SUTIMAPHORN JINAPHAN
A THESIS IS SUBMITTED IN PARTIAL FULFILLMENT OF THE REQUIREMENTS FOR THE BACHELOR DEGREE IN ARCHITECTURE
MAJOR ARCHITECTURE
FACULTY OF ARCHITECTURE, URBAN DESIGN AND CREATIVE ARTS
MAHASARAKHAM UNIVERSITY
2022
คณะกรรมการสอบวิทยานิพนธ์ ได้พิจารณาวิทยานิพนธ์ของนางสาวศุฑิมาภรณ์ จินาพันธ์ แล้ว เห็นสมควรรับเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาสถาปัตยกรรมศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาสถาปัตยกรรม ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยอนุมัติให้รับวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร ปริญญาสถาปัตยกรรมศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาสถาปัตยกรรม ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
เมืองนครจำปาศรีเป็นเมืองประวัติศาสตร์สมัยทวารวดีซึ่งมีการค้นพบสถูปพระบรมสารีริกธาตุเชื่อว่า
และการเก็บรักษาวัตถุโบราณที่ดีและพื้นที่สร้างความสัมพันธ์ในชุมชนและดึงดูดผู้คนใกล้เคียงเข้ามามีส่วนร่วม ส่งเสริมให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ดังนั้นการจัดทำโครงการพิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจำปาศรีเพื่อให้ความรู้แก่
วิทยานิพนธ์เล่มนี้ศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความเป็นมาสมัยทวารวดีในอีสานและเมืองโบราณ
พระพิมพ์ ในพิธีกรรมและการทำกิจกรรมการใช้ชีวิตของ
รวมถึงษาสถาปัตยกรรมโบราณและสมัยใหม่ เพื่อนำมาวิเคราะห์หาข้อมูลในการ
สอดคล้องพฤติกรรมการใช้ชีวิต
3. แนวคิดในการออกแบบมุ่งเน้นการใช้สถาปัตยกรรมร่วมสมัย และเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องแต่ยังคงความ อนุรักษ์ต่อบริบทพื้นที่ รูปแบบการใช้ชีวิตของคนสมัยเก่ากับสมัยใหม่ลักษณะจะนำมาประยุกต์ร่วมกันในการ ออกแบบในการพัฒนาร่วมสมัย 4. รูปแบบโครงการเป็นอาคารสูง 1-2 ชั้น หลังคาทรงปั้นหยาผสมจั่ว มีโซนจัดตามลำดับการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ สากลสื่อความหมายแบบเข้าใจได้ง่าย
ยึดเหนี่ยวจิตใจสร้างความเชื่อมั่นเรียนรู้คติความเชื่อและเชื่อมโยงกับบริบทในพื้นที่ความเป็นอยู่โดยใช้การ ออกแบบภูมิปัญญาอีสานพื้นถิ่นล้านช้างเป็นพื้นที่ช่วยในการอนุรักษ์และพลังงานธรรมชาติแสงอาทิตย์เพื่อ ประหยัดพลังงานในอาคารบนพื้นที่ป่าสีเขียว
หน้า ก ชื่อวิทยานิพนธ์ พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจำปาศรี ชื่อผู้ทำวิทยานิพนธ์ นางสาวศุฑิมาภรณ์ จินาพันธ์ อาจารย์ที่ปรึกษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อมฤต หมวดทอง สาขาวิชา สถาปัตยกรรม ปีการศึกษา 2565 บทคัดย่อ
เป็นขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระโคตม และเป็นแหล่งพื้นที่ที่มีการค้นพบร่องรอยประวัติศาสตร์ มีระบบนิเวศ ธรรมชาติร่องรอยการใช้ชีวิต ค้นพบประติมากรรม ศิลปะ โบราณสถาน การทำการเกษตรกรรม มีงานบุญประเพณี ที่สืบทอดมาแต่โบราณ แต่ในสมัยปัจจุบันยังคงขาดพื้นที่สร้างความเชื่อมโยงคติความเชื่อกับองค์พระธาตุนาดูน
ประชาชนและเป็นศูนย์รวมจิตใจในพุทธศาสนา รวมถึงการเก็บรักษาหลักฐานแสดงวัตถุโบราณที่มีคุณค่าให้คงอยู่ แก่ประเทศต่อไป
ออกแบบด้านสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นภูมิปัญญาอีสานล้านช้าง การออกแบบสถาปัตยกรรมอาคาร พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจำปาศรี มีรายละเอียด ดังนี้ 1. ลักษณะโครงการเป็นอาคารสาธารณะในรูปแบบประเภทอาคารพิพิธภัณฑ์การจัดแสดงเก็บรักษา แบ่งเป็นส่วน คติความเชื่อ ส่วนประวัติศาสตร์ทวารวดี ส่วนวิถีชีวิตเมืองโบราณ ศิลปะ วัฒนธรรม ประติมากรรม ศิลปะ ส่วน พื้นที่สาธารณะการจัดแสดงสมาคมพระเครื่องมหาสารคาม โดยมีส่วนสนับสนุนเป็น พุทธมณฑลอีสานพระธาตุ นาดูน พิพิธภัณฑ์บ้านอีสาน ป่าโคกดงเค็ง ลานกิจกรรมมีพื้นที่ใช้สอยรวมในโครงการทั้งหมด 5,306.86 ตรม. 2. ที่ตั้ง อยู่บนพื้นที่สีเขียวสำหรับทำการเกษตรของผังเมืองมหาสารคาม ตำบลนาดูน อำเภอนาดูน จังหวัด มหาสารคาม อยู่ในการดูแลของเทศบาลนาดูน ติดกับพระธาตุนาดูน โดยตั้งอยู่บนพื้นที่อาคารเดิมคือพิพิธภัณฑ์ นครจำปาศรี บริเวณป่าโคกดงเค็ง มีเนื้อที่ประมาณ 902 ไร่ เชื่อมต่อกับชุมชนเมืองปัจจุบันได้สะดวกและ
บริบทพื้นที่
การค้นพบวัตถุที่สำคัญประติมากรรม
ศิลปะ
ชุมชนทั้งอดีตและปัจจุบัน
และอิฐมวลคอนกรีต เพื่อความหนาแน่นความมั่นคงในการรองรับ มีพื้นที่จัดกิจกรรมสภาพแวดล้อม การออกแบบสถาปัตยกรรมและพื้นที่สาธารณะชุมชนกับสถานที่สำคัญ สร้างความรู้สึกเป็นที่ศูนย์รวม
มีการอิงแนวกริด เส้นตรง การสลับ ลายโค้ง เปลือกอาคารใช้วัสดุเหล็ก
หน้า ข กิตติกรรมประกาศ วิทยานิพนธ์เล่มนี้จะสำเร็จได้ด้วยความเมตตากรุณา เอื้อเฟื้อแลละความช่วยเหลืออย่างสูงยิ่ง จากคณะกรรมการ วิทยานิพนธ์ ผู้จัดทำจึงขอขอบคุณพระคุณอย่างสูง ขอขอบพระคุณ อาจารย์ ผศ.อมฤต หมวดทอง ที่สละเวลาในการสอนการทำวิทยานิพนธ์อย่างมาก ให้คำปรึกษาแนะนำหนังสือ ตรวจสอบแก้ไขความเรียบร้อย แนะนำการเดินทางไปดูพื้นที่ ตลอดจนการสร้าง แรงผลักดันส่งกำลังใจและการรับฟังปัญหาการทำวิทยานิพนธ์ตลอด ขอขอบพระคุณ อาจารย์ ดร.วิโรจน์ ชีวาสุขถาวร ที่ให้คำปรึกษาด้านประวัติศาสตร์ ความเป็นมา ของทวารวดีเมืองนครจำปาศรี เกี่ยวไปถึงชุมชนเมืองนาดูนวิถีชีวิตชุมชนเมืองโบราณ ขอบคุณอาจารย์อาจารย์ ผศ.ดร ชัยนันท์ พรหมเพ็ญ ที่ให้คำปรึกษาด้านการเขียนแบบและ คำแนะนำเทคนิคต่างๆในการทำงาน ขอขอบคุณผู้ดูแลและชาวบ้านหมู่บ้านกู่ใต้ ตำบลกู่สันตรัตน์ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกู่สันตรัตน์ ที่ให้ เรียนรู้สถานที่จริงร่องรอยเมืองโบราณ พาไปดูวัตถุจริงและประติมากรรมที่ได้จากเมืองโบราณ ขอขอบพระคุณ พระอาจารย์มหา วัดกู่ใต้ ได้ให้ศึกษาและเรียนรู้ประวัติการตั้งวัดและพิพิธภัณฑ์ ท้องถิ่นที่มาของสถานที่ต่างๆในพื้นที่และประวัติศาสตร์ตำนานพื้นที่บ้านที่เล่าต่อกันมา ขอขอบพระคุณ บริษัท เอ็กต์เปอร์ สตูดิโอ (XPER STUDIO) จำกัด ที่เปิดโอกาสได้เรียนรู้ ประสบการณ์การทำงานและเรียนรู้ทักษะวิชาชีพในการประกอบอาชีพ เทคนิคและเทคโนโลยีในการทำงาน สถาปัตยกรรม ขอขอบพระคุณ นายศรศักดิ์ จินาพันธ์ (บิดา) นางสาวสุภิญญา อรุณ (มารดา) และครอบครัวที่สนับสนุนทรัพยากร และกำลังใจในการทำงาน ขอบคุณเพื่อนๆในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ผังเมืองและนฤมิตศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคามที่ได้เเลกเปลี่ยน เรียนรู้และช่วยเหลือด้านต่างๆ ตลอดมิตรภาพในการทำงาน สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ผังเมืองและนฤมิตศิลป์ มหาวิทยาลัย มหาสารคาม คณะคณาจารย์ทุกท่าน บุคลากร รุ่นพี่ รุ่นน้อง เพื่อนๆสถาปัตยกรรมทุกสาขา และทุกท่านที่มีส่วน ร่วมในการใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยแห่งนี้ขอให้ประสบความสำเร็จด้วยเทอญ นางสาวศุฑิมาภรณ์ จินาพันธ์ ผู้จัดทำวิทยานิพนธ์
1 ความเป็นมาโครงการ…………………………….....…………………......................……….................................1
หน้า ค สารบัญ บท หน้าที่ บทคัดย่อ…………..……………………………………………………………………………………………………………ก กิตติกรรมประกาศ………………………………..…………………………………………………………………………ข สารบัญ…………………………………….....………………………………………………………………………………..ค บทที่
ประวัติความเป็นมาของอาณาจักรทวารวดี.................................................................................................1-5 การประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุสมัยทวารวดี.................................. 6-7 ประวัติความเป็นมาขององค์พระธาตุนาดูน...........................................................................................................6-7 ประวัติการขุดพบองค์พระธาตุนาดูน..................... 7-8 พระพิมพ์และวัตถุโบราณ ค้นพบในนครจำปาศรี................................................................................................8-11 1.1 วัตถุประสงค์โครงการ 11 1.2 ขั้นตอนการศึกษาและระยะเวลาในการศึกษา…… 11 1.3วัตถุประสงค์การศึกษา.……………….……………………………..........................……………….………...……….11 1.4ขอบเขตโครงการ……..…………………………………………………………………….………………......……….....….11 1.5ขอบเขตการศึกษา 11 ภาพลงพื้นที่เก็บข้อมูล 11-12 บทที่ 2 วรรณกรรมที่เกี่ยวข้องและกรณีศึกษา………………………………………..................…………….……………….4 พิพิธภัณฑ์ในความหมายของ WEBSTER’s 12 เมืองประวัติศาสตร์ 12 ย่านเมืองประวัติศาสตร์ 12 อุทยานประวัติศาสตร์ 12 แนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่สาธารณะ 12-13
หน้า ง กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับโครงการ……………………….………………….................................................………....…...13-14 มาตรการและกลไกทางกฎหมายในการอนุรักษ์โบราณสถานในประเทศไทยโบราณสถาน ...........14 หลักการจัดเเสดงนิทรรศการในพิพิธภัณฑ์.....................................................................................................15-16 กรณีศึกษาอาคารตัวอย่าง 16 โครงการภายในประเทศ.................................................................................................................................17-22 โครงการต่างประเทศ......... 22-25 บทที่ 3 ความเป็นไปได้ของโครงการ……………………..……………………..………………………...........26 3.1ความเป็นไปได้โครงการ 26 นโยบายเเผนอ้างอิงจังหวัดมหาสารคามแผนพัฒนาจังหวัดมหาสารคาม พ.ศ.2561–2565................................26 ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 - 2580) 27 แผนพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่12พ.ศ.25602564.......................................................................................................................... 27 วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของสภาวะแวดล้อมจังหวัดมหาสารคาม..........................................................................27 3.2 ความเป็นไปได้ด้านของผู้ใช้สอยรายละเอียดโครงการ 28 3.3 วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้งานโครงการ................................................................................28-29 3.4 ความเป็นไปได้ด้านเนื้อหาในการจัดแสดง 29 3.5 การสร้างจิตสำนึก..........................................................................................................................29 3.6 ความเป็นไปได้ทางจิตภาพโครงการ 29 3.7 ความเป็นไปได้ทางโครงสร้าง 30-31 บทที่ 4 รายละเอียดโครงการ...................................................................................................33 4.1โครงสร้างผังองค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 34 4.2 ข้อมูลผู้ใช้งานโครงการ..................................................................................................................34 4.3 TIME LINE .......35 4.4 เทคนิคการจัดแสดง.................................................................................................................35-36 4.5 วิเคราะห์ความสัมพันธ์และพื้นที่ใช้สอยโครงการ 36 4.6 วิเคราะห์ความต้องการด้านเทคโนโลยีอาคารพลังงาน 37 4.7 คำนวณพื้นที่โครงการ ...38-43 บทที่ 5 แนวความคิดที่ตั้งโครงการ..........................................................................................44 5.1 พื้นที่ตั้งโครงการ...........................................................................................................................44 5.2 ผังแสดงพื้นที่สำคัญในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงโครงการ 45-47 บทที่ 6 แนวความคิดและการออกแบบ...................................................................................48 6.1 ด้านคติความเชื่อในการออกแบบ..................................................................................................48 6.2 แนวคิดด้านรูปแบบอาคาร 48 6.3 วิเคราะห์ Zoning จากบริบทรอบข้างโครงการ............................................................................49 6.4 ผลการออกแบบครั้งที่ 1 50-51 6.5 ผลการออกแบบครั้งที่ 2..........................................................................................................52-53 6.6 ผลการออกแบบครั้งที่ 3....... 54
หน้า จ -ผังพื้นชั้นที่ 1....................................................... 54 -ภาพผังหลังคา 55 -ภาพ ISO MATRIC ผังอาคารโครงการ 56-57 6.7 ผังงานระบบในโครงการ 57 - ผังระบบประปา............................... 57 -ผังระบบไฟฟ้า 58 -ผังระบบปรับอากาศ 59 6.8 รูปด้าน-ตัดโครงการ 60-61 6.9 ทัศนียภาพโครงการ 62 6.9.1 ทัศนียภาพโครงการ.............................................................................................................63-64 6.9.2 ทัศนียภาพภายในโครงการ..................................................................................................65-66 6.9.3 ภาพโมเดลโครงการ...................................................................................................................66 บทที่ 7 สรุปผลการศึกษา...........................................................................................................................67 บรรณานุกรม.................................................................................... 68 ประวัติผู้ศึกษา............................................................................................................................................69
หน้า ฉ สารบัญภาพ ภาพที่ ภาพ A1 ที่มาแผนที่อาณาจักรทวารวดีแบบสังเขป The history อาณาจักรทวารวดี 1 ภาพ A2 เมืองโบราณนครชัยศรี ………………………………………………1 ภาพ A3 อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ที่มาสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา …………2 ภาพ A4 จารึกคาถา เย ธัมมา ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ 3 ภาพ A5 ภาพพื้นที่ลุ่มน้ำต่างในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ …..……3 ภาพ A5 เมืองเสมา อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา………………..………… 3 ภาพ A6 เมืองฝ้ายอำเภอหนองหงส์จังหวัดบุรีรัมย์จังหวัดบุรีรัมย์………………..… 4 ภาพ A7 ภาพถ่ายดาวเทียมเมืองดงเมืองเตย อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร…… 4 ภาพ A8 เมืองฟ้าแดด ภาพถ่ายดาวเทียม เมืองฟ้าแดดสงยาง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ ……5 ภาพ A9 ภาพถ่ายดาวเทียม เมืองกันทรวิชัย อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม ……...5 ภาพ A10 ภาพถ่ายดาวเทียม เมืองนครจำปาศรี อำเภอนาดูนจังหวัดมหาสารคาม……………………………......……..5 ภาพ A11 ภาพแผนผังพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อำเภอนาดูน …6 ภาพ A12 ภาพแผนผังแสดงตำแหน่งการพบโบราณวัตถุ…………………………………………………………………......…….6 ภาพ A13 ผอบสำริดรูปสถูปจำลอง 6 ภาพ A14 ผอบสำริดเเละผอบ 3 ชั้นที่บบรรจุ…………………………………………………………......……………………………6 ภาพ A15 ตำเเหน่งประดิษฐานพระสารีกธาตุ .7 ภาพ A16 แผ่นดินเผาที่พบองค์พระสถูปนาดูน……………………………………………………………..……………......………..7 ภาพ A17 ภาพถ่ายองค์พระธาตุนาดูน ถ่ายโดยผู้จัดทำ 7 ภาพ A18-27 พระพิมพ์และวัตถุโบราณ ค้นพบในนครจำปาศรี…………………………………………………......……..8-10 ภาพ A46 วัตถุโบราณในกู่สันตรัตน์ .11 ภาพ A47 พระวัชรทรสี่กร,กู่สันตรัตน์ อ.นาดูน…………………………………………………………………………......……....11 ภาพ A48 พิพิธภัณฑ์นครจำปาศรี วัดดพระธาตุนาดูน 11 ภาพ A49 พระพิมพ์ดินเผาแสดงธรรมเหตุการณ์,กู่สันตรัตน์ 11 ภาพ A50 สระน้ำพิพิธภัณฑ์นครจำปาศรี .11 ภาพ A51 พิพิธภัณฑ์บ้านอีสาน วัดพระธาตุนาดูน 11 ภาพ A52 พระบรมสารีริกธาตุนาดูน .11 ภาพ A53 พระบรมสารีริกธาตุนาดูช่วงมีเทศกาลงานเข้าพรรษา .11 ภาพ A54 อาคารชุมนุมคน Credit : pps.org .13 ภาพ A55 Rectilinear Circuit 15 ภาพ A56 Chain Lay out Chain Lay out…………………………………………………………………………………......…..15 ภาพ A57 Comb Type Lay out 15 ภาพ A58 Decentralized System of Access……………………………………………………........…………………………15 ภาพ A59 Star Shape .16 ภาพ A60 พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร กรุงเทพฯ………………………………………………………….......…………..16 ภาพ A61 ศูนย์เรียนรู้ประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา 16 ภาพ A62 VR MUSEUM,กรุงเทพฯ……………………………………………………………….........…………………….………….16
หน้า ช สารบัญภาพ(ต่อ) ภาพ A63 The Guimet Museum,ประเทศฝรั่งเศส………………………………………………………..........……………….16 ภาพ A64 Musée du Louvre,ประเทศฝรั่งเศส 16 ภาพ A65 พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร…………………………………………………………………………..........……....17 ภาพ A66 แผนผังการจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร 17 ภาพ A67 แผนผังการบริหารและหน่วยงานต่างๆของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร………..........……………..17 ภาพ A68 ภาพถ่ายทางอากาศบริเวณพื้นที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ 17 ภาพ A69 ห้องจัดแสดงพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน,พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ………………………………...........…………17 ภาพ A70 ห้องจัดแสดงพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน,พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ..17 ภาพ A71 ห้องเครื่องใช้ในพระพุทธศาสนา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร………………………………..........….18 ภาพ A72 ห้องประวัติศาสตร์ โบราณคดี ธนบุรี – รัตนโกสินทร์ตอนต้น .18 ภาพ A73 ภาพภายนอกอาคาร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ……………………………………………………………..........…..18 ภาพ A74 พระพุทธรูปปางปฐมเทศนา ยุคทวารวดี 18 ภาพ A75 ภาพถ่ายทางอากาศ อาคาร King Power Rangnam พื้นที่เป็น บริษัท King Power Rangnam.....19 ภาพ A76-A77-A78 แผนผังแสดง V.R. King Power Complex Museum …………………19 ภาพ A86 zoning การจัดแสดงภายใน V.R. King Power Complex Museum 20 ภาพ A87-A88-A89 ภายในอาคารพื้นที่ต้อนรับ V.R. King Power 20 ภาพ A90-A91-A92 ภายในพื้นที่แสดง 3 มิติและประติมากรรม V.R. King Power 20 ภาพ A93 แผงแสดง zoning ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา 21 ภาพ A94 ภาพถ่ายทางอากาศบริเวณศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา .21 ภาพ A95 ศูนย์การเรียนรู้ประวัติศาสตร์อยุธยา บริเวณหมู่บ้านญี่ปุ่น 22 ภาพ A96-A97-A98 ภายในศูนย์การเรียนรู้ประวัติศาสตร์อยุธยา .22 ภาพ A99-A100 ศูนย์การเรียนรู้ประวัติศาสตร์อยุธยา บริเวณหมู่บ้านญี่ปุ่น 22 ภาพ A101-A102 ภายนอก ศูนย์การเรียนรู้ประวัติศาสตร์อยุธยา บริเวณหมู่บ้านญี่ปุ่น .22 ภาพ A103 zoning ภายในศูนย์การเรียนรู้ประวัติศาสตร์อยุธยา…………………………………………...........…………..22 ภาพ A104 (the Guimet museum) .22 ภาพ A105 ภาพถ่ายทางอากาศ บริเวณ (the Guimet museum.)……………....……………………………..…….……23 ภาพ A106 ภายใน the guimet museum .23 ภาพ A107 ภายในบริเวณห้องหนังสือ the Guimet museum………………………………………………………………..23 ภาพ A108-A109 ภายในบริเวณพื้นที่จัดแสดงประติมากรรม the Guimet museum .23 ภาพ A110-A115 ผัง zoning แสดงพื้นที่ภายในอาคาร the Guimet museum………………………..………..23-24 ภาพ A116 The Louvre Museum พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ .24 ภาพ A117 ภาพถ่ายทางอากาศ บริเวณ The Louvre Museum พื้นที่เป็น พระราชวังอาคารเดิม……………….24 ภาพ A118 ภายในอาคารบริเวณทางสัญจร The Louvre Museum .25 ภาพ A119 บันไดภายใน The Louvre Museum…………………………………………………………..………………………25 ภาพ A120 พีระมิดแก้ว 25 ภาพ A121 ภายในบริเวณจัดแสดงประติมากรรมกรีก-โรมัน…………………………………………………………….……….25 ภาพ A122 ภายนอกอาคาร The Louvre Museum 25
หน้า ซ สารบัญภาพ (ต่อ) ภาพ A123 zoning The Louvre Museum ..25 ภาพ A124 ประเภทผู้ใช้สอยโครงการ 28 ภาพ A125-A126-A127-A128 ภาพความเป็นไปได้ทางจิตภาพโครงการ……………………………………………..…….29 ภาพ A129 โครงสร้างถัก 30 ภาพ A130 โครงสร้างถัก……………………………………………………………………………………….………………………….….30 ภาพ A131 โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก …30 ภาพ A132 มาลัยลูกแก้ว เจดีย์ทรงกลม - บัวถลา ฐานเจดีย์สมัยสุโขทัย ….30 ภาพ A133- A134 ภาพจาก รูปด้านสิมบก จาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อมฤต หมวดทอง 31 ภาพ A135 ภาพสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวจังหวัดมหาสารคาม อ้างอิงจาก สำนักการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด มหาสารคาม 32 ภาพ A136 ภาพสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวจังหวัดมหาสารคาม อ้างอิงข้อมูลตัวเลขจาก สำนักการท่องเที่ยวและ กีฬาจังหวัดมหาสารคาม 32 ภาพ A137 ผังองค์กรบริการพิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจำปาศรี .33 ภาพ A138 ผังองค์กรบริการพิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจำปาศรีแบบบุคคลากร .33 ภาพ A139 พื้นที่ใช้สอยโครงการโดยหาค่าเฉลี่ยพื้นที่ 34 ภาพ A140 วิเคราะห์ ผู้ใช้งานโครงการ 35 ภาพ A141 เส้นเวลาระยะทางประวัติศาสตร์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ – จนถึงปัจจุบัน 35 ภาพ A142 เทคนิคการจัดแสดงภาพในอาคาร 35 ภาพ A143 เทคนิคการจัดแสดงภาพในอาคาร 36 ภาพ A144 ภาพวิเคราะห์ความสัมพันธ์และพื้นที่ใช้สอยโครงการ………………………………………………………….…..36 ภาพ A145 ภาพจาก วัสดุปูพื้นทางเดินในสวน 37 ภาพ A146 ภาพจาก ระบบโซล่าเซลล์ออฟกริด……………………………………………………………………………….……..37 ภาพ A147-A156 คำนวณพื้นที่โครงการ 38-40 ภาพ A157-A161 คำนวนพื้นที่ใช้สอย……………………………………………………………………………………….……..41-43 ภาพ A162 สรุปการคำนวนพื้นที่ใช้สอย .43 ภาพ A163 พื้นที่ตั้งโครงการ ระดับที่ตั้งโครงการ……………………………….……………………………………………………44 ภาพ A164 ผังแสดงพื้นที่สำคัญในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงโครงการ 45 ภาพ A16 ผังแสดงพื้นที่ค้นพบหลุมพระสถูปเดิม และพื้นที่ประดิษฐานองค์พระสถูปองค์ใหม่……..................….45 ภาพ A166 ภาพวิเคราะห์ย่านเมืองโบราณนครจำปาศรี 46 ภาพ A167 ภาพวิเคราะห์ย่านพื้นที่ทำการเกษตรและบริเวณค้นพบพระบรมสารีริกธาตุ…….………................….46 ภาพ A168 ภาพวิเคราะห์ย่านพื้นที่อำเภอนาดูนและพระธาตุนาดูน 47 ภาพ A169 กระบวนการเชื่อมโยงความเชื่อในการออกแบบ 48 ภาพ A170-A171 ภาพสเก็จการออกแบบโดยการถอดแบบจากสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น 48 ภาพ A172 ภาพ concept โครงการ .49 ภาพ A173 ภาพ Zoning จากบริบทรอบข้างโครงการ 49 ภาพ A174 ภาพ Zoning จากบริบทรอบข้างโครงการ .50 ภาพ A175 Function diagram ครั้งที่ 1 .50 ภาพ A176-A178 ภาพ iso matric ครั้งที่ 1 51-52
หน้า ฌ สารบัญภาพ (ต่อ) ภาพ A179-A180 ทัศนียภาพภายนอกโครงการ ครั้งที่ 2 52-53 ภาพ A181 แปลนผังพื้นชั้น 1 54 ภาพ A182 ภาพผังหลังคา………………………………………………………………..…………………………………………………..55 ภาพ A183 ภาพ ISO MATRIC ผังอาคารโครงการ…………………………….…………………………………………………….56 ภาพ A184 ภาพ ISO MATRIC ผังอาคารโครงการ………………………..………………………………………………………...57 ภาพ A185 ภาพ ISO MATRIC ผังอาคารโครงการ………………………….……………………………………………………....58 ภาพ A186 ผังระบบปะปา………………………………………….………………………………………………………………..……...57 ภาพ A187 ผังระบบไฟฟ้า…………………………… 58 ภาพ A188 ผังระบบปรับอากาศ………………………………………………………………………………………………..………....59 ภาพ A189-A190 ภาพรูปด้าน………………………………………………………………………………………….…………………..60 ภาพ A191-A192 ภาพรูปตัด………………………………………………………………….……………………………………….……61 ภาพ A193-A194 มุมทัศนียภาพภายนอกบริเวณพระธาตุนาดูนและโครงการ…………………………………………….62 ภาพ A195 มุมทัศนีย์ภายภายนอกบริเวณสถูปจำลอง……………………………………………………………………………..63 ภาพ A196 มุมทัศนีย์ภายภายนอกบริเวณโครงการ………………………………………………………………………………...63 ภาพ A197 บริเวณโครงการและภาพมุมมองแนวแกนพระธาตุนาดูน……………………………………………….………..64 ภาพ A198 บริเวณสวนหน้าโครงการและภาพมุมมองแนวแกน……………………………………………………….………..64 ภาพ A199-202 ทัศนียภาพภายในโครงการ………………………………………………………………………………….…..65-66 ภาพ A203-A206 ภาพโมเดลโครงการ………………………………………………………………………………………….……....66
อาณาจักรทวารวดีเจริญรุ่งเรืองขึ้นในบริเวณภาคกลาง ประเทศไทยเมื่อประมาณ(พุทธศตวรรษที่12)และได้แผ่ อิทธิพลทางวัฒนธรรมที่รับมาจากอินเดียไปทั่วทุกภาค
1 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.) บทที่ 1 ความเป็นมาโครงการ ประวัติความเป็นมาของอาณาจักรทวารวดี อาณาจักรทวารวดีมีศูนย์กลางอยู่ที่ใดไม่ ปรากฏสันนิษฐานว่า อาจอยู่ที่นครปฐมราชบุรีหรือ สุพรรณบุรี เพราะทั้ง
, ศิลปวัตถุ,โบราณสถานแบบทวารวดีเหมือนกัน ศิลปะวัฒนธรรมของทวารวดีส่วนใหญ่เป็นไปในทาง พระพุทธศาสนา ซึ่งจดหมายเหตุจีนได้ระบุว่าอาณาจักร ทวารวดีนี้มีวัฒนธรรมทาพระพุทธศาสนาอย่างสูงมีความ เจริญทางด้านการค้ามาก นอกจากนี้ ตำนานมูลศาสนา และตำนานจามเทวีวงศ์ซึ่งเป็นหลักฐานของไทยก็ กล่าวถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรทวาร-วดีไว้เช่นกัน
ของประเทศความเชื่อทางพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท คำว่า ทวารวดี ปรากฏในบันทึกการเดินทางของภิกษุจีน รูปหนึ่ง และได้เทียบคำว่า อาณาจักร โถ-โล-โป-ตี้ หรือ ต้อว-หลอ-ปอ-ตี้ ตามสำเนียงจีน ว่า ตรงกับคำว่า อาณาจักร ท-วา-ร-ว-ดี บันทึกการเดินทางของภิกษุจีนซึ่ง บันทึกไว้ราวพุทธศตวรรษที่ 13 หรือเมื่อประมาณ 1,300 ปีมาแล้ว อาจเป็นดังสันนิฐานว่า เป็นอาณาจักรที่ตั้งอยู่ ระหว่างอาณาจักรศรีเกษตร (ปัจจุบันอยู่ในประเทศพม่า)และอาณาจักร อิศานปุระ อยู่ในประเทศกัมพูชา ดังนั้นอาณาจักรทวารวดีจึงตั้งอยู่ ในดินแดนประเทศไทยปัจจุบันจากการศึกษาของนัก ประวัติศาสตร์เชื่อว่าประชาชนของทวารวดีเป็นชาวมอญ ภาพ [A1] ที่มาแผนที่อาณาจักรทวารวดีแบบสังเขป The history อาณาจักรทวารวดี อพยพมาจากแถบตะวันตกของจีนลงมาทางใต้ตามลำน้ำ โขงและแม่น้ำสาละวินเข้าสู่พม่าตอนล่าง และดินแดนลุ่ม น้ำเจ้าพระยา ขยายไปสู่ทั่วประเทศไทยทั้งตอนบนและ ตอนล่างของประเทศ ปัจจุบันร่องรอยเมืองโบราณ รวมทั้งศิลปะโบราณวัตถุ สถานและจารึกต่าง ๆ ในสมัยทวารวดีนี้พบเพิ่มขึ้นอีก มากมาย และที่สำคัญได้พบกระจายอยู่ในทุกภาคของ ประเทศไทย โดยไม่มีหลักฐานของการแผ่อำนาจทางการ เมืองจากจุดศูนย์กลางเฉกเช่นรูปแบบการปกครองแบบ อาณาจักรทั่วไป เช่น ภาคเหนือ : ที่อำเภอสวรรค์โลก อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัด สุโขทัย, อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์, จังหวัดลำพูนและ จังหวัดเชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : พบทุกจังหวัด ในแต่ละ จังหวัดพบมากกว่า 1 แห่งขึ้นไป บางจังหวัดพบว่ามี มากกว่า 7 แห่ง เมืองฟ้าแดดสงยาง กาฬสินธุ์,เมืองพิมาย ขอนแก่น,เมืองนครจำปาศรี มหาสารคาม,อำนาจเจริญ, ยโสธร,เมืองพิมายนครราชสีมา,บุรีรัมย์,สุรินทร์,ศรีสะเกษ เป็นต้นไป ภาคตะวันออก : ที่ดงละคร จังหวัดนครนายก, จังหวัด ปราจีนบุรี, จังหวัดสระแก้วและจังหวัดชลบุรี ภาคใต้ : ที่จังหวัดปัตตานี,สุราษฎร์ธานี ภาคกลาง : กระจายอยู่ตามลุ่มแม่น้ำสำคัญต่างๆ เช่น แม่น้ำเพชรบุรี, แม่น้ำแม่กลอง, แม่น้ำท่าจีน, แม่น้ำ ลพบุรี, แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำเจ้าพระยา ภาพ [A2] เมืองโบราณนครชัยศรี ที่มา https://www.bloggang.com
3 แห่งนี้มีร่องรอย เมืองโบราณ
อินเดียเพราะผลจากการติดต่อค้าขายและรับวัฒนธรรม
สภาพสังคม ทวารวดีนั้นลักษณะไม่น่าจะเป็นอาณาจักร คงเป็นเมืองขนาดต่างๆซึ่งพัฒนาขยายตัวจากสังคม ครอบครัวและสังคมหมู่บ้านมาเป็นสังคมเมืองที่มีชุมชน
เริ่มต้นแนวความเชื่อแบบพุทธศาสนาในลัทธิเถรวาท ควบคู่ไปกับการนับถือศาสนาพราหมณ์หรือฮินดูทั้งลัทธิ ไศวนิกาย และลัทธิไวษณพนิกาย โดยศาสนาพราหมณ์ หรือศาสนาฮินดูจะแพร่หลายในหมู่ชมชนชั้นปกครองใน ระยะหลังเมื่อเขมรเข้าสู่สมัยเมืองพระนครเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมทวารวดีก็ถูกครอบนำโดยเขมรและ
ในตอนท้ายคติความเชื่อเดิมก็ได้เปลี่ยนแปลงไป
ประวัติความเป็นมาสถาปัตยกรรมทวารวดี
เป็นสถาปัตยกรรมสมัยแรกของประเทศไทยเกิด จากการผสมผสานของอิทธิพลวัฒนธรรมอินเดีย
ได้ว่าเป็นเพียงชุมชนรวมกลุ่มกันและมีการ พัฒนาเป็นชุมชนเมืองจากสมัยก่อนและกลายเป็นเมือง
2 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.) ภาพ [A3]
ที่มาสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด นครราชสีมา
จากการศึกษาจากภาพถ่ายทางอากาศพบเมืองโบราณ วัฒนธรรมชุมชนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ พัฒนาการ ขึ้นมาสู่ช่วงสมัยทวารวดีเมื่อมีการติดต่อกับอารยธรรม
จากอินเดีย โดยเฉพาะทางด้านศาสนาพุทธแบบหินยาน รวมทั้งภาษาและรูปแบบศิลปกรรมเดียวกัน
เล็กล้อมรอบ มีหัวหน้าปกครอง มีการแบ่งชนชั้นทาง สังคม นอกจากนี้ยังมีการใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือในการ ปกครอง ความสัมพันธ์ระหว่างเมืองต่อเมืองหรือรัฐต่อรัฐ ไม่ใช่ความสัมพันธ์โดยการเมือง แต่โดยการค้า ศาสนา และความเหมือนกันทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ
เกษตรกรรม
การค้าขายแลกเปลี่ยนกับชุนชนภายนอก
อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย
Nakhonratchasima Provincial Cultural Office
ของชุมชนทวารวดีพื้นฐานทางการ
มีการค้าขายแลกเปลี่ยนระหว่างเมืองหรือ
ชุมชนทวารวดี
การค้า การเดินเรือชาวอินเดีย เข้ามาติดต่อในเอเชียอาคเนย์ รวมถึงพื้นที่ราบลุ่มภาคกลางของประเทศไทยในปัจจุบัน การแลกเปลี่ยนซื้อขาย การค้า ทำให้อาณาจักรรุ่งเรื่อง เพิ่มมากขึ้น และเป็นท่าหลักการค้าทางทะเลทำให้ ปรากฏพื้นที่ภูมิภาคหนึ่งที่มีในความสำคัญนามว่า “สุวรรณภูมิประเทศ” ราวพุทธศตวรรษที่ 3 สมัยพระเจ้า อโศกมหาราชแห่งเมืองปากฎลีบุตร ส่งทูตคือ พระเถระ และพระอุตรเถระเข้ามาเผยแพร่ศาสนาในพื้นที่บริเวณ สุวรรณภูมิ โดยสมเด็จพระยาดำรงราชานุภาพ พระ นิพนธ์ไว้ในตำนานพุทธเจดีย์บ้านเมืองในช่วงเวลาต้นยุค ประวัติศาสตร์ของชุมชนในสมัยทวาราวดี สันนิฐานไว้ว่า มีถิ่นฐานอธิบายไว้ว่า เป็นชุมชนกระจายกันพื้นที่ต่างๆ บางทีอาณาจักรมีการปกครองแบบรวมศูนย์กลางใน ช่วงเวลานั้น แต่ยังไม่สามารถระบุตำแหน่งได้ ศ.ศรศักร วัลลิโภดม ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับ ดินแดนสุวรรณภูมิว่า “สุวรรณภูมิจริงนั้นประกอบด้วย ทั้งหมู่เกาะและแผ่นดินน้อยใหญ่แต่สุวรรณภูมิจริง พบ หลักฐานการตั้งชุมชนที่สามารถสันนิฐานได้ ขอบเขต ทวารวดีมีขอบเขตกว้างขวางอย่างมาก โดยครอบคลุม ระหว่างรัฐศรีเกษตรบริเวณลุ่มแม่น้ำอิรวดีทางภาคกลาง ของ สาธารณรัฐสภาพเมียนมา ไปจนถึงรัฐอิศานปุระ บริเวณภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของ ประเทศไทย มาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่
รูปแบบการวางผังจะมีลักษณะ
เวลาเคียงกัน
ท่าทางการค้าชุมชนขนาดใหญ่ต่อมาค้นพบเหรียญเงิน จากรึกภาษาสันกฤต ข้อความว่า ศรีวารดี ศวรปุญยะ หลักฐานการเจริญรุ่งเรืองทั้งด้าน เศรษฐกิจ การเมือง ชุมชนทวารวดีอย่างดี กล่าวได้ว่าเมื่อมีอักษรใช้ในการจด บันทึกเรื่องราวต่างๆ เขียนด้วย ปัลลวะ ได้อิทธิพลจาก อินเดียใต้ การใช้ภาษาบาลี ภาษาสันกฤต รวมถึงภาษา มอญโบราณจารึกเรื่องราวแกะสลักรูปต่างๆ พบอิฐพิมพ์ ดินเผาการเขียนข้อความจารึกการจาคาถา เย ธมมา ไว้ บนบริเวณพระพิมพ์ดินเผาหรือแผ่นจารึก
6 เป็นต้นโดย
การรับพุทธศาสนาใกล้
อีสานกระจายตัวอยู่หนาแน่นแตกต่างกล่าวคือลุ่มน้ำชี หรือตอนกลางของภาคและส่วนคาบเกี่ยวระหว่างลุ่มน้ำชี ตอนปลายกับลุ่มน้ำมูลตอนปลายในบริเวณจังหวัดยโสธร ,อำนาจเจริญและตอนบนของจังหวัดอุบลราชธานีจะพบ หลักฐานหนาแน่นขณะที่ลุ่มน้ำโขงและลุ่มน้ำมูลตอนล่าง ในพื้นที่ใกล้กับประเทศกัมพูชาคือจังหวัดบุรีรัมย์สุรินทร์
ลักษณะของเมืองในวัฒนธรรมทวารวดีภาค ตะวันออกเฉียงเหนือคล้ายคลึงกันกับเมืองในวัฒนธรรม
ไม่ถึงหลายเมืองจะทำกำแพงเมืองเป็นคูน้ำและคันดิน ล้อมรอบรูปทรงของกำแพงเมืองไม่สม่ำเสมอหรือไม่ได้อยู่
ด้วยเหตุนี้การวินิจฉัยว่าเมืองอยู่ในข่าย
ของวัฒนธรรมทวารวดีจากผังเมืองเพียงอย่างเดียวจึงทำ ไม่ได้จำเป็นต้องพิจารณาจากหลักฐานที่พบด้วยหากพบ
ใบเสมาหรือวัตถุตามแบบทวารวดีก็จัดให้เป็นเมืองทวาร วดีแต่ระลึกถึงว่าบางเมืองอาจพบได้ทั้งศิลปะวัฒนธรรม ทวารวดีและศิลปะวัฒนธรรมเขมรตามหลักทางวิชาการ
ขนาดเมืองที่มีความใหญ่โตประกอบกับการค้นพบ โบราณสถานและโบราณวัตถุหนาแน่จึงทำให้เชื่อได้ว่า เมืองเสมาเป็นเมืองสำคัญในบริเวณต้นลุ่มน้ำมูล
3 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.) ภาพที่ [A4] จารึกคาถา เย ธัมมา ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐม เจดีย์ ที่มากลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์กรมศิลปากร เมืองโบราณในวัฒนธรรมทวารวดีภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ ตามภูมิศาสตร์แบ่งพื้นที่ภาตะวันออกเฉียงเหนือ ออกเป็นลุ่มน้ำใหญ่ๆ ได้ ๓ ลุ่มน้ำได้แก่ ลุ่มน้ำมูล ลุ่มน้ำชี และลุ่มน้ำโขงแต่ละลุ่มน้ำมีเมืองในวัฒนธรรมทวารวดี
ศรีสะเกษ และตอนล่างของอุบลราชธานีมีความหนาแน่น รองลงไป
ในทรงเรขาคณิต
เขมรสมัยก่อนเมืองพระนครคือตั้งชุมชนบนโคกที่น้ำท่วม
ภาพที่ [A5] ภาพพื้นที่ลุ่มน้ำต่างในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มา หนังสือทวารวดีในอีสาน,ผศ ดร รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง หน้าที่ 17 ศิลปวัฒนธรรมฉบับพิเศษ เมืองโบราณในลุ่มนำามูลตอนต้น เมืองโบราณในพื้นที่ ตอนต้นของแม่น้ำมูลมักพบวัฒนธรรมทวารวดีและ วัฒนธรรมเขมรอยู่ร่วมกัน กระจายตัวอยู่ในเขตจังหวัด นครราชสีมาและบุรีรัมย์ เมืองเสมา อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมาเป็นตัวอย่างเมืองสำคัญในพื้นที่นี้คูน้ำ และคันดินแบ่งพื้นที่เมืองออกเป็น 2 ส่วน พื้นที่ทางเหนือ เรียกว่าเมืองนอก พื้นที่ทางใต้เรียกว่าเมืองใน รูปร่างของ คูน้ำและคันดินไม่สม่ำเสมอ มีเส้นผ่าศูนย์กลางตามแนว เหนือ-ใต้ประมาณ
ตามแนวตะวันออกตะวันตกประมาณ 1,845 เมตร เป็นที่น่าสังเกตว่ามีคูน้ำ และคันดินรูปสี่เหลี่ยมอยู่ตรงกลางเมืองนอกด้วยด้วย
ภาพที่ [A5] เมืองเสมา อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ที่มา หนังสือทวารวดีในอีสาน,ผศ. ดร.รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง,หน้า 19
1,755 เมตร
ภาพที่ [A6] เมืองฝ้ายอำเภอหนองหงส์จังหวัดบุรีรัมย์จังหวัดบุรีรัมย์ภาพถ่าย ทางอากาศ,www.google.com
850 เมตร มีคูน้ำล้อมรอบ 3 ชั้น ตั้งอยู่ ริมห้วยบ้านฝ้ายเจียจันทร์พงษ์กล่าวถึงเมืองนี้ไว้เมื่อคราว สำรวจในพ.ศ.2512 ว่าคูน้ำ 3 ชั้นที่ล้อมรอบเมืองเชื่อมต่อ กันได้หมดพบร่องรอยคันดินทดน้ำหรือบังคับน้ำจำนวน หนึ่งที่สำคัญคือคันดินริมห้วยบ้านฝ้ายซึ่งอยู่ทางเหนือพบ คันดินทอดตัวเป็นแนวยาวจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ตอนปลายกลุ่มเมืองที่ปรากฏวัฒนธรรมทวารวดีภาค ตะวันออกเฉียงเหนือกระจายตัวอยู่ในเขตจังหวัดยโสธร
4 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.) เมืองฝ้าย อำเภอหนองหงส์
แห่งนี้เดิมทีอยู่ภายในอำเภอล้ำปลายมาศ
ขนาดเส้น
จังหวัดบุรีรัมย์ เมืองโบราณ
เป็นเมืองใหญ่มี
ผ่าศูนย์กลางราว
มายังตะวันตกเฉียงใต้
และทิศตะวันตกยังได้พบแนวคันดินยื่นออกไป
อำนาจเจริญ และตอนบนของอุบลราชธานี
ไม่ปรากฎเมืองใดควรเป็นศูนย์กลางการเมืองการ ปกครองและทางวัฒนธรรมตัวอย่างเมืองสำคัญที่ เมือง ดงเมืองเตยบ้านสงเปือย อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัด ยโสธร และเมืองโบราณบ้านตาดทอง อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร ภาพที่ [A7] ภาพถ่ายดาวเทียมเมืองดงเมืองเตย อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัด ยโสธร,www.google.com ตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ
ตามแนวตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ มีคู น้ำและคันดินรอบหนึ่งชั้น ได้ค้นพบจารึกสำคัญที่เมือง โบราณแห่งนี้ คือ จารึกดงเมืองเตย อายุราวพุทธศตวรรษ ที่ 12 เนื้อหากล่าวถึงชื่อบุคคลในชนชั้นปกครอง ได้แก่ ศรีโกรญจพาหุและศรีธรรมโสนะ (ศรีธรรมเสนะ) และ เอ่ยถึงชื่อเมืองศังขบุรี ซึ่งเมืองโบราณบ้านตาดทอง อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร ลักษณะพื้นที่เป็นเนินดิน ขนาดใหญ่ ไปตามรูปร่างของเนินดิน ทั้งนี้คูน้ำคันดินด้าน ทิศใต้มิได้ประชิดติดกับเนินดิน ทว่าล้อมรอบพื้นที่ราบลุ่ม ขนาดของเมืองกว้างประมาณ 500 เมตร ยาว 750 เมตร ชุมชนแห่งนี้ค้นพบใบเสมาในวัฒนธรรมทวารวดีภาค อีสานจำนวนมาก ประมาณว่าเดิมทีมีไม่ต่ำกว่า 200 ใบ ได้รับการเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ต่างๆ ในเขตจังหวัด ยโสธรและจังหวัดใกล้เคียง เมืองโบราณในลุ่มน้ำชีอาจกล่าวได้ว่าบริเวณลุ่มน้ำชีหรือ ภาคอีสานตอนกลางปรากฏหลักฐานการกระจายตัวของ เมืองในวัฒนธรรมทวารวดีหนาแน่นที่สุดเมืองที่มีขนาด ใหญ่ก็ได้พบหลายเมือง ตัวอย่างที่ควรกล่าวถึงได้แก่เมือง ฟ้าแดดสงยาง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ เมือง กันทรวิชัยอำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม และ เมืองนครจำปาศรี อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม เมืองฟ้าแดดสงยาง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ด้วยขนาดของเมืองที่ความยาวประมาณ 1,800 เมตร และความกว้างประมาณ 1,000 เมตร ประกอบกับความ หนาแน่นของโบราณสถานและโบราณวัตถุ การมีชุมชน อยู่อาศัยสืบเนื่องมาตั้งแต่โบราณแผนผังค่อนข้างเป็นรูป สี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวยาววางตัวตามแกนทิศเหนือ-ใต้ คัน ดินล้อมรอบเมืองมี 2 ชั้น ระหว่างกลางคันดินมีคูน้ำพื้นที่ ภายในตัวเมืองประกอบด้วยเนินดิน แห่งแรกอยู่ทางตอน เหนือ เรียกว่าโนนเมืองเก่า
นอกจากนี้ริมคูเมืองทิศตะวันออก
เมืองโบราณในลุ่มน้ำมูล
ตอนปลายคาบเกี่ยวกับลุ่มน้ำชี
ขนาดและ หลักฐานโบราณสถานและโบราณวัตถุของเมืองเหล่านี้ยัง
650 เมตร
ให้ดูเหมือนมีเมืองชั้นนอกกับเมืองชั้นใน คูน้ำ ความสูง ของคันดินราว 2-3 เมตร แผนผังค่อนข้างกลม
ประวัติศาสตร์ตอนปลายเรื่อยมาจนถึงสมัยทวารวดี 16
ภายในเมืองโบราณแห่งนี้ยังพบโบราณสถานและ โบราณวัตถุสำคัญในวัฒนธรรมทวารวดีหลายแห่ง เช่น อุ่มญาคู วัดสุวรรณาวาสและวัดพระพุทธมงคล เป็น โบราณสถานผังสี่เหลี่ยมผืนผ้าด้วยระยะห่างจากเมืองฟ้า แดดสงยางมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เพียง 25 กิโลเมตร ทำให้เชื่อได้ว่าเมืองโบราณทั้งสองย่อมมีความสัมพันธ์กัน
5 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.) ภาพที่ [A8] เมืองฟ้าแดด ภาพถ่ายดาวเทียม เมืองฟ้าแดดสงยาง อำเภอ กมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ,www.google.com เมืองกันทรวิชัยอำเภอกันทรวิชัยจังหวัดมหาสารคาม สภาพของเมืองเป็นเนินดินมีคูน้ำคันดินล้อมรอบ๒ชั้นทำ
เส้นผ่าศูนย์กลาง
และ แบบเคลือบน้ำโคลนสีแดง เชื่อว่าเป็นชุมชนที่มีการอยู่ อาศัยมาแล้วตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย เรื่อยมาจนถึงสมัยทวารวดี 16 ภาพที่ [A9] ภาพถ่ายดาวเทียม เมืองกันทรวิชัย อำเภอกันทรวิชัย จังหวัด มหาสารคาม, www.google.com เชื่อว่าเป็นชุมชนที่มีการอยู่อาศัยมาแล้วตั้งแต่สมัยก่อน
มีทั้งแบบเนื้อหยาบ ลายเชือกทาบ
อย่างแน่นอน เมืองนครจำปาศรี อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม เนิน ดินอันเป็นที่ตั้งของเมืองล้อมรอบด้วยแนวคูน้ำและคันดิน รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมมน ทอดตัวตามแนวเหนือ-ใต้ ยาว ประมาณ 2,700 เมตร กว้างประมาณ 1,500 เมตร ทว่า คูน้ำและคันดินไม่ได้เชื่อมต่อกันตลอด หากแต่เว้นช่วง เป็นระยะ บริเวณกึ่งกลางของเมืองยังปรากฏแนวคูน้ำที่ เว้นช่วงพาดผ่านด้วย เข้าใจว่าคงเป็นระบบชลประทานที่ ชักน้ำเข้าสู่พื้นที่กลางเมือง พื้นที่ทางตอนเหนือมีความสูง กว่าทางตอนใต้ ทำให้พื้นดินมีลักษณะลาดเอียง บริเวณ สูงสุดอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง บริเวณ ต่ำสุดอยู่ทางทิศใต้ของเมืองประวัติศาสตร์ราวพุทธ ศตวรรษที่ 11-12 มีการอพยพของประชากรพื้นถิ่นแถบ ลุ่มแม่น้ำชี-มูลเข้ามาอยู่อาศัย ภาพที่ [A10] ภาพถ่ายดาวเทียม เมืองนครจำปาศรี อำเภอนาดูนจังหวัด มหาสารคาม, www.google.com เครื่องปั้นดินเผาที่พบมีความละม้ายกับที่พบในภาคกลาง การเมืองแบบเขมรเข้ามามีบทบาทในเมืองนี้ศาสนสถาน แบบเขมรอันเนื่องด้วยคติศาสนาพราหมณ์คือกู่น้อยและ ที่เนื่องด้วยศาสนาพุทธมหายานคือกู่สันตรัตน์ สถาปัตยกรรมที่ไม่ใช่เขมรซึ่งอาจเป็นสถูปหรืออาคารอื่น จำนวน 32 แห่ง สถาปัตยกรรมแบบเขมร ได้แก่ กู่น้อย ศาสนสถานพราหมณ์อายุราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 และ กู่สันตรัตน์ ศาสนสถานอโรคยศาลาของพระเจ้าชัยวรมัน ที่ 7อายุพุทธศตวรรษที่ 18 กลุ่มสุดท้ายคือสถาปัตยกรรม แบบผสม
ซึ่งอาจเริ่มสร้างในช่วงพุทธ
ทิศตะวันตกเฉียงใต้เมื่อ
เป็นจำนวนมากหลายพิมพ์กล่าวในเบื้องต้นได้ว่าเป็นพระ
ได้แก่ ศาลานางขาว
ศตวรรษที่ 18 ด้านโบราณคดีที่ศาสนสถานนอกเมืองทาง
พ.ศ. 2522 ทำให้ได้พบพระพิมพ์
เกี่ยวข้องกับศิลปะทวารวดีภาคกลางพบพระพิมพ์เล่า เรื่องพุทธประวัติตอนแสดงยมกปาฏิหาริย์ปราบเหล่า
เดียรถีย์โดยมีต้นมะม่วงเป็นองค์ประกอบสำคัญถึงกระแส พุทธศาสนาเถรวาทจากภาคกลางที่แผ่มายังชุมชนแห่งนี้ ได้
การประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุสมัยทวารวดี
อัญเชิญกลับไปประดิษฐานยังเมืองของตนตามขั้นตอน การประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุนับเป็นสาระสำคัญที่ จะปรากฏในวรรณกรรมพุทธศาสนาในดินแดนและสมัย ต่างๆหลักฐานที่ปรากฏสารีริกธาตุได้แก่หลักฐาน โบราณคดีที่พบใน อินเดีย,ศรีลังกา,เมียนมาร์ และ ประเทศไทยและประเทศต่างๆนับถือพระพุทธศาสนา
2 แห่งคือสถูปหมายเลข 1 ตำบลคูบัวจังหวัดราชบุรีและพระธาตุนาดูน อ.นาดูน
อันเป็นรูปแบบดั้งเดิมของการประดิษฐานพระบรม สารีริกธาตุในอินเดียและศรีลังการวมทั้งปรากฏ สัญลักษณ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับศาสนาฮินดูและพุทธ
6 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.)
พิมพ์ทวารวดีอีสานหรือทวารวดีสกุลช่างท้องถิ่นที่
สารีริกเจติยะ หรือธาตุเจดีย์ คือ สถูปเจดีย์ที่ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
เพลิงพระพุทธสรีระและโทณพราหมณ์อาจาร์ยได้แบ่ง พระบรมสารีริกธาตุเพื่อให้เหล่ากษัตริย์และพราหมณ์
จากหลักฐานโบราณคดี
จังหวัดมหาสารคาม มีตำแหน่งการประดิษฐานพระบรม สารีริกธาตุตามแนวแกนกลางสถูประดับลึกจากพื้นดิน
ศาสนา [A11] ภาพแผนผังพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อาเภอนาดูน [A12] ภาพแผนผังแสดงตำแหน่งการพบโบราณวัตถุ การขุดตรวจที่ตำแหน่งกลางองค์เจดีย์ ในระดับลึกลงจาก พื้นดินเดิมประมาณ 50 เซนติเมตรมีการก่อศิลาแลงกั้น ห้องกรุรูปสี่เหลี่ยมภายในพบผอบสำริดรูปสถูปตั้งวางรอง บนแผ่นสำริดรูปดอกบัว 10 ลักษณะผอบสำริดมีขนาด ความสูง
ทรงหม้อบูรณฆฏะ (หม้อน้ำ) รองรับส่วนฐานทรงระฆัง องค์ระฆังทรงหม้อน้ำเปิดออกได้ภายในบรรจุผอบรูปทรง กระบอกครอบซ้อนกัน๓ชั้นคือผอบสำริด ผอบเงินและ ผอบทองคำชั้นในสุดบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 1 องค์ 11 รองด้วยแผ่นเงินขนาดเล็กรูปดอกบัว ส่วนยอดสถูปที่แยก ชิ้นกับองค์ระฆัง ที่มา : *สันนนิษฐานจากข้อมูลที่ได้จากการขุดแต่งโดย นาย สถาพร ขวัญยืน หัวหน้าหน่วยศิลปากรที่ ๗ ในขณะนั้น *สถาพร ขวัญยืน“การขุดแต่งโบราณสถานที่อำเภอนาดูนจังหวัด มหาสารคาม”นิตยสารศิลปากร ปีที่24 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม, 2523) : 83-85 [A13] [A14] [A13]ผอบสำริดรูปสถูปจำลอง [A14] ผอบสำริดเเละผอบ 3 ชั้นที่บบรรจุ ที่มา :บทคัดย่อ,การประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุสมัยทวารวดี จีราวรรณ แสงเพ็ชร บทความนี้ เป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ เรื่อง ระบบการจัดและการประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุใน ประเทศไทย หลักสูตรปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตสาขาวิชา โบราณคดีสมัย มหาวิทยาลัยศิลปากรปีการศึกษา๒๕๕๒
ภายหลังการถวายพระ
24.4 เซนติเมตรหล่อเป็นรูปสถูปที่มีองค์ระฆัง
7 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.) [A15] [A16] [A15] ตำเเหน่งประดิษฐานพระสารีกธาตุ [A16]แผ่นดินเผาที่พบองค์พระ สถูปนาดูน ประวัติความเป็นมาขององค์พระธาตุนาดูน อารยธรรมโบราณแห่งหนึ่งที่มีเส้นทาง ประวัติศาสตร์ทวารวดีมายาวนานมาก โดยบริเวณที่ตั้ง ของอำเภอนาดูนคือเมืองจัมปาศรีเมืองโบราณที่เจริญรุ่ง เรือนในสมัยทวารวดี
ซึ่งมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีถิ่นฐาน อารยธรรมจัมปาศรีในอดีตกาล สันนิษฐานได้ว่ามีความ เจริญรุ่งเรืองมา 2 ยุค คือ ยุคทวารวดี ระหว่าง พ.ศ. 1000-2000 ยุคลพบุรี ระหว่าง พ.ศ. 1600-1800 นาดูนเป็นชื่อใหม่ ชาวบ้านท้องถิ่นนั้น อธิบายว่าเดิมชื่อนาน้ำดูน นาหนองดูน โนนดูน แล้ว กร่อนเหลือนาดูน คำว่า "ดูน" หมายถึงน้ำจากใต้ดินดัน ขึ้นมาเห็นนูนพุดขึ้น เรียก ดูน (ดุน แปลว่า ดันขึ้น) หรือ ยุคเจนละในอีสาน ตรงกับยุคทวารวดีในภาคกลาง ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2559 โดยนายสุจิตต์ วงษ์เทศ ผู้เขียน ที่มา : ผู้ศึกษาได้สอบถามชาวบ้านระหว่างลงพื้นที่อำเภอนาดูน ประวัติการขุดพบองค์พระธาตุนาดูน [A17] ภาพถ่ายองค์พระธาตุนาดูน ถ่ายโดยผู้จัดทำ ในปีพุทธศักราช 2522 กรมศิลปากรและราษฎร์ในตำบล นาดูนได้ขุดพบพระบรมสารีริกธาตุจากเนินดินที่เป็นซาก โบราณสถาน ในบริเวณที่นาของ นายทองดี ปะวะภูตา ราษฎร์บ้านนาดูน ท้องที่หมู่ที่ 1 ตำบลนาดูน อำเภอนา ดูน จังหวัดมหาสารคาม ได้พระพิมพ์ต่างๆเป็นจำนวน มาก หน่วยศิลปากรที่ 7 ขอนแก่น ได้เข้ามาทำการ ขุดแต่งโบราณสถานตรงที่ขุดพบพระพิมพ์เพื่อรักษา สภาพสถูปและค้นพบพระพิมพ์จำนวนมากแต่มีผู้คน ประชาชนเข้ามาทำให้เกิดการชุลมุนกันเจ้าหน้าที่เลยต้อง เกิดการยุติการขุด วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2522 นายบุญจันทร์ เกศ แสนศรี นักการพานโรงสำนักที่ดินอำเภอนาดูน และได้ ขุดค้นพบสถูปพระบรมสารีริกธาตุมีสัณฐานเหมือนเกล็ด แก้วประดิษฐ์สถานในผอบ 3 ชั้น ชั้นในเป็นทองคำ ชั้น กลางเป็นเงิน ชั้นนอกเป็นสำริด สวดซ้อนกันเรียง ตามลำดับ และบรรจุอยู่ในสถูปจำลองอีกชั้นหนึ่ง เป็น สถูปโลหะ ทรงกลมสูง 24.4 เซนติเมตร ถอดออกเป็น 2 ส่วน ส่วนยอดสูง 12.3 เซนติเมตร ส่วนองค์สถูปสูง 12.1 เซนติเมตร นอกจากนั้นที่ด้านหลังพระพิมพ์บางองค์ยังมี จารึกเป็นภาษาขอมโบราณและมอญโบราณพระธาตุ นาดูนชาวจังหวัดมหาสารคามและรัฐบาล ดีใจอย่างยิ่งที่ ค้นพบพระบรมสารีริกธาตุ จึงเห็นสมควรแก่การสร้าง พระสถูปเจดีย์ประดิษฐาน ไว้ให้ถาวรมั่นคง เป็น ปูชนีย สถานและแก่ภูมิภาคนี้ต่อไป และเพื่อสืบทอดพุทธศาสนา ตามแนวทางแห่งบรรพชน จึงจัดสร้างโครงการพุทธ มณฑลอีสานขึ้น ที่มา : มูลนิธิพระบรมธาตุนาดูน,พระธาตุนาดูน ศูนย์ศึกษา ประวัติศาสตร์นครจัมปาศรี http://www.nadoon.net/nadoon/?page=about ที่มา : หนังสือประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมไทย พัฒนาการ แนวความคิด และคลี่คลายรูปแบบ บทที่ 2 สถาปัตยกรรมสมัย ทวารวดี,อาจารย์วิโรจน์ ชีวาสุขถาวร
เมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 13-15
http://www.nadoon.net/nadoon/?page=about
[A20] พระพุทธรูปดินเผาประทับปางแสดงยมกปาฎิหาริย์แบบที่ 2 ถ่ายโดนผู้จัดทำ
[A21] พระพุทธรูปปางประทับนั่งสมาธิเรียงกันแถวแนวตั้ง
ณ พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นกู่สันตรัตน์ ต.กู่สันตรัตน์
8 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.) เมื่อพุทธศักราช
มีการก่อสร้างพื้นที่สำคัญ คือ เจดีย์พระธาตุนาดูนที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ศูนย์พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมจำปาศรี เพื่อเก็บรักษา โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และเป็นแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับ อา นาจักร จัมปาศรี อยู่ในสมัยทวารวดี อายุประมาณพุทธ ศตวรรษที่ 13-16 ประกอบด้วย วัด สวนรุกขชาติ สวน สมุนไพร ศาลาพัก แหล่งน้ำ และถนน กำหนดพื้นที่ ก่อสร้าง ณ โคกดงเค็ง มีปริมณฑล 902 ไร่เศษ วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2530 พระบาทสมด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหา วชิราลงกรณ์ สยามมงกุฏราชกุมารเสด็จพรัราชดำเนิน แทนพระองค์มาทรงประกอบพิธีอันเชิญพระบรม สารีริกธาตุเข้าบรรจุ ในองค์ เจดีย์พระธาตุนาดูน ที่มา : มูลนิธิพระบรมธาตุนาดูน,พระธาตุนาดูน ศูนย์ศึกษา ประวัติศาสตร์นครจัมปาศรี
2525-2529
พระพิมพ์และวัตถุโบราณ ค้นพบในนครจำปาศรี พระพิมพ์ดินเผา [A18] พระพุทธรูปดินเผาประทับนั่งบนบัลลังก์บัวคว่ำบัวหงายใต้ ต้นโพธิ์ ถ่ายโดนผู้จัดทำ ณ พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นกู่สันตรัตน์ ต.กู่สันต รัตน์ [A19] พระพุทธรูปดินเผาประทับปรางแสดงยมกปาฎิหาริย์แบบ ที่ 1 ถ่ายโดนผู้จัดทำ ณ พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นกู่สันตรัตน์ ต.กู่สันต รัตน์
ณ พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นกู่สันตรัตน์
ต.กู่สันตรัตน์
ถ่ายโดนผู้จัดทำ
9 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.) [A22] พระพุทธรูปดินเผาปางนาคปรก ถ่ายโดนผู้จัดทำ ณ พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นกู่สันตรัตน์ ต.กู่สันตรัตน์ [A23] พระพุทธรูปดินเผาปางนาคปรก 2 องค์คั่นกลาง ถ่ายโดนผู้จัดทำ ณ พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นกู่สันตรัตน์ ต.กู่สันตรัตน์ [A24] พระพุทธรูปปางประทับนั่งสมาธิเรียงกันแถวแนวตั้ง ถ่ายโดนผู้จัดทำ ณ พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นกู่สันตรัตน์ ต.กู่สันตรัตน์ [A25] พระพุทธรูปประทับยืนบนดอกบัว
ต.กู่สันตรัตน์
มีการ แตกหัก ถ่ายโดนผู้จัดทำ ณ พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นกู่สันตรัตน์ ต.กู่สันต รัตน์ [A27] พระพุทธรูปประทับนั่งบนฐานสูง ถ่ายโดนผู้จัดทำ ณ พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นกู่สันตรัตน์ ต.กู่สันตรัตน์ [A26] พระพุทธรูปประทับยืนบนดอกบัว แบบที่ 2 ถ่ายโดนผู้จัดทำ ณ พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นกู่สันตรัตน์ ต.กู่สันตรัตน์
แบบที่ 1 ถ่ายโดนผู้จัดทำ ณ พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นกู่สันตรัตน์
[A26] พระพุทธรูปปางประทับนั่งสมาธิเรียงกันแถวแนวตั้ง
นคร ภาพ[A41]
เดีรถีย์,เมืองนครจำปาศรี อ นาดูน,พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติขอนแก่น
ภาพ[A42] พระพิมพ์ดินเผา ตอนแสดงธรรมะเทศน์นา,พิพิธภัณฑ์สถาน แห่งชาติขอนแก่น [A43] [A44] [A45]
ภาพ [A43] พระพิมพ์ดินเผารูปแบบพระแผงทรงสี่เหลี่ยม
10 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.) [A27] พระพุทธประทับนั่งห้อยพระบาทบนบัลลังก์ใต้ต้นโพธิ์ ถ่ายโดนผู้จัดทำ ณ พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นกู่สันตรัตน์ ต.กู่สันตรัตน์ [A28] [A29] [A30] ภาพ[A28] พระอวโลกิเตศวสี่กร ถ่ายที่พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกู่สันตรัตน์ ภาพ [A29] พระยมทรงกระบือ ถ่ายพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกู่สันตรัตน์ ภาพ[A30] พระนารายณ์ทรงครุฑ ถ่ายพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกู่สันตรัตน์ [A31] [A32] [A33] ภาพ [A31] พระวัชรทร งานแกะสลักช่างพื้นถิ่น ภาพ [A32] พระโพธิ์สัตว์ อวโลกิเตศวรประติมากรรมนูนสูง ภาพ [A33] พระโพธิ์สัตว์อวโลกิเตศวร ประติมากรรมลอยตัว [A34] [A35] [A36] ภาพ [A34]พระศิวะประติมากรรมลอยตัว ภาพ[A35]ชิ้นส่วนรูปพระ นารายณ์ภาพ [A36] พระพุทธรูปนาคปรก [A37] [A38] [A39]
[A37] ใบเสมาจารึกศาลานางขาว อ.นาดูน,พิพิธภัณฑ์สถานขอนแก่น ภาพ [A38] พระเศียรพระมัสสุศาลานางขาวอ.นาดูน,พิพิธภัณฑ์สถาน ขอนแก่น ภาพ [A39] พระพุทธรูปสำริด จาก อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม, พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร [A40] [A41] [A42] ภาพ[A40] พระพุทธรูปสำรึด อ.โกสุมพิสัย,พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระ
ภาพ
พระพิมพ์ดินเผา ตอนแสดงยมกปาฎิหาริย์เพื่อปราบเหล่า
อ.นาดูน, พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติขอนแก่น ภาพ [A44] พระพิมพ์ปางลีลา จากเมือง นครจำปาศรี อ.นาดูน,พิพิธภัณฑ์สถานเหง่ชาติขอนแก่น ภาพ [A45] พระ พิมพ์แบบแผงในทรงสามเหลี่ยม อ.นาดูน จ.มหาสารคาม,พิพิธภัณฑ์สถาน แห่งชาติขอนแก่น
1.)เพื่อเป็นพื้นที่ศึกษาประวัติศาสตร์สมัยทวารวดีและ
2.) เพื่อเป็นพื้นที่จัดนิทรรศการ
3.) เพื่อเป็นที่พบปะสมาคมพระเครื่องพระกรุและผู้คนที่
1.) เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์สมัยทวารวดีที่พบในภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ
2.) เพื่อศึกษาการออกแบบพื้นที่จัดนิทรรศการศิลปะ โบราณในพิพิธภัณฑ์
3 ) เพื่อศึกษาการออกแบบพื้นที่การมีปฎิสัมพันธ์
1.)เป็นพื้นที่เก็บรักษาวัตถุโบราณและจัดแสดง
2.) เป็นพื้นที่พบปะแลกเปลี่ยนความคิดพูดคุย
3.) เป็นพื้นที่จัดแสดงศิลปวัตถุแบบสาธารณะ
1.)ศึกษาประติศาสตร์สมัยทวารวดีในประเทศไทยและ
2.)ศึกษาความเป็นมาของเมืองนครจำปาศรีและชุมชน
3 )ศึกษากระบวนการการออกแบบอาคารประเภท
4.)ศึกษาการออกแบบพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการในอาคาร
11 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.)
วัตถุประสงค์โครงการ
เก็บรักษพระพุทธรูป
พระกรุพิมพ์ดินเผา-พระโลหะ สำรึด และวัตถุโบราณในนครจำปาศรี
,
วัตถุโบราณ ศิลปะ ภูมิ ปัญญาท้องถิ่น
สนใจได้มีการปฎิสัมพันธ์แลกเปลี่ยนความรู้ วัตถุประสงค์การศึกษา
แลกเปลี่ยนความคิดสาธารณะ ขอบเขตโครงการ
นิทรรศการ
ขอบเขตการศึกษา
ภาคตะวันออกเฉียง
พื้นถิ่น
พิพิธภัณฑ์
และนอกอาคาร ขั้นตอนการศึกษาและระยะเวลาในการศึกษา ภาพลงพื้นที่เก็บข้อมูล [A46] [A47] [A48] [A49] [A50] [A51] [A52] [A53] ภาพ [A46] วัตถุโบราณในกู่สันตรัตน์ ภาพ[A47] พระวัชรทรสี่กร,กู่สันตรัตน์ อ.นาดูน ภาพ[A48] พิพิธภัณฑ์นครจำปาศรี วัดดพระธาตุนาดูน ภาพ
[A50] สระน้ำ พิพิธภัณฑ์นครจำปาศรี ภาพ [A51] พิพิธภัณฑ์บ้านอีสาน วัดพระธาตุนาดูน ภาพ [A52] พระบรมสารีริกธาตุนาดูน ภาพ[A53] พระบรมสารีริกธาตุนาดู ช่วงมีเทศกาลงานเข้าพรรษา
[A49]พระพิมพ์ดินเผาเหตุการณ์ต่างๆ,กู่สันตรัตน์, ภาพ
ปัจจุบันเมืองมหาสารคามได้เป็นแหล่งที่ท่องเที่ยว สถาปัตยกรรมพื้นถิ่นและเมืองที่มีสถาปัตยกรรมทางพุทธ ศาสนาสมัยทวารวดีที่สำคัญในประเทศไทยมีพื้นที่สีเขียว แหละพื้นที่ทำการเกษตรมากมายและบางสถาปัตยกรรม
ใหม่ไม่ได้สนใจความเป็นมาตั้งแต่ต้นกลายเป็นความเชื่อที่
พิพิธภัณฑ์ คือ สถาบันที่รวบรวมสงวนและรักษา และ จัด แสดงวัตถุอันมีความสำคัญทางวัฒนธรรมแลวิทยาศาสตร์ เพื่อประโยชน์ในการค้นคว้าการศึกษาและการ เพลิดเพลิน(ความหมายจาก สภาพิพิธภัณฑ์ระหว่างชาติ หรือ ICOM( intermational Council Of Museums ) “พิพิธภัณฑ์เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรที่เปิดเป็น สถานที่สาธารณะและเป็นสถาบันถาวรที่ให้บริการแก่ สังคมและมีส่วนในการพัฒนาสังคม
(ICOM, “ICOM Statutes, amended by the 20th General Assembly of ICOM, Barcelona, Spain, 6 July 2001”, in Development of the Museum
Definition according to ICOM Statutes (1946 –2001), Electronic Document
12 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.)
พื้นที่มีความเจริญขยายตัว และขาด
ความสัมพันธ์ต่อพื้นที่เหล่านั้นมากพอสมควร ดังนั้นจึง เห็นความสำคัญทางประวัติศาสตร์ วัตถุโบราณ พื้นที่อนา เขตควรจะถูกเก็บรักษา ให้ความรู้แก่คนรุ่นหลัง พัฒนา สิ่งที่มีอยู่แล้วให้ดีกว่าเดิม บทที่ 2 วรรณกรรมที่เกี่ยวข้องและกรณีศึกษา
มีหน้าที่รวบรวม สงวนรักษา ค้นคว้าวิจัย เผยแพร่ความรู้ และจัดแสดง วัตถุอันเป็นหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ของมนุษย์ ทั้งนี้เพื่อจุดประสงค์ทางการค้นคว้า การศึกษา และ ความเพลิดเพลินใจ”
ทางประวัติศาสตร์กำลังจะถูกลืมและหายไป ทำให้คนรุ่น
ไม่มีเหตุผลและที่มา
การควบคุมอนุรักษ์ที่ดีพอสมควรแต่ผู้คนชาวบ้านก็ยังมี
พิพิธภัณฑ์ในความหมายของ WEBSTER’s dictionary of synonyms คือ
รวบรวมวัตถุ ทางธรรมชาติ และวิทยาศาสตร์
ศิลปวัตถุ พิพิธภัณฑ์ คือ ความทรงจำ คนเรามักจะเอาความทรง จำที่ดีคืนสู่สังคม ให้สังคมได้ ระลึกถึงคงามเป็นมาที่ ตนเองได้กล่าวไว้ความทรงจำจากคนสู่รุ่นหนึ่งไปสู่รุ่นหนึ่ง (ความหมายจาก หม่อนหลวงสุรสวัสดิ์ สุขสวัสดิ์) เมืองประวัติศาสตร์หมายถึงเขตหรือพื้นที่เป็นชุมชน บริเวณหนึ่งประกอบด้วยอาคารสิ่งก่อสร้างในการดำเนิน ชีวิตและสภาพแวดล้อมมีการปกครองผู้บริหารอย่างมี ระบบ ย่านเมืองประวัติศาสตร์ หมายถึง พื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นย่าน ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มีคุณค่าทางโบราณคดี อุทยานประวัติศาสตร์ หมายถึง สวนสาธารณะหรือส่วน หนึ่งของเมืองมี 3 ระบบคือด้านโบราณสถาน สิ่งแวดล้อม โบราณสถานการก่อสร้างของมนุษย์และธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม พื้นที่สาธารณะ (public space) เป็นพื้นที่ในโลกทาง สังคมซึ่งปัจเจกบุคคลมาพบปะพูดคุยและอภิปรายกัน อย่างเสรีในประเด็นปัญหาทางสังคมการเมืองและ เศรษฐกิจ ประเด็นจากการอภิปรายโต้เถียงปัญหา ข้อมูล ข่าวสารต่างๆ จะถูกตีแผ่แลกเปลี่ยนกันในพื้นที่สาธารณะ ก่อให้เกิดการรับรู้ร่วมกันและนำไปสู่การตัดสินใจเข้าร่วม กิจกรรมทางสังคมและกิจกรรมทางการเมืองของ สาธารณชนในอันดับต่อไป พื้นที่สาธารณะจึงเป็นอาณา บริเวณที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร การสร้างความรู้สึกเป็น ส่วนรวม (sense of public) แนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่สาธารณะที่มีบทบาท สำคัญในชีวิตสาธารณะภายในเมือง คำว่า “สาธารณะ” (Public) ตามความหมายในพจนานุกรม Oxford English Dictionary และ Longman English Dictionary ให้ คำอธิบายถึงการเกี่ยวข้องกับผู้คนทุกคน กลุ่มคนทั่ว ไปที่ รวมถึงชุมชนและมีความหมายตรงข้ามกับคำว่า “ส่วนตัว” (Private) ส่วนในความเห็นของมาดานีพัวร์ (Madanipour, 1996) กล่าวว่า คำว่า สาธารณะ นั้น เกี่ยวข้องกับผู้คนในทุก ระดับตั้งแต่ชุมชน เมือง ประเทศ รัฐ ซึ่งมีความหมายในลักษณะชุมชนระดับโลก ในส่วน ของคำว่า “พื้นที่สาธารณะ” (Public Space) ถูกอธิบาย โดยทั่ว ไปว่าเป็นพื้นที่ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับทุก คน
สมาชิกทุก คนในชุมชน และถูกจัดเตรียมด้วยภาครัฐเพื่อ สาธารณชน ดังนั้น พื้นที่สาธารณะจึงเป็นพื้นที่ที่สามารถ
สถานที่เก็บสะสมวัตถุ
สิ่งแปลกประหลาดและ
เปิดรับ สามารถเข้าถึงได้หรือแบ่งปันร่วมกันกับ
และมีการเข้าถึงได้มากกว่าพื้นที่ส่วนตัว
ลานชุมชนลานเมือง เป็น พื้นที่สาธารณะที่สามารถเข้าใช้พื้นที่ได้โดยไม่ต้องขอ อนุญาตแต่ในการให้ความหมายนี้ยังไม่เพียงพอต่อการ
หลากหลายของเมืองสมัยใหม่
เช่น ถ้าอยู่ใน ย่านค้าขายที่มีร้านค้าเปิดยาวเรียงเป็นแถวย่อมน่าสนใจ กว่าและให้ความรู้สึกปลอดภัยกว่า หรือพื้นที่โล่งๆ นอกจากนี้พื้นที่สาธารณะที่สามารถเดินทางมาได้สะดวก ทั้งด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
ก่อน เนื่องจากโดยปกติแล้วโบราณวัตถุและศิลปวัตถุที่ เป็นทรัพย์สินของแผ่นดินจะเก็บรักษาไว้
13 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.) เข้าถึงได้ในเชิงกายภาพซึ่งสามารถ
ยกตัวอย่างเช่น ทางเท้า
ที่มา : วารสารแนวคิดสาธารณะของพื้นที่สาธารณะในเมือง - Public Concepts of Urban Public Space อ.ศุภชัย ชัยจันทร์ “อาคารชุมนุมคน” หมายความว่า อาคารหรือ ส่วนใด ของอาคารที่บุคคล อาจเข้าไปภายใน เพื่อ ประโยชน์ใน การชุมนุมคนที่ มีพื้นที่ตั้งแต่1,000 ตาราง เมตรขึ้นไป หรือชุมนุมคนได้ ตั้งแต่ 500 คนขึ้นไป ภาพ [A54] Credit : pps.org 1. การเข้าถึงและการเชื่อมต่อ ( Access and linkages) สถานที่ ควรเข้าถึงได้ง่ายโดยมีความเชื่อมโยง กับสภาพแวดล้อมโดยรอบ ทั้งด้านการมองเห็น และด้าน กายภาพ มักจะเป็นสถานที่ที่มองเห็นได้โดยง่าย ถ้า มองเห็นได้จากระยะไกลได้
ด้าน กายภาพก็ส่งผลต่อการเข้าถึงได้เหมือนกัน
หรือมีที่จอดรถมาก เพียงพอ 2. ความรู้สึกสบายและภาพลักษณ์ (Comfort and image)การที่สถานที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย สะอาด และ กลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งก่อสร้างรอบๆ จะช่วยสร้าง เสน่ห์ดึงดูดคนได้ หรือวิธีง่ายๆ อย่างการมีที่นั่งสบายๆ ช่วยดึงให้คนเข้ามาในพื้นที่ได้ ความต้องการของคนเมือง ที่สัญจรไปมาแล้วต้องการที่นั่งหยุดพัก แต่เรามักจะลืม ความต้องการพื้นฐานเหล่านี้ 3. การใช้งานและการจัดกิจกรรม ( Uses and activities)การจัดกิจกรรมเป็นการ ‘เติมเต็ม’ ให้พื้นที่ ว่างๆ ให้มีชีวิตและสีสันขึ้นมาได้ กิจกรรมสร้าง ปฏิสัมพันธ์ที่เป็นกันเองแบบง่ายๆ การจัดแสดงผลงาน ศิลปะ ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้คนเข้ามาในพื้นที่นั้นๆ และ กลับมาอีกเป็นประจำ ซึ่งกิจกรรมนี่แหละ จะเป็นตัวที่ สร้างให้พื้นที่นี้มีความพิเศษ มีเอกลักษณ์ และกลายเป็น ความภาคภูมิใจของชุมชนในที่สุด 4. การเข้าสังคม (Sociability)แม้จะเป็นเรื่องยาก แต่ พื้นที่สาธารณะที่ดีก็ควรทำให้ได้ถึงจุดนี้ คือการที่ดึงผู้คน มาเจอกัน เป็นพื้นที่ให้เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงได้พบปะ พูดคุยทักทาย และรู้สึกสบายใจที่จะทำความรู้จักกับคน ทำให้ผู้คนเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะรู้สึกผูกพัน และรู้สึกเป็น ส่วนหนึ่งของชุมชนมากขึ้น แล้วก็จะอยากมาเข้าร่วม กิจกรรมในพื้นที่ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับโครงการ การจัดตั้งพิพิธภัณฑ์อื่นๆ สามารถจัดตั้งขึ้นได้อย่างอิสระ ไม่มี แบบแผน เพียงแต่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และประกาศต่างๆ ที่ว่าด้วยเรื่องพิพิธภัณฑ์ที่กรม ศิลปากรประกาศกำหนดขึ้น เช่น หากพิพิธภัณฑ์ใด ต้องการจัดแสดงโบราณวัตถุและศิลปวัตถุที่เป็นทรัพย์สิน ของแผ่นดินจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถาน แห่งชาติ พ.ศ. 2504 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 กล่าวคือ ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมศิลปากร
ณ สถานที่อื่นใด นอกจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติมิได้ ยกเว้นจะเก็บ รักษาไว้ที่วัด พิพิธภัณฑสถาน หรือส่วนราชการ ส่วนการ เปิดให้เข้าชมจะเก็บค่าเข้าชมก็ต้องปฏิบัติตามประกาศ กรมศิลปากร เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการแสดงโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุโดยเรียกเก็บค่าเข้า
มองเห็นได้จากทุกคน
ถนน สวนสาธารณะ
อธิบายถึงคุณลักษณะของพื้นที่สาธารณะที่มีความ
และส่วนประกอบอื่น
ประวัติของอสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นประโยชน์ในทาง ศิลปะประวัติศาสตร์หรือโบราณคดีทั้งนี้ให้รวมถึงสถานที่ ที่เป็นแหล่งโบราณคดีแหล่งประวัติศาสตร์และอุทยาน
1.ต้องเป็นอสังหาริมทรัพย์
เกี่ยวกับที่ดินหรือทรัพย์อันติดอยู่กับที่ดินหรือประกอบ เป็นอันเดียวกับที่ดินนั้นด้วย
กรณีคือ
1)โบราณสถานที่เอกชนมีกรรมสิทธิ์ในโบราณสถานนั้น กรณีนี้เอกชนจะเป็นทั้งเจ้าของและผู้ครอบครอง โบราณสถานในขณะเดียวกัน
2)โบราณสถานที่เอกชนไม่มีกรรมสิทธิ์ในโบราณสถานนั้น แต่เป็นผู้มีสิทธิครอบครอง โบราณสถานโดยมีการใช้ประโยชน์ในโบราณสถานจาก การเช่า หรือการตกอยู่ในภาวะแห่งสิทธิอย่างใดอย่าง หนึ่งตามกฎหมายเช่นอาคารตึกแถวของสำนักงาน ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่ให้ประชาชนเช่าเพื่อการ พาณิชย อ้างอิง ชารีมา ทำประเสริฐ, มาตรการทางกฎหมายในการ อนุรักษ์โบราณสถานที่อยู่ในความครอบครองของเอกชน
14 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.) ชมหรือค่าบริการอื่น และต้องมีการควบคุมดูแลให้ผู้เข้า ชมพิพิธภัณฑ์ปฏิบัติตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2539) ออกตามความในพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ดังรายละเอียดที่กล่าวมาแล้วในบทที่ 2 เรื่อง โบราณวัตถุ มาตรการและกลไกทางกฎหมายในการอนุรักษ์ โบราณสถานในประเทศไทยโบราณสถาน หมายถึง สิ่งที่เคลื่อนที่ไม่ได้ เช่น โบสถ์ วิหาร วัง มีอายุ เก่ากว่า 100 ปีขึ้นไป ความหมายของโบราณสถาน ดังกล่าวยังคงใช้อยู่ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554ซึ่งเป็นฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบันพระราชบัญญัติ โบราณสถานโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถาน แห่งชาติ พ.ศ. 2504 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ให้ความหมายไว้ในมาตรา 4 “โบราณสถาน” หมายความว่า อสังหาริมทรัพย์ซึ่งโดยอายุหรือโดย ลักษณะแห่งการก่อสร้างหรือโดยหลักฐานเกี่ยวกับ
ประวัติศาสตร์ด้วย
โดยความหมายของอสังหาริมทรัพย์นั้นตามประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 139 ว่า “อสังหาริมทรัพย์” หมายความว่า ที่ดิน และ ทรัพย์อัน ติดอยู่กับที่ดินมีลักษณะเป็นการถาวรหรือประกอบเป็น อันเดียวกับที่ดินนั้น และหมายความรวมถึงทรัพยสิทธิอัน
ซึ่งได้แก่ ที่ดิน ทั้งที่เป็นที่ดิน ที่เจ้าของมีกรรมสิทธิ์และยังรวมถึงที่ดินที่มีผู้มีสิทธิ ครอบครอง เช่น ที่ดินมีโฉนด โฉนดแผนที่ โฉนดตราจอง ส.ค.1 น.ส.3 น.ส.3 ก. เป็นต้นทรัพย์อันติดกับที่ดินทั้งโดย ธรรมชาติและทรัพย์ที่ติดกับที่ดินโดยมีผู้นำมาติด เช่น ไม้ ยืนต้น เช่น ตึก อนุสาวรีย์ เจดีย์ เป็นต้น ทรัพย์ซึ่ง ประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดิน เช่น แม่น้ำ ลำคลอง ตลอดจนสิทธิอันเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้งทางตรง และทางอ้อม 2.โดยอายุหรือโดยลักษณะแห่งการก่อสร้างหรือโดย หลักฐานเกี่ยวกับประวัติของอสังหาริมทรัพย์นั้นเป็น ประโยชน์ในทางศิลปะ ประวัติศาสตร์ หรือโบราณคดี โดยมีหลักการสำคัญในการพิจารณา ซึ่งได้แก่ อายุของ อสังหาริมทรัพย์ ลักษณะการก่อสร้างขออสังหาริมทรัพย์ และหลักฐานเกี่ยวกับประวัติของอสังหาริมทรัพย์โดย จะต้องเป็นประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งในด้านศิลปะ อ้างอิง กรรณิการ์ สุธีรัตนาภิรมย์,พัฒนาการแนวคิดและวิธีการ อนุรักษ์โบราณสถานในประเทศไทย,(วิทยานิพนธ์ศิลปะศาสตร์ มหาบัณฑิตสาขาประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม,บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2548), หน้า 8-9 โบราณสถานที่อยู่ในความครอบครองของเอกชนนั้น หมายถึงโบราณสถานที่เอกชนมีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิ ครอบครองในโบราณสถานโดยแยกพิจารณาได้เป็น2
, (วิทยานิพนธ์นิติศาสตร์มหาบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2557), หน้า 14
(Circulation design in museum and art
สามารถแบ่งโซนผลงานแต่ละประเภทได้
ภาพ [A57] Comb Type Lay out, wazzadu.com
Decentralized System of Access มี
ภาพ [A58] Decentralized System of Access, wazzadu.com
15 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.) หลักการจัดเเสดงนิทรรศการใน พิพิธภัณฑ์
ศึกษาทฤษฎีทางสัญจรแบบ Centralized
เส้นทางสัญจรแบบ Rectilinear Circuitการเคลื่อนที่ชม งานศิลปะ หรือนิทรรศการเป็นแนวเส้นตรง ผลงานจะอยู่ รอบข้างเหมาะสำหรับเดินสั้นๆชมผลงานจัดแสดงผลงาน แสดงไฟได้ทั่วถึงวางผลงานได้ทั้งสองข้างเดินชมได้เติม รูปแบบ ภาพ [A55] Rectilinear Circuit,wazzadu.com เส้นทางสัญจรแบบ Chain Lay out Chain Lay out เป็นการวางผังแบบต่อเนื่อง จัดโดยจุดแสดงที่แตกต่างกัน มาเชื่อมต่อกัน ทางสัญจรไหลเวียนเป็นวงกลม ลำดับ พื้นที่จัดแสดง
ผู้ชมสามารถเลือกดูผลงานแต่ละพื้นที่ได้ ภาพ [A56] Chain Lay out Chain Lay out, wazzadu.com เส้นทางสัญจรแบบ Comb Type Lay out เป็นการจัด วางผังที่มีทางเดินกลางเป็นหลัก ทางเข้าอาจเป็นด้าน ท้ายด้านใดด้านหนึ่ง หรือมีทางเข้าอยู่ตรงกลาง สามารถ ไปทางซ้าย หรือขวาได้ เป็นการเพิ่มขอบเขตให้แก่ผู้ชม โดยผู้ชมสามารถเลือกดูได้หลายส่วนหลายแบบ
gallery)
System of Access
ไม่แออัด ของผู้ชม ถ้ามีผู้คนจำนวนมากจะทำให้เลือกชมได้ไม่ต้อง ตามลำดับแต่ก็เลือกชมได้ทั้งหมด
ทางสัญจรแบบ
ทางออก และทางเข้าสองทางหรือมากกว่า ไม่บังคับไป เส้นทางที่กำหนด สามารถเดินไปมาอย่างอิสระ ครบต่อ การชมครั้งหนึ่ง แต่สามารถเดินกลับไปกลับมาได้ตลอด เป็นถนนนิทรรศการ
เส้นทางสัญจรแบบ Star Shape เป็นผังสัญจรที่มี ลักษณะคล้ายดาว ผัง Star Shape ผู้ชมจะไม่สามารถ เลือกชมได้ หรือเดินแยกได้สะดวก การออกแบบผังให้ แกนมีความสมดุลการเลือกใช้ผังลักษณะอาจทำให้ผู้ชม เกิดแต่อาจเกิดการสับสนบางทีแต่อาจแก้ปัญหาโดยมีสิ่ง บอกลำดับผลงานแบบสลับซ้าย-ขวาได้ เหมาะสำหรับ พิพิธภัณฑ์ หรืออาร์ตแกลอรี่ที่ต้องการเพิ่มลูกเล่นการ เดิน
16 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.) ภาพ [A59] Star Shape, wazzadu.com กรณีศึกษาอาคารตัวอย่าง 2.2 เกฑณ์กลางในการศึกษาอาคารตัวอย่างอาคาร โครงการภายในประเทศ ภาพ [A60] พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร กรุงเทพฯ ภาพ [A61] ศูนย์เรียนรู้ประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ภาพ [A62] VR MUSEUM,กรุงเทพฯ โครงการต่างประเทศ ภาพ
ประเทศฝรั่งเศส ภาพ
ประเทศฝรั่งเศส
[A63] The Guimet Museum,
[A64] Musée du Louvre,
6.
) แนวคิดในการออกแบบ
เพราะเป็นสถานที่สภาพวังเดิมที่เคยใช้งานของส่วนตัว กษัตริย์และบุคคลในวังหลวงที่สำคัญมาก่อนทำให้ตัว อาคารไม่ได้ปรับปรุงภายนอกแต่อนุรักษ์สภาพอาคารเดิม
ภาพ[A66]แผนผังการจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนคร,www.bloggang.com
ภาพ[A67]แผนผังการบริหารและหน่วยงานต่างๆของ
,virtualmuseum.finearts.go.th
17 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.) สิ่งที่นำมาศึกษา พิพิธภัณฑ์สถาน แห่งชาติ พระนคร ศึกษาทางสัญจรและการแสดงที่ หลากหลาย zoing VR MUSEUM ศึกษาการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เข้ามาในการจัดแสดง ศูนย์ศึกษา ประวัติศาสตร์อยุธยา ศึกษาการจัดแสดงการเล่า เรื่องราวที่มา และการจำลองผังโมเดลและพื้น ที่ตั้งโครงการ TheGuimet Museum ศึกษาการจัดแสดง ประติมากรรมลอยตัว Musée du Louvre ศึกษาการใช้วัสดุสมัยใหม่กับ สมัยยุคก่อนผสมผสานกัน กรณีศึกษาที่ 1 ภาพ [A65] พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร, p-thailand.co.il 1.) ชื่อโครงการ : พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร 2.) ที่ตั้งโครงการ : เลขที่ 4 ถนนหน้าพระธาตุ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 3.) ประเภทโครงการ : พิพิธภัณฑ์,ชีวประวัติ, ประวัติศาสตร์ และ โบราณคดี 4.) เจ้าของและผู้ออกแบบ กรมศิลปากร 5.) แนวคิดในการจัดตั้งโครงการ เพื่อเก็บรักษาโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ซึ่งเป็นเครื่องราช บรรณาการต่างๆของกษัตริย์พระราชวังแห่งนี้เคยเป็นที่ ประทับของพระมหาอุปราชในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ยกเลิก ตำแหน่งพระมหาอุปราช พระราชวังแห่งนี้จึงว่าง จึงโปรด เกล้าฯให้ทำสร้าง มิวเซียมหลวง ในพระบรมมหาราชวัง มาตั้งแสดง
ไว้ แต่ภายในถูกปรับเปลี่ยนตามการเวลาและเรื่องราวใน การจัดแสดงพื้นที่นั้นๆ สมัยรัชกาลที่ 7 โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชมณเฑียรสถานในพระราชวังสถาน มงคลทั้งหมดจัดตั้งเป็น พิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร โดยมีกรมศิลปากรดูแล
โครงการมีการออกแบบห้องที่หลากหลายและพื้นที่
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร
ภาพ[A72] ห้องประวัติศาสตร์
silpa-mag.com
ภาพ [A73] ภาพภายนอกอาคาร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
ที่มvirtualmuseum.finearts.go.th
ภาพ[A74] พระพุทธรูปปางปฐมเทศนา ยุคทวารวดี
18 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.) [A68]ภาพถ่ายทางอากาศบริเวณพื้นที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พื้นที่เป็นพระราชวังเก่าติดพื้นที่ใกล้เคียง -ลานปีดีพนมยง สวนอนุสรณ์สถาน -คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรม ท่าพระจันทร์ -โรงละครแห่งชาติ -อนุสาวรีย์ทหารอาสา สงครามโลกครั้งที่ 1 -พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า เจ้าอยู่หัว -พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป์ ภาพภายในอาคาร [A69] [A70] ภาพ [A69] ภาพ [A70] ห้องจัดแสดงพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ที่มาfacebook, National Museum Bangkok : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร [A71] [A72] ภาพ[A71]ห้องเครื่องใช้ในพระพุทธศาสนา พิพิธภัณฑสถาน แห่งชาติ พระนคร ที่มา ศิลปะวัฒนธรรม
ตอนต้น
โบราณคดี ธนบุรี – รัตนโกสินทร์
ที่มา ศิลปะวัฒนธรรม silpa-mag.com
พระนคร
ที่มาsarakadeelite.com
1.) ชื่อโครงการ
V.R. King Power Complex Museum
2.) ที่ตั้งโครงการ : 487/1
กรุงเทพมหานคร 10400
3.) ประเภทโครงการ : ชีวประวัติ, ประวัติศาสตร์ และ โบราณคดี
4.) เจ้าของและผู้ออกแบบ
: เอกชน King Power สถาปนิก : อุดมศักดิ์ โกโมวิลาส, จริยาวดี เลขะกะวัฒนะ , Luke Yeung
5.) แนวคิดในการจัดตั้งโครงการ เจ้าของโครงการมีการสะสมวัตถุโบราณ จำนวนมากและ เป็นที่ชื่นชอบ(JOURNY THE BUDDHA) เจตนาอยากให้ ผู้อื่นได้ศึกษาและเข้าชมเพื่อเป็นการเรียนรู้ในอาคารคิง เพาเวอร์จัดแสดงพระพุทธรูป
ผนังสถาปัตยกรรมและผนังกั้นที่มีความหนาแปรผันอย่าง
การออกแบบนี้ช่วยให้เปิดกว้างและความเป็น ส่วนตัวได้หลายระดับระหว่างแกลเลอรีและพื้นที่เชิง
ในขณะที่ยังคงรักษาระดับความสม่ำเสมอใน
19 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.) กรณีศึกษาที่ 2
วีอาร์ คิงเพาเวอร์ คอมเพล็กซ์
: พิพิธภัณฑ์
รางน้ำ แขวง ถนนพญาไท
ถนน
เขตราชเทวี
งานประติมากรรมที่ เกี่ยวเนื่องกับศาสนาพุทธและศาสนาพราหมณ์ ฮินดู ห้อง จัดแสดงอยู่ภายใต้โดมออกแบบเป็นคริสตัลขนาดใหญ่ ของอาณาจักรธุรกิจคิงเพาเวอร์ โถงห้องต้อนรับ มี เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ คำว่าวีอาร์ ย่อมาจากชื่อ ภาษาอังกฤษของ คุณวิชัย รักศรีอักษร หรือศรีวัฒน ประภาในปัจจุบัน 6.) แนวคิดในการออกแบบ พื้นที่เชิงพาณิชย์ที่มีอยู่เป็นโดมกระจกเอเทรียม 30 เมตร การออกแบบแกลเลอรีซึ่งมีพระพุทธรูปและสิ่งประดิษฐ์ ต่างๆ ตั้งอยู่บริเวณชั้นล่างของห้องโถงใหญ่โดยการฉาย เส้นทแยงมุมไปยังพื้นผิวที่เป็นของแข็งในแนวตั้งซึ่งเป็น แนวรัศมีในแผนผังด้วย รูปแบบ 'ลึก' เหล่านี้ส่งผลให้เกิด
ต่อเนื่อง
พาณิชย์
ระดับสูงไว้ ภาพ [A75] ภาพถ่ายทางอากาศ อาคาร King Power Rangnam พื้นที่เป็น บริษัท King Power Rangnam ติดพื้นที่ใกล้เคียงกับ -โรงพยาบาล สถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ -โรงเรียนศรีอยุธยา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าภคินี เธอ -สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) -เซ็นจูรี่ เดอะมูฟวี่พลาซ่า อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ -อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ - BTS อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ [A76] [A77] ภาพ [A78] แผนผังแสดง V.R. King Power Complex Museum ที่มา d.sac.or.th,ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
[A85]
ภาพ [A86] zoning การจัดแสดงภายใน V.R. King Power
Complex Museum
ภาพ [A87] [A88] [A89]
V.R. King Power
ภาพ [A90]
King Power
ภาพ [A91] [A92] Facade Design V.R. King Power
ที่มาarchdaily.com
5.) แนวคิดในการจัดตั้งโครงการข้อเสนอของสมาคมไทยญี่ปุ่นและจังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้มีการปรับปรุง บริเวณที่เคยเป็นหมู่บ้านญี่ปุ่นเพื่อสร้างมาเป็นการจัดตั้ง ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยาแทนและมีความตกลง ร่วมกันระดับรัฐบาลโดยรัฐบาลญี่ปุ่นให้เงินช่วยเหลือเพื่อ
20 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี
ภาพภายในอาคาร [A79] [A80] [A81] [A82] [A83]
(Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.)
[A84]
ภายในอาคารพื้นที่ต้อนรับ
V.R.
ภายในพื้นที่แสดง 3 มิติและประติมากรรม
กรณีศึกษาที่
1.) ชื่อโครงการ : ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา
ที่ตั้งโครงการ : ถ.โรจนะ ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา จ. พระนครศรีอยุธยา
3
2.)
13000 3.) ประเภทโครงการ : ประวัติศาสตร์
4.) เจ้าของและผู้ออกแบบ : หน่วยงานราชการ สถาปนิก : Nikken Sekkei
เป็นการเฉลิมพระเกียรติในพระราชวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา
21 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.) ครบ 60 พรรษา และเพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสที่มิตรภาพ ระหว่างประเทศญี่ปุ่นกับราชอาณาจักรไทยได้ถาวรยืน นานมาครบ 100 ปี 6.) แนวคิดในการออกแบบ จัดแสดงด้วยข้อมูลจากการวิจัย แบ่งเป็น 4 หัวข้อได้แก่ พระนครศรีอยุธยาในฐานะเมืองราชธานี กรุงศรีอยุธยาใน ฐานะเมืองท่า อยุธยาในฐานะศูนย์กลางอำนาจการเมือง และการปกครอง ชีวิตชาวบ้านไทยสมัยก่อนและอีกหนึ่ง หัวข้อคือความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับต่างประเทศ จัดแสดงที่ตำบลเกาะเรียน บริเวณที่เคยเป็นหมู่บ้านชาว ญี่ปุ่นในสมัยอยุธยา ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก [A93] แผงแสดง zoning ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา [A94]ภาพถ่ายทางอากาศบริเวณศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา พื้นที่เป็น ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์ พื้นที่ติดกับ -มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา -สะพานวานร คลองประตูเทพหมี -บึงพระราม -พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา -วัดป่าสัก -ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา -โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย -โรงเรียน จิระศาสตร์วิทยา ภาพภายในอาคาร [A95] [A96] [A97] [A98]
, db.sac.or.th, oknation.net
[A103] zoning ภายในศูนย์การเรียนรู้ประวัติศาสตร์อยุธยา
[A104] the guimet,museum,culturalheritageonline.com
22 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.) [A99] [A100] [A101] [A102] ภาพ [A95] ศูนย์การเรียนรู้ประวัติศาสตร์อยุธยา บริเวณหมู่บ้าน ญี่ปุ่น ภาพ [A96] [A97] [A98] ภายในศูนย์การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ อยุธยา ภาพ [A99] [A100] ศูนย์การเรียนรู้ประวัติศาสตร์อยุธยา บริเวณ หมู่บ้านญี่ปุ่น
ศูนย์การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ อยุธยา บริเวณหมู่บ้านญี่ปุ่น ที่มา ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธ
ภาพ [A101] [A102] ภายนอก
ที่มา ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธ, db.sac.or.th กรณีศึกษาที่ 4
1.) ชื่อโครงการ : the guimet museum 2.) ที่ตั้งโครงการ : เขตที่ 16 ของกรุงปารีส ประเทศ ฝรั่งเศส 3.) ประเภทโครงการ : ประวัติศาสตร์,ศิลปกรรมกรีก-พุทธ 4.) เจ้าของและผู้ออกแบบ หน่วยงานภาครัฐ-เอกชน ก่อตั้งโดยÉmile Étienne Guimet นักอุตสาหกรรม สถาปนิก Jules Chantron 5.) แนวคิดในการจัดตั้งโครงการ จัดแสดงผลงานศิลปะส่วนตัวของ Guimet และเป็นที่ตั้ง ของห้องสมุดร่วมกับสถาบันวิจัยและการสอน พิพิธภัณฑ์ เปิดครั้งแรกที่เมืองลียงในปี พ.ศ. 2422 ถูกย้ายไปปารีส เปิดในสถานที่ d'Iéna ในปี พ.ศ. 2432 อุทิศให้กับการ เดินทาง Guimet เป็นยุคล่าอนานิคมในปี พ.ศ. 2419 ได้รับมอบหมายจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อศึกษาศาสนาของตะวันออกไกลจากการสำรวจครั้งนี้ รวมถึงเครื่องลายคราม จีนและญี่ปุ่นชั้นดี และวัตถุที่ไม่
และอินโดนีเซีย
6.) แนวคิดในการออกแบบ
อาคารได้มีการย้ายจากสถานที่เดิมมาเป็นลักษณะ การ จัดแสดงเพื่ออุทิศของ Guimet
ถึงศักย์ภาพในการครอบครองวัตถุโบราณต่างๆจากเอเชีย
- Palais Jena - Cultural Events
- Les Salons de l'Hôtel des Arts et Métiers
- Musée d'Art Moderne de Paris
- Palais Galliera
- Mona Bismarck American Center
- Casinos de jeux en France | Groupe Tranchant
[A108] [A109]
ภาพ [A107] ภายในบริเวณห้องหนังสือ the guimet museum
ที่มา pariscrea.com
ภาพ [A108] [A109]
the guimet museum
ที่ pariscrea.com
[A110] ชั้นล่าง
[A111] ชั้นล่าง
23 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.)
รวมถึงของอียิปต์
เพียงแต่เกี่ยวกับศาสนาของตะวันออก
โบราณกรีซและ จัดแสดงผลงานพุทธศิลป์มีต้นกำเนิด จากวัฒนธรรมเขมรในกัมพูชาพุทธศิลป์จากเวียดนาม
ในยุล่าอนานิคมที่แสดง
ตะวันออก-เอเชียตะวันตกเฉียงใต้ [A105] ภาพถ่ายทางอากาศ บริเวณ the guimet,museum พื้นที่เป็น the guimet,museum พื้นที่ติดกับ
-ปาเล่ส์ เดอ โตเกียว พื้นที่จัดแสดงศิลปะ
พิพิธภัณฑ์ศิลปะ สมัยใหม่ของเทศบาลเมืองปารีส
พิพิธภัณฑ์กัลป์ลิเอรา
ภาพภายในโครงการ [A106] ภายในtheguimet,museum ที่มา
culturalheritageonline.com
[A107]
ภายในบริเวณพื้นที่จัดแสดงประติมากรรม
ภาพ [A110] [A112] [A113] [A114] [A115] ผัง zoning แสดง
the guimet museum ที่มา guimet.fr
[A116] The Louvre Museum พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์
1.)
ที่ตั้งโครงการ
: กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
Rue de Rivoli,75001 Paris 3.)
4.)
Garden
สวนตุยเลอรี
- Les Caves du Louvre
- Samaritaine
24 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี
[A112
ชั้น 1 [A113] ชั้น 2 [A
ชั้น
พื้นที่ภายในอาคาร
กรณีศึกษที่ 5
(Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.)
]
114]
3
ชื่อโครงการ
ประเภทโครงการ : พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และวัตถุโบราณ
เจ้าของและผู้ออกแบบหน่วยงานภาครัฐ ปรับปรุง สถาปนิก ปีแยร์ เลโก ปรับปรุงต่อเติม เอ๋อ หมิง เป่ย ไอ.เอ็ม.เป สถาปนิกชาว จีน-อเมริกัน 5.) แนวคิดในการจัดตั้งโครงการ ตั้งแต่สมัยราชวงศ์กาเปเซียง ตัวอาคารเดิมเคยเป็น พระราชวังหลวง ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ที่จัดแสดงและ เก็บรักษาผลงานทางศิลปะพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ที่เคยเป็นวัง ของกษัตริย์ฝรั่งเศสนั้น โดยสรุปแล้ว มีผลงานมากกว่า 38,000 ชิ้นจากอารยธรรมโบราณรอบๆ ทะเลเมดิเตอร์เร เนียน 6.) แนวคิดในการออกแบบ พีระมิดแก้วของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ออกแบบโดย ไอ. เอ็ม. เป สถาปนิกชาวจีน-อเมริกัน ก่อสร้างเสร็จเมื่อปีค.ศ. 1988
: The Louvre Museum พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Musée du Louvre) 2.) ที่อยู่ใต้ฐาน พีระมิด โดยพีระมิดกลับหัว หรือ The Inverse Pyramid ซึ่งเป็นพีระมิดแก้วเช่นเดียวกัน ที่สามารถมองเห็นได้จาก ใต้ดิน โดยฐานพีระมิดจะอยู่บนพื้นผิวระดับถนน ซึ่ง โครงการนี้เสร็จสมบูรณ์ในปีค.ศ.1993 ได้มีความพยายาม ทำการแปรรูปขึ้น [A117] ภาพถ่ายทางอากาศ บริเวณ The Louvre Museum พื้นที่เป็น พระราชวังอาคารเดิม พื้นที่ติดกับ
เป็นหนึ่งในโครงการที่เริ่มของประธานาธิบดีฟร็อง
ซัว มีแตร็อง เพื่อใช้สอยเป็นทางเข้าหลักของพิพิธภัณฑ์ โดยผู้เข้าชมจะต้องเข้าผ่านล็อบบี้ใต้ดิน
- Carrousel
- Jardin des Tuileries
พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.)
- Bourse de Commerce - Pinault Collection
- Domaine National du Palais-Royal พระราชวัง
หลวง
- La Comédie Française โรงละครกอเมดีฟร็องแซซ
- Palais-Royal Garden
- Chatelet Les Halles รถประจำทาง ภาพภายในอาคาร
ภาพ[A118]ภายในอาคารบริเวณทางสัญจร
The Louvre Museum ที่มา flickr.com
[A119]บันไดภายใน
The Louvre Museum ที่มา woolfinterior.com
[A120] พีระมิดแก้ว ที่มา maxpixel.net
[A121] ภายในบริเวณจัดแสดงประติมากรรมกรีก-โรมัน ที่มา
flickr.com
[A122]ภายนอกอาคาร
The Louvre Museum ที่มา boutiquesdemusees.fr
[A123] zoning The Louvre Museum
ที่มา vernerjohnson.com
25
[A118] [A119] [A120] [A121] [A122]
จังหวัดมหาสารคาม พ.ศ. 2561 – 2565 (ฉบับทบทวน พ.ศ. 2563)
9 การพัฒนาภาคเมืองและพื้นที่ เศรษฐกิจได้มีแนวทาง การพัฒนาศูนย์กลางจังหวัดให้เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุก คนในสังคม มีความปลอดภัย สิ่งแวดล้อมที่ดี
สภาพยังไม่สวยงามหากได้พัฒนาจะเป้นประโยชน์ต่อ
สัญจรให้กับประชาชนเพื่ออำนวยความสะดวกให้แหล่ง ท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยว การท่องเที่ยวทัศนียภาพที่ดี วัตถุประสงค์โครงการ
1.ส่งเสริมภาพลักษณ์อันดีงาม มุมมองใหม่ที่สร้างความ ประทับใจนักท่องเที่ยวในไทยและต่างชาติ เพื่อกระตุ้น รายได้ในการท่องเที่ยว 2.พัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองและชุมชนมหาสารคาม ให้เกิดทัศนียภาพที่ดีและเป็นที่ยึดเหนียวจิตใจ
26 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.) บทที่ 3 ความเป็นไปได้ของโครงการ 3.1ความเป็นไปได้โครงการ พื้นที่อำเภอนาดูนเป็นพื้นที่ที่มีการใช้ชีวิตรวมกับวิถีชีวิต ท้องถิ่นเดิมและอาศัยอยู่ใกล้ชิดกับเมืองโบราณที่ยัง เหลืออยู่ ผู้คนจะผูกพันมากกับพื้นที่ต่างๆ
เป็นส่วนช่วย
ความเป็นมา
โดยทำให้คนใน ชุมชนมีส่วนร่วมกับโครงการ ความเป็นไปได้ในด้านโย บายดังนี้ นโยบายเเผนอ้างอิงจังหวัดมหาสารคามแผนพัฒนา
ประเด็นยุทธศาสตร์ที่
สะดวก
กายภาพ
โดยใช้ประโยชน์จาก ธรรมชาติ
แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและวัฒนธรรมและชมุชน สภาพปัญหา/ความต้องการ
มีการค้นพบ วัตถุโบราณที่มีค่าทางประวัติศาสตร์
เผยแพร่และส่งเสริมประเพณี วัฒนธรรม
ทำให้เกิดการเห็นคุณค่าและเก็บรักษา
เดินทาง
สาธารณูปโภคทั่วถึง เน้นมีความหลากหลายทาง
ให้ความสำคัญต่อผังเมืองและพื้นที่สีเขียว พัฒนายกระดับการท่องเที่ยว
ภูมิปัญญาท้องถิ่น
พื้นที่ชุมชนและจังหวัดมหาสารคาม และพัฒนาการ
ข้อมูลพื้นฐานด้านกายภาพ ที่ตั้งและขนาด จังหวัดมหาสารคามตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ มีพื้นที่ 5,291.683 ตารางกิโลเมตร หรือ 3,307,301.87 ไร่ มีพื้นที่เป็นล้าดับที่ 14 ของภาค และเป็นลำดับที่ 41 ของประเทศไทย มีอาณาเขตติดต่อ กับจังหวัดใกล้เคียง ดังนี้ ทางทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดขอนแก่นและจังหวัด กาฬสินธุ์ ทิศใต้ ติดต่อกับ จังหวัดสุรินทร์และจังหวัดบุรีรัมย์ ทิศตะวันออก ติดต่อกับ จังหวัดกาฬสินธุ์ และจังหวัด ร้อยเอ็ด ทิศตะวันตก ติดต่อกับ จังหวัดขอนแก่น และจังหวัด บุรีรัมย์ ด้านทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม 1)ป่าไม้จังหวัดมหาสารคาม มีพื้นที่ป่าไม้ 133,044.17 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 3.80 ของพื้นที่จังหวัดส่วนใหญ่เป็นป่าเต็ง รังซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของจังหวัดบริเวณอำเภอกุดรัง อำเภอบรบืออำเภอนาเชือกอำเภอนาดูนและอำเภอวาปี ปทุมมีป่าสงวนแห่งชาติ จ้านวน 10 แห่ง (พื้นที่ป่าสงวน แห่งชาติส่วนใหญ่มอบให้ สปก.ปฏิรูปที่ดิน) มีวนอุทยาน จำนวน 2 แห่ง คือวนอุทยานโกสัมพีตั้งอยู่อำเภอโกสุม พิสัย เนื้อที่ 177.243 ไร่ และวนอุทยานชีหลง ตั้งอยู่ อำเภอกันทรวิชัย เนื้อที่ 279.159 ไร่ มีสวนรุกชาติ 2 แห่ง คือ สวนรุกชาติพุทธมณฑล อำเภอ นาดูน และสวนรุกชาติท่าสองคอน อำเภอเมือง มหาสารคาม มีเขตห้ามล่าสัตว์ป่า 1 แห่ง และประกาศ เป็นเขตคุ้มครองสิ่งแวดล้อม คือ เขตห้ามล่าสัตว์ ป่าดูนล้าพัน อำเภอนาเชือก เนื้อที่ 376.025 ไร่ แหล่งท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยวทางประเพณีและวัฒนธรรม มีดังนี้งาน นมัสการพระธาตุนาดูน อำเภอนาดูน เป็นงานประเพณี ประจ้าปีซึ่งจัดขึ้นในช่วงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี เพื่อเป็นการนมัสการองค์พระธาตุ ในงานมีขบวนแห่ ประเพณี 12 เดือน การแสดงตำนาน นครจำปาศรี สถานการณ์ท่องเที่ยวของจังหวัด สถานการณ์ท่องเที่ยวของจังหวัดมหาสารคาม ในปี 2561 มีรายได้จากการท่องเที่ยวจ้านวน 92.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากเดิมในปี พ.ศ. 2560 จ้านวน 3.81 ล้านบาท มี นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ รวมทั้งสิ้นจ้าน วน 59,855 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2560 จ้านวน 629 คน
ภายนอกประเทศอย่างบูรณาการใช้พื้นที่เป็นตัวตั้งในการ กำหนดกลยุทธ์และแผนงานและการให้ทุกฝ่ายที่ เกี่ยวข้องได้เข้ามามีส่วนร่วมในแบบทางตรงให้มากที่สุด
ฉบับที่ 12เป็นแผนพัฒนาในระยะ 5 ปี(พ.ศ. 25602564) ซึ่งแปลงยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี(พ.ศ.2560 – 2580)
แผนพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงแผนพัฒนา
12
(พ.ศ. 2560 - 2564)
เพื่อพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นศูนย์กลาง เศรษฐกิจของอนุภูมิภาคลุ่มแม่นำโขงและมีบทบาท
สนับสนุนประเทศเป็นศูนย์กลางภูมิภาคเอเชียตะวันออก
เฉียงใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาการท่องเที่ยวเชิงบูรณาการ เป้าหมายการพัฒนา“นวัตกรรมน้าเกษตรกรรมยั่งยืน อุตสาหกรรมการเกษตรเชื่อมโยงการบริการการ ท่องเที่ยวบทวิเคราะห์ศักยภาพจังหวัดมหาสารคาม จังหวัดมีการประเมินสภาวะแวดล้อมทั้งภายในและ
ศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(สะดืออีสาน)ที่ สามารถเชื่อมโยงด้านการคมนาคมขนส่งและการ ท่องเที่ยวทำให้โอกาสการพัฒนาจังหวัดให้เป็นศูนย์กลาง การท่องเที่ยวของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีความเป็นไป ได้สูงประกอบกับจังหวัดมีพระธาตุนาดูนที่สามารถ ส่งเสริมเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และ วัฒนธรรมได้
27 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.) ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 - 2580) ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิต ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีเป้าหมายการพัฒนาที่สำคัญ เพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุก มิติทั้งด้านสังคมเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ธรรมาภิบาล และ ความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือระหว่างกันทั้งภายในและ
เท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเป็นการด าเนินการบนพื้นฐานการ เติบโตร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นทางเศรษฐกิจสิ่งแวดล้อม และ คุณภาพชีวิตโดยให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลทั้ง 3 ด้านอันจะนำไปสู่ความยั่งยืนเพื่อคนรุ่นต่อไปอย่างแท้จริง ที่มา แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่สิบสอง พ.ศ.
แผนพัฒนาฯ
สู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น ทิศทางการพัฒนาของ แผนพัฒนาฯ
ให้สามารถ สนับสนุนการเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการ มีคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน
2560 – 2564
ฉบับที่ 12 เพื่อรักษาและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและคุณภาพสิ่งแวดล้อม
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่
ภายนอก จุดแข็ง
มีที่ตั้งเป็นจุดศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (สะดืออีสาน)สามารถเชื่อมโยงด้านคมนาคมขนส่งและ การท่องเที่ยวฯลฯมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายเชิง ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมทางธรรมชาติ เช่น พระธาตุนา ดูน กู่สันตรัตน์ พระมิ่งเมือง บึงกุย อุทยานโกสัมพี และ พัฒนา edutainment ได้เป็นเมืองแห่งการศึกษา(ตัก สิลานคร)ผลิตบุคลากรรองรับการเข้าสู่ AEC มีภูมิปัญญา ท้องถิ่นที่สามารถต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างงาน สร้าง รายได้ ให้กับคนในพื้นที่ เช่น เสื่อกก ผ้าไหมสร้อย ดอกหมาก จุดอ่อน (Weaknesses) มีพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัยและภัยแล้ง ซึ่ง ส่งผลกระทบต่อผลผลิตเกษตรและคุณภาพชีวิตของ ประชาชน โอกาส (Opportunities) การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เป็นโอกาสใน การเชื่อมโยงการค้า การลงทุน และท่องเที่ยว และมีการ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกัน รวมทั้งสามารถขยาย ธุรกิจทางการศึกษา วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของสภาวะแวดล้อมจังหวัด มหาสารคาม ปัจจัยภายในกับปัจจัยภายนอกการที่จังหวัดเป็นจุด
อ้างอิง แผนพัฒนาจังหวัดมหาสารคาม พ.ศ. 2561 – 2565 (ฉบับทบทวน พ.ศ. 2563) ส านักงานจังหวัดมหาสารคาม กลุ่มงานยุทธศาสตร์และข้อมูลเพื่อการพัฒนาจังหวัด
(Strengths)
3.3 วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้งานโครงการ เนื่องจากมีผู้ใช้งานโครงการใกล้เคียงค่อยข้างมากจึง วิเคราะห์โดยใช้ GEN ในการแบ่งแยกพฤติกรรม
เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการและ
28 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.) 3.2 ความเป็นไปได้ด้านของผู้ใช้สอย รายละเอียดโครงการ การสังเคราะห์ข้อมูลเพื่อกำหนดขอบเขต ปริมาณภายใน โครงการในเเต่ละด้านพื้นที่ใช้สอยและการใช้งานของผู้ใช้ สอย ได้แก่ด้านเทคโนโลยี ด้านประวัติศาสตร์ ด้านการให้ ความรู้ ด้านการจัดเเสดงตามวัตถุประสงค์โครงการเพื่อ กำหนดพื้นทีโครงการและพื้นที่ใช้สอย ขอบเขตรูปเเบบ กิจกรรมที่เกิดขึ้นภายในโครงการ กลุ่มผู้ใช้งานรูปเเบบ ความต้องการ หน้าที่และสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึง สภาพแวดล้อม การตอบสนองผู้ใช้สอยในโครงการมีดังนี้ ประเภทผู้ใช้สอยโครงการ ลักษณะประเภทการใช้งาน กิจกรรม ช่วงเวลา โดยเเบ่ง เป็น 2 ประเภท ผู้ให้บริการ ศึกษาด้านพฤติกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวก กิจกรรม การทำงาน
เช่น คณะกรรมการโครงการ หัวหน้าฝ่ายบริหาร เป็นต้น
เจ้าหน้าที่ พนักงานทั่วไป คือ
เรียบร้อย
1) ฝ่ายบริการและเจ้าหน้าที่ส่วนสำนักงาน
2)
เจ้าหน้าที่ดูเเลความ
เจ้าหน้าที่ให้ความรู้ เจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงเป็นต้น
ข้อมูลผู้รับบริการ
กิจกรรมต่าง กลุ่มทั่วไปโดยหลักการวิเคราะห์ Ganeration กลุ่ม 1 Baby Boomer ผู้สูงวัย ซึ่งได้แก่ กลุ่มคนที่มีอายุ ระหว่าง 54-72 ปี กลุ่มที่ 2 คือ Gen X ซึ่งได้แก่ กลุ่มคนที่มีอายุระหว่าง 38-53 ปี กลุ่มที่ 3 คือ Gen Y อายุระหว่าง 21-37 ปี กลุ่มที่ 4 คือ Gen Z อายุระหว่าง 8-20 ปี กลุ่มผู้ใช้งานจะมีผลต่อโครงการ เเต่ Gan Y จะมีกลุ่ม อายุสูงสุดของประเทศ ทั้งในประเทศเเละต่างประเทศ กลุ่มนี้มีอิทธิพลสูงมาก ทั้งเศษฐกิจ การเปลี่ยนเเปลง ค่านิยม สังคมกลุ่มผู้สูงอายุก็มากขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 25632565 ประเทศไทยเริ่มมีผู้สูงอายุมากขึ้นจึงนำทั้งสอง Gan นี้มากเป็นอัตราผู้ใช้หลักของโครงการ [A124] กลุ่ม Baby Boomer คนที่เกิดช่วงปี 2489 – 2507 หลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติ ภาวะสงครามทำให้ผู้คนล้ม ตายเป็นจำนวนมาก ขณะที่ผู้คนที่มีชีวิตรอดจากสงคราม ต่างต้องเร่งฟื้นฟูประเทศให้กลับมามีความเจริญอีกครั้ง ทำให้คนยุคนั้นต้องการแรงงานจำนวนมาก จึงนำมาซึ่ง ค่านิยมของการมีลูกหลาย ๆ คนเพื่อมาช่วยเป็นแรงงาน ฟื้นฟูประเทศ ลักษณะนิสัยคนกลุ่ม คนกลุ่ม Baby Boomer ชอบศึกษาประวัติศาสตร์,เป็นนักสะสม,มีความทรงจำกับ อดีต,ชอบการปฎิบัติธรรม,ปฎิบัติตามกฎศาสนา กลุ่มคน นักบวช,นักปฏิบัติธรรม,ผู้สูงอายุ,วัยกลางคน กลุ่ม Gen X คือกลุ่มคนในวัย 33 - 47 ปี เกิดในช่วง พ.ศ. 2508 - 2522 ชีวิตไม่ยากลำบาก โลกสงบเรียบร้อย แล้ว มีความมั่นคงในชีวิตสูง การใช้ชีวิตมีความเกี่ยวข้อง กับเทคโนโลยี เช่น คอมพิวเตอร์ วิดีโอเกม โทรศัพท์มือถือ สไตล์เพลงเป็นแบบฮิปฮอป ลักษณะนิสัยคนกลุ่ม คนกลุ่ม Gen X ชอบศึกษาประวัติศาสตร์,เป็นเป็นเหตุเป็นผล,เป็นนัก สะสม มีความ Work life balance สูง,ต่อต้านสังคม, ไม่ ยึดกับขนบธรรมเนียมเเต่ กลุ่มคน นักบวช,นักบวชศึกษา,นักศึกษา,วัยทำงาน,วัยเริ่มสร้าง ครอบครัว กลุ่ม Gen Y คือกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2523 - 2543 อายุอยู่ที่ประมาณ 18 - 32 ปี เติบโตมา
เนื่องจากโครงการมีการจัดแสดงให้เรียนรู้กัประวัติศาสตร์ และวัตถุโบราณและสภาพแวดล้อมการเปิดความคิดและ
ศาสนาการถ่ายทอดเรื่องราว การจัดแสดงมีการสอดคล้องให้ผู้ใช้สอยได้ศึกษาเรียนรู้ การใช้งานให้เกิดผลและถ่ายทอดเล่าเรื่องราว
1.) ศึกษาประวัติศาสตร์ร่องราวทางโบราณคดีสมัยทวาร วดีและความเชื่อก่อนเกิดอารยธรรมในส่วนจัดแสดง
2.) ผลกระทบจากการไม่อนุรักษ์และไม่เชื่อมโยงต่อสังคม
3.) การพัฒนาเนื้อหาสำหรับผู้คนสมัยใหม่
4.) ถ้าไม่มีการเชื่อมโยงต่อพื้นที่ประวัติศาสตร์จะเกิด ปัญญาการใช้ทรัพยากรในพื้นีท่อย่างไร
แบบ Gallery ทางเดิน
จิตภาพโครงการจะออกแบบมาในแนวร่วมสมัย (contemporary) และนำศิลปะพื้นถื้นอีสานและทวาร
บริบทสภาพแวดล้อมและกิจกรรมภายนอกต่อองค์สถูป
29 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.) พร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัล มีความเป็นสากล เปิดรับ วัฒนธรรมแบบ Teen Pop มีความคิดว่าการชื่นชอบ ศิลปินต่างชาติเป็นเรื่องปกติธรรมดา มีเทคโนโลยี เช่น ลักษณะนิสัยคนกลุ่ม Gen Xชอบศึกษาประวัติศาสตร์ และการพิสูจน์ไม่ชอบอะไรจำเจชอบดูสิ่งที่เป็นของจริง, ต่อต้านสังคม ไม่ยึดกับขนบธรรมเนียมเเต่ กลุ่มคน นักเรียน-นักศึกษา,วัยรุ่น,วัยเริ่มทำงาน,วัยเริ่ม สร้างครอบครัวนักบวชป.เรียนธรรม กลุ่ม Gen Z คือ Gen ใหม่ล่าสุดในยุคปัจจุบัน เป็น Gen ที่เกิดหลังพ.ศ. 2540 เป็นต้นไป มีอายุต่ำกว่า 19 ปี เติบโตมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย แวดล้อม สามารถใช้งานเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้ดี เรียนรู้เร็ว เป็น Gen ที่มีจำนวนมากสุดในประเทศไทยขณะนี้ ลักษณะนิสัยคนกลุ่ม คนกลุ่ม Gen X ชอบสิ่งใหม่ๆ,ไม่ ชอบอะไรจำเจ,ชอบดูสิ่งที่เป็นของจริง,ไม่ยึดกับ ขนบธรรมเนียมเเต่ กลุ่มคนนักเรียน-นักศึกษา,วัยรุ่น,นักบวช ป.เรียนธรรม 3.4 ความเป็นไปได้ด้านเนื้อหาในการจัดแสดง
ความเชื่อ ความรู้เชิงคติ
การเรียนรู้พื้นที่ประวัติศาสตร์
จริง ประสบการณ์ เรื่องราวเรื่องเล่า ภูมิปัญญาทำให้ พัฒนามาเป็นจิตใต้สำนึกในการศึกษาและเรียนรู้สภาพ สังคมและวัฒนธรรม การค้นพบ สร้างความสัมพันธ์ แลกเปลี่ยนความรู้ ความร่วมมือและมุมมอง คติและความเชื่อมุมมอง 3.6 ความเป็นไปได้ทางจิตภาพโครงการ ใช้เส้นทางในการเล่าเรื่องราวร่องรอประวัติศาสตร์ ในคติความเชื่อทั้งก่อนและหลังในรูปแบบการจัดแสดง
3.5 การสร้างจิตสำนึก
รับรู้จากการได้สมัผัสพื้นที่
ประติมากรรมโชว์ และภาพฉาย ทั้งมีส่วนจำลองวัตถุและองค์สถูปโบราณไว้เพื่อศึกษาการ ค้นพบ
วดีมาใช้ในการออกแบบรูปทรงอาคารเพื่อให้เข้ากับ
พระบรมสารีริกธาตุ [A
[A127] [A128]
125] [A126]
(Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.)
[A125] ภาพจาก starwoodhotels.com
[A126] ภาพจาก design-chronicle.com
[A127] ภาพจาก archinect.com
[A128] ภาพจาก Modern Chinese @architect2004
3.7 ความเป็นไปได้ทางโครงสร้าง โครงถักแบบดีเทอร์มิเนทสแตติกส์ ( Statically Determinate Truss)
วิเคราะห์หาค่าแรงกระทำได้ด้วยสมการสมดุลสามารถ นำมาใช้งานกับงานร่วมสมัยพื้นถิ่นได้และงานร่วมสมัยที่
30 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี
เป็นรูปแบบโครงถักที่สามารถ
เป็นทรงจั่วหลังคาได้ ใช้งานได้ 3 ลักษณะ คือ - โครงถักแบบโครงหลังคา - โครงถักแบบโครงสะพาน - โครงถักแบบโค้งประทุน [A129] โครงสร้างถัก ภาพจาก wazzadu.com [A130] โครงสร้างถัก ภาพจาก wazzadu.com [A131]โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ที่มา https://www.onestockhome.com การใช้คอนกรีตและเหล็กเส้น โดยเหล็กเส้นที่ใช้จะเป็น เหล็กข้ออ้อย และเจ้าเหล็กข้ออ้อย หรือ เหล็กเส้นนี่ แหละที่ทำให้โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กมีความ แข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้น ใช้กับอาคารขนาดเล็กได้ อย่างดี สถาปัตยกรรมไทยการตกแต่งอาคาร [A132] อ้างอิงภาพจาก ๔ มาลัยลูกแก้ว เจดีย์ทรงกลม - บัวถลา ฐานเจดีย์สมัยสุโขทัย,ศิลปวัฒนธรรม ฉบับพฤศจิกายน 2555 ผู้เขียน รศ. สมใจ นิ่มเล็ก, ราชบัณฑิตฃ
ได้นำการตกแต่งสถาปัตยกรรมไทยมาผสมผสานกัสถาปัตยกรรม
โครงสร้างภายนอกอาคารได้แรงบันดาลใจจากสิมบก
[A134]
[A129] [A130]
(Types of Structure for Architectural Design)
https://www.wazzadu.com/article/5872
[A133] [A134]
[A133]
31 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.)
พื้นถิ่นอีสานทำให้เข้ากับบริบทและมีความร่วมสมัยเข้าปัจจุบัน
โบสถ์ที่ใช้ทำพิธีทางพุทธศาสานามีโครงสร้างเข้ากับ บริบทพื้นถิ่นอีสาน
ภาพจาก โครงสร้างประเภทต่างๆ ที่นิยมใช้ใน
งานสถาปัตยกรรม
ภาพจาก รูปด้านสิมบก จาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อมฤต หมวดทอง
32 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.) [A135] ภาพสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวจังหวัดมหาสารคาม อ้างอิงจาก สำนักการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดมหาสารคาม [A136] ภาพสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวจังหวัดมหาสารคาม อ้างอิงข้อมูลตัวเลขจาก สำนักการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดมหาสารคาม
33 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.) บทที่
4.1โครงสร้างผังองค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
4 รายละเอียดโครงการ
[A137] ผังองค์กรบริการพิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจำปาศรี [A138] ผังองค์กรบริการพิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจำปาศรีแบบบุคคลากร
34 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.) [A139] พื้นที่ใช้สอยโครงการโดยหาค่าเฉลี่ยพื้นที่ 4.2 ข้อมูลผู้ใช้งานโครงการ [A140] วิเคราะห์ ผู้ใช้งานโครงการ
35 พิพิธภัณฑ์พระกรุนาดูนและนครจาปาศรี (Na Dun Buddha Amulet and Champasri Ancient city museum.)
TIME LINE [A141] เส้นเวลาระยะทางประวัติศาสตร์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ - จนถึงปัจจุบัน 4.4 เทคนิคการจัดแสดง [A142] เทคนิคการจัดแสดงภาพในอาคาร
4.3