หลังจากมนุษย์ได้ริเริ่มท�ำการเกษตรและสามารถสะสมผลผลิต-ที่ดิน ได้ ความเป็น “เจ้าของ” และการมีสมบัติจึงมีขึ้น เป็นที่น่าสังเกตว่า “สถาบันการแต่งงาน” (ความเป็นเจ้าของ) ก็ เกิดขึ้นหลังจากมนุษย์ได้คิดค้นการเกษตร ซึ่งก่อนที่จะมีการเกษตร นั้น มนุษย์ออกล่าสัตว์และเก็บของป่ากันเป็นทีม ถ้าล่าได้ก็แบ่งกัน กิน ถ้าเก็บของป่าได้ก็แบ่งกันใช้ การเก็บสะสมผลผลิตส่วนเกินไว้เป็น สมบัติจึงท�ำได้ยาก (เพราะมันเน่าเสียได้) แน่นอน เมื่อไม่มีสมบัติก็ไม่จ�ำเป็นต้องมีการแต่งงานไว้เพื่อถ่าย โอนสมบัติให้ลูกหลาน และไม่จ�ำเป็นต้องมีหญิง “พรหมจารี” (ส�ำหรับ สังคมที่ชายเป็นใหญ่) ไว้เพื่อให้แน่ใจว่าลูกในท้องของหญิงนั้นเป็นของ ตนจริงๆ การอ้างอิง “เจ้าของข้อมูล” ในวงการวิชาการนัน้ ก็คอื การกระท�ำ ที่ไม่ต่างจากสถาบันการแต่งงาน เป็นการอ้างอิงเพื่อสืบทอดเชื้อสาย ทางปัญญา (เป็น “พรหมจารี” ทางความคิดนั่นเอง) เมื่อเชื้อความ คิดนัน้ บริสทุ ธิแ์ ละใหม่ นักวิชาการก็จะสามารถอ้างอิงความเป็นเจ้าของ หรือความเป็น “พ่อ” ทางความคิดได้ แต่ในยุคปัจจุบัน เราก�ำลังเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการ จัดการข้อมูลของมนุษย์ หลังจากการสร้างเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ความ เป็นเจ้าของข้อมูลก�ำลังกลายเป็นเรื่องที่ไม่จ�ำเป็นอีกต่อไป มนุษย์ สามารถถือคลังสมองข้อมูลไว้บนฝ่ามือ และมีความสามารถในการ ค้นหาข้อมูล มนุษย์ได้แชร์สมอง (“กิ๊ก” ทางความคิด) กันผ่านเครือ ข่ายทั่วโลก ข้อมูลไม่ได้อยู่ในสมองคนใดคนหนึ่ง หรืออยู่ในมหาวิทยาลัย คู่รัก เมืองใหญ่ One-night Stand 19