O-N magazine l 03

Page 1


Sex is a part of nature. I go alo-ng with nature. – Marilyn Monroe -

เพศคื​ือส่วนหนึ่งของเรื่องธรรมชาติ ฉันดำ�เนินชีวิตไปตามธรรมชาติ

มาริลิน มอนโร

( พ.ศ.2469-2505 ) นักแสดง นักร้อง นางแบบ ชาวอเมริกัน บรรณาธิการ

พิชญา เพ็งจันทร์

กองบรรณาธิการ

แก้วเกล้า แก้วบรรจง ธนวรรณ แสงวิสุทธิ์

บรรณาธิการศิลปกรรม

ปาริฉัตร แทนบุญ

ช่างภาพ

ชยุตม์ พระสงฆ์

พิสูจน์อักษร

ภูษิต ชนพิมาย ออกแบบปกหน้า / หลัง

นักเขียน / นักวาด

กิตติพงษ์ หาญเจริญ ภัทรานิษฐ์ พัฒน์ธนพร ภัณฑิรา ทรงกิจทรัพย์ สุธรรม จีระศิลป์ เชาวน์เมือง เวชกามา สุภชาวัลย์ ชนะศักดิ์ ศานนท์ หวังสร้างบุญ ณัชฎา คงศรี ปาลีพัชร โสภณ นิรัติศัย บุญจันทร์ กมนนัทธ์ คำ�ดา ปาริฉัตร แทนบุญ

แก้วเกล้า แก้วบรรจง สินิทธ์ ปนุตติกร สหธร เพชรวิโรจน์ชัย ธีรภัทร์ เจนใจ สุพิชญ์ รักสกุล ชนิกา สุธัมมสภา เจนวริน นฤขัตพิชัย นภกาญจน์ เชาวลิต กษมา ยาโกะ นิภาพร กอบกุลกังสดาล ธนวรรณ แสงวิสุทธิ์ ณัฐกาญจน์ สัตยากวี

กมนนัทธ์ คำ�ดา

ภาพปก

บันทึกของตุ๊ด

FONTs : supermarket / Quark / TH Baijam EDPenSook / Arabica / WDB Bangna Little Lord Fontleroy NF / Junegull

contact us

facebook.com/ownerationmag ownerationmag@gmail.com

READ O-N

www.ebooks.in.th/ownerationmag issuu.com/ownerationmag


เราเลือกได้ วันนี้ฉันอยากชวนคุณผู้อ่านมานั่งคิดอะไรเล่นๆ ดูสักหน่อย คิดถึงชีวิตที่เราใฝ่ฝัน ชีวิตที่เราอยากจะ เป็น แต่ดันติดที่ค�ำว่า “เลือกไม่ ได้”

คุณอาจเคยอ่านอุทาหรณ์สอนใจของเธอ มาแล้วหลายฉบับ เธอ คือ “คุณช่า บันทึกของตุ๊ด” นั่นเอง

คุณช่าบอกกับเราว่า เธอ Born To Be เธอ ไม่ ได้เลือก แต่เธอเลือกที่จะมีความสุขในสิ่งที่เธอเป็น มากกว่า

ค�ำถามคือ เลือกไม่ ได้ หรือ ไม่ยอมเลือก?

ที่เราไม่เลือกท�ำในสิ่งที่ต้องการ ที่เป็นตัวเรา เองจริงๆ เพราะเราเลือกไม่ ได้จริงๆ รึเปล่า? เพราะ เรากลัวคนที่เรารักและรักเราผิดหวัง จากการเลือกของ เราใช่ ไหม หรือแท้ที่จริง เป็นเพราะเรากลัวตัวเราเอง เจ็บปวดจากการทนเห็นคนที่รักเราเจ็บปวด ฉันว่าฉันชวนคุณผู้อ่านคิดไปไกล จนปวดหัว แล้วล่ะ ฮ่าๆ งั้นฉันขอฝากไว้เป็นการบ้าน ให้ ไปคิดต่อ ละกันนะ พูดถึงเรื่องเลือกได้ หรือเลือกไม่ ได้ ในธีมหลัก ของนิตยสาร O-N ฉบับที่สามนี้ เราเล่าถึงเรื่องเพศที่ สามกัน แต่ละคอลัมน์ก็มีมุมมองต่อเพศที่สามแตกต่าง กันออกไป และคนบนปกก็ ไม่ ใช่ ใครที่ ไหน เธอเป็นตุ๊ดที่ น่ารักผู้ซึ่งมาแรงในกระแสโซเชียลในขณะนี้

ชีวิตของเธอเป็นอย่างไรในวัยที่ ใกล้เลขสาม เธอผ่านอะไรมาบ้าง? แล้วครอบครัวของเธอคิดเห็น อย่างไรกับสิ่งที่เธอเป็น? ลองไปสัมผัสอีกหนึ่งมุมมองชีวิต และตัวตน ของเธอผ่านบทสัมภาษณ์ของพวกเรากันนะ เพราะชีวิตทั้งชีวิต ไม่ ใช่แค่วันนี้ ปีนี้ หรือปีหน้า “จงเลือกเส้นทางชีวิตของคุณเอง” แล้วคนที่คุณรักหรือรักคุณจะมีความสุขเมื่อเขาเข้าใจ ในความสุขของคุณ พิชญา เพ็งจันทร์ บรรณาธิการ waylaway1990@gmail.com


A Thin g

าย

It’s me

lant I P A

07

เพราะเปนความเหนื่อย ที่ “ใชพลัง” และ “สรางพลัง” ไปพรอมๆ กัน

L if e I

05 ชัยชนะ

เพราะชี

วติ คือการเด

18

17

าง

Dish I Cook

นิ ท

สำรวจโลก Short

บัวลอยเผือกฟกทองสองสหาย

20

e

Story I Writ

A

A

M y I do l

04 See

16

m rea

น ป วยั รุน หามส บ

ID

06

ผักหวาน Love

A

คียบอรดบาน

A Ph

t

I Shoo เงาสะทอน o t o 22

กั้น.

08

The

บันทึก


C O N T E N T oo AB kIR

อัญจารี : Anjaree

Poem

25

P

26

27

Independent

d เมื่อดอกไมมีหลายสี

Another La

30

What is your SEX? (ภาษาอังกฤษ) / สวัสดี (มลายู) P

ure I

A ic t

shine your charm

like a PEACOCK

33

กของตุด

aw Dr

Owner

a ngu ges

28

เกาอี้ดนตรี (ตอนที่ 1) (India) / The Happiest 5K on the Planet (USA)

m Thailan

ay Fro Aw

ล พนื้ ทเี่ ็กๆ 32

s I L i t en

24

l Font

A

A S on g

อีกไมนานทุกอยาง จะจบลงดวยดี

Watch

Movie I

o na s r e

I will survive ตราบใดที่รักยังไมตาย

d ea

23

I Feel

A

Boy meets Boy (บอย กิ๊ก บอย)

Shine your charm like a PEACOCK


A Plant I Love

เรื่องและภาพ : กิตติพงษ์ หาญเจริญ

พืชพรรณที่ฉันชื่นชม

SWEETLEAF ผักหวาน

เธอรู้ป่าว ผักอะไรเอ่ยว๊าน หวาน? ตะแหล่แลน ตะแหล่แล๊น แตแด......พบกับสาว หวานนุ่มมันนิด นางเอกของเราได้เลย เธอ คือ ผักหวานบ้านจ้า แตแด......... ทันทีที่ลูกสีขาวอมชมพู ราวกับยานบอลลูน ที่พองออกมาจากโลกลี้ลับของพืชเริ่มบานปริ เปิด ก้นออกมา เผยให้เห็นเมล็ดสีด�ำที่เกาะรวมตัวกัน กลางล�ำยาน ก่อนยานแม่จะปล่อยทิ้งลูกระเบิดแห่ง วิวัฒนาการลงสู่ดิน รอวันที่ฝนมา ฟ้าครึ้ม เพื่อ ต้อนรับสีเขียวยอดใหม่ที่งอกออกมาจากผืนดิน วันเวลาผ่านไป กิ่งใบเริ่มแตก ชู โต ใหญ่ จากล�ำตัวที่แทงขึ้นมาเดี่ยวๆ ก็เริ่มแตกออกเป็นกอ “ยิ่งตัด ยิ่งแตก” นี่คือวลีฮิตของคนที่อยู่กิน กับผักพื้นบ้านไทย เพราะ ผักพื้นบ้านส่วนใหญ่ ไม่ ใช่”ผัก”ตามจินตนาการมาตรฐานของเราๆ ที่ขึ้นเป็นหัวๆ ใบๆ แบบสลัด กะหล�่ำ ผักกาด น่ะสิ เพราะพวกนี้เป็นผักอายุสั้น ที่เราเอามาจากเมือง นอก โดยเฉพาะเมืองจีนแต่ผักพื้นบ้านส่วนใหญ่ คือ ต้นไม้ดีๆ นี่เอง แต่เป็นต้นที่เรากินยอด กินใบอ่อน ได้น่ะ ทีนี้พอต้นเริ่มสูง เราๆ จะปีนขึ้นไปเก็บไม่ สะดวกใช่ม้า ก็เลยต้องตัดปลายที่สูงๆ เพื่อให้แตก ออกข้างเป็นกอซะเลย...นี่แน่ะๆ ก็เลยกลายเป็น “ยิ่ง

ตัด ยิ่งแตก” ไงล่ะ ส�ำหรับแม่นางผักหวาน ที่ปกติก็ชอบแตกร่าง เป็นกออยู่แล้ว พอยิ่งตัดก็ยิ่งเป็นกอ ก๊อ กอ เก็บง่าย เข้าไปอีก บวกกับรสชาดของใบที่มันๆ หวานๆ อร่อย กินง่าย ท�ำให้นางยังคงอยู่ ในอันดับต้นๆ ของชาร์ท ผัก พื้นบ้านมาโดยตลอด ซึ่งรสหวานของนาง นี่ ไม่ ใช่หวาน แบบน�้ำตาล แต่จะหวานแบบผักน่ะ ถ้าหากเธอไม่เคย ฉันพูดได้ค�ำเดียวว่า ต้องลอง เพราะผักหวานเป็นผักที่ อร่อยสุดๆ และ เอาไปท�ำอะไรได้เยอะมาก กินสดจิ้มน�้ำ พริกก็ ได้ ผัดก็work คลุกท�ำย�ำก็กลมกล่อม ต้มน�้ำแกง ก็หวาน และเท่าที่ฉันเคยกินมา ผักหวาน คือ ผักที่ ใส่ ไข่เจียวแล้วอร่อยที่สุด ส�ำหรับฉัน หากโลกนี้เหลือผักแค่ 5 ชนิด ให้ ฉันปลูกไว้กินได้ หนึ่งในนั้นต้องเป็นผักหวานแน่นอน เพราะนางขยายพันธุ์ง่าย ปักช�ำก็ขึ้น เพาะเมล็ดก็ยิ่ง สวย [แต่เมล็ดนางต้องเพาะสดนะ ถ้าเก็บไว้ยันแห้ง หลายเดือนจะไม่งอกอีก] นางอายุยืน ปลูกทีเดียวแล้ว จบ มีกินเป็น6-7ปี ตัวนางไม่เล็กไม่ ใหญ่ มีที่กว้าง... ก็ปลูกลงดินได้ มีที่แคบ...ก็ปลูกกระถางได้ นางโตง่าย แข็งแรง ทนทาน ออกใบตลอด เก็บกินได้ทุกฤดู ว่าไปแล้วก็เหมือนฉันขี้บิ๊ว แต่ฉันขอยืนยันด้วย เกียรติของลูกเสือกับเธอว่า ของนางดีจริงๆ จ่ะ


A Life I See

เรื่อง : ภัทรานิษฐ์ พัฒน์ธนพร

ชัยชนะ Jesse Owens

Lena Maria Klingvall Jacob Arabo

Jay-Z

5


A Thing I Dream เรื่อง : วานิลลา ภาพ : รอหัน

คีย์บอร์ดบ้าน เพื่อนๆ เคยรูสึกหงุดหงิดกันบาง ไหมคะเวลาหาของ ที่อยู ในบานตัวเอง ไมเจอ แหม! ไอตอนที่ ไมอยากจะใชก็ดัน โผลมาใหเห็นอยูบอยๆ แตพอถึงคราวจำ เปนที่จะตองใชของเจาปญหานั้นก็ดันไมรู อยู ไหนซะนี่ บางทีกวาจะหาเจอก็กินเวลา ไปรวมชั่วโมง หากของสิ่งนั้นเปนดีวีดีหนัง ก็คงจะหมดอารมณดูกันไปเลยทีเดียว คงจะดี ไมนอยเลยใช ไหมละคะ หากบานแตละหลังมีคียบอรดประจำ บานหนึ่งอัน

6

เพื่อนๆ ลองจินตนาการวาบาน ทั้งหลัง คือ คอมพิวเตอรหนึ่งเครื่องดู นะคะ ทีนี้เวลาเราอยากจะหาของที่ ไม รูวาใครเอาไปเก็บไวที่ ไหน เพื่อนๆ ก็ ไมตองเดินหาทั่วบานใหวุนวายอีกตอ ไปแลว เพียงแคกดปุม Ctrl+F ที่คียบอรดประจำบาน แลวพิมพสิ่งของที่ เราอยากหาลงบนแปนคียบอรด จาก นั้นก็กด Enter เพียงแคนี้เจาคียบอรด อัจฉริยะก็จะบอกพิกัดของตำแหนงของ ที่เพื่อนๆ หากันอยูแลวแหละคะ แตหากเพื่อนๆ ดันเผลอทิ้งของ สิ่งนั้นไปแลว ก็ชวยไม ไดนะเออเพราะ ความสามารถของมันจำกัดอาณาเขต อยูแคภายในบานเทานั้น ;)


My Idol

It's ME " ไอดอลของผม คือ พี่อ้น ศรีพรรณ ชื่นชมบูรณ์ บุนนาค และ พี่ป๋อมแป๋ม จาก รายการเทยเที่ยวไทย เหตุผลที่ชอบเพราะ พี่สองคนนี้ เป็นพิธีกรที่ตลก ป่วง ฮา บ้าๆ บอๆ ไร้สาระ แต่จริงๆ แล้ว ในชีวิตประจ�ำวันก็มี โมเม้นต์ที่ "เจ็บได้ ร้องไห้เป็น" ซึ่งก็คล้ายๆ กับตัวเอง ...แล้วเคยดูพี่สองคนนี้สัมภาษณ์รายการ หนึ่ง มันท�ำให้เห็นว่า ทัศนคติ มุมมองชีวิตของเขาดีมาก ไม่งั้นคงไม่สามารถ ท�ำให้คนอื่นข�ำตามได้ ..."ฉันออกทีวี ฉันต้องหัวเราะให้คนดูเห็น ถึงแม้ชีวิตฉัน ตอนนั้นจะแย่มากก็ตาม" ...แล้วหลายๆ ครั้งทัศนคติของพี่สองคนนี้แหละ ที่ ท�ำให้เรามีก�ำลังใจมากขึ้น ในเวลาที่เรารู้สึกท�ำไมชีวิตมันแย่แบบนี้ " กวิน ถนอมสัตย์ (กว้าง) อายุ 25 ปี อาชีพ วิศวกรซอฟแวร์

" คนที่ชื่นชอบ คงหนี ไม่พ้น อาจารย์ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ ครูสอน ท�ำอาหารชื่อดัง เพราะเป็นคนที่ชอบท�ำอาหาร และการท�ำอาหารของ อาจารย์ยิ่งศักดิ์มักมีมุกตลกสอดแทรก ท�ำให้การท�ำเมนูอาหารต่างๆ ดู น่าสนใจและเข้าใจง่ายมากขึ้น อีกทั้งการท�ำอาหารให้อร่อยจะเป็นการ เพิ่มเสน่ห์ความน่าสนใจให้กับตัวเองไปในตัวด้วยค่ะ " ปรีชา วาพิไหว (ซาหริ่ม) อายุ 27 ปี อาชีพ พนักงานบริษัท

" ไอดอลที่ชอบ คือ เลดี้กาก้า (Lady Gaga) ค่ะ เพราะนาง มี วิถีการด�ำเนินชีวิตในแบบแผนของตัวเองดี น่าสนใจ อีกทั้งทุก ครั้งที่นางปรากฏตัว เสื้อผ้าหน้าผมมักมีอะไรให้แฟนคลับรู้สึก ประหลาดใจเสมอ " ณัฐวุฒิ พ่อเพียโคตร (นิว) อายุ 23 ปี อาชีพ พนักงานบริษัท

MOTTO : " ดี ใจค่ะได้มีส่วนร่วมกับงานครั้งนี้ " ผู้สัมภาษณ์ : เชาวน์เมือง เวชกามา (ปลั๊กไฟ) อายุ 27 ปี อาชีพ พนักงานบริษัท

{

We don't care what people say We know the TRUTH เราไม่สนหรอก ว่าคนอื่นจะพูดอะไร เพราะเรารู้ความจริงว่ามันคืออะไร - LADY GAGA -

7


The Owner

สัมภาษณ์ & เรียบเรียง : สุภชาวัลย์ ชนะศักดิ์ ภาพ : บันทึกของตุ๊ด , 9chaballoon

' เพราะเรา คือเรา ' บันทึกของตุ๊ด

“ถ้าพี่เลือกได้ พี่ก็อยากเลือกที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม บางทีมันก็เป็นเพศที่สนุกดีอะ ไม่ต้องคิดอะไรมาก” ตุ๊ดคนหนึ่งกล่าวด้วยความรักและภาคภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น

เธอฝีปากกล้า ตรงไปตรงมา และเฮฮาสนุกสนาน

“กัส-ธีร์ธวิต เศรษฐไชย” หรือที่ ใครหลายคนรู้จักกันในนาม “ช่า บันทึกของตุ๊ด” เจ้าของเพจเรื่องเล่า กระตุกต่อมฮา ที่ ใครๆ ต่างยกนิ้วให้ว่า เธอเล่าได้อรรถรสม๊ากกกกกก! จนในที่สุด.. เรื่องเล่าของเธอก็ ได้ตีพิมพ์ออก มาเป็นหนังสือตามชื่อเพจของเธอว่า “บันทึกของตุ๊ด” เกินคาดคิด... ตุ๊ดผู้ก�ำลังโด่งดังในโลกโซเชียล ให้เกียรติมาร่วมพูดคุยกับนิตยสาร Owneration ของเราในวันนี้ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเรามาท�ำความรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอกันเลย!


ไม่ทราบว่าชื่อ “ช่า” มีที่มาอย่างไร มาจากพี่มาช่าค่ะ มาช่า วัฒนพานิช นั่นแหละ มีอยู่ครั้งหนึ่ง พี่ บ่นในเฟสบุ๊คว่าพี่อยากเป็นเหมือนมาช่า ยิ่งอายุมากเขาก็ยิ่งสวย พี่ก็เลย เรียกแทนตัวเองว่า ‘ช่า’ มาตลอด แล้วก็ติดไปเรียกในเพจ ช่วงที่พี่เรียก แทนตัวเองว่า ช่า ในเพจเนี่ย เป็นช่วงที่เพจเริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น ท�ำให้ เรียกติดมาจนถึงทุกวันนี้

ก่อนอื่นต้องขอชื่นชมว่าพี่ช่าเป็นนักเขียนที่มีทักษะการเล่าเรื่องที่ดี มากคนหนึ่ง นอกจากจะเล่าได้เห็นภาพแล้วยังชวนติดตาม มีความ สนุก แล้วก็แฝงไปด้วยข้อคิด ขอให้พี่ช่วยเล่าถึงที่มาของเพจบันทึก ตุ๊ดให้ฟังหน่อยคะ เพราะคิดว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ทราบ ได้ค่ะ ในช่วงเกิดน�้ำท่วมปี 2554 ค่ะ บ้านพี่อยู่บางแค และเป็น เขตสุดท้ายที่น�้ำท่วม แล้วตอนนั้นพี่รอน�้ำอยู่ ก็รอนานน่ะ เข้าใจว่ามัน เริ่มมาตั้งแต่รังสิต แล้วก็เข้ามาในเมืองเรื่อยๆ จนมาถึงบางแค ซึ่งมันเป็น ที่เกือบๆสุดท้าย พี่ก็บ่นๆ ในเฟสบุ๊คว่า พี่เครียด กระสอบทรายมันจะกัน น�้ำได้มั้ย ของที่ตุนไว้จะพอหรือเปล่า และตอนนั้นข่าวสารมันก็มาจากทุก ช่องทางมากมายด้วย พี่ก็เลยเขียนบันทึกเหมือนไดอารี่ ตอนแรกเขียนใน เฟสบุ๊คก่อน มีคนชอบ แล้วก็มีคนเอาไปลงในพันทิป คนก็ชอบกันมาก พี่ ก็เลยตัดสินใจว่าเปิดเป็นเพจดีกว่า ชื่อเพจ ‘บันทึกของตุ๊ด’ ตอนแรกเล่า แต่เรื่องน�้ำท่วม เป็นเหมือนเพจเฉพาะกิจ พอหมดช่วงน�้ำท่วมเพจก็เงียบ ไปอยู่พักหนึ่ง ประมาณ 1-2 ปี พี่ก็เริ่มคิดว่าชีวิตเพื่อนๆ มันน่าสนใจดี ก็ เอามาเล่าในเพจ จนถึงทุกวันนี้คะ

นอกจากจะเป็นนักเขียนแล้ว ตอนนี้ท�ำงานด้านอื่นอยู่หรือเปล่าคะ ไม่คะ ตอนนี้พี่ ไม่ ได้ท�ำแล้ว พี่ลาออกมาเพื่อเขียนหนังสือให้เป็น เรื่องเป็นราว ส�ำนักพิมพ์เขาบอกว่าจะมีประมาณ 5 เล่มนะ

ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าลาออกจากงานประจ�ำมานานหรือยัง 6 เดือนค่ะ แต่พี่ ไม่มีเวลาเลยนะ ก็พี่ลาออกมา พี่ก็ตั้งใจจะไป เที่ยวอะ พอเตรียมตัวจะไป มีงานเข้ามาอีก พอก�ำลังจะว่างก็มีงานเปิด ตัวหนังสือ พอหลังจากงานเปิดตัวหนังสือ พี่ก็ ไม่ว่างอีกเลย ไม่ ได้ ไปสัก ทีค่ะ ที่พี่ลาออกมาก็ตั้งใจจะไปเที่ยว เพื่อหาแรงบันดาลใจ จะเป็นแบบ ตุ๊ด หรือกระเทยอาร์ตติสอะไรประมาณนั้น แต่พอถึงเวลาจริงๆ มันก็ท�ำ ไม่ ได้ ธุรกิจมันรัดตัวมาก

นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอีกอย่างหนึ่ง คือ Tood’s cream ใช่ ไหมคะ แรงบันดาลใจส�ำหรับธุรกิจนี้มา จากการที่เราเป็นคนชอบดูแลตัวเอง ใส่ ใจรูปลักษณ์ และบุคลิกของตัวเองด้วยหรือเปล่า เรียกว่ารายได้เสริมดีกว่า พี่ท�ำมานาน 2 ปีแล้ว ค่ะ ด้วยความที่เราเป็นคนรักสวยรักงาม แล้วพี่ก็เชื่อว่า ทุกคนก็อยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ไม่มี ใครอยากเป็น ลูกจ้างเขาไปตลอดหรอกคะ บางทีออกมาท�ำอะไรด้วย ตัวเอง มันก็ดีนะ ส�ำหรับแรงบันดาลใจมันก็มาจากแรง ผลักดันของตัวพี่เองมากกว่า


ต่อไปจะขอถามในเชิงลึกบ้างค่ะ อยากทราบว่าพี่ช่าเริ่มค้น พบตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ หรืออะไรที่เป็นจุดเริ่มต้นให้พี่ช่ารู้ ใจตัวเองว่าเราเบี่ยงเบนทางเพศคะ อยากเรียกค้นพบเลย เรียกว่าบอร์นเลยดีกว่า มันไม่ ได้ ค้นพบนะ แต่บางคนก็เพิ่งมาค้นพบตอนปี 1 แต่ส�ำหรับพี่เท่าที่ พี่จ�ำความได้ พี่ก็ว่าพี่เป็นอย่างนี้ พี่ต้องขอเรียกว่าบอร์นทูบีดี กว่า เพราะพี่เป็นตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ไม่ ได้มาเป็นทีหลัง

แสดงว่าตอนเด็กๆ ก็ชอบเล่นอะไรที่เป็นผู้หญิงสิคะ ไม่ ใช่ จนทุกวันนี้ก็ ไม่ ใช่ ไม่เกี่ยวด้วย มีคนฝังภาพว่า ตอนเด็กๆ คนเป็นตุ๊ดจะต้องเล่นบาร์บี้ ตุ๊กตา จริงๆ แล้วไม่ เกี่ยวเลย พี่ก็ ใช้ชีวิตแบบเด็กผู้ชายทั่วไป ก็เล่นกับเด็กผู้ชายค่ะ

แล้วมันมีอะไรที่ต่างจากเด็กผู้ชายคนอื่นๆ คะ ก็มีนะ มันอยู่ ในความรู้สึกเรามากกว่า มันจะมีแพทเทิร์น เดียวกันส�ำหรับเด็กที่เป็นตุ๊ดเหมือนกัน ก็คือ เอาส้นสูงแม่มา ใส่ ลองลิปสติกแม่ ใช้ผ้าขนหนูมาท�ำเป็นผมอะไรท�ำนองนั้น คือ ทุกคนต้องผ่านค่ะ ซึ่งตรงนี้แหละที่จะไม่เหมือนผู้ชาย จนทุกวัน นี้พี่ก็เป็นคนเล่นเกมแบบผู้ชายนะ พี่เป็นคนมันส์มาก คือมันไม่ จ�ำเป็นว่าต้องชอบอะไรแบบผู้หญิง ไม่เกี่ยวกันค่ะ

ถ้าอย่างนั้นขอถามว่าชอบแต่งเป็นผู้หญิงไหมคะ มันเป็นรูทีนมากกว่า ถามว่าพี่ชอบไหม ตอนนี้พี่เริ่ม เหนื่อยแล้วคะ มันเหนื่อยมากเลยนะ สัปดาห์หน้าพี่ก็ต้องแต่ง อีกแล้ว ไปงานวันเกิดเพื่อน เป็นแบบนี้ทุกสัปดาห์ค่ะ มีเรื่อง ต้องให้พี่แต่งผู้หญิงทุกสัปดาห์เลย แต่พอเวลาพี่แต่งเป็นผู้หญิง พี่ก็มีความสุขดี ได้เห็นตัวเองสวยๆ งามๆ แต่ถ้าให้แต่งทุกวันก็ คงไม่ ไหว ชอบที่จะเป็นแบบนานๆ แต่งทีมากกว่า แล้วทางบ้านทราบตอนไหนคะ ประมาณ ม.ต้น พี่เป็นคนบอกเอง ก็คุยกัน แรกๆ เขา ก็รับมันไม่ ได้ ก็ปกติพี่ว่าทุกคนต้องผ่านนะ พอสักระยะหนึ่งมัน เหมือนผ่านการพิสูจน์ตัวเองอะไรแบบนั้นคะ ก็กลายเป็นว่าตอน นี้ โอเค ที่บ้านก็รับได้ สบาย อยากท�ำอะไรเขาก็คอยสนับสนุน

จากการที่ ได้สัมผัสในเพจ พี่ช่าดูเป็นคนรักครอบครัวมากเลย นะคะ พี่ว่าทุกคนก็ต้องรักครอบครัวอยู่แล้ว แต่เพื่อน แล้วก็เพื่อนๆ รอบตัวพี่ด้วย เป็นคนโชคดีที่ว่า ครอบครัวเข้าใจ เขาเปิดนะ แล้ว พี่ก็มองว่าคนที่เป็นตุ๊ดแล้วสุขภาพจิตดีหรือไม่ดีมันอยู่ที่ครอบครัว อย่างพี่เนี่ยพี่ ไม่กังวลอะไรเรื่องครอบครัวเลย ครอบครัวพี่อบอุ่น มาก สุขภาพจิตพี่ก็เลยดี เพื่อนพี่ก็เหมือนกัน มันก็ตีกลับไปที่ ครอบครัวค่ะ พอสุขภาพจิตเราดี เราก็แฮปปี้ที่จะอยู่กับครอบครัว เราก็รักครอบครัว พี่ก็เลยจะแคร์เรื่องในครอบครัวมาก

{ 10

เท่าที่พี่จำ�ความได้ พี่ก็ว่าพี่ เป็นอย่างนี้ พี่ต้องขอเรียก ว่าบอร์นทูบีดีกว่า รู้สึกอย่างไรที่ทุกวันนี้สังคมเปิดรับเพศที่สาม มากขึ้น อคติที่คนมีต่อเพศที่สามลดลงไป มาก ก็ดีค่ะ พี่รู้สึกโชคดีมากที่เกิดมาในยุค นี้ ยุคที่เขาเปิดเรื่องเพศที่สาม แต่ถ้ามองอีกมุม หนึ่ง เมื่อมีคนยอมรับมาก ก็ย่อมเป็นที่จับตา มองมาก จะท�ำอะไรก็ต้องระวังตัว

}


เคยคิดไหมคะว่าวันหนึ่งความเป็นตัวตนของเราเองจะ สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอีกมากมาย ไม่เคยคิดค่ะ ก่อนที่พี่จะมีคนรู้จักมากพี่เคยเป็น อย่างไรตอนนี้พี่ก็ยังเป็นอย่างนั้น พี่ ไม่เคยรู้สึกว่าพี่ต้องเป็น คนดีขึ้น หรือว่าต้องพูดจาเรียบร้อยขึ้น พี่ก็ยังเป็นแบบที่ ตัวเองเคยเป็นอยู่ แต่พี่ค่อนข้างโชคดีตรงที่ว่าคนรอบข้าง ยอมรับในสิ่งที่พี่เป็นได้ทั้งหมดเลย

คิดยังไงกับคนที่ ไม่กล้าปลดปล่อยความเป็นตัวเองออกมา พี่คิดว่ามันน่าจะเป็นที่องค์ประกอบรอบข้างของเขาด้วย บางที อาจจะเป็นที่ครอบครัวเขา เพื่อนเขา ที่บีบให้เขาไม่กล้า ปลอดปล่อยความเป็นตัวเองออกมา มันก็เป็นเหตุผลของแต่ละคน

แล้วถ้าพี่ช่าอยู่ ในสถานการณ์อย่างนั้น พี่ช่าจะท�ำอย่างไรคะ พี่นึกไม่ออกเลย เพราะเหมือนมันท�ำอะไรที่ตัวเองอยากท�ำ ไม่ ได้ พี่ว่าคนเราถ้ามีสังคมไม่เหมือนกันก็จะมีความคิดไม่เหมือนกัน ถ้าสมมติพี่ ไปเกิดในสังคมแบบนั้น ในสังคมที่คนรอบข้างรับพี่ ไม่ ได้ พี่ก็คงไม่ ได้มีความคิดแบบนี้ พี่ก็คงปกปิดความเป็นตัวเอง

ถ้ามีน้องๆ ที่เป็นแบบพี่ช่า แต่ก�ำลังสับสน ไม่รู้จะบอกทาง บ้านยังไง จะแสดงออกยังไงให้คนในสังคมยอมรับ และมี โอกาสได้อ่านคอลัมน์นี้อยู่ พี่ช่ามีอะไรจะแนะน�ำไหมคะ จริงๆ แล้วการที่ที่บ้านรู้ก็เป็นสิ่งที่ดีนะคะ แต่สภาพ แต่ละบ้านก็ ไม่เหมือนกัน ถ้าตัดสินใจอยากจะบอก ก็อยากให้ ดูวัฒนธรรมของที่บ้านให้ดีๆ เหมือนบางบ้านที่เป็นลูกคนจีนจ๋า เขาก็รับอะไรแบบนี้ ไม่ ได้เลยนะ คือมันจะมีจังหวะหนึ่งที่เราต้อง ท�ำใจให้ ได้ว่า ถ้าเรากล้าบอกเราก็ต้องยอมรับสิ่งที่จะตามมาให้ ได้ด้วย พี่คิดว่าตัวเราเองจะเข้าใจครอบครัวเราเองดีที่สุด ว่า เราควรบอกหรือไม่ควรบอก

รู้สึกยังไงถ้ามีคนบอกว่าพี่ คือ “ตุ๊ดที่ ใครๆ ก็ต้องตกหลุม รัก” ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ พี่ ไม่เคยคิดว่าใครๆ จะต้อง รักพี่ คือทุกคนจะต้องมีทั้งคนที่รักและคนที่เกลียด จริงไหม คะ ยิ่งถ้าเราอยู่ ในที่ที่มันสว่าง ที่สปอร์ตไลท์มันส่อง มีคน ที่ชอบ เขาคุยกับเรา ส่วนคนที่ ไม่ชอบเขาก็หลบอยู่ ในมุมมืด เยอะแยะ เพราะฉะนั้นพี่ ไม่เคยคิดเลยว่าทุกคนจะต้องรักพี่ และเห็นด้วยกับสิ่งที่พี่เป็น และพี่ก็ โอเคกับคนที่พี่รัก พี่ก็อยู่ ในที่ของพี่ พี่จะไม่ ไปย่างกรายในที่ที่มันดูน่ากลัวส�ำหรับพี่ รู้สึกยังไงบ้างคะ ที่ทุกวันนี้ ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง ความสุขให้กับคนอื่น ก็ดีค่ะ พี่ก็รู้สึกดีที่ทุกคนชอบในสิ่งที่พี่เขียน

การที่เป็นที่รู้จักแบบนี้ แน่นอนว่าต้องมีคนจ�ำได้ เคยไป เดินเที่ยว แล้วมีคนเข้ามาทัก มาขอถ่ายรูป ไหม มากคะ พี่ว่ามีทุกวัน เวลาออกไปข้างนอก ที่คนเยอะๆ อย่างเช่นแถวสยาม

11


เคยอ่านเจอพี่ช่าบอกว่าเป็นคนมี โลกส่วนตัวสูง แล้วการที่เรา กลายเป็นที่รู้จักของคนมากมายขนาดนี้ ท�ำให้ความเป็นส่วนตัว ของเราลดลงไหม รู้สึกอึดอัดไหม แรกๆ พี่ก็ปรับตัวไม่ถูก เพราะพี่เป็นคนที่มี โลกส่วนตัวสูง มาก เป็นคนที่ ใส่หูฟังตลอดเวลา พี่จะไม่ค่อยได้ยินเสียงอะไรข้างนอก เพราะฉะนั้นเวลามีคนมาทักพี่คะ พี่จะบอกอยู่เสมอเลยว่าถ้าอยาก ทักพี่อะต้องท�ำให้พี่เห็น ต้องมาแบบแตะตัวพี่ หรือว่าโบกมือให้พี่เห็น เพราะว่าถ้าเรียกพี่ พี่จะไม่ ได้ยิน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ตอนนี้พี่ก็ยังไม่ ปรับ แต่พี่เป็นคนที่ออกไปข้างนอกแล้วต้องใส่หูฟังจริงๆ เหมือนติดฟัง เพลง และพี่จะอยู่กับโลกของตัวเอง ในช่วงเวลานั้น พี่ก็เลยต้องปรับ ตัว เมื่อเวลามีคนมาทักหน้าพี่จะต้องยิ้มอัตโนมัติ

จากมุมมองคนส่วนใหญ่ พี่ช่าคือคนที่ตลก เฮฮา ดูเฟรนลี่ น่าจะ เข้าหาคนเก่ง มีเพื่อนเยอะ แต่ ใน 20 facts about me ของพี่ช่า ข้อนึง เขียนว่า “เป็นคนมีเพื่อนยาก” เป็นเพราะอะไรคะ พี่รู้สึกว่า เพื่อน ในความหมายของพี่ ถ้าพี่เรียกใครว่าเพื่อนก็ ต้องเป็นเพื่อนจริงๆ จะเป็นเพื่อนแบบที่ว่า คุยกับเรา ติดต่อกับกับเรา สม�่ำเสมอ มีความผูกพัน คนรู้จักเยอะแต่ก็ ไม่ ได้หมายความว่าพี่จะ เรียกว่าเพื่อนทุกคนนะ พี่มองว่าเป็นเพื่อนกันก็ต้องรู้ทั้งนิสัยที่ดีและไม่ ดีของเรา และยอมรับที่เราเป็นเราได้

{

เป็นเพื่อนกันก็ต้องรู้ทั้ง นิสัยที่ดีและไม่ดีของเรา และยอมรับที่เราเป็นเราได้

}

หลายคนพูดว่า พี่ช่าดูเป็นตุ๊ดที่มีความสุขกับทุกวันในชีวิต ดู เหมือนชีวิตเจอแต่เรื่องตลก สนุก เฮฮา จริงๆ แล้วมันก็มีอยู่ทุกวันค่ะ เรื่องที่ ไม่สนุกในตัวพี่ บางที ก็จะไปเล่าเรื่องที่ ไม่สนุกให้คนในเพจฟังมันก็ ไม่ ใช่ แต่บางทีพี่ก็มี นะ แบบเราไม่ ไหวแล้ว เราก็อยากระบายให้ ใครฟัง พี่ก็ร่ายยาวเลย ถึงความเครียดของพี่ ก็มีเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องสนุก มากกว่า แต่ถ้าถามว่าชีวิตพี่มีแต่เรื่องสนุกมั้ย มันไม่มี ใครมีแต่เรื่อง สนุกอยู่แล้ว พี่รู้สึกว่าชีวิตพี่ผ่านอะไรมาเยอะมากนะ ถ้าเทียบว่าพี่ อายุ 28 พี่รู้สึกว่าชีวิตตัวเองผ่านอะไรมาเยอะมาก ท้ออยู่บ่อยๆ นะ แต่สุดท้ายก็ผ่านมันมาได้ อาจจะเป็นเพราะว่าพี่เป็นคนมองโลกในแง่ดี ด้วย แต่ก็ต้องยอมรับว่าไม่มี ใครมองโลกในแง่ดีตลอดเวลาหรอก

12

มีคนติดตามเพจมากอย่างนี้ ก็ต้องมีคนส่งข้อความ ส่วนตัวมาหามากมาย ส่วนใหญ่คนจะส่งมาถามเรื่อง อะไร เคยเจอคนส่งข้อความมาถามอะไรแปลกๆ หรือ ส่งข้อความมาต่อว่าบ้างไหม มีวิธีรับมือยังไง ส่วนใหญ่ก็ส่งมาล�ำไยอะ เรื่องชีวิตตัวเอง เรื่องผัวๆ เมียๆ ตัวเอง ซึ่งพี่ก็ ไม่ตอบนะ และพี่ก็เคยพูดหลายรอบ แล้วด้วย ว่า เรื่องผัวๆ เมียๆ มันเป็นเรื่องของคนสองคนที่ เราไม่ควรไปก้าวก่าย หรือยุ่งเรื่องของเขา ถ้าเราไม่แนะน�ำ อะไรโดยที่เราไม่รู้รายละเอียดของชีวิตเขาทั้งหมด ถ้าเรา แนะน�ำปุ๊บแล้วเขาไปท�ำตามที่เราบอก แต่รายละเอียดบาง อย่างเขาเล่าเราไม่หมด มันก็กลายเป็นว่าเราให้ค�ำแนะน�ำ ที่ผิดๆ กับเขา พี่ก็เลือกที่จะไม่พูด อย่างเพื่อนพี่มาปรึกษา พี่ แบบนั้นพี่รู้ ไงว่ามันเป็นคนยังไง ชีวิตผ่านอะไรมาบ้าง พี่ ก็ ให้ค�ำปรึกษาได้


รู้สึกยังไงเวลามีคนมาดูถูกความเป็นตัวเองของเรา มีหลายคนที่เขาติดตามพี่ ในเพจ แล้วก็ตามมาที่เฟสบุ๊คส่วนตัว เขาก็มาวิจารณ์ค�ำพูดที่หยาบคายของพี่ พี่ก็จะเชิญเขากลับเพจ เพราะ พี่รู้สึกว่าเฟสบุ๊คส่วนตัว มันคือส่วนหนึ่งของความเป็นเรา ถ้าเกิดว่าไม่ ชอบหรือรับไม่ ได้กับค�ำพูดบางอย่างก็จงเอาตัวเองออกไปจากที่ตรงนั้น ถ้าสมมติว่าถ้ามี ใครมีปัญหากับพี่ พี่ก็จะคุยกับเขา ถ้าเขาไม่เข้าใจพี่ก็ จะปล่อยเลย พี่จะไม่มาเล้าหลือ จะไม่มาแบบว่าเธอจะต้องรักชั้น เธอ จะต้องเข้าใจชั้น พี่ก็จะพูดแค่นั้น ถ้าไม่เข้าใจก็จะปล่อยไปเลย คืออยู่มา นานๆ เราก็จะมีภูมิต้านทานไปเอง ตอนนี้พี่จะไม่ค่อยแคร์แล้วนะ ว่าใคร จะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจก็คือไม่เข้าใจ แต่เมื่อก่อนพี่แคร์นะ เวลา มีคนพูดถึงพี่ ในแง่อื่นๆ มีคนเอามาให้ดูให้อ่าน พี่ก็จะรู้สึกว่าท�ำไมชั้นต้อง เจออะไรแบบนั้นวะ ชั้นได้ ไปท�ำอะไรให้เขาหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นเดี๋ยวนี้ ถ้าพี่เห็นพี่ก็จะปล่อย ช่างมัน จบ เราจะไม่เป็นแบบไปนั่งแคร์ทุกคน มา นั่งแก้ปัญหาทุกอย่าง มันไม่ ใช่

มีมุมมองการใช้ชีวิตยังไงคะ มันต้องมีเป้าหมายนะ คนเรามันต้องมีเป้าหมายสักอย่างหนึ่งมัน ถึงจะท�ำอะไรบางอย่างได้ เหมือนอย่างตัวพี่ ตอนนี้เป้าหมายของพี่ ก็ คือคอนโด ส่วนอีกเป้าหมายหนึ่งก็คือใช้หนี้ ให้ที่บ้าน นั่นก็คือเป้าหมาย ของเรา ท�ำให้เราแอคทีฟตัวเองไปเรื่อยๆ คิดบ้างไหมคะว่าท�ำไมเขาถึงกล้ามาเล่าให้เราฟัง บางคนเขาก็ออกตัวเลยว่า เขาไม่รู้จะไว้ ใจเล่า ให้ ใครฟัง อาจจะเพราะว่าพี่ดูเป็นคนเฟรนลี่ และดู เหมือนจะผ่านอะไรมาเยอะด้วย จริงๆ พี่ก็เป็นคนเฟ รนลี่นะ แต่พี่ก็ ไม่ ได้เฟรนลี่กับทุกสถานการณ์ พี่ ไม่ ใช่ คนแบบว่าจะมาคุยได้ทุกอย่าง มาถามพี่ ได้ทุกเรื่อง บางทีพี่ก็มี โมเมนท์อย่างที่พี่บอกว่า พี่เป็นคนที่มีความ เป็นส่วนตัวสูง แต่พอพี่เป็นที่รู้จักมากพี่ก็ต้องนิ่งให้มาก ขึ้น จะไปวีนไปเหวี่ยงอะไรแบบนี้ก็ ไม่ ได้ เดี๋ยวจะกลาย เป็นเรื่อง พี่เลยรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้ยากขึ้นทุกวัน พี่ก็เลย เลือกที่จะไม่พูด

{

คนเรามันต้องมีเป้าหมาย สักอย่างหนึ่ง มันถึงจะ ทำ�อะไรบางอย่างได้

วางแผนอนาคตข้างหน้าไว้ยังไงบ้างคะ ก็คงท�ำธุรกิจไปเรื่อยๆ นะ แล้วก็มีช่วงหนึ่งเราอาจจะเก็บเงิน พอเก็บได้สักก้อน และเราคิดว่ามันพอแล้ว ก็อาจจะแบ่งให้แม่ แล้วก็ เกษียณตัวเอง ออกไปท่องเที่ยว พี่คิดว่า พี่คงไม่ท�ำงานจนอายุ 60 ปี พี่อยากเที่ยวตอนที่พี่ยังไหวอยู่ อยากเที่ยวมานานแล้วอะ แต่ก็ยังไม่มี เวลาสักที อยากไปเรื่อยๆ คะ อยากไปสถานที่สวยๆ งามๆ

}

แล้วมองอนาคตหรือทิศทางของเพศที่สามในวันข้างหน้าไว้อย่างไร บ้างคะ พี่คิดว่าก็คงจะมีคนยอมรับมากขึ้นนะ ถ้าเราไม่ ไปมากเรื่อง พอ บางทีเราเห็นว่ามีคนยอมรับมากขึ้น เราก็แบบเรียกร้องมากเกินไป พี่ ก็รู้สึกว่าแค่นี้มันก็ โอเคแล้วนะ ทุกอย่างมันต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป บางทีเราเรียกร้องข้อกฎหมายนั่นนี่เพื่อที่จะดูแลชีวิตเรามากเกินไป ใน ช่วงที่เราเพิ่งเป็นที่ยอมรับ มันก็ ไม่ดี 13


ถ้าให้เป็นใครก็ ได้ ในโลกนี้ 1 วัน อยากเป็นใคร พี่อยากเป็น Beyonce เพราะพี่อยากสัมผัสชีวิต ที่มีอิสรภาพทางการเงิน และชีวิตที่มีชื่อเสียงว่ามันเป็น ยังไง จะท�ำอะไรก็ ได้ อยากลองขึ้นคอนเสิร์ตของนางดู สักครั้ง และพี่ก็ชอบเพลงของเขา เขาก็เหมือนเป็นไอดอล ของพี่นะ เพราะเวลาพี่จะแต่งหญิง การแต่งตัวของพี่ก็จะ Reference มาจากนางทั้งหมดเลย ถ้ามี ไทม์แมชชีนย้อนเวลาได้ มีเรื่องอะไรในอดีตที่อยาก กลับไปแก้ ไขไหม ไม่มีเลยค่ะ พี่ว่าอะไรที่ผิดก็คือผิดไป แต่พี่มีความ เชื่อว่าอะไรที่ผิด มันท�ำให้ผิดมาเจอวันนี้ ถ้าเรากลับไปแก้ ให้มันถูก เราอาจจะไม่มีวันนี้ก็ ได้

แล้วรู้สึกอย่างไรบ้างคะ ที่มีคนเรียกร้องให้มีห้องน�้ำเพศที่ สาม หรือ ให้แต่งหญิงเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรได้ พี่ว่าทุกที่มันต้องมีกฎนะ ทุกอย่างมันต้องมีกฎระเบียบ ของมัน อย่างการรับปริญญา กฎเขาตั้งชัดไว้เลย ว่าให้แต่งตัว ตามเพศสภาพของตัวเอง เราจะมาเอาข้ออ้างของเพศเรา ว่า เราเป็นเพศนี้ แล้วเราจะแต่งชายเข้ารับได้ยังไง พี่ว่ามันไม่ ใช่ ทุกที่ย่อมมีกฎ และเราต้องเคารพกฎ ก่อนที่เราอยากจะเปลี่ยน กฎ เราต้องเข้าใจกฎก่อน เราต้องค่อยๆ ท�ำความเข้าใจ ไม่ ใช่ ว่าฉันต้องการอย่างนั้นอย่างนี้ ต้องเปลี่ยนให้ฉันเดี๋ยวนั้นเดี๋ยวนี้ มันท�ำอย่างนั้นไม่ ได้ เหมือนมีเพศที่สามบางคนบอกว่าพอเขาไปเข้าห้องน�้ำ ผู้ชาย ผู้ชายก็มองเขาแปลกๆ พอจะเข้าห้องน�้ำผู้หญิง ผู้ หญิงก็มองเขาแปลกๆ อีก เขาเลยอยากให้มีห้องน�้ำส�ำหรับ เพศที่สาม พี่ช่ามองเรื่องนี้ว่ายังไงบ้างคะ มันก็ตลกนะพี่ว่า บนโลกเราจะมีห้องน�้ำสามห้องเลยเห รอ มันก็เป็นกฎของสังคมหรือเปล่า ที่เราจะมีห้องน�้ำอยู่สอง ประเภท ถ้าวันไหนคุณแต่งหญิง คุณก็เลือกที่จะเข้าห้องน�้ำผู้ หญิง เท่าที่ผ่านมา ถ้าวันไหนพี่แต่งหญิง พี่ก็เข้าห้องน�้ำผู้หญิง นะ พี่ก็ ไม่ ได้แคร์ พี่ก็เดินเข้าไปเลย ทุกคนก็คงรู้อะ เพราะถ้าพี่ แต่งหญิงเข้าห้องน�้ำชาย อะไรจะเกิดขึ้นคะ ทุกคนคงตลึง 14

มีเรื่องอะไรที่อยากท�ำมากแต่ยังไม่ ได้ท�ำและต้องท�ำให้ ได้ก่อนตายไหม ต้องการเที่ยวคะ คือ พี่อยากไปเที่ยวมากเลยคะ พี่ เคยมีความฝัน อยากเป็นนักเขียน อยากมีหนังสือเป็นของ ตัวเอง ซึ่งวันนี้มันก็คลิกไปแล้ว มันก็ส�ำเร็จไปอีกความฝัน หนึ่ง และในวันงานเปิดตัวหนังสือ มันก็เหมือนแบบความ ฝันมัน Complete เลยค่ะ มันได้เห็นภาพตรงนั้น มันได้เห็น ภาพที่คนยืนต่อแถวยาวๆ ที่เหลือก็ต้องหาเป้าหมายต่อไป

{

}

พี่เคยมีความฝัน อยากเป็น นักเขียน อยากมีหนังสือ เป็นของตัวเอง

มีตุ๊ดหลายคนชอบพูดว่า “เกิดชาติหน้าขอเป็นผู้หญิง กับเขาจริงๆ สักทีเถอะ” พี่ช่าล่ะ เคยคิดแบบนั้นไหม การที่เกิดมาถูกเพศมันก็ดีนะ เหมือนเราก็จะได้รู้ บทบาทหน้าที่ของตัวเอง ว่าเราจะต้องท�ำอะไร อย่างไร แต่อีกใจหนึ่ง ถ้าพี่เลือกได้ พี่ก็อยากเลือกที่จะกลับมาเป็น เหมือนเดิม บางทีมันก็เป็นเพศที่สนุกดีอะ ไม่ต้องคิดอะไร มาก มันอาจจะไม่ ได้มีความสุขมากกว่าคนอื่น เพราะมัน อาจจะมีคนที่มีความสุขมากกว่าพี่ แต่พี่ว่าชีวิตที่พี่เป็นอยู่ ตอนนี้มันก็มีความสุขดีอะ พี่พอใจที่จะมีความสุขแบบนี้


เคยคิดไหมว่าถ้าเราเกิดมาเป็นผู้หญิง ชีวิตเราจะมีความ สุขกว่านี้ พี่ ไม่เคยคิดเลยว่าถ้าพี่เป็นผู้หญิงพี่จะมีความสุขมากกว่า นี้ แล้วก็ ไม่เคยคิดว่าถ้าเป็นผู้ชายจะมีความสุขมากกว่านี้ คือพี่ ไม่ ได้คิดแบบเอาเพศตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะพี่ ไม่ ได้เอาเพศมาเป็นตัวชี้วัดความสุข บางทีความสุขก็ ไม่ ได้ขึ้นอยู่ กับเพศ ทุกวันนี้รักและภูมิใจในความเป็นตัวเองมากแค่ ไหน ช่วย นิยามหรือบรรยายออกมาให้เราเห็นภาพเหมือนเวลาพี่ช่า เล่าเรื่องให้เพจหน่อยได้มั้ยคะ ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าพี่เป็นคนที่เคารพตัวเองนะ อะไร ที่ท�ำได้พี่ก็ว่าท�ำได้ อะไรที่ท�ำไม่ ได้พี่ก็ ไม่ท�ำ พี่รู้สึกว่าชีวิตคน เรามันก็ต้องเดินต่อไป แล้วก็ต้องมีจุดหมายตลอดเวลา ทุกสิ่ง ทุกอย่างต้องมีเป้าหมาย ถ้าถามว่าพี่ภูมิใจในตัวเองตอนนี้มั้ย ก็ ต้องบอกว่าภูมิใจในระดับหนึ่งนะ ตอนนี้พี่อายุ 28 ปี พี่ประสบ ความส�ำเร็จในชีวิตหลายอย่าง พี่ก็รู้สึกว่า เออ เราก็มาไกลนะ ถ้าเทียบกับอายุเท่านี้ พี่แฮปปี้นะ พี่ก็ว่าพี่ภูมิใจมากที่สุดเท่าที่ ตุ๊ดคนนึงจะเกิดมา เพราะบางคนที่เขาเป็นตุ๊ดก็จริง แต่ก็ ไม่ ได้ ประสบความส�ำเร็จเหมือนพี่ คือทุกวันนี้พี่ว่าพี่ โอเค กับการที่ เกิดเป็นตุ๊ดอะ

ค่ะ มีอะไรอยากฝากถึงคนอ่าน มิตรรัก แฟนคลับ หรือพี่น้องชาวเก้งกวางก่อนจากกันไหมคะ ก็ท�ำในสิ่งที่ตัวเองรักอะค่ะ แล้วก็หาตัวเองให้ เจอว่าตัวเองมีทักษะด้านไหนมากสุด ผลักดันมันออกมา ให้มันเป็นอาชีพ หรือว่าเป็นสิ่งที่คนอื่นยอมรับได้ บาง คนชอบแต่งหน้า บางคนชอบเขียนหนังสือ บางคนชอบ เสื้อผ้า ก็พยายามแบบให้รู้ตัวเอง แล้วก็ผลักดันมันออก มา พี่ ไม่ค่อยสนับสนุนให้คนท�ำอะไรที่ตัวเองไม่ชอบ พี่ว่า คนเราอะ มันจะมีความสามารถอยู่หนึ่งอย่างที่มากับตัว ที่มันโดดเด่น และแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน และนั่นคือ สิ่งที่พี่คิดว่าเราต้องหามันให้เจอค่ะ

หนังสือ "บันทึกของตุ๊ด" #thinkbeyond

15


เป็นวัยรุ่นห้ามสบาย บทความ : sorsala

เพราะเป็นความเหนื่อยที่

“ใช้พลัง”

“สร้างพลัง”

ไปพร้อมๆ กัน

และ


เพราะชีวิตคือการเดินทาง บทความ : IMATOMS

สำ�รวจโลก

17


A Dish I Cook

บัวลอยเผือกฟักทองสองสหาย เรื่องและภาพ : ปอลอพอ / twitter : @paleepats_

ในฉบับก่อนๆ เราเขียนถึงของคาว ของว่างไปแล้ว ฉบับนี้ก็มาถึงคราวของของหวานบ้าง นอกจากบราวนี่ที่ เราชอบท�ำบ่อยๆ แล้ว ก็เห็นจะมีขนมไทยนี่แหละที่เราชอบกิน แม้ดูเหมือนว่าขนมไทยจะเป็นขนมท�ำง่าย มักใช้ส่วน ผสมไม่กี่อย่าง หลักๆ เลยก็คือแป้ง กะทิ และน�้ำตาล แต่ความอร่อยกลมกล่อมลงตัวนั้นการันตี ได้ถึงความพิถีพิถันใน ทุกขั้นตอนการท�ำ เราคิดถึงบัวลอย ขนมแป้งปั้นสีสวยในน�้ำกะทิอุ่นๆ แป้งเหนียวนุ่มก�ำลังดีกับรสกะทิหวานปนเค็มหอมมันนั้น ตรึงใจเรามาก แรกๆ ก็คิดว่าท�ำยากเลยซื้อเขากินตลอด แต่พอลองศึกษาวิธีการท�ำดูถึงได้รู้ว่าไม่ยากอย่างที่คิด แถม ยังปรับเปลี่ยนไปได้หลายแบบตามชอบ ไม่ว่าจะเป็นบัวลอยไข่หวาน บัวลอยเผือกมะพร้าวอ่อน บัวลอยสามสี จนมี สูตรที่ตัวเองชอบที่สุด เป็นสูตรท�ำง่ายๆ ใช้กะทิกล่องกับน�้ำตาลทรายที่หาซื้อได้ทั่วไป ใช้เผือกกับฟักทองที่เราชอบ กลายเป็นบัวลอยเผือกฟักทองสองสหาย เราต้องแยกท�ำแป้งทีละส่วน เริ่มจากแป้งเผือกก่อน แบ่งแป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วยตวง มานวดผสมกับเผือก 18


นึ่งบด จริงๆ เราชอบบดเผือกหยาบหน่อยพอให้เหลือเนื้อสัมผัสของเผือกอยู่บ้าง นวดจนแป้งและเผือกเข้ากันดี ถ้าแป้งแตกเป็นก้อนเพราะแห้งเกินไป ค่อยๆ ตัก กะทิใส่ลงไปทีละช้อน นวดจนส่วนผสมจับตัวกันหมด จากนั้นน�ำไปปั้นเป็นเส้นยาว เรียวแล้วใช้มีดตัดเป็นชิ้นเล็กจนหมด เราต้องผ่านการท�ำบัวลอยมาหลายหม้อ จึงค้นพบว่าวิธีนี้ง่ายกว่าการปั้นเป็นก้อนกลมทีละก้อนมากทีเดียว ต่อไปท�ำแป้ง ฟักทองด้วยวิธีเดียวกัน ที่ ใช้ฟักทองน้อยกว่าเผือกนั้นเพราะเนื้อฟักทองฉ�่ำน�้ำกว่า เผือกพอสมควร เมื่อเตรียมแป้งบัวลอยเรียบร้อยขั้นตอนต่อไปเป็นการปรุงน�้ำ กะทิ เริ่มจากมัดใบเตยยาวๆ ให้เป็นปมส้มลง น�ำไปต้มกับน�้ำสะอาดและน�้ำตาล ทรายจนเดือดส่งกลิ่นหอม เติมกะทิลงต้ม ปรุงรสด้วยเกลือป่นนิดหน่อย ปล่อย ไว้ ให้เดือดอีกครั้งจึงใส่แป้งบัวลอยที่เตรียมไว้ลงไป เมื่อแป้งสุกแล้วก็จะลอยขึ้นมา เองสมกับชื่อบัวลอยเลยล่ะ... เพียงเท่านี้ก็ ได้กินบัวลอยหอมหวานสีสวยงามตาม ธรรมชาติสมใจอยากเสียที ส่วนผสม แป้งข้าวเหนียว

2

ถ้วยตวง

เผือกนึ่งบดละเอียด

2

ถ้วยตวง

ฟักทองนึ่งบดละเอียด 1

ถ้วยตวง

น�้ำสะอาด

1

ลิตร

กะทิกล่อง

500 มิลลิลิตร

น�้ำตาลทราย

1

ถ้วยตวง

เกลือป่น

1

ช้อนชา

ใบเตย

3

ใบ

Tips : • ถ้ามีกะทิคั้นสดแบบแยกหัวกะทิหาง

กะทิสามารถน�ำมาใช้แทนน�้ำสะอาดกับกะทิกล่อง ได้เลย และถ้าหาน�้ำตาลปี๊บมาใช้ร่วมกับน�้ำตาล ทรายได้ยิ่งดี จะท�ำให้บัวลอยหม้อนี้หอมอร่อยเข้ม ข้นยิ่งขึ้น • ถ้าอยากยกระดับให้เป็นบัวลอยเผือก

ฟักทองมะพร้าวอ่อนก็ ให้ขูดเนื้อมะพร้าวอ่อนลงไป หลังจากที่แป้งสุกดีแล้ว 19


A Short Story I Write เรื่อง : นิรัติศัย บุญจันทร์ ภาพ : Kamonnut Kamda facebook.com/khidwad

[ เงาสะท้อน ] กลิ่นน�้ำคลองอัดในจมูก ทะลักยังปอดเข้าสู่ กระแสเลือด มันไม่ ใช่คลองใสสะอาดที่มองเห็นตัว ปลา แต่มันคือคลองที่น�้ำด�ำเมี่ยม มองลงไปเห็นเพียง เงาสะท้อนของใบหน้า เช่นกระจกเงาในแสงสลัว อัน ชื่อว่า “แสนแสบ” “แสนแสบ เธอเห็นอะไรบ้างเล่า ความทรง จ�ำในเมืองหลวง น�้ำด�ำแห่งนี้เป็นเช่นไร เจ้าเล่าให้ข้า 20

ฟังได้ ไหม?” ผมถามเธอ “บางอย่างฉันก็จ�ำได้ และบางอย่างฉันก็จ�ำ ไม่ ได้หรอก...พ่อคุณ” เธอตอบ น�้ำเสียเธอเบื่อหน่าย “งั้น! เอาเรื่องที่เจ้าเห็นตอนนี้สิ...เป็นไง” ผม ดันทุรัง


“จะว่าไป...ไม่กี่ปีมานี้ฉันด�ำทะมึนกว่ายุคก่อนๆ ฉันโดนเรือลอยบนร่าง น�้ำในตัวกระเด็นกระจาย กลิ่น ควันเป็นหมอกอาบผิว แต่เรื่องนั้นฉันชินชาแล้ว จะมีก็ แต่! ตึกสูง...ดูมันจะโก้หรูเสียจริง ผิดกับยุคเก่า ฉันว่า ไอ้ตึกกับถนนนี้ละท�ำให้ฉันกลายเป็นคลองที่ต�่ำต้อยผิด ธรรมดา ดูจะไม่มีมนุษย์เช่นเจ้ามาไถ่ถาม ฉันเห็นอยู่นะ ไอ้ป้ายโฆษณานักการเมืองน่ะ ถ้าอย่างฉันนี่เรียกว่า สะอาดแล้ว ตัวเขาคงใช้ชีวิตโสโครกเลยล่ะ ฝากบอก อะไรไปถึงพวกมนุษย์สักนิดได้ ไหม” น�้ำเสียงเธอเจือ ความโกรธ

แสงจันทร์สะท้อนแจ่มชัด ดูมันกลมโตกว่า ทุกวัน ลมเงียบสนิทผิวน�้ำแทบไม่กระเพื่อม คลอง ซอมซ่อรอแสงอาทิตย์เพื่อส่องสะท้อนความเจริญ ทางอารยะมนุษย์ น�้ำสีด�ำกระทบคฤหาสน์สีขาว ไม่มีสักครั้งที่ความขาวของสีบ้านจะมาเจือจุนน�้ำ คล�ำ น�้ำใจมนุษย์ก็เหือดแห้งไปกับแสงอาทิตย์ที่ร้อน แรง ทั้งแผดเผา แต่ก็ ไม่มีสักครั้งที่จะเผาเผ่าโลกีย์ ให้ มลาย เอาล่ะคงถึงเวลาที่ผมต้องไปเดินในนิทราสัก พัก คุณคงคิดว่าผมเป็นคนเสียสติ แต่ ไม่เลย ผมแค่รู้ ว่า “แสนแสบ” นั้นมีชีวิต

“ได้สิ! แต่อย่าหวังว่ามนุษย์จะเข้าใจสิ่งที่เจ้า เล่า เขาทนเหม็นได้กับ ‘แสนแสบ’ แต่เขาทนกับความ จนไม่ ได้ เอ้า! มีอะไรลองว่ามา” ผมถาม

เฮ้...แล้วคุณมีชีวิตหรือเปล่า?

“ทุกวันนี้เงาสะท้อนของฉันเห็นเพียงตึกราม บ้านช่องใหญ่ โต โก้หรู นานเท่าไร..ท�ำไมฉันถึงได้ ต�่ำต้อยเพียงนี้ ไม่มี ใครจะมายินดียินร้ายกับเรือนร่าง โสโครกนี่ ฉันเห็นที่เขาแสดงว่ารักก็มีแต่ลอยกระทงลอยกระทงหรือ ขอบคุณพระแม่คงคาหรือ ตอแหล! ถ้ามนุษย์ ใช้การขอบคุณแบบนั้น ฉันเองก็คิดว่ามนุษย์ เป็นสัตว์บาปผุดมาจากขุมนรก เขาขอบคุณด้วยการซ�้ำ เติมหรือ โลกวิปริต! มนุษย์เป็นประเสริฐที่วิกลจริตใน ด้านเลวเสียจริง ฉันไม่ต้องการขอให้มนุษย์มาสงสาร ร่างฉันที่ด�ำมะเมื่อมทุกเกล็ดน�้ำหรอก มันคงเป็นเวร กรรมที่มีอาชีพเป็นผู้บริการเช่นนี้เอง ชาติหน้าฉันขอ เป็นมนุษย์ที่เลวระย�ำต�่ำสถุลที่สุด ฉันอยากจะรู้นักว่า ความรู้สึกชาติชั่วเหล่านั้นมันเป็นอย่างไร เอาล่ะๆ... พระจันทร์เริ่มยลแสงแล้ว อย่างน้อยพระจันทร์ก็เป็น ของฉัน จริงๆนะ ไม่มีมนุษย์คนไหนเฝ้ามองดวงจันทร์ ได้นานหรอก ดวงจันทร์คือสิ่งบันเทิงเริงรมย์ที่พอจะ จับจ้องได้นานเท่านาน นี่ก็ยามวิกาลแล้ว ตอนนี้เรือ ก็ ไม่แล่นแล้ว ฉันต้องกลับไปสู่ภวังค์แห่งความเงียบ เสียที วันนี้ โดนพวกมนุษย์ โหวกเหวกโวยวายเหมือน พวกเดียรัจฉานเสียสติ เชิญท่านตามสบาย ลาก่อน ขอบคุณ” เธอระบายกับผมด้วยค�ำก่นด่า

21


A Photo I Shoot

กั้น. àÊŒ¹áº‹§µÃ§¡ÅÒ§áÅÐÁ‹Ò¹ºÑ§µÒ ẋ§ à ¸ Í áÅÐ ©Ñ ¹ ÍÍ¡¨Ò¡µÑÇàͧ.

ค�ำและภาพ : มนุษย์ห้องใต้หลังคา. 22


A Poem I Feel

กลอนและภาพ : แก้วเกล้า

23


Personal Font

ลายมือ : สินิทธ์ ปนุตติกร

Independent

24


A Book I Read

เรื่องและภาพ : Boymang

Boy meets Boy (บอย กิ๊ก บอย) โชคดีของผมที่ ไม่มีก�ำแพงเรื่องเพศ ท�ำให้ ไม่ล�ำบากในการหยิบ หนังสือเกย์มาแนะน�ำ ล�ำบากแต่เพียงว่า ไม่รู้จะเลือกเล่มไหนมาแนะน�ำ ดี เพราะหนังสือ “เพศทางเลือก” มีความน่าสนใจทุกเล่ม! แต่สุดท้ายผม ก็ตัดสินใจเลือกหนังสือ Boy meets Boy นิยายเล่มแรกของ David Levithan ฉบับแปลไทยโดยพี่หนุ่ม-โตมร ศุขปรีชา นักเขียนที่สนใจเรื่อง เพศอย่างจริงจัง จากส�ำนักพิมพ์วงกลม สาเหตุที่หยิบ Boy meets Boy มาแนะน�ำ เพราะเป็นหนังสือที่มี บรรยากาศเรื่องเพศแตกต่างจากเล่มอื่น นั่นคือการไม่มี “ก�ำแพงทางเพศ” อยู่ ในเล่มนี้เลย เรียกได้ว่า เป็นการสร้างเมืองในอุดมคติ ที่ทุกเพศมีความ เท่าเทียมกัน ไม่มีการเหยียดหยาม ไม่มีการแบ่งแยก ทุกคนทุกเพศล้วนด�ำเนินชีวิตร่วมกันได้อย่างปกติ สุข มีเพียงแต่ความเชื่อทางศาสนาเท่านั้น ที่ยังขัดกับเรื่องเพศอยู่บ้าง Boy meets Boy เป็นนิยายรักโรแมนติกของเกย์ ด�ำเนินเรื่องหลักผ่านความรักเด็กนักเรียนชาย สองคน “พอล” และ “โนอาร์” ที่ค่อยๆ พัฒนาความรักกันไปเรื่อยๆ ตามแบบฉบับนิยายสูตร คือการ เปิดเรื่อง จุดแตกหัก และจุดคลี่คลาย เรื่องราวค่อนข้างเรียบง่าย แทรกอารมณ์ขัน และแฝงข้อคิดเป็นอย่างดี โดดเด่นในการแทรก นิยาย, เพลง หรือหนังที่มีชื่อเสียงอยู่ ในเรื่อง บ่งบอกได้ถึงรสนิยมของผู้เขียน ซึ่งแก่นของเรื่องน�ำเสนอ เกี่ยวกับการเปิดเผยตัวตน, เพศที่แท้จริงของตัวเอง สนับสนุนความกล้าที่จะแสดงและยอมรับตัวตน รวมถึงบทบาทพ่อแม่ที่ต้องยอมรับและส่งเสริมความเป็นตัวของตัวเองของลูก คนส่วนใหญ่ ในสังคมไทยเริ่มเปิดรับเพศทางเลือกเพิ่มมากขึ้น ทว่ายังเปิดรับในลักษณะเพื่อความ บันเทิงเท่านั้น มิได้มองพวกเขาเป็นคนที่แท้จริง รวมทั้งยังมองความรักของชาวเกย์เป็นเพียงแค่เปลือก หนังสือเล่มนี้ลอกเปลือกที่ว่าทิ้ง และเปิดให้เห็นว่า ความรักของชาวเกย์ ก็เป็นความรักที่แท้จริง ไม่ต่าง จากความรักระหว่างเพศหรอก แม้ว่าจะเป็นนิยายสูตร แต่ความแปลกใหม่ ในการท�ำลายก�ำแพงทางเพศ ท�ำให้หนังสือเล่มนี้แตก ต่างกว่าหนังสือเกย์เล่มอื่นอย่างแน่นอน เหมือนดั่งค�ำพูดของผู้แปลที่ว่า.. “เปิดใจกว้างกว้าง แล้วอ่านหนังสือเล่มนี้ด้วยความรู้สึกนิ่งนิ่ง นี่ ไม่ ใช่หนังสือเกย์ ในแบบ ที่คุณคุ้นเคย...”

25


A Movie I Watch

เรื่อง : GUMBEAR facebook.com/optimistic.note

อีกไม่นานทุกอย่างจะจบลงด้วยดี

เราทุกคนบนโลกนี้ชอบตอนจบแบบแฮปปี้ เอนดิ้ง ด้วยกันทั้งนั้น..โดยเฉพาะหนังชีวิตของตัวเอง แต่เราทุกคนบนโลกนี้ส�ำหรับใครหลายๆ คนนั้นรวม ถึงคนที่ ไม่สมประกอบ เพศที่นอกเหนือจากชายหญิงตามที่ กรอบสังคมเดิมเคยกีดกันให้อยู่นอกกลุ่ม บุคคลเหล่านี้ พวก เขามีสิทธิได้พบกับตอนจบที่ดีเหมือนมนุษย์คนอื่นๆ หรือไม่? Any Day Now (2012) ยื่นค�ำถามนี้ ให้กับเราหลังดู จบพ่วงมาด้วยความรู้สึกของกลุ่มคนที่ ไม่เคยชนะเลยในเรื่อง ใดๆ Any Day Now ว่าด้วยการต่อสู้ของคู่รักเกย์กับช่อง โหว่ของกฏหมายและการเหยียดเพศจากสังคมเพื่อสิทธิในการ ขอเลี้ยงดูเด็กผู้พิการทางสมองที่มีแม่ติดยาเสพติด และน�ำมา จากเคสจริงเมื่อ 30 ปีที่แล้ว แค่พล็อตเรื่องก็เต็มอิ่มมากแล้ว ยิ่งบวกกับการแสดง ของอลัน คัมมิ่ง นักแสดง นักเขียนบท ผู้ก�ำกับ และหนึ่งใน นักแสดง ชายที่เปิดเผยต่อสาธารณะว่าเป็นเกย์ ความสมจริง ทางอารมณ์ยิ่งสมจริงขึ้นไปเป็นทวีคูณ และการเหยียดเพศที่ หนังเรื่องนี้ยกขึ้นมาพูด คือ ความเหมาะสมในรสนิยมทางเพศ ของผู้ปกครองกับการเลี้ยงดูเด็กซึ่งเป็นประเด็นที่น่าสนใจมาก เพราะกระทั่งดูจนจบเรื่องค�ำตอบก็ยังดูคลุมเครือว่าแท้จริง แล้วสิ่งที่เด็กสมควรได้รับคืออะไร แล้วการอยู่ร่วมชายคากับ ผู้ปกครองที่เป็นรักร่วมเพศแล้ว จะท�ำเด็กมี โอกาสสับสนใน เรื่องเพศจนเปลี่ยนแปลงรสนิยมทางเพศไปสู่ “นอกกรอบ” ที่ สังคมวาดไว้นั้นมันเสียหายตรงไหน? มีจุดหนึ่งในหนัง เป็นจุดเล็กๆ ที่ผมสนใจ คือ มาโก้ (เด็ก) ชอบทานโดนัทมาก ซึ่งชัดเจนมากว่าแม่ผู้ ให้ก�ำเนิดน่า จะเลี้ยงดูด้วยการตามใจ (หรือเลี้ยงดูแบบส่งๆ ก็ ไม่รู้) ด้วย การให้ทานแต่ โดนัทเพราะมาโก้เป็นเด็กที่อ้วนเกินเกณฑ์ไป

มากทีเดียว แต่เมื่อมาอยู่กับรูดี้ (เกย์) เธอไม่ยอมให้มาโก้ทาน โดนัทด้วยเหตุผลที่ว่ากลัวอ้วนและเป็นยาพิษส�ำหรับเด็ก ไม่ เกี่ยวกับเรื่องเพศแน่ๆ เป็นเรื่องระดับปัจเจกที่ว่าเราจะให้อะไร กับเด็ก สิ่งที่เด็กชอบ (หรือเปล่าก็ ไม่รู้ก็คุณให้แต่สิ่งนั้นตั้งแต่ เด็กๆ) และท�ำร้ายเขา หรือสิ่งที่เด็กควรจะได้ แม้ว่าเขาจะไม่ ค่อยชอบเท่าไหร่ หรือสิ่งที่เด็กชอบและเขาควรจะได้ อย่าง เช่น ความอบอุ่นที่รูดี้มี ให้มากกว่าแม่บังเกิดเกล้า แม้ว่ามันจะ ฟังดูเป็นไปไม่ ได้เลยที่จะมี ใครรักแม่เท่าลูก แต่จากสภาพบ้าน เมืองและข่าวสารที่เราเสพกันอยู่ทุกวันนี้ เราเห็นแล้ว เราควร ยอมรับได้แล้วว่า บางทีค�ำว่า “แม่” ไม่จะเป็นต้องเป็นผู้ ให้ ก�ำเนิดและไม่จ�ำเป็นต้องเพศหญิง ความสวยงามของหนังที่สุดแสนจะดราม่าเรื่องนี้ คือ มันไม่ฟูมฟายเลยทั้งๆ ที่เป็นแนวทางของหนังแนวนี้ และ นอกเหนือจากประเด็นการของสิทธิเลี้ยงดูเด็กแล้ว เรื่องความ รักของเกย์และผู้ชายก็ท�ำออกมาได้ ไม่เลี่ยนเลยด้วยกายฉาย ประเด็นความต้องการการยอมรับและเปิดเผยจากคู่รักของตน ต่อสาธารณะ ไม่ว่าเพศไหนก็ต้องการ Any Day Now เป็นหนังเกย์ที่ โด่งดังมาก (ในไทยก็ คงดร็อปลงมาตามสไตล์) ไม่ว่าจะไปฉายที่เทศกาลใดก็ถูกยก ให้เป็นหนังป็อปปูล่าโหวตแทบทุกที่ บวกกับค�ำวิจารณ์จากนัก วิจารณ์ค่อนข้างไปในทางบวกหมด ส�ำหรับผม Any Day Now เป็นมากกว่าหนังเกย์ เป็นหนังที่ ไม่ ได้พูดถึงเกย์ แต่พูดถึงความรักที่ท�ำลายความกลัวจาก ความเป็นไปไม่ ได้ จากก�ำแพงที่แบ่งแยกผู้คนออกไปจากกัน บางสิ่งบางอย่างก�ำลังพัฒนา ก�ำแพงค่อยๆ ถูกกรัดกร่อนด้วย พลังของผู้กล้าเหล่านี้ “อีกไม่นาน” ความรักจะต้องชนะ และทุกคนจะต้องได้รับการปลดปล่อย


A Song I Listen

เรื่องและภาพ : Wallflower T.

' I will survive '

ตราบใดที่รักยังไม่ตาย เสียงเปียโนที่ดังขึ้นช่างดุดันและทรงพลัง แต่กลับ พลิ้วไหวสละสลวยราวกับมีเวทมนตร์ เพื่อนสาวในร่าง ชายของฉันลุกขึ้นกรีดกรายไปตามจังหวะ นางจิกตาและ เปล่งเสียงออกมา… At first I was afraid, I was petrified. Kept thinkin’ I could never live without you by my side. Then I spent so many nights thinking how you did me wrong. And I grew strong, And I learned how to get along … (ใครเคยร้องคาราโอเกะกับเพื่อนตุ๊ดจะรู้ดีว่าท่อนต่อไป สามารถเปลี่ยนตู้คาราโอเกะหยอดเหรียญให้กลายเป็นผับ ย่านสีลมได้ 555555555) ท�ำไม “I will survive” ถึงเป็นเพลงชาติของ ชาวสีม่วง? ฉันสงสัยทุกครั้งเวลาไปร้องคาราโอเกะกับ เพื่อนตุ๊ด เกย์ ไบ ฯลฯ แต่แล้วความสงสัยก็หายวับไปใน ทันใด เพราะฉันลุกขึ้นไปเต้นกับพวกมันเรียบร้อยแล้วน่ะสิ (ฮา) แต่พอได้กลับมานั่งฟังอย่างตั้งใจและอินไปกับเนื้อหา ฉันก็ ไม่แปลกใจเลยว่าท�ำไมเพลงนี้ถึงครองชาร์ตเพลงฮิต ในผับเกย์มาอย่างยาวนาน

เพลง I will survive เวอร์ชั่น ต้นฉบับถูกปล่อยออกมาในปี 1978 ท�ำเอาเจ้าของเพลง อย่าง “กลอเรีย เกย์เนอร์” นักร้องหญิงผิวสีชาวอเมริกัน โด่งดังเป็นพลุแตก แล้วเพลงก็ฮิตมากจนขึ้นอันดับหนึ่ง ในบิลบอร์ดชาร์ต แถมยังได้รางวัลแกรมมี่อวอร์ดสาขา Best Disco Recording ในปี 1980 ซะด้วย เนื้อหาของ เพลงก็แซ่บเว่อค่ะ ประมาณว่า…เธอจะกลับมาท�ำไม! ตั้งแต่เลิกกันฉันก็เสียเวลาร้องห่มร้องไห้มานานพอแล้ว ตอนนี้ฉันกลายเป็นคนใหม่ ไฉไลฟรุ้งฟริ้งไปแล้วย่ะ ไม่มีเธอ ฉันก็อยู่ ได้! (สะบัดผมที่ยาวสลวยด้วยแชมพูของคุณโทมัส ทอร์ แล้วเดินเยื้องกรายออกไปสวยๆ) ถึงแม้ว่าเนื้อเพลงจะพูดถึงการอกหักแล้วต้องอยู่ คนเดียวให้ ได้อย่างเข้มแข็ง แต่ฉันว่ามันก็สะท้อนความ รู้สึกของเพศที่สามเมื่อถูกสังคมกดขี่ ได้ดีทีเดียว กว่าคน เราจะลุกขึ้นมาสะบัดบ๊อบแบบในเพลงได้ก็คงผ่านการ ร้องไห้มามากพอสมควร การถูกสังคมเหยียดหยามเรื่อง เพศวิถีนั้นก็ ไม่ ได้ต่างอะไรกับการถูกคนรักท�ำร้ายจิตใจ ซ�้ำๆ บางครั้งเราก็ ได้แต่ โทษตัวเองที่เกิดมาไม่เหมือนคน อื่น ต้องกัดฟันลุกขึ้นสู้กับสิ่งที่สังคมปลูกฝัง ต้องเปลี่ยน ตัวเองให้เป็นคนใหม่ แสดงความสามารถด้านต่างๆ เพื่อ ให้สังคมยอมรับ เพราะไม่ว่ายังไงเราก็ยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อ ไป...ต้อง survive แม้จะเจ็บแทบตาย...

มีประโยคหนึ่งในเพลงที่ฉันชอบมาก “For as long as I know how to love, I know I’ll stay alive” ตราบใดที่ฉันยังสามารถรักใครสักคนได้ ฉันก็จะ ยังมีชีวิตอยู่ต่อไป... ในมุมมองของเพศที่สามนั้น ตราบใด ที่ความรักหมายถึงการรู้สึกดีๆกับใครสักคน เพศวิถีก็คงไม่ ใช่ สิ่งที่จะมาก�ำหนดกรอบให้ความรักได้ เพราะไม่ว่าเราจะชอบเพศ เดียวกันหรือไม่ ยังไงมันก็คือความรัก และเป็นความรักที่ ไม่ ได้ต่างจากรัก ของชายจริงหญิงแท้เลย และเราก็ยังยืนยันที่จะสู้...จะมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะรักในแบบของเรา


Away From Thailand อินเดีย & อเมริกา

INDIA

เรื่องและภาพ : aposaof

กับเพื่อนมองหน้ากันด้วยความสับสน ของมนุษยธรรมที่เราควรจะท�ำอย่างไร กับสภาพร่างกายที่ก�ำลังร่างแหลกแบก กระเป๋าใบใหญ่ … ทันใดนั้น น�้ำเพื่อนรัก ได้ตะโกนมาจากข้างหลัง(มันเดินตามมา) น�้ำ : “ออฟ โอเคมั้ย” ออฟ : “ไม่ค่อยโอเคว่ะ” น�้ำ : “เอาตั๋วมาออฟ”

จากภาพ : นี่เป็นภาพบรรยากาศเมื่อทุกอย่างสงบลง

เก้าอี้ดนตรี (ตอนที่ 1)

“ ออฟ แกต้องใจแข็งนะ! ” (ค�ำแนะน�ำของน�้ำ เพื่อนที่อยู่อินเดียมาก่อนสองปี)

ประโยคของน�้ำดังขึ้นในหัวย�้ำๆ ตลอดเวลา

ช่วงวันหยุดเทศกาลคเณศจตุรถีของอินเดีย เรากับ เพื่อน (เก้า) ถือโอกาสไปเจอน�้ำที่เมืองปูเน่ เตร็ดเตร่อยู่ที่ นั่น 1 วัน จากนั้นเรากับเก้าตัดสินใจลองนั่งรถไฟอินเดียชั้น 3 เพื่อไปมุมไบใช้เวลาเพียงแค่สามชั่วโมงเท่านั้น น�้ำไปส่ง เรากับเก้า เราไปถึงสถานีก่อนรถไฟออกแค่ ไม่กี่นาที เราร�่ำ ลากับน�้ำ ก่อนแยกกันน�้ำทิ้งประโยคสุดท้ายไว้ น�้ำ : “ออฟ แกต้องใจแข็งนะ ใครนั่งที่เราต้องขอ เค้าดูตั๋วนะ เข้าใจมั้ย” (ฟังดูชิวชิวเรื่องแค่นี้เราก็จัดการได้) หลังจากกันกับน�้ำ เราเดินขึ้นรถไฟปกติ จนถึงที่ นั่งก็พบมนุษย์นั่งที่ของเราอย่างที่น�้ำบอกจริงๆ แต่คุณรู้มั้ย มนุษย์ที่ก�ำลังนั่งที่เรากับเก้าอยู่นั่น คือ หญิงสาวอุ้มลูกอ่อน และป้าวัย 60 ปลายๆ (ถ้าเป็นคุณ คุณจะท�ำอย่างไร?) เรา 28

น�้ำที่รักเดินแบบดุดัน มุ่งไปขอดู ตั๋วที่ แม่ลูกอ่อน และป้าวัย 60 ได้ความ ว่าไม่ ได้ซื้อตั๋ว น�้ำจึงจัดการโดยเชิญเขา ออกไปโดยสุภาพแต่หน้าดุมาก หลังจาก นั้นเราได้นั่ง น�้ำก็หันมาก�ำชับก่อนลงจาก รถไฟ (อีกครั้ง) น�้ำ : “ถ้ามี ใครมานั่งเบียดเพิ่ม เป็นจากสามเป็นสี่ ไม่ต้องขยับ นั่งให้ สบายที่สุด เพราะนี่เป็นพื้นที่ของแก” หลังจากนั้นเราท�ำอย่างที่น�้ำ ก�ำชับอย่างทันที ….ผู้ โดยสารถือตั๋วนั่ง เบาะ ส่วนผู้ โดยสารตั๋วผีนั่งกับพื้น ถึง แม้ผู้ โดยสารป้านั่งฝั่งตรงข้าม ยกเท้า มาพาดข้างๆ ก็ยังไม่เป็นไร …แต่คุณจ�ำ มนุษย์ป้าที่แย่งที่เราได้มั้ย ยังไม่จบเพียง เท่านี้นะค่ะ โปรดติดตามตอนต่อไป ...


USA

เรื่องและภาพ : Rin Jenwarin

วิ่งบางคนอาจจะแยกย้ายกันกลับบ้าน ถ้าหากใครยัง เหลือพลังจะปล่อยให้เต็มที่ล่ะก็ ทางทีมงานได้ตั้งเวที คอนเสิร์ตไว้รอพวกคุณไว้เรียบร้อยแล้ว!! หนึ่งอย่างที่ ท�ำให้คอนเสิร์ตนี้สนุกกว่าที่อื่นคือ ทีมงานบนเวทีจะแจก ซองสี ให้นักวิ่งปาขึ้นฟ้าไปพร้อมกัน เค้าเรียกว่า color throwing ค่ะ ถ้ามองจากไกลๆ จะเห็นเป็นสีรุ้งขึ้นมาเลย มันเท่มากๆ เลย The Color Run เป็นองกรณ์ที่ ไปจัดการวิ่ง มาราธอนแบบนี้ ในหลากหลายสถานที่มากๆ นอกจากจะ จัดอยู่ทั่วอเมริกาแล้วยังไปจัดในอีก 44 ประเทศอีกด้วย (ตามเว็บ official ที่รินเช็คล่าสุดไม่มีที่เมืองไทย แต่มี เพื่อนบอกว่าเคยวิ่งแบบนี้ที่ ไทย ไม่แน่ ใจว่าเป็นฝ่ายไหน จัดแต่เพื่อนบอกว่าวิ่งอากาศร้อนแล้วเหนอะหนะมากๆ) และ Penn State ก็เป็นหนึ่งในที่ๆ เขาเลือกจะมาจัดค่ะ ปีที่แล้วเป็นปีแรกที่จัดที่นี่และจัดอีกครั้งในปีนี้ คาดว่าปี หน้าจะจัดอีกด้วยค่ะ

The Happiest 5K on the Planet « การวิ่งมาราธอนที่มีความสุขที่สุดในโลก »

ขอบอกผู้อ่านก่อนว่ารินเป็นคนที่ ไม่มีความสามารถทางด้านกีฬาเลย แม้แต่นิดเดียว เดือนนึงไม่รู้ว่าออกก�ำลังครบสามครั้งหรือเปล่า แต่ว่ามีงาน วิ่งมาราธอนงานหนึ่งที่รินไปมาแล้วร่วม 2 ครั้ง งานนั้นก็คือ The Color Run นั่นเองค่ะ ส�ำหรับใครหลายๆ คนอาจจะไม่รู้จักว่า Color Run มันคืออะไร? มัน ต่างกับการวิ่งมาราธอนทั่วไปตรงไหนหรอ? ข้อแรกรินตอบให้ ได้นะคะ แต่ว่าข้อ สองตอบไม่ ได้เพราะไม่เคยวิ่งอันปกติค่ะ ฮ่าๆๆๆ Color Run ตามชื่อแล้วก็คือการวิ่งมาราธอนแต่ว่ามีคนปาสี ใส่เรา เป็นการวิ่งที่แปลกประหลาดดีจริง งานที่รินได้ ไปเข้าร่วมเขามาปิดถนนจัดใน สถานที่ของ Penn State เลยค่ะ คือวิ่งผ่านหน้าตึกเรียนที่เพิ่งเรียนเมื่อวานนี้ กันเลยทีเดียว ระยะทางในการวิ่งคือ 5 กิโลเมตรค่ะ ทุกๆ 1 กม. ทางทีมจัดจะ ตั้งฐานปาสี ใส่นักวิ่งทั้งหลาย และแต่ละฐานก็จะเปลี่ยนสี ไปเรื่อยๆ เริ่มจากฐาน สีเหลือง ม่วง ชมพู ฐานเป่าฟอง และสีสุดท้ายคือสีฟ้า จริงๆ แล้วรินเดินเกือบ จะตลอดทางเลยแหละ (บ้า! ที่เดินนี่เพราะอยากเลอะสีเยอะๆ ต่างหาก ไม่ ได้ขี้ เกียจวิ่งจริงจริ๊ง)

พอเราเข้าถึงเส้นชัยเรียบร้อยแล้ว ความสนุกยังไม่จบแค่นั้น นัก

การสมัครทุกอย่างผ่านเว็บของ Color Run พอใกล้ถึงวันวิ่งจะมีอีเมลส่งมาเตือนให้นักวิ่งทุกคนไปรับ runner’s packet เป็นซองที่มีของหลายๆอย่างเพื่อเตรียม พร้อมส�ำหรับการวิ่ง Color Run ไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืดใส่วิ่ง ที่คาดผม แทตทู wrist band กระเป๋าสะพายข้าง ทุก อย่างเป็นธีม Color Run หมดเลย และที่ส�ำคัญต่อการได้ วิ่งที่สุดคือป้ายเลขประจ�ำตัวนักวิ่งส�ำหรับแปะตอนวันจริง ถ้าไม่มีก็อดวิ่งค่ะ อีกหนึ่งอย่างที่รินเตรียมไปเอง ก็คือซอง ใส่มือถือที่ ใช้ตอนสงกรานต์มาป้องกันมือถือไม่ ให้เลอะสี และได้ถ่ายรูป(มัวๆ) ไปด้วยในเวลาเดียวกัน นี่มันเป็นสิ่ง ประดิษฐ์ที่ Thailand Only มาก หาที่อื่นไม่ ได้นะเนี่ย! ทุกคนน่าจะสงสัยอยู่ ในใจว่าสีที่เขาใช้เป็นยัง ไง ถ้ากินเข้าไปจะเป็นอะไรไหม แล้วตอนท�ำความสะอาด ล่ะ? สีที่เขาใช้เป็นผงสีท�ำมาจากแป้งข้าวโพดส�ำหรับใช้ ท�ำอาหารและเป็นธรรมชาติ 100% ค่ะ ฉะนั้นเรื่องความ ปลอดภัยไม่ต้องเป็นห่วง กินได้สบายๆ (ตอนขากลับบ้าน ต้องมีการเตรียมตัวเอาเสื้อมาล่วงหน้าใส่ทับสีจะได้ ไม่ เลอะบนรถ) พออาบน�้ำแล้วสั่งน�้ำมูกออกมาเป็นสีเขียวเลย ค่ะแทรกซึมเข้าทุกอณูสุดๆ ตอนสระผมต้องใส่ครีมนวด เยอะๆแล้วสีจะออกง่ายขึ้น บวกกับแทตทูต้องใช้พลังใน การขัดออกเนื่องจากพลังติดแน่นทนนานมากค่ะ ส่วนตัวแล้วรินชอบตรงคอนเสิร์ตมากที่สุดใน งานเลยค่ะ ตามฉายาที่เขาเรียกตัวเองว่า “The Happiest 5K on the Planet” หรือ การวิ่งมาราธอน 5 กม.ที่มีความสุขที่สุดในโลก นี่เอง สนุก! รินกับเพื่อนๆ อยู่กันจนงานเลี้ยงเขาเลิกรากันเลย เพลินไปหน่อย ประสบการณ์ครั้งนี้ ได้เติม ”สีสัน” ให้ชีวิตได้ดีมากๆ อันนี้ ไม่มี ใครเถียงได้เลยจริงๆ

29


Another Language

ภาษาอังกฤษ & มลายู

Sawasdee English

What is your SEX? บทความ : Faraway

What is your SEX? สวัสดีคะคุณผูอาน O-N Magazine ที่นารักทุกคน ผานไปอีกแลวหนึ่งเดือนเร็วจริงๆ (มารูตัวอีกที ไดเวลาเขียนคอลัมนสง บ.ก. อีกแลวนี้หวา!! นาทีสุดทายอีกแลว!!! แฮๆๆ) Sawasdee English ของเราวันนี้ ไม ไดทะลึ่งนะคะ หลายคนอานหัวขอของเราแลวอาจ ตกกะใจ เพราะเห็นคำวา SEX (เซ็กส) ที่วันนี้เราไม ไดจะมาพูดถึงการมีเพศสัมพันธ หรือเปดคลาสสอนเพศศึกษาแตอยางใด แตวันนี้ เราจะมาเรียนรูการถามเพศที่สุภาพและนารักๆ กันคะ รวมถึงอาจจะทำให ใครหลายคนเขาใจความแตกตางระหวางเพศมากขึ้นก็ ได ^^ ในภาษาอังกฤษถาจะถามวาคุณเปนเพศไหน (ในกรณีที่เห็นหนาแลวแบบไมมั่นใจวาใชเพศที่เราคิดรึปลาว > <) การใชคำถาม วา What is your sex? ก็สามารถถามได ฝรั่งก็เขาใจ แตถาจะใหดีควรใชคำถาม What is your gender? จะดีกวามากคะ ทั้ง Gender (เจ็นเดอร) และ Sex แปลวา เพศ ไดเหมือนกัน แต Sex สามารถแปลวา “การมีเพศสัมพันธ” หรือที่ฝรั่งใชอีกคำวา make love ไดดวยและคนสวนใหญเมื่อไดยินคำนี้จะนึกถึงการมีเพศสัมพันธมากกวา หรือถาไมอยากถามตรงๆ ฝรั่งเคาก็มีการถามเพศ ที่ออมๆ และนารักๆ นะคะ โดยใชคำวา Are you from Mars or Venus? แปลตรงๆ วา คุณมาจากดาวอังคาร หรือ ดาวพฤหัส? หลายคนอาจจะงงวาดาวอังคารและดาวพฤหัส มันเกี่ยวกับการถามเพศชายหรือหญิงตรงไหน คำตอบอยูตรงคำวา Mars (มาซ) หรือ Venus (วีนัส) นี้ละคะ Mars แปลวา ดาวอังคาร หรือ เทพเจาแหงสงคราม ซึ่งเปนเทพแหงความแข็งแกรงและดุดัน แทนคุณผูชาย สวน Venus แปลวา ดาวพฤหัส หรือ เทพเจาแหงความรัก ซึ่งเปนเทพแหงความงามและความออนโยน แทนคุณผูหญิง ที่เปรียบคุณผูหญิง และคุณผูชาย มาจากคนละดวงดาวแบบนี้เพราะความแตกตางกันมากระหวางเพศสองเพศนี้ทั้งรูปรางและพื้นฐานจิตใจ รวมถึง อารมณความรูสึก พี่ฝรั่งเลยเปรียบเลนๆ วาที่เปนแบบนี้เพราะเรามาจากดาวคนละดวงนั่นเองคะ สวนทำไมตองเปน Mars แทนผูชาย และ Venus แทนผูหญิง คำตอบคงเห็นไดชัดจากคำแปลของทั้งสองคำนะคะ ^^ เพราะฉะนั้นถาเราจะตองถามหรือตองการใหชาวตางชาติระบุเพศของเคาวาเปน Male – ผูชาย หรือ Female – ผูหญิง ในการกรอกประวัติหรือเก็บขอมูลอะไรก็แลวแต แนะนำวาควรใชคำวา Gender ตรงประเด็นและปลอดภัยสุดคะ เหตุที่ตองปลอดภัยสุด ก็เพราะพี่ ไทยของเราเคยสรางวีรกรรมกับคำนี้มาแลว โดยเขียนคำวา Sex และเวนชองวางไวเฉยๆ ไมระบุคำวา Male / Female ขยายความ พี่ฝรั่งก็เลยคิดไปไกลวาเรากำลังเก็บขอมูลการทำกิจกรรมเขาจังหวะของเคาอยู (18+) หรือแอบสงสัยวาเราอยากรู ไปทำไม เลยไดคำตอบที่ ไปไกลเชนกันและไมตรงกับความตั้งใจ(อันบริสุทธิ์) ของเราตั้งแตแรก (555+) วาาา!!! งานนี้เลยอดรูเลยวาจริงๆ วาเคา เพศอะไรกันแน นาเสียดายนะคะ (รึปาว?) :P ปล. หลายครั้งที่เกิดความไมเขาใจกันระหวางผูหญิงและผูชายและตางฝายก็ตางโทษความซับซอนและความซื้อบื้อ ของกันและกัน แตจะทำไงไดละคะก็เพราะผูชายดันมาจากดาวอังคาร และผูหญิงก็ดันมาจากดาวพฤหัส ไมมี ใครมาจากโลกอันแสนสุขและแสนเพอรเฟคของเราสักคน จะงี่เงาไปบางก็ ใหอภัยกันเถอะนะคะ และทุกวันนี้ โลกเราก็ ไม ไดมีแคมนุษยดาวอังคารและดาวพฤหัสซะดวย แต ไมวาคุณจะมาจากดาวดวงไหน แตกตางเทาไหรแตทุกดาวก็ลวนมีความพิเศษในตัวของมัน และเราก็จะอยูรวมโลกกันได อยางสงบสุข ดวยความรัก ความเขาใจ และการใหเกียรติซึ่งกันและกันคะ เจอกันใหมฉบับหนานะคะ ดวยรักและความปรารถนาดี :) 30


สวัสดี

หรรษาภาษามลายู

บทความ : ณ ทรายขาว

กลับมาพบกันอีกเชนเคยนะคะ สำหรับหัวขอเรื่องหรรษาภาษามลายู สำหรับในครั้งนี้เราจะมาเรียนรูเกี่ยวกับคำทักทาย อยางคำวา “สวัสดี” ในภาษามลายูกันคะ สำหรับภาษามลายูนั้นการกลาวคำวา “สวัสดี” หรือการกลาวคำทักทายจะมีการแบงเปนชวงเวลาคลายๆ กันกับภาษา อังกฤษที่จะมีการกลาวทักทายอยางเชน Good Morning ที่แปลวาอรุณสวัสดิ์หรือสวัสดีตอนเชา หรือ Good Afternoon ที่แปลวาสวัสดีตอนกลางวัน เปนตน ในภาษามลายูก็เชนเดียวกันคะ เราจะมีการกลาวคำวาสวัสดีหรือการกลาวทักทายแบง ตามชวงเวลาเชนเดียวกัน ดังนี้

Selamat Pagi Selamat Tengah Hari Selamat Petang Selamat Malam

อานวา เซอลามัต-ปาฆี/ปากี อานวา เซอลามัต-เตองะ-ฮารี อานวา เซอลามัต-เปอตัง อานวา เซอลามัต-มาลัม

แปลวา สวัสดีตอนเชา แปลวา สวัสดีตอนกลางวัน แปลวา สวัสดีตอนเย็น แปลวา สวัสดีตอนกลางคืน/ราตรีสวัสดิ์

เปนยังไงบางคะ สำหรับการกลาวคำทักทายเปนภาษามลายูในครั้งนี้ ไมยากเลยใช ไหมคะ เพื่อนๆ ทุกคนสามารถจดจำ และนำไปใช ในชีวิตประจำวันกับคนใกลชิดหรือคนอื่นๆ ดู เพื่อที่จะชวยพัฒนาภาษาของเราใหดีขึ้นไดอีกดวยคะ แลวเราจะรูวาการเรียนรูภาษาใหมๆ หรือการนำไปใชนั้นเปนสิ่งที่งายดายมาก อีกทั้งยิ่งเราฝกฝนมากขึ้นเทาไหร ก็จะยิ่ง ทำใหเพื่อนๆ เกงมากขึ้นเทานั้น และจะชวยใหพัฒนาไดเร็วขึ้นอีกดวยคะ สุดทายนี้ขอใหทุกคนโชคดี แลวพบกันใหม ในโอกาสหนานะคะ สวัสดีคะ!

31


พื้นที่เล็กๆ

เรื่องและภาพ : nropapin

เมือ่ ดอกไม้มหี ลายสี ฉันเป็นคนบ้าปลูกต้นไม้ดอกไม้ ไว้ ในบ้าน จากหนึ่งเป็นสองเป็นสามสุดท้ายกลายเป็นป่าขนาดย่อมๆ พอมีเวลาว่างๆ ก็มกหมุ่นอยู่ ในมุมป่าเล็กๆ ของตัวเอง มันสร้างๆ สุนทรีย์ ให้ ใจไปอีกแบบ วันดีคืนดีสายตาเหลือบไปเห็นดอกไม้สีบานเย็น ตั้งอยู่ข้างกระถางดอกสีส้ม บางช่อกลายร่างเป็นสีชมพูอมส้ม เหมือนสีพีชแบบที่ชอบ ก็นึกขอบใจ ความมหัศจรรย์ ในธรรมชาติ ที่ช่วยสร้างสีสันให้วันเก่าๆ ดูใหม่ คิดไปแล้วดอกไม้ก็เหมือนคนเรา..แม้มีเพียงชาย หญิง ในเริ่มต้น ต่อมา..สังคมเกิดความหลายหลายทางเพศมากขึ้นเองโดยธรรมชาติ เป็นความผิดของดอกไม้หรือไม่ ที่ดอกไม้เกิดมามีสีสันที่แตกต่างไปจากเดิม เราจ�ำเป็นต้องตัดสินใจ ตัดกิ่งมีสีแปลกประหลาดทิ้งออกไปจากต้นรึเปล่า ส�ำหรับฉัน..แค่เปิดใจยอมรับความแตกต่าง จากนั้น..ฉันก็ ได้มีความสุขกับการเห็นความสวยงามดอกไม้ที่เติมโตไปในแบบที่มันเป็น อย่างสบายใจ

32


A Picture I Draw ภาพ : เงาเมฆ

shine your charm

like a PEACOCK

33


ชวนเธอไป



Next issue > > >

O-N l 04 2014 DECEMBER เร็วๆ นี้ :)


ภาพ : 9chaballoon



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.