การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น โดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะ

นัง ือประม ลบทค าม

การประชุม ิชาการระดับชาติ นดุ ิต 2023 ครั้งที่ 5

“น ัตกรรมและปัญญาประดิ ฐ์เพื่อการ ึก าในยุคดิจิทัล ”

The 5th Suan Dusit National Academic Conference 2023 (SDNC2023)

“Innovation and Artifcial Intelligence for Education in the Digital Era ”

ันที่ 9 มิถุนายน พ. . 2566

ณ อาคารรักตะกนิ ฐ

ม า ิทยาลัย นดุ ิต

จัดโดย

คณะ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี ม า ิทยาลัย นดุ ิต

และ น่ ยงานเครือข่ายภายในและภายนอก

ผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้การเรียนรู้เแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) ที่มีต่อ 461

ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง หลักการนับเบื้องต้น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา

ปีที่ 4 โรงเรียนราชวินิต

ยศพล เทพสุริย์1 , ธนพรรษ พฤกษะวัน2* และอรรถศาสน์ นิมิตรพันธ์2

การพัฒนาทักษะการฟัง การพูดสำหรับนักศึกษาสาขาวิชาธุรกิจการบิน เพื่อเพิ่มพูนทักษะ 471

ในการสนทนา

ศิริกร โรจนศักดิ์1 , อานง ใจแน่น1 , วาสนา จักร์แก้ว1 , วสันต์ นิลมัย1

การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น โดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะ 488

ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนพูนสิน (เพชรสุขอุปถัมภ์)

ชัยธวัช โนนทิง1* และชนิสรา เมธภัทรหิรัญ2

เรื่องการพัฒนาสื่อการสอนสำหรับครูโรงเรียนศรีวรลักษณ์ จังหวัดกำแพงเพชร

ธันย์สิตา โกกิฬากุลเศรษฐ์1* , เสกสรรค์ แย้มพินิจ2 และโสพล มีเจริญ2

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเคมีวิเคราะห์อาหาร โดยใช้เครื่องวิทยาศาสตร์เบื้องต้น 510

เรื่อง การเสื่อมเสียของอาหารพื้นบ้าน

อานง ใจแน่น1, ศิริกร โรจนศักดิ์2 และเสาวลักษณ์ กันจินะ2*

กิจกรรมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษแบบลงมือปฏิบัตินอกห้องเรียน English Café by Elementary 523 Students Episode 1 และ 2 เพื่อส่งเสริมทัศนคติเชิงบวกด้านการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ

ของนักศึกษาวิชาชีพครู สาขาวิชาการประถมศึกษา มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

รัตนา กลิ่นจุ้ย1* และวิไลวรรณ หมายดี 2*

ผลของการใช้แอปพลิเคชันเพื่อการเรียนรู้บนระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) เรื่องการเรียกชื่อ

สารประกอบอินทรีย์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย 540

ทศพล ธรรมวงศ์1* , อิทธิพล สังเวียนวงศ์1 และปิยรัตน์ ศรีวิไล1

งานประชุมวิชาการระดับชาติสวนดุสิต 2023 ครั้งที่ 5

การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น โดยใช้ชุดแบบฝึก

ทักษะของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนพูนสิน (เพชรสุขอุปถัมภ์)

A study of learning achievement on graphs and linear relationships by using the mathematical skill packages of students in Grade 7, Poonsin School (Petch Suk Upathum)

ชัยธวัช โนนทิง1* และชนิสรา เมธภัทรหิรัญ2

Chaitawat Nonting1* , and Chanisara Metpattarahiran2

1 นักศึกษาหลักสูตรศึกษาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

2 อาจารย์หลักสูตรศึกษาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

*Corresponding author e-mail: chaitawatt.246@gmail.com

บทคัดย่อ

การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น โดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะ ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนพูนสิน (เพชรสุขอุปถัมภ์) ครั้งนี้มีจุดมุ่งหมาย เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์

เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น โดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะ ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน โดยทดลองใช้กับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนพูนสิน (เพชรสุขอุปถัมภ์) จำนวน 30 คน ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยใช้เวลาทดลอง 16 คาบเรียน คาบละ 1 ชั่วโมง ผู้วิจัยดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยเครื่องมือ ที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ชุดแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องกราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น เป็นแบบปรนัย จำนวน 20 ข้อ ผลการทดลอง

พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

คำสำคัญ: ชุดแบบฝึกทักษะ /ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

Abstract

A Study on the Achievement of Graph and Linear Relationship of students in grade 7, Poosin School (Petch Suk Upathum) The aim is to compare math scores in graph and linear before and after learning The target group, is grade 7, 30 students from Poosin School (Petch suk Upathum) were selected through purposive sampling. During 16 hour experimental sessions, researchers used research tools to collect data

The mathematical skill package, graph and linear relationships An achievement test in graph and linear

“นวัตกรรมและปัญญาประดิษฐ์เพื่อการศึกษาในยุคดิจิทัล” ณ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต SDNC 2023 | 488

relationships consisting of 20 questions with four options The results can be summarized as follows: The student achievement in grade 7 using post-learning was significantly higher than pre-learning at a level of .05.

Keywords: The mathematical skill packages / Learning achievement

บทนำ

คณิตศาสตร์มีความสำคัญต่อมนุษย์ในศตวรรษที่ 21 เนื่องจากคณิตศาสตร์ช่วยให้มนุษย์มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล คิดเป็นระบบ มีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างรอบคอบ และถี่ถ้วนช่วยให้ คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่ างมีประสิทธิภาพ

ตลอดจนสามารถนำความรู้และวิธีการคิดที่ได้ไปปรับใช้ให้เข้ากับการเรียนในสาขาวิชาอื่น ๆ ได้อีกมากมาย เราจึงควรให้ ความสำคัญกับการเรียน การสอนในรายวิชาคณิตศาสตร์เพื่อปูพื้นฐานให้กับผู้เรียนได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการ และโครงสร้างของคณิตศาสตร์ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ดังนั้นการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่จะนําไปสู่ความสำเร็จ บรรลุ ตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ผู้สอนจะต้องมีความรู้ ความสามารถในการออกแบบกิจกรรมการ เรียนรู้ ให้เหมาะสมกับผู้เรียนและสภาพจริง เลือกการสอนแบบต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับเรื่องที่สอน จัดกระบวนการเรียนรู้ที่เน้น ผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระคณิตศาสตร์ซึ่งเป็นพื้นฐานของการศึกษาทุกวิชา ซึ่งครูผู้สอน จะต้องให้ความสำคัญและหาแนวทางอย่างต่อเนื่องนำไปสู่การเรียนรู้สาระอื่น ๆ และการเรียนในระดับสูง คณิตศาสตร์เป็นวิชา ที่ช่วยพัฒนาคน ให้คิดอย่าง มีเหตุผล มีระเบียบขั้นตอนในการคิด และยังช่วยเสริมคุณลักษณะที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตอื่น ๆ เช่น การสังเกตความละเอียดถี่ถ้วนแม่นยำ มีสมาธิและรู้จักแก้ปัญหาโดยมีจุดประสงค์และความเข้าใจกระบวนการและการคิด จนสามารถนำไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันและการดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข โดยธรรมชาติของวิชาคณิตศาสตร์เป็น วิชาที่เกี่ยวกับความคิดรวบยอด และทักษะอีกทั้งต้องอาศัยการฝึกฝนที่เหมาะสม ซึ่งจะทำได้ โดยการหมั่นทบทวนฝึกฝนด้วย ตนเอง แต่ยังมีนักเรียนจำนวนไม่น้อย ที่ยังขาดความสามารถด้านการแก้ปัญหา ด้านการแสดงหรือการอ้างเหตุผล การสื่อสาร หรือการนำเสนอแนวคิดทางคณิตศาสตร์ การเชื่อมโยงระหว่างคณิตศาสตร์กับสถานการณ์ต่าง ๆ และความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

ปัญหาเหล่านี้ทำให้นักเรียนไม่สามารถนำความรู้คณิตศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและในการศึกษาต่อได้อย่างมี ประสิทธิภาพ (สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 2555)

จากการสังเกตและการบันทึกผลการสอนของผู้วิจัยที่ได้ทำการสอนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ที่ผ่านมา พบว่า นักเรียนยังขาดการฝึกฝนหรือปฏิบัติด้วยตนเอง นักเรียนไม่สามารถอธิบายกระบวนการใน การทำได้ ทั้งนี้เพราะนักเรียนบางส่วนไม่ชอบการคำนวณ และไม่ชอบแสดงวิธีทำ ทำให้ขาดความเข้าใจในเนื้อหาการเรียน คณิตศาสตร์ ส่งผลต่อการเรียนรู้ ทำให้การสอนคณิตศาสตร์ยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา คณิตศาสตร์ยังไม่บรรลุผล ดังนั้น ผู้วิจัยจึงมีความเห็นว่าควรศึกษาและสร้าง แบบฝึกทักษะ เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ เรื่อง กราฟ และความสัมพันธ์เชิงเส้น โดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะที่พัฒนาขึ้นมาใช้ทดลองเฉพาะห้องเรียนที่ผู้วิจัยทำการสอน โดยเชื่อว่าการ ปรับกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะจะทำให้ผลการเรียนรู้ของผู้เรียนสูงขึ้น ผู้วิจัยจึงได้จัดทำวิจัยฉบับนี้ขึ้น

การจัดการเรียนการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะ เป็นสิ่งจําเป็นในการจัดการเรียนการสอน เพื่อเพิ่มเติมหรือเสริมทักษะ

ให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้และเข้าใจบทเรียนได้ดียิ่งขึ้น ชัดเจนขึ้นและกว้างขวางขึ้น

SDNC 2023 | 489

วัตถุประสงค์การวิจัย

มัธยมศึกษา ปีที่ 1 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะ

ทบทวนวรรณกรรม

ความหมายของแบบฝึกทักษะ

เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่องกราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น ของนักเรียนชั้น

แบบฝึกทักษะเป็นเครื่องมือที่ช่วยพัฒนาทักษะในการเรียนรู้ทำให้ผู้เรียนเข้าใจและชำนาญมากขึ้น โดยผู้เรียนต้อง อาศัยการฝึกฝนและปฏิบัติด้วยตนเอง ลักษณะปัญหาในแบบฝึกทักษะจะเป็นปัญหาที่เสริมทักษะพื้นฐาน กำหนดให้ผู้เรียนฝึก โดยเรียงจากง่ายไปยากตามลำดับ ปริมาณของปัญหาต้องเพียงพอที่สามารถตรวจสอบและพัฒนาทักษะกระบวนการคิด กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนที่เรียนไปแล้ว เพื่อนำไปใช้ในการแก้ปัญหา รวมทั้งในแบบฝึกทักษะจะทำให้ผู้เรียนสามารถ ตรวจสอบความเข้าใจหลังบทเรียนด้วยตนเองได้ เพื่อให้เกิดทักษะ เกิดความรู้ ความเข้าใจ ความชำนาญในเนื้อหาที่ผู้เรียนได้ เรียนไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของแบบฝึกเสริมทักษะ

งานประชุมวิชาการระดับชาติสวนดุสิต 2023 ครั้งที่ 5 “นวัตกรรมและปัญญาประดิษฐ์เพื่อการศึกษาในยุคดิจิทัล” ณ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต SDNC 2023 | 490 มอบหมาย ตลอดจนเป็นการส่งเสริมให้นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ (วัฒนาพร ระงับทุกข์, 2542) ซึ่งสอดคล้องกับ (สุนัน ทา สุนทรประเสริฐ, 2553) กล่าวว่า แบบฝึก หมายถึง สื่อการเรียนการสอนชนิดหนึ่งที่ใช้ฝึกทักษะ ให้กับผู้เรียน หลังจากเรียน เนื้อหาจบในช่วงหนึ่ง ๆ เพื่อฝึกฝนให้เกิดความเข้าใจและเกิดความชํานาญในเรื่องนั้น ๆ อย่างกว้างขวางมากขึ้น (สุณี กฤตสิน, 2552) ยังได้ กล่าวว่า แบบฝึกเป็นสื่อการเรียนสำหรับให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติช่วยเพื่อเสริมให้เกิดทักษะ และความแตกฉานใน บทเรียนนอกจากนี้ (วิมลรัตน์ สุนทรโรจน์, 2555) แบบฝึกทักษะ เป็นสื่อการสอนที่จัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษาทำความ เข้าใจ และฝึกฝนจนเกิดแนวคิดที่ถูกต้อง เกิดทักษะในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง นอกจากนั้น แบบฝึกยังเป็นเครื่องช่วยบ่งชี้ให้ครู ทราบ ว่าผู้เรียนหรือผู้ใช้แบบฝึกมีความรู้ความเข้าใจในบทเรียน และสามารถนําความรู้ไปใช้ได้มากน้อยเพียงใด ผู้เรียนมีจุดเด่นที่ควร ส่งเสริมหรือมีจุดด้อยที่ต้องการปรับปรุงแก้ไขส่วนไหนและอย่างไร แบบฝึกที่ดีและสมบูรณ์จึงอาจใช้แทนแบบทดสอบประเภท วินิจฉัย การเรียน ในการประเมินผลความก้าวหน้าของนักเรียนได้ แบบฝึกเป็นเครื่องมือที่ครูทุกคน ใช้ในการตรวจสอบความรู้ ความเข้าใจ และพัฒนาทักษะของนักเรียน และหากนักเรียนมีโอกาสฝึกทักษะหลาย ๆ ข้อ แล้วนักเรียนจะมีความชํานาญและ เฉลียวฉลาดมากขึ้น ทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนดีขึ้น ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาดียิ่งขึ้น และสามารถหาคําตอบ ได้ถูกต้อง ผู้วิจัยจึงมีความเห็นว่าควรศึกษาและสร้างแบบฝึกทักษะเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น โดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะที่พัฒนาขึ้นมาใช้ทดลองเฉพาะห้องเรียนที่ผู้วิจัยทำการสอน โดยเชื่อว่าการปรับกระบวนการเรียนรู้โดย ใช้ชุดแบบฝึกทักษะจะทำให้ผลการเรียนรู้ของผู้เรียนสูงขึ้น ด้วยหลักการดังกล่าวจึงได้จัดทำวิจัยเรื่องนี้ขึ้นเพื่อการศึกษา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น ในรายวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนพูนสิน (เพชรสุขอุปถัมภ์) โดยใช้ ชุดแบบฝึกทักษะ

Curtis (2006) ได้ศึกษาผลการเรียนวิชาคณิตศาสตร์โดยใช้นวัตกรรมในการสอนกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนในโรงเรียนที่เรียนวิชาพีชคณิตเป็นวิชาพื้นฐานของครุศาสตร์ จากแบบรายงานในระดับประเทศที่มีการ เปลี่ยนแปลงการสอนเป็นรูปแบบ K-12 ในชุมชนที่มีความจำเป็นก่อน โดยกลุ่มหนึ่งจะถูกสอนให้ค้นหาความรู้ด้วยตนเองใน การเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งให้นักเรียนโดยใช้วิธีสอนแบบปกติ เมื่อสอบถามนักเรียนในเรื่องเจตคติที่มีต่อวิชา คณิตศาสตร์ พบว่า นักเรียนที่ใช้วิธีการเรียนแบบปกติจะมีความวิตกกังวล ขาดแรงจูงใจในการเรียนมากกว่านักเรียนที่เรียน โดยการค้นหาความรู้ด้วยตนเอง และเมื่อจบภาคเรียนจะแบ่งนักเรียนออกเป็นสองกลุ่ม โดยมีเกณฑ์การแบ่งจากการดูระดับผล การเรียนและพฤติกรรมการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ปรากฏว่านักเรียนที่เรียนด้วยการค้นหาความรู้ด้วยตนเองจะมีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนที่สูงกว่า และมีความสนุกสนานในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์มากกว่านักเรียนที่เรียนด้วยวิธีปกติ สมมติฐานการวิจัย

ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้

ชุดแบบฝึกทักษะ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน

ตัวแปรที่ศึกษา

ตัวแปรต้น คือ ชุดแบบฝึกทักษะ เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น

ตัวแปรตาม คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น ของนักเรียนชั้น

มัธยมศึกษาปีที่ 1

กรอบแนวคิดการวิจัย

ตัวแปรอิสระ

ชุดแบบฝึกทักษะ เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์

เชิงเส้น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

วิธีดำเนินการวิจัย

1. ประชากรและตัวอย่าง

ตัวแปรตาม

ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์

เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น

ประชากร ที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนพูนสิน

2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 1 ห้องเรียน

เรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 1 ห้อง จำนวน 30 คน โดยได้มาจาก การเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling)

2023 | 492

2.1.1 ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ พุทธศักราช 2551 (ฉบับ ปรับปรุง พ.ศ.2560) และวิเคราะห์หลักสูตร มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น และศึกษา

คู่มือครูรายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เล่ม 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช

2551 ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ศึกษาจุดประสงค์การเรียนรู้รูปแบบ และขั้นตอนการ สร้างแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น มัธยมศึกษาปีที่ 1

2 1.2 สร้างแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 3 ชุด ได้แก่ ชุดที่ 1 คู่อันดับและกราฟของคู่อันดับ, ชุดที่ 2 กราฟและการนำไปใช้, ชุดที่ 3 ความสัมพันธ์เชิงเส้น

2.1.3 สร้างแบบประเมินคุณภาพของแบบฝึกทักษะ สำหรับเสนอผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นแบบมาตราส่วน ประมาณค่า 5 ระดับ ตามวิธีของลิเคอร์ท (Likert) โดยกำหนดเกณฑ์การประเมินคุณภาพด้านความเหมาะสมของ แบบฝึกทักษะและเกณฑ์

การแปลความหมาย ดังนี้ (บุญชม ศรีสะอาด, 2554)

ตารางที่ 1 การให้คะแนนแบบประเมินคุณภาพของแบบฝึกทักษะ

เกณฑ์การให้คะแนน

ตารางที่ 2

การแปลความหมายแบบประเมินคุณภาพของแบบฝึกทักษะ

เกณฑ์การแปลความหมาย แปลความว่า

ค่าเฉลี่ย 4.51 – 5.00

ค่าเฉลี่ย 3.51 – 4.50

ค่าเฉลี่ย 2.51 – 3.50

ค่าเฉลี่ย 1.51 – 2.50

ค่าเฉลี่ย 1.00 – 1.50

2.1.4

2023 | 493 2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ขั้นตอนการสร้างหรือพัฒนา และวิธีการหาคุณภาพ แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 แบ่งเป็น 3 ชุด

เหมาะสมมากที่สุด

เหมาะสมมาก

เหมาะสมปานกลาง

เหมาะสมน้อย

เหมาะสมน้อยที่สุด

เสนอผู้เชี่ยวชาญ

2.1.5 จัดพิมพ์แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น ทั้ง 3 ชุด เป็นฉบับสมบูรณ์ให้

เพียงพอ และนำไปใช้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที 2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนพูนสิน (เพชรสุขอุปถัมภ์)

จำนวน 30 คน ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายต่อไป

2.2 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนและหลังเรียน

2.2.1 ศึกษาวิธีสร้าง และหลักการใช้คำถามแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากหนังสือวิธีการสร้าง แบบทดสอบ เอกสารงานวิจัย และเทคนิคในการออกแบบทดสอบแบบต่าง ๆ เพื่อวางแผนสร้างแบบทดสอบ โดยยึดตาม ทฤษฎีการสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และเป็นแนวทางในการสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

2.2.2 วิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัดและจุดประสงค์การเรียนรู้ ในแต่ละเนื้อหา เพื่อกำหนดและสร้างจำนวน ของแบบทดสอบในแต่ละจุดประสงค์

2.2 3 ร่างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 แบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 1 ชุด ชุดละ 25 ข้อ จากนั้นนำเสนอผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 ท่านตรวจสอบความเที่ยงตรง เชิงเนื้อหา และนำมาหาค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) โดยมีเกณฑ์การให้คะแนนเมื่อแน่ใจว่า

แบบทดสอบนั้นวัดตรงกับจุดประสงค์การเรียนรู้ที่ระบุไว้จะให้ +1 คะแนน เมื่อไม่แน่ใจว่าแบบทดสอบนั้นวัดตรงกับ จุดประสงค์การเรียนรู้ที่ระบุไว้จะให้ 0 คะแนน และเมื่อแน่ใจว่าแบบทดสอบนั้นวัดไม่ตรงกับจุดประสงค์การเรียนรู้ที่ระบุไว้จะ ให้ -1 คะแนน ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ตั้ง 0.50 ถึง 1.00 แปลว่าแบบทดสอบข้อนั้นใช้ได้ โดยผู้วิจัยจะเลือกแบบทดสอบที่มี ความเที่ยงตรงสูงนำไปใช้ แบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือกชุดละ 20 ข้อ ตารางที่ 3 ตัวอย่างค่าดัชนีความสอดคล้องข้อคำถามแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิง เส้น ข้อคำถาม ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญคนที่ ∑R IOC สรุปผล 1

1. “ถ้าปากการาคาด้ามละ 2 บาท” ข้อ

ใดเป็นคู่อันดับแสดงความสัมพันธ์

ระหว่างจำนวนปากกากับราคาได้

ถูกต้อง

ก. (1, 2), (2, 4), (6, 3)

ข. (2, 4), (4, 8), (1, 2)

ค. (2, 1), (4, 1), (6, 3)

ง. (1, 2), (10, 20), (2, 1)

2. จากกราฟข้อใดเปนคู่อันดับของจุด A, B, C, D เรียงตามลำดับ

ก. (6, 1), (3, 2), (2, 4), (0, 6)

ข. (1, 6), (2, 3), (4, 2), (6, 0)

ค. (6, 1), (3, 2), (4, 2), (6, 0)

ง. (1, 6), (2, 3), (4, 2), (0, 6)

3. คู่อันดับใดเป็นคำตอบของสมการ

x – y = 5

ก. (9, 4) ข. (8, 1)

ค. (7, 5) ง. (6, 3)

2.2.4 นำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ผ่านการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญไปใช้ในการทดลองกับ กลุ่มเป้าหมายนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนพูนสิน (เพชรสุขอุปถัมภ์) จำนวน 30 คน

3. แนวทางการวิเคราะห์ข้อมูล/สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์

วิธีการดำเนินการ

3.1.1 ทดสอบนักเรียนก่อนเรียน จากนั้นดำเนินการโดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะ เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น จำนวน 16 คาบเรียน ให้นักเรียนทำแบบฝึกทักษะหลังเรียน โดยผู้วิจัยได้เก็บรวบรวมคะแนนไว้ 3.1.2 ทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังจากการใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์

เชิงเส้น ครบทุกแผนการจัดการเรียนรู้แล้ว ทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์โดยใช้แบบทดสอบปรนัย 20 ข้อ ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก และเก็บรวบรวมคะแนนผลสอบไว้

3.1.3 นำข้อมูลที่ได้จากข้อ 1 - 2 มาวิเคราะห์ทางสถิติ

การวิเคราะห์ข้อมูล

3.2.1 ผู้วิจัยได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลคะแนนการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน และหลัง เรียน เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น ของนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย นำมาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ ซึ่งมีสถิติพื้นฐาน

ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย (��̅) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S D.) ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป SPSS for Windows 3.2.2 เปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและคะแนนหลังเรียน โดยใช้การทดสอบสมมติฐาน เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนเรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น ซึ่งคำนวณโดยใช้ t-test pairs เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนนแบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน และหลังเรียน ของนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป SPSS for Windows

ตารางที่ 4 แสดงผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่องกราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะ

การทดสอบ

จากตารางที่ 4

แสดงผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่ได้รับการจัดการ เรียนรู้โดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะ พบว่า นักเรียนมีผลคะแนนหลังเรียนเฉลี่ย เท่ากับ 11.60 และนักเรียนมีผลคะแนนก่อนเรียน เฉลี่ย เท่ากับ 6.43 จึงสรุปได้ว่า นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานการวิจัย

สรุปและอภิปรายผล

สรุปผลการวิจัย

ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1โดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

การอภิปรายผล

การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น ในรายวิชาคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้น

มัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนพูนสิน (เพชรสุขอุปถัมภ์) โดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะ นำมาอภิปรายผลได้ดังนี้

รูปที่ 1 กิจกรรมการทำแบบฝึกทักษะ

SDNC 2023 | 496 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล

จากผลการวิจัย พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่

ศึกษาผลของการใช้แบบฝึกทักษะเรื่อง การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนสตรีวิทยา 2 ผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับ การเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะเรื่องการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่

ระดับ .05 ทำนองเดียวกับชฎาพร ภูกองชัย (2561) ได้ศึกษาการพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ

สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องอัตราส่วนและร้อยละ ก่อนเรียนและหลัง

เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จากเหตุผลที่กล่าวมาเป็นการสนับสนุน ว่าการใช้ชุดแบบฝึกทักษะ ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนสูงขึ้นได้จริง จึงควรนำไปใช้ร่วมกับการจัดการเรียนรู้ในเนื้อหาอื่น ๆ นอกเหนือจากเรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น ต่อไป

ข้อเสนอแนะการวิจัย

ข้อเสนอแนะเพื่อการนำไปใช้

1. ครูผู้สอนสามารถนำแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 ไปใช้ในชั้นเรียนปกติได้

2. ควรจัดกิจกรรมเสริมเพิ่มเติมในคาบเรียนเพื่อให้นักเรียนเกิดความกระตือรือร้นในการทำแบบฝึกทักษะมากขึ้น ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป

1. ควรมีการวิจัยและพัฒนาการการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์ในหน่วยการเรียนรู้อื่น

และในระดับชั้นเรียนอื่น ๆ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนให้สูงขึ้น

2. ควรมีการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเมื่อเรียนโดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะกับสื่อการเรียนรู้อื่น ๆ

กิตติกรรมประกาศ

การสร้างและรายงานผลการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น ในรายวิชา

คณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนพูนสิน (เพชรสุขอุปถัมภ์) โดยใช้แบบฝึกทักษะ ฉบับนี้สำเร็จลงได้ด้วย ความช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ พร้อมทั้งแนวคิด ข้อเสนอแนะ ตลอดจนแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ อย่างดียิ่ง จากอาจารย์ ชนิสรา

เมธภัทรหิรัญ ตำแหน่งอาจารย์ประจำหลักสูตร ศษ.บ.คณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต นายปิติพัฒน์ พริ้งกุลเศรษฐ์

ตำแหน่งครูวิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มสาระคณิตศาสตร์ โรงเรียนพูนสิน (เพชรสุขอุปถัมภ์) นางสาวรภัทภร เชื้อปุย ตำแหน่งครูวิทยฐานะครูชำนาญการ กลุ่มสาระคณิตศาสตร์ โรงเรียนพูนสิน (เพชรสุขอุปถัมภ์) ที่กรุณาให้คำแนะนำ

และเป็นผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ จึงขอกราบขอบพระคุณท่านเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) พิมพ์ครั้งที่ 1. โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด. นูรีมาน สือรี. (2563). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องเลขยกกำลัง โดยใช้แบบฝึกทักษะสำหรับนักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1.

หลักสูตรสาขาวิชาการสอน วิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ และคอมพิวเตอร์มหาวิทยาลัยทักษิณ.

งานประชุมวิชาการระดับชาติสวนดุสิต 2023 ครั้งที่ 5 “นวัตกรรมและปัญญาประดิษฐ์เพื่อการศึกษาในยุคดิจิทัล” ณ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต SDNC 2023 | 497

ศรีสะอาด. (2554). การวิจัยเบื้องต้น พิมพ์ครั้งที่ 9. กรุงเทพฯ : สุรีวิทยาสาส์น. วัฒนาพร ระงับทุกข์. (2542). แผนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง. กรุงเทพฯ : ธนพร.

วันนิสา คลังคนเก่า (2563). ได้ศึกษาการใช้ชุดฝึกทักษะเรื่องการคูณที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3. โรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ิ

วิมลรัตน์ สุนทรโรจน์. (2545). เอกสารประกอบการสอนวิชา 0506703 พัฒนาการเรียนการสอน. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัย

มหาสารคาม.

วิมลรัตน์ สุนทรโรจน์. (2555). นวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้: ภาควิชาหลักสูตรและการสอน คณะศึกษา ศาสตร์ มหาวิทยาลัย

มหาสารคาม (พิมพ์ครั้งที่ 2). มหาสารคาม: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัย มหาสารคาม.

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2555). ทักษะและกระบวนการทาง คณิตศาสตร์ (พิมพ์ครั้งที่ 3).

กรุงเทพฯ: 3-คิว มีเดีย.

สมศรี อภัย. (2553). ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้

แบบฝึกทักษะ. มหาสารคาม:ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต,มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. สุณี กฤตสิน. (2542). การสร้างแบบฝึกเสริมทักษะวิชาการภาษาไทยกิจกรรมขั้นตอนที่ 5 เรื่อง อ้อยอมยิ้ม ประกอบการสอน ภาษาไทยแบบมุ่งประสบการณ์ภาษาสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1. รายงานการศึกษาค้นคว้าอิสระ การศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

สุนันทา สุนทรประเสริฐ. (2544). การผลิตนวัตกรรมการเรียนการสอน “การสร้างแบบฝึก”. ชัยนาท: ชมรมพัฒนาความรู้ด้าน ระเบียบกฎหมาย.

สุนันทา

(2553)

Curtis, K. M. (2006). Improving student attitudes: A study of a mathematics curriculum innovation. Kansas State University

Loring, D. H. (2003). Effects of worked examples and algebra problem-solving skill on error and cognitive load (Doctoral dissertation, Florida International University).

Siemens, D. W. (1985). The Effects of Homework Emphasis on the Time Spent Doing Homework and the Achievement of Plane Geometry Students, Southern Illinois University at Carbondale.

SDNC 2023 | 498