มุ่งเน้นการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูโดยการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ของนิสิตฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูในฐานะผู้ ศึกษาเรียนรู้เพื่อนำไปปฏิบัติหน้าที่ครูในอนาคตได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีความคาดหวังว่า
ก คำนำ การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูตั้งแต่ ครั้งที่ 1 กระทั่งใน ครั้งที่ 3 ล้วนแล้วมีเจตนาและจุดประสงค์เพื่อ
นิสิตจะสามารถนำองค์ความรู้และประสบการณ์ไปปรับใช้เพื่อพัฒนาวิชาชีพและสังคม ผู้จัดทำต้องขอขอบคุณอาจารย์ประจำรายวิชา ประธานหลักสูตรการศึกษาบัณฑิตสาขาวิชาสังคม ศึกษา คณะอาจารย์ประจำหลักสูตร อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ผู้สอนในทุก ๆ รายวิชา ตลอดทั้งสถานศึกษา และครูพี่เลี้ยงประจำกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ซึ่ เป็นผู้ประสาทองค์ความรู้ทางวิชาการและประสบการณ์ต่าง ๆ ให้แก่กระผม มา ณ โอกาสนี้ โดยผู้จัดทำมี ความคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการจัดการเรียนรู้ และวิชาชีพครูอย่างมีคุณภาพต่อไป นายจักรพงษ์ อุไรศรี
ข สารบัญ คำนำ ก สารบัญ ข การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู 1 1 การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู 2 5 การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู 3 9 อ้างอิง 12
3/6 ซึ่งในการสังเกตครั้งนี้กระผมพบว่าอาจารย์ผู้สอนได้มีการเรียนการสอนในหัวข้อเมริกาโดย ใช้การ์ดเกมเสริมความรู้ก่อนทำการเล่นเกมอาจารย์ได้แบ่งกลุ่ม จากนั้นจึงอธิบายกติกาและวิธีการเล่นให้แก่
1 การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู 1 ในการฝึกประการณ์วิชาชีพครูในครั้งที่ 1 นั้น กระผมได้เริ่มการฝึกประสบการณ์ในโรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝ่ายมัธยม) โดยศึกษาสังเกตนักเรียน ครู ผู้บริหาร บุคลากร สื่อการสอน การจัด สภาพแวดล้อม และอาคารสถานที่ในสถานศึกษาเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับระบบการทำงานของครู และนำ ข้อมูลที่ได้จาก สภาพการณ์จริงมาวิเคราะห์เชื่อมโยงกับแนวคิดทฤษฎี ทำให้นิสิตเกิดประสบการณ์ตลอดจน การพัฒนาศักยภาพ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการออกฝึกประสบการณ์สอนในชั้นปีที่ 4 ต่อไป โดยได้เริ่มสังเกตการณ์จัดการเรียนการสอนครั้งแรก วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ในระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่
นักเรียน ในการ์ดจะมีข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทวีปอเมริกา เช่น โคลัมบัส เป็นต้น จากการสังเกตพบว่า นักเรียนค่อนข้างให้ความสนใจ และสนุกกับการเรียนโดยใช้การด์เกม แต่เนื่องจากเป็นการเรียนรู้แบบเป็นกลุ่ม ประกอบกับความสนุกของนักเรียนส่งผลให้มีปัญหาเสียงที่ดังอยู่บ้าง แต่อาจารย์ได้คอยควบคุมอยู่ตลอดทำให้ การเรียนค่อนข้างราบรื่น
2
มัธยมศึกษาปีที่
โปรเจคเตอร์และมีวีดีโอให้ผู้เรียนได้ดูศึกษาเรียนรู้และทำงานในใบงาน มีสไลด์การสอน สภาพแวดล้อม บรรยากาศในห้องไม่ค่อยสะอาด นั่งไม่เป็นระเบียบ ผู้เรียนในห้องค่อนข้างมีอิสระ แต่ก็มีการโต้ตอบคำถาม ระหว่างผู้สอนและผู้เรียนอยู่เสมอ เช่น พื้นที่นี้มีสภาพภูมิอากาศเป็นอย่างไร
ๆ ของโรงเรียนเพื่อใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงได้ดังนี้ - ด้านผู้บริหาร ผู้บริหารได้ให้ความสำคัญกับความถนัดเฉพาะด้าน หรือความสนใจของผู้เรียน โดยมีนโยบายให้เปิด ชมรมได้อย่างอิสระโดยตัวผู้เรียนเอง ซึ่งสามารถรวมกลุ่มกันมาเปิดชมรมได้ภายใต้การกำกับดูแลของครูผู้ดูแล ชมรม นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมชุมนุมที่มุ่งเน้นทางวิชาการ หรือความสนใจของผู้เรียนเพื่อการศึกษาต่อใน อนาคตอีกด้วย เช่น ชมรมนิติศาสตร์ เป็นต้น จากการค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมของกระผมยังพบว่ารองศาสตราจารย์ ดร.ชวลิต ชูกําแพง ผู้อํานวยการ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝ่ายมัธยม) ในขณะนั้น เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่อง Professional learning community : PLC ซึ่งการใช้ PLC ทำให้ใกล้ชิดกับบุคลากรในสถานศึกษา สามารถเข้าถึงปัญหาทั้ง
วันเดียวกันนั้นในเวลาต่อมากระผมได้เข้าทำการสังเกตการจัดการเรียนการสอนในระดับชั้น
6/5 ซึ่งได้มีการจัดการเรียนการสอนในวิชาภูมิศาสตร์โลกและหิน สอนโดยมีการใช้เครื่องมือ
จากการเข้าฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูในครั้งนี้ทำให้กระผมได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลบริบทต่าง
มหาสารคาม (ฝ่ายมัธยม) จำนวนมากส่งผลให้มีการแข่งขันที่สูงนักเรียนที่เข้ารับการศึกษาในสถานศึกษาส่วน ใหญ่เป็นเด็กที่มาจากต่างจังหวัดจากหลากหลายพื้นที่ ทำให้มีความคิด ความเชื่อ
แต่เนื่องจากโรงเรียนมีการจัดรูปแบบการเรียนการสอนที่หลายหลายทำให้ตอบสนองความต้องการของ นักเรียนได้เป็นอย่างดี นักเรียนที่เข้ารับการศึกษานั้นเป็นเด็กที่เก่งและมีความสามารถ
3 ด้านการบริหาร การจัดการเรียนการสอน ผู้เรียน ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา และสภาพแวดล้อม เพื่อร่วมหารือ กับบุคลากรในแต่ละสายงาน เพื่อหาแนวทางแก้ไข และเกิดการพัฒนาโรงเรียน เมื่อมีการทำงานพูดคุยกัน แลกเปลี่ยนกันอย่างเป็นระบบ จึงทำให้โรงเรียนมีการจัดการ และเกิดการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้โรงเรียนยังมีสมาคมศิษย์เก่า สมาคมผู้ปกครองและครูและเครือข่ายผู้ปกครองเพื่อประสานงาน และ ร่วมกันมือในด้านการบริหาร การศึกษา และกิจกรรมอยู่เสมอ ทั้งยังก่อให้เกิดการสื่อสารเพื่อทำความเข้าใจ ระหว่างโรงเรียน ผู้ปกครอง และศิษย์เก่าที่จบการศึกษาไปแล้ว - ด้านครูและบุคลากร ผู้ที่จะเป็นครูในโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝ่ายมัธยม) จะต้องผ่านเกณฑ์ในการรับสมัคร โดยในปัจจุบันผู้ที่จะเข้าเป็นครูโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝ่ายมัธยม) จะต้องมีเกรดเฉลี่ยใน วิชาเอกตั้งแต่ 2.75 ขึ้นไป เพื่อให้เกิดเป็นมาตรฐาน ด้านสวัสดิการของครู บุคลากรจะมีสวัสดิการแบบเดียวกับ ทางมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ในด้านของการพัฒนา สนับสนุนครูในการทำวิจัยต่างๆ โดยสามารถใช้งบในการ ทำงานวิจัยได้ การศึกษาต่อยังสามารถศึกษาต่อได้โดยการใช้ทุนของมหาวิทยาลัย
ทำให้มีผู้ต้องการเป็นครูในโรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝ่ายมัธยม) จำนวนมาก จึงเกิดการแข่งขันสูง เป็นสาเหตุที่ทำให้ครูในสถานศึกษา เป็นครูที่มีคุณภาพเกิดการจัดการเรียนการสอนที่ดี มีประสิทธิภาพ ส่งผลทำให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทาง การศึกษาที่ดีตามมา ครูผู้สอนที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝ่ายมัธยม) ยังมีการใช้สื่อการสอนที่หลายหลาย ไม่ว่าจะเป็นเกมเสริมความรู้ สื่อวีดีทัศน์ เป็นต้น มีการฝึกให้ทำงานร่วมกันเป็นทีม ครูยังมีวิธีการสอนที่ทำให้ ผู้เรียนรู้สึกผ่อนคลาย ไม่กดดัน ทำให้ผู้เรียนมีอารมณ์ร่วม และรู้สึกสนุกในการเรียนรู้ นอกจากนี้ยังมีการให้ นักเรียนเรียนรู้และค้นคว้าด้วยตนเองในเรื่องที่ตนเองสนใจ - ด้านนักเรียน เนื่องจากโรงเรียนเป็นโรงเรียนที่มีผู้ที่สนใจประสงค์ที่จะเข้าศึกษาในโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย
รวมถึงยังมีความ กระตือรือร้นในการศึกษาหาความรู้ มีความมุ่งมั่นตั้งใจ มีจุดประสงค์ที่ชัดเจน นอกจากนี้การนํากระบวนการ
จากที่กล่าวมา ทั้งเกณฑ์การ รับสมัครและสวัสดิการต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อตัวครูแล้ว
มีความต้องการที่แตกต่างกัน
อย่างเดียวให้ผลการการอัตราทรงจำเฉลี่ยเพียงร้อยละ5
- ด้านการจัดสภาพแวดล้อมและอาคารสถานที่ในโรงเรียน ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ
โควิด-19 ทางโรงเรียนมีเครื่องจ่ายแอลกอฮอล์ล้างมือติดตั้งไว้ทั้งในอาคารเรียนรวมถึงบริเวณต่าง
4 PLC ของผู้บริหารมาใช้ยังส่งผลดีต่อตัวนักเรียน ทำให้เด็กมีความกระตือรือร้นสนใจเข้าร่วมกิจกรรมของ โรงเรียน ซึ่งส่งผลให้มีนักเรียนโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝ่ายมัธยม) มีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา สูงขึ้น นอกจากนี้นักเรียนมีความรู้สึกที่ดีในการเรียน เพราะบรรยากาศในการเรียนนั้นไม่มีความกดดัน และยัง ได้ศึกษาค้นคว้าในสิ่งที่นักเรียนสนใจ ทำให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นกับการทำงาน - สื่อการสอน การเรียนการสอนส่วนใหญ่เป็นแบบ Active Learning ที่ให้ผู้เรียนได้ลงมือเรียนรู้และปฏิบัติด้วย ตนเอง ทั้งการเรียนรู้แบบเดี่ยวและการเรียนรู้เป็นกลุ่ม โดยใช้สื่อการสอนต่าง ๆ โดยใช้อุปกรณ์อย่างกระดาน และอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น กระดาษชาร์ท วีดีทัศน์สไลด์เนื้อหา เกมเสริมทักษะ เกมเสริมความรู้โดยการเรียนรู้ แบบนี้ยังช่วยสร้างอัตราการการทรงจำเฉลี่ยได้ถึงร้อยละ50ถึงร้อยละ75 ซึ่งการสอนที่ใช้การบรรยายเพียง
ดังนั้นจึงกล่าวได้การการเรียนรู้โดยให้ผู้เรียนสร้างองค์ ความรู้เองนั้นให้ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาที่สูงขึ้น
ๆ อย่าง ทั่วถึง และเพียงพอต่อความต้องการ สภาพแวดล้อมค่อนข้างดีมีร่มเงาจากต้นไม้พอสมควร ทำให้บรรยากาศในโรงเรียนร่มรื่น การจัดอาคาร ค่อนข้างเป็นระเบียบ ตัวอาคารเหมาะสมกับพื้นที่ มีการจัดห้องเรียนตามโครงการของห้องเรียน เช่น โครงการ สนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับของมหาวิทยาลัย (วมว.) อาคารที่เป็นห้อง ที่ใช้การทำกิจกรรม ห้องที่ต้องมีการทดลองลงมือทำก็มีการจัดอยู่ในโซนเดียวกัน มีโรงอาหารที่กว้างขวาง มี อาหารให้เลือกหลากหลาย หอพักจะแบ่งเป็นในโรงเรียนและหอพักในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (หอพักชื่นชม และหอพักนาดูน) ส่วนของหอพักในโรงเรียนก็ตั้งใกล้กับป้อมยาม ทำให้ง่ายต่อการดูแลความปลอดภัยของ นักเรียนและครูเวรประจำวัน มีสหกรณ์ร้านค้าที่อำนวยความในการซื้อ อุปกรณ์การเรียนการสอน นอกจากนี้ ยังสถานศึกษายังมีตู้เติมเงินโทรศัพท์มือถือ และตู้กดเงินสด (ATM) ไว้ให้ผู้เรียน และบุคลากรได้ใช้บริการ
ด้วยการตรวจเช็ครายชื่อนักเรียนที่เข้าเรียน
และร่วมสนทนาแสดง ความเห็นระหว่างผู้สอนกับนักเรียนว่าด้วยเนื้อหาที่สอนในคาบเรียนนั้นคือประเด็น"หลักธรรมคำสอนและ อริยสัจ 4" ซึ่งเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่เรียนและสามารถเชื่อมโยงกับชีวิตนักเรียนโดยตรง
5 การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู 2 ในการฝึกประการณ์วิชาชีพครูในครั้งที่ 2 กระผมก็ยังคงฝึกประสบการณ์ ณ โรงเรียสาธิตมหาวิทยาลัย มหาสารคาม (ฝ่ายมัธยม) เนื่องจากเป็นโรงเรียนที่มีความน่าสนใจบริบทต่าง ๆ ที่ได้สังเกตและศึกษามาแล้วใน การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู 1 ที่ผ่านมา โดยในการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู 3 นี้มีจุดประสงค์มุ่งเน้นการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูโดยการ ไปปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ “ผู้ช่วยสอน” ซึ่งแสดงถึงศักยภาพที่พัฒนาเพิ่มมากขึ้น คุณครูพี่เลี้ยงสามารถไว้วางใจและมอบหมายให้นิสิตมีโอกาสช่วยปฏิบัติงานสอนในชั้นเรียนและงานใน หน้าที่ครูโดยฝึกการออกแบบกิจกรรมเขียนแผนการจัดการเรียนรู้และทดลองสอนตามแผนฯ ที่ออกแบบไว้ ฝึก การปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ ในการสนับสนุนกระบวนการจัดการเรียนการสอนของครู ฝึกการจัดการชั้นเรียน ช่วย ดูแลสภาพแวดล้อมและสร้างบรรยากาศทางการเรียนรู้ที่ดีรวมถึงมีส่วนร่วมในการจัดเตรียมสื่อการเรียนรู้เพื่อ ส่งเสริมศักยภาพนักเรียนและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสม
ๆ ตามที่ได้รับ มอบหมายเพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญในการทำงานในวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น ซึ่งประสบการณ์ที่น่าสนใจของกระผมเกิดขึ้นในวันที่ 20 กรกฎาคม
และตรวจสอบงานที่นักเรียนส่งมา ตามข้อตกลงของชั้นเรียนว่า ด้วยการเข้าเรียน นำเสนอสื่อการสอนที่อาจารย์มอบหมายเพื่อใช้ประกอบการสอน
ตลอดจนมีบทบาทหน้าที่ต่าง
พ.ศ.
2564 ซึ่งมีการจัดการเรียน
การสอนรายวิชาสังคมพื้นฐาน
ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 โดยได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ช่วยครู
6 ในช่วงท้ายของการเรียนการสอนแบบออนไลน์นั้น อาจารย์ผู้สอนได้ชี้แจงถึงการมอบหมายงานเพื่อ เก็บคะแนนในอนาคต ในขณะนั้นเอง ด.ญ.เอ (นามสมมติ) ได้เปิดไมโครโฟนพูดแทรกด้วยความไม่พอใจที่ ครูผู้สอนแจ้งว่าจะมีงานให้ทำว่า "ก็พึ่งรู้ แค่เรียนออนไลน์ก็แย่อยู่แล้ว วิชาสังคมก็มีงานให้ทำอีก" ซึ่งจากคำพูด นั้นทำให้บรรยากาศในห้องเงียบไปชั่วขณะ อาจารย์ผู้สอนจึงได้ตอบกลับด้วยความใจเย็น เพื่อไม่ให้บรรยากาศ ในห้องเรียนตึงเครียดไปมากกว่าเดิมว่า ด้วยน้ำเสียงปรกติว่า "เรียนออนไลน์มันเครียดมาก บางคนก็เรียนไม่รู้ เรื่องเลย อาจารย์เลยต้องช่วยนักเรียนด้วยการให้งานไปทำเพื่อเก็บคะแนนเพิ่ม เพื่อเอาไว้เป็นคะแนนช่วย ถ้า คะแนนสอบน้อย อย่างน้อยจะได้มีคะแนนไว้ซับพอร์ต" จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างต้นเป็นเหตุให้เริ่มทำการสืบค้นหาพฤติกรรมของ ดญ.เอ (นามสมมติ) เพิ่มเติม เพื่อรวบรวมข้อมูล และนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์และดำเนินการแก้ไขพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ต่อไป และจากการรวบรวมข้อมูลพบว่า ด.ญ.เอ (นามสมมติ) ได้แสดงออกถึงความไม่พอใจในงานที่ มอบหมายอยู่บ่อยครั้ง บางครั้งก็แสดงออกถึงการประชดประชัน ตลอดจนล้อเลียนอาจารย์ผู้สอน จากข้อมูลทำให้วิเคราะห์ได้ว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นอาจเกิดจาก ลักษณะนิสัยส่วนตัว ภาระงานในการเรียน ประกอบกับการไม่ชอบทำในสิ่งที่ตนไม่ถนัดหรือไม่ชอบ ซึ่งสอดคล้องกับหลักความแตกต่างระหว่างบุคคล ว่า ด้วยลักษณะภายในของบุคคลที่แตกต่างกัน
1) การปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรมส่วนบุคคล
2) การปรับปรุงแก้ไขลักษณะและภาระงานแบบส่วนรวม
1) การปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรมส่วนบุคคล เริ่มจากการพูดคุยทำความเข้าใจกับ ด.ญ.เอ (นามสมมติ)
(Mind Map, Mind Mapping) เพื่อเป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบงานให้เหมาะสมกับความชอบและความถนัดซึ่งเป็นความแตกต่าง ภายในของแต่ละบุคคล ทั้งนี้งานดังกล่าวนอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาของเรื่องที่
เรียน ยังแสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย อันกล่าวได้ว่าเป็นชิ้นงานเพื่อทบทวนความรู้ความเข้าใจ และส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียน
7 และเมื่อพิจารณาถึงภาระงานและการเรียนออนไลน์ของนักเรียนควบคู่กัน จึงได้แนวคิดกระบวนการ แก้ไขปัญหาเป็นสองส่วน ได้แก่
โดยดำเนินการดังนี้
ซึ่งเป็นการพูดคุยอย่างมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อ กัน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น ด้วยการติดต่อที่เป็นส่วนตัวเพื่อความสบายใจของนักเรียน
กล้าที่จะพูดคุยกับครูเป็นเรื่องที่ดีนะ เพราะปรกติแล้ว พอเรียนออนไลน์ทำให้บางคนไม่กล้าคุยกับครูเลย และการที่เราพูดความรู้สึกออกมาแบบนี้ มันทำให้ครูได้ฟีด แบคกลับมาด้วย แต่บางที่เราอาจจะลองปรับคำพูดบางอย่างนะ มันอาจจะช่วยส่งเสริมและพัฒนาทักษะ ทางการสื่อสารของเรายิ่งขึ้นไปอีก" โดยการกระทำดังกล่าวจะช่วยสร้างบรรยากาศที่มีการยอมรับนับถือ (Respect) ซึ่งจะส่งผลให้เกิด บรรยากาศที่พึงปรารถนาในห้องเรียนตามแนวคิดของ พรรณี ช เจนจิต (2545) นอกจากนี้ยังมีการทำสัญญาเงื่อนไข (Contingency Contacting) ตามกฎของพรีแม็ค (Premack's Principle) โดยตกลงกันว่าหากด.ญ.เอ (นามสมมติ)ต้องการจะพูด จะเปิดโอกาสให้พูดหลังจากที่อาจารย์ ผู้สอนพูดเสร็จหรือสอนเสร็จ เพื่อไม่ให้เกิดการพูดแทรก อันเป็นการทำลายบรรยากาศที่ดีในการเรียนการสอน 2) การปรับปรุงและแก้ไขลักษณะภาระงานแบบส่วนรวม จากการรวบรวมข้อมูลพบว่านักเรียนส่วนใหญ่ในห้องเรียน รวมทั้ง ด.ญ.เอ (นามสมมติ)
เชิงศิลปะ
เปลี่ยนเป็นงานสรุปแบบผังมโนทัศน์
โดยมี ใจความการสนทนาว่า
"การที่หนู(ด.ญ.เอ (นามสมมติ))
ชอบทำงานใน
จึงได้ประสานงานกับอาจารย์ผู้สอนเพื่อขอให้ทดลองปรับรูปแบบงานจากแต่เดิมเป็นงานลักษณะ คำถามเขียนตอบหรือเขียนสรุป
หรือแผนที่ความคิด
8 นอกจากนี้จากภาระงานของนักเรียนจึงได้ปรับงานบางชิ้นเป็นรูปแบบของงานกลุ่ม เพื่อให้เกิดการ เรียนรู้แบบร่วมมือ ตามทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning Theory) โดยใช้เทคนิคการ เรียนร่วมกัน (Learning Together) เพื่อลดภาระงานของนักเรียนรายบุคคล เป็นการกระจายภาระงานภายใน กลุ่ม เพื่อให้สมาชิกในกลุ่มช่วยกันทำงาน ทำให้นักเรียนไม่ต้องรับภาระงานเพียงคนเดียว และเมื่อกระผมได้ดำเนินการดังกล่าวผลที่ได้นั้นพบว่า ด.ญ.เอ (นามสมมติ) มีมารยาทในการสื่อสารใน ชั้นเรียนมากขึ้น โดยสังเกตจากการสนทนาทางข้อความในโปรแกรม Microsoft Teams และจากการที่ ด.ญ. เอ (นามสมมติ) ไม่เปิดไมค์พูดแทรกขณะที่ทำการเรียนการสอน ส่งผลทำให้บรรยากาศในชั้นเรียนดีขึ้นและ เหมาะสมสำหรับการจัดการเรียนการสอน นักเรียนในชั้นเรียนมีความพอใจในการทำงานมากขึ้น เนื่องจากไม่ต้องรับภาระงานที่มากจนเกินไป และอาจารย์ผู้สอนก็รู้สึกพึงพอใจในผลงานที่นักเรียนทำส่ง โดยสังเกตเห็นถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน โดย ชิ้นงานที่นักเรียนทำส่งหลังจากปรับรูปแบบลักษณะงาน มีความเรียบร้อยมากขึ้นและแสดงให้เห็นถึงความคิด สร้างสรรค์
เป็นการดำเนินการเตรียมความพร้อมสำหรับกระบวนการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูโดยมีการติดต่อ
1.2 ประสานงานกับหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา
9 การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู 3 ในการฝึกประการณ์วิชาชีพครูในครั้งที่ 3 กระผมได้เลือกฝึกประสบการณ์ ณ โรงเรียสาธิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝ่ายมัธยม) เนื่องจากเป็นโรงเรียนที่ผมมีประสบการณ์ในการฝึกประสบการณ์ วิชาชีพมาแล้ว ทำให้สามารถกล่าวได้ว่าผมมีความเข้าใจในบริบทต่าง ๆ แล้ว ซึ่งประสบการณ์วิชาชีพครู 3 มีจุดประสงค์มุ่งเน้นการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูโดยการเข้าไปปฏิบัติ หน้าที่ของนิสิตฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูในฐานะ “ผู้ช่วยสอน” ซึ่งแสดงถึงศักยภาพที่พัฒนาเพิ่มมากขึ้น คุณครูพี่เลี้ยงสามารถไว้วางใจและมอบหมายให้นิสิตมีโอกาสช่วยปฏิบัติงานสอนในชั้นเรียนและงานใน หน้าที่ครูโดยฝึกการออกแบบกิจกรรมเขียนแผนการจัดการเรียนรู้และทดลองสอนตามแผนฯ ที่ออกแบบไว้ ฝึก การปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ ในการสนับสนุนกระบวนการจัดการเรียนการสอนของครู ฝึกการจัดการชั้นเรียน ช่วย ดูแลสภาพแวดล้อมและสร้างบรรยากาศทางการเรียนรู้ที่ดีรวมถึงมีส่วนร่วมในการจัดเตรียมสื่อการเรียนรู้เพื่อ ส่งเสริมศักยภาพนักเรียนและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสม ตลอดจนมีบทบาทหน้าที่ต่าง ๆ ตามที่ได้รับ มอบหมายเพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญในการทำงานในวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น กระผมได้เริ่มดำเนินการตามวงจรการบริหารงานคุณภาพ หรือ PDCA Model เพื่อให้เกิดการ
ดังนี้ 1.
ประสานงานเพื่อวางแผนและกรอบการปฏิบัติงานให้ชัดเจน โดยได้ลงมือปฏิบัติในขั้นตอนนี้ ดังนี้ 1.1 ติดต่อประสานงานขอความอนุเคราะห์ในการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู 3 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย มหาสารคาม (ฝ่ายมัธยม)
ศาสนา และวัฒนธรรม และคุณครูพี่เลี้ยงเพื่อทำ การวางแผนการปฏิบัติงาน และกำหนดปฏิทินการดำเนินการ 2. ขั้น D - ปฏิบัติ เป็นการปฏิบัติงานจากการวางแผน มีการสังเกตการสอน การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ผลิตสื่อการ เรียนรู้ตามความสามารถและศักยภาพที่ทำได้ โดยได้ลงมือปฏิบัติในขั้นตอนนี้ ดังนี้ 2.1 ลงพื้นที่สังเกตการจัดเรียนการสอนรายวิชาสังคมศึกษา สังเกตพฤติกรรมของผู้เรียน ตลอดจนบริบท ภายในและภายนอกโรงเรียน
ดำเนินงานอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ
ขั้น P - วางแผน
กระผมเห็นว่าสื่อการสอนมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นและเร้าความสนใจในการเรียนของนักเรียนเป็น อย่างยิ่ง หากมีการนำสื่อมาใช้ร่วมกับรูปแบบในการจัดการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสมจะก่อให้เกิดความ พึงพอใจในการเรียน อันเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นพฤติกรรมเชิงบวกต่อการใฝ่เรียนใฝ่รู้
10 2.2 จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 4 แผนการจัดการเรียนรู้ 2.3 ผลิตสื่อการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับแผนการจัดการเรียนรู้ที่ได้จัดทำไว้ 2.4 ปฏิบัติงานทั่วไปในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม และช่วยเหลือครูผู้สอนในการ จัดการเรียนรู้ในชั้นเรียน 3. ขั้น C - ตรวจสอบ เป็นการตรวจสอบผลจากการปฏิบัติงานเพื่อดูความคืบหน้าและความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ โดย มีการตรวจสอบทั้งจากนิสิตเอง รวมไปถึงหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ และครูพี่เลี้ยง โดยได้ลงมือปฏิบัติใน ขั้นตอนนี้ ดังนี้ 3.1 ตรวจสอบแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 - 4 จากหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และ วัฒนธรรม และครูพี่เลี้ยง สำหรับนําไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ 3.2 ตรวจสอบการปฏิบัติงานโดยรวมเพื่อรายงานผลการฝึกปฏิบัติงาน 4. ขั้น A - ปรับปรุง เป็นการนําผลจากการตรวจสอบมาปรับปรุง ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ หรือ แม้กระทั่งกระบวนการจัดการเรียนรู้ให้มีคุณภาพมากขึ้น โดยได้ลงมือปฏิบัติในขั้นตอนนี้ ดังนี้ 4.1 ปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 - 4 ตามคำแนะนําของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม และครูพี่เลี้ยง โดยในขณะที่กระผมได้ดำเนินการจัดทำแผนการจัดการเรียนการสอนและสื่อประกอบการเรียนการ สอนนั้น
อันจะนำไปสู่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีขึ้นได้ ดังที่ อัญญาพัชร ใจชื่น และคณะ (2548 : 83) กล่าวไว้ว่า การออกแบบ เนื้อหา กิจกรรมและการเชื่อมโยงเนื้อหา ตลอดทั้งกรปฏิสัมพันธ์ รวมถึงการออกแบบ ด้านกราฟิกและเสียง ทำให้นักเรียนมีความสนใจ กระตือรือร้น สามารถทำความเข้าใจเนื้อหาได้ด้วยตนเองจึงทำให้ผลการเรียนของ นักเรียนหลังเรียนจากการเรียนรู้สูงกว่าก่อนเรียน เป็นผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนสูงขึ้นด้วย
ที่ทำให้นักเรียนไม่ได้ไปโรงเรียนเมื่อเด็กเรียนรู้อยู่ที่บ้านครูควรใช้
มาออกแบบอนาคตของการศึกษาไทยเพราะการสอนที่เป็นหน้าที่ หลักของครูต้องมีบทบาทที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปครูไม่ได้มีหน้าที่สอนเพียงอย่างเดียวเท่านั้นครูมืออาชีพจึงต้อง
11 ซึ่งจากการปฏิบัติการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูทั้งสามครั้งนั้น ทำให้กระผมได้เข้าใจบริบทของครู มากขึ้น ทั้งประสบการณ์สอนโดยตรง ภาระหน้าที่ของครูทั้งด้านวิชาการถึงด้านสังคม ตลอดจนถึงจิตวิยาสังคม และการให้คำปรึกษา การสังเกตปัญหาผู้เรียนและแก้ปัญหา ซึ่งกระผมเองยังมองว่ายังมีประสบการณ์และ ความรู้อีกมากที่ยังต้องศึกษาหาความรู้เข้าใส่ตน เพื่อปรับปรุงและพัฒนาตน ทั้งในฐานะนิสิตครู และในฐานะ อนาคตผู้ประกอบวิชาชีพครู ทั้งนี้ก็เพื่อพัฒนาวิชาชีพ พัฒนาครูผู้สอน อันจะนำไปสู่การพัฒนาผู้เรียน ชุมชน สังคม และโลกต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการฝึกปฏิบัติการวิชาชีพครู 3 ทำให้กระผมได้ตระหนักในหลายแง่มุมทาง การศึกษาและการปฏิบัติงานของครู อันจะสามารถนำไปพัฒนาวิชาชีพครูได้ในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ยุคปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีเข้าสู่สังคมอย่างทั่วถึง ครูในฐานะผู้สอนเองจึงจำเป็นต้องปรับตัว เข้าใจ เข้าถึง และ พร้อมรับมือกับเทคโนโลยีในยุคสมัยปัจจุบันและในอนาคต นอกจากนี้ครูยังต้องปรับตัวกับสถานการณ์การแพร่ ระบาดของโรคในปัจจุบัน อันก่อให้เกิดชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ซึ่งเป็นแนวทางที่หลาย ๆ คนจะต้อง ปรับเปลี่ยนชุดพฤติกรรม ในช่วงไวรัสตัวนี้ออกมาระบาดแล้วเปลี่ยนชีวิตผู้คนไปอีกนาน ทำให้ต้องปรับเปลี่ยน รูปแบบวิถีชีวิตไปพร้อมกันทั่วโลก จากที่เคยออกจากบ้าน เพื่อไปทำงาน แม้กระทั่งไปโรงเรียน แต่ในช่วงการ ระบาดอย่างหนักกลับไม่สามารถทำเช่นเดิมได้ แม้ในปัจจุบันความหวาดกลัวและสถานการณ์ต่าง ๆ จะเริ่ม คลี่คลายลงแล้ว แต่สังคมเองก็ได้ปรับเปลี่ยนวิธีชีวิตให้ต่างจากเดิมไปมาก แม้กระทั่งผู้ประกอบวิชาชีพครูเองก็ ตาม โดยจากการที่ผู้จัดได้ศึกษาบทความวิชาการทางการศึกษาก็ได้พบบทความที่น่าสนใจ ซึ่งมีตอนหนึ่ง กล่าวเอาไว้ว่า “การศึกษายุคใหม่ที่ทำให้โลกและผู้คนต้องปรับตัวรับความเป็นจริง และชีวิตใหม่วิถีใหม่ หรือ นิวนอร์มอล ได้ปรากฏการณ์ของโควิด-19
ความตระหนักรู้ที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์นี้
เน้นการสอนให้มีคุณภาพ เพราะว่าคุณภาพการสอนของครูย่อมส่งผลดีต่อนักเรียน
การ ประเมินคุณภาพของครูจึงสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องประเมินจากตัวเด็กและเยาวชนของชาติ ดังคำกล่าวที่ว่า “คุณภาพของเด็ก” สะท้อน “คุณภาพของครู” ดังนั้นครูมืออาชีพควรมีและควรเป็นก็คือ ต้องเน้นคุณลักษณะ พื้นฐานนั่น คือ ฉันทะ เมตตา และ กัลยาณมิตร ซึ่งถือว่าเป็นคุณภาพพื้นฐานที่สำคัญของครู และพัฒนาการ สอนของครูเป็นภารกิจหลัก โดยเฉพาะการสอนอย่างมีคุณภาพ นั่นคือ ครูมืออาชีพ จึงต้องมีคุณธรรมโน้มนำ ทำการสอนอย่างมีคุณภาพ มีภาพลักษณ์ที่ดี” (พระพรหมพิริยะ ถาวโร (มาลัยรักษ์), 2564)
และเยาวชนของชาติ
Professional Learning Communities:PLC).
PRDMSU SCHOOL. (2558). Presentation of Mahasarakham University Demonstration school (secondary).
12 อ้างอิง งานพัฒนาระบบสารสนเทศ. (2558). ประวัติโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝ่ายมัธยม). สืบค้นเมื่อ วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2566 จาก:โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝ่ายมัธยม) เว็บไซต์ : https://satit.msu.ac.th/th/about/?about=his ชวลิต ชูกําแพง. (2561). ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (
สืบค้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน
จาก:มูลนิธิสถาบันวิจัยระบบการศึกษา เว็บไซต์ :http:// www.ires.or.th/?p=897 พี่มิ้นท์. (2556). โรงเรียนน่าอยู่ (48) : รร.สาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม. สืบค้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2566 จาก:เด็กดีดอทคอม เว็บไซต์ : https://www.dek-d.com/education/31883/ ลักขณา สริวัฒน์. (2557). จิตวิทยาสำหรับครู. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. ศูนย์ฝึกประสบการณ์และพัฒนาวิชาชีพครู คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. (2564). คู่มือนิสิต ฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูระหว่างเรียน สำหรับนิสิตชั้นปีที่ 2 หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต (กศ.บ. 4 ปี) คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
พ.ศ. 2566
สืบค้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2566 จาก:Youtube เว็บไซต์https://youtu.be/ CfJ7KWagPuc