3 minute read

Exness vs Fusion Markets เทียบกันชัด ๆ โบรกไหนดีกว่ากัน

การเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่เหมาะสมเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพ ในปี 2025 ตลาดการซื้อขาย Forex มีมูลค่าการซื้อขายต่อวันเกิน 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และโบรกเกอร์อย่าง Exness vs Fusion Markets เป็นสองชื่อที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่เทรดเดอร์ทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย แต่โบรกเกอร์ใดที่เหมาะกับคุณมากกว่ากัน? บทความนี้จะเปรียบเทียบ Exness และ Fusion Markets ใน 11 ประเด็นหลัก เช่น ค่าธรรมเนียม แพลตฟอร์ม การกำกับดูแล และการสนับสนุนลูกค้า เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณ

การลงทะเบียนบัญชี Exness👈

ภาพรวมของ Exness และ Fusion Markets

Exness

Exness ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 และเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ชั้นนำระดับโลกที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ลิมาสโซล ประเทศไซปรัส ปัจจุบัน Exness มีปริมาณการซื้อขายต่อเดือนสูงถึง 325.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และให้บริการแก่เทรดเดอร์หลายล้านคนทั่วโลก จุดเด่นของ Exness ได้แก่:

  • เลเวอเรจสูง: สูงสุดถึง 1:2000 หรือไม่จำกัดในบางกรณี

  • สเปรดต่ำ: เริ่มต้นที่ 0.0 pips ในบัญชีบางประเภท

  • การกำกับดูแลที่หลากหลาย: ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานชั้นนำ เช่น FCA (สหราชอาณาจักร), CySEC (ไซปรัส), และ FSA (เซเชลส์)

Exness มีชื่อเสียงในด้านความโปร่งใสและการฝาก-ถอนเงินที่รวดเร็ว โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีทีมสนับสนุนลูกค้าภาษาไทยที่พร้อมให้บริการตลอด 24/7

Fusion Markets

Fusion Markets เป็นโบรกเกอร์ที่ก่อตั้งในปี 2017 และมีสำนักงานใหญ่ที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย โบรกเกอร์นี้เน้นการให้บริการซื้อขายที่มีต้นทุนต่ำและโปร่งใส Fusion Markets ได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์ที่ต้องการสเปรดต่ำและไม่มีค่าคอมมิชชั่นในบางบัญชี จุดเด่นของ Fusion Markets ได้แก่:

  • สเปรดคงที่: เริ่มต้นที่ 0.0 pips ในบัญชี Zero

  • การกำกับดูแลที่แข็งแกร่ง: ได้รับใบอนุญาตจาก ASIC (ออสเตรเลีย), VFSC (วานูอาตู), และ FSA (เซเชลส์)

  • แพลตฟอร์มที่หลากหลาย: รองรับ MetaTrader 4, MetaTrader 5, และ cTrader

Fusion Markets เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการความเรียบง่ายและต้นทุนการซื้อขายที่ต่ำ แต่มีทรัพยากรด้านการศึกษาน้อยกว่า Exness

การเปรียบเทียบ 11 ประเด็นหลัก

1. การกำกับดูแลและความน่าเชื่อถือ

ความน่าเชื่อถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกโบรกเกอร์ Forex เพราะมันเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของเงินทุนของคุณ

  • Exness: ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานชั้นนำหลายแห่ง เช่น FCA, CySEC, และ FSA รวมถึงหน่วยงานอื่น ๆ เช่น FSCA (แอฟริกาใต้) และ CBCS (คูราเซา) การแยกเงินทุนของลูกค้าออกจากเงินของบริษัทช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเทรดเดอร์ อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ในบางภูมิภาค เช่น ประเทศไทย อาจถูกโอนไปยังหน่วยงานกำกับดูแลที่มีความเข้มงวดน้อยกว่า เช่น เซเชลส์

  • Fusion Markets: ได้รับการกำกับดูแลจาก ASIC ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีชื่อเสียงในด้านความเข้มงวด รวมถึง VFSC และ FSA อย่างไรก็ตาม Fusion Markets ไม่มีใบอนุญาตจาก FCA หรือ CySEC ซึ่งอาจทำให้ Exness มีความน่าสนใจมากกว่าสำหรับเทรดเดอร์ที่ให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลที่หลากหลาย

ผู้ชนะ: Exness เนื่องจากมีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลที่หลากหลายกว่า

2. ค่าธรรมเนียมและสเปรด

ค่าธรรมเนียมและสเปรดเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อกำไรของเทรดเดอร์

  • Exness: เสนอสเปรดแบบผันแปร (Variable Spread) โดยสเปรดในบัญชี Standard เริ่มต้นที่ 0.3 pips และในบัญชี Raw Spread หรือ Zero สามารถต่ำถึง 0.0 pips ไม่มีค่าคอมมิชชั่นในบัญชี Standard แต่บัญชี Raw Spread และ Zero มีค่าคอมมิชชั่นเริ่มต้นที่ 3.5 ดอลลาร์ต่อล็อตต่อด้าน

  • Fusion Markets: เสนอสเปรดแบบคงที่ (Fixed Spread) โดยบัญชี Zero มีสเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pips พร้อมค่าคอมมิชชั่น 4.5 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อล็อต บัญชี Classic ไม่มีค่าคอมมิชชั่นแต่สเปรดเริ่มต้นที่ 0.9 pips

ผู้ชนะ: Exness สำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการสเปรดผันแปรที่ต่ำกว่าในบัญชี Raw Spread แต่ Fusion Markets อาจเหมาะกว่าสำหรับเทรดเดอร์ที่ชอบสเปรดคงที่และไม่มีค่าคอมมิชชั่น

3. แพลตฟอร์มการซื้อขาย

แพลตฟอร์มการซื้อขายเป็นเครื่องมือหลักที่เทรดเดอร์ใช้ในการวิเคราะห์และดำเนินการซื้อขาย

  • Exness: รองรับ MetaTrader 4, MetaTrader 5, และแพลตฟอร์ม Web Terminal ที่พัฒนาโดย Exness เอง รวมถึงแอปมือถือที่ใช้งานง่าย นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Social Trading สำหรับการคัดลอกกลยุทธ์การเทรด

  • Fusion Markets: รองรับ MetaTrader 4, MetaTrader 5, และ cTrader ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์ที่ต้องการการวิเคราะห์ขั้นสูง อย่างไรก็ตาม การใช้งาน MT4 และ MT5 มีข้อจำกัด 30 วันสำหรับบัญชีทดลอง

ผู้ชนะ: Fusion Markets เนื่องจากมี cTrader ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีความทันสมัยและเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ขั้นสูง

4. สินทรัพย์ที่สามารถซื้อขายได้

ความหลากหลายของสินทรัพย์ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถกระจายพอร์ตการลงทุนได้

  • Exness: เสนอสินทรัพย์มากกว่า 230 รายการ รวมถึง Forex, CFD, หุ้น, สกุลเงินดิจิทัล, สินค้าโภคภัณฑ์, และดัชนี มีหุ้นยอดนิยม เช่น AMZN, TSLA, และ Verizon แต่จำนวนหุ้นน้อยกว่าโบรกเกอร์บางราย เช่น CMC Markets ที่มีหุ้นมากกว่า 8,000 รายการ

  • Fusion Markets: รองรับการซื้อขาย Forex, ทอง, เงิน, CFD, น้ำมัน, หุ้น, ดัชนี, โลหะ, และสกุลเงินดิจิทัล แต่มีจำนวนสินทรัพย์น้อยกว่า Exness เล็กน้อย

ผู้ชนะ: Exness เนื่องจากมีสินทรัพย์ที่หลากหลายกว่า

5. การฝากและถอนเงิน

การฝากและถอนเงินที่รวดเร็วและสะดวกเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ในประเทศไทยให้ความสำคัญ

  • Exness: มีระบบฝาก-ถอนเงินอัตโนมัติที่รวดเร็วภายในไม่กี่วินาที รองรับวิธีการชำระเงินที่หลากหลาย รวมถึงธนาคารท้องถิ่นในประเทศไทย เช่น ธนาคารกสิกรไทย และ SCB รวมถึง QR Code

  • Fusion Markets: รองรับการฝาก-ถอนผ่านธนาคาร, บัตรเครดิต, และสกุลเงินดิจิทัล เช่น Bitcoin และ Ethereum การถอนเงินอาจมีค่าธรรมเนียมจากธนาคาร และบางครั้งอาจมีความล่าช้าเล็กน้อย

ผู้ชนะ: Exness เนื่องจากมีระบบฝาก-ถอนที่รวดเร็วกว่าและรองรับธนาคารท้องถิ่นในประเทศไทย

การลงทะเบียนบัญชี Exness👈

6. การสนับสนุนลูกค้า

การสนับสนุนลูกค้าที่ดีช่วยให้เทรดเดอร์แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว

  • Exness: มีทีมสนับสนุนลูกค้าภาษาไทยที่ให้บริการ 24/7 ผ่าน Live Chat, อีเมล, และโทรศัพท์ นอกจากนี้ยังมีศูนย์การศึกษาและการสนับสนุนด้านการตลาดสำหรับเทรดเดอร์ในประเทศไทย

  • Fusion Markets: มีทีมสนับสนุนลูกค้าภาษาไทยให้บริการในช่วง 9.00-17.00 น. ผ่าน Live Chat, อีเมล, และโทรศัพท์ การตอบสนองรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ แต่เวลาให้บริการจำกัดกว่า Exness

ผู้ชนะ: Exness เนื่องจากให้บริการ 24/7 และมีทีมสนับสนุนภาษาไทยที่ครอบคลุมกว่า

7. ทรัพยากรด้านการศึกษา

ทรัพยากรด้านการศึกษามีความสำคัญสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่

  • Exness: มี Exness Academy ที่ประกอบด้วยวิดีโอสอน, บทความ, และเว็บบินาร์เกี่ยวกับพื้นฐาน Forex, การวิเคราะห์ทางเทคนิค, และการบริหารความเสี่ยง รวมถึงเครื่องมืออย่าง Trading Central และ Sentiment Indicator

  • Fusion Markets: มีบทความและเว็บบินาร์ แต่ทรัพยากรด้านการศึกษาน้อยกว่า Exness และเน้นไปที่การเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านแพลตฟอร์มของบุคคลที่สาม

ผู้ชนะ: Exness เนื่องจากมีทรัพยากรการศึกษาที่ครอบคลุมและเหมาะสำหรับมือใหม่

8. บัญชีทดลอง

บัญชีทดลองช่วยให้เทรดเดอร์สามารถฝึกฝนโดยไม่ต้องเสี่ยงเงินจริง

  • Exness: มีบัญชีทดลองที่ใช้งานง่ายและไม่มีข้อจำกัดด้านเวลา เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และมืออาชีพ

  • Fusion Markets: มีบัญชีทดลองแต่จำกัดการใช้งานที่ 30 วัน ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการฝึกฝนในระยะยาว

ผู้ชนะ: Exness เนื่องจากบัญชีทดลองไม่มีข้อจำกัดด้านเวลา

9. เลเวอเรจ

เลเวอเรจสูงช่วยให้เทรดเดอร์ที่มีเงินทุนจำกัดสามารถทำกำไรได้มากขึ้น

  • Exness: เสนอเลเวอเรจสูงสุดถึง 1:2000 หรือไม่จำกัดในบางกรณี ซึ่งเป็นหนึ่งในอัตราที่สูงที่สุดในอุตสาหกรรม

  • Fusion Markets: เสนอเลเวอเรจสูงสุดถึง 1:500 ซึ่งสูงแต่ยังต่ำกว่า Exness

ผู้ชนะ: Exness เนื่องจากมีเลเวอเรจที่สูงกว่า

10. ประเภทบัญชี

ประเภทบัญชีที่หลากหลายช่วยให้เทรดเดอร์เลือกบัญชีที่เหมาะกับสไตล์การเทรด

  • Exness: มีบัญชีหลากหลาย เช่น Standard, Pro, Raw Spread, และ Zero ซึ่งเหมาะกับทั้งมือใหม่และมืออาชีพ

  • Fusion Markets: มีบัญชี Zero และ Classic ซึ่งเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการความเรียบง่าย

ผู้ชนะ: Exness เนื่องจากมีตัวเลือกบัญชีที่หลากหลายกว่า

11. ความเหมาะสมสำหรับเทรดเดอร์ประเภทต่าง ๆ

  • มือใหม่: Exness เหมาะสมกว่าด้วย Exness Academy, บัญชีทดลองที่ไม่มีข้อจำกัด, และการสนับสนุนภาษาไทย 24/7

  • เทรดเดอร์ที่เน้น Scalping: Exness มีสเปรดต่ำและการดำเนินการที่รวดเร็ว ทำให้เหมาะสำหรับการ Scalping

  • เทรดเดอร์ที่มีปริมาณการซื้อขายสูง: Fusion Markets อาจเหมาะสมกว่าด้วยสเปรดคงที่และค่าคอมมิชชั่นที่ต่ำ

ข้อดีและข้อเสีย

Exness

ข้อดี:

  • สเปรดต่ำและเลเวอเรจสูง

  • ระบบฝาก-ถอนเงินที่รวดเร็วและรองรับธนาคารท้องถิ่น

  • การสนับสนุนลูกค้าภาษาไทย 24/7

  • ทรัพยากรการศึกษาที่ครอบคลุม

ข้อเสีย:

  • บัญชีบางประเภทอาจมีค่าคอมมิชชั่นสูง

  • การกำกับดูแลในบางภูมิภาคอาจมีความเข้มงวดน้อย

Fusion Markets

ข้อดี:

  • สเปรดคงที่และค่าคอมมิชชั่นต่ำ

  • รองรับแพลตฟอร์ม cTrader

  • การกำกับดูแลจาก ASIC ที่น่าเชื่อถือ

ข้อเสีย:

  • ทรัพยากรการศึกษาจำกัด

  • บัญชีทดลองมีข้อจำกัด 30 วัน

สรุป: Exness หรือ Fusion Markets?

ทั้ง Exness และ Fusion Markets เป็นโบรกเกอร์ที่มีจุดแข็งและจุดอ่อนที่แตกต่างกัน Exness เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และผู้ที่ต้องการเลเวอเรจสูง สเปรดต่ำ และการสนับสนุนลูกค้าที่ครอบคลุม โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีทีมงานภาษาไทยและระบบฝาก-ถอนที่สะดวก Fusion Markets เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์และต้องการสเปรดคงที่และแพลตฟอร์มที่ทันสมัยอย่าง cTrader

สุดท้าย การเลือกโบรกเกอร์ขึ้นอยู่กับความต้องการและสไตล์การเทรดของคุณ หากคุณเป็นมือใหม่หรือต้องการการสนับสนุนที่ครอบคลุม Exness อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่ถ้าคุณเน้นต้นทุนต่ำและแพลตฟอร์มขั้นสูง Fusion Markets อาจเป็นคำตอบ

การลงทะเบียนบัญชี Exness👈

อ่านเพิ่มเติม:

This article is from: