2 ____________________________________________
ที่ตองการคือ 3 (range 2.5-3.5) ชวงของ INR เปนตัวสนับสนุน clinical guideline ไมใชคาที่แทจริง target INR สําหรับผูปวยแตละคนขึ้นอยูกับความเสี่ยงในการเกิด bleeding อายุ และ ยาที่ใหรวมกันในการรักษา การรักษาดวย warfarin ตองมีการ monitor อยางใกลชิด ความถีใ่ นการ monitor จําเปนในการ เปลี่ยนแปลงขนาดยาในการรักษา ผูปวยที่มี INR คงที่ ตองการความถีใ่ นการ monitor นอย โดยเริ่มตน ผูปวย นอกควรไดรับการประเมิน สัปดาหที่ 1 , 2 และ 4 ถา INR ยังคงอยูใน target range ผูปวยอาจไดรับการ monitor ทุก 4-8 สัปดาห จากผลการศึกษาแสดงผลการรักษาดีขึ้นเรื่อยๆถาผูปวยไดรับการ monitor ระดับการตานการ แข็งตัวของเลือด ผูปวยทุกคนที่ไดรับการรักษาดวย warfarin ตองไดรับความรูและคําปรึกษาที่จําเปนเกี่ยวกับ ความผิดปกติที่ทําใหเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด (thromboembolic) วิธีการรับประทาน warfarin ผลขางเคียงที่อาจเกิดขึ้น drug interaction ที่สําคัญ ขอมูลเหลานี้ตองหมั่นสอบถามในผูปวยแตละราย ถา INR ไมอยูใน target range ใหประเมินผูปวยเกี่ยวกับการใหความรวมมือในการรักษา drug interaction หรือการทํางานของหัวใจและตับที่เปลี่ยนแปลงไป ยาหลายๆตัว ไดแก ยาที่สามารถหยิบไดเองใน รานขายยา(ไมจําเปนตองจายโดยเภสัชกร) วิตามินและสมุนไพร/สารทางเลือก สามารถเกิดปฏิกริ ยิ ากับ warfarin อยางมีนัยสําคัญ การใชยาออกใหมควรเริ่มตนการรักษาดวยความระมัดระวังอยางมาก ถาปจจัยที่ สามารถแกไขได ถูกพบและแกไข ผูป ว ยสามารถใชขนาดยา warfarin เหมือนเดิมตอไป ในผูปวยที่มี INR คง ที่มากอนโดยเปลี่ยนแปลงเล็กนอยและไมมีการเปลี่ยนแปลงทางคลินิกสามารถใชขนาดยา warfarin เหมือนเดิม ตอไป และควรตรวจ INR ซ้ําภายใน 1 สัปดาห ไมแนะนําใหเปลี่ยนขนาดยาอยางมาก เพราะ การเปลี่ยนแปลง INR จะไมเปนสัดสวนโดยตรงกับการเปลี่ยนแปลงขนาดยา ผูปวยที่มี INR สูง เชน มากกวา 6-10 ควรมีการ ประเมินการเกิดภาวะแทรกซอน คือ bleeding ถามีภาวะ bleeding เกิดขึ้น แนวทางการรักษาที่ดีที่สุดคือ การคง ขนาดยา warfarin การลด INR อยางรวดเร็วทําไดโดยการรับประทาน vitamin K 2.5 mg หรือ คือฉีดเขาใต ผิวหนัง 0.5-1 mg โดยไมทําใหเกิดภาวะดื้อตอ warfarin การให vitamin K ในขนาดสูงกวานีอ้ าจทําใหเกิดภาวะ ดื้อตอ warfarin ถาวรภายหลังจากการรักษาดวย warfarin และควรหลีกเลี่ยง ระยะเวลาในการรักษาภาวะเลือดไมแข็งตัวถูกกําหนดโดยพื้นฐานของโรคที่เปนและความเสี่ยงในการ เกิด recurrent thromboembolism สําหรับผูปวยที่เริ่มตนดวยภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดดําสวนลึก(deep venous thrombosisหรือ DVT) หรือ ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดแดงที่ปอด (pulmonary embolism)