บทเรียนเรื่อง การรับรู้และการเรียนรู้

การรับรู้และการเรียนรู้

จัดทาโดย 1. นางสาวกรรณิกา โยงรัมย์ รหัส 047 2. นางสาวกาญจนา เกือยรัมย์ รหัส 048

กรอบที่ 1

การรับรู้ (Perception) การรับรู้ หมายถึง การแปลความหมายจากการ สัมผัส โดยเริ่มตั้งแต่ การมีสิ่งเร้ามา กระทบ กับอวัยวะรับสัมผัสทั้งห้า และส่งกระแสประสาท ไปยังสมอง เพื่อการแปลความ

แบบทดสอบที่ 1 คาชี้แจง : จงเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สดุ 1. การรับรู้ในภาษาอังกฤษใช้คาว่าอะไร ก. perception

ข. preparation

ค. presentation

ง. application

2. การรับรู้หมายถึง ก. การตอบสนองของสมอง

ข. การแปลความหมายจากการสัมผัส

ค. การเรียนรู้ตลอดชีวิต

ง. การศึกษาพฤติกรรม

3. การรับรู้จะเริ่มต้นขึ้นเมื่อ...? ก. เมื่ออายุครบ 20 ปี

ข. เมื่อเริ่มเรียนรู้

ค. เมื่อมีสิ่งเร้ามากระทบ

ง. เมื่อมีความรัก

4. ในการรับรู้จะมีอวัยวะรับสัมผัสทั้งหมดกี่อย่าง ก. 1 อย่าง

ข. 3 อย่าง

ค. 5 อย่าง

ง. 7 อย่าง

5. การแปลความหมายจากการสัมผัส จะเกิดขึ้นที่ใด ก. หัวใจ

ข. ลาไส้เล็ก

ค. ลาไส้ใหญ่

ง. สมอง

เฉลยแบบทดสอบที่ 1 ข้อ1 ตอบ ก. เพราะ perception(การรับรู้) ข. preparation(การเตรียม) ค. presentation(การสอน) ง. application(การใช้) ข้อ2 ตอบ ข. เพราะการรับรู้ หมายถึง การแปลความหมายจากการสัมผัส ข้อ3 ตอบ ค. เพราะ การรับรู้ หมายถึง การแปลความหมายจากการสัมผัส โดย เริ่มตั้งแต่ การมีสิ่งเร้ามา กระทบกับอวัยวะรับสัมผัส ข้อ4 ตอบ ค. เพราะ การรับรู้ หมายถึง การแปลความหมายจากการสัมผัส โดย เริ่มตั้งแต่ การมีสิ่งเร้ามา กระทบกับอวัยวะรับสัมผัสทั้งห้าคือ ตา หู จมูก ลิ้น และผิวหนัง ข้อ5 ตอบ ง. เพราะมีสิ่งเร้ามา กระทบกับอวัยวะรับสัมผัสทั้งห้า และส่งกระแส ประสาท ไปยังสมอง เพื่อการแปลความ

กรอบที่ 2 กระบวนการของการรับรู้ (Process)

กระบวนการของการรับรู้ (Process) เป็นกระบวนการที่คาบเกี่ยวกันระหว่าง เรื่องความเข้าใจ การคิด การรู้สึก(Sensing) ความจา(Memory) การเรียนรู้ (Learning) การตัดสินใจ(Decision making) Sensing -----> Memory ------> Learning -------> Decision making

กระบวนการของการรับรู้ เกิดขึ้นเป็นลาดับดังนี้ สิ่งเร้าไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ หรือสถานการณ์ มาเร้าอินทรีย์ทาให้เกิดการ สัมผัส (Sensation) และเมื่อเกิดการสัมผัสบุคคลจะเกิดมีอาการแปลการสัมผัสและมี เจตนา(Conation) ที่จะแปลสัมผัสนั้นการแปลสัมผัสจะเกิดขึ้นในสมองทาให้เกิด พฤติกรรมต่างๆ เช่น การที่เราได้ยินเสียงดัง ปังปัง ๆ สมองจะแปลเสียงดังปังปัง โดยเปรียบเทียบกับเสียง ที่เคยได้ยินว่าเป็น เสียงของอะไร เสียงปืน เสียงระเบิด เสียงพลุ เสียงประทัด เสียงของท่อไอเสียรถ เสียงเครื่องยนต์ระเบิดหรือเสียงอะไร ในขณะเปรียบเทียบ จิตต้องมีเจตนา ปนอยู่ ทาให้เกิดแปลความหมายและต่อไปก็รู้ ว่า เสียงที่ได้ยินนั่นคือเสียงอะไร อาจเป็นเสียงปืนเพราะบุคคลจะแปลความหมายได้ ถ้าบุคคลเคย มีประสบการณ์ในเสียงปืนมาก่อนและอาจแปลได้ว่าปืนที่ดังเป็นปืน ชนิดใด ถ้าเขาเป็นตารวจ

กรอบที่ 2

จากตัวอย่างข้างต้นนี้ เราอาจสรุป กระบวนการรับรู้ จะเกิดได้จะต้องมี องค์ประกอบดังต่อไปนี้ 1. มีสิ่งเร้า ( Stimulus ) ที่จะทาให้เกิดการรับรู้ เช่น สถานการณ์ เหตุการณ์ สิ่งแวดล้อม รอบกาย ที่เป็น คน สัตว์ และสิ่งของ 2. ประสาทสัมผัส ( Sense Organs ) ที่ทาให้เกิดความรู้สึกสัมผัส เช่น ตาดู หูฟัง จมูกได้ กลิ่น ลิ้นรู้รส และผิวหนังรู้ร้อนหนาว 3. ประสบการณ์ หรือความรู้เดิมที่เกี่ยวข้องกับสิ่งเร้าที่เราสัมผัส 4. การแปลความหมายของสิ่งที่เราสัมผัส สิ่งที่เคยพบเห็นมาแล้วย่อมจะ อยู่ในความทรงจาของสมอง เมื่อบุคคลได้รบั สิ่งเร้าสมองก็จะทาหน้าที่ ทบทวนกับความรู้ที่มีอยู่เดิมว่า สิ่งเร้านั้นคืออะไรเมื่อมนุษย์เราถูกเร้าโดย สิ่งแวดล้อม ก็จะเกิดความรู้สึกจากการสัมผัส (Sensation) โดยอาศัย อวัยวะสัมผัสทั้ง 5 คือ ตา ทาหน้าที่ดูคือ มองเห็น หูทาหน้าที่ฟังคือ ได้ยิน ลิ้นทาหน้าที่รู้รส จมูก ทาหน้าที่ดมคือได้กลิ่น ผิวหนังทาหน้าที่ สัมผัสคือรู้สึกได้อย่างถูกต้อง กระบวนการรับรู้ ก็สมบูรณ์แต่จริงๆ แล้วยังมีการสัมผัสภายในอีก 3 อย่างด้วยที่จะช่วยให้เรารับสัมผัสสิ่งต่างๆ

แบบทดสอบที่ 2 คาชี้แจง : จงเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุด 1. ข้อใดเรียงลาดับของกระบวนการรับรู้ได้อย่างถูกต้อง ก. Sensing --> Memory --> Learning --> Decision Making ข. Learning --> Memory --> Sensing --> Decision Making ค. Sensing --> Decision Making --> Learning --> Memory ง. Learning -->Sensing --> Memory --> Decision Making 2. ก. ข. ค. ง.

ข้อไม่ใช่องค์ประกอบของการรับรู้ มีสิ่งเร้า ประสบการณ์ ประสาทสัมผัส ความสามารถ

3. ก. ข. ค. ง.

ข้อใดต่อไปนี้กล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับประสาทสัมผัส ตา-ดู ลิ้น-รู้ร้อนหนาว หู-ฟัง จมูก-ได้กลิ่น

เฉลยแบบทดสอบที่ 2

ข้อ 1 ตอบ ก. การรับรู้เป็นกระบวนการที่คาบเกี่ยวกันระหว่างเรื่อง Sensing --> Memory --> Learning --> Decision Making ข้อ 2 ตอบ ง. เพราะกระบวนการรับรู้จะเกิดได้จะต้องมีองค์ประกอบ ดังต่อไปนี้ 1. มีสิ่งเร้า 2. ประสาทสัมผัส 3. ประสบการณ์ 4. การแปลความหมายของสิ่งที่เราสัมผัส ข้อ 3 ตอบ ข. เพราะประสาทสัมผัสที่ทาให้เกิดความรู้สึกสัมผัส เช่น ตาดู หูฟัง จมูกได้ กลิ่น ลิ้นรู้รส และผิวหนังรู้ร้อนหนาว

กรอบที่ 3

กลไกของการรับรู้ กลไกการรับรู้เกิดขึ้นจากทั้งสิ่งเร้าภายนอกและภายในอินทรีย์มีอิทธิพลต่อพฤติ กรรม อวัยวะรับสัมผัส(Sensory organ)เป็นเครื่องรับสิ่งเร้าของมนุษย์ ส่วนที่รับ ความรู้สึกของอวัยวะรับสัมผัสอาจอยู่ลึกเข้าไปข้างในมองจากภายนอกไม่เห็นอวัยวะ รับสัมผัสแต่ละอย่างมีประสาทรับสัมผัส (Sensory nerve) ช่วยเชื่อมอวัยวะรับ สัมผัสกับเขตแดนการรับสัมผัสต่าง ๆ ที่สมอง และส่งผ่านประสาทมอเตอร์ (Motor nerve)ไปสู่อวัยวะมอเตอร์ (Motor organ)ซึ่งประกอบไปด้วยกล้ามเนื้อ และต่อมต่างๆ ทาให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองของอวัยวะมอเตอร์และจะออกมาในรูป ใดขึ้นอยู่กับ การบังคับบัญชาของระบบประสาท ส่วนสาเหตุที่มนุษย์เราสามารถ ไวต่อความรู้สึกก็เพราะเซลประสาทของประสาทรับสัมผัสแบ่งแยกแตกออกเป็นกิ่ง ก้านแผ่ไปติดต่อกับ อวัยวะรับสัมผัส และที่อวัยวะรับสัมผัสมีเซลรับสัมผัส ที่มี คุณสมบัติเฉพาะตัวจึงสามารถทาให้มนุษย์รับสัมผัสได้ จิตใจติดต่อกับโลกภายนอก ได้โดยการสัมผัส

แบบทดสอบที่ 3 1. กลไกของการรับรู้เกิดขึ้นจาก ก. สิ่งเร้าภายนอก ข. สิ่งเร้าภายใน ค. สิ่งเร้าในธรรมชาติ ง. ถูกทั้ง ก. และ ข.

2. เครื่องรับสิ่งเร้าของมนุษย์เรียกว่าอะไร ก. พฤติกรรม ข. สิ่งเร้า ค. อวัยวะรับสัมผัส ง. สติปัญญา 3. ข้อใดไม่ใช่อวัยวะมอเตอร์ ก. กล้ามเนื้อ ข. ต่อมต่าง ๆ ค. หัวใจ ง. ไม่มีข้อถูก

เฉลยแบบทดสอบที่ 3 ข้อ 1 ตอบ ง. เพราะกลไกการรับรู้เกิดขึน้ จากทั้ง สิ่งเร้าภายนอกและภายใน อินทรีย์ ข้อ 2 ตอบ ค. เพราะอวัยวะรับสัมผัส (Sensory organ) เป็น เครื่องรับสิ่งเร้า ของมนุษย์ ส่วนที่รับความรู้สึกของอวัยวะรับสัมผัสอาจอยู่ลึกเข้าไปข้างใน มองจาก ภายนอกไม่เห็น ข้อ 3 ตอบ ค. เพราะอวัยวะมอเตอร์ (Motor organ) ซึ่งประกอบไปด้วย กล้ามเนื้อและต่อมต่างๆ ทาให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองของอวัยวะมอเตอร์ และจะ ออกมาในรูปใดขึ้นอยู่กับ การบังคับบัญชาของระบบประสาท

กรอบที่ 4

องค์ประกอบของการรับรู้

1. สิ่งเร้าได้แก่วัตถุ แสง เสียง กลิ่น รสต่างๆ 2. อวัยวะรับสัมผัส ได้แก่ หู ตา จมูก ลิ้น ผิวหนัง ถ้าไม่สมบูรณ์จะ ทาให้สูญเสียการรับรู้ได้ 3. ประสาทในการรับสัมผัสเป็นตัวกลางส่งกระแสประสาทจากอวัยวะรับ สัมผัสไปยังสมองส่วนกลาง เพื่อการแปลความต่อไป 4. ประสบการณ์เดิม การรู้จัก การจาได้ ทาให้การรับรู้ได้ดีขึ้น 5. ค่านิยม ทัศนคติ 6. ความใส่ใจ ความตั้งใจ 7. สภาพจิตใจ อารมณ์ เช่น การคาดหวัง ความดีใจ เสียใจ 8. ความสามารถทางสติปัญญา ทาให้รับรู้ได้เร็ว

แบบทดสอบที่ 4 1. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่สิ่งเร้า ก. แสง ข. เสียง ค. กลิ่น ง. ผิวหนัง 2. ก. ข. ค. ง.

ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบของการรับรู้ สิ่งเร้า ค่านิยม พลังงาน ประสบการณ์

3. ก. ข. ค. ง.

ข้อใดต่อไปนี้ทาให้เกิดการรับรู้ที่ดีขึ้น ประสบการณ์เดิม สภาพจิตใจ อวัยวะรับสัมผัส ความสามารถทางสติปัญญา

เฉลยแบบทดสอบที่ 4

ข้อ 1 ตอบ ง. เพราะสิ่งเร้าได้แก่วัตถุ แสง เสียง กลิ่น รสต่างๆ ส่วนผิวหนัง คืออวัยวะรับสัมผัส ข้อ 2 ตอบ ค. เพราะองค์ประกอบของการรับรู้มีดังนี้ อวัยวะรับสัมผัส ประสาทในการรับสัมผัส ประสบการณ์เดิม ค่านิยม ทัศนคติ ความใส่ใจ ความตั้งใจ สภาพจิตใจ อารมณ์ ความสามารถทางสติปัญญา

ข้อ 3 ตอบ ก. เพราะ ประสบการณ์เดิม การรู้จัก การจาได้ ทาให้การรับรู้ได้ดีขึ้น

กรอบที่ 5

การจัดระบบการรับรู้

มนุษย์เมื่อพบสิ่งเร้าไม่ได้รับรู้ตามที่สิ่งเร้าปรากฏแต่จะนามาจัดระบบ ตามหลักดังนี้ 1. หลักแห่งความคล้ายคลึง (Principle of similarity) สิ่งเร้าใดที่ มีความคล้ายกันจะรับรู้ว่าเป็นพวกเดียวกัน 2. หลักแห่งความใกล้ชิด (Principle of proximity) สิ่งเร้าที่มีความ ใกล้กันจะรับรู้ว่าเป็นพวกเดียวกัน 3. หลักแห่งความสมบูรณ์ (Principle of closure) เป็นการรับรู้สิ่ง ที่ไม่สมบูรณ์ให้สมบูรณ์ขึ้น

แบบทดสอบที่ 5 1. การจัดระบบการรับรู้มีกี่หลัก ก. 1

ข. 2

ค. 3

ง. 4

2. สิ่งเร้าใดที่มีความคล้ายกันจะรับรู้ว่าเป็นพวกเดียวกันคือการจัดระบบ ตามหลักการใด ก. หลักแห่งความใกล้ชิด ข. หลักแห่งความคล้ายคลึง ค. หลักแห่งความสมบูรณ์ ง. หลักแห่งความพร้อม 3. principle of closue คืออะไร ก. หลักแห่งความพร้อม ข. หลักแห่งความคล้ายคลึง ค. หลักแห่งความใกล้ชิด ง. หลักแห่งความสมบูรณ์

เฉลยแบบทดสอบที่ 5

ข้อ 1 ตอบ ค. เพราะการจัดระบบมีหลักดังนี้ 1. หลักแห่งความคล้ายคลึง 2. หลักแห่งความใกล้ชิด 3. หลักแห่งความสมบูรณ์ ข้อ 2 ตอบ ก. เพราะ หลักแห่งความใกล้ชิด(Principle of proximity) สิ่งเร้าที่มีความใกล้กันจะรับรู้ว่าเป็นพวกเดียวกัน ข้อ 3 ตอบ ง. เพราะ 1. หลักแห่งความคล้ายคลึง (Principle of similarity) 2. หลักแห่งความใกล้ชิด (Principle of proximity) 3. หลักแห่งความสมบูรณ์ (Principle of closure)

กรอบที่ 6

ความคงที่ของการรับรู้

ความคงที่ของการรับรู้ ( Perceptual constancy ) ความคงที่ในการรับรู้มี 3 ประการ ได้แก่ 1. การคงที่ของขนาด 2. การคงที่ของรูปแบบ รูปทรง 3. การคงที่ของสีและแสงสว่าง

แบบทดสอบที่ 6 1. ความคงที่ในการรับรู้มีกี่ประเภท ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4 2. ข้อใดไม่ใช่ความคงที่ในการรับรู้ ก. การคงที่ของขนาด ข. การคงที่ของรูปแบบ รูปทรง ค. การคงที่ของสีและแสงสว่าง ง. การคงที่ของพฤติกรรม

เฉลยแบบทดสอบที่ 6

ข้อ 1 ตอบ ค. ข้อ 2 ตอบ ง. เพราะความคงที่ในการรับรู้มี 3 ประการ ได้แก่

1. การคงที่ของขนาด 2. การคงทีข่ องรูปแบบ รูปทรง 3. การคงทีข่ องสีและแสงสว่าง

กรอบที่ 7

การรับรู้ที่ผิดพลาด

การรับรู้ที่ผิดพลาด แม้ว่ามนุษย์มีอวัยวะรับสัมผัสถึง 5 ประเภท แต่มนุษย์ก็ยังรับรู้ผดิ พลาดได้ เช่น ภาพลวงตา การรับฟังความบอกเล่า ทาให้เรื่องบิดเบือนไป การมีประสบการณ์และค่านิยมที่แตกต่างกัน ดังนั้นการรับรู้ถ้าจะให้ถูกต้องจะต้องรับรู้โดยผ่านประสาทสัมผัสหลายทาง ผ่านกระบวนการคิดไตร่ตรองให้มากขึ้น

แบบทดสอบที่ 7

1. มนุษย์มีอวัยวะรับสัมผัสกี่ประเภท ก. 3 ข. 5 ค. 7 ง. 9 2. ก. ข. ค. ง.

ข้อใดต่อไปนี้คือการรับรู้ที่ผิดพลาด ภาพลวงตา การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การรับรสต่าง ๆ ความสามารถพิเศษ

3. ก. ข. ค. ง.

การรับรู้ถ้าจะให้ถูกต้อง ต้องรับรู้โดยผ่าน หัวใจ สมอง ผิวหนัง ลาไส้

เฉลยแบบทดสอบที่ 7

ข้อ 1 ตอบ ข. เพราะ มนุษย์มีอวัยวะรับสัมผัส 5 ประเภท คือ ตา หู จมูก ลิ้น ผิวหนัง ข้อ 2 ตอบ ก. เพราะ แม้ว่ามนุษย์มีอวัยวะรับสัมผัสถึง 5 ประเภทแต่มนุษย์ก็ยัง รับรู้ผิดพลาดได้ เช่น ภาพลวงตา ข้อ 3 ตอบ ข. เพราะ การรับรู้ถ้าจะให้ถูกต้อง จะต้องรับรู้โดยผ่าน ประสาท สัมผัสหลายทาง ผ่านกระบวนการคิดไตร่ตรองให้มากขึ้นโดยใช้สมอง

กรอบที่ 8

การเรียนรู้ ความหมายของการเรียนรู้ นักจิตวิทยาหลายท่านให้ความหมายของการเรียนรู้ไว้ เช่น

คิมเบิล

( Kimble , 1964 ) การเรียนรู้ เป็นการเปลี่ยนแปลงค่อน ข้างถาวรในพฤติกรรม อันเป็นผลมาจากการฝึกที่ได้รับการเสริมแรง

ฮิลการ์ด

และ เบาเวอร์ (Hilgard & Bower, 1981) การเรียนรู้ เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม อันเป็นผลมาจากประสบการณ์ และการฝึก ทั้งนี้ไม่รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมที่เกิดจากการ ตอบสนองตามสัญชาตญาณ ฤทธิ์ของยา หรือสารเคมี หรือปฏิกิริยา สะท้อนตามธรรมชาติของมนุษย์

แบบทดสอบที่ 8 1. การเรียนรู้ เป็นการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างถาวรในพฤติกรรม เป็นการให้ความหมายของนักจิตวิทยาท่านใด ? ก. Kemble ข. Bower ค. Kemp ง. Hilgard 2. การเรียนรู้เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงของ ? ก. ร่างกาย ข. อารมณ์ ค. พฤติกรรม ง. สติปัญญา 3. การเรียนรู้ เป็นการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างถาวรในพฤติกรรม อันเป็นผลมาจากการฝึกที่ได้รับการ…? ก. การรับรู้ ข. การเสริมแรง ค. การตอบสนอง ง. การเปลี่ยนแปลง

เฉลยแบบทดสอบที่ 8 ข้อ 1. ตอบ ก. ข้อ 2 ตอบ ค. ข้อ 3 ตอบ ข.

กรอบที่ 9

ประสบการณ์ทางตรง คือประสบการณ์ที่บุคคลได้พบหรือสัมผัสด้วยตนเองเช่นเด็กเล็กๆที่ยังไม่เคยรู้จัก หรือเรียนรู้คาว่า “ร้อน” เวลาที่คลานเข้าไปใกล้กาน้าร้อนแล้วผู้ใหญ่บอกว่าร้อน และห้ามคลานเข้าไปหา เด็กย่อมไม่เข้าใจและคงคลานเข้าไปหาอยู่อีกจนกว่าจะได้ ใช้มือหรืออวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายไปสัมผัสกาน้าร้อนจึงจะรู้ว่ากาน้าที่ว่า ร้อนนั้นเป็นอย่างไร ต่อไป เมื่อเขาเห็นกาน้าอีกแล้วผู้ใหญ่บอกว่ากาน้านั้นร้อนเขา จะไม่คลานเข้าไปจับกาน้านั้นเพราะเกิดการเรียนรู้คาว่าร้อนที่ผู้ใหญ่บอกแล้วเช่นนี้ กล่าวได้ว่า ประสบการณ์ ตรงมีผลทาให้เกิดการเรียนรู้เพราะมีการเปลี่ยนแปลง ที่ทาให้เผชิญกับสถานการณ์เดิมแตกต่างไปจากเดิม ในการมีประสบการณ์ตรง บางอย่างอาจทาให้บุคคลมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมแต่ไม่ถือว่าเป็นการเรียนรู้ ได้แก่

แบบทดสอบที่ 9 1. ประสบการณ์ตรงคือ ก. ประสบการณ์ที่บุคคลได้พบหรือสัมผัสด้วยตนเอง ข. ประสบการณ์ที่บุคลอื่นเล่าให้ฟัง ค. ประสบการณ์ที่ตนเองไม่ได้เป็นคนทาให้เกิด ง. ไม่มีข้อถูก 2. ก. ข. ค. ง.

ข้อใดต่อไปนี้คือพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดประสบการณ์ตรง พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงจากการรับรู้ พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงจากการเรียนรู้ พฤติกรรมที่เกิดจากปฏิกิริยาสะท้อน พฤติกรรมที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของโลก

เฉลยแบบทดสอบที่ 9 ข้อ 1 ตอบ ก. เพราะ ประสบการณ์ทางตรงคือคือประสบการณ์ ที่บุคคลได้พบหรือสัมผัสด้วยตนเอง ข้อ 2 ตอบ ค. เพราะ ประสบการณ์ทางตรงประกอบด้วย 1. พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงเนื่องจากฤทธิ์ยา 2. พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงเนื่องจากความเจ็บปุวยทางกายหรือ ทางใจ 3. พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงเนื่องจากความเหนื่อยล้าของร่างกาย 4. พฤติกรรมที่เกิดจากปฏิกิริยาสะท้อนต่างๆ

กรอบที่ 10

ประสบการณ์ทางอ้อม

คือ ประสบการณ์ที่ผู้เรียนมิได้พบหรือสัมผัสด้วยตนเองโดยตรงแต่อาจ ได้รับประสบการณ์ทางอ้อมจาก การอบรมสั่งสอนหรือการบอกเล่า การอ่านหนังสือต่างๆ และการรับรู้จากสื่อมวลชนต่าง ๆ

แบบทดสอบที่ 10 1. ประสบการณ์ทางอ้อมคือ ก. ประสบการณ์ที่เราพบเจอด้วยตนเอง ข. ประสบการณ์ที่บุคคลได้รับจากการบอกเล่า ค. ประสบการณ์ที่ทาให้เราคิด จิตนาการไปเอง ง. ประสบการณ์ที่ผู้คนอื่นทาให้เกิดกับเราเอง 2. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่ประสบการทางอ้อม ก. การบอกเล่า ข. การอ่านหนังสือต่าง ๆ ค. การรับรู้สื่อจากมวลชน ง. การที่ตัวเราเองขับรถล้ม

เฉลยแบบทดสอบที่ 10 ข้อ 1 ตอบ ข. เพราะคือ ประสบการณ์ที่ผู้เรียนมิได้พบหรือสัมผัสด้วยตนเอง โดยตรง แต่อาจได้รับประสบการณ์ทางอ้อมจาก การอบรมสั่งสอนหรือการ บอกเล่า การอ่านหนังสือต่างๆ และการรับรู้จากสื่อมวลชนต่างๆ

ข้อ 2 ตอบ ง. เพราะประสบการณ์ทางอ้อมได้จากการอบรมสัง่ สอนหรือการ บอกเล่า การอ่านหนังสือต่างๆ และการรับรู้จากสื่อมวลชนต่างๆ

กรอบที่ 11

จุดมุ่งหมายของการเรียนรู้ พฤติกรรมการเรียนรูต้ ามจุดมุ่งหมายของนักการศึกษาซึ่งกาหนดโดย บลูม และคณะ (Bloom and Others ) มุ่งพัฒนาผู้เรียนใน 3 ด้าน ดังนี้ 1. ด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain) คือ ผลของการเรียนรู้ที่เป็นความ สามารถทางสมอง ครอบคลุมพฤติกรรมประเภท ความจา ความเข้าใจ การนาไปใช้ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์และประเมินผล 2. ด้านเจตพิสัย (Affective Domain ) คือ ผลของการเรียนรู้ที่เปลี่ยนแปลง ด้านความรู้สึก ครอบคลุมพฤติกรรมประเภท ความรู้สึก ความสนใจ ทัศนคติ การประเมินค่าและค่านิยม 3. ด้านทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) คือ ผลของการเรียนรู้ที่เป็น ความสามารถด้านการปฏิบัติ ครอบคลุมพฤติกรรมประเภท การเคลื่อนไหว การกระทา การปฏิบัติงาน การมีทักษะและความชานาญ

แบบทดสอบที่ 11 1. บลูมและคณะกาหนดจุดมุ่งหมายของการเรียนรู้ไว้กี่ด้าน ก. 2 ข. 3 ค. 4 ง. 5 ใช้คาตอบต่อไปไปนี้ตอบคาถามในข้อ 2-5 ก. จิตพิสัย ข. พุทธิพิสัย ค. เจตพิสัย ง. ทักษะพิสัย 2. จุดมุ่งหมายของการเรียนรู้ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่ 3. Cognitive Domain คือ..........

4. Affective Domain คือ..........

5. Psychomotor Domain คือ..........

เฉลยแบบทดสอบที่ 11

ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ

1 2 3 4 5

ตอบ ตอบ ตอบ ตอบ ตอบ

ข. ก. ข. ค. ง.

บลูม และคณะ (Bloom and Others ) มุ่งพัฒนาผู้เรียนใน 3 ด้าน ดังนี้ 1. ด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain) 2. ด้านเจตพิสัย (Affective Domain ) 3. ด้านทักษะพิสัย (Psychomotor Domain)

กรอบที่ 12

องค์ประกอบสาคัญของการเรียนรู้ ดอลลาร์ด และมิลเลอร์ (Dallard and Miller) เสนอว่าการเรียนรู้ มีองค์ประกอบสาคัญ 4 ประการ คือ 1.

2.

3.

4.

แรงขับ (Drive) สิ่งเร้า (Stimulus) การตอบสนอง (Response) การเสริมแรง (Reinforcement)

แบบทดสอบที่ 12

1. ใครเป็นคนเสนอว่าการเรียนรู้มีองค์ประกอบสาคัญ 4 ประการ ก. บลูม และ คณะ ข. ดอลเลอร์ และ มิลเลอร์ ข. ดิค และ คาร์เรย์ ง. บราวน์ และ คณะ 2. ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบของการเรียนรู้ ก. แรงขับ ข. พลังงาน ค. การตอบสนอง ง. การเสริมแรง 3. Response คือ ก. แรงขับ ข. สิ่งเร้า ค. การตอบสนอง ง. การเสริมแรง 4. การเสริมแรงในภาษาอังกฤษคือ ก. inforgrafic ข. stimulus ค. dallard ง. reinforcement

เฉลยแบบทดสอบที่ 12 ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ

1.

2.

3.

4.

ตอบ ตอบ ตอบ ตอบ

ข. ข. ค. ง.

ดอลลาร์ด และมิลเลอร์ (Dallard and Miller) เสนอว่าการเรียนรู้ มีองค์ประกอบสาคัญ 4 ประการ คือ 1.

2.

3.

4.

แรงขับ (Drive) สิ่งเร้า (Stimulus) การตอบสนอง (Response) การเสริมแรง (Reinforcement)