Is am are june 55

Page 1

www.ariyaplus.com

Sufficiency Economy Family

• เราจะสรางความยั่งยืนใหกับชีว ิตได

อยางไร?

โรงเรียนราชินี

• ภูมิใจมากที่ไดมาทํางานตรงนี้ เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ

• เคล็ด(ไม)ลับสูความพอเพียง ต�าบลสันทรายและต�าบลแม่ทา จังหว

ัดเชียงใหม่

53 ครอบครั วพอเพีย255 ง: 1 5 มิถุนายน


ในงานพระราชพิ ธี พื ช มงคลจรดพระนั ง คั ล แรกนา ขวัญเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ที่ผ่านมามีเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประจ�าป ๒๕๕๕ ในสาขาต่างๆ เข้ารับพระราชทานโล่รางวัล ซึ่ง ๑ ในนั้นมี นายสมบัติ วิเชียรณรัตน์ เจ้าของไร่องุ่น “ลาย เถาว์” เป็นตัวแทนเกษตรกรสาขาการใช้วิชาการเกษตรดีที่ เหมาะสม ที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้ารับรางวัลเกษตรกรดีเด่น แห่งชาติ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

การผลิตองุ่นกลับประสบกับปัญหาต่างๆ มากมาย เนื่องจากการ ปลูกองุ่นในสภาพกลางแจ้งนั้นไม่สามารถป้องกันน�้าฝน น�้าค้าง นก ค้างคาว และแมลงศัตรูพืชต่างๆ ได้ ในป ๒๕๕๐ นายสมบัติได้สมัครเข้าร่วมโครงการ อาหารปลอดภัยด้านพืช (GAP) กับศูนย์วิจัยและพัฒนาการ เกษตรนครราชสีมา กรมวิชาการเกษตร และได้ผ่านการรับรอง แหล่งผลิต GAP ในปเดียวกัน จากการที่ได้เดินทางไปศึกษา ดูงานการปลูกผักเมืองหนาว การปลูกไม้ดอกเพื่อการค้า ซึ่ง เป็นการปลูกพืชภายในโรงเรือนพลาสติก เพื่อปองกันปัญหา ที่อาจเกิดจากน�้าฝน น�้าค้าง นก และแมลง ท�าให้นายสมบัติ ได้น�าความรู้ที่ได้รับจากการศึกษาดูงานมาประยุกต์ใช้กับการ ผลิตองุ่นที่ไร่ลายเถาว์ โดยการทดลองสร้างโรงเรือนมุงหลังคา พลาสติกโปร่งแสง เพื่อปองกันปัญหาจากน�้าฝน น�้าค้าง นก และแมลง ซึ่งการสร้างโรงเรือนดังกล่าวสามารถลดการใช้สาร เคมีปองกันและก�าจัดศัตรูองุ่นได้เป็นอย่างดี ท�าให้ได้ผลผลิตที่ มีคุณภาพ

เกษตรกรองุ่นรับรางวัล GAP ดีเด่นแห่งชาติ

เส้นทางการท�างานของนามสมบัติก่อนที่จะเข้าสู่อาชีพ เกษตรกรอย่างเต็มตัวเริ่มต้นการท�างานจากการเป็นผู้ช่วยนักวิจัย ท�าโครงการวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีการผลิตองุ่นในประเทศไทย ก่อนที่จะเข้าไปท�างานเป็นพนักงานในบริษัทอะโกรแฟกซ์ จ�ากัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตองุ่นเพื่อการค้า และได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ด้านการปลูก การดูแลรักษา และเทคนิคต่างๆ ในการผลิตองุ่น จนถือได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตองุ่น จึงมีแนวคิดที่จะ สร้างสวนองุ่นของตนเอง เพื่อที่จะผลิตองุ่นให้ผู้บริโภคได้รับ ประทานผลผลิตที่ได้คุณภาพมาตรฐาน และปลอดภัยจากสาร พิษตกค้าง ในป ๒๕๔๒ นายสมบัติได้ซื้อที่ดินจ�านวน ๕๐ ไร่ ใน พื้นที่ต�าบลหนองสาหร่าย อ�าเภอปากช่อง จังหวัด นครราชสีมา เพื่อสร้างเป็นที่อยู่อาศัยและไร่องุ่น โดยตั้งชื่อว่าไร่องุ่น ลายเถาว์ แต่ในระยะแรกนั้น

นายสมบัติเลือกปลูกองุ่นพันธุ์ที่ตลาดต้องการ โดย แบ่งเป็น พันธุ์แบล็คโอปอล์จ�านวน ๕,๐๐๐ ต้น พันธุ์ดีไลท์ จ�านวน ๒๐๐ ต้น พันธุ์บิ๊กแบล็คจ�านวน ๑๒๐ ต้น พันธุ์ไข่ปลา คาร์เวียร์ จ�านวน ๑๐๐ ต้น การเก็บเกี่ยวผลผลิตจะเลือกเก็บเกี่ยว ตามอายุประมาณ ๑๒๐ วันหลังดอกบาน หรือจากการสังเกตสี ขององุ่น การบีบผลองุ่น และการชิมองุ่นก่อนตัด โดยใช้กรรไกร เป็นอุปกรณ์ในการตัดผลผลิต และมีตะกร้าพลาสติกเป็นภาชนะ รองรับ หลังการเก็บเกี่ยวจะน�าผลผลิตมาคัดแยกเพื่อคัดองุ่นที่ แตกและด้อยคุณภาพออก จากนั้นจะน�าผลผลิตใส่ถุงพลาสติกใส ระบุสถานที่ผลิต เครื่องหมายและรหัสรับรองแหล่งผลิต ภายหลังจากเข้าร่วมโครงการ GAP ท�าให้ที่ไร่องุ่น ลายเถาว์มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากนายสมบัติได้เปิด ไร่องุ่นให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งศึกษาดูงานด้วย ซึ่ง ผลผลิตที่ไร่สามารถผลิตได้ประมาณ ๕๐๐ – ๑,๐๐๐ กิโลกรัม/ ไร่/ป องุ่นผลสดจ�าหน่ายในราคากิโลกรัมละ ๒๐๐ บาท นาย สมบั ติ มี ร ายได้ จ ากการจ� า หน่ า ยผลองุ ่ น สดและผลิ ต ภั ณ ฑ์ แปรรูปจากองุ่นเฉลี่ย ประมาณ ๔,๖๐๐,๐๐๐ บาท/ป


“เกียรติและความส�าเร็จเกิดจากผลการปฏิบัติงานและปฏิบัติตัวของแต่ละคน ที่สามารถปฏิบัติงานและปฏิบัติตัวของแต่ละคน ที่สามารถปฏิบัติงานในความ รับผิดชอบให้ได้ผลตรงตามวัตถุประสงค์ และปฏิบัติตัวให้สุจริต เที่ยงตรง พอควรพอดีแก่ต�าแหน่งหน้าที่ที่ด�ารงอยู่” พระบรมราโชวาทพระราชทานแก่ข้าราชการพลเรือน เนื่องในวันข้าราชการพลเรือน ๑ เมษายน ๒๕๓๑


อัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์ Ampawa Chaipattananurak Project

ย้อนหลังกลับไปเมื่อ ๗- ๘ ปีก่อน หากพูดถึงอัมพวา กับคนเมืองกรุงหลายๆท่านคงจะตอบว่าไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ เป็นเพียงทางผ่านไปยังตลาดน�้ำด�ำเนินสะดวก หรือพิพิธพภัณฑ์ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย (อุทยาน ร.๒) แต่เมื่อมาถึงกาลปัจจุบัน หากถามคนกรุงอีกครั้ง ค�ำตอบที่จะต้องมีคือ ตลาดน�้ำยามเย็น สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่หรือการนั่งเรือชมหิ่งห้อยที่หาไม่ได้ใน กรุงเทพมหานคร Over the past seven or eight years, if we asked people, especial those who lived in Bangkok, how well they knew Ampawa, the answer would be that Ampawa had nothing much to offer. they even thought that people usually stopped by Ampawa only on their way to more famous destinations, Damnernsaduak floating market and the museum of King Buddhalertla Naphalai (King Rama II) which is situated in the King Rama II Memorial Park. Now, however, if we ask the same question, most people would answer that Ampawa has itself become new tourist attraction with many interesting activities to enjoy such as visiting the Ampawa floating market or talking a boat trip along the 4 : ครอบครัวพอเพียง

river to see fireflies in the evening. The project of the Chaipattana Foundation in Ampawa was started when Miss Prayong Nakawarang presented her own land in Ampawa to Her Royal Highness Princess Maha Chakri Sirindhorn. Afterwards, Her Royal Highness asked the Chaipattana Foundation to develop the project with the aim to benefit the riparian community and all the local people who inside in the area. The development activities in Ampawa do not focus only on the physical aspect such as the establishment of the Ampawa Chaipattananurak Project which entails the Chaipattana’s Conservation Project in Ampawa which introduces the philosophy of the Sufficiency Economy to the community. Activities also include the development of legal instruments to be used by the Chaipattana Foundation to facilitate the drafting contracts between the people who live in the Ampawa Chaipattananurak Project area and the Chaipattana Foundation


นอกจากนี้ อัมพวาเป็นสถานที่หนึ่งซึ่งสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระด�ำริให้ส�ำนักงานมูลนิธิ ชัยพัฒนา น�ำที่ดินที่ นางสาวประยงค์ นาคะวะรังค์ ชาวอัมพวา น้อมเกล้าฯ ถวายมาพัฒนาเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชนอัมพวา ให้มากที่สุด

จุดเริ่มต้นของเครื่องมือ

ในช่ ว งเวลาที่ เ ริ่ ม ต้ น การพั ฒ นาโครงการอั ม พวาชั ย พัฒนานุรักษ์ ที่ดินซึ่งได้รับบริจาคจากคุณป้าประยงค์นั้น ยังมีชาว บ้านหลายครัวเรือนที่ยังต้องพึ่งพาอาศัยคุณป้าประยงค์ และเป็น ความผูกพันที่มีมานานหลายชั่วคนจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังรวมถึง ความผูกพันในสถานที่ที่ตนอาศํยอยู่มาตั้งแต่เล็กๆ ของชาวบ้าน ซึ่ง มูลนิธิชัยพัฒนาได้เล็งเห็นถึงความผูกพันดังกล่าว จึงเห็นควร ให้ชาวบ้านที่ยังอาศัยอยู่ในที่ของคุณป้าประยงค์แต่เดิมได้อาศัย อยู่ต่อไป เพียงแต่มูลนิธิชัยพัฒนาจะเข้าไปในลักษณะที่ไม่ก่อให้ เกิดความเปลี่ยนแปลงในวิถีแห่งชุมชนน้อยที่สุด การจะสร้างสมดุล ทั้งทางรักษาผลประโยชน์ของชาว บ้านและการจัดท�ำโครงการอัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์นั้นมีเครื่อง มืออีกหลายเครื่องมือ แต่เครื่องมือส�ำคัญเครื่องมือหนึ่งคือ สัญญา เช่า ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องยากในการที่จะให้ชาวบ้านผู้ที่ไม่ เคยรู้สึกว่ามีข้อผูกพันใดๆ ต้องยินยอมที่จะรับข้อผูกพันต่างๆที่จะ เกิดขึ้นในอนาคต การลงพื้นที่เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ชาวบ้านใน เรื่องของข้อก�ำหนดในสัญญา ส่งผลให้ชาวบ้านยอมลงนามผูกพัน ตามข้อก�ำหนดในสัญญาเช่า สิ่ ง ที่ ค� ำ นึ ง เสมอ คื อ การส้ ร างความสมดุ ล ในสั ง คม สัญญาเช่าที่น�ำมาใช้ในช่วงแรกๆ จะมีลักษณะเป็นสัญญาในเชิง ที่มีข้อก�ำหนดต่างๆที่มีความผูกพันชาวบ้านค่อนข้างน้อย รายละ เอียดหลักๆในสัญญาเช่าจะมีดังต่อไปนี้ ๑.ค่าเช่าที่คิดเป็นรายเดือน

ของผู้เช่า

๒.ระยะเวลาในการเช่า ซึ่งก�ำหนดไว้ ๑ ปี ๓.ภาระผูกพันต่างๆ เช่น ค่าน�้ำประปา ค่าไฟฟ้า ๔.ห้ามมิให้การเช่าช่วง หรือโอนสิทธิการเช่า ๕.การประกันอัคคีภัย ๖. การรักษาซ่อมแซมสถานที่เช่าและการตรวจสอบ

ข้อก�ำหนดดังกล่าวข้างต้นนั้น อาศัยหลักกฎหมายที่ เกิดจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาเป็นข้อก�ำหนดซึ่ง การร่างสัญญาดังกล่าว หากเปรียบกับการเรียนกฎหมาย ก็ต้อง กล่าวว่าเป็นการเรียนกฎหมายเบื้องต้น เพราะไม่ได้มีข้อสัญญา ที่ซับซ้อนไปกว่าหลักกฎหมายที่ได้ก�ำหนดไว้

The Starting Point of the Legal Instrument

Many people rented land in Ampawa from Miss Payong Nakawarang before she donated it to the Chaipattana Foundation. A good relationship between the tenants and Miss Prayong Nakawarang had been fostered over decades and still remains. Wishing to preserve the good relation, the Chaipattana Foundation wants the tenants to continue living in the area after the donation of the land. In order to develop and manage the land in Ampawa, the Chaipattana Foundation, therefore, has to consider the possibility of changes which may result and assure that such changes, as much as possible, avoid negative consequences to the local people. There are many ways to keep the balance between the benefits to the people who live in Ampawa and the land management under the Ampawa

ครอบครัวพอเพียง : 5


Chaipattananurak Project. A legal instrument is the most important tool to achieve this task. The Chaipattana Foundation has to pay careful attention in the drafting of the rental contracts between the people and the Foundation. The tenants have been rental renting the land without any rental contracts for such a long time. As a result, it is difficult to encourage people to undertake legal obligations. Thus, the Chaipattana Foundation has to convince the locals of the benefits and necessity of contract arrangement and be certain that they fully understand the contract details, accept any legal obligations, and sign the contracts with the Foundation. The Chaipattana Foundation has always recognized the importance of the social equilibrium. Therefore, the Foundation has tried to keep the rental contracts simple, uncomplicated and easily understandable for the local people. Only few terms were included in the rental contracts that were drafted in the early years. The main details include: 1.Rental payment : On a monthly basis 2.Rental duration : One year 3.Other commitments : Tenants are required to be responsible for the payment of water and electricity bills. 4.Prohibitions : Sub-renting and assignment of renting. 5.Inspection : Fire insurance 6.Inspection : The landlord (the Chaipattana Foundation) is allowed to perform the rental inspection and the tenants are required to be responsible for repairing and maintaining rented areas. The above mentioned terms are defined by the Civil and Commercial Code. One might compare these contracts to ones of courses for beginners at any law school.

เครื่องมือเริ่มออกเดินทาง

การน�ำสัญญาเช่าฉบับแรกเริ่มมาเป็นเครื่องมือในการ สร้างสมดุลแก่สังคมอัมพวา อาจกล่าวได้เลยว่าถ้าเป็นตราชั่งก็ ยังเป็นตราชั่งที่ยังเอียงอยู่ บางทีอาจเอียงด้านการด�ำเนินงานของ โครงการอัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์เพราะว่าต้องปรับปรุงสภาพพื้นที่ 6 : ครอบครัวพอเพียง

ใหม่ทั้งหมด เนื่องจากสภาพของเรือนแถวริมคลองและบริเวณ ถนนประชาอุทิศมีความทรุดโทรมมาก โดยเฉพาะบริเวณถนน ประชาอุทิศที่ต้องด�ำเนินการตามแผนงานในการรื้อห้องแถว เพื่อ สร้างขึ้นใหม่ให้เป็นไปตามผังที่ก�ำหนดไว้ กระนั้นบางทีตราชั่งก็ เอียงไปทางชาวบ้าน เนื่องจากชาวบ้านละแวกนั้นต้องท�ำมาหากิน ในชีวิตประจ�ำวัน บางทีรายได้ไม่พอค่าเช่าห้องแถวก็ต้องอนุโลม ผ่อนผันกันไป ทั้งที่ค่าเช่าห้องแถวที่มูลนิธิชัยพัฒนาก�ำหนดไว้ค่อน ข้างถูกเมื่อเทียบกับละแวกข้างเคียง หรือการใช้เรือนแถวชาวบ้าน ได้จองชื่อไว้เพื่อขอใช้ห้อง และเมื่ออนุญาตให้เข้าอยู่ กลับไม่เข้า อยู่อาศัยตามเจตนารมย์ที่ปรากฏไว้ในสัญญาเช่า นอกจากนี้ ภายหลังจากการปรับปรุงทัศนียภาพแล้ว เสร็ จ โครงการอั ม พวาชั ย พั ฒ นานุ รั ก ษ์ ไ ด้ จั ด แบ่ ง พื้ น ที่ ภ ายใน บริเวณโครงการไว้ค่อนข้างหลากหลาย ขณะเดียวกันการเข้ามา ใช้ประโยชน์ของชาวบ้านในโครงการก็มีความหลากหลายเช่น กัน ดังเช่น ชาวบ้านเคยอาศัยอยู่ก่อนที่มูลนิธิมูลนิธิชัยพัฒนาเข้า มาปรับปรุงพื้นที่โครงการก็จะน�ำผลิตภัณฑ์ของชุมชนอัมพวามา ขายมากขึ้นหรือชาวบ้านข้างเคียงอัมพวาก็จะน�ำผลิตภัณฑ์ของ แต่ละถิ่นมาน�ำเสนอต่อนักท่องเที่ยวมากขึ้นหรือการใช้ประโยชน์ โดยน� ำพื้นที่มาจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงให้เห็นถึงภูมิหลังของ อัมพวา เป็นต้น ด้วยเหตุดังกล่าว สัญญาที่ใช้เป็นเครื่องมือจึงต้องแบ่ง ตามประเภทการใช้งานมากขึ้น กล่าวคือ แบ่งเป็นประเภทสัญญา เช่าว่าจะเป็นการเช่าเพื่ออยู่อาศัยและค้าขาย หรือสัญญาเช่าที่มี ลักษณะเพื่อใช้ในการค้าขายเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงทางสัญญาจากฉบับ ก่อนมาเป็นฉบับนี้ โดยหลักสัญญาฉบับใหม่จะมีสาระเหมือนฉบับ เดิมแทบทั้งหมด จะต่างหรือมีการเพิ่มเติมขึ้นมา เฉพาะเรื่องการ จดทะเบียนการค้าของผู้เช่าแต่ละคน การดูแลรักษาความสะอาด


และการปฏิ บั ติ ข องผู ้ เ ช่ า ให้ เ ป็ น ไปตามกฏระเบี ย บที่ โ ครงการ อัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์ได้ตั้งขึ้นเท่านั้น การเปลี่ ย นแปลงของสั ญ ญานี้ หากเป็ น นั ก ศึ ก ษา กฎหมายต้องบอกว่าเริ่มเข้าปีที่ ๒ คือเริ่มมีเรื่องของหลักนิติกรรม สัญญาเพิ่มมากขึ้น รวมถึงในเรื่องหนี้ด้วย

The Ready to be Implemented Legal Instrument

If we viewed the use of the first contract as an instrument for keeping the social equilibrium in the community, we may find certain difficulties and we may think of the issue in terms of a scale. One pan of the scale represents the difficulty in the project implementation process. The condition of the buildings along the river in Ampawa, especially the buildings around Pracha-utis Road, caused the Chaipattana Foundation to dismantle the old buildings and rebuild all of them according to the development plan of the Foundation. The other pan represents the difficulty in dealing with tenants. The local residents work hard but their income can barely pay their rent although the rental

fees, compared to other areas in vicinity, are relatively lower. Thus, we have to, sometime, extend the payment deadline. Moreover, there are also some people who have signed contracts with the Chaipattana Foundation but they have not moved in or used the land as per the contract. In addition, after the landscape renovation, the land had been divided for various purposes. People are renting land for different activities, for example to sell their products along the streets or from kiosks. The museum which shows the fascinating history of the riparian community was also established in the organized area. As a result of the various purposes of the land usage, the Chaipattana Foundation has had to categorize the contracts according to the purpose of the usage, for example combination between the residential and commercial purposes or to commercial only. However, the new rental contract still contains the same condition. However, in the new contract, some details have been added, such as the business

ครอบครัวพอเพียง : 7


registration, the areas cleaning and maintenance, and the behaviors of tenants following the rule from Ampawa Chaipatananurak Project. As to the drafting of this new rental contract, we may think of it as a contract discussed in a second year law class, not for beginners anymore because there are now more complicated issues such as the juristic acts and contract condition, as well as settlement of debts.

ก้าวย่างต่อไปของเครื่องมือ

ดังที่กล่าวมาแล้วว่า เมื่อสังคมมีความซับซ้อนขึ้น การ วางกรอบทางสังคมก็จะต้องมีมากขึ้น สัญญาที่เป็นเครื่องมือวาง กรอบของสังคมประเภทหนึ่งจะเข้ามาคอยเป็นพี่เลี้ยงดูแลตลอด เวลา แต่พี่เลี้ยงที่จะดูแลสังคม ก็จะต้องตั้งอยู่ในความพอดี กล่าว คือ มิใช่เป็นคนที่ใจดีเกินไป หรือเป็นคนที่เคร่งครัดเกินไป สังคม จึงจะก้าวย่างต่อไปได้ ชุมชนอัมพวาก็เช่นกัน ในปัจจุบันต้องกล่าวว่าเป็นการ เริ่มวิ่งแล้ว มิใช่แค่เดินเป็นเท่านั้นการพัฒนาของสัญญาก็เช่นกัน ที่จะต้องเดินหรือวิ่งต่อไปตามสังคมที่มีการพัฒนาอย่างไม่หยุด นิ่ง ซึ่งในอนาคตจึงต้องมีการวางกรอบ การวางระเบียบมากขึ้น โดยหลีกเลี่ยงมิได้อย่างแน่แท้ ดั ง นั้ น ภาพของอั ม พวาในอดี ต ที่ มี เ รื อ นไม้ เ ก่ า ๆ ได้ เปลี่ยนเป็นตลาดน�้ำขนาดใหญ่ดังเช่นปัจจุบัน การวางกรอบของ สังคมนั้นก็ต้องวางกรอบไว้ใหญ่ตามชุมชนเช่นกัน สัญญาอาจจะ ควบคุมได้ทั้งหมดก็จริง แต่สุดท้ายการที่จะท�ำให้สังคมเป็นสุขนั้น อยู่ที่ตัวของ คนในชุมชนเองที่จะตระหนักว่าเราควรพัฒนาสังคม หรือที่เรา อยู่ไปในทิศทางใด

The Next Step of the Legal Instrument 8 : ครอบครัวพอเพียง

Today’s society has become more complex. Hence, more social frameworks should be created. A legal contract is one of the legal instruments which helps create a better social environment. The social framework can be comparable to a caretaker on our society. The actions of the caretaker should be taken in a balance fashion, not too strong or not too weak. In this way, the society can move forward. At present, the Ampawa community is growing at a faster pace. The development of the contract drafting process between the local residents and the Chaipattana Foundation has to be developed in tandem with the growth of the community. In the near future, we definitely cannot neglect the creation of more social regulations. The old images of Ampawa have faded. Nowadays, the run down wooden house rows can hardly be found. This new tourist attraction is now famous for its floating market. In order to form the social framework, the size of the framework has to be in line with the growth of the community. The contract should be able to serve as an effective tool to safeguard the community. However, to build a happy society, collaboration from every community member is needed because the locals are key stakeholders who will propel their community into prosperity.


๗ วิธีถนอมพลังงาน แบตโน้ตบุก เชื่อว่าท่านผู้อ่านทุกท่าน คงจะเคยใช้คอมพิวเตอร์พกพา แล็ปทอปหรือโนตบุคที่เรา ๆ ท่าน ๆ เรียกกัน มาบ้างไม่มากก็นอ้ ยนะครับ ซึง่ เราไม่สามารถปฎิเสธได้เลยถึงความสะดวก สบาย ในการใช้งานในการพกพาและการใช้งาน ยิง่ เปนโนตบุค รุน่ ใหม่ ๆ นี่ ความบางเบาไม่ตอ้ งพูดถึง แต่ ว่ามีบางปัญหาที่ต่ามมาก็คือเรื่องของแบ็ตเตอรี่

ส�าหรับทิปในครั้งนี้ ขอเสนอวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยถนอมพลังงานแบตเตอรี่ของโน้ตบุ๊กที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP ให้ สามารถใช้งานได้นานขึ้น ไม่หมดเร็วเกินไป...ถ้าพบว่า โน้ตบุ๊กที่รัน Windows XP ของคุณมีปัญหาใช้พลังงานแบตเตอรี่หมดค่อน ข้างเร็ว (กรณีนี้แบตฯ ต้องไม่เก่า หรือเสื่อมสภาพแล้วนะครับ) ท�าให้ต้องคอยรีชาร์จอยู่บ่อย เทคนิค ๗ ข้อต่อไปนี้น่าจะช่วยคุณได้ ลองน�าไปปฏิบัติดูนะครับ ๑. ตรวจสอบแบตเตอรี่ที่ใช้ว่ายังคงสามารถชาร์จพลังงานได้เต็ม หรือไม่? ซึ่งขั้นตอนของการทดสอบโดยทั่วไปให้ชาร์จ แบตเตอรี่ให้เต็มก่อน (ดูจาก Power Meter ใน Power Options) จากนั้นปิดโน้ตบุ๊ก ถอดแบตเตอรี่ออก เพื่อทดสอบว่า มันยัง สามารถชาร์จประจุได้เต็ม หรือไม่? โดยมองหาปุ่มที่ใช้ทดสอบที่อยู่บนแบตเตอรี่ ซึ่งบางรุ่นก็จะมีส่วนแสดงผลเล็กๆ ให้สังเกตุได้ง่าย ทั้งนี้จะมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับแบตเตอรี่ของผู้ผลิตแต่ละเจ้า ๒. ถ้าไม่จ�าเป็นต้องออนไลน์กับเครือข่ายใดๆ แนะน�าให้ออฟไลน์จะดีกว่า (ยกเลิก (disable) การเชื่อมต่อกับเครือข่าย) การเชื่อมต่อเครือข่ายตลอดเวลาจะท�าให้โน้ตบุ๊กต้องใช้พลังงานมากกว่าปกติ ๓. ถอดอุปกรณ์ USB ออกจากพอร์ต เมื่อไม่ได้ใช้งาน ต่อฉบับหน้า


เริ่มต้นไปแล้วกับกิจกรรมโครงการใสสะอาด พอเพียงเพื่อสู่สถานศึกษาและชุมชน ปีที่ ๔ ปีนี้โรงเรียนแรกที่ได้จัด กิจกรรมคือโรงเรียนสายน�้าผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ราชสุดา สิริโสภาพรรณวดี ซึ่งจัด ขึ้นในวันปฐมนิเทศน์ นักเรียน ระดับชั้น มัธยมศึกษา ปีที่ ๔ และได้มีพี่ๆแกนน�าชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๕ รวมอยู่ด้วย ในปีนี้ การจัดกิจกรรมจะเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งก็มาจากความมี “จิตอาสา” ของ เหล่าบรรดา “ทหารผู้กล้าแห่งพระราชา” รุ่นพี่ ที่ได้จบการศึกษาไปแล้วและที่ส�าคัญรุ่นพี่ ที่ว่านี้ก็ได้เป็น FRESHY ในมหาวิทยาลัยในดวงใจ กว่า ๙๐ % ก็ไม่น่าแปลก ใจอะไรที่ “จิตอาสา” จ�านวนมากเหล่านี้ เอนทรานส์ติดในมหาวิทยาลัยที่ได้ตั้งความหวังไว้ ความมีน�้าใจ การมีจิตใจ ที่เบิกบานอยู่เสมอและการมีจิตส�านึกของการ “ให้” ท�าให้ “เขาและเธอ” มีความคิด “บวก” มีสมาธิและสติปัญญา ดี ความสุขที่เปี่ยมล้นที่คอยหยิบยื่นให้ผู้อื่น มองเรื่องของผู้อื่นมากกว่าเรื่องของตนเองเป็นเบ้าหลอมจิตใจที่ส�าคัญ การ เริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง “จิตอาสา” ทีละนิด วันละหน่อย ใครเลยจะคิดว่าสามารถเปลี่ยนสีด�าให้เป็นสีเทา หรือ จากสีด�าให้เป็นสีขาวไปเลยก็มี ข้อส�าคัญเมื่อเริ่มต้นแล้วก็จงท�าอย่างสม�่าเสมอ ตลอดเวลาและตลอดไป จนตลอดชีวิต เพราะสุดท้ายข้อคิดที่ว่า “เมื่อเกิดมาก็มิได้น�าอะไรติดตัวมาตั้งแต่เกิด เมื่อตายไปก็น�าอะไรไปไม่ได้ นอกจากความดี” และในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๕ นี้ก็เป็นวาระครบรอบ “พุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปีแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า” หรือ “พุทธชยันตี” อันเป็นวันที่พระพุทธศาสนาถือก�าเนิด วันวิสาขบูชาปี ๒๕๕๔ เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ ครบ ๒,๕๙๙ ปีเต็ม วันที่ ๔ มิถุนาปีนี้เป็นวันวิสาขบูชา ซึ่งเท่ากับครบ ๒,๖๐๐ ปีแห่งการตรัสรู้ ค�านวณจากการน�าปี เริ่มนับถอยหลังจากปรินิพพานบวกด้วย ๔๕ จ�านวนพรรษาที่พระพุทธเจ้าปฏิบัติพุทธกิจหลังการตรัสรู้ถึงดับขันธ์ ราก ศัพท์ “ชยันตี” มาจากค�าว่า “ชย” ชัยชนะ ความหมายคือชัยชนะของพระพุทธเจ้าที่มีต่อหมู่มารและกิเลสทั้งปวงและ เป็นผลให้พระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นในโลก พุทธชยันตีจึงมีความหมายทั้งเป็นการตรัสรู้ และการบังเกิดขึ้นของพระสัมมา สัมพุทธเจ้า ได้รับการตีความถึงชัยชนะของพุทธศาสนาและชาวพุทธด้วย และถือเป็นโอกาส ที่พวกเราชาวพุทธจะถือปฏิบัติบูชาน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ในมงคลวโรกาส ๘๔ พรรษา พุทธชยันตีตอกย�้าหลักค�าสอน “ท�าความดี ละเว้นความชั่ว ท�าจิตใจให้บริสุทธิ์” จงอย่าบกพร่องเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตตลอดไป.

ประธานกิตติมศักดิ์ : คุณหญิงพวงรัตน วิเวกานนท์, ปรีชา วัชราภัย, เบญจวรรณ สร่างนิทร, นนทิกร กาญจนะจิตรา (เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน) ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ : พล.อ.จรัล กุลละวณิชย์, พุธทรัพย์ มณีศรี, ชมนาด พงศ์พนรัตน์, ดร.เสรี พงศ์พิศ, เกริกเกียรติ์ เอกพจน์, นงลักษณ์ หอตระกูล ผศ.ดร.ทิพวัลย์ สีจันทร์, รังสิมา จารุภา, ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ประธานด�าเนินการ : ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ที่ปรึกษา : วริมา โพธิสมบัติ, วัลภา บุรุษพัฒน, ผศ.ดร.ธันวา จิตต์สงวน, ดร.ขนิษฐา สารพิมพา, ฌิชศีล ตันติเวชกุล บรรณาธิการ : อภีม คู่พิทักษ์ กรรมการผู้จัดการ : ภาวัช ครูซ ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการ : ชัชชัย สุขขาวดี, พุฒิพัฒน์ กมลจรัสพงศ์, สุพิชฌาย์ กมลจรัสพงศ์ ผู้อ�านวยการฝ่ายการตลาด : รัชดาภรณ์ ศรีนวลสุข ฝ่ายการตลาด : นุชนาถ คันธธาศิริ ศิลปกรรม : เอกรัตน์ คงรอด ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย : ส�านักงานกฎหมาย พิทยาเพชรพลอย โรงพิมพ์ : บริษัท ฐานการพิมพ์ จ�ากัด จัดจ�าหน่าย : บริษัท เพ็ญบุญ จัดจ�าหน่าย จ�ากัด ส�านักงาน : นิตยสารครอบครัวพอเพียง ๓๑/๒ ซอยทองหล่อ ๒ แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ๑๐๙๐๐ โทรศัพท์ : ๐-๒๙๘๓-๗๓๑๒-๓ โทรสาร : ๐-๒๙๘๓-๗๓๑๔ เว็ปไซต์ : www.ariyaplus.com E-mail : ariyaplus@hotmail.com

10 : ครอบครัวพอเพียง


อัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์ ส�านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ชีวิตพอเพียง ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เด็กวันวาน...เด็กวันนี้ อ.พุธทรัพย์ มณีศรี ธรรมะติดปีก ว.วชิรเมธี Play to Game ความเปนตน ความเปนครู หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน กิจกรรมครอบครัวพอเพียง โรงเรียนสายน�้าผึ้ง How to Health รศ.ดร.สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ เคล็ด (ไม่) ลับ...สู่ความพอเพียง ต�าบลสันทรายและต�าบลแม่ทา จังหวัดเชียงใหม่ คุยกับดาว ดรุณี เจริญพานิช Justice Do Die ตัวไกลหัวใจอยู่ใกล้ ดร.ไสว บุญมา Andrew biggs ครัวพอเพียง คุยเฟองเรื่องดวง Chill Out Beauty Trend ปราชญ์ชาวบ้าน เราจะสร้างความยั่งยืนให้กับชีวิตได้อย่างไร โรงเรียนราชินี รอบคอบรู้คิดพิชิตมะเร็ง เที่ยวทั่วไทย สไตล์พอเพียง Good little space Social news โฟกัสอาชีพ

๔ ๑๒ ๑๔ ๑๖ ๒๐ ๒๒ ๒๔ ๒๖ ๒๘ ๓๒

อัมพวา ชัยพัฒนานุรักษ์ P. ๔ กิจกรรมครอบครัว พอเพียง โรงเรียนสายน�้าผึ้ง

P.๒๘ เคล็ด(ไม่)ลับสู่ความพอเพียง ต�าบลสันทรายและต�าบลแม่ทา จังหวัดเชียงใหม่

P. ๓๔ ๓๔ ๔๐ ๔๒ ๕๖ ๕๘ ๕๙ ๖๐ ๖๑ ๖๒ ๖๔ ๖๘ ๗๔ ๗๖ ๗๘ ๘๐ ๘๒

คุยกับดาว

เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ ภูมิใจมากที่ได้มาท�างานตรงนี้

P. ๔๐ เราจะสร้างความยั่งยืน ให้กับชีวิตได้อย่างไร? โรงเรียนราชินี

P. ๖๘ เที่ยวทั่วไทย สไตล์พอเพียง เขื่อนขุนด่านปราการชล

P. ๗๖ ครอบครัวพอเพียง : 11


นพ. วีระวัฒน์ พันธ์ครุฑ

รองเลขาธิการส�านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

ผู้สูงอายุกับโรงพยาบาล ประเทศไทยมีผู้สูงอายุ คือ ผู้ที่มีอายุเกิน ๖๐ ปี (แต่ บางประเทศใช้ ๖๒ ปี หรือ ๖๕ ปี) อยู่ทั้งสิ้นกว่า ๗ ล้านคน หรือประมาณ ๑๒% ของประชากรทั้งประเทศ และสิ่งที่เที่ยง แท้แน่นอนคือ ผู้สูงอายุต้องประสบกับปัญหาการเจ็บไข้ได้ป่วย และโรคภัยต่างๆนานา อันเกิดมาจาก ความเสื่อมของสังขาร และ พยาธิสภาพอันเกิดจากสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมต่างๆที่อยู่รอบ ตัว ดังนั้นก็มีความจ�าเป็นที่ผู้สูงอายุและลูกหลานจ�าเป็นต้องไป ใช้บริการจากโรงพยาบาลต่างๆทั้งของรัฐบาลและเอกชนในการ เยียวยาดูแลรักษาสุขภาพของตนเอง ต้องยอมรับว่าโรงพยาบาลและหน่วยงานต่างๆที่มีอยู่ ในประเทศไทย ขณะนี้ต้องประสบกับปัญหาต่างๆนานัปการใน การดูแลประชาชน นับตัง้ แต่สถานทีค่ บั แคบ ไม่มที จี่ อดรถ(กรุงเทพ และปริมณฑล) ขาดแคลนบุคลากร งบประมาณที่ได้รับ และกลไก การบริหารจัดการต่างๆที่ยังไม่ลงตัว ผู้สูงอายุที่มีความจ�าเป็นต้องเดินทางไปใช้บริการใน โรงพยาบาล โดยทั่วไปจะต้องค�านึงและใส่ใจต่อประเด็นต่างๆ ดังต่อไปนี้คือ ๑.การเดินทาง โรงพยาบาลบางแห่งในกรุงเทพ มีผู้ ใช้บริการจ�านวนมาก แออัด ผู้สูงอายุที่จ�าเป็นต้องไปใช้บริการ จึงมักต้องตื่นแต่เช้ามืด โรงพยาบาลบางแห่งประสบปัญหาไม่มี 12 : ครอบครัวพอเพียง

พื้นที่จอดรถ บางครั้งจึงต้องเดินทางโดยรถแท็กซี่ หรือญาติไป แวะจอดส่ง การเดินทางที่ใช้เวลานาน ท�าให้ผู้สูงอายุอ่อนเพลีย และ ความดันโลหิตสูงขึ้น เมื่อไปตรวจวัดที่โรงพยาบาล บางครั้งจึงได้ ค่าความดันโลหิตที่สูงกว่าความเป็นจริงได้ ๒.การมีญาติไปเป็นเพื่อน ข้อนี้เป็นเรื่องส�าคัญ เพราะ บางครั้งผู้สูงอายุต้องเดินขึ้นบันได หรือขึ้นลิฟท์ หรือต้องไปหลาย จุดเพื่อการตรวจปลีกย่อยต่างๆอาจหลงทางได้ ผู้สูงอายุที่มีโรค ประจ�าตัวซึ่งออกแรงเคลื่อนไหวมากๆไม่ได้ หรือมีอาการหอบ เหนื่อยง่าย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ช่วยตัวเองไม่ได้ในบางโอกาส จึงจ�าเป็น อย่างยิ่งที่ต้องมีญาติคอยดูแลช่วยเหลือ ๓.การต้องเข้าคิวรอคอยเป็นเวลานาน โรงพยาบาล รัฐบาลขนาดใหญ่มักประสบปัญหาคิวยาว รอนาน ท�าให้ผู้สูงอายุ ต้องเสียเวลารอคอย บางครั้งอากาศร้อนอบอ้าว ผู้สูงอายุอาจ เป็นลม หรืออ่อนเพลีย บางโรงพยาบาลพยายามอ�านวยความ สะดวกตรงนี้ โดยมีบริการน�้าดื่มและ เจ้าหน้าที่จิตอาสาคอยช่วย บริการถามไถ่ โรงพยาบาลบางแห่งพยายามขยายอาคารผู้ป่วย นอก และจุดนั่งรอผลตรวจ เพื่อช่วยลดความกดดันกับผู้ป่วยที่ รอคอยยาวนาน


๔.การต้องไปนั่ง, ยืนปะปนกับผู้ป่วยโรคต่างๆ ปกติผู้ สูงอายุจะมีภูมิต้านทานต่อโรคติดต่อต่างๆ เช่น ไข้หวัด การติด เชื้อไวรัสและแบคทีเรียชนิดต่างๆ ต�่ากว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว หาก เป็นผู้สูงอายุที่ร่างกายอ่อนแอกว่าปกติ หรือมีโรคประจ�าตัวอยู่ แล้ว มีโอกาสติดเชื้อในโรงพยาบาลซ�้าเติมได้ ๕.การต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ผู้สูงอายุมัก ติดบ้านและลูกหลาน ไม่อยากไปนอนที่อื่น การจะให้ผู้สูงอายุนอน พักรักษาตัวในโรงพยาบาล จึงควรกระท�าเมื่อจ�าเป็นจริงๆ เพราะ นอกจากเกิดความอึดอัด และซึมเศร้าทางอารมณ์ ผู้สูงอายุก็มี โอกาสติดเชื้อโรคจากในหอผู้ป่วยได้ ทุกวันนี้ การมีบริการเยี่ยมบ้าน (Home care) และ การให้พ�านักนอนที่บ้าน (Home Ward) ช่วยแบ่งเบาภาระของ โรงพยาบาลไปได้แยะ แต่โรงพยาบาลส่วนใหญ่ก็มักมีบุคคลากร ไม่เพียงพอที่จะรองรับ ๖.การสื่อสารกับบุคลลากรของโรงพยาบาล โดยเฉพาะ กับแพทย์ พยาบาล บางครั้งผู้สูงอายุอาจมีการหลงลืม หรืออาการ ของโรค Alzheimer ท�าให้ไม่เข้าในบางเรื่องที่เจ้าหน้าที่สื่อสาร ด้วย บางเรื่องต้องใช้คุยกับญาติแทน บางท่านก็ออกอาการดื้อ เหมือนเด็ก การมีญาติอยู่เฝ้าตลอดจะช่วยลดแบ่งเบาปัญหาข้อ นี้ไปได้

๗.ภาระค่าใช้จ่าย ซึ่งไม่ได้มีแต่เรื่องค่ารักษาพยาบาล ยังมีค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารการกิน, ค่าเดินทาง, ค่าห้องพิเศษ และ อื่นๆ ผู้สูงอายุบางท่านหนีกลับบ้าน เพราะไม่อยากให้ลูกหลาน ต้องเดือดร้อน รับภาระเรื่องนี้มากเกินไป หลังจากมีโครงการ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) ปัญหาดังกล่าวบรรเทา เบาบางลงไปแยะ ประเทศไทยก�าลังริเริ่ม การสร้างโรงพยาบาลส�าหรับ ผู้สูงอายุโดยเฉพาะ เช่น โครงการโรงพยาบาลบางขุนเทียน ของ กรุงเทพมหานคร หรือที่มีนานแล้วคือ โรงพยาบาลสมเด็จพระ ญาณสังวร จังหวัดชลบุรี แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการให้บริการแก่ ผู้สูงอายุ ซึ่งมีจ�านวนมากขึ้นๆ เรื่อยๆ โครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ก�าลังริเริ่มศึกษา และพัฒนารูปแบบการดูแลผู้สูงอายุในลักษณะต่างๆ เช่น การ ใช้เตียงที่บ้านรองรับกับผู้ป่วย (Home Ward) แทนเตียงในโรง พยาบาล, กองทุนดูแลผู้พิการและผู้สูงอายุในระดับจังหวัด, การ จัดกายอุปกรณ์ให้แก่ผู้สูงอายุที่มีกายพิการ, การจัดการผู้ป่วยโรค เรื้อรัง (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ) การจัดให้มีนักกายภาพบ�าบัด ไปดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน, การให้บริการแพทย์แผนไทยแก่ผู้สูงอายุ และการจัดการด้านการเงินการคลังสุขภาพแก่ผู้สูงอายุ (Long Term Care)

หวังใจวาอีกไมชา ไมนาน ผูสูงอายุไทย จะไดรับการดูแลและใสใจดานสุขภาพอนามัย มากกวานีน้ ะครับ....

ครอบครัวพอเพียง : 13


“พระอัจริยภาพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ” ผมคิดว่าวันนี้เป็นวันที่ผมได้รับมอบภารกิจที่หนักที่สุด ในชีวิตภารกิจหนึ่ง เพราะว่าการที่จะกล่าวถึงพระอัชฉริยภาพของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงแสดงออกมาตลอดระยะเวลา ที่ครองราชย์มา ๖๐ ปี ภายในระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ ๑ ชั่วโมง คงเป็นภารกิจที่หนักหน่วงมาก เพราะเมื่อเรากลับมาเพ่งพิจารณา พระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว แม้ว่าจะ กล่าวอย่างสามัญว่า พระองค์ทรงเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น แต่ท�าไมพระอัจฉริยภาพจึงมีลักษณะที่หลากหลายเกือบครบทุก สาขา ซึ่งยากที่ใครคนใดคนหนึ่งจะสามารถกระท�าได้ เพราะโดย ธรรมชาติแล้วคนเราจะถนัดอย่างหนึ่งอย่างใดเท่านั้น ไม่สามารถ จะถนั ด อะไรที่ ร อบด้ า นดั ง เช่ น พระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู ่ หั ว ของพวกเราเลย ถ้าหากจะให้ผมเรียบเรียงทบทวนความทรง จ�าให้ครบถ้วน ก็อยากจะไล่เรียงขึ้นตามล�าดับชั้น จนกระทั่งถึง พระราชปรัชญาที่ทรงพยายามชี้น�าประเทศของเราให้หลุดพ้น 14 : ครอบครัวพอเพียง

จากความทุกข์ เพื่อน�าไปสู่ค�าว่า “ประโยชน์สุข” ที่พระองค์ได้ ทรงเปล่งพระราชวาจาไว้เมื่อ ๖๐ ปีที่แล้วในวันแรกที่เสด็จขึ้น ครองราชย์ ผมคิดว่าเป็นค�าที่มีค่า แต่คนไทยนั้นไม่ค่อยจะฝังใจ กับค�านี้จากที่ผมได้ใช้เวลาอยู่ในต่างประเทศ ผมไม่เคยได้ยิน ค�านี้จากชาวต่างประเทศเลยครับ เพราะคนในต่างประเทศเขา สอนค�าเดียวคือ “ประโยชน์” ท�าอย่างไรจึงจะแสวงหาก�าไรให้ ได้มากที่สุด ท�าอย่างไรจะแสวงหาความร�่ารวยให้มากที่สุด แต่ ภาพความเป็นจริงของชีวิตนั้น ความร�่ารวยอย่างเดียวไม่ได้น�า อะไรที่เป็นสาระแก่ชีวิตเลยหากแต่ค�าว่า “ประโยชน์สุข” ของ พระเจ้าอยู่หัวฯ นั้นคือความร�่ารวยด้วย มั่งคั่งด้วย ในลักษณะที่ ยั่งยืนและมีความสุขด้วย ค�านี้เป็นค�าที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งมนุษย์ไม่ค่อย ใส่ใจ ท�าให้โลกนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ค ว า ม จ ริ ง พ ร ะ อั จ ฉ ริ ย ภ า พ นั้ น แ ส ด ง อ อ ก ตั้ ง แต่ เ มื่ อ ครั้ ง ยั ง ทรงพระเยาว์ อ ยู ่ แ ล้ ว ได้ ท รงเล่ า ให้


ผมฟั ง เองว่ า ตอนสมั ย เด็ ก ๆ นั้ น ทรงได้ รั บ การสั่ ง สอนจาก สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีอย่างเข้มงวดอย่างยิ่ง ไม่ ได้สอนให้ฟุ่มเฟือย ไม่ได้สอนให้สิ้นเปลืองเลย มีอยู่ครั้งหนึ่ง ทรงเล่าให้ฟังว่า อยากได้ของเล่นชิ้นหนึ่งแต่เงินไม่พอ เพราะว่า pocket money ที่ทรงได้รับนั้น สมเด็จพระศรีนครินทราบรม ราชชนนีทรงเก็บภาษีด้วย แต่ละอาทิตย์ทั้งสามพระองค์ถูกหัก ออกไป ๑๐ เปอร์เซ็นต์ จะต้องน�าไปใส่กระป๋องไวที่กลางบ้าน ที่ประทับที่พระต�าหนักโลซาน และพระองค์รับสั่งว่า พวกเราทั้ง สามเรียกกระป๋องนี้ว่า “กระปองคนจน” เพราะว่าเต็มกระป๋อง แล้ว สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีจะทรงเรียกประชุม เพื่อให้ทั้งสามพระองค์นั้นตัดสินพระทัยว่าจะเอาเงินในนี้ไปท�า อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ทรงได้รับการฝึกอบรม ฝึก ปรือให้ประหยัด ให้นึกถึงประโยชน์ ให้รู้จักเสียสละมาตั้งแต่ทรง พระเยาว์ มีอยู่วันหนึ่งทรงอยากได้ของเล่นชิ้นหนึ่ง แต่สตางค์ไม่ พอ จึงทรงยืมจากราชองครักษ์ เมื่อถือของเล่นกลับมาที่ประทับ แล้ว สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงถามว่าของเล่น มาจากไหน ก็บอกว่าไปซื้อมาและรับสั่งว่าเอาเงินที่ไหนไปซื้อ เพราะรู้ว่าเงินไม่พอ บอกยืมเขา สมเด็จพระศรีฯ รับสั่งให้เอาไป คืนเดี๋ยวนั้นเลย และเอาเงินที่ยืมไปคืนเขาเสีย แล้วถ้าได้ของเล่น ต้องเก็บหอมรอมริบขึ้นมาจนกระทั่งเงินพอแล้วจึงไปซื้อ นี่คือ ชีวิตของพระองค์ท่านที่ถูกฝึกมาอย่างนี้ พวกเราลองเหลียวดูลูก หลานของเราสิครับว่า เราได้ฝึกเขาอย่างนั้นหรือเปล่าความจริง บางครั้งบางคราวเรารักลูกหลงลูก แต่เราก็ท�าลายลูกไปพร้อมๆ กัน ผมคิดว่าน่าหาหนังสือไปอ่านนะครับว่าทรงอบรมพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างไร ของเล่นแต่ละชิ้นนั้นรับสั่งว่าทรง สร้างเองทั้งนั้น รถไฟก็ต่อเอง นึกอยากจะเล่นอะไรก็ต้องท�าเอง ทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่างออกมาจากฝีไม้ลายมือ จากความสามารถ จากปัญญาทั้งสิ้น วิทยุอยากจะฟังก็ต้องต่อเอง ทรงย่อส่วนเรือรบ ศรีอยุธยา ถ้าจ�าไม่ผิด ๑ ต่อ ๕๐ และเครื่องบิน Liberator ตั้งแต่ ทรงพระเยาว์อยู่ก็สามารถจ�าลองออกมาอย่างชัดเจนมาตราส่วน ถูกต้องทีเดียวเลยครับ พระอัจฉริยภาพความเป็นช่างนั้นได้ฉายมา

ตั้งแต่ทรงพระเยาว์อยู่แล้ว พระอั จ ฉริ ย ภาพประการแรกสุ ด คื อ ทรงได้ รั บ การ ยกย่องว่าทรงมีพระอัจฉริยภาพทางด้านดนตรี ทรงดนตรีได้ทุก ชนิด ซึ่งนักดนตรี ส่วนมากจะถนัดเพียงชิ้นหรือสองชิ้นแต่พระองค์ ท่านทรงได้เกือบทุกประเภท ด้วยความช�านาญทีเดียว จนกระทั่ง ได้รับการประกาศจารึกชื่อไว้ที่สถาบันการดนตรีและศิลปะแห่ง กรุงเวียนนา นับเป็นบุคคลที่ ๒๓ ของโลกที่ได้รับการจารึก ณ ที่นั้น อีกทั้งได้ทรงประพันธ์เพลงไว้มากทีเดียว ตามประวัติได้ รวบรวมมาถึง ๔๘ เพลงด้วยกัน ผมคิดว่าในความเป็นจริงอาจ จะมากกว่านั้น แต่เท่าที่มีการบันทึกเสียงมีประมาณ ๔๘ เพลง ตั้งแต่เพลง “แสงเทียน” ซึ่งตามประวัติแล้วบอกว่าเป็นเพลง แรก ผมเคยทบทวนดูนะครับว่าเพลงต่างๆ นั้นสื่อความอะไรออก มา จะเห็นได้ว่าในยามที่บ้านเมืองเกิดวิกฤตินั้นก็ทรงใช้ดนตรีเป็น เครื่องมือประกอบการปลุกเร้าใจให้เกิดความรักแผ่นดินขึ้นมา เพลง “เราสู้” ก็ดี “แผ่นดินอันสูงสุดก็ดี ก็เกิดในช่วงที่แผ่นดิน ของเรานั้นเกิดวิกฤติ แม้กระทั่งเพลงรักก็ทรงประพันธ์ขึ้นมา เพื่อเตือนสติพวกเราให้กลับมาสนใจเรื่องน�้า สภาพแวดล้อม ทะเล ซึ่งนับวันมลพิษก็แพร่ขยายออกไป เพราะฉะนั้นท่านจะ เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ทรงท�า ดูผิวเผินเป็นเรื่องของความ สุขสนุกสนานรื่นเริง แต่แท้ที่จริงทรงใช้ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเป็น ประโยชน์กับส่วนรวมอยู่ตลอดเวลา สิ่งนี้คิดว่าเป็นสิ่งที่ประทับ ใจผมที่สุด คือทรงทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง พระวรกาย ความคิด ความนึกของพระองค์ทุกอย่าง และพระสติปัญญาเพื่อส่วนรวม เพื่อประเทศชาติ และเพื่อพสกนิกรชาวไทยอยู่ตลอดเวลา แม้ กระทั้งทรงพระเกษมส�าราญก็ยังนึกถึงประชาชน เพลง “สวัสดี ปีใหม่” ต่างๆ ที่เราร้องนั้นก็ทรงพระราชนิพนธ์ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่คิด ว่ายากที่คนธรรมดาสักคนหนึ่งจะท�าได้ แต่พระเจ้าอยู่หัวก็ได้ทรง แสดงมาให้เราเห็นอยู่ตลอดเวลา ๖๐ ปี

ครอบครัวพอเพียง : 15


เด็กวันวาน....เด็กวันนี้

ระยะนี้ลุงได้มีโอกาสเดินทางไปสาธารณรัฐประชาชน จีนบ่อยครั้ง ทั้งการเดินทางไปทัศนศึกษาและไปร่วมในงานแสดง สินค้า ไปเมืองจีนครั้งใด ก็ได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงทุกครั้ง โดยเฉพาะนครเซี่ยงไฮ้ซึ่งลุงได้เดินทางไปครั้งแรกเมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๓๗ และได้มีโอกาสเยือนนครแห่งนี้หลายครั้ง ครั้ง สุดท้ายนี้เป็นครั้งที่หก นครเซี่ยงไฮ้เปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก โดยเฉพาะตึก รามบ้านช่อง มีตึกระฟ้าที่แข่งกันสร้างมากมาย ท�ำสถิติกันว่าตึกไหนจะสูงที่สุดในเซี่ยงไฮ้ ขณะนี้มีตึกใหม่ที่ก�ำลังสร้าง ซึ่งจะลบสถิติตึกเก่าที่เคย สูงที่สุดในเซี่ยงไฮ้ คือ หอไข่มุก (Oriental Pearl Tower) และ อาคารเซี่ยงไฮ้ เวิร์ล ไฟแนนเชียล เซ็นเตอร์ (Shanghai World Financial Center) ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศจีนด้วย อย่างไรก็ตาม คนจีนยังใช้ภาษาอังกฤษกันไม่แพร่หลาย เท่าใดนัก แม้ว่านักธุรกิจที่ลุงได้ติดต่อประสานงานหลายต่อหลาย คน จะใช้ภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี แต่หากเป็นคนจีนโดยทั่วไป 16 : ครอบครัวพอเพียง

เช่น ร้านค้า หรือแท็กซี่ จะรู้ภาษาอังกฤษน้อยมาก หรือแม้แต่ประชาสัมพันธ์ที่นั่งประจ�ำในศูนย์การค้า (Information Center) ก็ยังไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ แม้แต่ค�ำง่าย ๆ เช่นค�ำว่า ห้องน�้ำ (Rest room หรือ Toilet) เป็นต้น คราวหน้า หากไปเมืองจีนอีก คงต้องถ่ายรูปสัญลักษณ์ ห้องน�้ำไว้ในมือถือ จะได้เปิดให้ดูเมื่อต้องการทราบว่าห้องน�้ำอยู่ ที่ไหน


หลาน ๆ ที่จะมีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศที่ไม่ได้ ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก จะเอาอย่างลุงบ้างก็ได้นะ ไม่ สงวนลิขสิทธิ์ เผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉิน พูดจากันไม่รู้เรื่อง ก็ใช้เทคนิคนี้ได้ หลานอาจจะนึกออกว่าเหตุใดลุงถึงเขียนเรื่องการใช้ ภาษาอังกฤษในประเทศจีน ก็เพราะอีกไม่กี่ปีข้างหน้า คือปี พ.ศ. ๒๕๕๘ กลุ่ม ประเทศอาเซียน ซึ่งมีมีประเทศสมาชิกทั้งหมด ๑๐ ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ บรูไน ลาว กัมพูชา เวียดนาม และพม่า จะรวมตั ว กั น เป็ น ตลาดเดี ย วกั น ภายใต้ ป ระชาคม เศรษฐกิจอาเซียน หรือ ASEAN Economic Community: AEC นั่ น หมายความว่ า ตั้ ง แต่ วั น ที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป อาเซียนจะเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียว รวมทั้งการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุนและ แรงงานมีฝีมือในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะเป็นไปโดยเสรี นอกจากนี้ การเคลื่อนย้ายเงินทุนก็จะท�าได้โดยเสรี อีกด้วย ดังนั้น ทุกภาคส่วนของสังคมไทยจะต้องเตรียมพร้อม รองรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเพื่อสร้างโอกาสต่อการพัฒนา เศรษฐกิจชาติ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ท�าให้ภาคธุรกิจไทย ต้อง ปรับตัว เพราะจะเป็นการเปิดประตูตลาดการค้าระหว่างกัน โดย มีประชากรรวมกันทั้งหมดมากกว่า ๗๐๐ ล้านคน ส่วนดีก็คือ ภาคธุรกิจของไทย สามารถขยายการตลาด ได้มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ไทยเราก็จะมีคู่แข่งมากขึ้น ส่ ว นที่ เ ราจะเสี ย เปรี ย บกั บ ประเทศในประชาคม เศรษฐกิจอาเซียนประการหนึ่งก็คือเรื่องภาษา เพราะในประชาคมเศรษฐกิ จ อาเซี ย นจะใช้ ภ าษา อังกฤษเป็นภาษาหลักในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน หลาย ๆ ประเทศในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่เคย

อยู่ภายใต้การปกครองของประเทศอังกฤษหรือสหรัฐอเมริกานั้น คงไม่ต้องพูดถึง เพราะเขาใช้ภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ส่วนประเทศที่เคยอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส ก็ทราบว่าขณะนี้ ประชากรของเขาก�าลังเรียนภาษาอังกฤษกัน อย่างขมักเขม่น เหลือก็แต่ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ ไม่เคยอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศใดนี่แหละ ที่ยังใช้ภาษา อังกฤษกันได้ไม่แพร่หลายมากนัก อย่ า งไรก็ ต าม หลายภาคส่ ว นของไทยก็ ไ ด้ พ ยายาม พัฒนาเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น แต่ก็ยังมีอีกหลายภาค ส่วนที่ต้องพัฒนาอย่างมากในเรื่องภาษาอังกฤษ ส�าหรับส่วนที่ได้พัฒนากันบ้างแล้ว ขอยกตัวอย่างมี ๒ ส่วน คือ ส่วนแรก คือ ในส่วนของการท่องเที่ยว พนักงานในโรงแรมของเรา ทั้งในกรุงเทพมหานครและ ต่างจังหวัด สามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ เพราะมีการจัดการฝึกอบรมและเพิ่มพูนความรู้ด้าน ภาษาอังกฤษให้ แม้กระทั่งคนขับแท็กซี่ ซึ่งปรากฏว่าแท็กซี่ส่วน ใหญ่ ก็พอจะสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ตามสมควร ส่วนที่สอง คือ ส�านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน (สพฐ.) ได้เล็งเห็นความส�าคัญเรื่องนี้ โดยได้ด�าเนินการตาม โครงการพัฒนาโรงเรียนสู่มาตรฐานสากล (World-Class Standard School) ซึ่งได้เริ่มเปิดตัวไปเมื่อ ๓ ปี ที่แล้ว ทั้งนี้ ได้คัดเลือกโรงเรียนทั่วประเทศ จ�านวน ๕๐๐ โรง ทั้งโรงเรียนมัธยมศึกษาและโรงเรียนประถมศึกษา พัฒนาคุณภาพ การเรียนการสอนด้านต่างๆ เพื่อยกระดับให้เป็นโรงเรียนที่มีความ เป็นเลิศทางวิชาการ

ครอบครัวพอเพียง : 17


โดยมีข้อก�ำหนดให้โรงเรียนทุกโรงที่เข้าโครงการ ต้อง จัดการการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์เป็น ภาษาอังกฤษให้ได้ภายในปี ๒๕๕๘ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ นี้ สพฐ. จะคัดเลือกโรงเรียนในฝัน จ�ำนวน ๒,๖๒๖ โรง เพื่อเข้าโครงการโรงเรียนสู่มาตรฐานสากล รุ่น ๒ อีกจ�ำนวน ๕๐๐ โรง โรงเรียนหลายแห่งก็ได้จัดหลักสูตรให้มีการสอนเป็น ภาษาอังกฤษทุกวิชา ยกเว้นวิชาภาษาไทย มหาวิทยาลัยหลายแห่งก็ได้เปิดสอนหลายหลักสูตรใน ภาคภาษาอังกฤษกันแล้ว แต่ที่กล่าวมาข้างต้น ก็ยังเป็นส่วนน้อยเท่านั้น ส่วนใหญ่ ยังต้องพัฒนาอีกมาก ที่ ส� ำ คั ญ การเรี ย นภาษาอั ง กฤษในชั้ น เรี ย นแต่ เ พี ย ง อย่างเดียว โดยสภาพแวดล้อมทั้งหมดยังเป็นภาษาไทยนั้น ไม่ใช่ เรื่องง่ายนัก

18 : ครอบครัวพอเพียง

หากนักเรียนไม่ได้พยายามฝึกฝนหรือน�ำภาษาอังกฤษ ไปใช้นอกชั้นเรียน การฝึกการใช้ภาษานั้น ต้องให้คล่องทั้ง การพูด การ เขียน การอ่านและการฟัง โดยเรียนรู้ในทุกโอกาสที่จะท� ำได้ ไม่ว่าจะพยายาม พูดคุยกับฝรั่งเจ้าของภาษา ดูภาพยนตร์ฝรั่งเสียงในฟิล์ม ใช้ อินเทอร์เน็ตให้คล่อง หรื อ แม้ แ ต่ ก ารใช้ เ มนู เ ป็ น ภาษาอั ง กฤษทั้ ง หน้ า จอ คอมพิวเตอร์หรือที่มือถือ ก็จะช่วยให้ภาษาอังกฤษของเราดีขึ้น เพราะนอกจากจะช่วยให้หลานหางานท�ำได้ง่ายขึ้น เมื่อส�ำเร็จการศึกษาแล้ว ยั ง มี ส ่ ว นช่ ว ยให้ ป ระเทศเราสามารถสู ้ ป ระชาคม เศรษฐกิจอาเซียนได้อย่างเต็มภาคภูมิ


ข้อมูลผู้สั่งซื้อ

ชื่อ .............................................. นามสกุล ........................................................... หน่วยงาน/ โรงเรียน/ สถาบัน/ อื่นๆ ....................................................................... สถานที่อยู่เลขที่ .................................. อาคาร/ หมู่บ้าน .................................. ตรอก/ ซอย ...................................... ถนน .................................................... แขวง/ ต�ำบล ....................................... เขต/ อ�ำเภอ ...................................... จังหวัด ................................................ รหัสไปรษณีย์ ....................................... โทรศัพท์ ........................................... โทรสาร ............................................... โทรศัพท์มือถือ ..................................... E-mail .............................................

(กรณี)มีความประสงค์จะสั่งซื้อนิตยสารครอบครัวพอเพียงมอบให้แก่

หน่วยงาน/ โรงเรียน/ สถาบัน/ อื่นๆ (โปรดระบุ)....................................................................... สถานที่จัดส่งนิตยสาร : (กรุณาเขียนตัวบรรจงให้ครบถ้วนชัดเจน) สถานที่อยู่เลขที่ .................................. อาคาร/ หมู่บ้าน .................................. ตรอก/ ซอย ...................................... ถนน .................................................... แขวง/ ต�ำบล ....................................... เขต/ อ�ำเภอ ...................................... จังหวัด ................................................ รหัสไปรษณีย์ ....................................... โทรศัพท์ ........................................... โทรสาร ............................................... โทรศัพท์มือถือ ..................................... E-mail ............................................. สั่งซื้อนิตยสารครอบครัวพอเพียง ใบเสร็จสามารถน�ำไปลดหย่อนภาษีได้ ๑๐๐% (ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล) ราย ๓ ปี (๑,๗๒๘ บาท) ราย ๕ ปี (๒,๘๘๐ บาท) รายปี ๑ ฉบับ/เดือน (รวม ๑๒ ฉบับ ๕๗๖ บาท) ราย ๓ ปี (๘,๖๔๐ บาท) ราย ๕ ปี (๑๔,๔๐๐ บาท) รายปี ๕ ฉบับ/เดือน (รวม ๖๐ ฉบับ ๒,๘๘๐ บาท) เริ่มตั้งแต่ฉบับเดือน ...............................พ.ศ. ................... ( หากไม่ระบุฉบับเริ่มต้น จะจัดส่งฉบับเดือนถัดไป ) พร้อมได้โอนเงินเข้าบัญชีจ�ำนวนเงิน ............................. บาท ( ............................................................... บาท ) *ราคานี้รวมค่าจัดส่งแล้ว (ค่าจัดส่งไปรษณีย์เล่มละ ๘ บาททั่วประเทศ)

ลงชื่อ ............................................................ ผู้สั่งซื้อ / ผู้มีอ�ำนาจลงนาม ( ................ / ............... / ............... ) ช�ำระเงินโดยโอนเข้าบัญชี ชื่อบัญชี มูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด เพื่อโครงการใสสะอาด พอเพียงเพื่อพ่อ สู่สถาบันการศึกษาและชุมชน รายชื่อทานปัญญา ธนาคารกรุงเทพ จ�ำกัด (มหาชน) สาขา ส�ำนักงาน กพ. ปิยะนันท์ บูรณะเวช บัญชีออมทรัพย์เลขที่ ๒๐๑-๐-๓๔๒๗๑-๑ กรุณาส่ง FAX ใบสั่งซื้อนิตยสารครอบครัวพอเพียง มอบทานปัญญาแก่ พร้อมหลักฐานการช�ำระเงินมาที่ โรงเรียนบ้านโคกสูง มูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด โทรศัพท์ ๐๒-๙๘๓-๗๓๑๒-๓, ๐๘๕-๐๖๕-๑๕๑๑, ๐๘๗-๘๐๕-๗๑๑๖ โทรสาร ๐๒-๙๘๓-๗๓๑๔ หมายเหตุ : ใบเสร็จ สามารถน�ำไปลดหย่อนภาษีได้ ๑๐๐ % (ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล) ครอบครัวพอเพียง : 19


ตามหา ความสุข ในยุควิกฤติ ตามหาความสุขในใจ อย่างที่รู้ๆ กันว่า คนส่วนใหญ่ยังใส่ใจความสุขทางวัตถุมากกว่าทางจิตใจซึ่งการที่คนมีความสุขกับวัตถุ มากกว่านั้นแสดงว่า บ้านเมืองนั้นๆ ยังไม่พัฒนาถ้าผู้คนพัฒนาแล้ว มีการศึกษาแล้ว ผู้คนก็จะมีความสุขทางปัญญา ส�าหรับความสุขทางวัตถุนั้นก็คือ ความสุขทางกามารมณ์ที่มาจากจากตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ได้รับการ เติมเต็มเป็นความสุขแค่เพียงภายนอก ชั่วครู่ชั่วยามแต่ความสุขที่แท้จริงมันมีความหมายลึกซึ้งมากกว่านั้นเช่น ความ สุขจากการใช้ปัญญาศึกษาค้นคว้าหาความรู้ในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้และเป็นประโยชน์ ก็เป็นความสุขหรือความสุขจาก การมุ่งมั่นภาวนาที่จะพัฒนาตัวเองไปสู่การช่วยเหลือผู้อื่นหรืออุทิศตนเพื่อรับใช้มนุษยชาติ อาตมาจึงแนะน�าให้ญาติโยมทุกท่านเรียนรู้หาความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ถ้าเราเปลี่ยนกระบวนทัศน์ หรือความคิดของคนให้รู้ว่าความสุขมีพัฒนาการหลายขั้นตอนคนส่วนใหญ่ก็จะมีแนวทางในการแสวงหาวามสุขที่สูง ขึ้นโดยอัตโนมัติ แต่น่าเสียดายที่ว่าระบบการศึกษาไทยไม่ได้สอนให้คนรู้จักการมีความสุข การศึกษาไทย สอนให้คน เรียนรู้การท�ามาหากิน เพราะฉะนั้นเมื่อท�ามาหากินไม่เป็น ก็จะกลายเป็นการท�ามาหากรรม มันเลยเกิดความยุ่งเหยิง 20 : ครอบครัวพอเพียง


วุ่นวายไม่รู้จักความสุขหรือตามหาความสุขที่แท้จริงไม่เจอสักที อาตมาคิดว่า ถ้าอยากให้ทุกคนมีความสุขและหาความสุขของในภาวะสังคมแบบนี้เจอก็ต้องท�าการเรียน การสอนสองบทบาท ระดับแรก คือ สอนให้เด็กและเยาวชนได้ปริญญาสองใบคือปริญญาวิชาชีพ ท�ามาหากินสุจริตเป็น และ ปริญญาวิชาชีวิตท�าให้เขาเรียนรู้ที่จะอยู่ท่ามกลางความทุกข์ได้อย่างมีความสุข ซึ่งจะช่วยให้เขาสามารถบริหารจัดการ กิเลสได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าเขาได้ปริญญาสองใบจะกลายเป็นคนที่มีคุณภาพ เขาก็จะรู้เองว่า ชีวิตไม่ได้จบแค่ การครอบครองวัตถุ แต่มีอะไรที่สูงกว่านั้นอีกมากมาย อยู่กับวัตถุน้อยลง แต่ความสุขในหัวใจมากขึ้น ระดับสอง คือ การเรียนรู้หลักธรรมทางพุทธศาสนา พุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งการศึกษา หลักการศึกษา เราเรียกว่าไตรสิกขา คือการศึกษา ๓ ด้าน ศีล คือพฤติกรรม สมาธิ คือจิตใจ และ ปัญญาคือความรู้ ความเข้าใจต่อ โลกอย่างถ่องแท้ ฉะนั้นกระบวนการต่างๆ ในพุทธศาสนาจึงเป็นกระบวนการของการศึกษาทั้งหมด ถ้าคุณอยากจะ เปลี่ยนแปลงตัวเองหรือเปลี่ยนแปลงอะไร พุทธศาสนาจะช่วยคุณได้อย่างดีที่สุดและลึกที่สุดไม่ต้องไปหาความสุข ที่ไหน เพราะความสุขได้เข้าไปอยู่ในจิตใจของคุณแล้ว ครอบครัวพอเพียง : 21


9 8

วิธีเล่น

เติมตัวเลข 1 - 9 ในช่องว่างของตารางโดย

ตัวเลขจะต้องไม่ซ�้ำกันทั้งแนวตั้ง แนวนอนรวมทั้งในตาราง ย่อย 3 x 3 และเส้นทแยงมุมที่ตัดผ่านตารางหรือ ตัว X จะต้องเติมตัวเลข 1 - 9 ไม่ให้ซ�้ำกันอีกด้วย

4 8

3

7 3

2

6

7

2 3 5 2

1

= = = = = = = = = = = =

........... ........... ........... ........... ........... ........... ........... ........... ........... ........... ........... ...........

วิธีเล่น วงหาค�ำศัพท์ที่ก�ำหนดให้ และหาความหมายของค�ำศัพท์ N O L R X P O H J F Z U

A U M E S D S Y E O T G

I B O N G E K D F S V N

22 : ครอบครัวพอเพียง

L R A K Q Z I F T S T F

D J T C E T N O W B D S

A U H H K D D O T Y R W

B Y D A Z J R T O E H A

O Z S K C O T T U B T I

N E A Z T Q V U P E A S

E S T O M A C H T P I T

L E D P M Q C B E Y L P

nail leg foot toe chest stomach back waist buttocks tail bone skin

5 3 9 4

7

8

9 8

2

6

Z U F E N A C G E S G A

5

1 5


9 1 2 4 8 5 3 7 6

4 6 8 1 3 7 5 2 9

5 7 3 6 9 2 1 4 8

1 8 4 2 5 3 6 9 7

3 2 9 8 7 6 4 1 5

7 5 6 9 4 1 2 8 3

6 9 5 7 1 4 8 3 2

2 4 7 3 6 8 9 5 1

8 3 1 5 2 9 7 6 4 K E Y E L A S H E S G T

M O L R X A O G J F S U

O U M P S V A Y D O B I

U B O N J M D D F B V N

S R U K L A E F T S F O

T O T S E H E T W H S S

A W H H J D D O E Y R E

C Y D A M G R U D J H A

H I B P D B C K C A T F

E E Y E C S V J I R J R

R S V A G A B R T Y B S

T H D M W O R B E Y E G

เนื่องจากเกิดความผิดผลาด ในเกมคลอสเวิร์ด ทางคณะผู้จัดท�ำจึงต้อง ขออภัย ผู้ร่วมสนุกทุก ๆ ท่านไว้ ณ ที่นี้และขอขอบคุณจดหมายติชมทุกฉบับ ทางเราขอน้อมรับเพื่อปรับปรุงแก้ไขในฉบับต่อไป ครอบครัวพอเพียง : 23


ู ร ค น  ป เ ความ

ความเป็นฅน

กว่าจะเปนบัณฑิตคืนถิ่น

ข้าพเจ้า เป็นครูผู้ช่วย สังกัดโรงเรียนบ้านบ่อหยวก อ�าเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ซึ่งข้าพเจ้าจะมาอยู่ ณ จุดนี้ได้ ก็เนื่อง มาจากพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระเมตตาแก่เยาวชนในจังหวัดน่าน ให้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนในระดับปริญญาตรี โดยได้รับทุนการ ศึกษา ตลอดจนส�าเร็จการศึกษา และอยู่ในโครงการบัณฑิตคืน ถิ่น ครูวิทยาศาสตร์คืนถิ่น ก่อนที่จะเป็นบัณฑิตคืนถิ่นได้ ก็ต้องสอบแข่งขันกับ เพื่อนๆ ที่เก่งหลายโรงเรียนในจังหวัดน่าน คัดเลือกเหลือเพียง ๕๐ เพื่อท�าการทดสอบอีกครั้ง จนได้นักเรียนที่ผ่านเพียง ๒๔ คน นับว่าข้าพเจ้ามีโอกาสที่ดีมากที่เป็น ๑ ใน ๒๔ คน และได้มาเป็นนิสิตในโครงการบัณฑิตถิ่น ครูวิทยาศาสตร์คืนถิ่น มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เมื่ อ ได้ ม าเรียนในปีการศึกษาแรก ผลการเรี ย นไม่ ดี นัก คิดว่าตัวเองคงเรียนไม่ไหวแน่ แต่พอนึกถึงพ่อแม่ อาจารย์ที่ ปรึกษาเพื่อนๆ และที่ส�าคัญที่สุด นึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ท�าให้มีก�าลัง ใจในการเรียนมากยิ่งขึ้น ขยันอ่านหนังสือ ทบทวนบทเรียน ท�า 24 : ครอบครัวพอเพียง

แบบฝึกหัด ท�าให้ผลการเรียนดีขึ้นเรื่อยๆ ในระหว่างที่เรียนก็ได้เข้าร่วมกิจกรรมหลายๆ ด้าน ได้แก่ กิจกรรมส่งเสริมความรู้ความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ กิจกรรมเสริมสร้างปลูกฝังคุณลักษณะของความเป็นครู กิจกรรม เสริมสร้างบุคลิกภาพและมนุษยสัมพันธ์ที่ดี และนอกจากนี้ใน ระหว่างปิดภาคเรียนของแต่ละปีการศึกษา ก็ได้เข้าร่วมโครงการ หลายโครงการเช่น การเข้าร่วมโครงการอบรมเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนว พระราชด�าริเป็นการอบรมกับมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง จังหวัดชลบุรี ของอาจารย์วิวัฒน์ ศัลยก�าธร เป็นโครงการที่จัด ให้ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตประจ�าวันแบบพอเพียง ได้เรียนรู้ถึงการ ท�าการเกษตรแบบพอเพียงตามแนวคิดปรัชญาพอเพียงอันเนื่อง มาจากพระราชด�าริของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ การเข้าร่วมโครงการค่ายทักษะวิชาชีพวิทยาศาสตร์ และวิ ศ วกรรมศาสตร์ ใ นโครงการหลวงจั ง หวั ด เชี ย งใหม่ ซึ่ ง ข้าพเจ้าได้ฝึกอยู่ที่โครงการหลวงอินทนนท์ ท�าวิจัยเกี่ยวกับระบบ Pre-cooling ในโครงการหลวงร่วมกับนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี


การเข้ า ร่ ว มโครงการสร้ า งเสริ ม ประสบการณ์ ด ้ า น การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์นิสิตโครงการบัณฑิตคืนถิ่น (ครู วิทยาศาสตร์คืนถิ่น) จังหวัดน่าน การฝึกประสบการณ์จะฝึกใน ท้องถิ่นของตัวเอง ซึ่งข้าพเจ้าก็ได้ฝึกประสบการณ์ที่โรงเรียน ท่าวังผาพิทยาคมในการฝึกประสบการณ์ครั้งนี้ได้ประสบการณ์ หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การเสริมประสบการณ์วิชาชีพ และปลูกฝังคุณลักษณะความเป็นครูที่ดี การพัฒนาคุณภาพทาง วิชาการ การเสริมสร้างและพัฒนาให้เกิดความรู้ความสามารถ ทางด้านวิทยาศาสตร์ มีเจตคติที่ดีต่อการเป็นครูวิทยาศาสตร์ และการสร้างเสริมบุคลิกภาพและมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ ข้าพเจ้าได้เข้าเฝ้ารับ เสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ณ ศูนย์ ภูฟ้าพัฒนา จังหวัดน่าน เป็นการเข้าเฝ้ารับเสด็จครั้งที่ ๓ แต่ เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าเฝ้ารับเสด็จใกล้ชิดมาก ในวันนั้นรู้สึกตื้นตัน มากจนน�้าตาไหล ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เข้าเฝ้าใกล้ชิดแบนี้ และ ยิ่งพระองค์ทรงรับสั่งว่าไม่ต้องห่วง งานมีมากมาย ถ้ามีหน่วย งานใดรับ ก็ให้รับเข้าไว้ในโครงการของพระองค์ ยิ่งท�าให้ข้าพเจ้า ปลาบปลื้มใจมากยิ่งขึ้น และเมื่อจบหลักสูตรนี้มา บัณฑิตคืนถิ่น ครูวิทยาศาสตร์ คืนถิ่น ก็ได้คืนถิ่นมาอยู่ที่จังหวัดน่าน ซึ่งข้าพเจ้าก็อยู่ที่โรงเรียน บ้านบ่อหยวก อ�าเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ตอนแรกที่ขึ้นมาอ�าเภอบ่อเกลือครั้งแรก ยอมรับว่า ท้อ มาก ที่ต้องขึ้นมาอยู่เพราะห่างจากบ้านข้าพเจ้าถึง ๘๐ กิโลเมตร และสภาพพื้นที่ยังเป็นภูเขาสูงคดเคี้ยว ที่ส�าคัญการเดินทางการ ค่อนข้างล�าบาก แต่พอถึงวันนี้ได้เห็นสภาพโรงเรียน เห็นนักเรียนที่เรียน ก็ท�าให้รู้สึกสงสารนักเรียน พวกเขามีโอกาสน้อยกว่าข้าพเจ้ามาก เพราะครอบครัวของนักเรียนแต่ละคนถือว่าค่อนข้างยากจน และ ครอบครัวถือว่ายากจนมากจากการที่ได้ไปเยี่ยมนักเรียนที่บ้าน โรงเรียนบ้านบ่อหยวกเป็นโรงเรียนขยายโอกาสทีเปิด สอนในช่วงชั้นที่ ๑-๓ เด็กนักเรียนส่วนมากเป็นชาวเขาเผ่าลัวะ มีนักเรียนจ�านวน ๓๕๒ คน มีครูจ�านวน ๑๘ คนซึ่งจ�านวนครูไม่ เพียงพอกับนักเรียน ท�าให้บางทีดูแลนักเรียนไม่ทั่วถึง และครูบาง คนต้องสอนหลายสาระการเรียนรู้ แต่ว่าครูทุกคนก็ไม่ท้อ สอน นักเรียนอย่างเต็มที่ พยายามหากิจกรรมการสอนใหม่ และน่า สนใจให้นักเรียนได้เรียนรู้ แต่ว่าครูทกคนก็ไม่ท้อ สอนนักเรียน อย่างเต็มที่ พยายามหากิจกรรมการสอนใหม่ๆ และน่าสนใจให้ นักเรียนได้เรียน ข้าพเจ้าได้เห็นแบบอย่างจากครูที่โรงเรียน ที่ ปฏิบัติกับนักเรียนแล้วรู้สึกว่า ตัวเองก็ต้องท�าให้ไดและท�าให้ดี เหมือนกัน จะสอนให้นักเรียนเป็นคนดี มีคุณธรรม ใช้ชีวิตกับคน อื่นในสังคมได้โดยไม่ท�าความเดือดร้อนให้กับสังคม ข้ า พเจ้ า คิ ด ว่ า เป็ น โอกาสดี แ ล้ ว ที่ ไ ด้ ม าอยู ่ ที่ อ� า เภอ

บ่อเกลือ เพราะอย่างน้อยโรงเรียนนี้ก็มีครูเพิ่มอีกคนมาช่วยสอน ให้นักเรียนได้เรียน และรู้สึกว่า ระยะทางที่ข้าพเจ้าเดินทางมา ไม่ใช่ปัญหาอุปสรรคอีกแล้ว กลับท�าให้ข้าพเจ้าเข้มแข็งขึ้น กล้าที่จะคิด กล้าที่จะ สิ่งที่ประโยชน์ต่อชุมชนมากขึ้น และจะท�างานในการสอนให้ดี ที่สุด เพื่อตอบแทนคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม ราชกุมารี

นางสาวนุจิรา ภูคา บัณฑิตคืนถิ่น ครูวิทยาศาสตร์คืนถิ่น จังหวัดน่าน

ครอบครัวพอเพียง : 25


ความกตัญญู

ครอบครัวพอเพียง ขอส่งเสริม “ความกตัญญู” ในสังคมไทย ที่งดงามและเป็นสิ่งที่ส�ำคัญยิ่งของ “ครอบครัว”

สายตรง กรมสงเสริมการสงออก

26 : ครอบครัวพอเพียง

1169


การระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้าง พื้นฐาน (Infrastructure Fund) การพั ฒ นาโครงสร้ า งพื้ น ฐานของประเทศมี ม าอย่ า งต่ อ เนื่ อ ง แต่ทผี่ า่ นมาการพัฒนาโครงสร้างพืน้ ฐาน (หรือการลงทุนของภาครัฐ) ยังอยูใ่ น ระดั บ ที่ ค ่ อ นข้ า งต�่ า (โดยจะเห็ น ได้ จ ากการลงทุ น ของภาครั ฐ ในช่ ว งปี ๒๕๔๓ – ๒๕๕๑ มีมูลค่าเฉลี่ยเพียง ๗.๑% ของ GDP เท่านั้น) และจาก การจัดอันดับความสามารถในการแข่ ง ขั น ของประเทศโดยสถาบั น ต่ า งๆ เช่น International Institute of Management Development หรือ IMD และ World Economic Forum อันดับความสามารถในการแข่งขัน ของประเทศไทยยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต�่า และถือว่ายังคงอ่อนแอในด้าน โครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น ระบบการขนส่ง โลจิสติกส์ และการสื่อสาร ด้านสาธารณสุข และด้านการศึกษา ดังนั้น การเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้ง การพัฒนาด้านสาธารณะสุขและ การศึกษา จะเป็นการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันในการแข่งขัน ของประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตของประเทศในระยะยาว และเตรียม ความพร้อมในการแข่งขัน เพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิตของเศรษฐกิจไทย รวมทั้ง จะเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนที่จะเป็นส่วนส�าคัญ ในการเพิ่มประสิทธิภาพของแรงงานไทยต่อไป เพื่ อ สร้ า งขี ด ความสามารถในการแข่ ง ขั น ของประเทศ และ ก่ อ ให้ เ กิ ด ความเสมอภาคในการแข่ ง ขั น ภาครั ฐ จึ ง มี แ ผนการลงทุ น ใน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเป็นจ�านวนมาก ซึ่งในช่วง ๕ – ๑๐ ปีอาจมีมูลค่า สูงถึง ๓ ล้านล้านบาท ดังนั้น การเตรียมความพร้อมในเรื่องแหล่งเงินทุน ถือเป็นเรื่องจ�าเป็น ซึ่งแหล่งเงินทุนส�าหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ ภาครัฐที่ผ่านมา ได้แก่ ๑) เงินงบประมาณ ๒) เงินทุนของรัฐวิสาหกิจ ๓) เงินกู้ของรัฐบาลที่กู้จากสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ ๔) เงิ น กู ้ ข องรั ฐ วิ ส าหกิ จ จากสถาบั น การเงิ น ทั้ ง ในและ ต่างประเทศ (ทั้งที่รัฐบาลค�้าประกันและไม่ค�้าประกัน) ๕) พันธบัตรรัฐบาล ๖) หุ้นกู้/พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ๗) หุ้นทุนของรัฐวิสาหกิจ ๘) การให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน (Public Private Partnership : PPPs)

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากภาครัฐมีข้อจ�ากัดด้านเงินงบประมาณ และการกู้เงิน ถ้าหากทางรัฐวิสาหกิจสะสมเงินทุนจากภายในล่าช้า อาจไม่ สามารถเร่งก่อสร้างและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานได้ รวมทั้ง การจ�าหน่าย หุ้นทุนของรัฐวิสาหกิจยังมีข้อจ�ากัดอีกจ�านวนมาก ดังนั้น กระทรวงการคลัง จึ ง ได้ ศึ ก ษาแหล่ ง เงิ น ทุ น ทางเลื อ กที่ ส ามารถใช้ ใ นการพั ฒ นาโครงสร้ า ง พื้นฐาน กระทรวงการคลังจึงได้มีแนวทางการระดมทุนผ่านกองทุนรวม โครงสร้างพื้นฐาน (กองทุนฯ) ซึ่งเป็นรูปแบบการระดมทุนที่ได้รับความนิยม ในหลายประเทศทั่วโลก เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยเพิ่มขีดจ�ากัดของภาครัฐ ในการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ กระทรวงการคลัง จึงได้น�าเสนอคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ให้ความ เห็ น ชอบในหลั ก การการใช้ ก องทุ น ฯ ในการระดมทุ น ของรั ฐ วิ ส าหกิ จ และกระทรวงการคลั ง ได้ ด� า เนิ น การร่ ว มกั บ ส� า นั ก งานคณะกรรมการ ก�ากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทย (ตลท.) เรื่อยมา เพื่อให้มีกฎระเบียบเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนฯ ที่มีความเหมาะสมส�าหรับการระดมทุนของรัฐวิสาหกิจและบริษัทเอกชนใน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่อไป กองทุ น ฯ เป็ น นิ ติ บุ ค คลที่ จั ด ตั้ ง ตามกฎระเบี ย บของ ก.ล.ต. และหน่วยลงทุนของกองทุนฯ จะจดทะเบียนใน ตลท. กองทุนฯ จะน�า โครงการโครงสร้างพื้นฐานประเภทต่างๆ เช่น ทางด่วน ท่าอากาศยาน โรงไฟฟ้า โรงผลิตน�้า และระบบโทรคมนาคม มาระดมทุนจากนักลงทุน ทัง้ ในประเทศและต่างประเทศ โดยนักลงทุนจะได้รบั ผลตอบแทนจากโครงสร้าง พื้นฐาน และเป็นผู้รับความเสี่ยง ด้วยลักษณะดังกล่าว หากก�าหนดโครงสร้าง กองทุนฯ ให้เหมาะสม การระดมทุนในรูปแบบนี้จึงไม่น่านับเป็นการก่อหนี้ สาธารณะ (ทั้งในแง่ของกฎหมายและภาระทางการเงินต่อภาครัฐ) และ เจ้าของโครงการยังคงเป็นรัฐวิสาหกิจ รัฐวิสาหกิจยังคงเป็นผู้บริหารจัดการ โครงสร้ า งพื้ น ฐานนั้ น ๆ ดั ง นั้ น การระดมทุ น ผ่ า นกองทุ น ฯ น่ า จะเป็ น ทางเลือกใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของรัฐ ซึ่งจะเป็นการช่วยพัฒนา ตลาดทุนไทยโดยการเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบใหม่อันจะเป็นทางเลือก เพิ่มเติมในการลงทุน และประชาชนจะมีทางเลือกในการออมเพิ่มขึ้นอีกด้วย รวมทั้ง การจัดตั้งกองทุนฯ จะเพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพในการ ท�างานของรัฐวิสาหกิจ และเป็นการเพิ่มบทบาทภาคเอกชนในการลงทุนใน โครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งประชาชนมีช่องทางในการเป็นเจ้าของโครงสร้าง พื้นฐานทางตรง


www.facebook.com/ครอบครัวพอเพียง และ www.ariyaplus.com

โรงเรียนสายน�้าผึ้ง

เริ่มต้นแล้วกับกิจกรรมโครงการใสสะอาด พอเพี ย งเพื่ อ สู ่ ส ถานศึ ก ษาและชุ ม ชน ปี ที่ ๔ ปี นี้ โรงเรียนแรกที่ได้จัดกิจกรรมคือโรงเรียนสายน�้าผึ้ง ใน พระอุปถัมภ์ของสมเด็จเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ ราชสุดา สิริโสภาพรรณวดี ซึ่งจัดขึ้นในวันปฐมนิเทศน์ นักเรียน ระดับชั้น มัธยมศึกษา ปีที่ ๔ และได้มีพี่ๆแกน น�าชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๕ รวมอยู่ด้วย ในปีนี้การจัด กิจกรรมจะเข้มข้นมากขึ้น เพราะนอกจากเหล่าทหาร ผู้กล้าแห่งพระราชา จะได้ท�ากิจกรรมตามพันธกิจที่ได้ วางแผนไว้ การท�าความดีต่างๆนั้นก็จะถูกบันทึกลงใน www.tum-ma.com หรือ “ท�ามะ” ใน facebook เรียกได้ว่ากิจกรรมในปีนี้ นอกจากท�าให้ตนเอง ท�าให้ โรงเรี ย นแล้ ว ยั ง ชั ก ชวนให้ เ พื่ อ นๆจากหลายสถาน ที่ หลายสถานศึกษาได้มามีส่วนร่วมกับกิจกรรมอีก มากมายทีเดียว.

อย่าลืมกด Like ให้เราด้วยนะครับ

ครอบครัวพอเพียง

28 : ครอบครัวพอเพียง


ครอบครัวพอเพียง : 29


www.facebook.com/ครอบครัวพอเพียง และ www.ariyaplus.com

ค่ายอาสาพัฒนา

โรงเรียนต�ารวจ ตระเวนชายแดนนเรศวร

ค่ายอาสาพัฒนา โรงเรียนต�ารวจ ตระเวนชายแดนนเรศวร ต�าบลป่าละอู อ�าเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ค่ายอาสาช่วงปิด เทอม เหล่าทหารผู้กล้า กว่า ๑๕๐ ชีวิต ที่ได้ใช้เวลาว่างเพื่อท�าภาระกิจในช่วงปิดเทอม สนุกสนานมากมายกับการแบ่งกลุ่มตามหน้าที่ และความ รู้ที่ได้จากการลงพื้นที่จริง สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติชายเขา ๓ วัน ๒ คืน เหล่าจิตอาสาจาก ๑๖ สถานศึกษา

อย่าลืมกด Like ให้เราด้วยนะครับ

ครอบครัวพอเพียง

30 : ครอบครัวพอเพียง

โดยในช่วงเช้าของการเดินทางวันแรก เรียกว่า ต่างคนต่างมองกันแล้วก็ยิ้มๆ แต่เมื่อถึงวันสุดท้ายก่อนจะ กลับเข้ากรุงเทพฯ จากขบวนรถไฟจ�านวน ๔ โบกี้ได้มารวม กันแบบแยกไม่ออก ใน ๒ โบกี้ท้าย เพราะความซาบซึ้งใจ จากเพื่อนต่างสถาบัน ก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ดีๆของ ชีวิต ที่หาซื้อไม่ได้ และความเป็นเพื่อนจากการออกค่าย อาสาเหล่านี้ ดูแล้วจะน�ามาซึ่งความเห็นอก เห็นใจ ช่วย เหลือเกื้อกูลกันและสร้างความประทับใจกันแบบยาวนาน เลยทีเดียว พี่ๆค่ายรายงานตอนท้ายว่า หลังจากกลับจาก ค่ายมาแล้ว สาวๆเขียวไข่กาจะย้ายมาสิงสถิตย์อยู่แถว หัวล�าโพงกันบ่อยมาก หรือหนุ่มๆนักดนตรี สุภาพบุรุษ ลูกนาคา ที่เอนทรานส์ติดวิศวะบ้าง มหาลัยเกษตรบ้าง จะมารวมตัวกันแถวๆถนนรัชดา... นั้นแน่รู้นะจะไปค่ายกันอีกใช่ไหมล่ะ อย่างไรเสียก็อย่าลืมว่ามีหน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบ คือการเรียนนะจ้ะ..แล้วพบกันใหม่กับค่ายอาสาพัฒนาเร็วๆนี้ อ้อ..ก่อนลาค่ายนี้ก็ต้องขอกราบ ขอบพระคุณ คุณแม่น้องอิม และคุณครูเปิล จากโรงเรียนอิสลามวิทยาลัย ที่ได้ไปร่วมอาสา พัฒนาในครั้งนี้.


ครอบครัวพอเพียง : 31


๘. ระบบภูมิคุ้มกันลดลง

โรคตางๆ ที่เกิดจากการบริโภค นํ้าตาลมากเกินไป ตอนที่ ๒

ระดับน�้าตาลในร่างกายที่มากเกินไปจะไปกดการสร้าง เม็ดเลือดขาว ซึ่งท�าหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ท�าให้ร่างกาย อ่อนแอ และพบว่าระดับน�้าตาลที่สูงจะท�าให้การอักเสบซ�้าของหู และทางเดินปัสสาวะได้ง่าย

๙. มะเร็ง

น�้าตาลและคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยแล้ว จะเร่งการเจริญ เติบโตของเซลโดยการเพิ่มระดับของฮอร์โมนอินซูลิน ดังนั้นคน อ้วนและผู้ป่วยเบาหวานจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งสูงกว่า คนปกติ

๑๐. สิว

น�้าตาลจะขัดขวางการท�างานของฮอร์โมนเอสโตรเจน และเทสโทสเทอร์โลน และยังท�าให้เชื้อแบคทีเรียที่ผิวเจริญเติบโต ได้ดี ก่อให้เกิดความสกปรกและเป็นสิวได้ง่าย

๑๑. อาการผิดปกติก่อนมีประจ�าเดือนหรือ พีเอ็มเอส (premenstrual syndrome, PMS)

น�้าตาลจะกระตุ้นให้หลั่งฮอร์โมนอินซูลินและเอสโตร เจนมากขึ้น ผลตามมาคือการมีอาการผิดปกติก่อนมีประจ�าเดือน

เคล็ดลับเด็ดๆ เพื่อร่างกายฟิตพร้อมจิตแจ่มใส เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าวิถีชีวิตที่เร่งรีบในสังคมปัจจุบันจะ ท�าให้ทุกคนปรารถนาที่จะมีสุขภาพกายและจิตที่ดี เราขอแนะน� า เคล็ ด ลั บ ง่ า ยๆที่ จ ะท� า ให้ คุ ณ ได้ เ ป็ น เจ้าของร่างกายที่แข็งแรงฟิตเปรี๊ยะราวกับเด็กสาว เพียงคุณเล็ง เห็นความส�าคัญของปัจจัยพืน้ ฐานสามประการในการด�ารงชีวติ ต่อ ไปนี้ ความฝันของคุณที่จะมีหุ่นสวยสุขภาพดี และจิตใจที่แจ่มใส มีพลังก็จะเป็นความจริง

ออกก�าลังกายอย่างสม�่าเสมอ

การออกก�าลังกายท�าให้สมองหลั่งสารเอนโดร์ฟิน หรือ ที่เรียกกันว่า สารแห่งความสุขออกมา สารนี้ช่วยให้เรามีอารมณ์ที่ ดีขึ้น และช่วยผ่อนคลายความเครียด เพราะเอนโดร์ฟินท�าหน้าที่ แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับฮอร์โมนที่ท�าให้เกิดความเครียด นอกจาก นี้การออกก�าลังกาย จะท�าให้เกิดการแตกตัวของไขมันซึ่งจะท�าให้

32 : ครอบครัวพอเพียง


สองสามวัน เช่น ปวดเกร็งของมดลูกหรือปวดท้องเม็นส์ อารมณ์ หงุดหงิด ขีโ้ มโห นอกจากนีน้ า�้ ตาลยังรบกวนต่อกระบวนการก�าจัด ฮอร์โมนส่วนเกินเหล่านี้ด้วย

๑๒. สุขภาพจิตเสื่อม

เป็นที่ทราบกันแล้วว่า สมองไวต่อน�้าตาล ถ้าน�้าตาล มากไปอาจก่อให้เกิดอาการซึมเศร้าอารมณ์แปรปรวน สมาธิไม่ ดี อาจก่อให้เกิดการติดแอลกอฮอล์หรือเหล้า และยาเสพย์ติด ดังนั้นต้องค�านึงอยู่เสมอว่าสมองต้องการสารอาหารที่สม�่าเสมอ ถึงจะไม่ผิดปกติ

ร่างกายสร้างแอล ทริปโตเฟน ซึ่งเป็นโมเลกุลที่คล้ายคลึงกับสาร เซโรโทนินหรือสารสื่อประสาทที่มีส่วนช่วยให้เรารู้สึกเป็นสุขออก มา การออกก�าลังกายอย่างสม�่าเสมอยังช่วยลดความวิตกกังวล และท�าให้ทัศนคติที่เรามีต่อตัวเองดีขึ้นอีกด้วย บ่อยครั้งที่เรา จะรู้สึกว่าตัวเองดูดีขึ้นหรือสัดส่วนกระชับขึ้นหลังออกก�าลังกาย และไม่ว่าการออกก�าลังกายแบบแอโรบิก หรือแบบต้านแรงเช่น การยกน�้าหนัก หรือเล่นเวทจะท�าให้เรารู้สึกสดใส มีพลังและยัง มีร่างกายที่แข็งแรงเป็นของแถม

ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สึกหรอ ผักและผลไม้สดเป็นแหล่งส�าคัญ ของใยอาหารรวมทั้ ง วิ ต ามิ น และเกลื อ แร่ ที่ ส� า คั ญ ต่ อ ร่ า งกาย อาหารนมมี แอล ทริปโตเฟนสูงที่จะช่วยสร้างสารเซโรโทนิน กรด ไขมันโอเมกาสามช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจวายเฉียบพลัน ท�าให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งและช่วยแก้อาการซึมเศร้า ดังนั้นอย่า ลังเลที่จะทานอาหารดีๆ ที่มีประโยชน์เวลาที่คุณรู้สึกเครียด

นอนพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนพักผ่อนให้เพียงพอเป็นหัวใจส�าคัญของการมี ทานอาหารที่มีประโยชน์ สุขภาพดี ถ้าเรานอนไม่พอร่างกายจะตกอยู่ในภาวะเครียดเรื้อรัง การรั บ ประทานอาหารที่ อุ ด มไปด้ ว ยคุ ณ ค่ า ทาง และร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ท�าให้เกิดความเครียดที่เป็นพิษออก โภชนาการสามารถช่วยลดความเครียดได้ แต่อย่าลืมว่าถ้าคุณ มาท�าลายสุขภาพ จากการวิจัยพบว่าคนเราควรนอนหลับให้ได้ รับประทานอาหารขณะรีบร้อนหรือรับประทานอาหารที่มีน�้าตาล โดยเฉลี่ยวันละ ๗ ชั่วโมง เชิงเดี่ยวสูงเกินไปเช่น เค้ก คุ้กกี้ หรือน�้าอัดลม อาจท�าให้คุณ รู้สึกเครียดมากขึ้นได้ โดยปกติแล้วเรามักจะเผลอทานอาหาร หวานจัดเวลาเครียดโดยคิดว่าสิ่งนี้จะช่วยเพิ่มพลัง แต่ทางที่ดี คุณควรจะหันมารับประทานอาหารที่มีประโยชน์มากกว่า เพราะ อาหารสดๆที่ปราศจากสารปรุงแต่งจะช่วยให้ร่างกายท�างานอย่าง เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น โปรตีนคุณภาพจากปลา ไข่ หรือเต้าหู้

ครอบครัวพอเพียง : 33


ÍÀÕÁ ¤Ù‹¾Ô·Ñ¡É

34 : ครอบครัวพอเพียง


ครอบครัวพอเพียง : 35


36 : ครอบครัวพอเพียง


ครอบครัวพอเพียง : 37


38 : ครอบครัวพอเพียง


ครอบครัวพอเพียง : 39


“มีโอกาสช่อยเหลือทาง บ้านได้มากอันนี้เปนสิ่งที่ เต้ยดีใจและภูมิใจมากที่ได้ ท�าตรงนี้”

ิ ต ร ย ี เก น ุ จ ร พ ์ ร ท น ิ เต้ย-จร

พอได้ ค ลายร้ อ นกั น ไปบ้ า งนิ ด หน่อยอากาศที่ร้อนสุดๆในบ้านเราอย่าง ชนิ ด ที่ ไ ม่ เ คยมี ม าก่ อ นแต่ พ อได้ เ จอฝน ตกลงมาหน่อยเราก็มีความรู้สึกว่าชื่นอก ชื่นใจจริงๆ จริงมั้ยคะท่านผู้อ่าน.... คุย กับดาวฉบับนี้เราซอกแซกไปคุยกับดารา สาวที่ น ่ า รั ก คนหนึ่ ง ที่ ก� า ลั ง โด่ ง ดั ง อยู ่ ใ น เวลานี้ เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติที่ก�าลัง มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งงานแสดงไม่ว่าจะเป็น หนัง ละคร หรืองานอีเว้นท์ต่างๆที่เธอได้ รับความสนใจจากเจ้าของงานที่ต้องการ ตัวเธอไปร่วมเป็นสีสันของงานแต่ละงาน ฉบั บ นี้ เ ราเลยซอกแซกไปคุ ย กั บ สาวเต้ ย 40 : ครอบครัวพอเพียง

ถึ ง เรื่ อ งราวของเธอกั บ การท� า งานที่ เ ธอ บอกว่าไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เข้ามาท�างานใน วงการบันเทิงนั้นเธอก็ผ่านเรื่องราวทั้งร้าย และดีมาแล้วอย่างโชกโชนจนพิสูจน์ตัวเอง ได้ว่า เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ คนนี้ เธอ เป็นตัวของตัวเองที่ไม่มีประวัติด่างพร้อย มาก่ อ นจริ ง ๆข่ า วที่ เ คยโจมตี เ ธอมาก่ อ น หน้านั้นแล้วจริงๆ เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ เป็น ชื่ อ จริ ง นามสกุ ล จริ ง เป็ น คนกรุ ง เทพฯ จบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์ วิโรฒ ประสานมิตร เริ่มเข้าสู่วงการแสดง เมื่อประมาณปี ๒๕๕๑ จากการถ่ายแบบ

ตามนิ ต ยสารวั ย รุ ่ น ต่ า งๆจนเป็ น ที่ เ ข้ า ตาของเจ้ า ของผลิ ต ภั ณ ฑ์ เลยมี โ อกาส ได้ ถ ่ า ยโฆษณา ในขณะที่ เ ธอก� า ลั ง เรี ย น มหาวิทยาลัยปี ๑ เธอก็มีงานบันเทิงมา รองรับเธอแล้ว เป็นการท�างานที่ท�างานที่ ท�ารายการได้ให้กับตัวเธอเองโดยที่เธอไม่ ต้องแบมือขอเงินจากทางบ้านหาเงินเรียน เองโดยไม่ต้องเป็นภาระให้กับพ่อแม่อันนี้ เต้ยบอกว่าดีใจและภูมิใจเป็นอย่างมากที่ สามารถท�างานหาเงินได้ด้วยตนเอง เต้ยคิดว่าการที่เต้ยได้มาท�างาน ในวงการนี้ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะคะ มันดีมากๆ ดีกว่าเพื่อนหลายๆคนที่ไม่มีโอกาสการที่


เต้ยมาท�างานตอนนี้เต้ยได้อะไรก่อนคนอื่น เราได้ท�างานก่อนคนอื่น ได้มีประสบการณ์ มากกว่าคนอื่น ที่ส�าคัญเรามีโอกาสเก็บเงิน เก็บทองตั้งแต่เรายังเรียนไม่จบ มีโอกาส ช่ ว ยเหลื อ ทางบ้ า นได้ ม ากอั น นี้ เ ป็ น สิ่ ง ที่ เต้ยดีใจและภูมิใจมากที่ได้ท�าตรงนี้เพราะ เราไม่ ส ามารถที่ จ ะตอบแทนบุ ญ คุ ณ พ่ อ แม่ได้ในทางอื่นเมื่อเรามีโอกาสท�าตรงนี้ ได้เราก็ดีใจได้ช่วยเหลือครอบครัวในขณะ ที่ เ พื่ อ นๆอี ก หลายๆคนเรี ย นจบแล้ ว ก็ ยั ง ไม่มีงานท�าเพราะงานเวลานี้หายากมาก แต่เต้ยคิดว่าเต้ยโชคดีกว่าหลายๆคนที่เต้ย ได้ท�างานตั้งแต่ยังเรียนอยู่ขอบคุณพ่อแม่ที่ ให้รูปทรัพย์ให้เต้ยได้ท�างานในวงการนี้ได้ อย่างไม่อายใคร ถามว่ า การที่ เ ต้ ย เป็ น นั ก แสดง และอยู ่ ใ นสายตาของประชาชนนั้ น เต้ ย จะแสดงเป็นตัวตนของเต้ยออกมาได้เต็ม ที่มั้ย มันไม่มีแน่ค่ะเต้ยว่าการที่เราอยาก ท� า อะไรอย่ า งที่ เ ราอยากท� า เหมื อ นชาว บ้านทั่วไปนั้นจริงๆก็ท�าได้แต่มันไม่เต็มที่ เพราะวงการบันเทิงบ้านเรามันไม่เหมือน ต่างประเทศอีกอย่างรุ่นพี่ป้าน้าอาเขาก็ ไม่ท�ากันสมัยก่อนเขาต้องเก็บตัวกันอย่าง มิอชิดรายการทีวีก็ไม่มีใครจะเห็นตัวกัน ง่ายๆคงไม่ได้จะเห็นกันแต่ในบทบาทของ การแสดงในภาพยนตร์เท่านั้นตัวจริงๆก็คง เห็นกันยากไม่เหมือนสมัยนี้มีสื่อให้เห็นกัน มากมายงานอีเว้นต์ก็เยอะแยะใครอยาก เห็นดาราคนไหนเดี๋ยวนี้ดูได้ง่ายอาจจะเดิน

ชนกันเสียด้วยซ�้าไปตามห้างสรรพสินค้า ถามว่าเต้ยท�างานมาแล้วหลาย อย่ า งไม่ ว ่ า จะเป็ น นางแบบ พิ ธี ก ร งาน แสดงละคร งานแสดงหนั ง ถามว่ า เต้ ย ชอบงานอะไรมากที่ สุ ด นั้ น เต้ ย ว่ า งาน ทุกอย่างที่เต้ยผ่านมาแล้วนั้นมันเหมือน เป็นการเริ่มต้นของเต้ย ยังค่ะ เต้ยยังไม่ เก่ง เต้ยก็คงต้องฝึกไปเรื่อยๆต้องพัฒนา ฝีมือให้มากกว่านี้ ต้องเรียนรู้ให้มากที่สุด เพราะคนที่เก่งกวาเต้ยมีเยอะเพราะฉะนั้น เต้ยจะพยายามฝึกใรเรื่องงานแสดงให้มาก ที่สุด ถามว่างานทั้งหมดเต้ยชอบงานอะไร มากที่สุด เต้ยว่าจะเป็นงานหนังนะเพราะ งานหนังไม่เหมือนงานละครมันคล้ายกันก็ จริงแต่มันต่างกันมากใช้เวลาต่างกันมาก ใช้เวลาถ่ายท�าก็นานกว่าละครแต่เต้ยจะ ชอบงานหนังและงานพิธีกรมากเพราะเต้ย คิดว่าเต้ยได้อะไรหลายๆอย่างกับงานหนัง พิธีกร อย่างงานพิธีกรเราจะได้เห็นมุมมอง ของคนอื่นว่าเขาคิดยังไงกับการที่เขาได้ ไปเที่ยวในที่ต่างๆเพราะเป็นคนที่ชอบไป เที่ยวเต้ยบอกตรงๆว่าถูกใจเต้ยมากที่สุด เลยค่ะมันได้ทั้งการท�างานและก�าไรชีวิต

ที่อีกหลายๆคนไม่ได้ สนุกมากจริงๆค่ะ เต้ยคิดว่าการที่เต้ยเข้ามาท�างานในวงการ นี้ เต้ ย ได้ ท� า อะไรที่ เ ต้ ย ไม่ เ คยท� า ซึ่ ง ถ้ า เต้ยไม่ได้มาท�างานที่ตรงนี้ก็คือไม่มีโอกาส ได้ไปหรือได้ท�าในสิ่งที่อยากท�าอะไรแบบ นี้ก็เป็นได้ค่ะ กับการมองวงการบันเทิงทุกวัน นี้เต้ยว่ามันมีอะไรหลากหลายมีทั้งดีและ ไม่ดี มันมีทั้งสดใสและขุ่นมัว เราก็พยายาม อย่าเข้าไปใกล้สิ่งที่มันขุ่นมัว คือเราท�าใน สิ่งที่คิดดีท�าดีส่วนใครคิดไม่ดีท�าไม่ดีกับเรา ก็ไม่เป็นไรเขาคิดได้แล้วเดี๋ยวเขาก็เข้าใจ เราเองเพราะเราไม่พยายามท�าตัวเป็นศัตรู กับใครเต้ยก็อยู่ของเต้ยแบบนี้ ท�างานที่ เราได้รับผิดชอบมาให้ดีที่สุดตั้งใจที่สุดแค่ นี้ แ หละค่ ะ ที่ เ ต้ ย ตั้ ง ใจทุ ก วั น นี้ มี ง านท� า ก็ พอใจแล้วทั้งงานละคร งานหนังและงาน อีเว้นต์ เต้ยมีความสุขแล้วค่ะ” นั้นคือเรื่องราวของดาราสาววัย ยี่สิบต้นๆอย่าง เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ ทึ่เรามีโอกาสได้คุยกับเธอมาถ่ายทอดเป็น ตัวอักษรให้คุณผู้อ่านกันในฉบับนี้ค่ะ

ครอบครัวพอเพียง : 41


JUSTICE DO DIE ยุทธการโดดเดี่ยวราชบัลลังก์ ดูดายประชาชน อัญญาสิทธิ์ วิมติ - บวร ยสินทร The Conservatives ๙ มี.ค. ๒๕๕๕ หยั่งอดีตรู้อนาคต

ความเป็ นคนสยามหรือไทยเริ่มเสียนิสัยมาตั้ ง แต่ นั ก สอนศาสนาคริ ส ต์ เ ข้ า ไทยคื อ นิ สั ย เอาอย่ า งฝรั่ ง โดยไม่ เ ข้ า ใจ เหตุผล และติดต่อมาจนทุกวันนี้ เช่นในวันวาเลนไทน์ ทุกคน ต่างเห่อซื้อดอกกุหลาบสีแดง นัยว่าเป็นวันแห่งความรัก ฉลอง กันอย่างเอิกเกริก มีการแจกทองผู้จดทะเบียนสมรสในวันนั้น เอา เด็กอายุไม่ถึง ๑๐ ปี มาจดทะเบียนให้ได้ชื่อว่า คู่สมรสที่อายุน้อย ที่สุด หรือแม้แต่แก่ที่สุด มีการแจกถุงยางอนามัย สารพัดความคิด ถูกน�ำมาใช้ จนฝรั่งเองยังต้องงงงวยกับความเห่อฝรั่งของคนไทย ที่ส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ถึง เหตุและผลที่แท้จริง สมั ย ก่ อ นข้ า ราชส�ำ นั ก เป็ น ตั ว การให้ เ กิ ด การแย่ ง ชิ ง อ� ำ นาจแก่ กั น ของบรรดาพระราชโอรสเพื่อจะยิ่งใหญ่ ต ามเมื่ อ เจ้านายได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ไม่ต่างจากนักการเมืองไทยใน ปัจจุบันที่สมาชิกพรรคต่างแก่งแย่งกันมีอ� ำนาจโดยถือหางผู้น�ำ ในมุ้งของตนเอง การเสียกรุงครั้งแรกเพราะพระเจ้าแผ่นดินไม่เชี่ยวชาญ การรบตามภาวะกาลสมัยว่า ยุคนั้นต้องเข้มแข็งทางกองทัพ ส่วน ข้ า ราชส� ำ นั ก ระดั บ สู ง ก็ ถู ก จู ง ด้ ว ยอามิ ส ของศั ต รู จ นคิ ด เอาตั ว รอด เช่น พระยาจักรี ครั้นกลับมาเป็นเอกราชได้ไม่นานก็เจอ พิษวัฒนธรรมตะวันตกจากบรรณาการของพ่อค้าอีก จนวันนี้ข้า ราชบริพาร(ข้าราชการ)บางส่วนยังคงหลงใหลในอามิสโดยยึดกฎ 42 : ครอบครัวพอเพียง

“บุญคุณต้องทดแทน” แม้ก่อนหน้านั้น สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ. ๑๙๙๑-๒๐๓๑) ได้ทรงปฏิรูประบบการปกครอง (ไม่ใช่ระบอบ) ทรงจัดให้มี “สมุหนายก” เป็นอัครเสนาบดีดูแลรับผิดชอบด้าน การบริหารพลเรือนทั่วราชอาณาจักรและดูแลจตุสดมภ์ (กรม เมือง, กรมวัง, กรมคลัง, กรมนา) หัวหน้าฝ่ายทหาร เรียกว่า “สมุห กลาโหม” รับผิดชอบด้านการทหารและป้องกันประเทศ เช่น กรม ช้าง กรมม้า ฯลฯ ส่วนในด้านภูมิภาคได้มีการปฏิรูปการปกครอง โดยรวมอ�ำนาจไว้ที่ศูนย์กลาง คือ เมืองหลวง และจัดให้มีไพร่หลวง,ไพร่สม, ไพร่ส่วย คือ มีทาสมาแต่ บัดนั้น แถมให้คนต่างด้าวมาเป็นผู้รับสัมปทานการเก็บภาษีอากร จากคนสยาม ท�ำให้คนต่างด้าวสร้างความมั่งคั่งอย่างรวดเร็ว ขณะ ที่คนสยามบ้างเป็นทาสจนครบ ๖๐ ปี เท่ากับการปลูกนิสัยทาส เจ้าขุน มูลนายมา จนแม้ประกาศเลิกทาสกว่า ๑๐๐ ปี แล้ว แต่ดู เหมือนว่า ทายาทของนายอากรเหล่านั้นยังคงสร้างกลไกทาสแบบ ใหม่ที่เลวร้ายกว่าเดิม เพราะน�ำมาท�ำลายประเทศชาติเพื่อนายทุน ของทาสจะได้เป็นใหญ่นับว่าหนักหนากว่าอดีตมาก กรุงศรีฯ เป็นเมืองขึ้นพม่าครั้งที่ ๒ เกิดจากพม่ารู้แน่ชัด ว่าพระเจ้าแผ่นดินอ่อนแอทางการป้องกันประเทศในยุคที่วัดกัน ด้วยก�ำลังรบ ไม่สนพระทัยในการปลุกใจทหารและข้าราชการ ให้จงรักภักดีอย่างมีปัญญาแจ้งที่จะหยั่งรู้สภาวเจตสิกของทหาร


ข้ า ราชการและพลเมื อ ง ซึ่ ง มั ก เอาตั ว รอด โดยไม่ ใ ส่ ใ จความอยู ่ ร อดของประเทศชาติ ท�ำให้ศัตรูเข้ามาล้อมวังได้ง่าย ๆ จากเดือน กุมภาพันธ์ ๒๓๐๙ – เมษายน ๒๓๑๐ ก็เข้า เผาราชวังเรียบร้อย สรุ ป ได้ ต ามประวั ติ ศ าสตร์ ๒-๓ ฉบับเขียนไว้ว่า พระเจ้าแผ่นดินไม่แสดงความ เป็ น กษั ต ริ ย ์ คื อ นั ก รบ จนแม่ ทั พ นายกอง ต่างส�ำราญให้อ่อนแอรบไม่เป็น ครั้นเกิดศึก บรรดานายทหารกล้าก็ถูกกีดกันจนเกิดการ ท้อถอย ปล่อยให้ราชวังพังอย่างสะใจ ทั้ง ๆ ที่พม่ามาตีครั้งนี้มิได้หวังเอาเป็นเมืองขึ้น คือ ต้องการเพียงทรัพย์สินมากมายไปใช้ในเมือง เขาเท่านั้น ดั่งเมื่อกองทัพถอยกลับ ได้ปล่อย ให้ น ายกองสุ กี้ ป ระจ� ำ อยู ่ ที่ ค ่ า ยโพธิ์ ส ามต้ น เพียงผู้เดียว ส่วนที่ธนบุรีตั้งนายทองอินให้ เป็นยามเฝ้าไว้เท่านั้นเอง ที่ ร� ำ พั น มาเพราะว่ า เหตุ ก ารณ์ ปัจจุบัน แม้ต่างชาติทางตะวันตก จะรุกราน ไทยมานานก็เพื่อเอาทรัพย์สมบัติ โดยอาศัย คนไทยที่ละโมบและมักใหญ่ใฝ่สูงเป็นเสมือน ไส้ศึก จนเห็นถึงความอ่อนแอในองคาพยพ ต่างๆ จนรู้ว่าเข้าโจมตีได้ง่ายแน่ ๆ ดังลอง บุกเผากลางกรุง ก็ยังไม่มีใครกล้าเอาผิดได้ ร้ายกว่าพม่าไหม? พม่าเผาแล้วเอาทรัพย์กลับ บ้านสบายฤดี แต่นี่บุกแบบรู้ว่าเจ้าของบ้านไม่ กล้าท�ำอะไรด้วยเหตุผลร้อยแปด โดยศัตรูใช้ สื่อ เงิน อ�ำนาจรัฐเป็นอาวุธอย่างมีระบบตาม สูตรยุทธวิธีของทหาร ต�ำรวจนอกประจ�ำการ และมือโปรเมืองนอก จนคนโตจับประเด็นไม่ ได้ว่านี่คือสงครามแบบใหม่ ที่ใช้สื่อเป็นระฆัง ฆ้องเรียกร้องประชาธิปไตยแบบสังคมนิยม และ/หรือ เสรีนิยมที่เคยกระท�ำมาในฝรั่งเศส, โปรตุเกส, ออสเตรีย, เยอรมัน, รัสเซีย เมื่อ ร้อยกว่าปีก่อน โดยที่ไทยมีความคล้ายกับ สเปนที่ สุ ด เพราะต้ อ งหายใจเข้ า ออกด้ ว ย เรื่องเศรษฐกิจ ดั ง มี ป ร ะ วั ติ ม า ว ่ า ร ะ ห ว ่ า ง สงครามโลกครั้งที่ ๑ สเปนวางตัวเป็นกลาง ได้รับประโยชน์จากการค้าระหว่างนั้นมาก ท�ำให้รัฐบาลได้รับความนิยม แต่หลังสงคราม ตลาดการค้าก็ซบเซา เศรษฐกิจก็แย่ต้องปลด

คนงานมากมาย รัฐบาลก็โดนด่า สเปนในขณะนั้น (พ.ศ. ๒๔๖๒ หรือ ๙๓ ปีมาแล้ว) ก็มีลักษณะการเมืองคล้ายไทย ในปี ๒๕๕๕ นี้ ที่อ�ำนาจบริหารส่วนใหญ่อยู่ ในมือของนักธุรกิจ จึงได้มีพวกสังคมนิยมออก ชี้ชวนเรียกหาสิทธิเสรีภาพพร้อมกับชีน้ �ำให้ไป ดูฝรั่งเศส, เยอรมัน, อเมริกาเป็นตัวอย่าง ก่อ ให้เกิดพวกเสรีนิยม (นักธุรกิจเสรี), สังคมนิยม (ต่อต้านทุนนิยมและระบอบกษัตริย์) และ พวกอนาธิปไตย (Anarchist) คือพวกรับจ้าง เรียกหาประชาธิปไตย จะเห็นว่าชาวสเปน ได้เคลื่อนไหวเพื่อสิทธิทางการเมือง เกิดการ หยุดงาน ก่อจลาจลท�ำให้สถานการณ์ทางการ เมืองเลวลง ๆ มีกบฏเกิดขึ้นในโมร็อคโคของ สเปน จากปัญหาการคอรัปชั่นอย่างมโหฬาร ในกองทัพ แต่รัฐบาลก็ปราบกบฏไม่ได้ (ก.ค. ๒๔๖๔) ยิ่ ง เปิ ด ทางให้ ก ลุ ่ ม ต่ า ง ๆ โจมตี รัฐบาลอย่างหนักขึ้น (จงเปรียบเทียบกับของ ไทยเวลานี้!) ท�ำให้กษัตริย์อัลฟองโซที่ ๑๓ จ�ำ ต้ อ งทรงระงั บ วิ ก ฤติ ก ารณ์ แ ละจ�ำ ต้ อ งทรง รั ก ษาราชบั ล ลั ง ก์ ต ามพระหน้ า ที่ โดยนาย พลฟริโมเดอ ริเวอรา ท�ำการรัฐประหารขึ้น ในเดือนกันยายน ๒๔๖๖ แล้วจัดตั้งรัฐบาล ทหารขึ้นปกครองประเทศ งดใช้รัฐธรรมนูญ ชั่วคราว ยุบสภาคอร์เตช ตรวจหนังสือพิมพ์ ใช้ ศ าลทหารปราบปรามพวกสั ง คมนิ ย ม, เสรีนิยม และอนาคิสต์ อย่างรุนแรง ยึดหลัก “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” แบบสมัย จอมพลสฤษดิ์ฯ อย่างไรอย่างนั้น และร่าง รัฐธรรมนูญขึ้นใหม่แบบฟาสซิสต์ของอิตาลี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๑ แต่มา มกราคม ๒๔๗๓ นายพลฟรีโม ป่วยหนักขณะเศรษฐกิจโลก วิกฤติ จึงถูกปลดตามแรงการเดินขบวน ตั้ง นายพลเบอร์เรนเกียร์ขึ้นแทน โดยนายพล คนนี้เดินแผนปรองดองแบบจอมพลถนอมฯ ของไทยนั้นแล การเดินแผนปรองดองของสเปนได้ สะท้อนให้เห็นว่า ยังไม่เข้าใจการปกครองใน แบบราชอาณาจักร ที่รัฐบาล (Government) มีอ�ำนาจบริหาร (Execution) ประเทศ โดย มีสมาชิกสภาสามัญจากประชาชนทุกอาชีพ

สรุ ป ได้ ต ามประวั ติ ศาสตร์ ๒-๓ ฉบับเขียนไว้ว่า พระเจ้าแผ่นดินไม่แสดงความ เป็ นกษั ต ริ ย ์ คื อ นัก รบ จน แม่ ทั พ นายกองต่ า งส� ำ ราญ ให้อ่อนแอรบไม่เป็น ครั้นเกิด ศึก บรรดานายทหารกล้าก็ ถูกกีดกันจนเกิดการท้อถอย ปล่อยให้ราชวังพังอย่างสะใจ

ครอบครัวพอเพียง : 43


ป ร ะ ช า ช น ส เป น (จากการจั ด ตั้ ง และปลุ ก ปั ่ น โดยหั ว หน้ า สายไม่ กี่ คน) จึงรุกฆาตกษัตริย์ว่า กี ด กั น สิ ท ธิ์ ป ระชาชนตาม รัฐธรรมนูญ จนก่อการ จลาจล ขอรัฐธรรมนูญ ฉ บั บ ข อ ง ป ร ะ ช า ช น (อ้ า งเหมื อ นไทยเดี้ ย ะ) ในที่สุดกษัตริย์อัลฟองโซ จ� ำ ต้ อ งจั ด ให้ มี ก ารเลื อ ก ตั้งด้วยรูปแบบเดิม ๆ ใน เดือนเมษายน ๒๔๗๔

44 : ครอบครัวพอเพียง

คัดเลือก (Select) เข้ามาตามสัดส่วน โดยไม่ ให้ถูกครอบง�ำด้วยการโฆษณาแบบเอาเป็น เอาตายเหมือนอย่างการเลือกตั้งที่เป็นแบบ สาธารณรัฐที่เรียกว่า Electioneer (อีเล็คชะ เนีย) สเปนยังคงเดินหน้าอย่างงมโข่งเช่นเดียว กับการเมืองไทยในเวลานี้ คือ ยังคงจัดเลือก ตั้งแบบ Election เช่นระบอบประธานาธิบดี การคิดแต่จะใช้การประนีประนอม, ปรองดอง กับสังคมนิยม สุดท้ายก็จ�ำนนอยู่กับปัญหา การเมืองซ�้ำซาก ประชาชนสเปน (จากการจั ด ตั้ ง และปลุ ก ปั ่ น โดยหั ว หน้ า สายไม่ กี่ ค น) จึ ง รุกฆาตกษัตริย์ว่ากีดกันสิทธิ์ประชาชนตาม รัฐธรรมนูญ จนก่อการจลาจล ขอรัฐธรรมนูญ ฉบับของประชาชน (อ้างเหมือนไทยเดี้ยะ) ในที่สุดกษัตริย์อัลฟองโซ จ�ำต้องจัดให้มีการ เลือกตั้งด้วยรูปแบบเดิม ๆ ในเดือนเมษายน ๒๔๗๔ แ ล ะ เหตุ ก ารณ์ ก ลายเป็ น ว่ า ประชาชนเกือบทุกจังหวัดส�ำคัญ ๆ (ยกเว้น ๔ จั ง หวั ด ) ออกเสี ย งอย่ า งท่ ว มท้ น ที่ จ ะ เปลี่ ย นแปลงประเทศให้ เ ป็ น สาธารณรั ฐ ท� ำ ให้ พ ระเจ้ า อั ล ฟองโซ ต้ อ งทรงหั น ไป หากองทัพให้ช่วย แต่ก็สายเกินแก้ กองทัพ มิ อ าจเคลื่ อ นไหวไปตามพระเจตนาได้ เ สี ย แล้ว เพราะปล่อยให้ปัญหางอกเงยจนท่วม ประเทศ ท้ า ยสุ ด พระองค์ พ ร้ อ มด้ ว ยพระ ราชวงศ์ จึ ง เสด็ จ หนี ไ ปปารี ส โดยมิ ไ ด้ ส ละ ราชบัลลังก์ จนทรงสิ้นพระชนม์ที่นั่น เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๔ ส่วนด้ า นหลั ง นายนิ เ ซโต อั ล คา ลา ซาโมรา ได้เป็นหัวหน้าการจัดตั้งรัฐบาล เปลี่ ย นประเทศมาเป็ น สาธารณรั ฐ ในเดื อ น มิ ถุ น ายน ๒๔๗๔ จึ ง จั ด ให้ มี ก ารเลื อ กตั้ ง สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปรากฏ ว่ า พวกนิ ย มสาธารณรั ฐ ได้ รั บ เลื อ กเข้ า มา อย่างท่วมท้น ขณะนั้นชาวสเปนได้แบ่งแยกออก เป็น ๓ กลุ่มใหญ่ ๆ ที่มิอาจปรองดองกัน ได้ คือ ๑.พวกชนชั้ น สู ง ที่ เ คร่ ง ครั ด ใน ขนบธรรมเนียมประเพณี, กองทัพ, พระ

๒.เจ้าของที่ดินรายใหญ่ ๆ, พวกนัก อุตสาหกรรมบางส่วน แม้ความจริงพวกเหล่า นี้ก็ไม่ได้กลมกลืนกันนัก แต่กลัวเสียเกียรติภูมิ ทางการเมือง, ทรัพย์สมบัติ, ฐานะทางสังคม และการผู ก ขาดทางศาสนา จึ ง จ�ำ เป็ น ต้ อ ง ร่วมมือกันไปก่อน แต่ได้รับการสนับสนุนจาก ประชาชนน้อย ๓ . พ ว ก ช น ชั้ น ล ่ า ง ช า ว น า กรรมกร ที่มีความเคียดแค้นต่อการถูกเอา เปรียบมานาน ได้รับการสนับสนุนจากพวก อุ ต สาหกรรมขนาดเล็ ก , ลู ก จ้ า งห้ า งร้ า น และคนต่างจังหวัดมากมายกลายเป็นพรรค สังคมนิยม แต่ยังมีกลุ่มกลางแม้จ�ำนวนไม่มาก นัก เช่น ปัญญาชน, ครู, นักหนังสือพิมพ์ และพวกช�ำนาญการพิเศษ เช่น วิศวกร, นัก วิชาการ, แพทย์, ทนายความ ฯลฯ แบ่งกัน สนับสนุน ๒ พรรคของสาธารณรัฐฝ่ายซ้าย (Left Republican) ที่ยืนหยัดจะปฏิรูปตาม แบบเสรีนิยมอังกฤษ และพรรคสาธารณรัฐ ฝ่ายขวา (Right Republican) ที่มุ่งร้ายต่อ กษัตริย์, กองทัพและองค์การศาสนา สรุปความว่า ๒ สาธารณรัฐขวาซ้าย ผลัดกันเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรค สังคมนิยมเข้าเสริมเสียงให้พอทุกครั้ง ท้าย สุดพวกกลาง ๆ ที่กล่าวมาก็ท�ำให้ประชาชน ผิดหวังและเกิดเรื่องเกิดราว เช่น ฝ่ายขวา ขึ้น ก็ท�ำลายฝ่ายซ้ายโดยพวกสังคมนิยมเป็น ตัวการท�ำให้บ้านเมืองเหมือนทะเลเพลิงอย่าง ไทยปัจจุบัน จนถึง พ.ศ. ๒๔๗๙ ก็ต้องเกิด สงครามกลางเมืองมาจบใน พ.ศ. ๒๔๘๒โดย ประธานาธิบดี อาซานา ต้องหนีไปฝรั่งเศส เหมือนพระเจ้าอัลฟองโซ (กรรมตามทัน) นั่ น คื อ นายพลฟรั ง โก ข้ า หลวง ทางทหารประจ�ำหมู่เกาะคานารี ได้เดินทาง เข้าโมร็อคโคของสเปน ข้ามไปขึ้นฝั่งที่คาดิซ ในเดือนตุลาคม ๒๔๗๙ สงครามก็เกิด แม้ ก�ำลังจะพอๆกันแต่ฝ่ายกบฏมีก�ำลังทหารที่ มีประสิทธิภาพกว่า เพราะประชาชนเอาใจ ช่ ว ย ขณะฝ่ า ยรั ฐ บาลอาศั ย ฝึ ก ชาวนาราก หญ้าพวกแรงงาน แม้มากแต่กลายเป็นผักปลา อังกฤษ, ฝรั่งเศส, อเมริกาปันใจเข้าข้าง


รัฐบาล แต่ช่วยอะไรมากไม่ได้เพราะเกรงจะ กลายเป็นสงครามระหว่างประเทศ จึงท�ำให้ ท้ า ยสุ ด ฝ่ า ยกบฏโดยนายพลฟรั ง โกก็ ช นะ จึงเรียกเป็นผู้ปฏิวัติ ปกครองแบบเผด็จการ จนถึง พ.ศ. ๒๕๑๘ สเปน จึงได้กลับมาเป็น ราชอาณาจักรอีกครั้งจนถึงปัจจุบัน จากกรณีของสเปน สรุปได้ว่า ทุก ครั้ ง ที่ รั ฐ บาลอ่ อ นแอหรื อ ถู ก ประชาชนต่ อ ต้านมาก ก็จะกลัวถูกกองทัพใช้เป็นโอกาส ยึดอ�ำนาจ จะมีการใช้ปัญญาชน, นักวิชาการ, คนช�ำนาญอาชีพบางอาชีพ, นักเคลื่อนไหว, สื่ อ มวลชน ออกมาโจมตี ก องทั พ ว่ า เป็ น เผด็จการขวางประชาธิปไตย เหมือนไทยใน เวลานี้ เหตุการณ์ในสเปนเกิดมาเกือบ ๑๐๐ ปีแล้ว แต่ไทยยังน�ำมาใช้กันอยู่ โดยกองทัพ เมื่อถูกรุกไล่ก็ยังคงโต้ตอบไม่เป็นกระบวน, อีกทั้งในแวดวงราชส� ำนักก็ดูเหมือนยังเป็น เช่นของสเปนในศตวรรษที่แล้ว แม้ ผู ้ เ ขี ย นจะเคยเขี ย นชี้ ท างบอก สมาชิกมาแต่ พ.ศ. ๒๕๔๐ เป็นระยะ ๆ โดย แจ้งไว้ว่า ถ้ามี ส.ส.ร.และมีรัฐบาลเมื่อไรนับ ไปถึงปีที่ ๕ อย่ากระพริบตา, นั่นคือ รัฐบาล จากรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๔๐ เริ่มเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๔, ๔๕, ๔๖, ๔๗, ๔๘ (๕ ปี) ก็ปรากฏ เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงทางการเมือง, และได้ พยายามชี้ให้ท�ำการปฏิรูปแบบอังกฤษตลอด มา ครั้น ค.ม.ช. ยึดอ�ำนาจในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ โดยไม่ปฏิรูปการเมืองก่อนการเลือกตั้งใหม่ ก็รู้ว่าจะยิ่งยับเยินไปใหญ่ ดังที่ว่ากองทัพจะ เป็นหมันเดินล�ำบากเหมือนเหยียบกับระเบิด อยู่ จะเคลื่อนไปไหนก็ไม่ได้ แล้วจริงไหมล่ะที่ ยิ่งทรุดลงไปอีก ! จึ ง ชี้ ต ่ อ ในปี พ.ศ.๒๕๔๙ ไว้ ว ่ า พ.ศ.๒๕๕๒-๒๕๕๔ จะหนักขึ้น และอาจจบ ใน พ.ศ. ๒๕๕๕ เพราะไม่มีใครเข้าใจเรื่อง รัฐธรรมนูญในแบบราชอาณาจักร, ไม่รู้จัก ระบอบประชาธิ ป ไตยในราชอาณาจั ก รว่ า เขาใช้โดย “ระบอบรัฐสภาที่มีผู้แทนจาก ๓ สถาบัน” และคนเขียนรัฐธรรมนูญนั้นไม่ต้อง ใช้คนมาก แค่ ๒-๓ คนก็พอ ทั้งการเลือกตั้ง ระบอบรัฐสภาต้องแบบอังกฤษ, แต่ไทยใช้ ตามระบอบสาธารณรัฐแบบประธานาธิบดี ซึง่

พูดขนาดนี้แล้ว ก็มีน้อยคนที่เข้าใจแจ้ง มัววิ่ง หาแต่นายกฯ ร�่ำรวยแบบกบเลือกนายไม่มีผิด ขนาดนักการเมืองยังไม่รู้ว่าไทยได้ รับเอารูปแบบ ( คือ Form ได้แก่ ระเบียบ, ระบอบ, แบบแผน ฯลฯ) ของสาธารณรัฐ แบบสหรัฐอเมริกามาใช้ เช่น รัฐธรรมนูญ ที่ เ รี ย กว่ า Constitution ได้ ก� ำ หนดทั้ ง อ�ำนาจการเมืองที่เป็นการปกครองประเทศ (Rule) และ อ� ำ นาจการเมื อ งที่ เ ป็ น การ บริหารประเทศ (Government) ไว้ในฉบับ เดียวกัน ซึ่งรูปแบบในลักษณะเช่นนี้ ปรากฏ เป็นตัวอย่างอยู่ว่าราชอาณาจักรที่มีพลเมือง มาก (เกิน ๔ ล้านคนขึ้นไป) หากใช้รูปแบบ (Form) เช่นนี้ จะเกิดปัญหาให้ราชอาณาจักร ต้ อ งล่ ม สลายกลายเป็ น สาธารณรั ฐ ทุ ก แห่ ง ไป เพราะรัฐธรรมนูญแบบ Constitution นี้ เกิดจากการที่สหรัฐอเมริกามุ่งหมายให้ต่าง จากอังกฤษ ให้เป็น Continentalism คือ ขนบธรรมเนียมนิสัยใจคออย่างชาวยุโรปที่ ต่างกับชาวอังกฤษ แต่แทบไม่มีผู้ใหญ่ใดจะเข้าใจเรื่อง รั ฐ ธรรมนู ญ แบบราชอาณาจั ก รอย่ า งเห็ น เจตนา ที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ว่า “การ จะดูสิ่งใดเรื่องใดให้รู้แจ้งต้องดูตั้งแต่การ ก� ำ เนิ ด เพื่ อ จะได้ รู ้ เจตนาที่ ต ้ อ งเกิ ด สิ่ ง นั้ น และดู ก ารพั ฒ นามาจนถึ ง ปั จ จุ บั น เพื่ อ ให้ เห็นอนาคตของสิ่งนั้น ๆ” ประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญเกิด ขึ้นครั้งแรกที่สหรัฐกรีก (เรียกสหรัฐเพราะมี หลายชาติรัฐรวมกัน) โดยท่าน Solon เป็นผู้ ต้นคิด เมื่อ ๗๒ ปีก่อนมี พ.ศ. เรียกเป็นภาษา กรีกว่า Demokratis ให้นิรุกติ์ค�ำ Demo (ดีโม) ว่า “ประชาชน” (หมายถึง พลเมืองชาย ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว) และ kratis ว่า “สิทธิ พิเศษ” จึงเป็นการปกครองโดยประชาชนที่ พึ่งตนเองได้ (ระบอบประชาธิปไตย), ห้าม ประชาชนขายตั ว เป็ น ทาส, ให้ ป ระชาชน ทุกคนไปประชุมรัฐสภาด้วยตนเองโดยไม่มี ผู้แทน ฯลฯ และเรียกรัฐธรรมนูญชนิดนี้ว่า Solonian Constitution ครั้นต่อมาเพลโต ปราชญ์ชาวกรีก อีกท่านหนึ่ง ได้คิดสูตรการปกครองขึ้นอีก

จ า ก ก ร ณี ข อ ง สเปน สรุปได้ว่า ทุกครั้ง ที่ รั ฐ บาลอ่ อ นแอหรื อ ถู ก ประชาชนต่ อ ต้ า นมาก ก็ จะกลั ว ถู ก กองทั พ ใช้ เป็ น โอกาสยึดอ�ำนาจ จะมีการ ใช้ปัญญาชน, นักวิชาการ, ค นช� ำ น า ญ อ า ชี พ บ า ง อาชี พ , นั ก เคลื่ อ นไหว, สื่อมวลชน ออกมาโจมตี กองทั พ ว่ า เป็ น เผด็ จ การ ขวางประชาธิปไตย เหมือน ไทยในเวลานี้

ครอบครัวพอเพียง : 45


ในขณะที่สังคมไทย เต็ ม ไปด้ ว ย ทาสนายทุ น จนนายทาสสามารถนั ด ชุ ม นุ ม คนเป็ น แสน เพื่ อ เรียกร้องหา ประชาธิปไตย ทาส

46 : ครอบครัวพอเพียง

เรียกว่า Republican เพื่อใช้กับการปกครอง เป็นอีกพรรคหนึ่งใน “ระบอบเดียวกัน” คือ ในรูปแบบสาธารณรัฐ (Republic) ซึ่งขัดแย้ง ประชาธิปไตยที่ “ประชาชนเป็นผู้ปกครอง” รวมความว่า ประชาธิปไตยทั้ง ๒ กับรูปแบบเดิมของท่าน Solon ต่อมาจึงถูก เนรเทศต้องไปอยู ่ โ รมั น ซึ่ ง โรมั น ตอนนั้ น ก็ สูตรคือ จากสหรัฐกรีกกับสหรัฐอเมริกา ต่าง มีหลายชาติรัฐเช่นกัน จึงสามารถเรียกเป็น ล้วนห้ามประชาชนเป็นทาส นั่นคือต้องการ สหรัฐโรมันได้เช่นกัน โรมันจึงเป็นสาธารณรัฐ ให้ประชาชนเป็นอิสระเพื่อ “การมีชีวิตอยู่ แห่งแรก ที่ได้น�ำระบอบ Republican อัน ร่วมกันอย่างพึ่งพิงกันแต่เป็นอิสระต่อกัน” แปลว่า “ระบอบการปกครองของหรือโดย ตาม “กฎสุริยจักรวาล” ของท่านโซโลน ดัง ประชาชน” มาใช้ ค�ำว่า Republican เป็น สวิสได้ใช้ตามกรีกดั่งเดิม จึงไม่มีการเลือก ภาษาโรมัน, Democracy เป็นภาษาอังกฤษ, ส.ส. และทุกคนต่างเรียกตัวเองว่า “เสรีชน” Demokratis เป็นภาษากรีก ที่ต่างมีความ (Free Citizen) จึงน่าประหลาดใจ ที่แทบ ไม่ มี ผู ้ มี อ� ำ นาจทางการเมื อ งของไทยเข้าใจ หมายเดียวกัน แต่รูปแบบไม่เหมือนกัน! ดังนั้นโรมันซึ่งมี ๓ ชนชั้นคือ สูง- และเห็นเจตนาแท้ ๆ ของประชาธิปไตย ซ�้ำ กลาง-ทาส แต่ให้ ๒ ชนชั้นมีสิทธิเลือกสมาชิก คนดังๆที่เป็นรู้จักในสังคม ชอบแสดงความ สภาซีเนท ให้สภาซีเนทเลือก Consuls เป็น คิดเห็น ทั้งทางที.วี.และในสภาก็มี ให้น�ำวิธี “ผู ้ รั ก ษาผลประโยชน์ ช าติ ” (กงสุ ล -คอน การเลือกตั้งแบบของสาธารณรัฐมาใช้กับราช ซูล) ซึ่งชนชั้นทาสไม่มีสิทธิ์ จึงไปดูแบบที่กรีก อาณาจักรไทยโดยความเขลา หรือมีเจตนา มาเขียนเป็นกฎ, สะท้อนเจตนาของระบอบ ร้ายกันแน่ เช่น การเลือกนายกฯโดยตรง การ ประชาชนเป็นผู้ปกครองลงในแผ่นทองแดง มีปาร์ตี้ลิสต์ หรือเน้นเป็นค�ำขวัญที่ว่า พรรค ๑๒ แผ่น ประกาศไว้ในใจกลางกรุงโรมเมื่อ เลือกคนประชาชนเลือกพรรค ซึ่งล้วนแต่เป็น ยาพิษต่อระบอบราชอาณาจักรทั้งสิ้น พ.ศ. ๙๓ ในขณะที่ สั ง คมไทยเต็ ม ไปด้ ว ย ต่ อ มาเมื่ อ อเมริ ก าได้ อิ ส รภาพ ผู ้ แทน ๑๓ รัฐ จึงประชุมกันใน Continental “ทาสนายทุ น ” จนนายทาสสามารถ Congress ให้ ๔ ผู ้ แ ทนไปดู แ บบที่ โ รมั น นั ด ชุ ม นุ ม คนเป็ น แสน เพื่ อ เรี ย กร้ อ งหา แล้วน�ำกลับมาเขียน Constitution และได้ “ประชาธิ ป ไตยทาส” อั ง กฤษจึ ง เป็ น ราช อาณาจั ก รเดี ย วในโลกนี้ ที่ ด� ำ เนิ น การอย่ า ง ประกาศใช้เมื่อ ๑๗ กันยายน ๒๓๓๐ ดั ง นั้ น สหรั ฐ อเมริ ก านั บ แต่ พ.ศ. เท่าทัน เกี่ยวกับการปกครองทั้ง ๒ อาการ ๒๓๓๐-๒๔๐๗ จึ ง ใช้ Republican แบบ คือ Rule เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิต โรมัน จนถึง พ.ศ. ๒๔๐๐ นักบวชระดับธีโอ และทรั พ ย์ สิ น ของพลเมื อ ง ตามพระภาระ โดร์ ของศาสนายูนิตาเรียน คือ ธีโอโดร์ ปาร์ค หน้าที่แห่งกฎธรรมชาติของกษัตริย์ ซึ่งมีกลไก เกอร์ ได้คิดรูปแบบ Democracy มาจากเว็บ (state machine) ๒ กลไก คือ กองทัพกับ สเตอร์, ที่ได้มาจากประธานาธิบดีเจมส์ มันโร, ตุ ล าการ และเกี่ ย วกั บ การปกครองอาการ โดยเจมส์ มันโรได้มาจากจอห์น วิคคลิฟของ Government คือ การบริหาร เพื่อความ อังกฤษ และจอห์น วิคคลิฟได้มาจากนักเทศน์ ยุติธรรมในการท�ำให้พลเมืองมีอาชีพ เพื่อมี นามคลีออน ชาวเอเธนส์ (กรีก) ต่อมา พ.ศ. เงินไปซื้อหาปัจจัยชีวิตที่จ�ำเป็นให้พอเพียง ๒๔๐๖ ประธานาธิบดี อับราฮัม ลินคอล์น เพื่อสันติสุขอย่างมีศิลป์ ซึ่งศิลป์ที่ว่านี้ หมาย ยิวอเมริกันศาสนายูนิตาเรียนเช่นกันได้น�ำมา ถึงมีปัญญารู้แจ้ง (wise) ที่เรียกว่า “รู้เท่าทัน ใช้ และ พ.ศ. ๒๔๐๘ ได้ประกาศเลิกทาส แต่ สภาวธรรม (the state)” เพราะกฎต่าง ๆ ที่สุดก็ถูกกลุ่มนายทุนจ้างมือปืนลอบสังหาร ที่มนุษย์คิดขึ้นนั้นล้วนเป็นสภาวธรรมทั้งสิ้น อนึ่งส�ำหรับผู้มีปัญญา (wise) นั้น จนวายชนม์ และต้องไม่ลืมว่าท่านลินคอล์น นี้แหละ คือ ผู้ตั้งพรรค Republican ส่วน หมายถึงผู้มีปัญญาจากการปฏิบัติศีลสิกขา, Democratic Party ของสหรัฐอเมริกานั้น ก็ จิตสิกขา, ปัญญาสิกขา จนรู้ว่า “จัตตโรเม


ภิกขเว สันโต สังวิชชมานา โลกัสมึ” คือ “ดูกร ท่านผู้รู้จักเกรงภัยในการมีบุคคล ๔ ประเภทของโลกวัฏฏสงสาร” เนื่องจากว่า ในโลกนี้มีกุศลจิตตวิญญาณคือ สว่างมา ได้แก่ บัวปริ่มน�้ำมี ๑ ส่วน และอกุศลจิตตวิญญาณ คือมืดมา ได้แก่ บัวใต้น�้ำมี ๓ ส่วน มาปฏิสนธิ ในไซโกท (เซลส์สืบพันธุ์รวมของพ่อแม่) เป็น ประธานชีวิตรูปนี้ที่มีจิต (เจตนา-เจตสิก) เป็น ศักยภาพวิสัย โดยเจตสิกเป็นตัวสันตติ คือ ติดต่อกันกับจิตตวิญญาณนั้น ๆ ท�ำให้เจตสิก เป็นจิตรู้คิดได้นั้นแล แลศิ ล ป์ ใ นที่ นี้ มิ ใ ช่ เ ป็ น เพี ย งดั่ ง ศิลปินและกวีที่ท�ำให้คนดูร้องไห้หรือหัวเราะ เท่านั้น เพราะการเห็นมุขลักษณ์ของคนเช่น นี้มันไม่ใช่ปัญญา ที่เรียกว่า wise แต่เป็น ปัญญาอัจฉริยะดิบที่รู้ว่าจะสร้างความนิยม อย่างไร ส่วนศิลปะชีวิตที่อมตะนั้นไม่ท�ำให้ ผู้ฟังพอใจ, ดีใจ,โกรธ,หัวเราะโดยไม่ได้ความ รู้อันเป็นประโยชน์ ต้องท� ำให้รู้คิดได้อย่าง มั ช ฌิ ม า คื อ คิ ด เห็ น สิ่ ง ใดๆอย่ า งรอบด้ า น ในทุ ก ปั จ จั ย จึ ง จะเห็ น ความแตกต่ า งของ ประชาธิปไตยในแบบราชอาณาจักรว่าต่าง จากแบบสาธารณรัฐอย่างไร ฯลฯ ตัวอย่างอังกฤษสมัยเริ่มต้นเมื่อ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๑๗๕๘ ขุนนางอ้างประชาชน ต้องการการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง (ซึ่ง คล้ า ยกั บ ไทยเมื่ อ ๒๔ มิ ถุ น ายน ๒๔๗๕ นั้นแล) จึงได้น�ำมหาสัญญาระหว่างพระเจ้า แผ่นดินกับพลเมือง เรื่องความปลอดภัยใน เสรีภาพแห่งชีวิตและทรัพย์สินของพลเมือง คือ Magna Carta มาให้พระองค์ลงพระนาม ในหนังแกะ เรียกว่า “พระบรมราชสัญญา การปกครองแผ่นดิน” ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุด และเป็น “The Rule of Law” นี่คือปฐมบทแห่งการเปลี่ยนแปลง ก า ร ป ก ค ร อ ง ข อ ง ร า ช อ า ณ า จั ก ร แบบ unlimited power to rule มาเป็น limited power to rule เฉพาะความ ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพลเมือง โดยสถาบันพระมหากษัตริย์ได้มอบหมายให้ “ฝ่ายตุลาการ” ไปตัดสินคดีความแทน ส่วน การปกครองแบบบริหารนั้น ให้มีรัฐสภาซึ่งมี

ข้าราชบริพารผู้ใหญ่ กับพระผู้ใหญ่ ไปบริหาร จัดการแทนใน “สภามนตรี” ต่อมา พ.ศ. ๑๘๓๘ พระเจ้าแผ่น ดินโปรดให้ประชาชนแต่ละชนชั้น (ก็คืออาชีพ และลั ก ษณะความเป็ น อยู ่ ) เลื อ กตั ว แทน กันเองคือให้เลือกอัศวินจากมณฑล ๆ ละ ๒ คน เลือกชาวนคร ๆ ละ ๒ คน, ชาวเมือง ๆ ละ ๒ คน มาช่วยสภามนตรี แต่ไม่มีอิสระในการ พูด จึงแยกกันประชุมให้กลายเป็น ๒ สภามา แต่บัดนั้น คือ สภาขุนนางกับสภาสามัญ อัน พิจารณาแล้วว่าสภาขุนนางนี้มีผู้แทนสถาบัน กษั ต ริ ย ์ คื อ เชื้ อ พระวงศ์ , ข้ า ราชบริ พ าร (ข้าราชการ) ผู้ใหญ่ และพระในศาสนาทาง ราชการ คือ พระที่พระเจ้าแผ่นดินทรงโปรด เกล้าฯ แต่งตั้ง เช่น อาร์คบิชอป บิชอป (ของ ไทยก็เป็น พระชั้นสมเด็จ, จุฬาราชมนตรี) สภาขุนนางจึงเท่ากับเป็นวิภูติสภา (สภาแห่ง ความรุ่งโรจน์, สภาแห่งความสง่าผ่าเผย) ซึ่ง เป็ น ตั ว แทนสถาบั น พระมหากษั ต ริ ย ์ และ สถาบันทางศาสนา ส่วนสภาสามัญ เป็นวิมุติ สภา (สภาอิสระ) ที่เป็นตัวแทนสถาบันชาติ หรือประชาชนนั่นเอง ต่ อ มา พ.ศ. ๒๒๐๓ มี พ รรค ๒ พรรค แต่เลือกตั้งแบบใช้ปัญญาตามเจตสิก ดิบอยู่ จนพ.ศ. ๒๓๕๘ ฝรั่งเศสถูกบังคับโดย ๔ ราชอาณาจักรให้น�ำพระเจ้าแผ่นดินกลับ คืนมา ฝรั่งเศสจึงตั้งพรรค ๒ พรรค คือ พรรค เสรีนิยมกับพรรคชาตินิยม จนถึง พ.ศ. ๒๓๗๓ พวกเสรีนยิ มท�ำการปฏิวตั ขิ นึ้ เพือ่ สนองเจตนา ของพวกเสรีนิยม คือ นักธุรกิจเสรี และผู้นิยม สาธารณรัฐได้เขียนรัฐธรรมนูญขึ้น โดยเวลา นั้น คนหารู้ไม่ว่า คนชนชั้น (อาชีพ) ไหนเขียน ก็ ต ้ อ งเขี ย นไปตามเจตสิ ก ของคนชนชั้ น นั้ น “เช่นที่ว่า ชนชาติไหนปั้นพระพุทธรูป ก็ จะมีพระพักตร์เหมือนกับหน้าของชนชาติ ผู้ปั้นนั้นเสมอ” จึงเท่ากับท�ำให้นักธุรกิจเสรี คือ พวกเสรีนิยมเหมือนได้ขึ้นเป็นพระเจ้า แผ่นดินนั่นเอง ท�ำให้คนชนชีพเดียวกับผู้เขียน รัฐธรรมนูญได้ประโยชน์สูงสุด (นั่นสะท้อนให้ เห็นว่า เหตุใดในเวลานี้ พวกนายทุนของไทย หลายกลุ่ม จึงต่างเฮโลเชียร์นายทุนสามานย์ที่ สละสัญชาติไทยคนนั้น และพร้อมทุ่มเงินทอง

คนชนชั้ น (อาชี พ ) ไหนเขียน ก็ต้องเขียนไปตาม เจตสิ ก ของคนชนชั้ น นั้ น เช่ น ที่ ว ่ า ชนชาติ ไ หนปั ้ น พระพุ ท ธรู ป ก็ จ ะมี พ ระ พักตร์เหมือนกับหน้าของ ชนชาติผู้ปั้นนัน้ เสมอ” จึง เท่ากับท�ำให้นกั ธุรกิจเสรีคือ พวกเสรี นิ ย มเหมื อ นได้ ขึ้ น เป็ น พระเจ้ า แผ่ นดิ นนั่น เอง ท� ำ ให้ ค นชนชี พ เดี ย วกั บ ผู ้ เ ขี ย น รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ ไ ด ้ ประโยชน์สูงสุด (นัน่ สะท้อน ให้ เห็ น ว่ า เหตุ ใ ดในเวลานี้ พวกนายทุนของไทยหลาย กลุ ่ ม จึ ง ต่ า งเฮโลเชี ย ร์ น า ย ทุ น ส า ม า น ย ์ ที่ ส ล ะ สัญชาติไทยคนนัน้

ครอบครัวพอเพียง : 47


หากไทยใช้ ห ลั ก เกณฑ์ เช่ นนี้ แ ล้ ว ปั ญ หา การล้มล้างรัฐธรรมนูญ ที่ จ ะกระทบอ� ำ นาจการ ปกครองประเทศของพระ มหากษัตริย์ก็จะได้หมดไป สถาบันพระมหากษัตริย์ จะ ได้ไม่ถูกใช้อ้างเหมือนองค์ ประกั น ให้ ฝ ่ า ยที่ ต ้ อ งการ แย่งชิงอ�ำนาจกัน ใช้อ้าง ความจงรักภักดีจนกลาย เป็ น การบั่ น ทอนสถาบั น พระมหากษัตริย์กันในที่สุด

48 : ครอบครัวพอเพียง

ให้กับการเคลื่อนไหวของบรรดาทาสนายทุน กลุ่มต่างๆ) อังกฤษจึงคิดท�ำการปฏิรูปรัฐสภา ใน พ.ศ. ๒๓๗๕ แทนการปฏิวัติแบบฝรั่งเศส โดยบัญญัติให้มีส.ส. ๖๕๕ คน ทั้ง ๆ ที่มี พลเมืองแค่ ๙ ล้านคนเศษ และมีประชาชนผู้ มีสิทธิ์เพียง ๗๕๐,๐๐๐ คนเท่านั้น เท่ากับให้ ๑,๑๑๑ คน เลือกเอาคนเดียว โดยให้ผู้เลือก กับผู้ถูกเลือกมีอาชีพเดียวกัน ถือว่ารู้จักกันมา แล้ว, เจตนาให้เลือกคนหัวดีที่สุดและเป็นคน ดีที่สุด ตามการรู้จักกันมา พ.ศ. ๒๓๗๖ อั ง กฤษประกาศ เลิ ก ทาส พ.ศ. ๒๓๗๘ น� ำ พ.ร.ฏ เช่ น Bill of Rights และ พ.ร.บ. ต่าง ๆ ที่ว่า ด้วยสิทธิทางการบริหาร และการเมือง มา รวมเรี ย กว่ า The British Constitution (รัฐธรรมนูญอังกฤษ) ให้เป็นเช่นกฎหมายลูก ของแม็คนา คาร์ตา โดยให้รัฐธรรมนูญเป็นกฎ ทางการเมืองการบริหารประเทศนั่นเอง ซึ่งจะ แก้ไขเมื่อไรก็ได้ตามควรโดยไม่ต้องไปยุ่งกับ กฎหมายการปกครองประเทศแม็คนา คาร์ตา หากไทยใช้ ห ลั ก เกณฑ์ เ ช่ น นี้ แ ล้ ว ปั ญ หาการล้ ม ล้ า งรั ฐ ธรรมนู ญ ที่ จ ะกระทบ อ� ำ นาจการปกครองประเทศของพระมหา กษั ต ริ ย ์ ก็ จ ะได้ ห มดไป สถาบั น พระมหา กษัตริย์ จะได้ไม่ถูกใช้อ้างเหมือนองค์ประกัน ให้ฝ่ายที่ต้องการแย่ ง ชิ ง อ� ำ นาจกั น ใช้ อ ้ า ง ความจงรั ก ภั ก ดี จ นกลายเป็ น การบั่ น ทอน สถาบันพระมหากษัตริย์กันในที่สุด

หลอกคน หลอกชาติ หลอกตัวเอง

การเรียกหาระบอบประชาธิปไตย อย่ า งบ้ า คลั่ ง เคยเป็ น เครื่ อ งมื อ ให้ พ วก สังคมนิยมในสเปนเมื่อ ๙๐ กว่าปีก่อน ใช้ ความเจ้ า เล่ ห ์ ท� ำ ลายกองทั พ มาแล้ ว จน สถาบั น กษั ต ริ ย ์ อั น มี ก องทั พ , ตุ ล าการและ ข้ า ราชการเป็ น กลไก ต้ อ งพ่ า ยแพ้ ต ่ อ เล่ ห ์ มายานั้ น จนประเทศกลายเป็ น ระบอบ สาธารณรัฐ ครั้นได้อ�ำนาจมาก็จัดการเลือก ตั้งแบบสาธารณรัฐ อยู่ได้ไม่กี่ปีก็จอด ทหาร ต้องออกมาใช้ก�ำลังปราบปรามเพราะเกิดศึก

กลางเมืองอยู่ ๓ ปี มีทหารพลเรือนตาย ๑.๒ ล้านคน สมบัติประเทศชาติเสีย ๓ ใน ๕ จน ต้องปกครองแบบเผด็จการนานกว่า ๔๐ ปี ที่สุดต้องน�ำสถาบันกษัตริย์กลับคืนมาอีกครั้ง อู ก านดาก็ ร บและฆ่ า กั น สุ ด โหด เรี ย กว่ า แหวกกองศพประชาชนค้ น หา ประชาธิปไตย แต่เมื่อเป็นสาธารณรัฐตาม ต้องการแล้วไฉน ต้องกลับมาเป็นคิงดอมอีก? และแม้แต่ราชอาณาจักรโด่งดังครั้งอดีตเช่น โปรตุเกส,ฝรั่งเศส,เยอรมัน ไฉนเมื่อได้เป็น สาธารณรัฐ – ปกครองโดยประชาชนจริง ๆ แล้ว แต่ท�ำไมไม่ได้ดีดังหวัง ๆ กัน? ทั้งทาง เศรษฐกิจการเมืองในสาธารณรัฐเสรีนิยมที่ ใช้ระบอบทุนนิยมแล้ว คือ ทรัพย์สิน, ธุรกิจ, อุตสาหกรรมเป็นของเอกชน มิใช่ของรัฐ แต่ ไฉนประชาชนส่วนใหญ่จึงยังกระจอก? เหล่า นี้เป็นข้อพิสูจน์พอหรือยัง หรือยังคงคิดเห็น แก่ตัวตามอวิชชา ตัณหา อุปาทาน ไม่สร่าง ซาใช่ไหม? ส่วนในสาธารณรัฐสังคมนิยมแม้ใช้ Communist Regime คือ ทรัพย์สินธุรกิจ อุตสาหกรรมเป็นของรัฐ, รัฐบาลควบคุมการ ผลิตทั้งหมด, ให้ประชาชนท�ำงานตามความ สามารถ, ได้รับค่าตอบแทนตามความจ�ำเป็น อันถือว่าเป็นการบังคับ ซึ่งก็คือ เผด็จการรวม ศูนย์โดยพรรคคอมมิวนิสต์ ดังนั้น ประชาธิปไตยที่พูดถึง ไม่ ว่าจะเป็นแบบเสรีนิยมหรือสังคมนิยม ต่างก็ มิใช่ระบอบการปกครอง (ที่เป็น Rule) หรือ ไม่ ใ ช่ Democratic Regime ตามศั พ ท์ บัญญัติของ บี.บี.ซี. อิงลิช ดิกชันนารี ฉบับ เพื่อชาวโลก พ.ศ. ๒๕๓๖ ที่แปล regime ไว้ ว ่ า “a system or a method of government” ซึ่งเป็นกระบวนการหรือวิธี การบริหารกิจกรรมประเทศเท่านั้น อ นึ่ ง ค� ำ ว ่ า - c r a c y ( ข อ ง Democracy) และ - archy (ของ Monarchy) นั้ น อั น คนอั ง กฤษล้ ว นแปลว่ า “วิ ธี ก าร ปกครองหรื อ อธิ ป ไตย” ซึ่ ง ประเทศไทย ปกครองด้วยระบอบ Democratic Monarchy ซึ่ ง มี ค วามหมายว่ า ปกครอง ด้ ว ยระบอบราชาธิ ป ไตย อั น ประชาชนมี


อ�ำนาจบริหารประเทศ แต่ปรากฏว่า เราถูก ปลู ก ฝั ง แบบผิ ด เพี้ ย นด้ ว ยค� ำ ที่ ว ่ า เราเป็ น ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข จนเลยเถิดไปเป็นว่า อ�ำนาจอธิปไตย เป็ น ของปวงชนล้ ว นๆ และยิ่ ง เขลาเบา ปัญญาไปอีกที่ใช้ค�ำว่า Sovereign power to rule ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของพลเมืองทุก คน ซึ่งรวมถึง เด็ก คนบ้า คนคุก และคน โง่สุดๆรวมทั้งทาสนายทุน โดยหาได้เข้าใจ ค�ำว่า Sovereign ซึ่งหมายถึง กษัตริย์ใน ภาษาโรมัน แหละทรงมีพระราชอ�ำนาจ คือ power to rule เท่ า นั้ น การด� ำ รงของ Sovereign of Thailand ได้ปรากฏหลัก ฐานทางประวัติศาสตร์ที่ส�ำคัญ คือ เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๓ ในหมายก�ำหนดการ ต้อนรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ของ สมเด็ จ พระสั น ตะปาปาจอห์ น ที่ ๒๓ แห่ ง ส� ำ นั ก วาติ กั น ของกรุ ง โรม ได้ เ รี ย กขาน พระเจ้าอยู่หัวว่า Their Majesties King Bhumipol Adulyadej And Queen Sirikit Sovereign of Thailand นั่นแล ในมาตรา ๑ แห่งรัฐธรรมนูญ เขียน ไว้ ว ่ า ประเทศไทยเป็ น ราชอาณาจั ก รอั น หนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้ ซึ่งในภาษา ของประเทศแม่แบบประชาธิปไตยเช่นราช อาณาจักรอังกฤษ ได้อธิบายความหมายแห่ง ราชอาณาจักรว่า The Kingdom realm is ruled by the King, not Emperor เท่ า กั บ นั ก กฎหมายไทยที่ รู ้ ธ รรมเนี ย มของ อังกฤษได้นิ่งดูดายให้เขียนรัฐธรรมนูญโดย ไม่สนใจความเป็นจริงว่า “ไทยยังเป็น The Kingdom” ยังมี The King หรือ Sovereign หรือ Monarch เป็นผู้ปกครอง(ประมุข) จึง เป็นที่มาของมาตรา ๓ ที่เขียนอย่างอุกอาจว่า อ�ำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย จน น�ำไปสู่การใช้ตรรกะวิบัติสร้างความเข้าใจผิด ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ท�ำให้มีค�ำพูดที่ว่าพระมหา กษัตริย์อยู่เหนือการเมืองบ้าง ไม่เกี่ยวข้อง กับการเมืองบ้าง เพื่อกันสถาบันออกจาก การเมือง จนคนทั่วไปหารู้ไม่ว่า อ�ำนาจในการ ปกครองสู ง สุ ด ยั ง เป็ น ของพระมหากษั ต ริ ย ์

มิใช่นักการเมืองที่ชนะการเลือกตั้ง อันเป็น อ�ำนาจชั้นรองลงมาที่เรียกว่า อ�ำนาจบริหาร ประเทศ จึ ง ถึ ง เวลาแล้ ว กระมั ง ที่ ต ้ อ ง Reformation เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูก ต้อง ซึ่งเป็นเหมือนการท�ำ Reformatory คื อ โรงเรี ย นดั ด สั น ดาน เอานั ก วิ ช าการ ต�่ ำ ระดั บ และนั ก การเมื อ งน�้ ำ เน่ า ไปเข้ า โรงเรียนดัดสันดานการเมืองสัก ๕ ปี ให้รู้ ว่ า ประเทศไทยที่ เ ป็ น ราชอาณาจั ก รเป็ น อย่างไร เพื่อจะได้ช่วยกันแก้ไขโดยการปฏิรูป การเมืองการปกครองและการบริหารในแบบ ราชอาณาจักรให้ถูกตามสภาวะสังคมเสียที เพื่อมิให้เข้าทางค�ำเตือนที่นายพลฟอนต์มอล เกอะแห่งปรัสเซียได้เคยสอนนายทหารตอน เกิดศึกใหญ่กับฝรั่งเศสเอาไว้ว่า “จ�ำไว้เถิด ท่านสุภาพบุรุษ ถ้าค�ำสั่งใดสามารถท�ำให้ เกิดการเข้าใจผิดได้ ก็จะถูกน�ำไปปฏิบัติตาม ที่เข้าใจผิดเสมอ” แลท่านเฮอร์เบิร์ต สเปนเซ่อร์ สอน รั ฐ บุ รุ ษ ญี่ ปุ ่ น ในพ.ศ. ๒๔๒๔ ไว้ ว ่ า “หาก บุคคลใดมีความรู้เดิมลักลั่นในเรื่องใด เมื่อ ได้รับความรู้ใหม่เพิ่มเติมในเรื่องนั้น ยิ่งมาก เท่าไรยิ่งท�ำให้ความคิดสับสนอลหม่านมาก ขึ้นเท่านั้น” แต่ก็ไม่มีนักคิดหัวก้าวหน้าของ ไทยคนใดจะสนใจค�ำเตือนเหล่านี้เลย นั่นคือ ถ้าเป็นคนมี wise, good and do service to others ตามที่ พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้จริง ควรแก้ไขส�ำนวน ค�ำพูด นิ สั ย ที่ ไ ม่ ถู ก ให้ ต รงเจตนาเสี ย ดี ก ว่ า ยกเว้ น ว่ า จะมี เ ลศนั ย ดั ง ฝรั่ ง เศสช่ ว ง พ.ศ. ๒๓๗๓-๒๓๙๑ ซึ่ ง อ้ า งวิ ช าการและทฤษฏี ผิดมาใช้เพื่อค่อย ๆ ท�ำลายราชอาณาจักร จึงให้เห็นว่า “สาวกคณะราษฎร์” ในไทยนี้ นอกจากอวิชชา ตัณหา อุปาทาน (โง่ อยาก ยึด) แล้ว, ยังใช้ความฉลาดเล่ห์เหลี่ยมหลอก ทั้งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ รวมทั้งหลอกตัวเองด้วย!

ประเทศไทยเป็ น ราชอาณาจั ก รอั น หนึ่ ง อั น เดี ย ว จะแบ่ ง แยกมิ ไ ด้ ซึ่ ง ในภาษาของประเทศ แม่ แ บบประชาธิ ป ไตยเช่ น ราชอาณาจั ก รอั ง กฤษ ได้ อ ธิ บ ายความหมาย แห่ ง ราชอาณาจั ก รว่ า The Kingdom realm is ruled by the King, not Emperor เท่ากับนัก กฎหมายไทยที่รู้ธรรมเนียม ของอังกฤษได้นิ่งดูดายให้ เขี ย นรั ฐ ธรรมนูญ โดยไม่ สนใจความเป็นจริงว่า ไทย ยังเปน็ The Kingdom ยังมี The King หรือ Sovereign หรื อ Monarch เป็ น ผู ้ ปกครอง(ประมุข)

แม่แบบประชาธิปไตยอย่าง อังกฤษยังปฏิรูป แล้วไทย ท�ำไมจึงไม่ท�ำ? ครอบครัวพอเพียง : 49


แต่แทบทุกคนไม่รู้ว่า ยู นิต าเรี ย นนั้น เป็ น ศาสนา ที่ นั ก บวชยิ ว อาวุ โ สรวม กั นตั้ ง ขึ้ น โดยให้ มี หั ว ใจว่ า “ทุกคนมีสิทธิ์เป็นเจ้าของ ประเทศและโลกเท่ากัน อัน เป็นกฎแบบ Dogma คือ กฏเกณฑ์ที่ไม่มีข้อพิสูจน์ ตายตัว, เป็นระบอบหรือ วิธีท�ำให้เชื่อแบบบังคับ ไม่ ให้โต้แย้ง เป็นกฎเคร่งครัด เพียงปัจจัยใดปัจจัยหนึง่

50 : ครอบครัวพอเพียง

เจตนาประชาธิ ป ไตย, ความเป็ น ประชาธิปไตย, ระบอบ, อธิปไตย เป็นไฉน นั้ น ผู ้ เ ขี ย นก็ อุ ต ส่ า ห์ น� ำ นิ รุ ก ติ์ ตั้ ง แต่ ต อน ก�ำเนิดของสิ่งนั้นๆ มา เพื่อให้รู้แล้วว่า เรื่อง รัฐธรรมนูญยี่ห้อ Constitution คืออะไร? เกิดครั้งแรกเพื่ออะไรและก�ำเนิดในสังคมเช่น ใด? ก็บอกมาละเอียดแล้ว และบอกมาเป็นสิบ ปีหลายพันเล่มแล้ว แต่ไฉนไม่มีใครกระดิก เลยเพราะอะไร? ค�ำตอบเพราะทุกคนจะเชื่อ คนมี อ� ำ นาจชี้ ต ้ น ตายปลายเป็ น เพราะยั ง มี นิสัยทาสเหลืออยู่ !! ครั้นอ้างยึดต�ำราฝ่ายเสรีฝรั่งตะวัน ตก และแม้ ฝ ่ า ยสั ง คมนิ ย มเช่ น รั ส เซี ย -จี น ก็ ต ้ อ งไม่ ลื ม ว่ า วิ ช ารั ฐ ศาสตร์ (political science) วิ ช าเศรษฐศาสตร์ (เศรษฐกิ จ การเมือง คือ political economy) รวมทั้ง ระบอบ Democracy และ Representative Democracy นั้นว่า ล้วนเกิดจากเจตสิกหรือ ปัญญาดิบของยิวยูนิตาเรียนทั้งสิ้น !!! แต่แทบทุกคนไม่รู้ว่ายูนิตาเรียนนั้น เป็นศาสนาที่นักบวชยิวอาวุโสรวมกันตั้งขึ้น โดยให้มีหัวใจว่า “ทุกคนมีสิทธิ์เป็นเจ้าของ ประเทศและโลกเท่ากัน” อันเป็นกฎแบบ Dogma คือ กฏเกณฑ์ที่ไม่มีข้อพิสูจน์ตายตัว, เป็นระบอบหรือวิธีท�ำให้เชื่อแบบบังคับ ไม่ให้ โต้แย้ง เป็นกฎเคร่งครัดเพียงปัจจัยใดปัจจัย หนึ่ง ซึ่งไม่ค�ำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ จึงท�ำให้ผู้ยึด ตามเกิดบ้าคลั่งหัวชนฝา ดังที่ว่า She would fight doggedly for her rights (เธอจะสู้ อย่างหัวชนฝาเพื่อรักษาสิทธิ์ของเธอ) กฎที่เป็น Dogma แบบยิวที่ว่านี้ ย่อมขัดต่อสภาวะที่เป็นจริงตามหลักของพุทธ ศาสน์ที่ว่า จิตตวิญญาณที่เป็นกุศลจิตต์ดุจบัว ปริ่มน�้ำมีเพียง ๑ ส่วน กับอกุศลจิตต์ดุจบัว ใต้น�้ำที่มี ๓ ส่วน จึงคนในสังคมทุกชาติจะรู้ ดีเพียง ๑ ส่วน, ไม่รู้ดีตั้ง ๓ ส่วนเสมอ หลัก ของพุทธศาสน์ตั้งบนพื้นฐานที่เป็นจริงแท้ไม่ ต้องบังคับให้เชื่อ ในขณะที่ของยิวตั้งอยู่บน จินตนาการแล้วก�ำหนดเป็นนิยามขึ้นมาบังคับ ตัวอย่าง การใช้เสียงข้างมากตาม หลักของยิวว่าเป็นประชาธิปไตย โดยเสียง ส่วนใหญ่เป็นพวก “ไม่รู้ดี” เช่นที่พ่อต้องการ

ให้ลูกๆช่วยกันท�ำงานบ้านเพื่อลดรายจ่ายที่ เคยจ้างคน จึงหารือลูกๆที่ยังไม่มีรายได้ด้วย ค�ำถามที่ว่า “เราจะจ้างคนรับใช้ท�ำงานบ้าน ต่อไป หรือเราจะช่วยกันท�ำดี?” ลูกๆส่วน ใหญ่ก็จะตอบว่า “จ้างต่อไปดีกว่า” เพราะ ลูกๆขี้เกียจท�ำ แต่ก็จะชื่นชมพ่อที่ถือตามมติ เสียงส่วนใหญ่ว่าทันสมัยเป็นประชาธิปไตย จึงเห็นได้ว่า ภัยของยิวยูนิตาเรียน ที่มีแผนครอบง�ำโลกแบบมีเล่ห์เหลี่ยม เดิน แผนทุกเวลานาทีดังสร้าง Representative Democracy พ.ศ. ๒๔๐๖ และเมื่อถึง พ.ศ. ๒๔๒๒ นักบวชระดับธีโอโดร์ได้วิ่งเต้นเชิญยิว อาวุโสทั่วยุโรปราว ๒๐๐ คน มาประชุมกันที่ เมืองบาเซิล ของสวิสเพื่อร่าง “ปฏิญญายิว สากล ๒๔ บท” (Jewish Protocol) ว่าใน แต่ละบทจะมีหลักการว่าด้วยการรวมอ�ำนาจ ทางการเมือง, การเงิน, การคลัง, เศรษฐกิจ ระหว่างประเทศ, แรงงานระหว่างประเทศ, การควบคุมสื่อสารมวลชนระหว่างประเทศ ตลอดจนการสถาปนารัฐอิสราเอล ในบทที่ ๒๔ ที่ ว ่ า ด้ ว ยการสถาปนาอาณาจั ก รเดวิ ด และผู ้ ป กครองระดั บ สู ง สุ ด จะควบคุ มกลไก การปกครองทั่วโลก รวมทั้ ง การสร้ า งภาพยนตร์ ที่ ฮอลลิวูดนั้นให้เป็นไปตามนโยบายขบวนยิว สากลนี้เพื่อสร้างวัฒนธรรมโลกใหม่ โดยเน้น “เสรีภาพ” ที่ห่างเหินกับศีลธรรม, เช่น การ แต่งกายของสตรีอย่างสายล่อฟ้า, เน้นบริโภค นิยมของวัยรุ่นเพื่อเป็นฐานให้ลัทธิทุนนิยม ให้ผู้คนห่างเหินทุกศาสนาและยึดวัตถุ ฯลฯ ดังปรากฏในบทที่ ๑ ของปฏิญญา ยิวสากลนี้ว่า มนุษย์โลกทั้งหมดที่มิใช่ยิวต้อง เป็ น ผู ้ ต ามยิ ว ภายใต้ น โยบายควบคุ ม โลก โดยท� ำ ลายสถาบั น ครอบครั ว ให้ หั น มาใช้ วัฒนธรรมตะวันตกเพื่อสร้าง World Village ภายใต้เครือข่าย www และอินเตอร์เนตทั่ว โลก และอื่น ๆ อีกมากมายที่ครู อาจารย์ ผู้ ปกครองไทยไม่กระดิก ว่านับแต่ พ.ศ. ๒๔๘๘ เป็นต้นมา ขบวนยิวสากลนี้ได้ยึด UN. เป็น Super Government เบ็ดเสร็จแล้ว; ได้ใช้ องค์กรต่าง ๆ คุมโลกไว้ ให้เหมือนคนไทย เต้นร�ำอยู่ในตาข่ายยักษ์ จนไม่รู้ว่ามหาเศรษฐี


โลกเป็นยิวยูนิตาเรียนที่ควบคุมโลก โดยอาศัย รัฐบาลอเมริกา และ U.N. เป็นกลไกโลกจึง ยึ ด เศรษฐกิ จ เป็ น ลมหายใจ เพราะพลโลก ๙๐ % ยากจนแถมโง่อีกต่างหาก อย่างนี้ คือการท�ำให้ยิวยูนิตาเรียนอเมริกา อังกฤษ, เนเธอร์ แ ลนด์ , ฝรั่ ง เศส เป็ น นายทุ น โลก ควบคุมโลกโดยการหาคนยอมเป็นเอเยนต์ มาเป็นหัวหน้าทาสในชาตินั้น ๆ เช่น ในไทย มีนักธุรกิจการเมืองเป็นขบวนนายทาสอย่าง ภาคภูมิ ให้เห็นว่า “มืดกันทั้งเมือง” สังคม ไทยจึงไม่สันติสุข ดั ง น� ำ เอา Representative Democracy ของยิวยูนิตาเรียนมาใช้ ให้ผิด ระบอบ (วิธบี ริหาร) เพราะของเขาเพือ่ ระบอบ ประธานาธิบดี หรือระบอบประธานาธิบดีกึ่ง รัฐสภา เช่น ฝรั่งเศส ที่ใช้ระบอบการเมือง ว่าระบอบทุนนิยมอันยึดการใช้ Election, Electioneer แต่อังกฤษเป็นราชอาณาจักร ยึดการใช้ Selection โดยไม่มี Electioneer ตามวิธีของระบอบรัฐสภาคือ วิธีการคัดเลือก พวกเดียวกันอาชีพเดียวกันเป็นผู้แทนในสภา (แต่ชนชั้นสูงไทยอคติว่าเกษตร-แรงงาน โง่จึง ได้รับบาปกรรมตลอดมา) ใ น ป ฏิ ญ ญ า ส า ก ล ข อ ง สหประชาชาติ พ.ศ. ๒๔๙๑ ซึ่งนายกรัฐมนตรี อั ง กฤษเป็ น คนแรกที่ ล งนาม ได้ ก�ำ หนดวิ ธี การให้ ป ระชาชนมี ส ่ ว นร่ ว มในการบริ ห าร ประเทศ โดยการคัดเลือกผู้แทนในแบบการ choose หรือ select ดังข้อความในข้อที่ ๒๑ วงเล็บ ๑ ที่ว่า “Everyone has the right to take part in the government of his country, directly or through freely chosen representatives” (ทุก คนมีสิทธิ์มีส่วนเข้าร่วมบริหารหรือปกครอง ประเทศ ตามธรรมเนียมของประเทศตน โดย ทางตรงหรือผ่านผู้แทนที่มาจากการคัดเลือก อย่างอิสระ)

ท�ำให้ในปีพ.ศ. ๒๕๑๒ อังกฤษ ต้องน�ำข้อตกลง นี้มาปฏิรูปรัฐสภาใหม่ว่า

๑. ประชาชนอายุ ๒๑ ปีขึ้นไปมี เงินประกัน ๑๕๐ ปอนด์, มีผู้รับรองเกิน ๑๐ คน ก็สามารถเสนอตัวให้คัดเลือกเป็นผู้แทน ราษฎรได้แล้ว โดยไม่จ�ำต้องสังกัดพรรค ตาม ค�ำในกฎบัตรที่ว่า Everyone ซึ่งหมายถึงคน ทุกคน ไม่ต้องขึ้นกับใคร ๒. แบ่ ง เขตให้ ป ระชาชนอาชี พ เดียวกันไม่เกิน ๖๐,๐๐๐ คนต่อเขต, ผู้สมัคร กับผู้เลือกมีอาชีพเดียวกัน เลือกเอาเขตละคน (การเลือกคนอาชีพเดียวกัน ย่อมรู้กันเองว่า ใครดีใครเก่ง จึงไม่จ�ำเป็นต้องมีการโฆษณา หาเสียง ในกลุ่มอาชีพหรือลักษณะความเป็น อยู่อย่างเดียวกัน สมาชิกในอาชีพเดียวกัน ย่ อ มมี ศั ก ดิ์ ศ รี เ สมอกั น จนไม่ เ ป็ น เบี้ ย ล่ า ง ใคร อันเป็นพื้นฐานที่ส�ำคัญที่สุดของระบอบ ประชาธิปไตย ) ๓. ผู้สมัครเขตเมืองใช้เงินในการ เลือกตั้ง ได้/ไม่เกินคนละ ๑,๕๒๕ ปอนด์, เขต ชนบทไม่เกินคนละ ๑,๖๗๕ ปอนด์ (ปอนด์ละ ประมาณ ๕๐ บาท) ๔. เป็น ส.ส. แล้ว ได้รับเพียงค่า ตอนแทนเป็นรายปี ๆ ละ ๔,๕๐๐ ปอนด์ ค่า จ้างเลขาฯ ปีละ ๑,๗๕๐ ปอนด์, ค่ารับรองปี ละประมาณ ๑,๐๐๐ ปอนด์ คิดเป็นเงินไทย รวมแล้วประมาณปีละ ๓๖๐,๐๐๐ กว่าบาท เท่ากับเงินเดือนและค่าตอบแทนต่างๆของ ส.ส. ไทยเพียงเดือนเดียว (สาเหตุเพราะ เขา เห็นว่าการเมืองมิใช่งานอาชีพ เพราะแต่ละ คนที่สมัครเข้ามาล้วนมีอาชีพอยู่แล้ว งานการ เมืองเป็นงานอาสาสมัคร) ๕. ข้ า ราชการประจ� ำ ไม่ มี สิ ท ธิ์ สมั ค รและเลื อ ก สส. เพราะเป็ น สมาชิ ก สถาบันกษัตริย์ต้องเป็นกลางระหว่างพรรค และมีตัวแทนอยู่ในสภาขุนนางอยู่แล้ว ส่ ว นหนึ่ ง ของความแตกแยก ในสั ง คมไทย ก็ เ กิ ด จากการถื อ หางของ ข้าราชการกับพรรคการเมือง ซึ่งที่จริงแล้ว ข้ า ราชการควรพร้ อ มร่ ว มงานกั บ นั ก การ เมืองที่เป็นตัวแทนจากประชาชนมาบริหาร ประเทศ เพราะข้าราชการเป็นเครื่องมือของ พระประมุขและรัฐ อันธรรมเนียมไทยบอก ว่าข้าราชการเป็นกลาง แต่ปล่อยให้เข้าไป

ส ่ ว น ห นึ่ ง ข อ ง ความแตกแยกในสั ง คม ไ ท ย ก็ เ กิ ด จ า ก ก า ร ถื อ หางของข้ า ราชการ กั บ พรรคการเมื อ ง ซึ่ ง ที่ จ ริ ง แล้ ว ข้ า ราชการ ควรพร้ อ มร่ ว มงานกั บ นักการเมืองที่เป็นตัวแทน จากประชาชนมาบริ ห าร ประเทศ

ครอบครัวพอเพียง : 51


การที่ ไ ม่ มี พ รรค การเมื อ งใดคิ ด น� ำ ระบอบ ของอังกฤษมาใช้ เป็นเพราะ ใจจริงแล้ว ต้องการระบอบ สาธารณรัฐใช่หรือไม่ เพราะ ถ้ า พรรคการเมื อ งจะน� ำ ระบอบอังกฤษมาใช้ ก็ใช้ไป นานแล้ว และไม่ต้องมาคุย เขื่ อ งว่ า ต้ อ งการให้ เป็ น ระบอบแบบไทยๆ เพราะที่ เห็นอยู่ทุกวันนี้ มันเป็นแบบ สะเปะสะปะ หั ว มั ง กุ ท ้ า ย มังกร จับต้นชนปลายไม่ถูก ยิ่งแก้ตัวก็ยิ่งแสดงความโง่ เขลามากยิ่งขึ้น

52 : ครอบครัวพอเพียง

เป็นฝักฝ่ายกับพรรคการเมืองอย่างเปิดเผย จึงท�ำให้เกิดรักชังตามมา นับว่าเป็นความผิด ขั้นอุกฤษฏ์ จึ ง ใ ค ร ่ ส รุ ป ว ่ า ก า ร ที่ ไ ม ่ มี พรรคการเมืองใดคิดน� ำระบอบของอังกฤษ มาใช้ เป็นเพราะใจจริงแล้ว ต้องการระบอบ สาธารณรัฐใช่หรือไม่ เพราะถ้าพรรคการเมือง จะน�ำระบอบอังกฤษมาใช้ ก็ใช้ไปนานแล้ว และไม่ ต ้ อ งมาคุ ย เขื่ อ งว่ า ต้ อ งการให้ เ ป็ น ระบอบแบบไทยๆ เพราะที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ มันเป็นแบบสะเปะสะปะ หัวมังกุท้ายมังกร จับต้นชนปลายไม่ถูก ยิ่งแก้ตัวก็ยิ่งแสดงความ โง่เขลามากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเพียงแค่นี้ก็น่าจะสว่าง เห็นถึงหัวใจของประชาธิปไตยระบอบรัฐสภา ในราชอาณาจักร และเป็นรูปธรรมที่ปฏิบัติได้ จริง ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันไปกับ dogma ของยิว จึงควรเลิกพร�่ำเพ้ออ้างอ�ำนาจอธิปไตยเป็น ของปวงชน (people) แบบคนไม่รู้จริงได้ แล้ว เพราะนั่นไม่ใช่พื้นฐานประชาธิปไตยที่ เป็นจริง พื้นฐานประชาธิปไตย ต้องประชาชน มีอิสระด้วยตัวเองให้ได้เสียก่อน หลุดพ้นจาก ความเป็นทาส หากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งพึ่งตนเอง ได้ ก็เป็นเสรีชน มีอิสระในการเลือกตัวแทน นั่นคือการเกิดประชาธิปไตย ยิ่งเรื่องรัฐธรรมนูญแบบสาธารณรัฐ ที่นักรัฐธรรมนูญนิยม นักวิชาการตะวันตก ผู้หลงใหลได้ปลื้ม จนตกอยู่ในกับดักที่จะพา ชาติแบบราชอาณาจักรไปเข้าแผนยิวสากล และเมิ น เฉยต่ อ วิ ช ชาพุ ท ธะตะวั น ออก ที่ ยกย่ อ งคุ ณ ค่ า ของระบอบราชาธิ ป ไตย ว่ า เป็นการปกครองที่สอดคล้องกับสภาวธรรม ของไทย จึ ง ขออ้ า งอั จ ฉริ ย ะบุ ค คลอย่ า ง ไอน์สไตน์มาเป็นข้อต่อสู้ว่าในบั้นปลายชีวิต ของท่าน ได้หันมาเรียนพุทธศาสน์ด้วยการ ปฏิ บั ติ ไ ตรสิ ก ขาเพื่ อ ให้ เ กิ ด เจตสิ ก บริ สุ ท ธิ์ เป็ น กุ ศ ล ได้ ยื น ยั น ความยิ่ ง ใหญ่ แ ห่ ง พุ ท ธ ศาสน์ ในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ ในเอกสารเรื่อง “Discovering Ancient Wisdom in a Modern World” เพื่อชี้ว่า “พุทธศาสน์ เท่ า นั้ น ที่ จ ะด� ำ รงอยู ่ คู ่ โ ลกวิ ท ยาศาสตร์ อนาคต, ไม่ มี พ ระผู ้ เ ป็ น เจ้ า (personal

God), ไม่ มี บ ทบั ญ ญั ติ (dogma), ไม่ มี เทววิทยา (theology) ใดจะไปต่อกรกับ พุทธศาสน์ได้” ทั้งควรรู้ว่าบรรดาศาสตราจารย์ยิว, เจ้าของต�ำรา, ศาสตร์, ทฤษฏีทั้งปวงนั้นล้วน ใช้เจตสิกดิบ, ปัญญาดิบคิดขึ้นทั้งนั้น ฉะนั้น ยิ่ ง ลู ก ศิ ษ ย์ ยิ ว ในไทยย่ อ มยิ่ ง ใช้ เ จตสิ ก หรื อ ปัญญาดิบคิดเขียนตาม อย่างเป็นดับเบิ้ลดิบ เข้าไปอีก อนึ่ ง ถ้ า ใส่ ใ จเรื่ อ งรั ฐ ธรรมนู ญ จริ ง ก็น่าจะรู้ว่าการยึดอ�ำนาจเมื่อ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ นั้นเพราะเห็นว่า Majority basis is under the Rule of Law คือ การได้เสียง ข้างมากจากการเลือกแบบ Election และ Electioneer นั้ น มั น ผิ ด ไม่ ใ ช่ ม ติ ม หาชน แท้ แถมรู้กันไปทั่วว่าเป็นไปแบบใช้เงินเป็น ตั ว ชี้ วั ด จึ ง มิ ไ ด้ อ ยู ่ ภ ายใต้ ก ฎการปกครอง โดยธรรม และไม่ รู ้ จั ก แยกว่ า รั ฐ ประหาร แบบ Coup d’etat ที่ เ ริ่ ม จากสเปน, ฝรั่งเศส หรือการ Revolution นั้นยิ่งมิใช่ ความหมายที่ พู ด ๆ กั น เพราะปฏิ วั ติ เ ป็ น ค� ำ พู ด ของสั ง คมนิ ย มที่ ล ้ ว นมี ผ ลกระทบ กั บ ฐานะของกษั ต ริ ย ์ ไ ม่ ม ากก็ น ้ อ ยเสมอ ส� ำ หรั บ ประเทศไทยแล้ ว ที่ ต ้ อ งการ คื อ Reformation โดยต้องถือว่า กองทัพเป็น กลไกของฝ่ายปกครองแบบ Rule ที่มีอ�ำนาจ เหนือการปกครองแบบ Government จึง สามารถท�ำการหยุดอ�ำนาจรัฐของรัฐบาลที่ ผิดๆได้โดยชอบธรรม การยึดอ�ำนาจเช่นว่า นี้ย่อมชอบธรรม แต่ที่ คณะมนตรีความมั่นคงแห่ง ชาติ (ค.ม.ช.) ได้กระท�ำผิดเพราะอ้างวิกฤติ การเมื อ งร้ า ยแรง, อ้ า งการจะปฏิ บั ติ ต าม กฎบัตรสหประชาชาติ, พันธกรณีสนธิสัญญา หรือความตกลงระหว่างประเทศ ฯลฯ ปรากฏ ในค�ำพระราชปรารภของรัฐธรรมนูญ ฉบับ ชั่วคราว พ.ศ. ๒๕๔๙ และในมาตรา ๓ ทั้ง ยังคงสภาพบังคับตามรัฐธรรมนูญฯ ๒๕๕๐ มาตรา ๓๐๙ ซึ่ ง ในปฏิ ญ ญาสากล (U.N.) พ.ศ. ๒๔๙๑ ข้อ ๒๑ (๑) ตามที่ ได้อธิบายข้าง ต้นแล้วนั้น ต้องท� ำการปฏิรูปการเมืองการ ปกครองและการบริหารประเทศให้ได้ตาม


เจตนารมณ์ของการยึดอ�ำนาจ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ให้ เ สร็ จ สิ้ น การไม่ ท� ำ ตามค� ำ พระ ราชปรารภ เท่ากับการไม่ท�ำตามค�ำมั่นสัญญา ของการยึดอ�ำนาจ และอาจถือได้ว่าบังอาจ กราบบังคมทูลเท็จต่อพระเจ้าอยู่หัวฯ ทั้งในประกาศของคณะปฏิรูปฯ มี ปัญหาอยู่หลายจุด ที่อาจมีผลให้การจัดการ เลือกตั้งของ กกต.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มี ผลให้การเลือกตั้ง สส. และ สว. หลังประกาศ ใช้รัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นโมฆะ ซึ่ง เป็นประเด็นที่ผู้เขียนได้ร้องไว้แล้ว และค้าง การพิจารณาอยู่ที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน หากจะกล่าวว่า ภาระของการยึด อ�ำนาจเพื่อการปฏิรูปฯ เมื่อ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ยังไม่แล้วเสร็จ ก็สามารถพูด ได้ เพราะมาตรา ๓๐๙ แห่ ง รั ฐ ธรรมนู ญ พ.ศ. ๒๕๕๐ ได้รับรองรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. ๒๕๔๙ โดยรวมถึงการกระท�ำไม่ว่าก่อนหรือ หลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่ ง กองทั พ และตุ ล าการอั น เป็ น องค์ ก รฝ่ า ย ปกครองประเทศ ( Rule) ยังต้องท�ำหน้าที่ เพื่อให้เกิดการปฏิรูปประเทศตามเจตนารมณ์ แห่งรัฐธรรมนูญ ซึ่งสามารถกล่าวอ้างว่า จะ ท�ำตามปฏิญญาสากลของ UN ๒๔๙๑ ข้อ ๒๑(๑) หรื อ การอ้างระบอบการปกครอง ประชาธิ ป ไตยระบอบรั ฐ สภาแบบราช อาณาจักรอังกฤษก็สอดคล้องกับธรรมเนียม ราชอาณาจักรอย่างไทย ทั้งยังสามารถอ้าง National Security is the Supreme law of the land หรือการอ้างความอยู่รอดของบ้าน เมืองเหนือกฎอื่นใดเป็น Necessity Knows no law ข้ออ้างเหล่านี้ ล้วนเป็น กติกาสากล โดยโลกฝ่ายอารยะใช้กันอยู่ ไฉนผู้มีหน้าที่ ในการพิ ทั ก ษ์ ช าติ บ ้ า นเมื อ งจึ ง ไม่ รู ้ คิ ด ที่ จ ะ หยิบยกมาใช้ ? ส่วน ค.ม.ช.ที่ได้ก่อปัญหาไว้ ยังจะท�ำเป็นทองไม่รู้ร้อนเลยหรือ! จึ ง พึ ง รู ้ เ ถิ ด ว่ า ปี นี้ เ หมื อ นกรุ ง ศรีอยุธยาที่ก�ำลังจะเข้าวันที่ ๒๘ ก.พ. ๒๓๐๙ ซึ่ ง กองทั พ อริ ร าชศั ต รู เ ริ่ ม ล้ อ มราชวั ง คื อ อุ ป มาได้ ว ่ า ประชาชนที่ ท� ำ ตั ว เป็ น อริ ร าช ศัตรูในไทยอยู่ขณะนี้ ก็เหมือนพม่าเข้าล้อม พระราชวังอยู่นั้นแล ถ้าเข้าใจแจ้งว่าต้องรบ

กันแน่ ไม่ว่าจะโอนอ่อนผ่อนให้ประการใด เพราะหัวหน้าอริราชศัตรูมิได้เป็นคนไทยแล้ว จากข้อบ่งชี้อนาคตต่อสถานการณ์ แห่ ง สั ง คมราชอาณาจั ก รไทยด้ ว ยการดู ตัวอย่าง อย่างโยนิโสจากประวัติการปกครอง (rule) และการบริหาร (govern) ของราช อาณาจั ก รต่ า ง ๆ ในอดี ต และด้ ว ยความ คิดที่เป็นมัฌชิมา ทั้งส�ำรวจดูพรรคต่างๆ ที่ ล้วนอ้างชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และ ความจงรักภักดี แต่เวลาท� ำจริงแล้ว กลับ เป็นตัวกัดเซาะขัดขวางเสียเอง ตามอ�ำนาจ เงินทั้งจากกระเป๋านายทุนที่ได้ประโยชน์จาก อ�ำนาจทางการเมือง และจากงบประมาณ ที่มาจากภาษีอากร ได้ถูกกลุ่มการเมืองที่เป็น อริราชศัตรูน�ำออกมาใช้ เพื่อสร้างกองก�ำลัง กฎหมู่ให้เอาชนะกฎหมาย ซึ่งกระบวนการ ยุติธรรมด้านต่างๆ ต่างก็เป็นปราการแห่ง สันติวิธี ด ่ า นสุ ด ท้ า ยของสั ง คม ซึ่ ง หากด่ า น สุดท้ายนี้อ่อนแอและแตกพ่ายกับอ�ำนาจมืด สงครามกลางเมืองที่รุนแรงเกินความคาดคิด ก็จะอุบัติขึ้นอย่างแน่นอน จึ ง มองไม่ เ ห็ น ทางรอดของราช อาณาจักรหากผู้มีอ�ำนาจเห็นแก่ตัวกลัวภัยจน ปล่อยให้ความอยุติธรรมเป็นกันดั่งเห็น ๆ ทุก เวลานาที แถมท�ำเรื่องเลว ๆ อุบาทว์ ๆ ให้ผิด ธรรมชาติวิสัยอยู่เช่นนี้จึงใคร่ขอบารมีเทพภุมมาที่ยังเมตตามนุษย์ดีๆ โปรดประทานพร ให้ คนดีมีพุทธะได้อ�ำนาจรัฐเพื่อก�ำจัดคนบาป และทาสผู้โง่เขลา ให้กลับใจได้ภายในไม่กี่วัน ข้างหน้าบ้างเถิด อนึ่งการกลัวต่างชาติของผู้มีอ�ำนาจ ว่ า จะถู ก บอยค็ อ ท หากปราบการชุ ม นุ ม ของพวกอ้างประชาธิปไตยหัวใจทาส, หรือ กลั ว การต่ อ ต้ า นการยึ ด อ�ำ นาจรั ฐ บาลที่ ผิ ด รัฐธรรมนูญ ก็เท่ากับกลัวศัตรูผู้ไม่เข้าใจชีวิต สังคมว่า ความมั่นคงปลอดภัยของความเป็น สังคมราชอาณาจักรนั้นส�ำคัญที่สุด “ดุจโจร ขึ้นบ้านแล้วไม่กล้าฆ่าโจรฉันนั้น” จึงขอยก ตัวอย่างราชอาณาจักรอังกฤษมาให้พิจารณา กล่าวคือ พ.ศ. ๒๓๗๕ อังกฤษได้ ท�ำการปฏิรูปรัฐสภาให้มี ส.ส. ๖๕๕ คน ตาม สั ด ส่ ว นของกลุ ่ ม อาชี พ ต่ า งๆ ซึ่ ง ย่ อ มขั ด ใจ

การกลั ว ต่ า งชาติ ของผู ้ มี อ� ำ นาจว่ า จะถู ก บอยค็ อ ท หากปราบการ ชุ ม นุ ม ข อ ง พ ว ก อ ้ า ง ประชาธิ ป ไตยหั ว ใจทาส, หรือกลัวการต่อต้านการ ยึ ด อ� ำ นาจรั ฐ บาลที่ ผิ ด รัฐธรรมนูญ ก็เท่ากับกลัว ศัตรูผู้ไม่เข้าใจชีวิตสังคมว่า ความมั่นคงปลอดภัยของ ค ว า ม เ ป ็ น สั ง ค ม ร า ช อาณาจักรนั้นส�ำคัญที่สุด “ดุจโจรขึ้นบ้านแล้วไม่กล้า ฆ่าโจรฉันนัน้

ครอบครัวพอเพียง : 53


ทุ ก คนต่ า งก็ รู ้ ว ่ า เ บื้ อ ง ห ลั ง ข อ ง เ รื่ อ ง ทั้งหมดเกิดจากคนไทยคน หนึ่ง ที่ได้ละทิ้งสัญชาติไป เป็นคนต่างด้าว ใช้อ�ำนาจ บาตรใหญ่ อุกอาจสั่งการ ให้สมุนบริวารกระท�ำสิ่งที่ ผิ ด ก ฎ ห ม า ย ผิ ด รัฐธรรมนูญมากมาย แต่ กระบวนการยุ ติ ธ รรมก็ ดูดาย ไม่ใส่ใจท�ำอะไร

54 : ครอบครัวพอเพียง

กลุ่มนายทุนที่มีที่นั่งในสภาน้อยลง ดังนั้นพ.ศ. ๒๓๗๙ พวกเสรีนิยม (นักธุรกิจนายทุน) ได้ ใช้เงินน�ำประชาชนที่มีใจเป็นทาสมาท�ำการ ปฏิวัติแต่ก็ถูกปราบโดยง่าย พ.ศ. ๒๓๘๑ นัก ธุรกิจนายทุนก็น�ำประชาชนทาสมาปฏิวัติอีก ครั้งก็ปราบได้อีก ครั้งที่ ๓ ประชาชนฝ่าย เสรี นิ ย มกั บ สั ง คมนิ ย มร่ ว มกั น ท� ำ ปฏิ วั ติ ทั่ ว ยุโรปใน พ.ศ. ๒๓๙๑ เฉพาะอังกฤษรัฐบาลระดมทหาร ต�ำรวจกว่า ๒๒๐,๐๐๐ คน ปราบอย่างบดขยี้ เพราะถือว่าเป็นอริราชศัตรู ตายเป็นเบือจน ท�ำให้อังกฤษมั่นคงปลอดภัยจนมาเป็นราช อาณาจั ก รเดี ย วที่ พ ระอาทิ ต ย์ ไ ม่ เ คยตกดิ น และเป็นสังคมผู้ดีมาถึงปัจจุบัน นั่นคือ การ ท� ำ เพื่ อ ความอยู ่ ร อดของบ้ า นเมื อ งซึ่ ง เป็ น ความจ�ำเป็น ที่ไม่อาจค�ำนึงถึงกฎหมายหรือ หลักมนุษยธรรมใดๆ คือ Necessity knows no law! และไม่จ�ำเป็นต้องกลัว UN เพราะ ในขณะนี้รัฐบาลไทยก็มิได้ปฏิบัติตามมติของ UN ที่จะต้องปฏิบัติตามมาตรา ๓ ของรัฐ ธรรมนู ญ ฉบั บ พ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่ ง รั บ รองโดย รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ตามมาตรา ๓๐๙ ให้ เกิดการปฏิรูปประเทศในแบบราชอาณาจักร ที่เป็นสากล ฝ่ า ยอริ ร าชศั ต รู ยั ง ได้ ใ ช้ ก ารพู ด ด้วยตรรกะวิบัติ เพื่อสร้างเหตุและผลเทียม ก่อให้เกิดความเชื่อและการเสี้ยมสอนแบบ ผิ ด ๆ สร้ า งจิ ต ใจเลวร้ า ยเพื่ อ สนองตั ณ หา อุ ป าทานตามรหั ส ลั ท ธิ ข องวาชศรพศาสดา โจรเรียกค่าไถ่ขององค์คุลีมาล อย่างให้โจร มาเป็นใหญ่ในแผ่นดิน อ้างสิทธิและเสรีภาพ ทุกตารางนิ้วแห่งป่าอย่างหัวชนฝา ตามแบบ Dogmatism ของยิวทั้งบัณฑิตชนบางมหาลัย ก�ำลังท�ำให้อาณาบริเวณแห่งมหาลัยเป็นป่า ใหญ่ของสัตว์นานาอยู่กันอย่างอิสรเสรีสุดๆ ชนิดไม่ยอมรับความเป็นมนุษยชาติที่ต้องมี จริยศาสตร์จริยธรรม ท�ำให้ นึ ก ไปถึ ง ดวงเมื อ งที่ เ อาดาว พฤหั ส บดี (๕) ที่ มี คุ ณ ภาพว่ า วิ ช าความรู ้ ศี ล ธรรม-คุ ณ ธรรมแบบพระ, ปราชญ์ , ผู ้ พิพากษา, นักวิชาการ อยู่ร่วมกับดาวพระ เสาร์ (๗) ธาตุไฟซึ่งเป็นเช่นนักอุตสาหกรรม

หนั ก นั ก กสิ ก ร นั ก ขายที่ ดิ น นั ก การท� ำ ป่า กรรมกร ผู้ร้าย ผู้คุมนักโทษ คนโง่เขลา สัปเหร่อ คนเฝ้าศาลเจ้า คนขายเนื้อสัตว์ คน จิตใจฟุ้งซ่าน ความเศร้าโศกทุกข์ยากล�ำบาก วิตกกังวลอยู่เสมอ คือดาว ๕+๗ ในราศีธนู อั น เป็ น ราศี ชื่ อ เสี ย งโชว์ โ ลกอย่ า งนี้ มี ห รื อ ความยุ ติ ธ รรมอย่ า งมี คุ ณ ธรรมจะปรากฏ เป็นหลักได้ การปล่ อ ยให้ มี ก ารปลุ ก เร้ า ของผู ้ ไม่หวังดีต่อราชบัลลังก์ ไม่รู้กันเลยหรือว่า มันเป็นเสียงที่ต้องเข้าผัสสะกับโสตวิญญาณ ให้ เ กิ ด ความรู ้ สึ ก (เวทนา) ให้ เ กิ ด การจ� ำ หมาย(สัญญา) ให้เกิด ความคิด(สังขาร) และ ให้ เ ป็ น วิ ญ ญาณขั น ธ์ คื อ จิ ต -มโน แต่ ไ ฉน กองทัพ-ตุลาการ ผู้มีหน้าที่ในฝ่ายปกครอง ประเทศ คื อ Rule เพื่ อ การรั ก ษาความ มั่นคงปลอดภัย ที่เหนือกว่าอ�ำนาจปกครอง ในระดับบริหารคือ Government จึงไม่ กระดุกกระดิกอย่างเป็นรูปธรรมตามหน้าที่ อย่างแท้จริง.

เมื่อความยุติธรรมดูดาย คือ การล่มสลายของบ้าน เมือง

จึ ง เป็ น เรื่ อ งไม่ ลั ง เลที่ จ ะพู ด ว่ า JUSTICE DO DIE (ความยุติธรรมดูดาย) จะ น�ำไปสู่การล่มสลายของราชอาณาจักรไทย อั น เป็ น ยุ ท ธวิ ธี เ ผด็ จ ศึ ก ที่ อ ริ ร าชศั ต รู จ ะน� ำ มาใช้โดดเดี่ยวสถาบันพระมหากษัตริย์ และ เป็นการดูดายท�ำลายขวัญทอดทิ้งประชาชน ผู ้ ยึ ด มั่ น ใน ๓ สถาบั น จนหมดที่ พึ่ ง หมด หวัง บอบช�้ำ และอ่อนล้า เมื่อคนส่วนใหญ่ ยั ง ต้ อ งการการคุ ้ ม ครองจากผู ้ มี อ�ำ นาจ จึ ง เป็นการผลักให้ไปหาพึ่งพิงฝ่ายตรงข้ามใน ที่สุด ทุกคนต่างก็รู้ว่า เบื้องหลังของเรื่อง ทั้ ง หมดเกิ ด จากคนไทยคนหนึ่ ง ที่ ไ ด้ ล ะทิ้ ง สัญชาติไปเป็นคนต่างด้าว ใช้อ�ำนาจบาตร ใหญ่ อุกอาจสั่งการให้สมุนบริวารกระท�ำสิ่ง ที่ ผิ ด กฎหมายผิ ด รั ฐ ธรรมนู ญ มากมาย แต่ กระบวนการยุติธรรมก็ดูดาย ไม่ใส่ใจท�ำอะไร


ต้ อ งรอให้ ป ระชาชนมาร้ อ งทุ ก ข์ ก ล่ า วโทษ ครั้นมาร้องทุกข์จริงก็แช่เย็น จนประชาชนอิด หนาระอาใจ ได้แต่สาปแช่งข้าราชการเหล่า นั้น ให้ต้องตกนรกอเวจี ใช้กฎหมายไม่ได้ก็ ขอใช้ไสยาศาสตร์ ! กองทัพ ตุลาการ และกระบวนการ ยุติธรรม ต้องกระตือรือร้น พบการกระท� ำ ผิดต่อชาติบ้านเมืองถึงขนาดนี้แล้ว ยังต้อง รอให้คนไปร้องทั้งที่เป็นความผิดต่อแผ่นดิน ครั้นมีผู้ร้องแล้วก็กลัวหัวหด ไม่กล้าเอาผิด กับทุรชนเหล่านั้น แม้จะเป็นนักการเมืองผู้มี อ�ำนาจ ก็เป็นอ�ำนาจชั่วคราวจากการเลือก ตั้ง การนิ่งเงียบเหมือนกลัวค�ำขู่ กองทัพไม่ เรียนรู้วิธีการโต้ตอบที่แหลมคมทั้งที่เป็นฝ่าย ที่ถือไพ่เหนือกว่า ในเมื่อการเมืองไทยต้อง ปฏิรูปตามพันธกรณีที่เป็นข้อตกลงสากล จึง ไม่มีอะไรต้องวิตกกับมุมมองของสากล อยู่ที่ ว่า เข้าใจสิ่งที่ผู้เขียนเขียนหรือไม่ ถ้าอ่านถึง ตรงนี้แล้วไม่เข้าใจ ก็แนะน�ำให้กลับไปอ่าน ทบทวนหลายๆเที่ยวให้เข้าใจ แล้วจะพบว่า เวลานี้ ทุกสิ่งทุกอย่างเกินสุกงอม มันเน่าคา ต้นไปแล้ว หรือที่โบราณว่า “กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้” แม้ เ รื่ อ งการแก้ ไ ขรั ฐ ธรรมนู ญ ที่ ก�ำลังท�ำกันอยู่ในเวลานี้ โดยอ้างว่าแก้ไขเพียง มาตราเดียวทั้งที่จริงเป็นการแก้ไขทั้งฉบับ ซึ่ง ไม่อาจกระท�ำได้ การเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ ทั้งฉบับก็ต้องยกเลิกฉบับเก่าทั้งฉบับ จะไม่ เป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญได้อย่างไร การ เพิ่มวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นการท�ำให้ ได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยวิธีการอื่นที่มิได้ ก� ำ หนดไว้ ใ นรั ฐ ธรรมนู ญ ฉบั บ ปั จ จุ บั น ก็ ผิดตามมาตรา ๖๘ อย่างเห็นได้ชัด อีกทั้ง มติ ที่ ป ระชุ ม รั ฐ สภาไม่มีศักดิ์แห่งอ� ำ นาจสูง กว่ามติของเจ้าของอ�ำนาจคือประชามติ ใน เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับ ๒๕๕๐ มาจากการลง ประชามติ เมื่ อ จะยกเลิ ก เพื่ อ ขอเขี ย นใหม่ ก็ ต ้ อ งได้ รั บ อนุ ญ าตเสี ย ก่ อ น ด้ ว ยการลง ประชามติที่มีศักดิ์แห่งอ�ำนาจเสมอกัน และ ต้องก�ำหนดไว้ในหลักการที่จะแก้ไขมาตรา ๒๙๑ ว่า ต้องลงประชามติในรอบแรกก่อน เมื่อทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว จึงจะสรรหา

สสร.ได้ มิใช่ให้มี สสร. ยกร่างแก้ไขมาจน แล้วเสร็จจึงมาขอประชามติในภายหลังเช่น ที่ พ ยายามรวบอ� ำ นาจท� ำ อย่ า งไม่ ก ลั ว หน้ า อินทร์หน้าพรหม ความเลวร้ า ยทางการเมื อ งที่ น� ำ สู่ความไม่สงบสุขได้เพิ่มขึ้นถึงจุดวิกฤติใน เวลานี้ มาจากการดู ด ายของอ�ำ นาจฝ่ า ย ปกครองประเทศในระบอบราชอาณาจักร ได้แก่ กองทัพ และ ตุลาการ (กระบวนการ ยุ ติ ธ รรมตลอดสาย) เป็ น อ� ำ นาจในฝ่ า ย ปกครองแบบ Rule ตามที่อธิบายมาแล้ว นั่ น เอง ซึ่ ง จะต้ อ งท� ำ หน้ า ที่ พิ ทั ก ษ์ ค วาม เป็ น ธรรมน�ำ สู ่ ค วามมั่ น คงของสถาบั น ทั้ ง ๓ ของชาติ แม้โครงสร้างในปัจจุบัน ยัง ไม่ มี ก ารปฏิ รู ป การเมื อ งให้ เ ป็ น แบบราช อาณาจักรที่ถูกต้องสมบูรณ์ แต่ก็สามารถ ใช้อ�ำนาจความจ�ำเป็นในหลายๆหลักที่ได้ กล่าวอ้างมาแล้วข้างต้น อันเป็นการแก้ไข วิกฤตการณ์ที่สากลยอมรับได้ เพื่อน�ำไปสู่ การปฏิรูปการเมืองที่จริงๆเสียที หลักที่ใช้ อ้าง ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญปลายเปิดที่จะ ต้องปฏิรูปประเทศ หรือ หลัก National Security is the Supreme law of the land หรือ Necessity Knows no law หรือ Rule of Survival Principle ซึ่งล้วนแต่ เป็น Art of Law ที่สามารถน�ำกฎหมายมา ใช้ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างสันติวิธี. อัญญาสิทธิ์ วิมติ - บวร ยสินทร ๙ มีนาคม ๒๕๕๕

ความเลวร้ า ยทางการเมื อ งที่ น� ำ สู ่ ค วามไม่ ส งบสุ ข ได้ เพิ่มขึ้นถึงจุดวิกฤติในเวลานี้ มาจากการดูดายของอ�ำนาจฝ่าย ปกครองประเทศในระบอบราชอาณาจักร ได้แก่ กองทัพ และ ตุลาการ (กระบวนการยุติธรรมตลอดสาย) เป็นอ�ำนาจในฝ่าย ปกครองแบบ Rule ตามที่อธิบายมาแล้วนัน่ เอง

ครอบครัวพอเพียง : 55


ดร.ไสว บุญมา (คนไทยในอเมริกา)

เรื่องของสองประเทศและหนึง่ เกาะ

ย้อนไป ๕๒๐ ปี คริสโตเฟอร์ โคลั ม บั ส เดิ น เรื อ ออกจากสเปนไปทาง ตะวันตก เขาต้องการค้นหาเส้นทางใหม่ เพื่ อ เดิ น เรื อ ไปทวี ป เอเซี ย แทนการอ้ อ ม ทวีปแอฟริกา เขาเชื่อว่าการเดินเรือข้าม มหาสมุทรแอตแลนติกจะน�ำเขาไปสู่ทวีป เอเซี ย เนื่ อ งจากโลกกลม กษั ต ริ ย ์ ส เปน สนับสนุนเขาให้ท�ำเช่นนั้นเพราะหวังจะได้ เปรียบคู่แข่งขันในการค้าขายกับประเทศ ในเอเซีย ในสมัยนั้นเอเซียมีสินค้าหลาย อย่างที่ชาวยุโรปต่างต้องการรวมทั้งเครื่อง เทศและผ้าไหมส่งผลให้ประเทศในยุโรป แข่งขันกันหาทางที่สั้นที่สุด โคลัมบัสไปพบพื้นที่ใหม่ซึ่งเป็น เกาะเล็ ก บ้ า งใหญ่ บ ้ า ง เขาเดิ น ทางไป ส�ำรวจพื้นที่แถบนั้นอีกสองครั้ง ในระหว่าง ครั้งที่สอง เขาตั้งอาณานิคมขึ้นใหม่ในนาม 56 : ครอบครัวพอเพียง

ของสเปนบนเกาะแห่งหนึ่งซึ่งเรียกกันว่า “ฮิสปันโยลา” ต่อมาพื้นที่แถบนั้นเรียก กันว่า “อเมริกา” ซึ่งชาวยุโรปต่างพากัน ไปตั้งอาณานิคม กระบวนการนี้มีผลกระ ทบทางลบอย่างใหญ่หลวงต่อชาวพื้นเมือง พวกเขาถู ก จั บ ให้ ท� ำ งานไม่ ต ่ า งกั บ ทาส เนื่องจากขาดอาวุธร่วมสมัยที่จะใช้ต่อกร กับชาวยุโรป ร้ายยิ่งกว่านั้น พวกเขาขาด ภูมิคุ้มกันโรคร้ายที่ติดไปกับชาวยุโรปโดย เฉพาะไข้ทรพิษ ส่วนใหญ่จึงล้มตายไปใน เวลาอันสั้น เกาะฮิสปันโยลาซึ่งมีชาวพื้น เมืองราว ๒๕๐,๐๐๐ คนเมื่อโคลัมบัสเริ่ม ตั้งอาณานิคมเหลือคนเพียง ๑๔,๐๐๐ คน หลังเวลาผ่านไปเพียง ๒๕ ปี การล้ ม ตายเป็ น ใบไม่ ร ่ ว งของ ชาวพื้ น เมื อ งส่ ง ผลให้ ช าวยุ โ รปต้ อ งไป แสวงหาแรงงานใหม่ ส่วนใหญ่ไปไล่จับ

ชาวแอฟริกามาเป็นทาส มหาอ�ำนาจยุโรป แข่งขันกันบ้างร่วมมือกันบ้างในอเมริกา หลังจากเวลาผ่านไป บรรดาทาสก็ลุกขึ้น ต่อสู้ผู้เป็นนาย พวกเขาปลดแอกของชาว ฝรั่งเศสส�ำเร็จและตั้งประเทศเอกราชชื่อ “เฮติ ” ขึ้ น ทางด้ า นตะวั น ตกของเกาะ ฮิสปันโยลา ทางด้านตะวันออกของเกาะ ซึ่ ง เป็ น อาณานิ ค มของสเปนได้ เ อกราช ในเวลาต่อมาโดยใช้ชื่อว่า “สาธารณรัฐ โดมินิกัน” หลังจากได้เอกราชมาเป็นเวลา เกือบ ๒๐๐ ปี เฮติและสาธารณรัฐโดมินิกัน มีระดับการพัฒนาแตกต่างกันมาก ณ วันนี้ เฮติมีสถานะเป็นประเทศยากจนที่สุดใน อเมริกาและปกครองไม่ได้จนกลายเป็นรัฐ ล้มเหลว สาธารณรัฐโดมินิกันมีสถานะเป็น ประเทศก�ำลังพัฒนาระดับกลางไม่ต่างกับ


เมืองไทย จึงเกิดค�ำถามว่าอะไรท�ำให้เป็นเช่นนั้น ปัจจัยมีหลายอย่าง ปราชญ์มักแยกกว้าง ๆ ออกเป็น ๓ ด้าน Jared Diamond มองด้านภูมิศาสตร์ตามหนังสือชื่อ Guns, Germs, and Steel เนื่องจากสองประเทศนี้มีลักษณะ ทางภูมิศาสตร์คล้ายกัน ฉะนั้น ภูมิศาสตร์คงไม่ใช่ปัจจัยใหญ่นัก David Landes มองด้านวัฒนธรรมตามหนังสือชื่อ The Wealth and Poverty of Nations สองประเทศนี้มีวัฒนธรรมต่างกัน แต่ก็ ไม่ต่างกันมากหากมองเฉพาะด้านความฉ้อฉลซึ่งมีผลร้ายที่สุดต่อ การพัฒนาเนื่องจากเฮติได้คะแนน ๑.๘ และสาธารณรัฐโดมินิกัน ได้ ๒.๖ จากคะแนนเต็ม ๑๐ ตามการประเมินขององค์กรความ

โปร่งใสสากล (หนังสือสองเล่มนี้มีบทคัดย่อเป็นภาษาไทยอยู่ใน หนังสือชื่อ “กะลาภิวัตน์”) Daron Acemoglu และ James Robinson มองด้านการเมืองตามหนังสือชื่อ Why Nations Fail สองประเทศนี้เคยใช้ระบบเผด็จการ แต่เผด็จการในเฮติโหดร้าย กว่าในสาธารณรัฐโดมินิกันแบบเทียบกันไม่ติด เผด็จการเฮติท�ำลายทุกอย่างรวมทั้งป่าไม้จนมีเหลือ อยู่ไม่เกิน ๓% ของพื้นที่ ส่วนสาธารณรัฐโดมินิกันเหลือป่าอยู่ใน อัตราราว ๑๐ เท่าของเฮติ ฉะนั้น หนังสือชื่อ An Inconvenient Truth ของ Al Gore จึงสรุปว่าการท�ำลายป่าเป็นปัจจัยที่ท�ำให้ ประเทศล่มจม

(ภาพความยากจนในเฮติ)

(ภาพความอุดมสมบูรณ์ในสาธารณรัฐโดมินิกัน)

(สภาพเกาะฮิสปันโยลา เฮติตั้งอยู่ทางซ้ายซึ่งป่าถูกท�ำลายไปเกือบหมด)

ครอบครัวพอเพียง : 57


ใช้ Get แทน Receive ได้ไหม สวัสดีค่ะ คุณแอนดรูว์ บิ๊กส์ ดิฉันสงสัยว่า ถ้าจะใช้ค�า ว่า get แทนค�าว่า receive ได้หรือไม่คะ เพราะเวลาจะส่ง sms จะได้ไม่ต้องพิมพ์ยาวๆ ค่ะ ขอบคุณค่ะ จาก Suprada

“อย่านอนดึกนะ ระวังตื่นสาย” สวัสดีค่ะ คุณแอนดรูว์ เมื่อเร็ว ๆนี้หนูอ่านคอลัมน์ ของคุณที่คุณสอนว่า นอนตื่นสายแปลว่า sleep in หนูอยาก ทราบว่าถ้าจะพูดว่า “อย่านอนดึกนะ ระวังจะตื่นสาย” จะพูด ว่าอย่างไรคะ ??? จากA+ จ�าได้แม่นครับ to sleep in แปลว่า นอนตื่นสาย (sleep late พอใช้ได้แต่ไม่ธรรมชาติครับ) ส่วนประโยคที่คุณต้องการคือ to go to bed late หมาย ถึง นอนดึก เช่น • Last night Kanok went to bed late, so he’s in an irritable mood today. (เมื่อคืนกนกนอนดึก วันนี้เขาก็เลยหงุดหงิด) • Don,t go to bed late, or else you might sleep in. (อย่านอนดึกนะ ไม่อย่างนั้นอาจตื่นสาย) ส่วนผู้ที่ตั้งนาฬิกาปลุก แต่สามารถนอนต่อ ( ณ ข้าพเจ้า เอง) การกระท�าอย่างนี้เรียกว่า sleep through our alarm clock (นอนทะลุนาฬิกาปลุก...ฟังแล้วน่ารักดีใช่ไหมครับ) เช่น • Sorry I’m late! Slept throught my alarm clock. (ขอโทษที่มาสาย หนูตั้งนาฬิกาปลุกแต่ลุกไม่ขึ้น)

58 : ครอบครัวพอเพียง

พูดถึงภาษา sms หรือครับ ผมว่ากฎเกณฑ์ในการพิมพ์ ภาษา sms คือ ยิ่งสั้นยิ่งดี get ก็คงยังย่อให้สั้นลงอีก เป็น gt ไม่ใช่หรือค�าว่า get กับ receive มีความหมายเดียวกัน คือ ได้ รับ เพียงแต่ว่า receive สุภาพกว่า get เช่น • I received a letter from my mother today. • I got a letter from my mother today. ทั้งสองประโยคหมายถึง วันนี้ผมได้รับจดหมายจาก คุณแม่ แต่ประโยคแรกก็เพราะกว่า ผมไม่ได้หมายถึง get นั้น ไม่สุภาพ แต่ ในกรณีที่คุณอยากเขียนหรือพูดภาษาอังกฤษอย่างสละ สลวยก็น่า ใช้ receive ก็ดีกว่า แต่ถ้าเป็นสถาณการณ์ที่มีเวลา น้อย หรือ ที่ไม่มากเพื่อที่จะเขียน ( เช่น sms) ใช้ get ได้เลย ครับ เช่น • Did you get my message yet from this morning? (ได้รับข้อความที่ผมส่งเมื่อเช้าหรือยัง) • I got your flowers – thank you my darling. (หนูได้รับดอกไม้ที่พี่ส่งมา ขอบคุณค่ะที่รัก) • I don’t get any love from you these days. (ปัจจุบันนี้ผมไม่ค่อยได้รับความรักจากเธอเท่าไร)


ส่วนผสมทอดมัน

เนื้อปลาสับหรือบด ไข่ไก่ ถั่วฝักยาว ใบมะกรูดซอยละเอียด น�้าตาล เกลือ น�้าพริกแกงเผ็ด น�้ามันส�าหรับทอด ๓

ทอดมันปลา ๕๐๐ ๑ ๑/๒ ๓ ๑ ๑ ๑ ถ้วยตวง

กรัม ฟอง ถ้วยตวง ช้อนโต๊ะ ช้อนชา ช้อนชา ช้อนโต๊ะ

เครือ่ งปรุง + ส่วนผสมน�า้ จิม้ ทอดมัน • แตงกวาหั่นเป็นชิ้นเล็ก • ถั่วลิสงคั่วแล้วน�าไปบด • น�้าตาล • น�้าส้มสายชู

๑ ๑/๒ ๑/๒ ๑/๒

ถ้วยตวง ถ้วยตวง ถ้วยตวง ถ้วยตวง

วิธีท�าทีละขั้นตอน

๑.น�าส่วนผสมทอดมันทั้งหมดลงในชามขนาดใหญ่ นวด ด้วยมือจนส่วนผสมทั้งหมดเคล้ากันทั่ว ๒.น�าช้อนตักส่วนผสมออกมา ๒ ช้อนโต๊ะ และปันเป็น แผ่นกลม (เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๓ นิ้ว) ปันจนส่วนผสม หมด แล้วจึงจากนั้นจึงน�าไปทอดในน�้ามันที่ร้อนปานกลาง จน กระทั่งสุก ๓. เสิรฟพร้อมน�้าจิ้มแตงกวา

วิธีท�าน�้าจิ้มทอดมัน

๑.ผสมน�้าตาลกับน�้าส้มสายชูลงในหม้อเล็ก และน�าไป ตั้งบนไฟอ่อนๆ ๒.เมื่อน�้าตาลละลายแล้ว จึงปิดไฟและทิ้งไว้ให้เย็น ๓.ตักใส่ถ้วยน�้าจิ้ม ใส่แตงกวาและถั่วลิสงบด

ครอบครัวพอเพียง : 59


คุยเฟอง

àÃ×èͧ´Ç§

วันนี้เรามีเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับฮวง จุ้ยโต๊ะท�างานมาฝากให้คุณๆ ได้ลองน�าไปใช้ กันดูนะคะ เพื่อจะได้มีชีวิตการงานที่ก้าวหน้า เจริญรุ่งเรืองมาขึ้นค่ะ

ราศีเมษ (ARIES)

ดาวเกี่ยวกับเรื่องความขัดแย้งการ ท�างานเด่นมาก ๆ อาจมีเรื่องต้องทะเลาะกับ เพื่อนร่วมงาน หรือผู้เป็นเจ้านายบ่อยหน่อย ฉะนั้น ควรจะหาเพชรคริสตัลสีแดงมาวางบน โต๊ะท�างาน เพื่อสะท้อนเรื่องหงุดหงิดเหนื่อย ใจออกไป

ราศีพฤษภ (TAURUS)

ด า ว แ ห ่ ง ก า ร ข ยั บ ข ย า ย เปลี่ยนแปลงเริ่มท�างานมากขึ้น คุณน่าจะมี โอกาสที่จะได้รับงานใหม่ ๆ แต่ก็มักจะต้อง เจอเรื่องติดขัด ให้หาภาพภูเขามาวางหลังโต๊ะ ท�างาน และกระตุ้นโชคด้านการเปลี่ยนแปลง ด้วยเสื้อผ้าที่มีสีชมพู และน�้าตาล

ราศีเมถุน (GEMINI)

มีการเปลี่ยนแปลงหน่วยงาน หรือ ได้รับมอบหมายงานโปรเจกต์ใหม่ๆ แต่จะ มีดาวแห่งความขี้เกียจท�างานอยู่เหมือนกัน กระตุ้นความกระตือรือร้น ด้วยการเน้นแสง สว่าง หาโคมไฟ หรือเชิงเทียนเก๋ๆ มาวาง ประดับ เพื่อใช้กระตุ้นพลังงานแห่งความขยัน

ราศีกรกฎ (CANCER)

การท�างานกับหัวหน้า ดูราบรื่น ไร้ คลื่นลม แถมจะได้ผลงานเต็มๆ อีกต่างหาก แต่ ก ารท� า งานกั บ ลู ก น้ อ ง หรื อ เพื่ อ นร่ ว ม งานดูไม่ค่อยราบรื่นมากนัก มีภาวะถูกกลั่น แกล้ ง เอาได้ เช็ ก ดู เ ก้ า อี้ ที่ นั่ ง ท� า งานว่ า เรา ไม่ได้นั่งหลังลอย และไม่มีมุมเสามาชนกับ ต�าแหน่งที่นั่ง

ราศีสิงห์ (LEO)

โอกาสด้ า นการงานมี เ ข้ า มามาก มีทั้งงานนอก งานใน เรียกได้ว่าล้นมือเต็มไป หมดเลย โดยเฉพาะใครที่ท�างานกับคนต่าง ชาติ ต่างภาษา จะมีผลงานอันได้หน้าเอา มากๆ กระตุ ้ น โชคด้ว ยการหารูปภาพดอก ทานตะวันมาประดับบริเวณโต๊ะท�างาน

ราศีกันย์ (VIRGO)

งานยุ่งเชียวค่ะ คุณเป็นคนท�างาน เก่ง ถึงขั้นบ้างานกันเลยทีเดียว จะได้รับมอบ หมายให้ดูแลงานที่ส�าคัญ ได้หน้ามากกว่าเดิม แถมมักจะถูกเพื่อนร่วมงานเอางานมาให้ช่วย

60 : ครอบครัวพอเพียง

ฮวงจุ้ยโตะท�างานตามราศี

สะสางอยู่บ่อยๆ สะท้อนดาวร้ายที่ท�าให้ต้อง ยุ่งเหยิงออกไปด้วยการแต่งบริเวณโต๊ะท�างาน ด้วยต้น ไผ่ปลอมสักต้นก็ดีนะคะ

ราศีตุล (LIBRA)

น่าจะต้องเจอสภาวะที่จะถูกชักจูง หรือมีเรื่องจูงใจให้เปลี่ยนงาน แต่ไม่ได้สวยใส กว่างานเดิมนักหรอกค่ะ หากต้องการกระตุ้น โชคด้านการงานในปีนี้ คุณต้องเน้นไปที่ทิศ ใต้ของโต๊ะท�างาน ลองหาเต่าตัวน้อย ๆ มา วางเพื่ อ กระตุ ้ น โชคด้ า นการงานอั น มั่ น คง แข็งแกร่ง

ราศีพิจิก (SCORPIO)

ส� า หรั บ คนราศี พิ จิ ก โต๊ ะ ท� า งาน ควรมี ส ามเหลี่ ย มรู ป ปิ ร ะมิ ด หรื อ ที่ ทั บ กระดาษแบบแก้วใสรูปสามเหลี่ยมไว้ป้องกัน พลังที่เลวร้ายยามดวงตก พุ่งเข้าใส่ตัวคุณ หรือมีตู้กระจกเพื่อใส่ของส�าคัญ หรือของโชว์ ตั้งไว้ด้านซ้าย ส่วนด้านขวาก็ตั้งเครื่องเสียง หรือคอมพิวเตอร์

ราศีธนู (SAGITTARIUS)

โอกาสที่จะได้ปรับเปลี่ยนต�าแหน่ง เปลี่ยนงานมีเด่นเอามาก ๆ แต่ไหงดูมันช่าง ติดโน่นติดนี่มากจัง แถมคุณชอบที่จะวางแผน โน่นนี่นั่นไว้เต็มไปหมด ท�างานเหมือนกดดัน ตัวเองมากไปหน่อย ลองกระตุ้นพลังงานด้าน บวกที่โต๊ะท�างานด้วยการหาม้าสวย ๆ มาวาง เพื่อท�าให้มีงาน มีเงิน มีผลงานเข้ามา ได้ราบ รื่นมากขึ้น

ราศีมังกร (CAPRICORN)

ความสัมพันธ์ของคุณกับเจ้านาย ดูหลั่นล้าดี เนื่องจากคุณเป็นคนที่มีความรับ ผิ ด ชอบสู ง และมี ค วามตั้ ง ใจในการท� า งาน อันล้นหลาม แต่กับเพื่อนร่วมงานเนี่ยสิ ดูไม่ ค่อยจะเข้าที สะท้อนเรื่องแย่ ๆ ออกไปด้วย การตั้งไก่ตัวผู้บนโต๊ะท�างานกันหน่อยดีกว่า นะคะ และอย่าไปใส่ใจกับเสียงคนรอบข้างที่ ท�าให้คุณจิตตกให้มากนัก

ราศีกุมภ์ (AQUARIUS)

น ่ า จ ะ ไ ด ้ พ า น พ บ กั บ ก า ร เปลี่ยนแปลงครั้งส�าคัญ มีการไขว่คว้าหาโอ กาสใหม่ๆ หรือการได้รับโอกาสใหม่ๆ เกิด ขึ้นกับชีวิตการงานของคุณนะคะ กระตุ้นโชค ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ให้เป็นด้าน บวก โดยการหาปลาโลมาน่ารัก ๆ มาตั้งไว้ บนโต๊ะ และให้หาดอกกล้วยไม้สีม่วงแดงมา วางประดับโต๊ะท�างานค่ะ

ราศีมีน (PISCES)

ดูแลผลงานของคุณให้ดีๆ นะคะ ไม่ งั้ น คนที่ คุ ณ ไว้ ใ จเค้ า อาจจะท� า ให้ คุ ณ ผิ ด หวั ง เอาได้ ท� า ให้ ต ้ อ งเจ็ บ ช�้ า น�้ า ใจเกี่ ย วกั บ หน้าที่การงาน หรือเนื้องานที่คุณท�าร่วมกัน โดนฉกไปซะหน้ า ตาเฉย ต้ อ งรอบคอบให้ มากขึ้น และไม่ควรจะไว้ใจใครมากเกินไป กระตุ้นพลังงานด้านโชคด้วยการหาลูกบอล ไฟสีสวยๆ มาวางที่ท�างาน และให้หาตุ๊กตา ช้างมาตั้งให้หันหน้าเข้าหาคุณ เพื่อเป็นการ อัพเกรดดาวอ�านาจให้ตัวคุณอีกระลอก


Chill out

: อยู่เย็น

ถึงแม้ว่า We Recommend จะไม่ ได้กินเจเหมือนใครๆ แต่ก็ตั้งใจว่าช่วงนี้อยาก จะขอพักเบรคจากอาหารหนักๆ กับพวกขนม นมเนยซะหน่อย วันนี้ตั้งใจจะไปหาร้านนั่ง อ่านหนังสือเล่นเพลินๆ ในวันหยุด พร้อมกับ จิบกาแฟกันให้สบายอุรา... มี ค นรู ้ จั ก แนะน� า ร้ า นกาแฟน่ า นั่งอยู่ที่หนึ่งชื่อว่า A Day in Summer อยู่ ใกล้กับวัดอรุณฯ ที่นี่เค้ามีคอนเซ็ปต์เก๋มากๆ เลยค่ะ ด้วยการเนรมิตรพื้นที่แห่งนี้ให้เป็น ร้ า นกาแฟในบรรยากาศของทะเลฤดู ร ้ อ น อี ก ทั้ ง เจ้ า ของร้ า นได้ ใ ส่ ไ อเดี ย การตกแต่ ง ร้ า น ประยุ ก ต์ เ อาของใช้ ม าท� า ใหม่ ใ ห้ เ ป็ น ประโยชน์ อย่างโต๊ะกลมก็คือถังน�้ามันเก่าน�า มาพ่นสีขาว แจกันท�าจากหลอดไฟ โคมไฟก็ เป็นกระป๋องที่เอามาพ่นสี ไอเดียเก๋กู๊ดอย่าง นี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์นะคะ ภายในร้ า นแต่ ง แต้ ม สี ฟ ้ า คราม สดใส มีเคาท์เตอร์ไม้เครื่องดื่มที่มีทั้งกาแฟ และน�้าผลไม้ ให้เราได้นั่งพักบนเก้าอี้ยาวท�า เป็นชิงช้าขนาดใหญ่ พร้อมหมอนอิงใบเล็ก ยังมีมุมเตียงผ้าใบไว้ส�าหรับเอนกายฟังเพลง แจ็สเบาๆ ชวนให้รู้สึกเหมือนก�าลังนั่งอยู่ริม ชายหาดเลยทีเดียว หรือใครอยากจะย้ายขึ้น ไปนอนเอกเขนกกับเบาะนุ่มบนชั้น ๒ ก็ยังได้ อ้อ!! เกือบลืมบอก ทางร้านเค้าใจดี มี Wi-Fi ให้ใช้ฟรีด้วยนะคะ หลั ง จากที่ เ ราเลื อ กมุ ม นั่ ง เล่ น พร้อมหยิบแม็กกาซีนเล่มใหม่ล่าสุดจากชั้น ไม้แล้ว ก็สั่ง Hot Cappuccino (๔๕ บาท) คาปูชิโน่ร้อนกลิ่นหอมรสเข้ม ที่แพ็คคู่มากับ ขนมปังอบชิ้น หรือถ้าอากาศร้อนหน่อยจะ

A Day In Summer

เลือกลอง Ice Cappuccino (๕๐ บาท) ก็ สัมผัสรสชาติหวานมันเข้มข้นได้ไม่แพ้กันค่ะ นอกจากกาแฟ ก็ ยั ง มี เ ครื่ อ งดื่ ม เย็นๆ อย่างน�้าผลไม้ Mango Frost (๔๕ บาท) น�้ามะม่วงปั่นรสเปรี้ยวหวาน มีวิตามิน เอและซีสูง ทั้งอร่อยทั้งมีประโยชน์ค่ะแก้วนี้ หรือลอง Apple Soda (๔๐ บาท) แอ็ปเปิล โซดาเย็ น ๆ ซ่ า ๆ ที่ ม าพร้ อ มกั บ รสเปรี้ ย ว อมหวาน และเยลลี่นุ่มหนึบหลากสี เห็นมี แต่เครื่องดื่ม กลัวว่าจะหิว เลยขอ Sweet Waffle (๖๐ บาท) วาฟเฟิลหวานที่ท�าใหม่ๆ ร้ อ นๆ แป้ ง นุ ่ ม ราดสตรอเบอร์ รี่ ซ อสและ ช็อกโกแลตซอส ไว้ทานรองท้องหน่อยค่ะ ไว้วันไหนหยุดว่างๆ ถ้าคุณยังไม่รู้ จะท�าอะไรหรือไปไหนดี ลองขับรถมาเที่ยว แถวฝั่งธนฯ ไปเดิน็อปปิงที่ วังหลัง แวะไหว้ พระวัดอรุณฯ แล้วเลยมาพักเหนื่อยที่ A Day in Summer รับรองว่าเป็นอีกโปรแกรมที่ ท� า ให้ วั น หยุ ด ของคุ ณ สนุ ก มากกว่ า ทุ ก ครั้ ง เลยค่ะ

คุยกับ “A Day in Summer”

คุณซัง เจ้าของร้านนี้หลงใหลเสน่ห์ ของกาแฟและกลิ่ น อายชายทะเล เธอจึ ง เนรมิตร้านกาแฟแห่งนี้ด้วยสีฟ้าครามสดใส ให้ทุกท่านที่ย่างกรายเข้ามาในร้านได้สัมผัส กับบรรยากาศของร้านกาแฟริมชายหาด ใคร อยากไปทะเลแต่ขี้เกียจขับรถไกล ลองมาที่นี่ ก็ได้ค่ะ รับรองว่าได้บรรยากาศไม่แพ้กัน ที่ ตั้ ง : ๓๔๕/๖ ซอยปรกอรุ ณ ๓ ถนนอรุณอัมรินทร์ แขวงวัดอรุณ เขต บางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ โทร : ๐-๒๘๙๑-๐๗๕๖ เปิดบริการ : ๑๐.๐๐ - ๒๒.๐๐ น. (หยุดทุกวันอาทิตย์) ราคาต่อท่าน : (โดยประมาณ) : ๑๐๐ บาท

ครอบครัวพอเพียง : 61


BEAUTY TREND GIRLs’S GANG

อัพเดทเทรนด์แต่งหน้าและทรงผมกันก่อน ใคร ลุคสวยๆ จากรันเวย์แฟชั่นโชว์ สปริงซัมเมอร์ ๒๐๑๒ ใครจะตามเทรนด์ไหนก็เลือก กันเลยค่ะ แต่อย่าลืมเลือกให้เหมาะกับตัวเอง ด้วยนะคะ

Beauty trends ๑. แดงแรงฤทธิ์

ริมฝปากสีแดงคือ การประกาศความเป็นยอดหญิง สีแดงนั้น มี นับสิบเฉด ลองเลือกสักหนึ่งเฉดที่เข้ากับสีผิวและความเป็นตัวคุณที่สุด เคล็ดลับสวยสะท้านด้วยเรียวปากสีแดงคือ มองหาดินสอเขียนขอบปากที่ มีเฉดสีใกล้เคียงกับสีปากของคุณ วาดลงไปรอบขอบปากในจุดเริ่มต้น ตาม ด้วยลิปสติกสีแดงที่คุณเลือกแล้วเกลี่ยระบายให้ทั่วริมฝีปากด้วยพู่กันเป็น ขั้นตอนสุดท้าย

๒. พวงแก้มบ่มแดด

พวงแก้มฉ�่าสีบ่มแดดสไตล์สาวริมหาด ที่โชว์ของ Philip plein เน้นสีแดดสุกบนแก้มปลั่ง ส่วนที่ Preen และ Thekoon ลดดีกรีความฉ�่าลง มาหน่อย ด้วยบลัชออนเฉดสีอ่อนกว่า อยากมีโหนกแก้มบ่มแดดสามารถปัด ได้ด้วยตัวเอง โดยเน้นสีสันบนใบหน้าให้ดูอ่อนบางเป็นธรรมชาติที่สุด แล้ว 62 : ครอบครัวพอเพียง


เลือกใช้บลัชออนสีทองปัดลงไปเพียงบางเบา นอกจากบนพวง แก้มแล้ว คุณยังแอบเติมสีแดดสุกจา งๆ บนเปลือกตาได้อีกด้วย โดยปัดแปรงลากสะบัดสูง ผ่านโหนกแก้มขึ้นมาถึงบริเวณหางตา

๓. ผิวหยาดน�้าค้าง

ลุคของสาวนักบัลเล่ต์ขณะเริงระบ�าอยู่บนเวที โดยมี เม็ดเหงื่อเกาะพราวทั่วใบหน้า ส่องประกายวิบวับต้องแสงไฟดั้ง หยดน�้าค้างยามเช้า จุดเด่นของลุคนี้คือ ผิวหน้าต้องเนียนใส วิ้งเป็นธรรมชาติราวกับไม่ได้แตะเครื่องส�าอางใดๆ คุณต้อง ลงทุนกับไพรเมอร์ชั้นเยี่ยม เพื่อเตรียมผิวให้เรียบเนียนตั้งแต่ชั้น พื้นฐาน เกลี่ยให้ทั่วทั้งใบหน้าและล�าคอแตะลิปกลอสเบาๆ เหนือ โหนกแก้มปิดท้าย ช่วยเติมเลือดฝาดระเรื่อ

Hair trends ๔. เปียยักษ์

นี่ คื อ ทรง ผมที่ เ หมาะกั บ ฤดู ร้ อ นที่ ใ กล้ จ ะมาถึ ง และเป็ น ทรงที่ ใ ห้

อารมณ์สนุกสุดเหวี่ยง สาวคนไหนผมบางหรือสั้นก็อย่างเพิ่ง หวั่นใจ เพราะเปยแบบเกลียวเชือกเหมาะกับสาวเส้นเล็กบาง ลีลาการขดเกลียว จะช่วยเติมน�้าหนักและเท็กซ์เจอร์ให้เส้นผม ดูหนานุ่ม หรือไม่ก็ต่อแฮร์พีชผมปลอม เพื่อก้าวไปสู่เปียเส้น ใหญ่หนาตื่นตา รวมถึงใช้ที่คาดผมประดับสายเปียก็ช่วยให้ดู เหมือนมีรัศมีนางฟ้าครอบอยู่กลางศีรษะ

๕. เสน่ห์แสกกลาง

ทรงแสกกลางคือทางลัดสวยเริดงามสง่า ที่ใช้เวลา ไม่นานและท�าเองได้ง่ายดาย แถมยังพลิกแพลงได้ทั้งเกล้าเป็น หางม้าต�่า หรือปล่อยยาวสยายเคลียไหล่เคล็ดลับไม่ยากคือ ฉีดสเปรย์ลงบนหวีแปรง หาง แหลม แบ่งผมแสกกลางแล้ว หวีปาดไปด้านหลังสเปรย์จะช่วยก�าราบเส้นสายฟุ้งกระเซิง ท�าให้ผมอยู่ทรงยาวนาน และเติมประกายเงางาม

๖. เกลียวคลื่นฟุงฝอย

ทรงผมประจ�าที่มาตอกบัตรผูกขาดทุกฤดูร้อนลอนหยิกบาง ๆ บวกกับเส้น สายฟุ้งกระจายไม่ต่างจากเกลียวคลื่นซัดกระเซ็น เริ่มจากสระผมให้สะอาด เป่าไดร์ แบบลวก ๆ จากบนลงล่างให้ทั่วศีรษะ ใช้แว็กซ์ มูส หรือเจลขยี้ลงบนฝ่ามือก่อน แล้วจึงขย�าลงบนเส้นผมให้ทั่ว ก็จะได้ลอนคลื่นฟุงฝอยดูผ่อนคลายแกมเซ็กซี่เบา ๆ

๗. หัวน็อต

ขอแนะน�าให้สนุกกับการทดลองหลาย ๆ สไตล์ จนกว่าจะค้นพบทรงมวย สูงที่เหมาะกับคุณ โปรดจ�าไว้ว่าฉีดสเปรย์ให้น้อยที่สุด เพื่อเส้นสายมวยผมที่ดูเป็น ธรรมชาติ เลี่ยงมาใช้สายยางยืดรัดผมจะดีกว่าใช้กิ๊บด�า เพราะช่วยรัดให้ผมแน่น มากกว่า แถมยังเป็นฐานรากให้มวยผมพุ่งสูงขึ้นมากเป็นพิเศษ

๘. ลอนสลวยนุ่มพลิ้ว

น�าพาความน่ารักแสนงามแห่งอิสตรีกลับมาให้ชื่นชมอีกครั้ง ภายใต้เกลียว หยิกเป็นลอนยาวสปริงตัวสลวย วิถีความงามที่ง่ายที่สุดนี้คือกลับไปหาโรลม้วนผม แบบเก่า หรือหากมีเวลาน้อยก็ให้ใช้แกนม้วน ไฟฟ้าขนาดใหญ่ ม้วนจากระดับคิ้วลง ไปจรดปลายผม โดยทิ้งระยะห่างต่อลอนราว ๆ หนึ่งนิ้ว แล้วใช้นิ้วมือช่วยสางเบา ๆ เพิ่มเติมเส้นสายนุ่มพลิ้ว พร้อมสเปรย์สูตรเพิ่มประกายเงางามปิดท้าย ที่มา http://women.kapook.com/view37375.html ภาพประกอบจาก Internet

ครอบครัวพอเพียง : 63


การเลี้ยงกบเพื่อเลี้ยงชีพ “ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตกพร�่ำพร�่ำ กบมันก็ร้องงึมง�ำ เสียงดังไปทั่วท้องนา...” ขึ้นต้นบทความเป็นเนื้อเพลงฝนเดือน หก ของคุณรุ่งเพชร แหลมสิงห์ ได้อารมณ์ไปอีกแบบแก้ขัดกับ ของ “แพงทั้งแผ่นดิน” เรื่องกบเป็นเรื่องง่าย สบายท้อง สบาย กระเป๋า สนใจก็แล่เข้ามารับทราบข้อมูลกันไว้ กบ เป็นสัตว์ที่มีประโยชน์ต่อมวลมนุษย์มากมาย ทั้งทางตรงและทางอ้อมใช้เป็นอาหารที่มีโปรตีนสูงและกบยังช่วย ก�ำจัด หนอน แมลงศัตรูพืชอีกด้วย การน�ำกบมาเพราะเลี้ยงเป็น อาชีพหลัก และอาชีพเสริม เพื่อเป็นอาหารในครัวเรือนมากขึ้น เพราะเลี้ยงง่าย โตเร็ว เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ กบ สามารถเลี้ยงได้ทั้งในบ่อดิน บ่อซีเมนต์ กระชัง และบ่อพลาสติก ควรเลือกท�ำบ่ออยู่ที่ใกล้บ้านพักอาศัยไม่ควรอยู่ใกล้ถนนที่มีรถ วิง่ ประจ�ำกบจะตืน่ ตกใจไม่กนิ อาหารและตายในทีส่ ดุ

พันธุ์กบมี ๒ ประเภท คือ 64 : ครอบครัวพอเพียง

๑.กบพันธุ์พื้นเมือง เช่น กบนา กบจาน กบทูต กบ ภูเขียวหรือเขียดเขียว ๒.กบพั น ธุ ์ ต ่ า งประเทศ ที่ นิ ย มเลี้ ย ง คื อ พั น ธุ ์ บ ลู ฟ ร็อก พันธุ์กบที่แนะน�ำให้เลี้ยงเพื่อยังชีพ คือ กบนา เพราะ


เลี้ยงง่าย โตเร็ว หาพันธุ์เลี้ยงง่าย เนื้ออร่อยโดยเลี้ยง ๔-๕ เดือน จะมีน�้ำหนัก ๔-๕ ตัวต่อกก. อัตราการเปลี่ยนอาหารเป็นเนื้อ ๓.๔ กก./เนื้อ ๑ กก. โดยกบที่จะน�ำมาเพาะพันธุ์จะต้องเป็นกบอายุ ๑ ปีขึ้นไป มีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ น�้ำหนักตัวเมีย ๒-๓ ขีดขึ้นไป อัตราการปล่อยตัวเมีย ๑:๑ หรือ ๑:๒ โดย ๑ บ่อใช้ประมาณ ๕ คู่ กบนาตัวเมีย ๑ ตัวจะวางไข่ได้ ๒,๐๐๐-๓,๐๐๐ ไข่

การเลี้ยงกบในบ่อดินและบ่อปูน ขั้นตอน/วิธีการ

ขนาดบ่อและอัตราการปล่อย ขนาดบ่อ ๔x๔ ท�ำแอ่ง น�้ำขนาด ๓x๓ เมตร ลึก ๒๐ เมตร เลี้ยงกบได้ประมาณ ๑,๐๐๐ ตัว บ่อกบเพื่อท�ำเลี้ยงชีพควรมีขนาด กว้าง ๒ เมตร ยาว ๓ เมตร ท�ำบ่อขนาด กว้าง ๑.๒๐ เมตร ยาว ๒ เมตร ลึก ๒๐ ซม.ปักไม้ หลักรอบทั้ง ๔ ด้านห่างกัน หลักละ ๒ เมตร น�ำมุ้งเขียวล้อม ๒ ชั้น โดยชั้นล่างฝังลงดิน ๒๐ ซม.กัน งู หนูและกบมุดออก ด้าน บนพรางแสงด้วยทางมะพร้าว ในบ่อวางกระเบื้องแตก ถังแตก ไว้ เป็นที่หลบซ่อนของกบ รอบคอกกบควรปลูกผักสวนครัวไว้บริโภค ใช้น�้ำที่ถ่ายออกจากบ่อกบ

การเตรียมบ่อพัก

๑.ล้างบ่อให้สะอาด ตากบ่อทิง้ ไว้ ๒-๓ วัน ๒.เมื่อถึงเวลาที่กบจะผสมพันธุ์ ช่วงเย็นก่อนมืด ให้เติม น�้ำสะอาด ๗-๑๐ ซม.

๓.น�ำน�้ำแข็งละลายสาดน�้ำให้ทั่วบ่อ น�ำกิ่งไม้ หรือเถา ผักบุ้งลอยในบ่อให้เป็นที่ยึดกบ ๔.น�ำพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์มาปล่อย กบจะไข่ภายในเช้า ของวันรุ่งขึ้น จึงน�ำพ่อแม่กบออก ๕.ไข่กบจะฟักออกเป็นลูกอ๊อด ภายใน ๑ วัน โดยใน ๒ วันแรกยังไม่ต้องให้อาหาร เพราะยังใช้ไข่แดงที่ติดมาเลี้ยง ตัวเองอยู่ ๖.วันที่ ๓ เริ่มให้อาหาร โดยใช้อาหารปลาดุกหรือร�ำ ละเอียด ปลาบด ไข่แดงต้มหรือ ไข่ตุ๋นอย่างใดอย่างหนึ่งโดยอย่า ให้มากเพราะจะท�ำให้น�้ำเสียเร็ว ๗.ลูกอ๊อดอายุ ๒๐-๓๐ วัน จะโตเป็นลูกกบเต็มวัยครบ ๔ ขา ให้หากระดานหรือขอนไม้ ให้เกาะและควรคัดลูกกบที่เริ่ม โตเต็มวัยขนาดเท่ากันไปอนุบาลอีกบ่อหนึ่งเพื่อป้องกันการกินกัน หรือตอดหางกันท�ำให้เป็นแผล ๘.เมือ่ เลีย้ งได้ประมาณ ๔๐ วัน ก็สามารถน�ำมาประกอบ อาหารในครัวเรือนได้โดยจับตัวทีโ่ ตมาบริโภคก่อน ๙.ข้อส�ำคัญต้องมีการคัดขนาดกบอยู่เป็นประจ�ำ เพื่อ ไม่ให้กบกินกันเอง ๑๐.ดูแลถ่ายน�้ำห่างกันประมาณ ๑๐-๑๕ วันต่อครั้ง โดยใช้สายยางดูดออกรดพืชผักผลไม้รอบบ้านแล้วเติมใหม่ หรือ ให้ลดการเปลี่ยนถ่ายน�้ำน้อยลง ควรเลี้ยงปลาดุกในบ่อกบเพื่อ ช่วยกินอาหารที่หกและเหลือจากกบในอัตรากบ ๑๐๐ ตัว ต่อ ปลาดุก ๒๐ ตัวจะท�ำให้ได้กินทั้งกบและปลาในบ่อเดียวกันและ ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน�้ำบ่อย

การเลี้ยงกบคอนโด ขั้นตอน/วิธีการ

๑.การเลือกพื้นที่สร้างคอนโด ควรเป็นที่ดอน น�้ำท่วม ไม่ถงึ และปรับเกลีย่ พืน้ ทีใ่ ห้เสมอและควรอยูบ่ ริเวณบ้าน ๒.การสร้างคอนโด หายางรถยนต์ที่หมดสภาพแล้ว อาจเป็นยางรถใดก็ได้ ขนาดใหญ่ยิ่งดี เพราะจะได้พื้นที่ใช้สอย

ครอบครัวพอเพียง : 65


เยอะ แต่ ใ นหนึ่ ง คอนโดจะต้ อ งใช้ ย างขนาดเดี ย วกั น จ� ำ นวน ๔-๕ เส้น น�ำมาวางซ้อนกัน จะได้ความสูงประมาณ ๘๐-๑๐๐ เซนติเมตร (แล้วแต่ขนาดของยาง) น�ำน�้ำมาใส่ในแก้มยางจน เต็มทุกเส้น ก็เป็นอันเสร็จสิ้น การสร้างคอนโดได้จ�ำนวนชั้นตาม จ�ำนวนยางรถที่หามาได้ ๓.การปล่อยกบลงเลี้ยง น�ำลูกกบขนาด ๑-๒ นิ้ว ที่ซื้อ มาจากในหมู่บ้านเดียวกัน ในราคาตัวละ ๑.๕๐ บาท ลงเลี้ยง คอน โดละประมาณ ๕๐ ตัว เลี้ยงนาน ๓-๔ เดือน ก็จะได้กบขุนขนาด ๓-๔ ตัว/กิโลกรัม ซึ่งเป็นขนาดที่ตลาดต้องการ จะจับออกมาปรุง อาหารบริโภคในครัวเรือนหรือจ�ำหน่ายในชุมชนได้ ขายปลีกได้ ราคากิโลกรัมละ ๘๐ บาท ๔.การดูแลรักษา โดยเฉพาะการให้อาหาร จะให้อาหาร เม็ด (อาหารปลาดุก) ใส่จานหรือวัสดุอื่นๆวางบนพื้นตรงกลาง คอนโด กบที่ได้ฝึกให้กินอาหารเม็ดแล้ว จะลงมากินอาหารจนอิ่ม แล้วจะกลับไปนอนพักตามชั้นในแก้มยางล้อรถ แต่การให้อาหาร ต้องระวังอย่าให้มากจนเกินไป เพราะจะท�ำให้อาหารเหลือ และ บูดเน่าเสีย ท�ำให้มีมดมารบกวน ซึ่งจะต้องหาวิธีการป้องกันเอา ไว้ด้วย นอกจากนั้น ศัตรูอื่นๆ เช่น นก งู ก็จะต้องป้องกัน โดย การหาวัสดุมาวางปิดที่ชั้นบนสุดของคอนโด เพื่อป้องกันศัตรู มารบกวน

66 : ครอบครัวพอเพียง


กรมที่ดิน เตรียมความพร้อมเข้าสู่ การเปนประชาคมอาเซียนในป ๒๕๕๘ กรมที่ดินได้ร่วมเป็นคณะกรรมการเตรียมความพร้อม ของกระทรวงมหาดไทยในการรวมตั ว เป็ น ประชาคมอาเซี ย น เพื่อก�าหนดนโยบายและวางแนวทางในการสร้างความตระหนัก รู้ให้แก่ข้าราชการและบุคลากรในหน่วยงานเพื่อรองรับการเป็น ประชาคมอาเซียนในปี ๒๕๕๘ โดยจัดท�าเป็นแผนการเตรียมความ พร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ๒๕๕๘ ดังนี้ • การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร ด้วยการสร้าง ความตระหนักรู้และพัฒนาสมรรถนะของบุคลากรให้พร้อมสู่การ เป็นประชาคมอาเซียน เช่น การฝึกอบรมหลักสูตรการสื่อสาร ภาษาอังกฤษส�าหรับงานทะเบียน ( Verbal English for Land Registration) การส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมประชุมสัมมนาในการ สร้างความตระหนักรู้ในการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนทั้งของ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการต่างประเทศ

คณะผู้แทนคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ประเทศภูฏาน เข้าเยี่ยมคารวะ นายบุญเชิด คิดเห็น อธิบดีกรมที่ดิน

นอกจากนี้ กรมที่ดินยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณ จากกองทุนความร่วมมืออาเซียน+๓ ในการจัดการฝึกอบรมระดับ ภูมิภาคอาเซียน เรื่องการบริหารจัดการที่ดินเพื่อพัฒนาชนบท และขจัดความยากจนของประเทศไทย (ASEAN+3 Regional Training Course on Thailand Land Management for Rural Development and Poverty Eradication Scheme) ซึ่ ง ก� า หนดจะจั ด ขึ้ น ระหว่ า งวั น ที่ ๒๕-๒๙ มิ ถุ น ายน ๒๕๕๕ ณ โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพมหานคร ให้แก่กลุ่มประเทศ สมาชิกอาเซียน จ�านวน ๑๐ ประเทศ และอาเซียน+๓ (เกาหลี ญี่ปุ่น และจีน) ซึ่งโครงการนี้เป็นการบูรณาการระหว่างโครงการ จัดที่ดินของรัฐเพื่อขจัดความยากจนของส�านักจัดการที่ดินของ รัฐและโครงการพัฒนากรมที่ดินและเร่งรัดการออกโฉนดที่ดิน ทั่ ว ประเทศของส� า นั ก งานบริ ห ารโครงการพั ฒ นากรมที่ ดิ น ฯ เพื่ อ ขอรั บ งบประมาณสนั บ สนุ น จากส� า นั ก เลขาธิ ก ารอาเซี ย น ในการด�าเนินโครงการแลกเปลี่ยนความรู้และเรียนรู้ประสบการณ์ ของโครงการที่ ป ระสบความส� า เร็ จ ของประเทศไทยระหว่ า ง ประเทศสมาชิ ก อาเซี ย น ซึ่ ง ที่ ป ระชุ ม ได้ พิ จ ารณาเห็ น ชอบให้ บรรจุโครงการของกรมที่ดินไว้ในกรอบแผนการท�างานด้านการ พั ฒ นาชนบทและขจั ด ความยากจนของกลุ ่ ม ประเทศอาเซี ย น ปี ๒๕๕๔-๒๕๕๘

คณะผู้แทนจากประเทศบังคลาเทศ ดูงานโครงการบริหารจัดการการใช้ ประโยชน์ในที่ดินสาธารณประโยชน์ที่มีการบุกรุก เพื่อขจัดความยากจน และพัฒนาชนบท จังหวัดศรีสะเกษ

• การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กฎหมาย ข้อก�าหนด และ ระเบียบที่เกี่ยวข้องของกรมที่ดินเป็นภาษาอังกฤษ • แผนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการบริหารงานที่ดิน กับกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนด้วยการให้การต้อนรับและการ เดินทางไปศึกษาดูงานกับกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน

กรมที่ดิน


68 : ครอบครัวพอเพียง


Cover Story

เราจะสร้าง ความยั่งยืนให้กับชีวิต ได้อย่างไร? โรงเรียนราชินี

ครอบครัวพอเพียง : 69


Cover Story เราจะสร้าง ความยั่งยืนให้กับชีวิต ได้อย่างไร? โรงเรียนราชินี

ชนัญชิดา ชาญอุไร

นวียา ขุนนาม

หนูจะตั้งใจศึกษาเล่าเรียนและน�าความรู้ที่มีอยู่ ไปใช้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยการพัฒนาตนเอง สังคม และ ประเทศชาติให้ขับเคลื่อนไปในทางที่ดีและสร้างสรรค์ เพื่อ สร้างความมั่นคงและความยั่งยืนให้กับชีวิตของเราค่ะ

70 : ครอบครัวพอเพียง

หนู คิ ด ว่ า ตอนนี้ ก ารศึ ก ษาเป็ น สิ่ ง ส� า คั ญ ที่ สุ ด ค่ ะ ไม่ว่าวิชาอะไรก็จะตั้งใจเรียนให้ดีที่สุดอย่าไปคิดว่าเรียนไป ก็คงไม่ได้ใช้นะค่ะ แล้วนอกจากการเรียนแล้วกิจกรรมนอก ห้องเรียนก็ส�าคัญด้วย ซึ่งตัวหนูจะได้รับผิดชอบงานหลายๆ อย่าง ได้เรียนรู้การท�างาน การแก้ปัญหา การแบ่งเวลา ซึ่ง ในอนาคตหนู เ ชื่ อ ว่ า สิ่ ง เหล่ า นี้ จ ะสร้ า งความยั่ งยืนให้ชีวิต หนูได้ค่ะ


สายลดา สิงคารวานิช

ในความคิดของหนู การสร้างความยั่งยืนให้กับชีวิต เป็นสิ่งที่ง่ายๆ โดยสามารถท�าได้โดยเริ่มต้นจากชีวิตประจ�า วันของเรา เช่น การตั้งใจเรียนหนังสือ เพื่อสร้างความมั่นคง ในอนาคต การท�าบัญชีรายรับ รายจ่าย ไม่ฟุ่มเฟือย เพียงแค่ นี้ ก็สามารถสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตได้แล้วค่ะ

ชมพูนชุ ตรีโชควิพุธ

หนูคิดว่าการสร้างความยั่งยืนคือการวางแผนในการ ท�าสิ่งต่างๆ เพื่อท�าสิ่งต่างๆให้ถูกต้องและเกิดความรู้ใหม่ๆ เพื่อ น�าไปใช้ในการด�าเนินชีวิต โดยน�าความรู้และประสบการณ์ จากการท�างาน การเรียน มาสร้างความยั่งยืนเพื่อตนเองและ ประเทศชาติสืบไป

ครอบครัวพอเพียง :71


เราจะสร้าง ความยั่งยืนให้กับชีวิต ได้อย่างไร? โรงเรียนราชินี

ฝนทอง ชุรินทรพรรณ

ส�าหรับตัวหนู การสร้างความยั่งยืนให้กับชีวิต คือ การตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ณ ปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะหากวัน นี้หนูมีความรู้ที่ดี มีการศึกษาที่มีประโยชน์ สามารถต่อยอด ได้ อนาคตของหนูก็จะก้าวไกล และหนูก็จะสามารถท�าความ ฝันของหนูให้ส�าเร็จได้ค่ะ

พิมพ์ชนก อักษวงศ์

การสร้างความยั่งยืนให้กับชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่ยากและ ทุกคนสามารถท�าได้ โดยที่หนูในฐานะนักเรียนสิ่งที่หนูพอจะ สร้างความยั่งยืนของชีวิตได้นั้น คือการตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เพื่อปูทางไปสู่อาชีพที่มั่นคง และเก็บออมเงินไว้เพื่อเป็นเงิน ส�ารองในอนาคต ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ถือว่าเราได้เก็บออม ไว้แล้วเช่นกันค่ะ

72 : ครอบครัวพอเพียง


กมลชนก วีระสกุลทอง

ในความคิดของหนู การจะสร้างความยั่งยืนในชีวิตได้ เราต้อง รู้จักการวางแผนในเรื่องต่างๆ และในตอนนี้เรื่องที่จ�าเป็นในการวางแผน มากที่สุดคือ การวางแผนเรื่องเรียน เพื่อจะเข้ามหาวิทยาลัยที่หวังไว้ได้ และจะได้มีอนาคตที่ดี

ปุณฑรีก์ เทียนทอง

ในชีวิตประจ�าวันเราจ�าเป็นต้องท�าให้ชีวิตของเรามี ความมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งเราสามารถท�าได้ไม่ยาก แต่ขณะ นี้ ห นู เ ป็ น นั ก เรี ย น สิ่ ง ที่ ค วรท� า มากที่ สุ ด คื อ การตั้ ง ใจเรี ย น หนังสือให้ได้ดีที่สุด เพื่อในอนาคต จะได้มีอาชีพที่ดี และเมื่อ มีเงินเดือนที่มากพอ ก็ควรจะมีการเก็บออมเงินไว้เพื่อชีวิตใน วัยชราต่อไป

ครอบครัวพอเพียง :73


ข้าวย�าปักษ์ใต้ ส่วนประกอบส�าคัญที่เป็นลักษณะเฉพาะของอาหารจานนี้คือ น�้าบูดูเป็นเครื่องปรุง รสมีลักษณะคล้ายน�้าปลา เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปโดยน�าปลาทะเลมาคลุกเกลือในอัตราส่วน ที่เหมาะสม ใช้เวลาหมักที่พอเหมาะ การเตรียมน�้าบูดูท�าโดยน�าน�้าบูดูเข้มข้นมาผสมกับตะไคร้ ข่า และ หอมแดงทุบพอแหลก ใบมะกรูดฉีก ใส่น�้าตาลปึก และเติมน�้าพอ ประมาณ เพื่อเจือจางและลดความเค็ม ต้มจนเดือดประมาณ ครึ่งชั่วโมง กรองเอาส่วนใสมาเคี่ยวต่อประมาณ ๑ ชั่วโมง ด้วยไฟปานกลาง แล้วยกลงรอให้เย็น น�ามาคลุก กับข้าวย�าได้เลย ในการคลุกข้าวย�านั้น น�าข้าวสวย ข้าวพอง (ท�าจาก ข้าวเหนียวนึ่งสุก น�ามาตากแห้ง แล้วทอด) กุ้งแห้งป่น พริกแห้งป่น มะพร้าวขูดคั่ว ผัก และผลไม้สดมาคลุกเคล้าให้เข้ากันกับน�้าบูดู บี บ น�้ า มะนาวใส่ จะได้ อ าหารจานหนึ่ ง ที่ ใ ห้ คุ ณ ค่ า ครบถ้วน พร้อมด้วยสารต้านมะเร็งจากผักและผลไม้ที่ใช้ ได้แก่ ถั่วงอก ถั่วฝักยาวซอย แตงกวาซอย ใบมะกรูด ตะไคร้ ใบชะพูล ถูกน�ามาหั่นฝอย ส้มโอ และอาจเพิ่มเติมผักและผลไม้ สดอื่นได้พืช ผัก สมุนไพรต่างๆ ที่ใส่ทั้งในน�้าบูดู และในข้าวย�า นอกเหนือจากช่วยดับกลิ่นคาวน�้า บูดู และเพิ่มความหอมแล้ว ยังมีประโยชน์ในแง่ การต้านมะเร็ง 74 : ครอบครัวพอเพียง


วิเคราะห์ฤทธิ์ต้านมะเร็งของ ข้าวย�าปักษ์ใต้ ตะไคร้ สารสกัดจากตะไคร้ลดการก่อกลายพันธุ์ ยับยั้งการโตของเนื้องอก และช่วยกระตุ้นการท�างานของระบบท�าลายสารพิษ

ข่า มีสารพวกฟลาโวนอยด์ช่วยต้าน อนุมูลอิสระ สารสกัดจากพืชตระกูลนี้ จับสารก่อมะเร็งบางชนิด และกระตุ้น การท�างานของระบบท�าลายสารพิษ ถั่วฝักยาว มีเบต้า-แคโรทีน และวิตามินซีที่ช่วย ป้องกันอนุมูลอิสระ และมีใยอาหารดักจับสารพิษได้

ส้มโอ ผลไม้เพียงชนิดเดียวที่ใส่ในเมนูนี้ในรสเปรี้ยวอม หวาน ให้วิตามินซี และใยอาหาร ช่วยในการลดฤทธิ์ ของสารกลายพันธุ์ได้

หอมแดง จัดเป็นเครื่องเทศอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับกระเทียม มีสารออร์แกโนซัลเฟอร์ สามารถต่อต้านการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียบางชนิดที่ก่อมะเร็งได้สามารถ กระตุ้นระบบท�าลายสารพิษจึงต้านฤทธิ์สารก่อมะเร็งได้ ใบชะพูล ให้เบต้า-แคโรทีนและวิตามินซีช่วยป้องก�าจัดอนุมูล อิสระได้ดี และมีสารคลอโรฟิลล์ที่สามารถดักจับสารก่อมะเร็งได้ ถั่วงอก เป็นพืชที่ให้พลังงานต�่า มีสารอาหารและเกลือแร่ไม่มาก แต่ เนื่องจากเป็นพืชที่ก�าลังงอก ดังนั้น จึงต้านอนุมูลอิสระได้เนื่องจากมี สารประกอบโพลีฟีนอล

ครอบครัวพอเพียง : 75


เรื่อง : หนูมีสุข

เขื่อนขุนด่านปราการชล เขื่อนขุนด่านปราการชล หรือเดิมเรียกว่าเขื่อนคลอง ท่ า ด่ า นเป็ น เขื่ อ นคอนกรีตอัดบดยาวที่สุดในประเทศไทยและ ในโลก ตั้งอยู่ที่บ้านท่าด่าน ต�ำบลหินตั้ง อ�ำเภอเมือง จังหวัด นครนายก สร้างขึ้นตามแนวพระราชด�ำริของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว เพื่อเก็บกักน�้ำในช่วงหน้าฝนไว้ในหน้าแล้ง และ ควบคุ ม ไม่ ใ ห้ เ กิ ด น�้ ำ ท่ ว มบ้ า นเรื อ นราษฎร ไร่ น าและพื้ น ที่ การเกษตรในหน้าฝน โดยสร้างครอบฝายท่าด่านเดิม

ความส�ำคัญ

ที่ราบลุ่มนครนายกมีระดับน�้ำใต้ดินมีการลดระดับหรือ พื้นที่ลาดเทค่อนข้างมาก ท�ำให้น�้ำไหลบ่ารุนแรงในช่วงฤดูฝน ส่วนบริเวณพื้นที่ชลประทานนครนายก เป็นพื้นที่ราบกว้างขวาง มีระดับน�้ำใต้ดินต�่ำจึงเกิดปัญหาขาดแคลนน�้ำในฤดูแล้งส่วนใน ฤดูฝนกลับเกิดปัญหาน�้ำท่วมเนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ ที่มีความลาดเอียงน้อยท�ำให้น�้ำระบายออกยากน�้ำจึงท่วมขังเป็น เวลานาน การสร้างเขื่อนกั้นล�ำน�้ำนครนายกตอนบนจึงเป็นการ ชะลอกระแสน�้ำไม่ให้ไหลอย่างรุนแรงในช่วงฤดูฝนโดยจะกักเก็บ น�้ำไว้ และในทางกลับกัน จะสามารถกักเก็บน�้ำเอาไว้ใช้ในฤดูแล้ง ได้แทนที่จะต้องเผชิญกับภัยแล้ง

76 : ครอบครัวพอเพียง

โครงสร้างและลักษณะ

ตัวเขื่อนขุนด่านปราการชลประกอบด้วยเขื่อนหลักและ เขื่อนรองสร้างด้วยคอนกรีตบดอัด ปัจจุบันเป็น เขื่อนคอนกรีต บดอัดที่มีความยาวที่สุดในโลก มีความยาวรวม ๒,๗๒๐ เมตร ความสูง (สูงสุด) ๙๓ เมตร รับน�้ำที่ไหลจากอุทยานแห่งชาติเขา ใหญ่ ผ่านน�้ำตกเหวนรกลงสู่อ่างเก็บน�้ำ มีความจุ ๒๒๔ ล้าน


ลบ.ม. โดยท�ำให้มีน�้ำในการท�ำเกษตรกรรม การอุปโภคบริโภค แก้ปัญหาดินเปรี้ยว เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา และบรรเทาอุทกภัย เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ของนครนายก นักท่องเที่ยวสามารถ ชมอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้จากบริเวณสันเขื่อน จะเห็นทิวทัศน์ ด้านหน้าเขื่อน และชมทิวทัศน์เมืองนครนายกด้านหลังเขื่อน ใน อนาคตมีโครงการจะสร้างแก่งเทียมเพื่อการท่องเที่ยวและกีฬา และเป็นสนามสลาลอมนานาชาติ ซึ่งจะเป็นแห่งเดียวในภูมิภาค นี้ หากก่อสร้างแก่งเทียมแล้วเสร็จ จะสร้างกิจกรรมท่องเที่ยวและ สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวของจังหวัด นครนายกเพิ่มขึ้น

การท่องเที่ยว

การเดินทาง

เขื่อนขุนด่านปราการชลเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทาง มาชมวิวเหนือสันเขื่อน สามารถมองเห็นตัวเมืองนครนายกและ เดินทางโดยรถยนต์ มายังตัวเมืองนครนายกโดยอาจใช้ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้ที่สันเขื่อน นอกจากนี้ยังสามารถเช่า ถนนสายรังสิต-นครนายก(ทางหลวงหมายเลข ๓๐๕) หรืออาจใช้ เรือหางยาวเพื่อชมน�้ำตกที่อยู่ลึกเข้าไปในอ่างเก็บน�้ำของเขื่อนได้ ถนนเส้นเก่าคือถนนสุวรรณศร (ทางหลวงหมายเลข ๓๓) ซึ่งจะ อ้อมกว่า จนถึงตัวเมืองนครนายกให้ใช้เส้นทางเดียวกับไปน�้ำตก นางรอง (ทางหลวงหมายเลข ๓๐๔๙) ผ่านอุทยานวังตะไคร้และ เลี้ยวขวาเข้าถนนสู่ตัวเขื่อน รถโดยสารประจ�ำทาง จากกรุงเทพฯ–นครนายก มี บริการรถโดยสารประจ�ำทางทั้งรถธรรมดาและรถปรับอากาศ ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต ๒) ทุกวัน รถตู้ กรุงเทพ-นครนายก-เขื่อนขุนด่าน โดยสามารถ ขึ้นที่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต หน้าโรงพยาบาล นครนายก (ฝั่งโรงพยาบาล)

ครอบครัวพอเพียง : 77




เปิดยุทธศาสตร์ผลักดัน “ข้าวไทย” ให้เปน “ข้าวของคนทั้งโลก”

นายชัยฤทธิ์ ด�ารงเกียรติ อธิบดีกรมการข้าว ในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลคุณภาพ มาตรฐานข้าวไทย ได้ให้สัมภาษณ์ พิเศษเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ผลิต “ข้าวไทยให้เป็นข้าวของคนทั้งโลก” กรมการ ข้าวได้เตรียมการวางยุทธศาสตร์เรื่องข้าว ด้วยการเตรียมจัดตั้ง “มิเตอร์ ไรซ์” ขึ้นมาเพื่อให้เข้าถึงยุทธศาสตร์ของ แต่ละประเทศในอาเซียน เน้นการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลผลิตข้าว เพิ่มประสิทธิภาพของ การปลูกข้าว ตลอดจนพัฒนาผลิตภัณฑ์จากข้าว จุดมุ่งหมายของกรมการข้าว คือการเพิ่มผลผลิตข้าวให้ออกสู่ตลาดข้าวทั้งในและต่างประเทศ “ประเทศไทย มีศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว ๒๓ ศูนย์ มาผลิตเป็นหัวเชื้อเพื่อน�าไปขยายพันธุ์ ของไทยจะมีศูนย์ข้าวชุมชน สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และเอกชนรายย่อย ร้านค้า ผู้ประกอบการต่างๆ จะมาผลิตเมล็ดพันธุ์ สุดท้าย ต้องให้ความส�าคัญต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว เพราะข้าวมีโภชนาการสูงมาก ในอนาคตข้าวอาจจะมีการน�าข้าว มาแปรรูปเป็นยา กินข้าวแทนยา และข้าวก็สามารถที่จะรักษาโรคได้หลายชนิด “กรมการข้าวได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก อาทิ ญี่ปุ่น จีน และสถาบันวิจัยข้าวนานาชาติ เข้ามาร่วมในการสัมมนาครั้ง นี้ มาเป็นวิทยากร ในการเผยแพร่ถ่ายทอดเทคโนโลยี และในประเทศไทยมีการเชิญหน่วยงานทุกภาคส่วนเข้าร่วมในงานสัมมนา ครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักวิชาการของกรมการข้าว ซึ่งจะจัดในระหว่างวันที่ ๓๐-๓๑ สิงหาคม ๕๕ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งกรมการข้าวให้ความส�าคัญกับการจัดงานในครั้งนี้มาก” 80 : ครอบครัวพอเพียง


กรมส่งเสริมการส่งออก ประกาศความพร้อมสูงสุดการจัดงานแสดงสินค้าแฟชั่นและงาน แสดงสินค้าเครื่องหนังใหญ่ที่สุดในอาเซียน ‘BIFF&BIL ๒๐๑๒’ ระดมผู้ประกอบการโชว์ ศักยภาพสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนังไทยในเวทีการค้าสากล

นายวุฒิชัย ดวงรัตน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า “กรมส่งเสริมการส่งออก และ ๑๕ กลุ่มอุตสาหกรรม แฟชั่นและเครื่องหนังไทย ร่วมกันจัดงาน “งานแสดงสินค้าแฟชั่นและงานแสดงสินค้าเครื่องหนังปี ๒๕๕๕”(Bangkok International Fashion Fair & International Leather Fair 2012 : BIFF&BIL 2012) ซึ่งนับเป็นครั้งที่ ๓๐ ของการจัดงาน ทั้งนี้เพื่อแสดงให้เห็นถึง ศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นผู้น�าและเป็นศูนย์ รวมแฟชั่นที่ครบวงจร รวมทั้งสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์แฟชั่นพร้อม สร้างโอกาสแห่งความ ส�าเร็จในธุรกิจแฟชั่นแก่นักออกแบบและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแฟชั่นและ เครื่องหนัง เพื่อก้าวสู่การเป็นที่ ยอมรับในฐานะผู้น�าอุตสาหกรรมแฟชั่นระดับภูมิภาคอา เซียนที่ยั่งยืน” ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการส่งอออก โทร. ๐-๒๕๐๗-๘๓๗๐,๐-๒๕๐๗-๘๓๖๙, ๐-๒๕๐๗-๘๓๖๗, ๐-๒๕๐๗-๘๓๖๘ / สายด่วน ๑๑๖๙ หรืออีเมล์ biff@depthai.go.th

กลับมาอีกครั้ง กับเทศกาลดนตรี “Chang Export Presents Samed in Love Music Festival #3 ตอนโจรสลัดลักสนุก” เตรียมจัดเต็มความสนุกกับเทศกาลดนตรีบนเกาะหนึง่ เดียวใน ประเทศไทย บริษัท บูสท์ พลัส จ�ากัด จะมีการจัดงานเทศกาลดนตรีขึ้น โดยมี ๑๗ ศิลปินที่จะ มาสร้างความสนุกให้กับทุกคนอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น Modern Dog / Slot Machine / The Richman Toy ฯลฯ แต่ละศิลปินยังมีโชว์พิเศษ โดยเฉพาะบางศิลปินอาจมีเซอร์ ไพร์สที่ทุกคนไม่เคยเห็นมาจัดเต็มให้ได้ชมอย่างแน่นอน สาวกเสม็ดเตรียมแปลงกายเป็นโจรสลัดแล้วล่องเรือมาพบกัน ๒๓ มิถุนายน นี้แน่นอน ส่วนบัตรล่องเรือโจรสลัดนั้น ตามหาลายแทงได้ที่ บริษัท บูสท์ พลัส จ�ากัด ๐๒-๙๓๘-๕๙๕๙ หรื อ www.samedinlove.com / www.facebook.com/ samedinlove

ครอบครัวพอเพียง : 81


‘นาฬิกาแฟชั่น เพนท์หน้าปัด’

งานท�ำมือสร้างจุดขายหนึง่ เดียวไม่ซ�้ำใคร “นาฬิกา” หลาย ๆ คนคงจะเคยใส่กันแน่นอน และยิ่ง เป็น “นาฬิกาข้อมือแฟชั่น” ที่คุณสาว ๆ ให้ความสนใจไม่แพ้กับ เครื่องประดับอื่นๆ และส�ำหรับคุณสาวๆ ที่ต้องการรูปแบบของ นาฬิกาแฟชั่นที่ไม่เหมือนใคร นาฬิกาที่ท� ำด้วยมือ ท�ำให้เราได้ นาฬิกาที่มีเพียงเรือนเดียวในแบบไม่ซ�้ำใคร และคุณมีส่วนช่วย ในการออกแบบทุกส่วนต่าง ๆ ได้อีกด้วย เจ้าของผลงานดี ๆ แบบนี้เธอคือ พัสตราภรณ์ (เอิน) สุขันธ์ เจ้าของนาฬิกาแฟชั่นแฮนด์เมด แบรนด์ “Anaya” เล่าว่า ส�ำหรับนาฬิกาแฟชั่นของเราจะแบ่งออกเป็น ๒ แบบ คือ นาฬิกา ถักสาย และนาฬิกาเพนท์หน้าปัด โดยได้จุดเริ่มต้นมาจากพี่สาว คือ “อนันญา สุขันธ์” เจ้าของที่มาของแนวคิดการท�ำนาฬิกาถัก สาย เมื่อ ๒ ปีที่แล้ว พี่สาวท�ำสายนาฬิกาขาด และเกิดความคิด อยากจะลองถักสายนาฬิกาขึ้นมาเอง ซึ่งในตอนนั้น มีสายหนังชา มัวอยู่ ก็ลองถักใส่แทนสายนาฬิกาที่ขาด ปรากฎว่า เพื่อนเห็นชื่น ชอบให้พี่สาวท�ำให้บ้าง ในตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะท�ำขาย แต่หลาย คนชอบ จากเดิมที่ท�ำแจก ก็เปลี่ยนมาท�ำขายในกลุ่มเพื่อนก่อน รูปแบบของนาฬิกาที่ได้เลือกมาใช้เป็นตัวเรือน เป็น นาฬิกาแฟชั่นที่ซื้อมาจากตลาดส�ำเพ็ง คลองถม และน�ำมาถอด สายออก และใส่สายถักที่เราท�ำขึ้นมาใส่แทน โดยเชือกที่น�ำมา ถักจะเป็นเชือกหนังชามัว การออกแบบสายนาฬิกาถัก จะดูตัว เรือนเป็นหลัก และเลือกสีให้เข้ากันและไปได้กับตัวเรือน และ เพิ่มในส่วนของตัวกระดิ่ง และตัวตุ๊กตาห้อย ลูกค้าสามารถเลือก ห้อยตุ๊กตาตามที่ต้องการได้ และมีการพัฒนาและฉีกรูปแบบใหม่ เพื่อหนีการแข่งขัน โดยได้ไอเดียการเพนท์หน้าปัดนาฬิกา ซึ่งเรามีความรู้ด้านงาน เพนท์อยู่บ้าง จึงได้ทดลองท�ำดู โดยการสั่งนาฬิกา ซึ่งท�ำขึ้นมา เป็นพิเศษ เป็นรูปสี่เหลี่ยม และมีพื้นที่ว่างให้เราสามารถออกแบบ งานเพนท์เพิ่มเติมเข้าไปได้ ท�ำให้ได้งานแฮนด์เมดอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ไม่เหมือนใครมาน�ำเสนอลูกค้า 82 : ครอบครัวพอเพียง

ทั้งนี้ ในส่วนของงานเพนท์ จะแบ่งออกเป็น ๒ แบบ แบบแรกมีตัวการ์ตูนที่เป็นสติกเกอร์ติดเข้าไป และเพนท์เพิ่มเติม เข้าไป หรือ ใส่ชื่อตามที่ลูกค้าต้องการ ส่วนอีกแบบหนึ่ง ราคา แตกต่างกัน เช่นเดียวกับงานสายนาฬิกาถัก จะคิดตามขนาดสั้น ยาว ดังนี้ ถ้าเป็นสายนาฬิกาผู้หญิงทั่วไป ราคาเรือนละ ๒๕๐บาท สายนาฬิกาผู้ชายสายยาวราคา เรือนละ ๓๕๐ บาท ส่วนงานเพนท์ ราคาเรือนละ ๓๕๐ บาท และ ๔๕๐ บาท ตามรูปแบบความยากง่ายของการเพนท์ “เดิมทีนาฬิกาแฟชั่นทั่วไปขายได้เรือนละ ๑๐๐ บาท แต่พอเพิ่มงานฝีมือเข้าไป สามารถท�ำราคาได้เพิ่มขึ้นถึงเท่า ตัว และสินค้าไม่เหมือนใคร สร้างความน่าสนใจให้กับลูกค้า โดยเฉพาะในส่วนของนาฬิกาเพนหน้าปัด ลูกค้าค่อนข้างให้ ความสนใจเพราะจะได้นาฬิกาที่เป็นรูปแบบที่เขาได้ออกแบบ เอง และมีชื่อของเขาเองด้วย สร้างจุดขายให้กับตัวสินค้าทีไม่ จ�ำเป็นต้องไปแข่งขันกับใคร” ส่วนลูกค้าของ Anaya ที่ผ่านมา เกือบ ๘๐% เป็นผู้ หญิง วัยรุ่น และวัยท�ำงาน ดังนั้นรูปแบบของนาฬิกา ที่เราเลือก มาส่วนใหญ่เป็นแบบนาฬิกาที่เหมาะกับผู้หญิง แต่ในระยะหลัง มองว่า ผู้ชายให้ความสนใจสินค้าของเราเช่นกัน เราจึงพยายามหา รูปแบบนาฬิกาที่เหมาะกับผู้ชาย และออกแบบสายให้เหมาะสม เพื่อเพิ่มลูกค้าในกลุ่มผู้ชาย เพราะปัจจุบันผู้ชาย ก็ให้ความสนใจ กับเรื่องของแฟชั่นไม่แพ้ผู้หญิง ไอเดียดี ๆ แบบคุณ เอิน ก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่แปร เปลี่ยนเป็นอาชีพเสริม หรืออาชีพอิสระ ที่สร้างรายได้ให้กับตัว เอง และยังได้เปรียบคู่แข่งในหลาย ๆ ด้าน แล้วคุณละ มีไอเดีย ดี ๆ เพื่อน�ำมาต่อยอด บ้างแล้วหรอยัง? สนใจเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ :โทร. ๐๘๐-๔๖๕-๔๒๒๕


ปาชุมชนบ้านกลาง จังหวัดพังงา ปาชุมชนดีเด่นระดับประเทศ

ถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจ�าป ๒๕๕๔ นายประยุทธ หล่อสุวรรณศิริ รองอธิบดีกรมป่าไม้ และ นายนพพล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ผลิตไฟฟ้า ราชบุรี โฮลดิ้ง พร้อมผู้บริหารกรมป่าไม้ และบริษัทฯ ตรวจเยี่ยม ป่าชุมชนบ้านกลาง ต.บางเตย อ.เมืองพังงา จ.พังงา เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ และได้ปลูกต้นเคี่ยม เป็นที่ระลึกในการ ตรวจเยี่ยม พร้อมทั้งเปิดป้ายป่าชุมชนบ้านกลาง ป่าชุมชนที่ได้รับ รางวัลป่าชุมชนดีเด่นระดับประเทศ ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระ เทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจ�าปี ๒๕๕๔ ส�าหรับป่าชุมชนบ้านกลาง ต�าบลบางเตย อ�าเภอเมือง จังหวัดพังงา เป็นป่าชุมชนที่ได้รับรางวัลป่าชุมชนดีเด่นระดับ ประเทศ ถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจ�าปี ๒๕๕๔ ของโครงการ “คนรักษ์ ป่า ป่ารักชุมชน” เป็นป่าชายเลนที่ได้รับการฟืนฟูขึ้นจากพื้นที่ ว่างเปล่าอันเนื่องมาจากการสัมปทานเหมืองแร่ ซึ่งส่งผลกระทบ

อย่างหนักต่อการด�ารงชีวิตของชุมชน โดยชุมชนบ้านกลางได้ ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจในการฟืนฟูและพัฒนาระบบนิเวศชายฝั่ง ขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๓๕ มีการบริหารจัดการป่าชุมชนอย่างเข้มแข็งและ พอเพียง โดยใช้หลักค�าสอนทางศาสนาและกฎกติกาป่าชุมชนใน การบริหารจัดการป่าชุมชนควบคู่ไปกับการใช้ประโยชน์จากป่า ชุมชนในลักษณะการพึ่งพากันและกัน ภายใต้ความร่วมมือของ ชุมชน ผู้น�าทางศาสนา โรงเรียนและหน่วยงานท้องถิ่น รวมทั้ง หลักค�าสอนทางศาสนาที่มุ่งเน้นในการให้ความรักและการให้ เกียรติซึ่งกันและกันแม้จะมีความแตกต่างทางศาสนาและความ คิด ท�าให้ป่าชุมชนบ้านกลางในวันนี้มีความอุดมสมบูรณ์ดังเดิม และเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น�้าตามธรรมชาติ โดยพันธุ์ไม้ชายเลน ชนิดต่างๆ เอื้อประโยชน์ในการด�ารงชีพของชุมชน สามารถใช้ เป็นแหล่งอาหารและแหล่งด�ารงชีวิต



Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.