ชุมชนเสี่ยงอันตราย ต้องอยู่บ้านเพียงล�ำพัง นอกจากนี้ยังเสี่ยงไปเป็น แรงงานก่อนวัยอันควรอีกด้วย สมัยก่อนที่กฎหมายยังไม่เปิดให้เด็กได้เข้าเรียนในโรงเรียน ทาง มูลนิธิมีการเปิดการเรียนการสอนแบบ Learning center อยู่บริเวณชั้น สองของมูลนิธิ โดยเข้าไปหาเด็กที่อยู่ในชุมชนและชักชวนเข้ามาเรียน ส�ำหรับวิชาที่สอนคือวิชาพื้นฐานทั่วไป ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และวิชาพิเศษทีเ่ รียกว่า ‘ทักษะการใช้ชวี ติ ’ ซึง่ จะสอนเกีย่ วกับการใช้ชวี ติ ในประเทศไทย มาถึงตรงนี้พี่ตุ่นหยุดพูด เขาเชิญชวนให้เราเดินขึ้นไปบริเวณชั้น สองทีบ่ อกว่าเป็นห้องเรียนเก่าทีเ่ คยใช้สอนเด็กๆ สภาพห้องเรียนเป็นห้อง ปูนขนาดกว้างพอจะจุคนได้ประมาณ 50 คน พื้นปูด้วยเสื่อน�้ำมัน มีโต๊ะ พลาสติกสีเทาตัวเล็กทีส่ ภาพบ่งบอกว่าผ่านการใช้งานมาหลายปีวางเรียง รายเป็นแถว พี่ตุ่นบอกเราว่า สมัยก่อนมีเพียงเสื่อน�้ำมันเท่านั้น เด็กๆ ตัว น้อยจะนัง่ เรียนกับพืน้ แต่เมือ่ เด็กๆ ได้เข้าสูโ่ รงเรียนแล้ว ห้องนีจ้ งึ ถูกปรับ เปลี่ยนเป็นห้องเรียน กศน. ที่ใช้สอนแรงงานในทุกๆ วันอาทิตย์ “หลังจากปี 2548 ทีร่ ฐั บาลมีนโยบายส่งเสริมให้เด็กกลุม่ นีไ้ ด้เรียน ทางมูลนิธิเห็นถึงช่องทางตรงนั้น จึงเข้าไปร่วมมือกับโรงเรียนวัดศิริมงคล เป็นอันดับแรก” พีต่ นุ่ พูดให้ฉนั ฟังถึงจุดเริม่ ต้นของการเข้าร่วมส่งเสริมการ ศึกษากับสถานศึกษา พร้อมเสริมว่าทีเ่ ลือกโรงเรียนแห่งนี้ เพราะทีน่ เี่ หลือ เด็กไทยเรียนเพียงแค่ 30 กว่าคนเท่านั้น มีความเสี่ยงต่อการถูกปิด และ โชคดีที่ผู้อ�ำนวยการ ทัศนีย์ สว่างอารมณ์ ที่ด�ำรงต�ำแหน่งในช่วงนั้นมี ทัศนคติเดียวกันกับทางมูลนิธิจึงท�ำให้ไม่มีปัญหากับทางสถานศึกษา แต่ จากถุงมือสู่ปากกา 23