
3 minute read
Exness vs IC Markets เทียบกันชัด ๆ โบรกไหนดีกว่ากัน
from Exness
by Exness_Blog
การเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่เหมาะสมเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กำหนดความสำเร็จในการซื้อขายของคุณ ในบรรดาโบรกเกอร์ที่ได้รับความนิยมในวงการ Exness vs IC Markets เป็นสองชื่อที่มักถูกพูดถึงบ่อยครั้ง ทั้งคู่มีจุดเด่นที่แตกต่างกันและตอบโจทย์นักเทรดหลากหลายประเภท ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือนักเทรดที่มีประสบการณ์ การเปรียบเทียบทั้งสองโบรกเกอร์นี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าโบรกเกอร์ใดเหมาะสมกับเป้าหมายและกลยุทธ์การซื้อขายของคุณมากที่สุด

ในบทความนี้ เราจะวิเคราะห์และเปรียบเทียบ Exness และ IC Markets ในด้านต่าง ๆ เช่น ค่าธรรมเนียม, แพลตฟอร์มการซื้อขาย, ความน่าเชื่อถือ, การสนับสนุนลูกค้า, และคุณสมบัติพิเศษที่แต่ละโบรกเกอร์นำเสนอ ด้วยข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นกลาง คุณจะสามารถเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณได้อย่างมั่นใจ
1. ภาพรวมของ Exness และ IC Markets
Exness
Exness ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 และเติบโตจนกลายเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ชั้นนำของโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศไซปรัสและได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่มีชื่อเสียง เช่น CySEC (Cyprus), FCA (UK), และ FSA (Seychelles) Exness ขึ้นชื่อในเรื่องสเปรดที่ต่ำมาก, การถอนเงินที่รวดเร็ว, และการให้บริการที่เน้นความโปร่งใส ปัจจุบัน Exness มีปริมาณการซื้อขายต่อเดือนสูงถึงหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือและความนิยมในหมู่นักเทรดทั่วโลก
IC Markets
IC Markets ก่อตั้งในปี 2007 โดยมีสำนักงานใหญ่ที่ออสเตรเลีย โบรกเกอร์นี้ได้รับการกำกับดูแลจาก ASIC (Australia), CySEC (Cyprus), และ FSA (Seychelles) เช่นกัน IC Markets เป็นที่รู้จักในฐานะโบรกเกอร์ ECN (Electronic Communication Network) ที่ให้สเปรดต่ำและการดำเนินคำสั่งที่รวดเร็ว เหมาะสำหรับนักเทรดที่ใช้กลยุทธ์การซื้อขายแบบ Scalping หรือการซื้อขายอัตโนมัติ (EA) IC Markets ได้รับความนิยมในหมู่นักเทรดมืออาชีพและมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งในเอเชียและยุโรป
2. การเปรียบเทียบด้านความน่าเชื่อถือและการกำกับดูแล
Exness
หน่วยงานกำกับดูแล: ได้รับใบอนุญาตจาก CySEC, FCA, และ FSA ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีมาตรฐานสูงในอุตสาหกรรม
ความปลอดภัยของเงินทุน: Exness มีนโยบายแยกเงินของลูกค้าออกจากเงินของบริษัท และมีกองทุนชดเชยนักลงทุน (Investor Compensation Fund) สำหรับลูกค้าในยุโรป
ชื่อเสียงในวงการ: Exness มีประวัติการให้บริการที่ยาวนานและได้รับรางวัลมากมาย เช่น รางวัลโบรกเกอร์ที่มีความโปร่งใสสูงสุด
IC Markets
หน่วยงานกำกับดูแล: ASIC เป็นหนึ่งในหน่วยงานกำกับดูแลที่เข้มงวดที่สุดในโลก ทำให้ IC Markets มีความน่าเชื่อถือสูง นอกจากนี้ยังได้รับใบอนุญาตจาก CySEC และ FSA
ความปลอดภัยของเงินทุน: เงินของลูกค้าถูกเก็บในบัญชีแยก (Segregated Accounts) และมีการประกันภัยจากบุคคลที่สามในบางกรณี
ชื่อเสียงในวงการ: IC Markets เป็นที่ยอมรับในหมู่นักเทรดมืออาชีพ โดยเฉพาะผู้ที่ใช้กลยุทธ์ Scalping และ High-Frequency Trading
สรุป: ทั้ง Exness และ IC Markets มีความน่าเชื่อถือสูงและได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานชั้นนำ Exness อาจได้เปรียบเล็กน้อยในเรื่องการรับรู้แบรนด์ในระดับโลก ส่วน IC Markets มีจุดแข็งด้านความน่าเชื่อถือจาก ASIC ซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง
3. การเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมและสเปรด
Exness
สเปรด: Exness มีสเปรดที่ต่ำมาก โดยเฉพาะในบัญชี Pro และ Zero สเปรดสำหรับคู่เงินหลักอย่าง EUR/USD สามารถต่ำถึง 0.0 pip ในบางช่วงเวลา
ค่าคอมมิชชัน: บัญชี Zero และ Raw Spread มีค่าคอมมิชชันเริ่มต้นที่ $3.5 ต่อล็อตต่อด้าน
Swap Fees: Exness มีบัญชี Swap-Free สำหรับนักเทรดที่ต้องการหลีกเลี่ยงดอกเบี้ยข้ามคืน ซึ่งเหมาะสำหรับนักเทรดชาวมุสลิม
ค่าธรรมเนียมการฝาก-ถอน: Exness ไม่คิดค่าธรรมเนียมการฝากหรือถอนเงิน และรองรับวิธีการชำระเงินที่หลากหลาย รวมถึง PromptPay ในประเทศไทย
IC Markets
สเปรด: IC Markets เป็นโบรกเกอร์ ECN ที่มีสเปรดต่ำมาก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 0.1 pip สำหรับคู่เงินหลักในบัญชี Raw Spread
ค่าคอมมิชชัน: ค่าคอมมิชชันสำหรับบัญชี Raw Spread อยู่ที่ $3.5 ต่อล็อตต่อด้าน ซึ่งเทียบเท่ากับ Exness
Swap Fees: IC Markets มีตัวเลือกบัญชี Swap-Free เช่นกัน แต่มีข้อจำกัดในบางตราสาร
ค่าธรรมเนียมการฝาก-ถอน: การฝากเงินส่วนใหญ่ไม่มีค่าธรรมเนียม แต่การถอนเงินผ่านบางช่องทางอาจมีค่าใช้จ่ายเล็กน้อย
สรุป: Exness และ IC Markets มีสเปรดและค่าคอมมิชชันที่ใกล้เคียงกัน Exness อาจได้เปรียบในเรื่องการถอนเงินที่รวดเร็วและไม่มีค่าธรรมเนียม ส่วน IC Markets เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการสเปรดต่ำในสภาพแวดล้อม ECN
4. แพลตฟอร์มการซื้อขาย
Exness
แพลตฟอร์มที่รองรับ: MetaTrader 4 (MT4), MetaTrader 5 (MT5), และ Exness Terminal (แพลตฟอร์มที่พัฒนาเอง)
คุณสมบัติพิเศษ: Exness Terminal เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายและเหมาะสำหรับนักเทรดมือใหม่ นอกจากนี้ยังมีแอปมือถือที่ครบครัน
เครื่องมือวิเคราะห์: Exness มีเครื่องมือวิเคราะห์ในตัว เช่น Trading Central และสัญญาณการซื้อขาย
IC Markets
แพลตฟอร์มที่รองรับ: MT4, MT5, และ cTrader ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่นักเทรดมืออาชีพ
คุณสมบัติพิเศษ: cTrader มีอินเทอร์เฟซที่ทันสมัยและเหมาะสำหรับ Scalping และการซื้อขายอัตโนมัติ
เครื่องมือวิเคราะห์: IC Markets รองรับเครื่องมือของบุคคลที่สาม เช่น Autochartist และ VPS ฟรีสำหรับนักเทรดที่มีปริมาณการซื้อขายสูง
สรุป: IC Markets มีข้อได้เปรียบในเรื่องแพลตฟอร์ม cTrader ซึ่งเหมาะสำหรับนักเทรดขั้นสูง ส่วน Exness มีแพลตฟอร์มที่พัฒนาเองและใช้งานง่าย เหมาะสำหรับนักเทรดทุกระดับ

5. ประเภทบัญชี
Exness
บัญชี Standard: เหมาะสำหรับมือใหม่ ฝากขั้นต่ำ $10 และไม่มีค่าคอมมิชชัน
บัญชี Pro: สเปรดต่ำ ไม่มีค่าคอมมิชชัน ฝากขั้นต่ำ $200
บัญชี Raw Spread และ Zero: สเปรดต่ำสุดและมีค่าคอมมิชชัน เหมาะสำหรับนักเทรดมืออาชีพ
IC Markets
บัญชี Standard: ไม่มีค่าคอมมิชชัน แต่สเปรดสูงกว่าเล็กน้อย ฝากขั้นต่ำ $200
บัญชี Raw Spread: สเปรดต่ำและมีค่าคอมมิชชัน เหมาะสำหรับ Scalping
บัญชี cTrader: คล้ายกับ Raw Spread แต่ใช้แพลตฟอร์ม cTrader
สรุป: Exness มีบัญชีที่หลากหลายและเหมาะสำหรับนักเทรดทุกระดับ โดยเฉพาะมือใหม่ที่ต้องการฝากเงินขั้นต่ำน้อย ส่วน IC Markets เหมาะสำหรับนักเทรดที่เน้น Scalping หรือใช้ cTrader
6. การสนับสนุนลูกค้า
Exness
การสนับสนุน 24/7 ผ่านแชทสด, อีเมล, และโทรศัพท์
รองรับภาษาไทยและภาษาอื่น ๆ มากกว่า 15 ภาษา
มีทีมงานในประเทศไทยที่ให้การสนับสนุนอย่างรวดเร็ว
IC Markets
การสนับสนุน 24/7 ผ่านแชทสด, อีเมล, และโทรศัพท์
รองรับภาษาไทย แต่การตอบกลับอาจช้ากว่าในบางกรณี
มีฐานลูกค้าในประเทศไทยแต่ไม่มีการสนับสนุนในท้องถิ่นโดยตรง
สรุป: Exness มีข้อได้เปรียบในด้านการสนับสนุนภาษาไทยและความรวดเร็วในการตอบกลับ ส่วน IC Markets เหมาะสำหรับนักเทรดที่ไม่ต้องการการสนับสนุนในท้องถิ่นมากนัก
7. คุณสมบัติพิเศษ
Exness
Social Trading: Exness มีแพลตฟอร์ม Social Trading ที่ช่วยให้นักเทรดมือใหม่สามารถคัดลอกกลยุทธ์ของนักเทรดมืออาชีพ
การถอนเงินทันที: ระบบถอนเงินอัตโนมัติที่รวดเร็วและไม่มีค่าธรรมเนียม
เลเวอเรจสูง: เลเวอเรจสูงสุดถึง 1:Unlimited ในบางบัญชี
IC Markets
VPS ฟรี: สำหรับนักเทรดที่มีปริมาณการซื้อขายสูง
เครื่องมือสำหรับ EA: รองรับการซื้อขายอัตโนมัติอย่างสมบูรณ์
สภาพแวดล้อม ECN: การดำเนินคำสั่งที่รวดเร็วและโปร่งใส
สรุป: Exness เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการความยืดหยุ่นและ Social Trading ส่วน IC Markets เหมาะสำหรับนักเทรดที่ใช้ EA และต้องการสภาพแวดล้อม ECN
8. ข้อดีและข้อเสีย
Exness
ข้อดี:
สเปรดต่ำและไม่มีค่าธรรมเนียมการฝาก-ถอน
รองรับ Social Trading
เลเวอเรจสูงและการถอนเงินทันที
การสนับสนุนภาษาไทยที่ยอดเยี่ยม
ข้อเสีย:
แพลตฟอร์มที่พัฒนาเองอาจไม่เหมาะกับนักเทรดที่ต้องการ cTrader
ข้อมูลการวิเคราะห์อาจน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ IC Markets
IC Markets
ข้อดี:
สภาพแวดล้อม ECN ที่เหมาะสำหรับ Scalping
รองรับ cTrader และเครื่องมือสำหรับ EA
ได้รับการกำกับดูแลจาก ASIC
VPS ฟรีสำหรับนักเทรดที่มีปริมาณสูง
ข้อเสีย:
ฝากขั้นต่ำสูงกว่า Exness
การสนับสนุนภาษาไทยอาจไม่รวดเร็วเท่า
9. โบรกเกอร์ใดเหมาะกับคุณ?
เลือก Exness หาก:
คุณเป็นนักเทรดมือใหม่ที่ต้องการฝากเงินขั้นต่ำน้อย
คุณต้องการเลเวอเรจสูงและการถอนเงินที่รวดเร็ว
คุณสนใจ Social Trading หรือต้องการการสนับสนุนภาษาไทย
เลือก IC Markets หาก:
คุณเป็นนักเทรดมืออาชีพที่ใช้กลยุทธ์ Scalping หรือ EA
คุณต้องการแพลตฟอร์ม cTrader หรือสภาพแวดล้อม ECN
คุณให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลจาก ASIC
10. สรุป
ทั้ง Exness และ IC Markets เป็นโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ชั้นนำที่มีจุดแข็งและจุดอ่อนที่แตกต่างกัน Exness เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการความยืดหยุ่น, การฝาก-ถอนที่รวดเร็ว, และการสนับสนุนภาษาไทย ส่วน IC Markets เหมาะสำหรับนักเทรดมืออาชีพที่เน้น Scalping และการซื้อขายอัตโนมัติในสภาพแวดล้อม ECN
ก่อนตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ ควรพิจารณาสไตล์การซื้อขาย, งบประมาณ, และเป้าหมายของคุณ คุณสามารถทดลองใช้บัญชี Demo ของทั้งสองโบรกเกอร์เพื่อทดสอบแพลตฟอร์มและเงื่อนไขการซื้อขายก่อนเริ่มลงทุนจริง
อ่านเพิ่มเติม: