13
หนทางปฏิรูประบบประกันสุขภาพ ใครได้ประโยชน์?
การค งไ ว้ ทั้ ง 2 ระบบเ ช่ น นี้ ผู้ ป ระกั น ตนก็ ไ ม่ ไ ด้ ประโยชน์ เพราะยังต้องจ่ายเงินอยู่กลุ่มเดียว เงินจ่ายสมทบ ทุกเดือนกไ็ ม่ได้ใช้ เพราะไม่ค อ่ ยเจ็บป ว่ ย เมือ่ ต อ้ งการใช้ต อน สูงอ ายุก ถ็ กู ย า้ ยไปอยูร่ ะบบอนื่ คนสว่ นใหญ่ในระบบบตั รทอง ก็ ไ ม่ ไ ด้ ป ระโยชน์ เพราะไ ม่ มี ก ลุ่ ม ค นที่ แ ข็ ง แ รงม าเ ฉลี่ ย ความเสี่ยงด้วย ค่าใช้จ่ายที่รัฐต้องจ่ายเฉลี่ยต่อคนก็สูงขึ้น ทางเลือกของโรงพยาบาลก็จำกัด เพราะไม่มีโรงพยาบาล ไหนอยากดูแลเด็ก หรือผู้สูงอายุที่มีค่าใช้จ่ายสูง ค่าบริหาร จัดการรัฐบาลก็ต้องจ่ายทั้งสองหน่วยงาน ขาดประสิทธิภาพ ทั้งระบบ ไม่ว่าเรื่องนี้ประโยชน์จะตกอยู่กับใคร คงไม่ใช่เรา ประชาชนส่วนใหญ่แน่ๆ
สรุปแล้วร ูปแบบใดดีที่สุด?
ไม่มคี ำตอบสำเร็จรูปว นั น วี้ า่ ร ะบบใดหรือร ปู แ บบใดจะดที สี่ ดุ ขึน้ อ ยูก่ บั บ ริบทของ สังคม ความเข้าใจของผู้คนการเมือง ซึ่งอาจจะต้องพึ่งพาทั้ง 2 ระบบไปก่อน ในแวดวงนกั ว ชิ าการเชือ่ ว า่ การมรี ะบบเดียวแบบภาคบงั คับจ ะเป็นการเหมาะสม ที่สุดไม่ว่ากับชาติไหนๆ เพราะในหลายๆ ประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ยุโรป ละติน อเมริกา ต่างก็เคยมีหลายระบบ แต่สุดท้ายก็จบที่รวมเป็นหนึ่งเดียว เพราะสามารถรวม และเฉลีย่ ค วามเสีย่ งได้ด ที สี่ ดุ มีป ระสิทธิภาพทสี่ ดุ ทุกค นได้ร บั ก ารดแู ลภายใต้ม าตรฐาน เดียวกัน ใช้งบบริหารจัดการเพียงหน่วยงานเดียว ไม่ซ้ำซ้อน อีกท งั้ ย งั ม อี ำนาจตอ่ ร องกบั โรงพยาบาลได้ส งู โรงพยาบาลทเี่ คยดแู ลผปู้ ระกันต น ที่แข็งแรงกลุ่มเดียวก็ต้องเข้ามาดูแลคนกลุ่มอื่นๆ ด้วย และหากรวมทั้ง 2 ระบบได้ จริง การเฉลี่ยกลุ่มไม่ป่วยคือผู้ประกันตนเข้ากับระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้านั้น ในเบื้องต้นรัฐสามารถประหยัดงบประมาณทันทีกว่าหมื่นล้านบาท
ความทุกข์ของผู้ประกันตน โรงพยาบาลไม่ยอมส่งต่อ จนแพ้ยารุนแรง
อังศ น า (นามสมมุต)ิ อายุ 28 ปี สาวโรงงานผลิตก ล้องถา่ ยรปู มีอ าการ ผื่นคันขึ้นทั่วตัว เหมือนเป็นลมพิษ ได้เข้ารักษาที่โรงพยาบาลตามสิทธิประกัน สังคมตลอด แต่ไม่หาย จนมีอาการรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งตั้งครรภ์ แพทย์ วินิจฉัยว่าอาจเป็นเพราะครรภ์เป็นพิษ เมื่อคลอดแล้วจะหายเอง แพทย์จึงให้กลุ่มยาแก้แพ้ แก้ผื่นคัน และยากดภูมิคุ้มกัน แต่อาการ ก็ยังหนักขึ้นเรื่อยๆ หลังคลอดลูกอาการก็ไม่หาย เธอต้องการไปรักษาที่ โรงพยาบาลอื่น แต่ทางโรงพยาบาลไม่ยอมออกใบส่งตัวให้ พร้อมเหตุผลว่า ยังรักษาได้ หลังจ ากนนั้ ทีมแ พทย์เริม่ พ งุ่ เป้าไปทโี่ รคธาลสั ซ เี มีย แต่ไม่พ บ จึงว นิ จิ ฉัย ต่อไปวา่ อาจเป็นร มู าตอยด์ แต่ก ต็ รวจไม่พ บเช่นก นั ระหว่างนนั้ ก ใ็ ห้ย ากลมุ่ เดิม ตลอด ในทสี่ ดุ ผ ปู้ ว่ ยกเ็ กิดอ าการชอ็ ก ไข้ข นึ้ ส งู ตัวบ วม มีอ าการปวดรนุ แรง แม้ ฉีดยามอร์ฟีนก็ไม่สามารถระงับปวดได้ หลังจ ากรกั ษาอยูใ่ นโรงพยาบาลเดิม 3 วัน จนญาติท นไม่ไหว โต้เถียงกบั โรงพยาบาลให้ส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช จนโรงพยาบาลยอมส่งต่อ ในสภาพทผี่ ปู้ ว่ ยหมดสติ ผิวหนังบ างสว่ นเน่าเฟะ เธอไปถงึ โรงพยาบาล ศิริราช นอนสลบไป 3 วันเต็ม แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นภาวะจากการติดเชื้อ ในกระแสเลือดเนื่องจากการแพ้ยา เพราะทางโรงพยาบาลเดิมให้ยากดภูมิ ต้านทานต่อเนื่องมานานเป็นปี ซึ่งกดภูมิไม่ให้เป็นผื่นคัน อาการแพ้ยาที่เป็น อยู่นี้ ที่โรงพยาบาลศิริราชพบเป็นครั้งแรก แต่ถือเป็น ผู้ป่วยรายที่ 4 ของ ประเทศไทย ซึ่งกรณีแบบนี้จะไม่เกิดถ้าโรงพยาบาลส่งตัวไปรักษาต่อ เพราะเกิน ศักยภาพของโรงพยาบาล แต่กรณีนี้โรงพยาบาลพยายามยื้อไว้ จนอาการ รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ “วันนี้อาการผื่นคันที่ทนมาปีกว่าไม่มีอีกแล้ว หายสนิท เหลือแต่เพียง ปัญหาทขี่ าซงึ่ เป็นผ ลมาจากเซลล์เนือ้ ทีต่ ายแล้ว ทำให้ผ วิ หนังห นาและขาผดิ ร ปู ไปจากเดิม มีอาการชาที่ขา ผลจากการนอนอยู่โรงพยาบาลกว่า 1 เดือน และ กลับมาพักฟื้นที่บ้าน 9 เดือน ทำให้ขาดเงิน เป็นหนี้สิน ท้ายที่สุดสามีทิ้งไป โชคดีที่โรงงานรับกลับเข้าทำงาน แต่ต้องเลี้ยงลูกและผ่อนหนี้สินตามลำพัง” ปัจจุบนั อังศ น า ยังม อี าการปว่ ยดว้ ยโรคภาวะหวั ใจขาดเลือด ทีแ รก เธอ ไม่ม นั่ ใจทจี่ ะรบั ก ารรกั ษาทโี่ รงพยาบาลเดิม แต่ห มอแนะนำวา่ โรคนตี้ อ้ งรกั ษา ต่อเนือ่ ง จึงต อ้ งกลับไปใช้ส ทิ ธิป ระกันส งั คม ซึง่ ต อ้ งเจอกบั ค ำพดู ป ระชดประชัน จากโรงพยาบาลที่บอกว่า ต้องเสียเงินจ่ายค่ารักษาของอังศนาให้โรงพยาบาล ศิริราชถึง 4 แสนบาท “หากโรงพยาบาลสง่ ต อ่ ต งั้ แต่แ รก ชีวติ ก ค็ งไม่เป็นแ บบนี้ สามีก ค็ งไม่ท งิ้ เราไป และเราก็คงจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ เวลาส่งโรงพยาบาลจะคิดแต่เรื่องเงิน ไม่คำนึงถึงชีวิตผู้ป่วย”
คุ้มตัว ไม่คุ้มปาก
สุ ร ศั ก ดิ์ (นามส มมุ ติ ) อายุ 51 ปี เข้ารับการรักษาที่คลินิกทันตแพทย์ ด้วยโรคกระดูกหุ้มฟันซี่ที่ 36 ละลาย เนื่องจากโรคเหงือกอักเสบ แพทย์ให้การ รักษาโดยปลูกกระดูกด้วยวัสดุกระดูก เทียมสังเคราะห์ เสียค่ารักษาพยาบาล เป็นเงิน 5,650 บาท เขาสงสัยว า่ ในฐานะ ทีจ่ า่ ยสมทบทกุ เดือน ทำไมสทิ ธิป ระโยชน์ ทั น ตก รรมจึ งมี เพี ย ง ถอนฟั น อุ ด ฟัน ขูดหินปูน ไม่เกิน 2 ครั้งต่อปี และครั้งละ ไม่ เ กิ น 300 บาทเ ท่ า นั้ น ในข ณะที่ บัตรทองกลับให้ความครอบคลุมทุกโรค ทันตกรรม เขาจึงทำเรื่องถึงสำนักงานประกัน สังคมว่า โรคปริทนต์หรือโรคเหงือก อยู่ ในสิทธิประกันสังคมหรือไม่ ซึ่งได้รับการ ยืนยันกลับมาว่า โรคดังกล่าวไม่อยู่ใน ความครอบคลุมตามสิทธิ “ตอนนั้นจ่ายเงินเองรวมทั้งหมด ประมาณกว่า 1 หมื่นบาท ที่จริงการเบิก ค่าร กั ษาพยาบาล ถ้าถ ามความรสู้ กึ แ ล้วก ็ ผิดหวังกับประกันสังคม สงสัยว่าแบบนี้ หรือที่เขาเรียกประกันสังคม ผมไม่เห็น ว่ า จ ะเ ป็ น ห ลั ก ป ระกั น สั ง คมต รงไ หน เพราะพอเจอโรคที่ต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะ หน่อย ประกันสังคมก็บอกไม่คุ้มครอง ผูป้ ระกันต นตอ้ งจา่ ยเอง อย่างนผี้ มจะจา่ ย สมทบไปทำไม ถ้าไม่ให้ห ลักป ระกันโรคที่ จำเป็นแบบนี้ เพราะคิดว่า การรักษาโรค นี้ควรที่จะเบิกได้ น่าจะมีการปรับปรุง พั ฒ นาร ะบบบ้ า ง อย่ า งค นที่ ใ ช้ สิ ท ธิ บัตรทองยังสามารถรักษาได้ฟรี อย่างนี้ ถือว่าไม่เท่าเทียมกัน”
เสียชีวิต เพราะโรงพยาบาลลดต้นทุน
สุกานดา (นามสมมุติ) อายุ 43 ปี มี อาการปวดทอ้ ง และไปพบแพทย์ โดยไม่ท ราบวา่ ตนเองตงั้ ค รรภ์เนือ่ งจากได้ม กี ารทำหมันห ลังจ าก ที่คลอดลูกเมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากการเอกซเรย์ แพทย์ร ะบุว า่ ก อ้ นเลือดทเี่ ห็นในฟลิ ม์ เป็นเนือ้ ง อก จึงนัดทำการผ่าตัดในวันรุ่งขึ้นโดยไม่มีการตรวจ วินิจฉัยด้านอื่นอีก โชคไม่ดี เมื่อผ่าตัดแล้วพบว่าก้อนเลือด ที่เห็นคือตัวอ่อนของทารกในครรภ์ ซึ่งแพทย์ได้ ทำการเย็บมดลูกกลับเข้าไปใหม่ ก่อนที่เธอจะมี อาการตกเลือดรุนแรงในอีก 2 เดือนต่อมา และ เสียชีวิตระหว่างการรักษาในโรงพยาบาลตาม สิทธิประกันสังคมในที่สุด เหตุการณ์น จี้ ะไม่เกิดข นึ้ หากโรงพยาบาล ไม่พยายามลดขั้นตอนในการตรวจเพื่อควบคุม ต้ น ทุ น ก ารรั ก ษาใ ห้ เ พี ย งพ อกั บ ง บเ หมาจ่ า ย รายหัวที่ได้รับ ทำให้ผู้ประกันตนเข้าไม่ถึงการ รักษาที่จำเป็น ธีระ ช ยั (นามสมมุต)ิ สามีข องสกุ านดา เล่า ความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับตัวเขาและครอบครัวว่า “ไม่เคยคดิ ม ากอ่ นวา่ ช วี ติ เราตอ้ งมาเจอกบั เรื่องแบบนี้ ก่อนหน้านี้ผมมีชีวิตที่ดี มีภรรยาที่ดี มีลูกที่น่ารัก กำลังสร้างครอบครัว แต่จากนี้ไป ชีวิตผมไม่เหมือนเดิมแล้ว มันกะทันหันมาก ลูก ผมต้องเสียแม่ตั้งแต่เขายังเล็กๆ ลูกคนเล็กอายุ ได้ 2 ขวบเท่านั้น ผมแบกรับความรู้สึกแบบนี้ ไม่ไหว ก่อนหน้านเ้ี ราไม่มปี ญ ั หาอะไร ภรรยาผม แค่ป วดทอ้ ง ทำไมไม่ต รวจให้ล ะเอียดเพิม่ อ กี ส กั น ดิ ว่าอาจมีความเสี่ยงเรื่องอื่น เหตุการณ์แบบนี้จะ ไม่เกิดขึ้น ผมรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม ผมต้องการให้ สังคมได้รู้ว่ามันมีเหตุการณ์แบบนี้อยู่ แต่ผมก็ เหนือ่ ย ไม่รจู้ ะทำอย่างไรตอ่ อยากเรียกรอ้ งความ เป็นธรรมให้กับภรรยาและลูกผมที่เสียชีวิตไป แต่ผ มกร็ วู้ า่ เรือ่ งอย่างนไี้ ม่ง า่ ยเลย โดยเฉพาะการ คุยกับแพทย์”