3 minute read

Exness vs Vantage เทียบกันชัด ๆ โบรกไหนดีกว่ากัน

การเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่เหมาะสมเป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับนักเทรดในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นหรือมืออาชีพที่มีประสบการณ์หลายปี ในปี 2025 Exness vs Vantage เป็นสองโบรกเกอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักเทรดชาวไทย ด้วยจุดเด่นที่แตกต่างกัน ทั้งสองโบรกเกอร์นี้มีข้อดีและข้อจำกัดที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ บทความนี้จะเปรียบเทียบ Exness และ Vantage อย่างละเอียดในด้านต่าง ๆ เช่น การควบคุม, ค่าธรรมเนียม, แพลตฟอร์มการซื้อขาย, ผลิตภัณฑ์, การสนับสนุนลูกค้า, และประสบการณ์ผู้ใช้ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเป้าหมายการเทรดของคุณ

การลงทะเบียนบัญชี Exness👈

ภาพรวมของ Exness และ Vantage

ExnessExness ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 และมีสำนักงานใหญ่ในไซปรัส โบรกเกอร์นี้เติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นหนึ่งในผู้นำในอุตสาหกรรมฟอเร็กซ์และ CFD ด้วยฐานลูกค้ามากกว่า 700,000 รายทั่วโลก Exness มีชื่อเสียงในด้านสเปรดที่ต่ำมาก, การดำเนินคำสั่งที่รวดเร็ว, และความโปร่งใสในการซื้อขาย ในประเทศไทย Exness เป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากมีช่องทางการฝากถอนที่สะดวก, รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบ, และตัวเลือกบัญชีที่หลากหลายซึ่งเหมาะกับนักเทรดทุกระดับ

VantageVantage (เดิมชื่อ VantageFX) ก่อตั้งในปี 2009 มีสำนักงานใหญ่ในออสเตรเลีย และเป็นที่รู้จักในฐานะโบรกเกอร์ที่เน้นนวัตกรรมและการเข้าถึงเครื่องมือการซื้อขายที่ทันสมัย Vantage ได้รับการควบคุมโดยหน่วยงานที่มีชื่อเสียง เช่น ASIC และ FCA ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากนักเทรดทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย Vantage เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการแพลตฟอร์มที่หลากหลาย เช่น MetaTrader และ TradingView รวมถึงการสนับสนุนลูกค้าที่มีคุณภาพ

ทั้งสองโบรกเกอร์นี้มีจุดแข็งที่แตกต่างกัน แต่โบรกเกอร์ใดจะเหมาะกับคุณมากกว่ากัน? มาดูการเปรียบเทียบในแต่ละด้านอย่างละเอียด

1. การควบคุมและความน่าเชื่อถือ

ความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์เป็นปัจจัยสำคัญที่นักเทรดต้องพิจารณา เนื่องจากเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของเงินทุนและความโปร่งใสในการดำเนินงาน

ExnessExness ได้รับการควบคุมโดยหน่วยงานชั้นนำหลายแห่ง ได้แก่:

  • CySEC (Cyprus Securities and Exchange Commission) ในไซปรัส

  • FCA (Financial Conduct Authority) ในสหราชอาณาจักร

  • FSA (Financial Services Authority) ในเซเชลส์

  • FSCA (Financial Sector Conduct Authority) ในแอฟริกาใต้

การควบคุมจากหน่วยงานเหล่านี้ช่วยให้มั่นใจว่า Exness ปฏิบัติตามมาตรฐานสากล เช่น การแยกเงินทุนของลูกค้าออกจากเงินของบริษัท และการรายงานทางการเงินที่โปร่งใส Exness ยังเป็นสมาชิกของกองทุนชดเชยนักลงทุน (Investor Compensation Fund) ซึ่งให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมแก่นักเทรดในกรณีที่โบรกเกอร์ล้มละลาย นอกจากนี้ Exness ยังเผยแพร่รายงานการตรวจสอบจากบริษัทบัญชีอิสระ เช่น Deloitte ซึ่งเพิ่มความมั่นใจในความโปร่งใส

VantageVantage ก็มีใบอนุญาตที่น่าเชื่อถือจากหน่วยงานต่อไปนี้:

  • ASIC (Australian Securities and Investments Commission) ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานกำกับดูแลที่เข้มงวดที่สุดในโลก

  • FCA ในสหราชอาณาจักร

  • CIMA (Cayman Islands Monetary Authority)

Vantage มีนโยบายการปกป้องยอดคงเหลือติดลบ (Negative Balance Protection) ซึ่งป้องกันนักเทรดจากการขาดทุนเกินเงินฝาก ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับนักเทรดที่มีความเสี่ยงสูง นอกจากนี้ Vantage ยังมีประกันภัยสำหรับลูกค้าในบางกรณี ซึ่งเพิ่มความปลอดภัยให้กับเงินทุน

เปรียบเทียบ:ทั้ง Exness และ Vantage มีความน่าเชื่อถือสูง เนื่องจากได้รับการควบคุมจากหน่วยงานชั้นนำ Exness อาจได้เปรียบในประเทศไทย เนื่องจากมีฐานลูกค้าที่ใหญ่กว่าและการรับรู้แบรนด์ที่แข็งแกร่งกว่าในหมู่นักเทรดชาวไทย ในขณะที่ Vantage เหมาะสำหรับนักเทรดที่ให้ความสำคัญกับการควบคุมจาก ASIC ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านความเข้มงวด

2. ค่าธรรมเนียมและสเปรด

ค่าธรรมเนียมและสเปรดเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อกำไรของนักเทรด โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เทรดบ่อยหรือใช้กลยุทธ์ Scalping

ExnessExness มีชื่อเสียงในด้านสเปรดที่ต่ำมาก โดยเฉพาะในบัญชี Raw Spread และ Zero ซึ่งสเปรดบางคู่สกุลเงิน เช่น EUR/USD สามารถต่ำถึง 0.0 pip ในช่วงที่มีสภาพคล่องสูง อย่างไรก็ตาม บัญชีเหล่านี้มีค่าคอมมิชชั่นต่อล็อต:

  • Standard Account: ไม่มีค่าคอมมิชชั่น สเปรดเริ่มต้นที่ 0.3 pip เหมาะสำหรับมือใหม่

  • Raw Spread Account: สเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pip ค่าคอมมิชชั่นประมาณ $3.5 ต่อล็อต (ต่อด้าน)

  • Zero Account: สเปรด 0.0 pip ในคู่สกุลเงินหลักบางคู่ ค่าคอมมิชชั่นเริ่มต้นที่ $0.2 ต่อล็อต

  • Pro Account: เหมาะสำหรับนักเทรดมืออาชีพ สเปรดเริ่มที่ 0.1 pip และไม่มีค่าคอมมิชชั่นในบางกรณี

Exness ยังมีนโยบายฝากถอนฟรีในประเทศไทยผ่านช่องทางยอดนิยม เช่น ธนาคารออนไลน์, QR Code, และ PromptPay ซึ่งช่วยลดต้นทุนสำหรับนักเทรด นอกจากนี้ Exness ไม่มีค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งาน (inactivity fee) ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับนักเทรดที่ไม่ได้เทรดอย่างสม่ำเสมอ

VantageVantage เสนอสเปรดที่แข่งขันได้ โดยเฉพาะในบัญชี Raw ECN ซึ่งสเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pip และมีค่าคอมมิชชั่น $3 ต่อล็อต (ต่อด้าน) สำหรับบัญชี Standard STP สเปรดเริ่มต้นที่ 1.0 pip โดยไม่มีค่าคอมมิชชั่น ซึ่งอาจสูงกว่า Exness ในบัญชีที่คล้ายกัน ค่าธรรมเนียมการฝากถอนของ Vantage ขึ้นอยู่กับวิธีการชำระเงิน แต่โดยทั่วไปไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับการฝากผ่านธนาคารในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม Vantage มีค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งาน $10 ต่อเดือนหากบัญชีไม่มีการเคลื่อนไหวเกิน 6 เดือน

เปรียบเทียบ:Exness มีข้อได้เปรียบในด้านสเปรดที่ต่ำกว่าและความยืดหยุ่นในตัวเลือกบัญชี โดยเฉพาะสำหรับนักเทรดที่เน้น Scalping หรือ Day Trading นอกจากนี้ การฝากถอนฟรีและไม่มีค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งานทำให้ Exness เป็นตัวเลือกที่ประหยัดกว่า Vantage เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการบัญชี ECN ด้วยค่าคอมมิชชั่นที่สมเหตุสมผล แต่สเปรดในบัญชี Standard อาจสูงกว่าเล็กน้อย

3. แพลตฟอร์มการซื้อขาย

แพลตฟอร์มการซื้อขายเป็นเครื่องมือหลักที่นักเทรดใช้ในการวิเคราะห์และดำเนินการซื้อขาย การเลือกโบรกเกอร์ที่มีแพลตฟอร์มที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญ

ExnessExness รองรับแพลตฟอร์มยอดนิยมดังต่อไปนี้:

  • MetaTrader 4 (MT4): เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการแพลตฟอร์มที่เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ

  • MetaTrader 5 (MT5): รองรับการซื้อขายสินทรัพย์ที่หลากหลายกว่า MT4 รวมถึงหุ้นและคริปโตเคอเรนซี่

  • Exness Terminal: แพลตฟอร์มที่พัฒนาโดย Exness สำหรับการเทรดผ่านเว็บและมือถือ มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและเหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการความสะดวก

Exness Terminal เป็นจุดเด่นที่ทำให้ Exness แตกต่างจากโบรกเกอร์อื่น ๆ เนื่องจากออกแบบมาเพื่อการเทรดผ่านมือถือโดยเฉพาะ มีการรวมเครื่องมือวิเคราะห์ เช่น Trading Central และปฏิทินเศรษฐกิจในตัว ซึ่งช่วยให้นักเทรดสามารถติดตามข่าวสารและวิเคราะห์ตลาดได้อย่างง่ายดาย

การลงทะเบียนบัญชี Exness👈

VantageVantage มีตัวเลือกแพลตฟอร์มที่หลากหลายกว่าเล็กน้อย:

  • MetaTrader 4 (MT4)

  • MetaTrader 5 (MT5)

  • Vantage App: แอปมือถือที่พัฒนาโดย Vantage มีความทันสมัยและใช้งานง่าย

  • ProTrader: ขับเคลื่อนโดย TradingView เหมาะสำหรับนักเทรดที่ชื่นชอบการวิเคราะห์กราฟขั้นสูง

จุดเด่นของ Vantage คือการผสานรวมกับ TradingView ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในหมู่นักเทรดที่ต้องการเครื่องมือวิเคราะห์ที่ทันสมัยและชุมชนออนไลน์สำหรับแลกเปลี่ยนไอเดียการเทรด Vantage ยังมีเครื่องมือเสริม เช่น SmartTrader ซึ่งเพิ่มฟีเจอร์การซื้อขายอัตโนมัติและการวิเคราะห์ขั้นสูงให้กับ MT4 และ MT5

เปรียบเทียบ:Exness เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการแพลตฟอร์มที่เรียบง่ายและเน้นความเร็ว โดยเฉพาะ Exness Terminal ที่ออกแบบมาสำหรับการเทรดผ่านมือถือ Vantage มีข้อได้เปรียบสำหรับนักเทรดที่ต้องการใช้ TradingView หรือเครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูง หากคุณเป็นนักเทรดที่เน้นการวิเคราะห์เชิงเทคนิค Vantage อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

4. ผลิตภัณฑ์และเครื่องมือการซื้อขาย

ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่โบรกเกอร์นำเสนอมีผลต่อโอกาสในการกระจายความเสี่ยงและกลยุทธ์การเทรด

ExnessExness มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมถึง:

  • ฟอเร็กซ์: มากกว่า 100 คู่สกุลเงิน รวมถึงคู่หลัก, คู่รอง, และคู่ Exotic

  • โลหะมีค่า: ทองคำ, เงิน, แพลทินัม, และแพลเลเดียม

  • คริปโตเคอเรนซี่: Bitcoin, Ethereum, Ripple และอื่น ๆ อีกมากมาย

  • ดัชนี: เช่น US30, DE40, JP225

  • หุ้นและพลังงาน: CFD หุ้นสหรัฐและยุโรป รวมถึงน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ

Exness ยังมีเลเวอเรจสูงสุดถึง 1:ไม่จำกัด ในบางบัญชี ซึ่งเหมาะสำหรับนักเทรดที่มีประสบการณ์และต้องการเพิ่มโอกาสในการทำกำไร อย่างไรก็ตาม เลเวอเรจสูงนี้มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน

VantageVantage มีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมคล้ายกับ Exness:

  • ฟอเร็กซ์: มากกว่า 40 คู่สกุลเงิน รวมถึงคู่หลักและคู่รอง

  • โลหะมีค่า: ทองคำ, เงิน, แพลทินัม

  • คริปโตเคอเรนซี่: รองรับมากกว่า 10 สกุล เช่น Bitcoin, Ethereum, และ Cardano

  • ดัชนีและหุ้น: CFD หุ้นสหรัฐ, ยุโรป, และออสเตรเลีย

  • สินค้าโภคภัณฑ์: น้ำมัน, ก๊าซ, และสินค้าเกษตร

เลเวอเรจของ Vantage สูงสุดที่ 1:500 ซึ่งเพียงพอสำหรับนักเทรดส่วนใหญ่ แต่ต่ำกว่า Exness ในบางกรณี

เปรียบเทียบ:Exness มีความยืดหยุ่นมากกว่าในด้านเลเวอเรจและจำนวนคู่สกุลเงิน ซึ่งเหมาะสำหรับนักเทรดที่เน้นฟอเร็กซ์และคริปโตเคอเรนซี่ Vantage มีความหลากหลายใน CFD หุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งอาจดึงดูดนักเทรดที่ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุน

5. การสนับสนุนลูกค้า

การสนับสนุนลูกค้าเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้นักเทรดได้รับประสบการณ์ที่ดี โดยเฉพาะเมื่อเกิดปัญหาด้านเทคนิคหรือการเงิน

ExnessExness มีทีมสนับสนุนลูกค้าที่ให้บริการ 24/7 และรองรับภาษาไทยผ่านแชทสด, อีเมล, และโทรศัพท์ นักเทรดในประเทศไทยชื่นชอบ Exness เนื่องจากมีการตอบสนองที่รวดเร็วและทีมงานที่พูดภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว นอกจากนี้ Exness ยังมีช่องทางการฝากถอนที่สะดวก เช่น ธนาคารออนไลน์, PromptPay, และ QR Code ซึ่งช่วยให้การทำธุรกรรมรวดเร็วและไม่มีค่าใช้จ่าย

VantageVantage มีบริการลูกค้า 24/5 และรองรับภาษาไทยเช่นกัน การตอบสนองของ Vantage ได้รับการยกย่องในด้านความเป็นมืออาชีพ แต่บางครั้งอาจช้ากว่า Exness ในช่วงเวลาที่มีการร้องขอจำนวนมาก Vantage ยังมีศูนย์การเรียนรู้ที่ครอบคลุม รวมถึงวิดีโอสอนการเทรดและบทความ ซึ่งเหมาะสำหรับนักเทรดมือใหม่

เปรียบเทียบ:Exness มีข้อได้เปรียบในด้านการสนับสนุน 24/7 และการตอบสนองที่รวดเร็วในประเทศไทย Vantage เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการแหล่งข้อมูลการเรียนรู้เพิ่มเติม แต่การสนับสนุน 24/5 อาจจำกัดในบางสถานการณ์

6. ประสบการณ์ผู้ใช้และความเหมาะสมสำหรับนักเทรด

ExnessExness เหมาะสำหรับนักเทรดทุกระดับ ตั้งแต่มือใหม่จนถึงมืออาชีพ ด้วยตัวเลือกบัญชีที่หลากหลายและสเปรดที่ต่ำ นักเทรดมือใหม่สามารถเริ่มต้นด้วยบัญชี Standard ที่ไม่มีค่าคอมมิชชั่น ในขณะที่นักเทรดมืออาชีพสามารถเลือกบัญชี Raw Spread หรือ Zero เพื่อลดต้นทุนการเทรด นอกจากนี้ การฝากถอนที่รวดเร็วและไม่มีค่าใช้จ่ายทำให้ Exness เป็นตัวเลือกยอดนิยมในประเทศไทย

VantageVantage เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการเครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูงและแพลตฟอร์มที่ทันสมัย เช่น TradingView นักเทรดที่มีประสบการณ์อาจชื่นชอบบัญชี Raw ECN และเครื่องมือ SmartTrader ในขณะที่มือใหม่สามารถใช้ประโยชน์จากศูนย์การเรียนรู้และบัญชีเดโมเพื่อฝึกฝน

ข้อดีและข้อเสีย

Exness

  • ข้อดี: สเปรดต่ำ, เลเวอเรจสูง, ฝากถอนฟรีและรวดเร็ว, รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบ, ไม่มีค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งาน

  • ข้อเสีย: แพลตฟอร์มอาจไม่หลากหลายเท่า Vantage, เลเวอเรจสูงอาจมีความเสี่ยงสำหรับมือใหม่

Vantage

  • ข้อดี: รองรับ TradingView, การควบคุมโดย ASIC, ความหลากหลายใน CFD, มีศูนย์การเรียนรู้ที่ครอบคลุม

  • ข้อเสีย: สเปรดในบัญชี Standard สูงกว่า Exness, เลเวอเรจจำกัด, มีค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งาน

สรุป: Exness หรือ Vantage เหมาะกับคุณ?

การเลือกโบรกเกอร์ขึ้นอยู่กับความต้องการและสไตล์การเทรดของคุณ หากคุณเป็นนักเทรดในประเทศไทยที่มองหาสเปรดต่ำ, เลเวอเรจสูง, และการฝากถอนที่สะดวก Exness น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า โดยเฉพาะสำหรับนักเทรดมือใหม่หรือผู้ที่เน้นการเทรดฟอเร็กซ์และคริปโตเคอเรนซี่ ในทางกลับกัน หากคุณต้องการเครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูง, การเข้าถึง CFD ที่หลากหลาย, และแพลตฟอร์มที่ทันสมัย Vantage อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า ด้วยการผสานรวมกับ TradingView และเครื่องมือ SmartTrader

เพื่อให้มั่นใจว่าโบรกเกอร์ที่คุณเลือกเหมาะสม ลองทดสอบบัญชีเดโมของทั้ง Exness และ Vantage เพื่อเปรียบเทียบประสบการณ์การใช้งานจริง และอย่าลืมพิจารณาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเทรดฟอเร็กซ์และ CFD

การลงทะเบียนบัญชี Exness👈

อ่านเพิ่มเติม:

This article is from: