ชีวิตดีงาม: พาชมบ้านสมัยใหม่ (A Good Life: A guided visit to the houses of modernity)

Page 1

บทนิำ�โดยผู้้�แปล

ชีีวิิตดีีงาม: พาชีมบ้้านสมัยใหม เปั็นช่�อหนังส่อที�ชวินให้หยบัเปัด้อ่าน ผเขียนได้้ชักชวินเราให้ทำควิามร้จักกบั “บั้าน” ในมุมมองทีน่าสนใจหลากหลาย แงมุม ช่�อบันปักหนังส่อฟังด้้คล้ายกบัค้่ม่อนำชมบั้านในฐานะเปั็นวิัตถจด้แสด้ง ในพพิธภ์ัณฑ์์ อย่างไรก็ตาม บั้านทั�งหมด้จำนวินเจด้หลังทีผเขียนนำเสนอ ถ้กใช้เปั็นตวิแทนสำหรบัการศึึกษาสถาปััตยกรรมในเชิงทฤษฎีีหร่อแนวิควิาม คด้ มากกวิ่าจะอธบัายเร่�องราวิที�เปั็นร้ปัธรรมทัวิไปั ไมวิ่าจะเปั็นการออกแบับั ผังพ่�น ร้ปัด้้าน วิัสด้ หร่อเทคนิคต่างๆ ที�เกี�ยวิข้องกบัการก่อสร้าง

เน่�อหาในแต่ละบัทนั�นแม้จะพ้ด้ถึงบั้านหลังเด้ียวิ แต่กลบัมีรายละเอียด้ที เช่�อมโยงกบัผคน อาคาร เม่อง หร่อปัระวิตศึาสตร์เฉพาะเร่�องทีมีควิามซัับัซั้อน ไมน้อย การเรียงลำด้บับั้านที�นำเสนอตั�งแต่หลังแรกไปัจนจบัการนำชมในหลัง สด้ท้ายนั�นมีควิามสัมพันธ์เช่�อมโยงกันไปั ในทีนี�ขอแนะนำใหผ้อ่านค่อยๆ เยี�ยม ชมบั้านแต่ละหลังเปั็นลำด้บัตามเน่�อหาเพ่�อไม่ให้เกด้ควิามสบัสน และจะได้้เห็น พัฒนาการ ควิามเช่�อมโยง หร่อข้อเปัรียบัต่างทีค่อยๆ คลี�คลายไปัเปั็นลำด้บั

เม่�อพิจารณาเน่�อหาแต่ละบัทจากสารบััญเราจะพบัวิ่า “บั้าน” แต่ละหลังที ถ้กนำมาเล่าในหนังส่อเล่มนีนั�นทำหน้าที�เปั็นตวิแทนของแนวิควิามคด้หลังสมัย ใหม่แต่ละกลุ่ม โด้ยผเขียนได้้ใช้แนวิคด้ของสมัยใหม่เปั็นหมด้ตั�งต้น จากนั�น

เสนอมุมมองใหมทีคด้ค้านจด้ตั�งต้นนั�น เห็นได้้ชด้วิ่าควิามเปั็นบั้านสมัยใหม นั�นได้้กลายเปั็นเพียงโจทยที�หนังส่อพยายามหาข้อโต้แย้ง แต่ไม่ใชบั้านจริงๆ

ที�ไกด้์คนนี�พานำชมแต่อย่างใด้

กล่าวิได้้วิ่า การพาชมบั้านสมัยใหม่ตามช่�อหนังส่อนั�น เปั็นการส่บัเสาะ

มองหาจด้อ่อน ข้อด้้อย ของควิามเปั็นบั้านสมัยใหม มากกวิ่าการนำเอาบั้าน สมัยใหม่มาเปั็นวิัตถุศึึกษาจริง ด้ังนี�แลวิ งานเขียนชิ�นนีจึงเปั็นการนำเสนอ ควิามคด้เชิงวิิพากษ ตั�งคำถามต่อควิามเช่�อ ระเบัียบักฎีเกณฑ์์ ซัึ�งเปั็นคุณลักษณะ

สำคัญของแนวิควิามคด้หลังสมัยใหม่ได้้เปั็นอย่างด้

ผ้อ่านที�เหมาะสมกบัหนังส่อเล่มนีจึงควิรมีควิามร้พ่�นฐานในเชิงปัระวิตศึาสตร ปัรัชญาและทฤษฎีีทางสถาปััตยกรรมอย้่พอสมควิร จึงจะ สนุก ไปักบัเน่�อหา ที�เข้มข้นทีผเขียนนำเสนอ อย่างไรก็ตาม ด้้วิยเน่�อหาของการพาชมบั้านในหนังส่อเล่มนีนั�นเปั็นมุม มองทางด้้านทฤษฎีีเปั็นหลัก ทำใหผแปัลและเรียบัเรียงเองต้องศึึกษาข้อม้ล เพิ�มเติมจำนวินมากเพ่�ออธ บัายขยายควิามไอเด้ียหร่ออิทธิพลทางควิามค ด้ ต่างๆ ทีมสวินชวิยในการก่อร้ปัทางควิามคด้ของการออกแบับับั้านแต่ละหลัง ด้้วิย ซัึ�งผแปัลเห็นวิ่ามีควิามสำคัญสำหรบัผไมสันทด้ในข้อม้ลเชิงปัรัชญาหร่อ ปัระวิตศึาสตร นั�นจึงเปั็นสวินหนึ�งที�อาจทำให้การด้ำเนินเร่�องนั�นค่อนข้างใชตวิ อักษรและจำนวินหน้าเพิ�มขึ�นบั้าง เพ่�อเปั็นปัระโยชนทีสด้ต่อผ้อ่าน ผแปัลขอขอบัคุณศึาสตราจารย ด้ร.ต้นข้าวิ ปัาณินท คร้ผให้โอกาส และสนบัสนุนผแปัลเสมอมา ตั�งแต่ผลงานเล่มแรกจนถึงปััจจุบััน เปั็นควิาม เ พียรพยายาม ต่อเ น่�องมาหลาย ปั ที ท่าน ร บั ห น้า ที�เ ปั็น บั รรณา ธิการห นัง ส่ อ แ ปั ลใ ห ก บั สำ นัก พิม พ เ พ่�อ ส่งเส ริมใ ห้ห นัง ส่ อทางด้้านทฤษฎีีการออกแ บับั สถาปััตยกรรมถ้กนำเสนอในบั้านเรา ทั�งนี รวิมถึงสำนักพิมพ์ลายเส้นที�เล็งเห็น ควิามสำคัญของการชวิยกันสร้างรากฐานทางด้้านควิามรใหกบันักเรียน นักศึึกษา นักวิิชาการ ร วิ ม ถึงสถา ปันิกวิิชา ชีพ มาตลอ ด้ ด้้ วิ ยเ ช่น กัน แ ม วิ่าการ จ ด้ ทำห นัง ส่ อหลายๆ เ ล่ม นั�นอาจไ ม ปั ระส บั ค วิ ามสำเ ร็จด้้านการตลา ด้ก็ตาม ขอขอบัคุณผ้มสวินเกี�ยวิข้องทุกท่าน ทั�งเบั่�องหน้าและเบั่�องหลัง ที�ได้้ให้โอกาส ผแปัลในการรวิมภ์ารกิจนี

สัิปปวิิชญ์์ กำบััง

เมษายน 2567

ส�รบัญ

บัทนำำ�โดยผู้้�แปล

อ�รััมภบัท

บัทนำำ�

1 บั��นำซ�รั�ธุุ สิตรั�

2 ท่�หลบัภัยของไฮเดกำเกำอรั์: บั��นำอัตถิิภ�วินำิยม

3 เครั่�องจัั กำรัสิำ�หรัั บัอย้�อ�ศััยของ ฌ�คสิ ต�ติ: บั��นำปฏิิฐ�นำนำิยม

4 วินำหยุดของปกำสิโซ: บั��นำปรั�กำฏิกำ�รัณ์์วิิทย�

5 The Factory ของวิอรั์ฮอล: จั�กำแนำวิคิดฟรัอยด์-ม�รักำซ สิ้ นำวิยอรักำลอฟต

6 กำรัะท� อม ปรัสิิต และคนำเรั�รั� อนำ: กำ�รัรั่�อสิรั��งบั��นำ

7 A Bigger Splash: บั��นำแห�

งลัทธุิปฏิิบัั ตนำิยม บัทสิ� งท��ย กำิตตกำรัรัมปรัะกำ�ศั เอกำสิ�รัอ��งอิง อ��งอิงภ�พถิ��ย บัทสิ� งท��ยโดยผู้้�แปล เกำ่�ยวิกำบัผู้้�แปล 6 12 16 19 49 75 107 137 175 205 240 246 250 266 268 275

ผมได้้รบัคำเชิญให้เขียนบัทนำสั�นๆ สำหรบัหนังส่อ ชีวิิตดีีงาม ในฉบัับัภ์าษา

อังกฤษ ผมตด้สินใจที�จะไม่เปัลี�ยนแปัลงเน่�อหาใด้ๆ ผมจะเน้นย�ำถึงการอธบัาย การตีควิามสวินตวิของผมภ์ายในเน่�อหาด้ั�งเด้ิมตั�งแต 20 ปัก่อนที�ผมเขียนมัน ขึ�นมา ต้องขออภ์ัยผ้อ่านไวิ้ในลำด้บัแรกก่อนวิ่า มันเปั็นงานเขียนที�สะท้อนมุม มองสวินตวิของผมโด้ยไม่ได้้สนใจวิ่าจะได้้รบัการตอบัรบัจากสาธารณชนหร่อไม ชีีวิิตดีีงาม นอกจากจะเ ปั็นค วิ ามเพ ล ด้ เพ ลินในการเ ขียนของผมแ ล วิ ยัง น บั เ ปั็น จ ด้ พ ลิกสำ คัญในยาม ที�ผมเองกำ ลัง ร้สึกโหยหา จ ด้ เ ปัลี�ยน ผ่านใน

การปัระกอบัวิิชาชีพสถาปััตยกรรมด้้วิย ผมร้สึกไมต่างจากคนหนุ่มสาวิทัวิไปั ทีมปัระสบัการณ์อาชีพในสองด้้าน ผมร้สึกวิ่าจะต้องรบัผสานควิามสนใจสวิน ตวิทางด้้านปัระวิตศึาสตร ทางด้้านควิามคด้ต่างๆ เข้ากบัการปัฏิิบััติวิิชาชีพ โด้ยด้วิน กระนั�นควิามคด้นีกถ้กยั�งไวิ้ด้้วิยภ์าระของการปัฏิิบััติวิิชาชีพทียุ่งเหยิง จนทำให้พลาด้ปัระเด้็นของสถาปััตยกรรมในเชิงควิามต้องการ (demands) และวิัตถปัระสงค์เฉพาะ (requires) อย่างไรก็ตาม ผมเองยังคด้วิ่าการจะผสาน สองแนวิคด้นี�เข้าด้้วิยกันนั�นก็เปั็นผลทางอ้อมของการใช้เหตุผลวิิพากษ์วิิจารณ การปัฏิิบััติวิิชาชีพ ณ ชวิงเวิลานั�นๆ อย่างน้อยก็สำหรบัตวิผมเอง ปัระวิตศึาสตร์ของแนวิคด้และปัระวิตศึาสตรสังคมและการเม่องมักถ้กเข้าใจ และถ้กแยกการพนิจออกจากกันเปั็นสองส่วิน แต่ในควิามเปั็นจริงแลวิจะมสังคม ไหนที�เกด้ขึ�นโด้ยไรซัึ�งรากฐานควิามคด้ หร่อมีควิามคด้ไหนที�เกด้ขึ�นโด้ยไมส่ง ผลสะท้อนไปัยังสังคมหร่อบัุคคล อย่างไรก็ตาม สถาปััตยกรรมได้้แสด้งให้เห็น ค วิ าม สัม พัน ธ ที�แน บั แ น่นของการ ก่อ ร่างส ร้างค วิ ามเ ปั็นปััจเจก ก บั เจตจำนง วิ่าตามจริงแลวิเม่องไม่ได้้เปั็นอะไรมากไปักวิ่าภ์าพสะท้อนของปัฏิิสัมพันธที วิ่า นี ที�สะสม ผ่านกาลเ วิ ลา การ พัฒนาเทคโนโล ยที มีค วิ ามเฉพาะตนอ ย่าง ที ฟ้โกต์อธบัาย และวิัฒนธรรมวิัตถนิยมของควิามเปั็นเม่อง ค่อสองด้้านบันเหรียญ เด้ียวิของวิิถ ชีวิิตของเรา เปั็นองคาพยพที ปัระกอบัขึ�นจากควิามเปั็นสวินตวิ

และวิัตถุสสารซัึ�งปัระกอบักันเปั็นตวิตนขึ�น

12
อิ�รัมภบท

สิ�งที�ทำให้หนังส่อเล่มนี�สามารถเขียนได้้โด้ยไม่จมอย้่กบัควิามล่าช้าอันทรมาน จนเกินไปัค่อ การใช “ไกด้ทวิร์” ผ่านบั้านหลายหลังเพ่�อสำรวิจควิามสัมพันธ เหล่านี เปั็นการศึึกษาสิ�งเล็กๆ ที�เราทุกคนไม่เพียงแต่สถาปันิกเท่านั�นทีร้ด้ และในทางกลบักัน เปั็นปัฏิิบััติการที�สามารถสำรวิจแนวิคด้ทางสถาปััตยกรรม ทีถ้กใช้มาตั�งแตปัลายศึตวิรรษที 18 เปั็นต้นมา ซัึ�งสามารถทำได้้อย่างอิสระ และมีควิามแม่นยำ

ด้ังทีวิ่ามานี ตวิงานเขียนและโครงเร่�องจึงไมบับับัังคบัให้ผมต้องทำตามขนบั ของการวิิจัยเชิงทฤษฎีีสถาปััตยกรรมที�จะต้องมุ่งหาชด้ของควิามร้ทัวิไปั แต เปัด้โอกาสให้ผมได้้สนใจเร่�องเทคนิคการออกแบับั ซัึ�งทำให้เราสามารถส่บัย้อน ไปัถึงนัยของโครงการ (project of the project) ผมมักแปัลกใจอย้่เสมอ ที�ได้้พบัมุมมองนี�ในการอภ์ปัรายถึงร่างโครงการออกแบับัรวิมสมัย ร่องรอย พิเศึษเฉพาะแบับันี�เทียบัได้้กบัร้ปัแบับัการส่�อสารระหวิ่างนักเขียน นักด้นตร และศึิลปัิน ซัึ�งมักนำเราไปัส้่ปัระเด้็นสนใจวิ่า “อย่างไร” (how) ได้้เสมอ

เม่�อพิจารณาหนังส่อเล่มนีอีกครั�งเม่�อเวิลาเด้ินทางผ่านไปั ผมเห็นข้อคำถามต่อ กิจวิัตรกบัเหล่าข้อสงสัยที�เราถามตวิเองเม่�อต้องทำการออกแบับั และข้อคำถาม วิ่า ทำอย่างไรใหมันมีควิามคมชด้และพุ่งตรงไปัยังเปั้าหมายที�เราต้องการ หร่อ กล่าวิอีกอย่าง จะทำอย่างไรให้เรารอด้พ้นจากหลุมพรางที�เราไม่อยากตกลงไปั นี ค่ อเ ปั้าหมายของห นัง ส่ อเ ล่ม นี เ น่�อหาของห นัง ส่ อนำเสนอค วิ าม สัม พัน ธ ระหวิ่างเทคนิคสวินตวิทีถ้กฝัังอย้่ในควิามเปั็นก้อนวิัตถุของบั้านซัึ�งถ้กใช้เปั็น อ ปั กร ณ์ห ร่ อเค ร่�อง จักรในการอ ย้่ อา ศึัย ก บั เทค นิคในการออกแ บับัซัึ�งทำใ ห สิ�งนั�นกลายเปั็นสิ�งทีจบัต้องได้้ (object)

ผมต้องขอขอบัคุณ โมนก้า กล (Monica Gili) บัรรณาธิการ CG ทีชวิยสนบัสนุน

การพิมพ์หนังส่อเล่มนี�ไปัในหลายภ์าษา ทั�งภ์าษาสเปัน โปัรตุเกส อิตาเลียน และอังกฤษ โด้ยไมมข้อแมสักนด้ในการทำต้นฉบัับัแต่ละครั�ง มีการจด้วิางร้ปั เล่มที�สวิยงามมาก ซัึ�งเปั็นฉบัับัปัรบัปัรุงทียังคงเคารพต่อต้นฉบัับัเด้ิม ผมหวิัง เปั็นอย่างยิ�งวิ่าผ้อ่านใหม่ๆ จะเพลด้เพลินในเน่�อหา และคงเปั็นการด้ีหากวิ่ามัน ได้้ทำหน้าที�อย่างถึงทีสด้ด้้วิยการชวิยใหผ้อ่านได้้สร้างชีวิิตทีด้ขึ�น อิิญ์าก อิาบัาลัอิสั Iñaki Ábalos

13

บทนิำ�

ชีีวิิตดีีงาม เปั็นการศึึกษาควิามสัมพันธที�เกด้ขึ�นระหวิ่างวิิถชีวิิต แงมุมของควิามคด้

รวิมสมัยต่างๆ กบัร้ปัทรงของบั้านพักอาศึัย การจด้พ่�นที�และการใช้งาน โด้ย การนำ ผ้อ่านเ ยี�ยมชม บั้าน ร วิ มส มัยเ จ ด้ ห ลัง ที ถ้ กออกแ บับั ใน ช วิ ง ศึ ต วิ รรษ ที 20 ผ่านการเยี�ยมชมทั�งเจด้บัทในหนังส่อเล่มนี โด้ยมุ่งหวิังที�จะนำเสนอ วิิ ธีการส ร้างสรร ค อันเ ก ด้ จากการ ก่อ ร้ปั ทางค วิ าม ค ด้ และการ จ ด้ การ ที วิ่าง เพ่�อการอย้่อาศึัย ควิามจริงอันหนึ�งในหม้่สถาปันิกค่อ การออกแบับับั้านค่อ การสร้างวิัตถุชนด้หนึ�ง โด้ยอ้างอิงจากร้ปัแบับัของควิามเปั็นบั้านตามอด้มคต แ บับัด้ั�งเ ด้ิม ที�เคย มีมา ซัึ�งมาจากฐาน ค ด้ แ บับัปั ฏิิฐาน นิยม (positivism) (คตนิยมในเชีิงวิัตถุุวิิสัยตามหลัักปรััชีญาวิิทยาศาสตรัทียดีถุือแนวิควิามคดีทีวิ่า องคภาวิะที�สามารัถุสังเกต (observation), วิดี (measurement) แลัะวิิเครัาะห (analysis) โดียใชี้เครัื�องมือ (instrument) แลัะรัะเบ้ียบ้วิิธีีทางคณิิตศาสตรั (mathematical) ไดี – ผู้้แปลั) กล่าวิโด้ยสรปัค่อ สถาปันิกซัึ�งเปั็นผ้มีหน้าที ในการออกแบับัได้้ตด้สินและกระทำตามนั�นโด้ยไมมข้อสงสัยใด้ๆ หนังส่อเล่มนี

ได้้ตั�งคำถาม หร่อกระทั�งแสด้งตวิอย่างให้เห็นวิ่า ยังมีวิิธคด้ทีต่างออกไปัใน

การออกแ บับับั้าน เ ปั็นวิิ ธีการ ที�นำไ ปัส้่ การ จ ด้ การ พ่�น ที วิ่าง ที�ข ย บั ออกจาก

ฐานคด้ด้ังกล่าวิของสถาปันิกผ้ยิ�งใหญ่หลายท่าน

อย่างไรก็ตาม หนังส่อเล่มนี�ไม่ใชค้่ม่อการออกแบับับั้านพักอาศึัย หร่อไม่ใช่แม

กระทั�งข้อกำหนด้วิ่าควิรจะออกแบับัอย่างไร เน่�อหาของหนังส่อมวิัตถปัระสงคที จะกระตุ้นเต่อนผ้อ่านให้เห็นถึงควิามเช่�อมโยงของแนวิคด้ต่างๆ มุมมองต่อโลก รอบัตวิ วิิถชีวิิตและวิิธีการออกแบับั มากกวิ่าที�จะชี�แนะวิิธีการปัฏิิบััติวิิชาชีพ หนังส่อไมต้องการนำเสนอสิ�งที�เปั็นร้ปัแบับักลางที�สมบั้รณ แต่กลบักัน เปั็นการตั�ง

คำถามถึงข้อจำกด้และควิามสามารถทั�งหมด้ที�พวิกเรามีในการทำงาน

หนังส่อเล่มนี�เล่าเร่�องในร้ปัแบับัการพาเยี�ยมชมบั้าน ใช้การบัรรยายอย่างละเอียด้

เพ่�อฉายภ์าพของการส่งต่อวิัฒนธรรมการอย้่อาศึัยของศึตวิรรษที 20 ที�ตกทอด้

มาถึงเรา เน่�อหาแต่ละบัทเปั็นการคลี�คลายไอเด้ียของบั้านแต่ละหลังผ่านมุม

14

มองสวินบัุคคล เล่าเร่�องโด้ยอ้างอิงแนวิคด้รวิมสมัยในมุมต่างๆ เปั็นการนำชม แบับัรวิบัรด้

แต่เพียงพอที�จะนำผ้อ่านใหจินตนาการถึงควิามคด้ที ชด้เจนได้้ “เข้าใจได้้” (get the drift) หากจะวิ่าอย่างสำนวินพ้ด้กัน เช่นเด้ียวิกบัที�จะเกด้ขึ�น ในการเยี�ยมชมสถานที�จริง ภ์าพเร่�องราวิจะค่อยๆ ถ้กฉายผ่านหน้าหนังส่อ แม้ใครที�ไม่ได้้เรียนสถาปััตยกรรม หร่อมีควิามสนใจใครรในเร่�องการออกแบับั บั้าน ก็จะสามารถเข้าใจได้้ เปั้าหมายส้งสด้ของหนังส่อเล่มนีค่อการอธบัายถึง อิทธิพลทีส่งผลต่อการออกแบับับั้านพักอาศึัยในชวิง 100 ปัทีผ่านมา ซัึ�งเหล่า สถาปันิกทั�งหลายได้้ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการสร้างสรรคขึ�นมา ผมพยายาม หลีกเลี�ยงที�จะใช้คำพิเศึษเฉพาะ และที�สำคัญกวิ่านั�น ผมพยายามอ้างอิงปัระเด้็น ทางวิัฒนธรรมมากกวิ่าจะพ้ด้ถึงวิิชาการทางสถาปััตยกรรม สำหรบัผ้อ่านที มีควิามสนใจ หร่อสถาปันิกวิิชาชีพ ผมต้องบัอกวิ่าหนังส่อเล่มนี�ไม่ได้้อธบัาย เร่�องเทคนิค แต่เปั็นเร่�องของร้ปัแบับัของการอย้่อาศึัย ที�ทางของควิามเปั็น สวินตวิและขยายขอบัเขตออกไปัเปั็นควิามเปั็นสาธารณะ พ่�นที�สาธารณะ ค่อ การศึึกษาเร่�องชีวิิตควิามเปั็นอย้่ทีด้ีในวิัฒนธรรมการอย้่อาศึัยรวิมสมัยของเรา ไ ม่เห ม่ อนการเ ยี�ยมชม บั้าน ที�เ ปั็น กิจกรรม ปั ก ติของสถา ปันิกห ร่ อ นักเ รียน สถาปััตยกรรม เน่�อหาของหนังส่อได้้สำรวิจบั้านในแงมุมเฉพาะในลักษณะ ของการอ ธ บั ายโ ด้ ยละเ อีย ด้ ด้้ วิ ย เ ม่�อเ ทีย บัก บั การเ ยี�ยมชมโ ด้ ยสถา ปันิก ส วิ นให ญ่เขาจะ ม มุมมอง อันเ ก ด้ จาก ปั ระส บั การ ณ์ทำงานในสำ นักงานห ร่ อ จากการสอนในโรงเรียนตด้ตวิอย้่ เขาจะต้องเปัลี�ยนบัทบัาทเปั็นผใช เขาต้อง มองภ์าพต่างๆ ผ่านสายตาของผอย้่อาศึัย ซัึ�งนั�นจะต้องใช้การมองแบับัอ่�นที

ไม่ใช่แบับัสถาปันิก ซัึ�งจะใหปัระสบัการณ์ของบั้านที�แท้จริง เปั็นร้ปัแบับัของ การอย้่อาศึัยและชีวิิตทีบัรรจุอย้่ในบั้านจริงๆ เขา (สถาปันิก) จะต้องปัลด้วิาง ควิามเปั็นใหญ่ในวิิชาชีพที�เต็มไปัด้้วิยหลักการต่างๆ ลง นีค่อมุมมองที�เราอยาก จะชักชวินผ้อ่านหร่อกระตุ้นเต่อนกันสำหรบัการอ่านหนังส่อเล่มนี ควิามร้อัน เกด้จากสิ�งที�ไมยด้หลักการวิิชาชีพ แต่เกด้ขึ�นจากการพนิจพิจารณาจริงๆ อย่าง คนไมร้ศึาสตร์สถาปััตยกรรม จะทำให้เราเห็นวิ่าอะไรค่อสิ�งที�เราควิรจะรจริงๆ เพ่�อที�จะบัรรลุเปั้าหมายนี เราจะต้องใช้การลด้ร้ปั (reduction) และการทำใหง่าย (simplification) สำหรบัการพิจารณาองคปัระกอบัทั�งหลายทีปัระกอบักันขึ�น เปั็นสถาปััตยกรรม (ในทีนีค่อบั้าน) ที�เรามองเห็น เพ่�อกะเทาะเอาแก่นที�แท ของมันออกมา วิ่าไปัแลวิ สถาปััตยกรรมที�เราพิจารณาก็คล้ายกบัภ์าพการต้น

15

ล้อเลียนเสียด้สซัึ�งถ้กแต่งแต้มเพ่�อซั่อนเน่�อหาที�แท้ไวิภ์ายใต เราไม่ได้้พ้ด้วิ่า มันค่อบั้านในแบับัอัตถภ์าวินิยม (existential) หร่อปัรากฏิการณ์วิิทยา (phenomenological) เพียงแต่เน่�อหาที�แทนั�นมีควิามซัับัซั้อนและละเอียด้อ่อนมาก มันเปั็นมากกวิ่าสิ�งก่อสร้างทีมั�นคงแข็งแรงเพ่�อใชพักอาศึัยเท่านั�น และในทาง

ปั ฏิิบัั ต ก็ไ ม่ใ ช่แน วิค ด้ส ด้ โ ต่งใน ลักษณะ ที�เ ปั็นการโ อ้อ วิด้ เ กินจ ริง ที�เ พ้อเ จ้อ

ไร้สาระด้้วิยเช่นกัน บั้านที�เราจะพาชมนั�นกล่าวิได้้วิ่าเปั็นบั้านทีมจินตภ์าพ ซัึ�ง

เกด้ขึ�นจากการปัระสานมตที�หลากหลาย เปั็นอาคารที�แสด้งควิามคงเส้นคงวิา

ของควิามคด้มากกวิ่าการตด้แปัะ เพ่�อให้เข้าใจภ์าพนั�น ผมจึงค่อยๆ แนะนำ

ผ้อ่านผ่านตวิอักษรทีละหน้า ผ้อ่านจะไมถ้กยด้เยียด้ใหด้้งานออกแบับับั้านของ มาสเตอร์แห่งสถาปััตยกรรมสมัยใหมผ้ยิ�งใหญ ไมวิ่าจะเปั็นวิิลล่า ซัาวิวิ (Villa Savoye), บั้านน�ำตก (Fallingwater house) หร่อวิิลล่า ท้เกนด้์ฮาท (Villa Tugendhat) ซัึ�งสวินมากจะถ้กใช้สอนกันในโรงเรียนสถาปััตยกรรม ควิามซัับัซั้อน ต่างๆ ของงาน ที ยิ�งให ญ่เห ล่า นั�นคง ต้อง พิจารณา กันอ ย่าง ถี ถ วิ น อีกค รั�งใน ภ์ายหลัง อย่างที�ผมบัอกไวิ แรงจ้งใจและวิัตถปัระสงค์ของหนังส่อเล่มนีนั�น

แตกต่างจากเร่�องเหล่านั�นมากทีเด้ียวิ

อีกอย่างหนึ�งที�จะต้องบัอกกล่าวิแกผ้อ่านไวิค่อ บั้านทุกหลังที�นำเสนอในเล่มนี ร วิ ม ถึงลำ ด้ บั การนำเสนอ นั�น ไ ม่ได้้ ถ้ ก ร้อยเ รียงใ ห้เ ปั็นไ ปั ตามห ลักวิิชาการ

ไมวิ่าจะเปั็นเร่�องลำด้บัเวิลาหร่อขนาด้ของตวิบั้าน เปั็นต้น แตถ้กพิจารณาจาก

ร้ปัทรงทีค่อยๆ มีควิามซัับัซั้อนขึ�น เพ่�อใหผ้อ่านค่อยๆ ตด้ตามและปัะตด้ปัะต่อ

ภ์ าพในใจได้้ นี ค่ อสมม ติฐานในการ วิ างลำ ด้ บั เ ร่�องรา วิ แ ต่ละ บั ท ด้้ วิ ยเห ต

ด้ัง วิ่า อาจจะ ด้้ แ ปั ลก สักห น่อย ที�จะ มีการเ ล่าเ ร่�อง บั้านห ลัง ต่างๆ ที ต่อ ต้าน

แนวิคด้สมัยใหม่กระแสหลักถ้กบัรรจุไวิ้ในตอนต้นของบัทที�สามของหนังส่อ เล่มนี�ด้้วิย ซัึ�งก็เปั็นไปัเพ่�อตอบัสมมติฐานของงานเขียนชิ�นนี�เท่านั�น นอกจากนี

การเ ล่ อก ต วิบั้าน ยัง ถ้ กคำ นึง ถึงค วิ าม ปั ระสง ค์และค วิ ามจำเ ปั็น ที บั้านเห ล่า นี

ค่อยๆ ถ้ กส ร้าง ขึ�นด้้ วิ ย ตามจำน วิ น ทั�งหม ด้ เ จ ด้ ห ลัง ซัึ�งเ ปั็น ต วิ แทนของ

ควิามค ด้ผ่าเหล่าของการออกแบับักระแสหลักในศึตวิรรษที 20 ทีทั�งหมด้

อาจกล่าวิได้้วิ่ามันถ้กต้อง โด้ยจะแสด้งให้เห็นในการวิิเคราะห์ตอนสด้ท้าย ซัึ�ง

จำนวินนั�นสัมพันธกบัการก่อสร้างในภ์าพรวิมและเปั็นสิ�งทีด้ นอกจากนั�นยัง

แสด้งให้เห็นควิามคด้หร่อทศึนคตทีน่าสนใจบัางอย่างทีถ้กพัฒนาขึ�นด้้วิย

16

บั้านที�นำเสนอในทีนี�ไม่ได้้จด้ร้ปัแบับัอนุกรมวิิธานที�จะจำกด้ขอบัเขตการใช้งาน ไวิ้เฉพาะภ์ายในปัระเทศึเท่านั�น เช่นเด้ียวิกบัอาคารต้นแบับัอ่�นๆ ที�เกี�ยวิข้อง กบัการสร้างควิามสัมพันธ์ระหวิ่างสาธารณะกบัสวินตวิ และในขอบัเขตของ เม่อง นั�นเปั็นแรงบัันด้าลใจในการเขียนเล่าเร่�องราวิเพ่�อค่อยๆ เผยสิ�งเหล่านี แลวิปัล่อยใหจินตนาการของผ้อ่านชวิยชักพาไปั โด้ยควิามเปั็นจริงแลวิ เน่�อหา ทั�งหมด้หวิังจะคลี�คลายควิามสัมพันธ์ให้เห็นอย่างกระชบัชด้เจน ด้้วิยเช่�อมั�น

วิ่า นี�จะเ ปั็นห นัง ส่ อสถาปััตยกรรม ที�เ ปั ด้ ใ ห้เ ห็น มุมมองในแ ง มุมให ม ที ด้ ที ส ด้ ที�เราจะทำขึ�นมาได้้

ท้ายนี หนังส่อเล่มนีวิางกรอบัพ่�นที�ไวิ้กวิ้างๆ โด้ยกระจายพ่�นที�ออกจากยุโรปั เพ่�อทบัทวินข้อถกเถียงการออกแบับับั้านตามแนวิคด้สังคมนิยม และวิิธีการ วิิจัยทางการจด้วิางผังตามแนวิคด้แบับัสมัยใหม ตวิอย่างเหล่านีลวินแยบัยล และหลงตด้อย้่ในกบัด้ักทางควิามคด้ที�เหล่าสถาปันิกทั�งหลายอยากจะทำลาย ออกมาให้ได้้ หนังส่อ ชีีวิิตดีีงาม หวิังวิ่าจะทำลายกำแพงกรงขังนั�นออกมา โด้ย ตั�งต้นจากก้าวิแรกของการพิเคราะห์ควิามต่อเน่�องของหวิงเวิลา ควิามขด้แย้ง และอด้มคติในยุคสมัยของเรา ซัึ�งจะทำได้้โด้ยการพิเคราะห์ด้้วิยมุมมองของ ศึาสตรอ่�น ปัล่อยใหจินตนาการและปัระสบัการณ์ไหลเคล่�อนอย่างอิสระเพ่�อ นำไปัส้่ควิามร้ที�แท้จริง ในการสนทนาทีกินเวิลายาวินานก่อนการจากไปัของ อเลฮานโด้ร เด้อ ลา โซัตา (Alejandro de la Sota) สถาปันิกสเปันผ้ยิ�งใหญ เขาได้้ฝัากปััจฉิมกถาทีน่าจด้จำไวิวิ่า “หากอยากเสพสุนทรียะในงานสถาปััตยกรรม ก็จงปัล่อยใหจินตนาการนั�นโลด้แล่นไปั เพ่�อปัลด้ปัล่อยควิามฝัันให้โบัยบัิน” หาก ม ข้อ ผ ด้ พลา ด้ ใ ด้ ใน ข้อเ ขียน นี ล วิ นแ ต่เ ปั็นค วิ าม ผ ด้ พลา ด้ ของ ผ เ ขียน แต่โด้ยลำพัง นี�เปั็นเพียงคำเช่�อเชิญส้่การเด้ินทางส้่โลกแฟนตาซั หาใช่การเฉลิม ฉลองให้แก่ควิามหลากหลายของบั้านในศึตวิรรษที 20 แต่อย่างใด้ เปั็นการ นำเสนอสุนทรียรมณซัึ�งปัรากฏิอย้่ในการออกแบับัวิางผังการอย้่อาศึัย เพ่�อขบัเน้น การมตวิตนของบั้านซัึ�งยังปัรากฏิชด้แจ้ง

17

บ��นิซ�ร�ธุุสตร�

19 1
20 บั��นำสิ�มช�นำ, ม่สิ ฟ�นำ แดรั โรัฮ์, 1934 (แบับั 1939) ผู้ังพ่ นำและรั้ ปด��นำ
21 กำลุ�มบั��นำปรัะกำอบัช�นำ, ม่สิ ฟ�นำ แดรั โรัฮ
24 วิิลล�� ท้ เกำนำด์ฮ�ท: ม่สิ ฟ�นำ แดรั โรัฮ ในำเล�นำจั ภ�พโดย ฟรัิตซ ท้ เกำนำด์ฮ�ท (Fritz Tugendhat) ปรัะม�ณ์ป ค.ศั. 1930
25 ม่สิในำอะพ�รั์ตเมนำตทชิค�โกำ

ม บั้านส มัยให ม่จำน วิ นไ ม่มาก ที�จะ ถ้ กออกแ บับั ใ ห้ผสานกลมเก ลีย วิ เ ปั็นห นึ�ง

เ ด้ีย วิกันได้้เห ม่ อนก ลุ่ ม บั้าน มีชาน (patio house) ซัึ�งออกแ บับั โ ด้ ย มีส ฟาน แด้ร โรฮ (Mies van der Rohe) เขาใช้เวิลาเก่อบัแปัด้ปั นบัตั�งแตปั

ค.ศึ. 1931 เม่�ออายุได้้ 45 ปั จนกระทั�งปั ค.ศึ. 1938 แมวิ่ามันจะได้้รบัคำช่�นชม มากมาย แต่เรากยังคงขาด้คำอธบัายถึงควิามเช่�อมโยงทีชด้เจนของวิัตถปัระสงค

และควิามหมายของการออกแบับัที�แท้จริง ไม่ใช่เฉพาะจากควิามเงียบัขรึมของ ผออกแบับั แตยังคงมีปััจจัยอ่�นอีกหลายอย่าง เช่น การแปัลควิามให้สามารถ

เข้าใจได้้ หร่อแม้แต่ควิามกำกวิมที�แปัลกปัระหลาด้ จนยากที�จะแยกปัระเภ์ท

ของงานออกแบับัได้้วิ่าเปั็นแบับัเมด้ิเตอร์เรเนียนหร่อปัระวิตศึาสตรนิยม เหล่านี

ทำให้การวิิเคราะห์งานนีมีควิามยุ่งยากพอๆ กบัควิามยากในการวิิพากษ์งาน ชิ�นนี ซัึ�งอย่างหลังมักเปั็นเพียงการยกย่องชมเชยในควิามสวิยงามและควิาม น่าสนใจในฐานะของการเปั็นอาคารพักอาศึัย พอๆ กบัการถ้กกล่าวิถึงปัระเด้็น ของทีวิ่างและหลักการก่อสร้างทีสัมพันธ์แนบัแน่นกบับัาร์เซัโลนา พาวิิเลียน (Barcelona Pavilion) หร่อควิามสอด้คล้องกบัสถาปััตยกรรมสมัยใหมอ่�นๆ ควิามเช่�ออย่างไมล่มห้ล่มตานี�เปั็นเหตุผลที�เพียงพอสำหรบัการเริ�มต้นทวิร์ของ เรา ขอเริ�มด้้วิยภ์าพกราฟิกทีมีสได้้ตระเตรียมไวิ ซัึ�งไมต้องสงสัยเลยวิ่าเขา รักมันมาก เพราะหนึ�งในภ์าพเหล่านี�เปั็นภ์าพที�แสด้งถึงกลุ่มของอาคารทีถ้ก จด้วิางลงบันผังชุมชน ค่อสิ�งที�เขาพกตด้ตวิไปัไหนมาไหนด้้วิยทุกที รวิมทั�งยัง ถ้กแขวินไวิบันผนังในสต้ด้ิโอของเขาเองด้้วิย เรามาลองพิเคราะหภ์าพกราฟิก เหล่านีกันใหม และลองจินตนาการถึงการอย้่อาศึัยจริงในพ่�นทีวิ่างนั�น อะไรค่อ แรงบัันด้าลใจในการออกแบับัผังพ่�น อะไรเปั็นเหตุผลภ์ายในจิตใจ และเปั้าหมาย ของเขาค่ออะไร มีสคด้อะไรอย้่? ทำไมเขาจึงเริ�มทำการทด้ลองออกแบับัโด้ยที ยังไมมล้กค้าตั�งแต่แรก? เขากำลังค้นหาอะไร และเขาได้้บัรรลถึงข้อสรปัใด้ใน

ระหวิ่างควิามมุ่งมั�นนั�น ซัึ�งมันทำให้เกด้ผลลัพธ์เปั็นบั้านสามชาน (house with three patios) ในปั ค.ศึ. 1934

เราได้้ ร้วิ่า มันเ ปั็น ช วิ ง ปัีแ ห่งค วิ ามยากลำ บั ากสำห ร บัมีส ทั�งในแ ง ส วิ น ต วิ

และสังคม การละทิ�งครอบัครวิแบับัเงียบัๆ ในปั ค.ศึ. 1921 และการก้าวิขึ�นมา มีอำนาจของแนวิคด้สังคมนิยม บับัให้เขาตั�งคำถามกบัชีวิิตสวินตวิและชีวิิต ในฐานะนักวิิชาชีพ เม่�อเขากลายเปั็นผ้มช่�อเสียงในฐานะนักออกแบับัซัึ�งถ้ก รายล้อมไปัด้้วิยเพ่�อนฝั้ง และการเปั็นตวิแทนทางวิัฒนธรรมซัึ�งผลักด้ันไปัส้่

26 1 บ้้านซาราธุุสตรา

โด้ยเฉพาะอย่างยิ�ง อาโลอิส รห์ล (Alois Riehl) ล้กค้า ของเขา ซัึ�งเปั็นคนแรกที�เขียนหนังส่อเกี�ยวิกบันีทเชอ (Nietzsche) หนังส่อเล่ม สำคัญค่อ ฟรด้ริช นีทเชอ ในฐานะศึิลปัินและนักคด้ (Friedrich Nietzsche as Artist and Thinker) ซัึ�งนำเขาไปัส้่โลกของปัราชญ์ทรงอิทธิพลนาม แวิร์เนอร เยเกอร (Werner Jaeger) นักปัรัชญาภ์าษาคลาสสิก และ ไฮนริช เวิิล์ฟฟลิน (Heinrich Wölfflin) นักปัระวิตศึาสตรศึิลปัะ ซัึ�งในชวิงนี�เองที�เขาได้้ร้จักกบั ฮานส ริชเทอร (Hans Richter), วิาลเทอร เบันยามิน (Walter Benjamin) และ โรมาโน กวิรด้น (Romano Guardini) ด้้วิย ในข้อเขียนที�แสด้งถึง

ควิามเคารพในตวิมีส ฟริตซั นอยเมเยอร (Fritz Neumeyer), ฟรานซั ช้ลท

เซัอ (Franz Schultze) และ ฟรานเชสโก ด้ัล โค (Francesco Dal Co) ได้้ อ ธ บั ายรายละเ อีย ด้ถึงแ ง มุม ต่างๆ ใน ช วิ ง ที�พ วิ กเขาได้้ ฝัึก ฝั น ก บัมีส วิ่าเ ปั็น ไ ปั อ ย่างสม บั้ ร ณ์แ บับั และเ ปั็นระ บับั เ ปัรีย บั เ ทีย

แนวิคด้ค้านปัฏิิฐานนิยม (Anti-Positivist)

กวิรด้น นักเทวิวิิทยา ต่อข้อเขียนทีลึกซัึ�งและเปั็นปัระโยชน์ของเขา ในปั ค.ศึ. 1927 มีสได้้ก ล่า วิวิ่า “ด้้ วิ ยค วิ าม ร ทาง ปัรัชญาเ ท่า นั�น ที�จะเผย ท ศึ ทาง ที ถ้ ก ต้องใน การงานของเรา และด้้วิยควิามร้นี ควิามหมายและเกียรตภ์้มิของเราจึงปัรากฏิ” ด้้วิยเหตนีจึงเปั็นการอธบัายควิามหมายที�เขาใช้ในการลด้ทอน ซัึ�งเปั็นกระบัวิน การทีสวินใหญสันนิษฐานวิ่าเพ่�อแยกตวิออกจากลัทธปัฏิิฐานนิยม และด้้วิย เหตนีจึงกลายเปั็นจิตวิิญญาณที�กระจายไปัในสถาปััตยกรรมสมัยใหมทั�งหมด้ ระยะห่างและควิามสงบันิ�งไม่เพียงแต่สร้างหวิใจในงานอันเปั็นเอกลักษณ์ของ เขาเท่านั�น แตยังรวิมถึงการด้ำรงอย้่ของตวิตนของเขาอีกด้้วิย

เรามาลองพิจารณาการทิ�งระยะห่างอันกวิ้างใหญที�แยกงานของเขาออกจากเพ่�อน

1 บ้้านซาราธุุสตรา 27
ควิามสร้างสรรค์ของเขา
บั ได้้ ก บันีทเชอ นัก ค ด้ ใน
ผ้ยิ�งใหญ และ โรมาโน
ฮ้โก เฮริ�ง
เมเยอร
ลด้วิิก ฮิลเบัอร์ไซัเมอร
กลุ่มโมเด้ร์นรวิมสมัยกบัเขาอย่าง
(Hugo Häring), ฮานเนส
(Hannes Mayer) หร่อ
(Ludwig Hilberseimer)

ซัึ�งพัฒนางานออกแบับับั้านมีชานในชวิงเวิลาเด้ียวิกันและเม่องเด้ียวิกันกบัเขา

เปั้าหมายของสถาปันิกในการทด้ลองนีค่อ แสวิงหาอาคารราคาถ้ก สามารถจด้

ร้ปัแบับัได้้อย่างเปั็นระบับั มีการวิางตำแหน่งกบัด้วิงอาทิตยทีด้ และใชพ่�นทีตั�งที

เหมาะสมสำหรบัครอบัครวิชั�นแรงงานและชนชั�นกลางหลายขนาด้ ควิามซั�ำกัน

ของหนวิยทีพักค่อ เม่�อสังเกตจากแบับัที�สถาปันิกทำขึ�นนั�น แสด้งแนวิคด้ของ

การใชร้ปัทรงซั�ำๆ ซัึ�งชี�ให้เห็นอย่างชด้เจนถึงการใช้งานจำนวินมากของโปัรแกรม ด้ังกล่าวิ บั้านพักอาศึัยได้้กลายเปั็นวิัตถุผลิตซั�ำจำนวินมากไมต่างจากฟอรด้ โมเด้ลท (Model T) นีค่อร่มคด้ขนาด้ใหญ่ของกระบัวินการทางอุตสาหกรรม แต่เรากลบัไม่พบัสิ�งเหล่านั�นในงานของมีส เพ่�อให้แน่ใจ แนวิทางในการทำงาน

ของเขานั�นห่างไกลจากกระแสคด้หลักของกลุ่มสถาปันิกสมัยใหม่โด้ยทัวิไปั และ

การค้นหาในกระบัวินการเกด้ขึ�นแตน้อย (Existenzminimum) เพ่�อจะสร้าง มาตรฐานขั�นต�ำของหนวิยพักอาศึัยสำหรบัชนชั�นแรงงาน ระหวิ่างทีมีสกำลัง พัฒนางานบั้านมีชาน ปัระกอบักบัการปัฏิิเสธที�จะพัฒนาแบับัร่างอาคารเร่อน แถวิ ในปั ค.ศึ. 1931 มีสได้้พัฒนาชด้ของโครงการทีคด้ค้นขึ�นเองซัึ�งแหวิกแตก ต่างจากไอเด้ียเร่�องการสร้างหนวิยพักอาศึัยแบับัมาตรฐานทั�งหมด้ วิ่าตามจริง แลวิในงานแบับัหายากของเขานี ซัึ�งปัรากฏิหนวิยพักอาศึัยมากกวิ่าหนึ�งหนวิยนั�น เราสามารถสังเกตเห็นได้้วิ่ามีการปัระกอบักันอย่างจงใจและชด้เจนของหนวิย พักอาศึัยทีมีควิามแตกต่างกันทั�งตำแหน่ง ขนาด้ทีด้ิน การจด้วิางตำแหน่งกบั ด้วิงอาทิตย ควิามเล็กใหญ่ของสถานทีตั�งอาคาร และขนาด้ของบั้านที�เล็กใหญ ไม่เท่ากัน มีเพียงระบับัการก่อสร้างเท่านั�นที�เปั็นแบับัสามัญทัวิไปั ลักษณะด้ังกล่าวินี�ไม่สามารถถ้กลด้ทอนให้เปั็นเร่�องเชิงเทคนิค การก่อสร้าง หร่อโครงสร้างโด้ยสวินเด้ียวิได้้ มันไม่ใช่การใช้กระจกปัระกอบัเข้ากบัหลังคา แบันอย่างท่�อๆ หร่อแม้กระทั�งไม่ใช่การใช้ระนาบัผนังสร้างขอบัเขตทีวิ่าง และ ใช้โครงสร้างตารางสำหรบัรองรบัแผ่นหลังคา สิ�งสำคัญที�จะกลายเปั็นแนวิคด้ ที�จะแยก “ระบับั” ออกจากกันค่อ การทำงานกบัตวิแปัรที�เช่�อมโยงกันจำนวิน เล็กน้อยเพ่�อให้ได้้ผลลัพธที�สมบั้รณ์แบับัและหลากหลาย ไมวิ่าจะเปั็นเชิงการ ก่อสร้าง เชิงพ่�นที หร่อเชิงโครงสร้าง ระบับั เช่น บั้านที�แปัลกทีสด้ในซัรสนี ซัึ�ง

เปั็นบั้านทีมสวินโค้งภ์ายในเพ่�อตด้ตามควิามเคล่�อนไหวิของรถยนต นีค่อสิ�งเด้ียวิ

เท่านั�นที�จะไม่ได้้รบัอิทธิพลของ ฮันส เซัด้ล์ไมร (Hans Sedlmayr)* ทีมต่อมีส

28 1 บ้้านซาราธุุสตรา

เซดีลั์ไมรั เป็นศาสตรัาจารัยดี้านปรัะวิติศาสตรัศลัปที�มหาวิิทยาลััย เวิียนนา สำหรัับ้เซดีลั์ไมรั รั้ปแบ้บ้ทางสถุาปัตยกรัรัมแสดีงให้เห็นถุึงควิามเป็น อิสรัะตรัาบ้เท่าทีมันแสดีงตวิโดียไม่สนใจบ้รับ้ทสิ�งแวิดีลั้อมโดียสิ�นเชีิง รัวิมอย้่ ในแนวิคดีเรัื�องสิ�งแวิดีลั้อม เซดีลั์ไมรั์เห็นวิ่า ผู้นังกรัะจกมผู้ลัต่อควิามสัมพันธี ของอาคารักบ้ตวิอาคารัแบ้บ้โปรั่งแสงกบ้สภาพแวิดีลั้อมโดียรัอบ้ ทำให้การัรัับ้รั

ถุึงรั้ปรั่างของมันกลัายเป็นการัแยกไปสองทางอย่างสดีขัวิ ในดี้านหนึ�งอาคารั ผู้นังกรัะจกจะดี้เหมือนปดีเข้าดี้านในแลัะปดีผู้นึกตวิเองไวิ สิ�งที�สำคัญสำหรัับ้ เซดีลั์ไมรั์ในเรัื�องควิามเป็นอิสรัะของเขาคือ การัอย้่รัวิมกันของสดีขัวิทั�งสอง คือการัปดีเข้าแลัะเปดีออก – ผู้้แปลั

บั้านต่างๆ มักจะมลักษณะเฉพาะตวิ มีควิามเฉพาะเจาะจง และห่างไกลจาก แนวิคด้ใด้ๆ ก็ตามเกี�ยวิกบั “การเปั็นวิัตถุ” (object-type) ที�ผลิตขึ�นเปั็น จำนวินมาก โด้ยมีเจตนาทีชด้เจน ด้ังนั�นจึงเน้นย�ำถึงควิามเปั็นปััจเจกบัุคคล เหน่อสิ�งอ่�นใด้

หากเราได้้พนิจขนาด้สวินของบั้านเหล่านี�ใหด้ก็จะพบัอย่างชด้เจนวิ่า เรากำลัง ศึึกษางานที�แตกต่างอย่างสด้ขัวิกบัการลด้ร้ปัให้เหล่อแตสวินน้อย พ่�นที�ของ บั้านเหล่านี�จะมีขนาด้อย้่ระหวิ่าง 20-300 ตารางเมตร ปัระกอบักบัสวินขยาย ที�เปั็นชาน ทั�งทางด้้านที�เปั็นสวินสาธารณะและพ่�นทีสวินตวิ บันพ่�นทีด้ินทีม ขนาด้ใหญถึง 1,000 ตารางเมตร ซัึ�งเรียกปัระเภ์ทบั้านแบับันีวิ่าบั้านมีชาน ซัึ�งบัางหนวิยนั�นด้้จะเปัด้รบั แตบัางหนวิยก็สงวินควิามเปั็นสวินตวิ เพเร โยฮัน ราเวิทลาท (Pere Joan Ravetllat) ได้้ทำการศึึกษารายละเอียด้เร่�องการจด้ร้ปั และ ร้ปั แ บับั ของ บั้าน มีชานเ พ่�อเ ทีย บั เ คียง ก บับั้าน พักอา ศึัยในเ ม่ อง

(Pompeii) แนวิคด้ในการออกแบับับั้านมีชานนี�เปั็นคนละเร่�องกบัแนวิคด้ฟังกชัน นัลลิสม์แบับัทันสมัยของ ฮานเนส เมเยอร อย่างชด้เจน แตร้ปัลักษณด้้จะเปั็น ไปัในแนวิทางของบั้านชาวิปัอมเปัอีเสียมากกวิ่า โด้ยเฉพาะการเวิ้นระยะห่าง รัะบับั

1 บ้้านซาราธุุสตรา 29
*ฮัันส
ปั อมเ ปัอ

ไ ม่นานมา นี ด้้ วิ ยการวิิพาก ษ์วิิจาร ณ ที ต่�นตา ต่�นใจ ก บั ค วิ ามเ ย้าย วิ นใจของ

โมเมนตัมทีด้้เหม่อนจะไม่เล่อกปัฏิิบััต การวิิพากษ์วิิจารณตวิเองทีตด้อย้่ใน

จักรวิาลอด้มการณทีอ้างวิ่าสร้างปัระวิตศึาสตร และด้้วิยเหตนีจึงไม่สามารถบัรรล ถึงระยะทางเปั้าหมายแม้แตน้อยได้้ การแก้ไขร่างของมีสนี�เน้นย�ำวิ่า ควิามรุ่ม รวิยของศึตวิรรษที 20 ถ้กปักปัด้และทำให้เสียโฉมมากเพียงใด้ด้้วิยการวิิพากษ วิิจารณทีต่�นเขิน เราจะพบัสิ�งเด้ียวิกันนี�หากเราพิจารณาวิิธีการศึึกษาบั้านใน ยุคสมัยใหม ตั�งแต่การเขียนตำราเรียนสมัยใหม่เกี�ยวิกบัที�อย้่อาศึัย ไปัจนถึง วิิธที�สถาปันิกทั�งหลายได้้รบัการฝัึกฝันในเน่�อหาเกี�ยวิกบัปััญหาวิัตถปัระสงค หลายปัระการที�จำเปั็นต้องแก้ไข

การเ ยี�ยมชม บั้าน มีลานของ มีสค รั�งแรกในห นัง ส่ อเ ล่ม นี�ไ ม่ได้้เ ปั็นเ พียงเ ร่�อง

บัังเอิญ แต่เปั็นจด้เริ�มต้นในการเรียนร้ที�จะล่มวิิธีหนึ�งในการทำควิามเข้าใจบั้าน และยอมรบัวิิธอ่�น ปัระจักษ์พยานจะชวิยให้เราระบัชวิงเวิลาสำคัญ คำถามที

เราจะต้องเผชิญ หากเราต้องการก้าวิไปัข้างหน้าในลักษณะเชิงบัวิก การปัรบั

วิางฐานคด้ได้้แสด้งให้เห็นวิ่าอนุกรมวิิธานนีมปัระโยชน การจำแนกปัระเภ์ทที

ซัักถามค วิ าม ค ด้ร วิ มส มัยเ กี�ย วิก บัอ ด้ มค ติของ บั้าน การจำแนก ปั ระเ ภ์ ท ที ลด้กลุ่มลัทธปัฏิิฐานนิยมให้เหล่อทางเล่อกเด้ียวิ โด้ยมีกรอบัอย้่ภ์ายในกลุ่ม

แนวิคด้ที�หลากหลายในศึตวิรรษที 20

48 1 บ้้านซาราธุุสตรา

ที�หลบภัยขอิงไฮเดกิเกิอิร์: บ��นิอิัตถิิภ�วินิิยม

49 2
52 ไฮเดกำเกำอรักำบัถิังใสิ�นำ�ท่�หนำ��ปรัะต้กำรัะท� อม
53 ไฮเดกำเกำอรั์ขณ์ะกำำ�ลังจัะเดนำเล�นำกำบัภรัรัย�

บ้านอัตถิิ ภัาวนิยม “บันเนินส้งชันของหบัเขาในแนวิภ์้เขากวิ้างทางตอนใต้ของปั่าด้ำ (Black Forest ทางตอนใต้ของเยอรัมน – ผู้้แปลั) ที�ระด้บัควิามส้งเหน่อน�ำทะเล 1,150 เมตร มบั้านเล่นสกีขนาด้เล็ก แผนผังพ่�นมีขนาด้ 6 x 7 เมตร มีชายคาห้อยต�ำ

ครอบัคลุมห้องสามห้อง ได้้แก ห้องครวิที�ใช้เปั็นห้องนั�งเล่นด้้วิย ห้องนอน และ ห้องอ่านหนังส่อ ตลอด้หม้่หบัเขาแคบัๆ ที�กระจายตวิกวิ้างออกไปั อีกด้้านม

เนินชันพอๆ กัน มบั้านไรทีมีหลังคาย่�นออกมาขนาด้ใหญ ส้งขึ�นไปั ทุ่งหญ้าและ

ทุ่งนาทอด้ยาวิไปัส้่ปั่าด้้วิยต้นสนสีเข้ม โด้ด้เด้่นและส้งตระหง่าน เหน่อทุกสิ�ง

มท้องฟ้าของฤด้้ร้อนที�แจ่มใสคลุมอย้่ และมีเหยี�ยวิสองตวิเหินไปัมาเปั็นวิงกวิ้าง

ในรศึมอันกวิ้างใหญ่ไพศึาล”

ในย่อหน้านี ไฮเด้กเกอร (Heidegger) เริ�มเขียนเรียงควิามเร่�อง “ทำไมฉันถึง

อย้่ในชนบัท” ซัึ�งเปั็นข้อโต้แย้งต่อต้านชีวิิตในเม่องที�ไมถ้กต้องและเส่�อมทราม ซัึ�งเขียนขึ�นหลายสปัด้าห์หลังจากเขาแตกหักกบัพรรคนาซั เขาอยากให้เราเช่�อ แบับันั�น ทั�งที�จริงน่าจะเรียกไฮด้ีมากกวิ่าไฮเด้กเกอร (ไฮัเดีกเกอรั์เคยรัวิม

อดีมการัณิกบ้พรัรัคนาซีในตอนแรัก ก่อนที�จะถุอนตวิออกมา ผู้้เขียนน่าจะ

จงใจปรัะชีดีปรัะชีันไฮัเดีกเกอรั์อย้่ในท จึงใชี้คำเรัียก ไฮัดีี – ผู้้แปลั) กระท่อม เล็กๆ หลังนี�จะเปั็นบั้านที�เราจะพาไปัเย่อนตอนนี เราต้องระลึกวิ่าการศึึกษา การใชชีวิิตของไฮเด้กเกอร์ไม่ใช่การกระทำทีง่ายด้าย ต้องอาศึัยควิามรอบัคอบั เปั็นอย่างมาก ด้้วิยควิามคด้อัตถภ์าวินิยมของเขาเช่�อมโยงกันโด้ยตรงในเชิง พ่�นที โด้ยเฉพาะอย่างยิ�งหลังจากข้อเขียน “จด้หมายเกี�ยวิกบัมนุษยนิยม” (Letter on Humanism) ของเขาที�เขียนในปั ค.ศึ. 1947 ซัึ�งมีการเปัรียบัเทียบั กบับั้าน สังเกตจากระบับัปัรัชญาของเขาที�กล่าวิวิ่า “ภ์าษาค่อบั้านแห่งควิาม เปั็นตวิตน คนด้ำรงอย้่ในภ์าษา” บั้านนี�จะชวิยในการเปัด้เผยวิาทศึาสตร์ทาง สถาปััตยกรรมที�เปั็นตวิแทนของภ์าษาปัรัชญา ซัึ�งเปั็นวิาทศึาสตรทีมปัรัชญา

เปั็นฐานสำหรบัการใคร่ครวิญถึงที�อย้่อาศึัย โด้ยการเช่�อมโยงปัรากฏิการณ์วิิทยาของฮุสเซัร์ล (Husserl) และลัทธิทำลาย

ล้างของ นีทเชอ วิิ ธ ค ด้นี�เ ริ�ม ต้นจากแน วิ โ น้ม ที�จะก ล บั ไ ปัส้่ปั ระเ ด้็น พ่�นฐาน ในการตั�งคำถามเกี�ยวิกบัควิามหมายของการมีอย้่ของ “แก่นแท้ของมนุษย์” (Dasein) เปั็นวิัตถปัระสงค์หลักที�สำคัญเชิงปัรัชญา สำหรบัไฮเด้กเกอร ด้้วิย หวิข้ออัตถภ์าวินิยม คำถามเกี�ยวิกบัภ์วิวิิทยา (ontology) นี�ไม่สามารถแก้ไข ได้้หากเขาไม่ตระหนักทุกสิ�งทีคุ้นเคยรอบัๆ ตวิ เคร่�องไม้เคร่�องม่อและบั้าน

56 2 ที่่�หลบภััยของไฮเดกเกอร์์:

ไม่ใช่ตามลำด้บัเวิลา มปัระสบัการณ์ของอด้ีต ปััจจุบััน และอนาคต ตามอัตวิิสัยของตนเอง วิัตถนั�น สัมพันธ์อย้่กบัทั�งเวิลาและสภ์าพแวิด้ล้อมทีตั�งอย้่ซัึ�งเปั็นตวิกำหนด้ควิามเปั็น วิัตถนั�น และเขาพบัวิ่าตวิเองมีควิามร้สึกเจบัปัวิด้ทีต้องทำควิามเข้าใจโลกที�ไม ต้อนรบัเพ่�อจะได้้ฉายตวิตนในโลกนั�น บั้านของผ้ทีตั�งคำถามกบัตวิเองจึงเปั็น อะไรที�มากกวิ่าสภ์าพแวิด้ล้อมธรรมด้าสามัญ ในบั้านนีมีคนที�หมกมุ่นเกี�ยวิ กบัคำถามเร่�องของตวิตนอย้่ และควิามคด้นีก็เปั็นสิ�งที�อย้่ในบั้านด้้วิย คงไม เปั็นการกล่าวิเกินจริงนักวิ่า บั้าน ซัึ�งเปั็นการก่อสร้างที�อย้่อาศึัย เปัรียบัได้้กบั หวิข้อหลักของปัรัชญาการด้ำรงอย้่ บั้านซัึ�งการด้ำรงอย้่แท้จริงก็อาจปัรากฏิอย้่ ในนั�นได้้ แตบั้านนี�ไม่ใช่สภ์าพแวิด้ล้อมที�ไร้เด้ียงสา แต่เปั็นภ์าพสะท้อนของ ควิามขด้แย้งของเรา เปั็นสถานที�แห่งควิามใกลชด้และผแปัลกหน้า พ่�นที�แห่ง ควิามแปัลกแยกทีปักปัด้หร่อซั่อนควิามเส่�อมทราม ควิามไม่เหมาะสมกบัการ เปัด้เผยแก่นแท้ของมนุษย์อย่างถึงทีสด้ การทำลายล้างนี ควิามไม่เที�ยงตรง ทีมีอย้่จริงนี ไม่ได้้จำกด้อย้่เพียงควิามทันสมัยเท่านั�น แตมันแทรกซัึมอย่าง เข้มข้นอย้่ภ์ายใน ควิามสามารถของมนุษยที�จะก้าวิใหทันกิจกรรมที�เกด้จาก ควิามก้าวิหน้าในควิามรและการใช้เทคโนโลยีในทางทีผด้ซัึ�งเปั็นแนวิคด้ใหม เปั็นการพาเรากลบัไปัส้่จด้กำเนด้ของปัรัชญา การคด้ใหม่เกี�ยวิกบับั้าน การกลบั ไปัตีควิามควิามหมายทีมีอย้่ นีจึงเปั็นภ์ารกิจเด้ียวิเฉพาะโด้ยไม่จำเปั็นต้องพ้ด้ ถึงควิามแปัลกแยกทางเทคโนโลยีของสมัยใหม วิาทกรรมนี�โด้ยสวินใหญ่แลวิเปั็นการโต้แย้งทีต่อต้านการถวิงดุ้ลควิามคด้เกี�ยวิ กบับั้านและผอย้่อาศึัยในควิามเปั็นสมัยใหม ในท้ายทีสด้จะลงเอยด้้วิยการส่ง อิทธิพลอย่างมากต่อการปัรบัแก้ควิามทันสมัยที�เกด้ขึ�นในชวิงปัลายทศึวิรรษ 1970 เพ่�อให้เข้าใจถึงยุคสมัยของเราเอง จำเปั็นต้องใช้เวิลาในการเยี�ยมชม กระท่อมเล็กๆ ที�ทอด้ท์นาวิแบัร์ก (Todtnauberg) ในปั่าด้ำแห่งนี�อย่างละเอียด้ ซัึ�งมหาวิิทยาลัยไฟรบัวิร์ก (Freiburg) มอบัให้ไฮเด้กเกอร์เพ่�อเปั็นหนึ�งในสิ�ง อำนวิยควิามสะด้วิกในขณะที�เขาด้ำรงตำแหน่งอธิการบัด้ีในปั ค.ศึ. 1933 ซัึ�ง เปั็นชวิงเวิลาเด้ียวิกันกบัทีมีสกำลังทำงานบั้านมีชานอย่างขะมักเขม้นทีสด้ ณ ที�หลบัภ์ัยหลังน้อยของไฮเด้กเกอรนี�เพียงพอสำหรบัเราที�จะรบัร้ถึงการมีอย้่ของ ควิามซัับัซั้อนทั�งหมด้ของบั้าน

2 ที่่�หลบภััยของไฮเดกเกอร์์:
ภัาวนิยม 57
บ้านอัตถิิ
อันเปั็นร้ปัธรรมของชีวิิตนั�นเตบัโตไปัตามอัตถภ์าวินิยม

มข้อโต้แย้งที�สำคัญสามปัระการที�ไฮเด้กเกอร์หยบัยกขึ�นมาอธบัายการเรียนร วิิธีการด้ำเนินชีวิิตและกระบัวินการทางจิตวิิญญาณของบั้านหลังนี อันด้บัแรก ทีร้จักกันเปั็นอย่างด้ค่อ การตรวิจสอบันรุกตศึาสตร์อย่างเปั็นระบับัเกี�ยวิกบั ควิามหมายของคำวิ่า bauen (สร้าง) อันด้บัที�สอง คำอธบัายการตีควิามของ สะพาน ซัึ�งพัฒนาขึ�นในการบัรรยายเด้ียวิกันเพ่�อชวิยเราตีควิามควิามหมายของ แนวิคด้ของเขาเกี�ยวิกบัการอย้่อาศึัยที�แท้จริง อันด้บัที�สามเปั็นการอธบัายด้้วิย ภ์าพที�ไม่เพียงชวิยให้เราเห็นวิ่าบั้านแบัล็กฟอเรสตมีหน้าตาเปั็นอย่างไร แตยัง

รวิมถึงวิิธที�ไฮเด้กเกอร์สร้างตวิตนและใชชีวิิตในบั้านนั�นด้้วิย องคปัระกอบัทั�ง สาม นี�จะเ ปั็น ปั ระเ ด้็นห ลักของ ท วิร ที�เราจะ ด้ ำเ นินการ ต่อไ ปั อ ย่างไร ก็ตาม เราไ ม่ได้้ พ้ด้ถึงไฮเ ด้ กเกอ ร์เ พียงคนเ ด้ีย วิ ในการเ ด้ินทางของการวิิพาก ษ

อัต ถ ภ์ า วินิยม ผ่านการ วิ าง ผังส มัยให ม ยัง มีสถา ปันิก ผ ทรง อิท ธิพลชา วิ

เ บั อ ร ลินเ ช่นเ ด้ีย วิกัน ที�จะไ ม ปั ฏิิบัั ติตามห ลักการของค วิ าม ทันส มัยในแ บับั สำแด้งพลัง (Expressionist) หร่อ sachliche และยังปัฏิิเสธที�จะมองวิ่าปัระเพณ เปั็นสิ�งที�เปั็นเพียงปัฏิิกริยาโต้ตอบั เขาเปั็นนักวิิพากษ์คนสำคัญในชวิงทศึวิรรษ 1970 ในฐานะเปั็นนักต่อต้านผเด้ินตามกระแสควิามทันสมัย ไฮนริช เทสเซัโนวิ

(Heinrich Tessenow) ได้้ พัฒนาแน วิค ด้ ทางทฤษฎีี ทั�งหม ด้ซัึ�ง ส วิ นให ญ สอด้คล้องไปักบัที�ไฮเด้กเกอร์เคยเสนอไวิ ในร้ปัแบับัของบัทควิามต่างๆ ทีม ควิามเรียบัง่าย ซัึ�งผคนมักจะสบัสนกบัควิามบัรสุทธิ�ไร้เด้ียงสา ไมมีอะไรที�ไร้เด้ียงสาเกี�ยวิกบัการอภ์ปัรายเชิงนรุกตศึาสตรที�ไฮเด้กเกอร์ใช พัฒนาข้อโต้แย้งของเขาเปั็นครั�งแรกในการบัรรยายเร่�อง “การสร้าง-การอย้่

อาศึัย-การคด้” (Building-Inhabiting-Thinking) ซัึ�งเขากล่าวิในงานปัาฐกถาที

ด้าร์มชตด้ท (Darmstädter Gespräch) ในปั ค.ศึ. 1951 ใหกบัเหล่าสถาปันิก

ที�ได้้รบัมอบัหมายให้สร้างเม่องหลังสงครามในเยอรมนขึ�นมาใหม สำหรบัลัทธ

ปัระโยชนนิยมและยุคสด้ท้ายของสมัยใหม แนวิคด้เกี�ยวิกบัโลกทีมพ่�นฐาน อย้่บันศึรัทธาในอนาคตทีขบัเคล่�อนด้้วิยควิามก้าวิหน้า ซัึ�งให้ควิามหมายจาก การกระทำในปััจจุบััน นั�นค่อสิ�งที มารติน ไฮเด้กเกอร (Martin Heidegger) โต้แย้ง “อย่างรุนแรง” ไฮเด้กเกอร์เสนอเร่�อง การกลบัค่นส้่รากเหง้า ต้นกำเนด้

ของสิ�งต่างๆ ก่อนอ่�นเราต้องถามตวิเองเกี�ยวิกบัควิามหมายของการกระทำของ เรา สิ�งที�สำคัญกวิ่าการร้วิ่าจะสร้างอะไรหร่อสร้างอย่างไร ค่อการร้วิ่าทำไมเรา จึงสร้าง ควิามหมายด้ั�งเด้ิมของการกระทำนีค่ออะไร สิ�งทีถ้กต้องตามกฎีหมาย และให้ควิามสอด้คล้องต่อควิามคด้ของไฮเด้กเกอรค่อการหันหน้าเข้าหาอด้ีต

58 2 ที่่�หลบภััยของไฮเดกเกอร์์:
บ้านอัตถิิ ภัาวนิยม

ให้เปั็นที�อย้่อาศึัย ที�แท้จริงได้้ โด้ยใช้คำวิ่า “ซั่�อๆ” (mere) และ “แท้จริง” (authentic) อย่างร เท่าทัน นี�เปั็นถ้อยคำที�จะปัรากฏิในการวิิพากษ์วิิจารณ ผลที�ตามมาจากควิาม ไม่เล่อกปัฏิิบััติและไม่ไตร่ตรองการใช้เทคโนโลยทีทันสมัย

bauen การสร้าง มีควิามกำกวิมกบัการอย้่อาศึัย “ถ้าเราให้ควิามสนใจคำวิ่า

bauen ในเชิงภ์าษา เราจะมองเห็นสามสิ�ง

1. อาคาร หมายถึงการอย้่อาศึัย

2. การอย้่อาศึัยค่อการทำให้เราปัรากฏิบันโลก

3. อาคารหร่อการอย้่อาศึัยเผยตวิผ่านกระบัวินการในการก่อสร้าง โด้ยผ้ที เอาใจใสปัล้กสร้างขึ�นมา [...] ลักษณะพ่�นฐานของการอย้่อาศึัยค่อการด้้แล เอาใจใส่” ด้ังนั�น “การด้้แลเอาใจใส่” (act of caring) นีจึงเปั็นลักษณะพ่�นฐานของ การอย้่อาศึัย “มนุษย์เราอาศึัยอย้่ตราบัเท่าที�เรารบัรโลก [...] ควิามรอด้ไม่เพียง แค่สร้างสิ�งที�เปั็นอันตรายเท่านั�น แต่ในควิามเปั็นจริงแลวิการชวิยให้รอด้หมาย ถึงการอนุญาตใหบัางสิ�งบัางอย่างเข้าถึงได้้ เพ่�อรบัรโลกซัึ�งมีควิามหมายมากกวิ่า การใชปัระโยชน์หร่อทำลายมัน การรบัรโลกไม่ใช่การจด้สรรโลกให้เหมาะสม ไม่ใช่การทำให้โลกเปั็นของเรา นี�เปั็นก้าวิสั�นๆ ที�จะอย้่รวิมกันกบัโลกอย่างไร ขอบัเขต” การทำลายล้างโลกเปั็นสิ�งที�ควิามสามารถทางเทคโนโลยอันไม่จำกด้ที ส่บัทอด้มาจากสงครามโลกครั�งที�สองสามารถทำได้้ ซัึ�งเคยทำไปัแลวิในขอบัเขต ทางการทหาร หากไมมีการให้ควิามสนใจต่อคุณค่าอ่�นใด้นอกจากการมองโลก ในแ ง ด้ีแ บับั ห ล บั ตาห นึ�ง ข้าง การ ด้้ แลเอาใจใ ส่ในการ ก่อส ร้างเ กี�ย วิข้อง ก บั ควิามร้สึกของการอย้่อาศึัย ซัึ�ง “การด้ำรงอย้่” จะเผยออกมา แต่โด้ยหลักแลวิ สิ�งนีบั่งบัอกถึงการเปัลี�ยนแปัลงซัึ�งอย้่เหน่อมติเชิงพ่�นที มันค่อกาลเวิลา ซัึ�งเปั็น เวิลาที�ขยายออกไปัห่างไกลจากแหล่งกำเนด้ และเผยแพร่ออกมาในการใส่ใจโลก ของเรา ซัึ�งเราจะได้้รบัอนุญาตให้เข้าถึงควิามร้สึกของการอย้่อาศึัยอย่างแท้จริง การอภ์ปัรายนรุกตศึาสตรนี�ทำให้เราระแวิด้ระวิังเทคโนโลยีสมัยใหม เรียก ร้องใ

2 ที่่�หลบภััยของไฮเดกเกอร์์:
ภัาวนิยม 59 ด้้วิยวิิธนี�เท่านั�นเราจึงจะสามารถเปัลี�ยนที�อย้่อาศึัยธรรมด้าๆ
บ้านอัตถิิ
ห้ใ ส่ใจในค วิ าม สัม พัน ธ ก บั ธรรมชา ต และเผ ชิญห น้า ก บั เ วิ ลา ที
หร่อเรียกอีก อย่างวิ่า ล้กศึรแห่งกาลเวิลา มข้อโต้แย้งที�แผซั่านไปัในสังคมรวิมสมัย โด้ย
“ฝััง ราก” ซัึ�งควิามทรงจำที�นอนนิ�งพร้อมจะผันเปั็นคุณค่าเชิงบัวิก

เคำรอิงจัั กิรสำ�หรับอิย้่อิ�ศััย

ขอิง ฌ�คำส ต�ติ:

บ��นิปฏิิฐ�นินิิยม

75 3
80 ฌ�คสิ ต�ต บั��นำฮุลโลต ซงลุงฮุลโลต์กำำ�ลังมองห�กำญ์แจัทห� องใต� หลังค� (รั้ ปบันำ) กำ�รัเล�นำหม�กำรักำในำง�นำป�รัต่�ในำสิวินำ ครัอบัครัั วิอ�รั์เปลกำบันำ�พุตกำแต� งและสิรัะนำ�ทด��นำหนำ��
81 ลุงฮุลโลตกำบัต�นำไม� ปรัะหล�ดในำสิ�วินำของบั��นำอ�รั์เปล

ยู่ของ ฌ�คสำ ต�ติ: บ�นปฏิิฐ�นนยู่ม

ในปั ค.ศึ. 1957 หนึ�งร้อยปัีหลังจากการเสียชีวิิตของ ออกุสต กงต (Auguste Comte) ฌาคส ตาต (Jacques Tati) ได้้สร้างภ์าพยนตร์เร่�อง Mon Oncle เสร็จสิ�น ทำให้เราเปั็นหนึ�งในบัทวิิจารณที�ชาญฉลาด้และน่าขบัขันเกี�ยวิกบัวิิธคด้ การออกแบับั และการอย้่อาศึัยในบั้านที�ออกแบับัตามแนวิคด้หร่อข้อสรปัของ สถาปััตยกรรมสมัยใหมทีสด้เท่าที�เคยมีมา ผ้อ่านคงจำได้้ด้วิ่าการใชชีวิิตสอง

ร้ปัแบับัขด้แย้งกัน นั�นค่อคุณลุงฮุลโลต (Monsieur Hulot) (ตาติ) ในบั้าน

เก่าทรด้โทรมใจกลางเม่อง (ปัารีส) และบั้านของครอบัครวิอาร์เปัล (Arpel)

ปัระกอบัด้้วิย คุณอาร์เปัล เจ้าของโรงงานพลาสติก (Plasta) ภ์รรยาของเขา

น้องสาวิของตาต และล้กชายคนเด้ียวิทีบั้ชาลุงของเขา ครอบัครวินี�อาศึัยอย้่ใน บั้านเด้ี�ยวิพร้อมสวินเล็กๆ ในย่านหร้บัริเวิณชานเม่อง โครงเร่�องทีด้้เรียบัง่าย เกี�ยวิข้องกบัการตด้กันของวิิถชีวิิตทั�งสองนี เม่�อมองผ่านสายตาของเด้็กชาย ผ้ช่�นชอบัการใช้เวิลากบัลุงของเขา และควิามพยายามอันสิ�นหวิังของครอบัครวิ อาร์เปัลที�จะด้ึงลุงฮุลโลต์และล้กชายเข้ากบัชีวิิตสมัยใหม ในโอกาสนี ตาต ศึิลปัินผ้พถพถันและสมบั้รณ์แบับัก็ทำเช่นเด้ียวิกบัภ์าพยนตร เร่�อง Playtime (1967) ที�เปั็นการวิิเคราะห์เชิงลึกเกี�ยวิกบัเม่องสมัยใหมอีกครั�ง หนึ�ง เขาไม่ได้้เปั็นแคนักแสด้งและผกำกบัเท่านั�น แตยังเปั็นผ้รบัผด้ชอบัโด้ย ตรงรวิมกบั ฌาคส ลากรองฌ (Jacques Lagrange) ในการออกแบับัฉาก

และการก่อสร้างบั้านของครอบัครวิอาร์เปัลในสต้ด้ิโอวิิคทอรีน (Victorine) ใน

เม่องนซั (Nice) ให้เสร็จสมบั้รณ (สำหรบั Playtime ตาติได้้วิางแผนและสร้าง

ฉากในภ์าพยนตร์เปั็นเม่องสมัยใหมทีมช่�อเสียงทีสด้แห่งหนึ�ง) การด้ำเนินการนี

ไม่ได้้ไร้เหตุผลแต่อย่างใด้ การเปัรียบัเทียบัวิิถชีวิิตของค้่รักอาร์เปัลและลุงฮุลโลต

ไม่ได้้เปั็นผลมาจากบัทสนทนาหร่อควิามคด้เห็นที�แสด้งโด้ยตวิละครเอก แต

ตาติได้้แรงบัันด้าลใจมาจากภ์าพยนตร์เงียบัสั�นๆ ซัึ�งไมมบัทพ้ด้เร่�องหนึ�ง และ

ตีควิามจากกริยาและสภ์าพแวิด้ล้อมทางกายภ์าพที�แวิด้ล้อม สถาปััตยกรรมและ การวิางผังเม่อง รวิมกบัเสียงธรรมชาติหร่อเสียงสังเคราะห ซัึ�งเปั็นตวิกระตุ้น

ให้เกด้พฤติกรรมปัระเภ์ทต่างๆ สาเหต และ/หร่อผลที�ตามมา ซัึ�งเช่�อมโยงกบั สิ�งเด้ียวิกันอย่างชด้เจน ด้ังนั�นภ์าพยนตรทั�งเร่�องจึงถ้กมองวิ่าเปั็นการอ่านเชิง วิิพากษ์วิิจารณ์สถาปััตยกรรม ซัึ�งวิิธีการคด้และการด้ำเนินชีวิิตสองวิิธีเผชิญ หน้ากัน ที�จริงแลวิ ด้ังที�เราจะได้้เห็นในภ์ายหลัง โครงเร่�องจำลองการต่อส ระหวิ่างควิามคด้สองแบับัอย่างตรงไปัตรงมา ซัึ�งอิทธิพลทางควิามคด้ของตาต นี มีค วิ ามสำ คัญอ ย่าง ยิ�งตลอ ด้ศึ ต วิ รรษ ที 20 ในด้้านห นึ�งเ ปั็นการ ส่บั ทอ ด้

82 3 เครื่่�องจัักรื่สำำ�หรื่ับอยู่่�อ�ศัั

และการปัระยุกตส้่ขอบัเขตของชีวิิตสวินตวิของกระบัวินทศึนปัฏิิฐานนิยมของ ศึรัทธาในค วิ าม ก้า วิ ห น้าและค วิ ามเ ปั็นระเ บัีย บั ในฐานะเค ร่�อง ม่ อแ ห่งค วิ าม อย้่รอด้ ทั�งสองสิ�งนี�ทำให้มนุษย์เกด้การพัฒนาด้้านเทคนิคและวิิทยาศึาสตร การยอมรบัปัรัชญาให้เปั็นสิ�งเด้ียวิกันกบัวิิทยาศึาสตรทีถ้กเข้าใจวิ่าเปั็นทีส้งสด้ (ซึ�งเป็นแนวิคดีที�นำไปส้่ควิามสัมพันธี์ของปรััชีญาแลัะวิิทยาศาสตรั ซึ�งอาจมผู้ลั

ต่อวิิธีีการัแลัะการัเข้าใจควิามคดีแลัะวิิทยาศาสตรั์ในสมัยนั�น การัรัวิมเข้าดีวิย กันของการัคดีแลัะวิิทยาศาสตรั์อาจมผู้ลัต่อวิิธีีการัในการัทำงานแลัะทฤษฎีีทาง ปรััชีญาในสมัยนั�น การัเรัิ�มต้นแนวิคดีทางวิิทยาศาสตรั์อาจเป็นเรัื�องน่าสนใจ สำหรัับ้การัศึกษาควิามคดีแลัะปรััชีญาในสมัยก่อนหน้านี แลัะเป็นสวินหนึ�ง ของการัเข้าใจแนวิคดีแลัะควิามเปลัี�ยนแปลังในปรััชีญาแลัะวิิทยาศาสตรั์ในสมัย ก่อนหน้านี – ผู้้แปลั) ในอีกทางหนึ�ง การโต้แย้งเร่�องลัทธปัฏิิฐานนิยมซัึ�งใน ตอนแรกค่อ ฮุสเซัร์ล และแบัร์กสัน (Bergson) และจากนั�นค่อ ไฮเด้กเกอร และแมร์เลอ-ปัองต (Merleau-Ponty) ในควิามพยายามที�จะสถาปันาลัทธ อัตวิิสัยนิยม (subjectivism) หร่อลัทธิวิิวิัฒนนิยม (vitalism) ขึ�นมาใหม เพ่�อ วิางกรอบัควิามคด้เกี�ยวิกบัวิิทยาศึาสตร์ใหม เพ่�อเผยธรรมชาติทางอด้มการณ ของลัทธปัฏิิฐานนิยมและการแสด้งออกทางสังคมที�สนบัสนุนเทคโนโลย ไ ม่ใ ช่เ ร่�องบัังเ อิญ ที�การเผ ชิญห น้าค รั�ง นี�จะ ถ้ กสะ ท้อนใ ห้เ ห็นพ ร้อม กันใน ภ์าพยนตร์และในการกระทำของสถาปันิกบัางคนที ต่อต้านหลักคำสอนสมัย ใหมที�เปั็นหวิใจสำคัญของสถาบัันของพวิกเขา การปัระชุม CIAM 10 ซัึ�งจด้ ขึ�นที�เม่องด้้บัรอฟนิก (Dubrovnik) ในปั ค.ศึ. 1956 โด้ยมุ่งปัระเด้็น “ปััญหา ที�อย้่อาศึัยของมนุษย์” แสด้งให้เห็นถึงวิิกฤตขั�นสด้ท้ายของสถาบัันสมัยใหม แห่งนี เน่�องจากการโต้แย้งอาจารยรุ่นเก่าอย่างรุนแรงโด้ยสมาชิกรุ่นเยาวิ เช่น บัาเคมา (Bakema), ฟาน เอ็ค (Van Eyck), สมิธสัน (Smithson) ฯลฯ ซัึ�ง รวิมกลุ่มกันในลักษณะองค์กรค้่ขนานในนาม ทีม 10 (Team 10) สิ�งที�สถาปันิก

เหล่านี�กำลังโจมตนั�นไม่ใช่อะไรอ่�นนอกจากลัทธิลด้ทอนนิยมที�แทรกซัึมอย้่ใน สถาปััตยกรรมสมัยใหม่ในทุกระด้บั

เสรภ์าพที�มากขึ�นของตาติทำให้เขาสามารถคาด้การณ์อนาคตได้้อย่างแม่นยำ ในการเสียด้สีกรอบัเชิงบัรรทด้ฐานและสถาบัันที�สร้างขึ�นโด้ยสังคมสมัยใหม

3 เครื่่�องจัักรื่สำำ�หรื่ับอยู่่�อ�ศัั ยู่ของ ฌ�คสำ ต�ติ: บ�นปฏิิฐ�นนยู่ม 83
รุนแรง ซัึ�งได้้กลายเ ปั็นแ บับั อ ย่างของการเ ปัลี�ยนแ ปั ลง ที�จะกลายเ ปั็น ควิามจริงในเวิลาต่อมา
ย่าง

และควิามงาม ควิามศึรัทธาที�กำลังด้ำเนินไปั ในเม่องอย่างบัราซัิเลีย เม่องหลวิง

ของปัระเทศึที�ธงยังคงโบักสะบััด้ตามคตปัระจำใจ ทีก่อร่างเปั็นบัุตรชายของ

อาร์เปัล เราร้ตวิวิ่าเรามีควิามหลงใหลในโลกที�เราจากมา ซัึ�งทำให้เราเปั็นอย่าง ที�เราเปั็น ที�ใหบัรรทด้ฐานในการด้ำเนินชีวิิตแก่เรา ไมวิ่าจะเพ่�อสนบัสนุนหร่อ ต่อต้าน นีค่อสิ�งที�เรียกวิ่า “ปัระเพณี” (tradition)

106 3 เครื่่�องจัักรื่สำำ�หรื่ับอยู่่�อ�ศัั
ยู่ของ ฌ�คสำ ต�ติ: บ�นปฏิิฐ�นนยู่ม

วินิหยุดขอิงปกิัสโซ: บ��นิปร�กิฏิกิ�รณ์์วิิทย�

107 4
112 ค�นำสิ (Cannes), 1955 ภ�พโดย อังเดรั วิิลเลอรัสิ ค�นำสิ (Cannes), 1955 ภ�พโดย อังเดรั วิิลเลอรัสิ
113 ค�นำสิ (Cannes) ภ�พโดย อังเดรั วิิลเลอรัสิ

บ้้านปิรากัฏกัารณ์์ วัิทยุา

เพ่�อเปัด้เผยควิามคด้เฉพาะเจาะจงเกี�ยวิกบับั้าน เรามจด้เริ�มต้นที�ไม่สามารถ ผด้พลาด้ได้้ เราจำเปั็นต้องศึึกษารากศึัพท์ของคำวิ่า “bauen” เพ่�อเข้าใจวิ่า

การสร้างบั้านนั�นเกี�ยวิข้องกบัควิามคด้เร่�องควิามมีอย้่ (existential idea) และ ควิามเข้าใจเกี�ยวิกบัการสร้างบั้านไม่สามารถที�จะเริ�มต้นจากคำวิ่า “bauen” ได้้ โด้ยตรง แต่จำเปั็นต้องนึกถึงภ์าพลักษณะของสะพาน (heuristic image of the bridge) เพ่�อชวิยในการเข้าใจและการอธบัายเร่�องราวิเกี�ยวิกบักระท่อมของ ไฮเด้กเกอร บั้านปัรากฏิการณ์วิิทยาสามารถสร้างขึ�นได้้จากข้อเขียนสองฉบัับั และการอ้างอิงด้้วิยภ์าพสองภ์าพ ซัึ�งชวิยให้องคปัระกอบัทั�งหมด้ปัระกอบัขึ�นเปั็น บั้าน ปัระการแรก หนังส่อคลาสสิกของแมร์เลอ-ปัองติเร่�อง ปัรากฏิการณ์วิิทยา

ของการรบัร (The Phenomenology of Perception) (1945) โด้ยเฉพาะบัท

ทีวิ่าด้้วิยร่างกายและทีวิ่าง และปัระการที�สอง ผลงานที�ได้้รบัควิามนิยมอย่าง

มากในหม้่สถาปันิกช่�อ บัทกวิีแห่งทีวิ่าง (The Poetics of Space) (1957)

ซัึ�ง แกสตอง บัาเชลารด้ (Gaston Bachelard) ได้้สร้างโครงสร้างทางทฤษฎีี ที�สมบั้รณ์ของบั้านเชิงปัรากฏิการณ์วิิทยา อย่างไรก็ตาม ในทางทีขด้แย้งกัน

บั้านหลังนี�กลบัไม่ได้้เปั็นไปัตามทฤษฎีีในหนังส่อมากนัก เรารบัร้บั้านนี�จาก

ปัระสบัการณ์และควิามจริงทีมค่ามากกวิ่าการอธบัายทางทฤษฎีี ด้้วิยเหตุผลด้ังกล่าวิ อันด้บัแรกเราควิรนึกย้อนถึงการอ้างอิงที�สำคัญอีกสอง เร่�อง ซัึ�งเราทุกคนคุ้นเคยผ่านส่�อภ์าพโด้ยทัวิไปัในศึตวิรรษที 20 ค่อ ภ์าพถ่าย

และภ์าพยนตร เราได้้พ้ด้ถึงหนึ�งในนั�นเกี�ยวิกบับั้านปัฏิิฐานแลวิ ซัึ�งเปั็นบั้านที

ซัับัซั้อนและไร้สาระ อย่างน้อยก็จากมุมมองแบับัปัระโยชนนิยม ทีบั้านข้างๆ

กบับั้านปัฏิิฐานนิยม ในห้องใต้หลังคาทีลุงฮุลโลต์อาศึัยอย้่ในโลกมหศึจรรย ของเขา และตรงกันข้ามกบับั้านของครอบัครวิอาร์เปัลนี เปั็นการเน้นย�ำระยะ ห่างระหวิ่างแนวิควิามคด้เร่�องการด้ำรงอย้่ที�เปั็นปัฏิิปัักษกันอย่างลึกซัึ�งของสอง ขัวิควิามคด้ เราจะเด้ินทางส้่ควิามคด้อีกแบับัผ่านข้อเขียนทีมีเอกลักษณ์เฉพาะ ซัึ�งเปั็นบัันทึกที�เต็มไปัด้้วิยควิามอบัอุ่นและน่ายินด้ีจากหนังส่อ Viva Picasso (1980) ซัึ�งจะชวิยแสด้งวิิธีการในการเข้าใจทีมลักษณะเหม่อนในนิทานหร่อ ตำนาน (mythic way of understanding) ของปักัสโซั (Picasso) และการใช พ่�นที�อย่างน่าสนใจ เปั็นร้ปัแบับัสำหรบัการอย้่อาศึัยที�เปั็นของศึตวิรรษที 20 อย่างแท้จริง ส้่ควิามสำเร็จส้งสด้ในการสร้างบัุคคลที�เปั็นอิสระและสร้างสรรค สามารถสร้างบัทสนทนาที�ไมถ้กจำกด้ด้้วิยแบับัแผนได้้ ปักัสโซัที�หมกมุ่นอย้่ กบัที�ทำงาน บั้านที�ไม่เปั็นระเบัียบัในยามพลบัค�ำ ปักัสโซัที�เล่นเปั็นตวิตลกใน

114 4 วัันหยุุดของปิิกััสโซ:

ไม่สำคัญสำหรบัเราเลย จาก เอกสารภ์าพถ่ายด้ังกล่าวิซัึ�งถ่ายโด้ย เด้วิิด้ ด้ักลาส ด้ันแคน (David Douglas Duncan) อาจมต้นกำเนด้มาจากวิิลล่า ลา แคลิฟอรนิค (La Californic) ทีตั�ง อย้่ในเม่องคานส (Cannes) บันชายฝัั�งตะวิันออกของปัระเทศึฝัรั�งเศึส หร่อที ชาโต เด้อ โวิวิองอัน (Château de Vauvenargues) หร่อที�โนตร ด้าม เด้อ วิ (Notre Dame de Vie) ซัึ�งเปั็นบั้าน ณ สถานทีต่างๆ ของเขา ในบั้านทั�งหมด้นี ร้ปัแบับัการด้ำรงชีวิิตที�เหม่อนกันทั�งหมด้จะเผยออกมา เราน่าจะยังคงพอจำ เร่�องราวิของครอบัครวิอาร์เปัลได้้ พวิกอาร์เปัลสร้างบั้านขนาด้ใหญ่หลังหนึ�ง ซัึ�งเต็มไปัด้้วิยควิามสบัสนวิุ่นวิาย ซัึ�งในบั้านปัฏิิฐานนิยมอันบัรสุทธิทีวิุ่นวิายนั�น เองทีล้กชายของอาร์เปัลโหยหาอิสรภ์าพ ถ้าเราพิจารณาข้อเขียนเหล่านี�อย่างละเอียด้ถึงวิิธีการสร้างพ่�นที�และวิิธีสำหรบั การอย้่อาศึัยของเราเอง และครอบัครองมันทั�งหมด้ เราก็จะได้้ก้าวิแรกใน การสร้างบั้านปัรากฏิการณ์วิิทยาในจินตนาการของเรา ใคร ค่ อ ผ อา ศึัยอ ย้่ ใน บั้านตามแน วิค ด้นี�? เขาส ร้างวิิ ถ ชีวิิตของเขาอ ย่างไร? เ พ่�อ ที�จะหาคำตอ บั เราจะ ต้องเ ข้าใจเทค นิค ต่างๆ ใน ข้อเ ขียน ทั�งสอง ที อ้าง ถึง ข้าง ต้น เราได้้อ ธ บั ายไ ปั แ ล วิถึงขอ บั เขต ซัึ�งอ ย่าง น้อยในตอน ก่อนห น้า นี ควิามคด้เชิงปัรากฏิการณ์วิิทยาของฮุสเซัร์ลและแมร์เลอ-ปัองตมจด้มุ่งหมาย ที�จะไ ถ่ถอนค วิ ามเ ปั็น อัตวิิ สัย ค วิ ามสามารถในการอ ธ บั ายโลก ที�สามารถ เพิกถอนรัฐธรรมน้ญทีมีอำนาจเหน่อกวิ่าของลัทธวิัตถนิยมแบับัปัฏิิฐานนิยม เปั็นร้ปัแบับัการคด้ที�แท้จริงร้ปัแบับัหนึ�ง นักปัรัชญาปัรากฏิการณ์วิิทยาพิจารณา เฉพาะชีวิิตของเขาเองเท่านั�น มันเปั็นข้อม้ลเด้ียวิที�เขาสามารถเริ�มต้นได้้ จาก สิ�งเหล่านี�ทำให้เกด้ควิามเปั็นคนหวิรุนแรงของเขา ด้้วิยเหตนี เหน่อสิ�งอ่�นใด้ เขาจึงปัรารถนาที�จะค้นพบั “การเช่�อมโยงอันชาญฉลาด้กบัโลก” (an ingenuous contact with the world) อีกครั�ง งานเชิงปัรัชญาของเขาไม่ได้้ต้องการ การวิิเคราะห์หร่ออธบัายมากเท่ากบั “อธบัายปัระสบัการณ์” มอรซั แมร์เลอปัองต (Maurice Merleau-Ponty) อธบัายเร่�องนี�ไวิ้อย่างชด้เจนวิ่า “โลกไม่ใช วิัตถที�อย้่ในอำนาจควิบัคุมของข้าพเจ้า แต่เปั็นสภ์าพแวิด้ล้อมทางธรรมชาต และขอบัเขตควิามคด้ทั�งหมด้และการรบัร้ทีชด้เจนทั�งหมด้ ควิามจริงไม่ได้้ด้ำรง อย้่เฉพาะ ‘ตวิตนภ์ายใน’

4 วัันหยุุดของปิิกััสโซ:
115 กางเกงชั�นใน
จะยิ�งด้ีมากหากไมมตวิตนภ์ายใน มนุษย์อย้่ในโลก เปั็นโลกที�เขาร้จักตวิเอง ตวิตนนีค่อ ‘ตวิตนที�แสด้งแก่โลก’ ได้้รบัปัระสบัการณ
บ้้านปิรากัฏกัารณ์์ วัิทยุา
หร่อเล่นกระโด้ด้โลด้เต้นกบัล้กสาวิ

เกิี�ยวิกิับผู้้�เขียนิ

อิญาก อาบัาลอส (Iñaki Ábalos) เปั็นสถาปันิกและนักวิิชาการชาวิสเปัน จบัการศึึกษาด้้านสถาปััตยกรรมระด้บัปัริญญาตร โท และเอก จาก School of Architecture of Madrid (ETSAM) ปััจจุบัันอิญากมีสำนักงานออกแบับัของ ตนเองช่�อ Ábalos + Sentkiewicz มีสาขาตั�งอย้่ในสามเม่องใหญ ค่อ มาด้รด้ บัอสตัน และเซัี�ยงไฮ โด้ยอิญากิได้้เริ�มทำงานออกแบับัสถาปััตยกรรมมาตั�งแตปั ค.ศึ. 1984 จนถึงปััจจุบััน นอกจากบัทบัาทหน้าที�ในฐานะสถาปันิกวิิชาชีพแลวิ อิญากยังสอนหนังส่อในสถาบัันสถาปััตยกรรมอีกหลายแห่ง เช่น ETSA Madrid, GSD Harvard University, Columbia University, Architectural Association

London, EPF Lausanne, University of Princeton, Cornell University และ

BIArch Barcelona นั�นทำใหมุมมองเชิงทฤษฎีีวิิพากษ์ของเขามีควิามเฉียบัคม และนำเสนอมุมมองต่างทีน่าสนใจมากมาย

ผลงานการออกแบับัของ Ábalos + Sentkiewicz เองก็ได้้รบัการยอมรบัในระด้บั สากล เห็นได้้จากรางวิัลชนะเลศึการปัระกวิด้ออกแบับัในระด้บันานาชาติกวิ่า 40 ผลงาน โด้ย วิิลเลียม เคอรติส (William Curtis) นักวิิชาการสถาปััตยกรรม ได้้เล่อกให้งาน The Pavilion in the Retiro Park เปั็นหนึ�งในสามงานออกแบับั ทีด้ทีสด้ของสเปันในรอบั 30 ปั

เกิี�ยวิกิับผู้้�แปล

สปัปัวิิชญ กำบััง มีควิามรักในงานออกแบับัสถาปััตยกรรมและการก่อสร้าง ด้้วิยควิามกวิ้างขวิางของศึาสตรที�เกี�ยวิเน่�องในการปัฏิิบััติวิิชาชีพ ทำให้ชอบั หาควิามรเพิ�มเติมในศึาสตรที�เกี�ยวิข้อง ผนวิกกบัการปัฏิิบััติวิิชาชีพในหลาย บั ท บั าทเ พ่�อ บั้ รณาการค วิ ามเ ข้าใจในสถาปััตยกรรม ศึ าสต ร ปััจ จุบัันเ ปั็น อาจารยปัระจำคณะสถาปััตยกรรมและการออกแบับั มหาวิิทยาลัยเทคโนโลย

พระจอมเกล้าพระนครเหน่อ ผลงานหนังสอทีจัด้พิมพ์โด้ยบัริษัท ลายเส้น พับับัลิชชิง จำากัด้

2566 2567 ขอบัข่ายแห่งสถาปััตยกรรม

ชีวิิตด้ีงาม: พาชมบั้านสมัยใหม่

(The good life: A guided visit to the houses of modernity)

(Scope of Total Architecture)

2563 ซัานติอาโก คาลาทราวิา บัทสนทนากับันักเรียน

(Santiago Calatrava: Conversations with Students)

บัทสนทนากับัไฟร โอทโท

(Conversations with Frei Otto)

Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.