ไบเบิลไดอารี่ เดือนพฤศจิกายน 2020

Page 1


สมโภช นักบุญทั้งหลาย

บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์ วว 7:2-4,9-14 ข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์อกี องค์หนึง่ ปรากฏขึน้ ทางทิศตะวันออก ถือตราของพระเจ้า ผู้ทรงชีวิต ทูตสวรรค์องค์นั้นร้องเสียงดังบอกทูตสวรรค์ทั้งสี่องค์ ซึ่งได้รับมอบหมาย ให้ท�ำ ลายแผ่นดินและทะเลว่า “อย่าทำ�ลายแผ่นดินหรือทะเลหรือต้นไม้ จนกว่าเราจะ ได้ประทับตราไว้ทหี่ น้าผากของบรรดาผูร้ บั ใช้พระเจ้าของเรา” และข้าพเจ้าได้ยนิ ว่าผูท้ ี่ ได้รับการประทับตรามีจำ�นวนหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่พันคน ผู้รับการประทับตราเหล่านี้มา จากทุกเผ่าของชาวอิสราเอล หลังจากนั้น ข้าพเจ้าเห็นนิมิต ประชาชนมากมายเหลือคณานับจากทุกชาติ ทุก เผ่า ทุกประเทศและทุกภาษา กำ�ลังยืนอยู่เฉพาะพระบัลลังก์และเฉพาะพระพักตร์ลูก แกะ ทุกคนสวมเสือ้ ขาว ถือใบปาล์ม ร้องสรรเสริญเสียงดังว่า “ความรอดพ้นเป็นของ พระเจ้าของเรา ผู้ประทับอยู่บนพระบัลลังก์ และเป็นของลูกแกะ” ทูตสวรรค์ ทั้งหลายที่ยืนอยู่รอบพระบัลลังก์ รอบผู้อาวุโส และรอบผู้มีชีวิตทั้งสี่ตน ต่างกราบลง หน้าพระบัลลังก์ ศีรษะจรดพื้น นมัสการพระเจ้าว่า “อาเมน คำ�ถวายพระพร พระสิริรุ่งโรจน์ พระปรีชาญาณ คำ�ขอบพระคุณ พระเกียรติยศ พระอานุภาพและพระพลานุภาพ เป็นของพระเจ้าของเราตลอดนิรันดร อาเมน” ผู้อาวุโสคนหนึ่งถามข้าพเจ้าว่า “คนที่สวมเสื้อขาวเหล่านี้เป็นใคร และมาจาก ไหน” ข้าพเจ้าตอบว่า “นายขอรับ ท่านก็รู้อยู่แล้ว” เขาจึงบอกข้าพเจ้าว่า “คนเหล่านี้ คือผู้ที่มาจากการเบียดเบียนครั้งใหญ่ เขาซักเสื้อของเขาจนขาวในพระโลหิตของลูก แกะ” เพลงสดุดี สดด 24:1-2,3-4,5-6 ก) แผ่นดินและสรรพสิ่งบนแผ่นดินเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า โลกและผู้คนที่อยู่ในโลกก็เช่นเดียวกัน พระองค์ทรงวางรากฐานของโลกไว้เหนือทะเล ทรงตรึงยึดไว้มั่นคงบนกระแสนํ้าไหล ข) ใครจะขึ้นไปยังภูเขาขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ ใครจะยืนอยู่ในสถานศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ผู้มีมือสะอาดและใจบริสุทธิ์ ผู้มีใจไม่ใฝ่หารูปเคารพ ผู้ไม่ออกปากสาบานเพียงเพื่อหลอกลวง ค) บุคคลเช่นนี้จะได้รับพระพรจากองค์พระผู้เป็นเจ้า จะได้รับความเป็นธรรมจากพระเจ้าผู้ทรงช่วยเขาให้รอดพ้น นี่คือเชื้อสายที่แสวงหาพระองค์ แสวงหาพระพักตร์ของพระเจ้าแห่งยาโคบ


บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์นอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง 1 ยน 3:1-3 พี่น้องที่รักยิ่ง จงดูเถิดว่า ความรักที่พระบิดาประทาน ให้เรานั้นยิ่งใหญ่เพียงใด เพื่อทำ�ให้เราได้ชื่อว่าเป็นบุตรของ พระเจ้า และเราก็เป็นเช่นนั้นจริง โลกไม่รู้จักเรา เพราะโลก ไม่รู้จักพระองค์ ท่านที่รักทั้งหลาย บัดนี้ เราเป็นบุตรของพระเจ้าแล้ว แต่เราจะเป็นอย่างไรในอนาคตนั้นยังไม่ปรากฏชัดแจ้ง เรา ตระหนักดีว่า เมื่อพระองค์ทรงปรากฏ เราจะเป็นเหมือน พระองค์ เพราะเราจะได้เห็นพระองค์อย่างที่พระองค์ทรง เป็น ทุกคนที่มีความหวังในพระองค์ ย่อมชำ�ระใจของตนให้ บริสุทธิ์ เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงบริสุทธิ์ บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 5:1-12ก เวลานั้น พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นประชาชนจำ�นวนมาก จึงเสด็จขึ้นบนภูเขา เมื่อประทับแล้ว บรรดาศิษย์เข้ามาห้อมล้อมพระองค์ พระองค์ทรงเริ่มตรัสสอนว่า “ผู้มีใจยากจน ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้า ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบโยน ผู้มีใจอ่อนโยน ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก ผู้หิวกระหายความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะอิ่ม ผู้มีใจเมตตา ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับพระเมตตา ผู้มีใจบริสุทธิ์ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า ผู้สร้างสันติ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า ผู้ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุข เมื่อถูกดูหมิ่น ข่มเหงและใส่ร้ายต่างๆ นานาเพราะเรา จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะบำ�เหน็จรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่นัก” มหาบุญลาภเป็นบทเทศน์ทเี่ ป็นหัวใจของการดำ�เนินชีวติ คริสตชน หากว่าเราให้พระอาณาจักร ของพระเจ้าเป็นเป้าหมายในการดำ�เนินชีวิตแล้ว สิ่งใดๆ ที่คุณค่าฝ่ายโลกถือว่าเป็นสิ่งเลวร้ายหรือทุกขลาภ แล้ว สำ�หรับผูท้ แี่ สวงหาพระอาณาจักรพระเจ้าก็จะเป็นสิง่ ทีเ่ ป็นบุญ เป็นความสุข ดังเช่นความยากจน ความ ทุกข์ ความสุภาพอ่อนโยน และสิ่งใดที่ฝ่ายโลกถือว่าเป็นความขัดสนขาดแคลนนั้น จะเป็นความสุขในพระ อาณาจักรพระเจ้า ผู้ที่มีความวางใจในพระเจ้าจะพบความสุขได้ไม่ยาก โอกาสสมโภชนักบุญทัง้ หลาย ทำ�ให้เราเข้าใจว่า เราสามารถสัมผัสถึงชีวติ นักบุญได้ โดยการดำ�เนินชีวติ ในคุณค่าแห่งมหาบุญลาภ เป็นความสุขสงบในความรักของพระเจ้า และทำ�ให้พระอาณาจักรของพระองค์ ปรากฏในแผ่นดิน


วันภาวนาอุทิศ แด่ผู้ล่วงลับ สดด 27:1-14

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านที่ 1 โยบ 19:1,23-27 โยบจึงตอบว่า “ข้าพเจ้าอยากให้ถอ้ ยคำ�ของข้าพเจ้าถูกบันทึกไว้ อยากให้จารึกไว้ในหนังสือ อยาก ให้ใช้สิ่วเหล็กและตะกั่ว สลักไว้บนหินให้คงอยู่ตลอดไป ส่วนข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้ว่าพระ ผู้ปกป้องข้าพเจ้าทรงพระชนม์อยู่ จะทรงลุกขึ้นยืนเป็นคนสุดท้ายบนฝุ่นดิน เมื่อหนัง ของข้าพเจ้าถูกทำ�ลาย และไม่มีร่างกายอีกแล้ว ข้าพเจ้าจะเห็นพระเจ้า ข้าพเจ้าจะเห็น พระองค์อยู่เคียงข้าง นัยน์ตาของข้าพเจ้าจะแลเห็นพระองค์ไม่ใช่อย่างคนแปลกหน้า ข้าพเจ้ารู้สึกมีความมั่นใจเช่นนี้” บทอ่านที่ 2 รม 5:5-11 พี่น้อง ความหวังนี้ไม่ทำ�ให้เราผิดหวัง เพราะพระจิตเจ้าซึ่งพระเจ้าประทานให้เรา ทรงหลั่งความรักของพระเจ้าลงในดวงใจของเรา ขณะที่เรายังอ่อนแอ พระคริสตเจ้า สิน้ พระชนม์เพือ่ คนบาปตามเวลาทีก่ �ำ หนด ยากทีจ่ ะหาคนทีย่ อมตายเพือ่ คนชอบธรรม บางครั้งอาจจะมีคนยอมตายแทนคนดีจริงๆ ได้ แต่พระเจ้าทรงพิสูจน์ว่าทรงรักเรา เพราะพระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อเราขณะที่เรายังเป็นคนบาป บัดนี้ เมื่อเราได้รับ ความชอบธรรมโดยอาศัยพระโลหิตของพระองค์แล้ว เดชะพระองค์ เราก็ยิ่งจะได้รับ ความรอดพ้นจากการถูกพระเจ้าลงโทษ ถ้าเรากลับคืนดีกบั พระเจ้าเดชะการสิน้ พระชนม์ ของพระบุตรขณะทีเ่ รายังเป็นศัตรูอยู่ ยิง่ กว่านัน้ เมือ่ กลับคืนดีแล้ว เราก็จะรอดพ้นเดชะ พระชนมชีพของพระองค์ด้วย มิใช่เพียงเท่านั้น เรายังภูมิใจในพระเจ้า เดชะพระเยซู คริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เดชะพระองค์ บัดนี้พระองค์ทรงทำ�ให้เราคืนดีกับ พระเจ้าแล้ว

พระวรสาร ยน 6:37-40 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนที่ติดตามพระองค์ว่า “ทุกคนที่พระบิดาทรงมอบให้เรา จะมาหาเรา และผู้ที่มาหาเรา เราจะไม่ผลักไสไปเลย เพราะเราลงมา จากสวรรค์ มิใช่เพือ่ ทำ�ตามใจของเรา แต่เพือ่ ทำ�ตามพระประสงค์ของผูท้ รงส่งเรามา พระประสงค์ของผูท้ รง ส่งเรามาก็คือ เราจะไม่สูญเสียผู้ใดที่พระองค์ทรงมอบให้แก่เรา แต่จะให้ผู้นั้นกลับคืนชีพในวันสุดท้าย พระประสงค์ของพระบิดาของเราก็คือ ทุกคนที่เห็นพระบุตร แล้วเชื่อในพระบุตร จะมีชีวิตนิรันดร และเรา จะให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย” การภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับ เป็นการยืนยันถึงความเชื่อในชีวิตนิรันดรและในสหพันธ์นักบุญ ความสัมพันธ์ทำ�ให้เราเห็นว่า ความตายนั้นไม่ได้เป็นการสิ้นสุดในความสัมพันธ์ แต่ชีวิตฝ่ายวิญญาณที่เป็น นิรันดร์นั้นทำ�ให้เราสามารถสื่อสัมพันธ์ด้วยการภาวนา อยู่เหนือกาลเวลา ด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นความเข้าใจ ได้ทวี่ า่ การสิน้ พระชนม์ขององค์พระคริสตเจ้านัน้ ทำ�ให้เราได้รบั ความชอบธรรม คำ�ภาวนาของพระองค์เมือ่ สองพันปีก่อนนั้น สามารถไถ่บาปเราได้เหนือกาลเวลา ดังที่นักบุญเปาโลเขียนไว้ว่า “เดชะพระองค์ บัดนี้ พระองค์ทรงทำ�ให้เราคืนดีกับพระเจ้าแล้ว”


บทอ่านที่ 1 ฟป 2:5-11 พีน่ อ้ ง จงมีความรูส้ กึ นึกคิดเช่นเดียวกับทีพ่ ระคริสตเยซูทรงมีเถิด แม้วา่ พระองค์ ทรงมีธรรมชาติพระเจ้า พระองค์ก็มิได้ทรงถือว่าศักดิ์ศรีเสมอพระเจ้านั้น เป็นสมบัติที่ จะต้องหวงแหน แต่ทรงสละพระองค์จนหมดสิ้น ทรงรับสภาพดุจทาส เป็นมนุษย์ดุจ เรา ทรงแสดงพระองค์ในธรรมชาติมนุษย์ ทรงถ่อมพระองค์จนถึงกับทรงยอมรับแม้ ความตาย เป็นความตายบนไม้กางเขน เพราะเหตุนี้ พระเจ้าจึงทรงเทิดทูนพระองค์ขึ้น น.มาร์ติน เดอ ปอเรส สูงส่ง และประทานพระนามให้แก่พระองค์ พระนามนี้ประเสริฐกว่านามอื่นใดทั้งสิ้น นักบวช เพื่อทุกคนในสวรรค์และบนแผ่นดิน รวมทั้งใต้พื้นพิภพ จะย่อเข่าลงนมัสการพระนาม สดด 22:25ข-26,27-31 “เยซู” นี้ และเพื่อชนทุกภาษาจะได้ร้องประกาศว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 เป็นเจ้า เพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า พระบิดา พระวรสาร ลก 14:15-24 เวลานั้น ผู้ร่วมโต๊ะคนหนึ่งได้ยินเช่นนี้จึงทูลพระเยซูเจ้าว่า “ผู้ที่กินอาหารในพระ อาณาจักรของพระเจ้าย่อมเป็นสุข” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ชายผู้หนึ่งจัดงานเลี้ยง ใหญ่และเชิญคนเป็นจำ�นวนมาก เมือ่ ถึงเวลางาน เขาส่งผูร้ บั ใช้ไปบอกผูร้ บั เชิญทัง้ หลาย ว่า ‘เชิญมาเถิด ทุกอย่างพร้อมแล้ว’ แต่ทุกคนต่างขอตัว คนแรกพูดว่า ‘ข้าพเจ้าได้ซื้อ ที่นาไว้แปลงหนึ่ง จำ�เป็นต้องไปดู จึงขออภัยที่มางานเลี้ยงไม่ได้’ อีกคนหนึ่งพูดว่า ‘ข้าพเจ้าซื้อโคไว้ห้าคู่ กำ�ลังจะไปทดลองใช้งาน จึงขออภัยที่มางานเลี้ยงไม่ได้’ อีกคน หนึ่งพูดว่า ‘ข้าพเจ้าเพิ่งแต่งงาน จึงมาไม่ได้’” ผูร้ บั ใช้กลับมารายงานทุกอย่างแก่นายของตน นายโกรธมาก พูดกับผูร้ บั ใช้วา่ “จง รีบออกไปตามลานสาธารณะและตามถนนในเมือง จงพาคนยากจน คนพิการ คนตาบอด และคนง่อยเข้ามาที่นี่เถิด” ผู้รับใช้กลับมาบอกนายว่า “นายขอรับ ข้าพเจ้ากระทำ�ตาม คำ�สั่งของท่านแล้ว แต่ยังมีที่ว่างอีก” นายจึงบอกผู้รับใช้ว่า “จงออกไปตามทางเดิน และตามรั้วต้นไม้ เร่งเร้าผู้คนให้เข้ามาเพื่อทำ�ให้คนเต็มบ้านของเรา เราบอกท่าน ทั้งหลายว่า ไม่มีผู้ที่ได้รับเชิญคนใดจะได้ลิ้มรสอาหารของเรา” พระเป็นเจ้าทรงเชื้อเชิญทุกคนให้เข้ามาร่วมในงานเลี้ยงของพระองค์ เป็นงานเลี้ยงของความชื่นชมยินดีในฐานะบุตรและธิดาของพระบิดาเจ้า เป็นศิษย์ที่ พระองค์ทรงสอน เมื่อเราแต่ละคนได้รับคำ�เชื้อเชิญนี้แล้ว จึงเป็นหน้าที่ของแต่ละคน ที่จะต้องเตรียมตัวของเราเพื่อเข้าสู่งานเลี้ยงของพระเจ้า ให้เราเตรียมตัวด้วยการกลับ ใจ ด้วยการอภัย ด้วยความเมตตา เพื่อว่าเราจะเข้าสู่งานเลี้ยงแห่งพระอาณาจักรของ พระเจ้า อยู่ในความรักและสันติสุข การเข้าสู่งานเลี้ยงใดๆ อย่างไม่เหมาะสม ถือว่า เป็นการไม่ให้เกียรติผเู้ ชิญและแขกเหรือ่ ทีม่ าร่วมงานด้วย ให้เราเข้าสูช่ วี ติ กลุม่ คริสตชน และร่วมพิธีกรรมด้วยการเตรียมตัวอย่างเหมาะสม


ระลึกถึง น.ชาร์ลส์ โบโรเมโอ พระสังฆราช สดด 27:1,4,13-14

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านที่ 1 ฟป 2:12-18 ท่านทีร่ กั ยิง่ ของข้าพเจ้า ท่านทัง้ หลายเคยเชือ่ ฟังตลอดมา มิใช่เฉพาะเมือ่ ข้าพเจ้า อยู่กับท่านเท่านั้น แต่ยิ่งกว่านั้น บัดนี้แม้เมื่อข้าพเจ้าอยู่ห่างไกล ท่านก็ยังเชื่อฟังด้วย ท่านจงออกแรงด้วยความเกรงกลัวจนตัวสั่นเพื่อให้รอดพ้นเถิด พระเจ้าทรงทำ�งานใน ท่านเพือ่ ให้ทา่ นมีทงั้ ความปรารถนาและความสามารถทีจ่ ะทำ�งานตามพระประสงค์ จง ทำ�ทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่บ่นหรือโต้เถียง ท่านทั้งหลายจะได้ไม่ถูกตำ�หนิ ปราศจาก เล่ห์กล เป็นบุตรของพระเจ้า ไร้มลทินในหมู่พงศ์พันธุ์ที่คดโกงและชั่วร้าย ฉายแสงใน หมู่ชนนี้เสมือนดวงประทีปอยู่ในโลก จงยึดพระวาจาแห่งชีวิตมั่นไว้ เพื่อข้าพเจ้าจะได้ ภาคภูมิใจในวันของพระคริสตเจ้าว่าข้าพเจ้ามิได้วิ่งและตรากตรำ�ทำ�งานโดยเปล่า ประโยชน์ แม้ว่าข้าพเจ้าจะต้องหลั่งโลหิตเป็นพลีบูชา พร้อมกับที่ท่านถวายความเชื่อ เป็นพลีบูชาแด่พระเจ้า ข้าพเจ้าก็ยินดีและร่วมยินดีกับท่านทุกคน ขอให้ท่านทั้งหลาย ยินดีและร่วมยินดีกับข้าพเจ้าด้วยเช่นเดียวกัน พระวรสาร ลก 14:25-33 เวลานั้น ประชาชนจำ�นวนมากกำ�ลังเดินไปกับพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงหัน พระพักตร์มาตรัสกับเขาทัง้ หลายว่า “ถ้าผูใ้ ดติดตามเราโดยไม่รกั เรามากกว่าบิดามารดา ภรรยา บุตร พี่น้องชายหญิง และแม้กระทั่งชีวิตของตนเอง ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ ได้ ผู้ใดไม่แบกกางเขนของตนและติดตามเรา ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้ ท่านที่ต้องการสร้างหอคอย จะไม่คำ�นวณค่าใช้จ่ายก่อนหรือว่ามีเงินพอสร้างให้ เสร็จหรือไม่ มิฉะนั้นเมื่อวางรากฐานไปแล้ว แต่สร้างไม่สำ�เร็จ ทุกคนที่เห็นจะหัวเราะ เยาะเขา พูดว่า ‘คนนี้เริ่มก่อสร้าง แต่ทำ�ให้สำ�เร็จไม่ได้’ หรือกษัตริย์ที่ทรงยกทัพไปทำ� สงครามกับกษัตริย์อีกองค์หนึ่ง จะไม่ทรงคำ�นวณก่อนหรือว่า ถ้าใช้กำ�ลังพลหนึ่งหมื่น คนจะเผชิญกับศัตรูที่มีกำ�ลังพลสองหมื่นคนได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งยัง อยูห่ า่ งไกล พระองค์จะได้ทรงส่งทูตไปเจรจาขอสันติภาพ ดังนัน้ ทุกท่านทีไ่ ม่ยอมสละ ทุกสิ่งที่ตนมีอยู่ก็เป็นศิษย์ของเราไม่ได้” การดำ�เนินชีวิตในความเชื่อนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย จำ�เป็นจะต้องเลือก ต้องตัดสินใจ และจะต้องเสียสละบางสิ่งบางอย่าง การติดตามองค์พระคริสตเจ้านั้น เป็นเรื่องของคริสตชนทุกคน ในทุกวันเราจะต้องให้การเลือกองค์พระคริสตเจ้าเป็น อันดับหนึง่ ในชีวติ ซึง่ บางครัง้ อาจจะต้องสูญเสียความสัมพันธ์ และความสุขสบายส่วน ตัว เมื่อเป็นดังนี้แล้ว เราจะต้องประเมินถึงสิ่งที่เราจะได้จากการติดตามองค์พระ คริสตเจ้า และสิ่งที่เราจะต้องละวางเพื่อติดตามพระองค์ แต่เมื่อคิดคำ�นวณดูแล้ว ไม่มี สิง่ ใดจะมีคา่ เกินกว่าชีวติ นิรนั ดร์ทเี่ ราได้มาจากการติดตามองค์พระคริสตเจ้า และไม่มี สิ่งใดที่เราจะต้องเสียดาย หากว่าจะต้องละวางไปเพื่อการติดตามพระองค์


บทอ่านที่ 1 ฟป 3:3-8ก พวกเราเท่านั้นเป็นผู้ที่เข้าสุหนัตโดยแท้จริง เป็นผู้ประกอบศาสนพิธีด้วยพระจิต ของพระเจ้า และภูมิใจในพระคริสตเยซู ไม่วางใจในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทางกาย แม้ว่าข้าพเจ้ามีเหตุผลที่จะวางใจในการปฏิบัติเช่นนี้ได้ก็ตาม ถ้าผู้ใดคิดว่าตนมีเหตุผล ทีจ่ ะวางใจในการปฏิบตั เิ ช่นนี้ ข้าพเจ้าก็ยงั มีเหตุผลมากกว่า ข้าพเจ้าได้รบั พิธสี หุ นัตเมือ่ เกิดมาได้แปดวัน เป็นเชือ้ สายชนชาติอสิ ราเอลจากตระกูลเบนยามิน เป็นชาวฮีบรูเกิด จากชาวฮีบรู ในด้านธรรมบัญญัติเป็นชาวฟาริสี มีความกระตือรือร้นที่จะเบียดเบียน พระศาสนจักร ไม่มขี อ้ ตำ�หนิใดได้ในด้านความชอบธรรมตามธรรมบัญญัติ แต่สงิ่ ทีเ่ คย เป็นประโยชน์แก่ขา้ พเจ้านัน้ ข้าพเจ้าละทิง้ เพราะพระคริสตเจ้า นับแต่บดั นีข้ า้ พเจ้าเห็น ว่าทุกสิง่ ไม่มปี ระโยชน์อกี เมือ่ เปรียบกับประโยชน์ลาํ้ ค่าคือการรูจ้ กั พระคริสตเยซู องค์ พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า

สัปดาห์ที่ 31 เทศกาลธรรมดา สดด 105:2-3,4-5,6-8

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร ลก 15:1-10 เวลานั้น บรรดาคนเก็บภาษีและคนบาปเข้ามาใกล้เพื่อฟังพระเยซูเจ้า ชาวฟาริสี และธรรมาจารย์ต่างบ่นว่า “คนนี้ต้อนรับคนบาปและกินอาหารร่วมกับเขา” พระองค์ จึงตรัสเรื่องอุปมานี้ให้เขาฟัง “ท่านใดทีม่ แี กะหนึง่ ร้อยตัว ตัวหนึง่ พลัดหลง จะไม่ละแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้ในถิน่ ทุรกันดาร ออกไปตามหาแกะที่พลัดหลงจนพบหรือ เมื่อพบแล้ว เขาจะยกมันใส่บ่า ด้วยความยินดี กลับบ้าน เรียกมิตรสหายและเพื่อนบ้านมา พูดว่า ‘จงร่วมยินดีกับฉัน เถิด ฉันพบแกะตัวทีพ่ ลัดหลงนัน้ แล้ว’ เราบอกท่านทัง้ หลายว่าในสวรรค์จะมีความยินดี เช่นนีเ้ พราะคนบาปคนหนึง่ กลับใจมากกว่าความยินดีเพราะคนชอบธรรมเก้าสิบเก้าคน ที่ไม่ต้องการกลับใจใหม่ หญิงคนใดที่มีเงินสิบเหรียญแล้วทำ�หายไปหนึ่งเหรียญ จะไม่จุดตะเกียง กวาด บ้าน ค้นหาอย่างถีถ่ ว้ นจนกว่าจะพบหรือ เมือ่ พบแล้ว นางจะเรียกมิตรสหายและเพือ่ น บ้านมาพูดว่า ‘จงร่วมยินดีกับฉันเถิด ฉันพบเงินเหรียญที่หายไปแล้ว’ เราบอกท่าน ทั้งหลายว่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าจะมีความยินดีเช่นเดียวกัน เมื่อคนบาปคนหนึ่ง กลับใจ’” พระเยซูเจ้าทรงชัดเจนเสมอในวิสัยทัศน์ของพระองค์ ในแผนการไถ่กู้ของพระองค์ โดยการ ให้ชีวิตของพระองค์นั้นสื่อสัมพันธ์กับคนบาป คนที่ถูกทอดทิ้ง คนที่อยู่ชายขอบสังคม ภารกิจการไถ่กู้ของ พระองค์นั้นไม่ใช่อุดมคติ หรือแผนการสวยงามในความคิด แต่จะต้องออกแรงทำ�ให้เป็นจริงเป็นจัง เหมือน กับความชื่นชมยินดีของนายชุมพาบาลที่ออกไปค้นหาเจอแกะตัวเดียวที่หลงหาย หรือหญิงที่ค้นหาทุกซอก มุมของบ้าน และยินดียิ่งนักเมื่อเจอเหรียญที่หายไป ขอให้ความกระตือรือร้นเกี่ยวกับภารกิจของพระคริสต เจ้าในเรื่องพระอาณาจักรนั้น ทำ�ให้เราไม่อาจจะเย็นเฉยในการแสวงหาลูกแกะที่หลงหายไป


สัปดาห์ที่ 31 เทศกาลธรรมดา สดด 122:1-2,3-5

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 วันศุกร์ต้นเดือน

บทอ่านที่ 1 ฟป 3:17-4:1 พีน่ อ้ งทัง้ หลาย จงพร้อมใจกันประพฤติตามอย่างข้าพเจ้า ท่านทัง้ หลายเห็นว่า เรา เป็นแบบฉบับอย่างไร ก็จงดำ�เนินตามอย่างนั้นเถิด ข้าพเจ้าเคยบอกให้ท่านรู้หลายครั้ง แล้ว บัดนีก้ ข็ อบอกซาํ้ ด้วยนาํ้ ตาอีกว่า หลายคนประพฤติตนเป็นศัตรูกบั ไม้กางเขนของ พระคริสตเจ้า ปลายทางของพวกเขาเหล่านี้คือความพินาศ พระเจ้าของเขาทั้งหลาย คือท้อง เขาอ้างความน่าละอายมาโอ้อวด เขาสนใจสิ่งของของโลก แต่บ้านเมืองของ เรานั้นอยู่ในสวรรค์ เราเฝ้าคอยพระผู้ไถ่จากแดนนี้ คือพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็น เจ้า พระองค์จะทรงเปลี่ยนรูปร่างอันตํ่าต้อยของเราให้เหมือนพระกายอันรุ่งโรจน์ของ พระองค์ ด้วยพระฤทธานุภาพทีท่ �ำ ให้พระองค์ทรงบังคับจักรวาลทัง้ หมดให้อยูใ่ ต้อ�ำ นาจ ของพระองค์ได้ พีน่ อ้ งทีร่ กั ผูเ้ ป็นความปรารถนา เป็นความยินดีและเป็นประดุจมงกุฎของข้าพเจ้า จงยึดมั่นในองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด ท่านที่รักทั้งหลาย

พระวรสาร ลก 16:1-8 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์อีกว่า “เศรษฐีผู้หนึ่งมีผู้จัดการดูแลผล ประโยชน์คนหนึ่ง มีผู้มาฟ้องว่าผู้จัดการคนนี้ผลาญทรัพย์สินของนาย เศรษฐีจึงเรียก ผู้จัดการมาถามว่า ‘เรื่องที่เราได้ยินเกี่ยวกับเจ้าเป็นอย่างไร จงทำ�บัญชีรายงานการ จัดการของเจ้า เพราะเจ้าจะไม่ได้เป็นผู้จัดการอีกต่อไป’ ผู้จัดการจึงคิดว่า ‘ฉันจะทำ� อย่างไร นายจะไล่ฉนั ออกจากหน้าทีผ่ จู้ ดั การแล้ว จะไปขุดดินก็ท�ำ ไม่ไหว จะไปขอทาน ก็อายเขา ฉันรู้แล้วว่าจะทำ�อย่างไรเพื่อว่าเมื่อฉันถูกไล่ออกจากหน้าที่ผู้จัดการแล้ว จะ มีคนรับฉันไว้ในบ้านของเขา’ เขาจึงเรียกลูกหนีข้ องนายเข้ามาทีละคน ถามคนแรกว่า ‘ท่านเป็นหนีน้ ายข้าพเจ้า เท่าไร’ ลูกหนี้ตอบว่า ‘เป็นหนี้นํ้ามันมะกอกหนึ่งร้อยถัง’ ผู้จัดการจึงบอกว่า ‘นำ�ใบ สัญญาของท่านมา นั่งลงเร็วๆ เขียนแก้เป็นห้าสิบถัง’ แล้วเขาถามลูกหนี้อีกคนหนึ่งว่า ‘แล้วท่านล่ะ เป็นหนีอ้ ยูเ่ ท่าไร’ เขาตอบว่า ‘เป็นหนีข้ า้ วสาลีหนึง่ ร้อยกระสอบ’ ผูจ้ ดั การ จึงบอกว่า ‘เอาใบสัญญาของท่านมาแล้วเขียนแก้เป็นแปดสิบกระสอบ’ นายนึกชมผู้จัดการทุจริตคนนั้นว่าเขาทำ�อย่างเฉลียวฉลาด ทั้งนี้ก็เพราะบุตรของโลกนี้มีความเฉลียว ฉลาดในการติดต่อกับคนประเภทเดียวกันมากกว่าบุตรของความสว่าง” ในชีวิตประจำ�วันของเรา มนุษย์ใช้ความเฉลียวฉลาดในการแสวงหาผลประโยชน์ของตนเอง ในการทำ�งาน การดำ�รงชีวิต และความสำ�เร็จ แต่หากว่าเราจัดความสำ�คัญให้ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ และชีวิต ฝ่ายศาสนาเป็นสิง่ สำ�คัญหลักของชีวติ แล้ว เราควรจะต้องพยายามใช้ความคิด ความรู้ ความเฉลียวฉลาดทุก วิถที าง เพือ่ ให้เราได้ด�ำ เนินชีวติ อยูใ่ นพระอาณาจักรของพระเจ้า และพระอาณาจักรนีไ้ ม่ใช่เป็นเพียงชัว่ คราว ในโลกนี้ เมื่อเปรียบกับหลายสิ่งหลายอย่างที่เราพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มา ด้วยเหตุนี้ เราจึงควรจะใช้ ความสามารถ ความเฉลียวฉลาดของเราเพื่อให้ได้มาซึ่งชีวิตฝ่ายจิต และชีวิตนิรันดร์


บทอ่านที่ 1 ฟป 4:10-19 พี่น้อง ข้าพเจ้าชื่นชมในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างยิ่ง ที่ในที่สุดท่านทั้งหลายแสดง ความห่วงใยต่อข้าพเจ้าอีกครั้งหนึ่ง ท่านมีความห่วงใยข้าพเจ้าอยู่แล้ว แต่ไม่มีโอกาส แสดงออก ข้าพเจ้ามิได้พูดเช่นนี้เพราะต้องการสิ่งใด ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ที่จะพอใจใน สภาพของตน รูจ้ กั มีชวี ติ อยูอ่ ย่างอดออม และรูจ้ กั มีชวี ติ อยูอ่ ย่างอุดมสมบูรณ์ ข้าพเจ้า ได้เรียนรู้ที่จะเผชิญกับทุกสิ่งทุกกรณี เผชิญกับความอิ่มท้องและความหิวโหย เผชิญ สัปดาห์ที่ 31 กับความมัง่ คัง่ และความขัดสน ข้าพเจ้าทำ�ทุกสิง่ ได้ในพระองค์ผปู้ ระทานพละกำ�ลังแก่ เทศกาลธรรมดา ข้าพเจ้า แต่ทา่ นทำ�ดีแล้วทีม่ าร่วมทุกข์กบั ข้าพเจ้า พีน่ อ้ งชาวฟีลปิ ปี ท่านทัง้ หลายรูด้ อี ยู่ แล้วว่า เมื่อข้าพเจ้าออกจากแคว้นมาซิโดเนียแล้วเริ่มประกาศข่าวดีนั้น ไม่มีพระ สดด 112:1-3, ศาสนจักรใดมีส่วนร่วมกับข้าพเจ้าด้านรายรับรายจ่าย มีเพียงท่านทั้งหลายเท่านั้น เมื่อ 5-6,8-9 ข้าพเจ้าพำ�นักอยู่ที่เมืองเธสะโลนิกา ท่านส่งปัจจัยที่จำ�เป็นไปให้ถึงสองครั้ง มิใช่ว่า ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 ข้าพเจ้าต้องการจะได้รับของกำ�นัล แต่ข้าพเจ้าต้องการให้เกิดผลเพิ่มพูนยิ่งขึ้นแก่ท่าน ขณะนีข้ า้ พเจ้ามีทกุ สิง่ ทีต่ อ้ งการและมีเหลือใช้ เพราะได้รบั สิง่ ของมากมายทีท่ า่ นทัง้ หลายฝากเอปาโฟรดิทสั ไปให้ เป็นประดุจเครือ่ งหอม เป็นเครือ่ งสักการบูชาทีพ่ ระเจ้าทรงยินดีรบั และพอพระทัย พระเจ้าของข้าพเจ้า จะทรงตอบแทน โดยประทานทุกสิง่ ทีท่ า่ นต้องการอย่างสมศักดิศ์ รีกบั ความมัง่ คัง่ ของพระองค์ในพระคริสตเยซู พระวรสาร ลก 16:9-15 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์อีกว่า “เราบอกท่านทัง้ หลายว่า จงใช้เงินทองของโลกอธรรมนีเ้ พือ่ สร้างมิตรให้ตนเอง เพือ่ ว่าเมือ่ เงินทองนัน้ หมดสิน้ แล้ว ท่านจะได้รบั การต้อนรับสูท่ พี่ �ำ นักนิรนั ดร ผูท้ ซี่ อื่ สัตย์ในเรือ่ งเล็กน้อย ก็จะซือ่ สัตย์ในเรือ่ งใหญ่ ด้วย ผู้ที่ไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กน้อย ก็จะไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องใหญ่ด้วย เพราะฉะนั้นถ้าท่านไม่ซื่อสัตย์ในเรื่อง เงินทองของโลกอธรรมแล้ว ผู้ใดจะวางใจมอบสมบัติแท้จริงให้ท่านดูแลเล่า ถ้าท่านไม่ซื่อสัตย์ในการดูแล ทรัพย์สมบัติของผู้อื่น ผู้ใดจะให้ทรัพย์สมบัติของท่านแก่ท่าน ไม่มผี ใู้ ดเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ เขาจะชังนายคนหนึง่ และจะรักนายอีกคนหนึง่ เขาจะจงรักภักดีตอ่ นายคนหนึง่ และจะดูหมิน่ นายอีกคนหนึง่ ท่านทัง้ หลายจะปรนนิบตั ริ บั ใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้” ชาวฟาริสีที่รักเงินทองได้ยินถ้อยคำ�ทั้งหมดนี้ จึงหัวเราะเยาะพระองค์ พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่าน ทั้งหลายคิดว่าท่านเป็นผู้ชอบธรรมต่อหน้ามนุษย์ แต่พระเจ้าทรงล่วงรู้ใจของท่าน สิ่งที่มนุษย์ยกย่องเป็นสิ่ง น่ารังเกียจเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า” สำ�หรับคริสตชนแล้ว คำ�ว่า “บ้านแท้” หมายถึงสวรรค์ ซึ่งเป็นเป้าหมายปลายทางที่เรามัก คิดถึงว่าจะมาใน “ชีวิตหลังความตาย” ดังนั้น การดำ�เนินชีวิตที่องค์พระคริสตเจ้าท้าทายเราให้เลือกที่จะ รับใช้พระเจ้า หรือเงินทอง จึงเป็นสิ่งที่เราจะต้องชัดเจนและปฏิบัติอย่างระมัดระวัง เหมือนกับว่าเรากำ�ลัง ดำ�เนินชีวิตอยู่ในบ้านของนายฝ่ายเงินทอง แต่ต้องพยายามดำ�เนินชีวิตเพื่อพระเป็นเจ้าในบ้านแท้ ซึ่งแท้ที่ จริงแล้ว ทุกสิง่ มาจากพระเป็นเจ้า และจะกลับไปหาพระองค์ ไม่มกี ารแยกแยะระหว่างพระเจ้าและเงินทอง หรือโลกนี้และโลกหน้า แต่พระองค์ทรงประทับอยู่กับทุกคน ในทุกเวลา เมื่อเราแสวงหาพระประสงค์ของ พระองค์ในทุกขณะแห่งชีวิตเรา


สัปดาห์ที่ 32 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านจากหนังสือปรีชาญาณ ปชญ 6:12-16 ปรีชาญาณแจ่มใส ไม่มัวหมอง ผู้รักปรีชาญาณก็จะแลเห็นได้โดยง่าย ผู้แสวงหา ปรีชาญาณก็จะพบ ปรีชาญาณแสดงตนให้เป็นที่รู้จักอยู่แล้วก่อนที่ผู้ใดจะปรารถนา ผู้ ลุกขึ้นแสวงหาปรีชาญาณตั้งแต่รุ่งอรุณจะไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย เขาจะพบปรีชาญาณนั่ง อยู่หน้าประตูบ้าน การไตร่ตรองถึงปรีชาญาณเป็นความรอบรู้อย่างสมบูรณ์ ผู้ตั้งตา คอยปรีชาญาณจะพ้นความกังวลโดยเร็ว ปรีชาญาณจะเดินไปแสวงหาผู้สมควรได้รับ ด้วย แสดงตนอย่างอ่อนโยนแก่เขาตามทางไปพบเขา ไม่ว่าเขากำ�ลังคิดจะทำ�สิ่งใด เพลงสดุดี สดด 63:1,3-5,6-7 ก) ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์ตั้งแต่เช้าตรู่ จิตใจข้าพเจ้ากระหายหาพระองค์ ร่างกายข้าพเจ้าปรารถนาจะพบพระองค์ เหมือนผืนดินที่แห้งผาก แห้งแล้ง ไม่มีนํ้า ข) เพราะความรักมั่นคงของพระองค์มีคุณค่ากว่าชีวิต ริมฝีปากข้าพเจ้าจะพรํ่าสรรเสริญพระองค์ ข้าพเจ้าจะถวายพระพรแด่พระองค์ตลอดชีวิต ข้าพเจ้าจะชูมือขึ้นเรียกขานพระนามพระองค์ ข้าพเจ้าจะอิ่มประดุจได้กินอาหารโอชาในงานเลี้ยง ริมฝีปากของข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ด้วยความยินดี ค) เมื่อนอนบนเตียง ข้าพเจ้าระลึกถึงพระองค์ ข้าพเจ้าคำ�นึงถึงพระองค์ทุกโมงยามตลอดคืน เพราะพระองค์ทรงเป็นความช่วยเหลือของข้าพเจ้าเสมอมา ข้าพเจ้าจึงร้องเพลงด้วยความยินดีอยู่ใต้ร่มปีกของพระองค์ บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่หนึ่ง 1 ธส 4:13-17 พี่น้องทั้งหลาย เราไม่อยากให้ท่านขาดความรู้ความเข้าใจถึงเรื่องผู้ล่วงหลับคือ ผู้ที่ตายไปแล้ว เพื่อท่านจะได้ไม่โศกเศร้าเหมือนคนอื่นที่ไม่มีความหวัง เราเชื่อว่า พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนพระชนมชีพ เราจึงเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงนำ� บรรดาผู้ที่หลับอยู่มากับพระองค์โดยทางพระเยซูเจ้าเช่นเดียวกัน ตามพระวาจาของ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เราขอบอกท่านว่า เราผูย้ งั มีชวี ติ และรออยูจ่ นถึงวันทีอ่ งค์พระผูเ้ ป็น เจ้าเสด็จมา จะไม่ได้เปรียบบรรดาผูท้ ลี่ ว่ งหลับไปแล้ว เพราะองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะเสด็จ ลงมาจากสวรรค์ตามพระบัญชา เมือ่ มีเสียงหัวหน้าทูตสวรรค์และเสียงแตรของพระเจ้า บรรดาผู้ตายในพระคริสตเจ้าจะกลับคืนชีพก่อน ต่อจากนั้น เราผู้ยังมีชีวิตอยู่ จะถูก


รับขึ้นไปในกลุ่มเมฆพร้อมกับพวกเขา ไปพบองค์พระผู้เป็น เจ้าในท้องฟ้า เราจะได้อยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไป

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 25:1-13 เวลานั้ น พระเยซู เจ้ า ทรงเล่ า เรื่ อ งอุ ป มาให้ บ รรดา อัครสาวกฟังว่าดังนี้ “อาณาจั ก รสวรรค์ เปรี ย บได้ กั บ หญิ ง สาวสิ บ คนถื อ ตะเกียงออกไปรอรับเจ้าบ่าว ห้าคนเป็นคนโง่ อีกห้าคนเป็น คนฉลาด หญิงโง่น�ำ ตะเกียงไป แต่มไิ ด้น�ำ นํา้ มันไปด้วย ส่วนหญิง ฉลาด นำ�นํ้ามันใส่ขวดไปพร้อมกับตะเกียง ทุกคนต่างง่วง และหลับไปเพราะเจ้าบ่าวมาช้า ครั้นเวลาเที่ยงคืน มีเสียง ตะโกนบอกว่า ‘เจ้าบ่าวมาแล้ว จงออกไปรับกันเถิด’ หญิงสาวทุกคนจึงตื่นขึ้นแต่งตะเกียง หญิงโง่พูดกับหญิงฉลาดว่า ‘ขอนํ้ามันให้เราบ้าง เพราะตะเกียง ของเราจวนจะดับแล้ว’ หญิงฉลาดจึงตอบว่า ‘ไม่ได้ เพราะนํ้ามันอาจไม่พอสำ�หรับเราและสำ�หรับพวกเธอด้วย จงไปหาคนขาย แล้วซือ้ เอาเองดีกว่า’ ขณะทีห่ ญิงเหล่านัน้ กำ�ลังไปซือ้ นํา้ มัน เจ้าบ่าวก็มาถึง หญิงสาวทีเ่ ตรียมพร้อมจึงเข้าไป ในห้องงานแต่งงานพร้อมกับเจ้าบ่าว แล้วประตูก็ปิด ในที่สุด พวกหญิงโง่ก็มาถึง พูดว่า ‘นายเจ้าขา นาย เจ้าขา เปิดรับพวกเราด้วย’ แต่เขาตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราไม่รู้จักท่าน’ ดังนั้น จง ตื่นเฝ้าระวังไว้เถิด เพราะท่านไม่รู้วันและเวลา” เรื่องเปรียบเทียบของหญิงโง่และหญิงฉลาดที่เตรียมรับเจ้าบ่าวนั้น มักจะถูกนำ�มาเปรียบกับ การเตรียมพร้อมในการเผชิญกับความตาย แต่ทจี่ ริงแล้ว เจ้าบ่าว ซึง่ สำ�หรับเราคริสตชน ก็คอื องค์พระคริสต เจ้านั่นเอง เราไม่ได้พบกับองค์พระคริสตเจ้าในวาระสุดท้ายเท่านั้น องค์พระผู้ไถ่มาหาเราเสมอในชีวิต ประจำ�วัน ให้เราเตรียมพร้อมทีจ่ ะตอบสนองในความต้องการ ความขาดแคลน และมิตรภาพในชีวติ ของเรา ให้ทุกคนที่เข้ามาสู่ชีวิตของเรานั้น เป็นดั่งองค์พระผู้ไถ่ที่มาหาเรา และให้เราสร้างพระอาณาจักรของพระ เป็นเจ้าตั้งแต่ในโลกนี้ ในชีวิตนี้ และด้วยท่าทีเช่นนี้เอง ที่ทำ�ให้เราจะพร้อมรับองค์พระคริสตเจ้าเมื่อวาระ สุดท้ายมาถึง พระองค์จะไม่ใช่ผู้แปลกหน้าสำ�หรับเรา เพราะเราพบพระองค์อยู่เสมอในชีวิตประจำ�วัน ในผู้ ที่ถูกทอดทิ้ง คนยากจนและผู้ที่ต้องการความรัก มิตรภาพและความช่วยเหลือจากเรา


ฉลองวันครบรอบ การถวายพระวิหาร ลาเตรัน สดด 46:2-3,5-6,8-9

บทอ่านที่ 1 อสค 47:1-2,8-9,12 เขานำ�ข้าพเจ้ากลับมาที่ประตูพระวิหาร ข้าพเจ้าเห็นนํ้าไหลออกมาจากใต้ธรณี ประตูพระวิหารด้านตะวันออก เพราะพระวิหารหันหน้าไปทางทิศตะวันออก นํ้านี้ไหล ลงมาจากใต้ด้านขวาของพระวิหาร ทางทิศใต้ของพระแท่นบูชา เขานำ�ข้าพเจ้าออกไป ทางประตูดา้ นเหนือ และพาข้าพเจ้าอ้อมภายนอกจนถึงประตูชนั้ นอกซึง่ หันหน้าไปทาง ทิศตะวันออก ข้าพเจ้าเห็นว่านํ้านี้ไหลออกมาทางด้านขวา เขาบอกข้าพเจ้าว่า “นํ้านี้ ไหลไปทางทิศตะวันออก ลงไปถึงลุ่มแม่นํ้าจอร์แดน เข้าไปในทะเล เมื่อไหลเข้าไปใน ทะเล ก็ทำ�ให้นํ้าทะเลจืด แม่นํ้านี้ไปถึงที่ใด สิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวในนั้นก็จะมีชีวิต จะ มีปลาจำ�นวนมาก เพราะนํ้านี้ไหลไปถึงที่ใด นํ้าทะเลก็จืด แม่นํ้าไหลไปถึงที่ใด ทุกสิ่งก็ มีชีวิต ตามฝั่งทั้งสองฟากของแม่นํ้าต้นไม้ผลทุกชนิดจะเจริญเติบโต ใบของมันจะไม่ เหี่ยวแห้ง และผลของมันจะไม่วาย แต่จะเกิดผลใหม่ทุกเดือน เพราะนํ้าที่หล่อเลี้ยง ต้นไม้เหล่านี้ไหลมาจากสักการสถาน ผลของต้นไม้เหล่านี้ใช้เป็นอาหาร และใบก็ใช้ เป็นยารักษาโรค”

พระวรสาร ยน 2:13-22 เทศกาลปัสกาของชาวยิวใกล้จะมาถึง พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ในบริเวณพระวิหาร พระองค์ทรงพบพ่อค้าขายโค พ่อค้าขายแกะ พ่อค้าขายนกพิราบ และคนแลกเงินนั่งอยู่ที่โต๊ะ พระองค์ทรงใช้เชือกเป็นแส้ ทรงขับไล่ทุกคนรวมทั้งแกะ และโคออกจากพระวิหาร ทรงปัดเงินกระจายเกลือ่ นกลาด และทรงควํา่ โต๊ะของผูแ้ ลก เงิน แล้วตรัสกับคนขายนกพิราบว่า “จงนำ�ของเหล่านีอ้ อกไป อย่าทำ�บ้านของพระบิดา ของเราให้เป็นตลาด” บรรดาศิษย์จึงระลึกได้ถึงคำ�ที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “ความรัก ที่ข้าพเจ้ามีต่อบ้านของพระองค์เป็นเสมือนไฟที่เผาผลาญข้าพเจ้า” ชาวยิวจึงเข้ามา ทูลถามพระองค์ว่า “ท่านมีเครื่องหมายอะไรแสดงให้เรารู้ว่าท่านมีอำ�นาจทำ�ดังนี้” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “จงทำ�ลายพระวิหารนี้ แล้วเราจะสร้างขึ้นใหม่ภายในสามวัน” ชาวยิวพูดว่า “พระ วิหารหลังนี้ต้องใช้เวลาสร้างถึงสี่สิบหกปี แล้วท่านจะสร้างขึ้นใหม่ในสามวันหรือ” แต่พระองค์กำ�ลังตรัสถึง พระวิหารซึ่งหมายถึงพระกายของพระองค์ ดังนั้น เมื่อพระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย แล้ว บรรดาศิษย์จึงระลึกได้ว่าพระองค์ตรัสไว้ดังนี้ เขาจึงเชื่อทั้งพระคัมภีร์และพระวาจาที่พระองค์ตรัสไว้ ความโกรธเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติมนุษย์ที่เราจะตอบสนองเพื่อป้องกันตัว หรือเมื่อมีสิ่ง ผิดปกติเกิดขึ้น และคุกคามเรา แต่ในพระวรสารที่เราได้รับฟังนั้น สิ่งที่พระคริสตเจ้าทรงให้ความสำ�คัญคือ พระวิหารของพระเป็นเจ้า องค์พระคริสตเจ้าไม่ได้โกรธเพราะว่ามีใครจะมาทำ�ร้าย หรือคุกคามสวัสดิภาพ ของพระองค์ แต่พระองค์ตอ้ งการทีจ่ ะปกป้องพระวิหารของพระเจ้า ให้ได้รบั เกียรติอย่างเหมาะสม และเป็น สถานที่สำ�หรับการนมัสการพระเป็นเจ้าอย่างแท้จริง และพระองค์ยังทรงให้เราตระหนักถึงพระวิหารที่เรา จะต้องดูแลและใช้อย่างเหมาะสม คือ ชีวติ ของเราแต่ละคน ให้ชวี ติ และร่างกายของเรานัน้ เป็นการสรรเสริญ พระเป็นเจ้าในทุกกิจการแห่งชีวิตของเรา


บทอ่านที่ 1 ทต 2:1-8,11-14 พี่น้อง ท่านจงเทศน์สอนสิ่งที่สอดคล้องกับหลักคำ�สอนที่ถูกต้อง จงสอนชายสูง อายุให้มัธยัสถ์ในการกินการดื่ม ทำ�ตนเป็นที่ควรเคารพนับถือ มีเหตุผล มีความมั่นคง ในความเชือ่ ความรัก และความอดทน ทำ�นองเดียวกัน จงสอนสตรีสงู อายุให้ประพฤติ ตนเหมาะสมกับการเป็นผูม้ คี วามเชือ่ ไม่ใส่ความ ไม่นนิ ทาและไม่ตดิ สุรา พวกเขาเหล่า นั้นจะเป็นผู้อบรมสั่งสอนหญิงที่เยาว์วัยกว่าให้รู้ว่าจะต้องรักสามีและบุตรของตน อย่างไร จะต้องมีเหตุผลและทำ�ตนให้บริสุทธิ์อย่างไร จะต้องทำ�งานบ้าน ต้องสุภาพ อ่อนโยนและนอบน้อมต่อสามีอย่างไร เพื่อจะไม่ทำ�ให้พระวาจาของพระเจ้าถูกกล่าว ร้าย จงตักเตือนชายหนุ่มให้รู้จักมีเหตุผลในทุกสิ่ง โดยท่านจะต้องเป็นแบบอย่างใน กิจการทีด่ ี เมือ่ สอนก็จงสอนด้วยความจริงใจและจริงจัง โดยสอนคำ�สอนทีถ่ กู ต้องไม่มี ผู้ใดตำ�หนิได้ เพื่อฝ่ายปฏิปักษ์จะรู้สึกอายและไม่มีสิ่งใดตำ�หนิเราได้ พระหรรษทานของพระเจ้าปรากฏขึ้นเพื่อช่วยมนุษย์ทุกคนให้รอดพ้น สอนเรา ให้ละทิ้งอธรรมและโลกียตัณหา เพื่อดำ�เนินชีวิตอย่างมีสติสัมปชัญญะด้วยความ ชอบธรรมและด้วยความเคารพเลื่อมใสพระเจ้าในโลกนี้ ขณะที่เรากำ�ลังรอคอยคือ ความหวังทีใ่ ห้ความสุข การสำ�แดงพระองค์ในพระสิรริ งุ่ โรจน์ของพระคริสตเยซู พระเจ้า ผูย้ งิ่ ใหญ่และพระผูไ้ ถ่ของเรา พระองค์ทรงมอบพระองค์เพือ่ เรา เพือ่ ไถ่กเู้ ราจากอธรรม ทั้งหลาย ชำ�ระประชากรให้บริสุทธิ์เพื่อจะเป็นประชากรของพระองค์ และเป็นผู้ ปรารถนาจะทำ�แต่ความดี พระวรสาร ลก 17:7-10 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านผู้ใดที่มีคนรับใช้ออกไปไถนา หรือไปเลี้ยงแกะ เมื่อคนรับใช้กลับจากทุ่งนา ผู้นั้นจะพูดกับคนรับใช้หรือว่า ‘เร็วเข้า มานั่งโต๊ะเถิด’ แต่จะพูดมิใช่หรือว่า ‘จงเตรียม อาหารมาให้ฉันเถิด จงคาดสะเอว คอยรับใช้ฉันขณะที่ฉันกินและดื่ม หลังจากนั้นเจ้า จึงกินและดืม่ ’ นายย่อมไม่ขอบใจผูร้ บั ใช้ทปี่ ฏิบตั ติ ามคำ�สัง่ มิใช่หรือ ท่านทัง้ หลายก็เช่น เดียวกัน เมือ่ ท่านได้ท�ำ ตามคำ�สัง่ ทุกประการแล้ว จงพูดว่า ‘ฉันเป็นผูร้ บั ใช้ทไี่ ร้ประโยชน์ เพราะฉันทำ�ตามหน้าที่ที่ต้องทำ�เท่านั้น’” “ฉันเป็นผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์” คำ�กล่าวนี้จะคอยเตือนใจเรา ให้รับรู้ ตนเองอยูเ่ สมอว่า พรสวรรค์ ความสามารถ และชีวติ ของเรานัน้ ได้รบั มาในฐานะพระพร จากพระเจ้า และเมื่อเราใช้ชีวิตของเราเพื่อสรรเสริญพระองค์ ดำ�เนินชีวิตตามพระ ประสงค์ของพระองค์แล้ว เราจะไม่ทอ้ ถอย หรืออ่อนแรง เพราะเราได้ท�ำ ตามหน้าทีใ่ น ภารกิจที่เราได้รับมอบหมาย มนุษย์กระทำ�สิ่งต่างๆ ในฐานะที่เป็นพระประสงค์ของ พระเจ้า โดยใช้พระพรและความสามารถทีไ่ ด้รบั มาจากพระองค์ การรับใช้พระเป็นเจ้า จึงถือได้ว่าเป็นหน้าที่ของการเป็นสิ่งสร้าง เป็นพันธกิจของสิ่งสร้างต่อพระผู้สร้าง

ระลึกถึง น.เลโอ ผู้ยิ่งใหญ่ พระสันตะปาปา และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 37:3-4,18-19, 23,27,29

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4


ระลึกถึง น.มาร์ติน แห่งตูร์ พระสังฆราช สดด 23:1-6

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1 ทต 3:1-7 พี่น้อง จงตักเตือนเขาเหล่านั้นให้อยู่ใต้อำ�นาจและเชื่อฟังเจ้าหน้าที่ผู้มีอำ�นาจ พร้อมที่จะทำ�ความดีทุกประการ ไม่กล่าวร้ายผู้ใด หลีกเลี่ยงการทะเลาะวิวาท มีความ อดกลั้นและสุภาพอ่อนโยนต่อทุกคน ในอดีต เราเคยเป็นคนโง่ ไม่เชื่อฟัง และหลง ผิด เป็นทาสของกิเลสตัณหาและความหลงระเริงต่างๆ ขณะนั้นเราดำ�เนินชีวิตอย่าง ชั่วร้าย มีความอิจฉาริษยา น่ารังเกียจและเกลียดชังกัน แต่เมือ่ พระเจ้าพระผูไ้ ถ่ของเราทรงแสดงพระทัยดีและความรักต่อมนุษย์ พระองค์ ทรงช่วยเราให้รอดพ้นมิใช่เพราะกิจการชอบธรรมใดๆ ที่เรากระทำ� แต่เพราะความรัก มั่นคงของพระองค์ ทรงใช้นํ้าชำ�ระเราให้สะอาด เราจึงเกิดใหม่และได้รับการฟื้นฟู โดยพระจิตเจ้า พระองค์ทรงหลั่งพระจิตเจ้าลงเหนือเราอย่างอุดมโดยทางพระเยซู คริสตเจ้าพระผู้ไถ่ของเรา เพื่อพระหรรษทานของพระองค์จะบันดาลให้เรากลับเป็นผู้ ชอบธรรมและเป็นทายาทในความหวังว่าจะได้ชีวิตนิรันดร พระวรสาร ลก 17:11-19 ขณะทีพ่ ระเยซูเจ้าเสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็มนัน้ พระองค์เสด็จผ่านแคว้นสะมาเรีย และกาลิลี เมื่อเสด็จเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง คนโรคเรื้อนสิบคนเข้ามาเฝ้าพระองค์ ยืนอยู่ห่างๆ ร้องตะโกนว่า “พระเยซู พระอาจารย์ โปรดสงสารพวกเราเถิด” พระองค์ ทอดพระเนตรเห็นจึงตรัสกับเขาว่า “จงไปแสดงตนแก่บรรดาสมณะเถิด” ขณะที่เขากำ�ลังไป เขาก็หายจากโรค คนหนึ่งในสิบคนนี้ เมื่อพบว่าตนหายจาก โรคแล้ว ก็กลับมา พลางร้องตะโกนสรรเสริญพระเจ้า ซบหน้าลงแทบพระบาท ขอบพระคุณพระองค์ เขาผู้นี้เป็นชาวสะมาเรีย พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “ทั้งสิบคนหายจากโรคมิใช่หรือ อีกเก้าคนอยู่ที่ใดเล่า ไม่มี ใครกลับมาถวายพระเกียรติแด่พระเจ้านอกจากคนต่างชาติคนนี้หรือ” แล้วพระองค์ ตรัสกับเขาว่า “จงลุกขึ้น ไปเถิด ความเชื่อของท่านทำ�ให้ท่านรอดพ้นแล้ว”

“ความเชื่อของท่านได้ทำ�ให้ท่านรอดแล้ว” ความเชื่อที่องค์พระคริสต เจ้าหมายถึงนั้น คือความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาเป็นคนต่างชาติเพียงคนเดียวใน กลุม่ คนโรคเรือ้ นทีห่ ายจากโรค การทีเ่ ขากลับมาเพือ่ ขอบคุณและสรรเสริญพระเจ้านัน้ คือความเชื่อที่ทำ�ให้เขาหาย และไม่ได้เพียงแต่หายจากโรคเรื้อนเท่านั้น แต่หายจาก ความไม่รจู้ กั พระเจ้า จากความไม่เชือ่ ในพระเจ้า และกลับมาโดยระลึกว่า เป็นองค์พระ ผู้เป็นเจ้าที่ทำ�ให้เขาหายจากโรคเรื้อน เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาให้เหมือนกับตายไปแล้ว เกิดใหม่ การขอบคุณพระเจ้าในสิ่งต่างๆ ที่เราได้รับมาในชีวิต เป็นเครื่องหมายของ ความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า และจะลึกซึ้งมากขึ้นทุกวัน เมื่อเราภาวนาขอบพระคุณ


บทอ่านที่ 1 ฟม 1:7-20 ท่านที่รักยิ่ง ความรักของท่านทำ�ให้ข้าพเจ้ายินดีและได้รับกำ�ลังใจเป็นอย่างมาก เพราะท่านนำ�ความสงบสุขมาสู่ดวงใจของประชากรศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า เดชะพระคริสตเจ้า แม้ว่าข้าพเจ้ามีอำ�นาจจะสั่งท่านให้ทำ�สิ่งใดก็ได้ แต่ข้าพเจ้าก็ เลือกทีจ่ ะขอร้องให้ทา่ นทำ�ด้วยความรักมากกว่า ผูท้ ขี่ อร้องนีค้ อื ข้าพเจ้า เปาโล ซึง่ เป็น คนชราและขณะนีเ้ ป็นนักโทษเนือ่ งจากพระคริสตเยซูดว้ ย ข้าพเจ้าขอร้องท่านเพือ่ บุตร คนหนึ่งของข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าได้ให้กำ�เนิดขณะที่ถูกจองจำ�คือโอเนสิมัส ในอดีตเขา ไม่มีประโยชน์ใดต่อท่าน แต่ขณะนี้เขามีประโยชน์ทั้งต่อท่านและต่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้า กำ�ลังส่งเขากลับมาหาท่าน นั่นคือข้าพเจ้าส่งดวงใจของข้าพเจ้ามาด้วย อันที่จริงแล้ว ข้าพเจ้าต้องการให้เขาอยู่กับข้าพเจ้าที่นี่ เขาจะได้รับใช้ข้าพเจ้าแทนท่านขณะที่ข้าพเจ้า ถูกจองจำ�เพราะข่าวดี แต่ข้าพเจ้าไม่ต้องการทำ�สิ่งใดโดยท่านไม่เห็นชอบ เพื่อมิให้ท่าน ทำ�ความดีเพราะถูกบังคับ แต่ทำ�ด้วยความสมัครใจ... ถ้าท่านยังยอมรับว่าข้าพเจ้าเป็น มิตรกับท่าน ก็จงต้อนรับเขาเช่นเดียวกับที่ท่านจะต้อนรับข้าพเจ้า ถ้าเขาทำ�ผิดต่อท่าน เรือ่ งใด หรือเป็นหนีท้ า่ นเท่าใด ก็จงจดลงในบัญชีของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเขียนด้วยมือของ ข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้า เปาโล จะชดใช้ให้ทั้งหมด ข้าพเจ้าจะไม่พูดถึงหนี้สินอื่นที่ท่านเป็น หนี้ข้าพเจ้า ดีแล้ว น้องรัก หวังว่าท่านจะทำ�ตามที่ข้าพเจ้าขอร้อง เพราะท่านศรัทธาต่อ องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทำ�ให้ดวงใจของข้าพเจ้าเป็นสุขสงบในพระคริสตเจ้าเถิด

ระลึกถึง น.โยซาฟัต พระสังฆราช และมรณสักขี สดด 146:7,8-9ก 9ข-10

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

พระวรสาร ลก 17:20-25 เวลานั้น เมื่อชาวฟาริสีทูลถามว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึงเมื่อใด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า ‘พระอาณาจักรของพระเจ้ามิได้มาอย่างที่จะสังเกตเห็นได้ จะไม่มีใครพูดว่า ‘พระอาณาจักรอยู่ที่นี่ หรืออยู่ ที่นั่น’ เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ในหมู่ท่านทั้งหลายแล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เวลานั้นจะมาถึงเมื่อท่านปรารถนาเห็นวันของบุตรแห่งมนุษย์แม้ เพียงวันเดียว แต่จะไม่ได้เห็น จะมีหลายคนกล่าวกับท่านว่า ‘บุตรแห่งมนุษย์อยูท่ นี่ นั่ ’ หรือ ‘บุตรแห่งมนุษย์ อยู่ที่นี่’ ท่านอย่าออกไป อย่าตามไป เพราะเมื่อสายฟ้าแลบ ย่อมส่องสว่างจากขอบฟ้าหนึ่งไปถึงอีกขอบฟ้า หนึ่งฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะเสด็จมาในวันของพระองค์ฉันนั้น แต่ก่อนจะถึงวันนั้น บุตรแห่งมนุษย์จำ�เป็น ต้องรับการทรมานอย่างมาก และจำ�เป็นที่คนยุคนี้ไม่ยอมรับพระองค์” “พระศาสนจักรของพระเจ้าอยู่ในหมู่ท่านทั้งหลายแล้ว” นับแต่ในอดีตจนปัจจุบัน มีผู้คน มากมายกล่าวอ้างถึงหนทาง วิธีการ และรูปแบบของพระอาณาจักรพระเจ้า แต่องค์พระคริสตเจ้าได้กล่าว ไว้อย่างชัดเจนว่า พระอาณาจักรของพระเป็นเจ้านัน้ อยูภ่ ายในชีวติ หมูค่ ณะ อาณาจักรสวรรค์ไม่ใช่เรือ่ งส่วน ตัว ไม่ใช่เรื่องขององค์กรหรือระเบียบปฏิบัติที่จะมากล่าวอ้างถึงการได้มาถึงพระอาณาจักรพระเจ้า แต่ อาณาจักรของพระเจ้าจะเกิดขึน้ ในการดำ�เนินชีวติ ร่วมกัน เป็นชีวติ หมูค่ ณะของผูท้ เี่ ชือ่ ในองค์พระคริสตเจ้า และดำ�เนินชีวติ ด้วยจิตตารมณ์และวิสยั ทัศน์ขององค์พระคริสตเจ้า และเป็นพันธกิจของเราแต่ละคนในการ เสริมสร้างอาณาจักรนี้ด้วยชีวิตของเรา


สัปดาห์ที่ 32 เทศกาลธรรมดา สดด 119:1-2, 10-11,17-19

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1 2 ยน 4-9 ข้าพเจ้ามีความปีติมากที่รู้ว่า บุตรบางคนของท่านดำ�เนินชีวิตตามความจริงตลอด มา โดยปฏิบตั ติ ามทีเ่ ราได้รบั พระบัญชาจากพระบิดา เวลานี้ ข้าพเจ้าเขียนมาขอให้ทา่ น ทั้งหลายที่เป็นพระศาสนจักรทำ�สิ่งหนึ่ง สิ่งนี้ไม่ใช่บทบัญญัติใหม่ แต่เป็นบทบัญญัติที่ เรามีมาตั้งแต่แรกเริ่ม นั่นคือ เราจงรักกันเถิด ความรักคือการดำ�เนินชีวิตตามพระบัญญัติ บทบัญญัตินี้ท่านเรียนรู้มาแล้วตั้งแต่ แรกเริ่ม คือให้ดำ�เนินชีวิตในความรัก คนหลอกลวงจำ�นวนมากออกไปทั่วโลก พวกนี้ ไม่ยอมรับว่าพระเยซูคริสตเจ้าเสด็จมาเป็นมนุษย์ คนเหล่านีค้ อื คนหลอกลวงและเป็น ปฏิปักษ์ต่อพระคริสตเจ้า ท่านจงระวังไว้ มิฉะนั้นงานทุกอย่างของเราจะสูญเปล่า และ ท่านจะไม่ได้รับค่าตอบแทนอย่างสมบูรณ์ ผู้ใดไม่ดำ�รงอยู่ในคำ�สอนของพระคริสตเจ้า และออกไปจากคำ�สอนนั้น เขาไม่มีพระเจ้าอยู่กับตน แต่ผู้ท่ีดำ�รงอยู่ในสิ่งที่ทรงสอน เท่านั้นมีพระบิดาและพระบุตรอยู่ด้วย

พระวรสาร ลก 17:26-37 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาสาวกว่า “เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นในสมัยของโนอาห์ฉันใด ก็จะเกิดขึ้นในสมัยของบุตรแห่งมนุษย์ฉันนั้น ผู้คนกิน ดื่ม แต่งงานเป็นสามีภรรยากันจนถึงวันที่โนอาห์เข้าไปในเรือ นํ้าวินาศก็ได้ท่วมเขาเหล่านั้นจนตายสิ้น ใน สมัยของโลทก็เช่นเดียวกัน ผู้คนกิน ดื่ม ซื้อขาย ปลูกพืช สร้างบ้าน แต่ในวันที่โลทออกจากเมืองโสดม ไฟ และกำ�มะถันได้ตกจากท้องฟ้ามาเผาผลาญเขาเหล่านัน้ จนตายสิน้ ในวันทีบ่ ตุ รแห่งมนุษย์จะทรงสำ�แดงองค์ ก็จะเป็นเช่นเดียวกันด้วย ในวันนั้น คนที่อยู่บนดาดฟ้าและมีข้าวของอยู่ในบ้าน จงอย่าลงมาเอาของเหล่านั้นเลย คนที่อยู่ในทุ่ง นาก็เช่นเดียวกัน จงอย่าหวนกลับมาอีก ท่านทั้งหลายจงระลึกถึงเรื่องภรรยาของโลทไว้เถิด ผู้ใดที่พยายาม รักษาชีวิตของตนไว้ ก็จะสูญเสียชีวิตนั้น และผู้ใดที่เสียชีวิตของตน ก็จะรักษาชีวิตนั้นไว้ได้ เราบอกท่าน ทั้งหลายว่า ในคืนนั้น สองคนที่นอนเตียงเดียวกัน คนหนึ่งจะถูกรับไป อีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้ หญิงสองคน ที่กำ�ลังโม่แป้งอยู่ด้วยกัน คนหนึ่งจะถูกรับไป อีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้” บรรดาศิษย์จึงทูลถามว่า “เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นที่ใด พระเจ้าข้า” พระองค์ทรงตอบว่า “ที่ใดมีซากศพ ที่นั่นบรรดาแร้งจะมาชุมนุมกัน” คำ�ทำ�นายถึงวาระสุดท้ายนัน้ ปรากฏอยูใ่ นหลายโอกาสและหลายตอนในพระคัมภีร์ คำ�ทำ�นาย นั้นบ่งบอกถึงความเร่งด่วน ความไม่แน่นอน และเน้นถึงการเตรียมตัวให้พร้อม เมื่อศิษย์ถามพระเยซูว่า “เหตุการณ์นั้นจะมาในเวลาใด” เราทุกคนก็เช่นเดียวกันที่อยากจะรู้ว่า วาระสุดท้ายนั้นจะมาเวลาใด แต่ เมื่อการรอคอยกลับกลายเป็นความเย็นชา ความเร่งด่วนในการเตรียมรับเสด็จนั้นก็เงียบเหงาซบเซาไป ซึ่ง ที่จริงแล้ว เราไม่ได้เป็นผู้รอคอยการเสด็จมาขององค์พระคริสตเจ้าอีกต่อไป แต่เราเป็นผู้ที่นำ�พระคริสตเจ้า มาในโลก เราทำ�ให้การรอคอยที่ยืดยาวน่าเบื่อนั้น กลับกลายเป็นความชื่นชมยินดี ทำ�ให้สัมผัสองค์พระ คริสตเจ้าได้โดยผ่านทางชีวิต กิจการ และแบบอย่างแห่งชีวิตของเรา เราคริสตชนต้องไม่ดำ�เนินชีวิตเป็นดั่ง ผู้รอคอยการเสด็จกลับมาขององค์พระคริสตเจ้า แต่เป็นผู้ที่รู้จักพระองค์ ได้สัมผัสพระองค์ เป็นการดำ�เนิน ชีวติ ในพระองค์ ในโลกหยุดการรอคอยการเสด็จมา แต่รว่ มเฉลิมฉลองชีวติ ของพระคริสตเจ้าให้เป็นปัจจุบนั ในทุกๆ วันแห่งชีวิตเรา


บทอ่านที่ 1 3 ยน 5-8 เพือ่ นรัก ท่านทำ�งานอย่างซือ่ สัตย์โดยช่วยเหลือพีน่ อ้ งแปลกหน้าเหล่านี้ เขาเป็น พยานยืนยันต่อพระศาสนจักรถึงความรักของท่าน เป็นการดีที่ท่านจะช่วยเขาให้เดิน ทางต่อไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า เขาเดินทางไปเพราะเห็นแก่พระนามของพระ คริสตเจ้าเท่านั้น และไม่ได้รับสิ่งใดจากคนต่างศาสนา เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้อนรับ และร่วมงานกับบุคคลเหล่านี้ในงานเผยแผ่ความจริง พระวรสาร ลก 18:1-8 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าทรงเล่าเรือ่ งอุปมาเรือ่ งหนึง่ แก่บรรดาศิษย์เพือ่ สอนว่าจำ�เป็น ต้องอธิษฐานภาวนาอยูเ่ สมอโดยไม่ทอ้ ถอย พระองค์ตรัสว่า “ผูพ้ พิ ากษาคนหนึง่ อยูใ่ น เมืองหนึ่ง เขาไม่ยำ�เกรงพระเจ้าและไม่เกรงใจมนุษย์ผู้ใด หญิงม่ายคนหนึ่งอยู่ในเมือง นั้นด้วย นางมาพบเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพูดว่า ‘กรุณาให้ความยุติธรรมแก่ดิฉันสู้กับคู่ ความเถิด’ ผู้พิพากษาผู้นั้นไม่ยอมทำ�ตามที่นางขอร้องจนเวลาผ่านไประยะหนึ่ง จึงคิด ว่า ‘แม้วา่ ฉันไม่ย�ำ เกรงพระเจ้าและไม่เกรงใจมนุษย์ผใู้ ด แต่เพราะหญิงม่ายผูน้ มี้ าทำ�ให้ ฉันรำ�คาญ ฉันจึงจะให้นางได้รับความยุติธรรม เพื่อมิให้นางรบเร้าฉันอยู่ตลอดเวลา’” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จงฟังคำ�ที่ผู้พิพากษาอธรรมคนนั้นพูดซิ แล้วพระเจ้า จะไม่ประทานความยุติธรรมแก่ผู้เลือกสรรที่ร้องหาพระองค์ทั้งวันทั้งคืนดอกหรือ พระองค์จะไม่ทรงช่วยเขาทันทีหรือ เราบอกท่านทั้งหลายว่าพระองค์จะประทานความ ยุติธรรมแก่เขาโดยเร็ว แต่เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมา จะทรงพบความเชื่อในโลกนี้ หรือ” พระเยซูเจ้าทรงใช้เรือ่ งอุปมาเพือ่ สอนให้เราภาวนาอย่างไม่ทอ้ ถอย หญิง ม่ายรบเร้าผูพ้ พิ ากษาเพือ่ ได้รบั ความยุตธิ รรม แม้จะรูว้ า่ ผูพ้ พิ ากษาผูน้ นั้ เป็นคนอธรรม และนางก็ได้รับการตอบสนองดังที่ตั้งใจ เพราะว่าผู้พิพากษาอธรรมนั้นทนการรบเร้า ของนางไม่ได้ แต่สำ�หรับการภาวนาวอนขอพระเป็นเจ้านั้น พระองค์ทรงชอบธรรม พร้อมที่จะรับฟังคำ�ภาวนาวอนขอของเราทุกคน แต่คำ�ภาวนาของเรานั้นไม่อาจจะ เปลีย่ นแปลงพระองค์ เพราะพระองค์ชอบธรรมและยุตธิ รรมเสมอ แต่การภาวนาอย่าง ไม่ยอ่ ท้อนัน้ จะช่วยเปลีย่ นแปลงจิตใจของเราให้กว้างขวางและมีนาํ้ ใจทีจ่ ะตอบรับพระ ประสงค์ของพระเป็นเจ้าในชีวิตของเราได้ การภาวนาไม่ได้เปลี่ยนแปลงพระเจ้า หรือ เหตุการณ์ภายนอก แต่การภาวนาจะเปลี่ยนแปลงผู้ภาวนา ให้มีจิตใจที่แสวงหาและ เข้าใจในพระประสงค์ของพระเป็นเจ้ามากยิ่งขึ้น

สัปดาห์ที่ 32 เทศกาลธรรมดา สดด 112:1-3, 4,5-6

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4


สัปดาห์ที่ 33 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านจากหนังสือสุภาษิต สภษ 31:10-13,19-20,30-31 ใครจะพบภรรยาที่มีคุณธรรมได้ เธอประเสริฐกว่าไข่มุกยิ่งนัก จิตใจของสามีก็ วางใจเธอ เขาจะไม่ขาดกำ�ไร เธอทำ�ให้เขามีความสุข ไม่ก่อความทุกข์ให้เขาเลยตลอด ชีวิตของเธอ เธอไปหาขนแกะและป่านมาทอเป็นผืนผ้าด้วยมืออย่างเต็มใจ เธอยื่นมือจับไนปั่นด้าย นิ้วมือของเธอหมุนเครื่องกรอด้าย เธอเหยียดมือ ช่วยเหลือคนยากจน ยื่นมือช่วยเหลือคนขัดสน เสน่ห์เป็นสิ่งหลอกลวง ความสวยงามก็ไม่จีรังยั่งยืน แต่สตรีที่ยำ�เกรงพระเจ้า สมควรได้รับคำ�สรรเสริญ จงให้เธอได้รับผลจากมือของเธอ การงานของเธอจง สรรเสริญเธอที่ประตูเมือง เพลงสดุดี สดด 128:1-2,3,4-6 ก) ผู้ยำ�เกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าย่อมเป็นสุข เขาเดินอยู่ในมรรคาของพระองค์ ท่านจะมีอาหารกินจากงานที่ท่านทำ� ท่านจะเป็นสุขและเจริญรุ่งเรือง ข) ภรรยาของท่านจะเป็นดั่งเถาองุ่นที่มีผลดกภายในบ้านของท่าน บุตรของท่านจะเป็นเหมือนหน่อต้นมะกอกเทศนั่งอยู่รอบโต๊ะอาหาร ค) บุรุษผู้ยำ�เกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าจะได้รับพระพรเช่นนี้ ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานพระพรแก่ท่านจากศิโยน ขอให้ท่านเห็นความรุ่งเรืองของกรุงเยรูซาเล็ม ทุกวันตลอดชีวิตของท่าน ขอให้ท่านมีชีวิตยืนนานจนเห็นหลานเห็นเหลน สันติสุขจงมีแก่อิสราเอล บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่หนึ่ง 1 ธส 5:1-6 พี่น้องทั้งหลาย ไม่จำ�เป็นที่จะเขียนบอกท่านเรื่องวันเวลาที่กำ�หนด ท่านรู้อยู่แล้ว ว่า วันขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเหมือนขโมยที่มาตอนกลางคืน เมื่อใดที่กล่าวกันว่า “มีสนั ติและความปลอดภัยแล้ว” เมือ่ นัน้ ความพินาศจะอุบตั แิ ก่เขาโดยฉับพลันเหมือน ความเจ็บปวดของหญิงมีครรภ์ แล้วเขาจะหนีไม่พ้น ส่วนท่าน พี่น้องทั้งหลาย อย่าดำ�รงชีวิตในความมืด เพราะวันนั้นจะมาถึงโดยไม่รู้ ตัวเหมือนขโมย ทุกท่านเป็นบุตรแห่งความสว่างและบุตรแห่งทิวากาล เรามิได้อยู่ฝ่าย ราตรีกาลหรือความมืด ดังนั้น เราอย่าหลับใหลเหมือนคนอื่น จงตื่นอยู่เสมอและจง รู้จักประมาณตน


บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 25:14-30 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาอัครสาวกเป็นเรื่อง อุปมาว่าดังนี้ “อาณาจักรสวรรค์ยังจะเปรียบได้กับบุรุษผู้หนึ่งกำ�ลัง จะเดินทางไกล เรียกผู้รับใช้มามอบทรัพย์สินให้ ให้คนที่ หนึ่งห้าตะลันต์ ให้คนที่สองสองตะลันต์ ให้คนที่สามหนึ่ง ตะลันต์ ตามความสามารถของแต่ละคน แล้วจึงออกเดิน ทางไป คนที่รับห้าตะลันต์รีบนำ�เงินนั้นไปลงทุน ได้กำ�ไรมาอีก ห้าตะลันต์ คนที่รับสองตะลันต์ก็ได้กำ�ไรมาอีกสองตะลันต์ เช่นเดียวกัน แต่คนทีร่ บั หนึง่ ตะลันต์ไปขุดหลุมซ่อนเงินของ นายไว้ หลังจากนั้นอีกนาน นายของผู้รับใช้พวกนี้ก็กลับมาและตรวจบัญชีของพวกเขา คนที่รับห้าตะลันต์เข้า มา นำ�กำ�ไรอีกห้าตะลันต์มาด้วย กล่าวว่า ‘นายขอรับ ท่านให้ข้าพเจ้าห้าตะลันต์ นี่คือเงินอีกห้าตะลันต์ที่ ข้าพเจ้าทำ�กำ�ไรได้’ นายพูดว่า ‘ดีมาก ผู้รับใช้ที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในสิ่งเล็กน้อย เราจะให้เจ้าจัดการ ในเรื่องใหญ่ๆ จงมาร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด’ คนที่รับสองตะลันต์เข้ามารายงานว่า ‘นายขอรับ ท่านให้ ข้าพเจ้าสองตะลันต์ นี่คือเงินอีกสองตะลันต์ที่ข้าพเจ้าทำ�กำ�ไรได้’ นายพูดว่า ‘ดีมาก ผู้รับใช้ที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในสิ่งเล็กน้อย เราจะให้เจ้าจัดการในเรื่องใหญ่ๆ จงมาร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด’ คนที่รับหนึ่งตะลันต์เข้ามารายงานว่า ‘นายขอรับ ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านเป็นคนเข้มงวด เก็บเกี่ยวในที่ที่ท่าน ไม่ได้หว่าน เก็บรวบรวมในที่ที่ท่านไม่ได้โปรย ข้าพเจ้ามีความกลัว จึงนำ�เงินของท่านไปฝังดินซ่อนไว้ นี่คือ เงินของท่าน’ นายจึงตอบว่า ‘ผู้รับใช้เลวและเกียจคร้าน เจ้ารู้ว่าข้าเก็บเกี่ยวในที่ที่ข้ามิได้หว่าน เก็บรวบรวม ในที่ที่ข้ามิได้โปรย เจ้าก็ควรนำ�เงินของข้าไปฝากธนาคารไว้ เมื่อข้ากลับมาจะได้ถอนเงินของข้าพร้อมกับ ดอกเบี้ย จงนำ�เงินหนึ่งตะลันต์จากเขาไปให้แก่ผู้ที่มีสิบตะลันต์ เพราะผู้ที่มีมาก จะได้รับมากขึ้น และเขาจะ มีเหลือเฟือ แต่ผู้ที่มีน้อย สิ่งเล็กน้อยที่เขามีก็จะถูกริบไปด้วย ส่วนผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์นี้ จงนำ�ไปทิ้งในที่ มืดข้างนอก ที่นั่นจะมีแต่การรํ่าไห้ครํ่าครวญ และขบฟันด้วยความขุ่นเคือง’” พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ในตัวเราแต่ละคน พระเป็นเจ้าทรงประทานพระพรแห่งพระ อาณาจักรเพื่อเราจะได้นำ�พระพรนี้ไปเสริมสร้างพระอาณาจักรตามสถานะ และพระพรที่ได้รับมา เราไม่ จำ�เป็นทีจ่ ะต้องรอคอยให้พระเป็นเจ้ามาแจกแจงบัญชีแห่งพระพรของพระอาณาจักรพระเจ้าทีไ่ ด้รบั มา แต่ ผลแห่งพระอาณาจักรที่แต่ละคนได้ลงทุนลงแรง เสริมสร้างโดยไม่สูญเปล่า ทำ�ให้ตัวเราและผู้อื่นได้ชื่นชม ความยินดี ความรัก และสันติแห่งพระอาณาจักรของพระเจ้า สิ่งที่บ่งบอกว่า เราเป็นผู้รับใช้ที่ดีหรือไม่ คือการใช้พระพรที่เราได้รับมาจากพระเจ้า ในการดำ�เนินชีวิต เพื่อแสดงออกถึงพระอาณาจักรของพระเจ้า และนำ�ความรัก ความยินดีมาสู่ชีวิตตนเองและผู้อื่น หาไม่แล้ว เราก็จะเหมือนคนรับใช้ที่เกียจคร้าน นั่งขมขื่นกับชะตากรรมของตนเอง และโกรธเคืองผู้อื่น


น.มาร์กาเร็ต แห่งสก๊อตแลนด์ น.เยอร์ตรู๊ด พรหมจารี สดด 1:1-6

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1 วว 1:1-4,2:1-5ก ต่อไปนี้เป็นการเปิดเผยเรื่องพระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าทรงเปิดเผยแก่พระเยซูคริสตเจ้า เพื่อจะได้แจ้งแก่บรรดาผู้รับใช้ของ พระองค์ถึงสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ พระเยซูคริสตเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์มาพบ ยอห์นผู้รับใช้ของพระองค์เพื่ออธิบายความหมาย ยอห์นเป็นพยานถึงพระวาจาของ พระเจ้าและเป็นพยานถึงคำ�ยืนยันของพระเยซูคริสตเจ้าตามทีเ่ ขาเห็น ความสุขจงมีแก่ บรรดาผู้อ่านและผู้ฟังถ้อยคำ�ของการประกาศพระวาจานี้และปฏิบัติตามข้อความที่ เขียนไว้ เพราะเหตุการณ์นั้นใกล้เข้ามาแล้ว จากยอห์น ถึงพระศาสนจักรทั้งเจ็ดแห่งในแคว้นอาเซีย ขอพระหรรษทานและ สันติสุขสถิตกับท่านทั้งหลาย จากพระองค์ผู้ทรงดำ�รงอยู่ในปัจจุบัน ผู้ทรงดำ�รงอยู่ใน อดีตและผู้เสด็จมา จากจิตทั้งเจ็ดซึ่งอยู่เบื้องหน้าพระบัลลังก์ของพระองค์ จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของพระศาสนจักรทีเ่ มืองเอเฟซัสว่า “พระองค์ผทู้ รงถือดาว ทั้งเจ็ดดวงไว้ในพระหัตถ์ขวา และทรงดำ�เนินอยู่ในหมู่เชิงตะเกียงทองคำ�ทั้งเจ็ดเชิง ตรัสดังนี้ เรารู้จักกิจการ ความเหน็ดเหนื่อยและความเพียรทนของท่าน และรู้ว่าท่าน ทนคนชั่วช้าไม่ได้ ท่านทดสอบผู้ที่อ้างว่าเป็นอัครสาวก แต่ไม่เป็น และพบว่าเขาเหล่า นัน้ เป็นคนพูดคำ�เท็จ ท่านมีความเพียรทนและทนทุกข์เพราะนามของเราโดยไม่ทอ้ ถอย ถึงกระนั้น เรามีเรื่องตำ�หนิท่านด้วย คือท่านละทิ้งความรักที่เคยมีแต่ก่อน ดังนั้น จง ระลึกว่าท่านเคยเป็นอย่างไร จงกลับใจและทำ�กิจการอย่างเดิม”

พระวรสาร ลก 18:35-43 ขณะทีพ่ ระเยซูเจ้าทรงพระดำ�เนินมาใกล้เมืองเยรีโค ชายตาบอดคนหนึง่ นัง่ ขอทานอยูร่ มิ ทาง เมือ่ ได้ยนิ เสียงผู้คนผ่านมา เขาจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น มีคนบอกเขาว่าพระเยซูชาวนาซาเร็ธกำ�ลังเสด็จผ่านมา คน ตาบอดจึงร้องขึ้นว่า “ข้าแต่พระเยซู โอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” ผู้คนที่เดินข้าง หน้า ได้ดุว่าเขา บอกให้เงียบ แต่เขากลับตะโกนดังยิ่งกว่าเดิมว่า “พระโอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรด เมตตาข้าพเจ้าเถิด” พระเยซูเจ้าทรงหยุด ตรัสสั่งให้นำ�คนนั้นเข้ามา เมื่อเขาเข้ามาใกล้ พระองค์ตรัสถามว่า “ท่านอยากให้เราทำ�อะไรให้” เขาทูลว่า “พระเจ้าข้า ให้ข้าพเจ้ามองเห็นเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จง มองเห็นเถิด ความเชื่อของท่านช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว” ทันใดนั้น เขาก็มองเห็นได้อีก และเดินตาม พระองค์ไป พลางถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า ประชาชนทั้งปวงเห็นเช่นนั้น ต่างร้องสรรเสริญพระเจ้า “ข้าแต่พระเยซูเจ้า โอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” นี่เป็นเสียงร้อง ของชายตาบอดทีร่ อ้ งเรียกหาพระเยซู พระเยซูซงึ่ ผูค้ นพูดถึงว่า คนๆ นีช้ ว่ ยเหลือผูค้ นมากมายอย่างอัศจรรย์ ชายตาบอดผูน้ อี้ ยูใ่ นความทุกข์ของการมองไม่เห็น ทำ�อะไรไม่ได้ นอกจากขอทาน เขากำ�ลังสงสัย แต่เขาเริม่ มีความหวัง เขาไม่รอช้าหรือลังเลใจ เขาตะโกนเรียกหาพระเยซู แม้ผู้คนจะดุว่าเขา แต่ความหวังในใจของ เขาทำ�ให้เขายิ่งตะโกนดังกว่าเดิม “พระเยซูเจ้าข้า...พระเยซูเจ้าข้า...โปรดให้ข้าพเจ้ามองเห็นเถิด” พระเยซู เจ้าทรงรักษาเขาให้หายจากตาบอด ความเชื่อของเขาช่วยเขาให้หาย และความเชื่อของเรามีแค่ไหน? แล้ว เราตะโกนร้องเรียกหาพระเจ้าหรือไม่.. อย่างไร ???


บทอ่านที่ 1 วว 3:1-6,14-22 จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของพระศาสนจักรที่เมืองซาร์ดิสว่า “พระองค์ผู้ทรงมีจิตทั้ง เจ็ดของพระเจ้าและทรงมีดาวเจ็ดดวงตรัสว่า เรารู้จักกิจการของท่าน ใครๆ คิดว่าท่าน มีชีวิต แต่ท่านตายแล้ว จงตื่นขึ้นและเสริมกำ�ลังส่วนที่เหลือซึ่งใกล้จะตาย เพราะเรา ไม่ได้พบกิจการใดของท่านดีพร้อมเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าของเรา จงระลึกเถิดว่า ท่าน ได้รับ ได้ยินพระวาจาอย่างไร จงปฏิบัติตามและกลับใจเถิด ถ้าท่านไม่ตื่นเฝ้า เราจะมา ระลึกถึง เหมือนขโมย และท่านจะไม่รู้ว่าเราจะมาพบท่านเมื่อไร...” น.เอลีซาเบ็ธ จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของพระศาสนจักรที่เมืองเลาดีเซียว่า “พระองค์ผู้ทรงเป็น อาเมน ผูท้ รงเป็นพยานทีซ่ อื่ สัตย์และน่าเชือ่ ถือ ผูท้ รงเป็นปฐมเหตุของทุกสิง่ ทีพ่ ระเจ้า แห่งฮังการี นักบวช ทรงสร้างตรัสว่า เรารู้จักกิจการของท่าน รู้ว่าท่านไม่เย็นไม่ร้อน ท่านจะเย็นหรือร้อนไป สดด 15:2,3-4,5 เลยก็จะดีกว่า แต่ท่านมิได้เป็นเช่นนั้น เพราะท่านอุ่นๆ ไม่เย็นไม่ร้อน เรากำ�ลังจะคาย ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 ท่านออกจากปากของเรา ท่านพูดว่า ฉันรํ่ารวย มีสมบัติมากมายและไม่ต้องการอะไร อีก แต่ทา่ นไม่รวู้ า่ ท่านเป็นคนอาภัพ น่าสงสาร ยากจน ตาบอดและเปลือยเปล่า เราแนะนำ�ท่านให้ซอื้ ทองคำ� ทีห่ ลอมบริสทุ ธิแ์ ล้วจากเราเพือ่ ท่านจะรํา่ รวย ซือ้ เสือ้ ขาวเพือ่ สวมใส่ปกปิดความเปลือยเปล่าน่าอับอายของ ท่าน ซื้อยาหยอดตาเพื่อจะแลเห็นได้อีก เราตักเตือนและเฆี่ยนตีสั่งสอนผู้ที่เรารัก ดังนั้น จงมีความ กระตือรือร้นและกลับใจ ดูเถิด เรากำ�ลังยืนเคาะประตู ถ้าผูใ้ ดได้ยนิ เสียงของเราและเปิดประตู เราจะเข้าไป กินอาหารร่วมกับเขา เขาจะกินอาหารร่วมกับเรา ผู้ใดมีชัยชนะ เราจะให้เขานั่งกับเราบนบัลลังก์ เหมือนกับ ที่เรามีชัยชนะแล้วและได้นั่งกับพระบิดาของเราบนพระบัลลังก์ของพระองค์...” พระวรสาร ลก 19:1-10 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าเมืองเยรีโคและกำ�ลังจะเสด็จผ่านเมืองนั้น ชายคนหนึ่งชื่อศักเคียส เป็น หัวหน้าคนเก็บภาษี เป็นคนมั่งมี เขาพยายามมองดูว่าใครคือพระเยซูเจ้า แต่ก็มองไม่เห็นเพราะมีคนมาก และเพราะเขาเป็นคนร่างเตีย้ เขาจึงวิง่ นำ�หน้าไป ปีนขึน้ ต้นมะเดือ่ เทศ เพือ่ ให้เห็นพระเยซูเจ้า เพราะพระองค์ กำ�ลังจะเสด็จผ่านไปทางนัน้ เมือ่ พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงทีน่ นั่ ทรงเงยพระพักตร์ขนึ้ ทอดพระเนตรตรัสกับเขา ว่า “ศักเคียส รีบลงมาเถิด เพราะเราจะไปพักที่บ้านท่านวันนี้” เขารีบลงมาต้อนรับพระองค์ด้วยความยินดี ทุกคนที่เห็นต่างบ่นว่า “เขาไปพักที่บ้านคนบาป” ศักเคียสยืนขึ้นทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะ ยกทรัพย์สมบัตคิ รึง่ หนึง่ ให้แก่คนจน และถ้าข้าพเจ้าโกงสิง่ ใดของใครมา ข้าพเจ้าจะคืนให้เขาสีเ่ ท่า” พระเยซู เจ้าตรัสว่า “วันนี้ ความรอดพ้นมาสู่บ้านนี้แล้ว เพราะคนนี้เป็นบุตรของอับราฮัมด้วย บุตรแห่งมนุษย์มาเพื่อ แสวงหาและช่วยคนเลวทรามให้รอดพ้น” เมื่อวานพระวรสารกล่าวถึงชายตาบอด วันนี้พระวรสารกล่าวถึงชายคนหนึ่งที่ชื่อ ศักเคียส จากพระวรสารทั้งสองตอนนี้ เราจะพบว่า ชายตาบอดก็ดี – ศักเคียสก็ดี ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า เขาทั้งสองอยู่ในอารมณ์ของความสงสัย แต่ก็มีความหวัง เขาเรียกหาพระเยซู... เขาอยากพบพระเยซู และ เมื่อเขาได้พบพระเยซู เขาสมหวังที่ได้พบพระองค์ หนังสือวิวรณ์กล่าวว่า พระเจ้าทรงรู้จักเรา เราเองนั้น แหละไม่รู้จักตัวเอง บางครั้งเราคิดว่าเรามีชีวิต แต่ที่จริงเราตายแล้ว เรากำ�ลังหลงไปกับโลก จงตื่นขึ้น และ เสริมกำ�ลังของเรา ด้วยการเรียกหาพระเจ้า ขอพระเจ้าโปรดให้เราได้พบพระองค์ และขอให้เราได้รับการ รักษา – ช่วยเหลือเหมือนชายตาบอดและศักเคียส สิ่งสำ�คัญเราต้องแสวงหา และเรียกหาพระองค์ด้วยใจ จริง – ด้วยความเชื่อที่มั่นคง


วันครบรอบการ ถวายพระวิหาร น.เปโตรและเปาโล อัครสาวก สดด 98:1,2-3,4-5

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1 กจ 28:11-16,30-31 สามเดือนต่อมา เราโดยสารเรือลำ�หนึ่งซึ่งมาจากเมืองอเล็กซานเดรียมาจอดพัก ในฤดูหนาวที่เกาะ หัวเรือเป็นรูปเทพเจ้าคัสเตอร์และโพลักซ์ เรามาถึงเมืองซีราคิวส์ และพักอยู่ที่นั่นสามวัน จากนั้นเราแล่นเรือเลียบฝั่งมาถึงเมืองเรยีอุม วันรุ่งขึ้นลมใต้ พัดมา เราจึงมาถึงเมืองปูเตโอลีภายในสองวัน ที่นั่นเราพบพี่น้องบางคนซึ่งเชิญเราให้ ไปพักอยู่กับเขาหนึ่งสัปดาห์ แล้วเราจึงออกเดินทางไปกรุงโรม บรรดาพี่น้องที่กรุงโรม รู้ว่าเรากำ�ลังเดินทางไป จึงมาพบเราที่เมืองฟอรุมอัปปีและหมู่บ้านสามโรงแรม เมื่อ เปาโลเห็นเขา ก็ขอบคุณพระเจ้าและมีกำ�ลังใจดีขึ้น เรามาถึงกรุงโรม เปาโลได้รับ อนุญาตให้อยู่ตามลำ�พังโดยมีทหารคนหนึ่งเป็นผู้ควบคุม เปาโลพักอยู่ในบ้านเช่าเป็นเวลาสองปีเต็มและต้อนรับทุกคนที่มาเยี่ยม ประกาศ พระอาณาจักรของพระเจ้าและสอนความจริงเรือ่ งพระเยซูคริสต์องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าอย่าง กล้าหาญโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ

พระวรสาร มธ 14:22-33 ทันทีหลังจากนั้น พระเยซูเจ้าทรงสั่งให้บรรดาศิษย์ลงเรือข้ามทะเลสาบล่วงหน้าพระองค์ไปในขณะที่ พระองค์ทรงจัดให้ประชาชนกลับ เมื่อทรงลาประชาชนแล้ว พระองค์ก็เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่อทรงอธิษฐาน ภาวนาตามลำ�พัง ครั้นเวลาคํ่า พระองค์ทรงอยู่ที่นั่นเพียงพระองค์เดียว ส่วนเรืออยู่ห่างจากฝั่งหลายร้อย เมตร กำ�ลังแล่นโต้คลื่นอย่างหนักเพราะทวนลม เมื่อถึงยามที่สี่ พระองค์ทรงดำ�เนินบนทะเลไปหาบรรดาศิษย์ เมื่อบรรดาศิษย์เห็นพระองค์ทรงดำ�เนิน อยู่บนทะเลดังนั้น ต่างตกใจมากกล่าวว่า “ผีมา” และส่งเสียงอื้ออึงด้วยความกลัว ทันใดนั้นพระเยซูเจ้าตรัสแก่เขาว่า “ทำ�ใจให้ดี เราเอง อย่ากลัวเลย” เปโตรทูลตอบว่า “พระเจ้าข้า ถ้า เป็นพระองค์ ก็จงสั่งให้ข้าพเจ้าเดินบนนํ้าไปหาพระองค์เถิด” พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด” เปโตรจึงลงจากเรือ เดินบนนํ้าไปหาพระเยซูเจ้า แต่เมื่อเห็นว่าลมแรง เขาก็ กลัวและเริ่มจมลง แล้วร้องว่า “พระเจ้าข้า ช่วยข้าพเจ้าด้วย” ทันใดนั้นพระเยซูเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์จับเขา ตรัสว่า “ท่านช่างมีความเชื่อน้อยจริง สงสัยทำ�ไมเล่า” เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นมาประทับในเรือพร้อมกับเปโตรแล้ว ลมก็สงบ คนที่อยู่ในเรือจึงเข้ามากราบนมัสการ พระองค์ ทูลว่า “พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้าอย่างแท้จริง” โลกทุกวันนี้เจริญก้าวหน้าไปอย่างมาก โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี ด้านการพัฒนาต่างๆ จน หลายๆ ครัง้ ทำ�ให้มนุษย์คดิ ว่า มนุษย์ยงิ่ ใหญ่ ทำ�ได้ทกุ สิง่ มนุษย์เป็นพระเจ้าเอง มองดูศาสนาเป็นเรือ่ งงมงาย มองไม่เห็นพระเจ้า หรือร้ายกว่านั้น มองดู – มองเห็นพระเจ้าเป็นผี ยิ่งในยามที่กำ�ลังตกระกำ�ลำ�บาก ดูซิ แม้บรรดาสาวกของพระเยซูเจ้า ขณะที่กำ�ลังแล่นเรือเผชิญพายุ คลื่นลม จนเรือแทบจะอับปาง กลับมอง เห็นพระเยซูเจ้าเป็นผี (เพราะพระองค์สามารถเดินบนทะเลได้) เปโตรท้าทายพระเยซูเจ้าว่า ถ้าพระองค์ไม่ใช่ ผี – ถ้าเป็นพระองค์จริง ก็ให้ทา่ นเดินบนนํา้ ไปหาพระองค์ได้ดว้ ย เปโตรเดินบนนาํ้ ได้แต่กส็ งสัยในความจริง นั้น และเริ่มจมลง ชีวิตของเราหลายๆ ครั้งเราสงสัยและขาดความเชื่อใช่ไหม?? ชีวิตของเราจึงเริ่มจมลงๆ อีกครั้ง ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงเมตตา และประทานความเชื่อแก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ


บทอ่านที่ 1 วว 5:1-10 ข้าพเจ้าเห็นหนังสือม้วนหนึ่งในพระหัตถ์ขวาของพระองค์ผู้ประทับอยู่บนพระ บัลลังก์ หนังสือม้วนนั้นมีข้อความเขียนไว้ทั้งด้านในและด้านนอก มีตราเจ็ดดวงผนึก อยู่ ข้าพเจ้ายังเห็นทูตสวรรค์ทรงพลังองค์หนึง่ ร้องประกาศเสียงดังว่า “ใครเป็นผูส้ มควร จะคลีม่ ว้ นหนังสือ และเปิดตราทีผ่ นึกไว้” แต่ไม่มใี ครทัง้ ในสวรรค์หรือบนแผ่นดินหรือ ใต้พภิ พ คลีม่ ว้ นหนังสือนัน้ ออกอ่านได้ ข้าพเจ้าจึงร้องไห้ฟมู ฟายเพราะไม่มผี ใู้ ดสมควร จะคลี่ม้วนหนังสือนั้นออกอ่านได้เลย ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดกับข้าพเจ้าว่า “อย่าร้องไห้ เลย ดูเถิด สิงโตจากตระกูลยูดาห์ หน่อเนื้อเชื้อไขของกษัตริย์ดาวิดทรงได้รับชัยชนะ แล้ว พระองค์จะทรงคลี่ม้วนหนังสือและเปิดตราที่ผนึกทั้งเจ็ดดวงออกได้” แล้วข้าพเจ้าเห็นลูกแกะของพระเจ้าตรงกลางพระบัลลังก์ในหมู่ผู้มีชีวิตทั้งสี่ตน และบรรดาผู้อาวุโส ลูกแกะนั้นที่ยืนอยู่ทั้งๆ ที่ถูกประหารแล้ว มีเจ็ดเขา เจ็ดตา หมาย ถึงจิตทั้งเจ็ดที่พระเจ้าทรงส่งไปทั่วแผ่นดิน ลูกแกะนั้นทรงเข้ามารับม้วนหนังสือจาก พระหัตถ์ขวาของพระผูป้ ระทับอยูบ่ นพระบัลลังก์ เมือ่ ทรงรับม้วนหนังสือแล้ว ผูม้ ชี วี ติ ทั้งสี่ตนและผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่คนก็กราบลงเฉพาะพระพักตร์ลูกแกะ ต่างถือพิณและ ผอบทองคำ�มีกำ�ยานใส่เต็ม ซึ่งหมายถึงคำ�อธิษฐานภาวนาของบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ ขับ ร้องเพลงบทใหม่ว่า “พระองค์ทรงเหมาะสมทีจ่ ะรับม้วนหนังสือ และเปิดดวงตราทีผ่ นึกอยูน่ นั้ เพราะ พระองค์ทรงถูกประหาร ทรงหลั่งพระโลหิตไถ่กู้มนุษย์สำ�หรับพระเจ้า จากทุกเผ่า ทุก ภาษา ทุกประเทศ ทุกชาติ ทรงทำ�ให้เขาเหล่านั้นเป็นสมณราชตระกูลสำ�หรับพระเจ้า ของเรา เขาจะครองราชย์เหนือแผ่นดิน”

สัปดาห์ที่ 33 เทศกาลธรรมดา สดด 149:1-2,3-4, 5-7,9ข

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

พระวรสาร ลก 19:41-44 ขณะที่พระเยซูเจ้าเสด็จมาใกล้กรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทอดพระเนตรเมืองนั้นแล้วทรงกันแสง ตรัสว่า “ถ้าในวันนี้เจ้าเพียงแต่รู้จักทางนำ�ไปสู่สันติ ก็จะเป็นการดี แต่ทางนั้นถูกซ่อนไว้จากดวงตาของเจ้าเสียแล้ว วันนัน้ จะมาถึงเจ้า เมือ่ ข้าศึกสร้างทีม่ นั่ ล้อมเจ้า จะตรึงเจ้าไว้อย่างแน่นหนารอบทุกด้าน จะบุกทำ�ลายเจ้าและ ลูกหลานทีอ่ าศัยอยูใ่ นเจ้าจนราบเป็นหน้ากลอง และจะไม่ปล่อยให้มกี อ้ นหินซ้อนกันอยูใ่ นเจ้าอีก เพราะเจ้า ไม่รู้จักเวลาที่พระเจ้าเสด็จมาเยี่ยมเจ้า” ในบทอ่านสองสามวันมาแล้ว เราจะพบว่า พระเยซูเจ้าคือพระผูช้ ว่ ยให้รอด ผูใ้ ดเชือ่ และเรียก หาพระองค์ ผู้นั้นก็จะได้รับตามที่เชื่อนั้น วันนี้จากหนังสือวิวรณ์ก็แสดงให้เห็นชัดอีกครั้งหนึ่งว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า ที่ พระเจ้าทรงส่งมายังโลกนี้ เพื่อจะกอบกู้และช่วยมนุษยชาติทั้งมวล แต่เมื่อพระองค์เสด็จมา มนุษย์กลับไม่ รู้จักพระองค์ ยิ่งกว่านั้น กลับไม่ยอมรับพระองค์ ไม่ยอมรับในสิ่งที่พระองค์ทรงไขแสดง ไม่ยอมรับสิ่งที่ พระองค์ทรงสั่งสอน พระเจ้าข้า โปรดให้ข้าพเจ้าเชื่อและยอมรับพระองค์เถิด


สัปดาห์ที่ 33 เทศกาลธรรมดา สดด 119:13-14,24,72, 102-103,111-112, 131-132

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1 วว 10:8-11 ข้าพเจ้า ยอห์น เสียงที่ข้าพเจ้าได้ยินจากสวรรค์กล่าวแก่ข้าพเจ้าอีกครั้งหนึ่งว่า “จงไปเอาม้วนหนังสือที่คลี่อยู่ในมือของทูตสวรรค์ซึ่งยืนอยู่ในทะเลและบนแผ่นดิน” ข้าพเจ้าจึงไปหาทูตสวรรค์และขอม้วนหนังสือเล็กๆ นัน้ ทูตสวรรค์บอกข้าพเจ้าว่า “จง เอาไปและกินเถิด มันจะทำ�ให้ท้องของท่านขม แต่เมื่ออยู่ในปาก มันจะหวานเหมือน นํา้ ผึง้ ” ข้าพเจ้าจึงนำ�ม้วนหนังสือเล็กๆ นัน้ จากมือของทูตสวรรค์แล้วกิน เมือ่ อยูใ่ นปาก มันหวานเหมือนนํ้าผึ้ง แต่เมื่อข้าพเจ้ากลืนลงไป ก็รู้สึกขมในท้อง มีผู้บอกข้าพเจ้าว่า “ท่านต้องประกาศพระวาจาอีกเกี่ยวกับประชาชน ชนชาติ ภาษา และกษัตริย์จำ�นวน มาก” พระวรสาร ลก 19:45-48 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในพระวิหาร ทรงเริ่มขับไล่บรรดาพ่อค้า ตรัสกับ เขาว่า “มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า บ้านของเราจะเป็นบ้านแห่งการอธิษฐานภาวนา แต่ ท่านทั้งหลายกลับมาทำ�ให้เป็นซ่องโจร” พระองค์ทรงสั่งสอนในพระวิหารทุกวัน บรรดาหัวหน้าสมณะ ธรรมาจารย์และ หัวหน้าประชาชนหาวิธีกำ�จัดพระองค์ แต่หาวิธีไม่ได้ว่าจะทำ�อย่างไร เพราะประชาชน ทุกคนกำ�ลังตั้งใจฟังพระองค์ เมื่อวาน เราสวดภาวนา ขอให้เรายอมรับและเชื่อในพระองค์ วันนี้ นักบุญยอห์น ผู้ซึ่งได้รับการไขแสดงจากพระเจ้าให้เขียนหนังสือวิวรณ์ ได้เพิ่มเติมแก่ เราอีกว่า มิใช่เพียงแต่ยอมรับและเชื่อ แต่ต้องประกาศด้วย ด้วยเหตุนี้ มิใช่เพียง พระสงฆ์ นักบวช แต่เราทุกคน ฉะนั้น ทุกครั้งที่เรามายังวิหาร – มาวัด ซึ่งเป็นบ้าน ของพระเจ้า – เป็นบ้านของการอธิษฐานภาวนา เราทุกคนจะต้องเอาใจใส่ที่จะอ่าน ที่ จะฟัง และนำ�เอาพระวาจานั้นไปฏิบัติด้วย


บทอ่านที่ 1 วว 11:4-12 มีผู้กล่าวแก่ข้าพเจ้า ยอห์นว่า พยานนี้คือต้นมะกอกเทศสองต้นและเชิงประทีป สองเชิงทีต่ งั้ อยูเ่ ฉพาะพระพักตร์ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าของแผ่นดิน ผูใ้ ดต้องการทำ�ร้าย พยานนี้ ไฟจะพลุง่ ออกจากปากของพยานมาเผาผลาญบรรดาศัตรู ผูใ้ ดต้องการทำ�ร้าย พยาน ผู้นั้นจะต้องถูกฆ่าเช่นนี้ พยานนี้มีอำ�นาจปิดท้องฟ้ามิให้ฝนตกตลอดเวลาที่เขา ประกาศพระวาจา เขามีอ�ำ นาจเปลีย่ นนํา้ ให้กลายเป็นเลือด และมีอ�ำ นาจทำ�ให้แผ่นดิน ระลึกถึง ประสบภัยพิบัติต่างๆ ทุกครั้งที่เขาต้องการ เมื่อเสร็จสิ้นการเป็นพยานแล้ว สัตว์ร้ายที่ พระนางมารีย์ ขึ้นมาจากบาดาลจะสู้รบกับพยานนี้ จะมีชัยชนะและฆ่าพยาน ศพของพยานจะอยู่ที่ พรหมจารี ลานของนครใหญ่ซึ่งเรียกเป็นสัญลักษณ์ว่าโสโดมและอียิปต์ ณ ที่นั้นองค์พระผู้เป็น ถวายองค์ในพระวิหาร เจ้าของเขาถูกตรึงกางเขน ประชาชนหลายประเทศ หลายเผ่า หลายภาษา หลายชาติ สดด 144:1,2,9-11 จะมองดูศพของพยานอยู่สามวันครึ่ง และไม่ยอมให้นำ�ศพไปฝังไว้ในคูหา ผู้อาศัยบน แผ่นดินจะยินดีท่ีเขาตาย จะฉลองและแลกเปลี่ยนของขวัญกัน เพราะประกาศกทั้ง ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 สองคนนี้ทรมานบรรดาผู้อาศัยอยู่บนแผ่นดินด้วย” สามวันครึ่งหลังจากนั้น พระเจ้าจะทรงเป่าลมปราณแห่งชีวิตเข้าไปในพยานทั้งสองคน เขาจะลุกขึ้นยืน ทุกคนที่แลเห็นจะหวาดกลัวอย่างมาก พยานทั้งสองคนได้ยินเสียงดังจากสวรรค์ว่า “จงขึ้นมาข้างบนเถิด” ทั้งสองคนจึงขึ้นไปในหมู่เมฆสู่สวรรค์ขณะที่บรรดาศัตรูกำ�ลังมองดู พระวรสาร ลก 20:27-40 เวลานัน้ ชาวสะดูสบี างคนมาพบพระเยซูเจ้า คนเหล่านีส้ อนว่าไม่มกี ารกลับคืนชีพ เขาทูลถามพระองค์ ว่า “พระอาจารย์ โมเสสเขียนสั่งไว้ว่า ถ้าพี่ชายตาย มีภรรยาแต่ไม่มีบุตร ก็ให้น้องชายของเขารับหญิงนั้น มาเป็นภรรยาเพือ่ จะได้สบื สกุลของพีช่ าย มีพนี่ อ้ งเจ็ดคน คนแรกมีภรรยา แล้วก็ตายโดยไม่มบี ตุ ร คนทีส่ อง คนที่สามรับนางเป็นภรรยาและตายโดยไม่มีบุตร เป็นเช่นนี้ทั้งเจ็ดคน ในที่สุดหญิงคนนั้นก็ตายด้วย ดังนี้ เมื่อมนุษย์จะกลับคืนชีพ หญิงคนนั้นจะเป็นภรรยาของใคร เพราะทั้งเจ็ดคนต่างได้นางเป็นภรรยา” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “คนของโลกนี้แต่งงานเป็นสามีภรรยากัน แต่คนที่จะบรรลุถึงโลกหน้าและ จะกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตายนั้น จะไม่แต่งงานเป็นสามีภรรยากันอีก เพราะเขาจะไม่ตายอีกต่อไป เขาจะ เป็นเหมือนทูตสวรรค์และจะเป็นบุตรของพระเจ้า เพราะเขาจะกลับคืนชีพ โมเสสยืนยันแล้วว่าผูต้ ายจะกลับ คืนชีพในข้อความเรื่องพุ่มไม้ เมื่อพูดถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า เป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ พระองค์มใิ ช่พระเจ้าของผูต้ าย แต่เป็นพระเจ้าของผูเ้ ป็น เพราะทุกคนมีชวี ติ อยูเ่ พือ่ พระองค์” ธรรมาจารย์บางคนพูดว่า “พระอาจารย์ ท่านพูดดีแล้ว” เขาไม่กล้าทูลถามพระองค์อีกต่อไป ยอห์นยืนยันในหนังสือวิวรณ์ที่ท่านเขียน โดยได้รับการไขแสดงจากพระเจ้าถึงสิ่งต่างๆ มากมาย และสิ่งต่างๆ เหล่านั้นจะต้องเป็นจริง เพราะเป็นพระเจ้าเองที่ทรงไขแสดงแก่ท่าน พระวรสาร นักบุญลูกาในวันนี้ กล่าวถึงพระเยซูเจ้าทรงตรัสสอนเรื่องชีวิตหลังความตาย มนุษย์บนโลกนี้ตายเพียงฝ่าย กาย มนุษย์มิได้มีเพียงกาย แต่มีจิตวิญญาณ และจิตวิญญาณนี้เองจะกลับคืนสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า เขาจะกลับเป็นบุตรของพระเจ้า เป็นเหมือนทูตสวรรค์ หลายคนเข้าใจผิดหรือไม่เข้าใจ พระเยซูเจ้าจึงตรัส ว่า พระเจ้ามิใช่พระเจ้าของผู้ตาย แต่เป็นพระเจ้าของผู้เป็น ด้วยพระองค์ทรงเป็น (God is)


สมโภช พระเยซูเจ้า กษัตริย์แห่งสากล จักรวาล

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเอเสเคียล อสค 34:11-12,15-17 องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสดังนี้ “‘ดูซิ เราจะตามหาและจะแสวงหาฝูงแกะของเราเอง ผู้เลี้ยงแกะอยู่กับฝูงแกะและรวบรวมแกะที่กระจัดกระจายไปฉันใด เราก็จะรวบรวม แกะของเราฉันนัน้ เราจะช่วยแกะให้พน้ จากสถานทีท่ แี่ กะได้กระจัดกระจายไปอยูใ่ นวัน ที่มีเมฆและมีความมืดทึบ เราเองจะเป็นผู้เลี้ยงแกะของเรา เราจะให้เขานอนพัก องค์ พระผู้เป็นเจ้าตรัส เราจะตามหาแกะที่สูญหายไป เราจะนำ�แกะที่หลงทางกลับมา เรา จะพันแผลของแกะทีบ่ าดเจ็บ เราจะเสริมกำ�ลังแกะทีอ่ อ่ นเพลีย เราจะดูแลแกะทีอ่ ว้ น และแข็งแรง เราจะเลี้ยงเขาอย่างยุติธรรม” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “ท่านทั้งหลายซึ่งเป็นฝูงแพะแกะของเราเอ๋ย ดูซิ เรา จะพิพากษาระหว่างแกะกับแกะ ระหว่างแกะเพศผู้กับแพะเพศผู้” เพลงสดุดี สดด 23:1-6 ก) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าอย่างผู้เลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจึงไม่ขาดสิ่งใด พระองค์ทรงให้ข้าพเจ้านอนพักอยู่ในทุ่งหญ้าเขียวขจี ทรงนำ�ข้าพเจ้าไปริมสายนทีที่เงียบสงบ เพื่อฟื้นฟูจิตใจของข้าพเจ้า ทรงชี้ทางให้ข้าพเจ้าเดินไปบนมรรคาแห่งความชอบธรรม เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์ ข) แม้ข้าพเจ้าจะต้องเดินไปในหุบเขาที่มืดมิด ข้าพเจ้าก็จะไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์ทรงอยู่กับข้าพเจ้า พระคทาและธารพระกรของพระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้าอุ่นใจ บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 15:20-26,28 พีน่ อ้ ง ความจริง พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผูต้ าย เป็นผล แรกของบรรดาผูล้ ว่ งหลับไปแล้ว ความตายมาจากมนุษย์คนหนึง่ ฉันใด การกลับคืนชีพ ของบรรดาผู้ตายก็มาจากมนุษย์คนหนึ่งฉันนั้น มนุษย์ทุกคนตายเพราะอาดัมฉันใด มนุษย์ทุกคนก็จะกลับมีชีวิตเพราะพระคริสตเจ้าฉันนั้น แต่จะเป็นไปตามลำ�ดับของ แต่ละคน พระคริสตเจ้าทรงเป็นผลแรก ต่อไปก็คือผู้ที่เป็นของพระคริสตเจ้า เมื่อ พระองค์จะเสด็จมา แล้วจะถึงวาระสุดท้าย เวลานัน้ พระองค์จะทรงมอบพระอาณาจักร ให้แก่พระเจ้าพระบิดา หลังจากทรงทำ�ลายการปกครอง อำ�นาจและอานุภาพทั้งหลาย เพราะพระคริสตเจ้าจะต้องทรงครองราชย์จนกว่าพระเจ้าจะทรงปราบศัตรูทงั้ มวลให้อยู่ ใต้พระบาทของพระองค์ ศัตรูสุดท้ายที่จะถูกทำ�ลายคือความตาย เพราะพระเจ้าทรง ปราบทุกสิ่งให้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์


เมื่อทุกสิ่งถูกปราบอยู่ใต้อำ�นาจของพระคริสตเจ้าแล้ว พระบุตรก็จะทรงอยู่ใต้อ�ำ นาจของพระเจ้า ผูท้ รง ปราบทุกสิง่ ให้อยูใ่ ต้อ�ำ นาจของพระองค์ เพือ่ พระเจ้าจะได้ทรงเป็นทุกสิง่ ในทุกคน

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 25:31-46 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาอัครสาวกว่า “เมื่อบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในพระสิริรุ่งโรจน์พร้อมกับบรรดาทูตสวรรค์ พระองค์จะประทับเหนือ พระบัลลังก์อันรุ่งโรจน์ บรรดาประชาชาติจะมาชุมนุมกันเฉพาะพระพักตร์ พระองค์จะทรงแยกเขาออกเป็น สองพวก ดังคนเลี้ยงแกะแยกแกะออกจากแพะ ให้แกะอยู่เบื้องขวา ส่วนแพะอยู่เบื้องซ้าย แล้วพระมหา กษัตริย์จะตรัสแก่ผู้ที่อยู่เบื้องขวาว่า ‘เชิญมาเถิด ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา เชิญมา รับอาณาจักรเป็นมรดกที่เตรียมไว้ให้ท่านแล้วตั้งแต่สร้างโลก เพราะว่าเมื่อเราหิว ท่านให้เรากิน เรากระหาย ท่านให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ต้อนรับ เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ให้เสื้อผ้าแก่เรา เราเจ็บป่วย ท่าน ก็มาเยี่ยม เราอยู่ในคุก ท่านก็มาหา’ บรรดาผู้ชอบธรรมจะทูลถามว่า ‘พระเจ้าข้า เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว แล้วถวาย พระกระยาหาร หรือทรงกระหาย แล้วถวายให้ทรงดื่ม เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงเป็นแขก แปลกหน้า แล้วต้อนรับ หรือทรงไม่มีเสื้อผ้า แล้วถวายให้ เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ประชวร หรือทรงอยู่ในคุกแล้วไปเยี่ยม’ พระมหากษัตริย์จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่าน ทำ�สิ่งใดต่อพี่น้องผู้ตํ่าต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำ�สิ่งนั้นต่อเรา’ แล้วพระองค์จะตรัสกับพวกทีอ่ ยูเ่ บือ้ งซ้ายว่า ‘ท่านทัง้ หลายทีถ่ กู สาปแช่ง จงไปให้พน้ ลงไปในไฟนิรนั ดร ที่ได้เตรียมไว้ให้ปีศาจและพรรคพวกของมัน เพราะว่า เมื่อเราหิว ท่านไม่ให้อะไรเรากิน เรากระหาย ท่านไม่ ให้อะไรเราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ไม่ต้อนรับ เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ไม่ให้เสื้อผ้า เราเจ็บป่วยและ อยู่ในคุก ท่านก็ไม่มาเยี่ยม’ พวกนั้นจะทูลถามว่า ‘พระเจ้าข้า เมื่อไรเล่าที่ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรง หิว ทรงกระหาย ทรงเป็นแขกแปลกหน้า หรือไม่มีเสื้อผ้า เจ็บป่วย หรืออยู่ในคุก และไม่ได้ช่วยเหลือ’ พระองค์จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านไม่ได้ทำ�สิ่งใดต่อผู้ตํ่าต้อยของเราคนหนึ่ง ท่านก็ไม่ได้ทำ�สิ่งนั้นต่อเรา’ แล้วพวกนี้ก็จะไปรับโทษนิรันดร ส่วนผู้ชอบธรรมจะไปรับชีวิตนิรันดร”

วันนี้พระศาสนจักรให้พวกเราทำ�การสมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล นักบุญ มัทธิวบันทึกในหนังสือพระวรสารของท่าน ยืนยันถึงพระเยซูเจ้าเป็นกษัตริย์ทั้งในโลกนี้ และในสวรรค์ พระองค์เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้แต่พระองค์เดียว พระองค์ทรงเป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง พระองค์ทรงฤทธานุภาพ ทุกประการ ทุกสิง่ ขึน้ กับพระองค์ ไม่มสี กั สิง่ เดียวทีไ่ ม่ขนึ้ กับพระองค์ วันนีน้ กั บุญมัทธิวได้บนั ทึกถึงการสอน ของพระเยซูเจ้า เรื่องการพิพากษาวันสิ้นโลก พระองค์จะทรงประทานรางวัลแก่คนที่ทำ�ความดี และคนชั่ว ก็จะถูกลงโทษเพราะการกระทำ�ของเขา ไม่มีผู้ใดจะรอดพ้นจากสายพระเนตรของพระเจ้าได้เลย ผู้ใดเชื่อ และปฏิบัติตามสิ่งที่พระเยซูเจ้าได้ทรงสั่งสอน และยอมรับการไถ่ของพระองค์ ผู้นั้นก็จะมีชีวิตนิรันดร ส่วน ผู้ที่ไม่ยอมเชื่อ ไม่ปฏิบัติ และไม่ยอมรับการไถ่กู้ของพระองค์ ผู้นั้นก็จะพินาศไป


น.เคลเมนต์ ที่ 1 พระสันตะปาปา และมรณสักขี น.โคลัมบัน เจ้าอธิการ สดด 24:1-2,3-4, 5-6

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1 วว 14:1-3,4ข-5 ข้าพเจ้าเห็นภาพนิมติ ลูกแกะทรงยืนอยูบ่ นภูเขาศิโยน ประชาชนจำ�นวนหนึง่ แสน สี่หมื่นสี่พันคนอยู่กับพระองค์ แต่ละคนมีพระนามของลูกแกะและพระนามของ พระบิดาของพระองค์เขียนไว้ทหี่ น้าผาก ข้าพเจ้าได้ยนิ เสียงหนึง่ ดังจากสวรรค์ เหมือน เสียงนํ้าไหลเชี่ยว และเหมือนเสียงฟ้าร้องกึกก้อง เสียงที่ข้าพเจ้าได้ยินเหมือนเสียง พิณจำ�นวนมากที่นักเล่นพิณกำ�ลังดีด เขาเหล่านั้นร้องเพลงบทใหม่ หน้าพระบัลลังก์ ต่อหน้าผูม้ ชี วี ติ ทัง้ สีต่ นและต่อหน้าบรรดาผูอ้ าวุโส ไม่มใี ครเรียนรูบ้ ทเพลงนีไ้ ด้ นอกจาก คนบนแผ่นดินจำ�นวนหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่พันคนผู้ได้รับการไถ่กู้ คนเหล่านั้นเป็นผู้ได้รับการไถ่กู้ เป็นเหมือนผลแรกถวายแด่พระเจ้าและลูกแกะ ปากของเขาไม่เคยกล่าวคำ�เท็จ เขาไม่มีมลทิน พระวรสาร ลก 21:1-4 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นคนมั่งมีกำ�ลังใส่เงินถวายลงในตู้ทาน ทรง เห็นหญิงม่ายยากจนคนหนึ่งใส่เหรียญทองแดงสองเหรียญลงในตู้ทานด้วย จึงตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า หญิงม่ายยากจนคนนี้ทำ�ทานมากกว่าทุกคน เพราะทุกคนนำ�เงินที่เหลือใช้มาทำ�ทาน แต่หญิงคนนี้ขัดสนอยู่แล้ว ยังนำ�เงินทั้งหมด สำ�หรับเลี้ยงชีพมาทำ�ทาน” วัตถุ เงินทอง เพชรนิลจินดา ทรัพย์สิ่งของในโลกนี้ก็เป็นสิ่งของในโลก นี้ มีค่าก็เฉพาะในโลกนี้ ทุกสิ่งล้วนไร้ค่าในพระอาณาจักรสวรรค์ เหรียญทองแดงสอง เหรียญของหญิงม่ายยากจนที่ใส่ลงในตู้ทาน แม้ในสายตาของมนุษย์ มันมีค่าน้อยนิด แต่ในสายพระเนตรของพระ มีค่ามากมาย เพราะนั่นเป็นการทำ�บุญจากหัวใจ และ เจตนาที่แท้จริง เธอให้ทานจนหมดหัวใจ – หมดทุกสิ่งที่เธอมี เธอมอบให้กับพระเจ้า จนหมดสิ้น เป็นข้อคิดสำ�หรับเราทุกคน เราได้มอบอะไรแด่พระเจ้า ???


บทอ่านที่ 1 วว 14:14-19 ข้าพเจ้าเห็นนิมิต มีเมฆขาวก้อนหนึ่ง บนเมฆนั้นมีผู้หนึ่งเหมือนบุตรแห่งมนุษย์ นั่งอยู่ ศีรษะสวมมงกุฎทองคำ� มือถือเคียวคม ทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งออกจากพระ วิหารร้องเสียงดังบอกผู้ที่นั่งอยู่บนก้อนเมฆว่า “จงใช้เคียวของท่านเกี่ยวเถิด เพราะ เวลาเก็บเกี่ยวมาถึงแล้ว และพืชผลของแผ่นดินพร้อมที่จะเก็บเกี่ยวได้แล้ว” ผู้ที่นั่ง บนเมฆจึงใช้เคียวเกี่ยวลงไปบนแผ่นดิน และพืชผลของแผ่นดินก็ถูกเก็บเกี่ยว ทูตสวรรค์อกี องค์หนึง่ ออกจากพระวิหารในสวรรค์ ถือเคียวคมมาด้วย ทูตสวรรค์ อีกองค์หนึง่ มีอ�ำ นาจเหนือไฟออกมาทางพระแท่นบูชา ร้องเสียงดังบอกทูตสวรรค์ผถู้ อื เคียวคมว่า “จงใช้เคียวคมของท่านเก็บพวงองุ่นจากสวนองุ่นของแผ่นดิน เพราะผล องุ่นสุกแล้ว” ทูตสวรรค์นั้นจึงใช้เคียวเกี่ยวลงไปบนแผ่นดิน เก็บเกี่ยวสวนองุ่นของ แผ่นดิน แล้วโยนผลองุ่นลงไปในบ่อยํ่าองุ่นบ่อใหญ่ซึ่งหมายถึงการลงโทษจากพระเจ้า พระวรสาร ลก 21:5-11 ขณะนั้นบางคนให้ข้อสังเกตว่าพระวิหารมีหินและของถวายตกแต่งอย่างงดงาม พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “สักวันหนึ่ง ทุกสิ่งที่ท่านเห็นอยู่นี้ จะไม่มีก้อนหินเหลือซ้อนกัน อยู่เลย” เขาจึงทูลถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์ เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อไร และมี เครื่องหมายใดบอกว่าเหตุการณ์นี้กำ�ลังจะเกิดขึ้น” พระองค์ตรัสตอบว่า “จงระวังอย่าให้ผู้ใดหลอกลวงท่านได้ หลายคนจะอ้างนาม ของเรา พูดว่า ‘ฉันเป็นพระคริสต์’ และ ‘เวลากำ�หนดมาถึงแล้ว’ อย่าตามเขาไป เมื่อ ท่านทั้งหลายได้ยินข่าวลือเรื่องสงครามและการปฏิวัติ จงอย่าตกใจ เหตุการณ์เหล่านี้ จำ�เป็นต้องเกิดขึน้ ก่อน แต่ยงั ไม่ถงึ วาระสุดท้าย” แล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า “ชาติหนึง่ จะลุกขึ้นต่อสู้กับอีกชาติหนึ่ง อาณาจักรหนึ่งจะลุกขึ้นต่อสู้กับอีกอาณาจักรหนึ่ง แผ่นดินไหว โรคระบาดและความอดอยากอย่างใหญ่หลวงจะเกิดขึ้นหลายแห่ง จะมี เหตุการณ์น่าสะพรึงกลัว และเครื่องหมายยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นในท้องฟ้า”

พระเยซูเจ้าทรงสอนเรือ่ งหญิงม่ายยากจนคนหนึง่ ทีท่ �ำ บุญใส่ตทู้ านเพียง เหรียญทองแดงสองเหรียญ ซึ่งพระองค์ตรัสว่า เธอทำ�ทานมากกว่าทุกคน พระเยซูเจ้า ได้ตรัสสอนว่า อย่าดูแต่เพียงสิ่งที่เห็นภายนอก อย่าวัดหรือตีค่าการกระทำ�เพียงสิ่งที่ เห็นภายนอก แต่ต้องดูและพิจารณาให้ลึกเข้าไปถึงเจตนา และส่วนลึกของจิตใจ วันนี้ พระเยซูเจ้าก็เน้นยํ้าอีกว่า “จงระวังอย่าให้ผู้ใดหลอกลวงท่าน ไม่ว่าจะเป็นคำ�พูดหรือ การกระทำ�ของเขา จงตระหนักให้ถ่องแท้ แม้เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น จงพิจารณาให้ ดี อ่านเครื่องหมายของกาลเวลาให้ถูกต้อง อย่าหลงไป ด้วยพระเจ้าทรงเป็นองค์แห่ง ความสัตย์จริง และพระองค์มิเคยหลอกลวงผู้ใด

ระลึกถึง น.อันดรูว์ ดุง-ลัก พระสงฆ์ และเพื่อนมรณสักขี ชาวเวียดนาม สดด 96:10-13

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2


น.กาทารีนา แห่งอเล็กซานเดรีย พรหมจารี และมรณสักขี สดด 98:1,2-3, 7-8,9

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1 วว 15:1-4 ข้าพเจ้าเห็นเครือ่ งหมายยิง่ ใหญ่และน่าพิศวงอีกประการหนึง่ ในสวรรค์ ทูตสวรรค์ เจ็ดองค์ถือภัยพิบัติเจ็ดประการสุดท้าย เพราะภัยพิบัติทั้งเจ็ดนี้จะทำ�ให้การลงโทษจาก พระเจ้าสิน้ สุดลง ข้าพเจ้าเห็นสิง่ หนึง่ เหมือนทะเลแก้วปนไฟ เห็นบรรดาผูม้ ชี ยั ชนะต่อ สัตว์ร้าย ต่อรูปปั้นของมัน และต่อเลขชื่อของมันกำ�ลังยืนอยู่ริมทะเลแก้วนั้น ถือพิณ ของพระเจ้า และขับร้องบทเพลงของโมเสส ผู้รับใช้ของพระเจ้าและบทเพลงของลูก แกะว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพ พระราชกิจของพระองค์ยิ่งใหญ่และน่าพิศวงยิ่งนัก ข้าแต่พระราชาแห่งนานาชาติ วิถีทางของพระองค์นั้นเที่ยงธรรมและสัตย์จริง ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ใครเล่าจะไม่ย�ำ เกรงพระองค์และจะไม่ถวายพระเกียรติแด่พระนามของพระองค์ เพราะพระองค์ผู้เดียวทรงศักดิ์สิทธิ์ ประชาชาติทั้งหลายจะมาและกราบนมัสการพระองค์ เพราะการพิพากษาเที่ยงธรรมของพระองค์ปรากฏชัดแจ้งแล้ว” พระวรสาร ลก 21:12-19 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “แต่ก่อนที่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น เขาจะจับกุมท่าน จะเบียดเบียนท่าน จะ นำ�ท่านไปไต่สวนในศาลาธรรม และจะจองจำ�ท่านในคุก เขาจะนำ�ท่านไปยืนต่อหน้า กษัตริยแ์ ละผูว้ า่ ราชการเพราะนามของเรา และนีจ่ ะเป็นโอกาสให้ทา่ นเป็นพยานถึงเรา จงตัดสินใจว่าท่านจะไม่หาคำ�แก้ตัวไว้ก่อน เราจะให้คำ�พูดและปรีชาญาณแก่ท่าน ซึ่ง ศัตรูของท่านจะต้านทานหรือโต้แย้งไม่ได้ บิดามารดา พี่น้อง ญาติและมิตรสหายจะ ทรยศต่อท่าน บางท่านจะต้องถูกประหารชีวติ ด้วย ท่านทัง้ หลายจะเป็นทีเ่ กลียดชังของ ทุกคนเพราะนามของเรา แต่เส้นผมบนศีรษะของท่านจะไม่เสียไปแม้แต่เส้นเดียว ด้วย การยืนหยัดมั่นคงท่านจะรักษาชีวิตของท่านไว้ได้” นักบุญยอห์นเขียนยํ้าในหนังสือวิวรณ์ของท่านอีกว่า “พระเจ้านั้นยิ่งใหญ่ และทรงสรรพานุภาพ พระราชกิจของพระองค์ยิ่งใหญ่และ น่าพิศวงยิ่งนัก วิถีทางของพระองค์นั้นเที่ยงธรรมและสัตย์จริง” “จงยำ�เกรงพระองค์ และถวายเกียรติแด่พระนามของพระองค์ เพราะพระองค์ผู้ เดียวทรงศักดิส์ ทิ ธิ์ จงกราบนมัสการพระองค์” “จงอย่าเกรงกลัว แม้เขาจะเบียดเบียน ท่าน อย่ากลัวว่าจะต้องหาคำ�แก้ตัวไว้ก่อน อย่ากลัวว่าเขาจะเกลียดชัง” “จงยืนหยัด มั่นคงไว้ในพระเจ้า และพระเจ้าจะทรงรักษาท่านไว้ให้รอดได้”


บทอ่านที่ 1 วว 18:1-2,21-23,19:1-3,9ก หลังจากนั้น ข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งลงจากสวรรค์ มีอำ�นาจยิ่งใหญ่ ทำ�ให้แผ่นดินสว่างจ้าด้วยความรุง่ โรจน์ของเขา เขาร้องตะโกนเสียงดังว่า “บาบิโลนล่ม แล้ว บาบิโลนนครใหญ่ล่มแล้ว กลายเป็นที่อาศัยของบรรดาปีศาจ เป็นที่ขังบรรดาจิต โสโครก เป็นทีข่ งั บรรดานกโสโครก และเป็นทีข่ งั สัตว์รา้ ยโสโครกและน่ารังเกียจทัง้ หลาย” ทูตสวรรค์ทรงพลังองค์หนึ่งยกหินก้อนหนึ่งใหญ่เท่าหินโม่ทุ่มลงทะเล กล่าวว่า สัปดาห์ที่ 34 “บาบิโลนนครใหญ่จะถูกทุ่มลงอย่างรุนแรงเช่นนี้ จะไม่มใี ครพบเห็นนครนี้อกี เลย” จะ เทศกาลธรรมดา ไม่มีใครได้ยินเสียงคนดีดพิณ คนเล่นดนตรี คนเป่าขลุ่ย คนเป่าแตรในเจ้าอีกต่อไป... สดด 100:1-3,4-5 จะไม่มีใครได้ยินเสียงเจ้าบ่าวและเจ้าสาวในเจ้าอีกต่อไป เพราะบรรดาพ่อค้าของเจ้า ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 ล้วนเคยเป็นใหญ่ในแผ่นดิน และเวทมนตร์ของเจ้าล่อลวงนานาชาติให้ลุ่มหลง” ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังในสวรรค์เหมือนเสียงของประชาชนจำ�นวนมากร้องว่า “อัลเลลูยา ความรอดพ้น พระสิริรุ่งโรจน์ พระอานุภาพเป็นของพระเจ้าของเรา เพราะ พระองค์ทรงพิพากษาอย่างสัตย์จริงและยุตธิ รรม พระองค์ทรงพิพากษาลงโทษหญิงแพศยาผูเ้ ลวร้าย ซึง่ ล่วง ประเวณี ทำ�ให้แผ่นดินเสื่อมทราม พระองค์ทรงลงโทษแทนโลหิตของบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ซึ่งนางได้ ประหาร” เสียงนั้นยังร้องอีกว่า “อัลเลลูยา ควันไฟจากนครนั้นจะพลุ่งขึ้นตลอดนิรันดร”... พระวรสาร ลก 21:20-28 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “เมือ่ ท่านทัง้ หลายเห็นกองทัพต่างๆ ล้อมกรุงเยรูซาเล็ม ก็จงรูไ้ ว้เถิดว่าความพินาศของนครนัน้ ใกล้เข้า มาแล้ว เวลานั้นผู้ที่อยู่ในแคว้นยูเดียจงหนีไปยังภูเขา ผู้ที่อยู่ในกรุงจงรีบออกไปเสีย ผู้ที่อยู่ในชนบทก็จง อย่าเข้ามาในกรุง เพราะวันเหล่านั้นจะเป็นวันพิพากษาลงโทษ ข้อความที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์จะเป็นจริงทุก ประการ น่าสงสารหญิงมีครรภ์และหญิงแม่ลกู อ่อน ในวันนัน้ ทุกขเวทนาใหญ่หลวงจะครอบคลุมทัว่ แผ่นดิน และพระพิโรธจะลงมาเหนือชนชาติน้ี บางคนจะตายด้วยคมดาบ บางคนจะถูกจับเป็นเชลยไปอยูใ่ นประเทศ ต่างๆ กรุงเยรูซาเล็มจะถูกคนต่างศาสนาเหยียบยํ่าจนกว่าจะครบเวลาที่พระเจ้าทรงกำ�หนดไว้ จะมีเครือ่ งหมายในดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวต่างๆ ชนชาติตา่ งๆ บนแผ่นดินจะทนทุกข์ทรมาน ฉงนสนเท่ห์ต่อเสียงกึกก้องของทะเลที่ปั่นป่วน มนุษย์จะสลบไปเพราะความกลัว และหวั่นใจถึงเหตุการณ์ ที่จะเกิดขึ้นในโลก เพราะสิ่งต่างๆ ในท้องฟ้าจะสั่นสะเทือน หลังจากนั้นประชาชนทั้งหลายจะเห็นบุตรแห่ง มนุษย์เสด็จมาในก้อนเมฆ ทรงพระอานุภาพและพระสิริรุ่งโรจน์ยิ่งใหญ่ เมื่อเหตุการณ์ทั้งปวงนี้เริ่มเกิดขึ้น ท่านทั้งหลายจงยืนตรง เงยหน้าขึ้นเถิด เพราะในไม่ช้าท่านจะได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระแล้ว” บทอ่านในสัปดาห์สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเป็นจากหนังสือวิวรณ์โดยนักบุญยอห์น หรือพระวรสาร โดยนักบุญลูกา จะกล่าวถึงเหตุการณ์วันก่อนจะสิ้นโลก วันที่จะต้องมีการพิพากษา ซึ่งจะเป็นบรรยากาศที่ น่าสะพรึงกลัว โดยเฉพาะสำ�หรับคนชั่วหรือผู้กระทำ�ความผิด เพราะจะต้องถูกกล่าวโทษและถูกลงโทษ แต่ส�ำ หรับผูม้ คี วามเชือ่ และผูป้ ระพฤติดแี ล้ว แม้จะอยูใ่ นบรรยากาศทีน่ า่ สะพรึงกลัว แต่เขาจะมีความ หวัง และเต็มไปด้วยความหวัง เพราะเขาจะมั่นใจว่า พระเจ้าจะมอบความรอดแก่พวกเขาอย่างแน่นอน คนชั่วและประพฤติผิด จะเต็มไปด้วยความสะพรึงกลัว แต่คนดีและประพฤติชอบ จะมีความหวัง


บทอ่านที่ 1 วว 20:1-4,11-21:2 ข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึง่ ลงมาจากสวรรค์ ถือกุญแจแห่งบาดาลและโซ่ใหญ่ เส้นหนึ่ง เขาจับมังกร หรืองูดึกดำ�บรรพ์คือปีศาจและซาตาน แล้วล่ามมันไว้เป็นเวลา หนึ่งพันปี โยนมันลงไปในบาดาล ปิดกุญแจทางเข้าและประทับตราไว้ข้างบน เพื่อมิให้ มันหลอกลวงนานาชาติให้หลงผิดได้อีกจนกว่าจะครบกำ�หนดหนึ่งพันปี หลังจากนั้น มันจะต้องถูกปล่อยออกมาชั่วระยะเวลาสั้นๆ สัปดาห์ที่ 34 ข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์หลายองค์ และบรรดาผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์นั้นได้รับอำ�นาจที่ เทศกาลธรรมดา จะพิพากษา ข้าพเจ้าเห็นวิญญาณของผูท้ ถี่ กู ตัดศีรษะเพราะคำ�พยานถึงพระเยซูเจ้าและ สดด 84:1-2,3-4,5 เพราะพระวาจาของพระเจ้า ข้าพเจ้ายังเห็นผู้ที่ไม่ได้กราบนมัสการสัตว์ร้ายและรูปปั้น ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 ของมัน และไม่ยอมประทับตราไว้บนหน้าผากหรือที่มือ เขาเหล่านั้นกลับมีชีวิต และ เข้าครองราชย์พร้อมกับพระคริสตเจ้าเป็นเวลาหนึ่งพันปี ข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์ใหญ่สีขาวและเห็นพระองค์ผู้ประทับอยู่บนบัลลังก์ ท้องฟ้า และแผ่นดินสูญหายไปเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ แล้วข้าพเจ้าเห็นบรรดาผูต้ ายทัง้ ผูใ้ หญ่และผูน้ อ้ ยยืนอยูห่ น้าพระบัลลังก์ หนังสือหลายม้วนถูกคลีอ่ อก หนังสืออีกม้วน หนึ่งคือม้วนหนังสือแห่งชีวิตก็ถูกคลี่ออกด้วย บรรดาผู้ตายถูกพิพากษาตามข้อความ ที่บันทึกไว้ในหนังสือเหล่านั้น ตามกิจการของเขา ทะเลคืนบรรดาผู้ตายที่อยู่ในทะเล ความตายและแดนผู้ตายก็คืนบรรดาผู้ตายที่อยู่ในแดนผู้ตาย ทุก คนถูกพิพากษาตามกิจการของตน ความตายและแดนผูต้ ายถูกโยนลงไปในทะเลไฟ ทะเลไฟนีค้ อื ความตาย ครั้งที่สอง ผู้ใดไม่มีชื่อบันทึกอยู่ในหนังสือแห่งชีวิตก็ถูกโยนลงในทะเลไฟ แล้วข้าพเจ้าเห็นฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่ เพราะฟ้าและแผ่นดินเดิมสูญหายไป ไม่มีทะเลอีกต่อไป ข้าพเจ้าเห็นนครศักดิส์ ทิ ธิ์ คือนครเยรูซาเล็มใหม่ลงมาจากสวรรค์ ลงมาจากพระเจ้า เตรียมพร้อมเหมือนกับ เจ้าสาวที่แต่งตัวรอเจ้าบ่าว พระวรสาร ลก 21:29-33 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสคำ�อุปมาให้บรรดาศิษย์ฟังว่า “จงมองดูต้นมะเดื่อเทศและต้นไม้ทั้งหลายเถิด เมื่อมันแตกใบอ่อน ท่านย่อมรู้ว่าฤดูร้อนใกล้เข้ามา แล้ว เช่นเดียวกันเมื่อท่านเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ก็จงรู้เถิดว่าพระอาณาจักรของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว เรา บอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่าคนในชั่วอายุนี้จะไม่ล่วงลับไปก่อนที่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น ฟ้าดิน จะสูญสิ้นไป แต่วาจาของเราจะไม่สูญสิ้นไปเลย” พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ ก็เป็นอีกวันทีช่ ใี้ ห้เห็น ให้ตระหนักอย่างจริงจัง ผูใ้ ดประพฤติชวั่ ประพฤติผดิ จะถูกพิพากษา และถูกตัดสินให้ตอ้ งรับโทษ และรับโทษอย่างหนักตามการกระทำ�ชัว่ นัน้ ๆ และ จะต้องพินาศไป ฉะนัน้ สำ�หรับผูม้ คี วามเชือ่ และสำ�หรับผูป้ ระพฤติชอบธรรม เขาจะได้เห็นฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่ เขา จะได้เห็นแผ่นดินสวรรค์ – อาณาจักรสวรรค์ ที่ได้เตรียมไว้สำ�หรับเจ้าสาวของพระองค์


บทอ่านที่ 1 วว 22:1-7 ทูตสวรรค์ชใี้ ห้ขา้ พเจ้าดูแม่นาํ้ แห่งชีวติ นํา้ ใสเหมือนแก้วผลึกไหลจากพระบัลลังก์ ของพระเจ้าและของลูกแกะ ต้นไม้แห่งชีวติ ขึน้ อยูก่ ลางลานของนครนัน้ และบนสองฝัง่ แม่นํ้า ต้นไม้เหล่านั้นออกผลสิบสองครั้งคือให้ผลเดือนละครั้ง ใบใช้เป็นยารักษาโรค ของนานาชาติ จะไม่มคี �ำ สาปแช่งอีกต่อไป พระบัลลังก์ของพระเจ้าและของลูกแกะจะอยูใ่ นนคร นั้น บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์จะกราบนมัสการพระองค์ เขาจะเห็นพระพักตร์ของ พระองค์ และจะมีพระนามของพระองค์บนหน้าผาก จะไม่มกี ลางคืนอีกต่อไป เขาเหล่า นั้นไม่ต้องการแสงตะเกียงหรือแสงอาทิตย์อีก เพราะพระเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรง ส่องสว่างเหนือเขาทั้งหลาย เขาจะครองราชย์อยู่ตลอดนิรันดร ทูตสวรรค์กล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “ถ้อยคำ�เหล่านี้เป็นจริงเชื่อถือได้ องค์พระผู้เป็น เจ้าพระเจ้าผู้ทรงดลใจบรรดาประกาศกทรงส่งทูตสวรรค์ของพระองค์มาแจ้งให้บรรดา ผูร้ บั ใช้ของพระองค์รถู้ งึ สิง่ ทีจ่ ะต้องเกิดขึน้ ในไม่ชา้ ” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราจะมาทันที” ผู้ที่ปฏิบัติตามถ้อยคำ�ของการประกาศพระวาจาในม้วนหนังสือนี้ย่อมเป็นสุข

สัปดาห์ที่ 34 เทศกาลธรรมดา สดด 95:1-7

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

พระวรสาร ลก 21:34-36 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “จงระวังไว้ให้ดี อย่าปล่อยใจของท่านให้หมกมุ่นอยู่ในความสนุกสนานรื่นเริง ความเมามายและความกังวลถึงชีวติ นี้ มิฉะนัน้ วันนัน้ จะมาถึงท่านอย่างฉับพลัน เหมือน บ่วงแร้ว เพราะวันนั้นจะลงมาเหนือทุกคนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดิน ท่านทั้งหลายจงตื่น เฝ้าอธิษฐานภาวนาอยู่ตลอดเวลาเถิด เพื่อท่านจะมีกำ�ลังหนีพ้นเหตุการณ์ทั้งปวงที่จะ เกิดขึ้นนี้ไปยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์บุตรแห่งมนุษย์ได้” บทอ่านจากพระคัมภีร์ วันสุดท้ายก่อนทีจ่ ะเข้าสูเ่ ทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า นักบุญ ยอห์นได้เขียนในหนังสือวิวรณ์ ซึ่งท่านได้รับการไขแสดงจากพระเจ้าว่า ทูตสวรรค์ชี้ให้ท่านเห็นแม่นํ้าแห่ง ชีวิต นํ้าใสเหมือนแก้วผลึก ไหลจากพระบัลลังก์ของพระเจ้า ต้นไม้แห่งชีวิตขึ้นอยู่กลางลานของนครนั้น ต้นไม้ซึ่งผลิดอกออกผลอย่างอุดม นครที่เต็มไปด้วยพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ จะกราบนมัสการพระองค์ เขาจะเห็นพระพักตร์ของพระองค์ เขาทั้งหลายจะพบความรอด ท่านกล่าวว่า ทูตสวรรค์ยังกล่าวกับท่านอีกว่า “ถ้อยคำ�เหล่านี้เป็นจริงและเชื่อถือได้ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา และ จะบันดาลให้ผู้รับใช้ของพระองค์ได้รับความรอดอย่างรุ่งโรจน์กับพระองค์ เขาจะเป็นสุขตลอดนิรันดรกับ พระองค์” นักบุญลูกายังกล่าวถึงพระเยซูเจ้า ซึง่ ได้ตรัสกับบรรดาศิษย์วา่ “จงระวังไว้ให้ดี อย่าชะล่าใจ อย่าปล่อย ใจให้หมกมุน่ อยูใ่ นความสนุกสนานรืน่ เริง ความเมามาย และความกังวล จงตืน่ เฝ้าอธิษฐานภาวนาอยูต่ ลอด เวลา เพื่อจะมีกำ�ลังหนีพ้นเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัว แล้วท่านจะเหมาะสมเข้าไปยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์ พระเจ้า เสวยสุขกับพระองค์ชั่วนิจนิรันดร์”


สัปดาห์ที่ 1 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 63:16-17,64:2-7 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพราะ อับราฮัมไม่รู้จักข้าพเจ้าทั้งหลายอีกแล้ว และอิสราเอลก็จำ�ไม่ได้ แต่พระองค์ทรงเป็น พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพราะพระนามของพระองค์ตลอดมาคือ “พระผู้ไถ่กู้ ของเรา” ข้าแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เหตุไฉนจึงทรงปล่อยให้ขา้ พเจ้าทัง้ หลาย หลงไปจาก วิถีทางของพระองค์เล่า เหตุไฉนจึงทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าทั้งหลายมีใจดื้อด้านจนไม่ ยำ�เกรงพระองค์ โปรดทรงกลับมาเพราะเห็นแก่ผรู้ บั ใช้ของพระองค์ และเห็นแก่ตระกูล ที่เป็นมรดกของพระองค์เถิด เมื่อพระองค์ทรงทำ�สิ่งน่าสะพรึงกลัวที่ข้าพเจ้าทั้งหลายคาดไม่ถึง พระองค์เสด็จ ลงมา ภูเขาทั้งหมดก็จะสั่นสะเทือนเฉพาะพระพักตร์ ไม่มีผู้ใดเคยได้ยินเช่นนี้มาก่อน เลย หูไม่เคยได้ยิน ดวงตาไม่เคยเห็นว่าพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ เคยทำ�เช่นนี้ สำ�หรับผู้ที่วางใจในพระองค์ พระองค์เสด็จมาพบผู้ที่ยินดีปฏิบัติความยุติธรรม และ ระลึกถึงพระองค์โดยเดินตามหนทางของพระองค์ แต่บดั นีพ้ ระองค์กริว้ เพราะข้าพเจ้า ทัง้ หลายได้ท�ำ บาป ข้าพเจ้าทัง้ หลายจะรอดพ้นโดยเดินตามหนทางทีเ่ คยเดินนานมาแล้ว ข้าพเจ้าทุกคนเป็นเหมือนผูม้ มี ลทิน แม้แต่การกระทำ�ทีช่ อบธรรมของข้าพเจ้าทัง้ หลาย ก็เป็นเหมือนผ้าสกปรกที่เปื้อนเลือด ข้าพเจ้าทุกคนเหี่ยวแห้งไป เหมือนใบไม้ ความ ผิดพัดพาข้าพเจ้าทั้งหลายไปเหมือนลม ไม่มีผู้ใดเรียกขานพระนามของพระองค์ ไม่มี ผูใ้ ดกระตือรือร้นขอให้พระองค์ทรงช่วย เพราะทรงซ่อนพระพักตร์จากข้าพเจ้าทัง้ หลาย ทรงปล่อยให้ความผิดมีอำ�นาจเหนือข้าพเจ้าทั้งหลาย บัดนี้ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระบิดาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทัง้ หลายเป็นเหมือนดินเหนียว พระองค์ ทรงเป็นผู้ปั้น ข้าพเจ้าทุกคนเป็นผลงานจากฝีพระหัตถ์ เพลงสดุดี สดด 80:1-2ก,14-15,17-18 ก) ข้าแต่ผู้เลี้ยงแห่งอิสราเอล โปรดทรงฟังเถิด พระองค์ทรงนำ�โยเซฟไปประดุจฝูงแกะ พระองค์ประทับบนพระบัลลังก์เหนือเหล่าเครูบ โปรดทรงทอรัศมีลงมาเหนือเอฟราอิม เบนยามิน และมนัสเสห์ ข) ข้าแต่พระเจ้าจอมจักรวาล โปรดเสด็จกลับมา โปรดทอดพระเนตรลงมาจากสวรรค์และทรงพิจารณาเถิด โปรดเสด็จมาเยี่ยมองุ่นเถานี้ โปรดทรงคุ้มครองเถาองุ่นที่พระหัตถ์ขวาปลูกไว้ โปรดทรงพิทักษ์บุตรที่ทรงทำ�นุบำ�รุงให้เข้มแข็งสำ�หรับพระองค์ ค) ขอพระหัตถ์ปกป้องบุรุษซึ่งอยู่เบื้องขวาของพระองค์ โปรดทรงพิทักษ์บุตรแห่งมนุษย์ที่ทรงทำ�นุบำ�รุงให้เข้มแข็งสำ�หรับพระองค์ ข้าพเจ้าทั้งหลายจะไม่มีวันละทิ้งพระองค์อีก


โปรดประทานชีวิตแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย และข้าพเจ้าทัง้ หลายจะเรียกขานพระนามของพระองค์

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 1:3-9 ขอพระหรรษทานและสันติสขุ จากพระเจ้าพระบิดาของ เรา และจากพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่าน ทั้งหลายเถิด ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าอยูเ่ สมอเพือ่ ท่านทัง้ หลาย เพราะพระหรรษทานซึ่งพระเจ้าประทานแก่ท่านเดชะพระ คริสตเยซู ท่านได้รับพระพรทุกด้านและทุกประการเดชะ พระองค์ คือการประกาศพระวาจาและความรูท้ กุ อย่าง ท่าน ทัง้ หลายเป็นพยานถึงพระคริสตเจ้าอย่างเข้มแข็งจนถึงทีส่ ดุ จนกระทัง่ ท่านไม่ขาดพระคุณใดในขณะทีร่ อคอย การเสด็จมาของพระเยซูคริสต์องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าของเรา พระองค์จะทรงคาํ้ จุนท่านให้มนั่ คงจนถึงวาระสุดท้าย ไม่มีที่ติในวันที่พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจะเสด็จมา พระเจ้าทรงเรียกท่านให้สนิทสัมพันธ์กับ พระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราแล้ว พระองค์ทรงมั่นคงในการรักษา คำ�สัญญา บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 13:33-37 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงระวัง จงตื่นเฝ้าเถิด เพราะท่านทั้งหลายไม่รู้ว่าวันเวลานั้นจะมาถึงเมื่อไร เหมือนกับชายคนหนึ่งที่ ก่อนจะเดินทางออกจากบ้านได้มอบอำ�นาจให้กับผู้รับใช้ ให้แต่ละคนมีงานของตนและยังสั่งคนเฝ้าประตูให้ คอยตื่นเฝ้าไว้ ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงตื่นเฝ้าเถิด เพราะท่านไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะมาเมื่อไร อาจจะมาเวลา คํ่า เวลาเที่ยงคืน เวลาไก่ขัน หรือเวลารุ่งเช้า ถ้าเขากลับมาโดยไม่คาดคิด อย่าให้เขาพบท่านกำ�ลังหลับอยู่ สิ่งที่เราบอกท่าน เราก็บอกทุกคนด้วยว่า จงตื่นเฝ้าเถิด”

เราเริ่มเข้าสู่เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า เราเข้าสู่บรรยากาศของความหวัง ความ หวังที่พระเจ้ากำ�ลังจะเสด็จมาไถ่กู้มนุษยชาติให้รอด ทำ�ให้ความน่าสะพรึงกลัวหมดไป ทำ�ให้เราจะได้พบ ความรอดพ้นในไม่ช้า นักบุญเปาโลจึงบอกให้เราโมทนาขอบพระคุณพระเจ้าในพระเมตตาของพระองค์ที่ทรงมีต่อเรา เป็น พระองค์ผทู้ รงประทานทุกสิง่ ทีด่ งี ามสำ�หรับเรา สำ�หรับผูท้ เี่ ชือ่ วางใจ และปฏิบตั ติ ามพระวาจาของพระองค์ บัดนี้ เวลาแห่งความรอดใกล้เข้ามาแล้ว จงตื่นเฝ้าอธิษฐานและภาวนาเถิด บัดนี้ เป็นเวลาแห่งความ รอดที่พระองค์กำ�ลังเสด็จมาช่วยท่านให้รอดแล้ว


บทอ่านที่ 1 รม 10:9-18 พีน่ อ้ ง ถ้าท่านประกาศด้วยปากว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า และมีความ เชือ่ ในใจว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผูต้ าย ท่านก็จะรอดพ้น การเชื่อด้วยใจจะบันดาลความชอบธรรม การประกาศด้วยปากจะ บันดาลความรอดพ้น เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า “ทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะไม่ ได้รับความอับอาย” เพราะไม่มีความแตกต่างกันระหว่างชาวยิวกับผู้ที่ไม่ใช่ชาวยิว ฉลอง พระองค์เท่านัน้ ทรงเป็นองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าสำ�หรับมนุษย์ทกุ คน ประทานพระพรมากมาย น.อันดรูว์ ให้ทุกคนที่เรียกขานพระองค์ เพราะทุกคนที่เรียกขานพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็จะ อัครสาวก รอดพ้น สดด 19:1-2,3-4 ฉะนั้น ชาวอิสราเอลจะเรียกขานพระองค์ได้อย่างไรถ้าพวกเขาไม่เชื่อ จะเชื่อได้ อย่างไรถ้าไม่เคยได้ยนิ จะได้ยนิ ได้อย่างไรถ้าไม่มใี ครประกาศสอน จะมีผปู้ ระกาศสอน ได้อย่างไรถ้าไม่มีใครส่งไป ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “เท้าของผู้ประกาศข่าวดี ช่างงดงามจริงหนอ” บางคนเท่านั้นได้เชื่อฟังข่าวดี ดังที่ประกาศกอิสยาห์กล่าวว่า “ข้าแต่พระเจ้า ใครเล่าได้เชื่อคำ�ประกาศ ของเรา” ดังนั้น ความเชื่อจึงมาจากการฟัง สิ่งที่ได้ฟังก็มาจากพระวาจาของพระคริสตเจ้า ข้าพเจ้าขอถามว่า เป็นไปได้หรือทีเ่ ขาไม่ได้ยนิ เขาได้ยนิ แน่นอน เพราะเสียงของผูป้ ระกาศข่าวดีกระจาย ไปทั่วแผ่นดิน และวาจาของเขาแพร่ไปจนสุดปลายพิภพ พระวรสาร มธ 4:18-22 เวลานัน้ ขณะทีพ่ ระเยซูเจ้าทรงดำ�เนินไปตามชายฝัง่ ทะเลสาบกาลิลี พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพีน่ อ้ ง สองคน คือซีโมนที่เรียกว่าเปโตรกับอันดรูว์น้องชายกำ�ลังทอดแห เขาเป็นชาวประมง พระองค์ตรัสสั่งว่า “จงตามเรามาเถิด เราจะทำ�ให้ท่านเป็นชาวประมงหามนุษย์” เขาทั้งสองคนก็ทิ้งแหไว้ แล้วตามพระองค์ไป ทันที เมือ่ ทรงดำ�เนินไปจากทีน่ นั่ พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพีน่ อ้ งอีกสองคนคือ ยากอบบุตรของเศเบดีและ ยอห์นน้องชายกำ�ลังซ่อมแหอยู่ในเรือกับเศเบดีผู้บิดา พระองค์ทรงเรียกเขา ทันใดนั้น เขาทั้งสองคนก็ทิ้ง เรือและบิดา แล้วตามพระองค์ไป นักบุญอันดรูว์อัครสาวก เป็นน้องชายของนักบุญเปโตร ท่านเป็นศิษย์ของนักบุญยอห์น บัปติสต์ แต่ภายหลังได้ตดิ ตามพระคริสตเจ้า และนำ�เปโตรพีช่ ายมาพบพระองค์ พระเยซูเจ้าได้ทรงตรัสเรียก ท่าน “จงตามเรามาเถิด เราจะให้ท่านเป็นชาวประมงหามนุษย์” ท่านได้ละทิ้งแห แล้วตามพระองค์ไปทันที พระเจ้าทรงเรียกเราเช่นกัน เราได้ตอบรับพระองค์เช่นเดียวกับท่านนักบุญอันดรูวห์ รือไม่ หรือว่าเราได้ ตอบรับพระองค์แต่คำ�พูด หรือตอบรับพระองค์แค่ช่วงเวลาหนึ่ง แล้วเราก็ละทิ้งพระองค์ นักบุญอันดรูว์ได้ ตอบรับ และอุทิศตนเพื่อพระเยซู แม้จะถูกทรมานจนสิ้นใจบนไม้กางเขนที่เมืองปาตรัสโซ แคว้นอาคายา ข้าแต่ท่านนักบุญอันดรูว์ โปรดเสนอวิงวอนพระเจ้าให้ลูกได้เลียนแบบฉบับของท่านในการติดตาม พระองค์จนตลอดชีวิตด้วยเทอญ



Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.