IMAGINE MAGAZINE: SEPTEMBER 2013

Page 1

บทเรียนจาก ความล้มเหลว LEARN FROM FAILURE

SEPTEMBER 2013 FREE EDITION

Interview

เจ้าของแบรนด์ Karmakamet กับชีวิตที่ถูกโกง

Beyond

สงครามกาแฟ ในเวียดนาม

Try Out

แชร์ประสบการณ์ นักโฆษณารุ่นใหม่ โปรเจกต์ ADxercise



หลังจากแต่งตัวใหม่ ด้วยการเสริมคอลัมน์ที่อัดแน่นสาระความรู้ในมุมกว้างมากขึ้นในเล่มที่แล้ว IMAGINE MAGAZINE โฉมใหม่ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีอย่างล้นหลาม ทำ�ให้เรามีกำ�ลังใจในการเดิน หน้าต่อไปบนเส้นทางของเราเอง เพือ่ ต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ให้เป็นรูปเป็นร่าง และพาไปสูค่ วาม สำ�เร็จอันเป็นเป้าหมาย แต่ในระหว่างการเดินทาง ใช่ว่าทุกครั้งจะราบรื่นเสมอไป ยิ่งเส้นทางยาวไกล อุปสรรคก็ยิ่งมีมาก ทว่าสิง่ เหล่านีไ้ ม่ใช่หรือทีท่ �ำ ให้เราแข็งแกร่งขึน้ เพราะเมือ่ เราหาวิธจี ดั การกับอุปสรรคได้ เราก็จะมีภมู ิ ต้านทานและรูว้ ธิ หี ลบหลีกไม่ให้ปญ ั หาเดิมๆ กลับมาเกิดขึน้ ได้อกี ซึง่ นัน่ หมายความว่า เรายิง่ เข้าใกล้ ความสำ�เร็จมากขึ้นด้วย ธีมเล่มนี้ IMAGINE MAGAZINE ขอหยิบยกเรื่องราวของ ‘ความล้มเหลว’ ขึ้นมาพูดในฐานะที่มัน เป็นจุดเริ่มต้นของความสำ�เร็จในชีวิตของใครหลายคน และหวังว่าผู้อ่านจะเรียนรู้จากความล้มเหลว ในแบบต่างๆ เพื่อพลิกให้มันกลายเป็นความสำ�เร็จได้ในท้ายที่สุด นอกจากการทำ�ความรู้จักหน้าตา ของความล้มเหลวใน Theme Cover แล้ว เรายังได้นักเขียนชื่อดังอย่าง วิภว์ บูรพาเดชะ มาเปิดมุม มองเกี่ยวกับความล้มเหลวแบบลึกซึ้งในคอลัมน์ Just Think! รวมถึง ฮิโระ ซาโนะ คอลัมนิสต์ขา ประจำ�ที่คราวนี้พาเราไปเที่ยวเวียดนาม หนึ่งในประเทศที่เคยเป็นผู้ล้มเหลวในอดีต แต่ปัจจุบันกลับ พัฒนาประเทศแบบก้าวกระโดดจนกลายเป็นทีจ่ บั ตามองอันดับต้นๆ ในกลุม่ ประเทศอาเซียน ติดตาม อ่านได้ในคอลัมน์ Beyond นอกจากนี้เรายังบุกไปสัมภาษณ์ พี่เอจ-ณัทธร รักษ์ชนะ ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Karmakamet กับ ชีวติ ทีม่ สี ว่ นผสมของความล้มเหลวอยูเ่ ต็มไปหมดก่อนจะก้าวขึน้ มาโดดเด่นในแวดวงธุรกิจเครือ่ งหอม ขณะที่สองนักศึกษาม.กรุงเทพ ผู้ชนะเลิศการประกวดโฆษณาระดับประเทศ ADxercise จะมาบอก เล่าประสบการณ์ตรงจากการบินลัดฟ้าเพือ่ ไปฝึกฝีมอื ด้านครีเอทีฟโฆษณาถึงประเทศอังกฤษในคอลัมน์ Try Out

CONTRIBUTORS

สิง่ ทีผ่ า่ นมาและผ่านไปในชีวติ ของทุกคนมีคา่ หากเราหยุดยืนมองมันสักครู่ แล้วพิจารณามันอย่าง ถ้วนถี่ มันอาจกลายเป็น ‘บทเรียนจากความล้มเหลว’ ทีว่ นั หนึง่ สามารถพาเราไปสูค่ วามสำ�เร็จก็เป็นได้ กองบรรณาธิการนิตยสาร IMAGINE MAGAZINE

วิภว์ บูรพาเดชะ Writer

As the previous issue of IMAGINE MAGAZINE received outstandingly positive feedback, we are encouraged to continue this new style and move forward on our own way which we believe that it leads to success in one day. Like every journey, the journey of IMAGINE MAGAZINE also had obstacles and challenges. But they allow the traveler to learn, don’t they? The more obstacles have, the stronger we are. That means we are closer to our goal. The August issue of IMAGINE MAGAZINE offers the theme “Learn from Failure” as it is the beginning of success road of many people. Besides the “Theme Cover” brings you to know what failure is, a sophisticated writer Vip Buraphadeja shares his point of view about failure in “Just Think!”. Take a break for a moment in “Beyond” with Hiro Sano and his trip in Vietnam, one of the countries that used to be a failure in the past but it now becomes the fastest growing market in ASEAN before talking to Natthorn Rakchana, Co-founder of Karmakamet, whose life is mixed of failure. Specially, two students from Bangkok University who are the winner of ADxercise share their exciting experience when they were trained for advertising creative career in UK. Don’t miss it in “Try Out” In life, everything comes to pass but it always leaves something to be useful for the next day. Let’s learn together! IMAGINE MAGAZINE Editorial Staff

บรรณาธิการบริหารนิตยสารบันเทิงเชิงศิลปะในชือ่ happening เจ้าของผลงานพ็อกเก็ตบุ๊กมากมาย อาทิ ตื่นจน เช้า ห้วงคำ�หนึง่ เมือ่ บทเพลงบรรเลงอีกครัง้ ล่าสุดกำ�ลัง ทยอยเขียนเรือ่ งสัน้ -สัน้ -สัน้ วันละเรือ่ งสองเรือ่ ง เพือ่ รวม เล่มในชือ่ ปกว่า ‘เรือ่ งจริงแสนสัน้ เรือ่ งฝันชัว่ พริบตา’ แล้ว ยังสละเวลาอันแสนยุ่งมาพูดถึงความล้มเหลวในมุมมอง แบบสื่อมวลชนของเขาลงนิตยสาร IMAGINE MAGAZINE ในคอลัมน์ Just Think! ด้วย

พัทธวิชญ์ ใจซื่อกุล Photographer ภาพถ่ายหลายคอลัมน์ใน IMAGINE MAGAZINE ฉบับนีเ้ ป็น ผลงานของช่างภาพหนุ่มหน้าเข้มแต่เสียงไม่เข้ม ผู้เคยมี ผลงานถ่ายภาพนิง่ เบือ้ งหลังภาพยนตร์เรือ่ ง Inferno ของ ผูก้ �ำ กับและนักเขียนบทภาพยนตร์ฝาแฝดชาวฮ่องกง แดน นี่ และ ออกไซด์ แปง (Danny & Oxide Pang) มาแล้ว ปัจจุบนั เป็นช่างภาพอิสระ รับถ่ายทุกอย่างตัง้ แต่งานโฆษณา แฟชัน่ นิตยสาร อินทีเรียร์ อาหาร ไปจนถึงหมาแมว ดูผล งานแบบเต็มๆ ของเขาได้ที่ egpattavitjsk.wix.com/patt


“ใหเขาเกลียด ในสิ่งที่คุณเปน ดีกวาใหเขารัก ในสิ่งที่คุณ ไมไดเปน” “It is better to be hated for what you are than to be loved for what you are not.” 4 } I MAG IN E M AGA Z I NE

จากหนังสือ Autumn Leaves ของ อังเดร กิด นักเขียนนักคิดชาวฝรั่งเศสแหงศตวรรษที่ 20 เจาของรางวัลโนเบล สาขาวรรณกรรมป 1947

from a book ‘Autumn Leaves’ of André Gide, a literary and intellectual giant of twentieth-century France winner with the Noble prize in literature in 1947


SEPTEMBER 2013 • ISSUE: Learn From Failure ภาพหน้าปก: พัทธวิชญ์ ใจซื่อกุล

Inspiration 6

Explore 15

ความล้มเหลว เป็นสิ่งมีค่า

เวียดนาม “สงครามกาแฟ”

Theme Cover

KARMAKAMET ขอบคุณชีวิต ที่ถูกโกง ณัทธร รักษ์ชนะ

20

8

ช้าๆ ชิลๆ รอบเมืองเชียงใหม่

15

20

Knowledge

Action!

10

22

25

28

บทเรียนจาก ความล้มเหลว

ของใช้ไอเดียเจ๋ง

ไอเดียสนุก บนยางลบตราปั๊ม

ADxercise ปั้นครีเอทีฟ โฆษณา

จัดทำ�โดย Bangkok Univerity Brand Unit เลขที่ 119 ซอยสุขุมวิท 40 ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 โทรศัพท์: 02-350-3500#1789 โทรสาร: 02-350-3606

Publish by Bangkok Univerity Brand Unit 119 Sukhumvit 40, Rama 4 Rd., Phrakhanong, Klongtoey, Bangkok 10110 Tel: 02-350-3500#1789 Fax: 02-350-3606

10

28

บรรณาธิการอำ�นวยการ Chief Executive Director

เพชร โอสถานุเคราะห์ Petch Osathanugrah

บรรณาธิการบริหาร Editor-in-Chief

จุฑามาศ ภูประภัสสร Chutharmars Puprapussorn

บรรณาธิการ Editor นักเขียนอาวุโส Senior Writer

อัญวรรณ ทองบุญรอด Aunyawan Thongboonrod อาฬาวีย์ ปานพืช Alawi Panpuech

บรรณาธิการศิลปกรรม Art Director กราฟิกดีไซเนอร์ Graphic Designer

อิทธิพงศ์ ศิปเฉลิมวงศ์ Ittipong Sipachalomewong ประภาวี ศิวเวทกุล Prapawee Siwawetkul

ผู้อำ�นวยการฝ่ายการตลาดและโฆษณา Marketing & Advertising Director ผู้จัดการฝ่ายโฆษณา Advertising Manager

ณัฎฐิกา บุญวิภาส Nattika Boonvipas มาริสา ตันวิจิตร Marisa Tunvijit

ผู้จัดการฝ่ายผลิต Production Manager

นุชรินทร์ พิทักษ์โชติวรรณ Nucharin Pitakchotiwan

Contributors วิภว์ บูรพาเดชะ ฮิโระ ซาโนะ คล้ายเดือน อมรเสถียรพงศ์ กีรติ เงินมี พัทธวิชญ์ ใจซื่อกุล

www.imaginebangkok.com www.facebook.com/imaginebangkok

อนุญาตให้ใช้ได้ตามสัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน 3.0 ประเทศไทย


Writer: Vip Buraphadeja + Illustrator: Klaiduan Amornsateanphong

ความล้มเหลว เป็นสิ่งมีค่า ความล้มเหลว เป็นสิ่งหนึ่งที่ถูกมองข้าม ถูก ไม่ให้ความสำ�คัญ และถูกมองผิดๆ มากที่สุด สือ่ มวลชนมักจะชืน่ ชมยินดีคนทีป่ ระสบความ สำ�เร็จ ซึ่งหมายถึงผู้ชนะ คนร่ำ�รวย หรือคนที่ มีชื่อเสียง แต่ในการแข่งขันแต่ละครั้งจะมีผู้ชนะ ก็แค่คนเดียว ในสังคมของเราจะมีคนร่ำ�รวยก็ เป็นคนส่วนน้อยเท่านั้น ส่วนคนที่มีชื่อเสียงนั้น ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่ และชื่อเสียงส่วนใหญ่ก็ใช่ว่า จะเป็นสิ่งที่ยั่งยืน แท้จริงแล้ว ‘เรือ่ งราวของความสำ�เร็จ’ แทบ ทัง้ หมดมักจะมีความหมายทีแ่ ท้จริงเป็น ‘เรือ่ งราว ของความล้มเหลวแต่ไม่ยอมแพ้’ ทั้งนั้นนะครับ เพียงแต่สื่อมวลชนหรือคนทั่วไปมักจะไปโฟกัส ที่ความสำ�เร็จตอนท้าย แต่ละเลยเรื่องความล้ม เหลวที่อยู่ตอนต้นๆ เรื่องไป แล้วความล้มเหลวมันมีค่าอย่างไร? ผมคิดว่าสิ่งที่เราได้จากความล้มเหลวก็คือ ‘ประสบการณ์’ ครับ หรือจะเรียกอีกอย่างว่า ‘บทเรียน’ ก็ได้ เมือ่ เราผิดพลาดจนประสบความล้มเหลว เรา จะได้บทเรียน มันไม่ใช่บทเรียนที่เราเรียนรู้หรือ สามารถอ่านเอาจากตำ�รา แต่มันเป็นบทเรียน ประเภททีเ่ ราจะไม่หลงลืมง่ายๆ ดูอย่างคนทีเ่ คย ทำ�ธุรกิจแล้วเจ๊งส่วนใหญ่จะไม่ผลีผลามทำ�ธุรกิจ อีกครัง้ แต่จะต้องคิดใคร่ครวญถ้วนถีก่ อ่ นจึงจะ เริม่ ต้นธุรกิจใหม่ นักกีฬาทีเ่ คยพ่ายแพ้แต่ยงั ไม่ ล้มเลิกความตัง้ ใจ ก็จะสำ�นึกได้วา่ ตัวเองต้อง ซ้อมหนักขึ้นๆ เก็บประสบการณ์ให้มากขึ้น กระทั่งคนที่เคยอกหักอย่างจังแล้วได้

6 } I MAG IN E M AGA Z I NE

เรียนรูจ้ ากความพลาดหวังก็มกั จะไม่กลับไปสร้าง ความสัมพันธ์ที่ผิดพลาดในแบบเดิมๆ อีกแล้ว ดังนั้นความล้มเหลวจึงไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่ ชีวิตคนที่ไม่เคยพบกับความล้มเหลวต่างหากที่ น่ากลัว เด็กจบใหม่หลายคนมักมีความฝันอยากทำ� สิ่งโน้นสิ่งนี้ แต่พอถึงเวลาที่ต้องเลือกทางเดิน ชีวิตกลับเลือกไหลไปตามหนทางที่สบาย เลือก งานเพราะเงินมากกว่าเพราะเป็นสิ่งที่อยากทำ� จริงๆ แล้วก็ตั้งใจว่าสักวันจะมีเงินมากพอที่จะ ทำ�ตามความฝันได้อย่างอิสระ การตัดสินใจแบบ นี้อาจเป็นการ ‘เพลย์เซฟ’ ในเรื่องเศรษฐกิจ แต่ ในแง่การดำ�เนินชีวิตแล้ว อาจเป็นการทำ�ให้เสีย โอกาสในการที่จะพบกับ ‘ความล้มเหลว’ เพื่อ ที่จะได้เรียนรู้ในทักษะต่างๆ ที่คนซึ่งจะทำ�ฝันนั้น ให้กลายเป็นจริงจำ�เป็นต้องมีก็เป็นได้ ยิง่ เวลาผ่านไป คนเราก็ยงิ่ เติบใหญ่และแก่ตวั ลง ใครทีย่ งั ไม่พบ ‘บทเรียน’ อะไรทีเ่ ป็นบทเรียน สำ�คัญในชีวติ เลยนีแ่ หละทีอ่ าจจะไปพบกับ ความล้มเหลวครัง้ ยิง่ ใหญ่ในตอนสุดท้าย ก็ได้ นอกจากนี้ ผมคิดว่านอกจากความ ล้มเหลวจะมี ‘บทเรียน’ มาให้กับ เราแล้ว ยังมีอีกประเด็นหนึ่งที่มา พร้อมความล้มเหลวด้วยครับ นัน่ ก็คอื เมือ่ เราประสบความล้มเหลว ตามธรรมดาก็ยอ่ มเกิดความผิดหวัง เสียใจ บางคนถึงขัน้ ท้อแท้ บางคน ไปถึงขัน้ ฟูมฟายจะเป็นจะตาย แต่ ในห้วงเวลาแบบนั้นเอง และทุก คนจะต้องเคยพบกับคำ�ถามที่ผุด ขึน้ ในใจว่า “แล้วจะเอายังไงต่อ?” ผมคิดว่าการตอบคำ�ถาม กับตัวเองในห้วงเวลานั้นเป็น วินาทีที่สำ�คัญของชีวิตมากๆ นะครับ ในขณะที่บางคนยัง


คงท้อแท้และเข็ดขยาด บางคนอาจจะเริ่มกลับ มาคิดทบทวน ช่วงนี้เองที่เขาจะได้เรียนรู้จาก บทเรียนบางอย่าง และในก้าวต่อๆ ไป เมื่อเขา ตัดสินใจลุกขึ้นใหม่ ตัดสินใจเริ่มต้นอีกครั้ง ไม่ว่า จะเป็นในหนทางเดิมหรือไม่ สิ่งที่จะได้ติดตัวไปก็ คือ ‘ความแกร่ง’ ครับ เมื่อมี ‘บทเรียน’ พร้อมด้วย ‘ความแกร่ง’ เก็บสะสมเอาไว้เรื่อยๆ ในชีวิต หนทางข้างหน้า ไม่วา่ จะเป็นอย่างไรเราก็พอจะรับมือได้โดยไม่หวัน่ ไหว ยิ่งมีเยอะก็ยิ่งมั่นใจ ยิ่งมีมากก็ยิ่งเติบโต หากมองให้เป็นและใช้งานให้ถกู ทาง ความล้ม เหลวจึงอาจเป็นแหล่งพลังงาน เป็นฐานข้อมูล เป็นเรื่องเล่าแสนสนุก เป็นเกราะป้องกันความ ล้มเหลวครัง้ ต่อไป และกระทัง่ ใช้เป็นแรงบันดาลใจ ได้ไม่น้อยไปกว่าความสำ�เร็จ

Failure is Underrated Most of the time, when we hear the story of a person being praised or admired, we tend to hear about his achievement at work, his victory, or rather his personal wealth. Some speak about them with admiration, others with jealousy. But nobody really cares much about people who fail or lose in the game, as if there’s nothing good in them to talk about, as if they don’t exist at all. Failure is bad. It’s unwanted. But for me, failure is underrated. We all have moments in life when we feel so vulnerable that the only thing we want to do is giving in; a bad breakup, a humiliating mistake, a business crisis. There are moments in life that just tear us down. But what we fail to see is the fact that failure is one closer step to success. Because it’s the time when we start to think about what had gone wrong in the past. We give it time to evaluate and let our thought sink in, and once we’re able to realize it, we become a stronger person. It’s called an experience; a

life lesson that teaches us not to repeat the same mistake again; lesson that does not exist in textbooks. And it’s the reason we keep getting up after having fallen. So, be afraid not if you ever make any mistake or fail to achieve any of your goals, because that’s simply called life and those obstacles would, one day, become just a joke or a tale that you pass on to inspire others or even yourself. But be very afraid if you have never been through any rough times because that probably means you have no idea of what have been awaiting you outside of that comfort zone.

I MAGI NE M AG AZI N E { 7


Writer: Hiro Sano + Illustrator: Sasi Veerasethakul

เวียดนาม “สงครามกาแฟ” สวัสดีครับทุกคน ผม ฮิโระ ผู้ดำ�เนินรายการ อาเซียนโฟกัสครับ สำ�หรับคอลัมน์ Beyond ครั้งนี้ ผมอยาก เขียนเล่าเรื่องราวพิเศษที่ผมไม่มีโอกาสได้พูดถึง ในรายการ เพือ่ ให้ผทู้ สี่ นใจเรือ่ งราวเบือ้ งหลังของ รายการได้ลองอ่านกันดูสักเล็กน้อยนะครับ วันนี้เป็นคิวของประเทศเวียดนามครับ เมื่อ พูดถึงประเทศเวียดนาม ทุกคนคงทราบกันดี ว่าเวียดนามเพิ่งผ่านพ้นสงครามครั้งใหญ่กับ สหรัฐอเมริกา (สงครามเวียดนามเกิดขึ้นจาก ความขัดแย้งของคอมมิวนิสต์ในเวียดนามเหนือ และสหรัฐอเมริกาซึง่ สนับสนุนเวียดนามใต้ ตัง้ แต่ ค.ศ.1957-1975) มาได้เพียง 38 ปีเท่านั้นเอง และยังเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่รุดหน้าเป็นอย่างมากประเทศหนึ่งของภูมิภาค อาเซียนในขณะนี้ สำ�หรับผมแล้ว ผมรูส้ กึ เหมือน ได้เห็นภาพของประเทศเวียดนามซ้อนทับอยู่กับ ภาพการฟืน้ ฟูประเทศหลังสงครามโลกครัง้ ทีส่ อง ของญี่ปุ่น เมื่อหนึ่งเดือนก่อน ผมบังเอิญได้ไปที่นคร โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนามพอดี สิ่งแรกที่ทำ�ให้ ผมประหลาดใจคือ เมือ่ ผมเดินเข้าไปในเมืองก็พบ ว่ามีรา้ น Western Union (ร้านให้บริการโอนเงิน ระหว่างประเทศ) ตัง้ อยูท่ กุ ๆ 200 เมตร (ใช่แล้ว ครับ เหมือนเซเว่น อีเลฟเว่นในกรุงเทพฯ เลย) ตอนที่ผมไปเวียดนามเมื่อหลายปีก่อน แทบจะ ไม่มีร้านแบบนี้เลยแท้ๆ... ซึ่งนี่ก็หมายความว่ามี เงินจำ�นวนมากไหลเวียนอยูใ่ นนครโฮจิมนิ ห์แห่งนี ้ ไม่ตอ้ งสงสัยเลยว่าภาพของชาวต่างชาติทเี่ ดินไป มาอยูใ่ นเมืองก็เปลีย่ นไปด้วย ในโฮจิมนิ ห์เมือ่ สิบ ปีก่อน หนุ่มสาวแบ็คแพ็คเกอร์หรือนักท่องเที่ยว แบบกรุ๊ปทัวร์ที่มาจากทั่วโลกนั้นค่อนข้างเป็นที่ สะดุดตา แต่โฮจิมินห์ในตอนนี้มีชาวต่างชาติที่ หน้าตาท่าทางแข็งทื่อ (ผมหมายถึงหน้าตาแบบ ที่ไม่ใช่หน้าตาสนุกสนานผ่อนคลายแบบนักท่อง เที่ยวน่ะครับ) ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ก็คือคนที่เดิน ทางมาทำ�ธุรกิจที่นี่ที่มีจำ�นวนเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง ครับ การสอดส่องสายตามองหาคนต่างชาติทถี่ อื 8 } I MAG IN E M AGA Z I NE

คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเข้าไปนั่งเจรจา ธุรกิจในร้านกาแฟที่โฮจิมินห์ ในยาม นี้จึงไม่ใช่เรื่องยาก เรื่องที่น่าประหลาดใจอีกเรื่อง คือ กาแฟที่นักธุรกิจเหล่านั้นดื่มกันครับ ทุก คนทราบหรือไม่ว่าขณะนี้กาแฟเวียดนามมี ปริมาณการส่งออกเป็นอันดับหนึ่งของโลก แซง หน้าบราซิลไปแล้วครับ การที่ประเทศเวียดนาม กลายเป็นแหล่งผลิตกาแฟระดับโลกทำ�ให้ ‘Trung Nguyen Coffee’ ร้านกาแฟชื่อดังและแบรนด์ กาแฟแฟรนไชส์ที่ใหญ่ที่สดุ ในเวียดนามที่ไม่มีคน เวียดนามคนไหนไม่รู้จักเกิดขึ้น และตอนนี้คู่แข่ง ที่น่ากลัวที่สุดอย่าง ‘สตาร์บัคส์’ แบรนด์กาแฟ แฟรนไชส์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกของอเมริกาก็ได้มา ถึงเวียดนามแล้วล่ะครับ เมื่อไม่นานมานี้ ‘สตาร์บัคส์’ ได้เปิดสาขา แรก ณ ใจกลางเมืองโฮจิมินห์ และยังเป็นที่นิยม อย่างมาก ในใจผมก็คดิ ขึน้ มาเลยว่า “อา...ในทีส่ ดุ สงครามกาแฟก็เริม่ ขึน้ แล้ว” แต่สงครามครัง้ นีต้ า่ ง จากสงครามครั้งก่อนตรงที่ว่า สงครามครั้งนี้คือ “การต่อสู้เพื่อเอาชนะใจคน” ถ้าคนเวียดนามจะ ไปดืม่ กาแฟทีร่ า้ นกาแฟ คิดว่าพวกเขาอยากจ่าย เงินซื้อกาแฟจากร้านไหนครับ? ผมรูส้ กึ ราวกับว่ากำ�ลังมองภาพของอุตสาหกรรม ยานยนต์ชว่ งหลังสงครามโลกครัง้ ที่ 2 ในประเทศ ญีป่ นุ่ อยูย่ งั ไงยังงัน้ สงครามครัง้ นัน้ เป็น “สงคราม การต่อสู้เพื่อเอาชนะใจคน” ของรถญี่ปุ่นกับรถ อเมริกา อา...หรือประวัติศาสตร์กำ�ลังจะซ้ำ�รอย อีกครั้ง การเติบโตและพัฒนาอย่างรวดเร็วของ เศรษฐกิจ ไม่เพียงหมายถึงการรับเอาสิ่งต่างๆ เข้ามาอย่างรวดเร็วที่เพิ่มมากขึ้น แต่อาจหมาย ถึงการทวีขึ้นของการสูญเสียบางอย่างไปอย่าง รวดเร็วด้วยก็เป็นได้ จากผมฮิโระ คนที่คิดเรื่อง แบบนี้ขึ้นมาในขณะกำ�ลังเดินเล่นอยู่กลางนคร โฮจิมินห์


Hot and Brewing: Retail Coffee War in Vietnam

A few years back, I had been to Ho Chi Minh and, by chance, landed in the city again just last month. But this time it was quite surprising to me to witness this once-cozy-and-quiet town turning into a bustling commercial city within a few blinks. Ho Chi Minh is changing at a full gallop these days with Western Union branches springing up on every corner and foreigners are no longer a rare sight. As you walk into the town’s commercial areas, chances are the unfamiliar faces you meet could be either a group of confused-looking backpackers or those traveling on a business trip talking money, investment and all that jazz over the coffee table. I was reminded that Vietnam is a coffee-loving nation and already topped Brazil as the world’s biggest coffee exporter. ‘Trung Nguyen Coffee’, Vietnam’s very own coffee retailer has its franchises everywhere and they seemed to enjoy that popularity. Only until last February that Starbucks, the world-renowned coffee brand debuted its first store in Ho Chi Minh and started gaining momentum among Vietnamese coffee drinkers. Keep in mind that it’s only 38 years ago that Vietnam had ended its internal war and the country is still on its way to economic recovery. So with the battling of local brands and big names from afar, it’s as if I was looking at Japan’s automobile industry after the WWII when local companies struggling to stay afloat amid the expansion of foreign competitors. And now that Vietnam is emerging as one of the region’s fastest growing economies, there might be a price to pay as a result of globalization process.

ベトナム “コーヒー戦争” みなさん、 こんにちは。番組アセアンフォーカスの司会 のヒロです。 今回の“Beyond”もテレビ番組ではお話できなかった特 別な話をするので、番組の裏話に興味のある人は少し 読んでみてくださいね。 今回はベトナムの話。ベトナムと言えば皆さんご存知の 通り、たった38年前までアメリカと大きな戦争(ベトナ ム戦争)をしていた国。そして今アセアンの中でも、特に ものすごい勢いで経済成長をとげている国の一つ。僕 にとってそれはまるで、第二次世界大戦後の日本の復興 にも重なってみえたりするときもあります。 僕は、1ヶ月前にちょうどベトナムのホーチミン市へ行 きました。そこでまず驚いたのが、町を歩くと大体20 0メートルおきにWestern union(国際送金サービスを するところ)がある。 (そう、バンコクのセブンイレブンみ たいに!)数年前に来たときは、ほとんどなかったのに・・ ・。つまりそれだけ多くのお金がこの町では動いている ということですね。それもそのはず、町を歩く外国人達 の様子も変わってきた。10年前のホーチミンは、世界 からやってきた若者バックパッカーやツアー旅行者が 目立った。 しかし今は、表情の固い外国人達も増えてい る (旅行者のリラックスした顔じゃないってことね)。つま り、みなさんビジネスにきている人が増えたのです。ホ ーチミンの町で、PCを片手にカフェで商談をしている外 国人の姿を探すのは、今では難しいことではないです。 そしてそのビジネスマン達が飲んでいるコーヒー。皆 さん知ってる?ベトナムコーヒーは、今やブラジルを抜 いて輸出量世界No.1になったんです。そんなベトナム で最大のカフェチェーン店を展開する“Trung Nguyen Coffee”というベトナム人では知らない人がいない程の 有名な店があります。今彼らに最大のライバルが現れま した。そうです、 アメリカの世界最大のカフェチェーン店“ スターバックス”。つい先日“スターバックス”がホーチミ ンのど真ん中にオープンしました。 しかもすごい人気で す。僕思ったんです。あー、 とうとうコーヒー戦争の始ま りだ、 と。前の戦争とは違い、今回は“人の心の奪い合い 合戦”。ベトナム人がカフェに行こうと思ったとき、 どっち にお金を払いたいと思うか? まるで戦後の日本の車産業を見ているよう。日本車と アメリカ車の“人の心の奪い合い合戦”。あー、歴史は繰 り返すのですねー。 経済が急成長することというのは、 急に得る物が増えるだけでなく、急に失う物も増えるの だろうなー、 と。ホーチミンを散歩してこんなこと思った 僕、ヒロでした。 I MAGI NE M AG AZI N E { 9


LEARN FROM FAILURE

Writer: Aunyawan Thongboonrod + Illustrator: Mynameiskob

บทเรียนจาก ความล้มเหลว ของ ไมเคิล จอร์แดน / โซอิจิโระ ฮอนด้า / บิลล์ เกตส์ มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก / ผู้พันแซนเดอร์ส / โอปราห์ วินฟรีย์ ตัน ภาสกรนที / กฤษฎา จ่างใจมนต์

1 0 } I MAG IN E M AGA Z I NE


“ตลอดชีวิตอาชีพนักบาสผมเคย ไม่ผ่านการคัดตัวทีมโรงเรียนสมัยมัธยม

พลาดจังหวะยิงกว่า 9,000 ครั้ง แพ้มาแล้ว 300 เกม… การแข่งขันต้องล้มเหลวซ้ำ�แล้วซ้ำ�เล่า แต่นนั่ แหละทีท่ �ำ ให้ผมประสบความสำ�เร็จในอาชีพของผม” ไมเคิล จอร์แดน (Michael Jordan) นักบาสเกตบอลอันดับหนึ่ง ผู้ทำ�เงินได้มากที่สุดของโลก กล่าวไว้

ความสำ�เร็จของ ไมเคิล จอร์แดน คงไม่ใช่เพียง เสียงโห่ร้อง ปรบมือ คำ�ชื่นชม เงินทอง หรือชื่อเสียง เท่านัน้ แต่สงิ่ ทีเ่ ขากล้าพูดว่าประสบความสำ�เร็จได้อย่าง ภาคภูมใิ จน่าจะเป็นการได้กา้ วขึน้ มาอยูแ่ ถวหน้าของสาย อาชีพในระดับต้นๆ ของโลกมากกว่า มันคือการบรรลุใน บางสิง่ บางอย่างหรือการมาถึงเป้าหมาย ทีใ่ ครๆ ต่างก็ ฝันว่าอยากจะก้าวขึน้ มาถึงจุดนีบ้ า้ งในสายอาชีพของตน เช่น ถ้าเป็นนักธุรกิจก็ตอ้ งมีผลิตภัณฑ์หรือบริการทีท่ กุ คนรูจ้ กั มีทรัพย์สนิ มหาศาล ร่�ำ รวยเป็นร้อยล้านพันล้าน ถ้าสายการเมืองก็ต้องได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีหรือนายก รัฐมนตรี ถ้าเป็นศิลปินก็ต้องมีชื่อเป็นเจ้าของผลงาน อันโด่งดัง หรือถ้าเป็นนักเรียนก็ต้องสอบได้ที่ 1 ของ โรงเรียน เป็นต้น

ขณะที่ด้านตรงกันข้ามของความสำ�เร็จ เรียกว่า ‘ความล้มเหลว’ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ ความ ล้มเหลวในเชิงของธุรกิจ การงาน เส้นทางอาชีพ และในแง่ของชีวิต โชคชะตา ซึ่งไม่ว่าจะในแง่ใดก็ไม่มีใครอยาก พบเจอทัง้ นัน ้ เพราะมันหมายถึงความพ่ายแพ้ ผิดพลาด และสูญเสีย แต่กน ็ า่ แปลกทีเ่ มือ่ เราสืบค้นดูประวัตค ิ วาม เป็นมาของบุคคลที่ประสบความสำ�เร็จของโลกในสาขาต่างๆ แล้ว กลับพบว่าทุกคนล้วนเผชิญความล้มเหลวมา ก่อนทั้งสิ้น ความล้มเหลวประเภทแรกทีจ่ ะกล่าวถึง คือ ความล้มเหลวในเชิงธุรกิจ ได้แก่ การล้มละลาย โดนโกง ขาดทุน ย่อยยับ การบริหารงานที่ผิดพลาด รวมไปถึงความพยายามที่ไม่เป็นผลซ้ำ�แล้วซ้ำ�เล่า ฯลฯ

โตโยต้าไม่รับ เข้าทำ�งาน…

ใครจะรูว้ า่ เด็กเนิรด์ ทีว่ นั ๆ หมกมุน่ อยูแ่ ต่กบั คอมพิวเตอร์ เคยเสนอระบบซอฟต์แวร์ให้กบั บริษทั แอปเปิล้ คอมพิวเตอร์ แต่ถกู ปฏิเสธอย่างไม่ไยดี เคยคิดค้นผลงานทีช่ อื่ TrafO-Data ขึน้ มาแต่กแ็ ป้ก ปัจจุบนั เขาคือ บิลล์ เกตส์ (Bill Gates) ผูก้ อ่ ตัง้ ไมโครซอฟต์ มหาเศรษฐีอนั ดับหนึง่ ของ โลก ด้วยสินทรัพย์ทถ ี่ อื ครองกว่า 46,000 ล้านเหรียญ และบทบาทของผูใ้ ห้การช่วยเหลือด้านเงินทุนแก่บริษทั แอปเปิ้ลคอมพิวเตอร์

ใครจะรูว้ า่ โซอิจโิ ระ ฮอนด้า (Soichiro Honda) เจ้าของ ธุรกิจรถยนต์ฮอนด้าเคยเดินเข้าไปสมัครงานตำ�แหน่ง วิศวกรในบริษัทโตโยต้า แต่ถูกปฎิเสธ จึงเดินเตะฝุ่น ว่างงานอยูพ ่ ก ั หนึง่ ก่อนทดลองสร้างรถสกูต๊ เตอร์ดว้ ย ตัวเองที่บ้าน และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทคู่แข่ง อันดับหนึ่งของโตโยต้า

ถูกปฏิเสธ จากการเสนอ ซอฟต์แวร์ ให้บริษัทแอปเปิ้ล อย่างไม่ไยดี… I MAGI NE M AG AZI N E { 11


โดนมหาวิทยาลัยแจ้งจับ ข้อหาแฮ็กเข้าระบบคอมพิวเตอร์…

เช่นเดียวกับ ผู้พันแซนเดอร์ส (Harland David Sanders) ชายแก่ร่างท้วมหนวดยาวสวมชุดสูทสีขาว ที่ยืนอยู่หน้าร้านขายไก่ทอด KFC เขาในวัย 17 ปีเคย ตกงานปีเดียวถึง 4 ครั้ง เคยถูกปฏิเสธจากการเป็น เชฟร้านอาหารต่างๆ มามากถึง 1,009 ครั้งก่อนจะ คิดค้นสูตรลับในการปรุงไก่ทอดที่นิยมไปทั่วโลกเมื่อ อายุปาเข้าไป 65 ปี โดยปัจจุบนั มีเฟรนไชส์กว่า 30,000 ร้านใน 100 ประเทศ

มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerburg) อดีต นักศึกษาวิชาคอมพิวเตอร์ซง่ึ เคยถูกมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แจ้งจับข้อหาละเมิดความเป็นส่วนตัวและแฮ็กเข้าระบบ คอมพิวเตอร์ เพือ่ เอารูปของนักศึกษาทัง้ หมดในหอพักมา ลงเป็นทำ�เนียบในเว็บไซต์ Facemash ของเขา กระทั่ง ต้องลาออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน เพือ่ มาสร้างเว็บไซต์ ใหม่ในชือ่ Facebook โดยหลังจากเปิดใช้ได้เพียง 6 วัน ก็โดนรุ่นพี่ 3 คนฟ้องร้องในข้อหาหลอกลวงว่าจะช่วย สร้างเครือข่ายสังคมทีช่ อ่ื ว่า HarvardConnection.com แต่วันนี้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลก ด้วยเว็บไซต์ที่ทำ�ให้คนทุกทวีปจากทุกเชื้อชาติท่ัวโลก สามารถติดต่อสื่อสารกันแบบสองทางได้ในชั่ววินาที มี สมาชิกกว่า 950 ล้านคนและกำ�ลังจะทะยานไปสูต่ วั เลข 1,000 ล้านคนในเร็วๆ นี้ จนแม้แต่บิลล์ เกตส์ เจ้าของ ไมโครซอฟต์ รวมไปถึงนักธุรกิจระดับท็อปของโลกอีก หลายคนยังเข้าแถวต่อคิวขอถือหุ้น

ถูกปฏิเสธจากการ สมัครเป็นเชฟ ร้านอาหารมาแล้ว 1,009 ครั้ง…

ความล้มเหลวประเภทถัดมา คือ ความล้มเหลวในแง่ชีวิตและโชคชะตา ที่มักมาจากความยากจน ความไม่ สมบูรณ์ของครอบครัว ผิดหวังในความรักหรือชีวิตสมรส รูปร่างหน้าตาหรือร่างกายที่ไม่สมประกอบ การโดน ดูถูกหรือทำ�ให้เสียกำ�ลังใจ ขาดโอกาสและขาดจังหวะที่ดี ฯลฯ

โดนไล่ออกจากงาน นักข่าวโทรทัศน์ เพราะหน้าตา ไม่เหมาะสม…

1 2 } I MAG IN E M AGA Z I NE

อย่าง โอปราห์ วินฟรีย์ (Oprah Winfrey) เจ้าแม่พธิ กี ร รายการโทรทัศน์ซงึ่ ได้รบั ความนิยมสูงทัว่ สหรัฐอเมริกา และทัว่ โลกขณะนี้ ครัง้ หนึง่ เธอเคยมีชวี ติ วัยเด็กทีย่ ากจน และครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบ รวมถึงเคยถูกไล่ออก จากงานนักข่าวทางโทรทัศน์ ด้วยเหตุผลว่าหน้าตาและ รูปร่างของเธอไม่เหมาะจะอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์


ไม่เพียงแต่บุคคลผู้มีชื่อเสียงระดับโลกเท่านั้น คนไทย เองหลายคนทีป่ ระสบความสำ�เร็จก็เคยผ่านประสบการณ์ ความล้มเหลวมาไม่น้อย อย่างเช่น คุณตัน ภาสกรนที เจ้าของแบรนด์อิชิตัน เคยอยู่ในสถานะล้มละลายและ มีหนี้สินติดตัวกว่า 100 ล้านบาทก่อนเป็นที่รู้จักจาก ธุรกิจอาหารญี่ปุ่นภายใต้แบรนด์โออิชิ

เจ้าของบริษัท ที่ไม่มีแม้แต่ เก้าอี้นั่งทำ�งาน…

ล้มละลาย หนี้สินติดตัวกว่า 100 ล้าน… คล้ายๆ กับเรือ่ งราวชีวติ ของเจ้าของกาแฟเพือ่ สุขภาพ เนเจอร์กฟ ิ อย่าง คุณกฤษฎา จ่างใจมนต์ ซึง่ เคยมีชวี ติ วัยเด็กในสลัม ต้องช่วยพ่อแม่หาเลี้ยงครอบครัวด้วย การวิ่งขายขนม ขายไอศกรีมและเรียงเบอร์ มาตลอด จนกระทัง่ เข้าเรียนมหาวิทยาลัย เมือ่ เรียนจบเขาใช้เงิน เก็บก้อนแรกเปิดบริษทั นำ�เข้าและจำ�หน่ายอุปกรณ์ดา้ น วิศวกรรมของตัวเอง โดยมีเขาเป็นพนักงานเพียงคน เดียวในพืน้ ทีอ่ อฟฟิศของเพือ่ นชาวไต้หวันทีเ่ อือ้ เฟือ้ โต๊ะ และเก้าอี้ทำ�งานให้ ก่อนจะเปลี่ยนมาจับธุรกิจอีกหลาย ประเภททั้งอสังหาริมทรัพย์ เครื่องฟอกอากาศ และ ธุรกิจขายตรง แต่ก็ล้มลุกคลุกคลานมาตลอดจนถึง กับล้มละลายช่วงวิกฤตเศรษฐกิจไอเอ็มเอฟ บริษัทกับ รถยนต์ถกู ยึด แถมเป็นหนีธ้ นาคารอีกกว่า 50 ล้านบาท แต่สามารถปลดหนีด้ งั กล่าวได้ภายใน 2 ปีเมือ่ ลงตัวกับ กาแฟลดน้ำ�หนักซึ่งมียอดขายโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนต้องสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ดว้ ยวงเงิน 200 ล้าน บาท และปัจจุบันขึ้นแท่นอันดับ 1 กาแฟลดความอ้วน

เห็นอย่างนีแ้ ล้ว อดคิดไม่ได้วา่ อะไรกันเป็นตัวแปรให้คนคนหนึง่ เปลีย่ นความล้มเหลว เลวร้ายในชีวติ ให้กลาย เป็นแรงขับเคลื่อน กระทั่งนำ�พาไปสู่ความสำ�เร็จได้? คำ�ตอบ คือ บุคคลเหล่านี้มักมีคุณสมบัติที่คล้ายกัน ได้แก่ ความหลงใหลในสิ่งที่ทำ� (Passion), ความคิด สร้างสรรค์ (Creativity), ความสามารถหรือพรสวรรค์ (Talent) และ พลัง (Power) จะเห็นได้เลยว่าพวกเขา มักมีวถ ิ ก ี ารคิดและชีวติ ทีไ่ ม่ยดึ หลักการตายตัวหรือกฎระเบียบ เพือ่ ค้นหาสิง่ ใหม่ทดี่ ก ี ว่าเสมอ รวมทัง้ ไม่ยอมจำ�นน ต่อโชคชะตา แต่ชอบค้นคิดค้นคว้าพิสูจน์ความเชื่อของตน ที่สำ�คัญมองโลกในแง่บวกและสามารถพลิกวิกฤตให้ เป็นโอกาส จนกระทั่งสามารถสร้างความสำ�เร็จได้ด้วยวิธีของตัวเอง หากเรามีโอกาสได้ยน ื ใกล้ๆ บุคคลเหล่านีห้ รือเห็นการให้สมั ภาษณ์ตามโทรทัศน์ จะสัมผัสได้ถงึ พลังในตัวทีส่ ง่ ผ่านออกมาทางสีหน้า ท่าทาง หรือคำ�พูด ต่อให้มีกิริยาสุภาพนิ่มนวลแค่ไหนก็ตาม สิ่งที่เขาแสดงออกก็มักดึงดูด ความสนใจจากคนรอบข้างอยูเ่ สมอ นอกจากนีใ้ นหัวสมองของพวกเขายังมีไอเดียสร้างสรรค์ทพ ี่ รัง่ พรูอยูต่ ลอด สือ่ ให้เห็นถึงการไม่หยุดพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถในตัวให้แตกต่างและโดดเด่นเหนือคนอืน่ สุดท้าย ความ ขยันขันแข็ง อดทน และความหลงใหลในสิ่งที่ทำ�น่าจะเป็นสิ่งสำ�คัญที่ทำ�ให้พวกเขาทุ่มเทอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ยิ่งถ้าได้ล้มไปบ้างแล้วละก็ ยิ่งเป็นประสบการณ์ชั้นดีให้ได้เรียนรู้ และเข้าใกล้ความสำ�เร็จยิ่งกว่าเดิม หากวันนี้คุณเป็นคนหนึ่งที่กำ�ลังอยู่ระหว่างทางไปสู่เป้าหมายที่ใดสักแห่ง ไม่มีใครบอกได้เลยว่าต้องใช้เวลา เท่าไรหรือต้องล้มอีกกี่ครั้งกว่าจะไปถึงจุดนั้น มีแต่ตัวเองที่บอกได้ว่า ความฝันของเราคืออะไร และเมื่อค้นเจอ แล้วก็เพียงแต่มุ่งไปสู่ทิศทางนั้นอย่างไม่รีรอ พร้อมๆ กับดึงคุณสมบัติที่ทุกคนมีอยู่ในตัวอยู่แล้วทั้ง 4 ข้อ (ความ หลงใหล ความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ และพลัง) อันเป็นกุญแจแห่งความสำ�เร็จออกมาใช้ให้คุ้มค่าและเกิด ประโยชน์สูงสุด เหมือนที่มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก บอกไว้ว่า “Move fast and break things.” ไม่ว่าจะล้มเหลวสัก กี่ครั้ง แค่ก้าวไปให้ไวด้วยใจที่มุ่งมั่น ความสำ�เร็จก็อยู่แค่เอื้อม

I MAGI NE M AG AZI N E { 13


Learn from Failure “Through my career path, I was cut from my high school basketball team. I’ve missed more than 9,000 shots in my career. I’ve lost almost 300 games. I’ve been trusted to take the game winning shot and missed. I failed over and over again in my life. And that is why I succeed.” said Michael Jordan, No.1 NBA basketball superstar who has a net worth. Jordan’s success is not solely due to his reputation and prosperity, but rather to his ambition and great endeavor that make him reach his goal. That is what success truly means. Everybody aims to be No.1 in their career no matter what fields they are. Meanwhile, many of us avoid the prospect of failure which is the condition of not meeting a desirable objective. It may be viewed as the opposite of success. But do you know? A lot of famous and successful people today start their success with failures. Failure can be differentially perceived from the evaluators’ viewpoint. In this article, it is divided in 2 types: commercial failure and life failure. The former includes deficit, administrative error, fraud, bankruptcy, etc. These are great examples of people who turned their failures into success. First, Soichiro Honda was rejected when he went for a job interview to work for the Toyota Company but now he is the founder of Honda Company, a powerful rival of Toyota. Second, Bill Gates, the founder of Microsoft, the world’s largest software business, was totally rejected when he wrote software for Apple. Also, Mark Zuckerburg, a web entrepreneur of Facebook, was accused of breaching security, violating copyrights and violating individual privacy in 2004 during his sophomore year at Harvard so that he decided to leave school but now he became one of the world’s youngest billionaires. Likewise, Harland David Sanders who faced 1,009 rejections before becoming Kentucky Colonel of KFC. The latter, life failure, is mostly caused of destiny such as poverty, broken family, imperfection of appearance, disappointment in love or marriage, contempt and lack of opportunity, etc. Oprah Winfrey, one of the most iconic faces on television today, is the great example of this 1 4 } I MAG IN E M AGA Z I NE

type as she endured a rough and abusive childhood including being fired from her job as a television reporter because she was ‘unfit for TV’. For Thai people who turned his failure into success. We mostly think of Tan Passakornnatee as he began from nothing, went bankrupt, and later became President of Ichitan Group, one of Thailand’s most admired businessmen. Another one is Dr.Kritsada Jangchaimonta, the founder of NatureGift (a new revolutionalry health and weight management product). Growing up in a slum for 23 years, he set up his first company selling electrical appliances in a small space of office of his Taiwanese friend who gave him office desk, before experimenting with other products ranging from shrimp feed to hydroponic vegetables. He went bankrupt and remained 50 million baht in debt during IMF crisis but he released it within 2 years and became a millionaire when the NatureGift products succeeded. What makes those people on the above list turn failure as a highway into a success? If you look at them, you will notice that they had things in common that lead to success: Passion, Creativity, Talent, and Power. Passion is a very strong feeling about a thing that helps them to push forward their potential without tiredness. Creativity gives them lots of new ideas to develop their abilities in unique way until they are outstanding among other people in the same field. Talent or skills also make them grow faster than anyone else without it. Lastly, Power in their mind encourages them to think big and dare to follow their dreams with patience. Importantly, they possess an attitude toward failure of ‘no fear’. They have spent years preparing, experimenting and failing to approach to success. If you are the one who are heading to some goal but meet failure, know that you can rebound and be just as successful as those great people.

“Move fast and break things!” said Mark Zuckerburg


LEARN FROM FAILURE

Writer: Alawi P. + Photographer: Pattavit Jaisuekul

ขอบคุณชีวิต ที่ถูกโกง ณัทธร รักษ์ชนะ

3 วัน ที่ต้องสูญเสียธุรกิจ 3 พันบาท กับเงินที่เหลือติดตัว 40 ชีวิต ลูกน้องที่ต้องแบกภาระ

บทเรียนราคาแพงของผู้ก่อตั้งแบรนด์เครื่องหอม KARMAKAMET ความล้มเหลวที่กลับทำ�ให้ค้นพบตัวตน ค้นพบความสุข ค้นพบความสำ�เร็จ ท่ามกลางสิ่งที่รัก กับคนที่รักในสิ่งเดียวกัน

บทนำ�: ความล้มเหลวที่หอมหวล

จากวันที่ เอจ-ณัทธร รักษ์ชนะ และหุ้นส่วน (สมมาตร พิทักษ์ทอง) เริ่มต้นทำ�ธุรกิจและสร้างแบรนด์เครื่อง หอม KARMAKAMET จนตรึงใจใครต่อใครให้หลงใหลในความหอมที่แตกต่างจากแบรนด์ทั่วไป สร้างรายได้ถึง หลักล้านบาทต่อเดือน ทว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วนั้น กลับเปิดโอกาสให้สิ่งที่เขา ไม่เคยคาดคิดเกิดขึ้น ภายใน สามวัน เขาต้องสูญเสียธุรกิจที่สร้างมากับมือ รู้ตัวอีกทีเมื่อทุกอย่างสายเกินไป เหลือเงินติดตัวแค่สามพันบาท กับลูกน้องอีก 40 ชีวิตที่ยังคงยืนอยู่เคียงข้าง เมื่อภาระหนักหน่วงที่ต้องแบกรับรออยู่ตรงหน้า เขาและหุ้นส่วน ต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่จากศูนย์ นับเป็นบทเรียนราคาแพงและท้าทายที่สุดในชีวิต อะไรที่ทำ�ให้ผู้ชายคนนี้กลับมา ยืนได้อีกครั้งอย่างภาคภูมิ และทำ�ให้ค้นพบคำ�ตอบของความสุขในชีวิต ที่สำ�คัญ การยืนครั้งนี้กลับหอมหวลกว่า ที่เคย การันตีความสำ�เร็จกับการแตกไลน์ธุรกิจในนาม KARMAKAMET ที่ไม่ใช่มีแค่เครื่องหอมเพียงอย่างเดียว แต่ครอบคลุมทั้งชีวิตให้ “อยู่หอม กินหอม”

I MAGI NE M AG AZI N E { 15


บทพิสูจน์: ค้นหาตัวตน มองหาความต้องการ ของชีวิต

IMAGINE MAGAZINE มีนัดพูดคุยกับ คุณ เอจ-ณัทธร รักษ์ชนะ หนึง่ ในผูก้ อ่ ตัง้ แบรนด์เครือ่ ง หอม KARMAKAMET (คามาคาเมต) ที่ร้าน Everyday by KARMAKAMET บนถนนสีลม อีกหนึ่งไลน์ธุรกิจที่แตกออกมาจากแบรนด์หลัก ลดทอนความลึกลับและเคร่งขึมออกไป มาเป็น คาเฟ่ที่ดูสบายๆ ง่ายๆ เป็นกันเอง ขายทั้งเครื่อง ดื่ม เบเกอรี่ และสินค้าอีกหลากหลายที่ใช้ในชีวิต ประจำ�วัน รวมถึงเครือ่ งหอมทีเ่ ป็นซิกเนเจอร์ของ แบรนด์ คุณเอจในชุดเสื้อยืด กางเกงผ้า สวมทับด้วย เบลเซอร์ มาพร้อมใบหน้ายิม้ แย้มเปีย่ มด้วยความ สุข เล่าเรือ่ งราวให้เราฟังอย่างอารมณ์ดเี จืออารมณ์ ขันถึงบทเรียนครัง้ หนึง่ ทีแ่ สนแพงและมีคา่ ทีส่ ดุ ใน ชีวติ ไปพร้อมๆ กับจิบกาแฟดำ�ในแก้วใบโปรด แต่ ก่อนทีจ่ ะล้มเหลวในครัง้ นัน้ และกลับมามีความสุข ในวันนี้ เขาบอกว่าต้องค้นหาตัวตนอยู่นานว่าตัว เองชอบอะไรและต้องการอะไรในชีวิต “พอเรียน จบสถาปัตย์ออกมา เริ่มทำ�งานในบริษัทอินทีเรีย

ทำ�ไปสักพัก รู้สึกว่ารูปแบบการทำ�งานค่อนข้าง ปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ของเราจริงๆ เขาเน้น ออกแบบตามหนังสือต่างประเทศ เราก็ไม่ชอบ เพราะเรารักออกแบบ เลยลาออก” หลังลาออกเพื่อนรักชวนไปเป็นสไตลิสต์ให้ ฝ่ายเสื้อผ้าของภาพยนตร์เรื่ององคุลีมาล ด้วย เป็นคนที่จริงจัง ทำ�อะไรต้องทำ�ให้สำ�เร็จ ทำ�ให้ ภาพยนตร์ได้รับรางวัลเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม ในหลายสถาบัน แต่นั่นกลับทำ�ให้เขาคิดว่า นี่ ไม่ใช่ทางทีช่ อบอยูด่ ี จึงตัดสินใจเดินทางไปอินเดีย แล้วกลับมาเปิดร้านเล็กๆ ขายของตกแต่งบ้าน ตามความชอบส่วนตัว พร้อมหุ้นส่วนที่เป็นคน แนะนำ� แต่แล้ววันหนึ่งขณะกลับไปยังบ้านเกิดที่ จากมานานใน อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส เขามา นัง่ ทบทวนตัวเองว่าอะไรคือสิง่ ทีเ่ ขาต้องการจริงๆ ในชีวิต แล้วบังเอิญก็ทำ�ให้ค้นพบคำ�ตอบ “ทีบ่ า้ นเราเป็นตระกูลคนจีนมาจากไหหลำ�ทำ� ธุรกิจธูปแล้วก็ขายยาจีน เราหันไปเห็นกระดานที่ ไว้กลิ้งธูป แล้วคิดว่า เอ้อ! ทำ�ไมเราไม่ทำ�เครื่อง หอมล่ะ เมืองไทยยังไม่มีร้านเครื่องหอมนี่ ไม่ คิดอะไรมาก น่าจะลองทำ�สิ่งที่รู้ดีกว่า ปรึกษา ครอบครัวปุบ๊ เค้าสอนมาก็ลองเอามาทำ�ดู ปรากฎ ว่าธูปหอม น้ำ�มันหอมขายดีมาก ขายไปพักหนึ่ง รูส้ กึ ว่าเราไม่อยากวิง่ ตามเทรนด์แล้ว การวิง่ ตาม

เทรนด์นี่มันเหนื่อยมาก แล้วเราค่อนข้างแอนตี้ เรื่องเทรนด์อยู่แล้ว เลยคิดว่าเราทำ�เครื่องหอม เราจะพัฒนาให้ถึงที่สุดและดีที่สุดแล้วค่อยทำ�ซ้ำ� ไปเรื่อยๆ จะดีกว่า” ด้วยความตั้งใจจริงและมีแนวทางของตัวเอง ที่ชัดเจน การเดินทางของเครื่องหอมที่มีความ ทรงจำ�ในอดีตเป็นแรงบันดาลใจในนามแบรนด์ KARMAKAMET ก็เริม่ ต้นขึน้ เปิดร้านแรกทีต่ ลาด นัดสวนจตุจกั ร ประสบความสำ�เร็จอย่างรวดเร็ว กว่าที่คาดคิดไว้

รู้ว่าต้องมีสติ เพราะเราล้มไม่ได้ ถ้าเราล้ม ลูกน้อง อีกสี่สิบชีวิตจะล้มตาม 1 6 } I MAG IN E M AGA Z I NE


บทเรียน: เหลือศูนย์แต่ ต้องไม่เสียสูญ

คอนเซ็ปต์การตกแต่งร้านที่แตกต่างดูลึกลับ น่าค้นหาและกลิน่ หอมฟุง้ ชวนให้ผคู้ นหลงใหล พา ให้กจิ การไปได้สวย มีรายได้ตอ่ เดือนเป็นหลักล้าน จากร้านเล็กๆ แค่คหู าเดียวถูกต่อเติมขยายเป็นสี่ คูหากลางตลาดนัดจตุจกั ร “ขายดีมากจนเรารูส้ กึ ว่าเป็นอาชีพได้ เราหวังกับมันได้ แค่อาทิตย์เดียว เฉพาะขายปลีกได้ประมาณสามถึงสี่แสนบาท เดือนหนึ่งได้สองล้านกว่าบาท ปีหนึ่งก็มีเงินทำ� ร้านใหม่ เสียค่าตกแต่งเมื่อสิบปีที่แล้วประมาณ สองล้าน” แต่การดูแลทุกอย่างเพียงสองคนย่อมดูเกินตัว เขาเลยชวนเพื่อนอีกคนมาเป็นหุ้นส่วนเพิ่ม และ ให้รบั หน้าทีใ่ นส่วนบัญชี คุณเอจรับหน้าทีห่ น้าร้าน และการดีไซน์ ส่วนคุณมาศดูแลการผลิต ด้วยนิสยั ส่วนตัวของคุณเอจทีไ่ ม่ชอบเรือ่ งตัวเลข เหตุการณ์ ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น “พอดีกับครอบครัวเพื่อนมี ปัญหา น้องชายไม่มีงานทำ�เลยให้มาทำ�ด้วยกัน ด้วยความที่เราเรียนอาร์ตมาก็ไม่ค่อยสนใจเรื่อง ทำ�บัญชี เรื่องกฎหมาย ใบหุ้นอะไรต่างๆ เราทำ� ของเราไป วันดีคืนดี เราพบว่าทำ�ไมเบิกเงินซื้อ ของไม่ได้วะ เพื่อนก็บอกว่าไม่มีเงิน เราเอะใจ จะไม่มีเงินได้ไง เราขายได้เท่านี้ เรารู้เพราะเรา อยู่หน้าร้าน เลยไปดูเงินในบัญชี ปรากฎว่าโดน ยักยอกเงิน” คุณเอจเล่าด้วยสายตาทีย่ งั จำ�ความ รู้สึกในวันนั้นได้เป็นอย่างดี “ตอนนัน้ รูส้ กึ แย่มาก ประชุมกันว่าจะเอายังไง วันรุง่ ขึน้ เค้าปิดประตูออฟฟิศไม่ให้เราเข้าเลย เรา ไม่เหลืออะไรในเวลาแค่สามวันนะ วันนี้ประชุม พรุง่ นีป้ ระตูปดิ รุง่ ขึน้ แจ้งตำ�รวจเป็นเรือ่ งเป็นราว เป็นสามวันที่ไม่เหลืออะไรเลย จากมีโรงงาน มี ออฟฟิศ มีช็อป แล้วเป็นศูนย์ เหลือแค่เงินสาม พันบาทในบัญชี” เมื่อเกิดจุดแตกหักต่างฝ่ายต่างไม่ยอมความ จึงต้องปล่อยให้กระบวนการทางกฎหมายเป็นผู้ ตัดสิน แต่สิ่งที่คิดว่าสร้างมากับมือจะต้องเป็น ของเขานั้น กลับไม่ใช่อย่างที่คิด “หลังจากฟ้อง ศาลจึงได้รู้ว่าเขามีการถ่ายโอนหุ้น เราเป็นคน เลินเล่อเอง เขามาขอให้เซ็นต์ในฐานะผู้มีอำ�นาจ เราก็เซ็นต์ โดยหารูไ้ ม่วา่ ทีเ่ ซ็นต์ลงไปมันเป็นเรือ่ ง ใหญ่ เปลีย่ นแปลงได้ทงั้ องค์กร ตอนนัน้ เราอ่านนะ แต่คือตัวเองไม่ได้เป็นคนหิวเงินไง คือเราทำ�งาน เราไม่ได้ท�ำ ธุรกิจ ทุกวันนีย้ งั ไม่รสู้ กึ ว่าเราทำ�ธุรกิจ เราแค่ท�ำ สิง่ ทีเ่ รารักอย่างเต็มทีแ่ ล้วมันเกิดผลเป็น ธุรกิจ ณ วันนั้นก็ยังรู้สึกอย่างนั้น เราเลยไม่คิด ว่าจะมีใครเอาจากเราไปได้ แม้กระทัง่ ห้องทำ�งาน ของเราทีม่ สี มุดสเก็ตช์ มีรปู อากงอาม่า ยังเข้าไป

เอาไม่ได้เลย เราไม่รู้จะทำ�ไง เลยบีบบังคับให้ลูก น้องไปเอารูปมาให้ได้ อย่างอื่นไม่ได้ไม่เป็นไร” ประสบการณ์ครั้งนั้นทำ�ให้เขาเรียนรู้ความ เป็นจริงของชีวิตมากขึ้น หลังจากวันที่ล้มทั้งยืน พร้อมกับการสูญเสียความมัน่ ใจในตัวเอง ผ่านไป เพียงสามอาทิตย์ พนักงานเก่า 40 คน พร้อมใจ ลาออกจากบริษทั เดิมแล้วกลับมายืนเคียงข้างเขา และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำ�ให้เขาต้องหาทางออกให้ เจอ “ตอนนั้นกลายเป็นสภาพขี่หลังเสือ แล้วเรา ไม่มอี ะไรเลย สิง่ เดียวทีช่ ว่ ยเราได้คอื สติ แล้วคิด ได้ว่าเราต้องมีเงินสักก้อน เรานึกถึงลูกค้าคนนึง

ซึง่ เป็นรุน่ พีท่ ม่ี หา’ลัยชือ่ ยิม้ (ลักษวรรณ อักษราวดี วัฒน์) ลูกค้าคนนี้จะชอบมาโกยสินค้าตลอด โทร หาเลย บอกเค้าว่าเราโดนโกง ต้องการเงินจำ�นวน เท่านี้ขอได้มั้ย ถ้าพี่ให้ เราให้หุ้นพี่นะ พูดแค่นี้ ปรากฎว่าอีกสามวันเงินมาเลย หลังจากนั้นเริ่ม ทำ�งานแต่จิตใจยังเศร้าอยู่นะ ตรอมใจ แต่รู้ว่า ต้องมีสติ เพราะเราล้มไม่ได้ ถ้าเราล้ม ลูกน้อง อีกสี่สิบชีวิตจะล้มตาม” “สิง่ ทีร่ า้ ยกว่านัน้ คือ ตัง้ แต่เด็กจนโตเป็นคนที่ ทำ�อะไรสำ�เร็จมาตลอดชีวติ ไม่เคยไม่ส�ำ เร็จ หวัง อะไรต้องได้ เราใช้อีโก้ความสำ�เร็จมาพอกตัวเรา เองจนเรารูส้ กึ ว่าใหญ่มาก แล้ววันทีเ่ ราล้มละลาย สิ่งที่มากกว่าความล้มเหลว มากกว่าทรัพย์สินที่ เสียไป คือการเคารพตัวเอง จากที่เราอยู่ได้มา ตลอดชีวติ ว่า ฉันแน่ ฉันอยูไ่ ด้ เป็นวิธที สี่ ร้างกรอบ คุม้ ครองให้ตวั เองมันก็แตกกระจาย เหมือนทุบแก้ว แตกเลย เศร้ามาก รู้สึกล้มเหลวมาก ไม่รู้จะทำ� ยังไงกับชีวติ ตัวเอง จนพีส่ าวชวนไปนัง่ สมาธิ เค้า ให้นั่งเจ็ดวัน เรานั่งได้แค่สี่วัน เพราะร้อนที่มาก (หัวเราะ) นั่งไม่ได้ แทบอยากเปลี่ยนศาสนา แต่ มีอยู่แวบนึงในวันสุดท้ายเราเจอสมาธิ เป็นเวลา สั้นๆ ที่เนิ่นนานมาก และรู้ว่ามันสงบเลยรู้ว่าเรา รู้ทางล่ะ กลับมากรุงเทพก็นั่งต่อ เริ่มเห็นสภาวะ ทำ�ให้รู้ว่ากายไม่ใช่ของเรา ใจไม่ใช่ของเรา เพราะ ฉะนั้นไม่มีอะไรเป็นของเรา เริ่มรู้อนิจจัง จากวัน นั้นเราก็เริ่มใหม่” ภายในหนึง่ เดือน ด้วยจิตใจทีเ่ ข้มแข็งขึน้ กว่า เดิมและความช่วยเหลือจากกัลยาณมิตรทีด่ รี อบ ตัว พวกเขามีรา้ นใหม่ทเ่ี หมือนร้านเดิม ใกล้ๆ จุดเดิม และสินค้าทุกอย่างทีย่ งั เหมือนเดิม ภายใต้ลขิ สิทธิ์ แบรนด์ KARMAKAMET ที่ยังเหลือเป็นของเขา

I MAGI NE M AG AZI N E { 17


บทสรุป: ความสำ�เร็จและ กำ�ไรของชีวิต

ผ่านไป 5 ปี จากวันที่ล้มแล้วลุกขึ้นใหม่ของ คุณเอจและ KARMAKAMET ไม่ได้มีเพียงแค่การ ขยายไปหลายสาขา แต่ยงั แตกไลน์ธรุ กิจเป็นคาเฟ่ (ทีเ่ รากำ�ลังนัง่ อยู)่ และร้านอาหารทีก่ �ำ ลังจะเปิด ตัวเร็วๆ นี้ “คิดว่าถ้าเราอยู่กับเขาในวันนั้น เราคงไม่ได้ เปิดคาเฟ่ เปิดร้านอาหาร ไม่ได้ท�ำ สิง่ เหล่านี้ การ มีกัลยาณมิตรที่ดีเป็นลาภอันประเสริญมาก คุณ มาศและคุณยิม้ เป็นเพือ่ นทีด่ มี าก เราเป็นคนโชคดี ได้ท�ำ สิง่ ทีร่ กั และมาเจอเพือ่ นทีด่ ี ประกอบกันเป็น เรื่องอัศจรรย์มาก ขอบคุณสิ่งที่พลาด เพราะเรา พลาดได้เสมอ ไม่มวี นั นัน้ เราก็ไม่มวี นั นี้ สิง่ เหล่า นั้นสอนให้เราไปสู่สิ่งใหม่ที่ดีกว่าเดิมอยู่เสมอ” “สำ�หรับเราความล้มเหลวคือโอกาสนะ เรา ไม่เคยกลัวความล้มเหลว ไม่เคยกลัวความผิด พลาด เราชอบมัน เรารักมัน ชีวิตเรามาถึงวันนี้ ได้เพราะมันไม่เพอร์เฟกต์ ถ้าชีวิตเราไม่ล้มเหลว ไม่ผิดพลาด ไม่มีทางที่เราจะเดินทางถึงตรงนี้ได้ ความลำ�บากยากเช็ญในชีวิตนี่แหละที่พาให้เรา บินสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าถามว่าความล้มเหลวมี

อีกมั้ย มีทุกวัน แต่เราไม่เคยเห็นว่ามันล้มเหลว อย่างร้าน Everyday แนวคิดและสไตล์ของร้าน เกิดขึน้ เพราะความสำ�เร็จของคามาคาเมต แต่ยงั มีขอ้ บกพร่องทีผ่ ลักใสคนทีไ่ ม่กล้าซือ้ ของแพง ไม่ ชอบความืดของร้าน เราเอาจุดนั้นมาสร้างเป็น ร้านนี้ สำ�หรับเราจึงคิดว่ามันมีประโยชน์” จากประสบการณ์ในวันที่เป็นศูนย์จนต้องนับ หนึง่ ใหม่ ความล้มเหลวทีผ่ า่ นมาทำ�ให้เขาได้เรียน รู้สัจธรรม ได้เห็นมุมมองใหม่ๆ และทำ�ให้ค้นพบ วิถขี องความสุขและเส้นทางความสำ�เร็จทีอ่ ยูไ่ ม่ไกล “จริงๆ แล้วความสำ�เร็จมีหลายมุม จะบอกได้ ว่าสำ�เร็จก็ตอ้ งบอกว่าจุดหมายเราคืออะไร สำ�หรับ ในมุมของเรา เราถือว่าประสบความสำ�เร็จแล้ว ในฐานะที่เราสามารถสร้างองค์กรเล็กๆ ที่เดิน ไปด้วยกันอย่างมีความสุข ท่ามกลางคนที่เรารัก และรักเรา ได้อยูก่ บั คนทีร่ กั และเชือ่ ในสิง่ เดียวกัน เราเดินไปบนเส้นทางเดียวกัน เราโอบอุ้มกันและ กัน และคิดว่ามันสำ�เร็จแล้ว” คุณเอจทิง้ ท้ายด้วย แววตาทีเ่ ต็มไปด้วยประกายแห่งความสุข พร้อมๆ กับระดับน้ำ�กาแฟในแก้วที่หมดลงและกลิ่นหอม จางไป ไม่ต่างอะไรกับประสบการณ์ชีวิตที่เขาได้ พบเจอ

ขอบคุณสิ่งที่พลาด เพราะเราพลาดได้เสมอ ไม่มีวันนั้น เราก็ไม่มีวันนี้ สิ่งเหล่านั้นสอนให้เราไปสู่สิ่งใหม่ที่ดีกว่าเดิมอยู่เสมอ

1 8 } I MAG IN E M AGA Z I NE


Thanks for cheating me Before Karmakamet became the famous brand that we know of today, the owner of this brand of high quality aromatic products has gone through quite a rocky journey. Losing business within 3 days with only 3,000 baht in the account and 40 employees to take care of, he turned these obstacles into challenges that enabled him to rediscover himself, happiness, and success surrounding by people who share the same passion. From the day Natthorn Rakchana and his partner (Mas) started their brand of aromatic products called Karmakamet, which has captured the world with its unique scents and raking in a million baht monthly, to the day this business empire was taken from them within three days, life has presented them with an extraordinary challenge. They have risen above all troubles and bounced back to where they are today. This proves that Karmakamet isn’t just your typical brand of aromatic products, but also a brand that provides a great “scent of life”. Karmakamet is known now not just for its incredible collections of aromatic products, but also for its cozy café and soon-to-open trendy restaurant. The founder of the brand, Natthorn, graduated as an architect. He explored his options as an architect, a costume stylist for a famous film, and the owner of home décor store. None of them seem to be able to truly capture his interest until the day he visited his hometown in Su-ngai kolok district of Narathiwas province. His family came from Hainan of China with expertise in making incenses. The knowledge was passed on to him and the journey of a brand that stems from old memories and family heritage began with the opening of Karmakamet’s first store at Chatuchak Weekends Market, followed by its whirlwind success with incenses and aromatic oil as the most popular items. The business went so well that another business partner seemed to be a good idea at the time. The new partner took over all the

accounting businesses, so Natthorn could focus on the store and the design while Mas would just look after the production part. All went well until the day Natthorn realized that he could no longer make any payment because the money had been taken out of the account. Within 3 days of realizing that his business partner had taken over his company, Natthorn and Mas were locked out of the office with only 3,000 baht left. He had signed documents that allowed all the shares to be transferred to his new business partner without realizing it. He just wanted to do what he loves and let others deal with money issues. Since that day, life has given him an invaluable lesson. Three weeks after the incident 40 employees left the company to stand beside him. It was a push that geared him toward a solution. He cannot afford to fall because he knew that 40 others will be falling as well. To him the worst part of it all was the fact that he has to learn to let go of his ego and bring back self respect. In search for a will to move on, he went on a four-day meditation trip. There was a brief moment of peace and serenity where he discovered the fact of life that nothing can be owned. He came back to face life, requesting financial help from one of his loyal clients with a promise of shares in his company, and within a month another store was opened not far from the original one under the same brand Karmakamet. It has been 5 years since that day and Karmakamet has proven itself that it has become better than ever with an opening of a café and a restaurant under the brand. He embraces failure as a challenge that pushes him toward success. “It was a hardship in life that acts as a wind beneath my wings. It enables me to fly higher”. To him, success comes in many forms, depends on the goal each person sets to pursuit. It is not hard to see in his eyes that his goal of creating a small organization filled with love and people who love and share the same goal has already been fulfilled.

I MAGI NE M AG AZI N E { 19


Writer/Photographer: Alawi P. + Illustrator: Keerati Ngernmee

ช้าๆ ชิลๆ รอบเมือง เชียงใหม่ ทุกครัง้ ทีเ่ วลาว่างถามถึง ฉันมักถาม กลับไปเสมอว่า “จะทำ�อะไรดีนะ ไปไหน ดีละ่ ” เมือ่ ต่างฝ่ายปล่อยคำ�ตอบว่างเปล่า คิดอะไรไม่ออก ฉันตัดสินใจแพ็คกระเป๋า (ด้วยความเคยชิน อิอิ) แบกเป้มุ่งหน้า สูเ่ ชียงใหม่ตามใจเรียกร้อง ทัง้ ๆ ทีไ่ ปมา แล้วหลายครั้ง แต่เสน่ห์ของความเป็น เชียงใหม่เก่าและเชียงใหม่ใหม่ที่ผสม ผสานร่วมกัน ให้ทั้งเมืองเต็มไปด้วย อดีตอันรุง่ โรจน์แห่งอาณาจักรล้านนาและ การสร้างสรรค์นานาสิง่ ทันสมัยทีเ่ ปลีย่ น ผ่านสูก่ ารพัฒนาอย่างรวดเร็ว ชวนให้ฉนั หวนหาและอยากกลับไปสัมผัสอีกครั้ง แต่ครัง้ นี้ ฉันขอไปคนเดียว แบบไม่ตาม ไกด์บกุ๊ แบบไม่มเี งือ่ นไขของตารางเวลา กำ�หนด (แม้จะว่างแค่ 3 วัน 2 คืนก็ เหอะ) ใช้อารมณ์บวกความต้องการของ ตัวเองล้วนๆ และแผนทีเ่ ป็นหลักนำ�ทาง ฮู้เร่!

1 Sleepbox Hotel ถ.รัตนโกสินทร์

เช็ ค อิ น เข้ า ที่ พั ก ราคาเบาๆ แต่เก๋และเท่มาก ด้วยดีไซน์จากตู้ คอนเทนเนอร์เก่ามาเปลีย่ นโฉมใหม่ กลายเป็นโรงแรมสุดฮิปขนาดเล็ก ที่มีทุกอย่างในห้องครบ ว้าว! พัก เหนื่อยสักแป๊บ แล้วเช่าจักรยาน จากโรงแรมไปปั่นร่อนรอบเมืองดี กว่า 2 0 } I MAG IN E M AGA Z I NE

2 Thailand Creative Design Center (TCDC) สาขาเชียงใหม่ ถ.เมืองสมุทร

ได้ข่าวว่า TCDC เพิ่งมาเปิด สาขาใหม่ที่นี่ อดใจไม่ไหวเลยโฉบ เข้าไปดู ปรากฎว่ามีนิทรรศการ “เล่าเรื่อง เมืองเชียงใหม่” ที่กำ�ลัง จัดแสดงและเปิดให้เข้าชมฟรีอกี ต่าง หาก ...แล้วก็ทำ�ให้ฉันหลงเสน่ห์ เชียงใหม่ขึ้นอีกเยอะเลย

3 ร้านเนื้อตุ๋นรสเยี่ยม ซ.11 ถ.นิมมานเหมินทร์

ปัน่ จนเมือ่ ยขา ท้องเริม่ หิว พัก กินก๋วยเตี๋ยวเนื้อแสนอร่อยที่ร้าน เนือ้ ตุน๋ รสเยีย่ ม แต่อย่าลืมตบท้าย ด้วยของหวานสุดแนว ไม่มีที่ไหน ให้ชิมอย่างไอศกรีมมะม่วงทับทิม กรอบใส่สลิ่มแบบแห้ง สุดจะฟิน!

4 Librarista Coffee ซ.5 ถ.นิมมานเหมินทร์

มาพักเหนือ่ ยต่อที่ Librarista Coffee ร้านน่ารักๆ ทีเ่ ป็นทัง้ คาเฟ่ และห้องสมุด ในบรรยากาศของ บ้านไม้สองชัน้ มีหนังสือดีๆ ให้เรา ได้อา่ นไปพร้อมๆ กับจิบเครื่องดื่ม อร่อยๆ จะนั่งรับลมเย็นใต้ต้นใหม่ ใหญ่ด้านนอก หรือเอนหลังตาก แอร์ข้างในก็ชิลได้ไม่แพ้กัน


Slow life in Chiang Mai

The idea of Chiang Mai popped up as I was packing for a trip. The small scenic city has gained popularity over the past years with its easy-going ambience and its unique blend of cosmopolitan lifestyle and old city surrounds. Let’s check out some new hip places in town! 1. Sleepbox Hotel, Rattanakosin Rd. An eco-chic boutique hotel only a few minutes ride from the heart of Chiang Mai, built entirely from shipping containers. 2. Thailand Creative Design Center (TCDC), Muang Samut Rd. Besides spaces for creative presentations and exhibitions, Creativity also comes in the form of books, magazines, multimedia, and digital media. 3. Rote Yiam Beef Noodle, Nimmanhaemin Rd. Favorite among locals and travellers alike, Rote Yiam beef noodle delivers a quality taste and budget-friendly meal. Their desserts are just as good. Try mango ice cream! 4. Librarista Coffee, Nimmanhaemin Rd. It’s always nice to sip a cup of tea while reading. Drop by at Librarista Coffee, a two-story wooden cafe with a small section of books and magazines. 5. The Booksmith, Nimmanhaemin Rd. A classic bookstore that offers a selection of English and Thai books, with an atmosphere resembling that of an English bookshop. 6. Walking Street, Wua Lai Rd. Located in Chiang Mai’s old silversmith village, the famous night market opens on Saturday where you will find plenty of food and drinks, local handicrafts and souvenirs. 7. 31st Century Museum of Contemporary Spirit, Suthep Rd. Designed out of several containers grouped together to form the number thirty-one, this art museum houses temporary exhibition with works by artists from all over, aimed particularly at exploring life and spiritual beliefs. 8. Chiang Mai City Moat Don’t miss a night stroll or a quiet pleasant ride around the old town’s moats as it gives you the privilege to enjoy the beauty of Chiang Mai.

เห็นทีว่าการเดินทางคนเดียวไม่ได้เหงาหงอยกว่าที่คิดไว้ซะ แล้วสิ กลับทำ�ให้เรามีเวลากับตัวเองและสถานที่มากกว่าเป็น ไหนๆ ใครอยากจะไปแบบนี้บ้างก็ลองดู เผื่อจะได้เห็นอะไรมาก ขึ้น มากกว่าที่คนอื่นบอกในกรอบสี่เหลี่ยมบนมือถือ! 5 The Booksmith ซ.3 ถ.นิมมานเหมมินทร์

สะดุดตากับร้านหนังสือสไตล์ อังกฤษ The Booksmith ที่นี่เค้า เน้นหนังสือต่างประเทศด้านศิลปะ การออกแบบ ท่องเที่ยว รวมถึง นิยาย ทั้งหมดคัดสรรมาอย่าง ดีจากเจ้าของร้านใจดี๊ดีพี่สิโรตม์ จิระประยูร ที่หนีเมืองกรุงมาหลง เสน่ห์เชียงใหม่เช่นกัน

6 ถนนคนเดิน ถ.วัวลาย ใกล้ประตูเมืองเชียงใหม่

ปิดท้ายคืนแรก มาเดินเล่นเพลินๆ บนถนนคนเดินวัวลาย (มีเฉพาะ คืนวันเสาร์เท่านั้น เริ่มตั้งแต่ห้า โมงเย็นจนถึงเที่ยงคืน) ที่นี่เป็นที่ ตัง้ ของหมูบ่ า้ นทำ�เครือ่ งเงิน เราจึง ได้เห็นพ่อค้าแม่คา้ ซึง่ เป็นคนย่านนี้ นำ�สินค้าและอาหารพืน้ เมืองมาวาง ขายมากมายเลยล่ะ

7 31 Century Museum of Contemporary Spirit st

ซ.วัดอุโมงค์ 11 ถ.สุเทพ

เช้ า วั น ใหม่ ฉั น มุ่ ง หน้ า ไปที่ “พิพิธภัณฑ์จิตวิญญาณร่วมสมัย ศตวรรษที่ 31” ของศิลปินชื่อดัง คามิน เลิศชัยประเสริฐ ที่สร้าง จากตู้คอนเทนเนอร์วางเรียงต่อ กันเป็นเลข 31 รวบรวมผลงาน ของศิลปินหลากหลายสไตล์ ชวน ให้เราเห็นคุณค่าของจิตวิญญาณ ในตัวมนุษย์

8 รอบคูเมือง

ความมืดเข้าปกคลุม ฉันพา จักรยานคันน้อยวนรอบคูเมือง จากประตูทา่ แพไปเรือ่ ยๆ จนมาจบที่ เดิม แสงไฟสีเหลืองที่ส่องรายทาง ตกกระทบวัดวาอารามสีทองให้เป็น ประกายงดงาม ชวนให้ต้องหยุด ถ่ายรูปไปตลอดเส้นทาง ตรึงเสน่ห์ นครเวียงพิงค์แห่งนี้ ให้นกั เดินทาง อีกมากมายได้หลงใหลทุกครัง้ ครา ที่มาเยือน I MAGI NE M AG AZI N E { 21


Writer: Somchai Chotinoppakun + Illustrator: Keerati Ngernmee

2 2 } I MAG IN E M AGA Z I NE


ข บก

๋ ก เ ง

ะ นต

ว ร้าส

ของใช้ ไอเดียเจ๋ง

<<< ออกแบบโดย ฟาริส เอลมาส และ ซีเลีย รอซซี ไม้เมเปิ้ล + ผ้าฝ้ายและผ้าใยสังเคราะห์ + อลูมิเนียม = Bent Basket แรงบันดาลใจการออกแบบจากแผ่นสเก็ตบอร์ดสำ�หรับวัยรุน่ เอาใจคน รักการขีจ่ กั รยานโดยเฉพาะ ลืมตะกร้าจักรยานแม่บา้ นเชยๆ ไปได้เลย เพราะ รูปทรงของ Bent Basket นั้นดูทันสมัย คล่องตัว แถมยังทำ�จากวัสดุที่มี ความแข็งแรง สามารถประคองสิ่งของไม่ให้ตกหล่นอย่างได้ผลจริง จะใส่ หนังสือแบนๆ ใส่ขวดน้ำ�สูงๆ หรือม้วนผ้า ก็ทำ�ได้ง่ายและดูดีมั่กๆ เหมาะ กับถนนทีเ่ ป็นหลุมเป็นบ่อของเมืองไทยเป็นทีส่ ดุ เพราะจะกระเด้งกระดอน แค่ไหน ทรงตัวให้ดแี ค่นนั้ ล่ะ ส่วนเรือ่ งของใช้ในตะกร้าน่ะ ไม่ตอ้ งห่วง ปล่อย ให้เป็นหน้าที่ของผู้ช่วยที่ชื่อ Bent Basket ดีกว่า ขนาด 17 x 13 x 2.5 นิ้ว รับน้ำ�หนักได้ถึง 22 กิโลกรัมเชียวนะ! Bent Basket ใช้แล้วเท่ยังไง ไปดูคลิป http://bentbasket.com

ออกแบบโดย บริษัท บรอลลีไทม์ >>> เวลาฝนตกปรอยปราย ลมพัดหวิวๆ มันช่างเป็นบรรยากาศทีน่ า่ เหงาเสีย จริง ถ้าหาใครมาเข้าร่มด้วยกันไม่ได้ ก็ลองใช้รม่ กันเหงา Brolly Umbrella ดูสิ จะ Line จะ What’s app หรือส่งอีเมล ก็ทำ�ได้ง่ายๆ โดยไม่เปียกฝน ด้วยก้านร่มที่ทำ�จากอลูมิเนียม และไฟเบอร์กลาส ด้ามจับ Glip-Ology ได้ รับแรงบันดาลใจมาจากสนับมือ พร้อม Finger holes ช่องสอดรับ 4 นิ้ว มือ ทำ�จากพลาสติก ABS* วัสดุเดียวกับเคสมือถือ อีกทั้งดีไซน์ยังรองรับ ตามหลักสรีรศาสตร์ จับถนัดแม้เปียกน้ำ�และลมแรง ช่วยให้ถือร่มและ โทรศัพท์ได้พร้อมกันสองมือ พิมพ์ขอ้ ความยาวๆ ได้ไม่มตี กหล่นเลยทีเดียว แค่นี้ก็ไม่ต้องทนเหงากลางสายฝนอีกต่อไป ขาแชทขี้เหงาคงถูกใจ หรือคน วัยทำ�งานทีช่ วี ติ ขาดการติดต่อสือ่ สารไม่ได้สกั นาทีเดียวก็คงถูกใจเช่นกัน แต่ ถ้าเอามาใช้งานในเมืองหลวงอันแสนวุ่นวายอย่างกรุงเทพฯ ก็คงต้องมอง หน้ามองหลังด้วย เพราะต่อให้สะดวกสบายแค่ไหน แต่อุบัติเหตุก็เกิดขึ้น ได้ทุกที่ทุกเวลานะจ๊ะ * ABS เป็นชื่อย่อของ Acrylonitrile-Butadiene-Styrene ใช้เป็นวัสดุสำ�หรับตัวกล่อง หรือตัวสินค้าภายนอก มีความสมดุลทั้งในเรื่องความแข็งและความเหนียว จึงทนแรง กระแทกได้ดี แถมยังทนความร้อนและสารเคมีอีกด้วย อยากรู้วิธีใช้ Brolly Umbrella ก่อนใคร ไปดูคลิปที่ www.brollytime.com

ักนเห

ร่ม

… งา

า ดิ ม

ำ�

ส ล้ว

ับ หร

ช าแ

I MAGI NE M AG AZI N E { 23


ัน ฉ ้ ห ใ

ว ฉัน

้เธ ห ใ ด

<<< บางทีมองรูปโปรไฟล์ตัวเองบนเฟสบุ๊กบ่อยๆ แล้วก็แอบเบื่อนะ มี แต่รปู ถ่ายเดิมๆ ลองเปลี่ยนให้มันเป็นรูปวาดอาร์ตๆ หน่อยเป็นไง! แนวคิด ของ Selfless Portraits คือ การเปิดให้ผู้ใช้งานเฟสบุ๊กวาดรูปของใครก็ได้ ทีอ่ ยูใ่ นระบบ แล้วนำ�มาแลกเปลีย่ นกัน โดยเมือ่ เราดึงภาพโปรไฟล์ของเราให้ คนอืน่ วาด ระบบก็จะทำ�การสุม่ เลือกภาพของใครก็ไม่รมู้ าให้เราวาดเช่นกัน สามารถวาดด้วยดินสอ ด้วยโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ ด้วยโทรศัพท์ หรือ หากขี้เกียจก็เพียงแค่ใส่ฟิลเตอร์เก๋ๆ บนแอพพลิเคชันก็ทำ�ได้นะ ถ้าเราวาด เสร็จและอัพโหลดให้เขาแล้ว ก็รอลุน้ ดูวา่ ภาพทีเ่ ขาวาดให้จะออกมาสวยแค่ ไหน แต่ถ้าโชคไม่ดีเขาก็อาจไม่วาดให้ก็ได้นะ ฮ่าๆ ของเล่นชิน้ นีอ้ าจจะเป็นเพียงการแต่งแต้มสีสนั ให้ชวี ติ แต่ถา้ พิจารณาดู แล้วมันเหมือนการเชื่อมโยงเทคโนโลยีกับความสัมพันธ์ของมนุษย์เข้าด้วย กัน ใครบอกว่าอยู่แต่หน้าคอมฯแล้วจะไม่มีเพื่อน ลองมาเล่นเว็บนี้สิ ได้ เพื่อนเยอะแน่! ลงมือวาดกันเลยดีกว่า http://selflessportraits.com

าด ว อ

เธ

Cool Looking Basket

Text in the Rain

(Designed by Faris Elmasu & Celia Rossi)

(Designed by Brollytime Inc.)

Inspired by skateboard, the Bent Basket is the first bent wood bike basket that lets you strap it down and ride. No more ugly bungee cords, this basket brings durability, usability, and clean design to the bike basket world. Whether you’re climbing stairs or you hit a bump on the way to school/work, your things stay strapped down, nothing will fall out.

This is an invention that’s geared toward letting you use your smart phone in the rain. Its focal point is grip-ology which features finger holes and an ergonomic handle. It provides a firm, comfortable and strong hold. At the outside of the finger holes are made of ABS (Acrylonitrile-Butadiene-Styrene) plastic to reinforce the strong Brolly grip, allowing you to operate camera or chat application steadily in wet and windy conditions.

When you are bored your Facebook profile picture, Selfless Portraits can help you to color your life! This is a website based off an interesting idea. The concept is to have random people, from all over the world, doodle portraits of other randomly assigned people to use for Facebook profile pictures. Once you draw and submit your artistic interpretation of a stranger’s profile picture your profile picture is put into a lineup to be sent to somebody else to draw. Will you be giving it a go?

www.brollytime.com

http://selflessportraits.com

Product Dimensions – 17in x13 in x 2.5 in @ 22 kg. http://bentbasket.com

2 4 } I MAG IN E M AGA Z I NE

Selfless Portraits


Writer : Aunyawan Thongboonrod + Photo : Pattavit Jaisuekul

ไอเดียสนุกบนยางลบ ตราปั๊ม

สำ�หรับคนรักศิลปะ มองอะไรก็สามารถ กลายเป็นศิลปะไปได้หมด แม้แต่ยางลบ หนึ่งในอุปกรณ์วาดเขียนที่เราใช้มา ตั้งแต่เด็ก จู่ๆ วันหนึ่งก็มีคนเกิดปิ๊ง ไอเดียว่าไอ้เจ้าก้อนสีขาวยืดหยุ่นได้ นี่ ดูไปก็น่ารักดี ไม่น่ามีค่าแค่การใช้ ลบข้อความผิดๆ บนหน้ากระดาษนะ

ปิง๊ -ปัญชิกา นนทะเปารยะ คือเด็กสาว วัยรุน่ ธรรมดาทีเ่ มือ่ หลงรักศิลปะจนเข้า ขั้น ศิลปะก็ทำ�ให้เธอกลายเป็นคนไม่ ธรรมดาได้ เมือ่ เรียนจบมหาวิทยาลัย แล้วก็น�ำ ความรูม้ าผสมผสานกับความ ชอบส่วนตัว นัน่ คืองานประดิษฐ์ และ สร้างเป็นแบรนด์สนิ ค้าอย่างจริงจังใน ชื่อ Rubberer หรือแปลเป็นภาษา ไทยว่า นักแกะยางลบ

I MAGI NE M AG AZI N E { 25


แม้ก่อนหน้านี้เธอจะทำ�งานดีไซน์ เป็นหลัก แต่ตอนนี้สามารถเรียกตัว เองว่าเป็นนักแกะยางลบได้อย่างเต็ม ตัว เพราะจากวันแรกเมือ่ 2 ปีทแี่ ล้ว ที่เธอเห็นไอเดียงานประเภทนี้จาก นักแกะยางลบชาวญี่ปุ่น เธอก็ลอง หัดแกะยางลบเป็นรูป เป็นลวดลาย ต่างๆ ด้วยตัวเองบ้าง โดยคิดสไตล์ของ ลายเส้นแบบใหม่ให้แตกต่างจากแรง บันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ที่ เธอมี ทั้งตุ๊กตา สัตว์ ตัวอักษร ขนม อาหาร ใบหน้าคน ต้นไม้ใบหญ้า ฯลฯ เพื่อนำ�ไปทำ�เป็นตราปั๊มแบบสนุกๆ ก็ปรากฏว่ามีหลายคนสนใจ จึงนำ� ไปวางขายในงานแฟร์ขายของทำ�มือ เล็กๆ โดยมีคอลเลคชัน่ แรกเป็นรูปเห็ด โคน หลังจากนั้นแบรนด์ Rubberer ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2556

Rubberer เคยวางขายประจำ�ใน Artist Market ณ K-Village ถนนสุขุมวิท อยู่ช่วงหนึ่งมีลูกค้า มาออร์เดอร์ให้แกะเป็นชือ่ ของตัวเองบ้าง ปีเกิดบ้าง หรือบางทีกโ็ ลโก้ตา่ งๆ แถมหลายคนยังสนใจ ในขัน้ ตอนวิธที � ำ เธอจึงจัดชมรมแกะยางลบในเฟสบุก๊ แฟนเพจ เพือ่ โปรโมตกิจกรรมเวิรก์ ช็อปสอน แกะยางลบ ให้คนทีส่ นใจและมี passion กับมันใช้สง่ิ นีไ้ ปต่อยอดในสไตล์ของตัวเองบ้าง เวิรก์ ช็อปนี้ จัดเดือนละครั้ง แต่ละครั้งมีคนสนใจเข้าร่วมประมาณ 10-15 คน ซึ่งใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง ก็ สามารถแกะยางลบแบบพืน้ ฐานได้แล้ว และมันก็เวิรก์ มากถึงขัน้ ว่าหลายคนทีม่ าเข้าร่วมเวิรก์ ช็อป สามารถนำ�ไปทำ�เป็นอาชีพได้ หรือทำ�แบรนด์ของตัวเองได้ดว้ ย คุณปิง๊ ไม่เคยหวงวิชาแต่ดใี จด้วยซ้�ำ ที่ทำ�ให้งานแกะยางลบไม่ได้หยุดอยู่แค่งานอดิเรกอีกต่อไป

พร้อมจะเป็นนักแกะยางลบหรือยัง? มาเตรียมอุปกรณ์กันเถอะ!

กระดาษเปล่าสีขาว 2 แผ่น

2 6 } I MAG IN E M AGA Z I NE

ดินสอและปากกา

คัตเตอร์หรือ Woodcut Knife ที่ใช้สำ�หรับตัดเลื่อยไม้

ยางลบ (สามารถใช้ยางลบนิ่มๆ ของญี่ปุ่นแบบแผ่น หรือ ยางลบเด็กประถมอันเล็กๆ)


ลงมือแกะแบบหนุกๆ 1

วาดหรือปรินท์รูปภาพ ที่ชอบลงบนกระดาษ

2

ใช้ดินสอลอกลายลงบนกระดาษ อีกแผ่น วาดให้เข้มๆ เลยนะ

3

เอายางลบด้านสีขาวคว่ำ�ลง หาลาย ที่ลอกไว้ พลิกกระดาษให้กลับมาอยู่ ด้านบนแล้วก็ขูดๆ ถูๆ เพื่อให้ลายติด แน่นบนยางลบ

4

ใช้คตั เตอร์หรืออุปกรณ์ Woodcut เซาะๆ แล้วก็ตัดๆ ตามลายอย่าง เบามือ พอเป็นรูปเป็นร่างก็เอา ไปปั๊มหมึก แล้วลองปั๊มลงบน กระดาษได้เลย!

คุณปิ๊งบอกว่าราคาค่าอบรมครั้งละ 650 บาท (รวมอุปกรณ์) เรียนรู้เทคนิคแค่ครั้งเดียว ก็สามารถเอาไปฝึกและสร้างสรรค์ไอเดียได้ต่อ อีกหลายลวดลาย บางคนเห็นลายยากๆ แล้วท้อ แต่ที่จริงแล้ว เพียงแค่อาศัยความตั้งใจจริงและ ความอดทน ใครๆ ก็เป็นนักแกะยางลบได้ แถม ยังเป็นการเพิม่ มูลค่าให้สงิ่ ของทีเ่ ราทำ� จากยางลบ เด็กๆ ก้อนละบาทสองบาท ถ้าใส่ลวดลายสวยๆ เข้าไป ขายได้ชิ้นละ 200-800 บาททีเดียว ขึ้น อยู่กับลวดลายและขนาดของยางลบ ล่าสุดสาวน้อยเจ้าของแบรนด์ Rubberer กำ�ลังจะต่อยอดลวดลายให้มคี วามสนุกและมีเรือ่ งราว มากขึน้ รวมไปถึงมีแพลนจะต่อยอดเป็นโปรดักต์ อย่างอืน่ อีกด้วย เธอบอกว่า “ถ้าคนเราจริงจังกับ อะไรสักอย่าง แล้วทำ�ออกมาสำ�เร็จเป็นชิน้ ได้ แม้ จะเป็นชิน้ เล็กๆ หรือไม่วา่ จะขายได้เท่าไร แต่เราก็ ภูมใิ จ เพราะการได้ท�ำ สิง่ ทีร่ กั ยังไงมันก็ฟนิ ตัง้ แต่ ตอนทีท่ �ำ แล้ว” เธอพูดถึงความรูส้ กึ ในการมีอาชีพ เป็นนักแกะยางลบ ท่ามกลางบนโต๊ะที่มีอุปกรณ์ และเศษยางลบกระจุยกระจายอยู่เต็มไปหมด

The Magic of Rubber Stamps For art lover, anything can be art even the rubber, one of writing materials. About 2 years ago, Pink-Panchika Nontapaoraya, a girl who adores design and craft, got the idea from Japanese craft to create rubber stamps in her unique style of lined design, for instance, doll, letter, food, dessert, human face and plant, etc. She officially found her own brand namely “Rubberer” on February 5, 2013 and released the first collection with Termite Mushroom rubber stamp. She brought her products to sell in many handicraft fairs including the Artist Market at the K-Village on Sukhumvit Road

and there are many people who are interested. Most of them followed her Facebook fanpage and joined the workshop which has been organized once a month. It became a very popular home based craft community with many thousands of members. The workshop fee THB 650 includes all materials and within 3 hours, you can also carve a basic pattern and then can develop to advance level. From very low cost THB 1-2 per each, the rubber stamp can be added value with design and be sold for THB 200-800 per each, depending on its size and its design.

Step by Step Guides to be a Rubberer! 1. Purchase the materials: white paper, pencil, pen, lino cutter tools, and rubber pad. They may be found at local craft store or carving supplies. 2. Choose an image and print or draw it on the paper. 3. Cover the back of your image with pencil. 4. Trace it onto the rubber pad. Pen works well. 5. Carefully carve your stamp using the tools. Then, ink your signature stamp and practice!

I MAGI NE M AG AZI N E { 27


Writer : Alawi P. + Photographer: Pattavit Jaisuekul

ADxercise ปั้นครีเอทีฟโฆษณา

พาสองนักศึกษาไทยโกอินเตอร์ เรียนรู้ประสบการณ์ที่อังกฤษ

โครงการประกวดโฆษณาระดับประเทศ ADxercise จัดโดย ม.กรุงเทพ นำ�สองนักศึกษาไทยผูไ้ ด้รบั รางวัลชนะเลิศ บิน ลัดฟ้าไปแลกเปลีย่ นความรูแ้ ละฝึกฝนความสามารถด้านครีเอทีฟโฆษณาไกลถึง Falmouth University ประเทศ อังกฤษ มหาวิทยาลัยชั้นนำ�ด้านโฆษณาแห่งหนึ่งของโลก เมื่อวันที่ 17 - 26 มิถุนายน ที่ผ่านมา IMAGINE MAGAZINE ไม่พลาดตามไปเก็บตกบรรยากาศมาให้น้องๆ ได้รู้กัน

สองคู่หูคนเก่ง แชร์ประสบการณ์

แบงค์-ฐานพัฒน์ ทองแสงอรุณ

ฮิม-วิทวัส เสน่ห์จันทร์ 2 8 } I MAG IN E M AGA Z I NE

เป็นเวลากว่าสิบวันที่ แบงค์-ฐานพัฒน์ ทอง แสงอรุณ และ ฮิม-วิทวัส เสน่ห์จันทร์ สอง นักศึกษาผู้ชนะเลิศการประกวดโฆษณาระดับ ประเทศ ADxercise ได้ใช้ชีวิตในต่างแดนและ เรียนรู้ด้านการสร้างสรรค์งานโฆษณาอย่างเข้ม ข้นจากอาจารย์มากประสบการณ์ของ Falmouth University มหาวิทยาลัยที่ผลิตครีเอทีฟเก่งๆ ออกมามากมาย ตัง้ อยูท่ างใต้ของประเทศอังกฤษ โดยมี อ.นวฤทธิ์ ฤทธิโยธี และ อ.อิทธิศักดิ์ เอกสมบูรณ์สิน อาจารย์ประจำ�ภาควิชาโฆษณา มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ผู้ก่อตั้งโครงการร่วมเดิน ทางไปเป็นที่ปรึกษาในครั้งนี้อีกด้วย “ผมเป็นเหมือน Backpacker ทีแ่ พ็คสิง่ ทีผ่ ม เห็นกลับมา เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก อธิบาย เป็นคำ�พูดไม่ออก แต่มันเต็มกระเป๋ามากครับ ประทับใจทั้งสถานที่ ผู้คน และงานที่ได้เห็นครับ รู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เห็นงานที่แบบว่า โห คิด ได้ไงเนี่ย” แบงค์-ฐานพัฒน์ ทองแสงอรุณ ศิษย์ ภาควิชาโฆษณา ม.กรุงเทพ บอกกับเราอย่างตื่น เต้น เมื่อนึกถึงประสบการณ์ที่ได้ไปใช้ชีวิตในรั้ว มหาวิทยาลัยชั้นนำ�ด้านโฆษณาแห่งหนึ่งของโลก “ผมชอบตรงคนทีเ่ รียนทีน่ มี่ าจากหลายประเทศ มาก แล้วแน่นอนแต่ละประเทศจะมีวฒ ั นธรรมไม่ เหมือนกัน แต่ละคนมีพื้นฐานที่แตกต่างกันหมด พอมาคิดงานที่อาจารย์เค้าให้โจทย์เป็นโปรดักต์ หนึ่ง แค่คนต่างพื้นที่กัน มันก็มีประสบการณ์กับ ตัวโปรดักต์นตี้ า่ งกันแล้ว ความคิดทีเ่ ขาเอามารวม กันแล้วมันได้งานใหม่ๆ มา ผมรู้สึกว่ามันสนุกที่ ได้เห็นงานแบบนั้น”


ส่วนฮิม-วิทวัส เสน่หจ์ นั ทร์ คูห่ ตู า่ งสถาบันที่ ได้จบั คูค่ ดิ งานส่งเข้าประกวดกันโดยบังเอิญ ขณะ ไปเวิรก์ ช็อปทีบ่ ริษทั โฆษณาแห่งหนึง่ ก็มคี วามรูส้ กึ ตื่นเต้นดีใจไม่ต่างกันกับประสบการณ์ครั้งนี้ “พอประกาศผลว่าเราชนะเลิศและได้ไปอังกฤษ ดีใจมาก อีกอย่างนีเ่ ป็นการเดินทางไปต่างประเทศ เป็นครั้งแรกของผมด้วยครับ แม้การเดินทางจะ ยาวนานและเมื่อยมาก แต่พอไปถึงแล้วมีความ สุขมาก บรรยากาศที่นั่นเหมาะกับการนั่งคิดงาน นั่งใช้ความคิดมากๆ เลยครับ” ขอขอบคุณภาพประกอบจาก อ.นวฤทธิ์ ฤทธิโยธี และ อ.อิทธิศักดิ์ เอกสมบูรณ์สิน

48 ชั่วโมงที่ท้าทาย ช่วงเวลากลั่นผลงานพิสูจน์ฝีมือ “ช่วงแรกๆ ยังชิลๆ นะครับ นั่งดูเขาเรียนเขา สอนกันบ้าง ไปเที่ยวบ้าง แต่พออาทิตย์สุดท้าย อาจารย์ฝรัง่ เรียกไปรับโจทย์ให้ท�ำ ปริน้ ท์แอดของ ซอสทาบาสโก้ เท่านั้นแหละ เครียดเลย” ฮิมเล่า พลางหัวเราะเมื่อนึกถึงอารมณ์ในวันนั้น พร้อมๆ กับแบงค์เสริมขึน้ มาอย่างกระตือรือร้น “เพราะว่า เราไม่เคยรู้ว่าไอ้ซอสนี้มันเป็นยังไง เขากินแล้ว รู้สึกยังไง มันใช้กินกับอะไร เลยต้องหาข้อมูลมา แชร์กับอาจารย์ที่ปรึกษาว่าซอสนี้เป็นยังไงครับ ทำ�อะไรได้บ้าง หรือว่ามันจะพูดยังไงได้บ้าง แล้ว เราเคยคิดงานให้คนไทยดูอะ เราไม่เคยคิดงานให้ ฝรั่งดู มันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว” เมื่อผลงานเสร็จสิ้นภายใต้การดูแลอย่างเข้ม

ข้นของอาจารย์ทปี่ รึกษาสองท่านทีต่ ดิ ตามไปด้วย ทัง้ สองนักศึกษาไทยไม่ท�ำ ให้ทกุ คนผิดหวัง ต่างได้ รับคำ�ชมจากอาจารย์ผู้มากประสบการณ์ อดีต ครีเอทีฟบริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ของโลก Christ Waite (Creative Director) และ Jono Wardle (Creative Director) ว่าเป็นผลงานที่สอบผ่าน ทัดเทียมมืออาชีพแม้ในเวลาจำ�กัดก็ตาม “ผมว่าการเรียนการสอนที่ ม.กรุงเทพ และ อาจารย์ทงั้ สองท่านทีค่ อยแนะนำ� ช่วยผมตอนอยู่ ทีอ่ งั กฤษได้เยอะเลยนะ โฆษณามันต้องสร้างสรรค์ อยูต่ ลอดเวลา แล้วอาจารย์ฝกึ ให้เราคิดสร้างสรรค์ ฝึกให้เราคิดนอกกรอบ ฝึกให้ผมได้ลองผิดลอง ถูกทำ�อะไรด้วยตัวเอง ที่นี่พยาพยามที่จะทำ�ตึก

หรือว่ามีห้องที่มี Space ให้นักเรียนได้ใช้ ได้คิด สามารถกลิ้งเล่นอยู่ในสนามหญ้า หรือว่าจะไป อยู่ในห้องที่มีอุปกรณ์พร้อม ผมสามารถทำ�อะไร ก็ได้เพราะว่าที่นี่มีรองรับหมด ผมสงสัยอะไรเดิน เข้าหาอาจารย์ได้เลย มีครีเอทีฟดีๆ จากเอเจนซี่ ดังๆ มาสอน มาแนะนำ� เอางานเราไปคอมเม้นท์ ได้ เรียนรูจ้ ากมืออาชีพจริงๆ ช่วยให้เรารับสถานการณ์ ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ดีในวันนั้น” แบงค์กล่าวขอบคุณอาจารย์พี้เลี้ยงทั้งสองท่าน และพื้นฐานดีๆ จากในรั้วมหาวิทยาลัยที่ทำ�ให้ได้ รับประสบการณ์พิเศษครั้งนี้

I MAGI NE M AG AZI N E { 29


รู้จักโครงการ ADxercise โปรเจกต์สร้างนักครีเอทีฟ เกิดขึ้นจากการก่อตั้งของอาจารย์สองท่านประจำ�ภาควิชาการโฆษณา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ อ.นวฤทธิ์ ฤทธิโยธี (ตอย) และ อ.อิทธิศักดิ์ เอกสมบูรณ์สิน (บูม) ที่รักในงานโฆษณา และต้องการให้เด็กไทยได้ฝึกฝนความคิดสร้างสรรค์งานโฆษณา พร้อมจะก้าวไปเป็นมืออาชีพ ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล จากแรกเริ่มเป็นเพียงโครงการเล็กๆ ภายในมหาวิทยาลัยกรุงเทพ แต่เมื่อโครงการได้เผยแพร่ออกไป มีนักศึกษาต่าง สถาบันสนใจเข้ามาร่วมมากมาย ADxercise จึงเปิดกว้างสำ�หรับนักศึกษาทุกสถาบัน และล่าสุดปี 56 ได้จัดประกวดโฆษณาระดับประเทศเป็นครั้งแรก และได้รับการสนับสนุนจากการบินไทย นำ�ผู้ชนะเลิศไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านโฆษณาไกลถึงประเทศอังกฤษ ส่วนปีต่อไปจะเป็นอย่างไรนั้น น้องๆ ที่สนใจสามารถเข้าไปติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่เว็บไซต์ของโครงการ www.adxercise.com และแฟนเพจ facebook.com/adxercise รับรองว่าจะ มีกิจกรรมดีๆ ให้น้องๆ ได้ร่วมฝึกประลองฝีมือแน่นอน

สองอาจารย์ผู้ก่อตั้ง ADxercise สองความฝันที่ต้องการสร้าง นักโฆษณารุ่นใหม่ให้ก้าวไกลระดับโลก “ประทับใจในความพยายาม ของนักศึกษาและความอดทนในการ ต่อสู้อุปสรรคต่างๆ และรู้สึกภูมิใจ ที่โครงการเกิดจากความพยายาม ผลักดันให้ก้าวไปข้างหน้า เป็นการ เดินทางสูโ่ ลกกว้างด้วยทุนทีไ่ ม่มาก นัก ถือว่าเป็นประสบความสำ�เร็จ อีกขัน้ ในการทำ�งานเลยทีเดียว และ สามารถผลิตนักศึกษาให้กา้ วสูโ่ ลกการ ทำ�งานในเอเจนซี่ได้จริง โครงการนี้ เราคาดหวังจะดำ�เนินการต่อไปทุกปี ครับ นอกจากการประกวดแล้วยังมี workshop ทีเ่ น้นเรียนรู้ และทำ�จริง จากมืออาชีพซึง่ ไม่สามารถเรียนรูไ้ ด้ จากห้องเรียนไหนๆ นักศึกษาทีส่ นใจ สามารถติดตามข่าวสารได้ตลอดจาก เฟสบุ๊กและเว็บไซต์ของโครงการได้ เลยครับ”

“เป็นฝันเล็กๆ ของคนสองคน ที่คิดว่าจะพาคนไทยไปต่างประเทศ แล้วเราคิดว่าจะไปอังกฤษก็ได้ไป จริงๆ ระหว่างทางเจอปัญหาหนักมาก ทัง้ ภาระงานสอน การหาสปอนเซอร์ การจัดการโครงการทุกขั้นตอน ถ้า ปอดแหกตัง้ แต่แรกคงพับโครงการนี้ ไปแล้ว แต่เพราะโครงการนีไ้ ม่ได้เก็บ เงินค่าสมัครใดๆ จากนักศึกษา ทำ�ให้ เราสูต้ อ่ ไม่เคยคิดว่าจะทำ�ได้ขนาดนี้ ที่พาคนไทยสี่คนไปต่างแดน นี่อาจ เป็นงานที่ดีที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ และภูมิใจมากที่เด็กๆ ได้รับ คำ�ชม จากเหล่าคณาจารย์ของ Falmouth University ในอนาคตเราคาดหวังที่ จะยกระดับการประกวดงานโฆษณา ของไทยให้ไปไกลในระดับโลกให้ได้ ครับ” อ.นวฤทธิ์ ฤทธิโยธี (อ.ตอย) ผู้สอนวิชากลยุทธ์การสร้างสรรค์โฆษณาขั้นสูง ภาควิชาการโฆษณา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

อ.อิทธิศักดิ์ เอกสมบูรณ์สิน (อ.บูม) ผู้สอนวิชาสื่อสิ่งพิมพ์ ภาควิชาการโฆษณา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

ขอขอบคุณผู้สนับสนุนโครงการ บริษัท การบินไทย จำ�กัด (มหาชน) และ Falmouth University 3 0 } I MAG IN E M AGA Z I NE


เรียนสนุก เปิดกว้าง ทุกความคิดสร้างสรรค์ กับภาควิชาการโฆษณา คณะนิเทศศาสตร์ ม.กรุงเทพ หลักสูตรใหม่ของภาควิชาการโฆษณา (Advertising) มุ่งพัฒนาระบบการเรียนการสอนอย่างสร้างสรรค์ และบูรณาการกระบวนการคิดอย่างครบวงจร ในรูป แบบของ New Edge Advertising ซึ่งเปิดโอกาสให้ ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการสร้างสรรค์งานโฆษณารูป แบบใหม่ ที่ไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิม (Free Form) ปรับเปลีย่ นได้ตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับ สภาพแวดล้อม เทคโนโลยี และพฤติกรรมผู้บริโภค นับเป็นการเปิดโลกแห่งความคิดสร้างสรรค์แบบไร้ขดี จำ�กัด บ่มเพาะกระบวนการเรียนรูท้ อี่ ดั แน่นเข้มข้นไป ด้วย ประสบการณ์จริง ลงมือปฏิบัติด้วยตัวเอง ลง ลึกทุกรายละเอียด ให้ทกุ มุมมองจากอาจารย์พเิ ศษผู้ มีดกี รีความเป็นนักโฆษณาชือ่ ดังทีเ่ ปีย่ มคุณวุฒิ และ มากประสบการณ์

ADxercise: The Making of Creatives Two Thai Advertising Students Go to England Thannaphat “Bank” Thongsangarun and Vittawat “Him” Sanaejan, the winning duo of this year’s ADxercise competition, simply had an experience of a life time as they were flown to the UK for ten days to study advertising with some of the best in business. This study trip was part of the prize they won from the competition, a unique opportunity to visit Falmouth University, which has produced several prominent creatives in the UK, and be coached by the university’s seasoned professors, including Chris Waite and Jono Wardle, both of whom had worked as creative directors at major ad agencies in London. “I was like a backpacker. And I packed everything I experienced there back home,” Thannaphat said excitedly about this journey, which took place during June 17-26. “My backpack was full of nice memories. I was impressed with the place, the people and the ads I saw. I was thrilled to see things that got me questioning: How could they think of that?” Thannaphat is a bright young man, a recent graduate from the Advertising Department, Communication Arts Faculty, Bangkok University. Back in April, he entered the ADxercise competition with Vittawat, a peer he met while attending an advertising workshop at a local agency. Together, the pair won first place, impressing both the official judges and the fans of ADxercise Facebook page. Their submission received the highest ‘Likes’ on the social network. Initially, ADxercise was just a small contest organized by Bangkok University for its advertising students. It was founded by two lectures at the university’s Communication Arts Faculty: Nawarit Rittiyotee, lecturer of advanced advertising creative strategy, and Ittisak Aeksomboonsin, instructor of print media. Both have won numerous advertising awards themselves. Gradually, ADxercise proved very popular and began to welcome submissions from students of other institutions, too. And this year marked the first time the competition became a national contest and was supported by Thai Airways International, which sponsored the air tickets for the study trip. “When they announced that we won first place and would get to go to England, I was very happy,” said Vittawat enthusiastically. “This was also the first time I got to travel overseas. Even though it was a long flight, I was very happy during the time I was there. The atmosphere was very nice. It was great for thinking and using ideas.” During the study trip, the winning team of ADxercise 2013 didn’t disappoint anyone. After having observed the teaching at Falmouth University and exploring the coastal town of Falmouth for several days, Thannaphat and Vittawat were assigned by the British professors to create a print ad for Tabasco sauce within 48 hours! As nerve-racking as the assignment was, both of them did well and received praise from the professors, who said they could work like a pro even under such time constraints. The two Thai lecturers, who also accompanied this trip, were more than happy. “I’m very proud that the kids got good feedback from the professors at Falmouth University,” Nawarit said. “In the future, we hope to elevate ADxercise, turning it into an international competition.” “I was very impressed by the kids’ effort and hardiness to overcome challenges,” added Ittisak. “I’m also proud of this project as we’ve tried to push things forward. We’ve ventured into the world with just a small budget. It’s such a great success for ADxercise as we continue to develop professionals for the advertising industry.”

บรรยากาศการเรียนการสอนในห้องเรียน I MAGI NE M AG AZI N E { 31



Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.