'เพลงจันทร์' ค่่ำหนึ่ง เก้ำจันทร์ฉำย
บรรณำธิกำร : ประไพพรรณ อักษรศักดิ์ ภำพ : ประพิณ เพ็ญประกำย
พิมพ์ : กลุ่มเขียนข้าว ครั้งแรก : พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๒ ครั้งที่สอง : สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๕ ครั้งที่สำม : มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๙ เขียนข้าวคริเอท โทร. 086 971 9267 ตู้ ปณ. 12 ปณภ.บางคนที สมุทรสงคราม 75120
สรรบรรณ ๐ ค่่ำหนึ่ง เก้ำจันทร์ฉำย ๐ อุณำโลมจันทรำ ๐ นิคหิตชีวำ ๐ พินทุควำมรัก
วันคืน ทางโคจร อินทรีย์อาวรณ์ ๐ ก่ำดัดโลกีย์ ๐ สบผลิพรหมจรรย์สวรรค์ ๐ นิ้วนำง ๐ ผู้หญิงวัตถุดิบ ๐ เธอต้องกำรผ้ำห่มกันควำมรู้สึก- เ ห ง ำ ๐ สวำท ๐ อยู่กับองคำพยศใหม่ของเธอ ๐ โปรดท่ำร้ำยฉัน ๐ จงทรมำน ๐ คอรอมอ ๐ ที่เห็นนั้น ๐ กำรว่ำงไร้ของสิ่งจรจัดข้ำงมรคำ เพรียกแกมแก้มปริญเญยบ่ำรำนเหมันตวิญญ์
๐ โอกำสของข้ำพเจ้ำ ๐ ภำพประโลม ๐ ฤดูนั้น... ฤดีหนำว ๐ ชำยหนุ่ม และหญิงสำวเหล่ำนั้น
นิยามจันทร์ เพลงพรลมหายใจ ๐ คืนนั้นจันทร์สุกขำวกระจ่ำง ๐ ฝั่งฟ้ำ จันทร์แรมใจ ๐ จูบฟ้ำประกำยดำว ๐ นิยำมในนิยำย ๐ คลองชีวิต ๐ เมื่อเมฆขยำย จันทร์จะฉำยท้องฟ้ำ ๐ จันทร์เสี้ยว.. เพียงเสี้ยวก็คือจันทร์ ๐ นิรำศรักบึงหนองโง้ง ๐ หัวใจจันทร์ ๐ สุภำพและงำมน่ำรัก ๐ ด้วยรัก ๐ จันทร์สยำมงำมทุกห้วงใจ ๐ ที่อยู่แห่งรัก
นิทานจันทร์ ๐ พระฉันท์ที่รัก, เทพยดำแห่งค่่ำคืน ; ดวงจันทร์ ดวงใจฉัน (นิทำนจันทร์เรื่องที่หนึ่ง) ๐ คน ต้นไม้ กระต่ำย, รูปเงำจำกพระจันทร์ (นิทำนจันทร์เรื่องที่สอง) ๐ ประตูไปสู่พระจันทร์ (นิทำนจันทร์เรื่องที่สำม) ๐ ภำพและเงำพระจันทร์; กำรมองจันทร์ (นิทำนจันทร์เรื่องที่สี่) ๐ จันทมุข (Chanda Mukh) : หน้ำนำง,ใบหน้ำพระจันทร์ (นิทำนจันทร์เรื่องที่ห้ำ) ๐ ก่อนแขเพ็ญ : เด็ก ๆ รู้จักดำวพระเครำะห์ดวงแรก คือ พระจันทร์ (นิทำนจันทร์เรื่องที่หก) ๐ กวีพระจันทร์, พระจันทร์ของกวี
“ ลึกลับสลับเปลี่ยน วนเวียนท่ามเวหน คืนค่าให้เฝ้ายล หนึ่งเดียวที่อ่อนโยน
” “
ทั้งหมดนั้นคือเธอ อย่าเผลอให้วุ่นวาย เพียงจริงในเดียวดาย ขณะได้ เพียงหนึ่งรู้
”
' อุ ก่ำเนิดค่่ำหนึ่งซึ่งเริ่มต้น ณา วิสิฏฐ์พ้นคืนดับแรม โลม ประทินประดับแปม จันทรา ค่อยแซมขึ้นเกี่ยวฟ้ำ ค่่ำหนึ่ง ก่อนจะเริ่มเก้ำจันทร์ฉำย ระเรื่อรำยเจิดจัดจ้ำ ส่องเมืองเรืองทั่วหล้ำ แสงน่ำพำวิถีชน
คือ คืนค่่ำ คือ คืนจันทร์ ค่อยเปล่งแสงสวรรค์ปันผล ค่อยอวลแสงมำเยี่ยมดล จำกหนึ่งจนสว่ำงงำม ค่่ำหนึ่ง เก้ำจันทร์ฉำย จึงก่ำเนิดกำยหมำยคืนตำม ค้นค่ำตอบ หำค่ำถำม ในนิยำมด้วยจันทรำ '
เริ่มรำตรีชีวิตผ่ำนนักษัตร
อุณาโลมจันทรา ' ก่ำหนดสุญญังนับหนึ่งเริ่มจำร เป็นอุณำโลมสำนวิถี เก้ำวิลำศเลอลักษณ์ชีวี พิมพ์ฤดีชีวำเท่ำทัน เบิกเสี้ยวจันทรำประทับองค์ บรรจงส่งอุโสภิศสวรรค์ วิมุตติ์หลุดพ้นโลกร่ำพัน ลองครรด่ำเนินจ่ำเริญทำง
ประจุเสกเป่ำเลขคำถำ พระพุทธำ ธรรมำสงบสว่ำง รักษำดวงใจไป่เจือจำง พิรอดวำงสมัคคำทั้งปวง โอม ปฏิสนธิจิตตัง วิญญำณังข้ำฯ ตั้งบวงสรวง เป้ำหมำยชีวิตในเรียวรวง เมล็ดพันธุ์นั้นคือ ชีวิตเรำ '
ทำงจักรพำลเหนือบึงน้่ำคืนใจ
นิคหิตชีวา ' คือชีวสุญญัง อลังกำรควำมขลังชีวิต ล้อมเป็นวงกลมนิคหิต ผลิตผลโลกมนุษย์ ดุ่มเดินบนเอกมรรคำ มนุษย์มนำไม่มีที่สิ้นสุด เสำเอกปักตรงลงไม่มีหยุด ผุดก่ำเนิดเลิศวิเสสำ โอ้ มนุษย์มนำในวงกลม จงเฝ้ำเพ่งในอำศรม อำรมมณำ ตอกหลักควำมคิดอนิจจตำ ทุกขำ อนัตตำ มโนมัย
วัฏฏชีวำ สังสำรวัฏ เวียนว่ำยตำยพลัดใช่เหตุไฉน เกิด ดับ คับแค้นใช่แสนไกล อยู่ในนิคหิตชีวำ วำดใหม่วงกลมชีวิต กับควำมเป็นใหม่ด้วยจิตตำ ทบทวนวังวนที่สนพำ ปลูกกล้ำหว่ำนชีวิตด้วยจิตนิรันดร์ นิคหิตชีวำ นิคหิตชีวำ คือดวงตำประเสริฐสวรรค์ เติบเติมหัวใจสดใสจงพลัน ระลึกรู้อยู่นั้น คือชีวิต ' วำดนิคหิตชีวิตด้วยรักระลึกรู้
พินทุความรัก ' เติมแต้มจุดประกำยหัวใจฝัน เป็นพินทุชีวันอนันต์กำล คือรักที่ผลิรักทุกวันวำร เจือจำนดวงใจสดใสทุกวัน เป็นจุดแห่งรักในหัวใจ บ่งทุกนัยอย่ำงสร้ำงสรรค์ บอกเล่ำชีวิตด้วยกันและกัน ผูกพันชีวีดุษฎีแห่งรัก
พินทุ จงพินทุควำมรักเรำ พินทุเบำเบำ รูปเงำสลัก ดี งำม จริง ลวง จงตวงตัก ลำยลักษณ์แห่งรักจักปรำกฏ แต่งแต้มพินทุรักวำดระบำย ให้เฉิดฉำยรอยยิ้มอิ่มทั้งหมด ชีวิตคือรักที่สวยสด งำมงดด้วยใจเรำจุดประกำย '
พินทุควำมรักแด่ฉันกับเธอ
วันคืน ทางโคจร อินทรีย์อาวรณ์
“ ที่สุดของการเกือบแตกดับ เกิดทับซ้อนของภาพหวาน ให้อิ่มอุ่นละมุนนาน มาช่วยคานช่วยบรรเทา จึงมีเพียงภาพประโลม คอยเป็นโจมให้คลายเหงา ให้ได้รู้ราลึกว่ามีเรา แม้เพียงเงา หัวใจก็เยาว์วัย
”
กาดัดโลกีย์ ' เริงระบ่ำดื่มด่่ำอยู่กับรูป ประโลมจูบทั่วสรรพำงค์ แนบนอนแนบเนื้อนำง บ่ละวำงให้ห่ำงกำย ประคองกกในโอบแขน ด้วยรักแหนบ่วำงวำย ให้เธออุ่นหลับสุขสบำย อวลกรุ่นอำยละมุนรัก ใต้ผ้ำห่มที่ห่มเรำ กอดรัดเบำ ๆ ค่อย ๆ หนัก นำบนำสิกโอฏฐ์นำบเป็นพัก ๆ ทำยทักอุ่นอั้นทุกเนื้อเนิน
สิบหกลมหนำวก่ำดัดในกลีบ ใช่เร่งรีบเพิ่งเผชิญ ขวยซ่ำนในก้ำวเดิน พล่ำนเพลินในดื่มกิน ลมหอบลมมำผสมประสำน ฝนหยำดบ่นำนในหลั่งริน บ่รู้ในเวลำเสร็จสิ้น ดื่นดิ้นในโดมโลมโลกีย์ '
ในรักแรกช่ำแรกรัก ทำงเหล็กเส้นขนำน
สบผลิพรหมจรรย์สวรรค์ ' บดเนื้อหนั่นสวำทเอื้อ จกเฟื้อป่ำครึ้มโนนสวรรค์ เบี่ยงบ่ำยเท่ำใดไม่เท่ำทัน ตรงนั้นนี่เริ่มกรีฑำ ปัดป้องกระเส่ำกระสัน เบียดบั่นพร่่ำค่ำเจรจำ สองนัยน์จับในนัยนำ อ้อนว่ำ นี่คือชีวิต ดิน น้่ำ ไฟ ลม ประสำนประสมให้สมจิต อ้อนว่ำ นี่คือ เส้นทำงนฤมิต เนื่องกิจเก็จแก้วแห่งวงศ์
ผ่อนลมหำยใจเข้ำออก อ่อนในขัด กลับชัดในประสงค์ ประเจิมผ่ำนห้วงทำงมั่นคง แน่นองค์ผลิพรหมจรรย์สวรรค์ อิ่มในอำบซำบฤดี ถ้อยทีในรักกันและกัน เบิกแล้วหนทำงชีวัน เทวดำแอบพลันแนบทรวง ผ่ำวกลับอุ่นหนุนนอนสวัสดิ์ จิบพรหมจัดจิตจรุงจวง ห้อมห่มสมสองในพี่หวง หนึ่งดวงผลิรวงเรียวใจ '
ฤกษ์ให้เบิกพรหม เดือนมีน
นิ้วนาง ' นุ่มในเรียวงำมยำมจับ อุ่นสัมผัสรู้ซึ้งถึงชีวิต ประคองขึ้นแนบแก้มชิด แล้วจุมพิตมือนิ้วนำง นำบฝ่ำมือเธอไว้กับอก สองมือกกประสำนไม่ห่ำง สุขจริง ๆ สองเรำไม่ร้ำง ร่วมรักร่วมเรียงเคียงกำย จับมือเธอมำอุ้มไว้อีกครั้ง จุมพิตบนหลังมือที่เธอให้ จูบแผ่วเบำ ๆ ด้วยรุ่มร่ำย ดอกไม้บำนชื่นในหัวใจ
เรียวนิ้วเธอช่ำงสวย นุ่มด้วยควำมน่ำพิสมัย ควำมรักจึงผ่ำนเป็นบทกวีวิไล เป็นไปในกันและกัน ด้วยนิ้วนำงนี่แหล่ะที่จักสร้ำงโลก ให้ทุกข์โศกและสุขสันต์ นิ้วนำงคือใจพิไลวรรณ เท่ำทันรู้แท้แก้ในกล มือ นิ้วเธอที่พี่ขอจูบ โลมลูบ ครุ่นไคล้ ได้ยล จริงในรักประจักษ์เป็นผล ประสำนมงคลรักทั่วจักรพำล
จูบมือเธออีกครั้งด้วยซึ้ง ชีวิตเรำจึงสุขด้วยกำลนำน ชีวิตเรำจึงเป็นอยู่ด้วยรักที่ขับขำน รักหวำน ๆ ด้วยมือที่ถือครอง '
โอบมือเธอไว้กับชีวิตด้วยรักนิรันดร์
ที่เห็นนั้น เคลื่อนจำก .. ดูโน่นสิ ! ไกลสุดคลองตำนั่น คือเธอ ! เห็นลิบ ๆ ปลำยปีกฝัน วิบ ๆ .... ดูนั่นสิ ! วกมำนั่น คือเธอ โบยปีกขำวมำวำวไว ใจโรยหำ ........ เมฆประดับ แสงประดิษฐ์ ลมบนฟ้ำว่ำยเวิ้ง ปีกขำวมำวำวไว ไกล ๆ มำใกล้ ใจมำถึงก่อน กำยร่อนมำเรียง ๆ
.... ดูสิ ! ใกล้ ๆ รูปร่ำงละม้ำย ๆ คือเธอ ใจมำถึงก่อน กำยร่อนมำเรียบเรื่อย ใกล้ ๆ แล้ว .. ดูสิ ! เคลื่อนจำกหนึ่งสู่หนึ่ง คือหนึ่งนั้น !?
ลิบ ๆ ปลำยปีกฝัน คือหนึ่งนั้น
ผู้หญิงวัตถุดิบ ผมยำวงำมหุ่นระหงทรงสวย มียิ้มร่่ำรวย,- เธอนวยนำด ควำมคิดเธอนั้นฉลำด แต่มีบำงควำมเขลำและขลำด- ยำมเธอเหงำ เธอท่องโลกภำยนอก เธอเห็น เธอบอก สัปยอกด้วยเรำ บำงครั้ง เธอกลับนั่งจับเจ่ำ แขวนควำมเศร้ำไว้กับหัวใจ ..กับบำงคืนค่่ำของชีวิต เธอขบคิดท่องโลกภำยใน เรียนรู้ทุกควำมเป็นไป เธอมี เธอเป็น เช่นเธอคิด
สสำรและพลังงำน เผำผลำญเพื่อกำรผลิต เธอ คือผู้หญิงวัตถุดิบ จิบใจด้วยตนบนหนทำง .. กับบำงวันเวลำของชีวิต กับบำงช่วงเท้ำที่ก้ำวย่ำง กับบำงแห่งช่วงใจที่จำง นั่นคือ ระวำงของควำมเป็น.
วัตถุดิบแห่งรักคือ เธอ
เธอต้องการผ้าห่มกันความรู้สึก- เ ห ง า เธอต้องกำรผ้ำห่มกันควำมรู้สึก- เ ห ง ำ เธอต้องกำรผ้ำห่มกันควำมรู้สึก- เ ห ง ำ คิดถึงคนรัก, เธอบอกกับฉัน.. คิดถึงเขำ .. เธอไปยืนยิ้มอย่ำงชื่นชมชำยหนุ่ม ยิ้มอย่ำงชมชอบและอยำกสนิท เธอ คิดถึงคนรักบ้ำงไหม ? .. เธอ- คนที่ฉันรัก,
เมื่อไม่นำนครู่มำนี้ คิดถึงฉันบ้ำงไหม ? เธอ บอกคิดถึงคนรัก เธอบอกกับฉัน แล้วฉัน คือ ใคร ? .. เธอ ไปยิ้มเย้ำ หวำนละมุนกับชำยหนุ่ม เธอคิดถึงฉันไหม ? คนที่รักเธอ .. แล้ว ฉัน คือ ใคร ?
ขณะแห่งเจ็บร้ำว
สวาท ไม่พอ เป็นต่อทุกอำรมณ์ อิงแอบเสพสมบ่มหมำย เสพด้วยชีวิต จิตและกำย เป็นตำยใช่รู้ แค่ครู่ครวญ ขอเพียงแค่ครู่ครวญ ครำง ในระหว่ำงแห่งกระสวน ทุกท่วงท่ำแห่งกระบวน ของนวลเนื้อและพองล่ำ รึงรัดทุกกระจัดที่จัดแจง โพล่งแสดงแยงในนอก ถล่ำ เป็นกำรงำนของทุกเช้ำ-ค่่ำ ระบ่ำด่ำรูสวำทสะเริง
พรำกเก่ำแสวงใหม่ในเป็นเก่ำ ฆ่ำใจตนด้วยเงำควำมเหลิง สวำทหวังถั่งโถม กระเจิง จุดเพลิงรักผลำญเผำชีวิน ไม่อ่อนล้ำในเหน็ดเหนื่อย เปิดเปลือยใจกำยให้เป็นสิน อยู่กับคู่สวำทให้หยำดริน เก็บกินเงำอำรมณ์ผสมทำง ผสมทำงใหม่ในทำงเก่ำ ด้วยรูปเงำเลือกเอำข้ำง ทิ้งที่เป็นเก่ำเป็นเงำร้ำง ด้วยรูปรสจืดจำงจึงร้ำงเลย .. ในคิดถึงครั้งหนึ่ง ๆ ในหลำย ๆ ครั้ง
อยู่กับองคาพยศใหม่ของเธอ ' อยู่เถอะ ! กับรักครั้งใหม่ของเธอ ปล่อยฉันให้เพ้อ อย่ำสนใจ ปล่อยฉัน ปล่อยฉัน อย่ำงผลักไส อย่ำงที่เธอให้เป็นไป เธอต้องกำร สุขเถอะ ! เธอกับคู่รัก จงพร้อมพรัก ตวงตัก รักหวำน ๆ จงพลอดรักด้วยกันอย่ำงนำน ๆ เพลงขับขำนบทรักเธอจงนิรันดร์ ไม่ต้องคิดถึงฉัน- คนเก่ำ บทรักฉันแสนเหงำ ไม่สุขสันต์ บทรักฉันบำงเบำ ไม่เท่ำทัน บทรักนั้น... เก่ำด้วยกำล
ดูนั่นซิ ! บทรัก องคำพยศ เธอก่ำหนดได้ ! โอ้ ! ช่ำงสนำน ดูนั่นซิ ! บทรักแห่งเยำวมำลย์ เธอดลดำล องคำพยศ โอ้ ! บทรัก .. อยู่กับองคำพยศใหม่ของเธอ อยู่กับองคำพยศใหม่เสมอ ๆ ที่เธอรู้จัก อยู่กับองคำพยศใหม่, เธอจงได้ตระหนัก องคำพยศ บทรัก ใช่หลักเที่ยง !!? '
ระหว่ำงฝนที่ไร้บทรัก
โปรดทาร้ายฉัน ท่ำร้ำยฉัน ท่ำร้ำยฉัน ท่ำร้ำยหัวใจฉันให้แดดิ้น โปรดท่ำร้ำยฉันด้วยค่ำหวำน ๆ พล่อย ๆ ของเธอ ขอจงโปรด ! เพื่อให้ฉันได้รู้สึกสำสมตนเอง เพื่อให้ฉันได้ส่ำนึก ! โปรดเถิด ฉันยังไม่ส่ำนึก ที่รัก !! อ้อนรักฉันสิ หว่ำนค่ำรักแด่ฉัน ที่รัก !! มองตำฉันสิ มองตำฉันด้วยดวงตำหวำน ๆ ซึ้ง ๆ
ที่รัก !! เธอรักฉันใช่ไหม ?! บอกฉัน ๆ บอกว่ำรักฉัน ที่รัก !! เรำรักกัน ที่รัก !! โปรดท่ำร้ำยฉันเถิด ท่ำร้ำยดวงใจฉัน ด้วยหัวใจเธอ !! .. ห้วงใจแห่งอำทร
จงทรมาน พบในพรำกเพื่อพบ ใช่จบเพียงเท่ำนั้น เพียงผ่ำนใช่ปิดกั้น ใช่ ! บำงวัน บำงเวลำ สูเจ้ำ จงทรมำน ในพบพำนด้วยใจท้ำ เทิดจิตในทุกนิทรำ วักน้่ำตำจงดื่มกิน ตื่นในสนั่นหวั่นใจ ให้ไสวในหลั่งริน ทุกข์ กอบเอำมำเป็นสิน จงดิ้นพล่ำนในทรมำน
พล่ำนให้พบในพรำก เพียงจำกในขับขำน เพียงแค่เป็น ไม่นำน จงรำนให้แตกเป็น สูเจ้ำ จงทรมำน อย่ำงอำจหำญแลเห็น ในอดสู ประตู ประเด็น กระชำกเซ่นวิญญำณ จงทรมำน ! สูเจ้ำ ในอกเร่ำ จงประสำน ประมวลทุกทรมำน ดลดำลเบิกฟ้ำจงแจ้ง เบิกทุกข์ทรมำนแห่งโลก ทุกเศร้ำโศก ถกแถลง ในใจทรมำน จงส่ำแดง โบกลมแรงกระโชกชื่น.. ค่่ำคืนทรมำนเพื่อให้ตื่นฟื้น
คอรอมอ ' คอรอมอ มอมอ มอสระเอีย รอรอเมีย เนียงละออ นอสระอ่ำ มอมอเหม่อมองหำน้องผู้น่ำ คอรอมอ คล่ำหำ คำรำมำ คอคอคอ ไขว่คว้ำ มอมอมอ รอรอรอ ค่่ำเช้ำ เฝ้ำเฝ้ำหำ มอมอมอ สระเอีย ม่ะเพ่อหน้ำ วันเวลำ วันเวลำ คอรอมอ ชำยชำยชำย ชำยตำ หำไปดะ เออสิว่ะ คอรอมอ หม้อรอคอ เออสิว่ะ คอรอมอ หม้อคอรอ คอรอมอ มอมอ เฮ้ย คอรอมอ เฮ้ย ! เฮ้ย ! เฮ้ย ! คอรอมอ คอรอมอ ! ' ในช่วงเวลำ คอรอมอ
การว่างไร้ของสิ่งจรจัดข้างมรคา เพรียกแกมแก้มปริญเญยบารานเหมันตวิญญ์ ๐- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >๐ ๐- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >๐ ๐- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >๐ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ไม่มี ไม่มี ไม่มี ไม่มี ไม่มี ไม่มี ไม่มี ไม่มี 00000000000000000000000000000 ๐ ๐- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >๐ ๐ ไม่มี ไม่มี ไม่มี ไม่มี ไม่มี ไม่มี ไม่มี ไม่มี 00000000000000000000000000000 ๐ ๐- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >๐ ๐
ไม่มี ไม่มี ไม่มี ไม่มี ไม่มี ไม่มี ไม่มี ไม่มี 00000000000000000000000000000 ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ๐- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >๐ ๐ ๐ ๐- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >๐ ๐ ๐ ๐- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >๐ ' ไร้รูป ไร้รอย ไร้คืนฝัน ไร้จันทร์ ไร้ใจ ไร้คืนหนำว ไร้หนึ่ง แม้แสง แห่งดวงดำว ส่องสกำว พรำวพร่ำง ข้ำงใจฉัน ' ว่ำงไร้ในวงกลม-ทำงโคจร
โอกาสของข้าพเจ้า ข้ำพเจ้ำไม่มีโอกำสในฝัน ข้ำพเจ้ำเป็นอยู่เพียงในโลกแห่งเปล่ำดำย สรรพสิ่งทั้งมวลแปรอยู่อย่ำงไร ข้ำพเจ้ำแปรไปยิ่งกว่ำนั้น เคลื่อนไหวอย่ำงนิ่งด้วยระทม ควำมฝันไกลจำกหัวใจ เพรำะรวดร้ำวเข้ำยึดครอง ม่ำนควำมจริงปิดกั้นข้ำพเจ้ำจำกควำมฝัน ควำมฝันอยู่กับเธอ เพรำะเธอกอดฝันนั้นไว้เพียงคนเดียว ข้ำพเจ้ำได้เพียงมอง มองด้วยสำรพัดของทุกข์เศร้ำที่มี
ควำมจริงที่เจ็บปวดอยู่กับข้ำพเจ้ำ เธอ คือผู้เป็นอยู่ด้วยสุขที่ยิ้มรื่น เธอยิ้มอย่ำงมีสุข ข้ำพเจ้ำพยำยำมสงบนึกคิดจำกควำมเป็นจริง ๆ นั้น ข้ำพเจ้ำพยำยำม ข้ำพเจ้ำพยำยำม ... รอคอยเธอมำพูดคุย
นั่งรอเธอให้โอกำสแห่งกำรพูดคุยระหว่ำงเรำ
ภาพประโลม ' ตรำทับอยู่ในชีวิต.. คือวงแหวนแห่งควำมนึกคิดนั้น ' ' วำบภำพแห่งควำมทรงจ่ำ เคลื่อนน่ำเป็นวิถีทำง วำดฉำยสลับจับกลำง อยู่ในระหว่ำงห้วงโคจร เพรียกผ่ำน วนเฝ้ำเพรียกผ่ำน เนิ่นนำนกับภำพในก่อน ให้สุขเศร้ำและร้ำวรอน บำงครั้งอ่อน บำงครั้งหนักเอำกำร ที่สุดของกำรเกือบแตกดับ เกิดทับซ้อนของภำพหวำน ให้อิ่มอุ่นละมุนนำน มำช่วยคำนช่วยบรรเทำ
จึงมีเพียงภำพประโลม คอยเป็นโจมให้คลำยเหงำ ให้ได้รู้ร่ำลึกว่ำมีเรำ แม้เพียงเงำ หัวใจก็เยำว์วัย หัวใจของฉันฉ่่ำชื้นขึ้น ดังน้่ำค้ำงในป่ำไส หยำดซับร้อนที่บ่อนไช ให้ต้นไม้คลำยตะวัน วงแหวนภำพประโลม จึงดุจโคมไฟสวรรค์ คอยส่องใจในร่ำพัน ให้หวำนชื่นในขื่นทรวง
' ควำมหลังที่เศร้ำและขื่นขม ท่ำให้เจ็บปวด และยังคงควำมเจ็บปวดอยู่สมอ .. เป็นควำมเจ็บปวดทีห่ วำนชื่นเสียเหลือเกิน.. ' คืนเสี้ยวของวงแหวน
ฤดูนั้น... ฤดีหนาว ค่่ำนั้น และคืนดึก จันทร์สว่ำง บนฝั่งน้่ำ แสงไสว ใจสลัว โคมตรุษจีน ดวงระรำว เย้ำระรัว แดงระเรื่อ โคมงำม ตำมวิธี เพลงกล่อม ไห้คืน ตื่นในวิเวก ดรรเนินทำง ดิเรกระหว่ำง ฤดูฤดี กระบวนรัก ลักลอบ กอปรเคล้ำวำที วิจิตรศรี สวำท สวำทพรรณ
สมัครเสมอ หมำยว่ำ เสมือน ดำวเดือน เคียงคู่ รู้สวรรค์ สมำนรัก รัตติสมัย นิรันดร์ ประดับถ่อง ธรรพ์ฟ้ำ วรำลี คืนนี้ จันทร์ดึก เสี้ยวสว่ำง เคียงวำง ดำวฟ้ำ วำรุณีย์ พิสมัย วิไลสวำท สวัสดี ถนมพรรณ สวรรค์วำที วำทฤดี ฤดูนั้นฯ
รักและคิดถึงในทุกฤดูดำว
ชายหนุ่ม และหญิงสาวเหล่านั้น ชำยหนุ่มเดินทำงมุ่งทิศเบื้องล่ำง หญิงสำวเดินทำงมุ่งทิศเบื้องบน ชำยหนุ่มเดินทำงบอกรัก หญิงสำวเดินทำงล้อรัก ชำยหนุ่มนั่งมองอยู่ ณ ที่พักควำมฝันและหวัง หัวใจเดินทำงด้วยเจ็บร้ำวอยู่ในตัวตน เขำเหล่ำนั้น.. เดินทำงหำควำมรักกันอย่ำงไร ?
ไม่มีค่ำรักจำกสำยฝนและเธอ
นิยามจันทร์ เพลงพรลมหายใจ
“ แจ้งฟ้า, มืดฟ้า ฟ้าใช่มืด ประกาย จันทร์ยังประเพ็ญฉายเฉลา ฉลักรักไว้โดยรูปแลเงา ประพิมเลาลวดลายไว้รูปจิต
” “
รวบรื่นชื่นไว้กับเธอ ภาวนิต โอบไว้ในผลิ ปทุมทิน ประเคียงราบฉาบไล้ ณ จินต์ ส่องสินพธูธรรมพ์ มนัญญา ** "เก็บรับสิ่งดีงามให้ชื่นกับชีวิต ภาวนาเถิด ภาวนาไว้ชีวิต หัวใจตนที่ตื่นรู้ในขณะ ประคองดวงใจรู้ไว้ เรียนรู้ธรรมนั้นโดยใจ"
”
คืนนั้นจันทร์สุกขาวกระจ่าง ' ฟ้ำแรมเดือน แรมปี มำหลำยแรม เดือนแปมแอ้มฟ้ำอร่ำมหำย โชติช่วงดวงรักเคยทักทำย เมฆฟ้ำกลับกลำย ช่ำงดิ้นรน วำดเวี่ยว่ำยเวิ้ง วูบฟ้ำ ไหวในหวำดผวำ สับสน กระโจนตำมติดต้อยเวียนวน เรียนรู้กลฟ้ำถลำรัก วันคืน อีกปักษ์, แห่งเดือนรักแห่งโลกย์ เมฆฟ้ำสอดสร้อยโศกให้หยัดยืน เดือนแจ่มแต้มฟ้ำ กลับรื่น ใจรักตื่นรัก นั่งชม
คืนหนึ่งนั้น จันทร์จึงสุกขำวกระจ่ำง ไสวสว่ำงตื่นฟ้ำสุขสม เย็นรักพักไว้หำยตรม ใจนิยมชมจันทร์ก่อนนิทรำ อีกปักษ์, แห่งรักแห่งชีวิต ฟ้ำและรักลิขิต บอกว่ำไม่มีอะไรไสวสว่ำงเท่ำชีวำ เดือนชีวิตนั้นเพียงคร่ำดวงใจ .... คืนนั้นจันทร์สุกขำวกระจ่ำง คืนนี้อ้ำงว้ำง จันทร์เริ่มแรมไกล ฟ้ำรักฟ้ำชีวิต เมฆนั้นเคลื่อนไหว อยู่ในเรำเอง โดยเรำ '
ร่ำฦกคืนจันทร์สุกขำวกระจ่ำง
ฝั่งฟ้า จันทร์แรมใจ ฝั่งฟ้ำ จันทร์แรมใจ ถวิลไสววำดสว่ำงทำงสำยฝัน สมุทยพิเครำะห์สะเดำะสุ้มเสียงเสนำะจันทร์ สะเทือนสะท้อนอ้อนวันคืนสะอื้นครวญ สนุกสนำนอวลฟ้ำคิดถึง วำดใจสนิทซึ้งในไห้หวน วิธูธรรมค่่ำหนึ่งแรมรัญจวน เพียงนวลไห้ได้คิดจิตสัมมำ ค่่ำนี้ วรำลี เต็มแข ฟำกฟ้ำดวงแดจงแลสุนันทำ เบิกใหม่ฟ้ำจิตวินิจวิกิจฉำ สัพพสังขำรธำตุยำได้ถอยครอง
แรมรัก แรมไกล แรมใจ แรมจันทร์ เพียงแรมของควำมเป็นนั้นฟ้ำสนอง เพียงรัก เพียงไกล เพียงใจ เพียงจันทร์มอง เพียงครรลองของฟ้ำ ..เพียงทำง ค่่ำวรำลี
จูบฟ้าประกายดาว ' มำนั่งนับดำวกลำงหำวคนเดียว แสงดำววิบเรียวเกี่ยวใจสู่ฟ้ำ เคล้ำใจเงียบฝันกับสวรรค์คีตำ ทั้งหมดนั้นบอกว่ำ.. พักเถิดชีวิต เพื่อตื่นผลิชีวำ นิทรำเถิดชีวิต เพื่อตื่นผลิชีวำ ดำวกระพริบลิบลิบบนนภำ เป็นใจของฟ้ำ เป็นข้ำของใจ ดวงดำวแสนไกล ใจนั้นไกลกว่ำ มองดำว นับดำว เก็บชีวิตเรื่องรำว ควำมจริง สุขและเศร้ำ บอกดำว บอกใจ บอกควำมเป็นไป
แสงดำวกระพริบไกล ๆ แสงใจกระพริบบอกตนเอง ฟ้ำจ๋ำ ดำวจ๋ำ ใจจ๋ำ สรวงสวรรค์แห่งดวงตำ ฉันขอจูบฟ้ำประกำยดำว ดำวกระพริบลิบลิบบนนภำ เป็นใจของฟ้ำ ให้ค่ำแก่ใจ ดวงดำวแสนไกล ใจนั้นไกลกว่ำ จูบฟ้ำประกำยดำว. '
เพลงพรลมหำยใจแด่เธอทุกคนเศร้ำ
นิยามในนิยาย ' นิคหิตในอ่อนโยน อ่อนโอนและเฉิดฉำย เติมเต็มและนิ่งคลำย ใช่มลำยหวนกลับคืน เป็นไปในเอิบห้วง ทั้งปวงใช่ทำงฝืน เป็นอยู่อย่ำงนำนเนือง สลับเรืองเพรียกนภำ คือเธอในทั้งหมด จำรจดประหนึ่งว่ำ คืนผ่ำนนั้นเวลำ หมุนรอบแห่งตัวตน
ลึกลับสลับเปลี่ยน วนเวียนท่ำมเวหน คืนค่ำให้เฝ้ำยล หนึ่งเดียวที่อ่อนโยน คือเธอในทั้งหมด แต้มสลดทั้นกระโจน บำงครำวเร้ำตะโพน กระหน่่ำโขนร่ำยลีลำ หนึ่งเดียวในทั้งสอง ให้ครรลองเจรจำ ทั้งปริ่มน้่ำและท่ำมฟ้ำ เป็นนิยำมในนิยำย ทั้งหมดนั้นคือเธอ อย่ำเผลอให้วุ่นวำย เพียงจริงในเดียวดำย ขณะได้ เพียงหนึ่งรู้ ' อ่ำนนิยำยรักในหน้ำปณำมพจน์
คลองชีวิต ไหล-กระแส, เป็นอยู่-กระบวนกำร ทัศนะนั้น,-บ้ำงร้ำวรำน บ้ำงสุขสม กระแสจิตคิดเคล้ำสุขทุกข์นิยม หลงบ่มไว้จิตธรรม ตัวตน นิ่งเน่ำ อยู่ตม งมโหม บ่ำหลั่ง โถมถั่ง โกลำหล ไร้เพรียกกำลผ่ำน ยินยล ไม่คนไม่คำยไม่ดำยรู้สึก
ไหลหลั่ง รู้กระแส, เป็นอยู่ในกระบวนกำร ผลิบำนจิตธรรมสัมมำ ส่ำนึก ไว้คิด รู้เห็น ได้ผลึก เฝ้ำตรึกสรรพธำตุ ควำมเป็นจริง น้่ำตื่น น้่ำตื้น น้่ำท่ำ น้่ำฝนโปรยจำกฟ้ำ สรรพสิ่ง มวลธำตุ วำดไว้ อุ่นอิง ครองชีวิตนิ่ง ๆ –ครรลองคลองชีวิตฯ
วันนั้น ภำแลงล่ำน้่ำพอง
เมื่อเมฆขยาย จันทร์จะฉายท้องฟ้า ครึกครืนคะครืนคลั่ง เสียงฟ้ำหลั่งจลนะเสียง แวบวำบปลำบเบี่ยง ครั่นส่ำเนียงละเลียงฟ้ำ มืดหับสลับฉำน ขำวแสงกร้ำนส่ำนดังว่ำโลกธำตุจักกลับกล้ำ ณ รวิอรุณแสง เมฆครึมทะมึนครึม ทะทึมทั้งทะลักแทง ทบทั่งทะทั่งตะละแดง คะเคลื่อนอึมอึมพน่ำ
ปรำยฝนก็ฝนหลั่ง ประดังเม็ดละเม็ดพร่ำ ห้วงฟ้ำในครำคร่่ำ ระดะโดยทะมึนเมฆ สักพักประจักษ์แจ้ง ฟ้ำส่ำแดงฟ้ำวิเวก ลุหมำยไว้เอนก ระเริงฟ้ำไว้อำรมณ์ จึงฟ้ำขยับเมฆขยำย ร่ำระบำยสุขสมน์ จันทร์เจ้ำก็มำเย้ำให้ชม ณ ท้องธำรแห่งดวงใจ
จึงจันทร์ฉำยขยำยฟ้ำ มนัสธำรำโสตถิ์ไสว สงบงำมอร่ำมพิไล โดยใดหำก- บ่แม่นฤดีฯ
ค่่ำหนึ่งฝนกลำยฉำยจันทร์ * “เมื่อเมฆขยำย จันทร์จะฉำยท้องฟ้ำ” ค่ำจำกเพลงในบทละครเรื่อง "เลือดสุพรรณ" ของหลวงวิจิตรวำทกำร
จันทร์เสี้ยว.. เพียงเสี้ยวก็คือจันทร์ ' คืนนี้จันทร์เสี้ยว- งำม ณ ฝั่งน้่ำของแม่น้่ำแห่งเมืองใหญ่ เห็นจันทร์ที่พรำกแรมอยู่แรมไกล เป็นจันทร์ดวงใหม่เพื่อจะเพ็ญ เรือแห่งน้่ำก่ำลังข้ำมฟำก เรือลำก ผ่ำนหน้ำ มีชีวิตให้เห็น ชีวิตลอยเลื่อนข้ำมน้่ำและข้ำมฝั่งควำมเป็น น้่ำกระเพื่อมเย็นเน้นแสงสี กระทบกระเพื่อม ระลอกริ้ว เล่นลำยแสงพลิ้ว วิบวิบควำมมี สลับน้่ำ ลมสลับปะทะกระทั้นถี่ เคล้ำเสียงเรืออึ้งมี่ คนข้ำมฟำก
ฉันนั่งชมพระจันทร์เสี้ยว ฝั่งน้่ำโดดเดี่ยว ขณะพรำก มวลน้่ำนั้นเคลื่อนมวลจำก น้่ำหลำก หลั่งไหลอย่ำงสืบเนื่อง ดูสินั่น พระจันทร์เสี้ยว รูปเดียวงำม ณ ฝั่งน้่ำ พรำยน้่ำแสงกระทบรำยระเรือง หนึ่งหญิงสำว นั่งเงียบเศร้ำ เคล้ำครุ่นในเคือง อีกสำมสำววำงเรื่อง สำมพวงดอกมำลัย สำมพวงมำลัยดอกรักมะลิซ้อน ลอยตำมแรงน้่ำ ลมอ้อนวำดไหว จิตตั้งอธิษฐำนไหว้ ใจรันไว คิดถึงคนไกลนั้นที่จำกลำ
จันทร์เสี้ยว ฝั่งน้่ำ คนชำยหญิง กอดรักควำมเป็นจริงและฝันฝ่ำ ครึ่งใจ ครึ่งจันทร์ ครึ่งเสี้ยวเกี้ยวฟ้ำ ก็คือจันทร์ เต็มตำของผู้คน ครึ่งเสี้ยวก็คือจันทร์ เสมือนนั้นครึ่งฝัน ก็ฝันต้องกำรผล ชีวิตไหลหลั่ง ยิ่งฝันให้แยบยล เติบตน แต่งรัก รู้จันทร์- ได้รู้ใจ '
คืนเสำร์จันทร์เสี้ยว
นิราศรักบึงหนองโง้ง แรมจันทร์ จันทร์แรมแอร่มจันทร์ อร่ำมท่ำมสวรรค์จันทร์แฉล้ม เฉลิมสวำทวำดหวังวันจันทร์แจ่ม รักจันทร์แปมแต้มฟ้ำปิยะฉลอง ค่่ำแล้ว, ฟ้ำจันทร์ แรมฟ้ำ จันทร์ผ่ำน ชีวสนำนดำลฟ้ำ ฟ้ำจันทร์สนอง สนิทดังหมำยจันทร์ฟ้ำจิตต์ประครอง รังรองรวงรักจันทร์ดำว ดำวประพิณ ประภำสผ่ำนวิลำศฟ้ำ ดำวกระซิบ หนึ่งดำวจิบจันทร์ จันท์กระสินธุ์ กระหวัดรัดเร้ำเฝ้ำในยิน ดื่มกินถิ่นใจหำใดโดยรักประจักษ์ใจ
โดยใจในรัก ฟ้ำ จันทร์ ดำว บอกเล่ำเรื่องรำว รัก รัก เศร้ำ เศร้ำ ในที่ใกล้ไกล รินไว้สุภธำตุ ดำดำลรักวิไลย์ อรุณในทุกค่่ำ ณ เรำ แจ้งฟ้ำ, มืดฟ้ำ ฟ้ำใช่มืด ประกำย จันทร์ยังประเพ็ญฉำยเฉลำ ฉลักรักไว้โดยรูปแลเงำ ประพิมเลำลวดลำยไว้รูปจิต พิศเพ็ญเด่นนั้น มนะเศร้ำสงบ แรมจันทร์อีกค่ำรบพบสนิท อวลไว้โดยรักด้วยชีวิต ฤดูกำลอริยสัจจ์ ธรรมจักษุ เพ็ญวิสำข์ วิสสนะเพ็ญ เห็นมนัส แรมจันทร์ จันทร์แรมชัด ไกวัลยวิสุทธิ์ ตื่นเพ็ญ เห็นรัก จันทร์วิมุตติ์ วิโยคหยุด, จันทร์เจ้ำเย้ำลูกเพ็ญฯ เรำคือทั้งหมด และคือรัก
หัวใจจันทร์ ' รู้ไหม หัวใจจันทร์อยู่ตรงไหน จันทร์เจ้ำอยู่ไกล ใครเห็นบ้ำง จันทร์เจ้ำดวงเดียว ใช่เปลี่ยวร้ำง และใช่ใจว้ำงอยู่เดียวดำย มองดูสิ มองหำหัวใจจันทร์ ว่ำใจนั้น คือพิมพ์วรรณรำย ใช่ไหม คือพิมพ์จันทร์เฉิดฉำย ติดเนื่องกำยด้วยหัวใจตน ในกลมจันทร์ และจันทร์เสี้ยว จันทร์โดดเดี่ยวในเวหน ใจจันทร์แย้มให้เยี่ยมยล ใจจันทร์คือกล คือพล คือผลเมือง
หัวใจจันทร์ เอิบเต็มนั้น สว่ำงเรือง เสี้ยวเกี่ยวฟ้ำนั้น เนื่อง เพื่อนุ่มอุ้มโลกด้วยอ้อมจันทร์ '
คิดถึงหัวใจจันทร์-หัวใจตน
สุภาพและงามน่ารัก ' พริ้งเพียงพนำงน้อง หนึ่งนั้น จิบฟ้ำสวรรค์เสก ไสวฉำย เสมือนวำดดำษสี มณีรำย เรียบไว้จำกฟ้ำ เคียงดิน รวบรื่นชื่นไว้กับเธอ ภำวนิต โอบไว้ในผลิ ปทุมทิน ประเคียงรำบฉำบไล้ ณ จินต์ ส่องสินพธูธรรมพ์ มนัญญำ มนัสรัดรึงกรึงเวหำส วิเวก เพนียงเอนกไว้เอก สวรรคยำ สมัครหมำยปำยแก้ม แต้มอุษำ หนึ่งเพลำเพียงพนำง วิธูน้อง
วิเทสประดับจับจิตต์ จินะวิไล งำมขำมไขรรรเรียง ประเดียงสอง ประดุจเกษเวสสภะ บำยรรรรอง ริน ริน ชลต้อง มติแล้ว สุภำพพิมพ์ สุปำณี ปำณะ จะนะวิลำศ อวยดำรเหมินทร์ วสุปิม กระซิก กระซิก กระซิบวิบ ณ ยิน ก็เคียงดินพริ้งฟ้ำ วนำครอง วินุส วินำถ วิวำท วำทกรรม วิเวกค่ำ ร่ำยร่ำบ่ำ ล่ำลอง ลำดละลุเลี้ยงล่ำละ พนอง พนิต อรณิประคอง ประทำย เทียบประพิศสิทธิ ประสำท ก่ำกำจก่องก่อประต่อประติด วะวำย วำบวิทย์ติตถะ มนะหมำย วยะสบำย สบำย - สุภำพและงำมน่ำรัก ' เพลงอ่ำนวยพรแด่ชีวิต
สุภาพและงามน่ารัก (ฉบับให้ควำม) ' พริ้งเพียงพนำงน้อง หนึ่งนั้น จิบฟ้ำสวรรค์เสก ไสวฉำย เสมือนวำดดำษสี มณีรำย เรียบไว้จำกฟ้ำ เคียงดิน ** "ดวงใจมนุษย์วำดหวังไกล วำดทุกควำมเป็นไป- ใจดวงเดียว ที่สุดถึงฟ้ำ ที่สุดลงระนำบดิน" รวบรื่นชื่นไว้กับเธอ ภำวนิต โอบไว้ในผลิ ปทุมทิน ประเคียงรำบฉำบไล้ ณ จินต์ ส่องสินพธูธรรมพ์ มนัญญำ ** "เก็บรับสิ่งดีงำมให้ชื่นกับชีวิต ภำวนำเถิด ภำวนำไว้ชีวิต หัวใจตนที่ตื่นรู้ในขณะ ประคองดวงใจรู้ไว้ เรียนรู้ธรรมนั้นโดยใจ"
มนัสรัดรึงกรึงเวหำส วิเวก เพนียงเอนกไว้เอก สวรรคยำ สมัครหมำยปำยแก้ม แต้มอุษำ หนึ่งเพลำเพียงพนำง วิธูน้อง ** "รวบรวมดวงใจที่ไกล เปลี่ยว เที่ยวสุดหล้ำนั้น ไว้เป็นหนึ่งดังสวรรค์ รักไว้ ยำมเช้ำชีวิต หนึ่งนั้น เพียงใจเรำ" วิเทสประดับจับจิตต์ จินะวิไล งำมขำมไขรรรเรียง ประเดียงสอง ประดุจเกษเวสสภะ บำยรรรรอง ริน ริน ชลต้อง มติแล้ว สุภำพพิมพ์ ** "แสดงดวงใจที่รู้ใจ สดใส งำมอยู่ในรูปนำม ยิ่งใหญ่ดังแผ่นฟ้ำผืนน้่ำ งำมอยู่พิมพ์ใจ"
สุปำณี ปำณะ จะนะวิลำศ อวยดำรเหมินทร์ วสุปิม กระซิก กระซิก กระซิบวิบ ณ ยิน ก็เคียงดินพริ้งฟ้ำ วนำครอง ** "ชีวิตงำม เรืองดังแสงเงินแสงทอง เพรำะรัก เรียนรู้ในดวงใจตน ในดวงใจตน ควำมยิ่งใหญ่ก็ครอง" วินุส วินำถ วิวำท วำทกรรม วิเวกค่ำ ร่ำยร่ำบ่ำ ล่ำลอง ลำดละลุเลี้ยงล่ำละ พนอง พนิต อรณิประคอง ประทำย ** "จะกล่ำวไปใยถึงสรรพำ ล้วนหลำกจนเกินใจที่จะคิดจับ ประเด็นอยู่ที่ควำมดีงำมประทับ"
เทียบประพิศสิทธิ ประสำท ก่ำกำจก่องก่อประต่อประติด วะวำย วำบวิทย์ติตถะ มนะหมำย วยะสบำย สบำย - สุภำพและงำมน่ำรัก ' ** "คิดดูสิ รับรู้ ไม่สิ้นดิ้นทุรำย ใจเท่ำนั้นรับรู้หมำย ท่ำชีวิต อยู่กับเป็นไปนั้นด้วยสบำย ๆ ด้วยควำมดี งำม - น่ำรัก"
ด้วยรัก ขอเธอได้ไกลห่ำงจำกเศร้ำหมอง จงได้ครองควำมถูกต้องในวิถีคิด จงแผ้วผ่องด้วยปัญญำมำสถิตย์ สุนิมิตรพบฝันอันเรืองรอง ขอเธอจงได้เรียนรู้จักโลก รู้สุขโศกฝึกตนในทั้งสอง ชีวิตเป็นไปคือครูตำมครรลอง รู้ถูกต้องเห็นควำมจริงสิ่งควรรู้ เรำต่ำงเป็นส่วนของทั้งหมด เป็นตำมกฎธรรมชำติฉลำดดู ขอจงได้แจ้งเห็นและเป็นอยู่ เกิดชั่วครู่รู้จริงนิ่งนิรันดร์ฯ อ่ำนวยพรแด่เธอ.. คนดีของชีวิต
จันทร์สยามงามทุกห้วงใจ ' เดินประเทศแวะเขตคำม สนำน สนุกสุขใจในควำมคิดถึง ยิ้มกับรักหวำนไว้ที่คะนึง ใจจึงสุขรักสนิทใจ สนิทในสนำนวิญญำณแห่งรัก แจ้งประจักษ์ด้วยเห็นในที่ไกล ผ่องงำมทุกยำมมองผ่องใส บอกนัยนิยำมควำมรัก บอกว่ำทุกที่นี่คือ ควำมรักเอย ยองใยฉำยเผยเฉลยฉลัก แท้แล้วทุกควำมงำม ทุกยำมทัก คือใจที่วักดื่มสิ้นทั้งวิญญำณ์
เป็นวิญญำณที่รู้เห็นในที่ใกล้ เสวยได้ในอำรมณ์ ณ จิตตำ สวำทหวังอภิสมัยลีลำ ทั่วทั้งทุกทิพำรำตรีกำล- คือเธอ .... ดูโน่นสิ จันทร์สยำม เจ้ำสวยงำมทุกห้วงใจเสมอ ค่่ำโน้นค่่ำนี้ ที่โน้นที่นี้ พบเจอ ใช่ค่ำละเมอ คือเธอผู้ให้แสงชีวิต ให้แสงนวลอวลผ่อง ดังว่ำ- ปรำรถนำใดคือเจ้ำลิขิต ปรำรถนำนั้น คือเจ้ำนฤมิต ใช่ผิดถูกดังว่ำที่ว่ำเป็น-
ฉันคือโลก ฉันคือจันทร์ ฉันคือ - ล้วนในควำมถือว่ำคือฉันเห็น แท้นั้นประโยคใช่เพียงแค่ประเด็น วิภัชช์เร้นหลำกหลำยไว้คืนครอง มองสิ โน่นไง จันทร์สยำมดวงงำม ใกล้ไกลในควำมคิดถึงทั้งสอง ฉำยประภัสร์รอรวงวิรังรอง มองด้วยตำด้วยใจนัยคืนตำ มองด้วยตำด้วยใจในรัก มองด้วยตำใน,-ในสลัก ด้วยใจใน,-ในทัก คืนตำคืนใจว่ำ - ดวงตำดวงจันทร์ดวงใจฉันท์- ฉันรัก ' ณ อีกฟำกของฟำกอีกฝั่ง ที่ซึ่งไม่ไกลจำกล่ำน้่ำแห่งสยำม
ที่อยู่แห่งรัก ' ครั้งหนึ่งนำนมำ ฟังว่ำมียำยกับตำสองคน ใช้ชีวิตมีสุขไม่ขัดสน อยู่ใกล้ ๆ บนภูเขำ กระท่อมหลังนั้น มีควันไฟลอยบำงเบำ ช่ำแรกใบตองตึงอย่ำงไม่รู้เหงำ นำนเนำเท่ำชั่วชีวิต วันหนึ่งสองตำยำย ร่ำลึกควำมหลัง, ตำสะกิด พลำงพูดบอกยำยด้วยค่ำนิด เถิบร่ำงชิดแล้วบอกว่ำ-
ยำยจ๋ำ ตำรักยำยนะ ยำยผละออกห่ำง ท่ำท่ำ จะบ้วนน้่ำหมำกลงข้ำงตำ พลันมือกร้ำนพำไปปิดปำก อย่ำนะยำย ตำพูดจริง ๆ ยำยนิ่งฟังตำค่ำวำกย์ ตำช้อนตำขึ้นเชิงฝำก ยิ้มกว้ำงอย่ำงมำกที่ปำกนั้น เออนะ ตำเฒ่ำนี่, ยำยท่ำตำรู้ดีเอำกระเช้ำหมำกกั้น ตำท่ำท่ำเขยิบเข้ำกระชั้น ยำยตะวำด- อย่ำรั้น ตำเฒ่ำ ตำมองตำบอกว่ำ เออยำยนี่ ช่ำงรู้ดีหรอกจึงเย้ำ ว่ำแต่ว่ำ ตำหิวข้ำว วันนี้มีอะไรกิน..
สองตำยำยอยู่กันมำหกสิบปี จำกวันที่ครองรักด้วยหมำกสิน ปูนขำว-แดง ใบพลูอยู่กับจินต์ เผ็ดร้อนลิ้นรู้รสจนหมดคลำย ปูนขำว-แดง ใบพลูคู่กับหมำก ใช่เรื่องมำก ตำยำยรู้ไม่รู้หำย ชีวิตรักใช่เรื่องมำกให้มำกมำย อยู่กันได้ด้วยรักธำตุประสำน เผ็ดร้อนฝำดลิ้นด้วยรู้รส จิตก่ำหนดด้วยธำตุประหำร สรรพสิ่งยิ่งสืบรู้ยิ่งรู้นำน กลกำลแห่งวันวำนสร้ำงเรำ สร้ำงเรำให้รู้จักธำตุประสำน ด้วยรักเจือจำนทุกสิ่ง, ไม่เขลำ ชีวิตเป็นอยู่เพียงรูปเงำ เป็นเรำ คือเรำ ด้วยธำตุประหำร
ธำตุประหำร คือรักไว้หักโกรธ หักทั้งโยด โลภ หลงในสงสำร เป็นอยู่กันและกันด้วยรักเบิกบำน ยืนนำนด้วยรู้จริงสิ่งทั้งปวง '
ด้วยคิดถึง ปูนขำว-แดง หมำก พลู ของทวด ที่บอกสอนลูกหลำนให้รู้จักธำตุประสำน และธำตุประหำรของพืช ธรรมชำติและสรรพสิ่ง
นิทานจันทร์
“ สมัครเสมอ หมายว่า เสมือน ดาวเดือน เคียงคู่ รู้สวรรค์ สมานรัก รัตติสมัย นิรันดร์ ประดับถ่อง ธรรพ์ฟ้า วราลี
”
พระฉันท์ที่รัก, เทพยดาแห่งค่าคืน ; ดวงจันทร์ ดวงใจฉัน (นิทำนจันทร์เรื่องที่หนึ่ง) ' ไทโบรำณเรียกขำนเธอ พระฉันท์ เพรำะที่เห็นกลม ๆ นั้น สว่ำงสวย เหล่ำมนุษย์พำกันหำยงงงวย ค่่ำคืนสว่ำงด้วยแสงแห่งเธอ ก่อนนั้นชำยเรียกขำนว่ำ ดวงเดือน เพรำะเธอลอยเลือนหำยแล้วกลับมำเสมอ กลับมำเป็นเดือนเพ็ญให้พบเจอ ทุกน้่ำเอ่อล้นฝั่งดังวันวำน ขำนเธอว่ำ เพ็ญ งำมเด่นกลำงนภำ ขอมภำษำ, เธอละออนำนเท่ำนำน ต่อมำเรียก พระจันทร์ โอ้ เจ้ำกำนท์ ปำลี สันสฤกตขำน, ให้ต่ำนำนกวี
ไทพำยัพฮู้ เดือนเพ็ง เดือนหงำยว่ำ เดือนแจ้ง ให้แสงสี ดวงกลม ๆ เจ้ำงำมแสงเอยส่องชีวี งำมแสงเดือนสิบสองนี้.. มำเยือนส่องหล้ำ ไทใต้เรียก เพ็งจันทร์ หรือ จันทร์เพ็ง เรำแลเห็นเธอนั้นว่ำ เทพยดำ ไทอีศำนเอิ้น อีเกิ้ง งำมเด่นฟ้ำ แขกมำลำยำ บุหลัน เจ้ำวันเพ็ญ เธอเกิดจำกสิบห้ำนำงฟ้ำแห่งพระศิวะ บำงอินเดียก็ว่ำ โอรสะแห่งอัตริมุนีผู้เป็นสวำมีแห่งอสูนยำ, บำงก็ว่ำเกิดสงครำมให้เห็น กำมเร้นในดำรกำมยะ- นำงดำรกำ พระลักษมีร้องขออุมำต่อศิวะ พระจันทะจึงประทับบนนลำฏ, ร้อนถึงพรหมำ เจ้ำสวรรค์จึงให้อยู่นอกสัคคำ ไปเป็นเจ้ำแห่งดำรำแลพฤกษำทั้งหลำย
บำงอินเดียว่ำผู้สร้ำงโลก- พระปรมำตมำ ปั้นดินสร้ำงรำธำชำยำแล้วเสร็จได้ปั้นจันทร์นั้นแล้วสลัดดินน้อยติดมือไปไว้ เป็นดำวบริวำรแห่งจันทรำ พระคริสต์ว่ำ พระยะโฮวำ สร้ำงพระจันทร์ ในวันที่สี่หลังสร้ำงโลกำ พื้นเมืองอินเดียอีกนั่นหนำ บอกว่ำ จันทร์คือถำดน้่ำแห่งเจ้ำสำว อีกโบรำณว่ำ พระเจ้ำแสนร่ำคำญ เป็นต่ำนำน, -สั่งโสนำร์ท่ำตะเกียงเงินแสนพรำว ต่อจำกนั้นพระมหำเทพผู้เป็นเจ้ำ แหวะไขมันซีกอกซ้ำยเป็นน้่ำมัน แล้วจุดปฐมฤกษ์เบิกฟ้ำให้สว่ำงแก่มนุษย์ แต่ก็กลัวพวกปำกไม่สุขนึกสนุกเป่ำตะเกียงสวรรค์ จึงประสิทธิ์ประสำทพรแก่พระจันทร์โดยพลัน เจ้ำจงโชติช่วงนั้นในรำตรี หรี่ดับไปกลำงวันนั้นเถิด
จำกเจ้ำตะเกียงเงิน พระจันทร์เจิงเป็นเจ้ำแห่งแร่เงินอันฉำนเฉิด ฝรั่งว่ำ พระจันทร์ไดแอนำเขำก็เกิด มีรถเป็นเงิน, อ้ำว ตรงกับไทย เรื่องไทยใหญ่ ฝรั่งแต่งบอกว่ำ- ดวงเดือนแหล่ะหนำ คือกระต่ำยคลุมตัวด้วยเงินในเรือนแก้วใส มีหน้ำต่ำงสิบห้ำบำนคอยเปิดปิดไป ให้มืดแลสว่ำงไสวเป็นขึ้นแรม พวกยูคำตัน เรียกว่ำ เดือนจิ๋ว เดือนเขียว เพรำะยังไม่สุก เรียวเดือนเจ้ำค่อย ๆ แปม พอครึ่งดวง เรียก เดือนกลาง ค่อย ๆ สว่ำงแซม พอเพ็ญนั้นก่อนแรม เรียก เดือนเต็มหม้อ เอ้ำ ทีนี้ อินเดียสนุกคัมภีร์โบรำณ เล่ำขำนว่ำ จันทร์มีชำยำยี่สิบเจ็ดนำงนั่งรอ เป็นลูกสำวฤษีพ่อหมอ แต่จันทร์นั้นกลับคอยพะนอแต่เจ้ำรชนี
อีกยี่สิบหกนำงมิพอใจ ฤษีเจ้ำจึงแช่งจันทร์ทันใดให้แสงเรืองหนี อำกำรจันทร์ทรุดหนักมำถึงวันที่สิบสี่ ทั้งน้องพี่ยี่สิบนำงมำดูใจ ร้องไห้คร่่ำครวญ โธ่ จันทร์เจ้ำขำ อย่ำเพิ่งตำย พ่อจ๋ำ พวกหนูขอไว้ให้ถอนค่ำสำปนั้นโดยไว พ่อกลัวลูกสำวจะเป็นหม้ำยเนื้อหอม ให้พวกแมลงวันตอมไต่ อุวะ แต่จะถอนคืนยังไง, งั้น อย่ำงนี้ข้ำจะผ่อนหนักให้เป็นเบำ ให้เจ้ำผอมแรเงำ แล้วอ้วนพี สิบห้ำวันกลับกันสมดังวจี จันทร์จึงมีขึ้นแรมแต่นั้นมำ (ตกลงยี่สิบเจ็ดคนก็ไม่ต้องเป็นหม้ำย.... เสียดำยจัง อื่อ เสียดำยจัง.. ปำปัมปั้ม ๆ)
ในรำมเกียรติ์แลต่ำนำนของปัญจำป แซ่ปยิ่งกว่ำลำบอุดร ฮำ ฮำ พระอินทร์จะเป็นชู้กับเมียฤษี ป๊ำดดด เพิ้นว่ำ ใช้พระจันทร์จ๋ำแปลงตัวเป็นไก่ไปขันหลอก ฤษีคิดว่ำเช้ำแล้วจึงลงไปอำบน้่ำ พระอินทร์รูปงำมได้ทีเข้ำหำเมียฤษีคนนอก ต่อมำเจ้ำน้่ำเพื่อนฤษีเจ้ำจึงบอก ฤษีจึงออกมำโครมเข้ำให้-ฟำดหน้ำพระจันทร์ ด้วยผ้ำเปียก บำงแห่งก็ว่ำ พระจันทร์เข้ำหำเมียฤษีนั้นเอง จึงถูกฤษีนักเลงฟำดหน้ำเสียก ด้วยเกิบตีนคำดหน้ำ พระจันทร์ร้องเจี๊ยก หน้ำจันทร์จึงด่ำคล้่ำด่ำงรอยเกียกจนบัดนำว เรื่องจันทร์เจ้ำ หูยยย ช่ำงมลทิน หลำยเรื่องสิ้นมีแต่ควำมคำว น่ำเสนออย่ำงต่ำนำนแห่งเรื่องรำว จุ๊ ๆ อย่ำเพิ่งฉำว จะเล่ำเรื่องดี ๆ
มำกล่ำวถึงจันทร์เจ้ำในทำงพุทธ ศำสนบริสุทธิ์แห่งพุทธองค์โคตมี ปัญหำหนึ่งพระนำคเสน ตอบพระมิลินที องค์คุณห้ำนี้แห่งพระจันทร์หนึ่ง ส่องแสงในศุกรปักษ์สว่ำง สอง เป็นนักษัตรวำงใหญ่ยิ่งเสกสรร สำม ฉำยรัศมีในเวลำกลำงคืนแสงปัน สี่ มีวิมำนเป็นธง, ห้ำ ชำวโลกย่อมปรำรถนำให้ส่องแสง กุศลกรรมบถผู้เปรียบดังจันทร์ ข้อหนึ่งนั้น จงเจริญยิ่ง ๆ ในกุศลกรรมส่ำแดง ข้อสอง มีฉันทะเป็นประธำนเป็นแรง ข้อสำม พึงแปงใจให้สงัดเงียบ ข้อสี่ จงมีศีลเป็นธง ข้อห้ำ จงจ่ำนงใจให้เรียบ อย่ำคะนองกำยคะนองใจ จงระเบียบ จงได้เยียบยินรู้อยู่ในสังคม
....... เพ็ญพฤศจิกำยนมำส จันทร์สว่ำง ขอให้ใจสว่ำงอย่ำงสุขสม ชีวิตเวียนว่ำยกลับวน คล้ำยจันทร์แต่ใช่ดังจันทร์แสนกล ให้คนรู้ ดวงจันทร์ ดวงใจฉัน เพียงหนึ่งดวงนั้น เป็นดวงดู เพ่งดวงแด ดังดวงแข ที่แลอยู่ เรำคือหนึ่งผู้รู้ดวงในดวงใจ ฯ '
ใต้แสงจันทร์เดือนสิบสองเหนือบึงน้่ำคืนใจ
คน ต้นไม้ กระต่าย, รูปเงาจากพระจันทร์ (นิทำนจันทร์เรื่องที่สอง) ' เห่เอ๋ย วันเพ็ง พระจันทร์เจ้ำเด่นกลำงนภำ เหลืองงำม อยู่งำมตำ พระจันทร์มำประดับเมือง แจ่มแจ้งมำแจ่มใจ งำมไสวมลังมเลือง เพ็ญจันทร์เด่นงำมเหลืองเหลือง ปลดเปลื้องฟ้ำจำกควำมง่ำ น้่ำค้ำงปรอยพริบพรม ว่ำยอำรมณ์ผสมค่ำ คืนงำมพระจันทร์คมข่ำ ข้ำเริงร่ำช่ำเลืองชม
ที่กลำงใจจันทร์ มีคน มีต้นไม้ช่ำงรื่นรมย์ มีกระต่ำยเจ้ำตำคม ห่มผ้ำอุ่น ยำยกับตำ ดูนั่น มีชำยหนุ่ม มีหญิงสำวชื่อโรนำ นิลำนิลำ โอดิวำ เจ้ำแม่จันทรำมำช่วยต่ำข้ำว ชำดกนิเทส ไท-ทิเบต หมำยเหตุเรื่องรำว ต่ำงก็มีกระต่ำยเจ้ำ เฝ้ำอยู่กับจันทร์ กระต่ำยพระโพธิสัตว์ จิตมนัสสวรรค์ พลีเนื้อกำยแบ่งปัน ให้เป็นชีวิตทำน
ข้ำงจีน ญี่ปุ่น ก็มีเรื่องโบรำณ บอกเล่ำกล่ำวขำน หลำยต่ำนำนมำกมี มำเลย์ว่ำนั่นต้นไทร ย้อยใยชำยปั่นด้ำยสี ปัญจำบก็หนึ่งเหตุนี้ ยำยปั่นด้ำยขว้ำงลงให้สว่ำง ฝรั่งว่ำเด็กสองคนตักน้่ำ พี่สำวตำมไปเป็นดำวแจ่มจำง เมำรี ฮำวำย ซำมัว ก็วำง โรนำสำวไว้บนเดือน โอ้ จันทร์- มฤคำนกะ รอยดะด่ำงที่เปื้อน จันทร์เจ้ำในร่ำงเรือน เขำว่ำ กวำงเตะเตือนให้คิด
พระจันทร์เจ้ำ ถูกร้องขอให้ช่วยชีวิต จำกพรำนกวำงที่ตำมติด จันทร์ผิดที่ใจด่ำ จันทร์จึงถูกตรำหน้ำ ชำยก็ว่ำ ดังสำวร่ำบ่ำ คืนหำยกลับแจ้งบำงค่่ำ หญิง, จันทร์ ร่ำยร่ำลีลำ .. คน ต้นไม้ กระต่ำย พระจันทร์ รูปเงำ, ควำมจริงนั้น คือชีวำ แจ่มแจ้งแถลงใจดวงยิหวำ ทุกสรรพำ คือจริงแท้และลวง รัก โลภ โกรธ หลง ให้พะวง นรกและสรวง ควำมเป็นจริงจริงของสิ่งทั้งปวง อนัตตำ นิพพำนำ สวัสดีฯ ' รอรับเพ็ญจันทร์เดือนสิบสองเหนือบึงน้่ำคืนใจ
ประตูไปสู่พระจันทร์ (นิทำนจันทร์เรื่องที่สำม) นิทำนัง อันว่ำมีนิทำน อตีเต ในอดีตกำลเล่ำขำนไว้ว่ำจีนไปสู่พระจันทร์ก่อนฝรั่งมังค่ำ เหำะไปด้วยเมฆำ- เขำว่ำนั่น, .. โอ้ นิทำนช่ำงยำว เอำไว้ไปหำเรื่องรำวมีสีสัน เป็นเรื่องเป็นรำวของพระจันทร์ รำยละเอียดกันเอำเองนะพี่น้อง มำทีนี้จะกล่ำวบทไป ท่ำทีสืบสำวใยเรื่องสักสอง หนึ่ง- ตรงประตูจันทร์ จงมอง สอง- ไปดื่มน้่ำผึ้งพระจันทร์
ตรงประตูที่ว่ำ ไทสยำมเรำช่ำงสืบสรรค์ ไว้อ้อยหวำนมำนำนครัน ในวันสู่ประตูวิวำห์ โอ้ ว่ำ วิวำห์, คือ วิวำหมงคล กำรน่ำไปอย่ำงวิเศษ วิสิฏฐำ ให้ชื่นหวำนดังอ้อยหวำนชื่นชีวำ นี่คือที่มำประตูวิวำห์, -วิวำหมงคล จึงเป็นประตูไปสู่พระจันทร์ แล้วจำกนั้นไปกินน้่ำผึ้งให้ชื่นกมล น้่ำผึ้งพระจันทร์ คืออ้อยหวำนจำกคน อย่ำสับสนไปปลอมปนเดี๋ยวจะจนใจ ต้นอ้อย เป็นสัญญะในรูป หวำนในอ้อยจริงนั้นสรุปในควำมเป็นไป คือเหตุ คือผลให้ตรองไตร่ วิวำห์จักวิไลอยู่ในใจตน
ผ่ำนประตูจันทร์ไปกินน้่ำผึ้งพระจันทร์ ใช่กินเพียงวันเพียงหน แต่เป็นกำรกินที่แท้,- ในพบ-ยล ด้วยแจ้งในกลอันเป็นไป จึงจงรู้จันทร์ ที่ส่องไสว จึงจงรู้นัย แห่งนั้น จึงจงรู้จันทร์ รูใ้ จ ประตูไปสู่จันทร์ หวำนนั้น อย่ำเลสนัย เรียนรู้ในเคลื่อนไหว บอกใจ.... โอ้ อ้อยจันทร์. รอเธอไปสู่พระจันทร์ด้วยกัน
ภาพและเงาพระจันทร์; การมองจันทร์ (นิทำนจันทร์เรื่องที่สี่) จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้ำ ขอข้ำวขอแกง ขอแหวนทองแดงผูกมือน้องข้ำ ขอช้ำงขอม้ำ ให้น้องข้ำขี่ ขอเก้ำอี้ให้น้องข้ำนั่ง ขอเตียงตั่งให้น้องข้ำนอน ขอละครให้น้องข้ำดู.. ตอนเด็กเล็กๆ นั้น แม่กับพ่อร้องขอจันทร์ให้ฉันฟังใต้จันทร์นั้น น้อง ๆ รวมตัวหัวหนุนหมอนเข้ำมำนอนเคียงกัน พ่อแม่ลูกชมจันทร์บนสวรรค์อุ่นตำ (ภำพฝันที่ฉันนึกว่ำเป็นอย่ำงนี้)
จ่ำควำมได้ในทรงจ่ำ พระจันทร์เจ้ำงำมข่ำเดือนสิบสอง พวกเรำพี่น้องพำกันตกปลำ เกี่ยวไส้เดือนที่ขึ้นพรุนดินในคืนแสงเดือน จำกข้ำง ๆ กอกล้วย, คันเบ็ดเรำเป็นไม้ไผ่เรียวสวย ตกปลำใต้แสงเดือน น้องร้องบอก จะเอำเดือน ๆ ตกเดือนดวงนั้นให้ด้วย นั่นไง ๆ เดือนดวงสวย ๆ ในน้่ำ มันจะกินไส้เดือนไหม ? แล้วเดือนดวงบนฟ้ำละ มันกินอะไร มันอยู่ไกลเอำยำก ตกเดือนดวงนั้นมำ ๆ ฉันมองเดือนในน้่ำ แล้วแหงนมองเดือนบนฟ้ำ มันก็เดือนดวงเดียวกันนี่นำ แต่น้องสำวร้องจะเอำเดือน เฝ้ำร้องเตือนพี่ชำยให้ตกเดือน
พอเบ็ดที่เหวี่ยงลงกระทบน้่ำตรงดวงเดือน น้่ำลบกลบเดือนเลือนรำง น้องสำวร้องไห้จ้ำ ตบตีฉันตำมตัว บอกให้ตกเดือนให้, ไปท่ำเดือนเสียท่ำไม พี่ชำยคุกเข่ำลงเช็ดน้่ำตำน้อง โอ่ อย่ำร้อง ๆ เดี๋ยวพี่จะเสกให้เดือนแจ่ม พนมมือว่ำคำถำ เป่ำลงฝ่ำมือก่ำซัดไปในน้่ำ บอกน้องสำว เจ้ำจงแหงนดูเดือนบนสวรรค์ก่อน เห็นไหม มีดำวด้วย นับสิ มีดำวกี่ดวง นึ่ง ฉอง ฉำม ฉี่.. นิ้วน้อย ๆ หักพับ น้องนับนิ้ว อ้ำวที่นี่ ดูเดือนในน้่ำ เห็นไหมสวยเหมือนเดิมแล้ว น้องแก้วดีใจ ตื่นเต้น พี่ลงไปอุ้มเดือนมำนะ ตกกับเบ็ดไม่เอำแล้วเดี๋ยวเดือนกลัวอีก อืม จ้ำ งั้นเดี๋ยวให้เดือนมันชมปลำก่อนนะ เดือนชอบชมปลำเล่นน้่ำ
เดือนจะสงสำรปลำไหม ถ้ำปลำติดเบ็ด ... งั้นพี่อย่ำตกปลำนะ ให้เดือนชมปลำ จ้ำ ให้น้องชมเดือน เดือนบนสวรรค์กับเดือนในน้่ำ เดือนดวงไหน สวยกว่ำกัน บอกพี่สิ น้องสำวแหงนมองจันทร์บนฟ้ำ กลับมำมองจันทร์ในน้่ำ สวยทั้งสองดวงเลยละ แล้วชอบดวงไหนมำกที่สุด จันทร์ในน้่ำ อยู่ใกล้กว่ำ นวล ๆ ดูสิ เต้นได้ด้วย งั้น ถ้ำเอำเดือนขึ้นจำกน้่ำ เดือนก็เต้นไม่ได้นะ ให้เดือนเต้นในน้่ำดูปลำนะ งั้น เอำปลำกับเดือนใส่โอ่งน้่ำที่บ้ำนสิ ....... ร่ำลึกวัยเยำว์กับจันทร์คืนยิ้ม
จันทมุข (Chanda Mukh) : หน้านาง,ใบหน้าพระจันทร์ (นิทำนจันทร์เรื่องที่ห้ำ) "พิศโฉมอรไทยวิไลลักษณ์ น่ำรักยั่วยวนเสน่หำ ดวงพักตร์ดังดวงจันทรำ เนตรดังดำรำกลำงอัมพร" (รำมเกียรติ์ ชุดสีดำหำย ของ "พระขรรค์เพชร") "พิศพักตร์ผ่องพักตร์ดั่งจันทร พิศขนงก่งงอนดั่งคันศิลป์ พิศเนตรดั่งเนตรมฤคิน พิศทนต์ดั่งนิลอันเรียบรำย" (รำมเกียรติ์ พระรำชนิพนธ์ในรัชกำลที่ ๑ ทศกัณฐ์ชมนำงสีดำ)
"ชมแขคิดใช่หน้ำ เดือนต่ำหนิวงกลำง พิมพ์พักตร์แม่เพ็ญปรำง ข่ำกว่ำแขไขแย้ม
นวลนำง ต่ำยแต้ม จักเปรียบ ใดเลย ยิ่งยิ้มอัปสร" (นำยนรินทร์ธิเบศร)
' กวีกล่ำวหน้ำนำง งำมยั่วรู้สึกนั้น สบตำสบใจพลัน สนำนสมช่องไข้
เปรียบจันทร์ ยิ่งไห้ หำเสน่ห์ ขื่นแข้นขนมนำง
อีกกวีแผกว่ำอ้ำง งำมยิ่งจันทร์ที่มี เกลำอธิเพ็ญนำรี เดือนเอยเจ้ำช่ำงรั้น
มุขอิตถี ว่ำนั้น หมดจด มลแฮ รื่นรั้วเมฆำ
จันทมุขจึงเด่นเพียงจันทร์ เป็นอยู่อย่ำงนั้น เพียงพันเมฆำ เพียงแต้มแก้มจันทร์ ดำรำ เพียงแจ่มเนิ่นมำ เพียงว่ำเย้ำชม เพื่อเคล้ำเจ้ำจันทร์สุขสม เพียงบำงอำรมณ์ เพียงคม เพียงค่ำ จึงจันทร์ใช่จันทร์ระบ่ำ จึงนำงใช่ข่ำ เพียงคล่ำรูปนำง จริงแท้หมดนั้นเพียงทำง ควำมงำมรูปร่ำง เพียงวำง เป็นไป จริงแท้หมดนั้น เพียงใจ ถ่องแท้ผ่องไนย ก่องใสนัยยะจันทร์ '
วันรอชมอีกค่่ำคืนจันทร์ครึ่งดวงกุมภำพันธ์
ก่อนแขเพ็ญ : เด็ก ๆ รู้จักดาวพระเคราะห์ ดวงแรกคือ พระจันทร์ (นิทำนจันทร์เรื่องที่หก) "จันทร์เจ้ำเอย ขอข้ำวขอแกง ขอแหวนทองแดงผูกมือน้องข้ำ ขอช้ำงขอม้ำให้น้องข้ำขี่ ขอเก้ำอี้ให้น้องข้ำนั่ง ขอเตียงตั่งให้น้องข้ำนอน ขอละครให้น้องข้ำดู ขอตุ๊ดตู่มำร้องตุ๊กแก" .. "จันทร์เจ้ำเอย ขอข้ำวขอแกง ขอแหวนทองแดงผูกมือน้องข้ำ ขอช้ำงขอม้ำให้น้องข้ำขี่ ขอเก้ำอี้ให้น้องข้ำนั่ง ขอยำยชังเลี้ยงน้องข้ำเถิด ขอยำยเกิดเลี้ยงตัวข้ำเอง" ..
"จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้ำ ขอข้ำวขอแกง ขอแหวนทองแดงผูกมือน้องข้ำ ขอช้ำงขอม้ำให้น้องข้ำขี่ ขอเก้ำอี้ให้น้องข้ำนั่ง ขอเตียงตั่งให้น้องข้ำนอน ขอละครให้น้องข้ำดู ขอยำยชูเลี้ยงดูข้ำเถิด .. "จันทร์เจ้ำเอย ขอข้ำวขอแกง ขอแหวนทองแดงผูกมือน้องข้ำ ขอช้ำงขอม้ำให้น้องข้ำขี่ ขอเก้ำอี้ให้น้องข้ำนั่ง ขอยำยชังเลี้ยงน้องข้ำเถิด ขอตำเกิดตักน้่ำใส่อ่ำง จระเข้เล่นหำง นกกระยำงบินปรื๋อ" .. ฯลฯ
ไม่ว่ำจะร้องขึ้นต้นว่ำ"จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้ำ.." หรือ "จันทร์เจ้ำเอย.." ไม่ว่ำจะร้องต่อท้ำยอย่ำงไร เพลงร้องนี้ก็เป็นเพลงร้องแรก ๆ ที่เด็ก ๆ ได้ฟัง และท่ำให้เด็ก ๆ ได้รู้จักดำวพระเครำะห์ดวงแรก คือ พระจันทร์ พระจันทร์ ดวงจันทร์ ดวงเสี้ยว ดวงกลม เดือนแจ่ม เดือนหงำย เดือนสว่ำง เดือนมืด ฯ สัมพันธ์กับชีวิตมนุษย์มำแต่เล็กเป็นเด็ก ท่ำไม จันทร์ จึงเป็นดำวเครำะห์ดวงแรกที่เด็ก ๆ รู้จัก ?
ก่อนแขเพ็ญ ' กล่อมเห่ กล่อมขวัญ เจ้ำจันทร์เอย กล่อมเจ้ำเชยมำนั่งตั่งเตียงน้อย ปำกนิดนิดจิบกล่ำวเว้ำจิบจ้อย เจ้ำกลอยขวัญนั่งตักพ่อรัก,- แม่ลักชม กินข้ำวแล้วมำนี่ลูกแก้วของแม่ขวัญ สำมคนกับพ่อนั้นห่อผ้ำห่ม มำนั่งเรือนชำนไม้กระดำนยม ดูโน่นสิ ฟ้ำบ่มลูกกลม ๆ สวย เห็นไหม นั่นเรียกว่ำ เดือน อยู่กับเรำทุกเรือนเอื้อแสงอวย เป็นเพื่อนฉำยร่ำยค่่ำอ่ำนวย อุ่นร่่ำรวยด้วยฉ่่ำในค่่ำคืน เจ้ำลูกขวัญตำแป๋วแล้วมองจันทร์ ยิ้มจิ้มพลัน ชี้นิ้วอยำกลุกยืน เสียงอ้อแอ้อ้อแอ้แลตำตื่น สะบัดเท้ำเร้ำรื่นอยำกยืนมอง
โอ้ลูกแม่ เจ้ำยังแลได้เพียงตำ หำรู้ว่ำนั่นอะไรใสในตำทั้งสอง แต่ก็ยิ้มอิ่มใจไกลที่จ้อง แม่พ่อค่อยประคองขวัญเจ้ำให้เย้ำเพ็ญ พอเดินได้ ไหว้เป็นเช่นกับพูด เจ้ำละเต้ำที่ดูด มำพูดกับสิ่งที่เห็น นั่นอะไร ๆ เฝ้ำถำมเค้น ทุกอย่ำงจึงเป็นค่ำตอบของค่ำถำม เจ้ำจึงรู้จักว่ำนั่น คือจันทร์จวง หนึ่งดวงงำมเด่นบนฟ้ำงำม บำงค่่ำคืนหมู่ดำวเป็นเพื่อนอยู่อร่ำม เจ้ำจึงรักยำมค่่ำของค่่ำคืน- ในตื่นตำ พ่อจ๋ำ แม่จ๋ำ หนูจะวำดเดือนกับดำวได้ไหม เจ้ำยิ้มอิ่มวัยในเดียงสำ จึงหนึ่งสมุดน้อย ดินสอด่ำก็ขีดทำ เริงร่ำลำยเส้นให้เห็นเช่นเดือนดำว
สวยไหมจ๊ะ เดือนดำวของหนู พ่อกับแม่เจ้ำนั่งดู รู้ตื่นวำว จับมือน้อยค่อยวำดบนกระดำษขำว ครอบครัวก็สุขรำวสกำวเดือน พอเติบวัยใสรักเจ้ำเรียนรัก จันทร์น้อยเอยเจ้ำรู้จักรักแลเรือน เฝ้ำฝันต้องกำรดังใจเตือน จึงสบลบเลือนในเดือนใจ จึงเห็นในฝัน ดังคืนที่เดือนฉำย แล้วก็กลำยลับเร้นเช่นรักไกล รักที่เคยเร้ำ-เย้ำพรำวไสว ช่ำงหลำยนัย โอ้ใจฉัน.. ดังจันทร์แข จึงแขเพ็ญ กลอยเจ้ำในฤดูกำล ผ่ำนห้วงยำมชีวิตคิดสิ่งแน่ เจ้ำจึงรู้ ณ ดวงแด ว่ำแท้พระเครำะห์จันทร์ เพียงวันคืน ' คืนมองแข
กวีพระจันทร์, พระจันทร์ของกวี ' เบิกฟ้ำควำนหำดำว แต้มวิบวำวรำวฟ้ำนั่น เบิกเมฆอเนกกั้น เฝ้ำวำดหวังด้วยจันทร์ดำว ก็ล่วงก็รู้พลัน โอ้ สวรรค์งำม ณ ห้วงหำว วำบนั้นก็พลันพรำว ณ เรื่องรำวเสน่ห์งำม แรมเอยในเดือนดับ ใจก็ขับครรโลงยำม วักไว้ในตอบถำม พระจันทร์เจ้ำเย้ำกวี
เปลือยฟ้ำเปลือยควำมคิด ขณะจิตล่องวิถี รบเร้ำวรุณี ก็เมำมำย ณ ชำยคำ ขึ้นเอยในเดือนแจ้ง กะจัดแจงเจรจำ วักไว้ในดวงตำ กระพริบพรำวในดวงใจ โสภิศสุภภำค ดุจฉลำกฉะลุใน ก็อิ่มเอมวิไล ณ เพ็ญจันทร์ สกำวเดือน โอ้ มัทนกวิ แอบศศิเสมอเหมือน วิธูก็เย้ำเยือน ต่ำงกล่อมชมไว้ฤดี
กระซิก กระซิบ-จิบ วอมวิบ วะวำบอินทรีย์ ประโลมไล้ไว้ศรี ณ คดี จันทร์นิยำย โมรำ กำกีเจ้ำ ยะยั่วเย้ำเว้ำสีดำ วันทอง น้องบุษบำ กวิแสดงอิตถีกำย พระเพื่อน-แพง บ่หนี ก็ยังมีจันทร์ขยำย เรไร จันทรำฉำย มำหยำรัศมี เอื้อย สร้อยฟ้ำ ศรีมำลำ มณีรัตนำ กล่ำวกันเหนื่อย เบญกำย นำงเงือกเปลือย เกนบุษบำ ส่ำหรี
แก้วเกษรำ ล่ำหับ กับมโนรำห์ วำสิฐี เตียวเสี้ยน อึ้งย้ง มีมี่ จินปเทสคงกล่ำวขำน อีกเล่งนึ้งกลึงเกลำ แจ่มเฉลำเกินจดจำร กวิวัณณนำ ณ วำน ก็ล่วงจิตปุริสสำ จึงกล่ำววัจนะ โดยขณะแห่งจันทรำ เพ็ญ - ดับ กลับไปมำ ก็เพียงจันทร์ของกวี '
คืนประพิณเพ็ญ จันทวำร กุมภำพันธ์แห่งรัก
“ สนุกสนานอวลฟ้าคิดถึง วาดใจสนิทซึ้งในไห้หวน วิธูธรรมค่าหนึ่งแรมรัญจวน เพียงนวลไห้ได้คิดจิตสัมมา
”
จันทร์แรม แจ่มดาว ฟ้าอะคร้าว ลมเย้าเมฆ สบวิเวก ยินในลึก ตรึกจิตนั้น รัตติกาลแผ่วผ่าน เนานานคีตัน คารักเหมันต์ ลุคิมหันต์ วสันต์ครองฯ