Nocturnes sample

Page 1

‘ earnest publishing

KAZUO ISHIGURO

NOCTURNES

เพลงรัตติกาลรักในห้วงคะนึง นารีรัตน์ ชุนหชา แปล



NOCTURNES เพลงรัตติกาลรักในห้วงคะนึง Kazuo Ishiguro เขียน นารีรัตน์ ชุนหชา แปล

earnest

publishing


เพลงรัตติกาลรักในห้วงคะนึง Kazuo Ishiguro เขียน

นารีรัตน์ ชุนหชา แปล

บรรณาธิการ วิลาส วศินสังวร บรรณาธิการบริหาร ชญานุช วศินสังวร ศิลปกรรม ส�านักพิมพ์เอิร์นเนส NOCTURNES by Kazuo Ishiguro Copyright © Kazuo Ishiguro 2009

จัดพิมพ์โดย: บริษัท เอิร์นเนส พับลิชชิ่ง จ�ากัด 610/35-36 ถนนทรงวาด แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ 10100 โทรศัพท์: 02 223 9460-3 โทรสาร: 02 622 4419 พิมพ์ที่: บริษัท โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์ จ�ากัด 113/13 ซอยวัดสุวรรณคีรี ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 10700 โทรศัพท์: 02 424 6944 โทรสาร: 02 434 3802 จัดจ�าหน่ายทั่วประเทศ: บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จ�ากัด 108 หมู่ 2 ถนนบางกรวย-จงถนอม แขวงมหาสวัสดิ์ เขตบางกรวย นนทบุรี 11130 โทรศัพท์: 02 423 9999 โทรสาร: 02 499 9561-3 www.naiin.com สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 © บริษัท เอิร์นเนส พับลิชชิ่ง จ�ากัด เลขมาตรฐานสากลประจ�าหนังสือ 978-616-7691-27-5 พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2559 ราคา 250 บาท


ค�าน�าส�านักพิมพ์ Nocturnes เป็นผลงานรวมเรื่องสั้นของ คาสึโอะ อิชิงุโระ นักเขียนเจ้าของรางวัลมากมาย Remains of the Day และ Never Let Me Go Nocturnes เก็บความทรงจ�าและความจริงอันเจ็บปวด ผ่านเสียงดนตรี ตัวละครทั้งห้า และบรรยากาศอันสุดแสน โรแมนติก



สารบัญ นักร้องอมตะ ฝนจะตกหรือแดดจะออก มาลเวิร์นฮิลส์ เพลงรัตติกาลรัก นักเชลโล

11 49 107 147 217



แด่เดโบราห์ โรเจอร์ส



NOCTURNES เพลงรัตติกาลรักในห้วงคะนึง



นักร้องอมตะ

เช้าวันนั้น ผมเห็น โทนี การ์ดเนอร์ นั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มนัก ท่องเทีย่ ว ฤดูใบไม้ผลิเพิง่ เดินทางมาถึงเวนิส เราออกมาแสดง กลางแจ้งทีจ่ ตั รุ สั ได้ครบอาทิตย์แล้ว บอกได้เลยว่า ชวนให้โล่งใจ ยิ่งนัก เราอึดอัดอยู่หลายชั่วโมงเนื่องจากเราต้องเล่นดนตรีอยู่ หลังคาเฟ่และเกะกะขวางทางลูกค้าทีอ่ ยากขึน้ บันได เช้าวันนัน้ มีลมพัดพอสมควร กระโจมใหม่เอี่ยมของเราสะบัดกระพืออยู่ รอบตัว แต่เราทุกคนต่างก็รู้สึกแจ่มใสกว่าเดิม และผมว่ามัน คงแสดงออกมาในเสียงดนตรีของเรา นีผ่ มเล่าราวกับว่าตัวเองเป็นสมาชิกประจ�าวงอย่างนัน้ แหละ ที่จริงแล้วผมเป็นพวก ‘เร่ร่อน’ ตามที่นักดนตรีคนอื่น เรียกขาน เป็นพวกทีต่ อ้ งย้ายตัวไปเรือ่ ยๆ รอบจัตรุ สั ช่วยเสริม วงออร์เคสตราของคาเฟ่สามวงทีต่ อ้ งการตัวพวกเรา ส่วนใหญ่ ผมจะเล่นที่คาฟเฟ่ ลาวีน่า แต่บ่ายวันที่ยุ่ง ผมอาจจะไปเล่น กับควาดรี จากนัน้ ก็ขา้ มไปทีฟ่ ลอเรียน แล้วก็ขา้ มจัตรุ สั กลับมา 11


เพลงรัตติกาลรักในห้วงคะนึง

ทีล่ าวีนา่ อีกครัง้ ผมเข้ากับพวกเขาได้หมด รวมทัง้ บริกรด้วย ซึง่ หากอยูใ่ นเมืองอืน่ ป่านนีผ้ มคงมีตา� แหน่งประจ�าไปแล้ว แต่ใน สถานทีแ่ ห่งนีเ้ ต็มไปด้วยขนบธรรมเนียมและอดีต ทุกอย่างกลับ ตาลปัตรไปหมด หากเป็นที่อื่น มือกีตาร์คงได้รับการยกย่อง ชื่นชมอย่างมาก แต่ที่นี่น่ะหรือ? มือกีตาร์! ผู้จัดการคาเฟ่จะ อึดอัดขึน้ มาทันที กีตาร์ดสู มัยใหม่เกินไป พวกนักท่องเทีย่ วไม่ ชอบ ฤดูใบไม้รว่ งทีผ่ า่ นมาผมได้กตี าร์แจ๊สแบบวินเทจทีม่ ชี อ่ งเสียง เป็นรูปไข่ แบบที่จังโก้ ไรน์ฮาร์ดท์เล่น ดังนั้นจึงไม่มีทางที่ จะเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นพวกร็อคแอนด์โรลอย่างแน่นอน นั่น ท�าให้อะไรง่ายขึ้นมาหน่อย แต่พวกผู้จัดการคาเฟ่ก็ยังไม่ชอบ อยู่ดี ความจริงก็คือ ถ้าคุณเป็นนักกีตาร์ ต่อให้คุณเป็นโจ พาส พวกเขาก็จะไม่ยอมให้งานประจ�าคุณที่จัตุรัสแห่งนี้อย่าง แน่นอน นอกจากนัน้ ยังมีประเด็นเล็กๆ ทีว่ า่ ผมไม่ใช่คนอิตาเลียน อย่าว่าแต่เวเนเชียนเลย ผมเป็นเช่นเดียวกับไอ้หนุม่ เช็กตัวเบิม้ กับอัลโต้แซกของเขา เราเป็นที่รักใคร่พอสมควร นักดนตรี คนอื่นต้องการเรา แต่เราไม่ค่อยเหมาะกับใบสั่งจ่ายเงินที่ เป็นทางการ แค่เล่นไปแล้วคอยหุบปากไว้ นั่นแหละคือสิ่งที่ ผู้จัดการคาเฟ่บอกเราอยู่บ่อยๆ นักท่องเที่ยวจะได้ไม่รู้ว่าเรา ไม่ใช่คนอิตาเลียน ให้ใส่สูท สวมแว่นกันแดด หวีผมเสยไป ข้างหลังซะ จะได้ไม่มใี ครรูค้ วามแตกต่าง ขอเพียงแค่อย่าเอือ้ น เอ่ยวาจาออกมาเท่านั้นแหละ แต่ผมก็ทา� ได้ไม่เลวนัก วงออร์เคสตราทัง้ สามวง โดย 12


นักร้องอมตะ

เฉพาะอย่างยิ่งในยามที่พวกเขาต้องเล่นในเวลาเดียวกันจาก กระโจมคู่แข่ง พวกเขาต้องการมือกีตาร์...ทีน่ มุ่ นวล หนักแน่น แต่เสียงกังวาน ดังโดดเด่นออกมาจากคอร์ดที่อยู่เบื้องหลัง คุณคงคิดว่าการทีว่ งดนตรีสามวงเล่นพร้อมกันในจัตรุ สั เดียวกัน เสียงมันคงออกมาตีกนั พิลึก แต่เปียซซ่า ซาน มาร์โกมีขนาด ใหญ่พอจะรองรับได้ นักท่องเที่ยวที่เดินทอดน่องข้ามจัตุรัส จะได้ยินเสียงหนึ่งจางลง แล้วอีกเสียงก็ดังขึ้น เหมือนตอนที่ เราเปลี่ยนคลื่นวิทยุ สิ่งที่นักท่องเที่ยวรับไม่ค่อยได้มากนักคือ ดนตรีคลาสสิก...พวกเพลงที่มีชื่อเสียง โอเค ที่นี่คือ ซาน มาร์โก พวกเขาไม่ได้ตอ้ งการเพลงป๊อปยอดนิยมใหม่ลา่ สุด แต่ ทุกสองสามนาที พวกเขาก็อยากได้ยินเพลงที่คุ้นหู อาจเป็น เพลงเก่าของจูลี แอนดรูวส์ หรือเพลงประกอบภาพยนตร์ชอื่ ดัง ผมจ�าได้วา่ ฤดูรอ้ นทีผ่ า่ นมาผมต้องเข้าวงนัน้ ออกวงนี้ เล่นเพลง ‘เดอะ ก็อดฟาเธอร์’ เก้าครั้งในบ่ายวันเดียว อย่างไรก็ตาม เช้าวันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ ขณะผม เล่นดนตรีอยู่ต่อหน้านักท่องเที่ยวจ�านวนมาก ผมก็เห็นโทนี การ์ดเนอร์นั่งอยู่ตามล�าพังกับถ้วยกาแฟของเขา แทบจะตรง หน้าเราพอดี อาจจะห่างจากกระโจมของเราสักหกเมตร เรา มีคนดังแวะเวียนมาที่จัตุรัสบ่อยๆ เราจึงไม่เคยตื่นเต้นวุ่นวาย พอเพลงหนึ่งจบลง อาจจะมีเสียงกระซิบกระซาบกันเบาๆ ใน หมู่สมาชิกวง ดูสิ นั่นวอร์เรน บีตตี้ ดูสิ นั่นคิสซินเจอร์นี่ ผู้หญิงคนนั้น หล่อนเล่นหนังที่ผู้ชายสลับหน้ากันนี่นา เราชิน แล้ว แต่ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือ เปียซซ่า ซาน มาร์โก เมื่อผมรู้ 13


เพลงรัตติกาลรักในห้วงคะนึง

ว่าโทนี การ์ดเนอร์นงั่ อยูต่ รงนัน้ สถานการณ์กแ็ ตกต่างออกไป ผมรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที โทนี การ์ดเนอร์เป็นนักร้องคนโปรดตลอดกาลของแม่ ผม ทีบ่ า้ น ย้อนกลับไปในยุคคอมมิวนิสต์ เป็นเรือ่ งยากยิง่ นัก ที่จะหาแผ่นเสียงประเภทนั้นได้ แต่แม่มีผลงานของเขาครบทุก ชุด อพาร์ตเมนต์ของเราคับแคบ และเด็กชายอายุขนาดผม บางครัง้ ก็ตอ้ งกระดุกกระดิกไปมุมโน้นบ้างมุมนีบ้ า้ ง โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในเดือนอันหนาวเหน็บที่คุณไม่อาจออกไปข้างนอกได้ ผมจึงได้แต่เล่นกระโดดโลดเต้นไปมาระหว่างโซฟาตัวเล็กกับ เก้าอีน้ วม มีอยูค่ รัง้ หนึง่ ผมกะผิด ไปชนเครือ่ งเล่นแผ่นเสียงเข้า เข็มเครื่องเล่นไปขูดกับแผ่นเสียงดังแกรก นี่เป็นยุคก่อนที่จะมี แผ่นซีดีนานทีเดียว แม่ถึงกับแจ้นออกมาจากในครัว ดุว่าผม ผมรู้สึกแย่มาก ไม่เพียงเพราะโดนแม่ตะคอก แต่เพราะผมรู้ ว่านัน่ เป็นแผ่นเสียงของโทนี ผมรูว้ า่ มันมีความหมายส�าหรับแม่ มากแค่ไหน และผมก็รดู้ ว้ ยว่าแผ่นเสียงแผ่นนัน้ จะเป็นอีกแผ่นที่ เสียงสะดุดลงขณะโทนีครวญเพลงอเมริกนั ออกมา หลายปีตอ่ มา เมื่อผมท�างานที่วอร์ซอและได้รู้ว่ามีแผ่นเสียงขายในตลาด มืด ผมจึงหาอัลบัมใหม่ๆ ของโทนี การ์ดเนอร์มาทดแทนแผ่น เดิมที่เก่าคร�่าคร่า ผมหามาได้หมด รวมถึงแผ่นที่ผมท�าเป็น รอยด้วย ผมต้องใช้เวลานานกว่าสามปี ค่อยๆ ซือ้ มาทีละแผ่น แต่ละครั้งที่กลับไปหาแม่ ผมจะเอาแผ่นใหม่ไปให้ทุกครั้ง ดังนั้น คุณคงเข้าใจได้แล้วว่าท�าไมผมจึงตื่นเต้นมาก เมื่อจ�าเขาได้ เขาอยู่ห่างออกไปเพียงหกเมตร ตอนแรกผมไม่ 14


นักร้องอมตะ

เชื่อสายตาตัวเองนัก ผมคงเปลี่ยนคอร์ดผิดไปหนึ่งจังหวะด้วย โทนี การ์ดเนอร์! คุณแม่ที่รักของผมจะว่ายังไงนะถ้ารู้เรื่องนี้! เพื่อแม่ เพื่อความทรงจ�าของแม่ ผมจ�าเป็นจะต้องเดินเข้าไป พูดอะไรบางอย่างกับเขา ถ้าเพือ่ นนักดนตรีจะหัวเราะเยาะและ หาว่าผมท�าตัวเหมือนเด็กยกกระเป๋า ก็ช่างหัวมัน แต่แน่ละ ผมคงผลุนผลัน เดินผลักโต๊ะผลักเก้าอี้ แล้วพุ่งตรงไปหาเขาไม่ได้ เรายังต้องเล่นเพลงให้จบชุด ผม รู้สึกทรมานใจมาก อีกสามสี่เพลง และทุกวินาทีผมคิดว่าเขา จะลุกขึ้นและเดินจากไป แต่เขาก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นตามล�าพัง ตาจับจ้องมองถ้วยกาแฟ คนมันราวกับไม่เข้าใจว่าบริกรยกอะไร มาให้ เขาดูเหมือนนักท่องเทีย่ วชาวอเมริกนั ทัว่ ไป ใส่เสือ้ โปโล สีฟา้ อ่อนกับกางเกงสีเทาทรงหลวม ผมของเขาบนปกแผ่นเสียง มีสดี า� ขลับเป็นมันเงา แต่บดั นีแ้ ทบจะเป็นสีขาวโพลนแล้ว ทว่า ยังคงดกและได้รบั การจัดแต่งทรงอย่างดี เป็นทรงเดียวกับทีเ่ ขา เคยไว้ในอดีต เมือ่ แรกทีผ่ มสังเกตเห็น เขาถือแว่นกันแดดสีดา� ไว้ในมือ ไม่แน่วา่ หากเขาไม่ถอื ผมอาจจะจ�าเขาไม่ได้ แต่เมือ่ เพลงของเราด�าเนินไปและผมคอยจับตามองเขา เขาก็ใส่แว่น บนใบหน้า ถอดออก แล้วก็ใส่เข้าไปใหม่ เขาดูหมกมุ่น ผม รู้สึกผิดหวังที่เห็นเขาไม่ได้ฟังเพลงของเราเลย แล้วเพลงชุดของเราก็จบลง ผมรีบออกจากกระโจม ไม่ ไ ด้ บ อกอะไรคนอื่ น เดิ น มุ ่ ง หน้ า ตรงไปยั ง โต๊ ะ ของโทนี การ์ดเนอร์ ผมตื่นเต้นตกใจอยู่พักหนึ่งเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้น บทสนทนาอย่างไร ผมยืนอยู่ข้างหลังเขา สัมผัสที่หกคงสะกิด 15


เพลงรัตติกาลรักในห้วงคะนึง

เขาให้หนั กลับมา ผมคิดว่าสัญชาตญาณนัน้ คงติดตัวเขามานาน หลายปีตงั้ แต่มแี ฟนเพลงแวะเวียนมาหาเขาไม่ขาดสาย จากนัน้ ผมก็เริ่มแนะน�าตัวและอธิบายว่าผมชื่นชมเขามากแค่ไหน ว่า ผมอยูใ่ นวงดนตรีทเี่ ขาเพิง่ ฟังจบไป ว่าแม่ของผมเป็นแฟนตัวยง ของเขา ผมรีบพูดเรื่องทั้งหมดนี้รวดเดียวจบ เขารับฟังด้วย สีหน้าเคร่งขรึม พยักหน้าถีร่ วั ราวกับเป็นแพทย์ของผมก็ไม่ปาน ผมพูดไปเรือ่ ย เขาคอยสนองตอบเป็นครัง้ คราว “งัน้ รึ?” หลัง จากนั้นครู่หนึ่งผมก็คิดว่าสมควรแก่เวลาแล้ว จึงเริ่มขยับตัวจะ ลาจาก เขาก็พูดขึ้นมาว่า “งั้นคุณก็มาจากประเทศคอมมิวนิสต์น่ะสิ คงล�าบาก แย่” “มั น เป็ น อดี ต ไปแล้ ว ครั บ ” ผมยั ก ไหล่ อ ย่ า งร่ า เริ ง “ตอนนี้เราเป็นประเทศเสรีแล้ว ประชาธิปไตยครับ” “ได้ฟงั อย่างนัน้ ก็ดี นัน่ คงเป็นวงของคุณสินะทีเ่ พิง่ เล่น ให้เราฟังเมื่อสักครู่ นั่งลงสิ กาแฟไหม?” ผมบอกเขาว่าผมไม่อยากรบกวน แต่ท่าทางของคุณ การ์ดเนอร์ออกจะคะยั้นคะยออยู่สักหน่อย “ไม่หรอก ไม่ เป็นไร นั่งลงเถอะ คุณบอกว่าแม่คุณชอบแผ่นเสียงของผม มาก” ผมจึงนั่งลงและเล่าให้เขาฟังเพิ่มเติม เล่าเรื่องแม่ อพาร์ตเมนต์ของเรา แผ่นเสียงในตลาดมืด ผมจ�าไม่ได้ว่า อัลบัมพวกนัน้ มีชอื่ ว่าอะไร แต่ผมก็บรรยายภาพบนหน้าปกเท่า ที่ผมพอจะจ�าได้ และทุกครั้งที่ทา� แบบนี้ เขาก็จะชูนิ้วขึ้นมาใน 16


นักร้องอมตะ

อากาศ และพูดประมาณว่า “อ๋อ นัน่ คงจะเป็น อินมิ เิ ทเบิล ดิ อินมิ เิ ทเบิล โทนี การ์ดเนอร์” ผมคิดว่าเราทัง้ คูค่ งเพลินกับ เกมนีพ้ อสมควร แต่แล้วก็สงั เกตเห็นคุณการ์ดเนอร์ละสายตาไป จากผม ผมจึงหันไปพบสุภาพสตรีคนหนึ่งก�าลังเดินมาทางโต๊ะ ของเรา เธอเป็นสุภาพสตรีชาวอเมริกัน ดูเฉิดฉายทั้งทรงผม เสือ้ ผ้า และรูปร่าง คุณจะรูไ้ ด้วา่ สตรีอเมริกนั ไม่คอ่ ยสาวเท่าไหร่ แล้วก็ต่อเมื่อเห็นในระยะใกล้ เมื่อมองจากระยะไกล ผมอาจ เข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นนางแบบนิตยสารแฟชั่นหรูหรา แต่พอ เธอนัง่ ลงใกล้ๆ คุณการ์ดเนอร์ และดันแว่นตาสีเข้มขึน้ ไปเหนือ หน้าผาก ผมจึงรูว้ า่ เธอน่าจะอายุราวห้าสิบเป็นอย่างน้อย คุณ การ์ดเนอร์บอกผมว่า “นี่ลินดี ภรรยาผม” คุณนายการ์ดเนอร์สง่ ยิม้ ให้ผมแบบไม่สเู้ ต็มใจนัก ก่อน จะหันไปพูดกับสามีว่า “นี่ใครคะ? คุณหาเพื่อนได้แล้วนี่” “ใช่จ้ะ ที่รัก ผมก�าลังคุยสนุกกับ... ขอโทษที พ่อ หนุ่ม ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย” “ยานครับ” ผมตอบอย่างรวดเร็ว “แต่เพื่อนๆ เรียก ผมว่า ยาเน็ค” ลินดี การ์ดเนอร์พดู ขึน้ ว่า “หมายความว่าชือ่ เล่นของ คุณยาวกว่าชื่อจริงงั้นเหรอ? เป็นไปได้ยังไง?” “อย่าหยาบคายกับพ่อหนุ่มสิ ที่รัก” “ฉันไม่ได้หยาบคายนะ” “อย่าเอาชื่อเขามาล้อสิ ที่รัก เป็นเด็กดีหน่อย” 17


เพลงรัตติกาลรักในห้วงคะนึง

ลินดี การ์ดเนอร์หนั มาทางผมด้วยใบหน้าเหนือ่ ยหน่าย “คุณรู้ไหมว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร? ฉันดูถูกคุณเหรอ?” “เปล่าครับ เปล่า” ผมตอบ “เปล่าเลยครับ คุณนาย การ์ดเนอร์” “เขาชอบหาว่าฉันหยาบคายต่อสาธารณชน แต่ฉนั ไม่ ได้หยาบคายอะไรเลยนี่ ฉันหยาบคายกับคุณหรือเปล่า?” จาก นั้นก็หันไปหาคุณการ์ดเนอร์ “ฉันพูดกับสาธารณชนในแบบที่ เป็นธรรมชาติ ค่ะ ที่รัก มันเป็น วิธีการพูด ของฉัน ฉันไม่ เคยหยาบคาย” “โอเค ที่รัก” คุณการ์ดเนอร์ว่า “อย่าท�าให้เป็นเรื่อง ใหญ่เลย แต่พ่อหนุ่มคนนี้ไม่ใช่สาธารณชนนะ” “อ้อ ไม่ใช่เหรอคะ? งั้นเขาเป็นอะไร? หลานชายที่ หายตัวไปนาน?” “พูดจาให้นา่ รักหน่อยสิ ทีร่ กั ชายคนนีเ้ ป็นเพือ่ นร่วม อาชีพ เป็นนักดนตรีมอื อาชีพ เขาเพิง่ สร้างความบันเทิงให้พวก เราเมื่อสักครู่นี้เอง” เขาท�าท่าไปทางปะร�าเวที “โอ้ จริงเหรอ!” ลินดี การ์ดเนอร์หนั มาหาผมอีกครัง้ “คุณเพิง่ เล่นอยูบ่ นโน้นเมือ่ สักครูน่ เี้ หรอ? เพลงไพเราะมาก คุณ เล่นแอคคอร์เดียนนี่นา ใช่ไหม? เพราะจริงๆ ด้วย!” “ขอบคุณมากครับ ที่จริงแล้วผมเป็นมือกีตาร์” “มือกีตาร์? ล้อเล่นหรือเปล่า ฉันเพิ่งดูคุณเล่นเมื่อ ตะกีน้ เี้ อง คุณนัง่ อยูต่ รงนัน้ ข้างคนทีเ่ ล่นดับเบิลเบส คุณเล่น แอคคอร์เดียนได้สุดยอดมาก” 18


นักร้องอมตะ

“ขออภัยครับ จริงๆ แล้วคนที่เล่นแอคคอร์เดียนคือ คาร์โล ผู้ชายตัวโตหัวล้าน...” “แน่ใจหรือ? คุณไม่ได้หลอกฉันนะ?” “ที่รัก ผมบอกแล้วไงว่าอย่าหยาบคายกับเขา” เขาไม่ได้ขึ้นเสียงเสียทีเดียว แต่จู่ๆ น�้าเสียงของเขาก็ ดุดันและแข็งเกรี้ยว ตามด้วยความเงียบแปลกๆ จากนั้นคุณ การ์ดเนอร์ก็ท�าลายความเงียบด้วยการพูดจานุ่มนวลว่า “ผมขอโทษจ้ะ ที่รัก ผมไม่ได้ตั้งใจจะตวาดคุณ” เขายื่นมือไปจับมือข้างหนึ่งของเธอ ผมคิดว่าเธอจะ สะบัด แต่เธอกลับขยับตัวบนเก้าอี้เข้ามาใกล้เขามากขึ้น แล้ว ใช้มือข้างที่ว่างทาบลงบนมือที่เกาะกุมกันอยู่ ทั้งสองนั่งนิ่งอยู่ อย่างนั้นหลายวินาทีในท่าที่คุณการ์ดเนอร์ค้อมหัวลง ส่วน ภรรยามองผ่านไหล่ของเขาอย่างเหม่อลอยข้ามจัตรุ สั ไปยังวิหาร บาซิลิกา นัยน์ตาไม่ได้จับจ้องสิ่งใด ชั่วระยะเวลาสั้นๆ นั้น ราวกับทัง้ สองลืมไปว่าผมนัง่ อยูก่ บั พวกเขา และลืมทุกคนทีอ่ ยู่ ในจัตุรัสไปสิ้น จากนั้นเธอก็พูดด้วยเสียงกระซิบแผ่วเบาว่า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ทีร่ กั เป็นความผิดของฉันเอง ฉัน ท�าให้คุณหงุดหงิด” ทัง้ สองนัง่ อยูใ่ นท่านัน้ ต่ออีกครูห่ นึง่ มือยังคงเกาะเกีย่ ว กัน จากนั้นเธอก็ถอนหายใจ ปล่อยมือของคุณการ์ดเนอร์ แล้วหันมาหาผม แต่ครั้งนี้ต่างไปจากเดิม ครั้งนี้ผมรู้สึกได้ถึง เสน่ห์ของเธอ ราวกับเธอมีหน้าปัดหมุนตัวเลขจากศูนย์ถึงสิบ และส�าหรับผมในขณะนัน้ เธอตัดสินใจหมุนตัวเลขมาทีห่ กหรือ 19


เพลงรัตติกาลรักในห้วงคะนึง

เจ็ด ผมรูส้ กึ ได้อย่างแรงกล้า และถ้าเธอจะร้องขออะไรจากผม อย่างเช่น ขอให้ผมเดินข้ามสี่แยกไปซื้อดอกไม้มาให้ ผมก็คง ยินดีท�าด้วยความปลาบปลื้มใจ “ยาเน็ค” คุณนายการ์ดเนอร์พูด “นั่นชื่อคุณใช่ไหม? ฉันขอโทษนะ ยาเน็ค โทนีพูดถูกแล้ว ฉันไม่ควรพูดกับคุณ แบบนั้น” “คุณนายการ์ดเนอร์ครับ ได้โปรด อย่ากังวลไปเลย จริงๆ นะครับ...” “ฉันมาขัดจังหวะคุณสองคน คุณสองคนก�าลังคุยกัน อยู่ พูดจาภาษานักดนตรีสินะ รู้อะไรไหม? ฉันจะปล่อยให้ คุณสองคนคุยกันต่อ” “ไม่มีเหตุผลต้องไปเลยนี่ ที่รัก” คุณการ์ดเนอร์พูด “มีสิคะ ฉัน โหยหา อยากเข้าไปชมในร้านปราด้า เหลือเกิน ฉันแค่แวะมาบอกคุณว่าจะไปนานกว่าที่บอกไว้” “ตกลงจ้ะ ทีร่ กั ” โทนี การ์ดเนอร์ลกุ ขึน้ นัง่ ตัวตรงเป็น ครั้งแรกและสูดหายใจลึก “นานเท่าที่คุณพอใจก็แล้วกัน” “ฉันต้องเพลิดเพลินในร้านนั้นมากแน่ๆ งั้นพวกคุณ หนุ่มๆ คุยกันให้สนุกก็แล้วกันนะ” เธอลุกขึ้นยืน เอื้อมมือมา แตะไหล่ผม “รักษาตัวนะจ๊ะ ยาเน็ค” เรามองเธอเดินจากไป จากนัน้ คุณการ์ดเนอร์กถ็ ามผม เล็กน้อยเกี่ยวกับการเป็นนักดนตรีในเวนิส และวงออร์เคสตรา สี่ชิ้นที่เพิ่งเริ่มเล่นขึ้นพอดี เขาดูไม่สนใจค�าตอบผมสักเท่าไหร่ ผมก�าลังจะขอตัวจากมา เขาก็พูดขึ้นว่า 20


นักร้องอมตะ

“ผมมีเรื่องอยากไหว้วานคุณหน่อย พ่อหนุ่ม ผมจะ เล่าความคิดของผมให้ฟัง แล้วคุณจะปฏิเสธก็ได้ถ้าไม่อยาก ท�า” เขาเอนตัวมาข้างหน้า ลดเสียงลง “ผมบอกคุณได้ใช่ไหม? ครัง้ แรกทีล่ นิ ดีกบั ผมมาเวนิสเป็นการดืม่ น�า้ ผึง้ พระจันทร์ของเรา เมื่อยี่สิบเจ็ดปีที่แล้วเรามีความทรงจ�าแสนสุขที่นี่ แต่เราไม่เคย ได้กลับมาอีก ไม่ได้กลับมาด้วยกัน ดังนั้น เมื่อเราวางแผน การเดินทางครั้งนี้ การเดินทางที่พิเศษของเรา เราจึงตกลงกัน ว่าเราต้องแวะมาเวนิสสักสองสามวัน” “เป็นวันครบรอบแต่งงานหรือครับ คุณการ์ดเนอร์?” “วันครบรอบแต่งงาน?” เขาท�าท่าตกใจ “ขอโทษครับ” ผมบอก “ผมคิดอย่างนั้น เพราะคุณ บอกว่านี่เป็นการเดินทางที่พิเศษ” เขาดูตกใจอยูพ่ กั หนึง่ ก่อนจะหัวเราะออกมา เป็นการ หัวเราะระเบิดเสียงดังลั่น ทันใดนั้นผมก็นึกถึงเพลงหนึ่งที่แม่ ชอบเปิดตลอดเวลา ช่วงกลางของเพลงมีทอ่ นทีเ่ ขาพูดประมาณ ว่าไม่สนใจผู้หญิงที่ทอดทิ้งเขา แล้วเขาก็หัวเราะเยาะเย้ยแบบ เดียวกัน บัดนี้ เสียงหัวเราะเหมือนกันดังก้องไปทัว่ จัตรุ สั จาก นั้นเขาก็พูดว่า “วันครบรอบแต่งงานหรือ? เปล่า เปล่า ไม่ใช่วัน ครบรอบแต่งงานของเรา แต่ทผี่ มตัง้ ใจจะท�าก็ไม่ตา่ งกันเท่าไหร่ เพราะผมอยากจะท�าอะไรที่โรแมนติกหน่อย ผมอยากจะร้อง เพลงให้เธออย่างถูกต้องตามแบบฉบับเวนิส ตรงนี้แหละที่ ผมต้องอาศัยคุณ คุณเล่นกีตาร์ให้ผมร้อง เราเล่นจากเรือ 21


เพลงรัตติกาลรักในห้วงคะนึง

กอนโดลา แล่นเรือใต้หน้าต่าง ผมครวญเพลงขึ้นไปให้เธอ ฟัง เราเช่าปาลาซโซ่หลังหนึง่ ไม่ไกลจากทีน่ ี่ หน้าต่างห้องนอน เปิดหาคลองพอดี พอฟ้ามืดลง บรรยากาศคงยอดเยี่ยมมาก ตะเกียงบนก�าแพงช่วยส่องให้พอมองเห็น คุณกับผมอยู่ในเรือ กอนโดลา เธออยู่ตรงหน้าต่าง เพลงโปรดของเธอทั้งนั้น เรา ไม่จ�าเป็นต้องเล่นนานนัก ตอนกลางคืนอากาศหนาวอยู่ สัก สามหรือสีเ่ พลง นัน่ คือทีผ่ มคิดไว้ ผมยินดีสมนาคุณอย่างงาม คุณจะว่าไง?” “คุณการ์ดเนอร์ครับ ผมรูส้ กึ เป็นเกียรติอย่างยิง่ อย่าง ทีบ่ อกไปแล้ว คุณเป็นคนส�าคัญส�าหรับผม คุณคิดจะท�าเมือ่ ไหร่ ครับ?” “ถ้าฝนไม่ตกก็คืนนี้เลยเป็นไง? สักสองทุ่มครึ่ง? เรา กินข้าวเย็นเร็วหน่อย น่าจะกลับมาเวลาประมาณนั้น ผม จะแกล้งขอตัวออกจากห้องมาหาคุณ ผมจะจัดการเรื่องเรือ กอนโดลาเอง เราจะล่องกลับมาตามล�าคลอง หยุดใต้หน้าต่าง มันจะต้องออกมาสมบูรณ์แบบแน่ คุณว่าไง?” คุ ณ คงพอนึ ก ออกว่ า นี่ มั น เหมื อ นฝั น เป็ น จริ ง ชั ด ๆ นอกจากนัน้ ยังเป็นเรือ่ งแสนหวาน คูร่ กั คูน่ ี้ เขาวัยหกสิบ เธอ วัยห้าสิบ ท�าตัวราวกับเป็นวัยรุ่นที่ก�าลังมีความรัก ความคิด ช่างชวนฝันจนผมแทบจะลืมฉากทะเลาะของทัง้ คูท่ เี่ พิง่ ประจักษ์ มาก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่ทั้งหมดเสียทีเดียว ผมหมายความว่า ตอนนั้น ลึกๆ แล้ว ผมรู้สึกว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขา วาดภาพให้เห็น 22


นักร้องอมตะ

หลายนาทีตอ่ จากนัน้ คุณการ์ดเนอร์กบั ผมก็นงั่ คุยกันใน รายละเอียด เพลงที่เขาต้องการ คีย์ที่ชอบ เรื่องต่างๆ เหล่า นัน้ แล้วก็ได้เวลาทีผ่ มจะต้องกลับไปยังปะร�าเวทีเพือ่ เล่นดนตรี ชุดต่อไป ผมจึงลุกขึ้น จับมือเขา และรับปากว่าค�่าคืนนี้เขา ไว้ใจผมได้แน่นอน ถนนหนทางมืดมิดและเงียบสงัด ผมเดินทางไปพบคุณการ์ดเนอร์ ยามค�่าคืน ในช่วงเวลานั้นผมมักหลงทางอยู่บ่อยๆ หากเดิน ออกห่างจากจัตุรัสซาน มาร์โกมากเกินไป ดังนั้น แม้ผมจะ เผื่อเวลาไว้มาก แม้ผมจะรู้จักสะพานเล็กๆ ที่คุณการ์ดเนอร์ นัด แต่ผมก็ยังไปสายกว่าเวลาเล็กน้อย เขายืนอยู่ใต้โคมไฟ สวมสูทสีเข้มยับยู่ยี่ เสื้อเชิ้ตเปิด กระดุมลงมาถึงเม็ดที่สามหรือสี่จนมองเห็นขนหน้าอก ผม ขอโทษขอโพยที่มาสาย เขาตอบว่า “แค่สองสามนาทีจะเป็นไรไป? ลินดีกบั ผมแต่งงานกัน มายี่สิบเจ็ดปีแล้ว สองสามนาทีไม่เห็นเป็นไรสักหน่อย?” เขาไม่ได้โกรธ แต่ดูสุขุมเยือกเย็น ไม่ได้ใกล้เคียงกับ ความโรแมนติกเลย ข้างหลังเขาเป็นเรือกอนโดลา ไหวโยกไป มาเบาๆ อยู่ในน�้า ผมเห็นว่าคนพายเรือคือ วิตตอริโอ ชาย คนที่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก ต่อหน้าผม วิตตอริโอมักท�าตัว เป็นมิตร แต่ผมรู้ รู้มาตั้งแต่ตอนนั้น ว่าเขาชอบเที่ยวไปพูด เรื่องแย่ๆ เรื่องไร้สาระเกี่ยวกับคนประเภทผม คนที่เขาเรียก ว่า “คนต่างชาติจากประเทศใหม่” ด้วยเหตุนี้ เมื่อเขาทักทาย 23


เพลงรัตติกาลรักในห้วงคะนึง

ผมราวกับเป็นพี่น้องในค�่าคืนนั้น ผมจึงเพียงพยักหน้าและ เฝ้ารอเงียบงันขณะเขาช่วยพยุงคุณการ์ดเนอร์ลงเรือกอนโดลา จากนั้นผมก็ส่งกีตาร์ให้เขา ผมเอากีตาร์สเปนมา ไม่ใช่ตัวที่มี ช่องเสียงรูปไข่ แล้วก้าวลงเรือด้วยตัวเอง คุณการ์ดเนอร์ขยับผุดลุกผุดนัง่ อยูต่ รงส่วนหน้าของเรือ ครั้งหนึ่งเขาทรุดตัวลงนั่งอย่างแรงจนเรือเกือบจะเสียหลัก แต่ เขาไม่ได้สังเกต พอเราเริ่มแล่นเรือออกไป เขาก็เอาแต่จ้องลง ไปยังพื้นน�้า เราแล่นเรือผ่านอาคารสีทึมมืดและลอดใต้สะพานเตี้ย ท่ามกลางความเงียบ จากนั้นเขาก็หลุดจากภวังค์และพูดว่า “ฟังนะ สหาย ผมรูว้ า่ เราตกลงเลือกเพลงส�าหรับคืนนี้ ไว้แล้ว แต่ผมคิดขึน้ มาได้วา่ ลินดีชอบเพลง ‘บาย เดอะ ไทม์ ไอ เก็ต ทู ฟีนิกซ์’ ผมเคยอัดแผ่นเพลงนี้เมื่อนานมาแล้ว” “ได้เลยครับ คุณการ์ดเนอร์ แม่ผมเคยบอกว่าฉบับ ทีค่ ณ ุ ร้องดีกว่าของซินาตร้าหรือเกล็น แคมป์เบลล์ทโี่ ด่งดังเสีย อีก” คุณการ์ดเนอร์พยักหน้า จากนัน้ ผมก็มองไม่เห็นใบหน้า เขาพักหนึง่ วิตตอริโอส่งเสียงร้องแบบชาวเรือกอนโดลา เสียง ของเขาดังก้องไปตามก�าแพงด้านข้าง ก่อนจะแจวเรือพาเรา เลี้ยวตรงหัวโค้ง “ผมเคยร้องเพลงนี้ให้เธอฟังบ่อยๆ” คุณการ์ดเนอร์ พูด “ผมคิดว่าคืนนี้เธอคงอยากได้ยิน คุณคุ้นกับท�านองของ มันใช่ไหม?” 24


นักร้องอมตะ

ตอนนี้กีตาร์ของผมออกมานอกกล่องแล้ว ผมจึงเล่น เพลงนี้สองสามบาร์ “ขึน้ อีกหน่อย” เขาบอก “ขึน้ ไปถึง อี-แฟลต ผมอัด ในอัลบัมแบบนั้น” ผมจึงเล่นคอร์ดในคียน์ นั้ หลังจากผ่านช่วงร้องไปได้สกั ท่อน คุณการ์ดเนอร์ก็เริ่มร้องออกมา พึมพ�าเบาๆ ราวกับเขา จ�าเนื้อร้องได้เพียงครึ่งเดียว แต่เสียงของเขาดังก้องพอสมควร ในคลองเงียบสงัด เสียงร้องของเขาไพเราะทีเดียว ผมรู้สึก เหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง อยู่ในอพาร์ตเมนต์ นอนบน พรม แม่นั่งอยู่บนโซฟา หมดสิ้นเรี่ยวแรงหรืออาจจะหัวใจ สลายในขณะที่เพลงของโทนี การ์ดเนอร์หมุนวนอยู่ในมุมห้อง คุณการ์ดเนอร์หยุดลงในทันใด พร้อมพูดว่า “โอเค เราจะเล่นเพลง ‘ฟีนกิ ซ์’ ใน อี-แฟลต จากนัน้ ก็อาจเป็น ‘ไอ ฟอลล์ อิน เลิฟ ทู อีซีลี’ อย่างที่เราเตรียมกันมา และจบ ลงด้วย ‘วัน ฟอร์ มาย เบบี’ แค่นี้ก็คงพอ เธอคงไม่อยาก ฟังมากกว่านี้” เขาดูจมอยู่ในห้วงคะนึง เราเคลื่อนผ่านความมืดไป พร้อมกับเสียงพายกระทบน�้าของวิตตอริโอ “คุณการ์ดเนอร์ครับ” ในทีส่ ดุ ผมก็เอ่ยขึน้ “หวังว่าคุณ คงไม่วา่ อะไรผมนะครับถ้าผมจะถาม คุณนายการ์ดเนอร์รเู้ รือ่ ง ทีค่ ณ ุ จะร้องเพลงหรือเปล่า? หรือว่าคุณจะท�าให้เธอประหลาดใจ?” เขาถอนหายใจหนักหน่วงก่อนตอบว่า “ผมว่าเราคงจัด ให้อยู่ในเรื่องที่ทา� ให้เธอประหลาดใจ” แล้วเสริมว่า “พระเจ้า 25


เพลงรัตติกาลรักในห้วงคะนึง

เท่านั้นจึงจะรู้ว่าเธอจะมีปฏิกิริยาอย่างไร เราอาจจะไม่ได้เล่น ถึงเพลง ‘วัน ฟอร์ มาย เบบี’ เลยก็ได้” วิตตอริโอพายเรือน�าเราอ้อมอีกโค้งน�้า ทันใดนั้น เราก็ได้ยินเสียงหัวเราะคลอกับเสียงดนตรี เราเคลื่อนผ่าน ภัตตาคารขนาดใหญ่ที่มีแสงไฟสว่างไสวประดับ ดูเหมือนโต๊ะ ทุกตัวจะถูกจับจองเต็มหมดแล้ว บริกรรีบรุดไปมา สีหน้าลูกค้า มีความสุขแม้อากาศริมคลองในช่วงเวลานี้จะไม่ค่อยอบอุ่น เท่าไรนัก เราเดินทางผ่านความเงียบและความมืดมา ท�าให้ ภัตตาคารออกจะดูวุ่นวายไปสักหน่อย ให้ความรู้สึกราวกับเรา คอยจับตาดูพวกเขาจากบนท่าเรือทีต่ งั้ อยูก่ บั ที่ ขณะเรือส�าราญ ทีม่ งี านเลีย้ งแสงไฟระยิบระยับเคลือ่ นผ่านเราไป ผมสังเกตเห็น ใบหน้าของบางคนมองมาทีเ่ รา แต่ไม่มใี ครสนใจมากนัก จากนัน้ ภัตตาคารก็คล้อยหลังไป ผมพูดขึ้นว่า “ตลกดีนะครับ คุณนึกไหมว่านักท่องเที่ยวพวกนั้นจะ ท�ายังไงหากรู้ว่าเรือที่เพิ่งแล่นผ่านไปมีโทนี การ์ดเนอร์ผู้เป็น ต�านานโดยสารอยู่?” วิ ต ตอริ โ อไม่ ค ่ อ ยเข้ า ใจภาษาอั ง กฤษดี นั ก แต่ จั บ ใจความนี้ได้และหัวเราะออกมา คุณการ์ดเนอร์ไม่ตอบสนอง จนเรากลับเข้าสูค่ วามมืดอีกครัง้ เราล่องไปตามล�าคลองแคบๆ ผ่านซุ้มประตูที่จุดไฟสลัว จากนั้นเขาจึงเอ่ยขึ้น “เพื่อนรัก คุณมาจากประเทศคอมมิวนิสต์ คุณไม่รู้ หรอกว่าเรื่องพวกนี้เป็นยังไง” “คุณการ์ดเนอร์ครับ” ผมบอก “ประเทศของผมไม่ได้ 26


นักร้องอมตะ

เป็นคอมมิวนิสต์แล้ว ตอนนี้เราเป็นเสรีชนแล้ว” “ขอโทษที ผมไม่ได้ตั้งใจจะเสียดสีประเทศคุณ พวก คุณเป็นชาติที่กล้าหาญมาก ผมหวังว่าคุณจะได้รับสันติภาพ และความเจริญรุ่งเรือง แต่ที่ผมตั้งใจจะบอก...ที่ผมหมายถึง ก็คือ การมาจากที่ที่คุณมานั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณจะยังมี หลายสิง่ หลายอย่างทีไ่ ม่เข้าใจ ก็เหมือนกับทีผ่ มไม่เข้าใจหลาย สิ่งหลายอย่างในประเทศของคุณ” “ผมก็คิดอย่างนั้นครับ คุณการ์ดเนอร์” “ผูค้ นทีเ่ ราเพิง่ ผ่านมาเมือ่ สักครู่ ถ้าคุณเดินไปหาพวก เขาแล้วบอกว่า ‘นี่ พวกคุณมีใครจ�าโทนี การ์ดเนอร์ได้บ้าง?’ ก็คงจะมีบางคนหรือส่วนใหญ่บอกว่าจ�าได้ แต่การแล่นเรือผ่าน อย่างที่เราจากมา แม้พวกเขาจะจ�าผมได้ พวกเขาจะตื่นเต้น หรือ? ผมไม่คิดอย่างนั้นนะ พวกเขาคงไม่วางส้อมลง คงไม่ ชะงักการประสานเชื่อมใจใต้แสงเทียน ท�าไมต้องท�าด้วยเล่า? ก็แค่นักร้องตกยุคเท่านั้นเอง” “ผมไม่อยากจะเชื่อเลย คุณการ์ดเนอร์ คุณเป็น นักร้องคลาสสิก คุณเหมือนซินาตร้าหรือดีน มาร์ติน ศิลปิน ชั้นยอดไม่มีวันตกยุค ไม่เหมือนนักร้องเพลงป๊อป” “ค�าพูดของคุณน่ารักมาก พ่อหนุ่ม ผมรู้ว่าคุณตั้งใจ ดี แต่คืนนี้ต่างจากคืนไหนๆ ไม่ใช่เวลาล้อเล่นส�าหรับผม” ผมก�าลังจะทักท้วง แต่บางอย่างในท่าทางของเขาบอก ให้ผมล้มเลิกความคิด เราจึงเคลื่อนต่อไป ไม่มีใครพูดอะไร บอกตามตรง ผมเริม่ สงสัยแล้วว่าตัวเองก�าลังท�าอะไร เรือ่ งร้อง 27


เพลงรัตติกาลรักในห้วงคะนึง

เพลงทัง้ หมดนีม่ นั อะไรกัน แถมคนพวกนีก้ เ็ ป็นอเมริกนั เสียด้วย ใครจะไปรู้ พอคุณการ์ดเนอร์เริม่ ร้องเพลง คุณนายการ์ดเนอร์ อาจจะออกมาที่หน้าต่างพร้อมกับปืนและยิงลงมาใส่เราก็ได้ บางทีวติ ตอริโออาจจะคิดไปในทางเดียวกับผม เพราะ เมื่อเราผ่านใต้แสงตะเกียงที่ข้างก�าแพง เขาก็มองผมราวกับจะ บอกว่า “คืนนี้เรามีแขกแปลกๆ ว่ะ ว่าไหม อามีโก้?” แต่ ผมไม่ตอบสนอง ผมจะไม่เข้าข้างเขาเพื่อมาอยู่ฝั่งตรงข้ามคุณ การ์ดเนอร์หรอก ในความคิดของวิตตอริโอ คนต่างชาติแบบ ผม เราจะเที่ยวปล้นกระเป๋านักท่องเที่ยว ทิ้งขยะลงคลอง พูดง่ายๆ ก็คือ ท�าลายเมืองเฮงซวยนี่ ในบางวันที่เขาอารมณ์ บูด เขาจะหาว่าเราเป็นพวกจี้ปล้นหรือข่มขืนด้วยซ�้า ครั้งหนึ่ง ผมเคยถามเขาซึ่งหน้าว่าจริงหรือเปล่าที่เขาเที่ยวไปพูดจาแบบ นั้น เขาถึงกับสาบานว่าเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ เขาจะเป็นพวก เหยียดเชือ้ ชาติได้อย่างไรในเมือ่ เขามีปา้ คนหนึง่ เป็นชาวยิวและ เขารักเธอราวกับแม่? แต่บ่ายวันหนึ่ง ขณะผมฆ่าเวลาช่วงพัก ระหว่างแสดงและเอนกายพิงราวสะพานในดอร์โซดูโร ก็มีเรือ กอนโดลาล�าหนึง่ แล่นผ่านข้างล่างไป มีนกั ท่องเทีย่ วนัง่ อยูส่ าม คน วิตตอริโอยืนถือพายเหนือศีรษะพวกเขา ป่าวประกาศให้ โลกรับรู้เรื่องไร้สาระแบบเดียวกัน ไม่ว่าเขาจะจ้องตาผมสักแค่ ไหน อย่าได้หวังว่าจะได้มิตรจิตมิตรใจจากผมแม้เพียงน้อยนิด “ผมขอเล่าความลับเล็กๆ ของผมให้ฟังนะ” จู่ๆ คุณ การ์ดเนอร์ก็พูดขึ้น “ความลับเล็กๆ เกี่ยวกับการแสดง มือ อาชีพต่อมืออาชีพด้วยกันน่ะ ง่ายๆ เลย คุณจ�าเป็นต้องรูอ้ ะไร 28


นักร้องอมตะ

บางอย่าง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร คุณจ�าเป็นต้องรู้บางอย่าง เกี่ยวกับผู้ชมของคุณ บางอย่างที่ว่า ส�าหรับคุณ ในความคิด ของคุณ ท�าให้ผู้ชมตรงนั้นแตกต่างจากผู้ชมที่คุณร้องเพลงให้ ฟังเมื่อคืนก่อน สมมติว่าคุณอยู่ในมิลวอกี คุณต้องถามตัว เองว่ามันแตกต่างกันตรงไหน มีอะไร พิเศษ เกี่ยวกับผู้ชม ในมิลวอกี? อะไรที่ท�าให้พวกเขาแตกต่างจากผู้ชมในเมดิสัน? ถ้าคุณคิดไม่ออก ก็ต้องพยายามไปเรื่อยๆ จนกว่าจะคิดออก มิลวอกี มิลวอกี พวกเขามีพอร์คชอปที่แสนอร่อยในมิลวอกี น่าจะใช้ได้ นัน่ คือสิง่ ทีค่ ณ ุ จะใช้เมือ่ ก้าวออกไป ไม่จา� เป็นต้อง เอ่ยถึงมันสักค�าให้พวกเขาได้ยิน มันคือสิ่งที่อยู่ในใจเวลาคุณ ร้องเพลงให้พวกเขาฟัง คนเหล่านี้ที่อยู่เบื้องหน้าคุณ พวกเขา คือคนทีก่ นิ พอร์คชอปแสนอร่อย พวกเขามีมาตรฐานสูงล�า้ เมือ่ เป็นเรื่องพอร์คชอป คุณเข้าใจที่ผมพูดใช่ไหม? ด้วยวิธีนี้คนดู จะกลายเป็นคนทีค่ ณ ุ รูจ้ กั คนทีค่ ณ ุ สามารถแสดงให้ชมได้ นัน่ แหละคือความลับของผม มืออาชีพต่อมืออาชีพนะ” “ขอบคุณมากครับ คุณการ์ดเนอร์ ผมไม่เคยคิดแบบนัน้ เลย เคล็ดลับจากคนระดับคุณ ผมไม่มีวันลืมแน่” “งั้นคืนนี้” เขาพูดต่อ “เราจะแสดงให้ลินดีชม ลินดี เป็นผู้ชม ผมจะเล่าเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับลินดีให้คุณรู้ คุณ อยากฟังเรื่องของลินดีไหม?” “แน่นอนครับ คุณการ์ดเนอร์” ผมตอบ “ผมอยาก ฟังเรื่องของเธอมาก” 29


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.