
2 minute read
บัญชี Raw Spread คือ? ทุกสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการเทรดด้วยบัญชี Raw Spread
from Exness
by Exness_Blog
ในโลกของการเทรดฟอเร็กซ์ (Forex) และการลงทุนในตลาดการเงิน บัญชี Raw Spread ได้กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการความโปร่งใสและต้นทุนการเทรดที่ต่ำ แต่บัญชี Raw Spread คืออะไร? เหมาะกับใคร? และทำไมถึงได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์มืออาชีพ? บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกแง่มุมของบัญชี Raw Spread เพื่อให้คุณเข้าใจอย่างถ่องแท้และตัดสินใจได้ว่าบัญชีประเภทนี้เหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณหรือไม่

บัญชี Raw Spread คืออะไร?
บัญชี Raw Spread เป็นบัญชีการเทรดที่โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์นำเสนอ โดยมีจุดเด่นคือ สเปรด (Spread) ที่ต่ำมากหรือใกล้เคียงกับ 0 pip และมีการเรียกเก็บ ค่าคอมมิชชั่น แยกต่างหากสำหรับแต่ละการซื้อขาย สเปรดคือส่วนต่างระหว่างราคาซื้อ (Bid) และราคาขาย (Ask) ของคู่สกุลเงิน ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการเทรดฟอเร็กซ์
ในบัญชี Raw Spread โบรกเกอร์จะให้คุณเข้าถึงสเปรดดิบ (Raw Spread) ที่มาจากผู้ให้บริการสภาพคล่อง (Liquidity Providers) โดยตรง โดยไม่มีการบวกเพิ่มสเปรดเพื่อทำกำไรจากส่วนต่างนี้ แทนที่โบรกเกอร์จะทำกำไรจากสเปรด พวกเขาจะเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นต่อล็อตที่เทรด ซึ่งมักจะเป็นจำนวนเงินที่คงที่หรือคำนวณตามปริมาณการเทรด
คุณสมบัติหลักของบัญชี Raw Spread
· สเปรดต่ำมาก: สเปรดในบัญชี Raw Spread มักเริ่มต้นที่ 0.0 pip หรือใกล้เคียง ซึ่งเหมาะสำหรับการเทรดในช่วงที่มีความผันผวนต่ำ
· ค่าคอมมิชชั่น: โบรกเกอร์จะเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นต่อการเทรด เช่น $3-$7 ต่อล็อต (ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์)
· ความโปร่งใส: เนื่องจากสเปรดมาจากผู้ให้บริการสภาพคล่องโดยตรง เทรดเดอร์จะได้รับราคาที่ใกล้เคียงกับราคาตลาดจริง
· เหมาะกับการเทรดแบบ Scalping และ Day Trading: ด้วยต้นทุนที่ต่ำและการ执行คำสั่งที่รวดเร็ว บัญชีนี้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่เทรดบ่อยครั้งในระยะสั้น
บัญชี Raw Spread ทำงานอย่างไร?
เพื่อให้เข้าใจการทำงานของบัญชี Raw Spread เราจะมาดูกลไกสำคัญที่อยู่เบื้องหลัง:
1. การเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการสภาพคล่อง
โบรกเกอร์ที่ให้บริการบัญชี Raw Spread มักจะเป็นโบรกเกอร์ประเภท ECN (Electronic Communication Network) หรือ STP (Straight Through Processing) ซึ่งเชื่อมต่อโดยตรงกับผู้ให้บริการสภาพคล่อง เช่น ธนาคาร สถาบันการเงิน หรือโบรกเกอร์ขนาดใหญ่ ราคาที่คุณเห็นในบัญชี Raw Spread จึงเป็นราคาที่แท้จริงจากตลาดระหว่างธนาคาร (Interbank Market)
2. สเปรดที่แปรผัน
สเปรดในบัญชี Raw Spread จะไม่คงที่และอาจเปลี่ยนแปลงตามสภาวะตลาด เช่น ในช่วงที่มีข่าวสำคัญหรือความผันผวนสูง สเปรดอาจขยายตัว แต่โดยทั่วไปจะยังคงต่ำกว่าบัญชีประเภทอื่น เช่น บัญชี Standard ที่มักมีสเปรดคงที่หรือสูงกว่า
3. การคำนวณต้นทุน
ต้นทุนการเทรดในบัญชี Raw Spread ประกอบด้วย:
· สเปรด: ค่าใช้จ่ายจากส่วนต่างของราคาซื้อและขาย
· ค่าคอมมิชชั่น: ค่าธรรมเนียมต่อการเทรด ซึ่งมักจะคิดเป็นจำนวนเงินต่อล็อต เช่น $6 ต่อล็อตสำหรับการเทรดแบบ Round Turn (เปิดและปิดคำสั่ง)
ตัวอย่าง: หากคุณเทรด 1 ล็อตในคู่สกุลเงิน EUR/USD โดยสเปรดอยู่ที่ 0.1 pip และค่าคอมมิชชั่นคือ $6 ต่อล็อต ต้นทุนรวมจะเป็น:
· สเปรด: 0.1 pip ≈ $1 (สำหรับ 1 ล็อตใน EUR/USD)
· ค่าคอมมิชชั่น: $6
· ต้นทุนรวม: $1 + $6 = $7
เมื่อเปรียบเทียบกับบัญชี Standard ที่อาจมีสเปรด 1.5-2 pip (≈ $15-$20 ต่อล็อต) บัญชี Raw Spread มีต้นทุนที่ต่ำกว่ามาก
ข้อดีของบัญชี Raw Spread
บัญชี Raw Spread มีข้อดีหลายประการที่ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่เทรดเดอร์:
· ต้นทุนการเทรดต่ำ: สเปรดที่ใกล้เคียงกับ 0 pip ช่วยลดต้นทุนโดยรวม โดยเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์ที่เทรดในปริมาณมาก
· ความเร็วในการ执行คำสั่ง: การเชื่อมต่อกับ ECN หรือ STP ทำให้คำสั่งซื้อขายถูกดำเนินการอย่างรวดเร็ว ลดโอกาสเกิด Slippage
· ความโปร่งใส: ราคาที่แสดงเป็นราคาตลาดจริง ไม่มีการแทรกแซงจากโบรกเกอร์
· เหมาะสำหรับกลยุทธ์ Scalping: เทรดเดอร์ที่ทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเล็กๆ น้อยๆ จะได้เปรียบจากสเปรดต่ำ
· เหมาะกับการเทรดอัตโนมัติ: บัญชี Raw Spread เป็นที่นิยมในหมู่เทรดเดอร์ที่ใช้ Expert Advisors (EA) หรือระบบเทรดอัตโนมัติ

ข้อเสียของบัญชี Raw Spread
แม้ว่าบัญชี Raw Spread จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการที่เทรดเดอร์ควรพิจารณา:
· ค่าคอมมิชชั่น: เทรดเดอร์ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นเพิ่มเติม ซึ่งอาจไม่เหมาะกับผู้ที่เทรดในปริมาณน้อยหรือเทรดไม่บ่อย
· สเปรดผันผวน: ในช่วงที่มีความผันผวนสูง เช่น ช่วงข่าวเศรษฐกิจ สเปรดอาจขยายตัว ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น
· เหมาะกับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์: ผู้เริ่มต้นอาจพบว่าการจัดการต้นทุนและความซับซ้อนของบัญชี Raw Spread เป็นเรื่องที่ท้าทาย
· เงินฝากขั้นต่ำที่สูง: โบรกเกอร์บางรายกำหนดเงินฝากขั้นต่ำที่สูงกว่าสำหรับบัญชี Raw Spread เมื่อเทียบกับบัญชี Standard
บัญชี Raw Spread เหมาะกับใคร?
บัญชี Raw Spread ไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะกับทุกคน เทรดเดอร์ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากบัญชีประเภทนี้มักมีลักษณะดังนี้:
· เทรดเดอร์แบบ Scalping: ผู้ที่ทำกำไรจากส่วนต่างของราคาเล็กๆ น้อยๆ และต้องการสเปรดต่ำ
· Day Traders: ผู้ที่เปิดและปิดคำสั่งภายในวันเดียว ต้องการความเร็วและต้นทุนต่ำ
· เทรดเดอร์ที่ใช้ EA: ระบบเทรดอัตโนมัติต้องการสเปรดต่ำและการ执行คำสั่งที่รวดเร็ว
· เทรดเดอร์ที่มีเงินทุนเพียงพอ: เนื่องจากเงินฝากขั้นต่ำและค่าคอมมิชชั่นอาจสูง เทรดเดอร์ที่มีเงินทุนมากกว่าจะได้เปรียบ
ในทางกลับกัน หากคุณเป็นเทรดเดอร์มือใหม่ที่เทรดในปริมาณน้อยหรือไม่ต้องการความซับซ้อนในการคำนวณค่าคอมมิชชั่น บัญชี Standard หรือบัญชีที่ไม่มีค่าคอมมิชชั่นอาจเหมาะสมกว่า
การเปรียบเทียบระหว่างบัญชี Raw Spread และบัญชี Standard
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น มาดูการเปรียบเทียบระหว่างบัญชี Raw Spread และบัญชี Standard:

วิธีเลือกโบรกเกอร์ที่ให้บริการบัญชี Raw Spread
เมื่อตัดสินใจใช้บัญชี Raw Spread สิ่งสำคัญคือการเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้ ต่อไปนี้คือเคล็ดลับในการเลือกโบรกเกอร์:
· ตรวจสอบใบอนุญาต: โบรกเกอร์ควรได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น ASIC, FCA หรือ CySEC
· เปรียบเทียบค่าคอมมิชชั่น: ค่าคอมมิชชั่นที่ต่ำจะช่วยลดต้นทุนการเทรด
· ทดสอบบัญชีเดโม: ลองใช้บัญชีเดโมเพื่อทดสอบสเปรด ความเร็วในการ执行 และแพลตฟอร์ม
· ตรวจสอบรีวิว: อ่านรีวิวจากเทรดเดอร์คนอื่นๆ เพื่อประเมินความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์
· เครื่องมือและแพลตฟอร์ม: ตรวจสอบว่าโบรกเกอร์รองรับแพลตฟอร์มที่คุณถนัด เช่น MetaTrader 4/5 หรือ cTrader
เคล็ดลับการเทรดด้วยบัญชี Raw Spread
เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากบัญชี Raw Spread ต่อไปนี้คือเคล็ดลับที่คุณสามารถนำไปใช้:
· จัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ: ถึงแม้ต้นทุนจะต่ำ แต่การเทรดด้วยเลเวอเรจสูงอาจนำไปสู่การขาดทุนที่มากขึ้น
· เลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม: เทรดในช่วงที่มีสภาพคล่องสูง เช่น ช่วงทับซ้อนของเซสชั่นลอนดอนและนิวยอร์ก เพื่อให้ได้สเปรดที่ต่ำ
· ใช้เครื่องมือวิเคราะห์: ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อหาจุดเข้าและออกที่แม่นยำ
· ติดตามข่าวสาร: ความผันผวนจากข่าวอาจทำให้สเปรดขยายตัว ควรหลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงที่มีข่าวสำคัญหากคุณไม่พร้อมรับความเสี่ยง
สรุป: บัญชี Raw Spread คุ้มค่าหรือไม่?
บัญชี Raw Spread เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์และต้องการลดต้นทุนการเทรด พร้อมทั้งได้รับการ执行คำสั่งที่รวดเร็วและโปร่งใส ด้วยสเปรดที่ต่ำมากและความสามารถในการเข้าถึงราคาตลาดจริง บัญชีประเภทนี้เหมาะสำหรับการเทรดแบบ Scalping, Day Trading และการใช้ระบบอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ควรพิจารณาค่าคอมมิชชั่นและความผันผวนของสเปรด รวมถึงความพร้อมในการจัดการความเสี่ยง
หากคุณกำลังมองหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดและพร้อมที่จะลงทุนในบัญชีที่มีเงินฝากขั้นต่ำสูงขึ้นเล็กน้อย บัญชี Raw Spread อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณ ลองทดสอบกับบัญชีเดโมของโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ และเริ่มต้นการเทรดด้วยความมั่นใจ!
อ่านเพิ่มเติม: