one year o-n | A Short Story I Write

Page 1

one year o-n

A Short Story I Write เรื่อง : นิรัติศัย บุญจันทร์

ภาพ : Kamonnut Kamda

{ September 2014 - August 2015 }


one year o-n

[ one year o-n ] คือ โปรเจกต์เล็กๆ ที่รวบรวมเนื้อหาแต่ละคอลัมน์ของนิตยสาร o-n ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาให้มาอยู่ ในที่แห่งเดียวกัน


A Short Story I Write คือ คอลัมน์เรื่องสั้นสะท้อนสังคม เสนอให้เห็นเรื่องส�ำคัญใกล้ตัว ที่เรามักมองข้ามกันไป


ที่มา : O-N issue 01 | เราไม่ ใช่คนกู้ โลก


ไม่เหมือนเดิม

ทุ

ก วิ น าที ที่ เ ริ่ ม มี ค วามรู้ และ ความคิด ความสงสัยก็จะตามมาเสมอ “เกิ ด มาท�ำไม?” “ประสบความส�ำเร็ จคืออะไร?” ไม่ ว่าจะรื อ้ สมองก็แล้ ว ถกเครี ยดเซลล์ทกุ อณูก็ แล้ ว มันก็ไม่มีค�ำตอบที่ต้องการ มีแต่คำ� บาง ค�ำทีป่ ลอบใจว่า ไม่นานหรอก เดีย๋ วก็ร้ ูนา่ อย่า เครี ยดไปเลย ในวัยหนุม่ ทีเ่ ต็มไปด้ วยไฟของความ ปรารถนาที่จะเป็ น “เฮ้ ย ผมท�ำได้ เรื่ องง่ายๆ” “ผมเจ๋ง ผมติสท์” “ผมเก่ง ผมเด็กแนว” ตัวตน ทีแ่ สดงออกด้ วยท่าทีขบถน้ อยๆ ทีต่ ้ อยต�ำ่ เป็ น ขบถวัยเยาว์ ลุม่ หลงและโง่เขลา มีเรื่ องเล่าอยู่ เรื่ องหนึ่งในหลายๆ เรื่ องที่น่าสนใจ มันมีอยู่ ว่า… ผมสร้ างเรื่ อ งที่ ใ ครก็ คิ ด ว่ า ดี แ ละ ใครๆ ก็คดิ ว่ามันเลวขึ ้นมา ผมเดินเข้ าไปในป่ า หลบหนี และพบกับมิตรสหายที่นนั่ เวลาผ่าน ไปหกปี ท่ามกลางป่ าเขาและกลิ่นเหม็นเขียว จากรู ปในความทรงจ�ำ บ้ านของผมนัน้ ไม่มี ไฟฟ้า มีก็แต่บอ่ บาดาลเล็กๆ พื ้นดินและควัน ถ่านไม้ วินาทีนี ้ผมเหยียบอยู่บนพื ้นปูน สาย ไฟห้ อยผ่านหัว หลังคามีจานดาวเทียม นี่กเ็ ช้ า ตรู่ แสงสว่างของพระอาทิตย์มาพร้ อมกับแสง สว่างภายในใจ เพราะผมรู้ ว่า ถ้ าผมไม่ได้

เปลีย่ นแปลงความคิดคนในวันนัน ้ ทุกๆ อย่าง ก็เปลี่ยนไปตามครรลองของมันอยู่ดี เพราะ ฉะนันผมจึ ้ งไม่ตงค� ั ้ ำถามว่า “เกิดมาท�ำไม?” ตอนนี ้เดีย๋ วนี ้ก็ตดั “ท�ำไม?” ทิ ้ง เหลือแค่ “เกิด มา” ไม่มีท�ำไม ร่ างกายของผมเริ่ มเหี่ยวเฉา แล้ ว และมีลกู ชายที่คดิ เหมือนผมเมื่อครัน้ วัย เยาว์ “เกิดมาท�ำไม?” แต่สดุ ท้ ายเขาก็จะเหลือ แค่ประโยคที่วา่ “ก็แค่เกิดมา” โลกไม่เคยหมุนรอบใครคนหนึง่ มัน หมุนรอบทุกสิง่ แล้ วเวลาก็คอ่ ยๆ กัดเซาะวัย เยาว์ไปทุกที นัน่ หมายถึงความฝั นอันแรกใน ชีวิตก็จะเลือนลางจนจ�ำไม่ได้ ในที่สดุ 20 ปี ก่ อ น “หนูอ ยากเป็ นนัก บิ น อวกาศค่ะ” ตอนนี ้ “ก็เป็ นพนักงานบริ ษัทแถวๆ อโศกนี่แหละ เออๆ ฉันพอแค่นี ้แหละเธอ” 10 ปี ก่อน “ผมอยากเป็ นนักบอลทีม ชาติครับ” ตอนนี ้ “อ๋อ ผมท� ำอยู่นี่ไง บริ ษัท ญี่ ปนุ่ แถวๆ สุขมุ วิทน่ะ ท�ำพวกเอกสารน่ะ ครับ” 5 ปี กอ่ น “หนูอยากเป็ นโคโยตี ้ค่ะ หนู ชอบเต้ น”


ตอนนี ้“หนูเป็ นโคโยตี ้ประจ�ำแถวรัช ดาค่ะ งานนอกก็พวกมอร์ เตอร์ โชว์อะไรเงี ้ย” ความฝั น และจินตนาการในวัยเด็ก อาจจะเกิดขึ ้นด้ วยความบริสทุ ธิ์ ก็พวกเราเพิง่ ลืมตาดูโลกได้ ไม่นาน ความเลวร้ ายยังไม่เผย ตัวตนทีแ่ ท้ จริง แต่แล้ วก็ดนั มีคนกลุม่ หนึง่ อาจ จะเรี ยกได้ วา่ เป็ นคนปกติที่ไม่ปกติ เขาไม่ต้อง แต่งตัวเด็กแนว ไม่ต้องขอเงินพ่อซื ้อกางเกง ยีนส์ญี่ปนแต่ ุ่ ปากบอกรักประเทศชาติ ความ คิดของพวกเขาก้ าวไกลเกินวัยอันควร เขาไม่ ต้ องการอะไร ขอแค่หนังสือกองมหึมาและ เวลาที่เดินช้ าลง ไม่มีค�ำถามว่า “ท�ำอะไร?” มี อย่างเดียวคือ “ท�ำ” ไม่เอาเวลาชีวิตอันสัน้ กระจิริดไปทิ ้งขว้ าง แล้ วตอนอายุยสี่ บิ เขาก็เริ่ม ได้ กลิ่นของทางเดินตัวเอง และรู้ ทนั ทีว่ามัน เหม็นอับและขรุ ขระขนาดไหน มันต้ องชโลม ไปด้ วยเหงื่อหรื อสายเลือดของความพยายาม แน่นอน เขาสูดหายใจลึก ลึกอีกจนดวงตา เกร็ งสัน่ มือก�ำแน่น สุดท้ ายเขาวิ่งไปบนถนน สายนัน้ วิ่งด้ วยความมัน่ ใจ วิ่งเร็ วขึ ้น และเร็ว ขึ ้น น� ้ำตาไหลคล้ ายเม็ดฝนด้ วยความเจ็บปวด จิตใจถูกเสียดสีด้วยค�ำพูดถากถางยิ่งกว่ามีด คม เขาไม่มีวินาทีที่หยุดวิ่ง เขามีขาที่แข็งแรง จิตใจที่แข็งกร้ าว แสงสว่างจากปากทางก็เริ่ ม ร� ำไรใกล้ เข้ ามาทุกที เขาไม่กลัวที่จะพบกับ แสงสว่ า งท่ า มกลางความมื ด มน ทัน ใดที่ ร่างกายและจิตใจกระโจนเข้ าในแสงนัน้ ก็เจอ กับหุบเหวที่ลกึ และชัน เขาทังหวาดเสี ้ ยวและ เป็ นกังวล ตัวเขาหลุดออกมาจากถนนลูกรัง ทั ง้ เหนื่ อ ยล้ าและยากเย็ น เขาลอยอยู่ ท่ามกลางเหวลึก เขาไม่กลัวอะไรอีกต่อไป เพราะรู้ตวั อีกทีเขาก็บนิ ได้ เสียแล้ ว

“ฉันอยากบินได้ ตอนนีฉ้ ันเหนื่อย มาก นายบอกฉันทีได้ ไหม?” เด็กแนวหลายคน ถามเขาแบบนัน ้ “นายเคยสับขาวิ่งให้ เร็ วจนตัวนาย ลอยขึ ้นหรื อเปล่าล่ะ?” เขาตอบ

...

“ตื่นๆ ตื่นได้ แล้ ว นี่มนั กี่โมงกี่ยาม แล้ ว วันนี ้มีเรี ยนไม่ใช่หรื อไง!” แม่ปลุกผมตืน่ จากฝั นอันสับสน เมือ่ ออกซิเจนผ่านเข้ าปอดมากเท่าไรความฝั นก็ เลือนหายไปเท่านัน้ นี่คือเช้ าวันจันทร์ ในฤดู ร้ อนที่มีเสียงนก ลม และแสงแดด เป็ นสาม ประสานในแนวรุ กตัวเด่นของฤดูนี ้ ความฝั น ได้ หายไปจากภาพสมองเสียแล้ ว เหลือเพียง ความรู้สกึ โล่งสบาย เพราะโลกไม่ได้ เป็ นของ เราอีกต่อไป ยิ่งเราเรี ยนรู้ เพื่อค้ นหาค�ำตอบ เกีย่ วกับความเป็ นไปมากเท่าไร ทิฐิตวั ตนก็เริ่ม บดบังความจริ งมากเท่านัน้ มันเป็ นหายนะ ของคนร่ วมสมัยที่มวั แต่นงั่ จับผิดคนอื่น สน เรื่ องของคนอื่น เล่นมือถือไปวันๆ จนไม่ท�ำ อะไร มันเอาเวลาชีวติ ไปเท่าไร เอาเวลาที่จ้อง มองดวงดาวพราวแสงไปกี่หน เอาเวลาสบตา พ่อแม่ไปแค่ไหน เมื่อวานนี ้ผมก็เคยเป็ นแบบ นัน้ แต่เพราะอะไรบางอย่าง ท�ำไมวันนี ้กลับ โล่งโปร่ งสบาย รอยยิ ้มของผมได้ แบ่งปั นกับ คนรอบข้ าง ทันใดนันน� ้ ้ำตาผมก็ไหลพรากทะลุ ออกมายังความจริ ง ผมคิดถึงแม่ แม่ผมถูกรถ ชนหลายปี แล้ ว ผมฝั นเรื่องเก่าๆ มันไม่เคยจาก


ไปไหน เช้ าวันนันก่ ้ อนผมออกไปเรี ยน แม่มา ปลุกผม มันเป็ นครัง้ สุดท้ ายที่ได้ ยินเสียงของ เขา ผมอยากจะบอกนักศึกษาในที่นี ้เลย ถ้ า อยากจะเจ๋ง อยากจะแน่ นายต้ องท�ำตัวให้ เล็ก ที่ สุด โลกมัน ไม่เ คยหมุน รอบนายคนเดี ย ว หรอก มันไม่ใช่วา่ คนนึงได้ เงินเดือนสามแสน และจะเป็ นพระเจ้ า กับอีกคนเงินเดือนหมื่น สองแต่ให้ ข้าวหมาแมวกิน คิดดูดีๆ ว่าคนไหน มันมีคา่ มากกว่ากัน คุณค่าของเราน่ะ มันไม่ เกี่ยวทีเ่ งินหรอก มันอยูท่ เี่ ราจะแบ่งปั นอะไรให้ คนอืน่ ให้ สงั คมเรา ให้ ประเทศเราดีขึ ้น นายไม่ ต้ องรอให้ คนอืน่ เปิ ดทางหรอก ท�ำเลย เดินออก ไปจากหอประชุม นายยิ ้มให้ ยามเลย ยิ ้มให้ ขอทาน คนขับรถเมล์เลย ไม่ต้องคิดว่าเจ๋ง แน่ พวกนันมั ้ นขี ้ขลาด ที่ต้องเอามือถือมาปกปิ ด จุดอ่อนตัวเอง มันไม่กล้ ามองหน้ าคน ใช้ ชีวิต อยูก่ บั เปลือกน้ อยๆ ทีง่ ดงาม ไม่นานมันก็หลุด ก็ร่วง “และพอรู้ตวั อีกที เอ้ า! สามสิบกว่า แล้ วว่ะ ยังไม่ได้ ท�ำอะไรเลย เอ๋...มันติดอยู่ที่ ปากเนี่ย อืม...ความฝั นของฉันคืออะไรกัน นะ...นักศึกษาจ�ำไว้ นะครับ เมือ่ สิบปี กอ่ นทีผ่ ม ฝั นและแม่ผมตาย ชีวิตไม่เคยเหมือนเดิมอีก เลย ถ้ าอยากบิน นายต้ องวิ่งให้ เร็ ว วิ่งแล้ ว วิ่ง อีก ให้ เกียรติคน ท�ำตัวให้ เล็ก สักวันนายก็จะ บินได้ แล้ ววันนันความคิ ้ ดจะไม่เหมือนเดิมอีก ต่อไป” เสียงปรบมือดังขึ ้น ไฟเปิ ดสว่าง การ แบ่งปั นของผมได้ จบไปอีกครัง้ หนึง่ แล้ ว


ที่มา : O-N issue 02 | ส�ำรวจความคิดผ่านการเดินทาง


สะพานคู่ขนาน

านมาแล้ วกับรองเท้ าผ้ าใบสี ขาว จะว่าไปมันเคยเป็ นสีขาว แต่ตอนนี ้จะไม่ เป็ นสีขาวอีก รอยพื ้นยางเก่าจนแข็ง ดอกยาง สึ ก กั บ คราบโคลนแห้ งเกาะรอบพื น้ ยาง รองเท้ าคูเ่ ก่า แต่มนั ไม่ครบคูเ่ พราะอีกข้ างหนึง่ ของมันที่เป็ นรองเท้ าหนังกลับขาดเปื่ อยจน เกล็ดหนังฟูลอก นิ ้วโป้งชรานัน่ ก็เผยอออกมา หน้ าตาเฉย รองเท้ าเดสเซิร์ทส้ นหนาทีเ่ คยเป็ น ไม้ ทุกอย่างหลุดลุย่ บนเท้ าทังสองของชายผู ้ ้ นี ้ ใบหน้ าไม่ ต่ า งอะไรกั บ รองเท้ านั่ น มั น แสดงออกถึงความยุง่ เหยิงและสงบนิ่ง ความ สุขและความเศร้ า ความหวังและไร้ ความหวัง ความรู้สกึ สองอย่างเท่าๆ กันในเรื อนร่างที่ห้ มุ ด้ วยเสื ้อเชิ ้ตสีน� ้ำเงินที่แทรกด้ วยคราบด�ำ กาง เกงสแล็คยับยูย่ ี่สอี ย่างกับคลองแสนแสบ เขา เป็ นชายไร้ บ้าน ที่บางคนเรี ยกว่าจรจัด มันนานมาแล้ วที่ชายชราได้ เอาใต้ สะพานประสานมิ ต รเป็ นที่ อ ยู่อ าศัย (เป็ น สะพานข้ ามคลองแสนแสบถนนอโศก) ที่นนั่ มืด ชื ้นและเงียบสงบ ขณะหนุ่มสาวออฟฟิ ศ เดินกันน่องแข็งอยูไ่ ม่เกินร้ อยก้ าว มันเป็ นที่ที่ ไม่มใี ครอยากมา และอยากรับรู้วา่ มันมันมีจริง บนโลก ชายชรามี เพื่ อนร่ วมทางอี กคนซึ่ง เป็ นหนุม่ ทีแ่ ต่งตัวเป็ นหญิง มันต่างกับตุ๊ดแต๋ว

กะเทยแรดตรงที่วา่ เขาเสียสติ ฤดูหนาวที่เข้ ามาแผ่ไอเย็นไปรอบ เคลือบไปทังผิ ้ วน� ้ำคลองจนเป็ นไอหมอกขาว โพลน เวลาด�ำเนินไป ไม่มีมนุษย์ตนไหนจะรู้ ว่ า ไอ้ ใ ต้ ส ะพานที่ เ ราเหยี ย บมี ม นุษ ย์ พัน ธุ์ เดียวกันนอนกอดกองหนังสือพิมพ์ฟรี ก๊อปปี ้ แถมยังขยุ้มเป็ นก้ อนยัดไว้ ในเสื ้อ ชายชรากับ ชายเสียสติ อยู่กบั คนละฟากตอม่อประหนึ่ง แบ่งเขตการปกครองไว้ แล้ ว

“ไม่มีเพื่อนเหรอ” ชายเสียสติถาม

“ไม่ละ่ ฉันไม่อยากมี” ชายชราตอบ

“แล้ วเมียละ”

ชายชราสัน่ หัว ความเงียบและความ หนาวเหน็บเข้ าปกคลุมครู่หนึง่ ไง”

“หนูอยากรู้ ว่าไอ้ ข้างบนนัน้ เป็ นยัง

“นัน่ มันนรก”

ชายเสียสติไม่เข้ าใจ

“ฉันเคยอยูบ่ นนัน้ อยูม่ านานจนเบือ่ ฉันไม่ได้ อยากจะหาความส�ำเร็ จ เงิน หรื อ ต�ำแหน่งบ้ าๆ นัน่ ฉันแค่อยากอยูใ่ นที่เงียบๆ แล้ วมองดูคนข้ างบนนันด้ ้ วยความเวทนาแค่


นันเอง” ้ “แล้ วถ้ ามันไม่ดี ท�ำไมคนถึงอยู่กนั เยอะแยะล่ะลุง” ชายเสียสติสงสัย “เอ็งลองไปเทีย่ วบนนันสั ้ กวันสองวัน สิ...นี่มนั ก็เกือบบ่ายแล้ วนะ นายถามจนเลย เวลานอนซะแล้ วว่ะ” ชายชราเอี ้ยวตัวนอนริ ม ก�ำแพง ความสงสัยของชายเสียสติยงั กรุ่ น อยู่ในสมอง ตรรกะตื ้นเขินบอกว่าตัวเขาเป็ น เช่นคนธรรมดา เช้ าวันรุ่งขึ ้น เขาใส่ชดุ เดรสสี แดงที่สวยที่สดุ ที่เขามี รองเท้ าแตะช้ างดาว แล้ วลิปสติกสีแดงปาดแหว่งบนริ มฝี ปาก เขา ใช้ ผื น น� ำ้ คลองเป็ นกระจก ผมกระเซิ ง เป็ น สังกะตังเช่นบ๊ อบ มาร์ เลย์ เขายิ ้มกว้ างให้ ชาย ชราผู้หลับใหลก่อนเดินผ่านท่อใหญ่ แล้ วปี น ขึ น้ สะพานด้ า นบน เขาท� ำ เหมื อ นคนต่ า ง จังหวัดทีก่ ำ� ลังไปพารากอน ความรู้สกึ บอกเขา ว่าข้ างหน้ าต้ องงดงาม

...

เนื ้อตัวทีไ่ ม่ได้ โดนน� ้ำสะอาดของเขา ส่งกลิน่ โชยไปทัว่ โลกข้ างบนไม่ต้อนรับความ สวยจากเบื ้องล่าง เขาทักทายกับชายหนึ่งที่ ต้ องตา กระนันทุ ้ กคนเดินถอยหากแล้ วสาป แช่ง “ไอ้ คนบ้ า” “ไม่เอานะอย่ามาใกล้ ลกู ฉัน” เขาเพียงพยายามเป็ นส่วนหนึง่ ของผู้คนด้ าน บน แต่ไม่มีใครตอบรับเขา ชุดแดงอาบด้ วย เหงื่อในฤดูหนาว เนื ้อตัวหมดแรง เขาได้ เพียง คุกเข่าอยูเ่ ชิงสะพาน ไม่อยากกลับไปให้ ชาย ชราซ� ้ำเติมความผิดพลาดที่ท�ำไป

เขานัง่ น� ้ำตาอาบแก้ ม ไม่นานก็มใี คร หลายคนโยนเหรี ยญบาทลงตรงหน้ า เงินไม่มี ค่าอะไรส�ำหรับเขา มันเป็ นการกระหน�ำ่ ซ� ้ำแทง เข้ าขัวจิ ้ ตใจ เขาพาร่างที่หิวโซกับเวลาสองวัน ของความพยายามทีส่ ญ ู เปล่า ทางคูข่ นานของ สะพานคงยากเกินจะเชื่อมถึงกัน การเดินทาง สิ ้นสุดที่ตอม่อเก่าๆ โทรมๆ “เป็ นไงล่ะ ไปเห็นนรกมา” ชายชรา กล่าวทักพลางอ่านหนังสือพิมพ์ปีมะโว้ “หึห”ึ เขาแสร้ งข�ำ แล้ วปล่อยความ บอบช� ้ำผ่านเสียงร้ องไห้ กบั น� ้ำตา ชายชรายิ ้ม แห้ งๆ แล้ วอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ ไม่นานหลัง จากชายผู้เสียสติสร้ างเรื่ อง ริ อ่านขึน้ เทียบ มนุษย์ด้านบน เทศกิจก็เข้ าจับเขา แม้ ดื ้อดึง เพียงใดก็ถกู ระบองทุบจนกล้ ามเนื ้อเขียวเป็ น จ� ้ำ แล้ วร่างหมดสติก็ถกู ลากขึ ้นไปบนสะพาน ไม่ มี ใ ครหรื อสาวออฟฟิ ศสั ก คนสนใจ ใคร่ ครวญ มีก็แต่เสียงพูดเบาๆ กับคนรู้ จัก “จับๆ ไปให้ หมด ไอ้ พวกคนบ้ าพวกนี ้อยูไ่ ปเป็ น ตัวปั ญหาเปล่าๆ” “ดี เทศกิจจะได้ มีงานท�ำ บ้ าง” แก้ วหูลนั่ ดังของชายเสียสติไม่อาจ ฟั งประโยคสุดท้ ายของคนด้ านบน คนเดิน สะพานเดินผ่านเขาประหนึง่ ก้ อนเนื ้อเพื่อเอา ไปท�ำสเต็กซึง่ คงมีคา่ กว่าร่างแทบสิ ้นสตินี ้ ชายชรามี บั ต รประชาชนและ เอกสาร เขาไม่ใช่คนบ้ า เขาเพียงหาความสงบ เท่านัน้ แล้ ววันหนึ่งก็มีชายหนุ่มเสียสติหลง มายังตอม่อสะพานอีกคน


“อยากรู้ นะลุงว่าข้ างบนนันมั ้ นเป็ น ยังไง?” “อยากรู้กไ็ ปดูเองสิ” ชายชราตอบ พร้ อมยิม้ ท้ าทาย


ที่มา : O-N issue 03 | เพราะเราคือเรา


เงาสะท้อน

ลิ่นน� ้ำคลองอัดในจมูก ทะลัก ยังปอดเข้ าสู่กระแสเลือด มันไม่ใช่คลองใส สะอาดที่มองเห็นตัวปลา แต่มนั คือคลองที่น� ้ำ ด�ำเมี่ยม มองลงไปเห็นเพียงเงาสะท้ อนของ ใบหน้ า เช่นกระจกเงาในแสงสลัว อันชื่อว่า “แสนแสบ” “แสนแสบ เธอเห็ น อะไรบ้ า งเล่ า ความทรงจ�ำในเมืองหลวง น�ำ้ ด�ำแห่งนีเ้ ป็ น เช่นไร เจ้ าเล่าให้ ข้าฟั งได้ ไหม?” ผมถามเธอ “บางอย่างฉันก็จ�ำได้ และบางอย่าง ฉันก็จ�ำไม่ได้ หรอก...พ่อคุณ” เธอตอบ น� ้ำเสีย เธอเบื่อหน่าย “งัน้ ! เอาเรื่ องที่เจ้ าเห็นตอนนีส้ ิ... เป็ นไง” ผมดันทุรัง “จะว่าไป...ไม่กี่ปีมานี ้ฉันด�ำทะมึน กว่ายุคก่อนๆ ฉันโดนเรื อลอยบนร่าง น� ้ำในตัว กระเด็นกระจาย กลิ่นควันเป็ นหมอกอาบผิว แต่เรื่ องนันฉั ้ นชินชาแล้ ว จะมีก็แต่! ตึกสูง...ดู มันจะโก้ หรูเสียจริ ง ผิดกับยุคเก่า ฉันว่าไอ้ ตกึ กั บ ถนนนี ล้ ะท� ำ ให้ ฉั น กลายเป็ นคลองที่ ต�่ำต้ อยผิดธรรมดา ดูจะไม่มีมนุษย์เช่นเจ้ ามา ไถ่ถาม ฉันเห็นอยูน่ ะ ไอ้ ป้ายโฆษณานักการ เมืองน่ะ ถ้ าอย่างฉันนี่เรี ยกว่าสะอาดแล้ ว ตัว

เขาคงใช้ ชีวิตโสโครกเลยล่ะ ฝากบอกอะไรไป ถึงพวกมนุษย์สกั นิดได้ ไหม” น� ้ำเสียงเธอเจือ ความโกรธ “ได้ ส!ิ แต่อย่าหวังว่ามนุษย์จะเข้ าใจ สิง่ ที่เจ้ าเล่า เขาทนเหม็นได้ กบั ‘แสนแสบ’ แต่ เขาทนกับความจนไม่ได้ เอ้ า! มีอะไรลองว่า มา” ผมถาม “ทุกวันนี ้เงาสะท้ อนของฉันเห็นเพียง ตึกรามบ้ านช่องใหญ่โต โก้ หรู นานเท่าไร.. ท�ำไมฉันถึงได้ ต�่ำต้ อยเพียงนี ้ ไม่มีใครจะมา ยินดียนิ ร้ ายกับเรือนร่างโสโครกนี่ ฉันเห็นทีเ่ ขา แสดงว่ารักก็มีแต่ลอยกระทง-ลอยกระทงหรื อ ขอบคุณพระแม่คงคาหรื อ ตอแหล! ถ้ ามนุษย์ ใช้ การขอบคุณแบบนัน้ ฉันเองก็คิดว่ามนุษย์ เป็ นสัตว์บาปผุดมาจากขุมนรก เขาขอบคุณ ด้ วยการซ� ้ำเติมหรื อ โลกวิปริ ต! มนุษย์เป็ น ประเสริ ฐที่วิกลจริ ตในด้ านเลวเสียจริ ง ฉันไม่ ต้ องการขอให้ มนุษย์มาสงสารร่างฉันที่ด�ำมะ เมือ่ มทุกเกล็ดน� ้ำหรอก มันคงเป็ นเวรกรรมทีม่ ี อาชีพเป็ นผู้บริ การเช่นนี ้เอง ชาติหน้ าฉันขอ เป็ นมนุษย์ทเี่ ลวระย�ำต�ำ่ สถุลทีส่ ดุ ฉันอยากจะ รู้ นัก ว่ า ความรู้ สึ ก ชาติ ชั่ว เหล่ า นัน้ มัน เป็ น อย่างไร เอาล่ะๆ...พระจันทร์ เริ่ มยลแสงแล้ ว อย่างน้ อยพระจันทร์ ก็เป็ นของฉัน จริ งๆ นะ ไม่มีมนุษย์คนไหนเฝ้ามองดวงจันทร์ ได้ นาน หรอก ดวงจันทร์ คือสิง่ บันเทิงเริ งรมย์ที่พอจะ



จับจ้ องได้ นานเท่านาน นี่ ก็ ย ามวิ ก าลแล้ ว ตอนนี เ้ รื อ ก็ ไม่ แล่นแล้ ว ฉันต้ องกลับไปสู่ภวังค์ แห่งความ เงียบเสียที วันนี โ้ ดนพวกมนุษย์ โหวกเหวก โวยวายเหมือนพวกเดียรัจฉานเสียสติ เชิญ ท่านตามสบาย ลาก่อน ขอบคุณ” เธอระบาย กับผมด้ วยค�ำก่นด่า แสงจันทร์ สะท้ อนแจ่มชัด ดูมนั กลม โตกว่ า ทุ ก วัน ลมเงี ย บสนิ ท ผิ ว น� ำ้ แทบไม่ กระเพือ่ ม คลองซอมซ่อรอแสงอาทิตย์เพือ่ ส่อง สะท้ อนความเจริ ญทางอารยะมนุษย์ น� ้ำสีด�ำ กระทบคฤหาสน์สขี าว ไม่มสี กั ครัง้ ทีค่ วามขาว ของสีบ้านจะมาเจือจุนน� ้ำคล�ำ น� ้ำใจมนุษย์ก็ เหือดแห้ งไปกับแสงอาทิตย์ที่ร้อนแรง ทังแผด ้ เผา แต่กไ็ ม่มสี กั ครัง้ ทีจ่ ะเผาเผ่าโลกีย์ให้ มลาย เอาล่ะคงถึงเวลาที่ผมต้ องไปเดินในนิทราสัก พัก คุณคงคิดว่าผมเป็ นคนเสียสติ แต่ไม่เลย ผมแค่ร้ ูวา่ “แสนแสบ” นันมี ้ ชีวติ เฮ้ ...แล้ วคุณ มีชีวติ หรื อเปล่ า?


ที่มา : O-N issue 04 | จังหวะชีวิตในห้องสมุด


บันได

ะพานลอยสีฟ้าอมเขียวในฤดู ฝนที่น� ้ำเจิ่งตามขันบั ้ นได รองเท้ าที่ย�่ำลงของ หญิ ง สาวนัน้ รวดเร็ ว จนลื ม ละอองโคลนที่ กระเด็นมาติดน่องก็เพราะเมื่อวันก่อนเธอดัน เข้ างานสายไปสิบนาที แล้ วถ้ าวันนี ้เป็ นเหมือน เมื่ อ วาน เงิ น พิ เ ศษสามพั น บาทส� ำ หรั บ พนักงานดีเด่นของสิ ้นเดือนเป็ นอันต้ องชวดไป ฝนเริ่ ม ลงเม็ ด อี ก รอบแล้ ว เธอเร่ ง ฝี เท้ า จน กล้ ามเนื ้อที่นอ่ งปูดโปนบนส้ นสูง หญิงชราก�ำลังลงบันไดของสะพาน ลอยในฤดูร้อน เหงื่อบนหน้ าเธออาบคอจน เป็ นเงาสะท้ อน แล้ วหมวกแก๊ บสีเขียวที่เธอใส่ กับเสื ้อโปโลและกางเกงวอร์ มก็ร้อนอบเพราะ แสงแดด เธอก�ำลังย่างเท้ าลงบันไดเหล็กที่สกึ เพราะถูกเหยียบจนเห็นเห็ลกเงาสีเทา รองเท้ า กีฬาสีขาวค่อยๆ ก้ าวอย่างช้ าๆ ขาทังสองวาง ้ เอือ่ ยลงทีละขันละขั ้ น้ แล้ วรถเมล์ทเ่ี ธอรอก็ดนั มาเทียบท่าตอนถึงขันที ้ ่สี่จากข้ างบน เธอนึก เสียดายไปชัว่ ขณะ แต่ด้วยวัยอันชราจึงไม่อาจ เร่ งความเร็ วของร่ างกายได้ ตามใจหวัง ใน วินาทีตอ่ มาเธอไม่สน จิตใจนิ่งสงบ แล้ วขาทัง้ สองข้ างก็อยูบ่ นบันไดขันที ้ ่สี่ แดดเริ่ มหุบ เธอ เผลอยิ ้มออกมาขณะก�ำลังก้ าวเท้ าขวาลงขัน้ ที่ห้า

ชายหญิ ง คู่ ห นึ่ ง กอดกั น กลมบน บันไดเลื่อนของห้ างสรรพสินค้ า มีอีกสิบเจ็ด คนบนบันไดเลือ่ นเช่นกัน แต่เมื่อนับได้ สบิ เจ็ด คน คนสองคนก็ถงึ ชันที ้ ่ต้องการ และคนสี่คน ก็เดินเข้ าต้ นทาง ทุกอย่างผ่านไปเป็ นวงกลม ไม่มีเหลี่ยมมุมให้ หยุดพัก มนุษย์คนแล้ วคน เล่า ผ่านไปช้ าๆ ทังขึ ้ ้นและลง ปลายเท้ าหยุด นิ่งแต่แววตาเคลื่อนไหวจับจ้ องทุกสรรพสิ่งที่ อยู่ตรงหน้ า แล้ วเขาหรื อเธอก็ถึงปลายบันได แล้ วเดินไปซื ้อของ ห้ องน� ้ำ ร้ านอาหาร หรื อ... เขาหรื อ เธอเคยร้ องไห้ หัว เราะ โกรธแค้ น หรื อ ...และเขาหรื อ เธอเคยกระโดดลงจาก บันไดเลื่อน ลงไปข้ างล่าง หรื อ...

หากมองออกไป

ตีนบันไดทางขึ ้นรถไฟฟ้ามีขอทาน ชายคนหนึ่งขาซ้ ายขาด ข้ างหน้ ามีกระดาษ เป็ นปึ กขนาดเอสี่ที่เต็มไปด้ วยตัวหนังสือ ใน นันเป็ ้ นเนื ้อเพลงบ้ าง มีเรื่ องสันบ้ ้ าง มีความ คับแค้ นทีร่ ะบายเป็ นตัวหนังสือบ้ าง ตอนนี ้เขา ก�ำลังก้ มลงเกือบติดพื ้นระหว่างเขียนเรื่ องราว ชีวติ ได้ หนึง่ บรรทัด ตรงหน้ าของเขามีหนุม่ สาว หญิงชายก็ก�ำลังรี บขึ ้นบันไดรถไฟฟ้า พวกเขา มีต�ำราเรี ยนพิเศษกันคนละเล่มสองเล่ม ช่วง ฤดูกาลเรียนพิเศษเริ่มต้ นขึ ้นเหมือนไม่มวี นั จบ สิ ้น เรื อนร่างปกปิ ดด้ วยเสื ้อผ้ าราคาแพงระยับ ในมือถือโทรศัพท์รุ่นล่าสุด ส่วนสายตาที่มอง



ผ่านแว่นแบรนด์เนม ก�ำลังจ้ องเรื่องราวในโลก ที่ไม่มีวนั จับต้ องได้ ขอทานชายเริ่ มดีใจจนยิ ้ม กรุ้มกริ่ ม ดวงตามองไปยังบันไดที่เต็มไปด้ วย ผู้คน รอยยิ ้มขอทานยังคงอยู่พร้ อมเสียงหัว เราะเบาๆ ในล�ำคอ เขานึกดีใจ... ชายหนุ่ ม เร่ ง ฝี เท้ าขึ น้ บั น ไดโรง พยาบาล หลังได้ รับข่าวร้ ายว่าแม่ก�ำลังป่ วย หนัก นาทีที่ผ่านมาอาการเธอยิ่งทรุ ด ลิฟท์ แน่นไปด้ วยผู้คน ที่สดุ เขาวิ่งถึงชันสิ ้ บห้ าจน หอบจัด ส่วนขานัน้ ไม่อาจเคลื่อนไหวได้ อีก ตะคริ ว วิ่ ง มายัง ต้ น ขาจนต้ อ งล้ ม ตัว ลงยื ด วินาทีนนเองแม่ ั้ เขาก็ตายลงอย่างสงบ เสียง เครื่ องตรวจชีพจรดังยาวดังไปทัว่ ห้ องไอซียู

วิญญาณผู้ตายมองเรื อนร่ างกลายเป็ นเขม่า คนอื่นๆ เงียบสงบ ไม่กี่วนั ต่อมาไม่มีใครจ�ำได้ ว่าเกิดอะไรขึ ้น บันไดศาลาวัดในวันเข้ าพรรษาเนือง แน่นไปด้ วยผู้คน บางคนนึกถึงชีวิตบันปลาย ้ มีหญิ งชรานึกถึงสวรรค์ แม่ชีนึกถึงนิพพาน เด็กชายนึกถึงข้ าวเช้ า หญิงสาวนึกถึงการงาน ของวันพรุ่งนี ้ชายกลางคนนึกถึงลูกชายที่เพิ่ง เข้ าโรงเรี ยน เณรนึกถึงบ้ านอันห่างไกล หลวง พ่อและหลวงพี่นกึ ถึงวัดที่เจริ ญ โจรนึกจะขอ ล้ างบาป มือปื นนึกถึงเหยื่อ หมานึกถึงอาหาร เหลือหลังเพล พระพุทธรูปไม่นกึ ถึงอะไรเลย... ……………………………………………… ………………………………………………

เด็กชายกับทรงผมเกรียนติดหนังหัว ก�ำลังขึ ้นบันไดไม้ ผๆุ ของบ้ าน ฝี เท้ าเร็วรี่ จนไม้ กระดานเก่าลัน่ ดังเอี๊ยดอ๊ าด เด็กชายใช้ มือทัง้ สองช่วยพยุงตัวเหมือนกับแมว ชุดนักเรี ยน เปื อ้ นดินปนเหงื่อ กางเกงนักเรี ยนสีกากีกับ เท้ าเปล่าและดวงตาดูกระหายอะไรบางอย่าง ปนความสงสัยข้ องใจ ทันใดนันเขาได้ ้ ยนิ เสียง แม่ตะโกนทักตอนเกือบถึงประตู มันรวดเร็ว... เหงื่อที่ผดุ บนแก้ มดูไร้ ค่า แล้ วเสียงนันท� ้ ำให้ ดวงตาของเด็กชายเปลี่ยนเป็ นสดใสขึ ้นมา... ความคิดใต้ เปลือกตาของชายหนุม่

สะพานลอยสี ฟ้ าอมเขี ย วในฤดู หนาว ชายชรา หญิ งสาว และเด็กนักเรี ยน พวกเขาก�ำลังเดินลงจากบันได เวลาเกือบทุม่ ตรง ลมหนาวพัดและผ่านไป คนทังสามเดิ ้ น ลงไปแล้ ว แต่ยงั มีชายชรา หญิงสาว และเด็ก นักเรี ยนกลุม่ ใหม่เข้ ามาร่ วมวงเวียนบันไดอยู่ ชายชราดวงตามองตรงยังปลายเท้ า หญิงสาว มองบ้ านทีไ่ กลออกไป และเด็กนักเรียนมองฟ้า สีครามกับดวงจันทร์ ที่เริ่ มเปล่งประกาย

บันไดเมรุเผาศพ มีญาติ เพื่อน และ ลูก ทยอยเดิน ไปวางดอกไม้ จันทน์ ลูก ชาย น� ้ำตานองหน้ า ส่วนเพื่อนเงียบขรึ ม มีหลาย คนหัวเราะคิกคัก แล้ วเสียงสัญญาณก็ดงั ขึ ้น ไม่กี่วินาที มีกลุม่ ควันลอยออกจากปล่องเมรุ


ที่มา : O-N issue 05 | ไปดีมาดี


ซอยกลาง

รื่ องแปลกมักเกิ ดขึน้ กับผม เสมอ-เหมื อ นกั บ วั น นี ซ้ ึ่ ง ผมรู้ สึ ก ถึ ง รั ง สี ความเครี ยดจากซอยกลางที่มีชายคนหนึง่ นัง่ คุดคู้อยู่ตรงที่วา่ งบนพื ้น มือของเขาก�ำลังกุม หน้ าผาก เสียงถอนหายใจดังหลายครัง้ ก่อน ผมจะสังเกตเห็นเครื่องแต่งกายทีไ่ ม่เหมาะกับ อากาศอันร้ อนอบของเดือนเมษายน สูทสีดำ� ทับเสื ้อเชิ ้ตสีฟ้ากับกางเกงสแล็คและเนคไทสี แดงที่ มี เ ข็ ม กลัด สี ท องลอกๆ ติ ด อยู่ ส่ ว น รองเท้ าหนังพลาสติกเงาวับที่เริ่ มมีรอยแตก ของหน้ าเท้ าทังส้ ้ นยางพาราก็สกึ ไปประมาณ ครึ่งนิ ้ว เปลวแดดกระทบผมสีด�ำปนหงอกอัน ไร้ ประกายจนถึงผิวหนังสีแดงพร้ อมรู ขุมขน กว้ างของมือจนเป็ นเหมือนผื่นผิวหนัง ในเล็บ ยังมีขี ้เล็บด�ำที่เขาเพิ่งถูขี ้ไคลตอนมานัง่ ตรงนี ้ ได้ ไม่นาน ตาขาวเป็ นสีชมพูส่วนตาด�ำข้ าง หนึ่งเป็ นต้ อหินสีขาวขุ่นอยู่กลางตาด� ำด้ าน ขวา ดวงตาข้ างนี ้ไม่ตา่ งอะไรกับคนทีต่ ายแล้ ว แต่ ยัง ดี ที่ ต าอี ก ข้ างยัง เป็ นปกติ ลัก ษณะ ท่าทางจวบจนภาษากายช่างล่อความสนใจ ของผมจนลืมกล่องกระดาษสีขาว...จะว่าไปก็ มีสฟี ้ าพาดเป็ นทางยาวด้ วย ใครๆก็ร้ ูวา่ เขาคือ พนักงานขายเครื่องกรองน� ้ำ ซึง่ บ้ านของผมดืม่ น�ำ้ ต้ ม... ผมเริ่ มเห็นการเคลื่อนไหวเมื่อเขา หยิบกระดาษแล้ วเอาปากกามาจดอะไรบาง อย่าง ในคราวเดียวกันเขาก็เอาบุหรี่ มายัด

ปากแล้ วจุดไม้ ขดี ทีเ่ หลือไม่มากด้ วยข้ างกล่อง ควันพิษสีขาวไล่นกตัวอ้ วนไป จนเขาดูจะผ่อน คลายขึ ้นเล็กน้ อยขณะเปลวควันลอยไปตาม ลม แล้ วอยูๆ่ รังสีความเครี ยดที่ระอุได้ เปลีย่ น เป็ นรังสีความเศร้ าอย่างกะทันหัน เขาก�ำลัง เศร้ าเรื่ องอะไรบางอย่างจนกระดาษตรงหน้ า ไร้ คา่ ในทันที เขาถอนหายใจอีกครัง้ ก่อนควัก กระเป๋ าตังค์หนังปลอมขาดๆ แล้ วเปิ ดดูรูป อะไรบางอย่าง... เขาพูดกับรู ปภาพเบาๆ จนผมไม่ ได้ ยิน แต่เมื่อเขาขยับตัวผมก็เห็นรูปเด็กชาย คนหนึ่งก� ำ ลัง ชูสองนิ ว้ รอยยิ ม้ นัน้ ไม่มี รั ง สี ความเครี ยดใดๆ ซึมเข้ าได้ ความเยาว์ช่าง สวยงามในสายตาของเขา “นาฬิกาลูกน่ะ คงอีกสักเดือนนะ” เสียงแหบต�่ำเปล่งในคอ ใบหน้ าของเขาเริ่ ม แดงขึ น้ หลั ง ประโยคนัน้ น� ำ้ ตาคลอบางๆ ในเปลือกตา ก่อนเขาจะรี บเก็บกระเป๋ าสตางค์เข้ ากระเป๋ า กางเกง วันนี ้ดูจะส�ำคัญส�ำหรับเขา ผิดกับผม ที่ก�ำลังปั่ นจักรยานฝ่ าไอแดดไปซื ้อส้ มต�ำ กับ ลาบปลาดุก ตอนนันความหิ ้ วของผมถูกแทนที่ ด้ วยความรู้สกึ ปวดหนึบตรงท้ ายทอย จนผม ตัดสินใจจอดรถอยูต่ รงปากซอยเพือ่ ให้ รับรังสี ได้ ชดั เจน แล้ วตอนนี ้เขาเริ่มนิง่ ไปครู่หนึง่ ก่อน จะจินตนาการถึงเงินล้ านที่ถูกโอนเข้ าบัญชี



ใช่ ! มั น ไม่ เ ป็ นความจริ ง แต่ ย าที่ ร ะงั บ ความเครี ยดได้ ก็เห็นจะมีแต่จนิ ตนาการที่เต็ม ไปด้ ว ยอุด มคติ เ ท่ า นัน้ เขาก� ำ ลัง จะไปซื อ้ เสื ้อผ้ าชุดใหม่ ซึง่ ยี่ห้อที่ดีที่สดุ ที่เขารู้จกั เป็ น ยีห่ ้ อทัว่ ไปส�ำหรับพนักงานออฟฟิ ศ แม้ แต่บาง คนก็มองเป็ นยีห่ ้ อเกรดรอง เสื ้อเชิ ้ตผ้ าลินนิ ถูก สวมบนร่ าง กางเกงสแล็คสีด�ำลายทางดูจะ เหมาะเหม็งกับรองเท้ าหนังวัวขัดเงาส้ นไม้ เขา บรรจงเดินเตะเท้ าในห้ วงจินตนาการ ก่อน หยุดซื ้อนาฬกิ าข้ อมือ เขาบรรจงบอกกับบริกร ว่า “เอารุ่นที่มีไฟนะ” จากนันก็ ้ จงู มือลูกที่เพิ่ง ิ ถูกสร้ างขึ ้นในฉากซื ้อนาฬกา เดี๋ยวก่อน! เขา ก�ำลังคิดถึงงานศพใครสักคนหนึ่ง รู ปผู้หญิง หน้ างานคงเป็ นเมียของเขา รังสีความเครี ยด ปนความเศร้ าขันรุ ้ นแรงแผ่มายังผม จนรู้ สกึ ผะอืดผะอม เขาเริ่ มร้ องไห้ อีกครัง้ และไม่นาน ภาพงานศพก็กลายเป็ นร้ านสเต๊ ก เขาพาลูก มายังร้ านที่ดที ี่สดุ ก่อนสัง่ ทีโบนสเต๊ กกับเบียร์ เย็นๆ สักขวด เขาเอานาฬิกาที่เตรี ยมไว้ เป็ น ของขวัญส�ำหรับลูกชายมาในกล่องกะทัดรัด ห่ อ ด้ ว ยกระดาษห่ อ ของขวัญ ที่ แ นบการ์ ด อวยพร ข้ างในนันมี ้ ข้อความง่ายๆ แต่แทงใจ ด�ำอยู่ “สุขสันวันเกิดนะลูก เรี ยนเก่งๆ นะ” เขา เขียนผิดอยู่บางตัว แต่นนั่ ก็ไม่ได้ ท�ำให้ ความ หมายเปลี่ ย น ในอกของผมเริ่ ม จุก ไปด้ ว ย ความขัดแย้ งระหว่างความจริ งกับความฝั น ผมยินดีกบั อาหารเต็มมื ้อพร้ อมเครื่องดืม่ และ ของขวัญที่ให้ กบั ลูก แต่ผมรู้สกึ กลัวเมื่อความ คิ ด ที่ โ ลดโผนท่า มกลางอุด มคติ จ ะหวนคื น ความจริ ง ผมแทบไม่กล้ าคิดเลยว่าความรู้สกึ นันจะเต็ ้ มไปด้ วยความขัดแย้ ง ภายในใจคง ระทมทุกข์เพราะเศษเสี ้ยวอุดมคติเกิดปะทะ

ความจริงทีร่ ายล้ อมตัวอยูแ่ น่ๆ แต่จนิ ตนาการ ช่างโหดร้ ายเหลือเกินทีด่ งึ ความคิดของเขาจน ถล�ำลึกไปถึงซื ้อรถ ซื ้อบ้ าน แม้ แต่ศรี ภรรยาที่ ฟื น้ คืนชีพกลับมาเคียงข้ าง เป็ นครอบครั ว แสนสุข หรือดวงตาทีเ่ ป็ นปกติ ทุกอย่างเกิดขึ ้น ได้ ณ ใต้ เปลือกตามนุษย์เสมอ ความคิดชัว่ วูบถึงขันลาออก ้ เริ่ มเป็ นผลกระทบจากความ จริ ง แต่มีบางอย่างที่ผมคิดผิด วินาทีนี ้รังสีความเครี ยดถูกดูดกลับ ไปหาตัวเขา ขณะมือรี บหยิบกระดาษเก็บใน กระเป๋ า เขาลุกขึ ้นยืน พลางปั ดฝุ่ นที่บนท้ ั ้ าย ออก แสงแดดสาดตรงหน้ าพอดี แววตานี ้ไม่ เหมือนกับแววตาที่เคยมีน�ำ้ ตาเมื่อนาทีก่อน เขารับมือกับความจริงและความฝั นได้ ดเี หลือ เชื่อ เขาเริ่ มเดินเข้ าไปยังหมู่บ้าน ปล่อยให้ เสื ้อผ้ าชุดใหม่ นาฬิกาข้ อมือ สเต๊ กกับเบียร์ และภรรยาอยู่เบื ้องหลัง ระหว่ างที่เดินเข้ า ซอยเขาก็ตะโกนค�ำเดิมๆ วนไปวนมา ซ�ำ้ แล้ วซ�ำ้ อีก


ที่มา : O-N issue 06 | with love, girl band, you rock!


ทำ�ไม

มเกิดความสงสัยถึงเข็มวินาที ที่ขยับ ติ๊ก ติก๊ และเข็มนาทีที่เคลื่อนตามช้ าๆ จนตัวเลขผ่านไปหนึง่ หรื อสองล�ำดับ ซึง่ ความ คิดในตอนนัน...ถ้ ้ าผมถอดถ่านเอเอออกแล้ ว เวลาจะหยุดเดินไปด้ วยหรื อเปล่า แน่ละ มัน ยังเดินต่อแล้ วถ้ าผมถอดถ่านเสร็จเวลาเดินต่อ ไปเหมือนเดิม แล้ วเวลายังเดินเป็ นวินาทีหรื อ ชัว่ โมงตามที่กลไกเข็มก�ำกับใช่ไหม? แล้ วถ้ า ไม่ใช่เรียกเป็ นวินาทีกบั ชัว่ โมง เวลาจะเรียกว่า อะไรกันแน่ ใช่ละ! มันเป็ นค�ำถามบ้ าบอทีม่ ตี อ่ เข็มของนาฬิกาเพราะดันเกิดขึ ้นกับสมองผม แต่ท้ายที่สดุ ค�ำถามเหล่านันก็ ้ พลันหายวับไป เพราะเสียง กริ๊ งๆ ของกริ่ ง ใครสักคนยืนกลางแดดอยูห่ น้ าบ้ าน เมื่อผมมองลอดกระจกผ่านเหล็กดัดและมุ้ง ลวด จึงเห็นเงาด�ำๆ เพราะย้ อนแสง สรี ระเป็ น ชายรู ป ร่ า งสู ง โปร่ ง ขณะที่ ผ มลุ ก ขึ น้ เพื่ อ ต้ อนรับ ดวงตาได้ แลเห็นเสื ้อยืดสีขาวกับกาง เกงยีนส์สีครามซีดๆ

ผมรั บ ของโดยไม่ มี ก ารเซ็ น รั บ ค�ำถามในสมองเริ่ มก่อตัว แต่มนั ก็ช้ากว่าชาย คนนันที ้ เ่ ดินขึ ้นมอเตอร์ ไซค์ขบั ออกไปเสียแล้ ว กล่องกระดาษลังสีน� ้ำตาลทือ่ ๆ ด้ าน บนไร้ ผู้ ส่ ง หรื อ ที่ ม าของการจั ด ส่ ง มี ก็ แ ต่ กระดาษรี ยสู สีขาวที่เขียน “แด่คณ ุ .......” ปิ ด ไว้ ด้านบน เขาคงจะรู้ จกั ผมละ แต่...ผมคิด เท่าไรก็ไม่เห็นจะมีใครพิศวาสจนต้ องส่งของ มาให้ ถงึ บ้ าน ก็ผมมันไม่มีเพือ่ นสนิท และไม่มี ญาติที่ชิดเชื ้อกันขนาดนัน้ ผมวางกล่องบนโต๊ ะ และลุกไปชง กาแฟส�ำเร็ จรู ป ระหว่างถื อแก้ วที่มีควันกับ กลิ่นโชยคลุ้ง ผมก็ไปปิ ดทีวีระหว่างรายการ วิเคราะห์ห้ นุ ซึง่ มีตวั เลขสีเขียวกับแดงสลับไป มาเหมือนรหัสลับ ตอนนีบ้ ้ านมีเพียงความ เงียบกับเสียงเข็มนาฬิกาที่มีควอทซ์เป็ นตัว ก�ำเนิด และผมมองกล่องนัน้

“มีของมาส่งครับ” เขากล่าวขณะที่ ผมเดินเกือบถึงรัว้

บางทีอาจจะเป็ นของคนอื่นก็ได้ แต่ ก็มีชื่อก�ำกับ และดูคนส่งท่าทางมัน่ อกมัน่ ใจ เพราะรีบขับรถออกไปโดยไม่สนว่าเขาเองอาจ จะส่งผิด ผมจึงใช้ เล็บที่เพิ่งกัดจนเป็ นหยัก คมๆ กรี ดลงบนเทปใสจนขาดเป็ นแนว

“ครับ” ผมตอบไปส่งๆ แต่หลังจาก นันก็ ้ ร้ ูสกึ ทะแม่งๆ เพราะเครื่องแบบและบุคลิก ไม่มีเค้ าว่าจะเป็ นพนักงานของบริ ษัทส่งของ

ข้ างในมีแผ่นกันกระแทกอีกชันก่ ้ อน จะมีกล่องเล็กๆ อีกใบเป็ นสีขาว รูปทรงมันไม่ ต่างอะไรกับกล่องบรรจุนี่เลย แต่ผมก็พอจะ


ได้ ยินเสียงอะไรบางอยากจากข้ างใน มันเป็ น เสียงที่ค้ นุ เคย นาฬิกา!

ผมไม่เข้ าใจ... และยิ่งไม่เข้ าใจยิ่ง กว่าเมื่อจ้ องมองนาฬิกานัน่ ทุกอย่างมันขัด แย้ งกันระหว่างค�ำถามว่า “เขาคือใคร?” ท�ำให้ มันเป็ นนาฬกิ าปลุกทรงโบราณทีม่ หี ู ผมกลัวแปลกๆ เหล็ก สองข้ า งและมี ก้ า นไว้ ตี ไ ปตี ม าเมื่ อ ถึง เวลาปลุก ผมเองก็ไม่คอ่ ยช�ำนาญเรื่ องนี ้เท่าไร แก้ วกาแฟทีป่ กติดมื่ ไม่หมดตอนนี ้ไม่ เลยไม่ร้ ูวา่ มันเรียกส่วนประกอบว่าอะไร แต่แน่ เหลือสักหยด ตอนนัน้ เองเสียงมือถื อได้ สนั่ ล่ะมันเป็ นนาฬิกา เสียงเข็มวินาทีของมันดัง ครื ดๆ เป็ นจังหวะ เบอร์ ที่ไม่ได้ บนั ทึกโทรเข้ า ขณะทีก่ ำ� ลังเก็บกล่อง ซีดกี ร็ ่วงลงบน พื ้น บางทีนาฬกิ าได้ แย่งความสนใจไปจากมัน จนผมไม่คิดว่าจะมีอะไรเพิ่มเติมในกล่องนี่ก็ เป็ นได้ แต่เมื่อแผ่นซีดีเผยร่ างออกมา ความ สนใจของผมก็ตรงไปยังแผ่นนัน่

“คุณได้ รับโบนัส!” ผมกดวางทันที พร้ อมกับความโกรธได้ เริ่มก่อตัววนเวียนอยูใ่ น ใจ ไม่นานเบอร์ เดิมก็โทรเข้ ามาอีก ผมกดรับ และจะเป็ นการรับสายของเบอร์ หลอกๆ นี่ครัง้ สุดท้ าย

“แต่นแต๊ น!” เสียงของวีดีโอดังขึน้ ก่อนจะมีใครคนหนึง่ เดินมา

“นี่!” เสียงชายคนเดียวกับในวีดีโอ “จะใจร้ อนอะไรขนาดนัน” ้

“ขอแสดงความยิ น ดี ด้ ว ยส� ำ หรั บ ความสงสัยที่เข้ ามาในสมองของคุณวันนี ้ มัน มีคา่ ส�ำหรับเรามาก เพราะมีไม่มากหรอกทีใ่ คร จะคิดถึงเข็มวินาที แต่จริ งๆ เข็มนัน่ ก็ไม่ได้ มี ความหมายไปมากกว่า ตัวเวลาจริ งๆ เท่าไร มนุษย์ จะคิดไปว่าความเปลี่ยนแปลงนั่นล่ะ เป็ นตัวก�ำหนด มันก็จริ ง...เอาล่ะ ถ้ าคุณฟั งถึง ตอนนี ้แล้ วไม่เข้ าใจ ก็ เออ ไม่เป็ นไร ผมเองก็ ไม่เข้ าใจเหมือนกันว่าจะส่งนาฬกิ านัน่ ไปท�ำไม บางอย่างก็ไม่จำ� เป็ นต้ องมีเหตุผลจริงมัย? ้ เช่น เดียวกับเวลา มันไม่มีเหตุผลรองรั บการคืบ หน้ าไปเรื่ อยๆ หรอก มันเปลีย่ นแปลงไปเรื่ อยๆ ไหนล่ะ เหตุผ ล ไม่ มี ล่ะ สิ ผมล่ะ เบื่ อ พวกที่ ต้ องหาเหตุผลมาสนับสนุนเสียจริ ง ท�ำไมล่ะ แต่ยงั ไงก็สนุกดีที่ได้ เห็นคนสองคนเอาเหตุผล มาเถียงกันตามรายการทีวี” ชายนิรนามกล่าว

ผมท�ำได้ เพียงเงียบงัน กับหายใจแรง

“ฉันอยากได้ ยินเสียงแกเท่านันเอง” ้ เขากล่าว “ขอโทษนะครับ ผมงงไปหมด แล้ ว คุณจะอยากได้ ยินเสียงผมท� ำไม” ระหว่าง สนทนาผมเหลือบมองทีวี ซึง่ วีดีโอฉายฉากใน บ้ านของผม “ฮัลโหล!” ผมพูดกระแทก แต่ต้นสาย นันถู ้ กตัดไปเสียแล้ ว ผมวางมือถือลงและมอง นาฬกิ านันท� ้ ำไมตอนนี ้มันดูค้ นุ เคยกว่าเดิมนะ แต่เข็มมันหยุดเดินซะแล้ ว แล้ วถ้ ามันหยุดเดิน เวลาจะเดินอยู่หรื อเปล่า และถ้ ามันเดินตาม เข็มวินาที เวลาจะโดนก�ำกับด้ วยเข็มเล็กๆ นัน้ ไหมให้ ตายเถอะ!


ภาพวีดีโอฉายในตัวบ้ านของผม มี เด็กชายคนหนึง่ ก�ำลังคลานลงบันได เสียงของ ชายคนนันน่ ้ าจะเป็ นพ่อของทารก ภาพตัดไป ยั ง โต๊ ะไม้ ของผมที่ มี น าฬิ ก าเรื อ นหน้ าตา เหมือนเรื อนตรงหน้ าผมวางอยู่ เด็กทารกดูจะ คุ้นหน้ า ผมเริ่มรู้สกึ อยากจะอ้ วกกาแฟนัน่ ออก มา แต่มนั ฝื นธรรมชาติไปหน่อย ผมใส่ถา่ นนาฬกิ าเรือนนี และเช็ ้ ดจน เหมือนใหม่ เสียงเข็มวินาทีดงั สลับกับนาฬิกา เรือนเก่าจนร�ำคาญ ผมจึงไปเลือกแผ่นซีดเี พลง จากชันวาง ้ เมื่อเสียงเปี ยโนดังขึ ้น...ผมรี บวิ่งไป อ้ วก แล้ วในขณะที่ผมเอาหัวอยู่เหนือโถส้ วม นันก็ ้ มีอะไรบางอย่างดังขึ ้นจากนอกบ้ าน แต่ หลังจากน�ำ้ ย่อยผสมกาแฟออกจากท้ องจน รู้สกึ ดีขึ ้น จนผมเริ่ มได้ ยินเสียงเข็มของนาฬิกา อีกครัง้ ผิดตรงที่มนั ดังมาจากข้ างในหัวนี่เอง นาฬกิ าเรือนนันตั ้ งอยู ้ บ่ นโต๊ ะ เมือ่ จับ จ้ องยังเข็มวินาทีที่ขยับ เสียงกลไกก็จะดังใน หัวของผม เหมือนหัวเป็ นล�ำโพงบลูทธู ส่วน แผ่นซีดีปริ ศนานัน้ ก็วางอยู่ใกล้ ๆ กัน ความ เหนื่อยล้ าเข้ าแทรกทุกขดกล้ ามเนื ้อจนผมต้ อง ล้ มตัวนอนบนโซฟา เมื่ อเปลือกตาปิ ดลูกตาจนเห็นแต่ ความมื ด-ความมื ดท� ำให้ ใต้ เปลือกตานัน้ มี ภาพเด็กทารกในวีดีโอฉายเป็ นฉากๆ ซึง่ บาง ฉากก็ไม่ได้ อยู่ในวีดีโอ ผมรู้ สกึ คุ้นกับใบหน้ า นัน้ ทังดวงตาที ้ ่ให้ ความรู้ สกึ คุ้นเคยแปลกๆ ผมสับ สนกับ ความคิ ด เกะกะที่ ว างอยู่เ ต็ ม สมอง เสียงเข็มของนาฬิกานัน้ กับภาพเด็ก

ทารกซึง่ ไม่กระจ่างชัดซ� ้ำแล้ วยังขุน่ มัวประหนึง่ หมอกจากควันไฟ เพราะมันท�ำให้ ผมรู้สกึ ปวด ร้ าวโดยไม่มีสาเหตุ จนน� ้ำตาเริ่ มเอ่อออกมา แต่มนั ไม่ได้ ไร้ เหตุผล-เหตุผลช่ างคลุมเครื อ เหมือนผมได้ ร้ ู อะไรบางอย่ างทีร่ อมานาน


ที่มา : O-N issue 07 | ในโลกอีกใบที่ ใช้ ใจบันดาลแรง


คุณครับ

คุ

ณครับ คุณคงรู้ดวี า่ ผมแทบจะ ไม่มีเพื่ อนเลยนอกจากคุณ แต่เรื่ องนัน้ มัน ไม่ ใ ช่ เ รื่ อ งที่ มี เ หตุ ผ ลส� ำ หรั บ การสนทนา ระหว่า งเราทัง้ สอง ผมแค่อ ยากจะบอกว่า ความเงียบก�ำลังแพร่กระจายไปทัว่ ตัวผม มัน เริ่มจากวันหนึง่ ทีผ่ มได้ สญ ั ญากับตัวเองว่าผม จะไม่พูดโกหก และวันนัน้ เองที่ท�ำให้ ทุกคน มองผมแปลกๆ และเริ่ มปล่อยให้ ผมอยู่กับ ความเงียบ “อาจารย์ รู้ ค วามหมายว่ า ของค� ำ อาจารย์ หรื อเปล่า หรื อต้องการแค่เงิ นเอาไป ซื อ้ หลุยส์ วิ ตตอง” เขาไม่พดู กับผมอีก และผม ก็ไม่คิดจะพูดเช่นกัน เหตุการณ์ครัง้ นันท� ้ ำให้ ผมต้ องได้ เกรดทีห่ ว่ ยบรม และค�ำต่อว่าจากโซ เชียลเน็ตเวิร์คของเขาอยู่หลายวัน แต่คุณรู้ อะไรมัย้ ว่าตอนที่ผมพูดไปน่ะ มันท�ำให้ ผม รู้ สึกตื่นเต้ นและสดชื่นอย่างที่ไม่เคยเป็ นมา ก่อน เหมือนกระโดดน� ้ำลงสระครัง้ แรกกับคุณ สมัยประถมไง จ�ำได้ หรื อเปล่า? แต่ยงั ไม่หมด หรอก ในหัวของผมมีค�ำถามตลอดเวลา ท�ำไมรถเมล์ต้องจอดเลนกลาง และท�ำไมป้าย โฆษณาผู้ว่าต้ องแปะตามคลองและบอกว่า “คลองใสสะอาด” ทังที ้ ่เมื่อวานผมยังเห็นลูก

แมวลายโคนมนอนอืดลอยติดท่าเทียบเรื ออยู่ เลย หรื อว่านี่คือความสะอาดอันพึงประสงค์ ของคนกรุ งกันนะ เพราะดูท่าทางที่พวกเขา ก� ำลังเล่นมื อถื อในเรื อโดยสารที่ ขึน้ ลงด้ วย ความล�ำบากและเสีย่ งตกเรือได้ ทกุ เมือ่ จะเป็ น เรื่ องปกติ คุณครับ พวกเขาชอบแบบนี ้จริ งๆ หรื อ บางทีถ้าคุณมีใครใกล้ ชิดที่มีสติปัญญา ฉลาดเป็ นเลิศพอที่ จะตอบปั ญหานี ไ้ ด้ ละก็ โปรดกรุณาบอกมาเถิด ผมนึกถึงเวลาที่เสียไปของคน ใช่ละ่ มันคุ้มค่าเสมอถ้ าเทียบกับกระเป๋ าแบรนด์เนม หรือสมาร์ ทโฟน แต่คณ ุ เคยรู้สกึ มัยว่ ้ า ประเทศ เราช่างล้ า หลัง เสี ยจริ ง ไม่ว่า คนจะท� ำ งาน เท่าไรก็ไม่เห็นจะใกล้ กบั ประเทศในเพลงที่ถกู ประพันธ์ไว้ สกั เพลง ท�ำไมกัน ท�ำไมเพลงพวก นัน้ ต้ องหลอกผมด้ วย ไม่สิ ทุกคนเต็มใจให้ หลอก เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่ผมรู้วา่ ไม่มีใคร สบอารมณ์ กับน�ำ้ คลองที่เห็นและเรื อที่เสี่ยง ตายนัน่ หรอก แต่เขายอม...คุณครับ คุณเคย ยอมอะไรพวกนี ้มัย้ ถ้ าเคยล่ะก็ โปรดบอกวิธี การยอมทีเถอะ ผมอยากมีชีวิตไปวันๆ บ้ าง นีเ่ ป็ นเวลาเกือบจะบ่ายสองโมงแล้ ว คุณ ทานข้ า วหรื อ ยัง ถ้ ายัง คงจะดี ไ ม่ น้ อ ย เพราะวันนี ้หมาแก่ทบี่ ้ านได้ ตายลง ผมยินดีกบั ความตายเพราะมันเป็ นธรรมชาติ และผมรัก ธรรมชาติเสมอ เรี่ยวแรงจะขุดหลุมให้ ใหญ่พอ


จะบรรจุร่างมันลงไปคงเป็ นไปไม่ได้ เลยไปวัด แถวๆ บ้ านเพื่อให้ เขาเผา ราคาพันห้ าส�ำหรับ หมาไทยตัวไม่ใหญ่นกั และมีพระสงฆ์หน้ าละ อ่ อ นมาสวด แต่บ ทสวดผมไม่ ไ ด้ ยิ น หรอก เพราะเสียงเตาเผาช่างดังเหลือเกิน วันวันหนึง่ คงรับบริ การเกินสิบตัวแน่ๆ และมีกระดูกให้ เจ้ าของเก็บไว้ ร�ำลึกอีกต่างหาก ผมอยากถาม ความเห็นคุณว่า ถ้ าผมจะซื ้อเตาเผาหมามา สักอันและบริ การเผา จะมี คนมาใช้ บริ การ เหมือนที่วดั หรื อเปล่า อ้ อ! ผมคิดราคาเพียง แปดร้ อยบาทนะ แต่ไม่มีพระสวด หรื อคนเขา ต้ องการพระสวดมากกว่าเผาหมากันนะ น่า คิดๆ โถ่...ผมเกือบลืมไปเลยว่า ผมก�ำลัง จะส�ำเร็ จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยแล้ ว ว้ าว... แต่เดี๋ยวก่อนสิ คุณอย่าเพิ่งแสดงความ ยินดี เพราะผมยังไม่มีงานที่หาเงินได้ เลย นี ้ เป็ นการเริ่ มต้ น และชีวิตจะมีแต่การเริ่ มต้ น เสมอ ทังตอนตายก็ ้ ต้องเริ่มต้ นตายเหมือนกัน ผมสงสัยว่าท�ำไมคนทีเ่ รียนจบต้ องแสดงความ ยินดีกนั เหมือนได้ รับรางวัลโนเบลอะไรแบบ นัน้ ทังที ้ ่เรายังเด็กและโง่มาก เพราะความรู้ที่ เราได้ ม าเป็ นความรู้ ทื่ อ ๆ ไม่มี ใ ครเอาสูต ร คณิตสาสตร์ ไปใช้ ในชีวติ ประจ�ำวันหรอก หรื อ ถ้ ามีก็คงจะเป็ นการสอนพิเศษให้ พ่อแม่เด็ก ภูมใิ จว่าลูกตัวเองได้ เรียนอะไรยากๆ อย่างกับ ไอสไตน์ แต่คณ ุ ครับ ผมรู้ คณ ุ ก็ร้ ู สกึ ว่าท�ำไม บ้ านเรายังย�่ำอยูก่ บั ที่หรื อบางทีถงึ ขนาดถอย หลังลงปล่องภูเขาไฟไปเสียด้ วยซ� ้ำ หรือว่าการ เรี ยนไม่ใช่การแก้ ปัญหาที่ถกู ต้ องกันนะ...ผม รู้มาว่าประเทศตะวันตกเขามีกิจกรรมสุดแสน ธรรมดาให้ เด็กท�ำกันในวันหยุดทีต่ า่ งกันสุดขัว้

กับบ้ านเรา คุณครับ เขาเดินป่ า เก็บเห็ด และ ปิ กนิคที่สวนสาธารณะ ผมรู้ถ้าคิดไปถึงว่าวัน หยุดท�ำอะไรธรรมดาๆ เช่นนี ้ประเทศเขาคง ด้ อยพัฒนาไปแล้ ว และประเทศเราที่ มีลูก เรี ยนเป็ นบ้ าเป็ นหลังคงจะครองโลกในไม่ช้า แต่พระคุณเจ้ าช่วยด้ วยเถิด ประเทศเราเอา ตามแบบเทคโนโลยี เศรษฐกิจ ภาษา วิถีชีวิต บ้ า นเรื อ น อาหาร เครื่ อ งประดับ รถยนต์ ภาพยนตร์ หรื อแม้ แต่ศลิ ปะ ท�ำไมเป็ นแบบนัน้ กัน ไม่มีเหตุผลเลย จริ งๆ ประเทศเขาควรจะ เอากิ จ วัต รวัน หยุ ด ของบ้ า นเราไปพัฒ นา ประเทศเขาแท้ ๆ แสดงว่าประเทศเราคิดผิด หรือ จริงๆ น่าจะรู้มาตังนานแล้ ้ วสิ แต่ชา่ งเถอะ เรื่ องเงินเรื่ องยาก คุณพอจะจ�ำได้ ไหมครับว่าเราเจอ กันครัง้ แรกเมื่อไร ถ้ าถามผมล่ะก็คงจะจ�ำไม่ ได้ เ พราะมี ค วามจ� ำ ใหม่ๆ เข้ า มาในหัว ผม ตลอดเวลาจนเรื่องเก่าๆ บางเรื่องหล่นหาย แต่ เมื่อนึกๆ ดูแล้ วคุณอาจจะเป็ นเพื่อนเพียงคน เดียวเสียด้ วยซ� ้ำ แต่ส�ำหรับผมคงไม่น้อยใจ เท่ากับการก้ มหน้ าก้ มตาถูกคนชี ้นิ ้วว่าสิง่ นันดี ้ หรือไม่ดหี รอก หากเป็ นเช่นนันผมคงจะเสี ้ ยใจ ที่ ไ ด้ เกิ ด มาและเสี ย ดายที่ จ ะต้ องเขี ย น จดหมายรั กให้ คุณแทนจดหมายแห่งความ สงสัยนี แต่ ้ คณ ุ ครับ จริงๆ คุณมีเฟสบุ๊คกับไลน์ ที่ เ อาไว้ ติ ด ต่อ กับ เพื่ อ นเกลอคุณ แล้ ว และ จดหมายนี ้อาจจะไม่มีคา่ ใดๆ ส�ำหรับคุณ แต่ ไม่เป็ นไร ผมเพียงอยากแบ่งปั นความสงสัยนี ้ เผื่อคุณจะตอบผมในบางข้ อได้ กระจ่างชัด ล่ า สุ ด ผมเห็ น คุ ณ ใช้ สมาร์ ท โฟน ราคาสามหมื่นเลยนี่ ว้ าว! คุณยังเรี ยนไม่จบ


เอาเงินมาจากไหนมากมายขนาดนัน้ ผมเอง ยังใช้ ฟีเจอร์ โฟนเครื่ องละแปดร้ อยบาทเช่น เดิม หากรังเกียจกรุณาต่อว่าถึงความล้ าหลัง ของผมด้ วย ตอนนันผมจ� ้ ำได้ ดี อาจจะเป็ นการ เจอกันครัง้ สุดท้ ายก็ได้ ผมคิดแบบนันจริ ้ งๆ นะ คุณเอาแต่ก้มหน้ าพิมพ์ข้อความหยอกล้ อกับ ชายหนุม่ และเพื่อนฝูง ปล่อยผมให้ กินข้ าวขา หมูในโรงอาหาร ตอนนัน้ ผมเหมื อนอยู่คน เดียว และต่อมาความเงียบก็ได้ ครอบคลุมไป รอบตัวผม คุณครับ คุณจะยอมให้ ความสงสัย ของคุณถูกสังคมอุดปากอุดใจไว้ หรื อเปล่า คุณอยากให้ พื ้นถนนไม่มีท่อน� ้ำหรื อเปล่านะ หรื อ อยากให้ เสาไฟฟ้ าแถวอโศกดู ดี เ ป็ น ระเบียบไม่ต้องตังตรงที ้ ่ข้ามทางม้ าลาย หรื อ ตังกลางฟุ ้ ตบาทหรื อเปล่า แล้ วเรื อล่ะ คุณเคย โดยสารด้ วยเรื อนี่ อยากให้ มนั มีความปลอด ภัยมัย้ และถ้ ามันยังสกปรกแล้ วคุณอยากจะ เอาป้ายของนักการเมืองที่เขาว่าว่าคลองใส สะอาดออกหรื อเปล่า บางทีถ้าเจอกันอีกคุณ จะยอมละสายตาจากสมาร์ ทโฟนเพื่อมองตา ผมหรื อไม่ เรื่ องนันผมไม่ ้ ร้ ู หรอก แต่ค�ำถาม หรือความสงสัยในจดหมายฉบับนี เกิ ้ ดมาจาก ความต้ องการของผมเพื่ อ ให้ ทุ ก อย่ า งใน ประเทศนี ้ดีขึ ้น เพื่อผมจะไม่ต้องเหนื่อยเพราะ คอยสงสัย และคนทุกคนจะได้ ไม่ต้องเหนื่อย กับการเดินตามประเทศอื่นต้ อยๆ เหมือนเด็ก เวลาเจอหมา ทังหวาดกลั ้ วและเกลียดชังใน คราเดียว หากคุณมีใครพอจะตอบค�ำถามของ ผมได้ สกั ข้ อหนึง่ โปรดตอบกลับยังทีอ่ ยูน่ ี ้และ ผมจะคอยสงสัยต่อไป เพราะความรู้ สกึ ของ ผมบอกว่าอีกสิบชาติกค็ งต้ องสงสัยอยูอ่ ย่างนี ้

ท�ำไมผมคิดแบบนันนะ? ้ แต่ผมรู้...บางทีคณ ุ ก็คดิ เหมือนผมนัน่ แหละ

ขอแสดงความนับถือ


ที่มา : O-N issue 08 | without words


ความมืดของคืนไร้จันทร์

มยัง จ� ำ ได้ ดี ถึ ง ค� ำ ตอบที่ ผ ม บรรจงเขียนในการบ้ านตอนอนุบาลสาม “__ฟ้ า จงเติ มค� ำในช่ องว่าง” ค�ำ ชี ้แจงเขียนไว้ เช่นนัน้ “ไฟฟ้ า” ผมเขียนตอบส�ำหรับช่อง ว่าง แล้ วเขียนค�ำตอบอีกข้ อซึ่งเป็ นค�ำถาม ลักษณะเดียวกันท�ำให้ ใช้ เวลาเพียงไม่กี่นาที ส�ำหรั บเสร็ จสิ ้นภาระกิจอันน่าเบื่อและไปดู วี ดี โ อที่ ยื ม มาจากร้ านป้ าแตนหน้ า หมู่บ้ า น แล้ วผมยังจ�ำได้ อกี ว่าวีดโี อที่ยืมมาตอนนันคื ้ อ ขบวนการห้ าสี(มีเป็ นร้ อยขบวนการ) แน่ล่ะ ผมจ�ำไม่ได้ หรอกว่าชื่ออะไร แต่สีแดงมักจะ เป็ นพระเอกเสมอ และสีชมพูก็เป็ นผู้หญิงทุก ครา จากนันผมก็ ้ เริ่ มเห็นภาพเป็ นเส้ นๆ จนใน ที่ สุด ผมต้ อ งกดอี ย์ เ จ็ ค ออกมา และรี บ ปั่ น จักรยานเอาไปคืนก่อนร้ านปิ ด จากนันกลั ้ บมา เอาแผ่นการบ้ านใส่แฟ้มยัดลงกระเป๋ าเป้ที่ท�ำ จากใยสังเคราะห์สีแดง แถมด้ านหน้ ายังมีรูป การ์ ตูนน่ารักๆ...แต่ผมเอาสีเทียนละเลงจน เละไปแล้ ว วันรุ่งขึ ้นผมรู้สกึ ดีกว่าวันทีไ่ ม่ท�ำการ บ้ าน แล้ วส่วนใหญ่ผมมักจะไม่ท�ำ ในขณะที่ รถตู้รับส่งมารับตังแต่ ้ เจ็ดโมงเช้ า เพราะบ้ าน ผมอยู่ใกล้ กบั คนขับซึ่งเคยเป็ นครู ที่โรงเรี ยน

ของผม แต่แกผันตัวเองไปขับรถตู้แทน จากนัน้ รถตู้คนั นี ้จะไปรับเพือ่ นๆ อีกหลายหมูบ่ ้ าน จน อัดแน่ไปด้ วยเด็กอนุบาลยันมัธยมต้ น แต่ละ แถวจะมีคนอยูส่ คี่ นซึง่ เบาะมีเพียงสาม แต่นนั ้ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่ากับช่องแอร์ ที่มีจ�ำนวน ตามเบาะ ท�ำให้ คนหนึง่ คนต้ องรู้สกึ เป็ นคนแพ้ เพราะไม่ได้ แอร์ แล้ วคนได้ แอร์ มกั จะยิ ้มหน้ า ระรื่ น แล้ วบอกว่า “กูมาก่อน” ซึง่ เป็ นเหตุผลที่ ใช่ส�ำหรับทุกคน ผมเองก็ได้ รับผลพลอยได้ จากเหตุผลนี ้ เพราะผมขึ ้นเป็ นคนแรกๆ ของ ทุกวัน รถตู้จอดส่งในโรงเรี ยน หากนึกย้ อน ไปผมคงรู้ สกึ คิดถึงแม่ด้วย แต่พอมาคิดอีกที ความรู้ สกึ นันกลั ้ บหายไปเสียแล้ ว เมื่อประตู รถเปิ ดผมรี บวิง่ ไปยังห้ องเรี ยน ตอนนันผมไม่ ้ ร้ ู หรอกว่าท�ำไมต้ องวิ่ง มันคงเหมือนกันว่าการ วิ่งเป็ นความเคลื่อนไหวของร่ างกายที่ได้ รับ อิสรภาพมากที่สดุ ก็เป็ นได้ ดูอย่างโจรก็ยงั วิ่ง หนีต�ำรวจเพราะโจรต้ องการอิสรภาพ แต่นนั ้ ไม่ใช่ประเด็นหรอก เพราะพอถึงเวลาเรี ยนผม ก็ลืมว่าผมเพิ่งวิ่งขึน้ บันไดมายังชัน้ สอง แต่ เป็ นผมใจจดใจจ่อกับการบ้ านต่างหาก ท่านัง่ ของผมเสมือนคนที่มีชยั ชนะ อะไรบางอย่าง ซึง่ ทังหมดนั ้ นมาจากการบ้ ้ าน ทีผ่ มรู้สกึ ว่ามันง่ายเสียเหลือเกินจนแทบจะฉุด ตัวเองไม่ให้ ลอยไว้ ไม่อยู่ เมื่อครูอรเดินมา ผม


แทบจะอดยิ ้มไว้ ไม่ได้ เธอเองก็ยิ ้มตอบเช่นกัน

ถาม ท่าทางเหมือนหมาท�ำผิด

ผมเอาใบการบ้ านไว้ บนโต๊ ะ และเอิบ อิ่มกับชัยชนะที่อยูต่ รงหน้ า เปรี๊ ย! ครูตีมือผมอย่างแรง

“เธอไม่ฟังทีค่ รูพดู เลยใช่มยั ้ ดูนะทุก คนต่อไปนีใ้ ครท�ำผิด ต้ องลบแก้ ใหม่เข้ าใจ มัย้ ?” เธอยืนตรงด้ วยท่าทางสง่างาม และ ตะโกนสัง่ ไปรอบห้ อง

“ครูบอกแล้ วไง ว่าค�ำตอบข้ อนี ้น่ะ ‘สี ฟ้า’ เธอนี ้มันแต่คยุ อยูน่ นั่ ” ผมอึ ้งไปชัว่ ขณะ

“ครับ/ค่ะ” เสียงตอบนันเต็ ้ มไปด้ วย ความกลัว ผมเองก็ต้องขมุบขมิบปากตาม

แล้ วเธอก็หยิบแผ่นการบ้ านของผม โบกไปมาเพื่อให้ เพื่อนทังห้ ้ องรู้วา่ ผม ผิด!

ผมไม่ได้ ค�ำตอบ แถมยังโดนเพื่อน เกลียดไปอีกสามวันเพราะ ไฟฟ้า ค�ำเดียว แล้ ว ท�ำไมครู ถึงไม่บอกล่ะว่า ไฟฟ้ามันผิดอะไร หรื อมีเหตุผลอะไรที่สีฟ้าคือค�ำที่ถกู แต่ครู ไม่ ตอบ

“ไหนดูของเธอสิ ส้ ม” ครูหนั ไปดูค�ำ ตอบจากเพื่อนข้ างๆ “นี่ไง ส้ มก็ตอบถูก ไหนดูของเมย์ซ”ิ เธอท�ำแบบเดิม “เมย์ก็ท�ำถูก” ครู หายใจอย่างแรง และขมวดคิ ้ว “เธอไม่ฟังไง! รี บแก้ เลยนะ!” เขา ตวาดใส่ผม และวันนันผมเสื ้ อกลืมเอายางลบ มา ผมจึงท�ำท่าทางเก้ ๆ กังๆ ครูแตนเลยหยิบ ยางลบจากเมย์มาวางกระแทกบนโต๊ ะผม “ไม่เอาไหนจริ งๆ ยางลบก็ไม่มี ต้ อง มายืมเพื่อนอีก” ผมหยิบยางลบด้ วยมือไร้ เรี่ ยวแรง และลบ จนเหลือแต่ “__ฟ้า” “สีฟ้า” ผมเขียนท�ำตอบทีค่ รูต้องการ และถามเขาด้ วยค�ำถามที่ไม่มีค�ำตอบ

“ท�ำไม เออ ‘ไฟฟ้า’ ไม่ได้ ครับ” ผม

พอถึงตอนนี ้ถ้ าผมเป็ นผู้กอ่ การร้ าย ผมคงวางระเบิดโรงเรี ยน และมหา’ลัยที่เรี ยน ให้ ราบคาบ นัน่ ไม่ใช่เพราะผมโกรธแค้ นกับ เรื่ องนี ้หรอก แต่เพราะผมไม่อยากให้ เด็กๆ ที่ เกิดมาต้ องถูกใครก็ไม่ร้ ู มาบอกว่า สิง่ ที่ตวั เอง ท� ำนัน้ ผิดเพราะเป็ นเด็ก ซึ่งมันไม่มีเหตุผล อะไรรองรับและนัน่ เป็ นความเลวร้ ายทีเ่ คลือบ ด้ วยรอยยิ ้มเมื่อเจอผู้ปกครอง คล้ ายกับเชื ้อ มะเร็ งจากอาหารรสเลิศนัน่ แหละ จนในที่สดุ เด็กๆ โตขึ ้น มีอ�ำนาจมากขึ ้น เขาก็จะชี ้ว่าสิง่ ที่ ท�ำคือถูกและโน่นน่ะ คือสิ่งผิดอย่าไปยุ่ง แต่ ทังหมดขึ ้ ้นอยูก่ บั รสนิยมของการปกครองของ แต่ละคน บางคนชอบเผด็จการทหาร บางคน ชอบประชาธิ ปไตย แต่ทัง้ หมดก็คือระบบที่ คอยจัดการชีวิตของเราเหมือนกัน เหมือนใส่ การเยงยีนส์ฟิตๆ กับกางเกงชาวเล ซึง่ สุดท้ าย มันก็สวมใส่อยูใ่ นร่างกายเราอยูด่ ี แต่ทผี่ า่ นมา ก็คงเป็ นค�ำตอบได้ เลาๆ ว่าทางเดินที่ถกู ถาง


ให้ เดินง่ายๆ นันช่ ้ างต้ อยต�่ำด้ วยการแลกเวลา ห้ าวันต่อสัปดาห์ไปกับเงินเดือนหมื่นห้ า (เด็ก จบใหม่) ที่ส�ำคัญ เมื่อผมมองไปรอบๆ ตัว ก็ พบว่า ทุกอย่างยังอยูท่ ี่เดิม แย่ยงั ไงก็ยงั แย่อยู่ อย่างนัน้ ไม่มอี ะไรเปลีย่ นแปลง เหมือนทุกคน ก�ำลังตาบอด และใช้ เครื่ องจ�ำลองภาพจินต -นาการมองความเป็ นจริ งอันบิดเบีย้ วนี ว้ ่า สวยงามไร้ ที่ติ แต่ชา่ งเถอะ ไม่มีอะไรดีไปเสีย หมดหรอก ขณะที่ผมมองไปยังท้ องฟ้าของคืน เดือนมืด ผมก็ผดุ ความคิดที่ว่าขึ ้น ความมืด คงจะเป็ นแรงกระตุ้นสิง่ มืดๆ ให้ ประทุในสมอง ของผม ซึง่ การศึกษาก็อยูใ่ นโทนมืดเช่นกัน แม้ ผมมองหาดวงจันทร์ ไปทัว่ ฟ้า แต่ดวงจันทร์ ก็ ไม่มีแสงอ่อนๆ ให้ เห็น เหมือนกับปั ญหานี ้จะ ไม่มีใครสักคนช่วยให้ เรื่ องทังหมดดี ้ ขึ ้น หรื อ แม้ แต่ดาวสักดวงก็ยงั ไม่โผ่ลมาเผชิญหน้ ากับ ความมืดของคืนนี ้ มันคงจะกลัวปั ญหาเรื อ้ รัง นีม้ ากกว่าจะน�ำกายอันเจิดจรัสมาให้ ความ มื ด กลื น หายไปเป็ นฝ่ ายเดี ย วกัน ผมรู้ สึ ก เหนื่อยจากการเล่นดนตรี กลางคืน ผมจึงเข้ า บ้ านไปนอน เพลงที่ผมเพิ่งเล่นยังดังก้ องอยู่ในหู มันเป็ นเพลงเก่าแต่ก็ยงั พอมีสาวฝรั่งขอบ้ าง โดยเขียนบนกระดาษช�ำระ “Another Brick In The Wall” เพลงนี่ตา่ งหากที่ทำ� ให้ ความคิด ผมย้ อนไปถึงสมัยอนุบาล หรื อหากมีเวลาว่าง สมองผมคงคิ ด ถึง ช่ว งประถม มัธ ยม หรื อ มหา’ลัย ทีผ่ มรู้สกึ สงสัยกับความมัน่ ใจของตัว อาจารย์ทงหลาย ั้ ว่าสิ่งที่เรี ยนนี ้คือเรื่ องจริ ง หรือ แล้ วผมก็นงึ ถึงเนื ้อเพลงขึ ้นมากระทันหัน

“เราไม่เอาการศึ กษาหัวค_ย เราไม่เอาการ ควบคุมห่วยๆ หยุดประจานเรานะไอ้กล้วย เฮ้ย! ครู ! อย่าเสือกเรื ่องของเราเลย(สองรอบ) มันก็แค่กอ้ นอิ ฐในก�ำแพง เอ็งก็แค่อิฐห่วยๆ ในก�ำแพงล่ะวะ” แล้ วแสงสว่างก็เข้ าแทนที่ความมืด ของคืนไร้ จนั ทร์ ความรุนแรงของเนื ้อเพลงถูก ดวงอาทิตย์แผดเผาเสียแล้ ว แต่ทอ่ นสร้ อยของ เพลงก็ยงั ติดปากผมต่อถึงเที่ยงวัน ผมเลิกสงสัยเรื่อง ‘สีฟ้า’ และ ‘ไฟฟ้า’ ว่าอันไหนถูกหรือผิด ผมรู้แต่วา่ ความความมืด จะถูกแทนที่ด้วยแสงสว่างของยามเช้ า มัน ไม่มีอะไรอยูไ่ ปชัว่ กัลปาวสานหรอก เช่นเดียว กับเรื่ องแย่ๆ ที่เกิดขึ ้นรอบตัว ทุกอย่างจะถูก แทนทีด้วยสิง่ ใดสิง่ หนึง่ เสมอเมือ่ สิง่ นันหายไป ้ คืนนี ้มีดวงจันทร์ พร้ อมกับดวงดาว ทั ง้ มี เ ครื่ อ งบิ น ให้ แสงระยิ บ ระยั บ อยู่ เ ต็ ม ท้ องฟ้า แล้ วผมก็คิดถึงเรื่ องกระต่ ายบน ดวงจันทร์ ซึ่งผมหวังว่ าจะไปล่ ากระต่ าย จากทีน่ ั่นมากิน


ที่มา : O-N issue 09 | listen to your freedom


ถ้าเธอ . . .

ารตายของเธอช่างพิลกึ จนเกิน อธิ บายด้ วยสมองของผม แต่นั่นอาจะเป็ น เพียงความคลุ้มคลัง่ ของวัยสาวที่ด�ำเนินชีวิต ท่า มกลางทางแยกต่า งๆ ของชี วิต ก็ ไ ด้ ซึ่ง ความตายถือเป็ นทางแยกหนึง่ ที่ง่ายดายเกิน กว่าแยกไหนๆ

เธอชื่ อแพร มีอายุ 23 ปี จบจาก มหาวิทยาลัยการออกแบบ สาขาออกแบบ ผลิ ต ภัณ ฑ์ และเธอคื อ หญิ ง ที่ ฉี ก ยิ ม้ กว้ า ง ราวกับดอกชบาบนใบหน้ าขาวอมชมพูของผู้ ร่ าเริ งสมวัย นี่คงเป็ นเหตุผลที่ท�ำรอยยิ ้มของ เธอดึงดูสายตาของผมนับแต่นนเป็ ั ้ นต้ นมา กลิ่นไอดินเริ่ มอวลไปทั่วขณะเห็น รอยเย็ บ บนใบหน้ า และผ้ า พัน แผลพัน รอบ ศรี ษะเหลือเพียงใบหน้ าจืดชืดแม้ จะถูกแต่ง แต้ มด้ วยแป้งกับลิปสติกแล้ วก็ตาม เสียงร�่ำไห้ ของผู้เป็ นแม่ระงมอยูด่ ้ าน ซ้ าย และเพื่อนๆ ก�ำลังรับความทุกข์ที่เอ่อล้ น ออกจากโรงศพจนเริ่มมีหยดน� ้ำตา ในตอนนัน้ ผมไม่ ทัน รู้ สึก เสี ย ใจเพี ย งเพราะเห็ น ร่ า งไร้ วิญญาณอยู่ตรงหน้ าเหมือนอารมณ์เศร้ าถูก ใบหน้ าเธอดูดกลืนไว้ ข้างในราวกับวินาทีที่ ก�ำลังล่วงไปได้ หยุดอยูก่ บั ที่ ท�ำไมกัน?

แพร... เธอเดินมาหยุดตรงหน้ าผม และร้ องไห้ เวลาที่เหมือนจะหยุด ก็กลับเดิน เร็วขึ ้นกระทันหันจนเหมือนมีมรสุมเขตร้ อนจุก อยูใ่ นอก ในตอนแรกผมไม่เชื่อสายตาตัวเอง จนต้ องเหลือบมองไปทางอื่น แต่เธอกลับมา หยุดอยู่ตรงหน้ าผมและยิ ้มเศร้ าๆ พลางเช็ด น� ้ำตา แปลกจริ งที่ไม่มีใครเห็นเธอ และไม่มี ใครสนใจผมกับกริ ยายืนนิ่งและเงียบงัน

...

“อย่าทิ้ งฉันไป...” เสียงของแพรดัง กังวาลในหู และเป็ นประโยคแรกที่ผมได้ ยิน เสียงเล็กๆ ของเธอท�ำให้ ร้ ูสกึ โรแมนติคบนซาก ปรักหักพังพิกล แล้ วเธอได้ พาผมไปยังบันไดริ มเมรุ ก่อนจะนัง่ ลงระหว่างบันได “แพรรู้วา่ นายชอบแอบมองแพรน่ะ” คราบน� ้ำตาติดตามขนตาของวิญญาณ แล้ ว ยิ ้มกว้ างๆ ของเธอก็ท�ำให้ ดวงตาคู่นี ้ของผม หยุดอยูต่ รงนัน้ และขอให้ อยูเ่ ช่นนี ้ตราบนาน เท่านาน “ตอนแรกก็คดิ ว่านายน่ะโรคจิต แต่ มันก็นะ...บางทีมนุษย์อาจจะมีความสามารถ อะไรบางอย่างที่แยกความโรคจิตกับความรัก


ได้ อย่างชัดเจน ทังๆ ้ ที่มนั มีกริ ยาคล้ ายๆ กัน ก็ตาม แปลกดีนะ” ผมจะตอบเธออย่างไรดี “นี่ๆ” เธอเอามือมาสะกิดแต่ไร้ ซึ่ง ความรู้สกึ “เมื่อไรจะบอกล่ะ นี่ขนาดตายแล้ ว นะเนี่ย” จริ งสิ เธอตายไปแล้ ว “บอกอะไรล่ะ?” ผมบ่ายเบี่ยง แล้ ว มือของเธอก็ประสานที่มือของผม ผมเริ่ มร้ องไห้ ขึน้ มา โดยไม่ทราบ สาเหตุ แพรเอาวิญญาณของเธอกอดร่างของ ผม ซึง่ ท�ำให้ ผมร้ องไห้ หนักขึ ้น “หยุดร้ องเถอะ เออ... บางทีร้องไห้ ก็ ดีเหมือนกันนะ จริ งๆ แล้ วก่อนที่แพรจะตัดสิน ใจฆ่าตัวตายน่ะ มันเป็ นช่วงเลวร้ ายมากเลย แพรอยากจะเป็ นนักออกแบบ เลยท�ำงานใน สิ่งที่รักอย่างหนัก แต่พ่อกับแม่เหมือนจะไม่ ชอบมันเท่าไร เลยฝากให้ แพรไปท�ำงานใน บริ ษัทสายการบิน” เธอจับมือผมไว้ และถอน หายใจ แล้ วพูดต่อ “ก็ อุต สาห์ เ กิ ด มาแล้ ว นี่ จะให้ ไ ป ท�ำงานในที่ที่ไม่รักไม่พอ แถมยังไม่ได้ สร้ าง อะไรให้ กบั โลกนี ้อีก” รอยยิ ้มบริ สทุ ธิ์ฉาบทัว่ ใบหน้ าและเข้ ายังดวงตาของผม “แพรคงจะเพ้ อไปเองละมัง”้ ผมลืม ไปแล้ วว่าศพของเธอนอนอยูใ่ นโรงทีเ่ พิง่ ได้ ยนิ เสียงติดฝา ผมไม่กลัวเธอ ผมออกจะรักเธอ ด้ วยซ� ้ำไป

“เข้ าใจล่ะ แพรยังดีนะที่มีเป้าหมาย น่ะ แต่เรื่ องบางเรื่ องมันอาจจะต้ องใช้ ความ อดทน และทางออกของมันนะ เราไม่วา่ แพร หรอก บางทีมนั อาจจะดีนะ เพราะถ้ าแพรยัง อยู่ หมายถึง ถ้ าแพรเรี ยนจบ เราคงไม่ได้ เจอ กัน เราก็จะไม่ได้ ยินเสียง และเห็นยิ ้มกว้ างๆ แบบใกล้ ๆ น่ะ มันเหมือนฝั นจริงๆ นะ” ผมเห็น ประกายหยดน� ้ำตาที่เริ่ มปริ่ มออกจากของตา ซึง่ ผมเองก็ร้ ูสกึ ได้ เช่นกัน “อื ้ม ขอบคุณมากนะ แต่เรื่ องพ่อแม่ ที่บงั คับแพร คงไม่ใช่เรื่ องใหญ่หรอก แต่เป็ น เพราะความไม่แน่นอนต่างหากล่ะทีท่ ำ� ให้ แพร ตัดสินใจแบบนี ้ แพรหวังว่านายจะอยากฟั ง นะ” ผมพยักหน้ าตอบ “แพรไม่แน่ใจในอนาคตเลย หมาย ถึงว่าเวลาแต่ละวินาทีจะพาชีวิตและจิตใจให้ ไปทางไหนบ้ าง แพรไม่ร้ ูวา่ จะอธิบายยังไงให้ เข้ าใจ แต่” ผมตัดบทเธอ “เข้ าใจสิ เราก็อยากเป็ นนักเขี ยน เคยเขียนเรื่ องทัว่ ๆ ไป แต่อย่างว่ามันคงไม่ใช่ ทางน่ะ ส่งไปที่ไหนก็เงียบ และส่วนใหญ่คน อ่านก็ไม่คอ่ ยเข้ าใจ จนคิดว่าสิง่ ที่ก�ำลังท�ำอยู่ มันคือสิ่งที่ถกู ส�ำหรับชีวิตหรื อเปล่า อย่างว่า เรามันแนวศิลปิ นไส้ แห้ งกันทังคู ้ ่ เราพยายาม มากนะที่จะไม่เป็ นพนักงานบริ ษัทน่ะ” เธอลุก ขึน้ ยืน และพาผมเดินไปริ มท่าน�ำ้ ซึ่งติดกับ แม่น� ้ำเจ้ าพระยา เธอจับมือผม ลมที่แรงพัดผมยาว สลวยสีน� ้ำตาลเข็มของแพรให้ ไหวไปตามลม และแดดสีแสดยามบ่ายที่ต้องตกบนใบหน้ า


เธอ เสมือนเครื่ องส�ำอางแห่งธรรมชาติที่ให้ ใบหน้ าเธอดูสวยเปล่งปลัง่ “ความไม่แน่นอนที่แพรว่าน่ะ ตอน นี ้แพรก็ยงั ไม่ร้ ูวา่ มันคืออะไร จนแพรตัดสินใจ เลือกทางทีแ่ น่นอนกว่า ก็คอื ตาย จริงๆ มันเป็ น ช่วงเวลาที่ทกุ อย่างเพ่งเล็งกันไปหมด เวลาก็ งวดเข้ ามาอีก พอจบ ก็ต้องท�ำงาน และท�ำงาน อะไรดีละ่ แพรไม่ร้ ู แพรไม่ร้ ูจะท�ำยังไงดี นี่ละ ข้ อเสียของความไม่แน่นอน ไม่ร้ ูสิ มันอาจจะ ไม่ใช่เหตุผลที่ท�ำให้ แพรตัดสินใจท�ำแบบนัน้ แต่ต้องมีอะไรบางอย่างที่ท�ำให้ ความรู้ สกึ สิ ้น หวังประดังเข้ ามาในชีวติ จนรู้สกึ ถึงความกลวง โบ๋ของร่ างกายก็ได้ นายคงงงสินะ” ผมพยัก หน้ าเขินๆ “แล้ วหลังความตายเป็ นยังไงมัง่ ?” เรามองเปลวคลื่นสีทองก�ำลังระบ�ำเล่นล้ อ “ก็เห็นๆ อยู่ สวยๆ เลิศๆ” เธอสะบัด ผมและท�ำแววตาทรงสเน่ห์พลางยักไหล่เบา เรานัง่ กันเงียบเชียบปล่อยให้ สายน� ้ำบรรเลง คลื่นให้ ฟัง “แพรไม่ร้ ู หรอก แต่แพรรู้ ว่าต้ องมา บอกกับนาย” เธอกล่าว

“บอก?” ผมสงสัย

“บางทีแพรก็อยากจะเดินไปบอกนะ แต่มนั มีอะไรบางอย่างที่ท�ำให้ ไม่กล้ าน่ะ แล้ ว ตอนนี ้ก็ร้ ู สึกว่ากฏเกณฑ์ทกุ อย่างถูกท�ำลาย จนสามารถท�ำอะไรก็ได้ ” ผมยังงงกับค�ำพูด ของเธอ

“มันก็ตงแต่ ั ้ วนั ฝนตกนัน่ แหละ แพร ชอบคุณนะ” รอยยิ ้มของเธอช่างงดงาม จนผม ต้ องยิ ้มตามด้ วยความเขิน และผมท�ำได้ เพียง เหม่อมองคลื่นน� ้ำเพื่อบรรเทาอาการนัน้

“เราก็ชอบแพรนะ” ผมตอบ

ทุกอย่างเหลือเพียงความว่างเปล่า เธอหายไปตอนไหนกัน? เสียงฟ้าร้ องที่ดงั ขึ ้น มาดื ้อๆ ท�ำให้ ผมต้ องลุกจากทีน่ ี่ไปนัง่ ในศาลา ข้ างใน และสายฝนที่เพิ่งลงเม็ดท�ำให้ ผม คิดถึงรอยยิม้ ของแพรจนผมเริ่มร้ องไห้


ที่มา : O-N issue 10 | ไม่ตลก


แพ้

มเคยคิดว่าสิง่ ที่เจ็บแสบที่สดุ ในชีวิตคือแผลหกล้ มตอนประถม...ความจริ ง แล้ วแผลถลอกเลือดซิบมันยังพอทนไหว แต่ เมื่อไปถึงห้ องพยาบาลและครู หญิ งร่ างอ้ วน ตัดสินใจบีบยาทาแผลลงไป... นั่น คื อ สิ่ ง ที ่ เ จ็ บ แสบที ่ สุด ในตอน นัน้ ...ถึงตอนนีก้ ็เถอะ ช่วงประถมของผมถือเป็ นจุดเปลีย่ น ส�ำคัญในชีวิต จริ งๆ มันไม่ต่างอะไรกับจุด เปลี่ ย นที่ พ วกศิ ล ปิ นเขาบอกตามโทรทัศ น์ หรอก มันยิ่งใหญ่และมีพลังพอๆ กัน เพราะ ผมเพิ่ ง รู้ ว่ า ดิ น น� ำ้ มัน ที่ ปั น้ สิ ง โต มัน เอาไว้ ส�ำหรับปาลงพื ้นว่ะ! เจ๋งชะมัด... ให้ ตายเถอะ ผมจ�ำตอนนันได้ ้ อย่าง กับเพิ่งเกิดขึ ้นเช้ านี ้ พี่ๆ ชันโตกว่ ้ าก�ำลังมุงดู ชายสองคนที่ เอาเสือ้ ออกนอกกางเกงและ พูดจาทับถมกันด้ วยวาจาหยาบคาย ขนแขนผมลุกซู่อย่างกับเจอปี ศาจ มัน แปลกจริ ง ๆ ที่ ค� ำ เหล่า นัน้ มัน เข้ า ไปใน สมองผมและไม่เคยกระฉอกออกมาเลยนับแต่ นัน้ มันคือการท�ำลายกรอบของโรงเรียนทีช่ อบ พูดว่า “คุณครูจะให้ หวั หน้ าห้ องจดชือ่ นักเรียน ที่ไม่เอาเสื ้อไว้ ในกางเกง” และ “ห้ ามเล่นปา

ดินน� ้ำมันนะคะนักเรียน มันสกปรก พื ้นจะเป็ น รอย แล้ วมื อนักเรี ยนก็ จะเลอะด้ วยนะคะ” ภาพทีผ่ มเห็นได้ ฉีกกระดาษทีเ่ ขียนกฎพวกนัน้ ไว้ อย่างไม่ไยดี แถมยังกระทืบเศษกระดาษ พวกนันซ� ้ ้ำอีก ระหว่างที่ผมเจอประสบการณ์ครัง้ แรกนัน้ ในใจเต็มไปด้ วยความกลัวสุดขัวจน ้ ผมเริ่ มจินตนาการถึงครู ฝ่ายปกครองใส่แว่น หน้ าตาร้ ายกาจเดินมา และตวาดเสียงขรมว่า “พวกเธอก�ำลังท�ำอะไรกัน! ครูจะโทรบอกพ่อ แม่เธอให้ หมด” เพียงความคิดแค่นี ้ในสมอง ผมก็แทบช็อคกับสิ่งที่เกิดขึน้ และเมื่อเสียง กริ๊ ง! ดังยาว ผมก็อดจะสะดุ้งไม่ได้

...

ในห้ องเรี ยน เพื่อนผมระบายเรื่ อง ราวตกค้ างของความคิดออกมาให้ ผมผู้ที่ไป เห็นมาด้ วยตาเช่นกันฟั ง “เฮ้ ย มึงว่าเราจะกินดินน� ้ำมันจากพี่ เขาได้ มยวะ” ั้ นัน่ คือ “มึง” แรกที่มีมนุษย์พดู กับผม และแน่นอนว่าผมจะตอบไปว่ากูกบั มึง เช่นกัน “กูวา่ ได้ ” ผมตอบแบบไม่ตดั ก�ำลังใจ เพือ่ น ตอนนันผมแทบจะหุ ้ บยิ ้มไว้ ไม่อยูก่ บั ค�ำ หยาบค�ำแรกที่พดู และมันก็เป็ นค�ำต้ องห้ าม


ของโรงเรี ยนเสียด้ วยสิ มันท�ำให้ ร้ ูสกึ ภูมิใจใน ตัว เองจนมี ค� ำ หยาบพรู ขึน้ ในสมองเต็ม ไป หมด ทังที ้ ่ร้ ู ความหมายบ้ างและไม่ร้ ู บ้าง แต่ ผมก็ยงั นับเพื่อให้ ร้ ู ว่าความสามารถที่จะพูด ค�ำพวกนี ้ไปถึงขันไหนแล้ ้ ว

เป็ นวงใหญ่สดุ ผมเห็นเพื่อนก�ำดินน� ้ำมันสีชา เย็นไว้ ก้อนหนึ่ง สีมนั ยังไม่ถกู ฝุ่ นดินหรื อหิน บนพื ้นเพราะดูสะอาด ผมคิดเอาเองว่าเราต่าง รู้ สกึ ปอดแหกไม่ต่างกัน และความเป็ นเด็กก็ ท�ำให้ ผมตัดสินใจเดินเข้ าไปข้ างๆ

ตกเย็ น ผมหวาดระแวงจนต้ อง เหลียวหลังไปมอง...

“มึงมาเล่นหรื อ?” เพื่อนผมถามด้ วย สรรพนามสแลง

ก็ผมดันลองเอาชายเสือ้ ออกนอก กางเกงน่ะสิ และแน่นอนว่าตอนนันมั ้ นเป็ น อะไรที่โคตรรู้ สกึ อันตรายจนอดไม่ได้ จริ งๆ ที่ จะรี บยัดมันกลับเข้ าไปเมื่อผ่านห้ องพักครู แต่ ผมแอบเศร้ าเล็กๆ ตรงที่ในห้ องนันไม่ ้ มีครูสกั คน และครู คนนันคื ้ อความกลัวของผมเองที่ คอยหยุดการกระท�ำแบบเดียวกับที่ครู(ที่เป็ น คนจริ งๆ)สอน

“และมึงอะ มาเล่นหรื อ” เขาแบมือ ออก ตอนเทีย่ งกว่าเช่นนี ้แสงแดดกระทบเหงือ่ เงาวับจนเห็นได้ ชดั

ความรู้ สกึ แบบนี ้หรื อเปล่าที่พวกพี่ เขาท�ำกัน แน่นอน เขาต้ องรู้ สึกดีสิ ผมถาม ตอบตัวเองอยู่หลายค�ำถามระหว่างเดินไป หลังตึกเรี ยนตอนพักเที่ยง หนึง่ ชัว่ โมงสีส่ บิ ห้ านาทีสำ� หรับเวลา ปรับความรู้ สกึ ให้ ผ่อนคลาย ตรงนันมี ้ ต้นสน อินเดียเป็ นแนวติดกับด้ านหลังตึกเลยท�ำให้ ผมและเพื่อนรอดพ้ นจากหูตาของครูได้ (บ้ าง) วงล้ อมเล็กๆ ของเด็กประถมคละชันมองเห็ ้ น อยู่สามสี่วง บ้ างก็มีพวกที่ก้มๆ เงยๆ ดีดลูก แก้ วตรงริ มทาง จริ งๆ ผมอายจนไม่กล้ าเข้ าไปถาม ว่า มันเล่นอย่างไร แต่เพื่อนในห้ องเดียวกัน ก�ำลังท�ำท่าเก้ ๆ กังๆ อยูร่ ิ มวงปาดินน� ้ำมันซึง่

ผมยิ ้มเจื่อนเพราะผมไม่มีดินน� ้ำมัน แต่ผมก็อยากจะลองว่าความรู้สกึ ของครัง้ แรก มันจะแสบสันเหมือนทีเ่ ขาร้ องโห่เมื่อฝ่ ายหนึง่ ถูกกินหรื อเปล่า มันจะสนุกกว่าการเล่นซ่อนแอบได้ อย่างไร? ผมอยากจะรู้ ผมจึงเอ่ยปากกับเพือ่ น ของผม “แบ่ ง ให้ กู ห น่ อ ยดิ ” ยัง ไม่ ทัน สิ น้ ประโยคเพือ่ นผมก็รีบเอาอีกมือดึงออกมาเป็ น ก้ อนประมาณครึ่ ง หนึ่ ง ความชื น้ ของมื อ ระหว่างยื่นมาให้ ผมรู้เลยว่าความกลัวก�ำลัง ท�ำให้ เพื่อนรี บท�ำอะไรบางอย่างที่ไม่อยากท�ำ แบบเดียวกับผมทีร่ ีบยัดชายเสื ้อตอนผ่านห้ อง พักครู

ผมสะกิดเพื่อนคนเดิม และบอกว่า

“ไปขอพี่เขาเล่นเหอะ” มีเพียงความ เงี ย บที่ ต อบผม และมั น ก็ พ ยั ก หน้ าเป็ น สัญญาณว่าให้ ผมเป็ นคนไปสิเองสิวะ!


เสียงโห่ร้องดีใจจากรุ่นพีแ่ ละเพือ่ นๆ ของเขาดังขึ ้นจนผมสะดุ้ง สายตาจากวงล้ อม นันมองตรงมายั ้ งผมจนผมอยากจะหายตัวไป ที่ไหนสักแห่ง มือของผมว่างเปล่า ดินน� ้ำมันสี ชาเย็นก�ำลังถูกมือเรี ยวยาวของชายผู้ก�ำลัง ก้ าวสู่วนั รุ่ นขย�ำให้ กลืนกับก้ อนใหญ่ของเขา และนี่คอื ความพ่ายแพ้ ครัง้ แรก ส่วนเพือ่ นของ ผมก็ตกอยูใ่ นชะตากรรมเดียวกัน

เราไม่ชินกับค�ำว่าแพ้ เลย!

ผมกับเพื่อนเดินห่างออกจากวงเล็ก น้ อย แต่ตายังมองจ้ องแกล้ งท�ำเป็ นสนใจจะ เล่นต่อ ทังที ้ ค่ วามจริงผมต้ องการวิง่ ไปบอกครู ฝ่ ายปกครองและให้ ครู ใช้ อ�ำนาจที่มีเอาดิน น� ้ำมันของผมและเพื่อนคืน แต่คงเป็ นไปไม่ได้ ตอนนัน้ ความสับ สนอัด แน่ น อยู่ใ นท้ อ งจน อยากจะอ้ วกหรื อร้ องไห้ แต่ผมก็ต้องรั กษา ฟอร์ มของผู้แพ้ ที่มีชนเชิ ั ้ ง ก็ถ้าผมฟูมฟายออก มาคงกลายเป็ นไอขี ้แพ้ ที่คนทังห้ ้ องรวมถึงครู ดูถูก ผมไม่อ ยากเป็ นต� ำ นานของโรงเรี ย น เพราะเรื่ องแย่ๆ มักจะถูกพูดถึงเสมอ

...

จนตอนนี ้ดินน� ้ำมันสีชาเย็นของผม คงกลายเป็ นปุ๋ยไปแล้ ว ซึง่ จริ งๆ เรื่ องนี ้อาจจะ เป็ นประตูสคู่ วามเลวร้ ายของชีวิตผมก็เป็ นได้ เพราะการแพ้ ครัง้ แรกท�ำให้ มีครัง้ สองและครัง้ ที่ร้อย ส่วนความกลัวก็กลายเป็ นครูหรื อใครก็ แล้ วแต่ที่มกั จะควบคุมผมไม่ให้ ท�ำอะไรอย่าง ใจคิด หรื อจริ งๆ แล้ วความกลัวเป็ นเรื่ องดีที่ไว้ คอยหยุดความบ้ าระห�่ำในตัวเองนะ? เรื่ องนี ้ ผมไม่แน่ใจ

ความตื่นเต้ นของผมถูกฝั งไว้ ตงแต่ ั้ ตอนนัน้ เหมือนกับตอนที่ผมเดินออกมาใน สถานะผู้พา่ ยแพ้ ความรู้สกึ ดีๆ จะถูกขังไว้ กบั ฝ่ ายที่มีชยั เสมอ ผมไม่เสียดายดินน� ้ำมันนัน่ เลย แต่ ผมเสี ยดายความกล้ าหาญและ ความหวังทีผ่ มท�ำหล่ นไว้ ตรงนั้นมากกว่ า

...


แสงจันทร์สะท้อนแจ่มชัด ดูมนั กลมโตกว่าทุก วัน ลมเงียบสนิทผิวน�้ำแทบไม่กระเพื่อม คลองซอมซ่อ รอแสงอาทิตย์เพือ่ ส่องสะท้อนความเจริญทางอารยะ มนุษย์ น�้ำสีด�ำกระทบคฤหาสน์สีขาว ไม่มีสักครั้งที่ ความขาวของสีบ้านจะมาเจือจุนน�้ำคล�ำ น�้ำใจมนุษย์ก็ เหือดแห้งไปกับแสงอาทิตย์ทรี่ อ้ นแรง ทัง้ แผดเผา แต่ ก็ ไม่มีสักครั้งที่จะเผาเผ่าโลกีย์ ให้มลาย เอาล่ะคงถึง เวลาที่ผมต้องไปเดินในนิทราสักพัก คุณคงคิดว่าผม เป็นคนเสียสติ แต่ ไม่เลย ผมแค่รู้ว่า “แสนแสบ” นั้น มีชีวิต เฮ้...แล้วคุณมีชีวิตหรือเปล่า? - นิรัติศัย บุญจันทร์ [ Columnist : A Short Story I Write ]


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.