Introduction to multimedia

การออกแบบและผลิต

สื่อมัลติมิเดียเบื้องต้น

คำ�นำ� มัลติมีเดียเป็นเครื่องมือที่มีส่วนสำ�คัญต่อการศึกษาในปัจจุบันด้วยเนื้อหาที่ประกอบด้วย ภาพ เสียง การโต้ตอบ และวัดผลการเรียนรู้ ฯลฯ ที่มีสามารถกระตุ้นให้เกิดความน่าสนใจแก่ผู้เรียนได้เป็นอย่างมาก ปัจจุบัน เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่มีการพัฒนาต่อเนื่องมาโดยตลอดทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ทำ�ให้ประสิทธิภาพ การแสดงผลทั้งภาพและเสียงถูกพัฒนาให้มีคุณภาพสูงขึ้น ในขณะที่ต้นทุนในการผลิตและจัดหามัลติมีเดียลดลง อย่างมากเมื่อเทียบกับในอดีต รูปแบบของมัลติมีเดียจึงจำ�เป็นต้องพัฒนาให้สอดคล้องกับยุคปัจจุบันที่ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูล สารสนเทศได้ง่ายด้วยอุปการณ์สื่อสารส่วนบุคคล(Device) ที่พกพาให้สามารถใช้งานได้ง่ายจากสถานที่ต่าง ๆ สะดวกรวดเร็วขึ้นจึงทำ�ให้มัลติมีเดียถูกนำ�ไปใช้ประโยชน์ในงานด้านต่าง ๆ อาทิเช่นด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ด้านวิศวกรรม สถาปัตยกรรม ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ด้านธุรกิจ ด้านการเงิน ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านการศึกษาที่มีการพัฒนาไปใช้ในการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง

ผู้จัดทำ�คู่มือเล่มนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เอกสารประกอบการสอนเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ทำ�งานด้าน เทคโนโลยีทางการศึกษาและผู้ที่สนใจ เพื่อจะสามารถนำ�ความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ได้ในอนาคต

ผู้จัดทำ� นุชา มณีโชติ นักวิชาการโสตทัศนศึกษา

สารบัญ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับมัลติมีเดีย________________________1 ความสำ�คัญของมัลติมีเดียเพื่อการเรียนรู้______________________3 องค์ประกอบของมัลติมีเดีย___________________________4 การออกแบบมัลติมีเดีย_______________________8 การประยุกต์ใช้มัลติมีเดีย________________________________12

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับมัลติมีเดีย ความเป็นมาของมัลติมีเดีย มีเดีย หรือ สื่อในอดีตมักเป็นสื่อรูปแบบเดี่ยวที่มีการถ่ายทอดเนื้อหาไปยังผู้รับสารเพียง ช่องทางเดียวไม่ว่าจะผ่านทางการมองเห็น ทางการฟัง หรือการสัมผัส ซึ่งบ่อยครั้งไม่น่าสนใจ และอาจสร้างความน่าเบื่อหน่ายแก่ผู้ใช้ บางเนื้อหาก็ไม่สามารถถ่ายทอดให้ผู้ใช้เกิดการ รับรู้ที่ดีได้ แนวคิดเรื่องการผสมผสานสื่อจึงเกิดขึ้น โดยคำ�ว่า มัลติมีเดียถูกใช้ครั้งแรกในปี ค.ศ.1965 ในรูปแบบของการแสดงที่ผสมผสานระหว่างแสง สี ดนตรี และศิลปะการแสดง ต่อมาในช่วงปี ค.ศ.0970 นิยามของมัลติมีเดียได้ถูกนำ�มาใช้ในลักษณะการนำ�เครื่องฉาย หลายเครื่องมาใช้ร่วมกันกับเทปเสียงหรือการนำ�วัสดุอุปกรณ์ประเภทต่าง ๆ เช่นเครื่องฉาย สไลด์ เครื่องฉายภาพโปร่งใส เครื่องเล่นวีดีทัศน์ เทปเสียง มาใช้งานร่วมกันด้วยวิธีการต่างๆ อ่านใช้ทีละอย่างเป็นขั้นตอนไปหรือใช้พร้อมกันทีเดียวก็ได้ ซึ่งในระยะแรกใช้มนุษย์ในการ ควบคุมการทำ�งาน ต่อมาจึงนำ�เอาระบบคอมพิวเตอร์มาเป็นตัวช่วยควบคุมการทำ�งานของ อุปกรณ์แต่ละชิ้น โดยวัตถุประสงค์ของมัลติมีเดียก็เพื่อเร้าให้เกิดความน่าสนใจมากขึ้นและช่วย ให้ผู้ชมเกิดการรับรู้ที่หลากหลายทั้งการมองเห็นและการได้ยินไปพร้อมๆกัน มัลติมีเดียใน ยุคแรกจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการสื่อสารได้มากแต่ข้อจำ�กัดก็คือกระบวนการผลิตและการใช้ งานที่ยุ่งยากซับซ้อนเนื่องจากต้องทำ�งานกับเครื่องมือหลากหลาย สื่อมัลติมีเดียเข้ามามีบทบาทมากขึ้นใน วงการธุรกิจและอุตสาหกรรมโดยเฉพาะได้นำ� มาใช้ในการฝึกอบรมและให้ความบันเทิงส่วนใน วงการศึกษามัลติมีเดียได้นำ�มาใช้เพื่อการเรียน การสอนในลักษณะแผ่นซีดีรอมหรืออาจใช้ใน ลักษณะห้องปฏิบัติการมัลติมีเดียโดยเฉพาะก็ได้ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่ามัลติมีเดียจะกลายมาเป็น เครื่องมือที่สาคัญทางการศึกษาในอนาคต ทั้งนี้เพราะมัลติมีเดียสามารถที่นำ�เสนอได้ทั้ง เสียง ข้อความ ภาพเคลื่อนไหว ดนตรี กราฟิก ภาพถ่าย วัสดุตีพิมพ์ ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ประกอบกับสามารถที่จะจำ�ลองภาพของ การเรียนการสอนที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ ได้ด้วยตนเอง

1

ปัจจุบันความก้าวหน้าของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สามารถช่วยในการผลิตและเผยแพร่ สื่อได้อย่างสะดวกรวดเร็ว สวยงามและมีประสิทธิภาพ คอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวก็สามารถ สร้างสื่อได้แทบทุกรูปแบบ เช่น การออกแบบ จัดหน้า ตกแต่งภาพ สำ�หรับสื่อสิ่งพิมพ์ การ ตัดต่อ และแต่งเสียงหรือภาพสำ�หรับรายการวิทยุโทรทัศน์ รวมทั้งการสร้างชิ้นงานที่สามารถ นำ�เสนอได้อย่างหลากหลายรูปแบบตามแนวคิดของมัลติมีเดีย คำ�ว่ามัลติมีเดียหรือตามศัพท์ บัญญัติของราชบัณฑิตยสถานว่า สื่อประสม หรือ สื่อหลายแบบจึงมีความหมายที่เปลี่ยนแปลง ไปจากการใช้วัสดุอุปกรณ์ร่วมกันหลายชิ้นในการนำ�เสนอ กลายเป็นการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เป็นเครื่องมือในการผลิตหรือ เป็นเครื่องมือในการแสดงผล เพื่อถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารที่ผสมผสานกันในหลายรูปแบบ เช่น ข้อความ เสียง ภาพนิ่ง วีดีทัศน์ ภาพเคลื่อนไหว ซึ่งก่อให้เกิดการรับรู้ที่หลากหลายต่อกลุ่ม เป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการได้เห็น การได้ยิน หรือแม้กระทั่งความสามารถในการปฏิสัมพันธ์ โต้ตอบและในเชิงประมวลผลกับสื่อ

2

ความสำ�คัญของมัลติมีเดียเพื่อการเรียนรู้ 1.สร้างแรงจูงใจ และกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้โดยการใช้เทคนิคการนาเสนอที่หลากหลาย สามารถดึงดูดผู้เรียน ช่วยให้เกิดการจดจำ�เพราะรับรู้ได้จากหลายช่องทางทั้งภาพและเสียง 2.ช่วยให้เกิดการเรียนรู้และสามรถเข้าใจเนื้อหาได้ดี อธิบายสิ่งที่ซับซ้อนให้ง่ายขึ้น ขยายสิ่งที่ เป็นนามธรรมให้เป็นรูปธรรมขึ้น สามารถทบทวนบทเรียนซำ�้ ได้ตามต้องการ และความแตกต่าง ในแต่ละบุคคล 3.มีการออกแบบการใช้งานที่ง่ายโดยผู้ใช้ไม่จำ�เป็นต้องมีทักษะการใช้งานคอมพิวเตอร์อย่าง ชานาญ แค่มีพื้นฐานคอมพิวเตอร์เบื้องต้นก็สามารถใช้งานได้ หรือเพียงได้รับคำ�แนะนำ�เล็กน้อย ก็สามารถใช้งานได้ 4.การได้โต้ตอบและมีปฏิสัมพันธ์กับบทเรียนโดยมีโอกาสเลือก ตัดสินใจและได้รับการเสริม แรงจากการได้ข้อมูลป้อนกลับทันที เปรียบเสมือนกับการเรียนรู้จากตัวผู้สอนเอง 5.ส่งเสริมให้ผู้เรียนฝึกความรับผิดชอบต่อตนเอง สามารถวางแผนการเรียน แก้ปัญหาและ ฝึกฝนการคิดอย่างมีเหตุผล 6.การที่สามารถทราบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้ทันที เป็นการท้าทายผู้เรียนและเสริมแรง ให้อยากเรียนในลำ�ดับขั้นต่อไป 7.ประหยัดกำ�ลังคน เวลา และงบประมาณ โดยลดความจำ�-เป็นที่จะต้องใช้ผู้สอนที่มีประสบ การณ์สูงหรือในสาขาที่ขาดแคลน หรือเครื่องมือราคาแพงหรืออันตราย 8.เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ในวงกว้าง ลดช่วงว่างระหว่างผู้เรียนในเมืองและชนทบเพราะ สามารถส่งโปรแกรมทบเรียนไปยังทุกสถานที่ที่มีคอมพิวเตอร์ได้ หรือในชนบทที่ห่างไกลก็ สามารถส่งไปยังศูนย์กลางของชุมชนต่าง ๆ

3

องค์ประกอบของมัลติมีเดีย มัลติมีเดียสามารถจำ�แนกองค์ประกอบของสื่อต่างๆ ได้เป็น 5 ชนิดประกอบด้วยข้อความ หรือตัวอักษร ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง และภาพวิดีโอ แล้วนำ�มาผสมผสานเข้าด้วยกันเพื่อ ใช้สำ�หรับการปฏิสัมพันธ์หรือโต้ตอบระหว่างคอมพิวเตอร์กับผู้ใช้ซึ่งถือได้ว่าเป็นกิจกรรมที่ผู้ ใช้สามารถเลือกกระทำ�ต่อมัลติมีเดียได้ตามต้องการ เช่น ผู้ใช้ได้ทาการเลือกรายการและตอบ คำ�ถามผ่านทางจอภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ จากนั้นระบบคอมพิวเตอร์ก็จะทำ�การประมวล ผลและแสดงผลลัพธ์ย้อนกลับผ่านทางจอภาพเป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการโต้ตอบในรูปแบบ อื่นๆ อีกมากมาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเครื่องมือและรูปแบบนำ�มาประยุกต์ใช้งาน เช่น การสร้างลิ้งค์ เมนูหรือข้อความที่มีสีแตกต่างจากข้อความปกติ เมื่อผู้ใช้สามารถเชื่อมโยงไปยังหน้ามัลติมีเดีย อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งอาจเป็นไปได้ทั้ง ข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียงหรือวิดีโอ ตามที่ได้ มีการออกแบบไว ดังนั้น จึงถือได้ว่าการปฏิสัมพันธ์ในมัลติมีเดียเป็นส่วนหนึ่งที่มีความสาคัญไม่ น้อยไปกว่าส่วนอื่นๆ องค์ประกอบของมัลติมีเดียสามารถจำ�แนกได้เป็น 5 ชนิดประกอบด้วย ตัวอักษรหรือข้อความ ข้อความ เป็นส่วนที่เกี่ยวกับเนื้อหาของมัลติมีเดีย ใช้แสดงรายละเอียด หรือเนื้อหาของ เรื่องที่นำ�เสนอซึ่งปัจจุบัน มีหลายรูปแบบ ได้แก่ 1. ข้อความที่ได้จากการพิมพ์ เป็นข้อความปกติที่พบได้ทั่วไป ได้จากการพิมพ์ด้วยโปรแกรม ประมวลผลคำ� เช่น Notepad, Text Editor, Microsoft Word 2. ข้อความจากการสแกน เป็นข้อความในลักษณะภาพ หรือ Image ได้จากการนาเอกสารที่ พิมพ์ไว้แล้ว (เอกสารต้นฉบับ) มาทำ�การสแกน ด้วยเครื่องสแกนเนอร์ ซึ่งจะได้ผลออกมาเป็น ภาพปัจจุบันสามารถแปลงข้อความภาพ เป็นข้อความปกติได้ โดยอาศัยโปรแกรม Acrobat Pro.

4

3. ข้อความอิเล็กทรอนิกส์ เป็นข้อความที่พัฒนาให้อยู่ในรูปของสื่อ ที่ใช้ประมวลผลได้ข้อความ ไฮเปอร์เท็กซ์ เป็นรูปแบบของข้อความ ที่ได้รับความนิยมสูงมาก ในปัจจุบัน โดยเฉพาะการ เผยแพร่เอกสารในรูปของเอกสารเว็บ เนื่องจากสามารถเชื่อมข้อความจุดอื่นๆ ได้

ภาพนิ่ง

ภาพนิ่งเป็นภาพที่ไม่มีการเคลื่อนไหว เช่น ภาพถ่าย ภาพวาด และภาพลายเส้น เป็นต้น ภาพนิ่งนับว่ามีบทบาทต่อระบบงานมัลติมีเดียมากกว่าข้อความหรือตัวอักษร ทั้งนี้เนื่องจากภาพ สามารถผลในเชิงการรับรู้ด้วยการมองเห็นได้ดีกว่า นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายทอดความหมาย ได้ลึก ซึ่งมากกว่าข้อความหรือตัวอักษรซึ่งข้อความหรือตัวอักษรนั้นมีข้อจำ�กัดทางด้านความ แตกต่างของแต่ละภาษา แต่ภาพนั้นสามารถสื่อความหมายได้กับทุกชนชาติ โดยทั่วไปภาพนิ่งจะแสดงอยู่บนสื่อชนิดต่างๆ เช่น โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์หรือวารสาร วิชาการ เป็นต้น ส่วนภาพกราฟิกเป็นสื่อในการนำ�เสนอที่ดี เนื่องจากมีสีสันมีรูปแบบที่น่าสนใจ สามารถสื่อความหมายได้กว้าง ไฟล์รูปภาพแบ่งเป็น 2ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ บิตแมพ (Bitmap) เป็นภาพที่มีการเก็บ ข้อมูลแบบพิกเซล หรือจุดเล็กๆที่แสดงค่าสี ดังนั้นในหนึ่งภาพจะประกอบด้วยจุดเล็กๆหลายๆ จุดมาประกอบกันทำ�ให้รูปภาพแต่ละรูป เก็บข้อมูลจานวนมาก ฟอร์แมตของภาพบิตแมพ ที่รู้จักกันดีได้แก่ .BMP, .PCX, .GIF, .JPG, และ.TIF เวกเตอร์ (Vector) เป็นภาพที่สร้างด้วยส่วน ประกอบของเส้นลักษณะต่างๆ และคุณสมบัติเกี่ยวกับสีของเส้นนั้นๆ ซึ่งสร้างจากการคำ�นวณ ทางคณิตศาสตร์ เช่น ภาพของคน ก็จะถูกสร้างด้วยจุดของเส้นหลายๆจุด เป็นลักษณะของ โครงร่างและสีของคนก็เกิดจากสีของเส้นโครงร่างนั้นๆ กับพื้นที่ผิวภายใน เมื่อมีการแก้ไขภาพ ก็จะเป็นการแก้ไขคุณสมบัติของเส้น ทำ�ให้ภาพไม่สูญเสียความละเอียด นอกจากนี้จะสามารถ พบภาพฟอร์แมตนี้ได้กับภาพ ในโปรแกรม Adobe Illustrator สำ�หรับการจัดหาภาพ หรือเตรียม ภาพ ก็มีหลายวิธี เช่น การสร้างภาพเอง ด้วยโปรแกรมสร้างภาพ เช่น Adobe Photoshop, Paint CorelDraw หรือการนำ�ภาพจากอุปกรณ์ เช่น กล้องถ่ายภาพดิจิตอล, กล้องวิดีโอดิจิตอลหรือ สแกนเนอร์

5

ภาพเคลื่อนไหว

ภาพเคลื่อนไหว หมายถึง กระบวนการที่เฟรมแต่ละเฟรมของภาพยนตร์ ถูกผลิตขึ้นทีละ เฟรม แล้วนำ�มาร้อยเรียงเข้าด้วยกัน โดยการฉายต่อเนื่องกัน ไม่ว่าจากวิธีการใช้คอมพิวเตอร์ กราฟิก ถ่ายภาพรูปวาด หรือ หรือรูปถ่ายแต่ละขณะของหุ่นจำ�ลองที่ค่อย ๆ ขยับเมื่อนำ�ภาพ ดังกล่าวมาฉายด้วยความเร็ว ตั้งแต่ 16 เฟรมต่อ วินาทีขึ้นไปเราจะเห็นเหมือนว่าภาพเคลื่อนไหวได้ ต่อเนื่องกัน การจัดเก็บภาพแบบอนิเมชันที่ใช้กัน อย่างแพร่หลายในอินเทอร์เน็ต ได้แก่เก็บในรูป แบบ GIF, MNG, SVG, SWF เป็นต้น

เสียง

เสียง เป็นคลื่นเชิงกลที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของวัตถุ เมื่อวัตถุสั่นสะเทือน จะทำ�ให้ เกิดการอัดตัวและขยายตัวของคลื่นเสียง และถูกส่งผ่านตัวกลาง เช่น อากาศ ไปยังหู แต่เสียง สามารถเดินทางผ่านสสารในสถานะก๊าซ ของเหลว และของแข็งก็ได้ แต่ไม่สามารถเดินทางผ่าน สูญญากาศได้ เมื่อการสั่นสะเทือนของเสียงนั้นมาถึงหู มันจะถูกแปลงเป็น อิมพัลส์ประสาท (Nerve Impulse) ซึ่งจะถูกส่งไปยังสมอง ทำ�ให้เรารับรู้และจำ�แนกเสียงต่างๆ

ระบบประสาทสัมผัสการรับฟังเสียงของมนุษย์รับฟังคลื่นเสียงในรูปลักษณะความดังและ คลื่ืนความถี่ของเสียง โดยแบ่งลักษณะการรับฟังตามแหล่งกำ�เนิดเสียง คือ เสียงพูดของคนทั่วไป (Voice) มีความถี่คลื่นเสียง 300 – 4,000 ครั้ง/วินาที(Hz) เสียงจากเครื่องดนตรี (Music) มีความถี่คลื่นเสียง 20 – 15,000 คร้ัง/วินาที(Hz) การเปลี่ยนคลื่นสญญาณเสียงเป็นคลื่นสญญาณไฟฟ้า โดยการเปลี่ยนผ่าน Microphone รับสญญาณเสียง ความดังของสัญญาณเสียงเป็นระดับของความต่างศักย์ทางไฟฟ้ามีหน่วย เป็น Volts คลื่นเสียงจะแสดงเป็นคลื่นความถี่ของคลื่นสญญาณไฟฟ้ามีหน่วยเป็น Hz

6

ในงานมัลติมีเดียมีการใช้เสียงที่เร้าใจและสอดคล้องกับเนื้อหาในการนำ�เสนอ จะช่วย ให้ระบบมัลติมีเดียนั้นเกิดความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างความน่าสนใจ และน่าติดตามในเรื่องราวต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีฟอร์แมตเป็น .wav, .au , .mp3 การบันทึก จะบันทึกตามลูกคลื่นเสียง โดยมีการแปลงสัญญาณให้เป็นดิจิทัล และใช้เทคโนโลยีการบีบอัด เสียงให้เล็กลง ได้แก่ เสียงที่บันทึกในรูปแบบ MIDI (Musical Instrument Digital Interface) เป็นรูปแบบของเสียงที่แทนเครื่องดนตรีชนิดต่างๆ สามารถเก็บข้อมูลและให้วงจรอิเล็กทรอนิกส์ สร้างเสียงตามตัวโน้ต เสมือนการเล่นของเครื่องเล่นดนตรีนั้นๆ

วีดิทัศน์

วีดิทัศน์ คือ มัลติมีเดียที่สามารถแสดงภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียงบรรยายได้ การนำ� เสนอวิดีโอมีหลายรูปแบบ เช่น วิดีโอเพื่อ การศึกษา วิดีโอ เพื่อความบันเทิง ประโยชน์ ของ วิดีโอมีมากมาย นอกจากให้ความรู้ ให้ ความบันเทิง ยังสามารถ สร้างรายได้ให้กับผู้ ใช้งาน เช่น วิดีโอนำ�เสนอสินค้า ผลิตภัณฑ์ ต่างๆ เป็นต้น

การทำ�งานของวิดีโอมีหลาย ประเภทซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ตามความ เหมาะสมและความ ต้องการของผู้ใช้งาน เพื่อให้เข้าใจและสามารถเรียนรู้พร้อมกับ สร้างวิดีโอได้ด้วยตนเองคุณ จึงไม่ควรรอช้า ที่จะทำ�ความรู้จักกับการสร้างวิดีโอด้วยตน เองการสร้างสรรค์ผลงานของ ตนเองด้วย วิดีโอ สามารถทำ�ได้ง่ายหากทุกคนสามารถ เรียนรู้และเข้าใจการสอนใช้โปรแกรม การสร้างผลงานในรูปแบบวิดีโอ เช่น วิดีโอสอน การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ วิดีโอการสอน สำ�หรับครู วิดีโอนำ�เสนอผลงาน Presentation วิดีโอ Wedding วิดีโอหนังสั้น ภาพยนตร์ ซึ่ง โปรแกรมที่สามารถใช้สร้าง วิดีโอในปัจจุบันมีความหลากหลายให้ผู้ใช้ งานเลือกใช้เพื่อให้ตรง กับวัตถุประสงค์ของตนเอง

7

การออกแบบมัลติมีเดีย หลักการออกแบบสื่อมัลติมีเดีย กระบวนการและขั้นตอนการออกแบบสื่อมัลติมีเดียเป็นสิ่งสาคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพ ของมัลติมีเดียนั้น ก่อนการออกแบบสื่อมัลติมีเดียมีสิ่งคำ�นึงถึงดังนี้ 1.การออกแบบให้ผู้ใช้งานนั้น ขั้นตอนที่นำ�เสนอต้องเข้าใจได้ง่ายไม่ซับซ้อน โดยการให้ความรู้ และกิจกรรมที่มีในเนื้อหาตามวัตถุประสงค์ที่กำ�หนดไว้เป็นหลัก 2. การออกแบบหน้าจอ คำ�นึงถึงการเลือกใช้สี ขนาด ของข้อความ รูปภาพและภาพเคลื่อนไหว และคำ�นึงถึงการจัดวางรูปแบบ องค์ประกอบของสิ่งที่จะปรากฏในหน้าจอ 3. คำ�นึงถึงความแปลกใหม่หรือสร้างสรรค์สื่อให้เข้ากับเหตุการณ์หรือยุคสมัย ซึ่งจะทำ�ให้ ได้สื่อมัลติมีเดียที่มีความน่าสนใจยิ่งขึ้น ขั้นตอนการผลิตสื่อมัลติมีเดียเพื่อการศึกษา 1. ขั้นตอนการเตรียม 2. ขั้นตอนการออกแบบ 3. ขั้นตอนการสร้างโปรแกรม 4. ขั้นตอนการประเมิน 1. ขั้นตอนการเตรียม

1.1 วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย เป็นการวิเคราะห์สภาพปัญหา และความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้ผู้สร้างสามารถ ออกแบบสื่อได้สอดคล้องเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย โดยคำ�นึงถึงลักษณะทั่วไป และลักษณะ เฉพาะของกลุ่มเป้าหมายลักษณะทั่วไป ได้แก่ อายุ ระดับความรู้ สังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ของกลุ่มเป้าหมาย ถึงแม้ว่า ลักษณะทั่วไปของกลุ่มเป้าหมายจะไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาก็ตาม แต่เป็นสิ่งที่ช่วยให้ตัดสินระดับของเนื้อหา และเลือกตัวอย่างของเนื้อหาให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้า หมาย สำ�หรับลักษณะเฉพาะซึ่งได้แก่ ทักษะที่มีมาก่อน ทักษะการเรียน ทักษะในการเรียน และ ทัศนคติของกลุ่มเป้าหมาย จะมีผลโดยตรงต่อเนื้อหา และวิธีการนำ�เสนอเนื้อหา 1.2 รวบรวมข้อมูล การรวบรวมข้อมูลเป็นการเตรียมพร้อมทางด้านทรัพยากรสารสนเทศ ทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง กับการผลิต ทั้งในส่วนเนื้อหา การพัฒนา และการออกแบบและสื่อในการนาเสนอบทเรียน ซึ่งในที่นี้คือคอมพิวเตอร์และ Device ต่างๆ

8

1.3 งบประมาณ งบประมาณก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ผู้ออกแบบต้องคานึงในการสร้างสื่อมัลติมีเดีย ในด้าน การสร้างทีมพัฒนาสื่อมัลติมีเดีย เช่น การจ้างผลิต หรือส่งบุคลากรที่มีอยู่ไปเรียนรู้เพิ่มเติม รวมถึงงบประมาณในการซื้อโปรแกรมลิขสิทธิ์ต่าง ๆ 1.4 บุคลากร ผู้ที่ทำ�หน้าที่ออกแบบและพัฒนาสื่อมัลติมีเดียให้สาเร็จโดยปกติแล้วควรประกอบด้วยทีม ของผู้ชานาญการด้านต่าง ๆ เช่น ผู้ออกแบบโครงสร้างข้อมูล, นักออกแบบกราฟิก, ผู้รวบรวม และเรียบเรียงเนื้อหา, ผู้เขียนโปรแกรม เป็นต้น 2. ขั้นตอนการออกแบบ

2.1 กำ�หนดวัตถุประสงค์ การกำ�หนดวัตถุประสงค์ คือ การตั้งเป้าหมายว่าผู้ใช้จะได้ความรู้ในเรื่องอะไรบ้าง นอกจาก นี้วัตถุประสงค์ยังเป็นตัวช่วยให้ผู้สร้าง สามารถออกแบบกิจกรรม และเลือกหัวข้อที่เหมาะสม และเลือกวิธีการนาเสนอที่เหมาะสมได้เป็นต้น 2.2 การออกแบบเนื้อหา ผู้ออกแบบสื่อมัลติมีเดียเพื่อการศึกษาต้องมีความรู้เกี่ยวกับเนื้อหานั้นๆอย่างลึกซึ้ง และ ควรมีความสามารถในการนำ�เสนอข้อมูล มีกลวิธีนำ�เสนอและให้เกิดการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี 2.3 การเขียนผังงาน ผังงาน คือ ชุดของสัญลักษณ์ต่างๆ ซึ่งอธิบายขั้นตอนการทำ�งานของโปรแกรม การเขียนผัง งานเป็นสิ่งสำ�คัญ ทั้งนี้เพื่อให้ได้สื่อมัลติมีเดียที่ดี ควรต้องมีปฏิสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องและถ่าย ทอดออกมาได้อย่างชัดเจนที่สุด ในรูปของสัญลักษณ์ ซึ่งแสดงกรอบการตัดสินใจ และกรอบ เหตุการณ์ การเขียนผังงานจะไม่นำ�เสนอรายละเอียดหน้าจอเหมือนการสร้าง Storyboard หาก การเขียนผังงานทำ�หน้าที่เสนอข้อมูลเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม 2.4 การเขียนสตอรี่บอร์ด การเขียนสตอรี่บอร์ดเป็นขั้นตอนของการเตรียมการนำ�เสนอข้อความ ภาพ รวมทั้ง สื่อในรูป ของมัลติมีเดียต่างๆ ลงในกระดาษ เพื่อให้การนำ�เสนอข้อความ และสื่อในรูปแบบต่างๆ เหล่า นี้เป็นไปอย่างเหมาะสมบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อไป ขณะที่ผังงานนำ�เสนอลำ�ดับ และขั้นตอน ของการตัดสินใจ สตอรี่บอร์ดนำ�เสนอเนื้อหา และลักษณะของการนำ�เสนอ ขั้นตอนการสร้าง สตอรี่บอร์ดรวมไปถึงการเขียนสคริปต์ ที่ผู้ใช้จะได้เห็นบนหน้าจอซึ่งได้แก่ เนื้อหา ข้อมูลคำ�ถาม ผลป้อนกลับ คำ�แนะนำ� คำ�ชี้แจง ข้อความเรียกความสนใจ ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ฯลฯ

9

3. ขั้นตอนการสร้างโปรแกรม ขั้นตอนนี้เป็นกระบวนการเปลี่ยนสตอรี่บอร์ดให้กลายเป็นสื่อมัลติมีเดีย โดยนำ�สตอรี่บอร์ด ที่ได้มาแยกประเภทของสื่อ เช่น ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง วิดีโอ เป็นต้น แล้วจัดการแปลง สื่อให้อยู่ในรูปแบบที่สามารถนามาใช้ในคอมพิวเตอร์ โดยใช้โปรแกรมที่เกี่ยวข้อง เช่น Adobe Photoshop, Macromedia Flash เป็นต้น หลังจากนั้นจึงนาสื่อที่จัดเตรียมไว้แล้ว มาประกอบเป็น โปรแกรมสาเร็จ โดยใช้โปรแกรมช่วย สร้างสื่อมัลติมีเดียเพื่อการศึกษา

เช่น Microsoft Power Point, Macromedia Authoware,Macromedia Dreamweaver, Macromedia Flash, Multimedia ToolBook, Microsoft FrontPage, ASP.NET, PHP และ PERL เป็นต้น ซึ่งในขั้นตอนนี้ผู้ออกแบบจะต้องรู้จักเลือกโปรแกรมที่เหมาะสม และตรงกับความต้องการเพื่อ จะเป็นการลดเวลาในการ สร้างได้ส่วนหนึ่ง ปัจจัยหลักในการพิจารณาโปรแกรมช่วยสร้างสื่อ มัลติมีเดียที่เหมาะสม ได้แก่ ด้านของฮาร์ดแวร์ ลักษณะ และประเภทของสื่อที่ต้องการสร้าง ประสบการณ์ของผู้สร้าง และด้านงบประมาณ เป็นต้น

10

4. ขั้นตอนการประเมินผล เนื่องจากสื่อมัลติมีเดียคือ การใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับโปรแกรมซอฟต์แวร์ในการสื่อ ความหมายโดยการผสมผสานสื่อหลายชนิด การประเมินคุณภาพตัวสื่อมัลติมีเดีย ต้องกาหนด ตัวบ่งชี้ เกณฑ์และมาตรฐานที่เหมาะสมกับสื่อมัลติมีเดีย และการกำ�หนดหัวข้อการประเมิน ต้องพิจารณาจากส่วนสำ�คัญ ได้แก่ เนื้อหา กระบวนการทำ�งานของสื่อ การออกแบบและความ คิดสร้างสรรค์ รายการประเมินด้านเนื่อหา ได้แก่ มีความครอบคลุมหัวข้อเรื่อง ,มีการยกตัวอย่างและ อธิบาย ,ชัดเจนถูกต้อง ,การใช้ภาพเหมาะกับเนื้อหา ,เป็นภาพที่จัดทำ�ขึ้นเอง ฯลฯ รายการประเมินด้านกระบวนการทำ�งานของสื่อ ได้แก่ ประเด็นปัญหา / หัวข้อ, วิธีการศึกษา , กระบวนการแก้ปัญหา , สรุปผลที่ได้จากการทำ�โครงงาน ,ความสามารถในการ ใช้ ICT ให้เหมาะสมกับงาน ฯลฯ รายการประเมินด้านการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ เช่น การจัดวางในหน้าจอ, การใช้สี , ข้อความ ตัวอักษร และอ่านง่าย, การกำ�กับเส้นทาง, ความคงเส้นคงวา ฯลฯ

11

การประยุกต์ใช้มัลติมีเดีย ปัจจุบัน เทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์ ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องรวดเร็ว ส่งผลให้ มัลติมีเดียมีความสามารถและสมรรถนะสูงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ในการทำ�งานและความคุ้มค่าในการลงทุน ด้วยเหตุนี้เองที่ทาให้หน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ภาครัฐภาคเอกชน และภาคธุรกิจ จึงเล็งเห็นถึงคุณประโยชน์ของมัลติมีเดียในการนำ�มาใช้งาน แนวทางในด้านต่างๆ โดยมีเนื้อหาดังนี้

1. ด้านการศึกษา (Education) เทคโนโลยีทางการศึกษา (Education Technology) ได้เข้ามามีส่วนช่วยส่งเสริมและสนับสนุน การศึกษาทางภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติด้วยกระบวนการรวบรวมการวิเคราะห์ การออกแบบ การสร้าง การจัดการ การใช้งานและการประเมินผล โดยมีการนำ�เครื่องมือโสตทัศนูปกรณ์ ต่างๆมาประยุกต์ใช้ ได้แก่ วิทยุ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ซึ่งสามารถถ่ายทอดและเผย แพร่สื่อความรู้ด้านการศึกษาไปยังผู้เรียนได้คราวละมากๆ จนกระทั่งได้มีการนำ�เครื่องมือโสต ทัศนูปกรณ์มาประยุกต์ใช้ผ่านช่องทางการสื่อสาร เช่น ดาวเทียมสื่อสาร วิทยุสื่อสาร และการ รับส่งพัสดุทางไปรษณีย์ เป็นต้น เพื่อเผยแพร่สื่อ การเรียนรู้ทางไกล ไปยังผู้เรียนได้กว้างไกล มากยิ่งขึ้น ซึ่งสื่อเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นอยู่ในรูปแบบของสิ่งพิมพ์ ซีดีรอม เทป โทรทัศน์ และ วิทยุ ในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ มีการผนวกรวมองค์ประกอบหลักต่างๆ ได้แก่ อุปกรณ์ ฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์, ระบบเว็บเบสและสื่อ Streaming Multimedia เป็นต้น เข้ากับระบบ คอมพิวเตอร์เครือข่ายและระบบโทรคมนาคม ทำ�ให้สามารถกระจายสารสนเทศไป ยังจุดหมาย ปลายทางได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะพัฒนาการของมัลติมีเดียพีซีได้เข้า มามีบทบาทสาคัญยิ่งต่อการพัฒนาสื่อการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ หรือเรียกกันโดยทั่วไปว่า “อีเลิร์นนิ่ง” (e – Learning) ซึ่งหมายถึง เทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนการเรียนรู้ในรูปแบบ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยการส่งผ่านตามช่องสัญญาณสื่อสารในระบบเครือข่ายต่างๆ

12

2. ด้านการฝึกอบรม การฝึกอบรมแก่บุคลากรในหน่วยงาน เพื่อเพิ่ม ขีดความสามารถและศักยภาพในการปฏิบัติงานนั้น เป็นสิ่งสำ�คัญมากประการหนึ่งในการพัฒนาองค์กร ซึ่งผู้บริหารส่วนใหญ่มักประสบปัญหาด้านการ บริหารทรัพยากรบุคคล เช่น การจัดการหลักสูตรยัง ไม่เหมาะสม บุคลากรมีความต้องการที่แตกต่างกัน ความยากลำ�บาก ในการจัดตารางเวลา ค่าใช้จ่าย ที่เพิ่มขึ้นของการฝึกอบรม เป็นต้น ปัจจุบันการจัดทำ�คอมพิวเตอร์ช่วยสอนและ อีเทรนนิ่ง (e–Training) มาประยุกต์ใช้จึงเป็นอีก แนวทางหนึ่งเพื่อบรรเทาปัญหา และลดระยะเวลา ในการฝึกอบรมได้ถึงประมาณ 60%เมื่อเปรียบเทียบ ระหว่างจานวนชั่วโมงของการฝึกอบรมในชั้นเรียนกับ อี-เทรนนิ่ง นอกจากนี้ อีเทรนนิ่งยังช่วยประหยัดค่า ใช้จ่ายในการลงทุนได้ถึง 51 % ภายในระยะเวลา 3 ปี เมื่อเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายระหว่างการฝึกอบรม ทั่วไปโดยส่วนใหญ่ 3. ด้านความบันเทิง นับตั้งแต่มัลติมีเดียพีซีสามารถตอบสนองความต้องการทั้งภาพและเสียงได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ทำ�ให้มัลติมีเดียได้รับความนิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลาย และยังได้ขยายวง กว้างไปยังทุกครัวเรือนสำ�หรับใช้เป็นสิ่งบันเทิงภายในบ้านอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการชมโทรทัศน์ ภาพยนตร์ ฟังวิทยุ เล่นเกมส์ หรือแม้แต่ร้องเพลงผ่านทางเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ปัจจุบัน สิ่งบันเทิงในรูปแบบของมัลติมีเดียได้มีการนาเสนอและเผยแพร่ผ่านช่องทางการ สื่อสารมากยิ่งขึ้น โดยสามารถเผยแพร่ผ่านได้ทั้งระบบเครือข่ายระยะใกล้ อินเตอร์เน็ต หรือเครือข่ายไร้สาย ทำ�ให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงแหล่งบันเทิงต่างๆ ได้มากมาย เช่น การชมทีวี ผ่านเว็บ (Web TV) ,การเล่นเกมส์ออนไลน์ (Game Online) หรือแม้แต่การฟังการถ่ายทอดข่าว วิทยุ (Radio Broadcasting) ต่างๆ ได้จากทั่วทุกมุมโลกตัวอย่างเว็บไซต์บันเทิง ตัวอย่างเว็บไซต์ เกมส์ออนไลน์

13

4. ด้านธุรกิจ สำ�หรับธุรกิจนั้น การใช้งานมัลติเดียจะสามารถอำ�นวยความสะดวกได้เป็นอย่างมาก เช่น การนำ�เสนองาน โดยใช้มัลติมีเดียประกอบการนำ�เสนอเพื่อให้สามารถเข้าใจง่าย ทำ�ให้ ผู้ใช้บริการเห็นภาพสิ่งที่ต้องการนำ�เสนอต่อที่ประชุมได้อย่างชัดเจน การประชุมทางไกล (Video Conferencing) เป็นการประชุมที่ผู้เข้าร่วมประชุมซึ่งไม่จำ�เป็นต้องอยู่ที่ห้องประชุม เท่านั้น สามารถเข้าร่วมประชุมที่ใดในโลกก็ได้ โดยจะสื่อสารกันผ่านทางกล้องวิดีโอและ ไมโครโฟน ทำ�ให้การดำ�เนินงานรวดเร็วมีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ในการเดินทาง ทั้งนี้เนื่องจากเทคโนโลยีใน การติดต่อสื่อสารสามารถรองรับ การทำ�งาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นขนาดของ ช่องสัญญาณที่เพิ่มขึ้น เร็วขึ้น สามารถเผย แพร่และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารทั้งภาพ และเสียงได้ในปริมาณมากแล้ว ทำ�ได้โดยง่าย สะดวกและรวดเร็วอีกด้วย 5. ด้านโมบายเทคโนโลยี เทคโนโลยีโทรคมนาคมได้มีการพัฒนาการก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีการขยาย และเชื่อมโยงเครือข่ายกันมากยิ่งขึ้น ทำ�ให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปอย่างง่ายดาย สะดวกรวดเร็ว ในปัจจุบัน กระแสการนำ�มัลติมีเดียมาประยุกต์ใช้กับโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้รับความนิยมอย่าง แพร่หลาย นอกจากจะมีหลากหลายยี่ห้อในท้องตลาด เช่น Apple , Sansung , Vivo เป็นต้น แล้วยังมีปริมาณของผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Phone) เพิ่มขึ้นจานวนมากอย่างรวดเร็ว ทั่วทุกมุมโลกทั้งนี้ เนื่องจากเทคโนโลยีมัลติมีเดียในโทรศัพท์เคลื่อนที่ GSM (Global System for Mobile Communication) หรือเรียกย่อ ๆ ว่า 4G ได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากจะรับ – ส่งข้อมูล ได้ทั้งตัวอักษร ภาพ และเสียงได้ด้วยความละเอียดของภาพและเสียง ระดับสูง HD (High Definition) นอกจากนี้ ในแอพพลิเคชั่นต่างๆ บนระบบเครือข่ายไร้สายมีขนาดเล็กลงแต่ได้เพิ่มขีด ความสามารถในการรองรับปริมาณของผู้ใช้บริการมากขึ้นกว่าเท่าตัวด้วยการขยายขนาดช่อง สัญญาณเพื่อเพิ่มความเร็วของการรับ-ส่งข้อมูลต่างๆรวมทั้งภาพเคลื่อนไหวและวิดีโอได้อย่าง ต่อเนื่องคุณประโยชน์ที่จะนำ�มาประยุกต์ใช้งานด้านต่างๆ ตัวอย่างเช่น - โมบายบิลลิ่ง (M-Billing) ได้แก่ การแจ้งค่าบริการ การนำ�เสนอ การชำ�ระเงิน เป็นต้น - โมบายคอมเมิร์ซ (M-Commerce) ได้แก่ การขายสินค้าและบริการ การจองตั๋ว เป็นต้น - โมบายแบงค์กิ้ง (M-Banking) ได้แก่ การโอนเงิน การชำ�ระเงิน เป็นต้น

14

6. ด้านการประชาสัมพันธ์ มัลติมีเดียได้กลายมาเป็นปัจจัยหลักการสำ�คัญในการนาเสนอและเผยแพร่ข่าวสาร การโฆษณา และการถ่ายทอด เนื่องจากองค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ มีความต้องการที่จะเผย แพร่ข่าวสาร ประชาสัมพันธ์ และโฆษณาสินค้าและบริการมากขึ้น เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จึงจำ�เป็นต้องปรับเปลี่ยนและใช้กลยุทธ์ในการจัดทำ�สื่อ มัลติมีเดียในรูปแบบต่างๆ ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Products) เป็นการนำ�เสนอรายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะเด่นของผลิตภัณฑ์หรือบริการ ตลอดจนประโยชน์ใช้งานและวิธีการใช้งานผ่านมัลติมีเดีย สำ�หรับผลิตภัณฑ์ที่มีความซับซ้อนใน การใช้งาน เช่น เครื่องจักร โปรแกรมคอมพิวเตอร์อาจต้องมีการทำ�สื่อเพื่อสาธิตขั้นตอนการใช้ งานอย่างละเอียด (Step by Step) เพื่อให้ผู้ใช้งานเกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-Mail) ในทางประชาสัมพันธ์ คือ การที่บุคคลหนึ่งส่งข้อความไปยังกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์โดยใช้ E-mail เป็นซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อให้องค์กรสามารถ จัดการจัดส่งอีเมล์ไปยังลูกค้าจำ�นวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยข้อความในอีเมล์อาจจัด ทำ�ขึ้นหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับความต้องการและลักษณะของกลุ่มลูกค้าที่เราต้องการสื่อสารด้วย นอกจากนั้น การส่งข่าวประชาสัมพันธ์ อิเล็กทรอนิกส์ (E-newsletter) เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการแจ้งข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และบริการ หรือรายการส่งเสริมการขาย เนื่องจาก E-newsletter สามารถผลิตได้ง่ายและจัด ส่งถึงมือลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว โฆษณาอิเล็กทรอนิกส์ (E-Advertising) เป็นการนำ�เสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการผ่านมัลติมีเดียในรูปแบบของป้ายแบนเนอร์ เรามักจะ พบป้ายแบนเนอร์ที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า แนวตั้ง หรือแนวนอนในหน้า Homepage ของเว็บไซต์ซึ่ง การเช่าพื้นที่และตำ�แหน่งที่จะลงโฆษณามีราคาแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความนิยมของเว็บไซต์ นั้นๆ นอกจากนั้นยังมีโฆษณาหน้าต่างแทรก (Pop-up) ที่มักปรากฎขึ้นอัตโนมัติเมื่อเวลาที่เรา เปิดหน้าเว็บขึ้นมา แต่บางครั้งอาจสร้างความรำ�คาญได้

15

การถ่ายทอดสดทางอินเตอร์เน็ต (Live Broadcasting) เป็นการนำ�เสนอข้อมูลที่สมบูรณ์แบบด้วยภาพเคลื่อนไหว เสียงในขณะที่เหตุการณ์เกิดขึ้น จริงผ่านทางอินเตอร์เน็ต ผู้ชมจะรู้สึกร่วมเสมือนได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นจริง การถ่ายทอดสดใน ลักษณะเช่นนี้คอมพิวเตอร์ของผู้ใชต้องมีโปรแกรมพิเศษที่รองรับ เช่น Window Media Player หรือ Gom Player และจะการถ่ายทอดแบบ Real-time จะต้องใช้อินเตอร์เน็ตที่ความเร็วสูงเพื่อ ที่จะรับชมการถ่ายทอดภาพและเสียงที่มีประสิทธิภาพ ระบบตู้ประชาสัมพันธ์ (Multimedia Kiosk) นำ�เสนอข้อมูลที่เป็นทั้งภาพ เสียง และวิดีโอ เพื่อให้ผู้ที่มาติดต่อสามารถใช้สอบถามหรือค้นหา ข้อมูลที่ต้องการได้ตลอดเวลาโดย การสัมผัสผ่านทาง จอภาพคอมพิวเตอร์ ได้ด้วยตนเอง เช่น สอบถาม ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่ ต้องการติดต่อ เส้นทางที่ ต้องการจะไป สิ่งของที่ต้องการซื้อหาสำ�หรับบาง องค์กรหรือหน่วยงานต่างๆที่เป็นจุดที่มีผู้คนมาติดต่อ และสอบถามเป็นจานวนมาก เช่น โรงแรม สถานี รถไฟ ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ พิพิธภัณฑ์ และร้านค้า เป็นต้น

16