หน้าต่างบานเก่าที่บ้านเกิด

Page 1


...การกลับบ้ านเกิด ที่แท้ ก็คือการทบทวนตัวเอง เราควรหาทางกลับบ้ านเกิด เพื่อค้ นพบตัวเอง เพื่อจะได้ ใช้ ชีวิตต่ อไปอย่ างเหมาะสม และเป็ น สุ ข...

“หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


ร้ อยเรียง หน้ า ๑. ปฐมบท ๒. ครอบครัวของผม ๓. แบบอย่าง ๔. เธอ คือบุหงา ๕. หัวเลีย้ วหัวต่อ ๖. กลับบ้ าน ๗. สังคมเปลีย่ นคน ๘. วันเวลา ๙. กะลาครอบ ๑๐. สหายเก่า ๑๑. อยู่น้าไม่ ร้ ู น้า ๑๒. ความจริงที่ถูกปิ ดบัง ๑๓. ไร้ แก่น

“หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


หน้าต่างบานนั้นตรงกับหน้าต่างบ้านผมพอดี ระยะห่ างระหว่างบ้านหลังนั้น กับบ้านผมน่าจะไม่เกินห้าสิ บเมตร ระหว่างบ้านทั้งสองมีคูน้ าเล็กๆพอกระโดดข้าม ได้เป็ นเส้นแบ่งอาณาเขตขวางอยู่ ทุกเย็นหลังเลิกเรี ยน ผมจะรี บวิ่งให้กลับมาถึงบ้านเร็ วที่สุด เพื่อจะได้ผลัด เสื้ อ ผ้า เป็ นชุ ด อยู่ กับ บ้า น ที่ แ ม้จ ะไม่ ดี อ ะไรนัก แต่ ผ มก็ ว่ า หล่ อ กว่า ชุ ด นัก เรี ย น กางเกง สี กากีเสื้ อสี ขาวกับเข็มขัดลูกเสื อ ชุดหล่อของผมเป็ นกางเกงขาสั้นสี กรมท่า เสื้ อยืดลายขวางขาวน้ าเงินที่ผมรบเร้าให้แม่ซ้ือให้เมื่อคราวงานวัดที่แล้ว ผมผลัดเสื้ อผ้าอย่างรวดเร็ วเหลือบตาดูกระจกหน้าตูเ้ สื้ อผ้าของแม่ เอามือ ป้ ายน้ าลายปัดผมทรงนักเรี ยนด้านหน้าให้เสยตั้งขึ้น ก่อนจะวิ่งไปแกล้งยืนทาทีเป็ น ท าโน่ นท านี่ อยู่ที่ หน้า ต่ า งบานนั้น อกใจไหวระทึ ก ลุ ้นที่ จะเห็ นเธอสั ก แวบจาก ช่องว่างตรงนั้น บางวันผมเห็นเธอเดินผ่านหน้าต่างไปๆ มาๆ อยู่กบั พี่สาวของเธอ แค่น้ นั ใจผมก็คบั อก

“หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


"หรัดเอ๊ย ทาไรอยู่ ลงมาช่วยแม่ลิดพร้าวสัก ยี่สิบหน่ วยซิ บ่าวเอิบอิมาเอา เย็นนี้" แม่ ตะโกนบอก บ้า นผมอยู่ใ นสวนมะพร้ า วเนื้ อที่ เจ็ ดไร่ พ่ อปลู ก มะพร้ า วไว้ก ว่าร้ อยต้น มะพร้ า วอ่อน มะพร้ า วสุ ก เป็ นรายได้ที่ แม่ไ ด้มาจุ นเจือครอบครั วนอกเหนื อจาก เงินเดือนครู ป ระชาบาล เดือนละหกร้อยบาท ของพ่อ"แล้วนี่ รูญยังไม่ถึงบ้านอี ก หรื อ" แม่ถามถึงน้องชายคนเดียวของผม พ่อกับแม่มีลูกไม่มากถ้าเทียบกับเพื่อน บ้านญาติพี่นอ้ ง ที่แต่ละครอบครัวมีกนั ตั้งแต่หกคนขึ้นไป ญาติของผมคนหนึ่งมีลูก ครบโหลพอดี แต่บา้ นเรามีกันแค่สามคน มีผม ชื่ อจรัส น้องชายชื่ อจรู ญ และคน สุ ดท้องเป็ นน้องสาวชื่อจรวย พ่อผมชื่อ จาเริ ญ แม่ชื่อแจ่ม จึงไม่แปลกที่ครู จาเริ ญจะ ตั้งชื่อลูกอย่างนี้ "ครับ ไปเดี๋ยวนี้ ครับแม่" ผมรี บขานรับ กลัวว่าแม่จะเรี ยกหลายคา หรื อไม่ก็ตะเบ็งเสี ยงให้ได้ยนิ ไปถึงช่องหน้าต่างบ้านโน้น งานลิดพร้าว หรื อที่ภาษากลางเรี ยกว่าปอกมะพร้าวนั้น เป็ นอะไรที่ง่ายมาก สาหรับผม พ่อกับแม่ทาให้ผมเห็นมาตั้งแต่เด็ก เราสามคนทากันได้โดยไม่ตอ้ งมีใคร จับมือสอน แต่งานจะมาลงที่ผมเป็ นหลักเพราะตัวใหญ่กว่าน้อง ๆ อีกอย่างเสี ยมที่ ปั กหงายคมอยู่บนดินนั้นปลายมันแหลมพอที่จะเสี ยบพุงหรื อเสี ยบหน้าเอาได้หาก ใครเสี ยหลักคะมาลงไปโดนมันเข้า โดยเฉพาะกับเด็กตัวเล็ก ๆ อย่างจรู ญและจรวย แม่จึงมักมอบงานนี้ ให้ผมเพราะเห็นว่าไว้ใจได้ ผมเองก็รู้สึกภูมิใจที่ได้รับเกียรติน้ ี ผมบรรจงถอดเสื้ อตัวหล่อแขวนไว้ที่เดิม เปลี่ยนกางเกงตัวเก่งมาเป็ นผ้าขาวม้าผืน “หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


น้อย นุ่ งกระชับแล้วขัดเขม่ นขึ้นไปเก็บ ชาย ลงเรื อนไปช่ วยแม่ทางานประจาวัน บ้านของเรามีงานให้ทามากมายไม่ขาดมือ พ่อจะแบ่งงานให้ลูกแต่ละคนตามวัยและ ความสามารถ เนื่องจากรายได้นอ้ ยพ่อกับแม่จึงต้องทางานหลายอย่างให้ครอบครัว ได้มีกินมีใช้ นอกจากสอยมะพร้าวในสวนมาปอกขายแล้ว ยังเลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ ไว้ กินเนื้อกินไข่ดว้ ย ทางด้านตะวันออกของบ้านที่ติดกับลาคลองพ่อยังขุดบ่อเลี้ยงปลา ไว้เลี้ยงปลาดุก หน้าน้ าพ่อจะไปดักไซลูกกุง้ ลูกปลามาให้แม่ทากะปิ เก็บไว้กินตลอด ปี น้ าพะก็ไปธงเบ็ดหาปลามาเลี้ยงครอบครัว บ้านเราไม่ค่อยมีเงิน แต่เรื่ องข้าวปลาอาหารเราไม่เคยอดอยาก พวกเราสาม คนต่างทาหน้าที่ของตัวเองกันด้วยความเต็ มใจ และพยายามจะทาให้ดีเพื่อช่วยแบ่ง เบาภาระของพ่อแม่

“หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


พ่ อของผมเป็ นครู ป ระชาบาลระดับ ครู น้อย ไม่มี วุฒิก ารศึ กษาใด ๆ เมื่ อ นโยบายปฏิรูปการศึกษาอย่างขนานใหญ่หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ที่มุ่งเน้น การอ่านออกเขียนได้ ตกมาถึงหมู่บา้ นที่พ่ออยู่ พ่อซึ่งเป็ นเพียงคนเดียวในหมู่บา้ นที่ รู ้หนังสื อ จึงถูกตามตัวให้มาเป็ นครู คนแรกและคนเดียวของหมู่บา้ น พ่อแม่ของพ่อตายเสี ยตั้งแต่พ่อยังเด็ก ญาติผูใ้ หญ่ที่บวชเป็ นพระจึงเอาไป อยู่ดว้ ยที่วดั ได้เรี ยนอ่านเขียนกับท่านจนคล่องแคล่ว และนับว่าเป็ นคนหัวดีจาเร็ ว เมื่อโตขึ้นหลวงลุงจึงดาริ จะส่ งให้เรี ยนในโรงเรี ยนของจังหวัด แต่น่าเสี ยดาย ด้วย ความเป็ นชายคนเดียวในครอบครัวที่ไม่มีพ่อแม่ จาเริ ญจึงต้องกลับมาเลี้ยงควายฝูง หลายสิ บตัวของครอบครัว จ้วนไม่เต็มใจที่จะเป็ นครู อิสรภาพของการเป็ นเด็กเลี้ยงควายฝูงกลางทุ่ง โล่งทาให้เขารักวิถีชีวิตในอ้อมกอดของธรรมชาติเสี ยแล้ว แม้จะมีความเหงาความ โดดเดี่ ยวสาหรั บเด็กในวัยนั้น แต่มนั ก็ทาให้เขากลายเป็ นคนเข้มแข็งอดทนและ อ่อนโยน อยูก่ บั ตัวเองเป็ น และเข้าใจผูอ้ ื่นไปในขณะเดียวกัน แต่จว้ นมีนอ้ งชายที่เขารักมาก พ่อแม่ของพวกเขาตายไปตั้งแต่นอ้ งชายคนนี้ อายุเพิ่งห้าขวบ ยังไร้เดียงสาและช่วยตัวเองไม่ได้ พี่ ๆ จึงถือเป็ นหน้าที่ศกั ดิ์สิทธิ์ ที่ จะต้องเลี้ ยงดู โอบอุม้ เขา ทุกคนอยากให้เขาได้ดีมีอนาคต ญาติ ๆ อยากให้เขาได้ เรี ยนหนังสื อสักคนเพื่อจะได้เป็ นเจ้าคนนายคน ครอบครัวจะได้ไม่ถูกใครข่มเหง รังแก “หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


ในที่ สุ ดจ้วนต้องจายอมละทิ้ ง ชี วิ ตเสรี ม าใส่ ก างเกงกากี เสื้ อเชิ้ ตขาวกับ รองเท้าผ้าสี น้ าตาลเพื่อเป็ นครู รับเงินเดือนแปดบาท หวังจะได้ส่งเสี ยน้องชายให้ได้ เรี ยนหนังสื อ อาจเป็ นด้วยเหตุน้ ีที่ทาให้พ่อให้ความสาคัญกับการศึกษามาก ปณิ ธาน ของพ่อ คือลูก ๆ ต้องได้เรี ยนหนังสื อ ไปให้ไกลจากชีวิตลาเค็ญให้มากที่สุดเท่าที่จะ ทาได้ พ่อบอกกับพวกเราว่า "เรี ยนหนังสื อนะลูก เรี ยนให้เป็ นคนฉลาด" เรารักพ่อ จึงมุ่งมัน่ ที่จะทาตามที่พ่อตั้งใจให้ได้ ส่วนผมเป็ นเด็กชายตัวดาๆ ผอมๆ หัวหยิกหยอย ว่องไวปราดเปรี ยว ใคร ๆ ก็วา่ ผมเหมือนพ่อ มันทาให้ผมภูมิใจและพยายาม "เหมือนพ่อ" ในวัยสิ บห้า ผมเรี ยน อยูช่ ้ นั มัธยมศึกษาปี ที่ 3 สมัยนั้นเรี ยนประถมต้น 4 ปี ประถมปลาย 3 ปี มัธยมต้น 3 ปี มัธยมปลาย 2 ปี ได้ขา้ มชั้นขึ้นไปเรี ยนชั้นที่สูงกว่า สองครั้ง และกาลังจะจบมัธยม ต้นที่โรงเรี ยนบ้านเกิดเพื่อไปต่อมัธยมปลายที่โรงเรี ยนในเมือง ชีวิตนอกห้องเรี ยนผมก็ไม่เบา ผมทาเกือบทุกอย่างได้เท่าๆ กับชายหนุ่มทุก คนแถวนั้นทากัน รวมทั้งทาตัวเป็ นหนุ่มเด็ก ๆ ด้วย แม้จะด้อยการศึกษาแต่พ่อเป็ นนักอ่านตัวยง หนังสื อของพ่อมีมากมายหลาย ประเภท พร้ อมกันนั้น พ่ อก็ เป็ นนัก เล่า เรื่ องตัวฉกาจ เรื่ องราวจากหนังสื อนานา สารพันที่พ่ออ่าน มักได้รับการถ่ายทอดไปสู่ ลูกศิษย์ลูกหาทั้งในโรงเรี ยนและนอก ห้องเรี ย น ความรู ้ ข องพ่ อกว้า งขวางไปไกลกว่าใครๆในหมู่บา้ น พ่ อจึ งเป็ นครู ที่ ได้รับความนับหน้าถือตา และรักใคร่ ไว้ใจของผูค้ น รวมกับความใจดีเอื้ออารี ของ แม่ บ้านของเรามักมีญาติ ๆ มาเยี่ยมเยียนมิได้ขาด และผมมีแบบจากญาติหนุ่ ม ๆ “หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


หลายคนมาให้เ ห็ น เป็ นประจ า หนึ่ ง ในนั้นคื อ พี่ ช วน พี่ ชวนหน้าตาดี สู งใหญ่ หล่อบึ้ก หู ตาแพรวพราว พี่ชวนติดใจสาวที่อยู่ฝั่งคลองฟากขะโน้น ทุกเย็นหลังจาก เลิกงานจากนาบ้างสวนบ้าง พี่ชวนจะแต่งตัวสะอาดสะอ้านประแป้งลายพร้อยมาที่ บ้านเราพร้อมกับขลุ่ยเลาเล็กๆ ในมือ พอเย็นย่าพี่ชวนก็จะชวนผมไปนั่งที่ท่าน้ าริ ม คลองข้างบ้าน เสี ยงขลุ่ยของพี่ชวนนั้นคงจะหวานจับใจเจ้า เพียงไม่นานทั้งพี่ชวน และสาวนางนั้นก็พากันหายไป ญาติๆ บอกกันว่า พี่ชวน "พาหนี" แล้ว นี่คือวิวาห์ ลูกทุ่งของพี่ชวนที่ทาเอาผมเคลิบเคลิ้ม

“หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


รถสองแถวจากตัวอาเภอเข้าจังหวัดวันนี้ ว่างโล่ง ผมกลับบ้านมาเยี่ยมแม่ แล้วนัดเพื่อนร่ วมรุ่ นสังสันทน์กนั หลังจากไม่ได้เจอกันหลายสิ บปี รถออกจากคิวไม่ ทันพ้นตลาด ผูห้ ญิงคนหนึ่ งโบกให้รถหยุดรับ นับเป็ นผูโ้ ดยสารคนที่สองของรถ คันนี้ ผมยิ้มพยักหน้าทักทายเธอตามแบบคนเมื องเดียวกัน เธออมยิ้มนิ ดๆรั บการ ทักทายของผม ในรถไม่มีใครอื่นอีก เราต้องนัง่ ไปด้วยกันเกือบชัว่ โมง ผมจึงหาเรื่ อง ชวนคุย "ไปไหนครับ" "ไปตลาดใหญ่" "ซื้อของหรื อครับ" เธอพยักหน้า ดูท่าทางจะไม่ช่างพูดนัก ผมก็จนปั ญญาที่จะผูกมิตร แต่คงเป็ นความ ปากเบาที่ติดมาจากแม่ทาให้ผมถามเธอต่อไปอีกสองสามคา ไม่ค่อยได้ผล ผมจึง แกล้งทาเป็ นชมนกชมไม้สองข้างทางหลีกเลี่ยงความอึดอัดที่เริ่ มก่อตัว ทางหางตา ผมสังเกตเห็ นว่าเธอจ้องผมหลายครั้ ง ถึ งตอนนี้ ผมยิ่งแกล้งเฉยเพื่อดู ว่าเธอจะทา อะไรต่ อ ไป ในใจก็ อ ดนึ ก กระหยิ่ ม ไม่ ไ ด้ แม้ส ตรี น างนี้ จะดู มี อ ายุ แต่ ท่ า ทาง กระฉับกระเฉงคล่องแคล่ว ผิวพรรณออกคล้ าไปนิดรู ปร่ างท้วมไปหน่อยแต่หน้าตา คมขาสวยงามน่าดูไม่น้อย ชายวัยเลยหกสิ บเช่นผมจึงอดภูมิใจไม่ได้ที่ถูกเธอแอบ มอง "คุณไม่ใช่คนแถวนี้ใช่ไหม" “หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


ในที่สุดเธอก็เป็ นฝ่ ายเอ่ยก่อน ผมหันไปยิม้ ให้เธอ "คนแถวนี้ล่ะ แต่ไปอยูท่ ี่อื่นเสี ยนาน ช่วงนี้กลับมาเยีย่ มแม่ แม่ไม่ค่อยสบาย" ผมพูด ไปเรื่ อยๆ ด้วยประโยคสั้นๆ "บ้านแม่อยูท่ ี่ไหนหรื อคะ" "อยู่ขา้ งวัดกลาง คุณล่ะบ้านอยู่แถวไหน" พอเห็นว่าจะมีเพื่อนคุย ผมจึงถามกลับไป บ้าง คราวนี้เธออมยิม้ นัยน์ตาคมริ กๆ จนผมชักเอะใจ "เคยอยู่ขา้ งวัดกลางเหมือนกัน บ้านเดิมอยู่ติดกับบ้านครู จ้วน รู ้จกั หรื อเปล่า" เธอ บอก "อ้าว ก็บา้ นผมนี่ครับ คุณว่าบ้านอยูต่ ิดกับบ้านพ่อผม คุณเป็ นลูกสาวลุงยศหรื อ" ผม หันขวับไปจ้องเธอ เค้นความทรงจาออกมาเป็ นข้อมูลให้สายตา "ใช่สิ" คราวนี้เธอค้อนคม หัวใจผมหนักอึ้งขึ้นมาทันที "คงไม่ใช่...บุหงานะ" ผมลากเสี ยงอย่างไม่อยากให้เป็ นเช่นที่เอ่ยออกไป "แล้วจะใครล่ะ" เธอตอบมาทันควัน คราวนนี้ผมถึงกับไปไม่ถูก

“หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


ปี สุ ดท้ายที่โรงเรี ยนผมได้เรี ยนวิชาดนตรี แต่เนื่ องจากเป็ นโรงเรี ยนเล็กๆ ต่างอาเภอ ครู ที่สอนก็ เพียงรู ้จกั เล่นเครื่ องดนตรี บางชนิ ด ไม่ได้เรี ยนทางดนตรี มา โดยตรง จึ ง สอนเท่ า ที่ ส อนกัน ได้ หนึ่ ง ในนั้น คื อ เมาท์ อ อร์ แ กน ผมเรี ย นเมาท์ ออร์ แกน และมีเป็ นของตัวเองด้วยไม่ว่าเวลาใด หากผมว่าง เสี ยงเพลง “รักคุณเข้า แล้ว” จากเมาท์ออแกนก็จะดังขึ้นที่หน้าต่างบานนี้ ส่ งความในใจไปยังคนที่อยู่หลัง หน้าต่างบานโน้น มีอยูส่ ามสี่ ครั้งที่ผมเห็นเธอแอบเกาะกรอบหน้าต่างมองมา ผมนึก ถึงพี่ชวน ใจเหมือนจะขาดเสี ยให้ได้ ผมยังอยากเรี ยนหนังสื อต่อ อยากเรี ยนให้ได้ ปริ ญญา อยากไปเรี ยนในตัวจังหวัดแล้วสอบเข้ามหาวิทยาลัยในกรุ งเทพ อยากเป็ น นายอาเภอ มีบา้ นพักดีๆ มีเงินจับจ่ายใช้สอยสะดวก มีเสื้ อผ้าดีๆใส่ มีคนนับหน้าถือ ตา แต่ผมก็รักหญิ ง อยากมี เธอเหมื อนที่ พี่ ชวนมี หญิ ง ของเขา ผมอัดอั้นตันใจอยู่ เช่ น นี้ ไม่ รู้ จ ะท าอย่ า งไร แม่ ค งสั ง เกตเห็ น พ่ อ จึ ง รู ้ เ รื่ อ งนี้ แล้ว วัน หนึ่ ง ระหว่ า ง ทางเดินไปตัดไม้เผาถ่าน พ่อก็ถามขึ้นว่า "คิดแล้วยังว่าโตขึ้นจะเป็ นอะไร" ที่จริ ง คาถามพวกนี้ พ่อแม่ และญาติ ๆ ถามผมกันไม่รู้กี่สิบครั้ ง แล้ว แต่ครั้ งนี้ ถึงแม้จะมี คาตอบอยูใ่ นใจ แต่ก็ยงั มีอย่างอื่นแอบแฝงอยูล่ บั ๆ "ยังอยากเป็ นนายอาเภอ เป็ นผูว้ ่า อยู่หรื อเปล่า" พ่อถามต่อ ผมยังเงียบ "จรัสเรี ยนเก่งนะลูก ถ้าอยากเป็ นนายอาเภอ จริ งๆ ก็คงได้เป็ น พ่อเป็ นเพียงครู บา้ นนอกที่ไม่มีการศึกษา รู ้อะไรไม่มากนักใน เรื่ องนี้ ลูกต้องขวนขวายด้วยตนเอง พ่อช่วยได้แค่ให้ความสะดวกกับลูกเท่าที่พ่อทา ได้ ลูกต้องฟันฝ่ าไปข้างหน้าเอง พ่อเชื่อว่าลูกทาได้ ลูกล่ะคิดว่าตัวเองจะทาได้ไหม" “หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


ผมคิดหนักมาก รู ้ว่าต้องทุ่มเทกับการเรี ยนอย่างจริ งจังเพื่อไปให้ถึงเป้ าหมาย แต่ ตรงไหน ในใจก็ไม่รู้ ที่มีก็แต่เรื่ องหญิง ผมอยากแต่จะเจอเธอ แต่ผมไม่เคยกล้าที่จะ มองหน้าเธอ ผมอยากพูดกับเธอแต่ไม่รู้จะพูดอะไร พี่ชวนพาหญิงของเขาที่บดั นี้ ร้ ัง ตาแหน่ งเมียกลับมา “ขอขมา” ครอบครั วทันให้ผมได้ปรึ กษา ผมบอกความรู ้สึก ทั้งหมดทั้งสิ้ นให้พี่ชวนฟั ง พี่ชวนรับปากว่าจะช่วยผม แต่ไม่นึกว่าสิ่ งที่พี่ชวนช่วย กลับยิง่ ทาให้ผมบ้าหนักขึ้น พีช่ วนพาผมไปเที่ยวผู้หญิง ผมสอบปลายปี ได้หวุดหวิด ทาให้พ่อและแม่หวัน่ ใจมากว่าผมจะไม่สามารถฝ่ าไปตามเส้นทางที่ฝันได้ ผมเองก็ ตกใจกับผลการเรี ยนของตัวเองไม่น้อย สองสัปดาห์ก่อนสอบเข้าโรงเรี ยนประจา จังหวัด ผมจึงทุ่มเทเวลาให้กบั การอ่านหนังสื อ แอบซ่อนเมาท์ออแกนให้พน้ สายตา ขังตัวเองอยู่กบั หนังสื อ ผมทบทวนบทเรี ยนได้ถึงสามเที่ยวก่อนสอบ และสอบเข้า ได้ วันประกาศผลแม่ร้องไห้โฮ ผมเริ่ มรู ้ตวั แล้วว่าอะไรทาได้ อะไรไม่ควรทา ที่ โ รงเรี ยนประจ าจัง หวัด ผมติ ด อัน ดั บ เรี ยนดี ไ ด้ อ ยู่ ห้ อ งคิ ง มี เ พื่ อ น หลากหลาย แต่ผมไม่เคยลื มเธอคนนั้นของผม การเป็ นนักเรี ยนโรงเรี ยนประจา จังหวัดที่เรี ยนเก่ง มีเพื่อนมีฝงู ทาให้ผมกล้าลองทาสิ่ งใหม่ๆ มากขึ้น แล้ววันหนึ่ งผม ก็กล้าที่จะเดินเข้าไปคุยกับเธอ ...บุหงาของผม คราวนี้ ผมยิ่งไปไกล เราไปเที่ยวกัน ทุกวันหยุด หลงใหลกันและกันแทบจากกันไม่ได้ ปี นั้นผมสอบตก พ่อกับแม่อ้ ึงอั้น ท่านรู ้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเองก็กลัวขึ้นมาจริ งๆ ผมจะทาอย่างไรกับตัวเอง ใน ที่ สุ ด ก็ ตัด สิ น ใจบอกทุ ก อย่ า งกับ แม่ ผมรั ก บุ ห งา เรารั ก กัน มาก แต่ ผ มจะเป็ น นายอาเภอให้ได้ ขอเวลาและโอกาสให้ผมอีกครั้ง “หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


เรื่ อ งนั้น เกิ ด ขึ้ น เมื่ อ สี่ สิ บ กว่ า ปี มาแล้ว ผมได้เ ข้า เรี ย นมหาวิ ท ยาลัย จบ ออกมาได้รับราชการ

สมความตั้งใจ พ่อและแม่ได้เห็นความสาเร็ จของผม แต่บน

เส้นทางความสาเร็ จด้านการเรี ยนและการงานของผม ไม่มีบุหงา เราตกลงกันเองว่า เราจะรั ก ษาความรั ก ของเราเอาไว้ ต่า งคนต่า งไปทาหน้าที่ ไ ขว่ค ว้า หาความฝั น เมื่อไหร่ ที่เราทาสาเร็ จเราจะกลับมาร่ วมชีวิตกัน ในเวลานั้นผมรักเธอจริ งๆ เธอก็คง รักผมไม่น้อยไปกว่ากัน แต่โลกมันกว้างกว่าที่เราคิด ในมหาวิทยาลัยผมพบหญิง สาวที่ผมแต่งงานด้วย เราสร้างครอบครัวที่อบอุ่นเป็ นสุข นานๆ ครั้งที่ผมคิดถึงเมาท์ ออแกนชิ้นนั้น แต่ไม่เคยคิดที่จะกลับไปหาบุหงาคนนั้นแม้สักครั้งเดียว "เราไม่ได้แต่งงาน" บุหงาบอกมาเรี ยบๆ "เธอล่ะ" ผมนิ่ งอยู่นาน รู ้สึกผิดที่ ไม่ได้กลับมาหาเธอเลยนับตั้งแต่วนั ลาจากกันอย่างดู ดดื่ มในครั้ งกระโน้น ผมได้ พยายามทิ้งทุกสิ่ งทุกอย่างเพราะกลัวว่ามันจะทาให้ผมล้มเหลว "ผมแต่งงานแล้ว" เสี ยงผมแหบแห้งอย่างไม่อาจปิ ดบัง เธอยิ้มให้ผม เผยอฟั นขาวเรี ยบซี่เล็กๆ ที่ตดั กับ ริ มฝี ปากบอบบางให้ผมเห็น บนใบหน้าไม่มีริ้วรอยของการตัดพ้อแต่อย่างใด ยิม้ นั้น จริ งใจระบายความสดชื่นไปทัว่ หน้าตา เธอยังสวยมาก ผิวเข้มดูเรื องรองในแสงยาม เย็นที่สาดส่ องลงมา เส้นผมหยิกสลวยตัดสั้นเก๋ ไก๋ ทั้งเนื้อทั้งตัวของเธอดูดีเข้ากันไป หมด ผมเหมือนจังงัง ได้แต่มองเธอเหมือนบ้าใบ้ คิดนึกอะไรไม่ออก "เราจะลงตรงนี้ ล่ะ" เธอบอกเมื่อรถมาถึงย่านเมืองเก่า "โชคดีนะเธอ" แล้วเตรี ยมตัว จะลง "ประเดี๋ยวก่อน ตอนนี้ เธออยู่ไหน ทาอะไร" ผมพยายามยื้อเธอไว้แม้สักนาที “หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


"เราเกษียณแล้ว จะกลับมาอยู่บา้ นเดิมของพ่อ ใกล้ๆ กับบ้านพ่อเธอนั่นล่ะ ตอนนี้ กาลังให้ช่างซ่ อมอยู่ คงจะเสร็ จเร็ วๆ นี้ ถ้าเธอยังอยู่ไปทาบุญขึ้นบ้านใหม่ของเรา นะ" เธอเชิญผม "เราไปแน่ เราว่าจะมาอยู่กบั แม่สักพักพอดี" ผมกระตือรื อร้นออก นอกหน้า ความรู ้สึกเก็บเก่าดูจะล้นทะลักเก็บไม่อยู่ "งั้นก็ค่อยเจอกันนะ" เธอลงจาก รถไปแล้ว จากไปด้วยท่าทางมัน่ ใจ ไม่หนั กลับมามองผมแม้สักนิด

“หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


“เมื่อวานผมพบบุหงา” ผมเอ่ยขึ้นในวงอาหารเช้า แม่ไอขลุกขลัก แล้วเส หยิบขันน้ าด้วยมือข้างที่ใช้เปิ บข้าวขึ้นดื่มอั้กๆ ผมมองตามเมล็ดข้าวเปื้ อนเนื้ อปลาที่ หลุดจากมือแม่ลงขันน้ า จรวยมองตาม แล้วรี บลุกขึ้นไปหยิบชามใส่ น้ าล้างมือและ ผ้าเช็ดมือสะอาดมาส่ งให้แม่เช็ดมื อ แล้วยังช่วยเช็ดปากให้แม่ ก่อนจะลุกไปหยิบ แก้วและเหยือกน้ ามาวางให้ผมแทนขันน้ าใบที่แม่เพิ่งวาง จรวยกับแม่ยงั คงนัง่ ล้อม วงกิ น ข้า วกับ พื้ น มี พ อกใส่ กับ ข้า งกลางวงเหมื อ นสมัย ที่ ผ มยัง เป็ นเด็ ก แม่ ก็ ย งั เปิ บข้าวกับมือเหมือนเดิม เมื่อครั้งแม่ยงั อายุนอ้ ยกว่านี้ แม่คงทาได้เรี ยบร้อยหมดจด แต่พออายุมากขึ้น อวัยวะต่างๆ เสื่ อมถอยไม่ค่อยสัมพันธ์กนั บางทีแม่ก็กินข้าวหก รอบจาน ปั้ นก้อนข้าวเสี ยคาใหญ่จนปลิ้นออกจากปากเวลาเคี้ยว และมักใช้มือเลอะ เทอะหยิบ ขัน น้ า ขึ้ นมาดื่ ม ไม่ วายที่ ผ มจะเตื อ นครั้ งแล้ว ครั้ งเล่ า ว่ า ให้ล ้า งมื อ ให้ สะอาดก่อนหยิบจับอะไร มีบางครั้งแม่พูดเบาๆว่า “แม่แค้นนิลูก” ผมเคยบ่นเรื่ องนี้ กับจรวยทุกครั้งที่กลับมาเยี่ยมบ้าน อยากให้จรวยกับแม่ใช้ชีวิตที่มาตรฐานสู งกว่านี้ “พี่เป็ นข้าราชการผูใ้ หญ่นะ รวย ตัวเองก็เป็ นถึงผอ.โรงเรี ยนใหญ่ มีนักเรี ยนหลาย ร้อย ทาไมไม่รู้จกั ทาตัวให้มนั สมฐานะ เพ็ญเขาก็พูดอยูเ่ รื่ อยว่า “ไม่อยากให้เพื่อนฝูง มาเห็นแม่นุ่งผ้าถุงเก่าๆ ใส่ เสื้ อคอกระเช้าเดินไปเดิ นมาเวลาแขกมาบ้าน” ผมอ้าง ภรรยา ผูจ้ ดั การธนาคารใหญ่ระดับเขตที่มีเพื่อนฝูง ลูกน้องลูกค้ามากมายมาดูแล เวลาเราพากันมาเยีย่ มแม่ จรวยไม่เถียง น้องมักหลบตาเวลาผมพูดเรื่ องพวกนี้ ของแม่ ผมพูดจนระอาแต่จรวยกับแม่ก็ไม่เคยเปลี่ยน ไม่ต่อปากต่อคาใดๆ ทั้งสิ้ น ปล่อยให้ “หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


ผมกับภรรยาพูดไปตามที่อยากจะพูด จนศิริเพ็ญเองก็ถอยห่ าง เว้นระยะมาเยี่ยมแม่ พร้อมกับผมออกไปเรื่ อย ๆ จนไม่มาในที่สุด หลังจากเรี ยนจบ จรู ญได้งานในอาเภอใกล้เคียง แต่งงานแล้วแยกบ้านไปอยู่ ใกล้ที่ทางาน และเมื่อพ่อเสี ยชีวิต ไป จรวยก็อยู่กบั แม่ตามลาพังเพียงสองคน จรวย ไม่ยอมแต่งงาน เธอเลือกที่จะเป็ นครู สอนหนังสื อในโรงเรี ยนใกล้บา้ น ไปเรี ยน เพิ่มเติมปริ ญญาโท แล้วสอบเลื่อนตาแหน่งมาเรื่ อยๆจนได้เป็ นผูอ้ านวยการโรงเรี ยน ประจาอาเภอที่ผมเคยเรี ยนจนบัดนี้ ไม่เคยย้ายไปไหน จรวยยินดีจะอยู่ที่บา้ นเกิดเพื่อ จะได้อยู่กบั พ่อและแม่ พูดให้จริ งแล้วต้องบอกว่า บ้านถูกดัดแปลงไปมาก ห้องครัว ถูกต่อเติมขึ้นใหม่หลังบ้านใช้อุปกรณ์ทนั สมัยจัดวางอย่างพอเหมาะ บ้านเดิมที่พ่อ สร้างมีสองห้อง มีทางเดินตรงกลาง ซึ่งพ่อเคยให้ผมกับจรู ญอยู่ห้องหนึ่ง พ่อกับแม่ และจรวยอยูอ่ ีกห้องหนึ่งนั้น ตอนนี้จรวยยึดเอาห้องที่ผมเคยอยูไ่ ป ให้แม่อยูห่ อ้ งเดิม ตามลาพัง ภายในห้องมีตูเ้ ตียงเล็ก ๆ สะอาดตา ทั้งยังต่อเติมห้องน้ าในห้องให้แม่ และตัวเองใช้สะดวก ไม่ตอ้ งวิ่งออกนอกบ้านเหมือนสมัยก่อน บริ เวณที่เคยเป็ นห้อง โล่ง ๆ ไว้ให้แม่นงั่ ทานู่นนี่เวลากลางวัน บัดนี้ถูกดัดแปลงให้เป็ นห้องนัง่ เล่น มีเก้าอี้ หวายปูเบาะสี สวยน่ านั่ง มี ตูห้ นังสื อและตุ๊กตาตัวเล็ก ตัวน้อยจัดวางเป็ นระเบี ย บ บ้านมี เ ครื่ องอานวยความสะดวกครบครั น แต่ บ ้า นไม่มี โต๊ะ กินข้าว แม่กับจรวย ยื น ยัน ที่ จ ะนั่ง กิ น ข้า วกับ พื้ น ไม่ ย อมเปลี่ ย น “แม่ ไ ม่ เ คยบอกผมว่ า บุ ห งาไม่ ไ ด้ แต่งงาน” ผมต่อว่าแม่ จรวยลุกขึ้นอีกครั้งจากวงข้าว “นึกว่ารู ้แล้ว” แม่ตอบอ้อมแอ้ม ถึงจะอย่างไร ผมก็ตอ้ งยอมรับว่าความทะเยอทะยานทาให้ผมพยายามสลัดอุปสรรค “หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


ทั้งมวลที่ อาจทาให้ผมไปไม่ถึง เป้ า หมาย บุหงาหรื อรั ก แรกของผม คืออุป สรรค สาคัญที่ผมต้องข้ามให้พน้ “สตรี คือศัตรู ของการเรี ยน” ที่พี่ชวนเอาจากไหนมาพูด ก็ไม่รู้ รวมกับความผิดพลาดสองครั้งสองคราเมื่อเรี ยนมัธยม ได้กลายเป็ นสิ่ งที่ผมยึด มัน่ ถือมัน่ และพยายามอยูใ่ ห้ไกลสิ่ งนี้ พ่อกับแม่ไม่เคยว่ากล่าวผม ท่านได้แต่เฝ้ามอง เส้นทางที่ผมเดิน ผมสอบเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยชั้นนาของประเทศได้ดงั ที่ผม หวังไว้ ชีวิตในมหาวิทยาลัยมีแต่เรื่ องแปลกใหม่ ผมมุ่งมัน่ ทาทุกอย่างตามแบบแผน ที่ใครๆ เขาทากัน มหาวิทยาลัยที่ผมเรี ยน ต้องเรี ยนปี หนึ่งร่ วมกันกับคณะอื่น ทาให้ ผมมีเพื่อนหลากหลาย ผมพยายามแทรกตัวเองเข้าไปมีที่ยนื ในกลุ่มพวกเขา โชคดีที่ ที่ นี่ ทุ ก คนใหม่ กัน หมด ไม่ ว่ า รวยหรื อจน หรื อลู ก เจ้า ลู ก นาย หรื อบ้า นนอก ต่างจังหวัดกินข้าวก้นบาตรพระ ต่างพยายามปรับตัวเข้าหากันเช่นกัน ผมผ่านทุก อย่างไปด้วยดี แม้จะแร้นแค้นเรื่ องชีวิตความเป็ นอยู่ แต่นนั่ ไม่ใช่เรื่ องยากสาหรับผม ส่วนผมพอขึ้นปี สอง ผมได้เข้าไปเรี ยนในคณะที่เลือกไว้ ปี นั้นมีเรื่ องต่าง ๆ เกิดขึ้นกับผมอีกมากมาย ผมเข้าไปเป็ นน้องใหม่ที่น่ารักของพวกพี่ ๆ ในคณะ เข้า ร่ ว มกิ จ กรรมทุ ก ด้า นที่ รุ่ น พี่ ใ ห้ท า ไม่ ว่า เข้า เชี ย ร์ เล่ น กี ฬ า กิ น เหล้า เมายา หรื อ กิ จ กรรมอื่ น ใดของลูก ผูช้ าย ผมจึ ง กลายเป็ นที่ รู้ จัก กันดี ใ นหมู่ รุ่ น พี่ ว่า “ไอ้ห รั ด ใช้ ไ ด้ ” ปี นั้ น คื อ ปี ๒๕๑๖ ปลายปี ขณะที่ ผ มก าลัง จะสอบ เกิ ด กรณี นั ก ศึ ก ษา เดินขบวนเรี ยกร้องรัฐธรรมนูญ เช้าวันหนึ่งในต้นเดือนตุลาคม ผมเตรี ยมตัวมาสอบตามเวลา เมื่อมาถึงคณะ ก็พบว่า ห้องสอบทุกห้อง ห้องเรี ยนทุกห้องถูกปิ ดตาย พวกเรายืนออกันอยูห่ น้าคณะ “หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


ไม่เข้าใจสถานการณ์ มีรุ่นพี่สองสามคนที่รุ่นน้องรู ้สึกว่าเป็ นคนแปลกๆ พูดเรื่ อง แปลกๆ มาบอกให้พวกเราไปรวมกันที่ลานโพธิ์ ผมเดินตามคนอื่นๆไป เห็นรุ่ นพี่ คนหนึ่ งยืนพูดใส่ โทรโข่งเสี ยงดังอยู่บนโต๊ะที่เอามาวางทางด้านตึกโดม ผมฟั งเขา ตะโกนพูดปลุกใจอยู่พกั หนึ่ งก็เดิ นกลับที่ พกั ไม่รู้ไม่เข้าใจว่าเกิ ดอะไรขึ้น ทาไม จะต้องท าเรื่ องแบบนี้ ใ นมหาวิ ท ยาลัย และแล้วก็ มี ค าสั่ ง ปิ ดมหาวิ ท ยาลัย มี ก าร ประท้วงอย่างต่อเนื่องใหญ่โตกว้างขวาง มีนกั ศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เข้าร่ วม มากมาย ผมไม่ได้ไปเข้าร่ วมการประท้วงกับใครเลย นึ กหวาดหวัน่ แต่อนาคตของ ตัวเองว่าจะเป็ นอย่างไร ความหวังความฝั นที่เคยวาดไว้จะย่อยยับในครานี้ เสี ยแล้ว กระมัง นอนอับเฉาอยู่ที่ที่พกั ได้ไม่กี่วนั ก็มีรุ่นพี่บางคนมาชวนผมไปเที่ยวบ้านเขาที่ พัทยา นี่เป็ นครั้งแรกที่จะได้ไปพัทยา ผมไปอยูบ่ า้ นพี่คนนั้นจนกระทัง่ มหาวิทยาลัย เปิ ด จึงกลับมาสอบและเรี ยนตามปกติ การเรี ยนในมหาวิ ท ยาลัย เป็ นเรื่ องง่ า ยส าหรั บ ผม เราไม่ ถู ก บัง คับ มหาวิทยาลัยเปิ ดให้เราเลือกเรี ยนสิ่ งที่เราชอบ ผมผ่านการเรี ยนทุกวิชาได้ดี ถ้าไม่มี อะไรผิดพลาด ผมควรได้เกียรตินิยมเมื่อจบปี สุ ดท้าย และแล้วผมก็พบศิริเพ็ญ เธอ เป็ นรุ่ นน้องต่างคณะที่พบปะกันเมื่อรับน้องกรุ๊ ปปี หนึ่ง ผมได้รับมอบหมายให้ดูแล เธอ เราพบปะกันบ่อย ๆ สนิ ทสนมจนถึงขั้นผมไปส่ งเธอที่บา้ นทุกวันเมื่อเลิกเรี ยน ครอบครัวเธอเป็ นคนจีน พ่อกับแม่เปิ ดร้านขาย โชวห่วย ฐานะดีกว่าครอบครัวผม มากทีเดียวหากจะให้เปรี ยบเทียบ ผมพยายามทาให้พวกเขารัก ช่วยทานู่นนี่แล้วแต่ เขาจะใช้ เอาอกเอาใจรับใช้อากง อาม่า อากู๋ อากิ๋ม อาแปะ อาอี๊ อาเจ๊ก อาซิ้ ม และ “หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


อาหมวย อาตี๋ น้อง ๆ ของเธอ เปลี่ ย นแปลงตัวเองมากมายเพื่ อให้เขารั บไว้เป็ น สมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว ผมทาสาเร็จ แม้จะประดักประเดิดอยูบ่ า้ ง แต่อนาคตที่ รอผมอยู่ทาให้พวกเขาปฏิเสธไม่ลง ปลายปี สามนั้นเองผมก็ขนเสื้ อผ้าข้าวของเล็กๆ น้อยๆ เข้าไปอยู่กับครอบครั วนี้ ไม่ตอ้ งขอเงิ นพ่อมาจ่ ายค่า เช่ า ที่ พกั ค่า อาหารค่ า หน่วยกิตอีกต่อไป ผมเขียนจดหมายไปบอกพ่อว่า ต่อไปนี้ไม่ตอ้ งส่ งเงินมาให้ผมอีก ผมมีงานทามีเงินใช้ดูแลตัวเองได้แล้ว ศิริเพ็ญคือภรรยาของผมในเวลานี้ ผมเรี ยนจบ ด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ งอย่างที่คิด ผมไม่ได้บอกพ่อกับแม่เรื่ องงานรับ ปริ ญญา ในวันรับปริ ญญาผมมีรูปถ่ายมากมายที่ถ่ายโดยศิริเพ็ญกับครอบครัวของ เธอ ในปี รุ่ งขึ้นผมสอบเข้ารับราชการได้ พ่อแม่ของศิริเพ็ญจัดงานยกน้ าชาตาม ธรรมเนียมจีน เชิญแขกเหรื่ อของพวกเขามาเป็ นสักขีพยานในการใช้ชีวิตคู่ของเรา พ่อกับแม่ของผมไม่ได้มาร่ วมงานยกน้ าชาของผม ปี ถัดไปเมื่อศิริเพ็ญตั้งท้องผมจึง พาเธอมาให้พ่อกับแม่เห็นหน้า ทั้งสองท่านได้แต่แสดงความยินดีกบั ผมเงียบ ๆ แม่ มองเราทั้งสองน้ าตาปริ่ ม ชีวิตข้าราชการของผมต้องถือว่ารุ่ งเรื องก้าวหน้าเป็ นอย่าง ดี ด้วยความเป็ นรุ่ นน้องที่รุ่นพี่เรี ยกง่ายใช้คล่องตั้งแต่ในมหาวิทยาลัย มาจนถึงใน กระทรวง อีกทั้งการเอาอกเอาใจผูห้ ลักผูใ้ หญ่ที่ฝึกฝนมาเป็ นอย่างดีของผม รวมเข้า กับศิริเพ็ญซึ่งรู ้จกั เข้าเจ้าเข้านาย คล่องแคล่วทั้งหน้าบ้านหลังบ้าน เป็ นได้ท้ งั คุณนาย ของลูกน้องและคนรับใช้ของนาย ผมจึงไต่เต้าในระบบราชการได้เสมอมา ตาแหน่ง สุ ดท้ายก่อนเกษียณของผมคือผูว้ า่ ราชการจังหวัดแห่งหนึ่ง นับว่าไม่เลวเลย “หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


“รวยรู ้ไหม ทาไมบุหงาไม่แต่งงาน” ผมเซ้าซี้ เอากับจรวย มี น้ าเสี ยงข่มขู่ นิดๆให้นอ้ งเกรง “ไม่ทราบค่ะ พี่บุหงาไปเรี ยนกรุ งเทพ ไม่ค่อยได้กลับบ้าน ไม่ค่อย ได้เจอกัน” จรวยยังคงแสร้งหยิบนู่ นฉวยนี้ ให้ดูยุ่ง จะได้ไม่ตอ้ งสบตาผม จรวยยก ห้องของเธอให้ผมพักเมื่อผมบอกว่าจะมาอยู่กบั แม่สักพัก ส่วนตัวเองไปนอนกับแม่ ห้องของจรวยมีหน้าต่างบานนั้นที่เปิ ดออกไปหาหน้าต่างบ้านของบุหงา ผมปราด ไปยืนที่หน้าต่าง พยายามมองให้เห็นหน้าต่างอีกบาน แต่ท้ งั สองบ้านมีร้ ัวตันไม้ก้ นั กลาง จรวยปลูกดอกเล็บมือนางยาวไปตามแนวรั้ว บังหน้าต่างบานนั้นเสี ยมิดชิด

“หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


เสี ยงพูดเบาๆ กันที่ห้องข้างๆ ในบ่ายวันหนึ่ ง ทาให้ผมต้องเปิ ดประตูห้อง ออกไปดู แม่กบั บุหงานัน่ เอง แม่นงั่ อยูบ่ นเก้าอี้หวาย บุหงานัง่ อยูท่ ี่พ้นื ข้างเท้า มือจับ ปลายเท้าแม่บีบนวดไปด้วยคุยไปด้วย ทั้งคู่พูดคุยกันสนิทสนมยิม้ แย้ม ไม่มีใครเห็น ผม “มนต์พระวัดไหนล่ะลูก” “วัดกลางทั้งหมดค่ะ หนูนิมนต์ไว้ ๕ รู ป ให้นา้ หลวง เป็ นประธานสงฆ์ พี่เณรชอบนาไหว้พระ” “ดีแล้ว โต๊ะหมู่ก็เอามาจากวัด อย่าลืม อาสนะ ผ้ากั้น นะลูกนะ แต่หวั วัดรู ้แหละว่าต้องเอาอะไรมัง่ ” “ค่ะหนูไปนิมนต์ท่าน เมื่อวาน ท่านว่าจะให้เด็กวัดกับเณรเตรี ยมไว้ให้ ตอนเย็นวันก่อนวันงานให้ใครไป เอามาจัดเสี ยให้เรี ยบร้อย พี่เณรชอบก็ว่าจะมาช่วยดูช่วยจัดค่ะ ” “ลูกสาวเอียดก็พอ ช่วยได้ เวลาเณรชอบติดอะไร ลูกสาวเอียดก็นาไหว้พระได้ เดี๋ยวนี้คนหญิงๆบ้านเรา เก่งๆหลายคน” ทั้งสองคนคงปรึ กษากันเรื่ องวันงานทาบุญบ้านของบุหงานัน่ เอง ผม กระแอมขึ้นมาเบาๆ เรี ยกความสนใจ “จัดงานวันไหน อย่าลืมเชิญเราด้วยนะ” บุหงา หันขวับมา ดูเธอจะตกใจไม่นอ้ ยที่เห็นผม “อ้าว เธอยังอยูร่ ึ ” “ก็บอกแล้วว่าจะมาอยูก่ บั แม่สักพัก” ผมเดินมานัง่ บนเก้าอี้ขา้ งๆแม่ “ทาบุญวันไหน หรื อ” “มะรื นนี้ ค่ะ มาบอกป้ าแร่ มให้ไปไหว้พ ระทาบุญ ถ้าเธอว่างก็เชิ ญนะ” “กี่ โมง” “นิ มนต์พระฉันเพลค่ะ พระฉันราวๆสิ บเอ็ดโมง ทาบุญบ้านก็ราวๆ สิ บโมง สวดบ้านแล้วพระฉัน ถ้าไปได้ก็ไปนะ” เธอชวนซ้ า แล้วขยับตัวพนมมือไหว้บนตัก แม่ ก่อนจะลุกขึ้น “หนูตอ้ งขอตัวกลับก่อน มะรื นนี้ป้าไปแต่เช้านะคะ ไปกินข้าวเช้า กับหนูเลยก็ได้ น้องรวยจะได้ไม่ตอ้ งยุ่งยาก เธอก็เหมือนกันนะ” เธอหันมาบอกผม “หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


“เดี๋ยวเราเดินไปส่ ง อยากไปเห็นบ้านเธอ เธอปรับปรุ งเยอะไหม” ผมเดินตามเธอ ออกมาเธออึกอักเล็กน้อย แต่ผมไม่รอฟั งคาปฏิเสธ รี บลงจากบ้านเดินไปบนถนน เข้าบ้านเธอ บ้านของเราอยู่ใกล้กนั มาก เพียงแต่ทางเข้าบ้านอยู่กนั ละทาง สมัยก่อนแม่ กับป้ าบุญแม่ของเธอจะมีทางลัดไปมาหาสู่ กนั ทางหลังบ้าน ตอนนี้ ก็ยงั อยู่ เป็ นรั้ ว ต้นไม้ที่ตอนแรกผมเห็นว่าหนาทึบ นัน่ เอง ที่จริ งแล้วเป็ นรั้วต้นไม้สองชั้นที่เจ้าของ ปลูกให้เหลื่อมกันอย่างฉลาดเพื่อไม่ให้คนเห็นว่าตรงนี้ เป็ นทางเดินไปมาหากัน ผม เดิ นตามหลังผูห้ ญิ งคนหนึ่ งที่ ค รั้ ง หนึ่ ง เกื อบทาให้ชีวิตของผมต้องล่มจมอยู่กับ ที่ ความอาวรณ์ ก่ อ นเก่ า กัด กิ น ใจจนพะว้า พะวัง เธอเป็ นรั ก แรกในวัย รุ่ น ของผม ความหลังมากมายทะลายทะลักเข้ามาในความคิด เราเดินตามกันมาเงียบๆ ไม่มีใคร เอ่ยปากกล่าวคาใดออกมา รอท่าทีของกันและกันอยู่เช่นนั้นจนมองเห็นตัวบ้านอยู่ ตรงหน้า บ้านหลังเล็กแตกต่างจากที่ผมเคยเห็นไปมาก จากบ้านไม้ใต้ถุนสู งมีนอก ชานกว้างยื่นมารับบันได มาตอนนี้ กลายเป็ นบ้านครึ่ งไม้ครึ่ งตึก สี ขาวคาดสี น้ าตาล ดา ดูสวยงาม แม้จะไม่ทนั สมัยแบบบ้านทัว่ ๆไป แต่ดูมีเสน่ห์น่าประทับใจ ตัวบ้าน เก่าถูกรื้ อออกไปบางส่ วน เสริ มปูนทาสี ขาวเป็ นชั้นล่างยื่นมาข้างหน้า มีบนั ไดทาง ขึ้นเล็กๆ บ้านไม้เดิมจึงกลายเป็ นชั้นสองของตัวบ้าน ทาสี น้ าตาลเข้มจนเกือบดา เธอ ชะงักเมื่อถึงพุ่มมะลิตรงเชิงบันได “ไม่ให้เราขึ้นเรื อนหรื อ” ผมถาม เธอลังเล “ไม่มี ใครอยู่” ไม่สมควรหรอกที่สาวโสดจะพาผูช้ ายมาบ้านและอยู่ดว้ ยกันตามลาพัง แต่ เราไม่ใช่แค่คนรู ้จกั แค่เพื่อนก็ยงั ไม่ใช่ ผมถือวิสาสะเดินผ่านเธอไปถอดรองเท้าวาง “หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


ไว้บนบันไดขั้นล่างสุ ด ก่อนก้าวขึ้นบันไดสี่ ห้าขั้นไปยืนรอที่ระเบียง เธอมองหน้า ผมนิ่ง ในที่สุดก็พยักหน้าเหมือนจะบอกว่า เอาไงเอากัน เดินผ่านผมไปไขกุญแจเปิ ด ประตู ให้ผมเข้าไปในตัวบ้า น ประตูไม้หนาหนัก เรี ยบๆสี น้ า ตาลเข้ม เผยให้ เ ห็ น ภายในบ้านหลังเล็กของเธอ ซ้ายมื อเป็ นห้องนั่งเล่นหน้าต่างยาวจรดพื้น ผนังทุก ส่ วนที่เหลืออัดเต็มไปด้วยหนังสื อ ผนังด้านหนึ่ งเธอเก็บไว้สาหรับรู ปภาพทั้งเล็ก และใหญ่ กลางผนังคือภาพเขียนตัวเธอในชุดเสื้ อสี เขียวมีผา้ สี แดงสองแถบที่ปก ใส่ หมวกสี เขียวมีรูปดาวสี แดงที่หน้าหมวก มือถืออาวุธสี ดามัน เบือนหน้ามองตรงไป ในทิศทางอื่นแลเห็นสันจมูกคม ใบหน้านั้นยังอ่อนเยาว์เกือบเหมือนกับบุหงาที่ผม เคยรักใคร่ ผมหันขวับมามองเธอ “เธอเป็ น ผกค.รึ ” บุหงาหัวเราะหึ ๆ “เธอนี่ เป็ น ข้าราชการตัวจริ งเลยนะ ยังเรี ยกคอมมิวนิ สต์ว่า ผูก้ ่อการร้ายอยู่เลย” เธอเดินไปเปิ ด หน้าต่างบานกว้าง ห้องเล็ก ๆ สว่างไสว ลมเย็นพัดเข้ามาเบาๆ “คิดเสี ยใหม่เถอะ พวกเราไม่ใช่ผกู ้ ่อการร้ายหรอก และถ้าจะว่าไปแล้วพวกเราเป็ นผูก้ ่อการดีเสี ยด้วย ซ้ า” “เธอไปเป็ น ผกค.ได้ยงั ไง” ผมยังไม่หายตกใจ

“หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


อาชี พข้าราชการฝ่ ายปกครอง สามสิ บกว่าปี ไต่เต้าทาความดีความชอบ จนถึงระดับผูว้ ่าราชการจังหวัด ในช่วง ๒๕๑๙ ถึง ๒๕๕๕ ของผม ผมได้รับการ ฝึ กอบรมมาไม่รู้กี่ค รั้ ง กี่ เรื่ องเกี่ ยวกับการก่ อร้ ายของคอมมิ วนิ สต์ กระทัง่ ไปเป็ น ปลัดอาเภอในเขตพื้นที่สีแดงหลายอาเภอในช่วงแรกๆ ของการรับราชการ ผมก็เคย มาแล้ว ผมไม่ มี ท างเปลี่ ย นใจว่ า คนพวกนี้ จะเป็ นคนดี ไ ด้ พวกนี้ ท าให้ พ วกเรา ข้าราชการทั้งทหารตารวจพลเรื อน บาดเจ็บล้มตายไปไม่รู้เท่าไหร่ ประเทศต้อง สู ญเสี ยไปมากมาย ทั้งงบประมาณ กาลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ ปฏิบตั ิการของ พวกมัน แต่ ล ะครั้ งล้ว นน ามาแต่ ค วามเสี ย หายให้ ป ระเทศชาติ พวกนี้ รั บ ค าสั่ ง โดยตรงมาจากจี นแดง ต้องการอย่า งเดี ย วคื อล้ม ล้างระบบการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริ ยเ์ ป็ นประมุข แล้วเอาเผด็จการคอมมิวนิสต์ที่มีจีน และรัสเซียเป็ นลูกพี่ใหญ่มาปกครอง เที่ยวหลอกลวงชาวบ้านตามชายแดนชายขอบ เข้ามาเป็ นพวกเป็ นพลพรรคสู้รบลอบกัดลอบฆ่าทหารตารวจที่ปกป้องประเทศ “ดื่มชานี่ดูสิ หอมหวานดี” เธอยกกาน้ าชาเล็ก ๆ ลวดลายดอกไม้สีฟ้าขึ้นริ น น้ าชาสี ทองใส่ ถว้ ยใบน้อยตรงหน้าผม แล้วเลื่อนจานขนมปั งบิสกิตชิ้นเล็กๆ มาให้ “ชาดอกไม้นะ หอมดี ชื่อชาดอกหอมหมื่นลี้” ผมชะงักมือที่กาลังจรดถ้วยชากับริ ม ฝี ปาก เธอให้ผมดื่มชาที่มีชื่อดอกไม้ของจีน แต่ชานั้นหอมชื่นใจอย่างไม่อาจปฏิเสธ แม้จะไม่มีรสชาติอนั ใดเลย ทว่าความหอมของกลิ่นดอกไม้ที่กระจายอยู่ในถ้วยชา ทาให้ชาหอมหวานอวลอยูใ่ นปาก ไหลเลื่อนลงลาคอจนรู ้สึกราวกับว่ากลิ่นหอมนั้น “หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


กระจายไปทัว่ ตัว “เธอไปเข้ากับพวกนั้นได้อย่างไร” ผมวกกลับมาเรื่ องเดิมเมื่อวาง ถ้วยชาลง แต่คราวนี้ ผมเปลี่ยนคาที่ใช้เรี ยก แม้จะยังคิดคาอื่นไม่ออก แต่ก็ไม่เรี ยก ตรง ๆ ให้ตอ้ งระคายใจกันอีก “เธอไม่ได้ไปเรี ยนต่อหรื อ” “เรี ยนสิ ” เธอตอบเรี ยบๆ “เราจบ มศ.ห้าแล้วไปเอนทรานซ์เข้าครุ ศาสตร์จุฬาฯ” “อ้อ” ผมเดาอะไรเกี่ยวกับเธอ ไม่ถูกเลยจริ งๆ“เราไปเรี ยนรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ” ผมบอก“เธอก็ทาได้ตามที่เธอ ฝันเอาไว้นะ เก่งจริ งๆ” “แล้วเธอเรี ยนจบหรื อเปล่า ไปเข้ากับพวกนั้นตอนไหน” ผมต้องรู ้เรื่ องนี้ ให้ได้ เธอ กับผมอยู่ร่วมช่วงเวลาเดีย วกัน แต่เหมือนไม่ไ ด้อยู่ เราไม่เคยเจอกัน เธอไปเป็ น คอมมิวนิสต์ ผมไปเป็ นข้าราชการ มันแยกห่างกันราวกับคนละโลก “ตอนสิ บสี่ ตุลา เธอเข้าร่ วมขบวนนักศึกษาเรี ยกร้องรัฐธรรมนูญหรื อเปล่า พี่เสกสรรค์เป็ นรุ่ นพี่เธอ ไม่ใช่หรื อ” เธอถามกลับมา “เปล่า เรากาลังจะสอบ เขาปิ ดห้องไม่ให้เข้าสอบ เรา กลัวแทบแย่ กลัวว่าจะไม่ได้เรี ยนต่อ มหาลัยปิ ดเราก็เลยไปอยู่บา้ นรุ่ นพี่ จนมหาลัย เปิ ดให้มาสอบเราก็มาสอบแล้วก็ เรี ยนต่อจนจบ เราได้เกียรตินิยมด้วยนะ” ผมอดที่ จะอวดตัวไม่ได้ แต่เธอทาเอาผมผิดหวัง บุหงาดูไม่ตื่นเต้นอะไรกับเกียรตินิยมที่ผม ภูมิใจ “เราไปเดินขบวนเมื่อสิ บสี่ ตุลา หลังจากนั้นเราก็ไปเป็ นอาสาสมัครเผยแพร่ ประชาธิ ปไตย แล้วก็ช่วยชาวนา กรรมกรโรงงานทอผ้าเคลื่อนไหว ออกไปตาม ชนบท ไปตามโรงงาน” “แล้วเธอไม่ได้เรี ยนต่อหรื อ” ผมสงสัยว่าเธอละทิ้งอนาคต เพื่อไปทากิจกรรมวุ่นวายที่ไม่ใช่เรื่ องของตัวเองได้อย่างไร “เรี ยนสิ เราเรี ยนจบ แต่ ไม่ได้เข้ารับพระราชทานปริ ญญานะ เสี ยตังค์ ” เธอพูดยิ้ม ๆ “จบแล้วทางานหรื อ “หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


เปล่า” ผมไม่ค่อยเข้าใจการใช้ชี วิตแบบนี้ ของคนหนุ่ มคนสาว ในวัยที่กาลังทางาน เมื่อมีโอกาสแล้ว ทาไมไม่ไขว่คว้าทาความฝันของตัวเองให้เป็ นจริ ง ยกระดับชีวิต สถานะของตัวเองให้สูงขึ้น “ทาสิ เราไปเป็ นอาสาสมัครในโครงการ บัณฑิตอาสา ของอาจารย์ป๋วย” “โครงการอะไร บัณฑิตอาสาอะไรเราไม่รู้จกั ” ผมไม่รู้จกั เลย จริ งๆ บุหงามองหน้าผมด้วยสี หน้าเรี ยบเฉย วูบหนึ่ งในดวงตาคู่น้ นั ผมเห็นประกาย สมเพช สมเพชผมรึ ผมเสี ยอีกที่ควรจะสมเพชเธอ ทาไมไม่รับราชการหรื อไปเรี ยน ต่อมาเป็ นอาจารย์ทาวิจยั บ้างอะไรบ้างตามมหาวิทยาลัยใหญ่ๆได้ท้ งั เงินและชื่อเสี ยง อย่างที่คนอื่นๆเขาทากัน เธอผุดลุกขึ้นยืน บอกกับผมง่ายๆว่า “พรุ่ งนี้ เธอมานะ พา ป้าแร่ มมากินข้าวเช้ากับเรา สายๆ ก็สวดมนต์ทาบุญบ้านเลี้ยงพระกัน” เธอเก็บถ้วย ชาที่เราดื่มกันเสร็ จแล้วใส่ ถาด เดินหายเข้าไปในอีกห้องหนึ่งซึ่งคงจะเป็ นห้องครัว ของเธอ “วันนี้ เราต้องขอตัวก่อน จะไปบอกญาติอีกสองสามคนให้มาทาบุญ เดี๋ยว จะมืดจะค่าเสี ยก่อน”

“หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


พระสวดมนต์ทาน้ ามนต์ประพรมไปทัว่ บ้าน ก่อนจะฉันเพลให้ศีล ให้พ ร แล้วกลับวัด แม่ครัวยกสารับอาหารออกมาเลี้ ยงญาติๆและเพื่อนบ้านใกล้ชิ ดที่ มา ร่ วมงาน ผมถูกเรี ยกให้ไปนัง่ บนพื้นรวมกลุ่มกับคนรุ่ นราวคราวเดียวกันที่ลว้ นเป็ น เพื่อนเล่นยางวง ทอยกอง ช้อนปลากัด และอาบน้ าคลองมาด้วยกันเมื่อผมยังเป็ นเด็ก หลายคนผมจาไม่ได้ หลายคนพอมีเค้า แต่ละคนดูแก่กร้านผมหงอกขาว บางคนก็ หัวล้านโล่ง ฟันไม่ครบ ทุกคนยิม้ แย้มทักทายผม ตักข้าวใส่ จานจนพูนส่ งไปรอบวง “น้าแร่ มว่ามึงอิหล็อบมาอยู่บา้ นเหรอหรัด ” คนหนึ่ งใช้สรรพนามที่ทาเอา ผมสะอึ ก ถ้า เป็ นเมื่ อหลายปี ก่ อ นที่ ผ มยัง รั บ ราชการอยู่ ชายลัก ษณะนี้ ม าติ ด ต่ อ ราชการคงไม่มีโอกาสได้พบผม พวกเลขาหน้าห้องหรื อเสมียนคงเก็บไปหมด ผม ได้ชื่อเรื่ องการวางระเบียบกฎเกณฑ์ในการคัดกรองคนและงาน “ว่าจะลองดูก่อน” ผมตอบแบบเก็บปากเก็บคา “มาแล้ บ้านเราน่าอยู่อิตาย” อีกคนเสริ มขึ้น คนโน้นพูด ทีคนนี้พูดทีดว้ ยเสี ยงดังราวกับอยูค่ นละมุมสนาม ข้าวถูกตักเข้าปากคาแล้วคาเล่าไป ด้วยกัน ผมทนสะกดกลั้นความผะอืดผะอมเอาไว้ หางตาเหลือบมองไปทางบุหงา วันนี้ บุ หงาอยู่ใ นชุ ด ผ้า ลายสี เขี ยวเสื้ อลูก ไม้ข าว ดู ผุดผ่องสดใส ยิ้ม แย้ม พูดจาทักทายคนโน้นคนนี้ ดว้ ยท่าทางเป็ นกันเอง มีความสุ ขและเป็ นธรรมชาติ โชค ดีที่อดีตเพื่อนพวกนี้ ของผมกิ นเร็ ว อิ่มเร็ ว ทาให้ผมไม่ตอ้ งทนมากนัก ไม่นานคน หนึ่ งในวงก็ตะโกนขึ้นมาว่า “ยังหนมหวานไหรกินมัง่ ล่ะแม่ครัว ยกมาได้แล้วล่ะ” ผมอิ่มพร้อมกับพวกเขาแม้จะกลืนข้าวไปได้ไม่กี่คา ปฏิเสธของหวานแล้วเสเดินไป “หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


หาแม่ซ่ ึ งนัง่ สารับเดียวกับจรวยและบุหงา “อิ่มข้าวแล้วหรื อ” บุหงาขยับที่ให้ผมนั่ง ข้างๆเธอ วันนี้ ดูเธอผ่อนคลายกับผมขึ้นมาก “เอาอะไรเพิ่มไหม ผลไม้หรื อกาแฟดี” “ขอกาแฟก็แล้วกัน อเมริ กาโน่นะ” ผมตอบรับไมตรี ที่ยื่นมาด้วยประโยคเคยชินติด ปาก บุหงากลั้นยิ้ม ก่อนจะบอกกับผมว่า “ไม่มีหรอกค่ะท่าน มีก็แต่กาแฟสาเร็ จรู ป ไม่ใส่ นมไม่ใส่ น้ าตาล จะรั บไหมคะ” “อะไรก็ได้” ผมรู ้สึกเขินเล็กน้อยกับคาพูด ล้อเลียนนั้น บุหงาลุกเดินเข้าไปข้างใน เพื่อเอาถ้วยใส่ กาแฟพร้อมจานรองมาวาง ตรงหน้าผมก่ อนจะเดิ นออกไปทางหน้าบ้าน สักครู่ จึงกลับเข้ามาพร้ อมผูช้ ายวัย เดียวกันผิวขาวตัวสู งใหญ่หน้าตาดี เธอแนะนาให้ชายคนนั้นรู ้จกั แม่และญาติผใู ้ หญ่ ที่ นั่งอยู่ด้วยกัน ก่ อนจะหันมาแนะนาผม “เพื่อนเรา คุณปราการ มาจากกรุ งเทพ” แล้วหันไปบอกคุณปราการว่า “เพื่อนเก่ าค่ะ คุณจรั ส บ้านเราอยู่ใกล้กัน” เธอไม่ แนะนาตาแหน่งแห่งที่ของทั้งเขาและผมให้แก่กนั คุณปราการทรุ ดตัวลงนั่งพับเพียบสนิ ทสนมกับทุกคนในวง บุหงาคดข้าว ใส่ จานส่ งให้ เขาก็รับมาตักกินร่ วมวงกับคนอื่นง่ายๆ ผมเดาไม่ออกว่าเขาเป็ นใคร หรื อจะเป็ น “ผูช้ าย” ของบุหงา ท่าทางของชายคนนี้ ดูไปคล้ายบุหงามาก บุคคลิกดี มารยาทงาม ยิ้ม แย้ม แจ่ ม ใส พู ดคุ ย เป็ นกันเองกับ ทุ ก คนได้รวดเร็ วด้วยภาษาใต้ แปร่ งๆ จนกระทัง่ วงอาหารทุกวงเลิกรา แต่ละคนต่างเลือกจับกลุ่มพูดคุยกันเองตาม ความสนิ ทสนม ผมจึงได้มีโอกาสสนทนากับคุณปราการ “บ้านคุณอยู่แถวนี้ หรื อ ครับ” เขาถามผม

“หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


“ไม่ใช่ครับ บ้านผมอยู่กรุ งเทพ บ้านพ่อแม่ผมอยู่ตรงนู้น ” ผมชี้ ไปยังทิ ศที่ต้ งั ของ บ้าน “ผมกลับ มาเยี่ยมแม่ ” “อ้อ ถ้า อย่า งนั้นคุ ณก็ โตมาพร้ อมๆกับ คุณบุหงาสิ นะ เรี ยนอยู่โรงเรี ยนเดียวกันด้วยหรื อเปล่า ” “ครับ ตอนช่วงวัยรุ่ นเราสนิทกันมาก” ผม เลือกตอบและเลือกบอก เขามองหน้าผมแล้วยิ้ม “แล้วไม่ได้เจอกันเลย ใช่ไหม” ก่ อนที่ ผมจะตอบความเขาก็ เอ่ย แนะนาตัวเองเสี ยก่ อนว่า “ผมเป็ นสหายเขตงาน เดียวกับคุณบุหงา ตอนนี้ทาธุรกิจเล็กๆเกี่ยวกับไอทีอยูก่ รุ งเทพ วันนี้นดั กันกับสหาย หลายคนว่าจะมาพบปะสังสันทน์เปิ ดบ้านใหม่ของคุณบุหงา สักเดี๋ยวคงทะยอยกัน มา ถ้าไม่มีธุระอะไร อยู่คุยกับพวกเรานะครับ ” “คุณปราการ คุณปราการ คุณน้ ากับ คุณปลามาแล้วค่ะ” บุหงากลับเข้ามาร้องเรี ยกเบาๆ “ผมขอตัวก่อนนะครับ อย่าเพิ่ง กลับนะ” เขากาชับ ก่อนจะพาร่ างสู งผึ่งผายเดินตามบุหงาออกประตูหน้าบ้านไป

“หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


สายตาของพ่อที่มองมาอย่างเชื่อมัน่ ริ มฝี ปากบางของแม่ที่ดูเหมือนจะแย้ม ยิ้มเอ่ยคาอยู่ตรงหน้า ผมตะลึงมองราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน ภาพตรงหน้าเป็ นภาพ ของผมเองในชุดข้าราชการเครื่ องแบบเต็มยศ เสื้ อขาวกางเกงดา ประดับอินทรธนู และเหรี ยญราชอิสริ ยาภรณ์ แต่ดวงตาที่มองมานั้น คือดวงตาของพ่อภายใต้สันคิ้ว หนา จมูกและปากก็เป็ นของแม่อย่างชัดเจน ผมเข่าอ่อนรู ดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ หน้า ภาพนั้น ตัวเบาหวิว หู ได้ยินเสี ยงแม่ ตาเห็ นบ้านหลังเล็กกลางสวนมะพร้ าวของ ครอบครัวเรา ภรรยาของผมติดภาพนี้ กลางผนังห้องโถงของบ้าน หันหน้ามาทาง ประตูทางเข้า เพื่อให้ใครก็ตามที่ย่า งเท้า เข้ามาในบ้านหลัง นี้ ไ ด้เห็ นภาพอัน ทรง เกียรติของเจ้าของบ้าน และหากนั่งลงบนเก้าอี้ตวั แรกก็จะประจันหน้ากับภาพนั้น อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง ผมเหม่อมองภาพนั้นเหมือนไม่ใช่ภาพของตัวเอง วันนี้ผมไปธรรมศาสตร์ ตามคาเชิญชวนของเพื่อน บุหงาที่พบกันในวันงาน ขึ้นบ้านใหม่ เขาบอกกับผมว่า “ถ้าคุณไม่รู้เหตุผลว่าทาไมบุหงาถึงเข้าป่ าไปร่ วมมือ กับพรรคคอมมิวนิ สต์ วันที่หกตุลาที่จะถึงนี้ คุณควรไปดูงานราลึกหกตุลาที่มหาลัย ธรรมศาสตร์ ” ความรู ้ สึกต่อบุหงาติ ดตรึ ง กลางใจผมอย่างถอนไม่ข้ ึ น ราวกับ ว่า ความสัมพันธ์ในครั้งนั้นซุ กซ่ อนหยัง่ รากอยู่ตรงไหนสักแห่ งที่ลึกและแน่นเหนียว พอไปแตะมันเข้าก็พลุ่งโพลงเหมือนยังอยู่ในห้วงยามนั้น เหมือนจะเดินไปหาเธอ แล้วจับมือพากันโลดแล่นไปด้วยกันได้อีก ไม่ว่าทาอะไรอยู่ใ จผมมัก จะไพล่ไ ป คิดถึงเธอ อยากรู ้ทุกเรื่ องราวในวันเวลาที่เราห่างกัน “หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


ความรับรู ้ใหม่ในวันนี้ เรื่ องราวที่ได้พบได้เห็นได้ยนิ ได้ฟังในช่วงเวลาสั้นๆ ที่อดั แน่นไปด้วยสิ่ งที่แตกต่างอย่างสิ้ นเชิงกับที่เคยรู ้ ทาให้ผมงุนงง มันไม่ควรเกิด ขึ้นกับชายวัยเกษียณที่เคยเป็ นข้าราชการระดับสู ง ผมไปปรากฏตัวที่หน้าหอประชุม ใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ต้ งั แต่เช้าตามคาแนะนาของเพื่อนหน้าใหม่คนนั้น ได้ เห็นผูค้ นหลากหลายทั้งวัยและการแต่งกายที่บอกได้ว่าคนละระดับคนละที่มา พวก เขาทักทายจับมือกอดคอกันสนิ ทสนม ชวนกันใส่ บาตร ชวนกันกินข้าวที่พวกเขา เอามาเลี้ ยง แล้ววางดอกไม้สีขาวบนแท่นหิ นคาว่า ๖ ตุลา ๒๕๑๙ ที่ประดับด้วย ดอกไม้สีแดงสี เหลืองสี ขาว มีการกล่าวคาปราศรัยเรื่ องเหตุการณ์เข่นฆ่ากลางมหา ลัย ผมมึนงงไม่เข้าใจ มันกลับตาลปัตรกับสิ่ งที่ผมรู ้มาก่อน ถึงอย่างไร ตอนบ่ายผมก็ยงั ไปเดินตามอาจารย์กลุ่มหนึ่งที่เล่าเรื่ องตั้งแต่ ๑๔ ตุลา ๑๖ มาจนถึง ๖ ตุลา ๑๙ ในธรรมศาสตร์ อาจารย์หนุ่มเล่าให้ทุกคนฟั งว่าความ รุ นแรงที่นกั ศึกษาถูกกระทานั้นเนื่ องมาจากเหตุผลเดียว นัน่ คือการปราบปรามความ คิดเห็นที่แตกต่าง และนักศึกษาคือผูน้ าความคิดที่แตกต่าง แม้ผมจะมัวยุง่ อยูก่ บั เรื่ อง ของตัว เอง ทั้ง การเรี ย น การท าตัว ให้ ใ ครๆยอมรั บ และมุ่ ง มั่น เพื่ อ จะได้เ ป็ น ข้าราชการระดับสู ง แต่ผมก็ได้เห็นการชุมนุ มของนักศึกษาและชาวนาชาวไร่ ใน มหาลัยนับครั้งไม่ถว้ น ได้เห็นชาวบ้านยากจนเหมื อนๆกับญาติพี่น้องในบ้า นเกิ ด ของผมมานัง่ มากินมานอนอยู่ในสนามฟุตบอลบ้าง สนามหลวงบ้าง หลายต่อหลาย ครั้ ง เพี ย งแต่ ผ มไม่ไ ด้ใส่ ใ จ ไม่ คิ ดว่า เป็ นเรื่ องที่ ค วรยุ่งเกี่ ยว ๆ ในเวลานั้นการที่ “หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


เพื่อนๆ ซึ่ งเรี ยนเก่งไม่เข้าเรี ยนหลายๆ คน กลับเป็ นเรื่ องดีสาหรับผม เพราะจะดัน ให้เกรดของผมดีข้ ึน ผมคิดอย่างนั้นจริ งๆ แม้เมื่อเรี ยนจบและรับราชการแล้ว ผมก็ ไม่เคยมองเห็นว่าชาวบ้านจะต้องเดือดร้อนอะไรไปทาไม ทุกอย่างนั้นดีอยู่แล้ว ถึง เวลารัฐบาลก็จดั การให้ ขอให้แต่ละคนทางานของตัวเองอย่าขี้เกียจ เป็ นชาวนาก็ ขยันขันแข็งทานาไป เป็ นชาวสวนก็ดูแลพืชผลให้ออกดอกออกผล เป็ นเด็กก็เรี ยน หนังสื อให้เก่ งๆ เรี ยนสู งๆ จะได้เป็ นเจ้าเป็ นนาย หนทางมี อยู่แล้วสาหรั บทุกคน ขอให้ทาตัวดีๆ อย่าเกะกะเกเรทาผิดกฎหมายบ้านเมืองก็พอ แต่เรื่ องจริ งที่เกิดขึ้นเมื่อหกตุลา หรื อกระทัง่ สิ บสี่ ตุลา การปราบปรามอย่าง โหดร้าย ภาพเด็กหนุ่มเด็กสาวที่ถูกเข่นฆ่าและทาทารุ ณ ทาเอาผมแทบไม่เชื่อสายตา ตัวเอง ภาพจากจอในนิ ทรรศการเป็ นภาพที่ผมไม่เคยเห็น เสี ยงสะอื้นอย่างกลั้นไม่ อยู่ของใครบางคนดังขึ้นข้างหลัง “น้องชายฉัน” เธอชี้ภาพเด็กวัยรุ่ นผอมบางที่เลือด อาบหน้า นอนแน่ นิ่ง อยู่บนพื้นในภาพนั้น ผมกลับออกมาจากธรรมศาสตร์ ด้วย หัวใจที่หนักอึ้ง นึ กถึงความทารุ ณโหดร้ายที่พบเห็นมา คิดถึงคาพูดของอดีตสหาย เพื่อนบุหงา ที่บอกว่า “พวกเราถูกอานาจรัฐปราบ ถู กตาม ถูกจับ ถูกฆ่า เพียงเพราะ พวกเราต้อ งการความเท่ า เที ย มให้ กับ ทุ ก คน ต้อ งการให้ ทุ ก คนได้กิ น ดี อ ยู่ ดี เหมือนๆกัน ไม่ใช่คนจนยิ่งจนลง คนรวยยิ่งรวยขึ้น และนับวันคนจนก็ยิ่งมากขึ้น เพราะคนรวยหยิบมือเดียวปล้นชิ งขูดรี ดเอาไปจนเหลือให้คนส่ วนใหญ่ที่ยากจน เพียงน้อยนิด คนรวยกดขี่พวกเราไว้ดว้ ยอานาจ พวกคนรวยมีอานาจรัฐในมือสมคบ กับทหารตารวจปราบปรามคนจนไม่ให้เงยหน้าอ้าปาก ถ้าพวกเราไม่ต่อต้าน พวก “หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


เขาจะไม่มีวนั ปล่อยมือ” แต่ถา้ ต่อต้านแล้วถูกเข่นฆ่าปราบปรามอย่างนั้น มันจะคุม้ หรื อ ชีวิตแต่ละคนจะยอมสู ญเสี ยไปได้อย่างไร สู้พยายามสร้างฐานะของตัวเองด้วย ความขยันหมัน่ เพียรไม่ง่ายกว่าหรื อ “พวกเราจึงเข้าป่ าไปร่ วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ พรรคมีปืนมีอาวุธ เราจะต้องสู้กบั พวกถืออาวุธด้วยอาวุธถึงจะชนะ” แต่ก็ไม่ชนะ ในที่สุดทุกคนก็ตอ้ งยอมจานน แม้แต่พรรคคอมมิวนิสต์เองก็ตอ้ งพากันกลับมาอยู่ ในสังคมแบบเดิม “การต่อสู ้ครั้งนั้นถือว่าฝ่ ายประชาชนพ่ายแพ้ แต่คุณเชื่อผมเถอะ มันจะยังมี การต่อสู้อีก ตราบใดที่ประชาชนไม่ได้รับความเป็ นธรรม ตราบใดที่คนจนจนลงแต่ คนรวยรวยขึ้น ความห่ างระหว่างความรวยกับความจนที่ มากขึ้นเรื่ อยๆ เป็ นแรง กดดันที่ทาให้คนจนต้องทาอะไรสักอย่างเพื่อให้ตวั เองอยู่ รอด มันเป็ นสัญชาติญาณ ของมนุษย์ ไม่วา่ ที่ไหน ยุคสมัยใด ถ้าไม่มีความเป็ นธรรม ความขัดแย้งจะต้องปะทุ” เขาทิ้งท้ายไว้ให้คน้ หา ที่ไหน เมื่อไหร่ และอย่างไร ที่มนุษย์เข่นฆ่ากัน ผม นึกถึงประกายในดวงตาของบุหงาที่มองผมวันนั้น

“หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


“อ้า ว นั่ง ท าอะไรอยู่มื ดๆ ท าไมไม่ เปิ ดไฟ กิ นอะไรมาหรื อยัง ” ผมสลัด ความคิดออกไปเมื่อได้ยินเสี ยงทักมาจากด้านหลัง ไม่รู้ว่าตัวเองนัง่ จมอยู่ตรงนี้ นาน เท่าใด ไฟฟ้ากลางห้องถูกเปิ ดสว่างจ้า ข้างนอกสลัวมัวหม่นลงแล้ว แสงซีดๆของไฟ ถนนส่ องกระทบพื้นแลดูซึมเซา “หากินเองนะ ฉันกินมาจากข้างนอกแล้ว ขอไปพัก ก่อน เหนื่ อยจังเลยวันนี้ พรุ่ งนี้ มีงานสมาคม....” เสี ยงนั้นแว่วจางหายไปพร้อมกับ ร่ างที่ข้ ึนบันไดลับสายตา ผมเงยหน้าขึ้นสบตาพ่อและยิ้มให้แม่ในภาพของตัวเอง ก่ อนจะลุ ก ขึ้ นไปหยิบ รองเท้า มาสวม เดิ นออกไปที่ ถ นนหน้า บ้า น แสงระหว่าง รอยต่อของกลางวันกับกลางคืนนั้นหมองมัวไร้สี แสงประดิษฐ์ที่สาดลงมายังสว่าง ได้ไม่เต็มที่ แสงธรรมชาติของดวงอาทิตย์ที่ลบั ไปแล้วยังรางๆ ถนนในหมู่บา้ นยาม พลบค่ า เงี ย บสงบ นานๆจะมี ร ถขับ ผ่ า นเขาไปไม่ เ ร็ ว นัก มี ค นใส่ ก างเกงขาสั้ น รองเท้ากีฬา มาเดินออกกาลังกายบนทางเดินเท้าบ้าง มีอยู่สองสามคนเป็ นคนคุน้ หน้า แต่ไม่เคยทักทายกัน ต่างคนต่างมีโลกของตัวเอง หลายคนอยูใ่ นวัยใกล้เคียงกับ เขา ทากิ จวัตรนี้ ซ้ าๆซากๆเช่ นเดี ยวกับเขา ความรู ้ สึกเบื่ อหน่ าย หมดกาลังใจเริ่ ม คุกคามเขาอีกครั้ง เงาตะคุ่ม ๆ ใต้พุ่มไม้ที่แสงสว่างส่ องไม่ถึงทาให้เขารู ้สึกเวิ้งว้าง เหมือนมีเพียงเขาอยูค่ นเดียวบนโลกใบนี้ เกษียณราชการออกมาสองปี แรก ชีวิตเป็ นไปตามแผนที่วางไว้ เขาได้รับ การทาบทามให้เป็ นกรรมการที่ปรึ กษาของบริ ษทั ใหญ่ที่เป็ นเจ้าของอุตสาหกรรม ระดับ ประเทศแห่ ง หนึ่ ง รั บ เงิ นเดื อนและเบี้ ย ประชุ ม ค่ อนข้า งสู ง โดยไม่ ต้องไป “หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


ทางาน มีหน้าที่ตอ้ นรับดูแลเจ้าหน้าที่ทางการที่แวะมาเยี่ ยมโรงงาน หรื อบางครั้งถ้า มีไลน์การผลิตใหม่ๆ เขาก็เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศกับพวกท่านเหล่านั้น ทาให้ เขาและศิริเพ็ญได้เดินทางไปมาเกือบรอบโลก มีชีวิตหรู หราพอสมควร แต่หลังจาก การเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ตาแหน่งของเขาก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็ นนายทหารใหญ่ ชื่อของ เขาถูกลบออกโดยไม่มีการบอกล่วงหน้า ศิริเพ็ญพยายามทุกวิธีที่จะเอาฐานะนั้นคืน มา แต่ไม่เป็ นผล ทาให้เธอเป็ นฟื นเป็ นไฟเอากับเขาที่ไม่สามารถรักษาลาภครั้งนี้ไว้ ได้ ชี วิตครอบครัวเริ่ มห่ างเหิ นเมินเฉยต่อกัน ลูกชายหญิงของเขามีครอบครัว ของตัวเองแล้วก็แยกบ้านไปอยู่กบั ครอบครัวนานแล้ว ไม่ บ่อยนักที่จะมารวมกันใน วาระพิเศษ ทุกคนรี บมารี บกลับ เขามองเห็นตัวเองในตัวลูกๆ ลูกๆ ก็เหมือนเขา สนใจแต่เรื่ องของตัวเอง ไม่สนใจใครอื่นแม้แต่เรื่ องของพ่อแม่ ศิริเพ็ญ ยังโลดแล่น พยายามเกาะกลุ่มกับบรรดาภริ ยาข้าราชการผูใ้ หญ่ นักธุรกิจใหญ่ และลากจูงเขาไป กับเธอ แต่ไม่ค่อยประสบความสาเร็ จนัก เขารู ้เหตุผลดี และเบื่อการพินอบพิเทาเอา ใจคนที่ครั้งหนึ่ งคือคนที่ตอ้ งมาขอร้องเขาให้ช่วยกระทัง่ บางคนคือลูกน้องเก่า ใน ที่ สุ ด เขาก็ ป ฏิ เสธการออกงานทุก อย่าง เขายัง มี หนทาง ทางเก่ า แต่ สุขใจ นั่นคื อ กลับไปบ้านเกิด แต่การกลับบ้านเกิดคราวนี้ ไม่เหมือนที่เขาหวังไว้ ไม่เหมือนที่เขา เคยเห็นในยามนอนหลับฝันดีอีกแล้ว บ้านเปลี่ยนไป พ่อผูเ้ ป็ นความมัน่ คงของเขาไม่อยู่แล้ว แม่ผูเ้ ป็ นความอบอุ่นใจยังอยู่ แต่ก็ เกรงใจเขาปฏิบตั ิต่อเขาเหมือนคนแปลกหน้าเหมือนเขาเป็ นเจ้าเป็ นนาย น้องคน “หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


หนึ่ งไปอยู่ต่างถิ่นและไม่มาสุ งสิ งกับเขา ส่ วนน้องอีกคนก็เอาแต่หลบเลี่ยงไม่ชอบ สนทนากับเขา พี่ชวน พี่ชายที่เคยพิงใจ ผูซ้ ่ ึงเข้าใจวัยหนุ่มกระทง ฟังเขากระซิบเล่า ความลับคับอกต่างๆ นานาได้เสี ยชีวิตไปแล้วเมื่อหลายปี ก่อน เพื่อนฝูงที่เคยร่ วมเล่น ร่ วมซุ กซนซอกซอนไปตามรวยหญ้าหนองนาต่างแก่ เฒ่ าร่ วงโรยพูดจากันคนละ เรื่ อง เพื่อนมัธยมในเมืองก็เอาแต่อวดลูกอวดหลานแข่งบารมีความร่ ารวยเงินทอง กัน ญาติใกล้ญาติไกลจากันไม่ได้ เขาไม่รู้สึกสนิทสนมกับบ้านเกิด ไม่สนิทสนมกับ ใคร อึ ดอัดรั งเกี ยจที่ จะต้องเสวนากับ คนเหล่านั้น เขากลายเป็ นปลาผิดน้ า สาลัก บรรยากาศดั้งเดิมในสายเลือดของตัวเอง ในใจมีแต่อารมณ์ขดั ข้องหงุดหงิดไม่เป็ น สุ ข ต้องอดทนอดกลั้นที่จะกินอยู่นอนหลับในบ้านที่เคยเติบโต การได้พบกับบุหงา ผูห้ ญิงที่ผ่านรักแรกรุ่ นมาด้วยกัน แล้วแยกย้ายพาตัวเองเดินไปบนเส้นทางชี วิตที่ แตกต่างกันเกือบจะสิ้ นเชิง สะท้อนภาพของเขาหลายเรื่ องได้ชดั เจน บุหงาดูสุขสงบ อบอุ่นอยู่ในบ้านเกิ ด มีญาติมีมิตรมี อดี ตสหายห้อมล้อมดูแลเอื้ ออาทร เธอดูสนิ ท สนมกลมกลืนกับพวกเขา เขารู ้ว่าตัวเองพลาดอะไรที่มีค่าสมควรได้ ไปมากมาย หลายอย่างไม่อาจหวนคืน นึกแล้วให้เสี ยดายใจแทบขาด ถ้าเพียงแต่เขามองอีกมุม และทาอีกแบบ เรื่ องจะไม่เป็ นอย่างนี้ เขาอยากคิดให้ออกว่าวันพรุ่ งนี้ มะรื นนี้ เดือน หน้า ปี หน้าถัดๆ ไป ชี วิตเขาจะเป็ นอย่างไร ฟ้ ามืดสนิ ท เงยหน้าขึ้นมองไปไม่เห็น แสงเดือนแสงดาว มีก็แต่โคมไฟส่องถนนแสงสลัวที่สาดมัวๆลงมาสร้างเงาสี จางใต้ ต้นไม้ เขาเดินกลับเข้าบ้าน เปิ ดตูเ้ ย็นใบใหญ่ หยิบอาหารกล่องสาเร็ จรู ปออกมากรี ด

“หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


ฝายัดใส่ เตามหัศจรรย์ รอเวลาสามนาทีเพื่อจะได้กินข้าวผัดกะเพราหมูที่ รสชาติ เหมือนกันทุกกล่อง จบ

“หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


ผูห้ ญิงร่ างเล็ก ๆ ผอมบาง ผมสี ดอกเลา บุคลิกคล่องแคล้วว่องไว ร่ าเริ ง หากในแววตานั้นมุ่งมัน่ มัน่ คง เธอไม่เคยเป็ นครู ที่พร่ าสอนใครเพียงวาจา แต่ทุก ท่วงท่าการกระทา ล้วนเป็ นแบบอย่างของความรักต่อสรรพสิ่ งรอบตัว ไม่ว่าจะเป็ น ผืนน้ าแผ่นฟ้า ต้นไม้ใบหญ้าแม้แต่เพื่อนมนุษย์ “รัตนพร เตชะรัชต์กิจ”

“หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


“หน้าต่างบานเก่าทีบ่ า้ นเกิด” โดย รัตนพร เตชะรัชต์กิจ


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.