปไม่ได้ เพราะ เป็นเหตุใหญ่ แล้วนักข่าวท้องถิน่ ก็อยู่ ถ่ายรูปไว้แล้ว ถ้าให้รถไป ต�ำรวจท้องทีจ่ ะล�ำบาก

10

ปล่อย Release E-Magazine

จากซากรถ... ไฟไหม้รถหรู

สู่เบาะแส

ทะลายรถจดประกอบ

พอรูว้ า่ น�ำรถหรูทงั้ ๖ ไปไม่ได้ ก็มี คนเห็นชายแขนด้วน ปีนขึน้ ไปบนรถบรรทุก แล้ว เปิดเข้าไปในรถหรูทไี่ ม่ถกู ไฟไหม้ เอา เอกสารหลักฐานหลายอย่างออกมาเท่า ทีไ่ ด้แล้วออกจากทีเ่ กิดเหตุไปโดยเร็วพร้อม กับรถสไลด์ทงั้ ๖ คัน ระหว่างทีผ่ มอยูโ่ รงพัก ก็เดินดูรอบๆ รถหรูที่ ต�ำรววจพิสจู น์หลักฐาน ภูธรภาค ๓ ตรวจหลักฐาน จากรถทีถ่ กู ไฟไหม้ ก็พบว่า ทีร่ ถลัมโบกินี่ เมอซิลา โก รถเฟอร์รารี่ และรถเบนท์ลี่ ต่างก็ตดิ ถังแก็สไว้ใน รถ แต่แปลกทีถ่ งั แก็สไม่ได้เชือ่ มต่อสายให้สมบูรณ์แบบ ซึง่ ท�ำให้สงสัยกันมากว่า รถหรูระดับนี้ ติดแก็สแอลพีจเี พือ่ อะไร แล้วจะใช้งานได้หรือไม่ ส่วนอีกประเด็นคือรถหรู 6 คัน มีเอกสารมาแค่ใบเดียว เป็นใบน�ำส่งรถ ทีบ่ อกยีห่ อ้ สี และต�ำหนิรถ แล้วบอกต้นทางแค่วา่ พระราม


ทีเ่ ห็นได้ชดั ว่าปลอม ก็เพราะรถ ๑ คัน จะมีหมายเลขตัวถังของรถ เพียงหมายเลขเดียว ติดอยูก่ บั ตัว โครงหรือตัวถังรถ เหมือนเป็นเลขประจ�ำตัวประชาชน เพือ่ บอกให้รรู้ นุ่ ทีม่ า ปีทผี ลิต แต่รถลัมโบกินี่ กับเฟอร์รารี่ พบว่ามีแผ่นเหล็กหนาๆ ทับอยู่ ต�ำรวจจึงลองแกะดู แล้วมันหลุดออกมาง่ายดาย

๕ ปลายทางที่ศรีสะเกษ ไม่มี ลายมื อ ชื่ อ ผู ้ ส ่ ง ส่ ว นปลายทาง ทราบเพียงว่าให้นำ� ไปจอดทีป่ ม้ั น�ำ้ มัน ที่ ศรีสะเกษ แล้วจะมีคนไปรับ พิรธุ แค่นี้ ก็มากพอแล้วครับ ทีจ่ ะตัง้ หลักได้ ว่า นีไ่ ม่ใช่แค่เรือ่ งรถถูกไฟไหม้ธรรมดา แต่มนั น่าจะ มีอะไรทีม่ ากกว่านัน้ หลังจากตัง้ หลักกันได้ ชุดพิสจู น์หลักฐาน ก็เริม่ รือ้ ตรวจสอบละเอียด โดยเฉพาะหมายเลขตัวถัง หรือแชสซี ซึง่ เราติดปากเรียกกันว่าเลขคัดซี กับอีกหมายเลขทีต่ อ้ งการ คือเลขเครือ่ งยนต์ และแล้ว ความพยายามของต�ำรวจ ก็เป็น ผล เหมือนถูกหวยรางวัลที่ ๑ แถมด้วยรางวัลแจ็คพ็อต เพราะ พบว่ารถ ๓ คันใช้เลขแชสซีปลอมครับ ทีเ่ ห็นได้ชดั ว่าปลอม ก็เพราะรถ ๑ คัน จะมีหมายเลขตัว ถังของรถ เพียงหมายเลขเดียว ติดอยูก่ บั ตัวโครงหรือตัวถังรถ เหมือนเป็นเลขประจ�ำตัวประชาชน เพือ่ บอกให้รรู้ นุ่ ทีม่ า ปีที ผลิต แต่รถลัมโบกินี่ กับเฟอร์รารี่ พบว่ามีแผ่นเหล็กหนาๆ ทับ อยู่ ต�ำรวจจึงลองแกะดู แล้วมันหลุดออกมาง่ายดาย

สิง่ ทีท่ บั อยูแ่ ล้วหลุดออกมา คือแผ่นเหล็ก ทีม่ หี มายเลขตัวถังอันใหม่ ตอกทับไว้บนหมายเลขเดิมของรถ นัน่ หมายความว่า รถแต่ละคัน มีเลขตัว ถังสองหมายเลข เหมือนคนคนเดียว มีบตั รประชาชนสองใบ แสดงว่ามัน ต้องมีใบหนึง่ ปลอมขึน้ ล่ะ ส่วนเบนท์ลสี่ ดี ำ� อีกคัน ทีไ่ หม้ดว้ ยกัน ไม่พบว่าใช้แผ่นเหล็กตอบทับ ใหม่ แต่เชือ่ ไหมครับ ช่างของขบวนการนี้ ใช้เครือ่ งเจีย เจียแถบเหล็กทีม่ ี หมายเลขรถจนจางหายไป เหมือนกบไสไม้ แล้วจึงตอกเลขใหม่ลงไป เหมือน ขูดหมายเลขบัตรประชาชนบนบัตร ให้จาง แล้วเขียนเลขใหม่โดยใช้บตั รเดิม ต�ำรวจพิสูจน์หลักฐาน ตรวจได้ ๓ คันเท่านั้นก่อนครับ เพราะ บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 6 ไฟไหม้จนหาเลขไม่เจอ ส่วนอีก 2คันไม่ถกู ไฟไหม้ ขณะนัน้ ต�ำรวจไม่กล้ารือ้ ค้น เพราะเห็นว่าเป็นรถราคาแพง เกรงจะท�ำให้ รถเสียหายได้ จะว่ามันช่างบังเอิญเหลือเกินก็ได้ครับ ทีร่ ถหรูมพี ริ ธุ ถูกไฟไหม้ เพราะ ไฟฟ้ารัดวงจรกล่องควบคุมไฟในตัวรถบีเอ็มดับเบิลยู แล้วพอตรวจสอบ ก็ พบหมายเลขคัดซีปลอมสามหมายเลข และหนึง่ ในสามหมายเลขทีป่ ลอม เป็นรถลัมโบกินี่ ทีก่ รมสอบสวนคดีพเิ ศษตามหาอยู่ หลังจากพบว่าลักลอบ เข้ามาประเทศไทย ผ่านด่านชายแดนจังหวัดทางใต้ โดยไม่ได้เสียภาษี กรมสอบสวนคดีพเิ ศษ รับคดีนไี้ ปท�ำเองทันที พร้อมเรียกหน่วยงานทัง้ กรมศุลกากร กรมสรรพสามิตร กรมการขนส่งทางบก และหน่วยงานอืน่ ๆ ประชุมทันที พร้อมกับเปิดเผยว่า รถทัง้ 6 คันนี้ เชือ่ ได้วา่ หลบเลีย่ งภาษี มา โดยติดแก็ส อ�ำพรางไว้ เพือ่ ไปจดประกอบ ทีส่ ำ� นักงานขนส่งจังหวัด ศรีสะเกษ สาเหตุทตี่ ดิ แก็ส เป็นรถจดประกอบ ก็เพือ่ อ้างว่า เป็นรถประกอบขึน้ จากอะไหล่รถยนต์เก่า เพือ่ ให้เข้าข่ายกฎหมายทีเ่ ปิดให้รถเพือ่ การเกษตร เช่นรถไถ รถขนส่งการเกษตร ซึง่ เสียภาษีถกู กว่า ทัง้ ทีร่ ถเหล่านี้ ลักลอบ น�ำเข้ามาเป็นคัน ทีส่ ำ� คัญ เมือ่ มาเป็นคดีพเิ ศษ ก็ถกู เปิดเผยว่า มีขบวนการน�ำรถหรูทำ� แบบนีม้ าเกือบ ๕ -๖ ปีแล้ว โดยทีค่ นส่วนใหญ่ไม่รู้ ได้แต่คดิ แบบอิจฉาแกม หมัน่ ไส้นอ้ ยๆว่า รถหรูหรา งดงาม แปลกตา ทีข่ บั เร็วปรูด๊ ปร๊าดบนทางด่วน เขาท�ำมาหากินอะไร ถึงได้มเี งินซือ้ รถหรูหรามากมายขนาดนัน้ ในทีส่ ดุ เราก็ได้คำ� ตอบว่า มีนอ้ ยคันครับ ทีร่ ถเหล่านัน้ จะน�ำเข้ามาเสีย ภาษีถกู กฎหมาย เพราะเสียภาษีทงั้ ศุลกากร และภาษีสรรพสามิต รวมแล้ว เกือบ 300 เปอร์เซ็นต์ ของราคารถ แต่พอใช้วธิ หี ลบเลีย่ งแบบนี้ ก็จา่ ยค่า ภาษีเพียง 30 เปอร์เซ็นเท่านัน้ เอง ที่มาที่ไปมันก็เป็นแบบนี้ละครับ ตอนนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบรถจด ประกอบ ทีก่ รมการขนส่ง มีรายชือ่ อยูเ่ กือบ หนึง่ หมืน่ คัน เพือ่ หวังจะรีดภาษี คืน แต่จะได้มากแค่นนั้ ผมก็ไม่กล้าคาดหวัง เพราะดูรายชือ่ ผูค้ รอบครองรถ หรูตอนนี้ มีทงั้ นักการเมืองระดับชาติ ระดับท้องถิน่ นักธุรกิจผูใ้ กล้ชดิ นัก การเเมือง รวมถึงพระสงฆ์ ตัง้ แต่พระครูปลัด ไปจนถึงเจ้าพระคุณสมเด็จ ก็มรี ถหรูนงั่ ครับ ปล่อย Release E-Magazine

11


ปล่อยผูห้ ญิงให้บน ิ ได้ เรื่อง : ชามา

12

ปล่อย Release E-Magazine

‘นักดื่ม’

ทีม่ าภาพ : http://www.bloggang.com

บ่

อยครัง้ ทีฉ่ นั ก็นยิ ม “ดืม่ ” คนเดียว และ สนทนากับตัวเอง การดืม่ ในทีน่ ี้ อาจหมาย ถึง ชา กาแฟ เครือ่ งดืม่ สมุนไพร และอาจ รวมถึงแอลกอฮอล์ (บางอารมณ์) วงดื่มกินแต่ละบ้านแต่ละเมืองมีเสน่ห์ไม่ เหมือนกัน บางครัง้ ฉันก็รกั การดืม่ กินกับเพือ่ น ฝูงหรือคนถูกคอ แต่บางขณะฉันก็นยิ มปลีกตัว ดืม่ กินคนเดียว จนต้องแปลงส�ำนวน “เพือ่ นกิน หาง่าย เพือ่ นตายหายาก” เป็น “เพือ่ นตายหา ง่าย เพือ่ กินหายาก” เพราะเจตนาปลีกตัวโดด เดีย่ วดืม่ (กิน) คนเดียว! “การกิน”เป็นปัจจัยจ�ำเป็นของมนุษย์ทกุ รูปนามและเพศสภาพ แต่ “การดืม่ ”ดูเหมือนจะ ไม่คอ่ ยเหมาะส�ำหรับผูห้ ญิง --หากจะต้องนัง่ ดืม่ คนเดียวในทีส่ าธารณะ โดยเฉพาะสังคมไทยหรือ เอเชีย และโดยเฉพาะการดืม่ เครือ่ งดืม่ ประเภท แอลกอฮอล์ หลายครัง้ ฉันพบว่าการจ�ำต้องนัง่ ดืม่ กินกับ คนไม่รจู้ กั หรือคนละคอนัน้ นอกจากจะท�ำให้หมด ความรืน่ รมย์แล้ว ยังท�ำให้เครือ่ งดืม่ หรืออาหาร ชัน้ ดีตรงหน้าเสียอรรถรสได้อย่างไม่นา่ เชือ่ “คอทองแดงหรือ” ยามนัง่ ร่วมวงกับคอเหล้า ฉันอาจได้รบั ค�ำ ถามเช่นนั้น ในยุคที่ยังดื่มไม่เป็นเลย เพราะ นอกจากจะชงเหล้า(บริการ)เก่ง ท�ำกับแกล้ม ได้(ค�ำชม)อร่อย และดูเหมือนสามารถดืม่ ได้ตลอด คืนตามกลุม่ การงานบางอาชีพหรืออาคันตุกะทีไ่ ป เยือนแล้ว ฉันยังไม่เคยมีอาการเมาให้เห็น จนคน หลงเข้าใจว่า “คอทองแดง” “คอทองแดง” ทีไ่ ม่ได้แปลว่าพูดไทยกลาง ติดส�ำเนียงภาษาถิน่ ใต้ แต่หมายถึงดืม่ ดุ ทัง้ ที่ ตลอดคืนนัน้ อาจแสร้งชงเหล้าให้ตวั เองแค่แก้ว เดียว (ตามมรรยาท ทัง้ ทีไ่ ม่อยากดืม่ ) แต่คนทัก ไม่ทนั เห็นว่า “ยุงไข่” ตามส�ำนวนซึง่ หมายถึงจิบ เหล้าแก้วเดียว แต่นงั่ อยูไ่ ด้ตลอดคืน จนยุงแอบ มาไข่ทงิ้ ไว้ --ไม่ใช่คนดืม่ ไข่ทงิ้ ไว้ ฮา

ผู้หญิง

บางคราฉันก็อาจอยากทดลองจิบเหล้าได้ ทุกยีห่ อ้ ตัง้ แต่เหล้าชาวบ้าน เช่น เซีย่ งชุน สาโท เหล้าขาว ยันบรัน่ ดี วอดก้าดีกรีสงู ราวโดนหมัด น็อค ซึง่ ว่ากันว่า “รสแผ่วละมุนแต่มฤี ทธิล์ ะลาย สิน้ ทัง้ อินทรีย”์ หรือเหล้าจีนเหมาไถ จุดไฟติด ซึง่ พีไ่ ทยล้อว่า “เมาแล้วไถ” และได้ชอื่ ว่าเป็น “เหล้าผูน้ ำ� จีน” เหล้ายีห่ อ้ นีว้ า่ กันว่า รัฐบาลจีนมีไว้สำ� หรับ ดื่มบนโต๊ะเจรจาสันติภาพ เพราะมอมทุกชาติ ให้ “คออ่อน”ได้ จนมีตำ� นานสนุกล้อกันเล่นว่า เหล้าเหมาไถนั้นเคยถึงกับเผาท�ำเนียบขาวมา แล้ว เพราะท่านผูน้ ำ� จีนเคยทดลองจุดไฟในแก้ว เพื่อให้ผู้น�ำอเมริกันชม ครั้นเมื่อผู้น�ำอเมริกัน กลับประเทศ จึงไปลองจุดทีท่ ำ� เนียบขาวดูบา้ ง ปรากฏว่าไฟเกิดลุกติดผ้าม่าน และถึงกับไหม้ ท�ำเนียบขาว! เท็จหรือจริงเป็นอย่างไร แต่ตามต�ำนาน เล่าต่อกันมาเช่นนัน้ ยามนัง่ ร่วมวงกับคอชา ฉันก็อาจจิบชาได้ ยาวนาน และหลายชนิดจนคนสงสัยว่า นางมี “รสนิยม” อย่างไรกันแน่หนอ ฉันเคยลองจิบชานานาชาติ พบว่า จิบ ชาในผับอังกฤษ ไม่เหมือนจิบชาร่วมโต๊ะเตีย้ ใน

ครอบครัวญีป่ นุ่ ไม่เหมือนจิบชาในโรงน�ำ้ ชาชัน้ ดี ของจีน ไม่เหมือนจิบชาอินเดียรสจัด ไม่เหมือน จิบชาศรีลงั การสดี หรือไม่เหมือนจิบชาในเมือง แขก ฯลฯ ล่ า สุ ด ไปปั ก หลั ก พ� ำ นั ก ในพื้ น ที่ ซึ่ ง มี “วัฒนธรรมชา” ณ เมืองนครศรีธรรมราช หรือ “เมืองคอน” พบว่ามีเสน่หท์ แี่ ตกต่าง นัน่ คือทุก ร้านจะบริการชามา พร้อมกับกาแฟ หรือบริการ กาแฟมาพร้อมของแถมคือกาชาขนาดใหญ่ เสมือนกับแกล้มทีข่ าดกันและกันไม่ได้! เช่น หากสัง่ ชานม ก็จะเสิรฟ์ มาพร้อมกับ ชาจีนเป็นของแถมตามธรรมเนียม แกล้มกับข้าว เหนียวในห่อใบตองหน้าต่างๆ ตามใจผู้บริโภค เช่น หน้าสังขยา หน้ามะพร้าว หน้ากุง้ ฯลฯ ส่วน อาหารหนัก อาจเป็นข้าวแกง ขนมจีน ข้าวย�ำ ปักษ์ใต้ เป็นต้น หากเป็นร้านชาอิสลามก็อาจเน้นกับแกล้ม คือโรตี และมีของคาวเช่น ข้าวหมก ข้าวมันไก่ ข้าวมันปลา ในร้านมุสลิมหรือชุมชนมุสลิมจะหาเครือ่ ง ดืม่ แอลกอฮอล์ไม่ได้ แต่รา้ นพุทธอาจแปลงร้าน ชามาตัง้ วงเหล้ายามแดดร่มลมตก หรือจะย้าย ต่อไปตัง้ วงกันทีโ่ ต๊ะอืน่


การซดกาแฟเสียงดังอาจเป็นสุนทรียรสทางเสียงของบางชาติ ขณะการซดบะหมีเ่ สียงดังอาจไม่เป็น สุนทรียรสทางเสียงของอีกหลายชาติ ครัง้ หนึง่ ทีต่ อ้ งรับแขกริมทะเลแถมชุมชน มุสลิม ณ บ้านกลาย อ.ท่าศาลา เมืองนครฯ เมือ่ แขก(ชาวไทย)อยาก “ดืม่ ” จึงจ�ำต้องขอให้งด เพราะหาเครือ่ งดืม่ แอลกอฮอล์ให้ไม่ได้ และให้ เกียรติเจ้าถิน่ มุสลิมนัน่ เอง นอกจากนัน้ ยังถือโอกาสชวนแขกชาวไทย เปลีย่ นใจไปจิบชาริมทะเลใกล้มสั ยิดงามเก่าแก่ และเปลีย่ นสุนทรียภาพมาฟังเสียงสวด พร้อม กับศึกษาวิถชี มุ ชน และดูชาวประมงหาปลาเบือ้ ง หน้าทะเลงามยามอาทิตย์ตกแทน นอกจากวัฒนธรรมการดื่ม (เครื่องดื่ม แอลกอฮอล์) วัฒนธรรมกาแฟ หรือวัฒนธรรม ชา แต่ละบ้านแต่ละเมืองก็แตกต่างหลากหลาย ครั้งหนึ่งฉันเคยเขียนสารคดีเรื่อง “เมา ชา” เพราะบางครัง้ ก็นยิ มดืม่ ชา จน “เมา” ใน เมืองหนาว เช่น กรุงปักกิง่ ประเทศสาธารณรัฐ ประชาชนจีน และหากไม่ได้ดมื่ ชาวันใด เหมือน ชีวติ จะขาดอะไรไปสักอย่างในเมืองหิมะ ครัน้ ได้ไปอยูเ่ มืองคอน พบว่า”วัฒนธรรม ชา”ทีน่ นั่ มีเสน่หไ์ ม่นอ้ ยหน้าเมืองอืน่ ขณะเขียนอยูน่ ี้ ฉันยังต้องจิบชาท้องถิน่ ที่

ชาวชุมชนมุสลิมแห่งเมืองนครฯ สอนวิชาชงชา ให้อย่างไม่หวงแหน ในภาพซ้ายมือคือ “ไหม” มือชาชาวริม ทะเลบ้านกลายซึง่ ซือ่ สัตย์ตอ่ อาชีพน่าชมเชย เมือ่ ถามว่า “ดืม่ ชาดีอย่างไร” ค�ำตอบของน้องไหมคือ “ไม่มดี อี ะไรเลย เสพแล้วติด ติดแล้วแก่ และยังท�ำให้นอนไม่หลับ ฯลฯ” “ตกลงจะขายหรือไม่ขายคะแม่คา้ !” ลูกค้าอย่างฉันงง ขณะน�ำแขก (ชาวพุทธ) ไปดืม่ ชาร้านดังหน้ามัสยิดรอบดึก ซึง่ เธอเล่าว่า ขายถึง 5 ทุม่ และตืน่ มาขายอีกรอบตอนตี 4 ของทุกวัน เพือ่ อรุณสวัสดิผ์ ปู้ ระกอบพิธลี ะหมาด และผูผ้ า่ นทาง แกล้มโรตีสตู รดัง้ เดิมรสเลิศและ อาหารพืน้ เมือง เช่น ข้าวมันแกงกุง้ -ไก่-ปลา ข้าว หมก หมีผ่ ดั กะทิ ขนมต้ม ขนมค่อม ฯลฯ นอกจากน้องไหมจะสาธิตการชงชาให้ ดืม่ หลายแก้วตามค�ำเรียกร้อง โดยไม่ประกาศ สรรพคุณ แถมยังกล่าวโทษสินค้าทีต่ นจ�ำหน่าย อย่างซื่อสัตย์และจริงใจแล้ว มือชายังสอนให้ ลูกค้าชาวพุทธจากแดนไกลหัดชงดืม่ เองโดยไม่ ปิดเคล็ดลับ เพือ่ จะได้กลับ ไปชงกินเองที่บ้านได้ พร้อม เสนออุปกรณ์ชงและชาชัน้ ดีตาม ค�ำขอ มอบความรู ้ ใ ห้ เ ราทุ ก คนเสมื อ น “ครู”, ชา “อย่าลืมเอารูปลง Facebook ด้วยนะ” น้องไหมมือชาอารมณ์ดบี อกแขกทีไ่ ปด้วย กัน และแถมยังจด fb ของเธอให้ดว้ ย เราจึงขออนุญาตน�ำเรื่องราวของมือชา เจ้าเสน่หม์ าเขียนถึงแทน และหวังว่าเธอจะมา อ่านพบ วันนี้ฉันมองถุงผ้าขาวบางส�ำหรับชงชา นมข้นหวาน และชาพืน้ เมืองทีอ่ ดุ หนุนจากร้าน น้องไหม แล้วคิดถึงเธอ แม้น้องไหมจะเพียร พยายามบอกว่า ดืม่ ชาแล้วให้โทษอย่างไร แต่ ฉันก็ไม่กลัว “ชงชาให้อร่อย น�ำ้ ต้องเดือดพล่าน เขย่า

ถุงชงให้ได้จงั หวะ ใช้ชาดี นมข้นหวานตราเด็ก และชงทีละแก้ว” ค�ำสอนของหญิงมุสลิมยังก้องอยูใ่ นหู ขณะ ฉันจิบชาชงเองคนเดียวทีบ่ า้ นเป็นอาหารเช้า ขอต่อด้วยกาแฟอีกสักแก้วตามความ เคยชินว่า หากขาดกาแฟวันใด คงเหมือนชีวติ ประจ�ำวันขาดอะไรไปสักอย่าง “จิบชาตามต้นต�ำรับต้องส่งเสียงดังๆ เพือ่ ดืม่ ด�ำ่ กับรสกาแฟ” เสียงค�ำสอนจากครูกาแฟในโรงเรียนสอน ชงกาแฟแห่งหนึง่ ซึง่ ท�ำให้ฉนั เกือบส�ำลักกาแฟใน ครัง้ แรก และแถมยังชวนให้นกึ ถึงการซดบะหมี่ เสียงดังของคนจีนนัน้ ยังคงตามมาให้ได้ยนิ บาง ขณะ และชวนให้เห็นว่ากรอบค�ำว่า “วัฒนธรรม” ของแต่ละท้องทีช่ า่ งแตกต่างกัน ตัง้ แต่เรือ่ งการ ดืม่ กิน ฯลฯ การซดกาแฟเสียงดังอาจเป็นสุนทรียรส ทางเสียงของบางชาติ ขณะการซดบะหมีเ่ สียง ดังอาจไม่เป็นสุนทรียรสทางเสียงของอีกหลาย ชาติ เป็นต้น วันเกิดทีผ่ า่ นมา มีคนถือไวน์ชนั้ ดีมามอบ ให้ฉนั ในฐานะเจ้าภาพ 1 ขวด นับเป็นความทุกข์ ของเราทุกคน ขณะก�ำลังเฉลิมฉลองด้วยอาหาร หวานคาวเพียบพร้อม แต่หาทีเ่ ปิดไวน์ไม่ได้ และ มีบางคนอยากดืม่ อย่างยิง่ ขณะนีฉ้ นั ยังคงนัง่ มองไวน์ขวดทีไ่ ม่ได้เปิด นัน้ แม้ขณะนีจ้ ะหาทีเ่ ปิดได้แล้ว เพราะอยากวัด ใจตัวเองว่า บางเวลาทีอ่ ยากดืม่ แต่อดใจไม่ดมื่ ได้ นัน้ นับเป็นอีกมิตแิ ห่งชัยชนะทีส่ ะท้อนว่า เราควร ควบคุมเรือ่ งการดืม่ กินของตัวเองบางขณะ เฉก เช่นเดียวกับทุกเรือ่ งทีค่ วรควบคุมให้ได้ ทุกสรรพสิง่ ล้วนมีสองด้าน เช่น การดืม่ ชาอาจมีขอ้ เสียดังค�ำสอนของน้องไหม และการ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็อาจมีข้อเสียหลาย ประการ ซึง่ หากไม่ควบคุมก็ยอ่ มส่งผลเสียต่อผู้ ได้ชอื่ ว่า “นักดืม่ ” การควบคุ ม ตั ว เองในที่ นี้ อาจรวม หมายถึงทุกเรือ่ งในชีวติ และไม่ยกเว้นทัง้ ผูห้ ญิง และผูช้ าย

ปล่อย Release E-Magazine

13


ปล่อยจากปก

พีจ่ ะอยูบ่ นพืน้ ฐานทีเ่ หมือนกับยาขอบเคยพูดว่า คุณไม่ต้องพยายามจะปั้นแต่งค�ำพูดสวยหรูเพื่อ คุณจะเป็นนักเขียนทีเ่ ขียนหนังสือดีหรอก คุณใช้ ค�ำพูดเท่าทีค่ ณ ุ ควรจะใช้ คุณมีแค่ไหนคุณใช้แค่นนั้ แล้ว มันจะจับใจคนมากกว่า” นัน่ คือค�ำให้การของนักเขียนเบสต์เซลเลอร์ทชี่ อื่ ’ปราย พันแสง ในคราวที่ ปล่อย รีลสิ อีแมกกาซีน ได้รบั เกียรติพดู คุยกับเธอเมือ่ ไม่นาน ค�ำพูดทีเ่ ราโค้ดมาเกริน่ น�ำ เพียงไม่กบี่ รรทัดข้างบนนี้ แน่นอนว่าย่อมบอกความเป็น ตัวตนของเธอได้ไม่หมด แต่กระนัน้ ก็มไิ ด้หมายความว่าจะ สะท้อนความเป็นตัวตนของเธอไม่ได้เลยเช่นกัน หากคุณคือนักอ่านคนหนึง่ ไม่วา่ ความเป็นนักอ่าน ของคุณจะอยู่ในระดับมวยวัดหรือขึ้นชั้นมือวาง หาก สายตาคุณเคยผ่านงานเขียนของเขา คงรูร้ สชาติจากตัว หนังสือของเธอคนนีบ้ า้ งล่ะ แต่หากคุณยังไม่เคยกวาด สายตาส�ำรวจงานเขียนของเธอ เราขอแนะน�ำว่าควรจะ ลองเดินเข้าร้านหนังสือทีไ่ หนสักแห่งในประเทศนี้ ซึง่ เรา การันตีได้วา่ ย่อมมีหนังสือของเธอคนนีเ้ ป็นแน่แท้ จากนัน้ ก็ซอื้ มาสักเล่ม สองเล่ม สามเล่ม...ก็แล้วแต่เงินในกระเป๋า ของคุณเถอะ แล้วลองก้มอ่านตัวหนังสือบนหน้ากระดาษ คุณจะเห็นรสชาติอนั หลากหลาย เห็นลีลาการเขียนจาก หนังสือแต่ละแนว เห็นอารมณ์ความรูส้ กึ ทีอ่ วลกรุน่ แบบ หลากกลิน่ ก็สดุ แท้แต่คณ ุ จะนิยามเอาเองก็แล้วกัน หรือหากคุณคือนักท่องอินเตอร์เน็ต เป็นนักเสพเฟ ซบุค๊ ลองเข้าไปอ่านเข้าไปชิมงานเขียนของเธอทีป่ รากฏ ตามเพจตามบล็อกต่างๆ บนโลกออนไลน์ เพียงค้นค�ำด้วย ชือ่ ของเธอในกูเกิลก็จะปรากฏรายการทีเ่ กีย่ วกับชือ่ ของ เธอนับแสนรายการ และหากนับเฉพาะแฟนเพจทีต่ าม กดไลน์ในเฟซบุค๊ ส่วนตัวของเธอแล้ว ถึงวันนีก้ น็ บั ได้กว่า ห้าหมืน่ รายชือ่ ถือว่ามากโขทีเดียวส�ำหรับคนซึง่ มิได้เป็น เซเลบ หรือพวกทีท่ ำ� ตัวให้เด่นดังด้วยการน�ำเสนอความ แปลก เพีย้ น พิลกึ พิสดารของตัวเอง วันนีแ้ ม้เธอจะวางปากกา ห่างแป้นคียบ์ อร์ดร่าย เรือ่ งเล่าสารพัดสาระเพ หันมาทุม่ พลังให้กบั การท�ำร้าน หนังสือ ท�ำส�ำนักพิมพ์ พร้อมกับดูแลร้านหนังสือฟรีฟอร์ม โลนลีป่ าย แต่ใช่วา่ เธอจะไม่มงี านเขียนมาก�ำนัลแด่นกั อ่านทัง้ หลายของเธอ

14

ปล่อย Release E-Magazine

โลกทีห่ มุนผ่าน..

จะว่าไปก็มแี ต่จะยาวยืดดดดด เอาเป็นว่าแม้ คุณจะเคยผ่านหรือไม่เคยผ่านงานเขียนของเธอคน นี้ ก็ชา่ งคุณปะไร ยามนีเ้ ราก็เพียงแต่อยากน�ำพาคุณ ไปฟังเธอเล่าเรือ่ งราวชีวติ ในบางหลืบบางมุม ตลอด ถึงการอัพเดตชีวติ ในยุคโลกบนฝ่ามือของเธอดูบา้ งก็ เท่านัน้ หากมันมีพลังพอจะสัน่ จะกระตุกอะไรๆ เช่น วันวานได้บ้าง ก็ยกความดีความชอบให้ผู้ประดิษฐ์ อักษรไทยท่านเถิด โอม... สไลด์หน้าจอบนฝ่ามือของคุณ เข้ามาที่ หน้าต่างของเรา เซ็ตแสงสว่างหน้าจอเรืองสีให้พอดี จากนัน้ ก็คอ่ ยๆ ตามตัวอักษรไปเรือ่ ยๆ ให้อกั ขระเป็น กุญแจน�ำพาเราและคุณไปรับรูบ้ างรายละเอียดของ เธอ ผู้เป็นนักเขียนที่มีแฟนคลับนักอ่านนับแสนคน นี-้ ’ปราย พันแสง ...โอม จงก้ม


.. ’ปราย พันแสง

ปล่อย Release E-Magazine

15


ปล่อยจากปก

Q : เข้าเฟซบุค๊ ทุกวันไหมครับ A : เข้าทุกวันค่ะ เป็นกิจวัตรทีจ่ ะวางไว้เลยว่าต้องเข้าค่ะ Q : เมือ่ ก่อนนีม้ ี Bookcyber เรียกว่าเป็นนักเขียนคน แรกๆ ทีน่ ำ� เทรนด์นกั เขียนให้ลงมาในอินเตอร์เน็ต A : เพือ่ นฝูง หรือคนอ่านทีร่ จู้ กั กันตรงนัน้ ก็คบหากันเป็นเพือ่ น มี อยูแ่ ก๊งนึงอยูล่ พบุรี ก็จะเปิดหนังสือในเครือข่ายเราด้วย (มันก็ได้เครือข่าย ไปด้วย) ใช่ๆ ไม่รนู้ ะพีใ่ ช้อนิ เตอร์เน็ตมาสิบกว่าปีเนีย่ ทีบ่ อกหลอกลวงกัน ไม่เคยเจอเลยนะ ส่วนใหญ่จะเจอแต่แบบว่าโอเคนะ ไม่รสู้ ิ เราไม่ได้ใช้เพือ่ การแบบนัน้ คือเราคบหาคน อย่างคนทีเ่ ราจะไปเจอใคร ก็ตอ้ งรูจ้ กั เขานะ

Q : เคยเจอพวกโรคจิตในอินเตอร์เน็ตบ้างไหม A : มีนะ ทุกวันนีก้ ย็ งั มีอยูเ่ ลย จะมีคนทีป่ ลอมเป็นเรา แล้วไป คุยกับคนนัน้ คนนี้ แล้วบอกว่าเป็นเรา ประมาณนี(้ หัวเราะ) เออ ตลกดี แล้วก็มีคนเชื่อนะ เพจเราก็อยู่นี่ แล้วท�ำไมถึงเชื่อว่าคนนี้ไปคุยแล้ว เป็นเรา เป็นตุเป็นตะ มีการนัดเจอด้วยนะ(แสดงว่าเราเป็น Idol) มีมา ทักด้วยนะว่าจ�ำได้มยั้ ทีเ่ คยนัดเจอกันทีห่ น้ากระทรวงสาธารณสุขอะไร ประมาณนี้ (หัวเราะ) อ้าว... ตลกมากเลย เอาอีกแล้ว มาอีกแล้ว มา เรือ่ ยๆ นะแบบนี้

16

ปล่อย Release E-Magazine

Q : มีโรคจิตกว่านัน้ มัย้ A : ไม่รนู้ ะ พีว่ า่ อันนีห้ นักสุดแล้ว เคยมีนอ้ งทีร่ จู้ กั กัน คุยกัน เคย เจอแบบนีแ้ ล้วก็ไปพูดประเด็นเชิงชูส้ าว อย่างในสวีตหยดออนไลน์ พีก่ จ็ ะ เขียนเล่นๆ อย่างแบบแช็ทกับพระ ในความเป็นจริงน่ะคือคุยกันธรรมดา ก็มหี ลุดๆ บ้าง แต่วา่ พอเรามาเขียนเป็นบทความใน 1 ชิน้ บางทีมนั ต้อง สรุปอะไร บางทีมนั จะมีลกู เล่นมีอะไรทีเ่ หมือนกับว่ามีจบี มีอะไร แต่วา่ มันก็ ไม่ได้มอี ะไรเกินเลยมากไปกว่านัน้ แต่กอ็ าจจะมีบางคนเขาอินไง เลยท�ำตัว เป็นเรา แล้วก็ไปนัดเจอผูช้ ายอะไรแบบนีห้ รือเปล่า

Q : เท่าที่อ่านงานพี่ก็จะเขียนเรื่องเกี่ยวกับความรัก ความสัมพันธ์ A : อะไรประมาณนัน้ คือส่วนใหญ่คนเขาจะสนใจเรือ่ งพวกนี้ แต่ จริงๆ แล้วพีเ่ ขียนทุกเรือ่ ง

Q : จริงๆ แล้วอินกับความรักแค่ไหน A : แหม มันก็ประมาณนึงอ่ะนะ คือพีน่ ะ่ เขียนทุกเรือ่ ง เขียนเรือ่ ง ไหนก็ได้ ถ้าเคยอ่านมติชน หนัง เพลง ดนตรี คือทุกอย่างแหละ มันก็คอื เขียนทุกเรือ่ ง หลักของพีก่ ค็ อื ไม่วา่ จะเขียนเรือ่ งอะไรเราต้องให้ถงึ กับเรือ่ ง นัน้ อย่างเช่นว่าจะเขียนเรือ่ งความเศร้า คนอ่านก็ตอ้ งรูส้ กึ ถึงตรงนัน้ ไป


ทุกเรือ่ งทีเ่ ขียนนะ พีว่ า่ มันก็มาจากชีวติ จริง 50-70% แหละ แล้วแต่วา่ ตรงไหน แม้แต่เขียนบทวิจารณ์ หนัง ถ้าไม่ขนึ้ ต้นด้วยเรือ่ งจริงของเรา พีจ่ ะไปต่อไม่ได้เลยนะ

กับเราด้วย แล้ววิธกี ารจะแบบไหนคือทุกอย่างแหละ ถ้าจะรักก็โอเคต้อง ให้มคี วามรูส้ กึ ว่ารัก ไม่ใช่วา่ รัก รัก รัก รัก อะไรก็ไม่รู้ ไม่รสู้ กึ อิน แต่มคี ำ� ว่ารักเต็มไปหมดเลย พีจ่ ะไม่ใช่แบบนัน้

Q : เอามาจากชีวติ จริงไหม A : ทุกเรือ่ งทีเ่ ขียนนะ พีว่ า่ มันก็มาจากชีวติ จริง 50-70% แหละ แล้วแต่วา่ ตรงไหน แม้แต่เขียนบทวิจารณ์หนัง ถ้าไม่ขนึ้ ต้นด้วยเรือ่ งจริง ของเรา พีจ่ ะไปต่อไม่ได้เลยนะ สมัยก่อนเขียนวิจารณ์เพลง หรือแม้แต่ การไปซือ้ เทปซือ้ ซีดี เออแวะร้านท่าพระจันทร์ ก็ขนึ้ มาเลยแวะซือ้ เทป ต้องขึน้ ด้วยเรือ่ งราวของเราจริงๆ น่ะ แล้วทีเ่ หลือมันถึงจะมีฟลี ลิง่ กับสิง่ ทีเ่ ราเขียน แต่ถา้ ขึน้ มาอะไรทีไ่ ม่เกีย่ วกับเราเลย พีว่ า่ มันจะห่างไกลเรา มาก แล้วพีว่ า่ มันเป็นวิธกี ารดึงคนอ่านด้วยนะ ถ้าในแง่เทคนิคการเขียน มันก็คอื เหมือนเราพยายามดึงคนอ่านจากทีไ่ หนไม่รใู้ ห้เข้ามาสูโ่ ลกของ เรา ก็คอื ในการเขียนหนังสือแม้แต่พารากราฟเล็กๆ ไม่กบี่ รรทัดมันก็คอื โลกของเรา แล้วท�ำยังไงเขาอ่านค�ำแรกของเราแล้วเขาถึงจะแวะเข้ามา ในบ้านเราในโลกของเราตรงนีไ้ ด้ ก็คอื เราก็ตอ้ งเปิดแง้มๆ ว่าอะไรของ เราน่าสนใจ บ้านเรามีอะไรน่าสนใจ แง้มๆ ประตูนดิ นึง เหมือนการสร้าง บรรยากาศอย่างหนึง่ แหละ

Q : ความเป็นนักเขียนมีชอื่ ของเรา ช่วยในเรือ่ งส�ำนัก พิมพ์ได้แค่ไหน A : พีว่ า่ อาจจะนิดนึง แต่วา่ จริงๆ แล้วคนซือ้ ทีท่ ำ� ให้สำ� นักพิมพ์ อยูไ่ ด้จริงๆ เขาอาจไม่ซอื้ งานพีเ่ ลย นึกออกมัย้ ไม่ใช่แฟนหนังสือพีเ่ ลย ก็ได้ ในช่วงแรกๆ งานของ ’ปราย พันแสง พิมพ์อยูแ่ ล้ว มันมีแฟนของ มันอยูแ่ ล้วกลุม่ หนึง่

Q : คนเริม่ รูจ้ กั ชือ่ ’ปราย พันแสง เพราะท�ำงาน หนังสือพิมพ์? A : น่าจะเพราะมติชนสุดสัปดาห์คะ่ หนังสือพิมพ์นคี่ นอาจจะอ่าน นะ แต่เขาก็ไม่กม้ ดูหรอกว่าท้ายชือ่ ชือ่ อะไร แต่วา่ ทีม่ ฟี ดี แบ็คแบบว่ามี อีเมลเข้ามาวันละเป็นร้อยเป็นพันเนีย่ ก็มาจากมติชนสุดสัปดาห์ เมือ่ ก่อน คนอ่านเยอะมาก เป็นช่วงทีอ่ นิ เตอร์เน็ตมันยังไม่ได้บมู ขนาดนี้ ช่วงนัน้ นะ ประมาณสัก 10 กว่าปีทแี่ ล้ว อย่างเมือ่ ก่อนก็จะพิมพ์งานกับมติชนใช่มยั้ เวลาเรามีหนังสือทีอ่ ยาก จะแปล หรือมีหนังสือแปลน่าสนใจหรืออะไรทีเ่ ราอ่านแล้ว ก็จะบอกส�ำนัก พิมพ์วา่ ไปซือ้ ลิขสิทธิม์ าแปลสิ คือเขียนลงไปแล้วเราถึงบอกเขา แต่จน ตอนหลังเนีย่ พอลงไปแล้วก็จะมีคนเข้ามาหา อย่างเอเซียบุค๊ หรือคิโนะ ก็จะมีคนไปหาหนังสือเล่มนัน้ แล้วพอเราบอกส�ำนักพิมพ์ไปว่าเนีย่ คนหา

หนังสือเยอะมากเลย ซือ้ มาแปลเป็นภาษาไทยสินา่ จะขายได้ ปรากฏว่า พอติดต่อไปลิขสิทธิก์ จ็ ะมีคนไปซือ้ กันทัง้ ทีห่ นังสือไม่ใช่ออกใหม่เลยนะ เป็น หนังสือทีอ่ อกมาหลายปีแล้ว แต่วา่ เราเขียนแนะน�ำลงไป จนตอนหลังทาง ส�ำนักพิมพ์ตอ้ งบอกว่าไปบอกคุณ’ปราย เขานะว่าถ้าเขาจะแนะน�ำอะไรลง ไปให้มาบอกส�ำนักพิมพ์กอ่ น(หัวเราะ) เพราะว่าไปติดต่อทีหลังมันล�ำบาก คือฟีดแบ็กคนอ่านดีมากค่ะ

Q : เมือ่ ก่อนพิมพ์งานกับมติชนทีเ่ ดียวเลยหรือเปล่า A : ก็หลายทีค่ ะ่ เมือ่ ก่อนพีล่ งทุนท�ำนิตยสารซัมเมอร์ งานช่วง แรกก็จะพิมพ์กบั ส�ำนักพิมพ์ฤดูรอ้ นด้วย

Q : พี’่ ปราย เป็นคนอ่านหนังสือมาตัง้ แต่เด็ก? A : อ่านค่ะ บ้านพีอ่ ยูต่ า่ งจังหวัด พวกแม่พี่ ป้าพีจ่ ะรับสกุลไทย บางกอก พีจ่ ะอ่านนิยายหนังสือผูใ้ หญ่ คือมันไม่มอี ะไรท�ำด้วยแหละ สมัย ก่อนทีวอี ะไรมันก็ยงั ไม่แบบนี้ สมัยเด็กๆ ทีบ่ า้ นยังไม่มที วี เี ลยมีแต่หนังสือ บ้านอืน่ มีทวี กี อ่ นบ้านเราอีก เราจะดูทวี เี รายังต้องไปดูบา้ นอืน่ อยูเ่ ลย

Q : กระแสของมูราคามินถี่ อื ว่าพีเ่ ป็นคนน�ำเทรนด์คน แรกไหม A : ไม่ใช่หรอก ทีอ่ า่ นตอนนัน้ ยังไม่มใี ครแปลเลย แต่พอตอนหลัง มติชนเขาเอามาแปล พอดีมนี อ้ งทีเ่ ขาท�ำส�ำนักพิมพ์ แล้วมันขายไม่ดี ก็ เลยแบบว่าเฮ้ย ท�ำไมขายไม่ดวี ะ มูราคามิดจี ะตาย ก็เลยบอกว่า เดีย๋ วพี่ จะเขียนลงให้เป็นตอนๆ ละกัน เธอเตรียมขายละกัน เดีย๋ วคนต้องอยาก อ่าน อันนีค้ อื ตัง้ ใจเพราะว่าทัว่ โลกเขาดังหมดเลยไง แล้วมาบ้านเราขาย ไม่ดนี แี่ บบเสียชือ่ เนอะ คนไทยดูไม่มรี สนิยมการอ่าน ก็เลยบอกน้องทีม่ ติ ชนแหละว่าเดีย๋ วพีจ่ ะเขียนเป็นตอนๆ สัก 20 ตอน แต่มคี นเขียนมาด่านะ ว่าเมือ่ ไหร่จะเลิกเขียนซักทีมรู าคามิเนีย่ แฟนมติชนน่ะ (หัวเราะ)

Q : มีหนังสือหลายเล่มทีข่ ายดีเพราะพีเ่ ลยนะ A : เป็นความภูมใิ จนะเวลาแนะน�ำหนังสือน่ะ เพราะส่วนใหญ่ หนังสือทีเ่ ราแนะน�ำก็เป็นหนังสือทีเ่ ราชอบไง ใครจะส่งมาให้เชียร์นไี่ ม่ตอ้ ง ส่ง บางคนจะขอทีอ่ ยูห่ น่อยจะส่งหนังสือมาให้ พีจ่ ะบอกว่าไม่ตอ้ งส่งหรอก หนังสืออะไรบอกมาเดีย๋ วจะหามาอ่านเอง เพราะถ้าเขาส่งมาเนีย่ มันจะ เป็นข้อผูกมัดไงว่าต้องเขียนเชียร์เขา บางทีบางเล่มเราไม่ชอบมันเป็นภาระ เรา พีจ่ ะไม่เอาเลยนะ ต้องเป็นเล่มทีเ่ ราโอเคจริงๆ ถึงจะเอามาแนะน�ำ ก็ จะภาคภูมใิ จเวลาทีเ่ ราแนะน�ำเล่มทีเ่ ราชอบแล้วก็คนชอบ ส�ำนักพิมพ์เขา บอกว่าของเขาขายดี เป็นความภูมใิ จทีส่ ดุ เลยในชีวติ เขาจะบอกทุกคน เลยว่าพีเ่ ป็นคนเชียร์หนังสือทีด่ ี ดีกว่าเขียนเองอีก (หัวเราะ) ปล่อย Release E-Magazine

17


ปล่อยจากปก Q : หลายคนเขาก็บอกว่าพีเ่ ป็นคนเขียนแนะน�ำหนังสือ ทีท่ ำ� ให้คนอยากอ่านตามมากทีส่ ดุ คนหนึง่ A : (หัวเราะ) เดีย๋ วให้พเี่ ปิดร้านครบ 5 ร้านนีจ่ ะชวนให้มาช่วย กันท�ำ แนะน�ำหนังสือกัน หนังสือทีเ่ ราชอบ พีค่ ดิ โปรเจ็กต์ทพี่ ยายามจะหา วิธี พยายามไปคุยกับคนทีถ่ า่ ยภาพ คุยกับคนท�ำคลิป ว่ามันมีวธิ พี รีเซ็นต์ หนังสือแทนทีจ่ ะเอาภาพปกไปลงอย่างเดียว มันมีวธิ พี รีเซ็นต์อย่างอืน่ มัย้ ทีน่ า่ สนใจมากกว่านี้ คนก็แนะน�ำกันมาหลายอย่าง อยากจะทดลองท�ำดู เดีย๋ วพีเ่ ปิดร้านได้กอ่ นแล้วจะมาพัฒนาตรงนี้ แหม หนังสือเล่มนึงลงทุน เยอะนะ แล้วบางทีเราท�ำประชาสัมพันธ์ทำ� การตลาดกันอ่อนไปนิดนึง อย่างตอนนีท้ เ่ี ราใช้เฟซบุค๊ อยูม่ นั เหมาะมากเลยทีจ่ ะท�ำอะไรแบบนี้ เพราะ ว่าคนทีน่ งั่ รถติดเนีย่ เปิดอ่านมือถือนีม่ อี ะไรทีเ่ กีย่ วกับหนังสือทีใ่ ห้เราเปิด อ่านสักเล่มนึง ถึงเขาไม่ซอื้ หนังสือแต่เขายังได้ประโยชน์จากตรงนัน้ อยู่ คนจะเบือ่ แล้วนะทีจ่ ะถ่ายรูปอาหารสวยๆ มาลง เห็นแล้วหิวจังเลย จบ!! อะไรอย่างนี้ แต่การอ่านมีหนังสือเล่มนึง เอาปกหลังมาแนะน�ำเหมือนคน ทีเ่ ขาเปิดอ่านแล้วได้อะไรเข้าไปในชีวติ เขาเพิม่ ขึน้ อย่างนึง ก็รสู้ กึ ดีใจแล้ว ได้กำ� ไรแล้ว พีว่ า่ น่าท�ำนะตรงนี้

Q : ในยุคนีม้ ใี ครทีท่ ำ� เหมือนเราแล้วได้ผลแบบนีบ้ า้ ง A : ตอนนีพ้ ที่ ำ� น้อยมากเลย แม้แต่หนังสือของฟรีฟอร์มเอง ทุก ครัง้ ทีเ่ ปิดเฟซบุค๊ เนีย่ คิดว่าควรจะโพสต์หนังสือของฟรีฟอร์มเองสัก 1 เล่ม ไง ทุกวัน แต่ปรากฏว่าเอาเข้าจริงแล้วโพสต์อะไรก็ไม่รู้ บางทีกข็ เี้ กียจหา ไฟล์ ขีเ้ กียจดึงโน่นดึงนี่ ก็จะโพสต์อะไรแบบเรือ่ ยเปือ่ ยไร้สาระ พีต่ งั้ ใจมาก ทีจ่ ะใช้เฟซบุค๊ เพือ่ โพสต์เรือ่ งหนังสือ แต่ยงั ไม่ได้ทำ� มันต้องเตรียมงานนะ อย่างน้อยเขียนแนะน�ำ เขียนอะไรแบบนีใ้ ห้มนั ดูนา่ สนใจ ยังไม่ได้ทำ� .. ท�ำ สิ เราก็ทำ� ได้ แล้วเราก็มาแชร์กนั

Q : การอ่านหนังสือตัง้ แต่เด็กส่งผลโยงให้มาเป็นคน เขียนหนังสือ? A : พอเรียนจบม.6 ก็เข้ามาเรียนกรุงเทพฯ เอนท์ไม่ตดิ ค่ะ ตอน นั้นเรียนที่รามค�ำแหง มีเพื่อนที่ศิษย์สะดือมาบอกว่าเขาเปิดรับสมัคร กอง บก.พอดี ไปสมัครก็ได้ทำ� ทีศ่ ษิ ย์สะดือตัง้ แต่ทเี่ รียนปี2น่ะค่ะ ก็เข้ามา ท�ำเป็นกอง บก.เลย ออกไปสัมภาษณ์พวกนักเขียน กวี ถอดเทป เรียบ เรียงเป็นจ๊อบๆ เป็นชิน้ ๆ แต่กอ่ นหน้านัน้ ก็เคยท�ำวัยหวาน วัยฝันนะคะ เหมือนเราฝึกงานค่ะ ศิษย์สะดือยุคนัน้ ก็มพี จี่ ยุ้ (ศุบญ ุ เลีย้ ง) พีจ่ กิ (ประภาส ชลศรานนท์) พีอ่ นั๋ (ปินดา โพสยะ หรือทีร่ จู้ กั กันอีกชือ่ คือ วัชระ แวววุฒนิ นั ท์) ร่วมกัน เป็นเจ้าของ 3 คน แต่เขาจะแบ่งหน้าทีก่ นั พีจ่ ยุ้ ก็จะดูพวกเนือ้ หาในเล่ม พี่

18

ปล่อย Release E-Magazine

อัน๋ ก็จะดูพวกอาร์ตเวิรก์ พวกนีเ้ ขาเก่งกันหมดเลยค่ะ อย่างพีอ่ นั๋ เนีย่ เขียน นิยายเขียนเรือ่ งได้แล้วก็ทำ� อาร์ตได้ดว้ ย ทุกวันนีพ้ ย่ี งั ทึง่ เลยนะว่า พีม่ าท�ำ ออฟฟิศเนีย่ แล้วเด็กมาท�ำงานกับเรา บางทีเขาก็ทำ� กันได้นะว่า คนนึงท�ำ หน้าทีน่ งึ แต่พโี่ ตมาจากทีศ่ ษิ ย์สะดือ ทุกคนท�ำทุกอย่าง อย่างตัวพีเ่ องสมัย ศิษย์สะดือทีไ่ ม่ทำ� อย่างเดียวคืออาร์ต แต่วา่ ตรวจซ่อมตัวเนีย่ ซ่อมนะ เมือ่ ก่อนยังตัดอาร์ตเวิรก์ แปะกัน แต่ออกแบบเองท�ำไม่เป็นค่ะ ส่วนพีจ่ กิ เขาจะไม่คอ่ ยได้เข้าออฟฟิศ จะเห็นหน้าพีจ่ กิ เท่าทีจ่ ำ� ได้ก็ คือ พีจ่ กิ จะเข้าออฟฟิศช่วงปลายเดือนพร้อมห่อสีนำ�้ ตาลทีไ่ ปเบิกตังค์จาก แบงค์มาจ่ายเงินเดือนน้องๆ เป็นก้อนๆ (หัวเราะ) นัน่ คือภาพพีจ่ กิ

Q : ได้อะไรจากศิษย์สะดือบ้าง A : มันได้หลายอย่างนะ อันหนึง่ คือวิธคี ดิ มุมมอง อย่างพีจ่ กิ ตอนทีอ่ ยูศ่ ษิ ย์สะดือเนีย่ จะเจอน้อยมากอย่างทีบ่ อกเพราะว่าพีเ่ ขาจะยุง่ กับงานทีวี เป็นช่วงทีเ่ ขาก่อร่างสร้างตัวก็จะเจอท้ายๆ ส่วนมากพีจ่ กิ จะ ถามพวกเรามากกว่า ถามเรือ่ งราวในออฟฟิศกับเรา จะไม่คอ่ ยได้ดกู นั เรือ่ งดีเทลอะไรมาก แต่วา่ ทีพ่ ไี่ ปท�ำเวิรค์ พ้อยท์ พับลิชชิง่ กับพีจ่ กิ ก็ไม่ถงึ กับเป็นเจ้านายสายตรง จะมีผบู้ ริหารอีก 2 คน ถัดจากพีจ่ กิ แล้วก็มาถึงพี่ เวลาประชุมพีจ่ กิ ก็จะมีดเี ทลเล็กๆเรือ่ งการบริหารอะไรของเขาแบบนี้ แต่ ส่วนมากพีจ่ กิ ก็จะไม่คอ่ ยมาลงรายละเอียดมาก แต่ถา้ เนือ้ หาบางทีกจ็ ะมา คุยกับเรา เพราะว่าในเวิรค์ พ้อยท์กจ็ ะไม่มคี นทีแ่ บบว่ารูเ้ รือ่ งหนังสือ หรือ เรือ่ งอะไรแบบทีจ่ ะคุย สามารถตอบแกได้เหมือนเรา แกก็จะคุยตรงค่ะ แต่ ดีเทลการบริหารก็จะเป็นอีกแบบหนึง่ พีจ่ กิ จะออกแนวให้ไอเดีย ไอ้นนู่ ท�ำ ได้มยั้ ท�ำออกมาแล้วจะขายได้มยั้ ไอ้นดี่ มี ยั้ หรืออะไรแบบนี้ คือต้องมีแต่ เรีย่ วแรงค่ะ อยูก่ บั คนไอเดียเยอะๆ นะ เราท�ำไม่ทนั จริงๆ

Q : พีจ่ ยุ้ เป็นยังไงครับ A : พีจ่ ยุ้ ก็...พีจ่ ยุ้ อ่ะนะ (หัวเราะ) พีจ่ ยุ้ เขาจะมีไอเดียเก๋ๆ ค�ำสวยๆ คมๆ ค�ำดีๆ อะไรอย่างเนีย้ พีจ่ กิ ก็จะมีไอเดียแบบ โห อาจจะขายได้เป็น ล้านเลยนะ แต่พจี่ กิ อาจจะยังคิดหาค�ำเก๋ไม่เจอ แต่ถา้ พีจ่ ยุ้ นีค่ อื ...ถ้าเขา อยูด่ ว้ ยกัน กลุม่ นีเ้ ขาจะเสริมกันมาก พีจ่ กิ จะมีไอเดียแบบบิก๊ ไอเดีย แล้ว พีจ่ ยุ้ จะมีคำ� เก๋ๆ แบบวัยรุน่ นะ แล้วพีอ่ นั๋ เขาก็จะมองเป็นอาร์ตไดเร็กชัน่ อ อกมาว่าหน้าตามันออกมายังไง เวลาเขาอยูด่ ว้ ยกัน มันจะเพอร์เฟ็คมากค่ะ

Q : ออกจากเวิรค์ พ้อยท์เพราะท�ำหนังสือให้บริษทั เขา ขาดทุนหรือเปล่า A : เวิรค์ พ้อยท์ไม่ได้ขาดทุนนะ ตอนเข้าไปปีแรกเนีย่ พีจ่ ำ� ได้วา่ เขา ลงทุนให้เราประมาณ 4 ล้านบาท ปีนนั้ เราขายหนังสือได้ตงั้ 22 ล้าน แต่


จริงๆ ตอนนีห้ เู ราเสียหมดแล้วนะ หมายถึงว่าการรับฟังเบาลง เพราะว่าตลอดชีวติ ใช้หฟู งั ตลอด ไม่มดี บั เพียงแต่วา่ คนเรียกแล้วไม่คอ่ ยได้ยนิ หรืออาจจะไม่สนใจก็ได้

22 ล้านนีก่ ำ� ไรมันก็อยูท่ ปี่ ระมาณ 2 ล้านเองนะ คือหนังสือหนึง่ เล่มมัน ต้องขายไปประมาณ 2 ปีนะถึงจะปิดบัญชีของเล่มนัน้ ได้จริงๆ แต่ในปีแรก ทีเ่ ราปิดบัญชีงบดุลเรามีกำ� ไรอยู่ 2 ล้าน มันก็มคี ำ� ถามว่าเขาท�ำทีวถี า้ เขา ต้องการเงิน 2 ล้านนะเขาลงทุนแค่ 3 แสนเอง สมมติทำ� เทปทีวเี ทปนึง 3 แสน เขาได้ 2 ล้านหรือมากกว่านัน้ ได้ดว้ ย บางเทปเขาลงทุน 3-5แสนได้ ก�ำไรถึง 10 ล้านก็มี พอเราท�ำแล้วแบบว่ามันเกิดข้อเปรียบเทียบกันเยอะ นะว่าหนังสือลงทุนเยอะแล้วบางเล่มจะขายได้มยั้ บางเล่มลงทุนเยอะ มัน ก็กดดันพีม่ ากเลย พีเ่ ครียดมากตอนทีท่ ำ� นะ

Q : แต่พ’ี่ ปราย ก็มบี คุ ลิกเจ้าไอเดียเหมือนกันนะ A : จริงป่ะ พีน่ อ้ ยมากเลยนะถ้าเทียบกับทางพีจ่ กิ พีจ่ ยุ้ แล้วนะ Q : เรากดดันตัวเองหรือว่าเขากดดันเรา A : ทัง้ สองอย่างเลย เพราะว่าเวลาเราประชุมบอร์ด โต๊ะยาว ห้องประชุมใหญ่ คือเป็นบริษทั มหาชนเนอะ จะลงทุนเท่าไหร่ จะได้คนื มา เท่าไหร่ ซึง่ เราต้องชัดเจน เราต้องตอบเขาได้ ซึง่ พีก่ ต็ อบได้บา้ งไม่ได้บา้ ง เพราะว่าจริงๆ แล้ว พีก่ ย็ งั เป็นคนทางเนือ้ หาอยู่ ไอ้ทางตัวเลขนีพ่ ยี่ อมรับ ว่าพีไ่ ม่เก่ง พีก่ แ็ ค่คำ� นวณว่าค่าพิมพ์เท่านี้ ค่าเรือ่ งเท่านี้ น่าจะขายได้เท่า นี้ ควรจะมีกำ� ไรเท่านี้ คือเหมือนแม่คา้ ขายก๋วยเตีย๋ วธรรมดานีแ่ หละ ก็ดู เป็นเล่มๆ ไป แต่เวลาพอเราไปอยูใ่ นส่วนของกรรมการผูจ้ ดั การมันก็คอื ต้องดูแลทัง้ หมด มันก็กดดันเรา ปีแรกสมมติวา่ มีกำ� ไร 2 ล้าน ซึง่ ในแง่ของบริษทั มหาชนมันต้องมี การเติบโต ปีถดั ไปคุณก็ตอ้ งมีกำ� ไรเพิม่ ขึน้ แล้วก�ำไรทีเ่ พิม่ ขึน้ คุณจะต้อง ได้มาจากตรงไหน คุณต้องท�ำประมาณการ Forecast การเงิน อะไรทุก อย่าง ต้องวางแผนซึง่ ตรงนีม้ นั ฝึกพีด่ มี ากเลย มันฝึกพีม่ ากเลยนะ ทีพ่ ี่ กล้ามาท�ำฟรีฟอร์ม กล้าท�ำอะไรเพราะว่าเหมือนเราโดนฝึกมาตรงนีใ้ ห้คดิ แบบว่าให้จบแล้ว เรือ่ งการบริหาร เรือ่ งการวางแผนงาน การเงินตัวเลข ทุกอย่างเมือ่ ก่อนไม่ได้คดิ เป็นระบบชัดเจนขนาดนี้ พออยูต่ รงนัน้ ประมาณ เกือบ 3 ปี ก็ฝกึ เรามาก

Q : เป็น 3 ปีทงี่ านเขียนเราก็หายไปเลยด้วยใช่หรือเปล่า A : หยุดเลยล่ะค่ะ มติชนนีเ่ ขียนๆ อยูแ่ ล้วหยุดเลย ไม่ไหวจริงๆ พอตอนหลังก�ำไรมันต้องเพิม่ ขึน้ คือพอเป็นบริษทั มหาชนทุกอย่างมันต้อง มีการเติบโต เรารูส้ กึ ว่ามันเครียดมาก เราก็มองว่าตลาดหนังสือมันเป็น ตลาดที.่ ..ในความคิดพีต่ อนนัน้ พีร่ สู้ กึ ว่าตลาดหนังสือมันเหมือนขาลง มัน มีสำ� นักพิมพ์เล็กแตกเป็นเล็กๆ น้อยๆ แล้วการทีม่ บี ริษทั ใหญ่บริษทั หนึง่ แล้วคาดหวังว่าคุณจะต้องพิมพ์หนังสือครัง้ ละเป็นหมืน่ เป็นแสนเล่ม ซึง่

มันยากมากส�ำหรับเรา

Q : ก่อนมาท�ำฟรีฟอร์มคิดไว้นานหรือยัง A : จริงๆ แล้วก็คอื ไม่ได้คดิ เลย ตอนทีเ่ ข้าไปท�ำเวิรค์ พ้อยท์นกี่ ็ คือว่า เหมือนเรามีสำ� นักพิมพ์ ส�ำนักพิมพ์นงึ ทีเ่ หมือนกับว่าพีช่ ว่ ยเขาตัง้ บริษทั อ่ะ (หัวเราะ) ไม่รวู้ า่ คิดผิดหรือถูกนะ คือไม่วา่ เพือ่ น หรือว่าใครคน ไหนท�ำส�ำนักพิมพ์ ก็จะไปช่วยสร้างอะไรอย่างนี้ แล้วถ้าเรามีงานเราก็จะ ไปฝากพิมพ์ เพือ่ นพิมพ์ให้หน่อย เราจะได้ไม่ตอ้ งดูแลอะไรแบบนี้ แล้วเรา ก็ไปอยูต่ รงไหนก็ได้ คิดแบบนัน้ อย่างเวิรค์ พ้อยท์กเ็ ป็นบริษทั ใหญ่เนอะ มาจับสือ่ สิง่ พิมพ์เนีย่ ต่อไป เป็นอมรินทร์ เป็นมติชน แล้วเรามาขอฝากงานเราพิมพ์ตอนเราแก่ๆ แล้ว ไม่รจู้ ะไปหาพิมพ์ทไี่ หนยังงี้ ก็กะฝากผีฝากไข้แบบนัน้ ก็เลยไปช่วยเขาสร้าง แต่ความเป็นจริงนะ พอเข้าไปอยูจ่ ริงๆ แล้วเนีย่ ยอดพิมพ์หนังสือของเวิรค์ พ้อยท์ อย่างเช่นพิมพ์หนังสือหม�ำ่ เท่ง โหน่ง เนีย่ สตาร์ททีนงึ 30,000 เล่ม พิมพ์ครัง้ แรกเป็นหลักหมืน่ น่ะ แล้วหนังสือเรา 3,000 เล่ม เราไม่กล้าเอา เข้าบริษทั เลยนะ จนประชุมพีจ่ กิ ยังบอกว่า ท�ำไมล่ะ ขนาดเราเองยังไม่ กล้าพิมพ์หนังสือในบริษทั เราเองเหรอ ประมาณนี้ เออ ซึง่ ตัวพีบ่ อกเลย ว่า อุย้ ถ้าเกิดพิมพ์ออกมาแล้วเราขายไม่ได้ เราคงเฮิรท์ มาก แล้วกลาย เป็นหนังสือเล่มเดียวทีต่ อ้ งเอามาพูดในทีป่ ระชุมว่าขายไม่ได้ ขายไม่ได้ ทัง้ ๆ ทีห่ นังสือเล่มนัน้ เป็นหนังสือทีเ่ รารักมาก หนังสือเรา ชีวติ เราอะไรแบบนี้ ไม่กล้าพิมพ์ ก็ตอ้ งบอกเขาไปแบบนัน้

Q : การพิมพ์หนังสือดาราทีเ่ วิรค์ พ้อยท์ทำ� ถือว่าเป็น อะไรทีค่ อ่ นข้างล�ำ้ กว่าเจ้าอืน่ หรือเปล่า ในเรือ่ งประวัตดิ ารา A : ใช่ คือช่วงนัน้ ทีเ่ ข้าไปเนีย่ เวิรค์ พ้อยท์เขาก็จะมีตน้ ทุนของ เขาคือ เขาจะมีดาราทีม่ ชี อื่ เสียง เป็นเซเลบริตี้ แต่ละคนอย่างหม�ำ่ เนีย่ โห คุณนัง่ คุยกับเขาไปเหอะ คุณจะท�ำหนังสือเขานะ คุณท�ำตลอดชีวติ เขายังได้เลย เรือ่ งเยอะมาก ทัง้ ประวัติ แล้วพีเ่ ขาเป็นคนเล่าเรือ่ งเก่ง มาก เล่าเรือ่ งอะไรก็สนุกหมดเลยอ่ะ ทีเ่ ข้าไปท�ำก็คอื เสนอเลยว่าส่วนมาก ดารามาท�ำหนังสือได้เล่มเดียวจบ แต่เราจะท�ำหม�ำ่ ท�ำทุกปี เป็นซีรสี เ์ ลย ซึง่ คุณจะต้องวางแผนเนือ้ หาไว้เลย ปีแรกประวัตคิ วามเป็นมา พอเล่มที2่ เป็นเรือ่ งมุกโดยเฉพาะ คือวางแผนเป็นแบบนัน้ เลย ก็ขายดารานัน่ แหละ เพราะฐานของเวิรค์ พ้อยท์เขาคือดาราไง ซึง่ ก็ไม่ได้คดิ ว่าแหม จะต้องไป พิมพ์วรรณกรรมอะไร พีม่ องว่าเราอยูใ่ นโลกยุคทีค่ นอ่านหนังสือได้ทกุ ประเภทน่ะ แม้แต่เรือ่ งอุจจาระ คุณมีทงั้ งานวิจยั เรือ่ งนี้ มีนนู่ นีน่ นั่ อะไร ก็ได้ ขอให้เนือ้ หาของคุณดี ดาราก็เหมือนกันคุณหยิบใครขึน้ มาก็ได้ คุณ ท�ำเนือ้ หาให้มนั ถึง สมมติหานักเขียนเก่งๆ มาท�ำมาเจาะ มาลงลึกข้อมูล

ปล่อย Release E-Magazine

19


ปล่อยจากปก

20

ปล่อย Release E-Magazine


ไม่ใช่วา่ มานัง่ พูดๆ สัมภาษณ์กนั วันเดียวถอดเทปแล้วเอาไปขาย ตีหวั เข้า บ้าน แฉคนนัน้ แฉคนนีจ้ บ คือถึงเราจะท�ำหนังสือดาราแต่เราไม่ได้คดิ จะ ท�ำหนังสือแบบนัน้ อยูแ่ ล้ว

Q : ฟังดูกน็ า่ สนุกนะครับ แต่ทำ� ไมไม่ทำ� ต่อ? A : สนุกนะ ต้องมีแต่เรีย่ วแรงเลย เพียงแต่ตอนนัน้ มันเครียด มัน กดดันหลายอย่าง อย่างเช่นว่าการบริหารการเงิน คือบริษทั มันก็โตเนอะ มีแมกกาซีน มีอะไรขึน้ มา มันค่อนข้างเกินตัวเราไปนิดนึงอ่ะ อีกอย่างคือ ส่วนหนึง่ พีเ่ ริม่ ไม่คอ่ ยชอบหนังสือ.. คือความสนใจของเรา คือทุกอย่าง ทีอ่ อกมาจากเวิรค์ พ้อยท์ ต้องดูฟรีฟอร์มน่ะค่ะว่า ท�ำไมถึงออกจากเวิรค์ พ้อยท์มาท�ำฟรีฟอร์ม เพราะว่าหนังสือทีท่ ำ� กับฟรีฟอร์มเป็นหนังสือทีเ่ รา ไม่สามารถท�ำทีเ่ วิรค์ พ้อยท์ได้ บางเล่มเราคิดว่าเนือ้ หามันดีมากแต่พอเรา เสนอไป เอ..มันน่าจะพิมพ์กเี่ ล่ม ต้นทุนเท่าไหร่ คือแค่คดิ ตัวเลขจบตรงนีก้ ็ คือท�ำไม่ได้แล้ว นึกออกมัย้ แล้วมันไม่สนุกอ่ะส�ำหรับเรา ก็เรารูส้ กึ ว่าท�ำไม นะ สมมติวา่ เราพิมพ์หนังสือออกมา 10 เล่มเนีย่ 8 เล่มมันขายดีแล้วมี อีก 2 เล่มอาจจะขายไม่ได้นะ คือถ้าเราท�ำของเราเองเราคิดว่าเรายอม ตรงนัน้ ได้ไง แต่บางทีเราอยูใ่ นบริษทั ใหญ่เราจะพูดแบบนีใ้ นทีป่ ระชุม ใคร เขาจะมองว่า อีบา้ นีม่ าจากไหน (หัวเราะ) มาจากโลกไหน อันนีค้ อื ไม่ได้ ว่าเขานะ ความเป็นบริษทั มหาชนคือเอาเงินชาวบ้านมาลงทุน แล้วจะเอา เงินชาวบ้านไปใช้อะไรมันต้องรอบคอบไงว่าคุณจะคืนให้เขาได้มยั้ คืนเท่า ไหร่ ซึง่ พีว่ า่ ทางเวิรค์ พ้อยท์เขาก็ทำ� ถูกไงทีเ่ ขาตรวจสอบเราว่าจะเอาเงิน มาพิมพ์อะไร ท�ำอะไร แล้วมันจะได้คนื มัย้ มันจะขายได้มยั้ หรือว่าคุณไม่ ควรท�ำ คือมันไม่มอี ะไรผิดค่ะ มันอยูท่ วี่ า่ เราท�ำได้มยั้ คือถ้าพีแ่ บบว่าติสท์ มากอะไรมาก พีก่ จ็ ะดือ้ พิมพ์ไปได้ สมมติวา่ พีแ่ ฝงไปอีก 2 เล่ม แล้วพีก่ ็ แอบนัง่ มัว่ นิม่ อยูก่ บั ตัวเลขบัญชีวา่ อ๋อรวมๆ มาแล้ว ทัง้ ๆ ทีเ่ ราก็รอู้ ยูน่ ะ่ แต่อกี ส่วนนึงก็คอื ว่าเราไม่ควรท�ำแบบนัน้ ถ้าเพือ่ ความสบายใจ เราก็ทำ� ของเราเองไปเลย ก็ออกมาท�ำฟรีฟอร์มไม่ได้ซเี รียสอะไรมากค่ะ

Q : ออกมาท�ำฟรีฟอร์มแล้วได้ทำ� หนังสือทีเ่ ราอยากท�ำ? A : ใช่ อยากพิมพ์หนังสือทีเ่ ราอยากพิมพ์ อีกอย่างก็คอื ว่าเราอยู่ เวิรค์ พ้อยท์เราพิมพ์หนังสือตัวเองไม่ได้แล้วล่ะ เพราะว่ายอดพิมพ์เราไม่ได้ เยอะขนาดทีแ่ บบว่าต้องเอาไปเป็นวาระของบริษทั แล้วถ้ามันขายไม่ได้เนีย่ เราก็คงเครียดมาก เราคงไม่สบายใจทีอ่ ยูบ่ ริษทั นีท้ ตี่ อ้ งพิมพ์หนังสือเราทุก เล่มทุกปี โดยทีห่ นังสือเราขายไม่ได้ อะไรอย่างงี้ อันนีค้ อื รูต้ วั แล้วว่า โห แล้วการทีเ่ ป็นนักเขียน แล้วพีม่ หี นังสือของพีต่ อนนัน้ มีตงั้ 20 กว่าเล่ม แล้ว การทีเ่ อาหนังสือของเราเข้าไปท�ำไม่ได้นมี่ นั ทรมานเรานะ เราท�ำงานเพือ่ ใครไม่รู้ ทุกวัน ทุกวัน แต่ละปีเราพิมพ์หนังสืออะไรก็ไม่รู้ โดยทีง่ านเราไม่มี

ออกมาเลยมันอยูไ่ ม่ได้หรอก มันก็กดดันเราอีกแบบหนึง่

Q : จากเวิรค์ พ้อยท์กเ็ ป็นฟรีฟอร์มเลย A : คือเรือ่ งฟรีฟอร์มนีม่ นั เป็นเรือ่ งบังเอิญหลายอย่างมาก ตอน ทีพ่ ที่ ำ� เวิรค์ พ้อยท์พกี่ ไ็ ปดึงชาวบ้านเขามาเยอะมากเลย น้องนุง่ ทีร่ จู้ กั คน ไหนเก่ง ท�ำงานกับเราได้เข้าขากันโอเค พีไ่ ปชวนเขามา บางคนเขามีลกู เลีย้ งลูก ลูกเรียนหนังสือหรือเรียนอะไร ทีนพี้ อเราไม่อยูป่ บ๊ั เนีย่ มันเป็น บริษทั ใหญ่อะ่ เนอะ บางทีเขาก็อยูไ่ ม่ได้ ก็เหมือนกับว่าเราต้องรับผิดชอบ เขาด้วย ทีอ่ อกมาท�ำฟรีฟอร์มเนีย่ ก็จะมีนอ้ งทีเ่ วิรค์ พ้อยท์มาหุน้ กันอยู่ 3-4 คนตามมา ก็มาปัน้ กัน

Q : คิดเยอะไหมจากการที่อยู่บริษัทใหญ่มีรายได้มี สวัสดิการในชีวิตที่มั่นคง แล้วเราตัดสินใจออกมาท�ำส�ำนัก พิมพ์ของตัวเอง หวัน่ ใจอะไรมัย้ ? A : คือตัวพีไ่ ม่วา่ พีเ่ งินเดือนหมืน่ นึงหรือแสนนึงเนีย่ พีใ่ ช้ชวี ติ เหมือนเดิม จริงๆ ตัวพีไ่ ม่คอ่ ยอะไร เสือ้ ผ้าหรืออะไรทุกอย่างพีไ่ ม่ได้คดิ อะไรมาก ไม่วา่ พีเ่ งินเดือนเท่าไหร่ มาตรฐานชีวติ ในแต่ละวัน เราใช้เงิน ประมาณนีอ้ ยูแ่ ล้ว ยกเว้นบ้างทีซ่ อื้ บ้าน คอมพิวเตอร์ ซือ้ อะไรทีม่ นั ต้อง ใช้เงินก็คอ่ ยว่ากันอีกทีนงึ ซึง่ เราก็จะหาเป็นวาระๆ ไป พีเ่ ป็นคนทีไ่ ม่มเี งิน เก็บมาก ก็อาจจะมีเจ็บป่วยรักษาตัวบ้าง ตอนทีล่ าออกมาก็คดิ แค่วา่ อ๋อ อยูเ่ วิรค์ พ้อยท์มนั สเกลใหญ่มาก เลย แล้วเราก็ยงั สามารถประคองมัน บริหารได้ เรามาท�ำอันนีส้ เกลเล็ก นิดเดียวหลับตายังท�ำได้เลย คิดแค่นนั้ (หัวเราะ) มัน่ ใจ แต่ทไี่ ม่มนั่ ใจอย่าง เดียวคือไม่มเี งิน ตอนนัน้ พีข่ ายหุน้ เอาเงินเก็บทุกบาททุกสตางค์ในชีวติ พี่ เอามาลงบริษทั นี้ ตอนแรกก็วา่ จะหาเงินมาล้านนึง ก็จะมีหนุ้ ส่วนทีเ่ ป็นน้อง ตามกันมาจากบริษทั ก็ลงกัน 3 หมืน่ 5 หมืน่ แสนนึงก็มี ก็รวมกันส่วนมาก ก็ประมาณสัก 60-70% ก็จะเป็นเงินเก็บของพีต่ อนทีพ่ อี่ อกมาตัง้ บริษทั เอง

Q : เรียกว่าลงทุนหมดหน้าตัก? A : พีห่ มดเลย พีถ่ งึ เครียดมากตอนนัน้ แบบว่าทุกอย่างในชีวติ Q : คือถ้าไปไม่รอดก็ลม่ จม? A : เออ เข้าใจเลยนะว่าคนทีเ่ จ๊ง หมดตัวเป็นยังไง เมือ่ ก่อนเรา ไม่ได้ลงทุนอะไรของเราเองไง เราเป็นนักเขียนเนอะ เราก็มรี ายได้รายรับ จากงานเขียนพิมพ์หนังสือได้เงินก้อนมาแบบเป็นก้อน มันอาจไม่เยอะแต่ มันสม�ำ่ เสมอ แต่อนั นีค้ อื แบบเงินแบงค์ เงินหุน้ อะไรทีเ่ คยมีปนั ผล เราจะ ไม่มแี ล้ว เราเอามาลงตรงนีท้ งั้ หมด

ปล่อย Release E-Magazine

21


ปล่อยจากปก Q : แต่กน็ า่ จะมัน่ ใจในฐานคนอ่านของเราอยูบ่ า้ งละ A : ตอนนัน้ มีอยูอ่ นั เดียวทีท่ ำ� ให้มนั่ ใจก็คอื ว่ามันจะมีพอ็ กเก็ตบุค๊ ส์ ของพีเ่ อง เพราะว่าพีเ่ ขียนลงมติชน ลงแมกกาซีนมาเยอะมากแล้วพีย่ งั มี งานพวกนีท้ ยี่ งั ไม่รวมเล่มนะ เยอะมาก ทีต่ อ้ งเอามานัง่ ไล่ตรวจแก้ แล้วเอา มารวมเล่ม ก็คดิ ว่าถ้าบริษทั เราพลาดเนีย่ พีก่ จ็ ะมานัง่ ท�ำเก็บของเก่านี่ แหละมา edit แล้วก็มารวมเล่ม ท�ำสัก 3-4 เล่มก็โอเค ก็เริม่ ต้นส�ำนักพิมพ์ น้องทีม่ าท�ำตอนทีอ่ อกมาเนีย่ คือตัวพีไ่ ม่คอ่ ยอยากท�ำหรอกนิตยสาร แต่ น้องทีอ่ ยากท�ำมันติดพันกับนิตยสารกัน คิดว่าเราน่าจะเอาอยูไ่ ด้ ตัวพีก่ พ็ ็ อกเก็ตบุค๊ อย่างน้อยพีก่ ท็ ำ� พ็อกเก็ตบุค๊ ของพีเ่ อง ก็คดิ แค่นวี้ า่ ถ้านิตยสาร มันไปไม่รอด ก็ไม่คดิ หรอกว่ามันจะรอด นิตยสารรอดยากจะตายเนอะ ก็ ถ้าไม่รอดเดีย๋ วพีก่ ห็ าวิธเี อาพ็อกเก็ตบุคตัวเองออกมาขายแล้วก็ทำ� ส�ำนัก พิมพ์ตอ่ ก็เป็นส�ำนักพิมพ์ฟรีฟอร์มไปก็คดิ เป็น Stepที2่

ต้องอะไรแบบนี้ ช่วงนัน้ น่ะพีร่ สู้ กึ ว่าเป็นการท�ำงานทีย่ ากมาก

Q : แล้วค้นมาจากตรงไหน A : อันดับแรกเลยคือร้านหนังสือ วิจารณ์หนังคือพวกแมกกาซีน

พีม่ าก เพราะทุกวันนีพ้ ยี่ งั มีอยูเ่ ยอะมากเลย เพราะว่าพีข่ เี้ กียจเวลาต้อง กลับไปแก้งานเก่า พีร่ สู้ กึ ว่าพีไ่ ม่ไปไหนพีเ่ บือ่ มากเลยนะ วนอยูเ่ ดิมๆ แล้ว อยากแก้ไปหมด ไม่เสร็จซักที

พวกคิโนะ เอเซียบุค๊ ของต่างประเทศบ้านเราเมือ่ ก่อนเยอะนะ พีว่ า่ เยอะ กว่าสมัยนีอ้ กี เดีย๋ วนีเ้ ข้าไปยังรูส้ กึ ว่าแมกกาซีนมันหายไปเยอะมากเลยนะ พีว่ า่ เขาอาจจะเอาเข้ามาแล้วมันขายไม่ได้เนอะ สมัยก่อนหนังสือท่วมท้น ถล่มทลายมากเลย พีว่ า่ เป็นเพราะอินเตอร์เน็ตทีท่ ำ� ให้ยอดขายหนังสือ ตกลง เขาเลยสัง่ มาน้อย เมือ่ ก่อนซือ้ มาต้องมานัง่ แปล กว่าจะแปลเสร็จ เรียบเรียง Editเพือ่ จะมาลงในคอลัมน์ ท�ำงานยากมาก แต่เดีย๋ วนีน้ ะ อินเตอร์เน็ตเข้าไปแป๊บเดียวเสิรช์ ค้น แปลหรืออะไรต่างๆ ออกเสียงยังไง เปิดได้เลย สมัยก่อนนะประจ�ำเลยเวลาเราแปลเสร็จแล้วเขียนลงไป จะมี คนบอกว่าต้องออกเสียงแบบนีน้ ะ จะต้องมีคนสักคนนึงมีอเี มลสักฉบับนึง ทีม่ าสอนเราเรือ่ งการออกเสียงน่ะ ทุกวันนีบ้ างค�ำพีเ่ ขียนๆ เนีย่ แต่ไม่เคย ออกเสียงจริงๆ เลยไง เราก็เขียนเหมือนเสียงในหัวเรา เวลาออกเสียง จริงๆ ยังเพีย้ นเลยนะ อย่างไปอยูป่ ายไปเจอฝรัง่ เราพูดค�ำนี้ แล้วเขาไม่รู้ เรือ่ งนะ เขาฟังส�ำเนียงเราไม่รเู้ รือ่ งน่ะ คือพีจ่ ะมีแต่เสียงทีเ่ ป็นเสียงอ่าน ในหัว แต่การใช้จริงไม่คอ่ ยเยอะ อยูป่ ายก็ดไี ด้ฝกึ ได้ฟงั คนอืน่

Q : พีเ่ ขินมัย้ เวลากลับไปอ่านงานเก่าๆ ของตัวเอง A : แหม เราก็ไม่ได้เขียนวาบหวิวขนาดต้องมาเขินตัวเองนะ มัน

Q : อ่านหนังสือต่างประเทศเยอะไหม A : พีไ่ ม่ได้เก่งภาษาอังกฤษมากพีก่ ต็ อ้ งเลือกดูเล่มไหนทีพ่ พี่ อจะไป

ก็มบี า้ งนะแบบว่าอ่านแล้วไม่เข้าท่าเลย ไม่เอาแล้วปัดๆ ออกไปเลย เก็บ ไปเลยประมาณนี้ นีแ่ หละพีถ่ งึ ไม่คอ่ ยกลับไปอ่านงานตัวเองไง

ได้ ไม่ใช่อา่ นไปเปิดดิกไปมันก็ไม่มนั ไง คือภาษาในหนังสือมันมีหลายระดับ บางระดับมันก็โบราณมาก มันอลังการมากอ่านยาก บางอันก็ปด๊ื ๆ อ่านไป แบบคล่อง เราต้องเทสต์ดกู อ่ นสัก10 หน้าว่าเรารูเ้ รือ่ งมัย้ บางเล่มเปิดมา 10 หน้าอ่านไม่รเู้ ลยก็มนี ะ เราต้องเลือกเล่มทีใ่ ช่ของเรา

Q : งานที่ Edit ใหม่ ’ปราย พันแสง มีใครเป็น บก.? A : ก็จะจ้าง บก.เป็นเล่มๆ ไปนะคะ แต่เป็นงานทีเ่ ป็นภาระของ

Q : เคยไหมทีเ่ ขียนไม่ออก A : ไม่หรอกนะ พีไ่ ม่คอ่ ยมีวาระแบบนีน้ ะ ว่าวันนีเ้ ขียนไม่ออก อะไรประมาณนี้ แล้วเล่าเรือ่ งทีต่ วั เองเขียนไม่ออก เออ พีไ่ ม่มนี ะ พีไ่ ม่มี บทความแบบนีเ้ ลยนะ ในชีวติ ไม่เคยเขียนเลยนะ อาจเพราะพีโ่ ตมาจาก ฝ่ายหนังสือพิมพ์มงั้ หนังสือพิมพ์มนั เขียนมาจากข้อมูล อย่างน้อยเราเป็น นักข่าวมาก่อน เราก็ตอ้ งไปหาข่าว ไปดูไปรูไ้ ปหาแหล่งข่าวก่อนแล้วค่อย กลับมาโรงพิมพ์เพือ่ ทีจ่ ะมาพิมพ์งาน คือเราต้องมีวตั ถุดบิ อยูแ่ ล้วอย่าง น้อยเราไปสัมภาษณ์คนเนีย่ นัง่ แท็กซีก่ ลับมา ชือ่ เรือ่ ง ค�ำขึน้ ต้นค�ำจบ เรา มาอยูใ่ นแท็กซีอ่ ยูแ่ ล้วอ่ะ ชีวติ เราโดนฝึกมาแบบนัน้ นะ แล้วพอมาเขียน งานเขียนอะไรแม้แต่เขียนเรือ่ งสัน้ เราล้างจานท�ำกับข้าวท�ำนูน่ ท�ำนีไ่ ป ถึง เวลาเราก็ไปนัง่ ท�ำงาน ช่วงยากของพีค่ อื ช่วงก่อนอินเตอร์เน็ต เพราะว่า ช่วงนัน้ การค้นหาข้อมูลยาก อย่างตอนนัน้ พีเ่ ขียนวิจารณ์หนังเยอะ แล้ว มันต้องใช้ขอ้ มูลภาษาอังกฤษ หนังสืออะไรแล้วมันต้องไปค้นคว้าต้องแปล

22

ปล่อย Release E-Magazine

Q : แล้วหนังสือฟรีฟอร์มทีเ่ ป็นหนังสือแปล A : ส่วนมากพีจ่ ะอ่านค่ะ พีจ่ ะดูกอ่ น ดูหมดแหละค่ะ Q : มีเรือ่ งแปลจากฝรัง่ เศสเยอะ ชอบฝรัง่ เศสหรือครับ A : มันมาจากไปเทีย่ ว มหัศจรรย์กบั ประเทศนีม้ ากเลย หลายๆ อย่าง ไปอยูอ่ าทิตย์แรกนีพ่ โี่ กรธน่ะ รูส้ กึ ว่าท�ำไมวะสนามบินมีแต่ภาษา ฝรัง่ เศสหมดเลย ภาษาอังกฤษก็ไม่มี บ้าเปล่าวะ สนามบินนะเว้ย ห้อง น้งห้องน�ำ้ ทางเดินอะไรอย่างนี้ เข้าไปในลูฟป้ายภาษาอังกฤษก็ไม่มี ถาม ยามในลูฟว่าห้องน�ำ้ ไปทางไหน เขาบอกโมนาลิซา่ ไปทางนี้ อะไรวะให้ไปดู โมนาลิซา่ (หัวเราะ) แต่วา่ เราชอบทุกอย่างเลยนะ เพียงแต่วา่ มันเหมือนมี อะไรบางอย่างทีเ่ ราไม่เข้าใจเขาน่ะ อย่างเช่นเป็นร้านเล็กๆ แม้แต่รา้ นทีต่ งั้


ปารีสเป็นเมืองทีโ่ รแมนติกอยูแ่ ล้วค่ะ พีว่ า่ ในชีวติ นึงควรจะไป คือไปแล้วต้องได้อะไรสักอย่างนึงในชีวติ เรากลับมา จริงๆ มันมีมมุ มอง มีไอเดีย มีแรงบันดาลใจมีทกุ อย่าง

เป็นแผงลอยข้างถนนเขาก็ยงั จัดน่ารัก ขนมแต่ละชิน้ นีป่ ระดิดประดอย คือ เป็นชนชาติทปี่ ระณีตมากๆกับทุกเรือ่ งในชีวติ แม้แต่ซอื้ ของเนีย่ ราคาแบบ 1 ยูโร 50บาทตอนนัน้ ห่อกระดาษแก้วกระดาษฟอยด์มรี บิ บิน้ ติด มีแต่คน ยืนรออยูโ่ น่น ยัยนีค่ นขายของก็นงั่ ห่อประณีต เขาไม่สนใจเลยว่าคิวยาว แค่ไหน เขาจะประณีตกับงานนะแต่เหมือนกับว่าให้ความส�ำคัญกับคนซือ้ แต่เราเป็นคนซือ้ ทีเ่ รายืนอยูน่ ะ่ เราไม่รสู้ กึ ว่าเขาให้ความส�ำคัญกับเรา นึก ออกป่ะเหมือนกับว่ามันอะไรสักอย่างนึงทีม่ นั เป็นทีท่ เี่ ราไม่เข้าใจอ่ะ พีไ่ ปนี่ เลย ไปร้านหนังสือเอสแน็กซ์ เป็นร้านขายหนังสือภาษาอังกฤษในฝรัง่ เศส เข้าไปดูทวั่ ร้านเลยวันนึง ปรับไปเลยจากทีว่ างแผนว่าจะไปนูน่ ไปนีน่ ะเต็ม แล้วไม่เอาแล้ว เข้าไปร้านหนังสือ ก็ไปเจอเยอะมากเลย เพราะว่าปกติรา้ น อืน่ มันจะเป็นร้านภาษาฝรัง่ เศสหมดเลยเราอ่านไม่ได้ แต่เอสแน็กซ์มนั เป็น ร้านใหญ่แล้วมันเป็นร้านภาษาอังกฤษ แล้วก็เป็นหนังสือฝรัง่ เศสแล้วแปล เป็นภาษาอังกฤษทีเ่ ขาคัดมาแล้ว พีเ่ ดินดูทกุ ร้านเลย พีซ่ อื้ มาหมดเลย ตอน นัน้ พีจ่ ำ� ได้วา่ รูดบัตรไปเกือบ 5 หมืน่ บาทน่ะ ซือ้ แล้วแพ็คส่งไปรษณียด์ ว้ ย สมัยนัน้ คือซือ้ กล่องแล้วคุณจะใส่เท่าไหร่กไ็ ด้เสียเฉพาะค่ากล่องอย่างเดียว

Q : เดินอยูใ่ นปารีส ภาพในหัวเวลานัน้ มีเหมือนอย่างใน หนังเรือ่ ง Midnight in Parisบ้างไหม A : ปารีสเป็นเมืองทีโ่ รแมนติกอยูแ่ ล้วค่ะ พีว่ า่ ในชีวติ นึงควรจะไป คือไปแล้วต้องได้อะไรสักอย่างนึงในชีวติ เรากลับมา จริงๆ มันมีมมุ มอง มี ไอเดีย มีแรงบันดาลใจมีทกุ อย่าง คนญีป่ นุ่ ถึงชอบไปอยูไ่ ง ถ้าในชีวติ ได้มี โอกาสได้ไปสักอาทิตย์นงึ นะ ไม่ตอ้ งไปไหนไกล อยูแ่ ค่ในปารีสแหละเดิน ดูบา้ นเมืองไปกินอาหารเขากินกาแฟ ไปเดินดูชวี ติ ผูค้ น มันเป็นเมืองที่ สมัยก่อนนักเขียนพวกเฮมิงเวย์ชอบมาอยู่ เข้าใจเลยว่าท�ำไมเขาชอบ ก็นี่ แหละคือเราชอบหมดเลย แต่เราไม่เข้าใจวัฒนธรรมความเป็นคนฝรัง่ เศส ของเขาบางอย่าง ซึง่ มาอ่านดูอย่าง “ฝรัง่ เศสฝรัง่ แสบ” ท�ำไมคนฝรัง่ เศส ชอบทะเลาะชอบถกเถียง ท�ำไมเขาถึงเป็นคนกลับไปกลับมา ท�ำไมวันนี้ พูดอย่าง พอไปอ่านแล้ว อ๋อ จริงๆ แล้วคือเขาท�ำสงครามมาเยอะ เขาไม่ ไว้ใจใครเลย เพือ่ นบ้านบางทีกเ็ ป็นไส้ศกึ ขนาดเป็นเพือ่ นบ้านกันแท้ๆ เขา ต้องปรับตัว พอเริม่ อ่านเริม่ เข้าใจ ก็ทำ� ให้เราเข้าใจมากขึน้ เออ เก่งเนอ ะ ขนาดมีความขัดแย้งแบบนีแ้ ล้วเขายังประคองตัวได้ เศรษฐกิจก็ดมี าก แล้วคุณภาพชีวติ ของคนเขาก็ดมี าก บริหารเก่ง

Q : คิดว่าเกีย่ วกับเรือ่ งวัฒนธรรมการอ่านไหม เมือ่ เทียบกับเมืองไทย A : ถ้าเป็นเรือ่ งหนังสือนะเราต้องยอมรับว่าคนไทยเรามีเรือ่ งสัน้ หลังจากประเทศยุโรปอเมริกาตัง้ เป็นร้อยปีหรือเปล่า เราตามหลังเขานะ

ไม่นบั เรือ่ งความคิดเรือ่ งความก้าวหน้าเรือ่ งอืน่ ๆ นะ เราต้องยอมรับว่า วัฒนธรรมหนังสือเราไม่ได้มรี ากฐานยาวนานแข็งแรงเหมือนเขาค่ะ แล้ว พีก่ ม็ องว่าหนังสือมันเป็นแค่สว่ นหนึง่ เหมือนกับว่าเรานึกถึงมนุษย์ยคุ โบราณนะ เรามีมนุษย์ยคุ โบราณมากมายแต่มมี นุษย์ยคุ โบราณแค่จำ� นวน นึงเองทีบ่ นั ทึกร่องรอยตัวเองไว้บนผนังถ�ำ้ พวกหนังสือเราก็คงเป็นแบบ นัน้ ค่ะ คือคนเราเกิดมาในโลกนีไ้ ม่จำ� เป็นต้องบันทึกทุกอย่างเป็นหนังสือ ภาพเขียนบนผนังถ�ำ้ มันก็มนี ดิ เดียวเองเนอะ (หัวเราะ) อย่างพีไ่ ปอยูป่ ายขึน้ ไปบนภูเขาไปเจอชาวเขา บางคนเขาไม่ได้เรียน หนังสือแต่เขาสามารถใช้ชวี ติ ดูแลครอบครัว ดูแลหมูบ่ า้ น เขาท�ำทุกอย่าง ในชีวติ เขาแบบดีกว่าพวกเราอีก คือถ้ามองหนังสือเป็นความรู้ ความรูใ้ น โลกนีไ้ ม่จำ� เป็นต้องมาอยูใ่ นรูปตัวหนังสือ มันอยูใ่ นรูปอืน่ ๆ ได้ตงั้ เยอะแยะ คุณไม่จำ� เป็นต้องอ่านหนังสือออกหรอกเพือ่ คุณจะมีความรูน้ ะ่

Q : ท�ำไมถึงเลือกไปอยูป่ าย A : บังเอิญ ก็คอื อย่างทีบ่ อกว่าตอนแรกทีท่ ำ� นิตยสารแล้วก็คดิ จะท�ำส�ำนักพิมพ์ พอท�ำส�ำนักพิมพ์กค็ ดิ จะท�ำร้าน เพราะว่าตอนนัน้ ทีป่ ดิ ร้านสรรพรสไปเพราะว่าเรารูส้ กึ ว่าเราไม่พร้อม แล้วงานออฟฟิศหนังสือ เรามันจุกจิกมาก แต่ยงั มีความคิดอยูเ่ รือ่ ยๆ ว่าเดีย๋ วพอเรามีหนังสือเยอะ ขึน้ จะเปิดร้าน อย่างน้อยก็เปิดร้านของเราเอง โห เรามีหนังสือ100-200 ปกเนีย่ ก็เต็มร้านแล้วเนอะ ร้านเราเองน่ะ ก็คดิ แค่นี้ พอดีชว่ งนัน้ พีเ่ ป็น ภูมแิ พ้มาก อยูท่ ก่ี รุงเทพฯ นีแ่ หละท�ำออฟฟิศ แล้วพีเ่ ครียดมากในออฟฟิศ เมือ่ ก่อนฟรีฟอร์มรับงานรับจ้างออกแบบพวกสิง่ พิมพ์ พีต่ อ้ งไปเจอลูกค้า เองอะไรเอง แล้วอยูก่ รุงเทพฯ บางทีมนั ออกไปได้แค่ทเี่ ดียว สองทีก่ เ็ ต็มที่ แล้ว กลับมาก็คำ�่ บางทีตอ้ งดูอาร์ตเวิรก์ ต่ออีกเพือ่ ทีว่ า่ ตอนเช้าจะได้เอาไป ให้ลกู ค้าดูตอ่ อีก ชีวติ มันอยูอ่ ย่างนีท้ ตี่ อ้ งท�ำเยอะขนาดนีเ้ พราะว่าไม่มตี งั ค์ ตอนเปิดบริษทั รวบรวมเงินมาได้ประมาณล้านนึงน่ะ แมกกาซีนเล่มแรกยัง ไม่ออกเลยเงินหมดแล้วอ่ะ เซ็ตติง้ กัน 3 เดือนนะ จ่ายเงินเดือนจ่ายนูน่ นี่ แล้วหนังสือพิมพ์เนีย่ ค่าพิมพ์อกี ก็เป็นแสน สองแสน หาเงินจากไหนล่ะที่ จะมาจ่ายตรงนีใ้ นเมือ่ เงินทีเ่ ป็นทุนหมดแล้ว โฆษณาก็ตอ้ งหนังสือออกถึง จะได้เงิน จะเก็บเงินได้หรือเปล่าวันไหน โฆษณาก็ยงั ไม่ Cover ค่าพิมพ์ หรืออะไรอย่างนี้ ก็ตอ้ งหาเงินพวกนีเ้ ข้ามา รายได้ดนี ะ คือว่าถ้าจะเอาดี ทางนีพ้ ไี่ ปได้แต่วา่ ไม่ใช่อาชีพเรา (หัวเราะ)

Q : ทุกวันนีย้ งั รับท�ำงานพิมพ์พวกนีอ้ ยูไ่ หม A : ไม่แล้ว ของพีไ่ ม่ทำ� แล้วค่ะ มาท�ำหนังสืออย่างเดียวเลย ขี้ เกียจ แต่วา่ เราต้องรับผิดชอบตัวเราเองไงจากยอดขายล้วนๆ เราไม่ตอ้ ง ไปเจอลูกค้า แต่ถา้ ขายไม่ได้เราก็เดีย้ ง

ปล่อย Release E-Magazine

23


ปล่อยจากปก

Q : ยอดขายเป็นยังไงบ้าง ขายได้ทกุ เล่มไหม ดูจากปก แล้วน่าอ่านทุกเล่มเลย หลายเล่มพิมพ์ซำ�้ ด้วย A : หูยย ใครจะไปขายได้ทกุ เล่ม ไม่มี (เสียงสูง) บางเล่มก็ขายไม่

Q : ร้านอาหารทีป่ ายตอนนีใ้ ครดูแล A : พีร่ บั น้องหุน้ ส่วนท�ำ ก็ให้นอ้ งเขาดูแลไป ถ้าเราสร้างแล้วต้อง

ได้ ขายไม่ดี บางเล่มก็ขายดี แต่บางเล่มก็ขายยากนะ อย่างของอาปุ๊ (’รงค์ วงษ์สวรรค์) “บนถนนของความเป็นหนุม่ ” เล่มใหญ่มากค่าพิมพ์เยอะมาก เลยนะ แล้วมันไม่ได้ขายดี แต่ขายได้เรือ่ ยๆ ขายช้ามากแต่ไปได้เรือ่ ยๆ อย่าง “เถ้าอารมณ์” คือมันต้องเป็นแฟนฮาร์ดคอร์จริงๆ ถึงจะซือ้ ใช่มยั้ เงินเราจะจมเพราะว่าค่าพิมพ์คา่ ต้นฉบับก็สองแสนแล้ว

ไปดูแลเองเหมือนเราโดนขังในสิง่ ทีเ่ ราสร้างขึน้ ไม่อยากเป็นแบบนัน้ นะ พี่ คิดว่าทุกอย่างในชีวติ ยกเว้นการเขียนหนังสือนะทีเ่ ราต้องใช้ทกั ษะความ สามารถเฉพาะตัวของเรานะ แต่ถา้ เป็นอย่างอืน่ นะเราจัดการได้หมดเลย อ่ะค่ะ แต่เราต้องเปิดใจนิดนึง บางคนเขาไม่ปล่อยไงเนอะ แต่บางคนร้าน จะต้องอย่างนัน้ อย่างนีค้ อื บางทีมนั ก็ตอ้ งเป๊ะแหละ แต่บางอย่างเป๊ะมาก เราก็เครียด เราก็ไปท�ำอะไรอย่างอืน่ ไม่ได้

Q : รูม้ าว่าเปิดร้านอาหาร พี’่ ปราย ท�ำกับข้าวอร่อย? A : พี่ไปเรียนรู้ที่ปายนี่แหละ เมื่อก่อนพี่ก็ท�ำไม่เป็นเลย

Q : ดูพมี่ พ ี ลังเยอะจัง A : พีไ่ ม่ได้ทำ� เองหมดหรอกค่ะ ก็คอื อย่างทีน่ ี่ (ร้านหนังสือบุษบา

แต่อยูป่ ายมันไม่มอี ะไรกินไง ก็ฝกึ ท�ำ พีถ่ งึ ว่าในโลกนีน้ ะไม่มอี ะไรทีเ่ รา เรียนรูไ้ ม่ได้ เมือ่ ก่อนทอดไข่ยงั ไม่อร่อยเลย ไม่เป็นเลย พีย่ งั คิดว่าจะ เปิดคอร์สฝึกกับคนทีไ่ ม่เป็นเลยนะ เพราะว่าให้ดตู วั เราเป็นตัวอย่างไงว่า ขนาดพีเ่ นีย่ แย่มากๆ เรือ่ งท�ำอาหารพีย่ งั ท�ำได้เลย พวกคุณทุกคนท�ำได้ หมดเลยจะบอกให้

ในโรงแรมบุษบาบางกอก ถนนร่มเกล้า ซอย 11/1) เราก็มาเซ็ตให้ แล้ว เขาก็มสี ต๊าฟมีอะไรของเขา มันก็ดำ� เนินไป คือถ้าคิดแบบท�ำเองเนีย่ วัน นึงเราท�ำได้ไม่กอี่ ย่างเอง อย่างพีไ่ ปทีไ่ หนพีก่ ไ็ ด้หนึง่ ที่ ก็เลยต้องคิดแบบ ว่า ถ้าต้องไปท�ำร้านหนังสือนะ อย่างเช่นว่าไปเปิดร้านหนังสือทีร่ ะยอง เราไปช่วยเซ็ตติง้ ช่วยแนะน�ำ เหมือนโนฮาวไปให้แล้วเขาก็สามารถด�ำเนิน กิจการของเขาต่อไปได้โดยทีเ่ ราไม่ตอ้ งรับผิดชอบมาก เราแค่เป็นทีป่ รึกษา

24

ปล่อย Release E-Magazine


ปล่อย Release E-Magazine

25


ปล่อยจากปก

พอเริม่ แก่ๆ แล้วเริม่ คิดทีจ่ ะท�ำงานแบบนีค้ ะ่ เหมือนหาทีม หาเพือ่ นร่วม งาน หาอะไรทีส่ ามารถช่วยเหลือกันได้ ใช้ความสามารถของแต่ละคนทีม่ ี เมือ่ ก่อนเราลุยเดีย่ ว ท�ำอะไรเราก็พลังเยอะไง แต่การท�ำอะไรคนเดียว มันก็ได้ประมาณนึงน่ะ อย่างฟรีฟอร์มท�ำมาปีนปี้ ที ี่ 9 จะ10 เราโตได้แค่นี้ คือโตวัดจากไหน ถ้าวัดจากจ�ำนวนโอเค คือส�ำนักพิมพ์ถา้ เราท�ำไปเรือ่ ยๆ มันก็ตอ้ งมีจำ� นวนงานทีเ่ พิม่ ขึน้ มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์อยูแ่ ล้ว ขาย ได้มยั้ บางปกก็ขายได้ บางปกก็ขายไม่ได้อะไรอย่างนี้ มันก็ประคองกัน ไป ช่วงไหนขายไม่ได้กต็ อ้ งวิง่ โรงพิมพ์นดิ นึง หาตังค์ใช้หนีอ้ ะไรอย่างนีค้ ะ่ มันไม่รวยค่ะส�ำนักพิมพ์แค่ประคองว่าเราจะไม่เจ็บตัว เราจะไม่ขาดทุน พีจ่ ะมองว่าปัญหาของเราก็คอื ว่า เราไม่ใช่วา่ ไม่มคี นอ่านนะ แต่ ว่าคนอ่านในบ้านเรายังติดหนังสือเล่ม หรืออย่างเราขายออนไลน์ ยอด ขายออนไลน์กไ็ ม่ได้เยอะ หรือว่ายอดขาย e-book ก็ไม่เยอะ แต่ถามว่า มีมยั้ มันก็มเี ป็นเส้นกราฟขึน้ แต่มนั จะไม่ได้ขนึ้ แบบ...เราก็ไม่รวู้ า่ เราจะมี ชีวติ อยูพ่ อทีม่ นั จะเลีย้ งตัวเองได้มยั้ โดยทีเ่ ราไม่พมิ พ์เล่มจริงเลย พีม่ องว่า ตลาดบ้านเราในสิบปีจากนีต้ ลาดหนังสือเล่มคนยังผูกพัน ยังติดอะไรตรงนี้ เยอะ อย่างแทนที่ 10 ปีสำ� นักพิมพ์ฟรีฟอร์มเราจะขยายสต๊อกโกดังสินค้า จากทีเ่ ก็บของหนึง่ หลังมาเป็นอีก 2 หลัง 3หลัง ก็เออท�ำไมเราไม่ทำ� ร้าน ล่ะ ท�ำไมเราต้องมาเก็บไว้ในคลัง คือเราไปร้านเรายังมีโอกาสได้เจอคน อ่าน ยังมีโอกาสขายได้นะ ก็คดิ แบบนัน้ น่ะว่าถ้าเรามีหนังสือจ�ำนวนหนึง่ ก็อยากท�ำร้าน เพราะก่อนทีพ่ จี่ ะท�ำส�ำนักพิมพ์ พีก่ เ็ คยท�ำร้านมาก่อน อยู่ ตรงสุขมุ วิทน่ะค่ะ (ชือ่ ร้านสรรพรส) แต่การท�ำร้านสมัยนัน้ เราก็ใหม่ อย่างเช่นขายดีนกี่ ป็ วดหัวนะ คน เต็มร้านนีโ่ อ้โห แม่ครัวทะเลาะกัน อะไรอย่างนี้ สมมติเอาหนังสือของคน อืน่ มาขาย คนเข้ามาเยอะ หนังสือหาย ไม่มคี นรับผิดชอบอะไร พีร่ สู้ กึ ว่า ปัญหามันเยอะมากไง พอตอนหลังก็ปรับข้างบนท�ำเป็นออฟฟิศฟรีฟอร์ม ข้างล่างเป็นร้าน ร้านก็เลยกลายเป็นทีเ่ ก็บของ คือมันต้องดูแลเยอะ จุกจิก ปัญหามันหยุมหยิม แต่พอดีวา่ พีไ่ ด้ไปอยูป่ ายมา 4 ปี แล้วอยูป่ ายนีพ่ ที่ ำ� เองหมดเลย ตัง้ แต่เริม่ ก่อสร้างร้าน ก็เลยได้เรียนรู้ ได้อยูก่ บั มันจริงๆ ว่า เฮ้ย ร้านมันก็ไม่ได้ยากนะ แค่เรามีระบบจัดการทีด่ ี ของรับของขาย คน ขาย การตรวจรับ การตรวจสอบ อะไรแบบนี้ ระบบคอมพิวเตอร์ชว่ ยได้ มากเลย ก็พอเริม่ เข้าใจมัน แล้วร้านทีป่ ายก็คอ่ นข้างเปิด อยูป่ ายมันไกล นะ มันเหมือนตัดขาดจากโลกภายนอก แต่เราก็ยงั สือ่ สารทางอินเตอร์เน็ต ขายของทางเฟซบุค๊ ขายอะไรได้ในช่วงทีค่ นหน้าร้านเราไม่มี ก็เลยรูส้ กึ ว่ามันเปิดน่ะ หลายๆ อย่างมันเปิด คือถ้าเราไม่คดิ ใหญ่มาก คิดแค่วา่ เอา ร้านเล็กๆ ให้คนท�ำมีความสุข มันประคองตัวเอง เลีย้ งตัวเองได้ แล้วจะ บริหารจัดการแบบไหน ก็คดิ จากตรงนีค้ ะ่ คิดจากตัวเรา

26

ปล่อย Release E-Magazine

Q : เคยเห็นบทความที่พูดถึงการเขียนรูป ’ปราย พันแสงเขียนรูปด้วย? A : อ๋อ รูปไม่ได้ฝกึ แล้วค่ะ พีม่ อี ปุ กรณ์คอื ไปเรียนทีเ่ พาะช่าง เขา เปิดเป็นคอร์สสอนศิลปะ ตอนนัน้ แค่อยากไปอยูต่ า่ งจังหวัดอยากลองวาด ดูบา้ ง ตอนเด็กๆ ครูเคยชมว่าเราวาดรูปสวยประมาณนี้ เคยชอบวาดรูป เลยมีความรูส้ กึ เหมือนเราพอจะมีทกั ษะทางนีอ้ ยูบ่ า้ งแต่วา่ เราไม่เคยฝึกฝน ไม่เคยท�ำอะไรเลย ตอนหลังพีเ่ ห็นคนแก่ๆ บางทีเขาไปเรียนศิลปะแล้วมา ค้นพบตัวเองตอนแก่ๆ ว่าเขาวาดรูปเก่ง เราก็เลยเริม่ ตัง้ แต่ตอนนีไ้ ม่เป็นไร นี่ (หัวเราะ) ก็เริม่ ฝึกไปเลยไปเรียน ซือ้ อุปกรณ์หมดเป็นหมืน่ ๆ เรียนจบมา ก็ได้รปู ตอนทีเ่ รียนมา2-3 รูปแล้วก็ทงิ้ เลย ไม่ได้ทำ� ต่อ ขนเอาอุปกรณ์ไป เชียงใหม่ดว้ ย ไปปายก็ขนไปด้วย แต่ไม่ได้จบั สักนิดเลยมัวแต่ไปยุง่ งานร้าน

Q : เขียนกวีมาเหมือนกัน รูส้ กึ ว่าตัวเองเป็นกวีไหม A : ไม่เป็นค่ะ ไม่ได้เป็นกวี Q : แล้วอารมณ์กวีมนั มายังไง A : พวกพีโ่ ตมากับพวกกลอนเปล่านะ สมัยเป็นนักเรียนอยูม่ . 4 ม.5 ม.6 กลอนเปล่าก�ำลังบูม ก�ำลังเฟือ่ งฟู ใครอ่านกลอนแปดนีเ่ ชย นะ พีว่ า่ กลอนเปล่ามันเป็นแบบ Blank word ทุกทีใ่ นโลกมันเข้าใจง่าย มากกว่า แล้วมันก็โดนแมส อย่างของฝรัง่ เอง อย่างกลอนของเชกสเปีย ร์เนีย่ สัมผัสนอกสัมผัสใน อะไรทีม่ นั เป็นแพทเทิรน์ มากๆ มันก็จะไม่ทชั ชิง่ คนรุน่ ใหม่ มันจะเข้าถึงยาก แล้วในความเป็นนักอ่านรุน่ เก่ารุน่ ใหม่นะ บางทีสมั ผัสมันเป๊ะๆ บางทีเราก็มคี วามรูส้ กึ ว่า โอ๊ย แค่เอาค�ำมาให้ลงน่ะ แต่วา่ ในความเป็นจริงแล้วไม่เห็นต้องลงเลย ถูกมัย้ คือถ้าไม่ลงเรารูส้ กึ ว่ามันได้อะไรมากกว่า อันนีจ้ ากคนอ่านนะพีว่ า่ ความเป็นกลอนเปล่าที่ มันโดนคนมันโดนตรงนี้

Q : ทุกวันนีเ้ หมือนกลอนเปล่าจะกลับมาเป็นทีน่ ยิ มอีก A : ก็ได้รบั ความนิยมมาต่อเนือ่ งนะเพราะว่ามันเข้าถึงคนง่าย คนอ่านแล้วเข้าใจง่ายอย่างเข้าไปเสิรช์ ในอินเตอร์เน็ตค�ำว่าPoemเนีย่ จะ ขึน้ มาเป็นกลอนเปล่าเต็มไปหมดเลยแล้วจะมีนอ้ ยมากทีล่ งิ ก์ไปหากลอน ทีเ่ ป็นสัมผัส พีว่ า่ ทัว่ โลกอ่ะค่ะไม่ใช่เฉพาะของเรา

Q : ไม่คดิ จะเขียนกลอนเปล่าส่งซีไรต์บา้ งหรือครับ A : โหยยย (หัวเราะ) เขียนเล่นๆ หัวๆ ไม่ได้อะไรมากเลย สมัย เด็กๆก็เขียนนะ ตอนเป็นเด็กนักเรียนน่ะประมาณม.ปลายนะ พีเ่ ขียนกลอน สัมผัสเป็นเรือ่ งเป็นราวเลยนะ เขียนไปสกุลไทยคือเป็นรางวัลเพราะถ้าได้


ต้องนิยามก่อนว่าเฟมินสิ ต์เป็นยังไง คิดว่าคงไม่ถงึ ขัน้ นัน้ หรอกมัง้ ของพีเ่ ป็นมนุษย์มากกว่านะ เป็น มนุษย์นยิ มว่าอะไรทีม่ นั อยูบ่ นพืน้ ฐานความเป็นมนุษย์

ลงก็ได้ตงั ค์นะ 300-500 บาท พีไ่ ด้ตงั ค์หลายตังค์นะตอนจบม.6 แล้วเข้า กรุงเทพฯ เนีย่ เงินออมสินทีฝ่ ากค่าเรือ่ งพีไ่ ด้เยอะนะเอามาใช้ในการสมัคร สอบ ไปโน่นไปนีใ่ นกรุงเทพฯ พีใ่ ช้ตงั ค์จากค่าเรือ่ งสมัยเราเด็กๆ เลยนะ สมัยนัน้ ทีค่ ณ ุ สุภทั ร สวัสดิรกั ษ์ กับคุณกุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ เป็น บก.เรา จะรูเ้ ลยว่าถ้าส่งไปตามพวกนีต้ ามวาระทีเ่ ขามีกจ็ ะได้ลงน่ะ

Q : นักเขียนคนโปรดคือ สุวรรณี สุคนธา? A : คือทีบ่ า้ นพีๆ่ เขาอ่านนิยายกัน พีโ่ ตมาทางนิยาย อ่านนิยาย เยอะ สุวรรณี สุคนธาเขาเป็นนักเขียนชัน้ น�ำของคอนิยายในสมัยนัน้ อยู่ แล้วเนอะ

Q : เรือ่ งทีช่ อบทีส่ ดุ ของสุวรรณี สุคนธา A : เด็กๆ ทีบ่ า้ นพีจ่ ะมีพอ็ กเก็ตบุค๊ เล่มเล็กอยูเ่ ล่มนึง มันชือ่ เล่ม เพชรสี คือจะเป็นพ็อกเก็ตบุค๊ นิยายขนาดเท่ากับเล่มทีเ่ ขาขายกันสมัยโน้น 10 บาทน่ะ หน้าปกจะเป็นภาพเขียน จะมีแบบนัน้ เยอะ มีหลายๆ นักเขียน เลยนะ แต่วา่ ของสุวรรณีเขาจะดูเก๋ๆ เนอะ นางเอกเป็นไกด์อะไรแบบนี้ ในสมัยนัน้ มันไม่คอ่ ยมีไง

Q : คิดว่าตัวเองเป็นเฟมินสิ ต์มยั้ A : ต้องนิยามก่อนว่าเฟมินสิ ต์เป็นยังไง คิดว่าคงไม่ถงึ ขัน้ นัน้ หรอก มัง้ ของพีเ่ ป็นมนุษย์มากกว่านะ เป็นมนุษย์นยิ มว่าอะไรทีม่ นั อยูบ่ นพืน้ ฐานความเป็นมนุษย์ ความเป็นผูห้ ญิง ความเป็นผูช้ าย เป็นเกย์ เป็นทอม เป็นดี้ ก็เป็นอีกเรือ่ งนึง อะไรทีผ่ หู้ ญิงไม่ชอบ ผูช้ ายก็คงไม่ชอบเหมือนกัน แหละ ไม่ได้แบบว่ามีอะไรทีต่ อ้ งแบ่งเพศ แม้แต่หอ้ งน�ำ้ นะ ห้องผูช้ ายจริงๆ แล้วผูห้ ญิงก็เข้าได้นะ่ มันไม่ได้ตอ้ งมาแตกต่างกันขนาดนัน้

Q : ในฐานะทีเ่ ป็นทัง้ นักเขียนและบรรณาธิการ คิดว่า คุณภาพของงานวรรณกรรมบ้านเราเป็นยังไง A : ถ้าวรรณกรรมพีว่ า่ ของเราโอเคนะ เราพิมพ์งานได้หลาก หลาย หนังสือเราหลากหลายมาก ทุกวันนีป้ ญ ั หาของเราคือไม่ใช่วา่ เรา ไม่มหี นังสือดีนะ ปัญหาของเราคือคนไม่รู้ เรามีหนังสือดีๆ พิมพ์เยอะมาก แม้แต่หนังสือคลาสสิก หนังสืออะไร หรือแม้แต่ของฟรีฟอร์มเอง พิมพ์งาน คลาสสิกอะไรเยอะมาก แต่บางทีโอกาสทีม่ นั จะไปถึงมือคนอ่านทัว่ ไปมัน น้อย แล้วก็เราพิมพ์เยอะมาก เรามีสำ� นักพิมพ์เล็กๆ ทีส่ ามารถพิมพ์งาน ตามใจชอบของตัวเองเยอะ แต่ทนี พี้ อมันเยอะปับ๊ เนีย่ โอกาสทีม่ นั จะขาย ได้เยอะมันก็นอ้ ยลง อย่างเช่นว่าเมือ่ 10 ปีทแี่ ล้วเรามีสบิ ส�ำนักพิมพ์ แต่ละ ส�ำนักพิมพ์ขายงานของตัวเองได้ปกละ 3พันเล่ม ขายหมด แต่ในปีนเี้ รามี

20 ส�ำนักพิมพ์ แล้วส�ำนักพิมพ์อาจจะขายได้แค่สำ� นักพิมพ์ละ 1 พันเล่ม นึกออกป่ะ เรามีตวั เลือกทีห่ ลากหลายขึน้ แต่ยอดขายต่อเล่มต่อปกเราจะ น้อยลง ซึง่ ตรงนีค้ นท�ำงานมันเหนือ่ ยไง ถามว่าในแง่คนอ่านดีมยั้ ดี เพราะ ว่ามันหลากหลายไง แต่คนท�ำงานจะอยูย่ ากขึน้ ทุกวันเพราะว่าจ�ำนวนทีม่ นั น้อยลงมันยิง่ แพง โอกาสทีเ่ ราจะเติบโตโอกาสทีเ่ ราจะอยูไ่ ด้มนั น้อยมาก วิธแี ก้ไขของเราคืออย่างวิธที เี่ รามาท�ำร้าน คุยกับพวกพีเ่ รืองเดช (จันทรคีร)ี เรือ่ งว่าเราจะขยายร้านหนังสือคือท�ำยังไงทีห่ นังสือจะเข้าไป ถึงคนอ่านได้มากขึน้ เพราะตอนนีเ้ ราพึง่ ร้านนายอินทร์ พึง่ ซีเอ็ด เราพึง่ ไม่ได้แล้วไง เพราะเราเข้าไปแล้วมันไม่มพี นื้ ทีใ่ ห้เราเลยตรงนัน้ น่ะ เราต้อง มาสร้างพืน้ ทีข่ องเราเอง ก็มองกันว่าอันนีเ้ ริม่ มาจากฟรีฟอร์มว่าใน 10 ปี จากนีเ้ นีย่ ฟรีฟอร์มจะลุยเรือ่ งร้านหนังสือเป็นเรือ่ งเป็นราว

Q : เรือ่ งร้านหนังสือเล็กๆทีบ่ า้ นเกิด กับเครือข่ายนัก อ่านไทยมันเกิดขึน้ พร้อมกันหรือเปล่า A : คือว่าพีท่ ำ� ร้านทีป่ ายเนีย่ จะมีคนมาขอท�ำร้านเป็นร้านสาขา เปิดสาขาทีน่ ไี่ ด้มยั้ อยากท�ำร้านแบบนีแ้ หละอาหารแบบนีเ้ ลย มีคนมา ขอเป็นเฟรนส์ไชส์เยอะมากเลย เกินสิบน่ะค่ะตอนทีพ่ ที่ ำ� ร้าน เขามาอยู่ เป็นอาทิตย์เลยนะ เข้าร้านเราทุกวัน คุยเรือ่ งนีก้ บั เราทุกวัน อะไรอย่าง นี้ ตอนนัน้ เราก็เริม่ ใหม่ๆ มันไม่พร้อมไง ก็เลยพอมีคนเริม่ คุยเยอะขึน้ มี คนถามเยอะขึน้ อยากเปิดหรืออะไร เราก็เริม่ มองเห็นความเป็นไปได้ แล้ว ก็เริม่ ศึกษากับมันจริงๆ ว่าถ้าเราจะท�ำแบบนีเ้ ราควรจะมีอะไรทีม่ าจัดการ เป็นเครือ่ งมือช่วยเราได้บา้ ง ทีเ่ ราสามารถท�ำงานโดยทีเ่ จ้าของร้านเขาก็ ยังมีความเป็นอิสระ เป็นตัวของเขาอยู่ เหมือนเราเอาความรูท้ เี่ รามีมา ช่วยกันมากกว่าค่ะ

Q : แล้วร้านหนังสือทีป่ าย อยูร่ อดเพราะหนังสือหรือ อยูร่ อดเพราะอาหาร A : ในปีแรกหนังสืออยูไ่ ม่ได้คะ่ แต่ธรรมชาติของความเป็นร้าน มันแปลกค่ะ คือร้านทีม่ นั ไม่มคี นเข้ามันก็จะไม่มคี นเข้า นึกออกมัย้ ร้านที่ คลาสสิกลูกค้าน้อยมันก็จะน้อย แต่ถา้ ร้านไหนนะคนเข้าเยอะ มันก็จะยิง่ มีคนเข้าเยอะ แล้วของก็จะขายได้เยอะ นีค่ อื ธรรมชาติของร้านไม่วา่ ที่ ไหน ไม่วา่ ร้านอะไรลองดูสิ อย่างร้านอาหารบางร้านนีอ่ ร่อยมากเลยนะ แต่ไม่มคี นเข้า 3 ปี ผ่านไปไม่มคี นเข้ามันก็ไม่มคี นเข้าน่ะ ร้านอาหารทีม่ ี คนเยอะๆ คนก็จะยิง่ เยอะ อย่างของพีท่ เ่ี ปิดร้านของฟรีฟอร์มทีป่ ายจะเป็นห้องเล็กๆ พีจ่ ะมีชนั้ หนังสืออยูด่ า้ นข้างแบบนี้ ก็ทำ� เสือ้ ยืดมาประมาณ 200-300 ตัว เสือ้ ยืด ร้านประมาณนี้ ปรากฏว่าขายไปได้วนั สองวันเสือ้ ยืดขายหมดเกลีย้ งเลย

ปล่อย Release E-Magazine

27


ปล่อยจากปก

28

ปล่อย Release E-Magazine


แล้วทีนโี้ อเคเรารูแ้ ล้วว่าร้านเราไม่เจ๊งหรอก เรามีคา่ เช่ามีคา่ ใช้จา่ ย Cover จากเสือ้ นีแ่ หละ แต่ทนี เี้ ราจะท�ำยังไงให้หนังสือจะขายได้ คือหนังสือเนีย่ สมมติวา่ วันนึงเราขายได้ 5 พันบาท เราจะมีรายได้จากหนังสือไม่ถงึ พัน บาท อย่างอืน่ ก็จะเป็นเสือ้ ยืดหมดถ้าถามว่ารังเกียจมัย้ บางคนเขาบอก ว่า อี.๋ .แต่พไี่ ม่มคี วามรูส้ กึ ตรงนัน้ นะ ก็คอื โอเคถึงคุณไม่ขายเสือ้ ยืดนะ วัน นึงคุณก็ตอ้ งขายหนังสือได้ไม่ถงึ พันอยูแ่ ล้ว แล้วจูๆ่ คุณได้คา่ เสือ้ เพิม่ มาอีก แล้วจะเอายังไงล่ะ ถูกมัย้ ท�ำไมจะต้องอะไรมากมายในเมือ่ เราเปิดร้านขึน้ มาแล้ว แล้วส่วนมากคนทีม่ าซือ้ เสือ้ ยืดในร้านเรา คนเข้าร้านก็จะมาสอง คนแฟนเขาอาจจะชอบเสือ้ แต่อกี คนผูช้ ายมาด้วยกันไม่สนใจเสือ้ ก็สนใจ หนังสือ บางทีเขาซือ้ เสือ้ 2 ตัว เขาหยิบหนังสือไปเล่มนึง คือทุกอย่าง มันเอือ้ กันหมดเลย อย่าไปคิดว่าเราต้องเป็นไอ้นไี่ อ้นนั่ บางทีมคี วามรูส้ กึ ว่าเหมือนเราต้องชอบนิยามตัวเอง เราต้องจ�ำกัดตัวเองว่าอยูต่ รงนัน้ ตรง นี้ เหมือนเราเป็นศิลปินไปอยูใ่ นพืน้ ทีพ่ นื้ ทีน่ งึ แล้วเราท�ำพืน้ ทีต่ รงนัน้ ให้มนั เป็นงานศิลปะของเรา เราจะใส่อะไรลงไป จะเอาอะไรออกไป เอาตรงนัน้ ให้มนั เป็นมาสเตอร์พซี ของเรา คือพีค่ ดิ แบบนี้ จะท�ำให้รา้ นอยูไ่ ด้ ตอนนีจ้ ะเป็นอาหารค่ะ เพราะว่าน้องทีเ่ ป็นหุน้ ส่วนพีท่ ำ� อาหารเก่ง มาก อย่างพวกแพนเค้กอะไรยังงีก้ เ็ ป็นสูตรของเขา คือหยิบอะไรขึน้ มา ในครัวก็อร่อยหมดเลยอ่ะ พีโ่ ชคดีมากมีหนุ้ ส่วนทีด่ มี ากแล้วก็เป็นคนถ่าย รูปด้วย ท�ำอาหารด้วย ว่างๆ เชิญเลยนะ อาหารโอเคเลย ร้านพีอ่ ยูบ่ น ถนนคนเดินติดกับ บขส.(ร้านหนังสือฟรีฟอร์ม โลนลีป่ าย) ท�ำเลดีมาก เราเจอลูกค้าหลากหลายไง เราเจอโน่นเจอนี่ คือถ้าไปอยูท่ อี่ นื่ ทีค่ นไม่ได้ เยอะขนาดนีเ้ ราอาจจะไม่ได้เรียนรูม้ ากขนาดนี้ พอดีอยูต่ รงนีม้ นั เจอทุก อย่างเลยค่อยๆ เรียนรูม้ า พีว่ า่ เราต้องยอมรับก่อนว่าหนังสือมันไม่เหมือนข้าว มันไม่ใช่ของจ�ำ เป็นน่ะ เราต้องยอมรับ Position ตัวเราเองก่อน แต่วา่ ถ้ามีใครสักคนถึง แม้เขาจะไม่ใช่คนอ่านหนังสือเลย แล้วเขาเดินเข้ามาในร้านเราแล้วก็มา เจอหนังสือเล่มนึงซึง่ เป็นหนังสือทีเ่ ขาดูปกหน้าปกหลังแล้วเนีย่ มันจะช่วย ให้ชวี ติ เขาดีขนึ้ อ่านแล้วเขาจะได้อะไรมากขึน้ น่ะ เขาก็ซอื้ หนังสือเล่มนัน้ เหมือนกัน ถึงแม้เขาจะไม่ใช่คนรักหนังสือเลย ไม่ใช่นกั อ่านเลย ทีนเี้ ราจะ ท�ำยังไงให้คนเหล่านีซ้ งึ่ เป็นคนทัว่ ๆไปถึงจะมีโอกาสได้เห็นหนังสือเราแบบ นีบ้ า้ งพีว่ า่ หนังสือเรายังไปได้อกี เยอะเพียงแต่วา่ เราต้องหาโอกาสให้มนั กับ คนซือ้ ได้เจอกันด้วยวิธไี หนก็ได้ เป็นซาเล้งยังได้เลยนะพีว่ า่ เนอะ เป็นรถซา เล้งแล้วตกแต่งดีๆ แบบไปตรงไหนก็ได้อะ่

Q : เลยเป็นทีม่ าของการร่วมในโครงการสัปดาห์รา้ น หนังสืออิสระของเครือข่ายธุรกิจหนังสือขนาดเล็ก ด้วยหรือ เปล่า

A : พอดีชว่ งทีเ่ ขาจัดสัปดาห์รา้ นหนังสืออิสระกัน เป็นช่วงทีเ่ รา จะเปิดร้านสุนทรภู(่ อ.แกลง จ.ระยอง) แล้วทางพีเ่ รืองเดช (จันทรคีร)ี เขา ก็ตดิ ต่อเข้ามาว่าจะเข้าร่วมสัปดาห์รา้ นหนังสืออิสระกับเขามัย้ ก็เลยโอเค ก็เลยได้คยุ กัน ขายหนังสือดีดว้ ยนะ วันนึงขายได้ 2-3 พันบาทแน่ะ ร้าน เล็กๆ แค่นนั้ น่ะ คือคนเข้าไปแล้วหนังสือทีร่ า้ นนีจ้ ะลด15% เหมือนคน ระยองเขาจะภาคภูมใิ จกับร้านหนังสือเขามากเลย ไม่เอาส่วนลด บางที ไม่เอาตังค์ทอนด้วย พีว่ า่ มันน่ารักดีอะ่ เหมือนคนสนับสนุนกันน่ะ คน พร้อมจะช่วย คือเกินคาดนะ กะว่าช่วงแรกไม่มลี กู ค้านะเดีย๋ วเรามาช่วย กันโพสต์ขายหนังสือกันทางอินเตอร์เน็ตกัน ช่วยค่าน�ำ้ ค่าไฟ ประคองกัน ไปปีแรก แต่ปรากฏว่าตัง้ แต่เปิดนะ อย่างวันเปิดคนซือ้ เยอะมาก หนังสือ หมดหลายปก ฝนตกแต่คนก็ยงั เยอะนะ หิว้ กันคนละถุงสองถุง ซือ้ กันยัง กับงานสัปดาห์หนังสือน่ะ

Q : เคยไปร้านบุค๊ โมบีท้ หี่ อศิลป์กรุงเทพฯ ก็จะเห็นหนังสือ ของส�ำนักพิมพ์เล็กๆ มีคนเข้าไปอ่านแล้วก็ซอื้ กันเยอะ แต่ในซี เอ็ดหรืออะไรไม่คอ่ ยเห็นหนังสือจากส�ำนักเล็กๆ A : ก็นแี่ หละ เสน่หข์ องร้านเราจะมีแบบนีแ้ หละ หนังสือทีเ่ ราไม่ เห็นตามร้านทัว่ ไป คนอ่านเขาจะรูว้ า่ ไปร้านนีน้ า่ จะเจอหนังสือประมาณ ไหน ตอนแรกพีก่ ะว่าตรงนีจ้ ะท�ำเป็นหนังสือเด็ก หนังสือครอบครัว หนังสือ แม่บา้ นด้วยซ�ำ้ พวกหนังสืออาหารโดยเฉพาะ แต่วา่ พอมาดูคอนเทนต์ทเี่ รา ต้องไปหาหนังสือเข้าร้านเนีย่ ช่วงแรกมันจะยุง่ นิดนึง ก็เลยคิดว่า เดีย๋ ว ไม่เป็นไรเป็นหนังสือทัว่ ไปก่อนแล้วก็คอ่ ยๆ เพิม่ หมวดอาหารเยอะหน่อย หมวดเด็กเยอะหน่อย ค่อยๆ เพิม่ ไปทีละนิด เพราะว่าไม่งนั้ เดีย๋ วมันจะยุง่ มากในการจัดหาหนังสือเข้าร้าน

Q : หนังสือตรงนีค้ อื เป็นหนังสือทีม่ อี ยูใ่ นสต๊อก ไม่ได้ ลงทุนเพิม่ ใช่ไหม A : ใช่คะ่ ตอนนีโ้ กดังก็เริม่ จะโล่งๆ ค่ะตัง้ แต่เปิดร้าน (หัวเราะ) ก็ ช่วยได้เยอะนะคะ จะไปตัง้ ไว้เฉยๆ ก็เป็นภาระค่าใช้จา่ ยเรา ก็ตอ้ งหาวิธี ขายทีร่ า้ นเขาอยูไ่ ด้ดว้ ย ต้องช่วยเขาประชาสัมพันธ์ ก็โอเคนะ

Q : วิธกี ารเลือกพิมพ์หนังสือของนักเขียนไทย ส�ำนัก พิมพ์ฟรีฟอร์มเลือกจากอะไร ความชอบส่วนตัวหรือว่าเนือ้ หา มาก่อน A : ต้องดูเนือ้ หานิดนึง ของพีถ่ า้ เป็นหนังสือของไทยเนีย่ ก็จะมีคน ช่วยอ่านอยูป่ ระมาณ 3-4 คนในออฟฟิศนะ ก็จะมีคนทีเ่ ป็นผูอ้ า่ นทัว่ ไปที่ ไม่ได้รอู้ ะไรมาก แต่กจ็ ะมีพอี่ งอาจ (สุวรรณโชติ) เป็นบรรณาธิการ เขาจะ

ปล่อย Release E-Magazine

29


ปล่อยจากปก

มีความรูพ้ นื้ ฐานทางวรรณกรรมบ้าง เขาก็จะมีอะไรทีเ่ ป็นแบบแผนนิดนึง อย่างพีเ่ องพีจ่ ะดูวา่ มันสือ่ สารกับคนยุคนีม้ ยั้ อย่างน้อยแฟนหนังสือพีเ่ นีย่ ก็ คงไม่ใช่เด็กแล้วล่ะ อาจจะมีเด็กวัยรุน่ บ้าง แต่วา่ โดยพืน้ ฐานคนทีต่ ามอ่าน กันมาเป็น 10 ปีนี่ ตอนนีเ้ ขาก็คงเริม่ โตเหมือนพีท่ ตี่ อนนีเ้ ริม่ แก่ คือถ้าจะ มาพิมพ์อะไรทีม่ นั หน่อมแน้มมากเขาคงไม่ซอื้ หรอก เพราะว่าพืน้ ฐานการ อ่านเขามาแบบนีแ้ ล้ว เขาโตมาพอๆ กับเรา หรือคนจะชอบถามว่าฟรีฟอร์มท�ำไมต้องเอางานอย่างยาขอบมา พิมพ์ คือเรารูส้ กึ ว่าเราเติบโตมาจากหนังสือแบบนี้ พอเรามาท�ำอะไรของ เราเอง เราก็อยากท�ำอะไรทีม่ นั มี Reference ถึงราก ถึงอะไรทีม่ นั สร้าง เราขึน้ มานิดนึง เหมือนกับเราบูชาครู อีกอย่าง ถ้าตัวพีอ่ า่ นนะ พีจ่ ะดูแบบว่า.. อย่างพีต่ อ้ งเขียนค�ำนิยม ให้หนังสือเล่มนีเ้ พือ่ ทีว่ า่ จะส่งสาส์นไปถึงแฟนหนังสือของพีว่ า่ ถ้าคุณชอบ หนังสือของ’ปราย พันแสงเนีย่ ควรอ่านหนังสือเล่มนีด้ ว้ ย พีส่ ามารถเขียน ค�ำนิยมเชียร์หนังสือเขาได้มยั้ ซึง่ ถ้าจะเขียนได้กเ็ ข้าใจว่าแฟนหนังสือพีก่ ็ น่าจะชอบด้วยเหมือนกัน ตัวพีจ่ ะดูตรงนีค้ ะ่ ก็จะประกอบกันหลายๆ อัน บางเล่มของพีจ่ ะเขียนค�ำนิยมแล้วเขียนไม่ได้ อย่างทีเ่ ลือกมาพิมพ์ของ ไพบูลย์ บุตรขัน อย่างนีก้ ข็ ายดีนะ อันนีค้ ณ ุ องอาจเขาเล่นแผ่นเสียงน่ะ ค่ะ เขาสะสมแผ่นเสียง แล้วเล่มนีพ้ วี่ ฒ ั น์ (วรรลยางกูร) เขาอัพเดทข้อมูล อีกพอดี พีอ่ งอาจเขาคุยกับพีว่ ฒ ั น์อยู่ เขาสนิทกันก็ปรึกษา แล้วหนังสือก็ ดีอยูแ่ ล้วยิง่ พีว่ ฒ ั น์อพั เดทด้วยก็เลยพิมพ์

Q : ตอนนีส้ ำ� นักพิมพ์เลีย้ งตัวเองได้หรือยัง A : ยังผ่อนหนีอ้ ยูค่ ะ่ (หัวเราะ) Q : พีว่ ฒ ั น์เขาก็มแี ฟนหนังสือของเขาเป็นทุนเดิมอยู่ แล้วด้วยเหมือนกัน A : คือถ้าหนังสือขายได้ในแง่ธรุ กิจ สมมติเราพิมพ์หนังสือเล่ม นึงใช้คา่ พิมพ์ประมาณ 2 แสนบาท แล้วโรงพิมพ์บอกเราว่าให้เครดิต 3 เดือน ภายใน 3 เดือนเราต้องจ่ายค่าพิมพ์แล้วต้องจ่ายค่าเรือ่ งนักเขียน ภายใน 3 เดือน หนังสือทีข่ ายได้กค็ อื ว่าหนังสือทีส่ ามารถหารายได้คา่ ใช้ จ่ายทัง้ หมดมาได้ครบภายในเวลา 3 เดือน อันนีค้ อื หนังสือทีข่ ายได้ ถ้า หนังสือเล่มไหนขายได้นอ้ ยกว่านัน้ ก็แสดงว่าส�ำนักพิมพ์ตอ้ งแบกภาระแล้ว ก็อาจจะยากนิดนึงขายช้านิดนึง ปีนงึ กว่าจะขายหมด พอเช็กสต๊อกปีนงึ อาจจะก�ำไรก็ได้นะ แต่มนั ก็ยงั ไม่เรียกว่าหนังสือขายได้เพราะว่ามันนาน แล้วบางทีมนั ก็ไม่ทนั อันนีใ้ นความคิดของพีท่ ที่ ำ� นะ อาจจะไม่ใช่สากลนะ อย่างหนังสือของครูไพบูลย์เนีย่ มันไม่ใช่หนังสือที่ Cover ค่าใช้จา่ ยใน 3 เดือนค่ะ แต่ถา้ ถามว่าไปเรือ่ ยๆ มัย้ ไปเรือ่ ยๆ ซึง่ ถ้าให้พมี่ องนะในปีนงึ มัน

30

ปล่อย Release E-Magazine

น่าจะ Cover คือเราไม่เจ็บตัวหรอก แต่วา่ เราต้องมีสำ� รองจ่าย

Q : แต่แค่เฉพาะของ’ปราย พันแสง ก็มยี อดขายเป็น แสนเล่มแล้ว A : อ๋อ ก็บางเล่มนะ แต่ถา้ รวมทัง้ หมดก็เกินค่ะ แต่ชว่ งหลัง หนังสือพีก่ ไ็ ม่ได้ออกเยอะ ปีนงึ 2 เล่มนีก่ ห็ รูแล้วนะ ก็จะเริม่ เอาเล่มเก่าๆ มาพิมพ์ ของพีย่ งั ได้เรือ่ ยๆ

Q : คิดว่าส่วนประกอบของ’ปราย พันแสง ตรงไหนที่ เป็นเสน่หใ์ ห้คนติดตาม A : เออ ไม่รสู้ ิ คือพีอ่ า่ นมาเยอะไง เราจะรูว้ า่ เขียนแบบนีม้ นั ไม่ ได้นะ มันอีน๋ ะ (หัวเราะ) คือบางเรือ่ งอย่างเรือ่ งความรักเนีย่ คุณจะมารัก แบบนีม้ นั ไม่ได้ คือเราจะรูว้ า่ ประมาณไหนทีม่ นั ได้ไม่ได้สำ� หรับเรา พีว่ า่ ตรง นีแ้ หละ พีว่ า่ บางคนทีเ่ ขียนเรือ่ งความรักนะ บางทีคอื คิดไปเองว่าเขียน แบบนีค้ อื หวาน แต่ความจริงคือไม่ใช่ คนจริงๆ เขาไม่พดู กันหรอก ของ พีจ่ ะอยูบ่ นพืน้ ฐานทีเ่ หมือนกับยาขอบเคยพูดว่า คุณไม่ตอ้ งพยายามจะ ปัน้ แต่งค�ำพูดสวยหรูเพือ่ คุณจะเป็นนักเขียนทีเ่ ขียนหนังสือดีหรอก คุณ ใช้คำ� พูดเท่าทีค่ ณ ุ ควรจะใช้ คุณมีแค่ไหนคุณใช้แค่นนั้ แล้วมันจะจับใจคน มากกว่า อันนีเ้ ป็นทีพ่ ยี่ ดึ ถือมาตลอดเลย คือรูส้ กึ ว่าจะเป็นจะตายยังไงก็ จะต้องพิมพ์งานยาขอบออกมา พีร่ สู้ กึ ว่าเป็นคนทีไ่ ขกุญแจให้พเี่ ข้าไปสูโ่ ลก ของหนังสือด้วยประโยคของเขาแค่นแี้ หละ นอกจากยาขอบแล้วก็ยงั มีเฮมิงเวย์ทบี่ อกว่า อะไรตัดได้ให้ตดั ให้ หมดเลย เฮมิงเวย์เขาเป็นนักข่าวไง สมมติวา่ ถ้ามี 10 ค�ำ แล้วเขียนแค่ 3 ค�ำคนอ่านรูเ้ รือ่ งเนีย่ ทีเ่ หลืออีก 7 ค�ำ ตัดทิง้ ให้หมด ไม่ตอ้ งเอาไว้เลย มันประกอบกัน พีว่ า่ ตรงนีจ้ ำ� เป็นนะ ยิง่ คนสมัยนีไ้ ม่ชอบอ่านอะไรทีม่ นั เยิน่ เย้อ ทีม่ นั เกิน เอาเท่าทีจ่ ำ� เป็นน่ะ

Q : มองแวดวงนักเขียนบ้านเราตอนนีเ้ ป็นอย่างไร A : พีว่ า่ คนเขียนก็หลากหลายนะ เรามีคนทีพ่ ร้อมจะอ่านงาน ทุกประเภท เรามีคนเขียนทีพ่ ร้อมจะเขียนทุกประเภทนะ ทีนตี้ อ้ งหากัน ให้เจอ ตอนนีเ้ รามีอนิ เตอร์เน็ต จริงๆ แล้วจ�ำนวนหรือยอดพิมพ์ไม่สำ� คัญ หรอกถ้าคุณคิดจะสือ่ สารกันไม่ตอ้ งพิมพ์เป็นเล่มก็ได้ เหมือนอย่างทีน่ อ้ งท�ำ ออนไลน์เนีย่ แต่วา่ คุณต้องหากันให้เจอนะ ว่าโอกาสทีเ่ ราจะเจอกันผ่าน สือ่ หรืออะไรทีค่ นแนะน�ำเราเนีย่ ยากเท่านัน้ เอง เหมือนร้านหนังสือเล็กๆ ทีเ่ ข้าไปในร้านแล้วมีคนอ่านคนซือ้ มาเพราะเขารูว้ า่ แหล่งอยูต่ รงนีเ้ ขาก็ มา คุณต้องการหนังสือแบบนีค้ ณ ุ ไปซีเอ็ด ไปนายอินทร์คณ ุ ไม่ได้หรอก คุณต้องมาทีน่ แี่ หละ คือไม่ใช่แค่คนเขียนจะหาช่องทางทีจ่ ะขาย คนอ่าน


คนจะชอบถามว่าฟรีฟอร์มท�ำไมต้องเอางานอย่างยาขอบมาพิมพ์ คือเรารูส้ กึ ว่าเราเติบโตมาจาก หนังสือแบบนี้ พอเรามาท�ำอะไรของเราเอง เราก็อยากท�ำอะไรทีม่ นั มี Reference ถึงราก ถึงอะไรที่ มันสร้างเราขึน้ มานิดนึง เหมือนกับเราบูชาครู

คนเสพก็ตอ้ งหาช่องทางทีจ่ ะได้เสพได้ซอื้ งานทีค่ ณ ุ สนใจด้วย พีว่ า่ ตรงนี้ คนเขียนยังสูค้ นอ่านไม่ได้เลยนะ ถ้าคนอ่านขวนขวายนิดนึงอ่ะ

Q : งานเขียนทีด่ ใี นทัศนะของพีเ่ ป็นยังไง A : พีว่ า่ มันขึน้ อยูก่ บั คนเขียนกับคนเสพ สมมติวา่ งานชิน้ นึงเนี่ ยมีอาจารย์มาบอกว่าเขียนได้แย่มากเลย แต่ปรากฏว่าเอาไปพิมพ์ขาย ขายดิบขายดีคนอ่านชอบ ปลาบปลืม้ ประทับใจ ถามว่าดีไม่ดลี ะ่ ถ้าคุณ เอามาตรฐานเทคนิคการเขียนไปวัดว่างานเขียนแบบนีผ้ ดิ ไวยากรณ์ แต่ สิง่ ทีเ่ ขาสือ่ สารมันสือ่ สารกับคนอ่านของเขาได้มยั้ โดนมัย้ ส�ำหรับพีน่ ะพี่ มองว่าคุณจะสือ่ สารยังไงก็ได้ถา้ คนอ่านไปกับเราด้วย อย่างเช่นว่าคุณจะ เขียนเรือ่ งเศร้า คนอ่านก็เศร้าไปกับคุณด้วย แต่เขียนผิดไวยากรณ์หมด เลยอ่ะ พีว่ า่ มันก็ยงั ได้อยูน่ ะ ขอให้มนั ถึงในแก่นของมัน ขอให้มพี ลังของ มัน ไวยากรณ์ปรับปรุงได้ แต่แก่นพลังตรงนีค้ ณ ุ ต้องมีจากของคุณน่ะ ใคร จะมา Edit ให้คณ ุ ไม่ได้ คุณต้องสร้างของคุณเอง

Q : ขอมาทีเ่ รือ่ งการเมืองบ้าง เห็นว่าสนับสนุนการแก้ไข มาตรา 112 A : เราเป็นนักเขียนนะ มีใครบ้างทีไ่ ม่ตอ้ งการอิสรภาพในการ เขียนอะไรก็ได้ สมมติวา่ พีไ่ ปเจอเว็บไซต์ตา่ งประเทศเว็บไซต์นงึ ลงข่าว พระบรมวงศานุวงศ์เราไปปาร์ตี้ แล้วในเนือ้ ข่าวก็ไม่ได้มอี ะไรเลย เพียง แต่วา่ หนังสือไทยเขาไม่ลงกัน พีจ่ ะแชร์ลงิ ก์มาเนีย่ พีย่ งั กลัวโดนมีปญ ั หา เลย ซึง่ จริงๆ แล้วท�ำไมล่ะ เราก็อยากจะเม้าส์บา้ ง ปาร์ตสี้ นุกนะ(หัวเราะ) อะไรประมาณนี้ บางทีเหมือนทีเ่ ราเม้าส์เจ้าชายวิลเลียม เจ้าหญิงเคทได้ ทีเ่ ราสามารถพูดคุยถึงเขาได้โดยมีอสิ รภาพ ท�ำไมทัว่ โลกเขาก็ทำ� ได้ ท�ำไม ของเราท�ำไม่ได้ ท�ำไมของเราต้องอะไรแบบนี้ รูส้ กึ ว่าน่าจะมัย้

Q : การเมืองเรือ่ งอืน่ ๆ ล่ะครับ A : พีก่ ไ็ ม่คอ่ ยอยากยุง่ ไม่คอ่ ยชอบ คือพีจ่ ะโดนด่าทัง้ สีเหลือง สีแดงไง พีอ่ า่ นข่าวหนังสือพิมพ์ทกุ วัน พีต่ นื่ เช้ามา 6 โมงเช้าพีก่ เ็ ข้าไป อ่านหนังสือพิมพ์ทกุ เล่ม เจอข่าวไหนน่าสนใจพีก่ จ็ ะเม้าส์ อย่างตอนนีท้ ี่ ยิง่ ลักษณ์คมุ กลาโหมเนีย่ แหมตีความกันซับซ้อนเหลือเกิน เพศสภาพ ความเป็นผูห้ ญิงอะไรต่างๆ จริงๆแล้วมันแค่ทกั ษิณไม่ไว้ใจใครให้ใครคุม เท่านัน้ แหละ (หัวเราะ) เออ ก็คอื เม้าส์กนั แบบนี้ นีค่ อื การเมืองของเราไง เหมือนเราเป็นคนตามข่าว เราไปเลือกตัง้ นะ เราสนับสนุนการปกครองที่ ประชาชนออกไปเลือกตัง้ ประชาธิปไตยมาจากการเลือกตัง้ เราไม่ชอบ ประชาธิปไตยทีใ่ ครอยากได้อะไรแล้วต้องไปปิดล้อมถนน เราท�ำกันผ่าน สภาได้มยั้ อันนีค้ อื ความคิดของพีไ่ ง ซึง่ ไม่วา่ ใครจะเข้ามาเหลืองแดงหรือ

อะไรก็มาเถอะ แต่บา้ นเราจะเป็นว่าพวกทีไ่ ม่เอาเหลืองไม่เอาแดง ท�ำตัว เป็นกลางนีค่ อื พวกแอ๊บ กลายเป็นพวกไม่มที อี่ ยู่ กลายเป็นพวกทีไ่ ม่มจี ดุ ยืน ทางการเมือง ไม่มสี าระ ซึง่ พีก่ ็ อ๊ะ ผิดเหรอ ท�ำไมล่ะ จริงๆ แล้วพีน่ ะ่ ไม่ ชอบประชาธิปตั ย์เลยแต่ถามว่าชอบทักษิณมัย้ ก็ไม่ได้ชอบ เพราะก่อนที่ เขาจะหลุดจากอ�ำนาจไปเนีย่ เขาขนาดไหนเราก็ยงั ไม่เคยลืม แล้วมันก็มี อยูแ่ ค่นแี้ ล้วคุณจะต้องบังคับให้เราเลือกด้วยเหรอว่าจะต้องทางนี้ ทางนี้ แล้วเราก็ตามข่าว ดูสวิ า่ ปัญหาของเขามันรัว่ ตรงไหน ไม่ใช่ดา่ เขาเพราะ ว่าเป็นน้องทักษิณ คือมาดูในรายละเอียดของตรงนัน้ มัย้ พีค่ ดิ ว่าเราควรจะมีทยี่ นื ให้คนแบบนี้ อย่างแฟนเพจพีก่ ม็ หี ลายคน นะทีเ่ ป็นการเมืองลักษณะแบบทีเ่ ราคิด สังเกตจากทีเ่ ขาเมนต์ เขาก็ไม่ได้ เมนต์เรือ่ งการเมืองทีอ่ นื่ แต่วา่ เขารูว้ า่ เขาพูดคุยไม่ได้ แต่เขาเข้ามาเพจ พีเ่ วลาพีแ่ ชร์กนั เรือ่ งข่าวการเมืองแล้วเขาก็มาคุย ก็จะจับเซนส์ได้ พีว่ า่ คนไทยกลางๆ ทีม่ องการเมืองแบบนี้ เราไม่ใช่ทงั้ เหลืองทัง้ แดง บางทีเรา เกลียดทัง้ คูด่ ว้ ยซ�ำ้ แต่ถามว่ารักทัง้ คูม่ ยั้ ไม่มใี ครรักหรอก จริงๆ รักไม่ลง ดูแต่ละคนสิ เพียงแต่วา่ เราติดตามแล้วเราตรวจสอบอะไรได้ เราในฐานะ ประชาชนเราสามารถท�ำอะไรได้บา้ งกับสิง่ ทีม่ นั เกิดขึน้ ตรงนัน้ มากกว่า แต่พจี่ ะไม่คอ่ ยชอบพวกแต่ละขัว้ ทีอ่ อกมาด่าคนกลุม่ นี้ ซึง่ พีว่ า่ พวกทีอ่ อก มาด่านีเ่ ป็นพวกทีโ่ ง่ดว้ ย เพราะว่าท�ำลายแนวร่วมไง คือถ้าเขาให้เกียรติ กับคนกลุม่ นีน้ ดิ นึงนะ ซึง่ พีว่ า่ เป็นคนกลุม่ ใหญ่ดว้ ย เขาอาจจะมีคนทีเ่ ข้า แนวร่วมกับเขาเยอะ แต่ทนี บี้ า้ นเราจะเป็นแบบถ้าใครเป็นผูน้ ำ� เป็น Elite ทางการเมืองนิดนึง เป็นผูน้ ำ� ทางความคิดนิดนึงจะชอบมาชีน้ ำ� คนนะ ไอ้ นีเ่ ป็นสลิม่ ไอ้นเี่ ป็นเสือ้ แดง คือใครทีไ่ ม่เห็นด้วยกับตัวเองนีเ่ ขีย่ ออกนอก วงหมดเลย ผิดหมด ซึง่ พีไ่ ม่ชอบ

Q : ตัวอย่างช่วงหนึง่ ทีเ่ ห็นเม้าส์กนั ในเฟซบุค๊ เรือ่ งอดีต พระมิตซูโอะ A : อ๋อ อ่ะนะ ก็นดิ นึง รูส้ กึ เหมือนโดนหักหลังนิดนึง เคยอ่าน หนังสือท่าน ก็เคยสอนคนมาตลอดว่าไม่ตอ้ งแต่งงานชีวติ มีความสุขทีส่ ดุ ท่านพูดแบบนี้มายี่สิบปีแล้ววันนึงท่านมาบอกว่าไปมีเมียดีกว่ามีความ สุขทีส่ ดุ ก็อา้ ว แล้วคนทีฟ่ งั มาล่ะ ใช่มยั้ แต่ถา้ ถามว่าท่านผิดมัย้ ไม่ผดิ หรอก แต่มนั ช็อก ณ นาทีนนั้ ทีจ่ ๆู่ สึกกะทันหัน แต่หลังจากนัน้ ก็เรือ่ ง ปกติ ประเทศนีม้ พี ระทีไ่ ม่วา่ จะบวชกีพ่ รรษาเขาก็สกึ ไปมีเมียกันตัง้ เยอะ แยะ ก็ไม่ได้ผดิ อะไร ถ้าเป็นหนังสือธรรมะแล้วพีจ่ ะอ่านของท่านประยุทธ์ ปยุตโฺ ต (พระ พรหมคุณาภรณ์)รูส้ กึ ว่าของท่านนีจ่ ะให้คำ� ตอบหลายๆ เรือ่ งกับเรา อย่าง ท่านพุทธทาสนีพ่ อี่ า่ นก็ยงั ไม่อนิ นะ พีอ่ าจจะไม่ใช่สายปฏิบตั ฝิ กึ ลม ฝึกสมาธิ ฝึกลมหายใจอะไรขนาดนัน้ น่ะ พีอ่ า่ นเหมือนเอาประเด็นเอาความรู้ พีจ่ ะ

ปล่อย Release E-Magazine

31


ปล่อยจากปก

อยูใ่ นช่วงนัน้ นะ ไม่เคยฝึก

Q : คิดว่าบ้านเราสมัยนีเ้ ห่อท�ำบุญกันหรือเปล่า A : ก็ดแี ล้วนี่ ดีกว่าไปเห่อท�ำบาปนะ (หัวเราะ) Q : มีเรือ่ งอะไรทีค่ ดิ ว่าคนอืน่ ๆ เข้าใจตัวเราผิดไปไหม A : พีว่ า่ คนเราถ้าจะเข้าใจกันนะ อยากจะเข้าใจกันน่ะ เข้าเฟซบุค๊ ใครก็ได้ อาทิตย์นงึ ก็เข้าใจแล้วว่าคนคนนัน้ เป็นยังไง

Q : หรือคิดว่าคนอืน่ ไม่จำ� เป็นต้องมาเข้าใจเราก็ได้ A : ไม่หรอกเพราะว่าเราเองก็ไม่เห็นเข้าใจคนอืน่ เลย บางทีไม่ อยากจะเข้าใจด้วยซ�ำ้ นะ เหมือนกับว่าชีวติ คนเรามันก็มเี ส้นตัดกันไปตัด กันมา จุดทีเ่ ราตัดกันน่ะมันคือจุดทีโ่ อเคทีส่ ดุ ทีเ่ ราได้มาเจอกัน แต่ละคน ก็มเี ส้นเป็นของตัวเองไม่จำ� เป็นจะต้องไปรูจ้ กั ทุกซอกทุกมุมพีว่ า่ ในจุดที่ เรามาเจอกันได้ ขอให้เป็นจุดทีด่ ที สี่ ดุ ของแต่ละคนก็โอเคแล้ว ไม่ได้คาด หวังอะไรมากมายเรือ่ งความสัมพันธ์

Q : คิดว่านักเขียนสมัยนีใ้ จคอคับแคบลงไหม หากเทียบ กับยุคก่อนๆ อย่างเช่นยุคสุภาพบุรษุ A : ถ้าเทียบกับการเมืองนะ รุน่ สุภาพบุรษุ นักประพันธ์ศรีบรู พา แบบนี้ จะมีความรูส้ กึ ว่าเขาเป็นสุภาพบุรษุ อ่ะนะ อย่างเขาต่อสู้ งาน เขียนของเขาอยูบ่ นรากฐานของการต่อสูเ้ พือ่ ประชาชน เพือ่ สังคม เพือ่ การเมืองก็จริง แต่เขาก็คบเจ้านะ มีเจ้านายชัน้ สูงให้การสนับสนุนเขา อย่างบ้านศรีบรู พาทีอ่ ยูน่ กี่ เ็ ป็นบ้านของเจ้านายชัน้ สูงมอบให้ คือเขาได้ทงั้ เจ้าทัง้ ประชาชนน่ะ แต่ถา้ เป็นนักเขียนทีต่ อ่ สูเ้ รือ่ งการเมืองสมัยนีไ้ ม่เอา เจ้า เกลียดเจ้า อะไรแบบนี้ บางทีมนั สุดโต่งไปหรือเปล่า เออลองศึกษารุน่ เก่ามัย้ ว่าเขาด�ำเนินชีวติ ยังไง โดยทีส่ งั คมก็ยงั ก้าวหน้าในยุคของเขาด้วย เพราะในยุคของศรีบรู พาเขาก็รเิ ริม่ อะไรในบ้านเมืองเราตัง้ หลายอย่าง

Q : ต่อจากค�ำถามเมือ่ กี้ ถ้าติดตามข่าวสารในแวดวง วรรณกรรมจะเห็นการทะเลาะกันด้วยเรือ่ งการเมืองทีค่ วามคิด อยูค่ นละฝัง่ ความคิดแตกแยกกัน นิดๆหน่อยๆ ก็กลายเป็น เรือ่ งทะเลาะกันลุกลามใหญ่โต A : ส่วนหนึง่ พีว่ า่ อาจจะเป็นเพราะเฟซบุค๊ นะ พีว่ า่ พวกนักเขียน ใช้เฟซบุค๊ กันน่ากลัวมากเลย พีอ่ ยูก่ บั โซเชียลมีเดียอยูก่ บั มันมา 10-20 ปี ตัง้ แต่บคุ๊ ไซเบอร์พมี่ าเห็นพีย่ งั ตกใจเลยนะ ท�ำไมโพสต์แบบนีว้ ะ ท�ำไม เขียนแบบนีว้ ะ ไม่กลัวคนทีเ่ ขามาอ่านจะโกรธเหรอ แล้วยิง่ เป็นคนใน

32

ปล่อย Release E-Magazine

แวดวงเดียวกันรูจ้ กั กัน ไม่ใช่ให้ใครก็ได้บางทีกเ็ จาะจงตัวเลยว่าคนนัน้ คน นี้ ซึง่ พีว่ า่ มันไม่ใช่วะ่ พีว่ า่ เรายิง่ รูจ้ กั กัน เราต้องเจอกัน ต้องท�ำงานร่วม กัน การโพสต์เฟซบุค๊ แต่ละอย่างเราต้องระวังมากๆ เลยอ่ะ บางทีไม่ได้ โพสต์ถงึ คนนีด้ ว้ ยนะ แต่บางคนมาอ่านคิดไปเองว่าเขาโพสต์วา่ ตัวเอง คือ มันเป็นได้ขนาดนัน้ น่ะ สังเกตไหมว่าคนในแวดวงวรรณกรรมเขียนหนังสือเป็นผูใ้ หญ่หน่อย นะ เอาสัก 50 อัพนะ ในช่วงแรกทีเ่ ขาเปิดเฟซบุค๊ นะ จะมีคนแอดเยอะ มากเลย พอตามไปสักพักนึงเพือ่ นจะหาย บางทีหายเป็นพันเลย เห็นเขา เขียนสเตตัสนะ บางคนโดนลบเพือ่ นเป็นร้อยเลยก็มนี ะ คือเด็กรุน่ ใหม่ เวลาท�ำหน้าเพจอะไรมีคนมากดไลค์เป็นหมืน่ นะ แต่ถา้ เป็นในแวดวงเรา 50 อัพขึน้ ไปนะ เพือ่ นหายวันละเป็นพัน บางทีผใู้ หญ่เขาไม่เข้าใจเซนส์ ตรงนีห้ รือเปล่าว่า ในช่วงแรกทีม่ คี นแห่กนั มาแอดเป็นเพือ่ นเขาเยอะมาก เขาจะรูส้ กึ ว่าเขาได้รบั ความนิยม พอได้รบั ความนิยมปับ๊ ก็เลยคิดว่าตัวเอง จะเขียนอะไรก็ได้ เขียนอะไรอย่างทีเ่ ขาคิด เขาสามารถแสดงอะไรก็ได้ที่ เขาคิดว่ามันดีนะ่ แต่ปรากฏว่าคนทีม่ าเป็นเพือ่ นเขารูส้ กึ รับตรงนีไ้ ม่ได้ พี่ รูส้ กึ ว่าในเฟซบุค๊ น่ะ อะไรทีม่ นั สุดขัว้ สุดโต่งไป แม้แต่ทเี่ ป็นเพือ่ นเราเองนะ บางทีถา้ มันการเมืองมากๆ เนีย่ เราก็ซอ่ นมันไปเลยนะ คือว่าไม่ลบหรอก แต่จะซ่อนไม่ให้มนั โชว์ในฟีดเรา แต่ถา้ ไม่รจู้ กั นะ ไม่ใช่เพือ่ นในชีวติ ประจ�ำ วันบางทีกล็ บไปเลยนะ พวกทีช่ อบโพสต์บา้ บอหรือชอบด่าคนอืน่ บางที เราร�ำคาญ เพราะพอเปิดขึน้ มาเราอยากอ่านข่าวสารไม่ใช่คำ� ด่า เหมือน เราใช้เฟซบุค๊ ใช้โซเชียลมีเดียแบบไม่รเู้ ท่าทันมันน่ะ

Q : ถ้าเขามองว่านีค่ อื อิสรภาพในการเขียนล่ะ A : มันไม่ใช่อสิ รภาพหรอกค่ะ ก็คอื ว่าตราบใดทีค่ ณุ ยังสือ่ สาร กับคนอืน่ นะ มันก็เหมือนเราใช้ชวี ติ ประจ�ำวันแต่อกี สังคมนึงอ่ะ ทีอ่ าจ จะมีคนรู้ คนเห็น คนรับสารจากเราได้มากกว่าในวันๆ หนึง่ ทีเ่ ราเจอ อย่างวันนีพ้ อี่ อกจากบ้านมาเพิง่ เจอน้อง 4-5 คนนีแ่ หละ แต่ในโซเชียลมีเดีย เนีย่ พีโ่ พสต์เข้าไปทีนเี่ จอคนเป็นหมืน่ บางทีโพสต์เรือ่ งเดียวลงไปภายใน 1 ชัว่ โมงคนอ่านประมาณ 2 แสนน่ะ มันเยอะมากเลยนะ เราต้องทันมันน่ะ อย่าใช้ทมี่ นั มาทิม่ แทงเราทีหลัง คือโพสต์อะไรก็ได้ทคี่ ณ ุ สามารถไปใช้ชวี ติ ได้ปกติโดยทีค่ ณ ุ ไม่เปิดมาดูอกี 5 วันก็ได้ แต่ถา้ คุณโพสต์อะไรแล้วคุณต้อง ไปเปิดดูทกุ ระยะว่ามีใครเข้ามาด่ากูเปล่าวะ ไม่ควรโพสต์ ใช่มยั้ มันเป็น ภาระในชีวติ เรา ยกเว้นเรามีเวลามากๆ ทีเ่ ราอยากเสนอประเด็นอะไร สักอย่างแล้วเรามีเวลาเปิดดูอะ่ แต่ถา้ อะไรทีม่ นั กระทบคนอืน่ หรือว่าไป สร้างอะไรทีม่ นั ไม่ดกี อ็ ย่าไปท�ำแบบนัน้ ไม่รสู้ อิ ยากจะบอกนะแต่วา่ บอกก็ ไม่มใี ครฟังน่ะ แต่พจี่ ะระวังนะ ยิง่ รูส้ กึ ว่ายิง่ ใช้ไปเรายิง่ ต้องระวังมากขึน้ ไม่วา่ เรือ่ งไหน ยิง่ มีคนอ่านเรามากเรายิง่ ต้องระวังมากขึน้ จะเป็นตัว


เองยังไงที่มันจะไม่ท�ำลายเรา มันก็อยู่ที่ความฉลาดในการใช้ของเรา แล้ว ใช่มยั้

Q : ขอถามเรือ่ งกรุงเทพฯ เมืองหนังสือโลกสักนิด A : จริงๆ แล้วพีไ่ ม่คอ่ ยรูเ้ รือ่ งอะไรมากเลยอ่ะ มันเหมือนอีเวนท์ นะเนอะ ประเทศไหนจะจัดก็ได้ถา้ คุณพร้อม เห็นเขาบอกว่ามันไม่ใช่รางวัล นี่ แต่เหมือนกับต้องจัดต้องมีอะไรอย่างนี้ กรุงเทพฯ ก็มอี ะไรตัง้ เยอะ แต่ มันก็ยงั ขาดด้วย อย่างหนังสือพีก่ ย็ งั ไม่คอ่ ยเห็นเลยนอกจากบ้านพีผ่ า่ นมา ทางมีนบุรเี นีย่ มันจะมีหอ้ งสมุดประชาชนอยูห่ อ้ งนึง มันจะมีปา้ ยอยูป่ า้ ย นึงว่ากรุงเทพฯ เมืองหนังสือโลก แล้วห้องสมุดก็คอ่ นข้างจะเงียบเหงาไม่ เห็นมีใครเดินเข้าออกเลย พีว่ า่ จะเดินเข้าไปดูหน่อยว่าเป็นยังไง จัดอะไร ยังไง ยังไม่ได้ไปสัมผัสงานอะไรเลยนอกจากเห็นป้ายโฆษณาแบบนี้

Q : ชีวติ ช่วงทีอ่ ยูก่ รุงเทพฯ รูส้ กึ ว่าเหมาะกับเราหรือ ขัดแย้งอะไรไหม A : พีก่ อ็ ยูไ่ ด้นะ พีก่ ช็ อบนะ เมือ่ ก่อนทีท่ ำ� ออฟฟิศอยูส่ ขุ มุ วิท พีม่ ี

ความสุขมาท�ำงานออฟฟิศ นัง่ รถไฟฟ้าไปโน่นมานี่ มันก็สะดวกดี พีก่ อ็ ยูไ่ ด้ นะ พีค่ ดิ ว่าตัวพีอ่ ยูท่ ไี่ หนก็ได้ เรารูส้ กึ ว่าชีวติ เราไม่ได้อยูก่ บั สถานที่ มันอยู่ ทีค่ วามคิดของเรา อยูท่ ขี่ า้ งในของเรา แต่วา่ ถ้าเลือกได้ไปอยูต่ า่ งจังหวัด กันเถอะอย่าอยูเ่ ลยกรุงเทพฯ เพราะว่าพีเ่ สียดายเวลามาก มันอยูแ่ ต่บน ถนนนะอย่างพีไ่ ปสนามหลวงขับรถออกจากบ้านทีน่ วลจันทร์ ขับรถบน ถนนไปกลับประมาณ 4 ชัว่ โมงอ่ะ พีว่ า่ มันสิน้ เปลืองเวลามากเลย คือใน 4 ชัว่ โมงเนีย่ พีอ่ ยูป่ ายนะ พีไ่ ปธนาคาร ไปไปรษณีย์ ไปอะไรใน 30 นาที พีท่ ำ� ทุกอย่างใน 30 นาทีได้เสร็จหมดเลย ไปจ่ายตลาดด้วย แล้วเรามี เวลาในชีวติ เหลือเฟือมาก เราหรูหราฟุม่ เฟือยมาก โหพีว่ า่ เราสิน้ เปลือง เวลาไปกับเรือ่ งทีไ่ ม่จำ� เป็นเยอะเกิน อันนีเ้ ป็นข้อเดียวถ้าเลือกได้ไปอยูต่ า่ ง จังหวัดเลย คุณภาพชีวติ ดีกว่าเยอะ ค่าครองชีพอย่างพีอ่ ยูท่ ปี่ ายเนีย่ พี่ ไปจ่ายตลาดซือ้ ผักซือ้ หมูรอ้ ยนึงพีอ่ ยูไ่ ด้ 3 วันเลยนะ อยูก่ รุงเทพฯ นีร่ อ้ ย นึงเข้าห้างก็ไม่ได้อะไรเลย

Q : คิดจะอยูป่ ายยาวเลย? A : พีค่ ดิ ว่าน่าจะไปอยูไ่ ด้หลายจังหวัดนะ อย่างปีนี้ 10 ร้านใช่มยั้ ปล่อย Release E-Magazine

33


ปล่อยจากปก

กะว่าไปอยูเ่ ดือนละร้านน่ะ ตอนนีม้ ที ปี่ าย มีเชียงดาว ตัวเมืองเชียงใหม่นี่ ก�ำลังเริม่ สร้างแล้ว 1 ร้าน แต่วา่ มีรา้ นทีต่ อ้ งการเข้าร่วมกับเราประมาณ 3-4 ร้านค่ะ แล้วก็ราชบุรี ลพบุรี ล�ำปาง เชียงราย บึงกาฬ ก�ำแพงเพชร ล�ำพูน แล้วก็สงขลาอีกทีน่ งึ ส่วนมากจะเป็นภาคเหนือเพราะส่วนใหญ่เขา จะมีเป็นร้าน เป็นรีสอร์ทอะไรของเขาอยูแ่ ล้ว เราแค่เข้าไปปรับเพราะว่า เขามีทกั ษะอยูแ่ ล้ว อย่างทีน่ ี่ (โรงแรมบุษบาบางกอก ร่มเกล้า) ค่อนข้าง ยากเพราะว่าต้องเริม่ นับหนึง่ ใหม่หมดเลย เรือ่ งอาหารเรือ่ งอะไรเขาไม่ ได้มอี ะไรมาก่อนเลย ต้องมาฝึกเขา ตอนแรกพีค่ ดิ ว่าจะอยูท่ นี่ ไี่ ม่เกิน 2 อาทิตย์ แต่ปรากฏว่าเกือบจะเข้า 2 เดือนแล้ว มันเกินมาเยอะ มีรา้ นที่ สมัครเข้ามาเกือบ 20 ร้าน แต่ตอนนีพ้ อมาเริม่ ท�ำทีน่ จี่ ะรูส้ กึ ว่าถ้านับหนึง่ ใหม่มนั จะช้านิดนึง มันจะยากนิดนึง

Q : ท�ำไมไม่กลับไปท�ำทีโ่ คราชบ้านเรา A : จะท�ำอยูค่ ะ่ อาจจะท�ำทีบ่ า้ น น้องสาวจะกลับไปอยูก่ บั แม่คะ่ ก็อาจจะท�ำทีบ่ า้ นเลย ตอนแรกน้องจะปรับปรุงบ้านกันเดือนนี้ แต่ยงั ไม่ได้ เอามาใส่ไว้ในของเรา ท�ำให้คนอืน่ ก่อน แต่ถา้ เสร็จเร็วก็อาจจะเอามาขึน้ ก่อน ตอนนีล้ งแค่ 5 ร้าน ร้านทีเ่ หลืออย่างสงขลานีจ่ ริงๆแล้วเพิง่ มาคุย กัน แต่วา่ เขาเช่าทีแ่ ล้วร้านเขาพร้อม สงขลานีอ่ าจจะขึน้ มาร้านที่ 6 จาก ทีเ่ คยเป็นร้านที่ 11 นะ

Q : ทุกร้านจะต้องเป็นเราคนเดียวเลยใช่มยั้ ทีเ่ ป็นคนไป ดูแลจัดการ A : ทุกร้านทีจ่ ะเปิดในปีนพี้ ตี่ อ้ งไปดูเองทุกร้านเลย ต้องดูวา่ ท�ำ อะไรได้แค่ไหน คือพีพ่ ยายามให้เขาใช้ของทีเ่ ขามี คือซือ้ ของให้นอ้ ยทีส่ ดุ โต๊ะตูอ้ ะไรในบ้านถ้าเขามีเอามาตกแต่งได้กจ็ ะให้เขาเอาออกมาก่อน เพราะ ว่าอยากให้ลงทุนน้อยๆ เพือ่ ทีเ่ ขาจะได้คนื ทุนเร็วๆ เวลาขายของจะได้มี ก�ำลังใจท�ำ เลยต้องพยายามไปดูเองก็จะช้านิดนึง

Q : มีเวลาส่วนตัวส�ำหรับงานเขียนของตัวเองไหม A : ปีนพี้ ที่ ำ� ใจไว้เลย พอดีวา่ เตรียมงานพ็อกเก็ตบุค๊ เอาไว้ให้ที่ ออฟฟิศช่วยเก็บงานเรียบเรียง ปีนคี้ งออกพ็อกเก็ตบุค๊ แต่เขียนเองนีย่ าก เลย อย่างเมนูอาหารทีน่ ี่ (โรงแรมบุษบา) พีเ่ ป็นคนท�ำเอง ถ่ายรูปเองเลย แต่นยี่ งั ท�ำไม่เสร็จเลย จริงๆ แล้วเมนูยงั มีอกี เยอะเลย ถ่ายเสร็จท�ำมือถือ ตกน�ำ้ ด้วยนะ นึกว่าหายหมดต้องท�ำใหม่หมดเลย แต่ปรากฏว่าเรารีบเอา ไปมาบุญครองเร็ว ก็เลยไม่เสียสักรูปเลย ดีมากเลย

Q : ใช้กล้องรุน่ ไหนครับ จะได้ไปซือ้ มาใช้บา้ ง

34

ปล่อย Release E-Magazine

A : ใช้ไอโฟน 4s นีแ่ หละ Q : ท�ำงานเยอะขนาดนีจ้ ะมีเวลาให้คนใกล้ตวั หรือ A : พีใ่ ห้แฟนพีล่ าออกจากงานคือเขาท�ำงานหนังสือพิมพ์มาเกือบ 20 ปี เพิง่ จะออกมาประมาณ 2 ปี ก็มาท�ำนีแ่ หละ ถึงมาลุยร้านหนังสือ นี่ ท�ำส�ำนักพิมพ์ฟรีฟอร์มด้วยกัน ก็ออกมาเป็น บก.ฟรีฟอร์ม พีอ่ งอาจ (สุวรรณโชติ)นีแ่ หละค่ะ

Q : ท�ำงานส�ำเร็จมาเยอะมาก เคยมีสกั ครัง้ ทีล่ ม้ เหลว หนักๆไหม A : พีก่ ล็ ม้ เหลวมาเหมือนกัน แต่พเี่ ป็นคนทีไ่ ม่คอ่ ยหวือหวานะ จะ เรือ่ ยๆ บางทีพอเริม่ ท่าไม่คอ่ ยดีหรือไม่ไหว พีก่ จ็ ะถอย คือเจ็บตัวก็เจ็บ แต่ ไม่มาก ทีม่ คี วามรูส้ กึ ว่าท�ำหนังสือแล้วเจ็บตัวมากก็คอื เล่มนี้ นิโกโปล เล่ม แรกเป็นการ์ตนู แบบไตรภาค เล่มนัน้ นะน่าตกใจมากเลยคือตอนทีเ่ ริม่ ท�ำ ตอนแรก สมาคมฝรัง่ เศสเขาจะให้ทนุ ให้คา่ พิมพ์คา่ อะไรทุกอย่างแต่ปรากฏ ว่าพอถึงเวลานัน้ จริงๆ แล้วไม่ได้เงินมาสักอย่างเลย ได้คา่ โปรโมชัน่ อะไรมา นิดหน่อย แต่ตวั เล่มนีล้ งทุนไปเกือบล้าน ค่าพิมพ์คา่ อะไรต่างๆ ซึง่ ส�ำหรับ บริษทั เราเล็กๆ นะ อันนีแ้ หละทีจ่ ะรูส้ กึ จะถอนตัวก็ไม่ได้แล้วไงก็ตอ้ งท�ำ ต่อไป สมมติวา่ ถ้าเล่มนีเ้ จ๊ง จะท�ำอะไรดี ถึงได้เป็นโปรเจ็กต์ฝรัง่ เศส ตอน แรกไม่ได้คดิ จะพิมพ์แต่พมี่ หี นังสืออยูแ่ ล้วทีพ่ ไี่ ปเทีย่ ว ก็มหี ลายเล่มทีเ่ รา อ่านแล้วเราคิดว่ามันโอเค ก็เลยมาลองดูเป็นซีรสี ฝ์ รัง่ เศส บางเล่มก็ขาย ดีพมิ พ์หลายครัง้ เวลามีโปรเจ็กต์ไหนทีเ่ รามีความรูส้ กึ ว่าเราน่าจะเจ็บตัวก็ จะคิดหาอีกโปรเจ็กต์นงึ ทีม่ าท�ำเพือ่ ให้เราเจ็บตัวน้อยทีส่ ดุ บางทีกร็ บั งาน แบบว่ารับจ้างพิมพ์ ก็จะฝากพีๆ่ เพือ่ นๆ ไปว่าถ้ามีงานก็หาให้หน่อย หา ส�ำรองไว้หน่อยเพราะถ้าพลาดมาเราแย่แน่ๆ

Q : ตอนนีม้ รี บั เป็นคอลัมนิสต์ทไี่ หนหรือเปล่า A : ไม่เลยค่ะ ตอนนีพ้ ปี่ ระจ�ำการเฟซบุค๊ อย่างเดียวเลย(หัวเราะ) พอออกมาอยูแ่ บบนีแ้ ล้วรูส้ กึ ว่าบางทีเฟซบุค๊ อาจจะแย่งเวลาเรานะ เมือ่ ก่อนทีเ่ ขียนมติชนสุดสัปดาห์ ทุกอย่างใน 1 อาทิตย์พจี่ ะรวบรวมมาไว้วนั นึงทีจ่ ะเขียนคอลัมน์ เรารูส้ กึ ว่าจะมีทปี่ ล่อยของ แต่พอเป็นเฟซบุค๊ ปับ๊ วันนึงเข้า 3-4 รอบ บางทีเข้าเช้า กลางวัน แล้วเรารูส้ กึ ว่าหลายอย่าง มันกระจัดกระจาย ความคิดหลายๆ เรือ่ ง บางทีโพสต์ 5 ครัง้ ก็ 5 เรือ่ ง ในขณะทีเ่ มือ่ ก่อนเราเขียนคอลัมน์เราเรือ่ งเดียวอ่ะ แล้วเราเขียนได้ยาวๆ ตอนนีก้ เ็ หมือนประจ�ำการเฟซบุค๊ อย่างเดียว

Q : นักเขียนใหม่ๆ ได้อา่ นบ้างไหมครับ อย่างนิว้ กลม หรือทรงศีล ทิวสมบูรณ์คา่ ยอะเดย์หรือมติชนประมาณนี้


ปล่อย Release E-Magazine

35


ปล่อยจากปก A : ก็อา่ นบ้างนะ ตามคอลัมน์ อย่างทรงศีลเขาเน้นงานภาพ เยอะนะ เออ พีว่ า่ ทีเ่ ป็นสไตล์ภาพเนีย่ เยอะนะ น่าสนใจเยอะนะ แล้วพี่ ว่ามันเป็นเทรนด์ของยุคนีด้ ว้ ยนะ เพราะว่าคนจะเริม่ กันทีภ่ าพ ภาพสวย ถึงไปต่ออะไรอย่างนี้

Q : ฟรีฟอร์มทีเ่ ป็นนิตยสารไม่ทำ� ต่อแล้วใช่ไหมครับ? A : เดีย๋ วพีจ่ ะเอามาท�ำออนไลน์ แล้วจะขอบคุณสมาชิกพร้อม กับสมนาคุณบางอย่างให้ ตอนนีค้ อื เริม่ เซ็ตๆ ไว้ แต่เดีย๋ วให้รา้ นทีก่ ำ� ลัง จะเปิดอีก 10 ร้านเสร็จก่อน

Q : สรุปว่านิตยสารฟรีฟอร์มจะกลับมาอีกครัง้ A : ว่าจะท�ำเป็นออนไลน์คะ่ จะมีคนทีพ่ ฒั นาแอพพลิเคชัน่ กึง่ เว็บค่ะ เขามาชวนเราเข้าร่วมโปรเจ็กต์กบั เขา ท�ำเป็นเหมือนแมกกาซีน ออนไลน์ เดีย๋ วพีล่ องก่อนนะได้ขา่ วยังไง หรือเป็นช่องทางทีท่ ำ� ได้เดีย๋ วจะ มาชวน เห็นเขาบอกว่าจะเปิดตัวในปีนแี้ ต่ยงั เงียบๆ อยู่ ยังไม่เห็นอะไร พีว่ า่ ตอนนีน้ ะถ้าเนือ้ หาน่าสนใจคนอ่านหมดแหละ เพียงแต่วา่ เรา จะเก็บตังค์กบั เขายังไง เพราะว่าเรามีคา่ ใช้จา่ ยถึงแม้วา่ เราจะไม่ได้พมิ พ์ อย่างค่าเดินทางค่าอะไรค่าใช้จา่ ยเยอะด้วยนะ ทุม่ เทเวลาอย่างน้อยเราท�ำ อยูก่ บั มันแล้วจะเลีย้ งตัวเองได้ ไม่ตอ้ งมีกำ� ไรหรอก พีว่ า่ ต้องหาช่องทางนะ ตอนนีอ้ ยากปรึกษาพวกทีท่ ำ� คลิป ท�ำแอพพลิเคชัน่ ท�ำอะไรว่ามันมีชอ่ ง ทางยังไงทีเ่ ราสามารถเอามาใช้ในงานคอนเทนต์ของเรา คือมันโพสต์ฟรี โพสต์อะไรไปคนก็อา่ นแหละ บางทีคนแชร์เป็นแสนๆ แต่คนท�ำไม่ได้อะไร ซึง่ บางคนบางเว็บเอาของเราไปท�ำการค้าเนอะ เอาค�ำคมเอาอะไรของเรา ไปใส่เพจแล้วเป็นเครดิตเป็นอะไรขายเป็นเรือ่ งเป็นราว อย่างพวกหน้าเพจ อะไรแบบนี้ เขามีคนมาจ้างให้เขาเขียนเชียร์นเี่ ขาเก็บตังค์นะ แบบว่าลง ครัง้ ละ หรือเดือนละ 5 พัน ลงอาทิตย์ละ 2-3 ครัง้ พวกหน้าเพจอะไรที่ ชอบมาแชร์ของเราไปเนีย่ เขาได้ตงั ค์นะ แต่เราคนท�ำคอนเทนต์เราไม่ได้ ตังค์ แล้วพีไ่ ม่มคี วามรูเ้ รือ่ งพวกนีจ้ ะพยายามคุยกับคนทีเ่ ขามีความรูว้ า่ เขา จะแนะน�ำอะไรเราได้บา้ ง ทีเ่ รานึกถึงว่าอีก 10 ปี เราแก่ๆนะ เราหาเงินไม่ ได้แล้ว โพสต์ได้อย่างเดียวแล้วเราจะเลีย้ งตัวเองได้ยงั ไง (หัวเราะ) พวกเรานักหนังสือพิมพ์นนี่ ะบางทีเหมือนท�ำทิง้ ท�ำขว้างนะ เพราะ บางทีขา่ วสารพอลงหนังสือไปแล้วก็เอามาใช้อะไรไม่ได้แล้วซึง่ ในขณะที่ เขียนเราทุม่ เทพลังมาก ถ้าเราจะคิดเป็นนักเขียนจริงๆ จะเป็นอาชีพของ เราจริงๆ เราต้องคิดตัง้ แต่เริม่ เขียนเลยว่าท�ำยังไงงานเขียนเราถึงจะไม่ เชย ไม่เอาต์ อันนีค้ อื ตัวก�ำหนดเนือ้ หาเรา ทีพ่ เี่ ขียนลงมติชนสุดสัปดาห์ เนีย่ พีก่ ท็ งิ้ เยอะนะ พีใ่ ช้ได้ประมาณครึง่ นึงอ่ะ อีกครึง่ นึงทิง้ บางเรือ่ งอย่าง แนะน�ำเทป แนะน�ำหนัง บางทีมนั ต้องไหลตามข่าวสารน่ะ ทิง้ ก็ยอมทิง้

36

ปล่อย Release E-Magazine

แต่ถา้ บางอันเราจับเนือ้ หาสาระอะไรทีม่ นั มีแก่นมากกว่านัน้ แล้วเราเอา มาเขียนให้มนั มากกว่านัน้ มันก็อยูน่ ะ ก็เอามารวมเล่ม (อย่างเช่นหนัง ในใจ ’ปราย พันแสง) อีกอันหนึง่ ทีพ่ ภี่ มู ใิ จนะก็คอื คาเฟ่เสน่หา นีก่ เ็ อา มาจากมติชนสุดสัปดาห์หมดเลย แต่วา่ เนือ้ หามันยังโอเค เนือ้ หาทีเ่ กีย่ ว กับความสัมพันธ์ของคน เกีย่ วกับความเป็นจริงของชีวติ มันก็ไม่คอ่ ยเอา ต์หรอก ยกเว้นอะไรทีม่ นั ต้องเกีย่ วข้องกับข่าวสารหรือเหตุการณ์ชว่ งนัน้ มากๆ อันนัน้ เอาต์แน่ๆ

Q : เดีย๋ วนีไ้ ด้ดหู นังใหม่ๆ บ้างไหม A : จะมีเวลาดูนอ้ ยลง เพราะว่าจริงๆ แล้วตอนไปอยูท่ ปี่ ายพวก ซีดที ซี่ อื้ พวกโหลดหนังอะไรเนีย่ ตัง้ ใจมากแต่เอาเข้าจริงแล้วไม่มเี วลาดู เลย เพราะงานทีร่ า้ นพูดจริงๆ เลยคือ ไม่ได้นงั่ เลยนะ เดินทัง้ วัน จนมีชว่ ง หนึง่ พีข่ าบวมเลยนะ ปิดร้านสีท่ มุ่ ยังไม่เทีย่ งคืนเลยหลับแล้ว ถ้าเป็นช่วงนีก้ ร็ สู้ กึ ว่าจะเงียบๆ หน่อย เห็นน้องเขาบอกนะ แต่ที่ ปายถ้าชอบถ่ายรูปนะต้องไปหน้าฝน สวยมาก ถ้าเป็นหน้าหนาวก็จะเป็น หน้าท�ำรายได้ของเรา

Q : ’ปราย พันแสง ชอบเขียนจดหมายหรือเปล่า A : ตอนนีน้ อ้ ยมากแล้ว อีเมลนีก่ ย็ งั แบบว่า... Q : เมือ่ ก่อนเขาสือ่ สารกับนักเขียนยังไง ก่อนจะมีเฟซบุค๊ A : เขียนมติชนใหม่ๆ โอ๊ย จดหมายเยอะนะ เป็นลังๆ ทิง้ เพราะ ปลวกขึน้ ไปตอนทีไ่ ม่ได้อยูบ่ า้ นน่ะ ทิง้ ไปหลายลังเลยแหละ

Q : จดหมายรักมีบา้ งไหม A : เออนะ ถ้าพีเ่ ป็นนักเขียนหนุม่ นะ คงจะได้สาวๆ กรีด๊ เยอะ นะ สมมติวา่ เป็นนิว้ กลมตอนนี้ (หัวเราะ) แต่ความเป็นผูห้ ญิงนะ มันก็ไม่ ได้หรอก แหมเราก็มแี ฟนแล้ว จะไอ้นนู่ ไอ้นมี่ ากมันก็ไม่ได้ ก็มบี า้ งแบบมา ทีบ่ า้ นมารอ(หัวเราะ) แต่จะมาท�ำไม (หัวเราะ) เป็นผูห้ ญิงด้วยนะ แฟน หนังสือพีเ่ ป็นผูห้ ญิงเยอะนะ ผูช้ ายก็ออกแนวจีบๆ ก็นดิ หน่อยแต่มนั ก็ไม่ ได้มอี ะไรมากมาย เรานึกภาพออกไง คือถ้าเราเป็นผูช้ าย คือโอกาสทีจ่ ะ จีบผูห้ ญิงมันเปิดกว้างมากกว่า แต่ของพีไ่ ม่มอี ะไรตรงนัน้ หรอก ถ้าพีเ่ ป็น ผูช้ ายอาจจะสนุกกับชีวติ มากกว่านีก้ ไ็ ด้ ……………………………. ** ขอบคุณภาพบรรยากาศการอ่านในร้านหนังสือ ภาพลายเส้น และเมนูสวยๆ จากเว็บเพจ ร้านหนังสือฟรีฟอร์ม Lonely Pai@ถนนคน เดินปาย


บทกวีของ ’ปราย พันแสง กวี ฉันรูส้ กึ ตกใจ เมือ่ ได้ยนิ ใครคนหนึง่ บ่นร�ำคาญ ว่าท�ำไมกวีจงึ พูดถึงแต่สง่ิ เก่าๆ ซ�ำ้ แล้วซ�ำ้ เล่า เช่น ท้องฟ้า ดวงจันทร์ ดวงดาว... ไม่หาอย่างอืน่ มาพูดถึงบ้าง เช่น รถมอเตอร์ไซค์ บทกวีมอี สิ ระเสมอ... กวีจะพูดถึงสิง่ ใดก็ได้ สิง่ ส�ำคัญอยูท่ คี่ วามหมาย ความงาม ความจ�ำเป็น

หรือสิง่ ทีช่ วี ติ ควรตระหนัก กวีคอื นักประดิษฐ์ ทีแ่ นบชิดกลมกลืนอยูใ่ นธรรมชาติอนั ยิง่ ใหญ่ อาจไม่จำ� เป็นต้องเลีย่ งเลยด้วยซ�ำ้ หากกวีจะเอ่ยถึงสิง่ ต่างๆ ดังว่าขึน้ มาอีกหลายครัง้ ใช่แล้ว... กวีอาจพูดถึงอะไรก็ได้ แต่ดวงจันทร์คงซ่อนหน้าร้องไห้ หากกวีเห็นว่ามอเตอร์ไซค์สวยกว่า *จากหนังสือ โบยบินแล้วไม่หวนคืน (เรือ่ งส่วนตัว)

ปล่อย Release E-Magazine

37


ยใจไปดู ปล่อยให้ นงั่ คุหยนักังบหนังสือ เรื่อง : เภตรา ละคร

แมน ออฟ ลา มันช่า...

โลกทีค ่ วรเป็น & โรมูลส ู มหาราช ...ความจริงทีต่ อ้ งยอมรับ ตอน 1 38

ปล่อย Release E-Magazine


บทละครและละครดี ๆ ยังท�ำหน้าทีเ่ ช่นเดียวกับยุคแรกๆ ทีม่ นั เกิดมา นัน่ คือให้ทงั้ ความ สนุกสนานและข้อคิด ท�ำให้คนดูรสู้ กึ สะเทือนใจ เวทนาและละอาย

อคิเลส : ... จริง ๆ นะ ... โลกจะเป็นอย่างไรหากไม่มชี าวโรมัน อย่างเรา อย่างฉันนีท่ อ่ งงานของเวอร์จลิ ได้ขนึ้ ใจ ... (โรมูลสู มหาราช) ดอน กีโฮเต้ : จักรพรรดิออกัส ซีซาร์ คงไร้พระสติ หากแม้นทรง กระท�ำตามพินยั กรรมของยอดกวีแห่งมันตัว (หมายถึงกวีเวอร์จลิ แห่งโรมัน ทีส่ งั่ ให้เผามหากาพย์อเี ลียด) (ดอน กีโฮเต้) สวัสดีครับคุณผูอ้ า่ น .. วันนีข้ ออนุญาตเล่าเรือ่ ง ‘หนังสือ’ ทีเ่ ป็น ‘บทละคร’ สักวัน นัน่ คือบทละครเรือ่ ง “สูฝ่ นั อันยิง่ ใหญ่ Man of lamancha” ( เขียน โดย เดล วาสเซอร์มนั แปลเป็นภาษาไทย โดย อ.มัทนี เกษกมล) และ “การมาเยือนของหญิงชรา และโรมูลสู มหาราช” (บทละครโดย ฟรีดริช ดืรเรนมัตต์ แปลโดย อ.อ�ำภา โอตระกูล ส�ำนักพิมพ์คบไฟ) “ร่มเงาของละคร” ... อักษรศาสตร์เป็นเสมือนร่มเงาขนาดใหญ่ของละคร เพราะละคร และอักษรศาสตร์นนั้ แยกจากกันไม่ได้ โดยที่ “ละคร” ก�ำเนิดมาก่อน - ต่อ เมือ่ ตัวอักษรมี ก็คงมีคนจดบันทึกบทละคร แม้ในปัจจุบนั หากเราลองถามผูส้ ร้างละครก็จะพบว่า สิง่ แรก ๆ ที่ ส�ำคัญทีพ่ วกเขาต้องมี ก็คอื “บทละคร” และนักแสดงนัน่ เอง เชือ่ ว่าละครถูกพัฒนาอย่างต่อเนือ่ งพร้อมกับอารยธรรมของมนุษย์ เมือ่ แรกมีการสร้างสังคม มีผนู้ ำ� ผูต้ าม มีการก�ำหนดบทบาทหน้าที่ มีการ ละเล่น มีการสัง่ สอน เกิดลัทธิทนี่ บั ถือธรรมชาติและสิง่ ลีล้ บั ตามความเชือ่ ต่าง ๆ มีการแสดงการสักการะบูชา มีการแสดงให้ผคู้ นเห็นว่าผลของ การกระท�ำไม่ดนี นั้ เป็นเช่นไร โดยแสดงการพูด ร้อง แสดงท่าทาง หรือ เริม่ ใช้จงั หวะและดนตรีมาเสริมให้ตรึงใจ กระทัง่ ส่งผลกระทบต่อความคิด ความรูส้ กึ ... เมือ่ นัน้ การละครได้เกิดขึน้ “จากเรือ่ งราวสูบ่ ทละคร” ชาวกรีกโบราณเล่นละครกันมานับพันปีกอ่ นคริสตกาล อริสโตเติล (384-322 ก่อน ค.ศ.) ผูร้ ว่ มวางรากฐานละครกรีก บันทึกในหนังสือ The Poetics ของเขาว่า ละครของกรีกเริม่ จากพิธบี ชู าเทพไดโอนีซสุ ซึง่ เป็น เทพเจ้าแห่งเหล้าไวน์และความอุดมสมบูรณ์ เรียกว่าสวด dithyramb โดย ใช้กลุม่ ลูกคู่ (chorus) เป็นผูร้ อ้ งเพลงและเล่าเรือ่ ง จนกระทั่งถึงยุครุ่งเรืองของละครกรีกที่ยังเหลือบทละครตกทอด มาถึงปัจจุบนั นัน่ คือสมัยของ โซโฟคลีส (Sophocles 495-406 ก่อน ค.ศ.) หนึง่ ในสามนักเขียนบทละครโศกนาฏกรรม (Tragedy) ผูย้ งิ่ ใหญ่ ของกรีก (อีกสองคน คือ Aeschylus และ Euripides) โซโฟคลีสเขียน บทละครไว้ราว 120 เรือ่ ง เหลือมาถึงปัจจุบนั 7 เรือ่ ง คือ Antigone,

Oedipus Tyrannus, Electra, Ajax, Trachniae, Philoctetes และ Odipus at Colonus ถือเป็นบทละครสมบูรณ์ทเี่ ก่าทีส่ ดุ โดยหลาย เรือ่ งเป็นตัวอย่างยอดเยีย่ มของละครกรีกคลาสสิก ยังมีผนู้ ยิ มอ่านและ จัดแสดงมาจนทุกวันนี้ ... บทละครดี ๆ นัน้ ก็คอื วรรณกรรมชัน้ ดี ... ผูอ้ า่ นย่อมได้รสชาติเช่น เดียวกับการอ่านวรรณกรรมชัน้ เยีย่ มประเภทอืน่ บทละครดี ๆ จ�ำนวน มากของโลกนัน้ เหมาะทัง้ “อ่าน-เล่น” ผูอ้ า่ นย่อมสามารถมีอารมณ์รว่ ม ไปกับบทสนทนาและสถานการณ์ตา่ ง ๆ ทีต่ วั ละครพบเจอ ได้จนิ ตนาการ น�ำ้ เสียงท่าทางของตัวละคร ได้อา่ นออกเสียงดัง ๆ หรือสมมติให้เราเป็น ตัวละครสักตัวร่วมผจญภัยไปกับเรือ่ ง เหล่านีส้ ร้างความสนุกได้อย่างวิเศษ บทละครและละครดี ๆ ยังท�ำหน้าทีเ่ ช่นเดียวกับยุคแรกๆ ทีม่ นั เกิด มา นัน่ คือให้ทงั้ ความสนุกสนานและข้อคิด ท�ำให้คนดูรสู้ กึ สะเทือนใจ เวทนาและละอาย ทีล่ ะครกรีกใช้คำ� ว่า pity and fear ท�ำให้คนดูกลัวว่า จะมีชะตากรรมเหมือนตัวละคร น�ำไปสูค่ วามเข้าใจในเหตุและผลแห่งทุกข์ ละครมีเป้าหมายสูงสุดเพือ่ ช�ำระจิตวิญญาณ (Catharsis) ดังทีผ่ ดู้ ู อีดปิ สุ ห รืออันตราคนี (บทละครของโซโฟคลีส) ในปัจจุบนั ยังคงได้รบั สาร, ความ คิดและความรูส้ กึ เหล่านีต้ ลอดมา ในระยะเวลาอันยาวนานกว่าสองพันปี “คนเขียนบท” ... ขณะที่ วิลเลียม เชกสเปียร์ เพิง่ ถือก�ำเนิด ณ ประเทศอังกฤษ เมือ่ เกือบ 500 ปีทแี่ ล้ว หรือตรงกับรัชสมัยพระนเรศวรของไทย, อีกฟากหนึง่ ของโลก “มิเกล เด เซรบานเตส ซาเบดรา” ลูกชาย หมอผ่าตัดและช่างตัดผมยากจน (สันนิษฐานว่าเขาเกิดวันที่ 29 กันยายน 1547 และด้วยอาชีพพ่อ ท�ำให้ในเรือ่ งเล่าของเขามักมีตวั ละครอาชีพนี้ เสมอ) ชาวเมืองอัลกาล่า เด เอนาเรส เมืองเล็กๆ ใกล้กรุงมาดริด ใน ประเทศสเปน ก�ำลังหนุม่ อายุได้ราว 22 ปี ได้เป็นทหารและเดินทางไป ร่วมรบในอิตาลี ในสงครามระหว่างพวกมัวร์และคริสเตียน และร่วมรบ กับชาวเติรก์ ทีส่ มรภูมเิ ลปันโต้ ทีซ่ งึ่ เขาได้สอู้ ย่างกล้าหาญจนถูกกระสุน ทีแ่ ขนซ้ายได้รบั บาดเจ็บและพิการ ต่อมา ได้รบั แต่งตัง้ เป็นกัปตันเรือรบ กองเรือของเขาถูกกองเรือโจรสลัดโจมตี เขาถูกจับไปเป็นเชลยและถูก ขายเป็นทาสในอัลเจียร์ทางตอนเหนือของแอฟริกานาน 5 ปี เขากับพวก พยายามหนีถงึ 4 ครัง้ แต่กล็ ม้ เหลวทุกครัง้ จนกระทัง่ มีการรวบรวมเงิน เป็นค่าไถ่ เขาจึงได้เดินทางกลับบ้านทีส่ เปน แต่ในสเปนนีเ้ อง เขากลับมีชวี ติ ตกต�ำ่ เป็นเพียงข้าราชการชัน้ ผูน้ อ้ ย ทีม่ รี ายได้แทบไม่พอเลีย้ งดูครอบครัว แถมยังต้องเข้าคุกเป็นว่าเล่น ด้วย ข้อกล่าวหาต่าง ๆ จากรัฐบาลและศาลศาสนา ในปี ค.ศ.1597 ต้องโทษ ข้อหาเป็นผูบ้ อ่ นท�ำลายศาสนจักร แต่ทา่ มกลางความล�ำบากยากเข็ญเช่น

ปล่อย Release E-Magazine

39


ยใจไปดู ปล่อยให้ นงั่ คุหยนักังบหนังสือ

นัน้ ... เซรบานเตสก็ยงั มีความกระตือรือร้นและมีกำ� ลังใจอยูเ่ สมอ เขา ได้เขียน “ดอน กีโฮเต้” หนึง่ ในวรรณกรรมทีย่ งิ่ ใหญ่ทสี่ ดุ ในโลกขึน้ จาก ประสบการณ์การท่องโลกและจากชะตากรรมทีเ่ หวีย่ งไปเหวีย่ งมานัน้ ผู้ อ่านส่วนหนึง่ คิดว่าเขาอาจเขียนเรือ่ งนีข้ นึ้ มาในคุก จากประวัตทิ ตี่ ดิ คุก อยูบ่ อ่ ย ๆ และจาก “อารัมภบท” ของเรือ่ ง ทีว่ า่ “มันสมองว่างเปล่าแลร�ำ่ เรียนมาน้อยของข้าพเจ้าจักให้กำ� เนิดสิง่ ใด ได้เล่า นอกจากผลงานอันแห้งแล้ง หัวมังกุทา้ ยมังกร ตามอ�ำเภอใจผู้ เขียน แลเต็มไปด้วยความคิดฝันแสนยุง่ เหยิงสุดทีผ่ ใู้ ดจะคาดคิด อันเป็น ธรรมดาของทารกทีถ่ อื ก�ำเนิดในทีค่ มุ ขัง ปราศจากความสะดวกสบาย จะ มีกแ็ ต่เสียงแห่งความโศกตรมระงมไปทัว่ ทัง้ ห้อง ... ” (ส�ำนวนแปล สว่าง วัน ไตรเจริญวิวฒ ั น์) “ดอน กีโฮเต้” ตีพมิ พ์ภาคแรกออกมาในปี ค.ศ.1605 ขณะนัน้ เซ รบานเตสมีอายุ 58 ปี ซึง่ ในยุคนัน้ ถือว่าแก่ชราดุจไม้ใกล้ฝง่ั แล้ว แต่เขา ยังคงเขียนหนังสือต่อไปอย่างไม่หยุดยัง้ และใช้เวลาอีก 10 ปี กว่าดอน กีโฮเต้ภาคสองจะได้ตพี มิ พ์ และเขาชราลงมาก หลังจากได้รบั รูช้ นื่ ชม ความส�ำเร็จเพียงเล็กน้อย เขาก็จากไป เนือ้ หาของนิยาย ดอน กีโฮเต้ กล่าวถึงอุดมคติและจินตนาการ อันยิง่ ใหญ่ของชายทีเ่ ชือ่ ว่าตนเองคืออัศวินนาม “ดอน กีโฮเต้” เขา ละทิง้ ครอบครัวและหมูบ่ า้ นเล็กๆ ชือ่ ลามันช่า เพือ่ ออกไปเผชิญโชคเยีย่ ง อัศวิน คอยพิทกั ษ์ความยุตธิ รรม ความดีงาม ช่วยเหลือผูท้ อี่ อ่ นแอกว่า และมองโลกอย่างสวยงาม แม้จะถูกประณามหยามเหยียดเพียงใดก็ไม่ ท้อถอยโดยง่าย ... ปี 1959 “เดล วาสเซอร์มนั ” นักเขียนบทละครชาวอเมริกนั เดิน ทางไปสเปน และพบข่าวน่าประหลาดใจในหนังสือพิมพ์เมืองมาดริด เขา เดินทางมาเพือ่ หาข้อมูลกลับไปเขียนบทละครเรือ่ ง ดอน กีโฮเต้ .. แรกเริม่ เดิมทีเขาเองก็เช่นเดียวกับคนทัว่ ไปในโลกตะวันตก ทีค่ นุ้ เคยกับชือ่ ดอน กี โฮเต้ โดยไม่เคยอ่านนิยายทีเ่ ซรบานเตสเขียน อย่างน้อยในพจนานุกรม ภาษาอังกฤษ ค�ำว่า quixote ก็มปี รากฏอยู่ และมักถูกหยิบยกขึน้ มาใช้เพือ่ ระบุถงึ ความคิด การกระท�ำ หรือลักษณะของคนทีเ่ พ้อฝัน หรือพยายาม ท�ำในสิง่ ทีเ่ ป็นไปไม่ได้ วาสเซอร์มนั จึงเริม่ หยิบเอา ดอน กีโฮเต้ ขึน้ มาอ่าน ทัง้ รูส้ กึ ว่าเรือ่ ง ราวอันยาวเหยียดนีค้ งยากทีจ่ ะเขียนเป็นบทละคร แต่แล้ว หลังจากการ ทีเ่ ขาได้ขดุ ค้นลงไปในประวัตเิ ซรบานเตส ก็เริม่ ประทับใจในเรือ่ งราวชีวติ

40

ปล่อย Release E-Magazine

ทีผ่ า่ นประสบการณ์มาอย่างโชกโชน เคยเป็นทัง้ ทหาร นักแสดง คนเก็บ ภาษี นักเขียนบทละคร นิยาย ซ�ำ้ ยังถูกขังคุกหลายครัง้ ท่ามกลางความล้มลุกคลุกคลานเหล่านี้ อะไรเล่าท�ำให้เซรบานเต สสามารถผลิตงานเช่น ดอน กีโฮเต้ ในบัน้ ปลายของชีวติ ทีด่ จู ะมีแต่ความ ยากจนเสือ่ มโทรมล้มเหลวได้ ... คงต้องอาศัยวิญญาณอันทรงพลังของ ความเป็นมนุษย์นนั่ เอง ทีก่ ลัน่ กรองและบันดาลให้เขาท�ำงานชิน้ ส�ำคัญ นีไ้ ด้จนส�ำเร็จ กระทัง่ กลายมาเป็นวรรณคดีอนั ยืนยงของโลก... เมือ่ คิดได้ เช่นนี้ เดล วาสเซอร์มนั จึงเริม่ เขียนบทละคร ... โดยการเล่าเรือ่ ง ดอน กีโฮเต้ ผ่านชีวติ ของตัวละครทีช่ อื่ มิเกล เด เซ รบานเตส ซึง่ ได้แรงบันดาลใจมาจากชีวติ ของเซรบานเตสจริง ๆ โดยแรก สุดนัน้ เขาเขียนเป็นบทละครส�ำหรับออกอากาศทางโทรทัศน์ ความยาว 90 นาที ซึง่ ได้รบั การตอบรับจากผูช้ มอย่างดีเยีย่ มเป็นปรากฏการณ์ ทัง้ ยังได้รบั รางวัลหลายรางวัล แต่เขากลับยังไม่พอใจ ด้วยเห็นว่าโทรทัศน์มี ข้อจ�ำกัดบางประการทีท่ ำ� ให้ละครไม่บรรลุตามจินตนาการและความตัง้ ใจ ทีเ่ ขาฝันไว้ จึงเขียนขึน้ ใหม่สำ� หรับเล่นบนเวทีบรอดเวย์ และปรับเป็น ละครเพลง มี Joe Darion เขียนค�ำร้อง และ Mitch Leigh ประพันธ์ ท�ำนอง ในทีส่ ดุ ก็ได้ผลงานทีเ่ ขาเรียกว่า การผจญภัยไปในอาณาบริเวณ ของการเสาะแสวงทางรูปแบบ กลวิธี และปรัชญา เพือ่ จะสร้าง Man of La mancha ให้ออกมาสมบูรณ์ทสี่ ดุ เท่าทีเ่ ขาและเพือ่ นร่วมงานจะฝันถึง ได้ ... ในทีส่ ดุ ละครก็ได้เล่นทีบ่ รอดเวย์ ในระหว่างปี 2508–2514 ได้รบั ปฏิกริ ยิ าและค�ำชืน่ ชมทีด่ เี ยีย่ มจากผูช้ มและนักวิจารณ์ กลายเป็นละคร เพลงทีป่ ระสบความส�ำเร็จอย่างสูงและเป็นละครทีม่ ชี อื่ เสียงมากทีส่ ดุ เรือ่ ง หนึง่ ในประวัตศิ าสตร์ของบรอดเวย์ นักวิจารณ์กล่าวยกย่องว่าละครเรื่องนี้ว่าเป็นการปลุกวิญญาณ ของ ดอน กีโฮเต้ ให้กลับฟืน้ คืนมาได้อย่างสง่างาม ทรงพลัง เต็มไปด้วย จินตนาการบรรเจิด และด้วยความสัตย์ซอื่ ต่อความใฝ่ฝนั อันเป็นอมตะ ที่ ส่งทอดจากศตวรรษทีส่ บิ เจ็ดมาสูค่ นรุน่ หลัง ด้วยศิลปะการละคร ศิลปะ ที่เซรบานเตสรักและผูกพัน แม้จะไม่เคยประสบความส�ำเร็จใดๆ จาก บทละครกว่า 40 เรือ่ งทีเ่ ขาเขียนขึน้ ตลอดเวลาทีเ่ ขามีชวี ติ อยูเ่ ลยก็ตาม (ข้อมูลประวัติ เดล วาสเซอร์มนั และเซรบานเตส ส่วนหนึง่ เรียบเรียง จากนวนิยาย ดอน กีโฮเต้ ขุนนางต�ำ่ ศักดิน์ กั ฝัน นิตยสารถนนหนังสือ และจากเว็บไซต์ตา่ งๆ)


โลกเรามักจะมีคนสองแบบเช่นนีแ้ หละ คนทีว่ า่ ยจนหมดแรงเพือ่ ไปให้ไกลฝัง่ ทีส่ ดุ กับ คนทีว่ า่ ยไปพร้อมออมก�ำลังไว้กลับฝัง่ คนแบบไหนกันเป็นผูช้ นะทีแ่ ท้จริง

ปล่อย Release E-Magazine

41


ปล่อยให้นงั่ คุยกับหนังสือ

42

ปล่อย Release E-Magazine


“แมน ออฟ ลา มันช่า กับ โลกทีค่ วรเป็น” ... บทละครเปิดฉากในคุก ตามบทบรรยายว่า ฉากเกิดทีป่ ระเทศสเปน ตอนปลายศตวรรษที่ 16 ณ คุก แห่งหนึง่ ในนครเซวิล และสถานทีอ่ นื่ ๆ ตามจินตนาการของ มิเกล เด เซรบานเตส ... ฉากที่ 1 ห้องโถงในคุกหิน ซอกหลืบต่างๆ จมหายอยูใ่ นเงามืด มีซอกเล็กมุมน้อยทีบ่ รรดานักโทษใช้ซกุ หัวนอน ตัวห้องอยูใ่ ต้ดนิ มี บันไดชักทอดลงมา แสงลอดผ่านตะแกงเหนือหัวลงมาสว่างเป็น หย่อมๆ ทีพ่ นื้ มีประตูกลส�ำหรับลงไปเบือ้ งล่าง เวทีทางขวามีเตาไฟ ครอบด้วยตะแกรง เวทีดา้ นซ้ายเป็นบ่อน�ำ้ สิง่ ประกอบฉากอืน่ ๆ พวก นักโทษจะน�ำมาตัง้ และเอาออกไปตามแต่จะระบุ บริเวณคุกนีเ้ ป็นฉากหลัก ซึง่ เซรบานเตสจะใช้เนรมิตฉากดอน กีโฮเต้ตา่ งๆ ขึน้ มาตามบทละครทีเ่ ขาแต่ง เป็นเวทีซงึ่ ปรับฉากได้ตาม ความเหมาะสม ให้รสู้ กึ ว่าทุกสิง่ เกิดจากการคิดค้นเอาเดีย๋ วนัน้ ไม่ ว่าจะเป็นฉากเครือ่ งประกอบฉาก หรือเครือ่ งแต่งกาย ต้องดูเหมือน ว่าปรับใช้จากข้าวของวัสดุทปี่ รากฏบนเวทีอยูแ่ ล้ว และได้สมทบเพิม่ เติมเข้ามาจากหีบละครของเซรบานเตส ... เริม่ ด้วยเพลงโหมโรง จากนัน้ แสงทีว่ งดนตรีคอ่ ยๆ มืดลงทีละ น้อย นักโทษบางคนขดตัวอยูใ่ นเงามืด คนหนึง่ ดีดกีตาร์ อีกคนหนึง่ เต้นระบ�ำเข้ากับจังหวะกีตาร์ เป็นระบ�ำสเปนในลีลาเย้ายวน ทว่าผู้ เต้นเต้นอย่างเบือ่ ๆ ทุกอย่างเงียบกริบลงและหยุดนิง่ เมือ่ บานประตูตรงหัวบันได เปิดออก แสงสาดเป็นทางลงมา บันไดถูกชักทอดลงมา จากนัน้ จึงมี คณะเล็กๆ เดินลงมาตามบันได คนแรกแต่งชุดนายทหาร หนึง่ หรือ สองคนก�ำลังช่วยคนรับใช้ตวั อ้วนยกหีบฟางขนาดใหญ่บบุ บูบ้ ี้ และ ท้ายสุดได้แก่ เซรบานเตส ... บรรยายถึงสถานทีเ่ กิดเรือ่ งเพียงเท่านี้ เราผูอ้ า่ นก็ได้รบั ความตืน่ เต้นไปกับจินตภาพการเปิดเรือ่ งด้วยสถานทีอ่ นั น่าสนใจไร้ ทางออก นัน่ คือ “คุกหินใต้ดนิ ” ทีม่ เี พียงแสงสลัวๆ ให้บรรยากาศ เย็นเยียบชวนพรัน่ พรึง เป็นทีร่ วมของคนเลวร้าย หมายความว่าเรือ่ ง ร้าย ๆ ต่าง ๆ นานา ก็สามารถเกิดขึน้ ได้งา่ ยในสถานทีเ่ ช่นนี้ อีก ทั้งที่นี่ยังมีไว้เพื่อรอเรียกตัวนักโทษเข้าสู่การตัดสินโทษขั้นรุนแรง ซึง่ อาจถึงขัน้ ประหารชีวติ “...ยังไม่ทนั ได้สอบอะไร ก็ถกู ตัดสินเผา ทัง้ เป็นเสียแล้ว ...” มาดูการบรรยายตัวละคร เซรบานเตส กันบ้าง มิเกล เด เซรบานเตส เป็นชายร่างผอมสูง กิรยิ าสุภาพอ่อน โยนแบบผูด้ ี แต่กม็ อี ารมณ์ขนั เขาอายุราวสีส่ บิ ปลาย แต่คณ ุ สมบัติ

เด่นกลับเป็นอุปนิสยั เด็กๆ ปราศจากมายาสาไถย นัน่ คือ มีความ สนเท่หใ์ นพฤติกรรมมนุษย์อย่างแรงกล้า เป็นความบริสทุ ธิจ์ ริงใจที่ ท�ำให้เกือบจะเอาตัวไม่รอด เขาสนุกกับการเล่นละครเหมือนเด็กๆ อีกเช่นกัน แต่เนือ่ งจากตัวเขาเองเป็นนักแสดงทีผ่ า่ นการฝึกปรือมา อย่างดี เมือ่ ถึงเวลาแสดงจริง จึงแปรความสนุกนีไ้ ปเป็นการแสดง อย่างถึงบทเต็มที่ ... และนีค่ อื บทสนทนาเปิดเรือ่ ง นายทหาร (มองเซรบานเตส พูดแดกดัน) ไง ทีพ่ กั ไม่สบ อารมณ์เรอะ เซรบานเตส เปล่าเลย ดู ... น่าสนใจ นายทหาร ห้องขังอยูข่ า้ งล่าง นีเ่ ป็นห้องรวมส�ำหรับพวก ทีต่ อ้ งคอย เซรบานเตส ต้องคอยกันนานแค่ไหนครับ นายทหาร บางคนก็ชวั่ โมงเดียว ... บางคนก็ชวั่ ชีวติ เซรบานเตส ทุกคนรอขึน้ ศาลศาสนากันทัง้ นัน้ เลยหรือครับ นายทหาร อ๋อ เปล่า พวกนีเ้ ป็นแค่หวั ขโมยกับพวกผูร้ า้ ย ฆ่าคนเท่านัน้ (ขยับจะไป) มีอะไรก็ตะโกนเรียกเอาก็แล้วกัน (นึกขึน้ มาได้) ถ้ายังมีแรงตะโกนนะ หึๆๆ (เขาออกไป บันไดถูกชักขึน้ ) ซานโช (หวาดๆ) เขาหมายความว่ายังไง เซรบานเตส ใจเย็นๆ น่า ทุกอย่างมันมีทางแก้ได้ทงั้ นัน้ ยกเว้น ความตาย ซานโช สงสัยจะเป็นไอ้นลี่ ะทีเ่ ราจะต้องหาทางแก้ (พวก นักโทษต่างล้อมวงกันเข้าราวสัตว์รา้ ยได้กลิน่ เหยือ่ ) ... ... สนุกไหมครับ ยังกับนิยายผจญภัยหรือหนังนัวร์ ๆ ชัน้ ดี ทีเดียว จากนัน้ ทัง้ สองคนก็ถกู รุมแย่งชิงข้าวของทัง้ หมดไป สิง่ ของ ส�ำคัญทีเ่ ซรบานเตสหวงแหนทีส่ ดุ ได้ถกู แย่งไปด้วย นัน่ คือต้นฉบับ นิยายเรือ่ ง “ดอน กีโฮเต้” พวกนักโทษจัดตัง้ ศาลเตีย้ ขึน้ เพือ่ พิพากษา เขาเล่นสนุก ๆ ฆ่าเวลา และหากมีการตัดสินว่าเขาผิด จะยึดทรัพย์ ทัง้ หมด โดยเฉพาะจะเผาต้นฉบับทีน่ กั โทษเห็นแล้วว่าเซรบานเตสห วงทีส่ ดุ นัน้ ด้วย เซบานเตสกับซานโชจึงต้องแก้ปญ ั หาเฉพาะหน้า สู้ คดี เพือ่ ชิงต้นฉบับกลับคืนมา ด้วยการเล่านิทานและเล่นละครเรือ่ ง “ดอน กีโฮเต้” และก�ำหนดให้นกั โทษในคุกแห่งนัน้ รับบทบาทต่าง ๆ ในเรือ่ งราวทีเ่ ขาเล่าไปด้วย ……… อ่านต่อฉบับหน้า

ปล่อย Release E-Magazine

43


ปล่อยส�ำรวจแผง เรื่อง : โรแมนติก เร็บเบิล

บ้านในหมอก

“สุขมุ พจน์ ค�ำสุขมุ จงใจจัดวางเนือ้ หาไว้เป็นเอกภาพ เดิน เรื่องไปในทิศทางเดียวกันอย่างชัดเจน โดยแบ่งเนื้อหาเป็นสอง ภาค ภาคแรก ว่าด้วย ‘บ้านในหมอก’ ทีห่ มายถึงภาพทัง้ ประเทศ หรือสังคมโดยรวม ภาคสอง เหมือนส่องกล้องเข้าไปส�ำรวจตรวจ สอบ ‘หมอกในบ้าน’ อันหมายถึงบ้านจริงๆ หรือสถาบันครอบครัว เปิดเรือ่ งด้วยยุคสร้างบ้านแปงเมืองในสภาพทีธ่ รรมชาติยงั อุดมสมบูรณ์ โดยใช้กองเกวียนเป็นสัญลักษณ์ขบั เคลือ่ นยุคสมัยที่ เปลีย่ นแปลงเร็วจนตัง้ รับไม่ทนั เป็นการพัฒนาแบบเสือ่ มถอย พร่า มัวเสมือน ‘หมอกสีเศร้า’ ปกคลุมไปทุกพืน้ ที่ ส่งผลต่อคุณภาพชีวติ ของผูค้ น สถาบันครอบครัวจึงส�ำคัญทีส่ ดุ ผูเ้ ขียนได้เน้นในเรือ่ ง ความผูกพัน ความรัก ความเข้าใจระหว่างพ่อ แม่ ลูก หลากหลาย มิติ ฉายภาพปัญหาความไม่เข้าใจระหว่างกันออกมาให้เห็นเหมือน มีหมอกในใจ บางเรือ่ งรูส้ กึ สะท้อนใจ บางประเด็นรูส้ กึ สะเทือน อารมณ์ และก่อให้เกิดแง่คดิ หลากหลายประการ ด้านศิลปะการประพันธ์ นอกจากใช้ ‘กลอนแปด’ขับเคลือ่ น

44

ปล่อย Release E-Magazine

สุขมุ พจน์ ค�ำสุขมุ เขียน จัดพิมพ์โดย กากะเยียส�ำนักพิมพ์ ราคา 140 บาท

กองเกวียนบรรทุกตัวอักษรแล้ว ผูเ้ ขียนยังมีชำ�่ ชองในการใช้ภาษา มีทักษะในเชิงวรรณศิลป์ มีลูกล่อลูกชน เล่นค�ำเล่นความอย่าง ลงตัว และแทรกอารมณ์ขนั เป็นระยะ สามารถใช้โวหารเชิงเปรียบ เทียบได้ดี ทัง้ ในแง่เนือ้ หาทีเ่ ป็นรูปธรรมและใช้ ‘หมอก’ เป็นตัวบ่ง บอกอย่างมีนยั ยะ จึงท�ำให้ “บ้านในหมอก” มีเสน่ห์ และกระตุน้ ให้ ตระหนักคิด ชวนติดตาม” คัดมาเต็มๆ ส�ำหรับค�ำประกาศของคณะกรรมการคัดเลือก รางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยีย่ มแห่งอาเซียน หรือซีไรต์ ในรอบหนังสือรวมบทกวีนพิ นธ์ของปีนี้ สุขมุ พจน์ ค�ำสุขมุ กวีที่ แวดวงรูจ้ กั กันดี ทางกลอนของเขานัน้ เรียกว่าเป็นนักเลงกลอน คนหนึง่ เทียวละ ลองฟังเสียงกวีสกั บทของเขาดูซี แค่ทำ� ไร่ไถนาประสายาก ก็ลำ� บากทุกข์เข็ญมิเห็นหน ยาต้องซือ้ ปุย๋ ต้องใช้ หมองไหม้จน ค่าของคนของความดูคล้ายคลึง


ใจเท่านัน้ บันดาลแรง

คามิน คมนีย์ เขียน จัดพิมพ์โดย ส�ำนักพิมพ์บา้ นหนังสือ ราคา 185 บาท

“ใจเท่านัน้ บันดาลแรง” ของคามิน คมนียห์ นังสือเล่มไม่บางไม่หนาซึง่ เจ้าตัวบอกว่าเป็นบันทึกข้างถ้วยกาแฟคราวเมือ่ เขาเดินทางอยูใ่ นพม่าร่วมสาม สัปดาห์ เป็นสามสัปดาห์ทคี่ ามินได้รไู้ ด้เห็นได้ฟงั เรือ่ งราวต่างๆ จากผูค้ นทีผ่ า่ นพบ แล้วตระหนักในคุณค่าของเรือ่ งทีเ่ ขาเคยประสบเมือ่ หลอมรวมกับองค์ความรูท้ ี่ สัง่ สมมาตัง้ แต่การเป็นเด็กบ้านนอกกระทัง่ ข้ามโลกไปเป็นนักเรียนทุน ณ มหา วิทยาลัยคอร์แนลล์ นิวยอร์กจึงถูกกลั่นกรองอกมาเป็นเรื่องเล่าได้อย่างเข้ม ข้นชวนหลงใหลไม่ตา่ งจากรสชาติกาแฟและกลิน่ กรุน่ หอมทีเ่ พิง่ ยกออกมาจาก เครือ่ งบดก็ปานนัน้ ภายในถูกจัดแบ่งไว้เป็น 7 ตอนตามประเภทของชนิดกาแฟพร้อม เสิรฟ์ เริม่ จากเอสเปรสโซ่ ลาเต้ อเมริกาโน่กาแฟโบราณ มอคค่า โกปี๊ และ คาปูชิโน ...เนื้อหาเริ่มต้นด้วยเรื่องเล่าถึงชะตาชีวิตสุดเข้มขมแต่ก็เสมือน กระตุ้นหัวใจคอกาแฟ (คนอ่าน)ให้ตื่นเร้ากับแรงพลังแห่งใจที่บันดาลให้ชีวิต ของแต่ละคนโลดทะยานอยู่บนโลกใบนี้อย่างถึงซึ่งรสชาติกันก่อนเลยทีเดียว ...“ผมยังจ�ำภาพก๊อปปีข้ องเต็น ลิน บนผืนโสร่งได้ตดิ ตาและยังรูส้ กึ เสียวไส้อยูไ่ ม่ หายเจ้าของอาร์ตแกลเลอรีในตลาดสก๊อตบอกว่าชือ่ ภาพ “ซิกส์ ฟิงเกอร์ (six nfi gers)” หรือหกนิว้ ภาพชายผอมเหลือแต่กระดูกซึง่ มีนวิ้ มือไม่ครบสิบ เต็น ลินวาด จากภาพชีวติ จริงของคนในคุกเป็นทีร่ กู้ นั ว่า นักโทษยากจนผูไ้ ม่มเี งินจ่ายสินบน (ประมาณห้าสิบถึงหนึง่ ร้อยเหรียญสหรัฐ) ให้แก่เจ้าหน้าทีค่ กุ จะต้องถูกส่งไปท�ำงาน หนักในค่ายริมบึงอันชุกชุมไปด้วยยุงและไข้มาลาเรียหรือไม่กเ็ หมืองระเบิดหิน เต็น ลินอธิบายประกอบภาพเขียนของเขาว่าวิธเี ดียวทีน่ กั โทษจนยากจะหลบเลีย่ ง ค่ายล�ำเค็ญเช่นนีค้ อื การประสบอุบตั เิ หตุซงึ่ มักจะท�ำโดยให้เพือ่ นนักโทษด้วยกัน ใช้จอบหรือเสียมในสวนของเรือนจ�ำตัดนิว้ มือของเขาออกไปสักสองหรือสามนิว้ ผมกางมือสองข้างของตัวเองออกจ้องมอง... ยังมีขา้ งละห้านิว้ ครบถ้วน...ไม่มคี กุ ภายนอกใดๆกักขังผมไว้ ไม่มใี ครห้ามผมไม่ให้วาดรูปแล้วท�ำไมผมจึงไม่ปลดปล่อย วิญญาณนักวาดภาพออกมาเสียที...” ตัวอย่างรสชาติขมๆ จากชือ่ ตอน ศิลปิน ใครจักอาจกักขังจิตวิญญาณของ มนุษย์เรือ่ งเล่าชีวติ จิตรกรพม่าทีถ่ กู คุมขังในคุกนักโทษประหาร และผลงานกว่า 200 ชิน้ ทีส่ ร้างขึน้ ขณะอยูใ่ นคุกได้สง่ แรงสัน่ สะเทือนเข้าสูห่ วั ใจของผูค้ นบนโลก แห่งอิสระได้อย่างทรงพลัง รสชาติกาแฟพร้อมเสิรฟ์ ทัง้ 7 ถ้วยในเช้านีเ้ ล่นเอาหัวใจผมสัน่ จนนึกตัวเอง เดินเล่นอยูท่ ใี่ ดทีห่ นึง่ ในพม่าและคงตาค้างอยูเ่ ป็นวันแน่เทียว...

ปล่อย Release E-Magazine

45


ปล่อยใจไปดูหนัง เรื่อง : โจนาธาน

ดอกไม้บานกลางไฟสงคราม

46

ปล่อย Release E-Magazine


พวกเธอพิสจู น์ให้โลกได้รวู้ า่ ไม่วา่ จะยามไหน สงบ หรือรบพุง่ ดนตรีคอื ยาวิเศษทีพ่ ร้อมจะรักษา หัวใจให้กบั ทุกๆ คนได้ทกุ ครา ดนตรีคอื ดอกไม้ดอกงามๆ ทีพ่ ร้อมจะเบ่งบานในทุกแห่งหน

มี

หนังทีเ่ กีย่ วกับสงครามเพียงไม่กเี่ รือ่ งทีน่ ำ� บทเพลงมาเป็นตัวเสริม บรรยากาศให้แลดูผอ่ นคลาย นีก่ ห็ นึง่ ในนัน้ ทีด่ แู ล้วก็แทบไม่ถกู ตรึงด้วยกรอบของความโหดร้าย อันสืบเนือ่ งมาจากไฟสงคราม ตรงกันข้าม หนังกลับสร้างรอยยิม้ เสียงหัวเราะ ความสนุก และความ สุข ทีล่ น้ ปรีส่ ดุ ๆ สิ่งที่เป็นจุดแข็งของหนัง คงต้องยกให้เรื่องเพลง ที่ตัวนักแสดง ถ่ายทอดออกมาได้อย่างเยีย่ มยุทธ์ ขาดไม่ได้ ก็คอื การแสดงทีแ่ ท็คทีมกัน มาแบบประชันฝีมอื กัน ชนิดทีว่ า่ ไม่มใี ครเล่นน้อยไปกว่ากัน ทุกคนมาใหญ่ และจัดเต็ม ด้วยการขโมยซีน สร้างสีสนั ได้ลงตัวสุดๆ มุกข�ำทีอ่ ยูใ่ นหนังไม่ได้ดเู กรีย้ วกราด เหมือนหนังตลกไทย ทีช่ อบตี หัวจนเลือดสาด และก็ไม่ได้ทำ� เป็นมึนใส่คนดูเหมือนหนังตลกยุโรป หนังค่อยๆ บิว้ อารมณ์ดว้ ยการหยอดมุก จากนัน้ ก็สร้างบรรยากาศ ขึงขังขึน้ มาอย่างไม่โฉ่งฉ่าง ยิง่ เฉพาะการเหยียดเชือ้ ชาติและสีผวิ รวมไป ถึง ยังยัว่ ล้อกับประเด็นสงครามเวียดนามแบบทีเล่นทีจริง ดูแล้วก็เจือด้วย อารมณ์ตลกร้ายอยูน่ ดิ ๆ น�ำ้ หนักการด�ำเนินเรือ่ งนัน้ หนังเทไปทางความบันเทิงมากกว่าจะ เน้นดรามา ท�ำให้หนังดูผอ่ นปรนในประเด็นทีค่ อ่ นข้างซีเรียส หรือแม้วา่ ก�ำลังพูดถึงประเด็นสังคมเข้มๆ ก็ไม่ได้ตงั้ หน้าตัง้ ตาขุดค้นอย่างเอาเป็น เอาตาย ถือเป็นหนังสัญชาติออสเตรเลียที่ดูไม่ทะเยอทะยานเท่าไหร่ใน การน�ำชีวติ “คนพืน้ เมืองอะบอริจนิ ” ผูเ้ ปรียบเสมือน “คนนอก” หรือ “คนชายขอบ” ในยุคทีย่ งั มีการแบ่งชนชัน้ มาขึน้ จอใหญ่ ตัวหนังว่าด้วย 4 สาวอะบอริจนิ “เกล” “จูล”ี “เคย์” “ซินเธีย” ทีม่ าพร้อมกับพรสวรรค์การร้องเพลง พวกเธอฝันอยากโชว์บนเวที จึง ดัน้ ด้นไปร่วมประกวดกับคนผิวขาว ทว่า สิง่ ทีพ่ วกเธอได้รบั กลับคือเสียง หยามเหยียดและทีทา่ เกลียดชัง เพียงเพราะพวกเธอเป็นคนผิวสีและเป็น ชาวอะบอริจนิ แม้ฝนั จากเวทีการประกวดจะพังทลายลง แต่พวกเธอก็ยงั คงไม่ทงิ้ ฝัน วันหนึง่ โชคก็เข้าข้างพวกเธอ เมือ่ พวกเธอไปเจอกับ “เดฟ” มือเปีย โนผิวขาวทีไ่ ว้วางใจในเสียงอันทรงพลังของพวกเธอ ทัง้ หมดจึงออกเดิน ทางร่วมชะตากรรมฐานะคณะแซฟไฟร์สจากออสเตรเลีย ซึ่งมีภารกิจ หลัก คือต้องไปโชว์พลังเสียงต่อหน้าเหล่าทหารหาญในสงครามเวียดนาม ถึงตรงนีน้ บั เป็นจุดพลิกผันของหนังทีน่ ำ� คนดูไปสูเ่ รือ่ งราวทีอ่ อกรส ชาติอย่างมาก จากคณะนักร้องหญิงผูม้ งุ่ หน้าล่าฝัน แต่จๆู่ พวกเธอก็กลาย เป็นดัง่ ดอกไม้ทตี่ อ้ งเดิมพันด้วยชีวติ ท่ามกลางดงกระสุนทีร่ ออยูเ่ บือ้ งหน้า และชาวคณะแซฟไฟร์ส ก็ไม่ทำ� ให้แฟนๆ นักรบเดนตายทีเ่ วียดนาม ผิดหวัง เมือ่ พวกเธอได้รบั การขานรับอย่างดี ทหารออกไปรบ ทหารบาด เจ็บ ทหารขีเ้ มา ทุกคนต่างเฝ้ารอการมาเยือนของ 4 สาว และเฝ้ารอ ก�ำลังใจจากเสียงร้องเพราะๆ ของพวกเธอ

พวกเธอพิสจู น์ให้โลกได้รวู้ า่ ไม่วา่ จะยามไหน สงบ หรือรบพุง่ ดนตรี คือยาวิเศษทีพ่ ร้อมจะรักษาหัวใจให้กบั ทุกๆ คนได้ทกุ ครา ดนตรีคอื ดอกไม้ ดอกงามๆ ทีพ่ ร้อมจะเบ่งบานในทุกแห่งหน กระทัง่ ยามทีพ่ วกเธอโดนหมิน่ หยาม เกียรติและศักดิศ์ รี หรือชาติ ก�ำเนิด มีเพียงดนตรีเท่านัน้ ทีป่ ลอบประโลมให้พวกเธอหายทุกข์ ดนตรี ช่วยต่อลมหายใจ ดนตรีชว่ ยต่อชีวติ ให้คนทีท่ อ้ แท้ หมดหวังอย่างพวก เธอ กลับกลายเป็นคนมีพลังใจและพร้อมจะฮึดลุกขึน้ สูต้ อ่ นัน่ เพราะดนตรีมพี ลังและพลานุภาพยิง่ ใหญ่ จึงย่อมน�ำแสงสว่าง มาสูก่ ลางใจของทุกคนได้ @ ผูก้ ำ� กับออสซี “เวย์น แบลร์“ เคยท�ำหนังสัน้ มาแล้ว 2 เรือ่ ง The Djarn Djarns และ Black Talk ก่อนจะกระโดดมา ก�ำกับซีรสี ์ Double Trouble, Lockie Leonard ล่าสุดก็เรือ่ ง The Elegant Gentleman’s Guide to Knife Fighting ขณะที่ The Sapphires คือหนังยาวเรือ่ งแรกของเขา @ “เวย์น แบลร์“ นัน้ มีบรรพบุรษุ เป็นชาวอะบอริจนิ ในสาย คุณย่า และเรือ่ งราวเหล่านัน้ ก็เป็นแรงบันดาลใจให้เขาอยากก�ำกับ หนังเรือ่ งนี้ “ตอนทีผ่ มอ่านบทหนัง ผมรูส้ กึ ถึงพลังงานและอารมณ์ ของมันแทรกซึมเข้าไปในเส้นเลือดของผมเลยละ” @ หนังกวาดค�ำชมและรางวัลจากเทศกาลหนังทั้งในบ้าน เกิดและนานาชาติ เช่นว่า Australian Film Institute 11 รางวัล รวมถึงผูก้ ำ� กับ นักแสดงน�ำชาย-หญิง หนังยอดเยีย่ ม โปร ดักชันดีไซน์ Australian Screen Sound Guild ชนะขวัญใจ กรรมการ Australian Writers’ Guild คว้าหนังดัดแปลง Denver International Film Festival ชนะขวัญใจผูช้ ม Film Critics Circle of Australia Awards ชนะดนตรีและเพลงประกอบ Palm Springs International Film Festival ได้รางวัลขวัญใจผูช้ มและ ผูก้ ำ� กับน่าจับตา

The Sapphires

ปี 2012 ประเทศ ออสเตรเลีย ประเภท ชีวติ / ตลก / เพลง / ชีวประวัติ ภาษา อังกฤษ ความยาว 103 นาที ก�ำกับ เวย์น แบลร์ แสดงน�ำ คริว โอ’ ดาวน์ / เดบอราห์ เมลแมน / เจสสิกา เมาบอย / ชารี เซบ เบนส์ / มิแรนดา แทปเซลล์

ปล่อย Release E-Magazine

47


ปล่อยหนังกลางใจ เรื่อง : มิ่งมนัสชน จังหาร

1 เท่าทีจ่ ำ� ความได้ ผมไม่เคยตกปลาได้เลยสักครัง้ ไม่มภี าพ ทีต่ วั เองก�ำลังตวัดคันเบ็ด หรือประลองก�ำลังกับปลา ไม่วา่ จะ เป็นตัวเล็กตัวใหญ่ หรือบึงหนองคลองไหน หากแต่ผมรักทีจ่ ะ เลียบๆ เคียงๆ คอยดูเซียนปลาเหล่านัน้ ส�ำแดงฝีมอื ค่อยๆ ดึง ค่อยๆ ลาก ก่อนรอจังหวะเจ้าปลาเสียท่าหมดแรง ตวัดตัวปลา ขึน้ มาดิน้ กระแด่วอยูบ่ นพืน้ หรือลากปลาเพลียก�ำลังมาใกล้ฝง่ั แล้วใช้กระชอนตักขึน้ มาอย่างง่ายดาย ท่วงท่ากิรยิ าต่างๆ ของเซียนปลาเหล่านีเ้ ป็นไปอย่างเชือ่ ง ช้า ดูออ่ นโยน ทว่ามัน่ คง เวลาปลาติดเบ็ด แววตาของพวกเขา ท้าทาย พร้อมทีจ่ ะพิสจู น์ฝมี อื ของตัวเอง

สัจธรรมข้อหนึง่ ของการตกปลา ก็คงหนีไม่พน้ การใจเย็น รูจ้ กั รอ การอยูเ่ งียบๆ คนเดียว ผมไม่สามารถเป็นเซียนปลาได้ ไม่มคี ณ ุ สมบัตขิ องการเป็น นักตกปลา รูว้ า่ ตัวเองเป็นคนใจร้อน อดทนรออะไรนานๆ ไม่คอ่ ย ได้ อาการกระวนกระวายมักปรากฏ อีกใจก็ออ่ นแอไม่กล้ามอง ภาพตะขอเกีย่ วปากปลา มิพกั ทีจ่ ะต้องเป็นคนแกะตะขอนัน้ ออก ผมกลัว กลัวว่าปลาจะเจ็บ กลัวเรือ่ งบุญเรือ่ งกรรม สรุปง่ายๆ ก็คอื ผมคิดเยอะ คิดแทนปลา ไม่รจู้ ะคิดไปท�ำไม ทัง้ ทีเ่ วลาใครตกปลาได้ พอปรุงเป็น อาหารเสร็จสรรพ ผมก็ไม่รอช้าทีจ่ ะร่วมวง

ศ รั ท ธ า

48

ปล่อย Release E-Magazine


สัจธรรมข้อหนึง่ ของการตกปลา ก็คงหนีไม่พน้ การใจเย็น รูจ้ กั รอ การอยูเ่ งียบๆ คนเดียว

และปลา

ปล่อย Release E-Magazine

49


ปล่อยหนังกลางใจ 2 ท่านชีคในประเทศเยเมนสนใจกีฬาตกปลา เขาอยากตกปลาแซลมอน แฮเรียท จึงต้องร่วมมือกับ ดร.โจนส์ ท�ำให้กฬี าตกปลานีเ้ กิดขึน้ ในเยเมนให้ได้ ทว่าเอาเข้าจริง แล้ว มันก็ดจู ะยากแสนยาก ด้วยเพราะเยเมนมีสภาพทีไ่ ม่เอือ้ กับการตกปลาเอาเสียเลย ยิง่ เป็นปลา แซลมอน ยิง่ ยากเข้าไปใหญ่ ทีว่ า่ ยากก็เพราะปลาแซลมอนนัน้ อาศัยอยูท่ างซีกโลกเหนือ แถบอเมริกาเหนือ อลาสก้า ไซบีเรีย หากแต่เยเมนนัน้ เป็นประเทศในคาบสมุทรอาหรับ ซึง่ อยูใ่ นภูมภิ าคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ อีกทัง้ เมือ่ ถึงฤดูวางไข่ ปลาแซลมอนก็จะว่ายทวนน�ำ้ กลับไปวางไข่ทบี่ า้ นเกิด งานวิจยั บอกว่า ระหว่างทีว่ า่ ยทวน น�ำ้ กลับไปวางไข่นนั้ ปลาแซลมอนสูญหายระหว่างทางเกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ เหมือนปลาแซลมอนจะ เป็นปลาทีต่ ดิ อยูก่ บั รูป รส กลิน่ สี เสียง ของน�ำ้ ทัง้ ทีจ่ ริงๆ แล้ว มันอาจจะไม่ตงั้ ใจให้ชวี ติ เป็นแบบนัน้

50

ปล่อย Release E-Magazine


แต่ธรรมชาติและสัญชาตญาณมีอำ� นาจบงการสูงสุด แซลมอนจึงเป็นปลาทีม่ คี วามซับซ้อนและเข้าใจยาก โครงการตกปลา จึงเป็นเรื่องท้าทาย และเมื่อ ดร.โจนส์ ศึกษาจนพบว่า ในทางทฤษฎียงั พอมีหวัง หากว่าปัจจัยทุกอย่าง เอือ้ อ�ำนวย แน่นอนว่า ปลาเป็นปัจจัยทีส่ ำ� คัญทีส่ ดุ ดร.โจนส์ เสมือนภาพแทนของชายวัยกลางคนที่ไม่รู้แน่รู้ นอนกับอนาคตของตัวเอง เขามีครอบครัว มีภรรยาทีเ่ ดินทางบ่อย ไม่มเี วลาให้กนั ทีส่ ำ� คัญทัง้ คูไ่ ม่มลี กู ทีจ่ ะท�ำให้ชวี ติ อยูก่ บั ที่ ดร.โจน ส์หลงใหลการตกปลาเป็นชีวติ จิตใจ เมือ่ แฮเรียทชักชวน เขาจึงไม่ ลังเล เพราะอย่างไรเสีย บ้านก็เป็นเพียงความเดียวดายและความ แปลกหน้าทีเ่ ขาจมอยูท่ กุ เมือ่ เชือ่ วัน เขาตัดสินใจเดินทางมาหาท่านชีคทีเ่ ยเมน โดยมีแฮเรียทให้ ค�ำปรึกษาอยูข่ า้ งๆ แฮเรี ย ทเองก็ มี ค นรั ก เป็ น ทหารหนุ ่ ม ที่ ต ้ อ งไปรบที่ อัฟกานิสถาน เขาและเธอเพิง่ พบกันไม่นาน แต่กต็ อ้ งจากกัน โดย ทัง้ คูต่ า่ งให้คำ� มัน่ สัญญาจะเชือ่ ใจกันและกัน นานไป ข่าวคราวของฝ่ายชายสูญหายในดินแดนของการ รบ แฮเรียทจึงจมอยู่กับความเศร้า โครงการตกปลาแซลมอน เกือบล้มพับ ดร.โจนส์คอยอยูเ่ ป็นเพือ่ นเธอ ปลอบใจเธอ พร้อมทัง้ เปิดใจ ตัวเอง ชีวติ เว้าแหว่งสองชีวติ ย่อมเข้าใจกัน ความสัมพันธ์ของคน สองคนด�ำเนินไป ควบคูไ่ ปกับการพัฒนาโครงการตกปลา ความเหมือนของความรักและโครงการตกปลาครัง้ นีค้ อื ใน ทางทฤษฎีมนั สามารถเป็นไปได้ แต่ภาคปฏิบตั ยิ งั ไม่มใี ครรับรอง ต้องลงมือปฏิบตั เิ ท่านัน้ และเมือ่ โครงการก้าวหน้า ความรักก็กา้ วหน้า มีความเป็นไป

ได้ทจ่ี ะน�ำปลาแซลมอนมาทีเ่ ยเมน วันหนึง่ ขณะโครงการก�ำลังไปได้สวยจนใกล้แล้วเสร็จ คน รักของแฮเรียทก็กลับมา เธอยืนอยูบ่ นทางแยก สับสน ไม่รหู้ วั ใจ ตัวเอง ขณะที่ ดร.โจนส์ได้เลือกเส้นทางของตัวเองแล้ว ดร.โจนส์จงึ กลายเป็นชายทีเ่ งียบขรึม อาดูรเศร้า และมองดู แฮเรียทอยูใ่ นอ้อมกอดคนอืน่ สิ่งที่เจ็บแสบอีกอย่างก็คือ รัฐบาลไม่เคยเห็นคุณค่าของ โครงการเหล่านีเ้ ลย แต่กท็ ำ� เป็นสนใจไยดี เพียงเพราะอยากสร้าง ภาพลักษณ์ของประเทศ และกลบข่าวความรุนแรงของสงคราม ในอัฟกานิสถาน ถึงขนาดส่งรัฐมนตรีตา่ งประเทศมาทีเ่ ยเมน เพือ่ แสดงท่าทางเงอะๆ งะๆ ในการตกปลา พอให้แสงแฟลชกระแทก วูบวาบเป็นข่าว เรียกว่า หัวหมอสุดๆ 3 ส�ำหรับท่านชีค การตกปลาคือการฟืน้ ฟูจติ วิญญาณ คือเรือ่ ง ใหญ่และจริงจัง คือการสนทนากับข้างในตัวเอง ท่านชีคไม่ได้สนใจ เรือ่ งของการเมือง เราสามารถอนุมานได้วา่ การตกปลาของท่าน ชีคคือการต่อสูก้ บั ตัวเอง พูดคุยและสนทนาภายใน เป็นความมุง่ มัน่ ทีเ่ ปีย่ มไปด้วยศรัทธา ในทางคลับคล้ายกับ ดร.โจนส์กไ็ ม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่า ความลุ่มหลงที่ตัวเองมีให้กับการตกปลา ชื่นชอบชีวิตกลางแจ้ง และหลงรักการตวัดเบ็ด ส่วนแฮเรียท อาจจะไม่ได้เป็นอะไรเลย นอกจากการทีเ่ ธอ มีความสุขเมือ่ ได้อยูใ่ กล้ๆ ดร.โจนส์ เฝ้ามองดูเขาในระยะทีพ่ อดี ท้ายทีส่ ดุ แล้ว แต่ละคนแต่ละฝ่าย ต่างก็มเี ส้นทางและวิถที ตี่ วั เองหลงใหล เป็นในสิง่ ทีต่ วั เองเชือ่ มัน่ ยึดถือและมีความสุข โดยมี ศรัทธาน�ำทาง ด�ำเนินชีวติ ไปบนครรลองความเชือ่ ทีต่ วั เองมี

ปล่อย Release E-Magazine

51


ปล่อย(ใน)เพลง เรื่อง : โก๋ ปากอ่าว

52

ปล่อย Release E-Magazine


“หนาวเหลือเกิน ฉันหนาวหัวใจเกินจะทนไหว...” เพลงนีย้ นื ตากแดดเคารพธงชาติกย็ งั คิดว่าตัวเองหนาวอยูเ่ ลยจริงๆ

เพลงของวงโง่โง่ ช่

วงหัวเลี้ยวหัวต่อค่อนข้างสับสนว่าเป็นเด็กหรือเป็นวัยรุ่นกันแน่ ช่วงนั้นมันเหมือนมีพลังงานอะไรบางอย่างครอบง�ำให้เราไม่รู้จัก ทิศทาง มีแต่ความอยากรูอ้ ยากเห็น นอนน้อยกินน้อยแต่มพี ลังงาน เหลือเฟือ รูน้ อ้ ยเห็นน้อยฟังน้อยมันท�ำให้เราอหังการ์แบบโง่ ๆ คิดเอาเอง ว่าดีวา่ ถูก ทัง้ ทีจ่ ริง ๆ แล้วยังไม่รจู้ กั อะไรเลยด้วยซ�ำ้ ไป ส�ำหรับผมแล้ว ช่วงชีวติ วัยมัธยมต้นเป็นช่วงเวลาแสนสุดเหวีย่ ง มีเรือ่ งราวสุข ๆ เยอะ สุด ๆ แต่กลับจดจ�ำช่วงเวลานัน้ ได้นอ้ ยทีส่ ดุ ลองนัง่ นึกดูมนั ก็พอจ�ำได้ ลาง ๆ แต่ถา้ เจอเพือ่ นเรียนชัน้ เดียวกันวันวานเก่า ๆ เหล่านัน้ เราจะช่วย กันขุดขึน้ มา พิจารณาและหัวเราะไปด้วยกัน หลักยึดช่วงเวลาและอายุผมมักนับจากเพลงทีฟ่ งั อย่างเช่น ผม อาจขุดเรือ่ งครูสมชายฝ่ายปกครอง ทีว่ นั ๆ ไม่ทำ� อะไรนอกจากเดินแกว่ง ไม้เรียวตรวจดูตามซอกห้องน�้ำตามตีเด็กที่ชอบโดดเรียน ครูที่ชอบค้น กระเป๋าแล้วยึดแผ่นซีดหี นังโป๊คณ ุ ภาพต�ำ่ แตกลายงา ถ้านึกถึงครูคนนัน้ ก็จะถามเพือ่ นว่าช่วงนัน้ เพลงอะไรดัง วงไหนก�ำลังนิยม ซึง่ เราจะรูจ้ กั เพลงผ่านคลืน่ วิทยุ รายการเพลงจากทีวี เสียงเพลงจากข้างบ้าน หรือ ตามทีส่ าธารณะ ถ้าช่วยกันนึกดี ๆ มันก็ขยายไปสูเ่ รือ่ งเล่าอืน่ ๆ เช่นว่า ฟังเพลงนีท้ ไี่ หน เคยส่งให้สาวคนไหนฟัง... อุปกรณ์ฟงั เพลงทีน่ ยิ มขณะนัน้ ไม่พน้ ซาวด์อะเบ้าท์แบบเล่นเทป (ซึง่ ยืมเพือ่ นมา ยืมจนมันขีเ้ กียจทวง) ในบ้านจะมีเทปเยอะมาก เป็นเทปของ พีช่ ายทีโ่ ตมาด้วยกัน กว่าจะซือ้ เทปได้แต่ละม้วนก็ไม่ใช่เรือ่ งง่าย ต้องอด ข้าวอดขนม (พีช่ ายผมอด ผมไม่ได้อด) ได้เทปมาแล้วก็ฟงั อย่างทะนุถนอม โดยการอัดเทปส�ำรองเก็บไว้ (เครือ่ งอัดก็เป็นของเพือ่ นพีช่ ายบ้านถัดไป) ฟังจนเทปยืดเทปยาน เทปทีฟ่ งั ไม่ได้แล้วผมก็จะดึงไส้เทปออกมา พันตัว เป็นมัมมีไ่ ล่หลอกเด็กผูห้ ญิงละแวกบ้าน (สรุปผมไม่มสี มบัตทิ างดนตรีอะไร กับเขาเลย เศร้าจัง) ก็ชว่ งนัน้ แหละท�ำให้รจู้ กั Silly Fools วงไทยทีโ่ คตรร็อค ร็อคแบบ ไม่มใี ครไม่รจู้ กั (ถ้าไม่รจู้ กั ก็โคตรเชยเลยหล่ะว่ะ ฮ่าฮ่า) อัลบัม้ แรกของ Silly Fools ทีผ่ มรูจ้ กั ก็คอื Candy Man ทีเ่ ป็นชุดสามของพวกเขาไป แล้ว อัลบัม้ นีผ้ มฟังตอนมอหนึง่ ฟังในซาวด์อะเบ้าท์ของเพือ่ นและเทป ของพีน่ แี่ หละ พีช่ ายผมเรียนอยูใ่ นกรุงเทพฯ ส่วนผมเรียนใกล้บา้ นในแถบ ปากน�ำ้ สมุทรปราการ สามารถตืน่ สายได้แต่ตอ้ งไปให้ทนั เคารพธงชาติ ถ้า ไม่อยากโดนครูสมชายเล็งก้นงอน ๆ ดัง่ ลูกกอล์ฟ แล้วโดนหวดด้วยวงสวิง

ทีข่ นาดไทเกอร์ วูด้ ยังต้องอาย (แค่คดิ น�ำ้ ตาก็ไหลแล้ว) วันไหนตืน่ มาแล้ว เห็นอัลบัม้ Candy Man วางอยูผ่ มจะติดไปโรงเรียนด้วย แต่ถา้ วันไหนไม่ อยูก่ แ็ สดงว่าพีเ่ อาไปฟังทีโ่ รงเรียน ด้วยความเฉลียวฉลาดของผม (ชมตัว เอง) ก็จะก๊อปปีอ้ ลั บัม้ Candy man ส�ำรองไว้อกี ชุด แล้วหากระดาษเทป เขียนติดทับว่า “เพลงนัง่ สมาธิ” เขียนหลอกครูสมชายริบไปดือ้ ๆ (เด็ก อะไรวะ ฉลาดชิบหาย ฮ่าฮ่า ๆ) เพลงในอัลบัม้ Candy Man โดนใจผมตัง้ เพลงฝัน เพลงแรกของ อัลบัม้ “อาจไม่จริงไม่จงั เรือ่ งราวของความฝัน แต่โลกนีเ้ ริม่ ต้นทีจ่ ดุ นัน้ ...” ตามมาด้วยเพลงอย่าบอกว่ารัก “หนาวเหลือเกิน ฉันหนาวหัวใจเกินจะ ทนไหว...” เพลงนี้ยืนตากแดดเคารพธงชาติก็ยังคิดว่าตัวเองหนาวอยู่ เลยจริง ๆ จบเพลงนีก้ ข็ นึ้ เพลง ไหนว่าจะไม่หลอกกัน เอ้า! ร้องพร้อมกัน นะ นึง ซอง ซัม๊ ..“หนายย ว่า จา ม่าย หลอกก กานน” เพลงอะไรขนาด ยังรักไม่เป็นฟังแล้วยังอยากอกหักภายในวินาทีนนั้ เพลงจบอารมณ์ไม่จบ เพียงรัก เพลงทีส่ ี่ เสียงกีตาร์กข็ นึ้ “ตีดวิ ตีดวิ ตีดวิ ติว่ ตีดตี ดี ตี้ ดี้ วิ่ ...” ผั๊ วะ!! ยังไม่ทนั ร้องท่อนโซโลจบ มือหนา ๆ ก็ฟาดเข้าทีก่ กหู ไอ้ตมั้ นักเลง ใหญ่ของห้อง แม่มนั ชือ่ ดิว่ มันดันคิดว่าเราล้อชือ่ แม่มนั แถมโดนมันถีบ ตูดหลุดออกไปนอกแถวเคารพธงชาติ00 ครูประจ�ำชัน้ เห็นก็ซวยต่ออีก ชัน้ โดนจับไปยืนตากแดด แถมยังโดนยึดซาวด์อะเบ้าท์ (ทีย่ มื มา) ผมทัง้ เจ็บหู เจ็บก้นกบ แถมยังเจ็บใจอีกต่างหาก ตัง้ แต่นนั้ มาผมเลยไม่กล้าร้อง “ตีดวิ ตีดวิ ตีดวิ ติว่ ตีดตี ดี ตี้ ดี้ วิ่ ...” ต่อหน้ามันอีกเลย แหม คิดแล้วก็เจ็บหัวใจ ยังไม่ทนั ได้ฟงั เพลง Hey… อีกเพลงเด็ด ต่อจาก เพียงรัก ทีร่ อ้ ง “จับมือชัน้ ไว้ อย่ามองไปข้างหลางง... อย่ามอง ไปทางน้านนน” หรือเพลง นางฟ้า ทีต่ อ่ มาผมแกะไลน์กลองเอาไปเล่นใน วันงานเลีย้ งปีใหม่ของโรงเรียน เป็นความทีโ่ คตรจะเท่อกี อย่างหนึง่ นะครับ ถ้าได้ขนึ้ ไปยืนเป็นร็อคสตาร์ในชุดนักเรียนหัวเกรียน มันเป็นอารมณ์หล่อ เหลาเอาการได้อวดรสนิยมในการฟังเพลงให้คนทัง้ โรงเรียนได้ฟงั มีทงั้ รุน่ พีส่ าวสวยมอปลาย สาว ๆ รุน่ เดียวกัน มายืนเต้นนัง่ ฟังอยูห่ น้าเวที แต่ ความเป็นจริงผมอยูแ่ ถวหลัง เป็นมือตีกลองให้จงั หวะให้ไอ้หน้าจืดตาตีเ่ ป็น นักร้องน�ำ ซึง่ ไม่มใี ครสนใจหรอกว่าจะเล่นดี หรือร้องไพเราะดีแค่ไหน ใน สมัยนัน้ ใครทีห่ น้าตีต๋ าตีแ่ ล้วมีอทิ ธิพลมากพอมักจะได้เป็นนักร้องน�ำ ส่วน ไอ้มอื กลองหน้าด�ำใครเล่าจะไปสน แต่ถา้ ตีคร่อมจังหวะเมือ่ ไหร่ ทุกคนจะ หันมามองเป็นตาเดียว คิดแล้วเสียวตูด... กลัวโดนถีบจริง ๆ

ปล่อย Release E-Magazine

53


ปล่อย(ใน)เพลง

หลังจากโดนยึดซาวด์อะเบ้าท์ (ของเพือ่ น) ไปเรียบร้อย (คิดแล้ว สงสารเพือ่ นจัง) ทีบ่ า้ นผมก็มคี อมพิวเตอร์ตงั้ โต๊ะในระบบปฏิบตั กิ ารวินโดว์ 98 หรือวินโดว์ มี ในขณะนัน้ ก็ถอื ว่าล�ำ้ สุด ๆ แต่ใช้เป็นอยูแ่ ค่สองโปรแกรม ก็คอื เกมส์เรียงไพ่ กับโปรแกรมวินแอมป์เล่นไฟล์ MP3 ในยุคแผ่นผียหี่ อ้ Vampire วางเกลือ่ นแผงตลาดนัด แขกไปใครมาก็เปิดเพลงทีเ่ รียงไว้ทำ� ท่า ยังกะดีเจ ช่วงนัน้ Silly Fools อัลบัม้ Mint หน้าปกสมาชิกวงใส่ชดุ หมี สีขาว (เคยเห็นหมีไหม...ชุดหมีหน่ะ ฮ่าฮ่า) อัลบัม้ นีร้ อ้ งกันได้ทงั้ โรงเรียน ร้องแทบทุกเพลง รุน่ พีช่ อบเอาเพลง คิดถึง จิจ๊ ะ๊ เพลงนีเ้ กีย่ วกับความรัก อย่าบอกว่ารัก ไปเล่นคัฟเวอร์ในงานโรงเรียน ฮิตมากจริง ๆ วันเลีย้ งปี ใหม่บางปีทจี่ ดั ประกวดคอนเสิรต์ เพลงของ Silly Fools จะหยิบยกขึน้ มาเล่นโชว์ฟงั เอียนทีเ่ ดียวเชียว ยิง่ เพลงจิจ๊ ะ๊ ทีข่ นึ้ มาด้วยเรียงรัวสแนร์ ปะปะปะโป๊ะ ปะปะปะโป๊ะ ก่อนร้องต้องหันไปมองก่อนว่ามีพอ่ ใครชือ่ โป๊ะ อีกหรือเปล่า ปะเดีย๋ วจะโดนบ้องหูอกี เพือ่ นอีกคนหนึง่ ชือ่ ไอ้คริต ชือ่ จริงว่า ชาคริต ซึง่ เป็นธรรมดาที่ เพือ่ นในห้องจะตัง้ นามสกุลให้มนั ว่าแย้มนาม ตามชือ่ ดาราคนดัง บุคลิก หรือหน้าตามันไม่ได้เป็นเป็นแบบดาราคนดังนัน้ หรอก แต่มนั คนเงียบ ๆ ชอบใส่หฟู งั ฟังแต่เพลงร็อค ช่วงขึน้ มอปลายนีแ่ หละผมถึงมีโอกาสเป็นดี เจตัวจริงท�ำหน้าทีเ่ ปิดเพลงกล่อมเกลาเพือ่ น ๆ ในโรงอาหาร กินไปพลาง

54

ฟังเพลงรักหวาน ๆ จากกระผมไปพลาง รุน่ พีร่ นุ่ น้องและผองเพือ่ นมันจะ เอาแผ่นซีดแี นบมากับกระดาษ สลักอักษรว่าเปิดเพลงนี้ ให้คนนี้ ขอให้กนิ ข้าวอร่อย หยอดกันไปมาจนได้ปอ๊ ปปีเ้ ลิฟกันก็หลายคู่ มีอยูเ่ ทีย่ งหนึง่ นัน่ เอง สาวน้อยผมยาวรวบหางม้าตาโต รีบวิง่ มาหา ผมพร้อมส่งแผ่นซีดใี ห้ บอกว่าช่วยเปิดให้หน่อยค่ะ แล้วก็รบี วิง่ หนีไป ทิง้ ให้ผมยืนงงปนตกใจ คิดแต่วา่ เอาล่ะเว้ยย ไอ้โก๋ จะได้มแี ฟนกะชาวบ้าน เขาสักที เห็นอาการรีบร้อนลนเกินกว่าจะประสานสายตา แต่พอแกะปกดู แผ่นซีดขี า้ งในแผ่นกระดาษโน้ตกับเขียนว่า “เพลงคิดถึง ฝากให้พชี่ าคริต แย้มน้าม ขอให้มคี วามสุขนะคะ จากน้อง 3/8” แป่กสิครับผม แป่กเลย แหม..ไอ้เราก็เคลิม้ อยูไ่ ด้เดีย๋ วเดียว ก็ตอ้ งมาเปิดเพลงอ่านสานส์รกั ให้คน อืน่ ปากจรดไมค์ พูดตามกระดาษโน้ต แล้วใช้นวิ้ กดปุม่ เพลย์... เท่านัน้ แหละ ไอ้คริตเพือ่ นขาร็อคของผมก็ลกุ ขึน้ ยืนแสดงตัวแหกปาก “เพราะ ฉันคิดถึงเธอมันคิดถืงงง ไม่รวู้ า่ จะท�ำเช่นไร เพราะฉันคิดถึงเธอมันคิดถื งงง แล้วเธอจะรูบ้ า้ งไหมม” ยังไม่ทนั จบเพลง มินคิ อนเสิรต์ ของไอ้คริต ในโรงอาหารก็เรียกเสียงเฮครืน ปรบมือชอบอกชอบใจ เสียงวีว้ า้ ยกระ ตูว้ ขู้ องนักเรียนมอปลาย ท�ำเอาครูฝา่ ยปกครองหลายคนรีบวิง่ มาดู นึก ว่ามีเด็กตีกนั เสียอีก ไอ้คริตเอ้ย ไอ้คริต เอ็งท�ำให้ขา้ จ�ำวันนัน้ ได้ไม่ลมื เลย หละวะ ฮ่าฮ่า

SiLLy

ปล่อย Release E-Magazine


หลังจากทีอ่ ลั บัม้ Mint ขายดีถล่มทลายทัง้ เทปผีซดี เี ถือ่ น สอง ปีถดั มาก็ออกชุด Juicy ทีเ่ พลงค่อนข้างแมสกว่าเดิมฟังได้ทกุ เพศทุก วัย กระทงกระเทยทอมดีก้ ร็ อ้ งได้ไม่มหี ลง อย่างเพลงขีห้ งึ เอาไว้รอ้ ง ตอนอ้อนแฟน เพลงวัดใจ ร้องเขย่าหัวกันในห้องคาราโอเกะ เพลงผิดที่ ไว้ใจ และเพลงแกล้ง ทีเ่ อาไว้ดดี กีตาร์โปร่งในวันอกหัก หลังจากอัลบัม้ Juicy ออกได้สกั พักก็มี คอนเสิรต์ ใหญ่ครัง้ แรกและครัง้ เดียวของพวก เขาทีม่ กี ารบันทึกการแสดงเอาไว้ ในชือ่ “Fatlive : V3 ขบวนการ Silly Fools” ไฮไลต์ในวันนัน้ ทีจ่ ำ� ไม่ลมื ก็คอื อุม้ -สิรยิ ากร พุกกะเวส ดารา สาวสวยทีต่ อนนีแ้ ต่งงานจนท้องป่องไปแล้ว ได้อวดเสียงขึน้ มาฟรีตเจ อริง่ ในเพลงเพียงรัก และมีรอ็ ครุน่ ใหญ่โจ-นูโว ขึน้ มาแจมเพลง Hey… และเพลงรักด้วยน�ำ้ ตา ที่ Silly Fools น�ำมาเรียบเรียงใหม่ ฟังกีค่ รัง้ ก็ ยังนับว่าพลังพวกเขาสุดยอดจริง ๆ ผมไม่ได้ไปร่วมคอนเสิรต์ ในวันนัน้

หรอก เอ้า!...แล้วฟังจากไหน? แหมถามมาได้ ข้าพเจ้าก็ยมื เพือ่ นมาอีกทีนะซี Silly Fool หรือชือ่ เดิม Silly foolish ออกอัลบัม้ แรก E.P. กับทาง เบเกอรี่ มิวสิค ต่อมาเพลงรอยยิม้ ในอัลบัม้ นี้ (ถ้าจ�ำไม่ผดิ ) ไปโดนใจพีป่ อ้ ม พีโ่ ต๊ะ- อัสนี วสันต์ แห่งแกรมมีใ่ นยุคนัน้ อย่างไรไม่ทราบ จึงได้เซ็นต์สญ ั ญา กับทาง มอร์ มิวสิค จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ คลอดอัลบัม้ I.Q.180 อัลบัม้ ทีส่ อง ออกมา มีเพลงดังอย่างเมือ่ รักฉันเกิด “ก็เป็นค�ำถามอยูข่ า้ งใน อาจเป็น เพราะฉันนัน้ ท�ำไม่ถกู อาจเป็นเพราะฉันให้คา่ มากกับมัน เมือ่ รักฉันเกิด...” ผงกหัวหลบอีกที เพือ่ มีแม่ใครชือ่ เกิด ฮ่าฮ่า... กล่าวถึงเพลงของ Silly Fools เอาเพลงมาปูย้ ปี่ ยู้ ำ� ซะขนาดนีแ้ ล้ว จะไม่กล่าวถึงตัวบุคคลศิลปินก็เห็นจะไม่ได้ ทีร่ จู้ กั กันอยูแ่ ล้วก็คอื นักร้องน�ำ โต-ณัฐพล พุทธภาวนา เจ้าของเสียงสูงบาดทีเ่ ด็ก ๆ สมัยนีเ้ ขาเรียกว่าแสบ ดาก เป็นอุปสรรคเหลือเกินทีเ่ วลาเอาเพลงของพวกเขามาร้อง เพราะต้อง ตะเบ็งเสียงให้สงู เท่าเขา หรือถ้าไปไม่ไหวก็หอนโอ้โว้โฮ...กล่อมแกล้มพอถู ไถ่ไปจนจบเพลง ส่วนมือกีตาร์ ต้น-ทรงพล จูประเสิรฐ ส�ำเนียงลีด้ บาด ดากไลน์กตี าร์ลำ�้ สุด ๆ ทีม่ อื กีตาร์ฝกึ หัดต้องมานัง่ เกากบาลปานคนเป็น ชันนะตุเพือ่ แกะท่อนโซโล ส่วนมือเบส หรัง่ -เทวฤทธิ์ ศรีสขุ กับ ต่อ-ต่อ ตระกูล ใบเงิน มือกลองก็เล่นให้จงั หวะมีลกู ขัดลูกหยอดน่าฟังทุกจังหวะ ทีก่ ระผมกล่าวมานีค้ อื สมาชิกทีร่ ว่ มงานกันตัง้ แต่อลั บัม้ Candy Man, Mint, Juicy ไปจนถึงอัลบัม้ สุดท้ายทีร่ ว่ มงานกันก็คอื King Size จากนัน้ โต-ซิลลีฟ่ ลู จะแยกจากวงไปเริม่ ต้นใหม่กบั วง Hang Man และผันตัวเข้า ใต้รม่ เงาอิสลามอย่างทีเ่ ป็นข่าวช็อควงการตามทีไ่ ด้ยนิ กัน และสมาชิกที่ เหลือมือกลอง กีตาร์ เบส ก็ยงั ท�ำงานต่อไปภายใต้ชอื่ วงเดิม ได้นกั ร้องน�ำ คนใหม่เป็นชาวต่างชาติ และยังออกอัลบัม้ มาให้ฟงั กันต่อเนือ่ ง เพลงของวงโง่โง่กค็ อื ก็คอื วงนีแ้ หละครับ Silly แปลว่า “โง่” ส่วน Fools ก็แปลว่า “โง่” ดังนัน้ คนโง่ ๆ อย่างผมก็เรียกเอาตามทีพ่ อเข้าใจ ในภาษาปะกิดนัน่ แหละ เพลงของพวกเขา Silly Fools เป็นแบ็กกราวด์ ตัง้ แต่เล็กยันโต โตจนโต๊โต โตจนเลียก้นหมาไม่ถงึ แล้วก็ยงั ฟัง ยังร้อง ยัง เล่นเพลงเหล่านีอ้ ยูส่ ม�ำ่ เสมอ ถ้าจะบอกว่าอยูใ่ นลมหายใจก็จะหาว่าโอเว่อร์ เกินไป เอาสัน้ ๆ ง่าย ๆ ก็ได้ วงในต�ำนานระดับนี้ บอกเล่ามาขนาดนี้ แล้ว ถ้ายังไม่เคยฟัง ก็นบั ว่าเชยจริง ๆ นัน้ แหละตัวเธอ... “ตีดวิ ตีดวิ ตีดวิ ติว่ ตีดตี ดี ตี้ ดี้ วิ่ ...” ฟวับ! ผงกหัวหลบอีกที ฮ่าฮ่า!

y FooLs ปล่อย Release E-Magazine

55


ปล่อยเพลง เรื่อง : โก๋ ปากอ่าว

“ดาวทุกดวงเป็นเพือ่ นกัน ฟ้านัน้ ไม่มเี ขตแดน” สบตาอาเซียน ชุดที่ 1

“การเดินทางเป็นสายตาของนักเขียน” โควตนีเ้ ป็นของใคร ก็จำ� ไม่ได้ แต่เห็นพ้องด้วยก็แล้วกัน เพราะ ศักดิส์ ริ ิ มีสมสืบ กวีซี ไรต์เสียงนุม่ เกีย่ วเก็บประสบการณ์จากการเดินทางไปเคาะประตู เพื่อนบ้านในแคว้นอาเซียนมาฝากแฟนานุแฟนให้หายคิดถึง กัน 10 บทเพลง ในอัลบัม้ ใหม่ “สบตาอาเซียน ชุดที่ 1” เจ้าตัวภูมใิ จ น�ำเสนอมาพร้อมกับคู่มือ สบตาอาเซียน มีค�ำเคียงเพลงโดยนัก เขียนสารคดีรนุ่ ใหญ่ ธีรภาพ โลหิตกุล พร้อมกลอนก�ำนัล “อวยพร ปีใหม่” ด้วยลายมือวิจติ รบรรจง และภาพวาดลายเส้นแบบศักดิส์ ริ ิ พิมพ์สสี่ ี บนกระดาษเนือ้ งาม (6 x 8 นิว้ ) ทัง้ หมดนีร้ าคา 280 บาท โทร.สัง่ รัว ๆ ที่ 081-702-3473 หรือทางเฟซบุค๊ - ร้าน ปะ-กัน-นะ

Year One – สหภาพดนตรี

สามประสาน “ชาตรี อัสนี นิตพิ งษ์” บอสใหญ่แห่ง สหภาพ ดนตรี รวมเพลงฮิตฮอตตลอดหนึง่ ปีแรก ในการก่อตัง้ สหภาพเพือ่ งานดนตรีคณ ุ ภาพ อย่างเพลง พูดลอยลอย-อัสนี โชติกลุ รักน�ำ้ เน่า-เต็น ธีรภัค วายร้าย-Black Head จะดูแลเธอให้ดกี ว่าทีผ่ า่ นมาพรรณี วีรานุกลู และผลงานของบุคลากรสายดนตรีชนั้ น�ำของเมือง ไทย ทีร่ ว่ มกันเคีย่ วข้นคัน้ ออกมาเป็นเพลงหัวกะทิฟงั ง่ายติดหู เจ็บ ลึก เหมาะส�ำหรับจิก๊ โก๋หน้าชืน่ อกตรม แม้จะวางแผงมาหลายเดือน แล้ว แต่กย็ งั ไม่สายทีจ่ ะคิดคว้าผลงานชัน้ ครูมาครอบครอง นะจ๊ะ

“ถ้าขายไม่ดีก็แขวนไมค์ให้มันรู้แล้วรู้รอด” BE - Beady Eye

Liam Gallagher นักร้องน�ำของวง ถึงกับประกาศเลยว่า “ถ้าอัลบัม้ นีข้ ายไม่ดี ทางการตลาดล้มเหลวแบบอัลบัม้ แรก ก็จะแข วนไมค์ไปตากอากาศให้มนั รูแ้ ล้วรูร้ อด!” หนุม่ ร็อกวัย 40 จาก UK อดีตวง Oasis ยังคงทะนงตัวเหมือนๆ เคย เพราะเขาถือว่าอัลบัม้ BE ทีว่ างแผงอยูข่ ณะนี้ เป็นอัลบัม้ ทีด่ ที สี่ ดุ ของ Beady Eye ก็ไม่รู้ ว่าพกความมัน่ ใจมาจากไหน แต่เห็นว่าสมาชิกเก่าตัวเก๋ามือเขียน เพลงจาก Oasis รุน่ สุดท้าย Andy Bell กับ Gem Archer ก็มา ท�ำหน้าทีเ่ ขียนเพลงให้ดว้ ย อย่างเพลงเปิดหัวอัลบัม้ Flick of the Finger ทีท่ งั้ Liam Andy และ Gem ร่วมหัวจมท้ายบรรจงรจนา กัน ก็สะดุดหูดนี ะเออ

56

ปล่อย Release E-Magazine


ปล่อยทางกวี เรื่อง : หทัยสินธุ สินธุหทัย

ฉันเพียงปรารถนา รักษาอ้อมแขนของเราไว้

ฉันบอกเธอแล้วนีน่ าว่า เธอยังเชือ่ อีกหรือว่า ไม่วา่ เช้าทีเ่ ราตืน่ มาจะเจ็บปวดรวดร้าวปานใด เพือ่ นของเราจะกลับมาร่วมโต๊ะอาหาร ในงานเฉลิมฉลองความอุดมของแผ่นดิน แต่เราก็ยงั หายใจอยู่ ในขอบเขตของอ้อมแขนกันและกัน พืชผักกรอบหวานทีง่ อกงามบนหยาดเหงือ่ กร�ำงาน สงครามทัง้ ภายนอกภายในเรียกร้องให้เราออกไปร่วมรบ มะม่วงน�ำ้ ดอกไม้สกุ หอมพร้อมข้าวเหนียวหุงใหม่ สงครามทีไ่ ม่มวี นั จบและจะลุกลามข้ามล่วงจนถึงขอบเขตของสุนทรีย์ เหล้าขวดเก่าเก็บทีบ่ ม่ หมักด้วยเสียงหัวเราะในความทรงจ�ำ ไม่วา่ จะจบสิน้ ด้วยเสียงหัวเราะของปีศาจตนใด คงไร้คา่ ในนาทีทเี่ พือ่ นเราเฝ้าจับจ้องกวัดแกว่งศาตราวุธใส่ เพือ่ นของเราก็ได้สญ ู สิน้ จิตวิญญาณไปแล้วตัง้ แต่เขาเริม่ ชักธงเลือกอาวุธ กันและกัน เพือ่ ร่วมรบในนามของความเชือ่ มัน่ อันคับแคบ ข้าวค�ำขมขืน่ ในสมรภูมพิ วกเขาคิดว่ามันคือเกียรติยศ อย่าได้ผลักไสฉันลงไปในสนามรบแห่งการแบ่งแยกเลย กระทัง่ เขาพิกลพิการโซเซกลับมา ฉันเพียงปรารถนารักษาอ้อมแขนของเราไว้ ไม่วา่ จะชนะหรือพ่ายแพ้ ใบหน้าของเพือ่ นมิตรทีเ่ ขาลงมือเข่นฆ่า จะเฝ้าหลอนหลอกจนไม่สามารถสร้างสรรค์อนั ใดได้อกี เธอยังเชือ่ อีกหรือว่า หลังสงครามนีจ้ บสิน้ เขายังจะเขียนจดหมายถึงเรา

แรงกระทบใจจากกระแสความขุน่ ข้องแค้นเครียด แบ่งแยกกลุม่ ฝ่ายของเหล่าศิลปินในประเทศเรา ปล่อย Release E-Magazine

57


ปล่อย(ทาง)คนหนุม่ เรื่อง : สุทัศน์ ธรรมสถิตนิเวศ

ปารีส...เมืองแห่งแสงไฟ

และชายผูม้ คี วามปรารถนาอันแรงกล้า ที่ ปาร์ก เด แพร็งส์

เด

วิด เบ็คแฮม สวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติ อังกฤษ น�ำลูกทีมเข้าไปร่วมดวลแข้งใน มหกรรมฟุตบอลโลก 2002 ทีเ่ กาหลีใต้และ ญีป่ นุ่ แม้วา่ ทีมชาติองั กฤษจะตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายจาก การพ่ายให้กบั ทีมเต็งหนึง่ อย่างบราซิล แต่ทมี ชาติองั กฤษก็ สามารถเอาชนะคูป่ รับเก่าในฟุตบอลโลกปี 1998 อย่างทีม ชาติอาร์เจนตินาไปได้1 – 0 โดยได้ประตูชยั จากลูกยิงจุด โทษของกัปตัน เดวิด เบ็คแฮม! หลังหมดมหกรรมฟุตบอลโลก เบ็คแฮมกลับมารับใช้ สโมสรต้นสังกัดแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 20022003 นับเป็นฤดูกาลทีส่ วยงามมากๆ อีกหนึง่ ฤดูกาล ทัง้ การได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ลูกยิงอันสวยงามและหนักหน่วง ของ พอล สโคลส์ และ ดิเอโก ฟอร์ลนั ลูกชิพอันสุดคลาส สิกของ ฮวน เซบาสเตียน เวรอน การโซ่โล่เดีย่ วเลีย้ งจาก ครึ่งสนามเข้าไปยิงของยอดศูนย์หน้าตลอดการอย่าง รุด ฟานนิสเตอรอย รวมทัง้ ลูกฟรีคกิ สวยๆไม่ตำ�่ กว่าห้าลูกของ เดวิด เบ็คแฮม แต่ก็เป็นฤดูกาล 2002-2003 นี้เองที่เบ็คแฮมเริ่มมี ปัญหาระหองระแหงกับ เซอร์ อเล็ก เฟอร์กสู นั เมือ่ เดวิด เบ็คแฮม มีชอื่ เสียงโด่งดัง เป็นทีร่ จู้ กั มากขึน้ บรรดาสปอน เซอร์สนิ ค้าต่างๆ ต้องการให้เขาไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ รวมถึง ภรรยา วิคตอเรีย เริม่ เข้ามามีสว่ นในชีวติ หนุม่ เบ็คส์เริม่ ออกงานสังคมต่างๆ มากขึ้น สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ จัดการทีม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กสู นั เป็นอย่างมาก เดวิด เบ็คแฮมถูกดร็อปให้เป็นตัวส�ำรองบ่อยครั้ง ความสัมพันธ์ ที่เคยดี เริ่มมีรอยร้าวให้เห็น จนกระทั่งฟางเส้นสุดท้ายก็ มาขาดสะบั้นในห้องแต่งตัว หลังจบเกมแพ้ อาร์เซนอล เมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2003 ว่ากันว่านัดนั้น เซอร์ อเล็ก

58

ปล่อย Release E-Magazine

เฟอร์กสู นั ไม่พอใจผลงานลูกทีมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผล งานของเบ็คแฮม ท�ำให้ทา่ นเซอร์ระเบิดอารมณ์ใส่เขาแบบ ไม่มยี งั้ ในขณะทีโ่ มโหสุดขีด ท่านเซอร์กใ็ ช้เท้าเตะไปทีร่ อง เท้าสตัด๊ ทีว่ างอยูก่ บั พืน้ และเป็นรองเท้าสตัด๊ คูน่ นั้ เองทีท่ ำ� ให้ เส้นทางเดินชีวติ ของนักเตะจอมวางบอลต้องหันเหไปอีกทาง สตัด๊ ข้างนัน้ ลอยขึน้ จากพืน้ พุง่ ไปตามแรงเหวีย่ งทีม่ า จากเท้าขวาของยอดผูจ้ ดั การทีม อย่างรวดเร็ว!และโดยที่ ไม่มใี ครคาดคิด มันพุง่ ไปกระทบกับหางคิว้ ข้างซ้ายของเดวิด เบ็คแฮมพอดิบพอดี ทุกคนในห้องเงียบ เหมือนโดนมนต์ สะกด หลังจากนัน้ เดวิด เบ็คแฮมไม่เคยปริปากพูดส�ำหรับ เหตุการณ์นี้ แต่การทีเ่ ขาไม่ยอมปกปิดบาดแผลต่อสาธารณะ เป็นนัยส�ำคัญให้กบั บรรดาผูส้ อื่ ข่าวตีความไปได้วา่ เขากับผู้ จัดการทีมไม่ลงรอยกันเสียแล้ว เมือ่ จบฤดูกาล เดวิด เบ็คแฮม ก็ถกู ขายให้กบั ทีม รีล มาดริด ด้วยค่าตัวประมาณ 35 ล้านยูโร (1,400 ล้านบาท) เขาลงเล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรทีเ่ ขารัก ทัง้ หมด 394 นัด ท�ำได้ 85 ประตู มันคงเป็นเรื่องยากที่จะยอมไปเล่นให้สโมสรอื่นใน ประเทศอังกฤษ เดวิด เบ็คแฮมจึงเลือกบินมาสเปนเพือ่ เป็น ส่วนหนึง่ ของสโมสรรีล มาดริด ในยุคทีร่ วมซูเปอร์สตาร์ไว้ อย่างคับคัง่ เป็นประวัตกิ ารณ์ ทัง้ ราอูล กอนซาเลส, หลุยส์ ฟิโก้, ซีเนอดีน ซีดาน, โรนัลโด้, โรแบร์โต้ คาร์ลอส, ไมเคิล โอเว่น งานเปิดตัว เดวิด เบ็คแฮม ที่สนามซานติอาโก้ เบร์นาเบว มีการถ่ายทอดสดไปทัว่ ทวีป และเสือ้ ทีมทีพ่ มิ พ์ เบอร์ 23 พร้อมชือ่ ของเบ็คแฮม ขายหมดภายในวันเดียว อย่างไรก็ตามในช่วงระยะเวลานัน้ รีล มาดริดยุครวม ซูเปอร์สตาร์กพ็ ลาดแชมป์ ลา ลีกา ปีแล้วปีเล่า


ว่ากันว่าชีวติ ของลูกผูช้ ายมักจะมีบททดสอบเข้ามาอยูเ่ สมอ แต่จะมีผชู้ ายสักกีค่ นบนโลกใบนี้ ทีเ่ อาชนะ บททดสอบทัง้ หมดด้วยความสุขมุ ไม่เคยปริปากบ่น มุง่ มัน่ และไม่เคยโทษคนอืน่

แม้จะไร้เกียรติประวัตใิ ดๆ แต่ชวี ติ ยังต้องด�ำเนินต่อไป ว่ากันว่าชีวติ ของลูกผูช้ ายมักจะมีบททดสอบเข้ามาอยู่ เสมอ แต่จะมีผชู้ ายสักกีค่ นบนโลกใบนี้ ทีเ่ อาชนะบททดสอบ ทัง้ หมดด้วยความสุขมุ ไม่เคยปริปากบ่น มุง่ มัน่ และไม่เคยโทษคนอืน่ และอีก หลายๆ สถานการณ์ เขายิม้ สูม้ นั ด้วยซ�ำ้ ไป หากเขาไม่ใช่ชายที่มีความปรารถนาอันแรงกล้าต่อ

ความฝันของตนแล้วละก็ เขาอาจจะมาไม่ถงึ จุดนีก้ ไ็ ด้ ฟุตบอลโลก 2006 จัดขึน้ ทีป่ ระเทศเยอรมนี เบ็คแฮม มีสว่ นในการท�ำประตูในรอบแรกของฟุตบอลโลก 2006 และ ยิงได้ในนัดทีพ่ บกับเอกวาดอร์ในรอบทีส่ อง ท�ำให้เขาเป็นผู้ เล่นอังกฤษคนแรกทีท่ ำ� ประตูได้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 3 ครัง้ อย่างไรก็ตามในการแข่งขันกับโปรตุเกสในรอบถัดมา เบ็คแฮมบาดเจ็บจนถูกเปลีย่ นตัวออกในครึง่ หลัง และอังกฤษ แพ้จดุ โทษให้กบั โปรตุเกสอีกครัง้ หลังจากตกรอบฟุตบอลโลก เบ็คแฮมประกาศลาออก จากต�ำแหน่งกัปตันทีมชาติองั กฤษ เพือ่ เปิดทางให้รนุ่ น้องคน อืน่ เข้ามารับหน้าทีน่ แี้ ทน ก่อนไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเพียงไม่กเี่ ดือน องค์กร ต่อต้านการทารุณสัตว์อะไรสักอย่างออกมาโจมตีเดวิด เบ็คแฮม ว่ามีสว่ นในการส่งเสริมให้มกี ารฆ่าสัตว์อย่างจิงโจ้ เป็นจ�ำนวนมาก เรือ่ งของเรือ่ งมันเกิดจากเดวิด เบ็คแฮมดัน เป็นพรีเซนเตอร์ให้กบั ผลิตภัณฑ์ อาดิดาส มาตัง้ แต่ปี 1995 โดยเฉพาะรองเท้าสตัด๊ รุน่ พรีเดเตอร์ทผี่ ลิตขึน้ จากหนังจิงโจ้ ใครก็ตามที่หลงรักฟุตบอลจะเข้าใจว่า ปล่อย Release E-Magazine

59


ปล่อย(ทาง)คนหนุม่

รองเท้าที่ผลิตจากหนังจิงโจ้นั้นเป็นรองเท้าที่มีคุณภาพสูงสุด ด้วย ความนุม่ ความยืดหยุน่ และความคงทน จะท�ำให้รองเท้าทีส่ วมนัน้ นุม่ กระชับ และสบายเท้า มีนักเตะมากมายทั่วโลกหลายหมื่นคนใส่รองเท้าหนังจิงโจ้ แม้แต่ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังทุกคน ทุกชาติก็สวมใส่รองเท้าที่มาจาก หนังจิงโจ้ แต่เดวิด เบ็คแฮมเป็นเป้าหมาย ในฐานะเขาเป็นสัญลักษณ์ ของฟุตบอลในยุคนัน้ หรืออาจรวมทัง้ สัญญาทีเ่ ขามีกบั อาดิดาสในตอน นัน้ ทีร่ ะบุไว้วา่ นอกจากตัวเงินหลายสิบล้านในแต่ละปีแล้ว เขายังต้อง เปลีย่ นรองเท้าใหม่ในทุกนัดทีท่ ำ� การแข่งขันด้วย เมือ่ องค์กรทีก่ ล่าวมาออกมาเคลือ่ นไหวต่อต้าน! หากเป็นซูเปอร์ สตาร์บางคน คงจะต้องออกมาโวยวาย แต่เดวิด เบ็คแฮม เลือกท�ำ อะไรเท่ๆ โดยการออกมาประกาศว่าเขาจะเลิกใช้รองเท้าหนังจิงโจ้!!! โดยทางอาดิดาส จะท�ำรองเท้ารุน่ พรีเดเตอร์สำ� หรับเดวิด เป็น รุน่ พิเศษทีจ่ ะผลิตขึน้ จากหนังสังเคราะห์แทน เล่นเอาทุกคนถึงกับอึง้ ! หากเรายังจ�ำกันได้ ตอนทีเ่ ขาขัดแย้งกับท่านเซอร์ แลัวถูกขา ยออกมาให้กบั รีล มาดริดนัน้ เขาก็ไม่เคยตีโพยตีพายให้ขา่ วหรือพูด

60

ปล่อย Release E-Magazine

ถึงท่านเซอร์ในทางทีไ่ ม่ดเี ลย ปี 2007 นับเป็นปีสดุ ท้ายก่อนทีส่ ญ ั ญาของเขากับรีล มาดริด จะหมดลง เขาพยายามจะทวงถามถึงการต่อสัญญาแต่ทางสโมสรยัง เงียบ และเมือ่ มีการเจรจาก็ยงั หาข้อสรุปกันไม่ได้ ท�ำให้เบ็คแฮมเลือก เซ็นสัญญาล่วงหน้ากับทีมแอลเอ แกแล็กซี่ ในเมเจอร์ ลีกของอเมริกา จากกรณีนที้ ำ� ให้ ฟาบิโอ คาเปลโล่ผจู้ ดั การทีมรีด มาดริด ประ กาศตัดเบ็คแฮมออกจากแผนการท�ำทีมและไม่ให้ลงเล่นอีกต่อไปตลอด ทัง้ ฤดูกาล!! แต่เดวิด เบ็คแฮม ก็ทำ� ตัวสมกับค�ำว่ามืออาชีพ เขายัง คงมาซ้อมกับเพือ่ นร่วมทีมทุกวันเหมือนปกติ จนกระทัง่ มีบางช่วงทีท่ มี รีล มาดริดฟอร์มไม่ดี จนเกือบจะหลุดออกจากเส้นทางลุน้ แชมป์ จนมี เสียงเรียกร้องจากแฟนๆ และบรรดาซูเปอร์สตาร์ในทีม ขอให้คาเปล โล่สง่ เบ็คแฮม ลงมาทางกราบขวาเพือ่ คอยป้อนบอลให้เพือ่ นท�ำประตู ฟาบิโอ คาเปลโล่ เห็นเดวิด ซ้อมทุกวันจนกระทัง่ ใจอ่อน เขา ยอมกลืนน�ำ้ ลายตนเอง ส่งเดวิด เบ็คแฮม ลงสนาม ในทีส่ ดุ เบ็คแฮม ก็ได้กลับมาลงสนามเป็นตัวหลักอีกครัง้ เขาสามารถประสานงานกับ เพือ่ นรวมทัง้ จ่ายบอลแบบถวายพานให้เพือ่ นท�ำประตูได้อกี หลายลูก ผลปรากฏว่า ฤดูกาลนัน้ รีล มาดริดได้แชมป์ ลา ลีกา


เดวิด เบ็คแฮม คว้าแชมป์ลกี ครัง้ แรกแรกกับสโมสรนอกประเทศ อังกฤษ! เขาเป็นขวัญใจของชาวเมืองมาดริด เขาเอาชนะใจทุกคนได้... แน่นอน รวมทัง้ ผูช้ ายทีช่ อื่ ฟาบิโอ คาเปลโล่ดว้ ย เดวิด เบ็คแฮม เปิดตัวในฐานะนักเตะของสโมสรฟุตบอลแอลเอ แกแล็กซี่ ทีโ่ ฮมโปเซ็นเตอร์ เขาเลือกใส่เสือ้ หมายเลข 23 ว่ากันว่าใน วันนัน้ มีแฟนฟุตบอลมาต้อนรับเขามากมายถึง 250,000 คนเลยทีเดียว ฤดูกาลแรกกับแอลเอ แกแล็กซี่ เขาลงเล่นในลีกเพียงแค่ 5 นัด เนือ่ งมาจากอาการบาดเจ็บ แต่ฤดูกาลถัดมาเขาลงเล่นอย่างสม�ำ่ เสมอ และเป็นตัวหลักให้กบั สโมสร รวมทัง้ การสร้างต�ำนานอีกหนึง่ บทในการ ยิงลูกมหัศจรรย์ โดยเป็นการยิงไกลในระยะกว่า 70 หลา แต่อย่างไร ก็ตาม เมือ่ จบฤดูกาลทีมก็ไม่ได้แชมป์อะไรเลย หลังจบฤดูกาลทีส่ อง ด้วยศักยภาพของเดวิด เบ็คแฮม ทีย่ งั คง ฝีเท้าระดับโลก เอซี มิลาน ทีมยักษ์ใหญ่แห่งอิตาลี ได้อาศัยช่วงเวลาทีล่ กี ของ อเมริกาปิดฤดูกาลยืมตัวเบ็คแฮม มาร่วมทีมในครึง่ ฤดูกาลหลัง ซึง่ ทาง แอลเอ แกแล็กซีก่ ไ็ ด้ตอบตกลง และเบ็คแฮมก็ได้มาเล่นฟุตบอลในลีก อิตาลีอย่างกัลโช่ ซีรี อา เป็นครัง้ แรก

เดวิด เบ็คแฮม ลงเล่นให้กบั เอซี มิลาน นัดแรกพบกับโรม่า และเสมอกันไป 2-2 และยิงได้ลกู แรกใน เซเรีย อา ในนัดทีถ่ ล่ม โบโลญญ่า 4-1 และฤดูกาลนัน้ เขาโชว์ฟอร์มกับมิลานได้ดที เี ดียว เมือ่ ฟุตบอลกัลโช่ ปิดฤดูกาล เอซี มิลานได้รองแชมป์ เขาก็ ต้องกลับไปเล่นให้กบั แอลเอ แกแล็กซี่ ต้นสังกัดทีแ่ ท้จริงของเขา ฤดูกาลนัน้ ผ่านไป โดยทีแ่ อลเอ แกแล็กซีย่ งั ไม่ได้สทิ ธิอะไรเช่นเดิม ในวัย 35 ปี เดวิด เบ็คแฮม ยังคงมีความปรารถนาอัน แรงกล้าในการกลับไปติดทีมชาติองั กฤษและเข้าร่วมในมหกรรม ฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ ความใฝ่ฝันนั้นน�ำเขากลับ มายังถิน่ ซาน ซีโร่อกี ครัง้ ในฐานะนักเตะยืมตัว เริม่ มีสญ ั ญาณ ทีด่ เี พราะในรอบคัดเลือก เดวิด เบ็คแฮมมีชอื่ กลับไปติดทีมชาติ อย่างสม�ำ่ เสมออีกแล้ว แม้วา่ จะไม่ได้ลงเป็นตัวจริง หรือตัวหลัก แต่กถ็ อื ว่าเป็นส่วนหนึง่ ของทีม จนกระทัง่ อังกฤษผ่านเข้าไปเล่น ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้สำ� เร็จ พลังแห่งความปรารถนาในตัวตนของเขาปรากฏให้เราเห็น อีกครัง้ เดวิด เบ็คแฮม ก�ำลังจะเป็นนักเตะอังกฤษคนแรกทีไ่ ด้ ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 4 สมัยติดต่อกัน ในการแข่งขันฟุตบอลกัลโช่ เซเรีย อา นัดทีท่ มี เอซี มิลาน พบกับทีมคิเอโว่ ขณะทีเ่ สมอกันอยู่ 0-0 ในนาทีที่ 80 กว่าๆ เดวิด เบ็คแฮมได้บอลทีก่ ลางสนาม เขาจับบอลหนึง่ จังหวะด้วยเท้าซ้าย พร้อมกับพลิกตัว ไม่มคี ตู่ อ่ สูต้ ามมาประกบแม้แต่คนเดียว แต่เขา ก็เซไปด้านหลังเล็กน้อย ก่อนจะพยายามยกเท้าซ้ายขึน้ จากพืน้ โดยใช้เท้าขวายันพืน้ ไว้ เขาชูมอื เป็นสัญลักษณ์วา่ ให้เปลีย่ นตัว ก้มลงเอามือจับทีข่ อ้ เท้าซ้ายไว้ แล้วลงไปนอนกองกับพืน้ เอามือ ปิดหน้า...และร�ำ่ ไห้... แพทย์สนามและเจ้าหน้าทีเ่ ปลรีบลงไปให้ ความช่วยเหลือ เจ้าหน้าทีร่ บี น�ำเขาส่งโรงพยาบาล แพทย์ระบุว่าอาการของเขาหนักมาก เอ็นร้อยหวายฉีก ขาดอย่างรุนแรง เดวิด เบ็คแฮม อาจจะรูต้ วั ดีตงั้ แต่วนิ าทีนนั้ แล้ว น�ำ้ ตาของลูกผูช้ ายทีห่ ลัง่ ออกมาแบบไม่ตอ้ งอายใคร สะท้อน ถึงความรูส้ กึ ของเขาได้เป็นอย่างดี วินาทีนนั้ ความฝันทีจ่ ะเป็น ส่วนหนึง่ ของทีมชาติองั กฤษ อันเป็นทีร่ กั ของเขา ไปท�ำศึกฟุตบอล โลก 2010 ทีแ่ อฟริกาใต้นนั้ จบสิน้ ลงแล้ว เขาหมดโอกาสสร้างประวัตศิ าสตร์เป็นนักเตะอังกฤษคน แรกทีจ่ ะได้ลงเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 4 สมัยติดต่อกัน ปล่อย Release E-Magazine

61


ปล่อยคนผีๆ เรื่อง : ผีส�ำแดง

62

ปล่อย Release E-Magazine


เสียงค�ำถามจากแม่คา้ ขายอาหารตามสัง่ ดังขึน้ มาอีกครัง้ “อยูบ่ า้ นหลังนัน้ ไม่เจออะไรบ้างเหรอ”

บ้านเช่า เสี

ยงครืดคราดเหมือนลากของหนักไปกับพืน้ ยังคงดังต่อเนือ่ งไม่หยุด ผมยืนเกร็ง ตัว เย็นเฉียบ ทัง้ สองเท้าหนักอึง้ ขยับเขยือ้ นไม่ได้ มีเพียงบานประตูไม้อดั บางๆ ทีก่ นั้ ระหว่างกลางอยูเ่ ท่านัน้ ด้วยความสงสัยแต่อาบไปด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสุด ผมตัดสินใจเอือ้ มมือทีส่ นั่ ระริกไปปลดล็อกประตูอย่างเชือ่ งช้า และภาวนาว่าสิง่ ทีว่ าดภาพ ไว้คงไม่เป็นไปตามนัน้ ทันทีทบ่ี านประตูผละออกจากปลายนิว้ อย่างรวดเร็ว ภาพเบือ้ งหน้าที่ เห็นท�ำให้ผมถึงกับตะลึงและจดจ�ำไปชัว่ ชีวติ สองวันหลังจากที่นัดแนะกันกับเพื่อนเพื่อตระเวนหาบ้านเช่าในระหว่างที่เรียนอยู่ มหาวิทยาลัยแห่งหนึง่ ในต่างจังหวัด เสียงจากปลายสายโทรศัพท์ของเพือ่ นละลักละล�ำ่ ด้วย ความดีใจ บอกว่าเจอบ้านทีต่ รงตามความต้องการแล้ว ไม่นานนักทุกคนก็รดุ มายังทีน่ ดั หมาย ต่อเมือ่ เห็นแล้วก็พดู เป็นเสียงเดียวกันว่าใช่เลย! บ้านเดีย่ ว 2 ชัน้ ชัน้ บนเป็นไม้ ชัน้ ล่างก่อปูนหยาบ พืน้ ทีโ่ ดยรอบค่อนข้างกว้างขวาง แต่รกไปด้วยพงหญ้า สภาพคล้ายกับไร้คนอาศัยมาเป็นแรมปี เพียงไม่กชี่ วั่ โมงหลังจากระดม แรงปัดกวาดเช็ดถูบา้ นหลังนีจ้ งึ ฟืน้ กลับมาอยูใ่ นสภาพพร้อมอยูอ่ กี ครัง้ ผมคว้านาฬิกาปลุกขึน้ มาดูเป็นเวลาตี 3 หลังจากได้ยนิ เสียงผิดปกติบางอย่าง ประตูได้ ถูกเปิดออกไปแล้ว ภาพเบือ้ งหลังนัน้ คือกะละมังขนาดใหญ่ใบหนึง่ อัดแน่นไปด้วยถ้วยชามที่ ใช้แล้ว คราบอาหารยังเลอะเทอะเกรอะกรัง ทุกสรรพเสียงนิง่ สนิท ลมเย็นวูบหนึง่ ปะทะเข้า ทีใ่ บหน้า แต่สงิ่ ทีท่ ำ� ให้ลมหายใจของผมแทบหยุดไปคือน�ำ้ ในกะละมังใบนัน้ กระเพือ่ มไหวไป มาคล้ายถูกกระชากด้วยความแรง เสียงค�ำถามจากแม่คา้ ขายอาหารตามสัง่ ดังขึน้ มาอีกครัง้ “อยูบ่ า้ นหลังนัน้ ไม่เจออะไร บ้างเหรอ” ผมเอือ้ มมือไปปิดประตูเบาๆ พร้อมกับเล่าสิง่ ทีเ่ กิดขึน้ ให้เพือ่ นๆ ฟังในวันรุง่ ขึน้ แต่ ทุกคนกลับมีเพียงเสียงหัวเราะคล้ายก�ำลังฟังเรือ่ งทีต่ ลกทีส่ ดุ ในชีวติ แต่เสียงหัวเราะนัน้ ก็ เริม่ เบาลงและหายไปภายในไม่กวี่ นั ถัดมา เมือ่ เหตุการณ์ทงั้ หมดวนเวียนเกิดขึน้ กับพวกเรา ทีละคน...ทีละคน สองปีหลังจากนัน้ พวกเราก็ยงั อยูท่ บี่ า้ นหลังนัน้ ... โดยมีเสียงลากกะละมังดังครืดคราด... ครืดคราด และยังจับตัวเจ้าสิง่ ทีล่ ากนัน้ ไม่ได้สกั คืน

ปล่อย Release E-Magazine

63


ปล่อยเธอ

เรื่อง : โรแมนติก เร็บเบิล

หญิง

สาว ใน

นยิ าย 64

ปล่อย Release E-Magazine

ธอเป็นลูกชาวจีน แม่และพ่ออพยพมาจากแผ่นดินใหญ่ หอบเอาเธอซึง่ ก�ำลังเป็นวุน้ อยูใ่ นท้องมาด้วย สร้างทีท่ างและลงหลักปักฐานจนมัน่ คง ณ หัวเมืองทางฝัง่ ตะวัน ออกของผืนแผ่นดินไทย รกเธอฝัง่ อยูท่ นี่ นั่ แต่ดเู หมือนเธอไม่ได้ผกู พันกับถิน่ เกิดแม้ สักนิด ใช่แล้ว เธอเคยบอก- เธอมาอาศัยอยูก่ บั ญาติเชือ้ สายจีนทางฝัง่ พ่อ เติบใหญ่และ ใช้ชวี ติ เป็นคนเมืองกรุงตัง้ แต่ยงั ไม่เข้าเรียนอนุบาล แต่แปลกนะทีเ่ ธอพูดภาษาจีนไม่ได้ เลยสักนิด ฟังก็ยงั ฟังไม่รเู้ รือ่ ง ฉันเคยเย้าเธอในเรือ่ งนีอ้ อกบ่อย เธอเคืองและโกรธทุก ครัง้ บอกว่าไม่ชอบให้ใครมาว่าเธอหลงก�ำพืด เธอจะซึมอยูพ่ กั ใหญ่ เนิน่ นานจากนัน้ จึง กลับมาร่าเริงช่างเจรจาอีกครัง้ แต่ถงึ อย่างไร ยังดีทเี่ ธอชอบดูหนังจีน ฟังเพลงจีนอยูบ่ า้ ง โดยเฉพาะหนังจีนก�ำลัง ภายในและหนังของชอว์บราเดอร์ นีย่ งั ไม่รวมถึงการทีเ่ ธอเป็นแฟนกิมย้งกับโก้วเล้งอย่าง เข้าเลือด ชนิดทีว่ า่ ตัวละครทัง้ หลายบนหน้ากระดาษราวกับเป็นญาติสนิทของเธอคนหนึง่ เลยทีเดียว ฉันเองเคยคิดว่าสิง่ เหล่านีค้ งเป็นการเติมในส่วนทีเ่ ธอพร่องขาดเพือ่ ปลอบ ประโลมรากเหง้าเลือดเนือ้ วิญญาณได้บา้ ง แต่เถอะ คงเป็นตรงนีก้ ระมังทีท่ ำ� ให้เรามัก คุน้ กันมากขึน้ เราได้คยุ กัน แลกเปลีย่ น กระทัง่ วิวาทะเผ็ดร้อนในประเด็นแง่คดิ และฉาก มุมต่างๆ ทีส่ ะท้อนออกมาจากหนังสือ เพลง และหนัง เราถกกันถึงเรื่องราวเหล่านั้นอยู่มากครั้ง มันมากจนเกินจะจดจ�ำลีลาอักษร ท่วงท�ำนองบทเพลง รวมถึงฉากตอนจับใจจากหนังพวกนัน้ ได้ ซึง่ หลายครัง้ ฉันจนมุมกับ เหตุผลทีเ่ ธอยกมาอ้าง และบ่อยครัง้ ทีฉ่ นั ดักตรรกะของเธอได้อยูห่ มัดเช่นกัน แต่นนั่ หา ใช่เรือ่ งสนุกเลย เพราะทุกครัง้ ทีเ่ ธอยอมลงให้เหตุผลของฉัน เธอมักเล่นแง่แสนงอนและ ค้อนจนฉันถึงกับหวัน่ ไหว เธอเป็นนักงอนตัวยงเลยเทียวละ กระนัน้ มีมากครัง้ ทีเ่ ราต่าง เห็นพ้องลงเอยในความคิดเห็น ซึง่ นัน่ ยิง่ ท�ำให้เรามองตากันอย่างลึกซึง้ ในความหมาย ยังจ�ำได้ไหมทีเ่ ธอร้องไห้ขมี้ กู โป่งเมือ่ ตอนเราดู “ม่านประเพณี” ฉบับทีส่ ร้างโดย ชอว์บราเดอร์ โดยผูก้ ำ� กับหลีฮ่ นั่ เสียง หนังดรามาจืดๆ เอือ่ ยๆ น่าเบือ่ ในความคิดเพือ่ น หลายคน พวกเขาว่ามันหาความสมจริงไม่ได้เลย แม้แต่เรือ่ งทีม่ องเห็นอย่างตัวพระเอกก็ ยังใช้ผหู้ ญิงมาแสดง และในตอนจบก็ชา่ งเหลวไหลสิน้ ดี เธอกับฉันยังโดนเพือ่ นแขวะว่า เป็นพวกเพ้อฝันลิซมึ่ เราได้แต่ยมิ้ รับอย่างหน้าชืน่ และรูเ้ ห็นกันเพียงสองคนว่านีค่ อื หนัง คลาสสิกเรือ่ งเยีย่ มอีกหนึง่ ทีเ่ ราเคยชม ทัง้ จากนัน้ ไม่นาน ฉันยังไปพบหนังสือเล่มบางๆ ในซอกหลีกเร้นของร้านหนังสือเก่าทีจ่ ตุจกั ร หน้าปกสีขาวคลุกฝุน่ ท่ามกองหนังสือราคา ถูก ตัวอักษรสีแดงวางทับลายเส้นจิตรกรรมจีนภาพใบหน้าหญิงสาวในม่านไผ่วา่ “ม่าน ประเพณี” ฉันไม่รรี อจะฉวยซือ้ ไว้ครอบครองทันที นิยายรักอมตะม่านประเพณี สืบทอดมาจากต�ำนานรักทีช่ าวจีนเล่าขานสืบต่อกัน มาแต่ครัง้ โบราณ บริบททัง้ ในหนังและหนังสือแสดงถึงจารีตศักดิส์ ทิ ธิท์ คี่ ลีค่ ลุมผูค้ นตาม แบบฉบับสังคมจีนยุคกระโน้น จะแตกต่างกันบ้างก็ตรงรายละเอียดทีถ่ กู เลือกน�ำเสนอ เพือ่ ความเหมาะสมในกรอบแนวคิดของผูก้ ำ� กับแต่ละคน แน่นอน ในความเป็นหนัง เหตุการณ์หลายอย่างและค�ำพูดหลายตอน ย่อมถูกผู้ ก�ำกับตัดทอน เปลีย่ นแปลงเพือ่ สนองตอบกับความรูส้ กึ นึกคิดของคนดูทรี่ ว่ มสมัยมาก ขึน้ ... เธอบอก ถึงแม้จารีตวิถที ปี่ รากฏในหนังและหนังสือจะเห็นความงมงายอยูห่ ลาย


ทุกครัง้ ทีเ่ ธอยอมลงให้เหตุผลของฉัน เธอมักเล่นแง่แสนงอนและค้อนจนฉันถึงกับหวัน่ ไหว เธอเป็น นักงอนตัวยงเลยเทียวละ กระนัน้ มีมากครัง้ ทีเ่ ราต่างเห็นพ้องลงเอยในความคิดเห็น ซึง่ นัน่ ยิง่ ท�ำให้ เรามองตากันอย่างลึกซึง้ ในความหมาย

ส่วน แต่นนั่ มันก็คอื อดีตทีน่ บั เนิน่ มาหลายศตวรรษ เธอชอบตัวเอกฝ่ายหญิง เอามากๆ ฉันว่าคงเป็นเพราะบุคลิกและวิถคี ดิ ทีม่ คี วามเป็นขบถต่อประเพณี นิยมอยูม่ าก เธอหัวเราะชอบใจยกใหญ่ ทว่าแววตากลับเซือ่ งซึม บอกว่า ก็ เป็นได้แค่จอู้ งิ ไถ (ชือ่ นางเอกจากหนังเรือ่ งม่านประเพณี) ซึง่ ในตอนแรก คล้ายกับผูห้ ญิงทีม่ วี ญ ิ ญาณเสรี เต็มไปด้วยทัศนะก้าวหน้า กล้าแหวกขนบ สังคมคร�ำ่ ครึ เดินทางไปศึกษาร�ำ่ เรียนต�ำรากับอาจารย์ตา่ งเมือง “แต่กน็ นั่ แหละ” เธอเสียงอ่อย “ก็ยงั ต้องไปในคราบของผูช้ าย” หน�ำซ�ำ้ เพียงไม่กปี่ กี ็ ผกผินกลับเรือนรังเก่าอยูด่ ี ฉันเข้าใจต่อวาจาเธอ และเพ้อพร�ำ่ กลับไปว่าการ ทีค่ นเราเข้าใจว่าตัวเองมีอสิ ระเสรีจากบ่วงประเพณี-ค่านิยมนัน้ กลับกลาย เป็นความเห็นผิดจนน่าเศร้า เพราะแท้จริงแล้ว เราไม่สามารถทีจ่ ะหลุดพ้น ไปจากโอบล้อมแห่งกฎวิถแี ละครรลองจารีตสังคมทีเ่ ราอยูร่ ว่ มได้อย่างแท้จริง และยิง่ เศร้าไปอีกเมือ่ หนึง่ เดียวทีจ่ ะช่วยให้เราหลุดออกไปจากทุกบ่วงพันธะ นัน้ ก็คอื ความตาย นีฉ่ นั สรุปเอาจากทีไ่ ด้พจิ ารณาภายหลังการเสพศิลปะทัง้ สองแขนงนัน่ ดอกนะ “ก็เป็นได้แค่จู้อิงไถ” น�้ำเสียงของเธอยังคงก้องหู แม้เวลาจะผ่าน เนิน่ นาน... กว่าสิบปีแล้วทีเ่ รารูจ้ กั กัน เธอจากเมืองใหญ่เพือ่ ไปศึกษาใน

มหาวิทยาลัยแห่งหัวเมืองทางอีสาน ส�ำนักวิทยะแห่งนัน้ คือทีท่ เี่ ราพบ กันครัง้ แรก ร่วมสีป่ ที เี่ ราผูกพันใกล้ชดิ ฉันชืน่ ชมในมุมมองความคิด ของเธอต่อเรือ่ งต่างๆ ทีห่ ลุดกรอบโบยบินไปจากม่านกรงประเพณีได้ อย่างแสบสัน ท้าทาย แต่นนั่ แหละ ความคิดอันสดใสเสรีกลับต้อง เป็นฝ่ายพ่ายพับให้กับความจริงอันปวดร้าว เพราะแค่หันหลังให้รั้ว มหาวิทยาลัยไม่กวี่ นั พ่อก็จบั เธอหมัน้ หมายกับชายทีไ่ ม่รจู้ กั เธอช็อก ส่วนฉันก็หารูถ้ งึ เหตุผลกลใดจึงเป็นเช่นนัน้ วันทีฉ่ นั ไปส่งเธอกลับบ้านเกิด เธอยังหยอกเย้าด้วยคารมแบบ จูอ้ งิ ไถว่า “ส่งกันหมืน่ ลี้ ก็ยงั มีกา้ วทีต่ อ้ งจากกัน” แล้วหยิบของชิน้ หนึง่ จากเป้หลังส่งให้ฉนั - “ม่านประเพณี” หนังสือทีเ่ ธอยืมไปอ่านและ หลงรักกระทัง่ ขอเก็บไว้เอง ฉันพยายามจ้องตาคูน่ นั้ ของเธอ แต่เธอ ก็เบือนหลบ และเดินเข้าบ้านไปอย่างเงียบๆ คล้ายจ�ำนนต่อกฎแอก บางอย่างทีร่ ออยู่ วันนี้ ฉันหยิบหนังสือเล่มนัน้ ขึน้ มาอ่านอีกครัง้ บทสรุปทีไ่ ด้คงไม่ ไกลไปจากเดิม (จริงหรือ?) และยิง่ พบว่าเรือ่ งราวของเธอก็แทบไม่แตก ต่างจากตัวละครในนิยายเล่มนัน้ เสียจริง

ปล่อย Release E-Magazine

65


ปล่อยใจสัมผัสใจ

เรื่อง/ภาพ : Nolyho Happy Wanderer

ล�ำพัง “ไปคนเดียวอีกแล้วรึ จะดีเหรอ?” “สนุกมัย้ ครับเทีย่ วคนเดียว” “เหงามัย้ น้องเดินคนเดียว”

ลายครั้งทีเดียวที่ฉันได้ยินค�ำถามเหล่านี้จากคนใกล้ตัว บ้าง จากคนทีพ่ บเจอกันระหว่างทางบ้าง และ/หรือจาก ใครก็ตามทีช่ อบตัง้ ค�ำถามจากสิง่ ทีไ่ ด้เห็น โดยเขาอาจคิด แทนใจฉันว่าฉันคงเหงา เศร้า และคงต้องการใครสักคนเป็นเพือ่ น ร่วมทาง แต่ฉนั ก็มกั ใช้ความเงียบพร้อมรอยยิม้ เป็นค�ำตอบให้กบั เขา เหล่านัน้ เสมอ มันไม่จำ� เป็นต้องตอบมิใช่หรือว่าเราเหงา เศร้า ทุกข์ ใจ หรือสุขใจอย่างไรกับการเดินทางเพียงล�ำพัง เพราะในเมือ่ มันคือ

66

ปล่อย Release E-Magazine

สิง่ ทีเ่ ราต้องการและโหยหาความ “ล�ำพัง” ในบางห้วงยามของชีวติ ในชีวิตประจ�ำวัน เราล้วนถูกผูกติดกับคนรอบข้างโดยไม่รู้ ตัว ในส�ำนักงาน ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ร้านหนังสือ บนถนน หนทาง หรือแม้แต่ในบ้านของตัวเอง ฉันไม่ได้จะปฏิเสธการอยู่ ร่วมกับผูอ้ นื่ ไม่ได้ปฏิเสธการเดินทางเป็นหมูค่ ณะชนิดทีเ่ พือ่ นพ้อง ห้อมล้อมโขยงใหญ่ ในบรรยากาศเช่นนัน้ มีความสนุกสนานหยอก ล้อเล่นหัว ท�ำให้มชี วี ติ ชีวา อีกทัง้ ยังมีการถกเถียงรวมถึงได้แสดง ความคิดเห็นในเรือ่ งต่าง ๆ มากมาย ใครเลยจะไม่ชอบอยูก่ นั เป็น หมู่คณะและเป็นส่วนหนึ่งของใครอีกหลายคน ใครเลยจะไม่ชอบ การยอมรับจากสังคมแม้เป็นเพียงการยอมรับจากสังคมเล็ก ๆ ใน บ้านหรือในทีท่ ำ� งานก็ตาม ฉันไม่ปฏิเสธเลยว่าฉันก็ตอ้ งการช่วงเวลาและบรรยากาศแบบ นัน้ แต่ฉนั ก็รสู้ กึ ว่าชีวติ ยังต้องการบางอย่างทีส่ ามารถเติมเต็มอีก ส่วนหนึง่ ทีข่ าดหายไปในชีวติ ประจ�ำวันบ้าง เพราะแต่ละวันเราล้วน มีกจิ การงาน และกิจกรรมต่าง ๆ ให้คดิ และท�ำจนอาจลืมนึกถึง เรือ่ งของตัวเอง แม้วา่ อาจมีบา้ งบางเสีย้ วนาทีทมี่ แี ว้บใดแว้บหนึง่ จะนึกถึงตัวเองขึน้ มา แต่นนั่ ก็คงยังไม่เพียงพอ ฉันเลือกการเดินทางทัง้ ใกล้และไกล หมายใจให้การเดินทาง เพียงล�ำพังเป็นโอกาสทองในการกลับมาอยูก่ บั ตัวเอง การเดินทาง คนเดียวในสายตาของผูใ้ หญ่ทเี่ คารพรักและเป็นห่วงมากนัน้ อาจม องว่าอันตรายและเสีย่ ง ข้อนีฉ้ นั เข้าใจดีเพราะไม่วา่ จะเดินทางใกล้ ไกล ไปไหนมาไหนเพียงล�ำพังหรือไปเป็นกลุม่ ก้อน ก็ลว้ นมีความ เสีย่ งและมีอนั ตรายแอบแฝงอยูใ่ นทุกวิถที างทัง้ นัน้ แต่หากมีการ เตรียมตัว วางแผน และบริหารจัดการทุกอย่างดี ๆ ไม่วา่ จะก่อนเดิน ทาง หรือระหว่างเดินทาง ฉันว่าก็พอรับมือได้บา้ งในบางสถานการณ์ ระยะหลังมานี้ ฉันคงเข้าขั้นหลงใหลการเดินทางคนเดียว เพราะเป็นอะไรทีง่ า่ ย สะดวก และไม่ตอ้ งรออะไรทัง้ สิน้ ขอเพียงเรา


ฉันว่ายังมีคนอีกมากทีช่ อบการเดินทาง และมีอกี มากเช่นกันทีห่ ลงใหลความ “ล�ำพัง” เพราะการเดิน ทางโดยล�ำพังไม่ใช่เรือ่ งโหดร้าย ไม่ใช่ความหงอยเหงาหรือแสนเศร้าทุกข์โศก

พร้อมทีอ่ อกจะเดินทางก็เริม่ ต้นได้ทนั ที และระหว่างทางนัน้ เราจะมีเวลาอยูก่ บั ตัวเองตลอดเวลา ได้คยุ กับตัวเอง ถามไถ่ สารทุกข์สกุ ดิบ ได้นกึ ถึงวันวานและวันพรุง่ ของตัวเองว่าจะ เป็นอย่างไร ได้สำ� รวจจิตใจตนว่ายังยินดีปรีดากับความโดด เดีย่ วแต่ไม่เดียวดายของการเดินทางหรือไม่ และทีส่ ำ� คัญที่ ฉันหลงใหลมากทีส่ ดุ ก็คอื มันช่วยฝึกให้แก้ปญ ั หาเฉพาะหน้า ได้ดว้ ยตัวของตัวเอง ไม่ตอ้ งหันซ้ายหันขวามองหาเพือ่ น หรือ ถามความคิดเห็น หรือรอ หรือโอ้เอ้ไปกับวิธกี ารคิดและท�ำ ของคนอืน่ ทีอ่ าจไม่ตรงใจเรา เพราะเมือ่ เกิดปัญหาไม่วา่ จะคือ อะไร ฉันสามารถพูดคุย และตกลงปลงใจกับวิธคี ดิ และแก้ไข มันได้ในทันที และนัน่ ย่อมหมายถึงว่า ฉันก็ตอ้ งพร้อมจะรับมือ กับผลพวงของการตัดสินใจนั้นด้วยหากแก้ไม่ตรงจุดหรือมี ปัญหาอืน่ ตามมา แต่นนั่ ก็ไม่ใช่ประเด็นทีจ่ ะนึกโทษหรือโกรธ เคืองใครได้ เพราะล้วนมาจากตัวเองทัง้ สิน้ อย่างนีก้ ระมังที่

เป็นการฝึกให้ยอมรับความจริง และยอมรับคนอืน่ เพราะก่อน จะยอมรับคนอืน่ ให้ได้นนั้ เราต้องเรียนรูท้ จี่ ะยอมรับความผิด พลาด ความบกพร่องของตัวเองให้ได้เสียก่อน และเมือ่ รับตัว เองได้แล้ว คนอืน่ ก็ไม่ใช่ปญ ั หาและไม่ยากเย็น ฉันว่ายังมีคนอีกมากทีช่ อบการเดินทาง และมีอกี มาก เช่นกันทีห่ ลงใหลความ “ล�ำพัง” เพราะการเดินทางโดยล�ำพัง ไม่ใช่เรือ่ งโหดร้าย ไม่ใช่ความหงอยเหงาหรือแสนเศร้าทุกข์ โศก หากแต่มนั คือการได้กลับมาอยูก่ บั ตัวเอง และสนุกสนาน กับวันเวลาของตัวเองที่ไม่มีคนอื่นมาแวดล้อมให้ขุ่นข้อง หมองใจ และท�ำลายความเป็นส่วนตัวลงอย่างเลีย่ งไม่ได้ตา่ ง หาก เพราะบางทีคนเราก็ตอ้ งมีพนื้ ทีส่ กั ทีท่ จี่ ะหยุด ยืน และ เดินได้ดว้ ยตัวของตัวเองบ้าง นัน่ ล่ะ จึงจะเรียกว่ามันคือชีวติ ของเราจริง ๆ ...

ปล่อย Release E-Magazine

67


ปล่อยเล็บมังกร เรื่อง : เติ้ง เสี่ยว ต้อง

เซียน ผ

ลงานทีต่ กทอดถึงคนยุคเราบ่งบอกถึงความหลงใหลในภาวะ บริสทุ ธิต์ ามหลักเต๋า และครรลองมาตรฐานแห่งอักษรของบุรพ ชน ผสมผสานกับแนวเข้มแข็งห้าวหาญดังขุนพลในยามศึกเฉก เช่นปรมาจารย์รนุ่ ก่อน กลายเป็นเสาหลักแห่งยุคสมัย และเสาหลักนัน้ ยัง ยืนยงทอทาบเงือ้ มเงาถึงยุคเรา

เซียนอักษรในศาลากล้วยไม้

ปี 353 หวางซีจอื บรรลุขนั้ สูงสุดในแนวทางของตน จรดพูก่ นั รจนา

68

ปล่อย Release E-Magazine

อักษรสวรรค์ ตอน 3

‘หลานถิงจีซ’ู หรือ ‘อารัมภกถาบทกวีศาลากล้วยไม้’ งานชิน้ นีไ้ ด้รบั การ ยกย่องให้เป็นแนวทางอักษระแบบกึง่ หวัดทีง่ ดงามทีส่ ดุ เป็นทีก่ ล่าวขาน ถึงมากทีส่ ดุ และถูกคัดลอกมากทีส่ ดุ เซียนอวีซ้ ู นักวิจารณ์พกู่ นั และนักอักษรสมัยราชวงศ์หยวนชมเชย ว่า ‘ใต้ฟา้ ไม่มอี กี แล้วทีเ่ ทียมเท่า’ เป็นความเห็นทีใ่ ครหรือจะกล้าปฏิเสธ หลานถิงจีซู เขียนขึน้ มาในวาระทีบ่ ณ ั ฑิตลือนาม 42 คนร่วมสังสรรค์ ร�่ำสุราร่ายกวีที่ศาลากล้วยไม้ ใกล้กับเมืองเซ่าซิง มณฑลเจ้อเจียงใน ปัจจุบนั ในบรรดาบัณฑิตมี 20 คนทีร่ ว่ มร่ายกวี และฝากผลงานไว้ 37


หวางซีจอื วาดอักษรด้วยอารมณ์กล�ำ้ กลืนอย่างสุดซึง้ ต่อยุคสมัยและชะตากรรม จึงกลัน่ กรอง ผ่านหัวใจอย่างเต็มตืน้ บนแผ่นกระดาษ ไม่อาจวาดซ�ำ้ ได้อกี แม้นพยายามวาดเลียนแบบ และปลุกปัน้ อารมณ์นบั ครัง้ ไม่ถว้ นก็ตาม บท โดยมี หวางซีจอื เป็นผูก้ ล่าวอารัมภบทด้วยพูก่ นั สวรรค์ งานชิน้ นีน้ บั ว่ายาวกว่างานชิน้ อืน่ ทีห่ ลงเหลือถึงเรา ประกอบด้วย 324 ตัวอักษร แบ่งเป็น 28 บรรทัด เฉพาะตัวอักษร จือ (之) อันเป็น หนึง่ ในอักษรประกอบชือ่ ของ หวางซีจอื ปรากฏซ�ำ้ ถึง 20 ครัง้ และแต่ละ ครัง้ มีทว่ งท่าและรูปลักษณ์ตา่ งกันสิน้ เชิง บ่งบอกถึงห้วงอารมณ์ทคี่ ละ เคล้าในทุกตัวอักษร อีกทัง้ ในตัวบทยังปรากฏการแก้ไขในบางจุด บ่งชีว้ า่ ผูร้ จนาตกอยูใ่ นภวังค์จงึ ถ่ายทอดออกมาด้วยการด้นสด ประสานความ พลิว้ ไหวของข้อมือ อารมณ์และจินตนาการอย่างลงตัว สะท้อนความเป็น อันหนึง่ อันเดียวของพลังชี่ กล่าวกันว่า หวางซีจอื วาดอักษรด้วยอารมณ์กล�ำ้ กลืนอย่างสุดซึง้ ต่อยุคสมัยและชะตากรรม จึงกลัน่ กรองผ่านหัวใจอย่างเต็มตืน้ บนแผ่น กระดาษ ไม่อาจวาดซ�ำ้ ได้อกี แม้นพยายามวาดเลียนแบบ และปลุกปัน้ อารมณ์นบั ครัง้ ไม่ถว้ นก็ตาม เหตุใดจึงกล�ำ้ กลืน? ตระกูลหวางแห่งหลางหยารับราชการหลายชัว่ คน หวางซีจอื เอง เริม่ รับใช้ราชส�ำนักด้วยวัยเพียง 23 ต้องโยกย้ายต�ำแน่งหลายครัง้ หลาย คราเนือ่ งจากเป็นเพียงข้าราชการชัน้ ผูน้ อ้ ย ต่อมาถึงแม้จะมีคณ ุ สมบัติ เหมาะสมจะรับราชการใหญ่โต แต่กลับบ่ายเบีย่ งทุกครัง้ คราหนึง่ ผูว้ า่ ฯ เมืองหยางโจวส่งจดหมายเชิญชวนให้รบั ต�ำแหน่งสมฐานะ ใช้วาทะศิลป์ หว่านล้อมทุกกระบวนความ “ท่านนัน้ เปีย่ มด้วยอัจริยภาพ ไม่วา่ ต�ำแหน่งใดล้วนเหมาะสม ไม่วา่ ผู้ ใดล้วนเห็นเช่นนัน้ แม้แต่ตวั ข้า ข้าวิงวอนมิให้ทา่ นเสียเวลากับความเปล่า เปลือง โดยเอาชะตากรรมของแผ่นดินเป็นเดิมพัน” หวางซีจอื มีจดหมายตอบกลับด้วยถ้อยค�ำดังนี้ “หากท่านปรารถนาช่วงใช้ขา้ ข้าก็พร้อมใจทีจ่ ะลุยน�ำ้ คว�ำ่ ดินไปทุก แห่ง ไม่วา่ จะถึงกว่างหลงหรือปาซู” กว่างหลงและปาซูคือเมืองชายแดน หน้าด่านของจงหยวนก่อน เข้าสูเ่ ขตอิทธิพลของชนเผ่าเร่รอ่ นทางเหนือ การทีห่ วางซีจอื ปรารถนา ต�ำแหน่งขุนนางชายแดน แทนทีจ่ ะเสวยสุขในราชส�ำนักหรูหรานัน่ ย่อม มีทมี่ า ทีม่ านีค้ อื ความอัปยศแห่งตระกูลหวาง หลายสิบปีกอ่ น หวางค่วง บิดาของหวางซีจอื ในฐานะขุนทัพปราบชาวหุนในแถบซานซี ต้องสาบสูญ ในดินแดนชนเร่รอ่ น คาดว่าตกเป็นเชลยของข้าศึก ขณะทีล่ กู ทัพนับหมืน่ พลีชพี เยีย่ งวีรชน นีค่ อื รอยด่างพร้อยทีต่ ระกูลหวางไม่มวี นั ลืม และหวาง ซีจอื รบเร้าตนเองให้บกุ ตะลุยถิน่ เหนือเพือ่ ตามหาบิดา หมายลบล้างความ อัปยศนีเ้ สีย นีเ่ ป็นเพียงความอัปยศของตระกูลหนึง่ ยังไม่นบั ความอัปยศแห่ง อาณาจักรของชาวฮัน่ ทีถ่ กู หยามเหยียดโดยความดิบเถือ่ นของชนต่างด้าว ภาคเหนือทีม่ อี ารยะธรรมล้าหลังกว่า

และคือเหตุผลที่ หวางซีจอื พยายามปัดต�ำแหน่งใหญ่โตของราช ส�ำนักเพียงรับต�ำแหน่งเล็กน้อย ขอให้ได้ยำ�่ แผ่นดินภาคเหนือ ติดตามข่าว คราวบิดาเท่านัน้ แต่เพียงเท่านัน้ หวางซีจอื กลับไม่เคยได้สมหวัง ทีม่ านัน้ คือต้นสายปลายเหตุของบาดแผลเจ็บจนต้องแบกรับความ กล�ำ้ กลืน ได้เพียงอธิบายความในใจผ่านทางหลานถิงจีซู แม้นตัวนัยบ่ง บอกความขื่นขมแล้วยังไม่เท่าตัวลายลักษณ์อักษรที่บอกเรื่องราวนัย ประหวัดได้นบั ร้อยพัน เมือ่ พิจารณาด้วยหัวใจมิใช่ความนัยโดยตรง และความขมขืน่ ท�ำนองนีไ้ ม่เพียงปรากฏในงานชิน้ เอก แต่ยงั แฝง อยูใ่ นอักษรวิจติ รฉบับอืน่ ๆ อาทิ ‘บันทึกห้วงระทมทุข’์ ความเรียงบรรยาย อารมณ์โศกสลดทีส่ สุ านบรรพชนในภาคเหนือถูกท�ำลายย่อยยับด้วยน�ำ้ มือ ชนป่าเถือ่ น อักษรในความเรียงชิน้ นี้ ส่วนใหญ่เป็นไปตามลักษณะฝีมอื ดัง้ เดิม มีเพียงสี่ตัวอักษรเท่านั้นที่พร่าเลือนรูปลักษณ์ สับสนอลหม่านจนแทบ อ่านไม่ได้ บ่งชีว้ า่ เหตุการณ์ทางภาคเหนือนัน้ โกลาหลวุน่ วายจนยากจะ แบกรับเพียงใด

ผลงานล�ำ้ ค่า ใฝ่หาทัว่ แผ่นดิน

นับแต่จรดพูก่ นั ระบายความในใจผ่านหลานถิงจีซเู มือ่ ศักราช 353 กว่าแผ่นดินจะกลับเป็นปึกแผ่นอีกครา กระทัง่ สามารถขยายอาณาเขต กว้างใหญ่ไพศาล ก็ลว่ งเข้าสมัยราชวงศ์ถงั อีกสองร้อยปีตอ่ มา กล่าวกันว่า ฮ่องเต้ถงั ไท่จง หลีซ่ ื่อหมิน โปรดปรานผลงานของ หวางซีจอื ถึงกับมีโองการให้รวบรวมงานทุกชิน้ มาอยูใ่ นครอบครองของ พระองค์ แต่กบั ผลงานชิน้ เอก หลานถิงจีซู นัน้ ถังไท่จงกลับต้องเสาะหา แทบพลิกแผ่นดิน ต่อมาทราบว่างานต้นฉบับของหลานถิงจีซู ตกเป็นสมบัตขิ องหลวง จีนเปีย้ นไช่ ผูร้ บั สมบัตชิ นิ้ นีม้ าจากหลวงจีนจือ่ หยง ซึง่ ได้รบั มาจากแห่งหน ใดนัน้ ไม่เป็นทีแ่ น่ชดั แต่กล่าวกันว่าก่อนหน้านีอ้ ยูใ่ นครอบครองอย่างลับๆ ของตระกูลหวางมาหลายชัว่ คน หลานถิงจีซู มีคา่ ควรเมืองถึงขนาดทีห่ ลวงจีนเปีย้ นไช่ปฏิเสธการมี อยูข่ องงานชิน้ นีถ้ งึ สามครัง้ สามคราในทุกครัง้ ทีถ่ งั ไท่จงส่งข้าหลวงมาทวง ขอ ตราบจน เซียวอี้ ผูต้ รวจการแห่งราชส�ำนักต้องใช้กลอุบายปลอมตัว เป็นบัณฑิตร่อนเร่เข้าตีสนิทหลวงจีนเปีย้ นไช่ ใช้เวลาแทรกซึมยาวนานด้วย ความอุตสาหะอย่างสูง เริม่ จากการเล่นหมากล้อมจนกลายเป็นสหายสนิท เหนือกระดาน ต่อมากระชับความสนิทสนมด้วยสุรา แกล้มด้วยวิพากษ์ ศิลปะวรรณกรรม จนเข้าถึงรสนิยมซึง่ กันและกัน กระทัง่ วันหนึง่ เซียวอีต้ ระหนักถึงเวลาอันเหมาะสม จึงแสร้งแสดง ฝีมอื อักษรต่อหน้าหลวงจีนอาวุโสพลางออกปากว่า เคยทัศนาผลงานของ หวางซีจอื ครัง้ ยังรับราชการ จึงพยายามเลียนแบบ ทัง้ ยังโอ้อวดว่าผลงาน ปล่อย Release E-Magazine

69


ปล่อยเล็บมังกร เรื่อง : เติ้ง เสี่ยว ต้อง

ทีเ่ คยพบพานถือเป็นทีส่ ดุ แล้วของอักษรศิลป์ในพิภพ หลวงจีนเปีย้ นไช่หลงติดบ่วงเพทุบายจึงคัดค้าน ตามคาด เอ่ยอย่างเย้ยเยาะว่าดูท่าท่านคงยังไม่เคย ยลผลงานชิน้ เอกอุของหวางซีจอื กระมัง ว่าแล้วจึงปีน ป่ายฉวยเอา หลานถิงจีซู จากขือ่ หลังคามาส�ำแดงต่อ หน้า เซียวอีถ้ งึ กับตืน่ ตะลึงแต่แสร้งชืน่ ชมไม่แอบแฝง พิรธุ แต่ในอาการเมามายสุรากลับจดจ�ำสถานทีซ่ อ่ น อย่างแม่นย�ำ ต่อมา หลวงจีนรับกิจนิมนต์นอกเมือง ทิง้ เซียวอี้ เพียงผูเ้ ดียวด้วยความไว้ใจ แต่ฝา่ ยหลังกลับสบโอกาส ฉกฉวยสมบัติล�้ำค่าในทันที เร่งควบม้าสู่เมืองหลวง ถวายผลงานชัน้ เซียนแด่องค์ฮอ่ งเต้ องค์ถงั ไท่จงจึงได้ ครอบครองผลงานค่าควรเมืองสมพระทัย วีรกรรมการฉกชิงครัง้ นีถ้ กู เล่าขานต่อมาอย่าง ออกรสทั้งในเรื่องแต่งบนหน้ากระดาษ และบนเวที อุปรากร และเล่าขานกันว่า การทีผ่ ลงานของหวางซีจอื หลงเหลือถึงเราเพียงน้อยนิดนั้น ก็เป็นเพราะความ หลงใหลอย่างถอนตัวไม่ขนึ้ ของถังไท่จง ถึงขัน้ โองการ ให้นำ� งานศิลป์ชนิ้ เอกทัง้ หมดฝังไปพร้อมกับพระองค์ใน สุสานหลวงรวมถึงต้นฉบับหลานถิงจีซู และสิง่ ทีเ่ ราได้ เยินยลทุกวันนีจ้ งึ เป็นเพียงผลงานคัดลอกเท่านัน้ หวางซีจอื จึงนับเป็นผูม้ ชี อื่ เสียงอุโฆษแห่งราช วงศ์จนิ้ ไม่นอ้ ยกว่าฮ่องเต้ หรือขุนนางลือนาม อนุชน รุ่นหลังถึงกับให้เกียติบันทึกประวัติไว้ในพงศาวดาร ราชวงศ์จนิ้ ไม่เพียงเท่านัน้ พงศาวดารจิน้ ฉบับทีเ่ ขียน ขึน้ ในสมัยราชวงศ์ถงั ส่วนทีเ่ กีย่ วกับประวัตขิ องหวา งซีจอื ฮ่องเต้ถงั ไท่จงถึงกับรจนาด้วยพระองค์เอง ซึง่ มิใช่ปรากฏการณ์สามัญทีอ่ ธิราชจะอุทศิ พระองค์บนั ทึก ชีวประวัตขิ องบุคคลสามัญคนหนึง่ ฮ่องเต้ผู้นี้ยกย่องเซียนอักษรเป็นอันมาก ทรง พรรณนาไว้วา่ “อักษรของหวางซีจอื อลังการและมัน่ คง ไม่ด�ำเนินตามครรลองอักษรสามัญ นักวิจารณ์เชิดชู ว่า วิจิตรประหนึ่งเมฆเคลื่อนคล้อย และสะบัดพลิ้ว ประหนึง่ มังกรผวา” ในต�ำราซ่วนเหอ หรือบัญชีสมบัตริ าชส�ำนักฉบับ แรกของจีน ทีจ่ ดั ท�ำตามโองการของฮ่องเต้ซง่ ฮุย่ จง ในศตวรรษที่ 11 ปรากฏผลงานของหวางซีจอื ในคลัง สมบัตขิ องฮ่องเต้ผนู้ ถี้ งึ 234 ชิน้ หนึง่ ในนัน้ คือ ‘บันทึก

70

ปล่อย Release E-Magazine

ฟ้าไร้เมฆหลังพายุหมิ ะ’ นับเป็นผลงานทีม่ คี า่ ควรเมือง และตกทอดมาสูม่ อื ผูป้ กครองแผ่นดินหลายยุคหลาย สมัยตัง้ แต่สมัยถังจนถึงสมัยชิง ฮ่องเต้เฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิงตั้งค่าผลงาน ของหวางซีจอื และลูกหลานสกุลหวางว่าเป็น ‘ซานซี’ หรือสิ่งล�้ำค่าหายากสามประการ ทุกวันนี้ทั้งสามชิ้น ยังเก็บรักษาไว้ในแผ่นดินจีน สองชิน้ นัน้ อยูใ่ นวังต้อง ห้ามกรุงปักกิง่ อีกชิน้ อยูใ่ นครอบครองของพิพธิ ภัณฑ์ สมบัตวิ งั หลวงแห่งไต้หวัน สิง่ ล�ำ้ ค่าสองชิน้ ในสามชิน้ ในครอบครองของวัง ต้องห้ามคือ ‘บันทึกเทศกาลกลางฤดูศารท’ ผลงาน ของ หวางเซียนจือ อายุกว่า 1600 ปี แต่พลังพูก่ นั ยัง ชัดเจน สันนิษฐานว่าเป็นจดหมายถึงสหายผูห้ นึง่ หวางเซียนจือผูน้ เี้ ป็นบุตรชายคนที่ 7 และคนสุด ท้องของหวางซีจอื ทักษะฝีมอื รุดหน้าก้าวข้ามพีน่ อ้ งที่ ล้วนแต่เป็นมืออักษรชั้นเยี่ยม กระทั่งผลงานยังข้าม ผ่านขอบเขตของผูเ้ ป็นบิดา ปรับปรุงลักษณะเฉพาะ ของตัวเองเป็นการลากพู่กันลายหวัดจังหวะเดียว กล่าวกันว่าก่อนสมัยถัง ฝีมอื ของหวางเซียนจือได้รบั การยกย่องกว้างขวางเสียยิง่ กว่าบิดา ต�ำนานเล่าขานว่า คราหนึง่ หวางซีจอื ประสงค์ จะทดสอบทักษะอักษรของบุตรชายคนสุดท้อง จึงหา โอกาสฉวยพูก่ นั จากมือโดยไม่ทนั ตัง้ ตัว วิธกี ารเช่นนี้ เพื่อยืนยันถึงสมาธิที่แน่วแน่และความมั่นคงของข้อ มือ หากพูก่ นั หลุดจากคลายก�ำมืออย่างง่ายดายแล้ว ไซร้ ย่อมหมายถึงทักษะอันอ่อนยวบ ปรากฏว่าหวางเซียนจือยังคงก�ำพูก่ นั เหนียวแน่น แม้นบิดาจะพยายามหยิบฉวยในฉับพลัน ยังความปีตใิ ห้ กับเซียนอักษรเป็นยิง่ นัก กล่าวว่า “บุตรข้าคนนีต้ อ่ ไป ภายหน้าจะเป็นนักอักษรวิจติ รผูย้ ง่ิ ใหญ่” สมบัติล�้ำค่าอีกชิ้นคือ เทียบเชิญถึงป๋อหยวน เขียนโดย หวางซุน่ หลานของหวางซีจอื สันนิษฐาน ว่าเป็นจดหมายส่งถึงสหายนามเดียวกับชือ่ ผลงานชิน้ นี้ เนือ้ ความบอกกล่าวการโยกย้ายภูมลิ ำ� เนาของหวางซุน่ ฝีมือของหวางซุ่นผู้นี้ยังทรงพลังเช่นเดียวกับ บิดาและบรรพชน สมควรได้รบั คัดเลือกเป็นสิง่ หายาก โดยดุษฎี และนับเป็นการสืบทอดฝีมอื แห่งตระกูลหวา งจากรุน่ สูร่ นุ่ โดยไม่ขาดสาย ต่อมาเผยแพร่เป็นศิลปะ แห่งอักขรวิจติ รจนถึงยุคนี้


g

ภาพวาดหวางซีจอื พิจารณาทัว่ ทัง้ แผ่นจารึกอักษรวิจติ รทัง้ สองชิน้ ปรากฏ ตราประทับแพราวพราวล้วนแต่ของผู้ครอบครองหลายยุค หลายสมัย บ่งบอกถึงคุณค่าสูงส่ง ไม่เปลีย่ นแปรนับพันๆ ปี แต่เมือ่ ประเมินคุณค่าแล้วทัง้ สองชิน้ ทีป่ กั กิง่ ยังไม่อาจ ทัดเทียมผลงานของหวางซีจือ ที่ถูกขนย้ายไปที่กรุงไทเป พร้อมสมบัติจากวังต้องห้ามอีกนับแสนๆ ชิ้นในช่วงมหา สงครามโลก ‘บันทึกฟ้าไร้เมฆหลังพายุหิมะ’ มีลักษณะกระชับ กิน พืน้ ทีเ่ พียง 24 ตัวอักษร หากแต่ละอักษรครอบคลุมศิลปะแห่ง อักษรทัว่ ฟ้าดิน ยืนยงข้ามยุคสมัย เนือ้ หามีดงั นี้

ซีจอื ขอคารวะ พร่างพรูหมิ ะใกล้โรยรา ปณิธานแลเป้าหมายยากบรรลุ ยังควรมุง่ มัน่ ให้สมั ฤทธิผ์ ล ซีจอื ของคารวะ อีกครา

ว่ากันว่า จารึกอันวิจิตรล�้ำค่านี้เป็นที่โปรดปรานของ เฉียนหลงฮ่องเต้ยิ่งนัก คราใดที่หิมะโปรยปราย ฮ่องเต้ จะน�ำจารึกอักษรนี้มาเชยชม ถึงกับจรดพู่กันจารึกอักษร เซิน (ทิพย์) บนสมบัตลิ ำ�้ ค่าชิน้ นี้ ยกย่องว่าตระการล�ำ้ ค่าเกิน กว่าฝีมอื มนุษย์สามัญจะทัดเทียม นามนัน้ ยังคง อักษรมิคลาย หวางซีจอื เป็นบุคคลเยีย่ งใด? ค� ำ ตอบยั ง อาจคลุ ม เครื อ ในกาลเวลาที่ เ ลื่ อ นลอย กัดกร่อนความทรงจ�ำของคนรุน่ ก่อน แน่ละ่ มีเพียงผลงาน เท่านัน้ ทีบ่ ง่ บอกอัจฉริยะภาพของคนผูน้ ไี้ ด้ หลานถิงจีซู บันทึกความในใจของหวางซีจือ ชวนให้ ค�ำนึงถึงปราชญ์พกู่ นั ทองผูผ้ า่ นชีวติ ผลงานยิง่ ยงเพราะเคีย่ ว กร�ำฝีมอื มิใช่กอ่ เกิดจากอิทธิฤทธิเ์ ซียนแห่งฟากฟ้า แม้นอาลัย ในปัจจุบนั ขณะ แต่กม็ ไิ ด้พร�ำ่ เสียดายในฤดูกาลแล้วฤดูกาลเล่า ทีผ่ า่ นเลย เพียงคาดหวังว่าวันข้างหน้าอนุชนจะได้ชนื่ ชมกับผล งานทีเ่ ซียนมนุษย์ผนู้ ไี้ ด้ฝากไว้กบั กาลเวลา “สรรพสิง่ ผันแปร เพียงความรูส้ กึ ยังเหลืออยู่ อันสิง่ ใด เคยปรารถนากลับจะกลายเป็นอดีตล่วงเลยในพริบตา “เพียงเราปลอบประโลมตนด้วยการหวนร�ำลึกถึงเรือ่ งที่ แล้วมา ชีวติ ไม่วา่ สัน้ หรือยาว ล้วนมุง่ สูจ่ ดุ จบ “ค�ำโบราณกล่าวไว้ ที่สุดแล้วชีวิตและความตายล้วน มิผิดแผก ช่างน่าเจ็บปวดเหลือเกิน! ทุกคราที่ข้าอ่านต�ำรา โบราณ ประหนึง่ ว่าอารมณ์เของคนโบราณภาพสะท้อนความ คิดของตัวข้า ข้าเพียงร�ำ่ อาลัยแต่มอิ าจร�ำพัน “ชีวติ และความตายอาจเป็นเพียงมายา “น่าขัน หากคิดเปรียบชีวติ สัน้ เทียมทัดชีวติ ยืนยาว “อนุชนภายหน้าจะพิจารณาเราดังเช่นที่เราพิจารณา บุรพชนรุน่ ก่อน ข้าจึงบันทึกเรือ่ งราวชีวติ และผลงานของคน รุน่ นีไ้ ว้ “กาลเวลาผันแปร หากยังคงปรารถนาเผยความในใจ เช่นเดิม “ผูค้ นในภายภาคหน้าจักซาบซึง้ ในสิง่ ทีข่ า้ กล่าวไว้” บั ด นี้ เ ราได้ รั บ ทราบความยิ่ ง ยงแห่ ง เซี ย นอั ก ษร แล้ว! ปล่อย Release E-Magazine

71


ปล่อยแขก เรื่อง : ศุภ เมธี

อุปถัมภ์

อย่างเกือ้ กูล

72

ปล่อย Release E-Magazine


คนอินเดียนัน้ หากเขารักและยอมรับนับถือมีอะไรก็ยอมท�ำให้อย่างดีไปเสียหมด แต่ถา้ หากเราเผลอท�ำ ไม่ดเี พียงครัง้ เดียว เขาก็พร้อมจะไม่เหลียวแลและยอมไม่ได้อย่างเด็ดขาด... ระบบอุปถัมภ์ของเขายัง คงเอือ้ ให้คนคิดดีอยู.่ ..

วามเชือ่ ค่านิยมเก่าแก่ของผูเ้ ฒ่าผูแ้ ก่นไี่ ม่ใช่เรือ่ ง เหลวไหล ด้วยทีว่ า่ มันเกิดขึน้ เพราะสภาวะสังคม เป็นตัวก�ำหนด เรียกเป็นปฏิกริ ยิ า มีปญ ั หาอย่าง นีจ้ งึ ต้องแก้ดว้ ยสิง่ นี.้ ..ไม่ใช่...อยากให้เหมือนคนอืน่ เลยลอก เขามา เรือ่ งระบบวรรณะในอินเดียยังคงมีอยู่ ความเข้มข้นก็ ขึน้ อยูก่ บั แต่ละรัฐ มีผหู้ ลักผูใ้ หญ่ทนี่ เี่ ล่าให้ฟงั ว่าในแถบถิน่ ทีอ่ ยูไ่ กลความเจริญ ยังคงมีประเพณีวา่ สามีตายแล้วต้อง ลุยไฟเผาตัวเอง ตายตามไปพร้อมกับสามีกย็ งั มีอยู่ แต่กน็ บั ว่ามีให้เห็นน้อยมาก คนอินเดียรุน่ ใหม่พยายามต่อต้านเรือ่ ง นีอ้ ยูเ่ ช่นกัน ในรัฐที่ผมอยู่ ; รัฐเวสเบงกอล- แทบจะไม่รู้สึกว่ามี วรรณะมันมีความรูส้ กึ คล้ายๆ กับมีแค่คนจนคนรวยเหมือน บ้านเรา (แม้วา่ จะมีคนจนมากโขอยูก่ ต็ ามที) แต่ดว้ ยภาวะ

เช่นนี้ผู้ที่อยู่ในฐานะดีกว่า หรือสูงกว่าก็ต้องอุปถัมภ์คนที่ จนกว่า ระบบอุปถัมภ์จงึ มีให้เห็นชัดเจนทีน่ ี่ เป็นต้นว่าชาว บ้านทีเ่ ป็นชนชัน้ กรรมกร ต้องท�ำงานหนัก ค่าแรงถูก (แต่ทำ� งานเนีย้ บ) และมีความซือ่ สัตย์ ผูว้ า่ จ้างอาจจะมีรางวัลพิเศษ เพือ่ เป็นการผูกใจกัน อย่างเจ้าของบ้านทีผ่ มอยูด่ ว้ ย แกเอาเป็ดให้ลกู จ้างทีม่ า ต่อเติมบ้านเป็นตัวๆ เพือ่ เป็นสินน�ำ้ ใจ นอกเหนือจากทีใ่ ห้เงิน ค่าจ้างกันแล้ว การปฏิบตั กิ บั แม่บา้ นทีม่ าดูแลบ้านเขาก็มวี ธิ ี ในการดูแลเช่นเดียวกัน เป็นต้นว่าช่วงเทศกาลใหญ่ประจ�ำปี เขาก็จะมีการมอบเสือ้ ผ้าผืนใหม่ให้กบั ลูกจ้าง ซึง่ นีก่ เ็ ป็นวิธี ผูกมัดน�ำ้ จิตน�ำ้ ใจต่อกัน และผมเองก็ตอ้ งท�ำอย่างเขาด้วย นัน่ ต้องซือ้ เสือ้ ผ้าเป็นของขวัญแก่แม่บา้ นด้วย เจ้าของบ้าน

ผมบอกว่า ด้วยการท�ำอย่างนี้ มันจะท�ำให้เขารักเรา ไอ้การ ทีเ่ ขาจะมาคิดลักเล็กขโมยน้อยกับเราก็จะไม่เกิด กลายเป็น เรือ่ งส่งเสริมศีลธรรมไปซะอย่างนัน้ แล้วแบบนีจ้ ะมีระบบอุปถัมภ์เกิดขึน้ ในการท�ำงานไหม? มันจะเหลือหรือครับ การมีเด็กฝากเด็กท่านเป็นเรือ่ ง ปกติ เป็นเรือ่ งทีญ ่ าติๆ ต้องดูแลกัน แต่อย่าได้มาฉ้อฉลหรือ มาเลวทีหลังก็แล้วกัน (ยกเว้นจะฉ้อฉลกันทัง้ หมด-ฮา) เพราะ หากเกิดการฉ้อฉลกันขึน้ มา ความนับถือกันก็จะหมดกันแค่นนั้ เพราะนิสยั คนอินเดียไม่ยอมเสียเปรียบใครง่ายๆ (แต่ถา้ ได้ เปรียบเขาจะชอบมาก) ซึง่ หลายคนอาจจะเคยได้ยนิ เงินแค่ รูปเี ดียว คนอินเดียเถียงเอาเป็นเอาตาย และก็พร้อมจะเอา เปรียบกันตลอดเวลา - นัน่ ล่ะ...เขาล่ะ มีครัง้ หนึง่ เพือ่ นบ้านข้างๆ ซึง่ เป็นหญิงแก่ๆ แกมักอยู่ ตัวคนเดียว เพราะลูกเต้าไปท�ำงานต่างรัฐ พวกเราเคยขอ อนุญาตเข้าไปใช้พื้นที่บ้านของแกเพื่อซ้อมละคร และถ่าย หนังสัน้ แกก็ยนิ ดีอย่างมาก ถึงขัน้ เลีย้ งชาเลีย้ งขนม เพือ่ จะ ได้มเี พือ่ นคุย ด้วยความสนิทสนม และนิสยั คนไทยอย่างเรา ก็เริม่ ออกลาย มีวนั หนึง่ เข้าไปขอใบตองมาท�ำขนม แกก็อนุญาต เรา เอามาท�ำและแบ่งให้แกชิมด้วย ทุกอย่างเป็นไปอย่างปกติ วันทีส่ อง เราเข้าไปขอตัดใบตองอีก แต่คราวนีเ้ ราดันไปตัด เอายอดอ่อนต้นกล้วย แกเห็นก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่ยอม ให้เข้าไปเหยียบบ้านแกอีกเลย- ตรงนี้อยากจะชี้ให้เห็นว่า คนอินเดียนัน้ หากเขารักและยอมรับนับถือมีอะไรก็ยอมท�ำให้ อย่างดีไปเสียหมด แต่ถา้ หากเราเผลอท�ำไม่ดเี พียงครัง้ เดียว เขาก็พร้อมจะไม่เหลียวแลและยอมไม่ได้อย่างเด็ดขาด... ระบบอุปถัมภ์ของเขายังคงเอือ้ ให้คนคิดดีอยู.่ .. ไม่เหมือนบ้านเรา..เห็นชัดๆ ว่านักการเมืองทีเ่ ลวเหลือ เกินในอดีต ครัน้ พอปัจจุบนั นักการเมืองคนนัน้ ได้อยูข่ า้ งตัว เอง ก็พลันกลับกลายเป็นยอมรับและลืมความชั่วนั้นอย่าง ง่ายดาย ระบบอุปถัมภ์ของเราจึงกลายเป็นสนับสนุนให้คน ชัว่ ท�ำชัว่ ได้ไม่อายใคร ดูๆ ไปมันก็นา่ เอาเยีย่ งในบางอย่าง ไม่นา่ เอาอย่างใน บางสิง่ นะครับ หากระบบอุปถัมภ์ทำ� ให้คนคิดดี ระบบอุปถัมภ์ ก็คำ�้ จุนสังคมได้ไม่เลวเชียวล่ะ บางครั้งบางทีระบบประชาธิปไตยที่เราเป็นอยู่ในทุก วันนี้ ยังสูไ้ ม่ได้ดว้ ยซ�ำ้ ...

ปล่อย Release E-Magazine

73


ปล่อยคนเดินทาง เรื่อง : ชาตรี เขตเขาเม็ง

Alexanderplatz Revisited

74

ปล่อย Release E-Magazine


เงาคนจรนอน ทาบจตุรสั วางวาย

ตอน 1

ปล่อย Release E-Magazine

75


ปล่อยคนเดินทาง

ทาํ

ไมผมถึงใช้คำ� ว่า เยือนอเล็กซาน เดอร์พลาตซ์อกี ครัง้ ทัง้ ๆ ทีค่ ณ ุ ก็ รูว้ า่ ชัว่ ชีวติ ของผมไม่เคยเหยียบ จตุรสั ลือนามแห่งเบอร์ลนิ มาก่อน ผมอาจตอบว่ า เป็ น การเยื อ นครั้ ง ที่สอง ต่อเนื่องจากปิดบทสุดท้าย Berlin Alexanderplatz นิยายเรือ่ งนัน้ ของ“เดอบลิน” ในรูปลักษณ์ของเมจิกเรียลลิสต์ซมึ่ ทราเวลล็อก หรือไม่ก็อาจตอบว่าเป็นเพียงการตอบ สนองฝันลมแล้งของคนหนุม่ ฝันเฟือ่ งผูน้ กึ อยาก ท้าหนาวทีเ่ บอร์ลนิ หรือเพียงตัง้ ชือ่ เรือ่ งให้โก้เก๋ หรือไม่ใช่หา่ อะไรสักอย่าง? มีนาคม หิมะยังโปรายปรายทีเ่ บอร์ลนิ หลังการเดินทางอย่างบ้าระห�ำ่ บนฟากฟ้า นานสิบสองชัว่ โมง และเปลีย่ นเครือ่ งทีโ่ คเปนฮา เกน โดยไม่ได้ยา่ งกรายออกจากสนามบินประจ�ำ นครหลวงแห่งเดนมาร์ก เราสลัดความร�ำคาญ และเมือ่ ยล้าทิง้ ไปพร้อมๆ กับเม็ดฝนทีต่ กผลึก เป็นเกล็ดหิมะหล่นโปรยปราย หิ ม ะในกลี บ เมฆมหึ ม าก้ อ นเดี ย วกั บ ที่

76

ปล่อย Release E-Magazine

ปล่อยละอองหิมะสีขาวที่ด้านนอกเทอร์มินัล ของสนามบินโคเปนฮาเกน ที่ซึ่งผมยืนมอง ความเงียบสีขาวและหนาวเหน็บ ในความ อบอุน่ ทีก่ นั้ ไว้เพียงกระจกบานบางๆ แต่ให้ภาพ ภายนอกทีโ่ อฬาร เบอร์ลินมีเสน่ห์แม้แต่ในยามที่มองจาก เครือ่ งบิน และพบแต่หลังคาอพาร์ตเมนต์เก่าๆ เกลื่อนด้วยหิมะ และควันจากเตาไฟ หรือ ฮีตเตอร์รนุ่ บุพกาล ถู ก ต้ อ งเบอร์ ลิ น ต้ อ นรั บ เราด้ ว ยหิ ม ะ สุดท้ายของฤดู ก่อนที่อีกสองสามวันถัดมา บุ ป ผาแรกจะแทรกตั ว จากผื น ดิ น เย็ น เฉี ย บ ประกาศให้รถู้ งึ การมาเยือนอีกครัง้ ของวสันตฤดู ความเย็นและขาวของหิมะไม่เกี่ยวข้อง อะไรกับความรูส้ กึ ผม แต่กริ ยิ าเริงร่า และตืน่ ตาของสาวเจ้าผูพ้ บเห็นหิมะเป็นครัง้ แรกในชีวติ ประทับใจผมมากกว่า แม้ว่าอาจดูพิลึกส�ำหรับสายตาคนท้อง ถิน่ ทีม่ องเธอราวเห็นคนบ้าความหนาว ทัง้ ๆ ที่ พวกเขาและเราทุกคนจะเป็นบ้าไปแล้วเพราะ ความหนาวติดลบ แม้ติดลบเพียงหนึ่งหรือสององศาก็มาก

พอแล้วทีจ่ ะเรียกว่าหนาวราวนรก (ฝรัง่ ) บ้างว่า อากาศทีห่ นาวทีส่ ดุ นัน้ หาใช่ดกี รี ติดลบถึงสิบหรือมากกว่านัน้ แต่ความหนาวฝัง กระดูกเลียบๆ เคียงอยูแ่ ค่ราว 1-2 องศา นัย เป็นภาวะเปลี่ยนผ่านของอากาศ และความ รูส้ กึ ของมนุษย์ แน่ละ เธอผู้ร่าเริ่งคนนั้นสนุกสนานกับ หิมะได้เพียงชั่วครู่ ก่อนที่จะตอบแทนมันด้วย ค�ำสบถก่นด่าความหนาวเหน็บ เราใช้เวลารอรถและไกด์ทรี่ บั ผิดชอบเรา ตลอดสีว่ นั ในนครหลวงของเยอรมนี ท่ามกลาง ความวิตกว่าเหตุใดเราจึงสามารถผ่านเข้าสนาม บินเทมเพิลฮอฟ โดยทีไ่ ม่มกี ารตรวจหรือประทับ ตาหนังสือเดินทางโดยเจ้าหน้าที่ ตม.หน้าเครียด เหมือนทีโ่ คเปนฮาเกน นั่นเป็นเพราะเราไม่เข้าใจระบบวีซาเชง เกนของสหภาพยุโรป ที่อนุญาตให้ชาวเรา สามารถเพ่นพ่านได้ทวั่ ไปในแผ่นดินยุโรป โดยที่ ประทับตราเข้าออก ณ ประเทศใดก็ได้ที่ร่วม วงเชงเกน และก็นนั่ แหละ ในขากลับ เราจึงประทับ ตราออกที่ฟรังเฟิร์ตโดยไม่มีข้อกังขาอีกต่อไป


ปล่อย Release E-Magazine

77


ปล่อยคนเดินทาง

78

ปล่อย Release E-Magazine


โรงแรมอเลกซานเดอร์ พลาทซ์ ณ อเล็กซานเดอร์พลาตซ์ อดีตหมายหลักทางธุรกิจ และชีวติ กลางคืนของชาวเบอร์ลนิ ในยุคไกเซอร์และนาซี

ยกเว้นเพียงบางคนที่ตกเป็นเหยื่อของการตรวจสุ่มของเจ้าหน้าที่ตรวจ คนเข้าเมืองหน้าเหีย้ ม และตัง้ ค�ำถามอย่างไร้ปรานีหรือความรูส้ กึ อืน่ ใด ซึง่ หนึง่ ในเหยือ่ นัน้ กลับเป็นชายทีเ่ คยเดินทางไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน�ำ้ รวม ถึงแดนศิวไิ ลซ์อย่างสหรัฐ ...แน่นอนว่าไม่ใช่ผม ซึง่ เพิง่ เดินทางกลับจาก ทริปหฤโหดทีก่ มั พูชา นับเป็นความสะดวกอย่างหนึง่ ทีห่ ลายภูมภิ าคของโลกต้องการท�ำ เช่นนัน้ บ้าง แต่ยงั ไม่เป็นผล เนือ่ งจากบางประเทศทีเ่ ลีย้ งตัวเองจากธุรกิจ ท่องเทีย่ วยังไม่มองการณ์ไกลไปกว่าการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมวีซาสูงลิว่ จากนักท่องเทีย่ ว แทนทีจ่ ะสละค่าธรรมเนียมเพือ่ เรียกแขกบ้านแขกเมือง แต่นเี่ ป็นเพียงมุมมองหนึง่ นัน้ เพราะการเก็บค่าธรรมเนียมวีซาแห พงหูฉเี่ ป็นปราการป้องกันคลืน่ นักท่องเทีย่ วไร้คณ ุ ภาพทีต่ งั้ หน้าตัง้ ตาเทีย่ ว แล้วจากไปโดยช่วยกันทิง้ ความวินาศเล็กๆ น้อยๆ ให้เจ้าบ้านไว้ดตู า่ งหน้า ผมพยายามเดินออกไปเพือ่ สัมผัสกับเกล็ดหิมะแรกของชีวติ บางที อาจเป็นก้อนแข็งที่กองสุมในสวนด้านนอก แต่เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อการ จราจรด้านหน้าเทอร์มนิ ลั ค่อนข้างลืน่ ไหล อีกทัง้ โปรยหิมะยังกลับกลาย เป็นละอองฝน แล้วกลับเป็นหิมะ ซ�ำ้ แล้วซ�ำ้ เล่าจนสับสน เพราะวินาทีนี้ เหลือเพียงหิมะต้นฤดู หรือฤดูใบไม้ผลิ โชคดีทปี่ นี ฤ้ี ดูหนาวยาวนานจนซีก โลกเหนืออดสบถกับฟ้าไม่ได้ ผมทราบข่าวในภายหลังว่า แม้เราจะเดินทางกลับบ้านไปแล้วหนึง่ เดือน หิมะก็ยงั ดาหน้าพร่างพรูลงมาทับถมแผ่นดินเมืองเบียร์ นับเป็นปีที่ อากาศวิปริตอย่างเหลือเชือ่ นีอ่ าจเป็นสัญญาณเตือนแรกของภาวะโลก ร้อนทีช่ าวโลกยังถกเถียงกันชนิดเคร่งเครียดว่า มันมีอยูจ่ ริงหรือไม่ ราวครึง่ ชัว่ โมงสารถีหนุม่ เดินทางมาถึงพร้อมเบนซ์ตลู้ ำ� ตัวใหญ่ อัด ผูโ้ ดยสารได้อย่างน้อยสิบสองคน หากต้องการนัง่ เบียดอย่างทรมาน แต่ อัดเยอรมันร่างยักษ์ได้หกคนสบายๆ หนุม่ ชาวไทยในเมืองเบียร์ พาเราลัดเลาะจากชานเมืองสูน่ ครทีค่ รัง้ หนึง่ ถูกแบ่งออกเป็นสองฝัง่ ฝ่าย เราผ่านย่านซับเบิรบ์ ทีเ่ รียงรายด้วย บ้านเดีย่ วในสวนขนาดกะทัดรัด เข้าสูย่ า่ นแฟลตทีแ่ ออัด ในบรรยากาศ แข็งกระด้าง และในพลันเราก็แล่นอยูบ่ นถนนสายใหญ่ทตี่ ดั ผ่านเทียร์การ์ เทน สวนสาธารณะใหญ่กลางเบอร์ลนิ ความกว้างขวางและเป็นธรรมชาติ อย่างมากของมันท�ำให้เรียกได้เต็มปากว่าคือป่าละเมาะกลางเมืองดีๆ นีเ่ อง เพราะจากเศษถุงยางอนามัยและทิชชู่ ทีเ่ กลือ่ นกลาดไปทัว่ หลังมหกรรม ดนตรีเทคโน ‘เลิฟ พาเรด’ ได้สนิ้ สุดลง ควรจะเรียกเป็น ‘เซ็กส์ พาเรด’ มากกว่า ผมไม่ได้วา่ แต่เจ้าบ้าน เขาบ่นกันอย่างนัน้ กลางอุทยานหลวงดัง้ เดิมแห่งปรัสเซีย เป็นทีต่ งั้ ของ ‘วงเวียนใหญ่’ หรือ Siegessaule

และกลางวงเวี ย นนั้ น เป็ น ที่ ตั้ ง ของอนุ ส าวรี ย ์ ชั ย สมรภู มิ แ ห่ ง จักรวรรดิปรัสเซีย สร้างขึน้ ในรูปทรงไม่เหมือนแต่ไม่ตา่ งจากอนุสาวรีย์ ชัยฯ ทีบ่ า้ นเรา ด้วยรูปทรงนีโอคลาสสิกตัง้ ตระหง่าน บนยอดประทับ ได้ดว้ ยเทวีแห่งชัยชนะ และเสาโรมันท่อนยักษ์นนั้ มีบนั ไดเวียนถึงยอดได้ ขณะทีอ่ นุสาวรียช์ ยั ฯ ของเรา อยูใ่ นรูปทรงอาร์ทเดคโค และไม่มเี ทวียนื ค�ำ้ ฟ้า หากแต่เป็นหุน่ เหล่าทหารและพลเรือนยืนท้าแดดลมในร่างสัมฤทธ์ แม้จะต่าง แต่เราล้อแก้เก้อคิดถึงบ้านกันเองว่ามันคือ อนุสาวรีย ชัยสมรภูมิ กลางวงเวียนใหญ่ ในสวนลุมพินี ทีก่ รุงเบอร์ลนิ ในสวนมโหฬารแห่งนัน้ เรายังผ่านอนุสาวรียอ์ กี หลายแห่ง ซุกซ่อน ในพงป่า และไหล่ทางทีอ่ มึ ครึม แน่นอน มันอยูใ่ นสภาพทรุดโทรม จาก พิษแผลสงครามโลก และผลพวงทางเศรษฐกิจทีท่ รุดฮวบหลังจากสอง เยอรมันเพิง่ ผ่านการรวมชาติไปหมาดๆ เมือ่ สองทศวรรษก่อน หนึง่ ในนัน้ คือ อนุสาวรียท์ หารหาญแห่งโซเวียต ทีเ่ ราพบเมือ่ ข้าม ผ่าน (อดีต) เบอร์ลนิ ฝัง่ เยอรมนีตะวันออก (ว่ากันว่าหินอ่อนสีเลือดนก พิราบที่ถูกน�ำมาสร้างของที่ระลึกจากโซเวียตที่ว่านี้น�ำมาจากท�ำเนียบ ของท่านผูน้ ำ� ‘ฮิตเลอร์’) และแน่นอนประตูบรันเดนบูรก์ สัญลักษณ์แห่ง เบอร์ลนิ ทีป่ ลายสุดของสวน ฝัง่ ติดกับถนนอุนเทอร์เดนลินเดน อันโด่งดัง แต่เวลานัน้ เรายังไม่เห็นแม้แต่ปลายเสาของบรันเดนบูรก์ เพราะ สารถีของเราหักพวงมาลัยไปอีกเส้นทาง เมื่อขับวนวงเวียนใหญ่ไปได้ หลายรอบจนน่าเวียนหัว หลายคนเริม่ แกล้งบ่นแต่นำ�้ เสียงแสดงถึงความ หงุดหงิดอย่างเห็นได้ชดั แม้แต่เธอผูน้ นั้ ก็เริม่ บ่นถึงความเหน็ดเหนือ่ ยจาก ทริปทีย่ าวนาน และดูเหมือนว่าความตืน่ ตาตืน่ ใจของนครหลวงแห่งนีจ้ ะ เริม่ เสือ่ มมนต์ขลัง เมือ่ เพ่งมองทีส่ ายตาของเธอ แม้ในบางคราวจะมียมิ้ แย้มรอยทีใ่ บหน้าของเธอบ้างเป็นครัง้ คราวก็ตาม เรามาถึงจุดหมายในทีส่ ดุ โรงแรมอเลกซานเดอร์ พลาทซ์ ณ อเล็ก ซานเดอร์พลาตซ์ อดีตหมายหลักทางธุรกิจ และชีวติ กลางคืนของชาว เบอร์ลนิ ในยุคไกเซอร์และนาซี เช้านัน้ ฝนเริม่ กลายเป็นหิมะ เมือ่ เราก้าวเข้าสูค่ วามอบอุน่ จนระอุ ของฮีทเตอร์โรงแรม บางเวลาทีเ่ ปลีย่ วเหงา และเศร้าหมองทางความคิด ผมมีทางเลือก อยู่เพียงสองทางที่จะไขตัวเองออกจากสภาวการณ์เช่นนั้น หนึ่งคือคิด สืบสานถึงบางเรือ่ งทัง้ ทีไ่ ร้และไม่ไร้สาระ และสองคือหยุดคิดและปล่อย ตัวเองตามจังหวะลมหายใจ และท�ำนองชีวติ ของผูอ้ นื่ ทีบ่ งั เอิญผ่านเข้า มาในประสาทสัมผัส ผมมักท�ำอย่างแรก เบอร์ลินคือบ้านของนักปรัชญาบางคน ทั้งที่เป็นปรัสเซียน หรือ

ปล่อย Release E-Magazine

79


ปล่อยคนเดินทาง เยอรมันจากส่วนอื่นๆ ของยุโรป ในจ�ำนวนนั้นรวมถึง คาร์ล มาร์กซ์, โรซา ลุกเซมบวร์ก หรือบางคนทีไ่ ม่มใี ครรูจ้ กั แต่สำ� หรับช่วงเวลาแห่งการ รอคอยผมกลับนึกชอบกลเม็ดของนักปรัชญามากกว่าตัวนักปรัชญาเอง หรือกระทัง่ ผลงานอันอุโฆษของพวกเขาเหล่านัน้ ผมนึกถึงปฏิบทของ เบอร์ทรันด์ รัสเซล อย่าง.... “ถ้าผมบอกคุณว่าคุณเชือ่ ค�ำพูดของผมไม่ได้สกั ค�ำคุณจะเชือ่ ไหม?” และ “ถ้าคุณตอบว่าเชื่อ ค�ำกล่าวของเราทั้งสองคนมันจะไม่ขัด กันเองหรือ?” ผมถามเธอด้วยความคิดนัน้ “ไม่ ถ้าเธอกับฉันไม่คดิ ยุง่ ยากเกินจ�ำเป็น” เธอพูดถูก ในประโยคสนทนาของมนุษย์ธรรมดาไม่ควรเล่นกล ตรรกะมากเกินไป หากเราไม่คนุ้ เคย หรืออยากคุน้ เคยมากกว่านัน้ เพราะ นอกจากมันจะแสดงถึงความยะโสโอหังทางปัญญา คนรอบข้างอาจมองว่า เป็นการริเริม่ บทสนทนาทีป่ น่ั ป่วนเกินไป แต่คำ� ตอบของเธอคนนัน้ น่ารัก ในช่วงขณะทีเ่ รารอคียก์ าร์ด กลาง ล็อบบีโ้ รงแรม บางคนในคณะเราเ ตร็ดเตร่ในเลานจ์บา้ ง หรือเคาน์เตอร์บา้ ง ฆ่า เวลาทีน่ านเกินรอส�ำหรับนักเดินทางข้ามครึง่ โลก ทีอ่ อ่ นล้าและยังนอน ไม่อม่ิ เราไม่อยากสนทนามากมายกับเรือ่ งสัพเพเหระทีท่ างการเกินไป ไม่ เว้นแม้สภาวะอากาศ ความคิดถึงบ้าน วันพรุง่ นี้ งานทีร่ อส�ำเร็จผล หรือ เรื่องราวเบื้องหลังของบางคน สมาชิกของเราท่านหนึ่งจึงป้อนค�ำถาม แบบเดียวกับผม ในความพยายามทีจ่ ะสลัดความอ่อนล้า และน่าเบือ่ ใน โถงโรงแรม แต่ไม่นาน เราเริม่ เดินเตร่อกี ครัง้ ก่อนทีผ่ มจะเดินไปประกบทีเ่ ธอ ไม่มอี ะไรมากนอกจากเปิดการสนทนาของคนวัยเดียวกัน เบื้องนอกหิมะเกล็ดเท่าเม็ดทรายหยาบเริ่มโปรายปรายลง คง ทรมานไม่น้อยหากใครสักคนยังยืนอยู่กลางความเย็นเพื่อชื่นชมกับสิ่งนี้ แต่หนึง่ ในคณะของเราก�ำลังท�ำเช่นนัน้ และไม่นา่ แปลกใจอันใดส�ำหรับคน ทีเ่ คยพบเพียงทรายหยาบ ไม่ใช่หมิ ะทีเ่ หมือนทรายหยาบ ยูโรเปีย้ น อิเดียน และอาหรับบางคนนัง่ เงียบทีเ่ ลานจ์ บางคนคลี่ หนังสือพิมพ์ทอ้ งถิน่ เพือ่ พิจารณาข่าวสารอย่างใจเย็น บางคนอาจนัง่ จิบยิน โทนิกสักแก้ว หรืออาจเป็นเมรัยทีฉ่ นุ กลิน่ และรสร้อนกว่านัน้ ผมไม่ทราบ แต่อยากท�ำเช่นนัน้ บ้าง หากไร้ภาระการงานซึง่ รอในอีกไม่กชี่ วั่ โมงข้างหน้า ผมเดินไปหยิบแผ่นพับของประดาสถานบันเทิง โรงละคร หอศิลป์ และมิวเซียม ซึง่ วางอยูใ่ กล้กบั ลิฟท์ มันบรรยายความด้วยภาษาดอยชฺท์ ล้วนๆ ท�ำให้เดายากว่าแผ่นพับเหล่านีท้ ำ� ขึน้ เพือ่ นักท่องเทีย่ วชาวต่างชาติ

80

ปล่อย Release E-Magazine

หรือส�ำหรับคนในประเทศ ซึง่ ข้อหลังมินา่ จะใช่ เพราะเราสังเกตผับคนท้อง ถิน่ ในโรงแรมระดับสีด่ าวแห่งนีใ้ นจ�ำนวนทีแ่ ทบนับได้ครบ ผมพยายามเฟ้นหาแผ่นพับในภาษาทีพ่ อจะอ่านออกครูห่ นึง่ แต่ไม่ ส�ำเร็จ เธอคนนัน้ เดินเข้ามาในทีทา่ เหนือ่ ยหน่าย และสายตาบ่งถึงความ ต้องการสิง่ ใหม่ ในล็อบบีท้ เี่ หงาเงียบ เธอเดินมาเลือกแผ่นพับเช่นกัน แน่นอน ตลอดสิบแปดหรือยี่สิบชั่วโมงที่ผ่านมา เราอยู่ใกล้ชิด กันมาก ทัง้ บนเครือ่ งและทีส่ นามบินโคเปนฮาเกน แต่ผมไม่ยกั เคยพินจิ ทรวดทรงองค์เอวของเธอ เพียงเพราะเราทั้งหมดต้องห่มกายด้วยโค้ท หนาเกือบตลอด ทัง้ ๆ อบฮีทเตอร์บนสนามบิน และโรงแรม มีเพียงใบหน้า เท่านัน้ ทีค่ นุ้ ตา ผิวสีแทนออกเข้ม ในแบบสาวไทยบ้านนา ตาคมเป็นส่วน เสริม และปาก จมูก หู เรือนผม และนิว้ มือ ขนกายบางๆ ทีแ่ ขน เม็ด เหงือ่ ก้อนเซลล์ โมเลกุล หรือใดๆ ก็ตาม ทีป่ ระกอบขึน้ เป็นเธอ ผมเพิง่ รับรูถ้ งึ ความน่าชมในตัวเธอเพียงหลังจากทีเ่ ธอฝากโค้ทหนากับพีส่ าวนาง หนึง่ ในคณะเรา แน่ละ อาจเป็นเพราะเธอไม่ใช่ผหู้ ญิงแบบทีช่ ายทุกคนต้อง มอบสายตาให้ แต่ชายอีกหลายคนอาจนิยามว่าผิดปกติหากไม่ทนั สังเกต ความน่าดูของเธอ เธอดูคล้ายกับรักแรกของผมที่บ้านเกิด ไม่ใช่ อาจไม่ใช่ความรัก นัน่ เป็นเพียงความประทับใจต่อเด็กผูห้ ญิงคนหนึง่ ทีพ่ มิ พ์เดียวกันกับเธอผู้ นี,้ มือของผมควานหาแผ่นพับต่อไป, ในความคิดนัน้ แชเชือน ไปกับการ ท�ำความรูจ้ กั เธอด้วยสายตา ใช่! ผมยอมรับว่าความคิดของผมปนเปือ้ น ด้วยอารมณ์บางอย่างเมือ่ เคียงด้วยเพศตรงข้าม แต่ในวินาทีนเี้ ป็นเพียง ความคิดเลื่อนลอย ในบรรยากาศที่เลื่อนลอยของการขอคีย์การ์ดห้อง นอนของพวกเรา ใช่ เธอน่ารัก และเสียงทีอ่ อกแหลมเจือเข้มเล็กน้อยนัน้ ... “น่ารักนะ”เธอเอ่ยพร้อมเปิดยิม้ เหมือนเธอยิม้ ให้ผมในภาพความคิด เว้นเพียงเธออยูใ่ นชุดไหมพรมสีฟา้ มิใช่ในอาภรณ์เนือ้ สีแทนเข้ม “หมีตวั นี”้ เธอปรีเ่ ข้าไปกอดหุน่ หมียกั ษ์ระบายสีแสบตา ท�ำท่ายก ไม้ยกมือด้วยแววตาบ้องแบ๊วราวกับจะจ้องขย�ำ้ แขกทุกคนทีเ่ ยือนเบอร์ลนิ ด้วยอ้อมกอด “หมีสัญลักษณ์เบอร์ลินหรือเปล่า ใช่สิ ฉันเพิ่งอ่านจาก หนังสือน�ำเทีย่ ว เขาว่า ทีซ่ รู คิ หรือทีไ่ หนสักแห่งในยุโรปยังมีหมีเป็นมาส ค็อตด้วย เธอว่าอย่างนัน้ หรือเปล่า น่ารักนะ” เธอรู้ว่าผมรู้ว่าหมีของเบอร์ลินมีที่มาจากอะไร เรื่องราวใด และ กษัตริยป์ รัสเซียยุคใดทีท่ รงล่าหมีเป็นงานอดิเรก ในดงหมีทที่ กุ วันนีค้ อื กรุง เบอร์ลนิ แต่อะไร ...ผม, หมี หรือเบอร์ลนิ ? “อะไรล่ะทีน่ า่ รัก” เธอยิม้ และกอดเหมือนจะแสดงความเป็นเจ้าของ “เบอร์ลนิ ” อา! ...ใช่... ผมก็รกั เบอร์ลนิ เหมือนกัน อ่านต่อฉบับหน้า


ปล่อย Release E-Magazine

81


ปล่อยกันไปแฮ้ง เรื่อง : ลีโอ ภาพ : กีกี้

ฮิป

ฮิป

ที่ มาดามมูเซอ

พู

ดถึงเด็กยุคนีค้ งไม่คอ่ ยมีใครคุน้ นักกับค�ำว่า “ฮิปปี”้ แม้กระผมจะ ไม่ทนั ยุคสมัยแต่คล้ายจ�ำได้วา่ เคยเห็นผูห้ ลักผูใ้ หญ่เขาแต่งเนือ้ แต่ง ตัว แหมมันช่างโก้ ไม่ภมู ฐิ าน ไม่ฟงุ้ เฟ้อ และรักอิสระเสรี แถมยัง ฟังเพลงร็อกสไตล์ฝรัง่ อย่างทีเ่ ขาเรียกกันว่าพวกบุปผาชน วันนีล้ ะ่ ผมและเพือ่ นรักนักดืม่ จะมาชักชวนชาวแฮ้งไปท�ำตัวเป็นหนุม่ ฮิปปีก้ นั ... มาดาม มูเซอ (Madame Muser) คือทีห่ มายส�ำหรับฮิปปีอ้ ย่างเรา ในค�ำ่ คืนนี้ ชือ่ นีม้ ที มี่ าครับ เหตุเกิดขึน้ ทีว่ า่ พีน่ อ้ งเจ้าของร้านใจดีนนั้ เป็น

82

ปล่อย Release E-Magazine


มาดาม มูเซอ เป็นชือ่ ทีเ่ ธอภาคภูมใิ จ เพราะบรรยากาศร้านนัน้ สะท้อนตัวตนเจ้าของร้านอย่างเด่นชัด ตัง้ แต่การตกแต่งทีใ่ ห้กลิน่ อายเมืองเหนือ ทีผ่ สานกับกลิน่ อายของชาวเขาเอาไว้ได้อย่างกลมกลืน ผูห้ ญิงหลากมิติ เป็นคุณนายก็เนีย้ บแสนเนีย้ บ แต่ลกึ ๆ แล้วเธอเป็นคนทีแ่ สนเซอร์ๆ จนเพือ่ น มักเรียกเธอว่ามาดาม มูเซอร์ แถมเธอยังเป็น คนเชียงใหม่ ชอบการเดินทาง ชอบธรรมชาติ ชอบศิลปะ และอิสระเสรีประมาณนัน้ เหนืออืน่ ใดเชือ่ หรือไม่วา่ เธอชอบท�ำอาหารเป็นชีวติ จิตใจ วั น หนึ่ ง หลั ง จากเธอพร�่ ำ ท� ำ งานด้ า น โรงแรมดูแลบาร์และร้านอาหารเป็นหลักจนถึง

จึงสรรหาเมนูมาเอาใจแบบเต็มอิม่ และเมนูเด่น ของทางร้านจะเป็นอืน่ ไปไม่ได้นอกเสียจากเมนู อาหารเหนือทีเ่ ธอคุน้ เคย บางเมนูนนั้ ลดทอน ความจัดจ้านลงมาอีกนิดเพื่อให้ถูกปากลูกค้า ต่างชาติ แต่บางเมนูก็สัมผัสได้ว่าเป็นรสชาติ ต้นต�ำรับขนานแท้จริงๆ ไม่รอช้าล่ะ (ล�ำท้องสัง่ ) ขอเริม่ ต้นเบาๆ กับเมนู ลาบหมูสตู รเหนือ ทีอ่ ดุ มไปด้วยเครือ่ ง

ดืม่ แล้วยิม้ แก้วนี้ เพราะมีทมี่ าจากนิสยั คนไทย ที่ช่างยิ้มนี่ล่ะ ซึ่งมีส่วนผสมของสมุนไพรไทย อย่าง ใบมะกรูด ตะไคร้ น�ำ้ มะนาว และก็แกม ดีกรีดว้ ยวอดก้า แก้วต่อมา Madam Muser ซิกเนเจอร์ ของร้าน ทีบ่ ง่ บอกความเป็นเชียงใหม่ดว้ ยส่วน ผสมหลักคือ เหล้าหมาใจด�ำ น�ำ้ แอปเปิล้ น�ำ้ มะนาว น�ำ้ ตาลทรายแดง แรงส์ๆๆๆ ขอบอก

ขัน้ อิม่ เลยเริม่ สานฝันด้วยการหาความสุขใส่ ตัว ทัง้ ไหว้พระ ท่องเทีย่ ว กระทัง่ เดินเล่นมา ถึงที่นี่ก็เลยจุดประกายฝันด้วยการเปิดร้านนี้ ขึน้ มาเสียเลย มาดาม มูเซอ เป็นชื่อที่เธอภาคภูมิใจ เพราะบรรยากาศร้านนัน้ สะท้อนตัวตนเจ้าของ ร้านอย่างเด่นชัด ตัง้ แต่การตกแต่งทีใ่ ห้กลิน่ อาย เมืองเหนือ ทีผ่ สานกับกลิน่ อายของชาวเขาเอา ไว้ได้อย่างกลมกลืน ด้วยการตกแต่งด้วยไม้ไผ่ และหวายเป็นหลัก แถมยังประดับด้วยผ้าเก่า มีคณ ุ ค่าทีถ่ กู น�ำมาใส่เฟรมและใช้ตกแต่งร้าน กระทั่ ง ฝ้ า เพดานก็ ถู ก ตกแต่ ง ด้ ว ยผ้ า ระบายที่มาดามลงมือปักลวดลายด้วยตัวเอง เชียวนะครับ ร้านมีทั้งมุมที่นั่งเล่นชิลๆ และ มุมนัง่ ยืดแข้งยืดขาอิงหมอนได้อย่างสบายอุรา ผสานกับลูกค้าซึง่ ส่วนใหญ่เป็นฝรัง่ ท�ำให้อดคิด ไม่ได้วา่ เอ...หรือนีเ่ ราจะนัง่ อยูร่ มิ ทะเลบนเกาะ ทีไ่ หนสักแห่งเสียแล้วกระมัง อิอิ ไหนๆ ก็บอกว่าชอบท�ำอาหาร ร้านนีเ้ ธอ

เทศพืน้ บ้านกว่า 13 ชนิดเลยทีเดียว แม้รสชาติ จะไม่จดั จ้านเท่าลาบอีสาน แต่กก็ ลมกล่อมนะ จะบอกให้ และเมนูทหี่ ลายคนโปรด ไส้อวั่ สูตรจาก เชียงใหม่แท้ๆ ทีท่ อดกรอบ กรุบๆ รสชาติแบบ ครบรส มีเครือ่ งเคียงอย่างถัว่ ลิสง กับพริกชีฟ้ า้ เสริมมาให้ความสนุก ก่อนตบท้ายด้วย ชุดขันโตก ทีอ่ ดุ มไปด้วย แหนมสด น�ำ้ พริกอ่อง น�ำ้ พริกหนุม่ และแคบหมู ทีก่ รอบสุดๆ เพราะทางร้านจะทอดเอง แกมกับ ผักพืน้ บ้านทีห่ ากินยาก อย่าง ผักแผ่ว ผักติว้ ผัก แขยง อร่อยสุดๆ อ่อ...เสน่ห์อีกประการคือภาชนะที่ใส่มา ท�ำให้ลมื คิดถึงเชียงใหม่กนั ไปเลย ท�ำตัวฮิปทัง้ ทีขาดเมนูเครือ่ งดืม่ ก็ดแู ปลก ไป และเมนูเครือ่ งดืม่ ของทีน่ กี่ ม็ เี สิรฟ์ เอาใจแบบ ไม่อน้ั ทัง้ เหล้า เบียร์ ไวน์ บรัน่ ดี ยังมีเครือ่ งดืม่ สีสวยอย่างค็อกเทลอีกด้วย แก้วแรกประเดิมด้วย Land of Smile

ก่อนตบท้ายด้วย ลิน้ จี่ มาร์ตนิ ี่ สีขาวขุน่ ดู ละมุนๆ ดืม่ ง่าย แต่อย่าวางใจ เพราะหนักใช่เล่น ยิ่งได้เพลงแนวชิลเอาท์ ที่เปิดคลอยิ่ง ท�ำให้ฮิปปี้อย่างเราเต็มอิ่มในอารมณ์ มาดาม คนสวยยังบอกด้วยว่า ร้านนีเ้ ป็นจุดเริม่ ต้นแห่ง ความสุขและมิตรภาพ หลายคูม่ าพบรักกันทีน่ ี่ ครอบครัวบางครอบครัวมาซ�ำ้ แล้วซ�ำ้ เล่า และ หลายคูใ่ ช้ทนี่ เี่ ป็นจุดเริม่ ต้น เฉกเช่นผมกับเพือ่ นค�ำ่ คืนนีช้ า่ งแตกต่าง ผมไม่ต้องไปสัมผัสอาหารเหนือถึงเชียงใหม่ ไม่ตอ้ งไม่นงั่ ชิลบนเกาะทีไ่ หนสักแห่ง เพราะที่ มาดาม มูเชอ ผมได้ครบอรรถรส เผลอค�ำ่ นีผ้ ม อาจได้เพือ่ นข้างกายมานัง่ เหย้าด้วย อ้าว...จริงๆ นะ ชาวปล่อยแฮ้งทัง้ หลาย อิอ!ิ !!! ร้านมาดาม มูเซอ อยู่ที่ซอยรามบุตรี (หลังวัดชนะสงคราม) ถ.พระอาทิตย์ เปิดบริการ ทุกวัน ตัง้ แต่เวลา 08.00 - 24.00 น. โทร. 089509-3085 และ 02-281-4238

ปล่อย Release E-Magazine

83


ปล่อยเรือ่ งเล่า เรื่อง : ประยูร หงษาธร

เสียงฝนจากหุบเขา

เพ

ล้ง!!.. เสียงวัตถุรว่ งหล่นลงพืน้ ไม้เคลือบแล็คเกอร์ดงั มาจาก ในบ้าน ตามด้วยน�ำ้ เสียงชวน โมโห “หาให้กินมึงยังจะมากัดกูอีก” ก่อนจะ คว้าได้ด้ามไม้กวาดฟาดลงที่ข้างแมวตัวสีเทา แบบฉิวเฉียด เราสามคนกรูกนั เข้าไปยืนดูทชี่ อ่ ง ประตูเหล็กดัด มีประตูมงุ้ ลวดซ้อนอีกชัน้ หนึง่ ถัดประตูดา้ นซ้ายทีเ่ ป็นชัน้ วางโทรทัศน์ ซึง่ ก่อน หน้ามีกรอบรูปเล็กๆ อันหนึ่ง และถ้วยกาแฟ กระเบื้องวางอยู่ บัดนี้สิ่งของทั้งสองอย่างถูก มือเจ้าของบ้านปัดหล่นกระจัดกระจายอยูท่ พี่ นื้ หน้าทีวี ด้วยอารามตกใจทีถ่ กู แมวงับเข้าทีน่ อ่ ง

84

ปล่อย Release E-Magazine

ข้างซ้ายจนเป็นรอยเขีย้ วแดงๆ “เดีย๋ วกูปล่อยหมาข้างนอกเข้ามาฟัดมึง ซะเลยนี่ ไอ้แมวจัญไร” เขาสบถ เจ้าแมวหน้ามอมตัวสีเทาหมอบอยูใ่ นซอก แคบๆ ระหว่างโซฟาสองตัวซึง่ อยูต่ รงข้ามกับ ชัน้ วางทีวี พอรังสีอำ� มหิตเริม่ เจือจางลง มันจึง ค่อยๆ โผล่หวั ออกมาส่งเสียงอ้อนเมีย้ ว..เมีย้ ว เบาๆ พร้อมชักหน้าชวนสงสาร ผมแอบมอง สีหน้าชายเจ้าของบ้านทีเ่ ขม็งเกร็ง แผงหนวดดก ด�ำเหนือริมฝีปากสัน่ กระตุก เขาโยนไม้กวาดไป ไว้อกี มุม ก้มลงเก็บถ้วยกาแฟและกรอบรูป ยก ขึน้ ส�ำรวจไม่พบว่าช�ำรุดแต่อย่างใด แล้วบรรจง

ตอน 3

วางบนชัน้ ข้างทีวเี ช่นเดิม หันไปชีท้ แี่ มวซึง่ ค่อยๆ ย่องมาตรงจานใส่อาหารเม็ด “เมือ่ ไหร่เจ้าของ มันจะมาซักทีวะ... เลี้ยงไม่เชื่อง” แล้วหันมา สบตาพวกเราทัง้ สาม “กินเหล้ากันต่อดีกว่า” โต๊ะซีเมนต์ทรงกลมขนาดเล็ก เก้าอี้ไม้ สองตัว เก้าอีป้ นู สีขาวเก่าซีดสองตัว บนโต๊ะมี รีเจนซีซึ่งพร่องไปเกือบครึ่งหนึ่งขวด ขวดน�้ำ เปล่าๆ หนึง่ ขวด โซดาสามขวด อีกหนึง่ ขวด ว่างเปล่านอนอยู่ที่พื้นหญ้า กระติกน�้ำแข็งที่ ละลายเหลือเป็นก้อนเล็กๆ และแก้วปริม่ น�ำ้ สี อ�ำพันทีถ่ กู เติมอยูต่ ลอดเวลา วางตรงหน้าเหล่า ชายหนุม่ กลิน่ หอมของรีเจนซีกระชุน่ ให้ทกุ คน


กลับเข้าสูบ่ รรยากาศผ่อนคลายจากเหตุการณ์ ทีเ่ พิง่ เกิดขึน้ “ไอ้ตวั เมือ่ กีม๊ นั ชือ่ อะไรนะครับ” ผมหมาย ถึงแมวตัวทีเ่ พิง่ ก่อปัญหา เจ้าบ้านตวัดหางตา เข้าไปภายในบ้าน ก่อนจะเน้นเป็นค�ำหนักแน่น ออกมาว่า “น า ง พิ ม” ผมกับเพือ่ นมองตากันแล้วหัวเราะคิกคัก “สงสัยเจ้าของมันคงอยากเป็นนางพิม ของพีแ่ ก้ว” ใหม่สอดขึน้ แล้วพวกเราก็ระเบิด เสียงหัวเราะ พร้อมกับยกแก้วตรงหน้าของ แต่ละคนสาดลงล�ำคอกันอย่างสะใจ “ลามปามนะพวกเอ็ง!” น�้ำเสียงจริงจัง ของเจ้าบ้าน ท�ำเอาเด็กนักศึกษาทั้งสามแทบ ส�ำลักเมรัยทีเ่ พิง่ กระดกเข้าไป เขาดึงบุหรีก่ รองทิพย์ออกจากซองสีแดง เข้ม ไฟแช็คข้างมือถูกจุดระเบิดและจ่อปลาย มวนยาสูบอีกครัง้ ตามด้วยการสูดควันแรงลึก ทะลุปอดจนไปถึงไส้ติ่ง สีหน้ายังคงเคร่งขรึม ภายหลังเป่าควันออกไปหลายขโมงแล้วจึงยก ขาขึน้ มาดูรอยเขีย้ วพอถากๆ ทีน่ างพิมประทับไว้ “ถ้าเป็นตัวผู้ฉันจะเรียกมันว่าไอ้ดู๊ด” ค่อยๆ เป่าควันออกจากปาก สายควันสีขาวลอย อ้อยอิง่ อยูใ่ นอากาศขมุกขมัวยามพลบ “เหมือน ชือ่ แมวในเรือ่ งสัน้ ของกนกพงศ์” “แมวตัวนัน้ ในเรือ่ งสัน้ บ่ายบัดซบ?” ผม เอ่ยต่อเรือ่ งชือ่ ของแมวทีอ่ าจารย์พดู ทิง้ ไว้ “จริงๆ แล้วมันเป็นแมวจรจัด” ใหม่เสริม ขึน้ อีกคน แล้วหันไปคุยกับติว้ “แต่ตวั ละครทีเ่ ป็น คนเล่าเรือ่ งในเรือ่ งสัน้ เรือ่ งนีป้ ระทับใจตัวละคร จากนิยายแปลเรือ่ งหนึง่ จึงอยากเรียกไอ้แมวตัว นีใ้ ห้มนั ดูบา้ ก็เท่านัน้ ” “นัน่ ละ ไอ้ดดู๊ ” เจ้าของบ้านดีดก้นบุหรี่ ลงพืน้ ทัง้ ทีเ่ หลืออีกกว่าครึง่ มวน ยกแก้วเหล้า

รีเจนซีผสมโซดาขึ้นจิบบางๆ แล้วพูดด้วยน�้ำ เสียงอัดอัน้ “จะบอกอะไรให้ ฉันไม่เคยชอบแมว เลยนะ” แล้วมองหน้าพวกเราแต่ละคนอย่างช้าๆ “เอาใจไม่ถกู ให้เลีย้ งหมายังดีกว่า” เสียงครางข่มกันของแมวสองตัวดังขึ้น เรื่อยๆ เราทุกคนเหลือบไปมองยังช่องประตู ทะลุมุ้งลวดบานนั้น เห็นเพียงเงารางๆ ของ แมวอวบอ้วนสองตัวก�ำลังจ้องหน้ากันอย่างไว้ เชิง พลันนัน้ ผมแวบค�ำพูดของใครสักคนขึน้ มา ว่า แมวก็เหมือนเสือ พวกมันทะนงตน ต่างแต่ เสือไม่รจู้ กั ดัดจริตเหมือนทีแ่ มวมันท�ำ ผมไม่มคี วามรูเ้ รือ่ งแมวเท่าไหร่นกั หรอก แม้จะเห็นมันมาตั้งแต่จ�ำความได้ประมาณนั้น แต่หาได้ผกู พันรักใคร่เอ็นดูกบั เจ้าสัตว์หน้าขน พันธุน์ เี้ ลยสักนิด ในการรับรูข้ องผม แมวคือไอ้ หัวขโมยทีเ่ ป็นปฏิปกั ษ์กบั คนในบ้าน โดยเฉพาะ พ่อ แมวกับพ่อเหมือนเกิดมาเป็นคูร่ กั คูแ่ ค้น ยิง่ พ่อไม่ชอบแมวเท่าไหร่ พวกมันก็ยงิ่ มาอยูอ่ าศัย ในบ้าน ผสมพันธุ์สืบเหล่ากันไม่รู้จักจบจักสิ้น แม้พ่อจะสวมบทโหดด้วยตนเองหรือใช้ผมให้ จับลูกแมวไปปล่อยทัง้ ทีว่ ดั บ้าง ป่าช้าบ้าง หรือ แม้แต่ใส่กระสอบผูกเข้ากับเบาะมอร์เตอร์ไซค์ ขี่ไปทิ้งไว้แถวป่าทามริมห้วย ซึ่งห่างออกไป จากหมูบ่ า้ นหลายกีโ่ ล ก็เคยท�ำหลายครัง้ หลาย ครา แต่นนั่ แหละ คล้อยหลังไม่กวี่ นั ลูกแมว ทีพ่ วกเราจับไปปล่อย ก็จะมาโผล่ทบี่ า้ นเราไม่ วันใดก็วนั หนึง่ หลายปีตอ่ มาผมมองย้อนเรือ่ ง ราวระหว่างพ่อกับแมวแล้วอดข�ำปนเศร้าไม่ได้ หลายๆ เหตุการณ์ทำ� ให้ผมนึกถึงภาพในการ์ตนู ทอมกับเจอร์รี่ บางครัง้ พ่อรับบทเป็นเจ้าทอม

แมวนักไล่ลา่ เสียเอง และหลายครัง้ เช่นกันทีพ่ อ่ ก็ไม่แตกต่างไปจากหนูนอ้ ยน่าสงสารเช่นเจอร์รี่ “ไม่รู้จักละสิ..ไอ้ดู๊ดน่ะ” เสียงเจ้าบ้าน ท�ำลายภวังค์ ผมเห็นเขาบุย้ หน้าไปทางติว้ “ผมยังไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้เลยครับ” ติว้ ตอบผูเ้ ป็นอาจารย์ดว้ ยสีหน้าเจือ่ นๆ “อะไรของเอ็ง เป็นลูกศิษย์กนกพงศ์ยงั ไง ไม่อา่ นถนนยาสูบ!” “ลูกศิษย์ถางไร่ครับ” ติว้ ยิม้ แหย ผมกับ ใหม่สบช่องจึงหัวเราะขึน้ พร้อมกัน “อาจารย์สังเกตไหม คุณติ้วศิษย์ซีไรต์ หนุม่ เขาพูดเนิบๆ อยูน่ ะครับ” ผมแหย่ตวิ้ ทีต่ ดิ เอาลักษณะการพูดของนักเขียนหนุ่มมาโดย ไม่รตู้ วั เสียงหัวเราะถูกอกถูกใจของพวกเราดัง่ สะเทือนเข้าไปในบ้าน สยบเสียงครางของแมว ทัง้ สองตัวนัน่ ได้ชวั่ คราว รีเจนซีพร่องไปจวนจะถึงก้นขวด ความมืด โรยตัวคลีค่ ลุม ติว้ ลุกจากโต๊ะเดินไปทีเ่ สาปาก ประตูก่อนเข้าสู่ภายในบ้าน เปิดสวิตช์ไฟตาม บัญชาของเจ้าบ้าน แล้วนัง่ หยอกแมวตัวสีเทา ทัง้ ทีม่ มี งุ้ ลวดกัน้ อยูก่ ต็ าม “ไอ้ตวิ้ นีด่ ทู า่ มันจะถูกกับแมวว่ะ” อาจารย์ หนุม่ ใหญ่พดู แล้วข�ำอยูใ่ นล�ำคอ ผมกับใหม่อด ไม่ได้ทจี่ ะข�ำตาม ขณะนัน้ แสงไฟส่องสว่างจาก รถยนต์คันหนึ่งสาดมาจากทางหน้าบ้าน เรา ผละสายตาจากติว้ หันไปดูวา่ เป็นรถใครด้วยอา การเกร็งๆ ขึน้ มาเล็กน้อย ครัน้ เมือ่ รถวิง่ ผ่าน หน้าบ้านไปแล้ว เราจึงรูส้ กึ ผ่อนคลายกันอีกครัง้ “นึกว่ารถใคร!” น�้ำเสียงนั้นยากจะคาด เดาความรูส้ กึ “รีเจนซีจะหมดแล้ว ต่อแสงโสม สักแบนมัย้ ล่ะพวกเอ็ง” เจ้าบ้านมองหน้าพวก ผมอย่างต้องการค�ำตอบ “ไหนๆ เจ้าของแมวก็ ยังไม่กลับ”

ปล่อย Release E-Magazine

85


ปล่อยโปร

เรื่อง : ขจรฤทธิ์ รักษา

ชวนนายกสมาคมนักเขียนฯ

ไปเรียนกอล์ฟ

ลังจากหายไปเกือบสองเดือนจากทีล่ งสมัครเรียนครัง้ แรก ผม ได้จัดการลากพี่เจนไปเรียนกอล์ฟอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับสั่ง อุปกรณ์พร้อมถุงให้เขาเรียบร้อย ตอนจ่ายเงินเขาจัดการของ เขาเอง พีเ่ จนเปลีย่ นโปรฯสอนใหม่ เป็นโปรทวีศกั ดิท์ เี่ คยสอนผม เรียน กับโปรฯคนนีด้ พู เี่ จนมีความสุขมากขึน้ เพราะโปรทวีศกั ดิน์ นั้ ใจเย็น และ ไม่เข้มงวดกับพีเ่ จนมาก โปรทวีศกั ดิบ์ อกกับผมว่า เพราะโปรฯ อ่านหนังสือของหมอวิธาน จบแล้ว หนังสือเล่มนีท้ ำ� ให้ความคิดของโปรฯเปลีย่ นไป โปรฯเริม่ หันมาเน้น เรือ่ งความสุขในการเล่นกอล์ฟ และปล่อยให้พเี่ จนท�ำตัวตามสบาย ไม่บงั คับ ให้ตอ้ งท�ำท่าถูกต้องไปเสียทุกช็อตเหมือนทีเ่ คยสอนผม โปรฯว่าถ้าเข้มมาก ไป เดีย๋ วพีเ่ จนก็จะหายไปอีกสองเดือน โปรทวีศกั ดิน์ นั้ เป็นคนยิม้ หวานใจเย็น ตัวด�ำเป็นหมึก แต่ฟนั สามสอง ซีน่ นั้ ขาววับ ยามยิม้ ก็ทำ� ให้โลกทัง้ ใบสดชืน่ ขึน้ มาทันที เขาเป็นคนพูดช้า อดทนกับลูกศิษย์ทไี่ ม่เอาไหน หรือไม่คอ่ ยพัฒนาอย่างผมมาหลายชัว่ โมง เขาพยายามสอนให้ทุกคนเล่นกอล์ฟเป็นและเล่นอย่างมีความสุข เขา

86

ปล่อย Release E-Magazine

อ่านหนังสือเครซีก่ อล์ฟทีผ่ มซือ้ ให้สองเล่มจบภายในเวลาไม่ถงึ สองสัปดาห์ ส่วนพีเ่ จนเป็นคนงานเยอะ ยุง่ จนไม่มเี วลาเล่นกีฬา ไม่เคยออกก�ำลัง กาย ไม่เคยตืน่ เช้า ท�ำงานดึก ๆ ดืน่ ๆ ไม่เคยคิดทีจ่ ะท�ำเรือ่ งแบบทีผ่ มท�ำ เช่นมาเรียนกอล์ฟกับโปร มาซ้อมไดร์ฟทุกวัน ออกรอบบ่อย ๆ ผมเคย คิดจะเสนอว่า ให้เขาจัดระเบียบชีวติ เสียใหม่ สนใจเรือ่ งกีฬาบ้าง เพราะ มันจะท�ำให้สขุ ภาพดีขนึ้ หรือไม่กว็ างแผนท�ำงานให้เป็นระบบกว่านี้ งาน อะไรทีไ่ ม่สำ� คัญก็ตดั ทิง้ เสียบ้าง แต่กค็ งยาก เพราะนัน่ เป็นพีเ่ จน ไม่ใช่ผม พีเ่ จนดูวนุ่ วายยุง่ เหยิงตลอดเวลา รับโทรศัพท์ทงั้ วัน สมองไม่เคยว่าง คิดนัน่ นีโ่ น่นแทบไม่หยุด ออกงานบ่อย เข้าสังคมเก่ง เป็นคนขีเ้ กรงใจ รัก นักเขียน งานเล็กงานใหญ่ถา้ ไม่เหลือบ่ากว่าแรงจริง ๆ เขาจะให้เกียรติไป ร่วมทุกงาน ยิง่ งานเพือ่ นยิง่ ต้องไป ไม่เคยคิดเล็กคิดน้อย ช่วยอะไรไม่ ได้กโ็ ผล่หน้าไปให้กำ� ลังใจเพือ่ นเสมอ พีเ่ จนคงมีคำ� สอนของท่านสาทิส กุมารติดอยูใ่ นหัว “ธุระไว้ทหี ลัง เพือ่ นส�ำคัญกว่า” ทัง้ หมดนีย้ งั ไม่นบั งานจ�ำเป็นทีค่ นเป็นนายกสมาคมฯต้องไปปรากฏ


พีเ่ จนเป็นคนใจดี รักน้องนุง่ ให้เกียรติเพือ่ นฝูง ดูแลผูใ้ หญ่ ใจกว้างเหมือนทะเล

ตัว เช่นงานศพนักเขียน นักเขียนป่วยอยูใ่ นโรงพยาบาลทีต่ อ้ งสละเวลา ไปแบบวันเว้นวัน พีเ่ จนเป็นคนใจดี รักน้องนุง่ ให้เกียรติเพือ่ นฝูง ดูแลผูใ้ หญ่ ใจกว้าง เหมือนทะเล วันนีพ้ เี่ จนมาซ้อมไดร์ฟกับผม เหงือ่ ของเขาโชกเต็มหลัง ดูทา่ ทาง เหน็ดเหนือ่ ย อ่อนแรง หน้าเป็นมัน ออกอาการเหมือนไม่ไหว ผมก็บบี ท่อนแขนเบา ๆ ให้กำ� ลังใจว่า พีม่ าเรียนอาทิตย์ละครัง้ แต่ให้ไปซ้อมที่ สนามข้างบ้านเขา อยูต่ ดิ กับโรงเรียนอัมพรไพศาล ซ้อมตอนทีม่ เี วลาว่าง เวลาไหนก็ได้ เรือ่ งเรียนรูก้ ส็ ำ� คัญ แต่ทสี่ ำ� คัญกว่าก็คอื การซ้อม ต่อไปจะ ได้ออกรอบด้วยกัน รับรองสนุก แค่ได้เข้าไปในสนามก็อมิ่ ใจแล้ว สารแห่ง ความสุขหลัง่ กระจาย ซ้อมเสร็จผมยืนคุยกับโปรทวีศกั ดิเ์ กือบครึง่ ชัว่ โมง เรือ่ งความผิด พลาดของผม และโปรฯก็บอกว่าเกิดมาจากความคาดหวังทีส่ งู เกินไป ความ คาดหวังในตัวเองนีแ่ หละท�ำให้เกิดความกดดัน และก็ทำ� ให้ตพี ลาดแล้ว พลาดอีก โปรฯบอกว่า อย่าคิดแม้แต่จะอวดใคร ให้ทำ� สมาธินงิ่ ๆ เข้าไว้

และก็ตขี องเราไป ไม่ตอ้ งให้ไกลมาก แค่ทา่ สวย ลูกตรง ทุกอย่างก็เฟอร์เฟ็ค ผมถามว่า ท�ำไมผมต้องกดหัวไม้ลง ท�ำให้ลกู จมดินบ่อย ๆ โปรบอกว่า เพราะผมงอแขนมากไป ผมลืมสิง่ ทีโ่ ปรฯสอน คือแขนซ้ายต้องตึงไว้ตลอด งอได้แค่นดิ เดียวเท่านัน้ ปลายไม้ทยี่ กขึน้ ไปต้องไม่ไปโผล่อยูใ่ นคลองสายตา ด้านซ้าย ไม่อย่างนัน้ เท่ากับเราทุบหัวไม้ลงไปทีล่ กู อีกอย่างหนึง่ ทีโ่ ปรฯคิดว่า เป็นความผิดพลาดอย่างมากของผมก็ คือ ผมไม่ยอมเปลีย่ นอุปกรณ์ รูท้ งั้ รูว้ า่ ตีหวั ไม้สามไม่ได้ ก็ยงั ดันทุรงั แค่ ผมเก็บหัวไม้สามไว้ในถุงเสีย เอาเหล็กเจ็ดออกมาใช้ ทุกอย่างก็จะเปลีย่ น ไป เพราะในกติกามารยาทเขาไม่ได้บงั คับเลยว่าคุณจะต้องใช้หวั ไม้สามหรือ หัวไม้หนึง่ บนแท่นทีออฟ คุณจะใช้เหล็กห้าหรือเหล็กอะไรก็ได้ ตามใจคุณ นอกจากจากอวดความเก่งกาจของตัวเองแล้ว ผมยังเป็นคนดันทุรงั สูงอีกด้วย ผมถือว่านีค่ อื ข้อวิจารณ์ทไี่ ด้ประโยชน์มากส�ำหรับวันนี้ ผมเล่าให้โปรฯฟังว่า เมือ่ วานผมถามคุณปุย้ แล้วว่า เมือ่ ไรผมจะได้ ออกรอบกับโปร คุณปุย้ บอกว่า รายการเรียนสิบครัง้ ของผมไม่มกี ารออก รอบ ถ้าจะเรียนออกรอบก็ตอ้ งเสียอีกแปดพัน ออกรอบได้หา้ ครัง้ ผมก็ ปล่อย Release E-Magazine

87


ปล่อยโปร

บอกโปรฯว่า ผมไม่ตอ้ งการเสียเงินขนาดนัน้ ผมอยากออก กับโปรฯแค่ครัง้ เดียว เป็นไปได้ไหมทีเ่ ราจะออกรอบด้วยกัน โปรบอกว่า ได้แน่นอน แต่เราค่อยนัดกันสองคน อย่า ให้ทางสถาบันรู้ เพราะผิดมารยาท “ผมอ่านหนังสือทีค่ ณ ุ ซือ้ ให้หลายเล่ม เพราะฉะนัน้ ไม่มี ปัญหา ผมจะนัดกับคุณเป็นการส่วนตัว” เขากระซิบ ผมก็เลยยกมือ้ ไหว้ขอบคุณเขา วันนีผ้ มได้เรียนการตีหวั ไม้หนึง่ มันไม่ได้ยากเย็นอะไร เลย ทัง้ หมดเพราะผมตีหวั ไม้สาม(ในสนามซ้อม)จนช�ำนาญ พอจับหัวไม้หนึง่ แค่ปรับท่ายืนให้ถกู ต้อง ปรับวงสวิงให้สวย ขึน้ ผมก็สามารถตีลกู ลอยไปไกลและตรงแหนวเหมือนเอา ไม้บรรทัดวัด (ผมหวังว่าเมือ่ ลงสนามจริง พระเจ้าคงช่วยผม ให้ผมท�ำได้สำ� เร็จ) พรุ่งนี้ผมจะไปเดอะมอลล์งามวงศ์วานหาซื้อหัวไดร์ เวอร์มาเป็นอาวุธประจ�ำกายหนึง่ อัน ต่อไปผมมีอปุ กรณ์ครบ แล้ว ผมจะออกรอบเองคนเดียวดูสักครั้งสองครั้งที่สนาม ชลประทาน อยากรูเ้ หมือนกันว่า เล่นคนเดียวนัน้ ความสุขจะ แตกต่างกับการเล่นกับเพือ่ นๆมากน้อยแค่ไหนอย่างไร หรือไม่กย็ พุ เี่ จนให้ซอ้ มบ่อย ๆ และลากเข้าสนามจริง เลย จะได้เดินเคียงข้างผมบ้าง ผมคิดว่า ถ้าพีเ่ จนมีอปุ กรณ์ ครบ เขาก็คงไม่ตา่ งไปจากนักกอล์ฟสมัครเล่นคนอืน่ ๆ คือ นอนไม่หลับ เฝ้าฝันแต่การออกรอบท่าเดียว คุณหน่อย ภูวนาถเพือ่ นนักกอล์ฟเคยบอกว่า ทุกวันนี้ กอล์ฟมันเข้าไปอยูใ่ นเส้นเลือดของผมเรียบร้อยแล้ว แต่ผม

88

ปล่อย Release E-Magazine

ว่า มันอาจลามเข้าแกนกลางสมองด้วย แต่ละวันผมไม่คดิ เรือ่ ง อืน่ เลย นอกจากกอล์ฟและกอล์ฟ อ่านหนังสือกอล์ฟ ไปซ้อม กอล์ฟ พูดแต่เรือ่ งกอล์ฟ ผมว่าถ้าวัดความบ้าแข่งกันได้ ผม คงติดหนึง่ ในห้าแน่นอน ผมซ้อมตีด้วยหัวไม้หนึ่งยี่ห้อโยเน็คของทางสถาบัน หมดลูกไปแปดถาด ยิง่ ตียงิ่ มัน โปรทวีศกั ดิย์ นื ก�ำกับท่าและ คอยแนะน�ำอยูห่ า่ ง ๆ และก็บอกว่า ดีแล้ว ต่อไปถ้าลงสนาม จริงก็อยูท่ ผี่ ม จะเครียดหรือรูส้ กึ ตืน่ เต้นหรือไม่ “ถ้าเครียดอีกก็ชว่ ยไม่ได้นะ” จากนัน้ เขาก็ขอตัวไปสอนนักกอล์ฟท่านอืน่ ต่อ ผมอยู่ในสนามไดร์ฟกับพี่เจนจากบ่ายโมงจนถึงสี่โมง เย็น สามชัว่ โมงทีเ่ ราสองคนซ้อมกันอย่างสนุกสนาน หลัง จากรูห้ ลักแล้ว พีเ่ จนก็มที า่ ทางเมามันมาก หวดลูกหมดไป แปดถาดอย่างสุขสม ยิง่ ผมชมว่า เก่งแล้วพี่ ดีแล้วครับ แต่ ให้ลดจังหวะช้าลงหน่อย แกก็หวดเอา ๆ จนลูกหมดทัง้ แปด ถาด นัง่ พักและคุยกันเรือ่ งสัพเพเหระ ทัง้ เรือ่ งกิจกรรมของ สมาคม ไปจนถึงเรือ่ งรายละเอียดของชีวติ ส�ำหรับผม พีเ่ จนน่ารักเสมอ ใจดีไม่เปลีย่ นแปลง ผมว่า พีค่ รับ รีบเรียนให้จบ ซ้อมให้เก่ง แล้วไปลง สนามด้วยกัน พีเ่ ขาพูดน้อย เอาแต่พยักหน้าหงึก ๆ แล้วจนเห็นฟัน ครบทุกซี่ เห็นยิม้ ของเขาแล้วชวนให้นกึ ยิม้ ของโปรทวีศกั ดิ์ ผมว่ารอยยิ้มของนักกอล์ฟมันช่างละม้ายคล้ายกัน เหลือเกิน


ปล่อย Release E-Magazine

89


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.